ღLike Daddy,Like Babyღ ⇝#แด๊ดดี้ครับ - Ch.24: The top secret[24-4-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ღLike Daddy,Like Babyღ ⇝#แด๊ดดี้ครับ - Ch.24: The top secret[24-4-18]  (อ่าน 34885 ครั้ง)

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แด๊ดดี้ แซ่บมากค่ะ พอได้จูบแล้ว ไม่หยุดเลย ฮืออ เขินแทนน้องง  :-[

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แด๊ดดี้เสร็จแน่ หุหุ

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีต่อใจมากอ่ะบอกเลย  o13

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 15: More and more

เสียงหายใจกระหืดหอบน้อยๆ ดังลอดจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มมาให้ได้ยินหลังจากที่ริมฝีปากบางสีสวยนั่นถูกกลืนกินด้วยชายหนุ่มอีกคนมาครู่หนึ่ง

ออสตินถือว่าเสียงนั้นเป็นเสียงโปรดของเขารองมาจากเสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงที่ชอบเปิดฟังขณะขับรถ เขาผละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย เปิดช่องทางให้กานต์หายใจได้สะดวก เมื่ออีกฝ่ายตักตวงอากาศเข้าปอด เขาก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง

“จะต่อไหม”

ไม่ต้องให้กานต์ตอบก็รู้คำตอบชัดเจนดี ดวงตาหวานฉ่ำของเด็กหนุ่มที่มองยังคนถามนั้นกะพริบปริบเล็กน้อย ก่อนน้ำเสียงแหบแห้งจะดังขึ้นแผ่วเบา

“ต่อครับ”

ออสตินยิ้มกริ่ม “แต่เราจูบกันมากว่าสิบนาทีแล้วนะ”

“ให้จูบเป็นชั่วโมงยังได้เลยครับ ถ้าคนที่ผมจูบด้วยคือแด๊ดดี้”

กานต์ตอบอย่างเอาใจ นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ออสตินโปรดปราน ตั้งแต่วันที่เขายอมละทิฐิตนเอง... ไม่สิ ไม่ใช่ ต้องบอกว่าตั้งแต่วันที่เขาตบะแตก ยอมอะลุ่มอล่วยให้กับความปรารถนาของเด็กหนุ่มตรงหน้า ก็ไม่มีวันใดเลยที่ทั้งสองจะไม่ได้จูบกัน

ยิ่งจูบ...ยิ่งถลำลึก

จากวันละเพียงไม่กี่นาที ก็เริ่มเพิ่มเวลามากขึ้นเรื่อยๆ

จากวันละครั้ง ก็เริ่มหลายครั้งต่อวัน จะเรียกว่าทุกครั้งที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันหรือมีเวลาว่างก็ได้

กลายเป็นกิจกรรมสุดโปรดของทั้งคู่ไปแล้ว...

แต่...มันก็ยังเป็นแค่จูบ

ถึงรสจูบนั้นมันจะหวานหอมหรือชวนให้ดิ่งลงสู่หุบเหวอเวจีแห่งความราคะมากแค่ไหน ทว่าออสตินก็ไม่ยอมทำอะไรไปมากกว่านั้นนอกจากจูบ การสัมผัสน่ะเหรอ...มีเพียงลูบไล้ใบหน้าและต้นคอของอีกฝ่ายเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนอื่นที่ต่ำกว่าคอลงไปไม่เคยแตะต้องเลยแม้แต่น้อย

ซึ่ง...มันขัดใจลูกเลี้ยงของเขาเป็นอย่างยิ่ง!

วันนี้ก็เช่นกันที่กานต์ขัดใจ เขาจูบกับออสตินมากว่าสิบนาทีแล้วอย่างที่อีกฝ่ายว่า จูบเสียจนเพลิงแห่งความกำหนัดของเขาพวยพุ่งไปทั่วสรรพางค์ ร่างกายตอบสนองต่อแรงเสน่หานั้นจนแสดงออกมาให้เห็นชัดเจน ทว่าออสตินก็ยังทำเฉยจนเขาต้องเป็นฝ่ายชักชวน

“แต่ถ้าแด๊ดดี้ไม่อยากจะจูบแล้ว จะทำอย่างอื่นก็ได้นะครับ”

ถึงประโยคนี้ คนฟังเลิกคิ้วสูง

“ทำอย่างอื่น?”

“ก็แบบว่า...อย่างอื่นที่มากกว่าจูบ”

พูดไปก็หน้าร้อนไป ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่กานต์พูดไปแบบนั้น แต่ในทุกครั้งที่พูด เขาก็ยังเขินอายอยู่ดี เพราะหลังจากพูดแล้ว เขามักถูกดวงตาคู่สวยของออสตินจับจ้องเขม็ง

“ไม่ได้เหรอครับ?”

ไม่ทันที่ออสตินจะได้ตอบแท้ๆ เพียงความเงียบเข้ามาครอบครองครู่เดียว กานต์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมา และคำตอบนั้น...

“อืม ไม่ได้”

...ก็ยังเหมือนเดิมเช่นทุกครั้ง

เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมา คิดในแง่ดีว่าออสตินยอมอ่อนข้อให้เขามากแล้ว ก่อนหน้านี้แม้แต่จับมือยังแทบไม่ได้จับเลยเถอะถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายแอบไปจับ

เอาเถอะ วันนี้เขายอมแพ้ก็ได้ แต่วันอื่นไม่ยอมหรอก

“แล้วจะเอายังไงต่อ จะจูบต่อหรือจะไปหาอะไรกิน?”

ออสตินถามหลังจากเห็นเด็กหนุ่มนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟาข้างๆ

“จูบต่อสิครับ เรื่องกินไว้ทีหลัง”

เป็นเด็กที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองดี... ออสตินยกยิ้ม ก่อนขยับใบหน้าเข้าไปหาอีกครั้ง

“ถ้างั้นอย่าบ่นว่าหิวให้ฉันได้ยินเชียว”

มือประคองซีกหน้าอ่อนเยาว์ ประทับจูบลงไปบนกลีบปากสีแดงระเรื่ออีกครั้ง

จูบในครั้งนี้ยังคงนุ่มนวล... กานต์เผยอริมฝีปากตอบรับและเปิดทางให้ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายเข้ามารุกรานทางด้านใน ปลายลิ้นของเขาเป็นฝ่ายเกี่ยวกระหวัดดึงรัดให้ออสตินก้าวล่วงเข้ามาตักตวงความหวานจากเขาด้วยซ้ำ

ออสตินจะไม่มีวันปริปากออกมาแม้แต่คำเดียวว่ากานต์แก่แดด เพราะหนึ่ง...วัยรุ่นที่อเมริกาสมัยนี้ใครๆ ก็ทำกัน และสอง...เขาชอบ

...ชอบที่จะเป็นที่ปรารถนาของเด็กหนุ่มคนนี้

ยิ่งได้ลิ้มรสหวานมากเข้า จูบนั้นก็ยิ่งดูดดื่ม มือสากลูบไล้ไปตามแก้วนวลและลำคอ กระนั้นก็ยังไม่ลงต่ำไปกว่านี้ หากแต่เพียงเท่านั้นก็มากพอแล้วที่จะโหมไฟเสน่หาในตัวของเด็กหนุ่มให้ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าแห่งความปรารถนา

ความร้อนรุ่มแล่นพล่านไปทั่วกาย กานต์รู้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องการอะไร

เขาต้องการออสติน สเวน...

ต้องการผู้ชายตรงหน้า...

ต้องการจนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...

จากที่นั่งจูบดีๆ สงบเสงี่ยมเรียบร้อยก็เป็นฝ่ายถลาเข้าหา ดุนดันจูบอย่างจาบจ้วง สองมือผลักให้ออสตินนั่งพิงไปกับพนักโซฟา ก่อนที่จะปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของชายหนุ่มไว้

ออสตินไม่ห้ามด้วยเห็นว่าไม่เป็นไร หากแต่เขาก็ต้องคิดผิดเมื่อจู่ๆ กานต์ก็สาละวนกับการปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเอง ก่อนจะปลดกระดุมกางเกงยีนออกจนบ็อกซ์เซอร์บางๆ ปรากฏให้เห็นตรงหน้า

“กานต์”

ออสตินจับไหล่อีกฝ่ายแล้วดันออกห่างเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เรียกชื่อเพื่อดึงสติ กานต์มองใบหน้าคร้ามด้วยสายตาเว้าวอนราวกับรู้ว่ากำลังจะถูกห้ามทำอะไร

“แด๊ดดี้...ผมไม่ไหว”

ไม่ไหวจริงอย่างที่ปากว่า แค่ออสตินหลุบสายตาลงต่ำก็เห็นชัดเจนว่ากึ่งกลางลำตัวของเด็กหนุ่มนั้นเป็นเนินนูนเพียงใด

“แต่เราสัญญากันแล้วว่าแค่จูบ”

ออสตินว่าเสียงเรียบ เมื่อครู่นี้เขาเผลอลอบกลืนน้ำลายก่อนจะพูดประโยคนี้ด้วยซ้ำ หากแต่กานต์กลับไม่ฟัง แสดงอาการดื้อดึงออกมา

“ขอร้องล่ะครับ ครั้งเดียวก็ได้ ขอมากกว่าจูบหน่อย”

ดวงตาสีนิลยามเต็มไปด้วยแรงแห่งความเสน่หาช่างยั่วยวนและฉ่ำหวานเป็นอย่างมาก ออสตินพยายามสบตาคู่นั้นของคนตรงหน้าด้วยความสงบ เขารู้ว่ากานต์ต้องการให้ตอบสนองอารมณ์นี้มากเพียงใด เขาเองก็ต้องการ แต่...ทำไม่ได้

“ฉันจะไม่ทำมากกว่าจูบ ที่เราสัญญากันน่ะจำได้ไหม จริงๆ แล้วเราจูบกันได้แค่วันละครั้งเท่านั้นด้วยซ้ำ ที่เลยเถิดมาถึงขนาดนี้ ฉันยอมให้เธอเท่าไรแล้ว อย่าดื้อนะกานต์”

ดูท่าจะไม่ฟังก็เลยดุเสียงเข้มน้อยๆ กานต์เม้มริมฝีปากไปครู่ ดูเหมือนจะฟังแต่คำพูดของคนตรงหน้ากลับขัดใจเขา

“แด๊ดดี้ก็น่าจะรู้นี่ครับว่าถ้าผมได้จูบ ผมจะต้องอยากได้มากกว่านี้”

“ใช่ ฉันรู้”

“แล้วแด๊ดดี้จะยอมให้ผมจูบทำไม ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ความผิดของแด๊ดดี้นั่นแหละ”

“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียงเหรอ”

พอเห็นว่ากานต์เริ่มยอกย้อน ออสตินก็แสร้งว่าเสียงเข้มหากแต่ราบเรียบออกไป และได้ผลฉับพลัน กานต์เม้มริมฝีปากไปอีกระลอก ก่อนจะว่าออกมา

“ขอโทษครับ” แต่ก็ไม่วายเถียงอีก “แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของผมนี่ถ้าผมอยากจะได้มากกว่านี้น่ะ”

ถูกต้องอย่างที่กานต์ว่า... ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่น้อย เป็นความผิดของออสตินคนเดียวที่ทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ไหว ยิ่งมีตัวกระตุ้นอย่างกานต์มาออดอ้อนออเซาะให้เห็น ความตั้งใจของเขาที่ว่าจะเป็นพ่อเลี้ยงที่ดีอะไรนั่นก็พังทลายลงมาไม่เป็นท่า

มันยาก...

ยากมากเหลือเกินที่จะควบคุมความต้องการของตัวเองและเก็บไว้ให้มิดชิด ทั้งๆ ที่จริงแล้วเขาอยากจะขยำขยี้ร่างเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มตรงหน้าให้สาแก่ใจ

อยากจะทำให้ครวญครางกระเส่าร้องเรียกแต่ชื่อเขา...

อยากทำให้บิดเร่าทุรนทุรายทุกครั้งที่ถูกเขาสัมผัสไปทุกอณูผิวหนัง...

ช่างเป็นความคิดที่ผิดบาปเหลือเกิน...

“เอาเป็นว่ามากกว่านี้ไม่ได้ เข้าใจนะ”

สุดท้ายแล้ว ออสตินก็ต้องตัดบทเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไม่คิดถึงการทำอะไรถลำลึก กานต์พยักหน้ารับ ทำท่าเหมือนยอมแพ้

“งั้นผมขอจูบอีกครั้งนะครับ”

ออสตินครางตอบรับ ก่อนที่กานต์จะโน้มใบหน้าเข้ามาจูบเขาอีกครั้ง ขณะที่ออสตินอดคิดไม่ได้เลยว่าการที่ลูกเลี้ยงของเขาเชื่อฟังอย่างนี้ก็ดีแล้ว เพราะถ้ายังดึงดันและดื้อดึงต่อไปล่ะก็ มีหวังเขาได้ถูกด้านมืดในจิตใจตัวเองเข้าครอบครองแน่

ทว่า...หารู้ไม่ว่ามันเป็นแผนการของเจ้าลูกเลี้ยงตัวแสบ เพราะทันทีที่ได้รับอนุญาต กานต์ก็ประกบปากจูบ ก่อนจะเลื่อนมือทั้งสองข้างลงต่ำไปแกะกระดุมกางเกงของออสตินอย่างซุกซน มือเกือบจะสัมผัสส่วนกลางลำตัวของอีกฝ่ายอยู่แล้วเชียว หากแต่ออสตินรู้สึกตัวก่อน รีบคว้ามือทั้งสองข้างนั้นออก ผละริมฝีปากแล้วมองหน้าเจ้าเด็กดื้ออย่างดุๆ

“กานต์ บอกว่าไม่ได้ไง”

กานต์ยู่ปาก เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน

“ครั้งเดียวเองครับ”

“ไม่ได้”

“นิดเดียวก็ได้ แค่ภายนอก” ยังจะมีหน้ามาต่อรองอีก

“นิดเดียวก็ไม่ได้”

ถูกขัดมาอย่างนี้ กานต์ก็นิ่งไปครู่ คิดหาหนทางทันใด

“ให้ผมใช้ปากให้ก็ได้นะครับ”

ถึงตอนนี้ ออสตินก็เบิกตาโต

เล่นอย่างนี้เลยเหรอ?

ในหัวเผลอคิดถึงตอนที่ส่วนกลางของลำตัวเขาถูกเด็กหนุ่มตรงหน้ากลืนกินอย่างกระหายไปแล้วด้วย ก่อนที่ออสตินจะกะพริบตาปริบๆ เพื่อไล่ความคิดบาปช้านั้นแล้วว่าเสียงเขียว

“อย่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องกานต์ ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้”

“แด๊ดดี้...ครั้งเดียว”

“ไม่ได้กานต์...”

ออสตินปฏิเสธอีกครั้งจนได้ กานต์สุดจะทนแล้ว เขาอยากถูกสัมผัสจะแย่ ออสตินอยากจะทำอะไรก็จะยินยอมให้ทำโดยไม่มีข้อแม้เลย โดยไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าเขาสุดจะทนมากกว่าอีก

ก็จะให้ออสตินทนอย่างไรได้ไหว ในเมื่อเด็กหนุ่มมานั่งคร่อมตัวเขาแบบนี้ อีกทั้งยังปลดเปลื้องช่วงล่างออกมาให้เห็นเต็มสองตา ส่วนนั้นแข็งขืนบ่งบอกชัดเจนว่าปรารถนาในตัวเขาแค่ไหน มิหนำซ้ำยังมาบอกว่าจะใช้ปากทำรักให้อีก เขาควบคุมตัวเองได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว!

หากแต่เมื่อได้ดื้อครั้งหนึ่งแล้ว กานต์ก็อดที่จะดื้ออีกครั้งไม่ได้ ออกปากต่อรองมาอีก

“แต่ผม...”

“เธออยากให้ฉันติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์หรือไง เธอเพิ่งจะสิบเจ็ด”

คราวนี้กานต์ถึงกับหุบปากฉับ มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง แต่ก็ไม่วายจะพึมพำ

“ผมไม่บอกใครหรอก เชื่อผมสิ”

ถึงตอนนี้ ออสตินแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว เผลอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ความตึงเครียดน้อยๆ ก่อนหน้านั้นมลายหายไปเพราะคำพูดซื่อๆ ของอีกฝ่ายทันที การหัวเราะออกมาในเวลาไม่เหมาะสมนั้นทำเอาเด็กหนุ่มหน้าง้ำ

“ขำอะไรน่ะครับ ไม่มีเรื่องอะไรให้ขำสักหน่อย”

ออสตินไม่พูดอะไร แต่ก็หยุดหัวเราะไม่ได้

“ให้ตาย ทำอะไรสักอย่างเถอะ อย่ามัวแต่หัวเราะผมได้ไหม ไม่งั้นผมจะช่วยตัวเองตรงหน้าแด๊ดดี้แล้วนะ”

กานต์ว่าประชดเมื่อเห็นว่าออสตินไม่ยอมทำอะไรเขาสักที แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโตเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมา

“ก็เอาสิ”

“หา?”

“ที่บอกว่าจะช่วยตัวเองตรงหน้าฉันน่ะ ก็เอาสิ”

“อะ...เอาจริงเหรอครับ?”

“อืม ทำสิ”

ตอนนี้หน้าถึงกับร้อนเห่อเลยทีเดียว ยิ่งเห็นสายตาที่ออสตินจับจ้องมานิ่งๆ กานต์ก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่นแน่

“งะ...งั้นเดี๋ยวผมนั่งตรงนี้”

กานต์รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้แน่ เลยค่อยๆ ถอยลงจากตัวของออสตินไปนั่งข้างๆ หากแต่ไม่ทันจะได้ลง เอวเขาก็ถูกออสตินจับไว้มั่น

“ไม่ต้อง”

“...”

“ถ้าจะทำก็ทำบนนี้นี่แหละ”

“แต่...”

“ทำบนตัวฉัน ฉันจะได้เห็นชัดๆ”

ใครมันจะไปทำได้กันเล่า!

“แต่ผม...”

“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากทำมากกว่าจูบ ฉันก็ให้ทำแล้วนี่ไง”

พอจะเถียงก็ถูกดักคอ ตอนนี้เองที่กานต์รู้สึกตัวว่า...เขาไม่ควรต่อกรกับผู้ชายคนนี้!

“หรือเธอจะไม่อยากทำ?”

พอถูกถามออกมาอีก กานต์ก็อึกๆ อักๆ

“เอ่อ...”

“ถ้าไม่อยากทำก็ถือว่าเธอเสียสิทธิ์ในครั้งนี้ แล้วมันจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง อย่าพูดเรื่องอื่นนอกจากจูบอีก โอเคไหม?”

เข้าใจชัดเจนเลยว่าออสตินเล่นแง่ไม่ให้เด็กหนุ่มกล้ายั่วยวนหรือต่อรองใดๆ อีก แต่...กานต์มาถึงขั้นนี้แล้วนะ เขาไม่หยุดหรอก

เด็กหนุ่มขบคิด... ถึงตอนนี้จะไม่ได้ถูกสัมผัส แต่ถ้าเขาตอบรับข้อเสนอ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีโอกาสได้ทำอะไรมากกว่านี้ ดังนั้นครั้งนี้เขาจะยอมอับอายเพื่อโอกาสดีๆ ในอนาคตก็ได้!

“ผมจะทำครับ!”

จู่ๆ ก็ตอบเสียงดัง ออสตินแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่ายตอบรับง่ายๆ แต่เขาก็ไม่ถามเหตุผลหรอก ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ยิ่งรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขานั้นดื้อด้านแค่ไหน แม้ว่าภายนอกจะดูเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อยก็เถอะ

“ก็เอาสิ ตามสบายเลย ฉันจะดู”

ออสตินว่า เอนหลังพิงด้วยท่าทางสบายๆ แขนข้างหนึ่งวางเรียบไปกับพนักโซฟา พลันยกขึ้นเท้าศีรษะ ทอดสายตามองเด็กหนุ่มที่นั่งเงอะๆ งะๆ อยู่บนตักเขา

กานต์ทำอะไรไม่ถูกไปครู่ พอควบคุมสติได้ก็ถอยลงมายืนบนพื้น ถอดกางเกงออกจนเหลือแต่ช่วงล่างเปลือยเปล่า ส่วนงดงามของบุรุษเพศที่โผล่วับแวบมาให้เห็นใต้ชายเสื้อทำเอาออสตินเลิกคิ้วน้อยๆ มุมปากยกยิ้มอย่างพึงใจระคนขบขันกับการกระทำของเด็กหนุ่ม

กานต์หนีได้แท้ๆ บ่ายเบี่ยงไม่ทำก็ได้...แต่เขาไม่หนี เลือกที่จะเผชิญหน้า พอถอดกางเกงเสร็จก็ขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของออสตินอีกครั้งด้วยต่างหาก จากนั้นก็ดูกระอักกระอ่วนพร้อมกับใบหน้าที่แดงจัดขึ้นมา

“ผะ...ผม...”

“ทำไปเถอะ ฉันจะไม่วิจารณ์อะไรทั้งนั้น ตามสบาย”

กานต์ไม่ได้จะพูดเรื่องนี้สักหน่อย! เขาจะบอกว่าอย่าจ้องมากต่างหาก!

แต่เหมือนจะไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้ออสตินจ้องเขาเขม็งไปแล้ว จ้องทั้งใบหน้า จ้องทั้ง...ส่วนล่าง

ความเขินอายพลุ่งพล่านราวกับอณูเล็กๆ ที่กระจายไปทั่วร่างกาย อันที่จริงแล้วการถูกจ้องแบบนี้ อารมณ์ที่มีอยู่มันควรหดหาย ทว่า...สำหรับกานต์กลับไม่ใช่

ยิ่งถูกสายตาคู่นั้นจับจ้อง...ความร้อนก็แล่นพล่านไปทั่วร่างกายไปมากกว่าเดิม

กานต์สูดหายใจเข้าปอดลึก มือเอื้อมไปกอบกุมส่วนที่แข็งขืนพลันค่อยๆ รูดรั้งแผ่วเบา ขณะเดียวกันก็เหลือบไปสบตาของออสตินด้วย

สายตานั้น...ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกตะโบมลูบไล้ไปทั่วทุกสัดส่วนของร่างกาย

เป็นสัมผัสที่ช่างหยาบโลนและจาบจ้วง... ขณะเดียวกันก็ร้อนแรงเสียจนเขาไม่สามารถทนรับมันไว้ได้ไหว

เป็นเพียงการมองนิ่งๆ แท้ๆ หากแต่ทำให้กานต์สั่นสะท้านได้เสียจนเผลอส่งเสียงครางกระเส่าออกมา

สายตาของออสตินช่างอันตราย...

ไม่...ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป... อันตรายต่อหัวใจและความรู้สึกของเขาเป็นอย่างมาก...

แวบหนึ่งก็รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับพันตัวบินว่อนในช่องท้อง กานต์รับรู้ได้ทันทีว่าอีกไม่กี่อึดใจ เขาจะต้องถูกเทวทูตกระชากขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์แน่ ดังนั้นจึงรีบหยุดมือ มองหน้าออสตินพลางว่าอึกๆ อักๆ

“แด๊ดดี้ครับ คือ...ผม...”

“ไม่เป็นไร ทำให้จบ”

ได้รับอนุญาต กานต์ก็ทำท่าจะทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ

“งั้นเดี๋ยวผมนั่ง...

“ทำบนนี้แหละ”

ไม่ทันไรก็ถูกรั้งเอวเอาไว้ กานต์หน้าแดงเรื่อขึ้นมากว่าเดิม

“แต่เดี๋ยวมันจะเปื้อน...”

“ฉันบอกว่าไม่เป็นไร”

ประโยคเรียบง่ายแท้ๆ แต่กลับทำให้กานต์ใจเต้นระส่ำราวกับไปพบเจอเรื่องตื่นเต้น และยิ่งทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อออสตินไม่อยู่เฉย โน้มหน้าเข้ามากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูเล็ก

“ทำให้จบสิกานต์...”

จากนั้นก็อ้าปากขบเม้มเบาๆ

เท่านั้นกานต์ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ความอัดแน่นที่คั่งค้างอยู่ภายในถูกปลดปล่อยออกมาเป็นสาย ร่างกายกระตุกรุนแรงอยู่ไม่กี่ครั้ง เด็กหนุ่มก็ทิ้งตัวลงซบหน้าเข้ากับซอกคอแกร่งของคนตรงหน้า หอบหายใจน้อยๆ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา

“ให้ตายสิครับ เพราะแด๊ดดี้เลย เพราะแด๊ดคนเดียว”

ออสตินยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของคนบนตัวเบาๆ พลางหัวเราะขบขัน

“ฉันทำไม”

“แด๊ดดี้เม้มปลายหูผม”

“แล้วมันทำไม”

“มะ...มันก็...”

“มันทำไมล่ะ”

“มัน...” กานต์เว้นจังหวะไปเล็กน้อย ก่อนจะซุกหน้าลงบนซอกคอนั้นมากกว่าเดิม ว่าเสียงอู้อี้ “มันก็ทำให้ผมเสร็จน่ะสิครับ โธ่เอ๊ย ผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ”

ออสตินถึงกับหัวเราะในลำคอ พอใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กหนุ่มถึงฝั่งฝันด้วยเขา...

...เขาการขบเม้มเบาๆ ที่ใบหูเท่านั้น

“แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ”

ออสตินยังจะมีหน้าใช้มือข้างที่ว่างปาดเอาคราบของเหลวที่ซึมผ่านเนื้อผ้าบริเวณหน้าท้องของตนเองขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา จังหวะเดียวกับที่กานต์ผละใบหน้าออกมาเห็นพอดี เท่านั้นพวงแก้มนวลก็แดงเรื่อเสียยิ่งกว่ามะเขือเทศ

“แด๊ดดี้!”

รีบปัดมือของออสตินให้ออกห่างทันใด

ให้ตายเถอะพระเจ้า! นี่เขาทำอะไรลงไปเนี่ย!

ออสตินไม่ถือสา กลับหัวเราะให้ท่าทางนั้น ก่อนที่จะพยุงไหล่เด็กหนุ่มทั้งสองข้างไว้ ถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนไปทางเอ็นดู

“อยากอาบน้ำไหม”

กานต์พยักหน้าหงึกหงึก... อยากสิ ตอนนี้เขาอยากจะไปให้พ้นหน้าออสตินจะแย่ อายจนไม่รู้จะสู้หน้าอย่างไรแล้ว!

ออสตินปล่อยมือออกจากไหล่ กานต์ก็รีบทิ้งตัวลงไปยืนบนพื้น คว้าเอากางเกงของตัวเองที่ถอดทิ้งไว้มาถือแล้วรีบก้าวเร็วๆ ขึ้นไปชั้นบน

ชายหนุ่มมองตาม หัวเราะในลำคอออกมาอีกเล็กน้อยก่อนจะนึกสนุกอะไรขึ้นมาบางอย่าง

อยากได้มากกว่าจูบอย่างนั้นเหรอ?

ถ้าอย่างนั้น... เขาจะสนองอีกสักหน่อยก็แล้วกัน

คิดได้ดังนั้นก็ก้าวขึ้นชั้นบนตามมา กานต์ที่กำลังจะพุ่งไปเข้าห้องน้ำเห็นอีกฝ่ายก็ชะงักขาทันควัน ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“มะ...มีอะไรครับ”

“อยากอาบน้ำด้วยกันไหม”

คนถูกถามเบิกตาโตทันใด

เมื่อกี้เขาได้ยินว่า Take a bath ไม่ใช่ Take a shower…

“แด๊ดดี้หมายถึง...?”

“อยากแช่น้ำด้วยกันไหม ฉันหมายถึงในอ่าง”

คราวนี้เข้าใจชัดเจนเลยว่าก่อนหน้านั้นได้ยินว่าอะไร พ่อเลี้ยงของเขาคงตั้งใจจะแกล้งให้เขาอับอายมากกว่าเดิมสินะ

“งั้นก็หมายความว่าแด๊ดดี้กับผมจะแก้ผ้าแช่น้ำด้วยกัน?”

ถามไปตรงๆ อย่างนั้น ออสตินก็ตอบตรงๆ

“ใช่”

“แบบว่าไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น?”

“อืม คงไม่มีใครใส่เสื้อผ้าอาบน้ำหรอกนะ”

นั่นไง ตั้งใจจะแกล้งเขาให้เขินอายกว่าเดิมจริงๆ ด้วย

แต่ว่า...

“เอาสิครับ”

...กานต์ไม่ปฏิเสธหรอก โอกาสดีงามอย่างนี้มาถึงแล้ว เรื่องอะไรจะปล่อยให้ผ่านไปกันล่ะ เขาอยากจะเห็นร่างกายของออสตินแบบไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นมานานแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปรองน้ำไว้ เดี๋ยวฉันตามไป”

กานต์ยิ้มกว้าง วิ่งพรวดเข้าไปจัดการเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ออสตินมองตามหลังพลางอมยิ้ม

ตั้งใจจะแกล้งให้เด็กหนุ่มเขินอายกว่าเดิมเหรอ?

ไม่หรอก... ไม่ใช่...

ขนาดกานต์ยังต้องการมากกว่าจูบเลย แล้วทำไมออสตินจะไม่ต้องการมากกว่าจูบบ้างเหมือนกันล่ะ

ที่เขาเห็นเด็กหนุ่มทำอะไรต่อมิอะไรตรงหน้าเขาเมื่อกี้นี้มันทำให้เขาอยากจะเห็นสีหน้าที่หลบซ่อนไว้ของกานต์มากกว่านี้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สีหน้ายามที่...

คิดแล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเพื่อระงับความคิดตนเอง...

พระเจ้า! เขาเริ่มกลายเป็นตาลุงหื่นกามไปแล้วสินะ

ถ้าโดนจับข้อหาพรากผู้เยาว์หรือทำอนาจารเด็กในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาจะไม่แปลกใจตัวเองเลย

เด็กมันยั่วเป็นอย่างนี้นี่เอง...

-------------------------------------

รู้ว่ารอกัน มาต่อให้เลยก็ได้ค่ะ ฮา

แด๊ดนี่แค่มองเฉยๆ ก็ทำนุ้งกานต์ใจแตกได้ ร้ายมาก 555

ตอนใหม่เจอกันอีกทีวันไหนยังไม่รู้นะคะ รอก่อนเน้อ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไม..... ทำไมอีแด๊ดเป็นคนแบบนี้ ทำอีหนูกานต์เสียเด็กหมดดดดดดดดด  :ling1:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :pighaun:  :pighaun: แด๊ดดี้ไม่อยากพรากผู้เยาว์ใช่ม้ยคะ นี่ขนาดยังไม่อยากนะคะ ล่อลวงหนูกานต์ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว น้อง 18 เมื่อไหร่นะ ศึกหนักแน่ๆเลย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ดูท่าฝ่ายที่ตกหลุมพรางน่าจะเป็นแด๊ดดี้นะเนี่ย ฮี่ๆๆๆ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ตบะแตกเร็วๆเน้อ
รอตลอดจ้า ไม่มีไม่รอ รัก :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
 

Chapter 16: Do you love me?

การได้แช่อ่างอาบน้ำด้วยกันเป็นความฝันที่กานต์ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

แต่...ก็น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่มันเป็นเพียงการแช่น้ำอย่างที่ออสตินพูด กระนั้นเด็กหนุ่มก็อดคิดไม่ได้เลยว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย

กล้ามเนื้อเป็นมัด ลอนคลื่นที่หน้าท้อง และ...ส่วนสำคัญของบุรุษเพศที่สมวัย

ทุกอย่างดูงดงามราวกับประติมากรรมปูนปั้นของอารยธรรมกรีก กานต์อิ่มเอมกับรสสัมผัสทางจักษุเป็นอย่างมาก และเพราะได้รับการตอบสนอง ระยะนี้เขาจึงเอาแต่ใจตัวเองมากเป็นพิเศษ ทั้งเรียกร้อง... ทั้งออดอ้อน... เรียกได้ว่าตัวแทบไม่ห่างจากออสตินเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ขณะเดียวกัน ออสตินเองก็ไม่ปฏิเสธ ยิ่งเด็กหนุ่มเรียกร้องหาเขา เขาก็ยิ่งพึงใจจนบางครั้งก็แทบจะระงับความต้องการของตัวเองไว้ไม่ไหว

ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่อันตราย เจ้าเด็กตัวแสบนั่นก็อันตรายต่อหัวใจเขาไม่น้อยเหมือนกัน...

ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป ด้วยคิดว่าหากทำให้กานต์ต้องการเขาในตอนนี้มากเท่าไร เขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความรู้สึกของเด็กหนุ่มและเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่อง...พวกแมลงริ้นที่มาไต่ตอมลูกเลี้ยงของเขา

ตัวอย่างเช่น...เจฟฟรี่ย์ โอโคเนล

เจ้าเหลือบไรตัวดีที่ดูท่าจะไม่ปล่อยมือจากลูกเลี้ยงของเขาง่ายๆ...

ดังนั้นการทำให้กานต์โหยหาเขาคือสิ่งที่ควรกระทำในตอนนี้ ส่วนเขา...ก็คงต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม จากนั้นถึงจะครอบครองอีกฝ่ายทั้งตัวและหัวใจได้อย่างเต็มที่

จะมีก็แต่เด็กหนุ่มเท่านั้นที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือแผนการของออสติน แรงขับทางเพศภายในกายตามประสาวัยรุ่นทำให้เขาหมกมุ่นคิดแต่เรื่องการสัมผัสเนื้อตัวของออสตินเท่านั้น เรียกได้ว่าหลงใหลเสียจนลืมสิ้นไปหมดแล้วว่ายังมีผู้ชายอีกคนที่หมายจะสัมผัสเนื้อตัวของเขาอย่างแนบชิดเหมือนกัน

ช่วงนี้เจฟฟรี่ย์ไม่ค่อยว่าง ทางโรงเรียนใกล้จะมีการแข่งขันกีฬาสัมพันธ์กับโรงเรียนอื่นในเครือ ดังนั้นเจฟฟรี่ย์จึงทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมฟุตบอล ระยะนี้จึงหายหน้าหายตาจากชั้นเรียนไปหลายวัน หากแต่เมื่อถึงจังหวะที่จะได้เจอ จู่ๆ อีกฝ่ายก็โผล่พรวดมาขณะที่กานต์กำลังเดินกลับบ้านตามลำพัง

“ให้ฉันไปส่งไหมสาวน้อย”

น้ำเสียงคุ้นเคยเรียกให้กานต์หันไปมอง พอเห็นว่าเป็นเจฟฟรี่ย์ที่ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับทำท่าเหมือนหูตั้งหางกระดิก กานต์ก็หัวเราะ

“ใครสาวน้อย”

“นายไง”

“อย่ามาทำตัวเป็นพวกขี้หลีน่าเจฟ”

เจฟฟรี่ย์ก้าวยาวๆ มายืนข้างๆ ก่อนจะถือวิสาสะตวัดวงแขนมาโอบบ่าอีกฝ่าย

“ขี้หลีกับนายคนเดียวเท่านั้นแหละ”

ก็รู้อยู่หรอกว่าเจฟฟรี่ย์คิดอย่างไรกับเขา กานต์เลยไม่ถือสา หัวเราะขบขันกับท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยนั่นด้วย

“ไม่เจอกันหลายวัน นายก็ยังดูร่าเริงเหมือนเดิมนะ ไหนว่ายุ่งไง”

ถึงตอนนี้ กานต์ดึงแขนของเจฟฟรี่ย์ที่พาดอยู่บนบ่าออก เจฟฟรี่ย์ยอมยกออกแต่โดยดี ก่อนจะยู่ปากว่า

“ก็ยุ่งนั่นแหละ แต่จะให้มาเจอหน้านายด้วยสีหน้าเหนื่อยจะเป็นจะตายได้ยังไง ไม่เจริญหูเจริญตากันพอดี”

“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ฉันไม่ถือหรอก”

“ฉันก็อยากจะดูดีในสายตาของคนที่ชอบนะ ไม่ต้องมาทำเป็นใจดีหรอก”

พูดมาถึงตอนนี้ กานต์ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรต่อ นอกจากยิ้มรับเท่านั้น แล้วออกเดินอีกครั้ง เจฟฟรี่ย์ก้าวขนาบข้างไปด้วย ชวนคุยเรื่อยเปื่อยไปตามประสา กระทั่งใกล้จะถึงบ้าน กานต์ถึงได้ชะงักฝีเท้า หันไปบอกกับคนข้างๆ

“ส่งฉันตรงนี้พอแล้วล่ะ”

ถึงเจฟฟรี่ย์จะดูสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไร พอจะเข้าใจว่ากานต์คงจะกลัวพ่อเลี้ยงตัวเองมาเห็น ก็อย่างว่า เขายังมีชนักติดหลังอยู่นี่นะ ทั้งเรื่องพากานต์ปาร์ตีจนเกือบเสียคน ทั้งจูบกันกลางถนนจนออสตินมาเห็น แล้วไหนจะปีนเข้าบ้านของอีกฝ่ายกลางดึกอีก ยิ่งเรื่องหลังนี่ไม่มีทางเลยที่ออสตินจะไม่รู้

ติดกล้องวงจรปิดไว้เต็มบ้านขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้อยู่แล้ว ยิ่งโผล่มาเคาะห้องลูกเลี้ยงกลางดึกอย่างนั้น มันยิ่งผิดวิสัย ถ้าไม่รู้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญปีนบ้านเข้ามา มีเหรอที่จะมาเคาะเรียก...

แต่สำหรับกานต์ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไม่รู้ หรือถ้ารู้ก็คงจะลำบากใจที่จะบอกเขา ดังนั้นเจฟฟรี่ย์จึงไม่ซักถาม ได้แต่พยักหน้ารับ

“ได้ ถ้าอย่างนั้น ก่อนไป... จูบกันหน่อยดีไหม”

ประเด็นสำคัญของการดอดตามมาส่งกานต์ที่บ้านคือเรื่องนี้ต่างหาก

คนถูกถามเลิกคิ้วสูงทันที “อย่าบอกนะว่าที่มาโผล่ให้เห็นเพราะรอจะทำเรื่องนี้?”

เจฟฟรี่ย์ยักไหล่ยอมรับ “ช่วยไม่ได้ นายก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับนาย แล้วนี่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน บางทีฉันก็คิดถึงริมฝีปากสวยๆ ของนายน่ะ”

คำพูดตรงๆ นั่นทำให้กานต์อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากอย่างลืมตัว บอกตามตรงว่าต่อให้ไม่ได้ชอบเจฟฟรี่ย์หรือคิดอะไรไปในทำนองนั้น แต่อีกฝ่ายก็มีเสน่ห์ที่ชวนให้เขาเขินอายได้อยู่เหมือนกัน

“ตกลงโอเคนะ ถือว่าเป็นค่าแรงที่ฉันเดินมาส่ง”

เจฟฟรี่ย์มัดมือชกเอาง่ายๆ สองแขนตวัดรวบเอวของกานต์ให้เข้ามาใกล้ โน้มหน้าเข้ามาหา เตรียมจะช่วงชิงริมฝีปากอยู่แล้ว หากแต่กานต์กลับยกแขนขึ้นดันหน้าอกของคนตรงหน้าไว้

ก็จะยอมให้เจฟฟรี่ย์จูบได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อตอนนี้คนที่มีสิทธิ์นั้นคือออสตินคนเดียว!

“เดี๋ยวก่อนนะเจฟ” ว่าพลางดันอีกฝ่ายออกห่าง ขณะที่เจฟฟรี่ย์ยังไม่ยอมปล่อยมือ

“ทำไมล่ะ” ถามพลางขมวดคิ้วเสียจนย่นยู่

“ฉันว่าไม่เหมาะสักเท่าไร”

“อะไรคือไม่เหมาะ ไม่เหมาะยังไง”

อันที่จริงกานต์ก็อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าไม่เหมาะเพราะตอนนี้เขามีคนที่จูบเขาได้คนเดียวแล้ว แต่จะให้พูดไปอย่างนั้นก็ไม่ได้ จึงได้แต่บ่ายเบี่ยง

“ก็นายกับฉันไม่ได้คบกัน”

“งั้นก็คบกันซะสิ” เจฟฟรี่ย์ว่า ท่าทางไม่ได้ยี่หระเลยแม้แต่น้อย

“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”

“แต่ตอนนั้นเรายังจูบกันเลย ไม่ได้คบกันด้วย”

พอเห็นกานต์ยังคงบ่ายเบี่ยง เจฟฟรี่ย์ก็ยกเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาพูด

“ตอนนั้นฉันแค่อยากลอง”

“ตอนนี้อยากลองอีกสักครั้งจะเป็นไรไป”

บอกตามตรงว่ากานต์ลำบากใจไม่น้อย ใครว่าเขาเอาแต่ใจ เจอเจ้าหนุ่มผมบลอนด์คนนี้เข้าไป รู้เลยว่าเอาแต่ใจมากกว่าอีก อะไรไม่ว่า พูดจบก็โน้มใบหน้าเข้าใกล้หมายจะจูบเขาด้วย ทำเอากานต์ต้องยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน

“โธ่คาร์ล นิดเดียวน่า”

เจฟฟรี่ย์ผละออกมา ว่าด้วยน้ำเสียงขัดใจ กานต์หัวเราะแห้ง

จูบไม่ได้! ยังไงก็จูบไม่ได้ เคยสัญญากับออสตินไว้แล้วว่าจะไม่จูบกับเจฟฟรี่ย์อีก ถ้าเกิดพลาดพลั้งไปล่ะก็ มีหวังออสตินได้ยกเลิกการจูบระหว่างพวกเขาแน่

“นิดเดียวก็ไม่ได้ นายรู้ใช่ไหมว่าพ่อเลี้ยงฉันไม่ค่อยพอใจนายเท่าไรตั้งแต่เรื่องปาร์ตีนั่น ยิ่งมาเห็นตอนที่เราจูบกันครั้งก่อน เขาก็ยิ่งไม่พอใจใหญ่ ช่วงนี้ฉันอยากทำตัวดีๆ หน่อย”

อ้างเป็นเรื่องยาวเลย ยกออสตินมาเป็นข้ออ้างด้วย คราวนี้เจฟฟรี่ย์ถึงได้ยอมเข้าใจ แต่ก็ไม่วายบ่นกระปอดกระแปด

“ตาลุงนั่น...เฮอะ มาจากยุคดึกดำบรรพ์หรือไง”

ลุงอะไรกัน แด๊ดดี้เพิ่งจะสามสิบห้าเอง...

กานต์เถียงให้ในใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อจากนั้นนอกจากจะเอื้อมมือไปรั้งแขนของเจฟฟรี่ย์ที่ยังคงโอบอยู่รอบเอวเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายคลายออก

“เอาเป็นว่าเข้าใจฉันหน่อย ฉันเป็นเด็กในการดูแลของเขา ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจเท่าไร”

“ก็ได้ แต่...ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้บ้านก็ทำได้ใช่ไหม”

เจฟฟรี่ย์ไม่วายถามออกมา กานต์ตอบไม่ถูก จริงๆ คือไม่ได้ แต่ถ้าบอกไปอย่างนั้น มีหวังคงได้ถูกเค้นถามอีกว่าทำไมถึงไม่ได้ ตอนนี้คงต้องแก้ปัญหาไปก่อนเพราะอีกเดี๋ยวก็จะได้เวลาที่ออสตินกลับถึงบ้านแล้ว

“อืม เรื่องนั้นไว้ค่อยว่ากัน”

ได้ยินอย่างนั้น เจฟฟรี่ย์ก็ยอมแพ้แต่โดยดี

“ก็ได้ จะยอมให้ครั้งนี้แล้วกัน”

กานต์ถึงกับระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หากแต่ในจังหวะที่เจฟฟรี่ย์กำลังจะคลายอ้อมกอด รถยนต์คันหรูของออสตินที่ขับเข้ามาในหมู่บ้านก็มาจอดเทียบทางด้านหลังเด็กหนุ่มทั้งสองเสียก่อน พลันคนในรถก็เปิดกระจกลง ร้องเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งทันใด

“กานต์...ขึ้นรถ”

ไม่เพียงเรียก แต่ออกคำสั่งด้วย กานต์หันไปมองแล้วก็ต้องเบิกตาโพลง

ทำไมชอบโผล่มาในจังหวะอย่างนี้ทุกทีเลยนะแด๊ดดี้!

อันที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นความตั้งใจของออสติน วันนี้เขาเลิกงานก่อนจะถึงเวลาเลิกเรียนของกานต์ ตอนแรกกะว่าจะกลับมารอที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็มีลางสังหรณ์บางอย่างเลยตัดสินใจโทรไปบอกให้กานต์กลับบ้านมาไม่เกินเวลานี้ ทำเป็นนัดหมายว่าจะทำอาหารด้วยกัน ก่อนจะไปดักรอที่หัวมุมถนนเส้นหนึ่งในหมู่บ้านก่อนถึงบ้านเขาเพียงแยกเดียว แล้วสิ่งที่เขาสังหรณ์ใจก็เป็นจริงเสียด้วยเมื่อเห็นลูกเลี้ยงเดินมากับเด็กหนุ่มผมบลอนด์นั่น

เดินอย่างเดียวไม่ว่า ยังจะมาโอบกอด มิหนำซ้ำยังทำท่าเหมือนจะจูบ... มันทำให้ออสตินที่ซุ่มดูอยู่หัวเสียเป็นอย่างมาก จนในที่สุดก็ปรากฏตัวอย่างที่เห็น

“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำสอง ขึ้นรถ”

เห็นเจฟฟรี่ย์ไม่ปล่อยมือออกจากกานต์เสียที ออสตินก็ออกคำสั่งมาอีก คราวนี้เป็นกานต์ที่กระวีกระวาดรีบดึงมือของเจฟฟรี่ย์ออก ก่อนพูดเร็วๆ เป็นการบอกลา

“ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ”

แล้วก็แทบจะพุ่งทะยานขึ้นรถมาเลย ส่วนออสตินก็เหยียบคันเร่งออกทันทีเมื่ออีกฝ่ายขึ้นรถได้ ไม่สนใจจะหันไปทักทายเด็กหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายหุ้นส่วนบริษัทเขาสักนิด

ภายในรถเงียบงัน... มีเพียงแต่เสียงดนตรีคลาสสิกเท่านั้นที่ลอยมาให้ได้ยิน กานต์เหลือบไปมองคนข้างกายที่ขับรถไป ทำหน้าถมึงทึงไป...ไม่สิ จริงๆ ต้องบอกว่าสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่แววตาดูหงุดหงิดมากกว่า กานต์มองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก

“แด๊ดดี้ครับ...”

“เมื่อกี้ทำอะไรกับเจฟฟรี่ย์”

พูดยังไม่ทันจบ ออสตินก็โพล่งออกมาแล้ว กานต์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบส่ายหน้า

“ไม่ได้ทำครับ”

“แล้วกอดกันทำไม”

“เขาขอจูบผมเลยดึงเข้าไปกอด”

ออสตินถึงกับเบรกรถแล้วเลี้ยวเข้าไปจอดข้างทางทันทีทั้งที่จะถึงบ้านอยู่แล้ว ทำเอาเด็กหนุ่มหัวแทบทิ่ม พอหันไปทำท่าจะโวยวายก็ต้องรีบสงบปากสงบคำเมื่อเห็นว่าออสตินหันมามองด้วยสายตาดุดัน

“แล้วได้จูบหรือเปล่า”

ไม่รู้ทำไมท่าทางของออสตินไม่ได้ทำให้กานต์หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ก่อนที่จะว่าเย้า

“ทำไมครับ แด๊ดดี้อยากรู้เหรอ”

“ตอบคำถามมา”

ถูกเจ้าลูกเลี้ยงตัวแสบโยกโย้ ออสตินก็ว่าเสียงดุ กานต์จึงจำเป็นต้องยอม

“ไม่ได้จูบครับ”

ออสตินเงียบไปครู่ถึงได้เอ่ยปาก “แน่ใจนะ?”

“ครับ”

“...”

“แน่ใจครับ ตอนนี้คนที่จูบผมมีแต่แด๊ดดี้คนเดียว ไม่ต้องห่วง ถ้าเกิดผมไปจูบกับคนอื่น เดี๋ยวแด๊ดดี้ก็ไม่ยอมจูบผมพอดี”

เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่โกหก ออสตินรู้ ยิ่งพูดจาเอาใจเขาอย่างนั้นด้วย ชายหนุ่มก็ระบายลมหายใจ ก่อนจะออกรถอีกครั้ง

รถเคลื่อนเข้าไปในโรงจอดรถของตัวบ้าน ออสตินกดรีโมตให้ประตูโรงรถปิด ท่าทางยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่ในใจยังคงหงุดหงิดไม่เลิก

เขาเชื่อใจกานต์... แต่ไม่เชื่อใจเจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่มากระดิกหางระริกระรี้ใส่ลูกเลี้ยงเขามากกว่า

เผลอเป็นเลียมือเลียหน้า เผลอเป็นกระโจนใส่ น่าจับไปส่งเทศบาลนัก!

และบางที...ความเงียบของเขาก็เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่าเขากำลังหงุดหงิด ทำเอากานต์ที่ลอบมองมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้อดไม่ได้ที่จะออกปากถาม

“แด๊ดดี้หึงผมเหรอ”

พอหันไปก็เห็นว่าคนถามยิ้มหน้าระรื่นเลยทีเดียว ออสตินเหลือบมอง สีหน้านิ่งเรียบไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

“ฉันไม่ได้หึง”

“ทำไมล่ะครับ ก็ดูแด๊ดดี้หัวเสียออก”

“พ่อเลี้ยงไม่หึงลูกเลี้ยงหรอกนะ”

“แล้วเราเป็นพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงกันหรือไง ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้นกันสักหน่อย” กานต์พึมพำประหนึ่งบ่นคนเดียว แต่ทว่าเข้าหูคนข้างกายเต็มๆ “ถ้าอย่างนั้นแด๊ดดี้จะหัวเสียเรื่องเจฟทำไม”

ถูกถามมาตรงๆ ออสตินก็ตอบตามตรงก็ได้

“ฉันก็แค่เป็นห่วง”

ความจริงก็ไม่ได้ตรงมาก... เป็นห่วงมันก็ใช่ แต่หึงหวง...ใช่ มันมากกว่า

ขณะเดียวกัน คำพูดนั้นก็ทำให้คนฟังยิ้มเยาะ “อ้อ เป็นห่วง พอเห็นเจฟจะจูบผมก็เลยรีบลากกลับบ้านมาว่างั้น?”

ออสตินไม่ตอบ แต่นั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว

“งั้นเอาเป็นว่าตอนอยู่ในสายตาแด๊ดดี้ ผมจะทำตัวดีแล้วกันครับ จะอยู่ในลู่ในทาง แต่ถ้าลับหลังเมื่อไร... ก็อีกเรื่องนึง”

คราวนี้สายตาของออสตินถึงกับจ้องมองเจ้าเด็กที่พูดเจื้อยแจ้วอย่างดุดันทันที

เป็นเด็กเจ้าเล่ห์อย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

เจ้าเล่ห์ไม่พอ ยังจะมายั่วโมโหเขาในเวลาไม่เหมาะสมอีก ออสตินพอรู้อยู่หรอกว่าเด็กตรงหน้าเขากำลังประชดเพราะอยากให้เขาพูดสิ่งที่รู้สึกออกไปตามตรง

เด็กวัยรุ่น...ก็แบบนี้

รู้สึกแรง... ต้องการแรง... อยากได้รับการตอบสนองที่รุนแรง...

แต่กับผู้ใหญ่อย่างออสตินมันไม่ใช่ มีอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้

ทว่า...คำพูดของกานต์มันก็น่าหงุดหงิด

“สรุปว่าเธออยากจะนอนกับเจฟฟรี่ย์?”

ที่ถามไปอย่างนั้นเพราะต้องการให้เด็กหนุ่มสำนึกในคำพูดของตัวเองว่ามันไม่สมควร ปกติแล้วกานต์จะปฏิเสธ หากแต่คราวนี้กลับยอกย้อนถาม

“แล้วไม่ได้เหรอครับ?”

ใช่! ไม่ได้!

แต่...ใครมันจะไปพูดอย่างนั้นกันได้เล่า

“ก็แล้วแต่เธอ ดูแลเรื่องความสะอาดกับความปลอดภัยด้วยแล้วกัน”

ยอมรับเลยว่าเป็นประโยคที่ออสตินกัดฟันพูดมากที่สุดในชีวิต ก่อนเขาจะหนีลงจากรถเพื่อไประงับอารมณ์กรุ่นโกรธที่ค่อยๆ พร่างพรายขึ้นในใจทีละน้อย

โกรธทั้งเจฟฟรี่ย์ที่บังอาจมาทำรุ่มร่ามกับลูกเลี้ยงของเขา...

โกรธทั้งกานต์ที่มายอกย้อนไม่เชื่อฟังอยู่ได้ตั้งนานสองนาน...

ท่าทางนิ่งสงบของออสตินทำให้กานต์รีบตามลงจากรถไป ก่อนจะพุ่งมาดักหน้าไว้ทันทีที่ออสตินเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้านที่เชื่อมต่อกับโรงรถ

“ถ้าแด๊ดดี้ไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเจฟ แด๊ดดี้ก็ทำให้ผมเป็นของแด๊ดสิครับ”

ก็รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกนี่ว่าออสตินไม่อยากให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเจฟฟรี่ย์อย่างนั้น มัวแต่พูดยอกย้อนไปมาอยู่ได้ แล้วที่พูดมาเมื่อกี้นี้...มันอะไรกัน

“พูดอะไรของเธอ”

“ก็แด๊ดดี้ไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเจฟไม่ใช่เหรอ”

“นั่นมันก็ใช่ แต่ที่ว่าให้ฉันทำให้เธอเป็นของฉันมันหมายความว่ายังไง”

“อย่าทำเป็นไม่เข้าใจหน่อยเลยครับ” กานต์ว่า “ทำอะไรก็รู้ๆ กันอยู่” ประโยคนี้ว่าเสียงเบาเชียว

ออสตินถึงกับต้องผละจากประตู หันมาประจันหน้ากับเด็กหนุ่มจังๆ

“อย่าพูดอะไรไร้สาระอีก” จากนั้นก็ส่งเสียงดุ

หากแต่กานต์กลับไม่กลัว จ้องเขม็งแล้วว่าอย่างหนักแน่น

“ผมไม่ได้พูดไร้สาระ ผมพูดจริงๆ”

“...”

“ถ้าไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเจฟ ก็ทำให้ผมเป็นของแด๊ดดี้สิ”

กานต์จะรู้ตัวบ้างไหมว่าภายใต้ท่าทีนิ่งเงียบของออสตินนั้น ในใจของเขามีเพลิงตัณหาพวยพุ่งราวกับลาวาปะทุออกมาจากปล่องภูเขาไฟแล้ว

ใครสั่งใครสอนให้มาเชื้อเชิญซึ่งๆ หน้าอย่างนี้กัน!

“หรือถ้าแด๊ดดี้ไม่ทำ... ผมให้เจฟทำก็ได้”

เอาแต่ใจอีกต่างหาก เป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องแล้วสินะตอนนี้

ออสตินหมั่นไส้ในท่าทางลอยหน้าลอยตาของเด็กหนุ่มคนนี้ยามพูดประโยคบ้าๆ เหล่านั้นเหลือเกิน ยิ่งพอเห็นกานต์เดินสวนไปทำท่าจะเข้าบ้าน เขาก็อดไม่ได้ที่จะคว้าต้นแขนแล้วกระชากกลับมาให้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม

“เธอไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าพูดอะไรออกมา”

น้ำเสียงดุดันหลุดออกมาจากปาก ไม่เพียงแค่น้ำเสียง สีหน้าก็ดุ กานต์รู้ตัวในตอนนี้ว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เมื่อครู่ได้ใจมากไปหน่อยเลย พูดอะไรบ้าๆ ออกไปแบบนั้น พอรู้ตัวก็รีบเอ่ยปากทันที

“ผมขอโทษ”

แต่ไม่ทันแล้ว ทำออสตินโกรธจริงๆ ไปเสียแล้ว อีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับว่าเสียงต่ำ

“พอเห็นฉันอะลุ่มอล่วยหน่อยก็เลยได้ใจงั้นสิ”

“...”

“เอาแต่ใจ ยอกย้อน ไม่เชื่อฟัง ควรให้ฉันอบรมเธอยังไง ไหนบอกมาซิ”

ยิ่งพูดก็ยิ่งก้าวเข้ามาใกล้ กานต์ถอยหลังไปเรื่อยๆ กระทั่งไปชนเข้ากับรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าออสตินตรึงเขาไว้ไม่ให้หนีด้วยการใช้แขนทั้งสองข้างเท้ากับฝากระโปรงรถโดยมีเขาอยู่ด้านในอ้อมแขนนั้น

“บอกฉันมาว่าต้องอบรบเธอยังไง เธอถึงจะเชื่อฟัง”

“แด๊ด...”

“ฉันไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอคิดนะกานต์ อย่าได้ใจให้มันมาก”

“...”

ตอนนี้เองที่เด็กหนุ่มรู้สึกพรั่นพรึงในใจ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างตำหนิระคนกรุ่นโกรธ ทำเอากานต์แทบอยากจะตบปากตัวเองที่พูดอะไรออกไปไม่คิดอย่างนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากพูดเสียงแผ่ว

“ผมขอโทษครับ”

แต่ออสตินไม่ฟังในตอนนี้ เขาหัวเสียเกินกว่าที่จะยอมฟังคำขอโทษของเด็กหนุ่มแล้ว

“ให้ฉันทำให้เธอเป็นของฉันอย่างนั้นเหรอ” จู่ๆ ก็ว่าขึ้นมา “ได้ แล้วอย่าเสียใจทีหลัง”

จากนั้นก็ประกบปากจูบลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าทันที กานต์เบิกตาโพลงที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว มิหนำซ้ำการจูบในครั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นไปด้วยความนุ่มนวลหรือร้อนแรงอย่างเช่นปกติ หากแต่เป็นไปด้วยความโกรธจนเขาชักจะหายใจไม่ออก สองมือจำต้องยกขึ้นผลักไสหน้าอกแกร่งที่กระบดเบียดเข้ามา แต่ก็ไร้ซึ่งผลเมื่อออสตินไม่ลดละความโกรธเกรี้ยวเลยแม้แต่น้อย

“ดะ...แด๊ด...”

ริมฝีปากเป็นอิสระได้เล็กน้อย กานต์ก็รีบเอ่ยปากท้วง หากแต่ก็ต้องตกใจเมื่อฉับพลันก็ถูกกดให้นอนราบไปบนฝากระโปรงรถ

สายตาของเด็กหนุ่มมองไปยังออสตินที่ตรึงเขาไว้ด้วยความหวั่นใจ ขณะที่ออสตินว่าเสียงเรียบออกมา

“ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉัน เตรียมใจไว้ได้เลย”

ริมฝีปากถูกช่วงชิงไปอีกครั้ง จูบของออสตินในคราวนี้ทั้งดุดันและหนักหน่วง ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าคนใต้ร่างจะหายใจทันหรือไม่ เอาแต่รุกรานจนกานต์เป็นฝ่ายต้องเบือนหน้าหนีเพื่อหาช่องทางสูดอากาศเข้าปอดเอง

ไม่เพียงแค่จูบ ร่างกายส่วนอื่นก็ถูกระราน...

เสื้อยืดถูกถลกขึ้นสูง แผ่นอกเปลือยเปล่าปรากฏให้เห็นตรงหน้า โดยปกติแล้วเวลาจูบกัน ออสตินจะไม่วุ่นวายกับส่วนอื่นของร่างกายเด็กหนุ่มทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่กับในครั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอากานต์พรึงเพริดไม่น้อย หากแต่ก็ตอบรับสัมผัสนั้นโดยดีเมื่อฝ่ามือสากลูบลากจากหน้าท้องขึ้นมายังแผ่นอก

ความวูบไหวแล่นพล่านไปทั่วช่องท้องจนเด็กหนุ่มเผลอส่งเสียงหวานออกมา ออสตินผละออกจากการจุมพิต ลากริมฝีปากไล่ลงมายังลำคอและค่อยๆ ต่ำลงไปยังช่วงอก กานต์รู้ดีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คืออะไร

แต่ว่านะ...

...จะทำในโรงรถจริงๆ เหรอ!? แถมยังบนฝากระโปรงรถด้วย อย่างน้อยครั้งแรกของเขาก็ไปทำที่เตียงเถอะ!

“แด๊ด...แด๊ดดี้ครับ...”

พอเห็นว่าออสตินทำท่าจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น กานต์ก็รีบท้วงขึ้นมา หมายจะบอกให้อีกฝ่ายเปลี่ยนสถานที่ ทว่าออสตินกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ประทับจูบลงบนผิวเนื้อเหนือยอดอก ดูดดุนอยู่ครู่จนพอใจแล้วเป็นฝ่ายผละออกมาเอง

“เสร็จแล้ว”

อะไรก็ไม่ฉงนเท่าคำพูดนี้ กานต์ขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรที่ว่าเสร็จแล้วครับ?”

“ทำให้เธอเป็นของฉัน”

“หา?”

งุนงงหนักเข้าไปอีก ถึงกับอุทานออกมาอย่างเสียจริต ขณะที่ออสตินพยักพเยิดปลายคางไปยังร่องรอยที่เขาทำไว้

“เผื่อว่าเจฟฟรี่ย์คิดจะทำอะไรเกินเลย ตอนมาเห็นรอยนี้ จะได้เข้าใจว่าเธอมีเจ้าของแล้ว”

กานต์เหลือบมองตาม ก่อนจะเห็นว่าร่องรอยที่ออสตินว่านั่นคือ...

“คิสมาร์ก?”

“อืม ใช่”

แค่นี้น่ะเหรอ!?

ไม่เคยเสียดายอะไรเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ความฝันของกานต์ถล่มไปต่อหน้าต่อตา

ถ้าจะทำแค่คิสมาร์กก็ไม่เห็นจะต้องร้อนแรงรุนแรงอะไรขนาดนี้เลยนี่ครับ!

“ฉันไม่ทำที่คอเพราะมันดูไม่ดี ยังไงเธอก็ต้องไปโรงเรียน”

ออสตินยังมีหน้ามาพูด ขณะที่กานต์ผุดลุกขึ้นนั่ง ถลกเสื้อมองรอยแดงเป็นจ้ำแล้วทำหน้าง้ำ

โธ่เอ๊ย!

“แล้วเมื่อกี้เธอจะพูดว่าอะไร” พลันก็ย้อนไปถามเมื่อตระหนักได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่กานต์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

ความจริงผมจะบอกให้ไปทำที่เตียง ครั้งแรกของผมไม่อยากทำที่ฝากระโปรงรถ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว...

เด็กหนุ่มคิดในใจ ไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่ช้อนสายตามองอย่างหงุดหงิดแทน ออสตินมองแล้วก็ลอบหัวเราะในใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าทำคนตรงหน้าฝันสลาย

“เข้าบ้านกันได้แล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เสื้อเธอเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว”

สิ้นเสียงก็เป็นฝ่ายหมุนตัวจะเข้าบ้านเป็นคนแรก กานต์ผุดลุกตาม ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าแขนเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายไว้ในมือมั่น

“ถ้าแด๊ดดี้ไม่อยากตอบว่าหึงผมไหม งั้นตอบคำถามอื่นก็ได้ครับ”

“คำถามอะไร”

กานต์เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก

“รักผมหรือเปล่า”

“...”

“ที่แสดงออกแบบนี้ ทำกับผมแบบนี้ แด๊ดดี้มีรักผมไหม”

ที่ถามออกไปอย่างนี้เพราะกานต์รู้ดีว่าระหว่างเขากับออสตินมันไม่ใช่เรื่องปกติ แน่นอนว่าเรื่องที่เขากับคนตรงหน้าไม่ได้รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว แต่การที่ออสตินยอมสัมผัสร่างกายเขาทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน คงจะปฏิเสธได้ยากว่าไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่เขารู้สึกอยู่

ออสตินพอจะเดาได้อยู่บ้างว่าสักวันจะต้องถูกถามคำถามนี้ เขามองหน้ากานต์ที่รอคำตอบอยู่ตรงๆ

“เธอหมายถึงรักแบบไหนล่ะ ครอบครัวหรืออะไร”

“ผมว่าแด๊ดดี้รู้อยู่แล้วว่าผมหมายความว่ารักแบบไหน”

ตอนนี้กานต์เริ่มตามเกมของออสตินทันแล้ว แต่...ก็แค่ผิวเผินเท่านั้นเพราะออสตินลูกเล่นแพรวพราวในการหลบเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ มากมายกว่าที่คาดคิดไว้

“ถ้ารักแบบครอบครัว แน่นอนว่าฉันรักเธอ แต่ถ้ารักในแบบอื่น...”

กานต์เม้มริมฝีปาก รอคำตอบด้วยใจที่ลุ้นระทึก

เห็นสีหน้ามีความหวังของเด็กหนุ่มแล้ว ออสตินก็ยกยิ้มบางๆ ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ผละออกมาก็ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ นอกจากจะหัวเราะในลำคอแล้วเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้กานต์มองตามหลังอย่างงุนงง ครู่หนึ่งถึงได้รู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฉไฉอีกแล้ว

“โธ่แด๊ดดี้ บอกผมหน่อย”

เด็กหนุ่มรีบเดินตามมางอแงทันที ออสตินหันไปมองอีกฝ่ายอีกครั้ง

“ก็ตอบไปแล้วไง”

“ไม่เห็นจะได้ยินสักคำ”

“อยู่ในจูบเมื่อกี้หมดแล้ว”

อยู่ในจูบเมื่อกี้... หรือจะหมายความว่า...?

กานต์อ้าปากค้าง ชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากของตัวเองพลันใบหน้าก็ร้อนฉ่าขึ้นมา

ออสตินไม่พูด... ไม่เอ่ยอะไรสักคำ ให้จูบนั่นเป็นคำตอบ ถึงมันจะไม่ชัดเจน แต่กานต์จะคิดไปเองได้ไหมว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกแบบเดียวกัน?

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาข้างล่าง จะได้ช่วยกันทำมื้อเย็น”

แล้วความอึ้งงันของเด็กหนุ่มก็ถูกลบเลือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือใหญ่ที่วางลงมาบนกระหม่อมทำให้กานต์ยิ้มกว้างออกมา พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบทำตามคำสั่งแต่โดยดี

เสียงวิ่งขึ้นบันไดตึงตังทำให้ออสตินยกยิ้มไล่หลัง ก่อนที่เขาจะขบคิดกับตัวเอง

รักไหมน่ะเหรอ?

ต่อให้ไม่ถูกถาม เขาก็มีคำตอบนั้นอยู่ในใจอยู่แล้ว

ไม่อย่างนั้นจะรอเพื่อได้พบทำไมตั้งนานกันล่ะ

คำตอบมันชัดเจนจะตายไป เพียงแต่...เขาไม่เคยพูดออกไปก็เท่านั้น

--------------------------------

วัยรุ่นใจร้อน อัปให้เลยก็แล้วกันค่ะ เขียนไปเขียนมาจบตอนพอดี

อย่าเพิ่งเขวี้ยงขวด นุ้งกานต์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ใจเย็นเย้นนน 555

อย่าลืมฟีดแบ็กนะจ๊ะ


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
จริงๆบอกไปตรงๆว่ารอสิบแปดก่อนก็จบแล้วค่ะแด้ดดี้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาไงดี ๆ รักหรือไม่รัก แด๊ดดี้อย่าทำน้องกานต์งงซิ  :o8:

ออฟไลน์ alone and crazy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
 :ling1: เมื่อไรจะบรรลุนิติภาวะ  ขัดใจๆๆๆๆ

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เอ๊ะ อะไร ยังไง

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ถถถถ แด๊ดชอบทำให้อยากแล้วก็จากไปอ่ะ :hao6:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
น้องกานต์ยังเด็กจริงๆด้วยค่ะ

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอบแทนแด๊ดดี้ได้มั้ยคะ ฮืออ รักอยู่แล้ว วางแผนขนาดนี้  :hao6: อดใจรอตอนนุ้งกานต์ 18 ไม่ไหวแล้วค่าาา

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 17: Our sin

แค่จูบแผ่วเบาบนริมฝีปากแทนคำว่า ‘รัก’

เพียงเท่านั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถคิดกับออสตินเหมือนเดิมได้อีก...

ความชื่นชม เคารพ และนับถือในคราแรกที่ได้เห็นหน้ากัน ในตอนนี้มลายหายไปราวกับเป็นละอองฝุ่นธุลี ในสายตาของกานต์เห็นอีกฝ่ายเป็นเสมือนทุกอย่างของชีวิต

ทั้งต้นไม้ใหญ่ที่ให้เขาพักพิง

ทั้งสายน้ำที่ชโลมจิตใจอันบอบช้ำ

และ...พระผู้เป็นเจ้าที่โอบประคองชีวิตเขาไว้ในกำมือ

กานต์ไม่เคยรักใครได้ขนาดนี้มาก่อน หรือบางครั้งอาจจะพูดได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเขาตอนนี้นั้น มันเกินกว่าคำว่ารัก

...มันคือความลุ่มหลง

เขาหลงออสตินหัวปักหัวปำ สามารถทำได้ทุกอย่างตราบเท่าที่ความสามารถของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีจะทำได้ การแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอีกฝ่ายนั้น ทำให้ออสตินมั่นใจว่าในสายตาของลูกเลี้ยงตนคงจะมองใครที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

ในหัวใจของกานต์มีเขาอัดแน่นเต็มอยู่ในนั้น...

มันเป็นความบาปที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสอง ทว่า...กลับเป็นความบาปที่ลึกๆ ในใจของออสตินปรารถนาจะให้บังเกิดขึ้นเหลือเกิน

“แด๊ดดี้ครับ”

จู่ๆ เสียงของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น เรียกให้ออสตินที่นั่งเหม่อพินิจอีกฝ่ายอยู่นั้นรู้สึกตัว

“หืม?”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

กานต์ถามด้วยสีหน้าประหม่า หลังจากที่ทานมื้อเย็นกันเสร็จและมานั่งดูโทรทัศน์เรื่อยเปื่อยกันในช่วงหัวค่ำ ออสติสก็เอาแต่จับจ้องเขา ไม่พูดไม่จาอยู่นานสองนานแล้ว

ออสตินเองก็เพิ่งจะรู้ตัวในคราวนี้ว่าตนตกอยู่ในภวังค์ของความลุ่มหลงนานแค่ไหน

ใช่...เขาเองก็ลุ่มหลงเด็กหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน

“ไม่มีอะไรหรอก”

พอตอบไป กานต์ก็ย่นคิ้ว “ถ้าไม่มีอะไร ทำไมถึงจ้องผมเขม็งอย่างนั้นล่ะครับ”

“ไม่มีอะไรแล้วจ้องไม่ได้หรือไง” ออสตินยอกย้อน

“ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกครับ แต่ผมประหม่าน่ะ” กานต์ว่าไปตามตรง พลันก็มีรอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้า “หรือว่า...อยากจะจูบผมครับ?” ท่าทางดูร่าเริงและกระตือรือร้นสุดๆ ไปเลย “ถ้าอยากจะจูบอีกรอบ ผมก็ยินดีนะครับ”

ออสตินหัวเราะ ก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งจะจูบกับคนตรงหน้าไปร่วมยี่สิบนาทีแล้ว

“เธอเป็นเด็กโลภมากอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

คนถูกว่ายู่ปาก “ตั้งแต่ที่แด๊ดดี้โปรยเสน่ห์ใส่ผมนั่นแหละ”

“โปรยเสน่ห์? ฉันน่ะเหรอ” เรียวคิ้วเข้มของออสตินขมวดน้อยๆ ขณะที่กานต์พยักหน้า

“ใช่ โปรยเสน่ห์ใส่ผมตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยล่ะ ตอนผมเห็นแด๊ดดี้ครั้งแรกนะ ถึงกับร้องโอ้โหในใจเลย แด๊ดดี้หล่อมาก เท่มากๆ ด้วย”

เสียงเจื้อยแจ้วอย่างซื่อตรงนั้นทำเอาชายหนุ่มหัวใจพองโตไม่น้อย เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะโปรยเสน่ห์ใส่กานต์หรอก เพียงแต่คิดว่าครั้งแรกที่เจอกัน เขาควรจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจ

ครั้งแรกที่เจอกัน... ความจริงแล้วมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่สองต่างหาก ครั้งแรกนั่น...กานต์คงจะจำไม่ได้

“เธอก็เลยหลงฉันอย่างนี้ล่ะสินะ”

ออสตินว่าเย้า ปล่อยให้กานต์พยักหน้าหงึกหงัก

“เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากทำอะไรกับแด๊ดดี้มากกว่าจูบไงครับ” แล้วก็วนกลับมาเข้าเรื่องเดิมจนได้

ออสตินระบายลมหายใจออกมาอย่างไม่จริงจังสักเท่าไรนัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กหนุ่มพูดอย่างนี้ ตั้งแต่ที่เขาบอกเป็นนัยว่าเขาก็รู้สึกกับกานต์อย่างเดียวกัน กานต์ก็ดูจะเปิดเผยความรู้สึกกับเขามากขึ้น อะไรไม่ว่า ยังจะแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจน

ครั้งนี้ก็เช่นกัน... พอพูดจบ อีกฝ่ายก็ส่งสายตาเว้าวอนมาให้หลังจากที่วันนี้พูดเรื่องนี้ไปแล้วสอง...ไม่สิ สามหรือสี่ครั้งนี่ล่ะ ถ้ารวมครั้งนี้เข้าไปด้วยก็น่าจะเป็นห้า

“นะครับแด๊ดดี้ ทำอย่างอื่นมากกว่าจูบเถอะนะ”

ไม่พูดเปล่า ยังขยับขึ้นมานั่งบนตักของออสตินอย่างถือวิสาสะ ดูเหมือนว่าตักของเขาจะเป็นเก้าอี้ตัวโปรดของกานต์ไปแล้ว

“ไม่ได้”

ออสตินปฏิเสธแทบจะไม่คิด ทำเอาคนร้องขอหน้าง้ำ

“อีกแล้ว อย่างนี้ทุกที”

“รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ เธอก็เลิกตื๊อสิ”

“มันช่วยไม่ได้นี่ครับ” กานต์ตัดพ้อ ก่อนว่าเสียงแผ่ว “ผมรักแด๊ดดี้ไปแล้ว ก็อยากจะให้แด๊ดดี้รักผมบ้าง”

แล้วใครบอกว่าเขาไม่รักกัน... ออสตินมองใบหน้าเยาว์วัยแล้วก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆ

เด็กนี่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเด็กจริงๆ

“ถ้าทนไม่ไหว จะช่วยตัวเองต่อหน้าฉันเหมือนเดิมก็ไม่ว่ากัน”

เป็นคำพูดที่ไม่สัมพันธ์กับประโยคที่กานต์พูดเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับเรียกเลือดให้สูบฉีดไปยังดวงหน้านวลได้

กานต์เม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่ได้อยากจะได้ยินประโยคนี้สักหน่อย เขาอยากได้ยินออสตินบอกรักเขาบ้างต่างหาก!

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ ผมทำคนเดียวดีกว่า”

สิ้นเสียงก็ปีนลงไปนั่งบนโซฟาตามเดิม ปล่อยให้ออสตินได้ยกยิ้มมุมปากอย่างขบขันที่ได้แกล้งอีกฝ่ายหน้าง้ำกว่าเดิม ก่อนจะเอื้อมมือไปยีเส้นผมสีดำจนยุ่งเหยิงน้อยๆ

“ทำเสร็จแล้วก็เข้านอนซะ ฉันจะขึ้นนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”

ออสตินทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ปล่อยให้กานต์มองตามแล้วพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง

ผู้ชายคนนี้... ทำไมถึงใจแข็งได้ขนาดนี้นะ!

 

ต่อให้ภายนอกแสดงท่าทางปฏิเสธอย่างไร ทว่าในใจของออสตินกลับไม่ได้ใจแข็งอย่างที่กานต์เห็น คำพูดของเด็กหนุ่มเมื่อตอนหัวค่ำนั้นทำเอาเขานอนไม่หลับจนถึงตอนนี้ เขาพลิกไปพลิกมาบนเตียงอยู่หลายครั้ง บางคราวก็หันไปมองแสงสว่างบนหน้าปัดนาฬิกาตอลบนหัวเตียง

ตีสองแล้ว... เขายังข่มตาให้หลับไม่ได้เลยสักนิด ในหัวเอาแต่คิดวุ่นวายอยู่เรื่องหนึ่ง

...เรื่องที่กานต์เรียกร้องให้เขาทำมากกว่าการจูบ

ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาอยากทำมากทีเดียว ถ้าไม่อยากทำ เขาจะดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อให้กานต์มาอยู่กับเขาทำไม แต่กำลังต่อสู้กับความคิดย้อนแย้งของตัวเองอยู่

...เขาคงจะทำอะไรต่อมิอะไรเลยเถิดไปแล้วถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ได้อายุแค่สิบเจ็ด และเขาไม่ได้มีสถานะเป็นพ่อเลี้ยงของเด็กคนนั้น

คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือเลื่อนไปลูบคลึงบริเวณกลางลำตัวของตนที่ดูเหมือนจะตอบสนองกับคำพูดของกานต์มาตั้งแต่เมื่อหัวค่ำ

ตอบสนอง...แล้วก็หายไป จากนั้นก็ตอบสนองขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาจินตนาการสีหน้าของเด็กหนุ่มว่ายามอยู่ใต้ร่างเขานั้นเป็นอย่างไร

เป็นจินตนาการที่บาปมหันต์เสียจริง...

แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ จนในที่สุดก็ต้องปล่อยใจและกายของตัวเองให้เป็นไปตามพายุอารมณ์ เลื่อนมือเข้าไปในขอบกางเกง หมายจะปลดเปลื้องความปรารถนาที่โชติช่วงอยู่ ทว่า...ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อฉับพลันก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นฝีมือของใคร ออสตินสูดหายใจเข้าปอด นั่งรอสักครู่ให้ร่างกายของตนกลับคืนสู่สภาพปกติ ก่อนจะทิ้งตัวลงจากเตียง เดินไปเปิดประตูก็เห็นว่าเป็นกานต์ที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่

“ยังไม่นอนอีก” เป็นประโยคแรกที่หลุดออกจากปากของออสติน

“คือผม...” กานต์อึกอัก ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “นอนไม่หลับครับ”

“แล้ว?”

“อยากจะมาขอนอนกับแด๊ดดี้”

คนฟังยิ้ม เปิดประตูให้กว้างขึ้น “เข้ามาสิ”

เท่านั้นเด็กหนุ่มก็รีบก้าวเข้าไปข้างใน กระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง คว้าหมอนของออสตินมากอดไว้

“คืนนี้ผมขอหนุนหมอนใบเดียวกับแด๊ดดี้ได้ไหมครับ”

ออสตินที่เพิ่งปิดประตูห้องเมื่อครู่หันมามอง “ผ้าห่มก็มาแย่งของฉัน ยังจะแย่งหมอนอีกเหรอ”

“ถ้าแด๊ดดี้กลัวว่าผมจะแย่ง ก็ให้ผมนอนหนุนแขนก็ได้นะ”

อีกฝ่ายว่าหน้าระรื่นทีเดียว ออสตินหัวเราะน้อยๆ ให้กับคำพูดนั้น ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียง

“ถ้าเธอไม่กลัวเมื่อย แล้วแต่เธอ”

“คนที่จะเมื่อยน่ะแด๊ดดี้ต่างหาก” กานต์ยอกย้อน

ดูท่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าออสตินยอมให้นอนหนุนแขน ดูท่าแล้วคงจะต้องถูกนอนทับไปทั้งคืน แต่...เขากลับยินดี

“นอนเถอะ ดึกมากแล้ว” ออสตินเพียงยิ้มรับและตัดบทเอาดื้อๆ

กานต์ทิ้งตัวลงนอน รอให้ออสตินเดินไปปิดไฟ ทว่าจู่ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น

“แด๊ดดี้ครับ ไม่คิดจะทำอะไรผมมากกว่าการจูบจริงๆ เหรอ”

ทั้งๆ ที่มือกำลังเอื้อมไปปิดสวิตซ์ไฟอยู่แล้ว แต่พอถูกถามอย่างนี้ ออสตินก็ชะงักค้าง หันไปมองเด็กหนุ่มที่กลิ้งอยู่บนเตียงของตัวเองทันควัน

“อย่าบอกฉันนะว่าที่เธอมาเคาะเรียกกลางดึกแบบนี้เพราะเรื่องนั้น?”

ปิดออสตินไม่ได้หรอก กานต์ก็ไม่อยากจะปิดด้วยจึงพยักหน้ารับ ท่าทางนั้นทำเอาออสตินต้องขมวดคิ้ว เดินกลับมานั่งที่ปลายเตียงอีกครั้ง

“รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันเสี่ยงมากเลยนะ”

คนฟังทำตาแป๋ว “เสี่ยงอะไรครับ”

“เสี่ยง...” เว้นจังหวะไปเล็กน้อย “ทำให้ฉันทนไม่ไหว”

ออสตินว่าตามตรง ขณะที่กานต์ได้ยินแล้วก็หัวเราะ

ที่ว่าทนไม่ไหวคงจะหมายถึงตบะแตก...

“ก็ไม่ต้องทนสิครับ” กานต์ยันตัวขึ้นนั่ง ขยับเข้าหาออสติน จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “เพราะผมเองก็ทนไม่ไหวมาตั้งนานแล้ว”

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้าจะยั่วยวนความต้องการของเขาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็พูดไปตามประสาคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น ออสตินมองแล้วก็ลอบกลืนน้ำลาย

เมื่อครู่เขาเพิ่งเกือบจะทำ... เพื่อช่วยให้ตัวเองคลายความร้อนรุ่มจากการจินตนาการภาพบ้าๆ ของกานต์แท้ๆ แต่จู่ๆ ทำไมอีกฝ่ายถึงได้โผล่มาทำให้เขาฟุ้งซ่านกันอีกนะ

“นะครับ...” กานต์ออดอ้อนมาอีก

“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าอยากทำก็ทำสิ ทำต่อหน้าฉันก็ได้ ฉันจะไม่วิจารณ์”

“ทำคนเดียวมันไม่เหมือนทำกับแด๊ดดี้สักหน่อย” อีกฝ่ายว่า “แล้วผมก็ไม่ได้อยากจะทำให้แด๊ดดี้ดูด้วย อยากทำด้วยกันมากกว่า” ประโยคนี้ว่าเสียงเบาเชียว

แล้วไม่คิดเหรอว่าออสตินเองก็อยากจะทำเรื่องอย่างนั้นด้วยกันน่ะ

ดูผิวเนียนๆ ของคนตรงหน้าสิ

ดูร่างกายที่กำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์นั่นสิ

ดูใบหน้าอ่อนเยาว์ ดวงตาที่เว้าวอน กลีบปากสีสวย ฟังน้ำเสียงออดอ้อนพวกนั้นดูสิ

คิดว่าเขาต้องใช้ความพยายามเท่าไรในการอดทนกัน?

ออสตินก็ตั้งใจจะปฏิเสธอีกครั้งนั่นแหละ แต่ทว่ากานต์ก็สวนขึ้นมาก่อน

“ภายนอกก็ได้ ถ้าภายนอกคงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ แบบว่าใช้มือหรือปากอะไรแบบนั้น”

ชายหนุ่มชะงัก... ใช่ มันก็ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่...

“ฉันกลัวว่าถ้าได้ทำแล้ว ฉันจะไม่หยุดแค่นั้น มันจะเลยเถิดไปอย่างอื่น”

ไม่หยุดแค่ไหน กานต์เข้าใจได้

“ถ้าหยุดไม่ได้ก็ทำให้ถึงที่สุดสิครับ”

นี่แหละ เพราะรู้ว่ากานต์จะยอมให้เขาทำทุกอย่าง เขาถึงได้กลัวใจตัวเอง ถ้าเกิดเขาทำเกินกว่านั้น มีหวังได้ไปถ่ายรูปทำประวัติผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์แน่ๆ

แต่ว่า...ทำแค่ภายนอกเหรอ?

มันก็น่าลองเหมือนกัน...อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้แตะต้องคนตรงหน้า

“นะครับแด๊ดดี้...”

ยังไม่ทันจะตัดสินใจได้เด็ดขาด กานต์ก็วิงวอนมาอีกแล้ว คราวนี้ไม่ขอร้องเปล่าๆ ยังขยับเข้ามาประคองใบหน้าคร้ามไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่จะกระซิบเสียงแผ่ว

“ผมทนไม่ไหวจริงๆ ครับ ขอร้องล่ะ”

ปลายนิ้วของฝ่ามือที่ประคองใบหน้าออสตินอยู่ไล่ระเรื่อย...ตั้งแต่เรียวคิ้วเข้ม จมูกโด่งคมสัน ลงต่ำมายังซีกหน้าคร้ามที่ให้สัมผัสสากน้อยๆ ก่อนจะมาจบยังริมฝีปากหนา

กานต์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เหลือบมองดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของออสตินโดยไร้ซึ่งคำพูด มีแต่ความลำพองใจว่าริมฝีปากของชายหนุ่มที่กำลังแตะอยู่นี้เป็นของเขา

จากนั้น...ก็ลากไล้แผ่วเบา

ออสตินเหมือนจะหมดสิ้นซึ่งความอดทนในตอนนี้ เผยอริมฝีปาก งับเรียวนิ้วนั้นเข้าไป แนวฟันคมๆ ทำให้กานต์สะดุ้งจนเผลอชักมือออก หากแต่อีกฝ่ายก็รีบคว้าเอาไว้ ก่อนจะใช้สายตาออกคำสั่งให้อยู่เฉยๆ

พอเห็นว่ากานต์นิ่งไปอีกครั้งแล้ว เขาถึงอ้าปาก แลบลิ้นออกมาค่อยๆ ละเลียดชิมไปตามเรียวนิ้วนั้น

ความนุ่มและแฉะชื้นไล้ลามตั้งแต่ส่วนโคนจรดปลาย จากนั้นก็ลากเรื่อยมายังง่ามนิ้ว สัมผัสวาบหวามประหลาดทำให้เด็กหนุ่มเกร็งตัวแข็ง วูบเดียวก็ต้องสะดุ้งเมื่อออสตินดูดดุนปลายนิ้วของเขาเข้าไป ขณะที่ดวงตาคู่สวยจับจ้องยังใบหน้าอ่อนเยาว์ไม่ลดละราวกับเชิญชวน

ใบหน้าของเด็กหนุ่มเห่อร้อน...

เขาคิดว่ามันคงจะแดงลามเรื่อไปถึงใบหูและลำคอแล้ว และคิดอีกเช่นกันว่าในไม่กี่อึดใจข้างหน้า เขาคงจะอดใจไม่ไหวยิ่งกว่าเดิม ซึ่งนั่นก็จริงเมื่อเห็นออสตินยั่วเย้าอย่างนั้น กานต์ขยับเข้าหน้า โน้มหน้าไปงับใบหูของอีกฝ่าย ตอนนั้นเองที่ออสตินถอนริมฝีปากออกมา

"กานต์..."

คนถูกเรียกชะงัก หากแต่ปากยังคงขบเม้มค้างอยู่ที่ปลายหูชายหนุ่ม

"ถ้าเธอไปต่อมากกว่านี้ ฉันจะทนไม่ไหวเอานะ"

"ก็ไม่ต้องทนสิครับ" กานต์กระซิบเสียงพร่า เขาก็รอเวลานี้อยู่

"แต่เธอเพิ่งจะสิบเจ็ด"

ประโยคนี้ราวกับออสตินย้ำเตือนตนเองมากกว่าที่จะบอกอีกฝ่าย ขณะที่กานต์ผละออกมามองหน้าคนพูด

"ไม่ต้องกลัวถูกจับหรอกครับ ผมจะไม่บอกใคร ผมสัญญา..."

คำพูดนั้นใสซื่อมาก หากแต่ดวงตาหวาดหยาดเยิ้มอย่างเชื้อชวน

ออสตินเกือบจะคล้อยตามอยู่แล้ว แต่ทว่าก็ต้องหลุดหัวเราะเมื่อกานต์ว่าซื่อๆ ออกมาอีก

"ถ้าแด๊ดดี้ถูกจับก็ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไปยืนยันกับตำรวจเองว่าผมสมยอม"

คิดว่าพูดอย่างนี้แล้วจะให้เขาสบายใจขึ้นว่างั้น?

ออสตินเอื้อมมือไปประคองซีกหน้าอีกฝ่าย สายตาปราดมองไปยังเสื้อเชิ้ต ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วแบะมันออกจนแผ่นอกของคนตรงหน้าปรากฏให้เห็น ตุ่มไตเล็กๆ สีชมพูระเรื่อที่โผล่มาให้เห็นวับแวมแทบทำให้เขาอดใจไม่ไหว ก่อนจะว่าเย้า

"งั้นฉันคงต้องเตรียมทนาย" พลันลากมือไปสะกิดเบาๆ ที่ยอดอกข้างหนึ่งจนอีกฝ่ายสะท้าน ก่อนจะดึงร่างของอีกฝ่ายให้ขึ้นมานั่งซ้อนบนตัก เงยหน้าขึ้นสบตาของกานต์พลางว่าด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “คดีพรากผู้เยาว์คงจะทำฉันติดคุกหัวโตทีเดียว”

พูดมาอย่างนี้ ถ้ากานต์ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง มันก็เท่ากับว่า...ออสตินยอมที่จะทำอะไรมากกว่าการจูบแล้ว?

ไม่ต้องให้อีกฝ่ายต้องตอบเป็นถ้อยคำ เพราะทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของกานต์ก็ถูกดันให้ลงนอนราบไปกับเตียง ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกครอบครองอย่างกระหาย

ปลายลิ้นอุ่นร้อนไล้ชิมกลีบปาก ไม่นานก็ดุนดันเข้าไปด้านใน เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็ก ตักตวงเอาความหวานไปเป็นของตน ช่วงชิงลมหายใจของอีกฝ่ายไปราวกับจะฉุดลงสู่หุบเหวอเวจี

หากแต่แค่ปลายลิ้นร้ายนั้นยังไม่มากพอที่จะฉุดกระชากให้กานต์ลงสู่ห้วงเหวนั้นได้ ออสตินจึงใช้มือทั้งสองข้างเองช่วยในการดึงรั้ง

มือข้างหนึ่งบดเบียดจุดศูนย์รวมความรู้สึกด้านหนึ่งของหน้าอก ริมฝีปากถอดถอนออกมา พรมจูบระเรื่อยไล่ไปยังใบหู ก่อนจะลงต่ำมาที่ซอกคอ ไล้ไปตามแผ่นอกและเข้าครอบครองตุ่มไตเล็กๆ ที่ยังว่างอยู่อีกข้าง

เด็กหนุ่มแอ่นอกสะท้าน...

ความรู้สึกหวามไหวที่แล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กายทำเอาเขาแทบทนไม่ไหว เสียงลมหายใจกระหืดหอบน้อยๆ ดังแผ่วมาเข้าโสต ดวงหน้าแดงเรื่อ ร่างกายบิดเร่าราวกับไม่สามารถทนทานต่อการรุกรานได้

ทว่า...ถึงท่าทางนั้นจะทรมาน แต่ปีศาจอย่างออสตินกลับไม่ยอมรามือ

เขาอยากเห็นกานต์ทรมานเพราะเพลิงพิศวาสของเขามากขึ้นไปอีก...

ครั้นถอนริมฝีปากออกจากยอดอกข้างนั้น เขาก็พรมจูบลงต่ำไปยังท้องน้อย กระทั่งถึงขอบกางเกงก็เหลือบมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ปรือตาหวานเชื่อมมองเขาอยู่ จากนั้น...ก็กัดที่ขอบกางเกงเป็นการยั่วเย้าให้คนมองได้หน้าแดงเรื่อมากกว่าเดิม พลันซุกใบหน้าไปยังเนินนูนที่ดุนดันเนื้อผ้าขึ้นมา

ครั้งนี้กานต์ถึงกลับหลุดส่งเสียงประหลาด...

สัมผัสหวามไหวทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ถึงเขาจะเคยปลดปล่อยด้วยตนเองอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยให้ใครได้แตะต้องยังส่วนลับนั่น

ออสตินเป็นคนแรก... และก็กำลังจะทำให้เขาคลั่งตายตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับรู้ว่าความรู้สึกยามถูกปีศาจแห่งราคะตนนี้รังแกเป็นอย่างไรเสียด้วย

ออสตินดึงกางเกงของอีกฝ่ายลง ภาพตรงหน้าเป็นภาพงดงามที่สุดที่เขาเคยเห็น ไอร้อนผะผ่าวที่แผ่กำจายออกมาจากส่วนชูชันนั้นทำให้เขาอดใจที่จะประคองมันไว้ในฝ่ามือไม่ได้ ส่วนปลายหยาดเยิ้มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา ก่อนที่ปลายนิ้วหัวแม่มือจะลูบคลึงจนฉ่ำเยิ้มไปหมด

“แล้วเธอจะต้องเสียใจที่มาชวนฉันทำเรื่องอย่างนี้” ออสตินเตือนอีกฝ่ายที่กำลังปรายตามองเขาอยู่

กานต์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาไม่คิดหรอกว่าตนเองจะเสียใจ แต่คิดว่ากำลังจะตายเพราะการรุกรานของออสตินมากกว่า...

ริมฝีปากจรดจูบลงมาอย่างบรรจง พลันค่อยๆ เผยอออก กลืนกินเข้าไปทีละน้อยจนความอุ่นร้อนแผ่นซ่านในโพรงปาก

กานต์กำผ้าปูที่นอนแน่น...

เขากำลังจะตายจริงๆ ด้วย...

เสียงหายใจกระหืดหอบกับเสียงครางกระเส่าดังออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ กานต์ไม่เคยรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองได้เท่ากับครั้งนี้ สะโพกแอ่นขึ้น พยายามขยับหนีความเสียวซ่านที่ถูกมอบให้ ทว่าก็ไม่อาจหนีได้พ้น ฝ่ามือของปีศาจราคะฉุดรั้งเขาไว้ ยิ่งหนีก็ยิ่งถูกลงโทษ ปรนเปรอเสียจนเขาไม่อาจทนได้ไหวอีกต่อไป

พริบตาเดียว... ความอัดแน่นภายในก็ถูกปลดเปลื้องเสียหมดสิ้น ร่างที่กระตุกน้อยๆ สองถึงสามครั้งค่อยๆ ผ่อนคลาย ก่อนจะเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้ากลืนอะไรบางอย่างลงคอไป ก่อนจะขยับขึ้นมาประกบจูบเขาอย่างเร่าร้อน บางส่วนของร่างกายออสตินดุนดันที่หน้าขาเขา กานต์รับรู้ได้ทันทีว่ามันคือ...

“แด๊ดดี้จะไม่ทำเหรอครับ”

ในที่สุดก็ออกปาก เด็กหนุ่มรับรู้ได้ชัดเจนเลยทีเดียวว่าส่วนนั้นมันแข็งขืนเสียจนคับแน่นไปหมด

“ไม่ทำหรอก” ออสตินว่า ใบหน้ายังไม่เงยจากการซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นของคนใต้ร่าง

“แต่แด๊ดดี้จะอึดอัด...”

คราวนี้ออสตินผละใบหน้าออกมา “ถ้าฉันทำ มันจะต้องเลยเถิดแน่ๆ”

เขาบอกไปตามตรง พูดก็พูด แค่เมื่อครู่นี้ เขาก็เกือบจะระงับความต้องการของตัวเองไว้ไม่ไหว ดีที่ส่งเด็กหนุ่มถึงฝั่งฝันได้ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเสียสติ รุกรานอีกฝ่ายอย่างไม่เหมาะสมไปกว่านี้แน่

“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” กานต์ว่าเสียงเบา

คำพูดนั้นทำให้ออสตินยกยิ้ม จูบประทับลงมาบนหน้าผากมน

“ใช่ มันไม่เป็นไร แต่มันยังไม่ถึงเวลา”

“แด๊ดดี้รอให้ผมอายุครบสิบแปดเหรอครับ”

ออสตินไม่เถียง พยักหน้ารับ

“กว่าผมจะครบสิบแปดก็ตั้งปีหน้า แด๊ดดี้ลงแดงตายก่อนแน่”

คนฟังหัวเราะตามมาให้ได้ยิน “จนกว่าจะถึงตอนนั้น ฉันจะอดทน”

กานต์รู้ว่าออสตินทำได้ แต่ว่า...

“แต่ผมทนไม่ไหว”

“ฉันก็จะทำอย่างที่ทำให้เธอไง”

ไม่...กานต์ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ที่ออสตินยอมทำมากกว่าจูบมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่า...

“ผมก็อยากให้แด๊ดดี้รู้สึกดีด้วยนี่ครับ” กานต์สบดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลนิ่ง ว่าย้ำ “ผมก็อยากให้แด๊ดดี้รู้สึกดีเหมือนกับที่ผมรู้สึกด้วย”

ออสตินนิ่งไปเล็กน้อย “แค่ทำให้เธอ ฉันก็รู้สึกดีแล้ว”

สิ่งที่พูดคือเรื่องจริง ทว่าก็ไม่ได้ทำให้กานต์เชื่อฟังได้

“มันต้องไม่ใช่ทำให้ผมฝ่ายเดียวสิ” พูดแล้วก็ดันตัวขึ้นนั่งเล็กน้อย มือเอื้อมไปจับยังส่วนที่อุ่นร้อนกลางลำตัวของออสตินทันควัน “ผมก็อยากทำให้แด๊ดดี้เหมือนกัน”

แม้ว่าใบหน้าจะแดงด้วยความเขินอาย ทว่าคำพูดนั้นกลับซื่อตรงเสียจนออสตินอึ้งงันไปอยู่เหมือนกัน เขาคิดในใจว่าอุตส่าห์ดึงปีศาจราคะที่สิงสู่ร่างของเขาไปเมื่อครู่ให้กลับสู่อเวจีได้แล้วแท้ๆ แต่กานต์ก็ดันเรียกมันกลับมาให้สิงสู่เขาอีกครั้ง กระนั้นเขาก็ข่มไม่ให้ด้านมืดของคนเผยความปรารถนาออกมา ก่อนจะว่าเสียงเรียบ

“ไม่เป็นไร นอนเถอะ ดึกมากแล้ว”

กานต์ขัดใจ ยิ่งถูกออสตินดึงมือออกแล้วผละไปปิดไฟ จากนั้นก็กลับมานอนที่เตียง กานต์ก็ยิ่งขัดใจหนัก พลันถือวิสาสะพลิกตัวไปขึ้นคร่อมร่างของออสตินในความมืดทันที

“ไม่ได้ ไม่เป็นไรไม่ได้ครับ ผมจะทำให้แด๊ดดี้ด้วย”

ไม่รู้ว่ากานต์กลายเป็นเด็กดื้ออย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร มิหนำซ้ำยังจะเกเรด้วย กล้าดีถึงขนาดที่พอพูดจบแล้วก็ดึงขอบกางเกงของออสตินออก ปลดปล่อยให้ตัณหาของเขาพุ่งทะยานออกมายังภายนอก

ฝ่ามือลูบคลึงไปบนส่วนอ่อนไหวของออสตินอย่างเงอะงะ ออสตินก็อยากจะห้ามอยู่หรอก แต่...

...อยากจะห้ามเหรอ? ไม่... ไม่เลย เขาไม่ได้มีความคิดที่จะห้ามทั้งนั้น มีแต่ความยินดีที่พร่างพรายแน่นในอกที่เด็กหนุ่มพึงใจจะกระทำให้เขาอย่างนั้น

สายตาของเขาทอดมองไปยังเงาตะคุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ความอุ่นร้อนและเฉอะแฉะจะแล่นพล่าน เท่านั้นก็รู้ทันทีว่ากานต์กลืนกินความเป็นบุรุษเพศของเขาเข้าไปแล้ว

ยินดี... ยินดีเป็นอย่างยิ่ง...

ไม่เคยมีครั้งไหนที่ออสตินจะยินดีกับการกระทำของกานต์ได้ถึงครั้งนี้

เสียงครางฮืมในลำคอดังออกมาให้ได้ยิน มือข้างหนึ่งลูบที่ท้ายทอยของเด็กหนุ่ม ออกแรงนำให้ขยับตามจังหวะที่เขานำพาราวกับเป็นการสอนว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร ขณะที่กานต์ปล่อยตัวให้เอนอ่อนไปตามการชักนำนั้น

 ปีศาจราคะตนนั้น... ไม่ได้สิงสู่แค่ออสตินเสียแล้ว แต่กลับสิงสู่เด็กหนุ่มคนนี้ด้วย

แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ออสตินไม่สนอีกแล้วในตอนนี้ เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องการเด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้น

กานต์...เป็นของเขา และจะเป็นตลอดไป...

ความบาปแห่งตัณหาที่พุ่งทะยานให้ทั้งสองปรารถนากันและกันพวยพุ่งอบอวลไปทั่ว ความรู้สึกของทั้งสองถูกโอบอุ้มด้วยราคะ พวกเขาหันหลังให้กับพระเจ้าอย่างไร้ซึ่งเงื่อนไข เคลื่อนย้ายเข้าสู่หุบเหวแห่งอเวจีและจมจ่อมไปกับเพลิงมธุรสหวานหอมที่จะเผาผลาญให้มอดไหม้ไปด้วยกัน...

------------------------------

แอบดอดมาอัปดึกๆ ค่ะ เริ่มว่างจากงานหนังสือละ ฮา

ตอนนี้จริงๆ ตั้งใจว่าจะเริ่มเผยความลับของออสตินด้วย แต่ดั๊นนน ยาวไป เลยยกยอดไปตอนหน้าแทนนะคะ ตอนนี้ก็บาปกันให้เต็มที่ไปแล้วกัน

รับ Sin รับ Porn แล้วหวีดกันได้ตามอัธยาศัยค่ะ ^^


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
กานต์ยั่วยวนแด๊ดได้เผ็ดมากค่ะ :hao3:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เหอะๆๆ แด๊ดดี้เริ่มยอมรับสักทีว่าทนไม่ไหวแล้วววว

พนมมือรับ porn ค่ะ ฮาาาา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยอมรับสักทีนะแด๊ด  :laugh:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
มากรี๊ด daddy  :oo1:




ปล. นิดนึงนะคะ เราอ่านคำว่า 'ความบาป' แล้วรู้สึกแปร่งๆ น่าจะใช้ 'บาป' เดี่ยวๆก็พอนะคะ บาป เป็นคำนามในตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ 'ความ'เพิ่มค่ะ

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
โอ้ ร้อน แรง  มาก ...

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เผ็ชชช

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
กานต์เด็กดื้อ
แต่แด๊ดดี้ก็ยอมล่ะนะ
คนอ่านก็กำไรไปซิค๊าาาา
แอร๊ยยยยว

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
มากรี๊ด daddy  :oo1:




ปล. นิดนึงนะคะ เราอ่านคำว่า 'ความบาป' แล้วรู้สึกแปร่งๆ น่าจะใช้ 'บาป' เดี่ยวๆก็พอนะคะ บาป เป็นคำนามในตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ 'ความ'เพิ่มค่ะ

ขอบคุณมากค่า เดี๋ยวไว้หนูแดงไปแก้อีกทีนะ ^^

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ลุ้นนนนนนนน ทุกตอน :katai5:
อยากรู้ความลับของแด๊ดดี้เพิ่มอีกค่ะ :hao3:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 18: Beware of the vicious dog

ได้ลิ้มรสเพียครั้งเดียว ออสตินก็อยากลิ้มรสหวานนี้ตลอดไป

ความอดทนที่เขาพยายามกักเก็บไว้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพังทลายลงเมื่อเด็กหนุ่มใต้อาณัติแสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการเขาเพียงใด ยิ่งได้สัมผัส กานต์ก็ยิ่งอยากจะใกล้ชิดเขามากขึ้นอีก

นอกจากจะถูกปีศาจแห่งราคะเข้าครอบงำโดยสมบูรณ์แล้ว เด็กหนุ่มยังถูกปีศาจแห่งความละโมบเข้าครอบงำอีกด้วย
หากแต่ออสตินก็ไม่พูดว่าสิ่งใด เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต่างกันจากคนข้างกายที่คอยเรียกร้องสัมผัสจากเขาเลยสักนิด ภายใต้ท่าทางนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาสิ่งใด ภายในใจนั้นกลับอัดแน่นไปด้วยความเสน่หาที่แทบจะปะทุทุกครั้งเมื่อได้จูบจรดไปทั่วเรือนร่างของลูกเลี้ยง

มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย แต่...ออสตินก็ยินยอมที่จะปล่อยตัวปล่อยใจในระดับหนึ่งแล้ว มีเพียงการกระทำถึงขั้นสุดท้ายเท่านั้นที่เขาย้ำเตือนตัวเองว่ายังไม่ควรทำจนกว่าอีกฝ่ายจะบรรลุนิติภาวะ ที่ต้องรอ...ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวตัวเองจะเดือดร้อน แต่เขาต้องการให้กานต์มีวุฒิภาวะมากพอที่จะตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองได้ก่อนต่างหาก

ส่วนเขา...ทำได้เพียงอดทนและรอ...

กระนั้นชายหนุ่มก็เฝ้าถามตนเองตลอดว่าเขาจะอดทนและรอได้นานเท่าไรกัน เพราะในเมื่อทุกวันได้ยลเรือนร่างของอีกฝ่าย เขาก็แทบจะสูญเสียการควบคุมไปทุกครั้ง

ใครว่าเขาเป็นผู้ชายอันตรายกัน คนที่อันตรายที่สุดน่ะ คือเด็กหนุ่มที่เอาแต่จ้องมองเขาด้วยสายตาเว้าวอนและชักชวนให้เรื่องที่ไม่ควรบังเกิดมันเกิดขึ้นมากกว่า

ทว่า...ก็ไม่ใช่ความผิดของกานต์ มันเป็นความผิดของเขาต่างหากที่ไม่รู้จักระงับความต้องการไว้ให้ดี

แต่...ช่างมันเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาและกานต์เองก็ยอมรับความรู้สึกกันแล้วว่าต่างไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นครอบครัว ถ้าอย่างนั้นเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน

และเพราะคิดอย่างนั้น ออสตินจึงไม่ปฏิเสธที่จะแนบชิดเมื่อถูกกานต์ชักชวนอีก ถึงจะเป็นเพียงภายนอก แต่นั่นก็เป็นการเติมเต็มความต้องการของเขาที่อุตส่าห์เฝ้ารอคอยมาตลอดสองปีแล้ว

สองปี... ตั้งแต่เมื่อตอนที่กานต์มีอายุได้เพียงสิบห้าปีเท่านั้น

ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่เพิ่งออกมาจากของตัวเองและเดินผ่านหน้าห้องเขา เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าเด็กหนุ่มที่เขาเคยเห็นเมื่อครั้งที่เขาไปพบกับมารดาของอีกฝ่ายเมื่อสองปีก่อนนั้น เติบใหญ่ขึ้นถึงขนาดนี้ ในตอนนั้น...กานต์ยังเป็นเพียงเด็กมัธยมต้นอยู่เลยด้วยซ้ำ เขาก็บ้าจริงเชียวที่เผลอใจให้กับอีกฝ่ายทั้งที่กานต์มีอายุห่างจากเขาตั้งสิบแปดปีตั้งแต่แรกพบ

มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ...

ทว่า...ทั้งที่รู้อย่างนั้น แต่ออสตินกลับไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งรู้ว่าอีกไม่นาน มารดาของกานต์จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา เขาก็เฝ้าตั้งตารอเลยทีเดียว ถึงขนาดไปเรียนภาษาไทยเพื่อเตรียมความพร้อมในการสื่อสารก่อนจะได้พบกับเด็กหนุ่มด้วยกลัวว่าเมื่อเจอกันแล้วจะคุยกันไม่รู้เรื่อง

คิดถึงช่วงเวลานั้นแล้ว ออสตินก็รู้ว่าในใจของเขามีแต่เด็กผู้ชายคนนั้นอัดแน่นอยู่มากเพียงใด ก่อนที่ความคิดของเขาจะถูกดึงไปเมื่ออีกฝ่ายจะร้องบอกผ่านเข้ามาข้างในห้อง

“เดี๋ยวผมไปโรงเรียนอนนะครับ”
เสียงนั้นทำเอาออสตินที่กำลังผูกเนกไทอยู่ชะงักไปครู่ พลันพยักหน้ารับ
“วันนี้...แด๊ดดี้จะกลับบ้านเร็วใช่ไหมครับ”
“ถามทำไม”
“ผมอยากรู้”
“อยากรู้เพราะอะไร”
“ทำไมแด๊ดดี้ต้องถามจุกจิกด้วย ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเพราะผมอยากใช้เวลาอยู่กับแด๊ดดี้นานๆ”

ถูกแหวน้อยๆ กลับมาอย่างนั้น รอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าคร้าม

เขารู้อยู่แล้วน่ะจริง แต่เขาอยากได้ยินคนตรงหน้าพูดให้ฟังมากกว่าว่าอยากอยู่กับเขา

“ตกลงกลับบ้านเร็วใช่ไหมครับ”
“วันนี้ไม่มีประชุม”
“แล้วกลับเร็วใช่ไหมครับ” กานต์ถามย้ำมาอีกเมื่อออสตินตอบไม่ตรงประเด็น
“คิดว่าฉันควรกลับเร็วหรือเปล่าล่ะ”

ตอนนี้ใบหน้าอ่อนเยาว์มีรอยย่นยู่เล็กน้อยเมื่อถูกออสตินเล่นลิ้นไปมาไม่เลิก

“ควรสิครับ เพราะผมจะรีบกลับมารอ”
เท่านั้นออสตินก็หัวเราะในลำคอน้อยๆ “ถ้าเธอรีบกลับ ฉันก็คงจะต้องรีบกลับ”

ในที่สุดก็มีรอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม
“ผมจะรีบกลับครับ ไว้เจอกันนะ”

สิ้นเสียง กานต์ก็ยกมือขึ้นโบกน้อยๆ เป็นการบอกลา ก่อนจะกระโจนลงจากบันไดบ้านไป ออสตินมองตามขณะที่ริมฝีปากยังคงหยักยิ้มอยู่

เด็กผู้ชายคนนั้น...เปรียบเสมือนกับแสงอาทิตย์วันใหม่ของเขาจริงๆ

แทนที่จะผูกเนกไทให้เสร็จแล้วรีบไปทำงานบ้าง หากแต่ออสตินกลับเลือกที่จะวางเนกไททิ้งไว้บนเตียง เดินไปหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดดูกล้องวงจรปิด ตั้งใจว่าจะดูเด็กหนุ่มกระทั่งออกจากบ้านไป ทว่า...เพียงแค่สายตาปราดมองไปยังหน้าจอ พลันหัวคิ้วของเขาก็ย่นยู่

กล้องวงจรปิดที่อยู่นอกบ้านและสามารถมองเห็นหน้าประตูรั้วได้...ฉายภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

แน่นอนว่าไม่ใช่กานต์ แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างสูง เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

เจฟฟรี่ย์ โอโคเนล...

ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน วันนี้ถึงขนาดมาดักรอหน้าบ้านเลยอย่างนั้นเหรอ?

คงจะเป็นอย่างนั้น เพราะเจฟฟรี่ย์ชะเง้อชะแง้เข้ามาในบ้าน ทำท่าเหมือนมองหาใครบางคน เท่านั้นออสตินก็โยนแท็บเล็ตลงบนเตียง ก้าวยาวๆ ลงบันไดไปทันที ก่อนจะเปล่งเสียงร้องเรียก

“กานต์”
คนถูกเรียกซึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ สวมรองเท้าผ้าใบอยู่ที่หน้าชั้นวางรองเท้าหันมามอง พอเห็นว่าเป็นผู้ปกครองก็เลิกคิ้วสูง
“ครับ?”
“อย่าเพิ่งไป”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ดูงุนงงมากขึ้นไปอีก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

ออสตินไม่ตอบคำถาม ตรงเข้ามาหา ก่อนจะรวบร่างอีกฝ่ายไปไว้ในอ้อมแขน จรดจูบที่ริมฝีปาก ก่อนจะออกแรงอุ้มขึ้นไปนั่งบนชั้นวางรองเท้า ซุกไซ้ใบหน้าไล่ต่ำไปตามใบหูและซอกคอ

อากัปกิริยานั้นทำเอากานต์เบิกตาโตด้วยอารามตกใจ เพราะไม่เคยถูกออสตินจู่โจมโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อน หากแต่ก็ไม่ได้ปัดป้อง ได้แต่หอบหายใจน้อยๆ พลางเอ่ยปากถาม

“แด๊ดดี้ครับ...เป็นอะไร...จู่ๆ ก็...”

จากนั้นเสียงก็ขาดห้วงไปเมื่อมือใหญ่สอดเข้ามาใต้ชายเสื้อยืด ลูบไล้แผ่วเบาที่จุดศูนย์รวมความรู้สึกเล็กๆ ยังแผ่นอก ขณะที่ออสตินซึ่งยังไม่ละใบหน้าออกจากซอกคอหอมกรุ่มพึมพำแผ่วเบา

“อยู่เฉยๆ”
“ทะ...ทำไมล่ะครับ”

ออสตินไม่ตอบ ถลกชายเสื้อขึ้น เข้าครอบครองยอดอกสีสวยจนอีกฝ่ายต้องแอ่นอกรับสัมผัสด้วยความหวามไหว พริบตาเดียว ส่วนกลางของลำตัวก็เกิดปฏิกิริยา ออสตินจัดการปลดเปลื้องท่อนล่างของคนตรงหน้าออก กอบกุมความร้อนเร่านั่นไว้แล้วรูดรั้งทีละน้อย

“ดะ...แด๊ด...”

กานต์ทั้งงุนงง ทั้งเสียวซ่าน ระคนปนเปกันไปหมด จะถามก็เอ่ยปากไม่ได้ มีเพียงเสียงครางกระเส่าเท่านั้นที่ดังขึ้น

กระทั่ง...ไม่นานนัก ความอัดอั้นภายในก็ปะทุออกมาเป็นหยาดหยด กระเซ็นเปรอะเปื้อนที่ชายเสื้อสูทของคนตรงหน้าเป็นวง กานต์เบิกตาโตอีกครั้ง

“สูทของแด๊ด...”
“ไม่เป็นไร” น้ำเสียงทุ้มเจือความใจดีดังปลอบประโลม ก่อนจะจุมพิตลงมาที่ใบหู “เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนใหม่ได้”

คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่กานต์ก็ยังไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมแด๊ดดี้จู่ๆ ก็...” ถามทั้งที่ใบหน้าแดงเรื่อ ทว่าก็ถามไม่ทันจบ ริมฝีปากพลันถูกช่วงชิงไปอีกครา
“เพราะฉันอยากทำ” ออสตินตอบสั้นๆ หลังจากถอนริมฝีปากออกมา

ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของกานต์เต้นระส่ำ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ออสตินเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอย่างนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“เอาแต่ใจ ไม่เห็นถามผมก่อนสักคำ” เรียวปากบางพึมพำ ทำเอาออสตินยิ้มเผล่
“หรือเธอจะไม่อยากทำ?”
“ไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อยครับ”
“ถ้างั้นก็อย่าบ่นนักเลย แต่งตัวให้เรียบร้อย จะได้ไปโรงเรียน เดี๋ยวสาย”

ออสตินรวบรัดเอาเองเสร็จสรรพ กานต์พยักหน้า จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม ขณะที่ออสตินดึงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เมื่อแต่งตัวเสร็จ

“จะทำอีกรอบเหรอครับ”
กานต์ถามหน้าตาตื่น หากทว่าออสตินกลับส่ายหน้า
“ฉันแค่ลืมอะไรไปบางอย่าง” สิ้นเสียงก็ดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายลงต่ำเล็กน้อย ประทับริมฝีปากลงไปยังแนวไหปลาร้า ออกแรงดูดดุนอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถอนออกมา ปรายตามองรอยแดงช้ำที่ปรากฏบนผิวเนื้อเนียนอย่างพอใจ
“ไปโรงเรียนได้แล้ว”

มือใหญ่วางบนศีรษะของเด็กหนุ่ม โคลงเบาๆ ให้โยกตาม กานต์ก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของคนตรงหน้าอยู่ดี ทว่าก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ได้แต่ว่าอุบอิบ

“เมื่อกี้มันฉุกละหุกไปหน่อย ผมไม่ทันตั้งตัว กลับมาแล้วขอแก้ตัวใหม่นะครับ”
“ไปโรงเรียนได้แล้ว” ออสตินว่าสั้นๆ ใบหน้าประดับรอยยิ้มพราย

กานต์รู้ว่านั่นไม่ใช่การไล่หรือดุอะไร เป็นการบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เขาต้องการพูดต่างหาก

“ไว้เจอกันครับ” เด็กหนุ่มไม่เซ้าซี้ ก้มลงสวมรองเท้า จากนั้นก็หายออกจากบ้านไป

ออสตินมองตามประตูที่ถูกปิดลง ก่อนจะขึ้นไปเหลือบมองคราบคาวที่อีกฝ่ายฝากทิ้งไว้ให้เขาบนเสื้อสูท พลันหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็ถอดมันออก เอาไปใส่ไว้ในตะกร้าที่หน้าห้องน้ำ ขึ้นไปชั้นบนเพื่อหยิบสูทตัวใหม่มาสวม

กานต์ที่ยังตั้งตัวไม่ถูกลูบใบหน้าตนเองก่อนระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจเมื่อเห็นเจฟฟรี่ย์ยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน

“ไง” อีกฝ่ายร้องทักพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ท่าทางร่าเริงสุดขีดราวกับสุนัขได้เจอเจ้าของ
“ไงเจฟ” กานต์ทักกลับ จากนั้นก็ถามต่อ “ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”
“ไม่ได้เจอนายหลายวัน อยู่ในห้องเรียนก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ตอนเย็นนายก็รีบกลับบ้าน ฉันเองก็ติดซ้อมฟุตบอลด้วย เลยคิดว่ามาหานายตอนเช้าน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เดินไปโรงเรียนพร้อมกัน”
“ทั้งที่ถ้ามาจากบ้านนาย โรงเรียนจะอยู่ถึงก่อนบ้านฉันน่ะนะ?”
เจฟฟรี่ย์พยักหน้า ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว
“ลงทุนชะมัด”
“ช่วยไม่ได้ ฉันอยากเจอนายนี่นา”

แววตาเว้าวอนของเจฟฟรี่ย์ทำเอากานต์หัวเราะออกมาน้อยๆ

“แล้วนี่จะไปกันได้หรือยัง เดี๋ยวจะสายเอา”
พอเจฟฟรี่ย์เอ่ยปากชวนอีกครั้ง กานต์ก็พยักหน้า
“อืม”

แค่ไปโรงเรียนพร้อมกัน พ่อเลี้ยงคงไม่ว่าอะไรล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นคงต้องออกจากบ้านมาทำหน้าดุแล้ว

กานต์คิดเอาเอง ก่อนจะเปิดประตูรั้วบ้านออกไป ระหว่างทางที่เดินก็คิดครุ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับออสตินก่อนหน้า คิดได้ไม่เท่าไร หูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่คุ้นเคย หันไปมองก็พบว่าเป็นรถยนต์ของออสตินที่เพิ่งออกจากบ้านมาเมื่อครู่ขับไล่ตามหลังมา

จังหวะที่รถคันนั้นขับผ่าน ชายหนุ่มซึ่งนั่งประจำตำแหน่งคนขับก็เหลือบมาสบตากับเขาพอดี ก่อนที่จะแล่นผ่านไป

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แต่เป็นเสี้ยววินาทีที่ทำให้กานต์ใจเต้นระส่ำไม่หยุด พลันใบหน้าก็แดงเรื่อขึ้นมา เขาเม้มริมฝีปากแน่น หยุดเดินไปฉับพลันจนคนข้างกายที่จ้อไม่หยุดต้องหันมามองพลางถามอย่างสงสัย

“มีอะไรเหรอคาร์ล”

คนถูกถามส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ไปโรงเรียนกันเถอะ”

จะให้บอกได้อย่างไรล่ะว่าเขาเผลอคิดถึงสิ่งที่ออสตินทำกับเขาก่อนหน้านี้...

ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ เจฟฟรี่ย์เริ่มพูดเจื้อยแจ้วอีกครั้ง หากแต่กานต์กลับแทบไม่ได้ยินเสียงของคนข้างกายเลยแม้แต่น้อย มือของเขายกขึ้นแตะลงไปเบาๆ ที่ผิวเนื้อบริเวณแนวไหปลาร้าใต้เสื้อยืด

ร่องรอยคิสมาร์กรอยใหม่ที่ออสตินทำไว้...

...มันทำให้เขาอยากให้ถึงเวลาเลิกเรียนเร็วๆ เสียเหลือเกิน



 
พอเลิกเรียน กานต์ก็แทบจะวิ่งกลับบ้าน มิหนำซ้ำยังปฏิเสธเจฟฟรี่ย์ที่อาสาจะมาส่งบ้านด้วย พอเห็นเจฟฟรี่ย์ตื๊อไม่หยุด เขาก็อ้างว่ามีนัดกับออสตินไว้ ฝ่ายนั้นเลยยอมละเลิกตื๊อไปแต่โดยดี แวบหนึ่งเห็นความผิดหวังในแววตาของเจฟฟรี่ย์ แต่กานต์ก็ทำเป็นมองไม่เห็นเพราะตอนนี้ใจของเขาเอาแต่จดจ่อที่จะได้พบหน้าของใครอีกคนที่บ้านมากกว่า

กลับมาถึงก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าออสตินอยู่ที่บ้านแล้ว กานต์ก้าวเข้ามาข้างใน เอ่ยทักอีกฝ่ายที่นั่งไขว่ห้างอยู่ยังโซฟาที่ประจำ
“วันนี้กลับเร็วจังนะครับ”

คนถูกทักเหลือบมองเด็กหนุ่ม ว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันนัดกับเธอไว้นี่”

คำพูดตรงๆ ทำให้กานต์ยิ้มกว้างออกมา ก่อนเขาจะทิ้งกระเป๋าเป้ที่สะพายบ่าอยู่ลงพื้น ตรงเข้ามานั่งข้างๆ ทันใด

“กลับเร็วแบบนี้ แสดงว่าอยากเจอผมใช่ไหมครับ”
ออสตินเลิกคิ้ว “คิดเอาเองหรือเปล่า”
“โธ่แด๊ดดี้ พูดว่าอยากเจอผมหน่อยก็คงไม่คันปากหรอกมั้งครับ” กานต์ตัดพ้อ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางยิ้มประจบ “พูดหน่อยนะครับว่าอยากเจอผม”

เห็นท่าทางออดอ้อนนั่นแล้ว ออสตินก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มบางๆ

“ฉันอยากเจอเธอ”

เท่านั้นหัวใจของเด็กหนุ่มก็ชุ่มฉ่ำไปหมด ก่อนเขาจะโผเข้ากอดเอวของคนตรงหน้าให้อีกฝ่ายไปลูบท้ายทอยอย่างเบามือ

“ไม่เห็นจะต้องกอด”
“ก็ผมดีใจนี่ครับ”
“กับเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ”

กานต์พยักหน้า เท่านั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาให้ได้ยิน

“ก็แด๊ดดี้เคยพูดแบบนี้กับผมที่ไหนกันล่ะ” เด็กหนุ่มอธิบาย ใบหน้าซุกลงไปบนหน้าท้องแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ต สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของคนตรงหน้า

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” ออสตินว่า “แค่คิดว่าเหมือนลูกหมา”
เท่านั้นกานต์ก็เงยหน้าขึ้นมอง “แล้วแด๊ดดี้ไม่ชอบเหรอครับ”
“ชอบสิ แต่...”
“แต่?”
“ถ้าระริกระรี้มากเหมือนเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่มารอเธออยู่หน้าบ้านเมื่อเช้า ฉันก็รำคาญ”

กานต์คิดครุ่นทันควัน

เจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่มารอเขาอยู่หน้าบ้านเมื่อเช้า?... คิดๆ ดูแล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจมากทีเดียวว่าไม่เห็นหมาสักตัวมาป้วนเปี้ยนที่หน้าบ้านเมื่อเช้านี้นะ

“ฉันหมายถึงเจฟฟรี่ย์”

เห็นสีหน้างุนงงของกานต์ ออสตินก็ยอมพูดออกไปว่าเจ้าหมาที่เขาหมายถึงนั้นคือใคร เท่านั้นกานต์ก็ร้องอ๋อ ก่อนจะหัวเราะร่วน

“แด๊ดดี้ไม่ชอบเจฟมากถึงขนาดเปรียบเทียบหมอนั่นเป็นหมาเลยเหรอครับ”

ออสตินอยากจะบอกว่าใช่ มาเกาะแกะจอแจของรักของหวงเขาอย่างนี้ ไม่ชอบก็ไม่แปลก แต่เขาต้องรักษามาดความเป็นผู้ใหญ่เอาไว้หน่อย

“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วอย่างไหน”
“ฉันก็แค่คิดว่าท่าทางของหมอนั่นเวลาเจอเธอเหมือนหมาก็เท่านั้น”

แววตาของเด็กหนุ่มพราวระยับอย่างล้อเลียน ทำไมเขาจะไม่รู้กันล่ะว่าออสตินแสร้งเฉไฉ ผู้ชายคนนี้ก็ทำแบบนี้ประจำเวลาไม่อยากจะพูดหรือตอบอะไร ถึงส่วนมากจะอ่านยากว่าคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้

“ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้แด๊ดดี้จู่โจมผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเมื่อเช้าหรือเปล่าครับ?”
ออสตินชำเลืองมองอีกฝ่ายเขม็งทันทีโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“แล้วก็ทำรอยนี้ไว้ด้วย เผื่อว่าเจฟมาเห็นจะได้รู้ว่าผมมีเจ้าของแล้ว”

กานต์พูดเจื้อยแจ้วไม่เลิก ออสตินเสียหน้าหน่อยๆ ที่ถูกจับได้ ทว่าสีหน้าของเขากลับนิ่งเรียบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

ความเงียบงันของอีกฝ่ายทำให้กานต์รู้สึกดีมากกว่าเดิม เพราะนั่นไม่ใช่การปฏิเสธ หากแต่เป็นการยอมรับกลายๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่คือเรื่องจริง ก่อนที่เขาจะถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงขึ้นมาอีก

"ว่าแต่...ถ้าเจฟเป็นหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ แล้วแด๊ดดี้คิดว่าผมเป็นพันธุ์อะไรครับ"
ออสตินนิ่งคิด ปรายตามองอีกฝ่ายก่อนพูด "ชิวาวา"
"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ"
"พูดเก่ง เหมือนชิวาวาเห่าเรื่อยเปื่อยไม่หยุด"

กานต์หัวเราะให้กับคำพูดนั้น เมื่อครู่นี้เขาก็พูดจ้อไม่หยุดจริงๆ

ให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็คนมันรู้สึกดีนี่นา

"แล้วแด๊ดดี้คิดว่าตัวเองเป็นพันธุ์อะไร"
คนถูกถามครุ่นคิดไปอีกครู่ "ไซบีเรียนฮัสกี้"

เท่านั้นกานต์ก็หัวเราะเสียงดัง
"ไซบีเรียนเหรอครับ ทำไมล่ะ"
"ดุเหมือนกันมั้ง"

พูดไปก็คิดถึงหน้าตาดุๆ เข้มๆ ของสุนัขพันธุ์นั้นไป ทว่ากานต์กลับไม่คิดอย่างนั้น หัวเราะเสียงดังกว่าเดิมเสียอีก
"มีอะไรให้ขำมากงั้นเหรอ"

กานต์ไม่ตอบคำถาม แต่พูดสิ่งที่คิดออกมา
 
"แด๊ดดี้ไม่รู้เหรอครับว่าเขาว่ากันว่าไซบีเรียนน่ะ...เป็นหมาปัญญาอ่อน"
"..."

จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มค้างเพราะออสตินขมวดคิ้วใส่

"แต่ผมไม่ได้ว่าแด๊ดดี้ปัญญาอ่อนนะครับ"

ทว่าไม่ทันแล้ว ออสตินมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุๆ ไปแล้ว ก่อนที่จะขยับตัวไปหาเด็กหนุ่มจนอีกฝ่ายต้องถอยไปติดกับพนักโซฟา จากนั้นก็ขังเอาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงเบา

"แล้วเธอ...เคยถูกหมาปัญญาอ่อนขย้ำหรือเปล่า..."

กานต์ไม่เคยรู้สึกว่าแววตาของออสตินดูเจ้าเล่ห์เท่ากับครั้งนี้เลย เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตอบตะกุกตะกักพร้อมกับหัวใจที่สั่นระรัว

“มะ...ไม่เคยครับ”
“แล้วอยากถูกขย้ำไหม”

มีหรือที่จะปฏิเสธ กานต์พยักหน้ารับรัว ทำเอาออสตินยิ้มเผล่ออกมา

“ถ้าอย่างนั้น...”

เด็กหนุ่มหยุดหายใจไปช่วงหนึ่ง รอลุ้นคำพูดของอีกฝ่าย

“...ก็จงไม่เคยต่อไป”

สิ้นเสียงก็ผละออกห่างทันที ปล่อยให้กานต์ทำหน้าเหลอหลาที่จู่ๆ ก็ถูกให้ความหวังแล้วก็ถูกผลักตกเหวของความผิดหวังเสียอย่างนั้น

“แด๊ดดี้!” ได้สติปุ๊บก็โวยวายปั๊บ
“มีอะไร” ออสตินที่ผละกลับมานั่งท่าเดิมตอบโดยไม่หันไปมอง
“ทำไมมาให้ความหวังผมแบบนี้ล่ะ ผมก็นึกว่าแด๊ดดี้จะ...”
“จะอะไร”

คราวนี้หันไปมองหน้า ทำเอากานต์อึกอักไปเล็กน้อย เบาเสียงลงแล้วว่าอุบอิบในลำคอ

“นึกว่าจะขย้ำผม”

ท่าทางดูเสียดายอยู่ไม่น้อย แต่นั่นแหละ ออสตินต้องการให้เป็นแบบนั้น

กล้ามาว่าเขาว่าเป็นหมาปัญญาอ่อน ก็สมควรแล้วที่จะถูกสั่งสอน

อย่าได้คิดเอาเขาไปเปรียบเทียบกับเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์นั่นเชียว

เขากับเจ้าหมานั่นเป็นมันคนละดีกรีกัน!

ออสตินหัวเราะในลำคอกับคำพูดซื่อๆ ของคนข้างกาย กานต์เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดออกมา

“แด๊ดดี้ไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่เป็นหมาดุ... เจ้าหมาร้ายกาจ”

ใช่...และเขาร้ายกาจได้มากกว่านี้อีกถ้าหากว่าเจ้าชิวาวาของเขาถูกหมาตัวอื่นมาวุ่นวาย

“งั้นเธอก็ต้องระวัง”
“ระวังอะไรครับ”
“ระวังหมาดุ”

ออสตินลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเบามือหลังเอ่ยประโยคนั้นจบ จังหวะเดียวกันกับที่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงเรียกเข้าพอดี ออสตินหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ พอรู้ว่าใครโทรมา เขาก็ผุดลุกขึ้น

“เดี๋ยวฉันคุยธุระก่อน”

กานต์พยักหน้า ปล่อยให้ออสตินเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ห้องครัว

ปลายนิ้วกดรับสาย พอยกขึ้นแนบหูก็กรอกเสียงลงไป

“ว่าไงพี่”

สายที่โทรเข้ามานั้นเป็นของจัสติน คนปลายสายเองก็รีบกรอกเสียงลงมาเหมือนกัน
[พรุ่งนี้นายว่างไหม]

ออสตินนิ่งคิดไปครู่ “พอจะว่างอยู่”
[แวะมาหาฉันหน่อยสิ สักชั่วโมงก็ได้ มีธุระจะคุยกับนาย]
“ธุระ?”
[เรื่องของลูกเลี้ยงนาย]

เท่านั้นออสตินก็ขมวดคิ้วมุ่นทันควัน เขาพอจะเดาได้ว่าจัสตินจะพูดอะไรออกมาหลังจากนี้

[เอกสารเรื่องขอรับเป็นบุตรบุญธรรมมาถึงแล้ว ฉันอยากจะให้นายเข้ามาคุยรายละเอียดสักหน่อย พอจะสะดวกไหม]

คนฟังกำโทรศัพท์สมาร์ตโฟนในมือแน่น ครู่ใหญ่ทีเดียวที่เงียบไปจนปลายสายต้องเอ่ยเรียก

[ออสติน...ฟังอยู่ไหม]
“พรุ่งนี้เจอกันครับ ผมจะนัดเวลาอีกที”

คุยกับจัสตินต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นก็วางสาย ออสตินยืนนิ่งอยู่ในครัว หัวสมองว่างเปล่าขึ้นมาฉับพลัน

บุตรบุญธรรม...

จะให้กานต์เป็นบุตรบุญธรรมของเขาน่ะเหรอ

บ้าบอชะมัด...
-----------------------------
ความลับเผยออกมานิดนึงแล้วค่ะว่าแด๊ดไปเจอกับกานต์ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนหน้าคงจะเฉลยเยอะขึ้นกว่านี้ รอติดตามกันนะคะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด