ღLike Daddy,Like Babyღ ⇝#แด๊ดดี้ครับ - Ch.24: The top secret[24-4-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ღLike Daddy,Like Babyღ ⇝#แด๊ดดี้ครับ - Ch.24: The top secret[24-4-18]  (อ่าน 34861 ครั้ง)

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
แด๊ดดี้ขี้หึงเกินนนน :hao3:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 12: Jealous[1]

กานต์ไม่ได้เลิกคบกับเจฟฟรี่ย์ตามที่อีกฝ่ายขอร้อง...

ก็จะให้เขาเลิกคบได้อย่างไร เช้าวันใหม่พอมาถึงโรงเรียนก็เจอกับเด็กหนุ่มผมบลอนด์คนนั้นยืนดักรออยู่ที่โถงทางเดิน พอเห็นหน้าก็รีบปรี่เข้ามาหาพลางกระดิกหางระริกระรี้ใส่

ใช่...กระดิกหาง เหมือนกับสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ไม่มีผิด ถึงเจฟฟรี่ย์จะไม่ได้เป็นสุนัขก็เถอะ แต่ท่าทางของเขาทำให้กานต์มองเห็นหูตูบกับหางงอกออกมาจากตัวของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเลย

เป็นแบบนี้แล้วจะเลิกคบได้อย่างไร?

และเพราะกลับมาทำตัวตามปกติ เจฟฟรี่ย์จึงเข้าหาอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าไม่ใช่ในฐานะเพื่อน แต่เป็นในฐานะผู้ชายที่กำลังจีบกานต์ต่างหาก บอกตามตรงว่ามันก็ไม่คุ้นชินสักเท่าไรนักหรอกที่ถูกจู่โจมตลอดเวลาอย่างนั้น ทว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นเจฟฟรี่ย์ กานต์จึงไม่รู้สึกอึดอัด กลับสนุกทุกครั้งด้วยอยากรู้ว่าเจฟฟรี่ย์จะมีวิธีใดเข้าหาตน

ครั้งแรกปีนระเบียงมาหาถึงที่ห้อง...

ครั้งที่สองเอากางเกงบ็อกเซอร์ที่หยิบติดมือไปเป็นตัวประกัน...

ต่อไปจะเป็นอะไร กานต์อยากรู้จริงๆ

“ฉันดีใจนะที่นายไม่เลิกคบฉัน”

เจฟฟรี่ย์ว่าออกมาขณะกำลังเดินกลับบ้านหลังจากที่ตามตื๊อกานต์อยู่นานว่าจะเดินไปส่ง เพราะหลังจากที่เจฟฟรี่ย์ไปบุกบ้านของพ่อเลี้ยงเด็กหนุ่มข้างกายได้ครบอาทิตย์ ออสตินก็อนุญาตให้กานต์ได้เดินกลับบ้านเองตามที่เคยบอกไว้

“ฉันจะเลิกคบนายถ้านายเอากางเกงบ็อกเซอร์ฉันไปแอบใส่”

และนี่คือสาเหตุที่กานต์ยอมแพ้ ต้องให้เจฟฟรี่ย์ยอมเดินไปส่งที่บ้านตั้งแต่ได้กลับบ้านเองวันแรก เพราะอีกฝ่ายขู่เอาไว้ว่าถ้าไม่ให้ไปส่ง เขาจะเอากางเกงบ็อกเซอร์ที่หยิบติดมือไปใส่มาโรงเรียน ถึงอีกฝ่ายจะขี้เล่น แต่กานต์ก็รู้ว่ามันแฝงไปด้วยความจริงจัง แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องให้คนอื่นมาใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวกับเขาล่ะ แค่ไปส่งบ้านแค่นี้ เขายอมก็ได้

เจฟฟรี่ย์หัวเราะพรืดออกมา ก่อนจะว่าหน้าระรื่น

“คิดว่าฉันจะทำจริงๆ หรือไง ไม่ได้โรคจิตขนาดนั้นสักหน่อย”

“ใครจะไปรู้ เรื่องไม่คาดฝัน นายยังทำมาแล้ว ฉันไว้ใจนายไม่ได้หรอก”

ถูกยอกย้อน อีกฝ่ายก็ยิ้มออกมา “แต่ถ้าเอาไปดมก็ว่าไปอย่าง”

คราวนี้แหละ กานต์ถึงกับมองตาเขียวเลย

“อย่าเชียวนะ”

“ไม่เห็นจะต้องทำหน้าตาดุขนาดนั้นเลย ฉันก็แค่พูดเล่น” เจฟฟรี่ย์แก้ต่าง พอเห็นกานต์ดูผ่อนคลายลงแล้ว เขาก็ว่าลอยๆ “แต่ก็น่าลองอยู่เหมือนกันนะ กางเกงบ็อกเซอร์นายก็หอมดี ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้ออะไร”

“พูดมากจังเลยนะนายน่ะ ถ้าอยากเอาไปดมมากก็ตามสบายเลย ฉันก็แค่เลิกคบนายเท่านั้น”

ยกนี้กานต์ชนะ เจฟฟรี่ย์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างจำนน

“โอเคๆ ไม่ดมๆ สบายใจได้ ไม่ทำอะไรแผลงๆ กับบ็อกเซอร์นายแน่ เอาใส่กรอบตั้งไว้ในห้องนอน รักษาเป็นอย่างดี”

“ฉันว่านายควรเอามาคืนฉันมากกว่านะเจฟ”

ในที่สุดก็เอ่ยทวงออกมา ถ้านับเป็นครั้ง ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นครั้งที่ร้อยกว่าๆ แล้วก็ว่าได้ แต่เจฟฟรี่ย์ก็ทำเป็นไม่หือไม่อือ ยึดเป็นเจ้าของทั้งที่เจ้าของที่แท้จริงไม่ได้ยกให้

“นายนี่หวงจริงนะ แค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว”

“ถ้ามั่นใจได้ว่านายไม่เอาไปทำอะไรแปลกๆ ฉันก็ไม่หวงหรอก”

“งั้นก็มั่นใจสิ”

“ทำอย่างกับนายน่าเชื่อใจได้อย่างนั้นแหละ”

การสนทนานั้นเรียกเสียงหัวเราะของทั้งคู่ได้เป็นระยะ กานต์ไม่ได้ติดใจเรื่องถูกเอาของใช้ส่วนตัวไปหรอก แค่สนุกกับการได้โต้เถียงเล็กๆ น้อยๆ กับอีกฝ่ายเท่านั้น

เจฟฟรี่ย์หยุดเดิน หันมามองหน้าอีกฝ่าย

“ฉันคืนให้ก็ได้ถ้านายไม่สบายใจ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

กานต์หยุดเดินบ้าง “ข้อแลกเปลี่ยนอะไร”

“คิดก่อนนะ” อีกฝ่ายทำท่าคิด “อืม...อะไรดี”

“บอกไว้ก่อนว่าถ้าเป็นอะไรแผลงๆ อย่างที่นายเคยหลอกให้ฉันทำ ฉันขอบาย”

รีบพูดดักไว้ก่อนเพราะกลัวว่าจะถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่กัญชาอะไรพวกนั้นอีก

“ฉันไม่ทำเรื่องพวกนั้นหรอกน่า ขืนทำอีก นายก็เลิกคบฉันพอดี”

เป็นอย่างนั้นแน่นอน กานต์บอกเอาไว้แล้วว่าถ้าจะเป็นเพื่อนกันต่อก็ต้องทำตัวให้ดี ต่อให้เป็นเรื่องยากสำหรับเจฟฟรี่ย์ แต่เขาก็จะพยายามทำมัน เพราะเขาถูกใจคนตรงหน้ามากกว่าจะยอมพลาดโอกาสใกล้ชิดไปง่ายๆ

“งั้นเอางี้ บอกความลับของนายมาสักอย่างนึงแล้วกัน แล้วฉันจะคืนกางเกงบ็อกเซอร์ให้”

ในที่สุดเจฟฟรี่ย์ก็ตัดสินใจได้ ขณะที่กานต์เลิกคิ้วสูง

“ความลับเหรอ?”

“อื้ม อะไรก็ได้ อย่างเช่น เวลานายช่วยตัวเอง นายคิดถึงใครอะไรแบบนั้น”

ทั้งที่เจฟฟรี่ย์พูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรแท้ๆ แต่กลับทำให้คนฟังเสียวสันหลังวาบไปทั้งร่าง

คิดถึงใครอย่างนั้นเหรอ...

ใบหน้าของออสตินโผล่ขึ้นมาในภวังค์ทันที ก่อนที่เด็กหนุ่มจะรีบส่ายหน้าเพื่อเรียกสติ

“ความลับแบบนั้น ใครจะไปบอก”

“แต่ฉันบอกได้นะ” เจฟฟรี่ย์ยิ้ม

“ไม่ต้องบอก ฉันก็รู้ว่านายคิดถึงใคร” กานต์สวน ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก

มันแน่อยู่แล้วว่าต้องเป็นกานต์ บอกความในใจออกมาตรงๆ อย่างนั้น เวลาที่ปลดปล่อยตัวเองตามธรรมชาติของเด็กหนุ่มก็คงหนีไม่พ้นใช้คนที่ตัวเองชอบสร้างจินตนาการอันบรรเจิดอยู่แล้ว

“ฉลาดนี่ แล้วอยากให้ฉันพูดไหม”

“ไม่ต้องเลย” พอถูกเจฟฟรี่ย์หยอก กานต์ก็รีบร้องปราม และก่อนที่จะถูกแกล้งไปมากกว่านี้ เขาก็พูดออกมาก่อน “ฉันจะบอกความลับของฉันให้นายรู้ก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องช่วยตัวเองอะไรนั่น”

เจฟฟรี่ย์ยักไหล่ “ได้ ว่ามาสิ” พลันกอดอก ทำท่าตั้งใจฟังสุดชีวิต

กานต์เหลือบมองแล้วก็นึกขำ เจ้าเจฟเฉยๆ นี่ยียวนกวนประสาทได้ตลอดเวลาเลยจริงๆ แต่อะไรก็ไม่เท่ากับการบอกความลับของเขาไป

“ฉันเป็นเกย์”

“พระเจ้า!” เจฟฟรี่ย์ทำหน้าตกใจชนิดมากเกิน ก่อนที่มันจะกลายเป็นสีหน้าปกติฉับพลันราวกับว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้เป็นเรื่องธรรมดา “นี่น่ะนะความลับของนาย?”

“อืม”

“ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย”

ใช่ ไม่น่าตื่นเต้นหรอก แค่เป็นเกย์ เรื่องปกติจะตาย เพียงแต่กานต์คิดว่าเขายังไม่เคยบอกเพื่อนคนไหนในโรงเรียนให้รู้เลยคิดว่ามันน่าจะเป็นความลับของเขา

“ฉันบอกความลับของฉันไปแล้ว พรุ่งนี้เอากางเกงบ็อกเซอร์ฉันมาคืนด้วย”

ได้ทีก็ทวงของของตัวเองอีกที เจฟฟรี่ย์เบ้หน้าทันใด

“หมดกัน เสียท่าจนได้”

กานต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมา เขาชอบที่คุยกับเจฟฟรี่ย์ก็เพราะอีกฝ่ายชอบทำให้เขายิ้มออกมาง่ายๆ แบบนี้นี่แหละ

“ห้ามดมหรือทำอะไรก่อนเอามาคืนด้วย”

“ทำไมรู้ทัน” เจฟฟรี่ย์ยักคิ้วหลิ่วตา

กานต์ไม่เถียงแล้ว ต่อให้เจฟฟรี่ย์จะทำอะไรกับกางเกงบ็อกเซอร์ของเขาก่อนเอามาคืนหรือจะไม่คืน เขาก็ไม่สนหรอก อย่างที่บอก เขาแค่สนุกกับการหยอกล้อของคนตรงหน้าเท่านั้น

“นายส่งฉันแค่นี้แหละ เดี๋ยวฉันเดินไปเอง”

เด็กหนุ่มว่าเมื่อเห็นว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงหน้าบ้านตนอยู่แล้ว บ้านของเจฟฟรี่ย์ไปคนละทาง อีกทั้งยังไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ กว่าจะเดินกลับไปถึงที่โรงเรียนก็ใช้เวลาร่วมสิบห้าถึงยี่สิบนาที แค่เดินมาส่ง เขาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว ไม่ได้เกรงใจเจฟฟรี่ย์หรอกนะ แต่เกรงใจคนขับรถของบ้านโอโคเนลที่อุตส่าห์มารับแต่คุณหนูของบ้านสั่งให้รออยู่ที่ลานจอดรถของโรงเรียนต่างหาก

แต่เจฟฟรี่ย์ไม่ยอมไปง่ายๆ เห็นกานต์บอกลา...

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

...เขาก็รีบก้าวยาวๆ มาดักหน้าไว้

“เดี๋ยวสิ”

กานต์เลิกคิ้วสูง ให้เจฟฟรี่ย์ได้พูดอีก

“ไหนๆ ฉันก็รู้ความลับของนายแล้ว ฉันอยากจะเสนออะไรนายสักหน่อย”

“เสนออะไร” กานต์เอียงคอเล็กน้อย

“เรื่องที่นายเป็นเกย์น่ะ”

ในใจคนฟังคิดว่าอีกฝ่ายคงจะหาเรื่องต่อรองอะไรอีกแน่ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นเมื่อคนตรงหน้าเริ่มพูดออกมา

“ถ้านายเป็นเกย์เหมือนกัน...” แล้วก็เว้นจังหวะไป มองใบหน้าของกานต์นิ่ง สายตาจับจ้องยังริมฝีปากสีสวยก่อนจะออกปากพูด “อยากจะลองจูบกันดูไหมล่ะ”

กานต์เบิกตาโต แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“พูดจริง?”

“ดูท่าทางฉันเหมือนพูดเล่นหรือไง”

“อืม นายเหมือนพูดเล่นตลอดนั่นแหละ”

กานต์พยักหน้า ก็เป็นอย่างนั้น เจฟฟรี่ย์พูดไปหัวเราะไป ใครจะไปเชื่อล่ะว่าเขาพูดจริง

“แย่จังนะ หรือฉันดูจริงจังไม่พอ?”

กานต์พยักหน้าไปอีก เจฟฟรี่ย์หัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมไอแล้วทำหน้าตาขึงขัง

“โอเค งั้นจริงจังแล้ว คาร์ล... อยากจะลองจูบกันดูไหม”

คราวนี้มั่นใจแล้วว่าไม่ได้ฟังผิดไปอย่างแน่นอน กานต์เม้มริมฝีปากไปครู่หนึ่งราวกับชั่งใจ

เจฟฟรี่ย์เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี เป็นหนุ่มฮ็อต นิสัยดี แล้วก็เป็นเกย์เหมือนกับเขา เป็นเพื่อนที่ดีด้วย ฐานะก็ดี ถ้าไม่ติดเรื่องนิสัยที่รักสนุกจนเกินไปจนบางครั้งก็ดูจะไม่จริงจังกับอะไรสักอย่าง ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมเลยทีเดียว

แต่จูบกับเจฟฟรี่ย์...เห็นทีจะมากไปหน่อย

“ไม่ล่ะ ขอบใจ”

สุดท้ายก็ปฏิเสธ ประโยคนั้นทำเจฟฟรี่ย์ยู่ปากทันที

“โธ่คาร์ล ลองดูหน่อย”

แล้วก็วิงวอนออกมาด้วย กานต์รู้สึกราวกับว่าเห็นหูสุนัขที่ข้างขมับของเจฟฟรี่ย์อย่างไรอย่างนั้น

ท่าทางเหมือนเจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโตๆ อย่างที่เคยคิดไว้ไม่มีผิด...

“แต่ฉันไม่จูบกับใครที่ไม่ได้ชอบหรอกนะ”

เจฟฟรี่ย์ทำหน้าตกใจทันควัน “นายไม่ชอบฉัน?”

“อืม”

“ฉันมันแย่มากเลยสินะ แม้แต่ชอบเป็นเพื่อนก็ไม่ชอบ”

แล้วกานต์ก็อึกอัก เขาไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ชอบแบบเพื่อนสักหน่อย

“ไม่ใช่อย่างนั้น” พลันแก้ตัวออกไป

“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน”

“ก็...นายไม่ได้เป็นแฟนฉันนี่ เราไม่ได้คบกัน”

เจฟฟรี่ย์ครางอ๋อออกมา “แล้วไม่ได้เป็นแฟนกัน จูบกันไม่ได้เหรอ”

กานต์พยักหน้า ทว่าพอถูกเจฟฟรี่ย์ถามกลับ

“แล้วถ้าเดตกันล่ะ จูบได้ไหม”

สำหรับคำถามนี้ กานต์ขบคิดไปเล็กน้อย

“ก็น่าจะได้นะ”

เท่านั้นเจฟฟรี่ย์ก็โพล่งขึ้นมาทันที “งั้นมาเดตกัน!”

กานต์หัวเราะร่วนกับท่าทางนั้น นอกจากก่อนหน้าจะเห็นหูตูบของเจฟฟรี่ย์แล้ว ตอนนี้เห็นหางกระดิกระริกระรี้ขึ้นมาอีกแล้ว

“ตกลงเดตกับฉันนะ ฉันจะได้จูบนาย!”

ใจคิดว่าไม่เอาหรอก ถ้าจะจูบกับใครสักคน เขาขอจูบกับออสตินดีกว่า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธ เจฟฟรี่ย์ก็ดึงเขาเข้าไปหาแล้ว ก่อนที่จะประกบริมฝีปากลงมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว กานต์เบิกตาโตด้วยความตกใจ พยายามจะผลักออก ทว่า...รสจูบของเจฟฟรี่ย์ร้อนแรงจนปฏิเสธไม่ได้

ร้อนแรงและดูดดื่ม...

กระตุ้นเร้าความปรารถนาที่อยู่ในกายของเด็กหนุ่มวัยรุ่นให้ตื่นขึ้น กานต์รู้สึกได้ทันทีว่าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่ามันจะไม่ได้เต้นแรงเหมือนกับตอนที่อยู่กับออสติน แต่มันเต้นแรง...เพราะความตื่นเต้น

เรื่องเพศเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าค้นหาสำหรับเด็กวัยรุ่นนัก ยิ่งกับเด็กผู้ชายก็ยิ่งน่าสนใจ กานต์จึงเผลอเผยอริมฝีปากตอบรับ ปล่อยให้เจฟฟรี่ย์ได้ดุนดันปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปาก ตักตวงความหอมหวานแนบแน่นราวกับพบเจอขุมทรัพย์ขนาดใหญ่และพยายามเอากลับไปครอบครองให้ได้มากที่สุด

เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่จะผละริมฝีปากออกมา กานต์หายใจหอบน้อยๆ มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่เลียริมฝีปากพลางอมยิ้มด้วยพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“จูบได้ดีนี่”

กานต์ร้อนที่ใบหน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะหัวเราะในลำคอน้อยๆ เป็นการกลบเกลื่อน

“นายก็จูบได้ดี”

“ของมันแน่อยู่แล้ว” เจฟฟรี่ย์ดูจะภูมิใจในลีลาการจูบของตัวเองอยู่ไม่น้อย ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้ กระซิบถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “อยากลองดูอีกทีไหม”

จริงๆ แล้วควรจะปฏิเสธ ทว่าพอสบดวงตาสีฟ้าสว่างที่พราวระยับแล้ว กานต์ก็เผลอตกปากรับคำไปด้วยความอยากรู้อยากลอง

“อืม”

เท่านั้นเจฟฟรี่ย์ก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากยกยิ้ม สองมือประคองดวงหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มอีกคนเอาไว้

“คราวนี้ขอจัดเต็มเลยนะ”

กานต์ครางตอบรับในลำคอ ในใจเต้นระส่ำเหมือนกับความรู้สึกที่ได้ขึ้นรถไฟเหาะในสวนสนุกครั้งแรก หากแต่ก็แค่ยืนคิวรอขึ้นเท่านั้น เพราะพอเจฟฟรี่ย์เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ทุกอย่างก็ต้องชะงักทันควันเมื่อเสียงของใครบางคนดังมาให้ได้ยิน

“กานต์”

กานต์เบิกตาโพลง ค่อนข้างมั่นใจเชียวว่าเสียงนั้นเป็นของ...

“แด๊ดดี้”



ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 12: Jealous[2]

หันไปมองก็เห็นออสตินจอดรถอยู่ไม่ไกล กระจกข้างคนขับถูกเลื่อนเปิด ขณะที่เจ้าของรถส่งสายตาดุดันมาให้

“มัวทำอะไร ทำไมไม่รีบเข้าบ้าน”

“อะ...เอ่อ...ผม...”

กานต์พูดไม่ออก ไม่รู้จะแก้ตัวว่าอะไร

ก็เขากำลังจะจูบกับเจฟฟรี่ย์นี่นา จะให้แก้ตัวว่าอะไรล่ะในเมื่อออสตินเห็นเต็มสองตาขนาดนี้!

ไม่ใช่แค่กำลังจะจูบ ออสตินเห็นแล้วด้วยว่าทั้งสองคนนั้นจูบกัน มิหนำซ้ำยังจูบกันกลางถนนเสียด้วย ความจริงแล้วเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องปกตินั่นแหละ แต่สำหรับออสติน เขากลับไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร จึงออกปากสั่งเสียงเรียบ

“ขึ้นรถ เข้าบ้านพร้อมฉันเลย จะได้ไม่ต้องเดิน”

กานต์จะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะ พยักหน้ารับแล้วรีบว่าเร็วๆ

“เจอกันพรุ่งนี้นะ”

เจฟฟรี่ย์ยกยิ้ม โบกมือลาขณะที่กานต์เดินก้มหน้าก้มตาไปเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว ส่วนออสตินก็ได้แต่เหลือบมองเจ้าเด็กผมบลอนด์ที่ยังคงยืนยิ้มไม่เลิกเล็กน้อย ก่อนปิดกระจกรถแล้วขับออกไปโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มคนนั้นอีก

 

พ่อเลี้ยงของเขาค่อนข้างหัวเสียมากทีเดียว...

ถึงออสตินจะไม่พูดอะไร กานต์ก็รับรู้ได้จากแววตา พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าออสตินคงจะไม่พอใจที่เห็นเขาคลุกคลีอยู่กับเจฟฟรี่ย์ อะไรไม่ว่า ดันไปยืนจูบกันให้เห็นอีก

ให้ตายเถอะ เขาจะทำอย่างไรดีเนี่ย!

ทว่า...มันก็น่าสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ออสตินถึงได้โผล่มาได้จังหวะพอดี เมื่อเช้าเห็นอีกฝ่ายบอกว่ามีประชุม อาจจะกลับดึกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึง...?

อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม กานต์ยืนเหลอหลาอยู่กลางบ้าน ไม่รู้ว่าควรจะขึ้นไปข้างบนห้องของตัวเองหรืออยู่แก้ตัวกับออสตินดี หากแต่พอเห็นว่าออสตินไม่พูดอะไร ได้แต่เดินอาดๆ ไปทรุดตัวนั่งที่โซฟา ถอดรองเท้า ถอดเสื้อสูท พับแขนเสื้อ โดยไม่สนใจหันมามองเขา กานต์ก็เลยตัดสินใจว่าจะขึ้นไปข้างบน

อย่างน้อยก็ไปตั้งหลักก่อน...

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวถึงบันได เสียงของออสตินก็ดังขึ้น

“ไม่คิดจะอธิบายกับฉันหน่อยหรือไงเรื่องของเจฟฟรี่ย์น่ะ”

ใจจริงอยากจะเรียกเด็กหนุ่มผมบลอนด์คนนั้นว่า ‘ไอ้เด็กนรก’ มากกว่า แต่ก็ยับยั้งชั่งใจได้

กานต์หันมามอง เห็นสายตาคมจับจ้องก็พลันอึกอัก

“คะ...คือผม...”

ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจริงๆ ออสตินเห็นเต็มสองตาอย่างนั้น เขาจะแก้ตัวว่าไม่ได้จูบก็ไม่ได้ จะบอกว่าถูกเจฟฟรี่ย์บังคับก็ไม่ได้อีก เป็นเขาเองต่างหากที่เต็มใจให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้น

“เธอให้หมอนั่นจูบทำไม”

ในเมื่อไม่พูด ออสตินก็ถามออกมาตามตรง พลันก็นึกโกรธตัวเองขึ้นมาที่ไม่ยอมตัดสินใจกลับบ้านเร็วกว่านี้ ถึงเขาจะบอกกับกานต์ว่ามีประชุมในตอนเย็น อาจจะกลับดึก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นแผนของเขาที่จะจับตาดูเด็กหนุ่มต่างหากว่าเถลไถลที่ไหนหรือไม่ วันนี้ให้กลับบ้านเองตามลำพังวันแรก แน่นอนว่าเขาต้องเป็นห่วง พอเลิกงานก็รีบขับรถกลับมาดักรออยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านอยู่นาน พอเห็นเดินมากับเจฟฟรี่ย์ก็แทบจะพุ่งเข้าไปหาอยู่แล้ว แต่คิดในแง่ดีว่าคงจะไม่มีอะไร ทว่ากานต์ไม่โทรมาบอกว่าถึงบ้านแล้วตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขับรถตามไปดู สุดท้ายก็เห็นอีกฝ่ายยืนจูบกันอยู่กลางถนน

เจฟฟรี่ย์ โอโคเนล เป็นเด็กนรกอย่างที่เขาคิดจริงๆ!

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่กานต์ยอมให้เด็กคนนั้นจูบ ยิ่งพอถูกถามตรงๆ อย่างนั้น กานต์ก็ประหม่าจนวางสีหน้าไม่ถูก

“ผม...”

“ผมทำไม” ออสตินเค้นถามด้วยรำคาญใจ รอยย่นระหว่างคิ้วผุดพรายขึ้นทันควัน

“ผมแค่อยากลองน่ะครับ”

ในที่สุดก็พูดออกไปจนได้ ออสตินถอนหายใจออกมาเต็มแรงอย่างไม่ปกปิด

อยากลอง... ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กวัยรุ่น ใช่ ออสตินรู้ และเขาก็เข้าใจธรรมชาติของเด็กผู้ชายในวัยนี้ดีเสียด้วย เรื่องความสนใจทางเพศเป็นเรื่องที่มนุษย์ซึ่งเป็นลูกหลานของอดัมหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่เด็กหนุ่มตรงหน้าจะจูบกับเจฟฟรี่ย์มันก็ไม่แปลก ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ในเมื่อกานต์เคยบอกเขาแล้วว่าเป็นเกย์ ก็เท่ากับว่าเขารับรู้แล้ว แต่...เขาไม่พอใจ

ไม่พอใจสุดๆ ไปเลย!

“ถ้าแค่อยากลอง เธอก็ไม่ควรจะไปจูบกับหมอนั่น”

กานต์เม้มริมฝีปาก เจฟฟรี่ย์เกเรในสายตาของออสติน...เขารู้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนเลวร้าวสักหน่อย

“แต่ว่าผม...”

“เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือไงว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์”

เห็นกานต์ทำท่าจะเถียงเลยดักคอก่อน กานต์ระลึกได้ขึ้นมาทันควัน

จริงสิ...เขาเคยพูดเอาไว้ตอนที่ถูกออสตินโกรธเรื่องที่ไปเมาหัวราน้ำที่บ้านของเจฟฟรี่ย์

“แต่ผมไม่ได้มีเซ็กส์กับเจฟสักหน่อย ก็แค่จูบ”

สุดท้ายก็เถียงอยู่ดี เป็นการเถียงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อันที่จริงต้องบอกว่าแก้ต่างด้วยความจริงให้ตัวเองต่างหาก ทว่ามันไม่ได้ทำให้ออสตินหายหงุดหงิดได้เลย

“อย่างน้อยก็ช่วยเลือกคนหน่อยเถอะ”

ออสตินว่า เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีกเมื่อคิดวนไปวนมาว่าเจฟฟรี่ย์เป็นคนทำให้ริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่เขาหลงใหลต้องแปดเปื้อน

“เจฟก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่แด๊ดดี้คิดนะครับ”

ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีกเมื่อกานต์แก้ตัวให้ ดวงตาคมตวัดมองเด็กหนุ่มทันที ก่อนที่จะเอ่ยปากถาม

“แล้วหมอนั่นมันมีดีตรงไหน ไหนลองบอกให้ฉันรู้ทีซิว่าอะไรที่ทำให้เธอติดใจ”

ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดร้ายกาจจะหลุดออกมาจากปากของออสติน กานต์เม้มริมฝีปากแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

“เขาเป็นเพื่อนที่ดีครับ” สายตามองไปยังออสตินนิ่ง “แล้วเขาก็ชอบผม เราเป็นเกย์เหมือนกัน ผมก็เลย...”

“ก็เลยยอมจูบด้วย” ออสตินอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมาอีกแล้วมา ก่อนที่เขาจะเริ่มทวีความหัวเสียมากขึ้น “ฟังนะกานต์ การที่เธอรู้ว่าฉันรับได้เรื่องที่เธอเป็นเกย์ มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะไปทำอะไรกับคนอื่นได้ตามใจชอบ เธอเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด ยังไม่บรรลุนิติภาวะและอยู่ในการดูแลของฉัน ดังนั้นจะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ หน่อย ไม่ใช่มาทำตัวเหลวไหล หาคู่นอนมั่วซั่วอย่างนี้”

รู้อยู่หรอกว่าออสตินพูดออกมาด้วยอารมณ์ แต่คำว่า ‘คู่นอน’ ก็ทำให้กานต์ต้องอ้าปากค้าง

พ่อเลี้ยงของเขา...ปากร้ายได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

แต่อะไรก็ไม่น่าเสียใจเท่ากับการที่อีกฝ่ายพูดแรงๆ อย่างนี้ใส่เขา เขาไม่ได้จะให้เจฟฟรี่ย์เป็นคู่นอนเสียหน่อย มันก็แค่...

“ผมแค่จูบกับเจฟเองนะครับ เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้นสักหน่อย ทำไมจะต้องหัวเสียขนาดนี้ด้วย”

เด็กหนุ่มว่าออกมาบ้างแล้ว ยอมรับว่าเขาเองก็โกรธเหมือนกันที่ถูกพูดใส่อย่างนี้

“จูบเป็นการเริ่มต้นของเซ็กส์ ถ้าเธอไม่อยากให้เจฟเป็นคู่นอน แล้วไปจูบกันหมอนั่นทำไม”

เป็นครั้งแรกที่กานต์รู้สึกว่าออสตินพูดไม่รู้เรื่อง ขนาดให้เหตุผลไปแล้วก็ย้อนกลับมาถามเรื่องเดิม

“ผมก็บอกไปแล้วไงว่าแค่อยากลอง”

ถ้าอย่างนั้นการที่เด็กหนุ่มคิดเลยเถิดกับเขาก็เท่ากับว่าเป็นการอยากลองด้วยล่ะสินะ?

คิดแล้วอารมณ์ของออสตินก็คุกรุ่นขึ้นมา

“อย่าอยากลองอะไรที่มันไม่มีประโยชน์”

“มันก็แค่จูบนะครับแด๊ดดี้”

“นั่นแหละ”

“ต่อให้ผมไม่จูบเจฟ ผมก็ต้องจูบคนอื่นอยู่ดี แด๊ดดี้ก็เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าให้ผมเก็บความรู้สึกที่มีต่อแด๊ดดี้เอาไว้ ในอนาคตจะต้องได้เจอคนมากมายกว่านี้”

“มันก็ใช่ แต่เธอเพิ่งอายุสิบเจ็ด...”

“ก็แค่จูบเอง อายุแค่นี้ก็จูบได้ ไม่เห็นจะเป็น...”

“กานต์!”

ปัง!

ออสตินหมดความอดทน เผลอขึ้นเสียงพร้อมกับใช้มือตบลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง กานต์สะดุ้ง มองอีกฝ่ายด้วยความหวาดหวั่นขณะที่สายตาของออสตินแสดงออกมาชัดเจนว่าโกรธอย่างไม่ปกปิด

“มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เข้าใจไหม เธอเพิ่งจะสิบเจ็ด ยังไม่เหมาะจะทำเรื่องอะไรแบบนั้นตอนนี้”

เขาปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของคนตรงหน้า กานต์ไม่พยักหน้ารับ ความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมดจนไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอะไรกันแน่ ที่รู้ๆ คือเขาได้เห็นอีกด้านของออสติน

ที่แท้...พ่อเลี้ยงของเขาก็เป็นฝรั่งหัวโบราณ

“ฉันถามว่าเข้าใจไหม”

เห็นกานต์ไม่ตอบก็ออกปากถามไปอีก ดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นยังคงเจือไปด้วยความขุ่นเคือง กานต์จึงต้องตอบรับ

“ครับ”

“งั้นก็ดี”

“ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ”

กานต์พูดเร็วๆ คว้ากระเป๋าแล้วรีบก้าวขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่คิดชีวิต ออสตินมองตามหลังแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเลย แต่ให้ตายเถอะ! เขากำลังหึงหวงเด็กผู้ชายคนนั้น!

สองมือใหญ่ยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง

ไม่ควร... ไม่ควรเลย...

ไม่ควรทำให้กานต์รู้สึกไม่ดีเพราะอารมณ์อ่อนไหวของตัวเองสักนิด เขาไม่ควรห้ามกานต์ให้ทำเรื่องอย่างนั้นด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ และเด็กวัยอย่างกานต์ก็ควรที่จะมีสิทธิ์ในการทำตามใจตัวเองตราบใดที่มันไม่เกินขอบเขตที่เขากำหนดไว้

ต้องไปขอโทษ...

พอคิดได้ดังนั้น ออสตินก็รีบขึ้นไปยังชั้นบน เคาะประตูห้องของอีกฝ่ายทันที ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็เปิดประตูออกมา สีหน้าของเขายังดูไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทั้งหวาดหวั่น ทั้งสับสน ทั้งเสียใจที่ถูกตะคอกอย่างนั้น จนทำให้คนอาวุโสกว่ารู้สึกผิดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าเธออย่างนั้น”

ออสตินเอ่ยปาก หากแต่กานต์กลับแสร้งยิ้มแล้วว่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

เป็นรอยยิ้มที่เจื่อนมาก ทำไมออสตินจะมองไม่ออกว่ากำลังกลบเกลื่อนความเสียใจไว้ข้างใน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา

“เรื่องที่ฉันกล่าวหาว่าเธอมองหาคู่นอน”

เท่านั้นรอยยิ้มเจื่อนๆ นั่นก็หายไป กลายเป็นสีหน้าเจื่อนๆ แทน

“แด๊ดดี้พูดแรงไปจริงๆ ครับ”

ออสตินพยักหน้ารับ เขารู้ว่าเขาปากร้าย แต่มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ เขาระงับความรู้สึกหึงหวงไม่ได้ถึงได้พลั้งปากไปอย่างนั้น

“ฉันขอโทษ”

เสียงทุ้มดังขึ้นมาอีก เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าก็จริง แต่ถ้าทำผิดแล้วต้องเป็นฝ่ายขอโทษมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหน้า ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนที่เขาอยากดูแลด้วยแล้ว เขาก็ต้องยิ่งให้ความสนใจเรื่องความรู้สึกมากขึ้นไปใหญ่

“ขอโทษนะ โอเคไหม” น้ำเสียงแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

กานต์พยักหน้า ขอบตาร้อนผะผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่เสียใจที่ถูกต่อว่ารุนแรง แต่กำลังดีใจต่างหากที่ออสตินใส่ใจเขาขนาดนี้ ต่อให้เมื่อครู่ต่อว่ารุนแรง แต่รีบขึ้นมาขอโทษทันที มันก็ทำให้เขา...อุ่นวาบในอกขึ้นมาอย่างประหลาด

เขาชอบที่ออสตินเป็นแบบนี้... ชอบที่สุด...

“เฮ้ๆ ไม่ร้อง”

เห็นกานต์พยักหน้าเร็วๆ พร้อมกับขอบตาแดงๆ ออสตินก็อดไม่ได้ที่จะเชยปลายคางมนขึ้นมามอง ตอนนี้เองที่น้ำตาเม็ดใสไหลเผาะ

เห็นเด็กหนุ่มร้องไห้อย่างนั้นแล้ว ออสตินก็นึกอยากจะทำอะไรกับตัวเองให้สาสมกับที่ทำร้ายจิตใจของคนตรงหน้าขึ้นมา เขารู้ทั้งรู้ว่ากานต์มองแค่เขา ถึงการจูบกับเจฟฟรี่ย์จะเป็นไปด้วยความเต็มใจ แต่มันก็แค่ความรู้สึกอยากลองเท่านั้น ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่มีต่อเขา... มันลึกซึ้งกว่านั้น ยิ่งในตอนนี้กานต์ไม่เหลือใคร มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ความรู้สึกก็ย่อมต้องเปราะบางกว่าปกติเป็นธรรมดา

เป็นเขาเองแหละที่ผิด อายุก็ตั้งขนาดนี้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นใจร้อนไปได้...

“กานต์... ไม่ต้องร้อง”

ปลายนิ้วซับน้ำตาให้ กานต์พยักหน้าแต่ก็ไม่สามารถหยุดร้องได้เลย ทำให้ออสตินต้องดึงเข้ามากอด จูบลงบนกระหม่อมเบาๆ เป็นการปลอบประโลม

“ฉันขอโทษ ไม่ต้องร้องนะ ชู่ว์ ไม่ร้องเด็กดี...”

กานต์ทั้งตกใจทั้งดีใจในคราวเดียว เขาพูดอะไรไม่ออกสักคำ ออสตินพูดอะไรมาก็ได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น ก่อนที่จะตวัดสองแขนโอบกอดร่างใหญ่ของคนตรงหน้า ซึมซับกลิ่นและความอบอุ่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะได้มีโอกาสกอดออสตินอีกครั้ง

ออสตินเหลือบมองคนในอ้อมแขนที่ซุกหน้าเข้ากับแผงอกของเขา พลันพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความระอาใจ

ไม่ได้ระอาใจกับกานต์สักนิด ระอาใจกับตัวเขาเอง

ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะหวงอีกฝ่ายได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่เฝ้าบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าตนเป็นพ่อเลี้ยงและอีกฝ่ายเป็นลูกเลี้ยง ไม่ควรให้มีความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เกิดจนได้

บ้าบอจริงๆ ให้ตายเถอะ...

กว่าเด็กหนุ่มจะโตมากพอ เขาคงต้องอกแตกตายก่อนแน่ๆ

--------------------------------

มาดึกอีกแล้ว ช่วงนี้อัปดึกทุกวันเลยค่ะ ดึกแต่มานะ ฮา

ขุ่นแด๊ดดี้อกจะแตกตาย เจฟเฉยๆ ล่องเรือฉิวมาขนาดนี้ สงสัยต้องขังน้องกานต์ไว้แต่ในบ้านแล้วล่ะค่ะ ไม่งั้นยุงริ้นไต่ตอม 555

ฝากกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เลิกล้ม อิอิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไงให้เจฟถอยออกไปได้เนี่ย แล้วทำไงให้เด๊ดดี้เข้าหาได้ ท่าทางคงจะยากน่าดู  :katai1:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อดทนไว้ก่อนนะคะคุณสเวนดิฉันว่าหลังจากหนึ่งปีคุณคงไม่อยากให้น้องหนีไปไหนหรอกนะคะ
ตอนนี้คุณคงถอนตังจากน้องไม่ได้แล้ว  :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ความอยากรู้อยากลอง หึหึ
มาดูกันว่าจะพลาดมั้ย  :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โถ แด๊ดดี้ จะทำไงดีเนี่ย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แดดดี้เส้นเลือดในสมองแตกตายแน่ๆ 5555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 13: Safe sex

พอมาคิดดูดีๆ แล้ว การห้ามไม่ให้กานต์ไปจูบกับเจฟฟรี่ย์หรือใครหน้าไหนคงจะเป็นเรื่องยาก ต่อให้เขาห้ามแต่ถ้ากานต์อยากจะทำ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแอบไปทำจนได้อยู่ดี และนั่นเป็นสิ่งที่ออสตินไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด ถ้าอีกฝ่ายจะแอบทำโดยไม่ให้เขารู้แล้วล่ะก็ สู้บอกเขาแล้วเขาคอยแนะนำอย่างใกล้ชิดจะดีกว่า

แน่นอนว่าหมายถึงเรื่องเซ็กซ์ด้วย...

ดังนั้นออสตินจึงตัดสินใจว่าจะสอนวิธีการมีเซ็กซ์อย่างปลอดภัยให้กับเด็กหนุ่ม ซึ่งใช่...เป็นเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายด้วยกัน

วันนี้เป็นวันหยุด เขามีเวลาว่างพอดี พลันเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ห้องนั่งเล่น มองกานต์ที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่ครู่ก่อนจะเรียก

“กานต์ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“ครับ?”

ออสตินไม่พูดในทันที เดินมานั่งบนโซฟาข้างๆ กานต์เก็บโทรศัพท์ลง มองหน้าพ่อเลี้ยงอย่างสงสัย

“มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”

ออสตินเม้มปาก ลำบากใจอยู่เหมือนกันที่จะต้องพูดเรื่องนี้ แต่เขายอมไม่ได้หรอกถ้ากานต์จะไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไร ดังนั้นจึงต้องพูด

“ฉันมีอะไรอยากจะถามเธอหน่อย”

“ครับ”

“แต่ยากที่จะพูดนิดนึง สำหรับคนไทยอย่างเธอน่ะนะ”

“ลองถามมาก่อนสิครับ ถ้าผมตอบได้ ผมจะตอบให้”

กานต์แกล้งยอกย้อนในประโยคที่ออสตินเคยพูด ก่อนเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำมากระดกดื่ม

ก็ได้... ออสตินพูดก็ได้

“เธอคิดจะมีเซ็กซ์กับเจฟฟรี่ย์ไหม”

พรู่ด!

จู่ๆ ก็ถามคำถามที่ไม่คาดคิด ทำเอาเด็กหนุ่มพ่นน้ำที่กระดกเข้าปากไปออกมาเป็นสาย ไอโขลกอยู่อีกครู่ก่อนจะหันใบหน้าแดงๆ ไปมองคนถาม

“ดะ...แด๊ดดี้พูดเรื่องอะไรอยู่ครับเนี่ย”

“ฉันถามเธอว่าคิดจะมีเซ็กซ์กับเจฟฟรี่ย์หรือเปล่า”

ยิ่งถูกถาม ใบหน้าก็ยิ่งแดงเรื่อ ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่เป็นเพราะประดักประเดิดมากกว่า

“ทะ...ทำไมถามงี้...”

“ก็วันนั้นฉันเห็นพวกเธอจูบกัน”

“แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไปนอนกับเจฟสักหน่อย”

“จูบเป็นการเริ่มต้นของเซ็กซ์” ออสตินว่า “แล้วเธอก็บอกเองว่าที่จูบกับหมอนั่นเป็นเพราะอยากลอง ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตเธออาจจะอยากลองทำอย่างอื่น”

ใบหน้าของกานต์ร้อนฉ่า ที่ออสตินพูดมามันก็ถูกต้องตามหลักการแหละนะ แต่เขาไม่เคยคิดจะทำอะไรกับเจฟฟรี่ย์ไปมากกว่าการจูบในวันนั้นสักหน่อย!

“ผมไม่ได้อยากลองทำอย่างอื่นกับเจฟ”

กานต์ว่าเสียงเบา ไม่กล้าสบตาของคนข้างกายแล้ว ขณะที่ออสตินเหลือบมองแล้วก็ได้แต่ระบายลมหายใจ

“ต่อให้ไม่ได้อยากลองทำกับหมอนั่น แต่ก็อาจจะอยากลองทำกับคนอื่น”

ถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มเหลือบมองใบหน้าคร้าม

ใช่ อยากลองทำกับแด๊ดดี้นั่นแหละ...

“ว่าไง คำตอบล่ะ”

ไม่ได้คำตอบสักที ออสตินก็ถามย้ำ กานต์มองอีกฝ่ายที่จ้องใบหน้าตนนิ่งอย่างคาดคั้นคำตอบ เขาก็จำใจต้องพูด

“ครับ เรื่องนั้นผมก็อยากลอง”

ยิ่งพูด เสียงก็ยิ่งเบา ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าสักวันจะต้องมานั่งคุยเรื่องอะไรแบบนี้กับคนตรงหน้า ขณะที่ออสตินได้ยินแล้วก็บีบมือที่ประสานกันอยู่ของตัวเองแน่น

กานต์...

กัดฟันกรอดอีกด้วย หงุดหงิดที่เด็กหนุ่มตรงหน้าคิดเรื่องแบบนี้ แต่แล้วก็พยายามบอกกับตัวเองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กวัยรุ่น เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ให้คำแนะนำที่เหมาะสมแล้วรอดูอยู่ห่างๆ จะดีกว่า ไว้ถึงเวลาของเขาเมื่อไรแล้วค่อยว่ากันอีกที

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับฉัน”

“ไปไหนครับ”

กานต์หันมองขวับ ทว่าออสตินกลับไม่ตอบตรงๆ

“ไปแล้วก็จะรู้เอง”

 

งุนงงในคำพูดของออสตินไม่พอ ยังงุนงงในการกระทำของเขาอีก แต่สุดท้ายกานต์ก็ยอมขึ้นรถมากับผู้ปกครองจนได้ ออสตินพาขับรถไปโดยไม่บอกว่าจะไปไหน กานต์เองก็ไม่กล้าถาม... อันที่จริงต้องบอกว่าไม่กล้าพูดอะไรตั้งแต่ที่ออกจากบ้านมาแล้ว มีแต่ในหัวเท่านั้นที่ขบคิดไม่ตกว่าตัวเองจะถูกพาไปไหน กระทั่งรถมาจอดยังลานกว้างแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มถึงได้ตัดสินใจเอ่ยปาก

“แด๊ดดี้พาผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ”

กานต์ถามด้วยประหลาดใจ ขณะที่ออสตินดับเครื่องรถแล้วหันมามอง

“เธอคิดว่าฉันจะสอนเธอให้รู้จักมีเซ็กส์อย่างปลอดภัยได้ยังไงล่ะ”

ได้ยินอย่างนั้น ซีกแก้มของกานต์ก็แดงเรื่อขึ้นมา

ที่แท้ก็พาเขามาที่นี่เพราะจะสอนเรื่องนี้เองหรอกเหรอ?

ถะ...ถ้าอย่างนั้น...ระ...หรือว่า...

“ว่าไง ฉันถามว่าเธอคิดว่าไง”

ออสตินเอี้ยวตัวมาให้เห็นเต็มๆ กานต์มองไปยังผู้ชายตรงหน้า เผลอมองไปยังแผงอกที่โผล่วับแวมออกมานอกเสื้อเชิ้ตให้เห็นด้วย ก่อนที่สายตาจะมองเลยไปยังอาคารด้านหลังที่มีป้ายตั้งตระหง่านอยู่

โมเต็ล...

อ่านภาษาอังกฤษคำนั้นแล้วแปลความหมาย เท่านั้นเด็กหนุ่มก็ละล่ำละลักทันที

“ดะ...แด๊ดดี้...จะ...”

จะพาเขาเข้าโรงแรมจิ้งหรีดใช่ไหม!?

กานต์พูดต่อไม่ออก นิ้วมือชี้ไปทางโรงแรมนั้น ในใจเต้นระทึกด้วยความรู้สึก...ดีใจ

ดีใจอย่างถึงที่สุดจนเก็บอาการไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าที่ออสตินถามจะหมายถึงเรื่องนี้

เขาจะได้สัมผัสเรือนร่างเปลือยเปล่าของออสติน!

พระเจ้า! พระเจ้า! พระเจ้า!

ดีใจเสียจนแทบเก็บสีหน้าไว้ไม่ไหว ก่อนจะได้สติอีกครั้งเมื่อออสตินล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วยื่นบัตรเครดิตให้

“เอานี่ไปซะ”

อีกฝ่ายก็ยื่นมือรับไปอย่างงุนงง สีหน้าดีใจเมื่อครู่เลือนหายไปทันตา “ครับ?”

“เอาไว้จ่าย”

จะ...จ่าย?

จ่ายค่าห้อง!?

ดวงตากลมโตเบิกโพลง ก่อนจะถูกออสตินกระชากสติกลับมาอีกครั้งด้วยการส่งกระดาษใบเล็กๆ มาให้

“ส่วนนี่ก็รายการของที่เธอต้องซื้อ”

“อ้าว?”

ความตื่นเต้นเมื่อกี้หายไปทันทีเมื่อเห็นใบรายการของที่ต้องซื้อ

รายการของที่ต้องซื้อ...

อย่าบอกนะว่า...

พลันกานต์ก็หันไปมองทางด้านหลังของตน ก่อนจะเห็นว่ามีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ตรงนั้น

โธ่...ที่แท้ก็พาเขามาซื้อของหรอกเหรอ นึกว่าจะพามาเข้าโรงแรม ไอ้โรงแรมบ้านี่ก็ดันมาตั้งอยู่ใกล้ๆ เขาเข้าใจผิดไปหมดเลยเห็นไหม!

“อะไร”

ออสตินถามพลางย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มย่นปากยู่ราวกับขัดใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะอึกอักออกมาเมื่อถูกถาม

“ที่แด๊ดดี้พาผมมาที่นี่คือพามาซูเปอร์มาร์เก็ต ไม่ได้จะพาผมเข้า...เอ่อ...”

ถึงเด็กหนุ่มจะพูดไม่หมด แต่พอออสตินหันไปมองทางด้านหลังของตัวเองก็เข้าใจได้ทันที ก่อนจะหัวเราะออกมาให้อีกฝ่ายได้หน้าร้อนวูบไปอีก

“ใช่ ฉันพาเธอมาซื้อของ คิดว่าฉันจะพาเธอเข้าโรงแรมโทรมๆ นี่หรือไง”

กานต์ก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดว่าใช่ ก่อนที่ออสตินจะระบายลมหายใจน้อยๆ กับความฟุ้งซ่านของเด็กหนุ่ม

“ไปซื้อของมาก่อนเถอะ แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

“ครับ”

กานต์รับคำ เดินลงจากรถไป ก้าวเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ก็ยกกระดาษในมือขึ้นมาดูรายการของที่พ่อเลี้ยงสั่งให้ซื้อ

“อุปกรณ์ดีท็อกซ์”

เด็กหนุ่มอ่านแล้วพึมพำออกมา ในกระดาษนั้นมีลายมือของออสตินเขียนตัวใหญ่ๆ กำกับไว้ชัดเจนว่าให้ไปซื้อที่แผนกขายยา ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไรหรอกถ้าจะซื้ออุปกรณ์พวกนี้ แต่พอเดินไปจนถึงแผนกขายยาแล้วก็พลันนึกขึ้นมาได้

เมื่อกี้นี้ออสตินบอกว่าจะสอนวิธีมีเซ็กส์อย่างปลอดภัยให้ แล้วให้มาซื้ออุปกรณ์ดีท็อกซ์ลำไส้

อย่าบอกนะว่าหมายถึงจะให้เขาสวน...

เท่านั้นกานต์ก็แทบจะพุ่งเอาหัวไปโขกกับชั้นวางของแถวนั้นด้วยความเขินอาย

เอาจริงดิ!? แด๊ดดี้เอาจริงใช่ไหม!?

ให้ตายเถอะพระเจ้า! เขาตื่นเต้นจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว!

พลันก็กลับมาเหยียดตัวตรงอย่างรวดเร็วเมื่อมีสายตาของคนรอบข้างจ้องมอง ก่อนเขาจะสูดลมหายใจเข้าปอด เดินตรงไปที่แผนกขายยาแล้วฉีกยิ้มกว้างให้กับพนักงาน

“เอาอุปกรณ์ดีท็อกซ์ลำไส้ครับ”

“รับชุดเล็กหรือชุดใหญ่ดีครับ”

กานต์ขมวดคิ้วทันที... มันมีชุดเล็กกับชุดใหญ่ด้วยเหรอ?

เหมือนพนักงานจะเข้าใจว่าเด็กหนุ่มกำลังงุนงง เลยหันไปคว้าอุปกรณ์สองชุดมาให้ดูตรงเคาน์เตอร์

“ต่างกันที่อุปกรณ์ ใช้บ่อยหรือเปล่าล่ะ ถ้าใช้บ่อย ชุดใหญ่ก็จะคุ้มกว่า มีกาแฟสำหรับดีท็อกซ์แถมให้ด้วย เผื่อไม่อยากจะใช้น้ำอุ่น”

กานต์นิ่งคิดไปครู่

มีครั้งแรก...ก็อาจจะต้องมีครั้งที่สองและครั้งที่สาม

ถ้าอย่างนั้น...

“เอาชุดใหญ่ครับ”

...จัดไปชุดใหญ่ไฟกะพริบ

บัตรเครดิตถูกยื่นให้กับพนักงาน กานต์ถือถุงกระดาษที่ใส่อุปกรณ์กลับมาที่รถ ขึ้นรถได้ก็ส่งบัตรเครดิตคืนให้กับพ่อเลี้ยง ขณะที่ออสตินเหลือบมองคนที่นั่งก้มหน้างุดด้วยความเขินอายนิ่ง

“มองอะไรครับ กลับกันได้แล้ว”

ออสตินไม่พูดอะไร แย่งเอาถุงกระดาษในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มมาเปิดดู

“ทำไมถึงซื้อชุดใหญ่มา”

ถูกถาม กานต์ก็เงอะๆ งะๆ “คะ...คือ...”

“คืออะไร”

“เผื่อได้ใช้อีกครับ”

แสนจะซื่อตรง บอกไปตรงๆ อย่างนั้น ออสตินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ กานต์อยากจะถามนักว่าหัวเราะอะไร ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ออสตินได้สตาร์ตรถแล้วขับพากลับบ้าน

 

พวกเขาถึงบ้านในอีกยี่สิบนาทีให้หลัง กานต์ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินเข้ามาในบ้านเท่าครั้งนี้มาก่อน เทียบกับครั้งแรกที่ได้มาเหยียบที่นี่แล้ว ครั้งนี้ตื่นเต้นกว่ากันหลายเท่าตัว

“มานั่งนี่สิ”

ออสตินที่เดินไปนั่งยังโซฟาก่อนพยักหน้าเรียก มือสาละวนกับการหยิบอุปกรณ์ข้างในถุงกระดาษออกมา พอเด็กหนุ่มนั่งลงแล้ว เขาก็ยื่นกระดาษซึ่งเป็นวิธีใช้งานให้

“อ่านเข้าใจไหม”

กานต์กวาดสายตาอ่านตัวหนังสือภาษาอังกฤษไปครู่แล้วก็พยักหน้า

“พอเข้าใจครับ”

“เพื่อความมั่นใจ ฉันจะสอนอย่างละเอียดด้วยแล้วกัน”

กานต์เบิกตาโต กำลังจะบอกว่าไม่ต้อง แต่ไม่ทันแล้ว

“อันนี้คือถุงสวนล้างลำไส้ เอาน้ำอุ่นหรือกาแฟสำหรับดีท็อกซ์ใส่ลงไป ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ชายคือ 1500 ซีซี” พูดจบก็คว้าเอาถุงพลาสติกที่มีสายยางขึ้นมา “ส่วนสายนี่ ก่อนที่เธอจะเอาใส่เข้าไปข้างในตัว เธอต้องทาเจลหล่อลื่นด้วย ไม่งั้นมันจะเจ็บ” แล้วก็หยิบหลอดเจลขึ้นให้ดู

ตอนนี้กานต์หน้าแดงไปหมด แต่ออสตินดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลย นอกจากจะตั้งหน้าตั้งตาสอนเท่านั้น

“เวลาจะทำความสะอาดลำไส้ เธอก็เอาถุงนี่ไปแขวนในห้องน้ำ ใส่สายยางเข้าไปในตัวไม่เกินสามนิ้ว ค่อยๆ เปิดวาล์วน้ำให้ไหล รอสักสิบถึงสิบห้านาทีแล้วค่อยไปถ่าย ถ้ากลั้นไม่ไหวก็จัดการก่อนได้ ส่วนเวลาของการดีท็อกซ์ที่เหมาะสม ปกติคือตอนเช้า แต่ถ้ามันฉุกละหุกก็เคสบายเคสได้ ถ้าฉุกละหุกมากจริงๆ ฉันแนะนำให้ทำแต่ภายนอก ใช้มือใช้ปากอะไรก็ว่าไป ถ้าจะสอดใส่ เธอต้องมั่นใจว่ามีเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยเตรียมพร้อม”

ยิ่งพูด กานต์ก็ยิ่งก้มหน้าลงต่ำเรื่อยๆ

ให้ตายเถอะ! ทำไมเขาต้องมานั่งให้ผู้ชายคนนี้สอนเรื่องการเตรียมตัวอะไรแบบนี้ด้วย!

“เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม เผื่อเธอจะลองทำ จะได้รู้ว่าทำยังไง”

เข้าใจสิ...เข้าใจ กานต์เข้าใจดีเลยล่ะ เขาก็พอจะเคยอ่านวิธีการทำความสะอาดส่วนนั้นมาอยู่บ้าง แต่มันก็มีหลายตำรา บางตำราก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องล้างสวนกันขนาดนี้

“การมีเซ็กซ์ ไม่ว่าจะกับเพศไหน ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเธอคิดจะเล่นสนุก เธอต้องรู้จักเซฟตัวเองให้ปลอดภัย”

กานต์พยักหน้า ให้ตายเถอะ! เขาเข้าใจชัดเจนแล้ว สอนแต่ทฤษฎี แล้วไหนปฏิบัติล่ะ!

“เอาเป็นว่าเธอทดลองใช้ดู แต่อย่าทำดีท็อกซ์บ่อยนะ อาทิตย์ละครั้งก็พอ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นความเคยชิน มีปัญหากับสุขภาพแทน เวลาอื่นให้ล้างด้วยการใช้นิ้วล้วงเข้าไปทำความสะอาดก็พอ”

พอแล้ว!

“พะ...พอได้แล้วครับ ผมรู้แล้วว่าต้องทำยังไง”

ในที่สุดกานต์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เงยหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาร้องบอก ออสตินมองแล้วก็อมยิ้ม

เวลาเขินแบบนี้ก็ดูน่ารักดี...

“เรื่องปกติน่า ไม่ต้องอายหรอก ฉันก็สอนตามหน้าที่เท่านั้น”

มือใหญ่เอื้อมไปวางบนกระหม่อมของเด็กหนุ่ม ออกแรงยีเบาๆ เป็นการปลอบโยน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่กานต์ต้องการ พอเห็นออสตินผละออกห่าง ทำท่าจะลุกไปที่อื่น เขาก็รีบโพล่งขึ้น

“เท่านี้เหรอครับ?”

“หืม?”

“ผมหมายถึงสอนเท่านี้เหรอ?”

“ใช่”

“แล้ว...ปะ...ปฏิบัติล่ะครับ”

ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกไปแบบนี้ ออสตินถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง

“ปฏิบัติ?”

ตอนนี้กานต์ถึงกับอยากจะตบหน้าตัวเองให้หัน

บ้าเอ๊ย! ไปทวงภาคปฏิบัติแบบนั้นได้ยังไงกัน!

กานต์เลยเอาความเงียบเข้าสู้ เฉไฉไม่ตอบแทน แต่ออสตินก็เข้าใจได้ในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง เขารู้ว่ากานต์ต้องการอะไร พลันแกล้งพิงพนักโซฟา วางแขนพาดไปบนพนักพิงแล้วถามอย่างหยอกล้อ

“แล้วเธออยากให้ฉันสอนภาคปฏิบัติให้เธอยังไงดีล่ะ”

“ระ...เรื่องนั้น...”

เรื่องนั้นกานต์ไม่รู้หรอก อะไรที่ออสตินอยากทำ เขายินยอมให้ทำทั้งนั้นแหละ

ออสตินมองแล้วก็กระหยิ่มใจ ถึงเขาจะกังวลว่ากานต์จะไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันหรือใครที่ไหนก่อนหน้านั้น แต่ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าในสายตาของเด็กหนุ่มมีเขาอยู่เหมือนกัน มีก็แต่เขาเองนั่นแหละที่ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้

กานต์เพิ่งจะอายุสิบเจ็ด...

ยังไม่บรรลุนิติภาวะ...

ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ แต่...ก็เคยทำลงไปแล้ว

กานต์นิ่งเงียบ ไม่กล้าตอบว่าเขาอยากให้ออสตินทำทุกอย่าง ทำจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจ เขายินดีและเต็มใจให้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งนั้น ขณะที่ออสตินเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่พูด เขาจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“วันนี้เธอฉีดน้ำหอม”

เป็นการเบี่ยงประเด็นไปสนทนาหัวข้อใหม่เพื่อลดความน่าอึดอัดเมื่อครู่นี้ ความจริงเขาได้กลิ่นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว อยากจะถามอยู่เหมือนกันว่าไม่ได้ออกไปไหนจะฉีดน้ำหอมทำไม แต่ก็ไม่ได้ถามเพราะคิดว่ามันไม่ได้สำคัญ

กานต์ชะงักกับคำถามนั้น หันไปพยักหน้าให้กับผู้ปกครองเป็นคำตอบ

“ปกติไม่เคยเห็นเธอฉีด”

“ผมอยากลองใช้ดูน่ะครับ”

“ขอฉันดมหน่อย”

กานต์ไม่ปฏิเสธ ยื่นข้อมือที่แตะน้ำหอมลงไปให้อีกฝ่ายได้ดม ออสตินจรดปลายจมูกลงมา กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาในนาสิก กลิ่นนั้น...ไม่ใช่กลิ่นของน้ำหอมที่เขาเป็นคนมอบให้ แต่เป็นกลิ่นกายของเด็กหนุ่มที่ยั่วเย้าให้เขาต้องสูดดมมากขึ้นไปอีก

ปลายจมูกโด่งค่อยๆ ไล่ระเรื่อยจากข้อมือขึ้นมายังข้อพับแขน กานต์เห็นอย่างนั้นแล้วก็เกร็งตัวนั่งนิ่ง ไม่คิดว่าจู่ๆ อีกฝ่ายจะทำอย่างนี้ ทว่าก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ได้แต่เบิกตาโตมองออสตินที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา

ราวกับว่ากำลังถูกถามว่าดมอีกได้ไหมโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ กานต์ไม่ตอบอะไร แต่นั่นคือคำตอบ ทำให้อีกฝ่ายไล้ปลายจมูกขึ้นมายังต้นแขนก่อนที่จะไปหยุดยังหัวไหล่ ยิ่งวันนี้กานต์สวมเพียงเสื้อกล้าม ทำให้สัมผัสลมหายใจอุ่นๆ ของออสตินได้อย่างเต็มที่

ถึงตอนนี้...ไม่เพียงแค่ปลายจมูกที่จรด กลับมีริมฝีปากนุ่มแตะลงมาอย่างแผ่วเบา

หัวใจของกานต์เต้นระส่ำจนไม่เป็นจังหวะ ในช่องท้องวูบไหวราวกับมีผีเสื้อนับร้อยบินว่อน

ออสตินกำลังแตะต้องเขา... กำลังสัมผัสเขา... เขาต้องทำอย่างไรถึงจะถูกสัมผัสอีก!?

ดวงตาสีนิลจับจ้องยังใบหน้าคร้ามอย่างขอคำตอบทันที ออสตินเองไม่ได้ปริปากออกมาสักคำ นอกจากจะค่อยๆ ไล้ปลายจมูกไปที่ลำคอ จูบจรดแผ่วเบาบนผิวเนียนให้กานต์ได้กำมือแน่น ก่อนที่เสียงทุ้มจะดังแผ่วมาให้ได้ยิน

“ห้ามฉันสิ”

“...”

“ห้ามฉันก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”

กานต์ไม่เข้าใจสักนิดว่าออสตินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ถ้าจะให้เขาห้ามแล้วล่ะก็ เขาไม่ห้ามหรอก อย่างไรก็ไม่มีวัน

ไม่มีวันห้ามออสตินเด็ดขาด!

“ห้ามฉันกานต์...บอกให้ฉันหยุด”

ปากหนักราวกับมีภูเขาหินมาวางทับ ไม่พูดอย่างเดียวไม่พอ กานต์ยังส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ

สัมผัสเขาเถอะ...

สัมผัส...

ทำอะไรก็ได้ที่กานต์รู้สึกว่าตนเป็นที่ต้องการของออสติน...

และเพราะไม่ยอมเอ่ยอะไรออกไป ออสตินก็ระงับความปรารถนาของตนเองไม่ได้ กลิ่นน้ำหอมสังเคราะห์อะไรไม่มีทางที่จะทำให้เขาเคลิบเคลิ้มหรอก สิ่งที่ทำให้เขาต้องสูญเสียสติสัมปชัญญะคือกลิ่นจากเรือนร่างของคนตรงหน้าต่างหาก ตอนแรกที่ว่าจะเพียงเบี่ยงประเด็นไม่พูดถึงเรื่องการสอนภาคปฏิบัติ กลายเป็นว่าพอได้แตะต้องเด็กหนุ่มเพียงเล็กน้อย เขาก็สติเตลิดเปิดเปิงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

ในเมื่อไม่ห้าม ออสตินก็เผยอริมฝีปากขึ้น งับเอาผิวเนื้อบางไปขบเม้มแผ่วเบา ก่อนละเลียดไล่ขึ้นไปยังใบหู

เสียงลมหายใจสะท้านดังลอดออกมาให้ได้ยิน แผ่นอกของเด็กหนุ่มกระเพื่อมรุนแรง เขากระถดถอยไปจนติดพนักโซฟา ขณะที่ออสตินยังคงรุกรานเข้าหาไม่หยุด

จากใบหู...ก็ไล่ต่ำลงมายังซีกหน้า ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะจับจ้องยังกลีบปากบางราวกับชั่งใจว่าควรทำอย่างไรกับมันต่อไป

เขาไม่ควรสัมผัสมัน...ไม่ควรเลย

แต่เมื่อถูกสายตาของกานต์จ้องมองอย่างเว้าวอน ออสตินก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป สถานะใดๆ ที่เขามีอยู่ตอนนี้ถูกลืมไปสิ้น เขาเข้าครอบครองริมฝีปากนั้นอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ แลบลิ้นเพื่อชิมรสประหนึ่งกำลังลิ้มรสผลแอปเปิลจากสวนสวรรค์

ยิ่งแนบแน่นมากเท่าไร...กานต์ก็ยิ่งเผยอริมฝีปากตอบรับกับจุมพิตนั้นมากขึ้นเท่านั้น

กระทั่งทนไม่ไหวอีกต่อไป เด็กหนุ่มโอบแขนตวัดรอบลำคอของคนตรงหน้า ดึงรั้งให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ทำให้จุมพิตอ้อยอิ่งนั้นกลายเป็นการจูบอย่างดูดดื่มในชั่วเสี้ยววินาที

เสมือนกับความต้องการตลอดเวลาที่ผ่านมาได้รับการตอบสนอง เลือดในกายพลุ่งพล่านไม่ต่างอะไรจากน้ำเดือดที่กำลังจะล้นหม้อ กานต์ละมือออกจากการโอบกอด ดันให้คนตรงหน้าเอนไปพิงกับพนักโซฟาแทน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายรุกรานด้วยการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของออสตินอย่างเร่งรีบ

มือสอดเข้าไปลูบไล้แผงอกแกร่ง สัมผัสนุ่มนวลของไรขนอ่อนๆ นั้นกระตุ้นให้เด็กหนุ่มหลงลืมไปหมดสิ้นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ในเวลานี้คิดเพียงแต่จะทำให้ความปรารถนาของตนเองถึงที่สุดเท่านั้น จะมีก็แต่ออสตินที่เริ่มได้สติเมื่อเห็นว่าลูกเลี้ยงของเขาปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักและกลายเป็นฝ่ายจู่โจมเขาแทน

“กานต์...”

ริมฝีปากถอนจูบออกมาเปล่งเสียงร้องเรียก หากแต่ไม่ได้ทำให้กานต์หยุดได้เลย

“กานต์ หยุด...”

หยุดไม่ได้...

หยุดไม่ได้อีกแล้ว...

กานต์พยายามจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบอีก แต่แล้วก็ต้องถูกจับตรึงไว้แน่นเมื่อออสตินรู้สึกตัวว่าไม่ควรปล่อยให้เรื่องเลยเถิดไปมากกว่านี้

“พอได้แล้วกานต์”

กานต์ชะงัก สติพอจะกลับคืนมาในตอนนี้ หากแต่ก็ไม่วายส่งสายตาหวานเชื่อมเว้าวอนไปให้ ออสตินก็อยากจะสานต่ออยู่หรอก แต่เขาต้องอดทนไว้

“สอนภาคปฏิบัติคงต้องพอเท่านี้ ขึ้นห้องไปได้แล้ว”

ออกปากไล่เสียเลย ขืนเห็นเด็กหนุ่มอยู่ใกล้ๆ เขาคงทนไม่ไหว ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้แน่นอน

กานต์เม้มริมฝีปากแน่น เขารู้ตัวว่าพลาดพลั้งไปแล้วที่ทำแบบนั้น ในใจสับสนอลหม่านไปหมด ทั้งหวาดหวั่น ทั้งตื่นเต้น ทั้งมีความสุข ประดังประเดจนเขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกไหนมันมากกว่ากัน

ดี...ขึ้นห้องก็ดี อย่างน้อยเขาก็ได้สงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเอง

กานต์รีบทิ้งตัวลงมายืนบนพื้น ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไป เสียงประตูห้องที่ปิดดังโครมมาให้ได้ยินทำเอาออสตินที่นั่งอยู่ที่เดิมถอนหายใจ สายตามองไปยังอุปกรณ์ที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาเก็ต

สอนให้กานต์รู้สึกมีเซ็กซ์อย่างปลอดภัยงั้นเหรอ?

แต่บทเรียนนี้มันช่างไม่ปลอดภัยสำหรับเขาทั้งสองคนเอาเสียเลย...

-------------------------------------

มาเดือดเอาช่วงท้ายๆ แด๊ดดดดดด! 555

เริ่มเข้ากลางเรื่องแล้วค่ะ ตอนต่อๆ ไปจะเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วล่ะ

เข้มข้นขึ้นแบบไหนนั้น... รออ่านกันนะคะ //ยิ้มหื่น




ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เจฟเฉยๆก็เลยเป็นตัวกระตุ้นแด๊ดดี้ชั้นดีเลย

ดีเลย เพราะเราหมั่นไส้แด๊ดดี้ เอาให้อกแตกตายไปเลย!! กร๊ากกกก

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ทำไมค้างงงงงงง  :ling1: :katai1:

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งุ้ยสอนเซ็กส์ปลอดภัยซะเกือบเคลิ้ม

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
รอวันแด๊ดดี้ศีลขาดนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กานต์ โดนล่อลวงแบบนี้จะตกหลุมที่ล่อตอนไหนเนี่ย  :serius2:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แด๊ดดดดดดดดดดดดด
จะรอดไหมคะแด๊ด 555

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แด๊ดค่ะ อีกนิดก็ไอคุกๆๆ แล้วนะคะ ต้องตั้งสติดีๆ นะคะแด๊ด

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไม่รู้ว่าน้องกานต์หรือแด้ดดี้หื่นกว่ากันนะงานนี้

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
แด๊ดดี้ร้ายกาจมากกก :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เราสัญญาว่าเราจะไม่บอกตำรวจค่ะ แอร้ยยยยยย
น้องกานต์วันหลังฉีดอีกนะคะน้ำหอมได้ผลมากค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เข้มข้นแบบไหนนนนนน

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
มาต่อเถอะนะ กำลังสนุกเลย

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ทำไมเพิ่งมาอ่านนะะะะะะะะะะะ
บ้าบออออออออ
นิยายที่ศีลธรรมมันค้ำคอร์บับเน้
มันคือทางเราจริงๆ ค่ะ!!!!!!

ปกติอ่านแนวนี้ทีไรจะดราม่าเสียจนน้ำตาแตก
แต่นี่มันเป็นนิยายฟีลกื้ดแอนฮีลลิ่งมั้กๆ
เลิ้บบบบบบบ

รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
รอๆๆๆๆ เมื่อไรจะมาค่ะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 14: Kiss me, please

 เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นมันรบกวนจิตใจของเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถจะแสร้งทำตัวเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างที่ออสตินทำ ต่อให้มันจะผ่านมาหลายวันและออสตินจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยก็ตามที แต่ในหัวของกานต์กลับมีภาพนั้นฉายซ้ำไม่จบสิ้น

อีกฝ่ายจูบเขา...

ออสตินจูบเขา...

ภาพความทรงจำในวันนั้นฉายซ้ำวนไปวนมา กานต์อึดอัดกับการเผชิญหน้าออสตินโดยที่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เหลือเกิน ยิ่งอีกฝ่ายทำทุกอย่างตามปกติ เขาก็ยิ่งอึดอัด

ให้ตายเถอะ! จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไร!

กานต์คว้าหมอนมาปิดใบหน้า ส่งเสียงร้องโวยวายอัดใส่เป็นการระบายอารมณ์ เมื่อครู่นี้ก็เพิ่งเจอหน้ากับออสตินที่ชั้นล่างมา วันนี้อีกฝ่ายก็ยังวางท่าทางปกติ ไม่พูดถึงเรื่องจูบในวันนั้นสักนิด

เขาจะทนไม่ไหวแล้วนะ!

ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ไหว เขาทนไม่ไหวแล้วต่างหาก

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหมอน ตั้งใจมั่นว่าไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็ต้องคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง!

คิดได้ดังนั้นก็รีบก้าวออกจากห้อง ลงมายังชั้นล่างก็เห็นออสตินกำลังนั่งพับแขนเสื้ออยู่ที่โซฟา กานต์ยืนมองชายหนุ่มอยู่ที่บันไดนิ่ง ในใจหวั่นเล็กน้อยที่จะต้องพูดเรื่องนั้นออกไป จึงใช้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจในการพูดอยู่นานพอสมควร

นาน...จนทำให้ออสตินต้องเหลือบมามอง

“มีอะไรกานต์”

เป็นออสตินที่ออกปากเสียอย่างนั้น ดวงตาคู่สวยที่จับจ้องมาทำให้กานต์ต้องกลืนน้ำลายเอื้อก แต่ก็ยังไม่พูดอยู่ดี

“ถ้าไม่พูด ฉันจะเข้าครัวละนะ”

ไม่พูดเปล่า ออสตินยังผุดลุกขึ้นจากโซฟา ทำให้กานต์ต้องรีบโพล่งออกมาทันใด

“พูดครับพูด” จากนั้นก็รีบก้าวเร็วๆ ลงมายืนข้างล่าง ตรงเข้าไปหยุดอยู่หน้าออสติน “คือ...ผม...”

“คืออะไร”

ท่าทางอึกๆ อักๆ นั่นทำให้ออสตินต้องเค้นถาม กานต์หลุบสายตาไปทางอื่นเล็กน้อย ก่อนที่ปากจะเอ่ยออกมา

“ผมอยากคุยเรื่องวันนั้น”

วันนั้นคือวันไหน ออสตินรู้อยู่แก่ใจ เขารู้อยู่แล้วด้วยซ้ำว่าสักวัน เด็กหนุ่มตรงหน้าจะต้องมาพูดเรื่องนี้ ทว่าเขากลับ...

“เรื่องวันไหน”

...แสร้งทำเป็นไม่รู้

กานต์เบือนสายตามามองทันควัน “เรื่องวันนั้นไงครับ”

“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร”

เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปาก กะไว้อยู่แล้วเชียวว่าพ่อเลี้ยงของเขาจะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาจะพูดตรงๆ แล้วกัน

“เรื่องที่เราจูบกันวันที่แด๊ดดี้สอนผมเรื่องเซฟเซ็กซ์ จำได้หรือยังครับ”

ออสตินดูนิ่งเฉย แต่แววตาของเขากระตุกวูบไปแวบหนึ่งด้วยไม่คิดว่าเด็กอย่างกานต์จะกล้าพูดออกมาตรงๆ ทว่าก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะหายไปโดยที่คนตรงหน้าเขาไม่ทันได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย

“ฉันจำไม่ได้ เธอก็ควรจะลืมมันไปได้แล้ว คิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ฉันจะเข้าครัว จะได้กินมื้อเย็นกัน”

พูดจบก็ผุดลุกจากโซฟา เดินผ่านร่างเด็กหนุ่มไป ทำเอากานต์กำมือแน่น กรุ่นโกรธอยู่ในอกที่ถูกเมินเฉยใส่แบบนี้

อะไรไม่ว่า...ให้เขาลืมมันไป ให้คิดว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?

ตัวเองเป็นคนเริ่มแท้ๆ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องได้ไหม ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้กานต์ว้าวุ่นใจอยู่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาอย่างนี้!

“อย่าเดินหนีผมได้ไหม ยังไงเราก็ต้องคุยกันนะ แด๊ดดี้จะมาจูบผมแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ไม่ได้ ในเมื่อระหว่างเรามันมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น! เราจูบกัน!”

กานต์โวยวาย ไม่ยอมเชื่อฟังอย่างเคย เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เด็กหนุ่มเสียงดังใส่ผู้มีอุปการคุณ ทำเอาออสตินที่กำลังจะเดินเข้าครัวหันขวับกลับมามองสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายทันที

“งั้นก็ว่ามา อยากจะคุยอะไร”

แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก ปรายตามองเด็กหนุ่มนิ่งจนคนที่ตั้งใจจะพูดต้องกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกด้วยความหวาดหวั่น ทุกครั้งที่ถูกออสตินมองด้วยสายตาแบบนี้ อะไรที่ตั้งใจจะพูดจะทำก็เป็นอันต้องมลายหายไปทุกที

แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไร กานต์ก็จะต้องพูด!

“เรื่องที่เราจูบกันวันนั้น แด๊ดดี้จะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เหรอครับ”

กานต์ผ่อนเสียงลงมาแล้ว และการถูกถามตรงๆ ก็ทำให้ออสตินสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

“ใช่”

เขาก็ไม่ได้อยากทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่มันต้องเป็นอย่างนั้น ระหว่างเขากับเด็กหนุ่มตรงหน้ามันไม่สามารถเกินเลยอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว แค่การพลั้งเผลอไปเป็นครั้งที่สองก็ทำให้เขาคิดโน่นคิดนี่มากมายจนปวดหัวมาถึงวันนี้แล้วล่ะ

หากแต่คำตอบของออสตินกลับไม่เข้าหูกานต์เลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มชักสีหน้า โวยวายออกมาน้อยๆ

“ทั้งๆ ที่แด๊ดดี้เป็นคนจูบผมน่ะนะ เป็นคนเริ่มก่อนด้วย”

เรื่องนั้นก็จริง ออสตินรู้สึกราวกับถูกพูดแทงใจดำอยู่ไม่น้อย แต่ก็ตอบรับไปอีกครั้ง

“ใช่”

กานต์ไม่เคยหงุดหงิดกับท่าทางเฉยเมยของพ่อเลี้ยงตนมาก่อนเลย เขาหัวเสียมากกว่าเดิมแล้ว จนเผลอกัดริมฝีปาก กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว

ทำไมออสตินจะต้องทำอย่างนี้กับเขาด้วย!

ความกรุ่นโกรธพร่างพรายไปทั่วร่าง ลมหายใจหอบหนักขึ้นมาน้อยๆ ราวกับกำลังจะระงับอารมณ์ หลังจากที่ถูกจูบในวันนั้น กานต์ก็เอาแต่คิดครุ่นเรื่องความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างเขากับออสตินแทบจะตลอดเวลา จะมีก็แต่ออสตินเท่านั้นที่แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ เขาก็ยิ่งโกรธ

ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้างเลยว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้เขาทำตัวเป็นปกติได้ ออสตินเองก็รู้ว่ากานต์คิดอย่างไรกับตน มาจูบเขาแล้วจะให้ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ! นี่มันแกล้งกันชัดๆ!

ถ้าจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจะจูบเขาทำไมตั้งแต่แรก!

“แด๊ดดี้ไม่คิด แต่ผมคิด!”

เสียงของเด็กหนุ่มที่โพล่งออกมาในคราวนี้ดังกว่าปกติ เรียกรอยย่นที่ระหว่างคิ้วให้กับออสตินเป็นอย่างดี

“คิดอะไร”

“ยังจะต้องถามอีกเหรอครับ”

ออสตินไม่ตอบ เขารู้แต่ทำเพียงยืนมองกานต์สูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนจะว่า

“ผมคิดอะไร แด๊ดดี้ก็น่าจะรู้ แล้วก็คงจะรู้ด้วยว่าผมมองแด๊ดดี้ยังไง ผมเป็นเกย์ ผมชอบผู้ชาย แล้วผู้ชายคนที่ผมชอบในตอนนี้ก็คือแด๊ดดี้ แด๊ดดี้รู้ใช่ไหม”

“ฉันไม่รู้ ไม่รู้ด้วยว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร” ออสตินยังคงแกล้งเฉไฉ

“ให้ตาย! เข้าใจสถานการณ์หน่อยสิครับ”

แต่กานต์ไม่ยอมอีกแล้ว เขาทนอยู่กับสถานการณ์นี้ไม่ไหวอีกต่อไป ทุกวันต้องคิดถึงรสจูบนั้น ทุกคืนต้องโหยหาไออุ่นจากผู้ชายคนนี้ มันทำให้เขาทรมานเจียนจะขาดใจตายอยู่แล้ว

เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!

เด็กหนุ่มที่ไม่เคยดื้อรั้นเลยสักครั้ง ทว่าตอนนี้กลับกำลังขึ้นเสียงใส่เขาอยู่ ทำให้ออสตินเลิกที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อีกอย่าง ถึงคนตรงหน้าจะยังเป็นเด็ก แต่ก็ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะหลอกอะไรง่ายๆ เขาจึงยอมที่จะตามเกมของอีกฝ่าย

“ถ้าฉันเข้าใจ แล้วเธออยากจะพูดอะไร”

ในที่สุดก็เข้าเรื่อง เท่านั้นกานต์ก็รีบว่าเร็วๆ ทันที

“ผมอยากจะรู้ว่าทำไมแด๊ดดี้ถึงจูบผม”

ทำไมน่ะเหรอ? นั่นสิ... ออสตินคิดครุ่นไปครู่ ก่อนจะได้คำตอบให้กับตัวเองว่านั่นก็เพราะ...เขารอคอยอีกฝ่ายมานานแล้ว

รอที่จะเจอ...

รอที่จะได้เห็นรอยยิ้ม...

รอที่จะได้ฟังเสียงหัวเราะ...

และตอนนี้ก็รอ...ที่จะได้สัมผัส

หากแต่ไม่พูดออกไป ทำให้กานต์ต้องถามออกมาอีก

“ว่าไงล่ะครับ จูบผมทำไม”

ถามไปก็ใจเต้นไป ขณะที่ออสตินไม่คิดที่จะเอ่ยปากบอกเรื่องที่อยู่ในใจตัวเอง

“รู้แล้วได้ประโยชน์อะไรไหม”

สุดท้ายก็ถามกลับ กานต์ชักสีหน้าทันที ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ได้สิครับ ได้แน่”

“ประโยชน์อะไร”

“เพราะผมจะได้รู้ว่าผมจะมีโอกาสได้จูบกับแด๊ดดี้อีกไหม”

พอพูดออกไปตรงๆ อย่างนี้ ออสตินก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่มีต่อเขาได้อย่างชัดเจน ที่เคยคิดว่าการที่กานต์รู้สึกกับเขาเกินเลยเป็นเรื่องของความอยากรู้อยากลอง ตอนนี้ดูท่าแล้วไม่น่าจะใช่ เพราะทั้งคำพูด สีหน้า และแววตาที่กานต์เผยออกมา มันชัดเจนมากทีเดียวว่าต้องการเขาแค่ไหน

“ขอร้องล่ะครับแด๊ดดี้ ตอบผมหน่อย”

เห็นออสตินไม่พูดสักที น้ำเสียงอ้อนวอนก็หลุดออกจากปาก ออสตินลำบากใจที่จะตอบไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาอยากทำจะแย่ แต่ว่า...

"แต่ฉันเป็นพ่อของเธอ เราทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้ เลิกคิดเรื่องนี้ซะ"

พอพูดไปอย่างนั้น ความเงียบก็เข้าครอบงำทั้งคู่ เด็กหนุ่มเหลือบมอง หัวเราะในลำคอขึ้นมาราวกับเดาได้ว่าออสตินจะต้องพูดอย่างนี้

"ก็แค่พ่อเลี้ยงหรือเปล่า ไม่ได้เลี้ยงผมมาด้วยซ้ำ เพิ่งจะรู้จักตอนที่แม่ตายแล้ว"

"อย่างน้อยฉันก็ถือว่าเป็นผู้ปกครอง"

"ผมอยากให้แด๊ดดี้จูบผมนี่ครับ"

“เธอกลายเป็นเด็กดื้ออย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

ออสตินไม่ชอบเลยที่กานต์มาต่อล้อต่อเถียงแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วมันก็เป็นความผิดของเขาเองนั่นแหละที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์ในวันนั้น พอเห็นว่ากานต์เงียบไปแล้วพร้อมกับสีหน้าสลด เขาก็ถอนหายใจออกมา

“โอเคกานต์ บอกฉันว่าเธอต้องการอะไร”

“ผมอยากให้แด๊ดดี้จูบผม” กานต์ว่าเสียงแผ่ว แต่เป็นความต้องการจากใจจริง

ออสตินขบกรามแน่น เห็นดวงตาเว้าวอนคู่นั้นแล้วก็ต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

อยากให้เขาจูบอย่างนั้นเหรอ?

แล้วคิดหรือไงว่าเขาไม่อยากครอบครองริมฝีปากสีเชอร์รี่นั่น?

แต่ที่ทำไม่ได้เป็นเพราะอะไร ทั้งเขาและกานต์ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ...

“ฉันเป็นพ่อเลี้ยงของเธอ เธอเป็นลูกเลี้ยง เป็นลูกของภรรยาที่ล่วงลับของฉัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังจำได้ใช่ไหม”

พอพูดย้ำออกมาอย่างนี้ กานต์ที่รอคอยคำตอบอยู่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาน้อยๆ ไม่ได้ที่มาคาดคั้นเอาคำตอบจากอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้ารับพลางตอบเสียงแผ่ว

“ครับ จำได้ แต่ว่า...”

“แต่อะไร”

“ผมไม่ได้รู้สึกว่าแด๊ดดี้เป็นครอบครัวเดียวกับผมนี่ครับ”

ออสตินพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงอย่างไม่ปกปิด

พระเจ้า! พระเจ้า! พระเจ้า!

เขาพยายามแทบตายที่จะมองเด็กคนนี้เป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา พยายามบอกตัวเองว่าอย่าได้ทำอะไรพลาดพลั้ง แต่พออีกฝ่ายพูดมาอย่างนี้ ทุกอย่างที่เขาตั้งใจไว้ก็พังทลายลงไม่เป็นท่า

ก็อย่างว่า...เขาเคยเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขาที่ไหนกันล่ะ!

“เธอรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”

กานต์พยักหน้า เขามั่นใจว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกครั้งที่พูดแต่ละประโยคออกไป

“แน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดอย่างนี้”

กานต์พยักหน้าอีก แต่ในใจกลับหวั่นขึ้นมาน้อยๆ กับสายตาของออสตินที่จับจ้องมาอย่างดุดัน

“รู้ใช่ไหมว่าสถานะทางสังคมเราเป็นยังไง รู้ใช่ไหมว่ามันผิด”

ยิ่งถูกถาม กานต์ก็ยิ่งใจเสีย จนเขาต้องเป็นฝ่ายปริปาก

“แด๊ดดี้จะไล่ผมกลับไทยหรือเปล่าครับ”

น้ำเสียงนั้นฟังแล้วช่างน่าสงสาร ในขณะเดียวกันก็ฟังดูน่าขบขันกับความโง่เขลาของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมาสำนึกในการกระทำของตัวเองในตอนนี้ หากแต่ออสตินเก็บทุกความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้จนกานต์ต้องถอยหลังหนี จนกระทั่งแผ่นหลังถอยไปชนกับกำแพงซึ่งอยู่แถวนั้น

ตอนนี้ออสตินอยู่ห่างเพียงแค่ช่วงแขนเท่านั้น กานต์เพิ่งจะสำนึกในตอนนี้เองว่าร่างกายของออสตินสูงใหญ่กว่าเขาอยู่โข ถึงเขาจะสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร แต่พอเทียบกับออสตินแล้ว เขาสูงแค่ปลายคางของคนตรงหน้าเท่านั้น

ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะนึกถึง ตอนนี้กานต์รู้เพียงแต่ว่าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัว ตื่นเต้น หรืออะไรกันแน่ ที่รู้ๆ คือมันทำให้เขาปั่นป่วนในช่องท้องไปหมด

“ฉันไม่ไล่เธอกลับไทยหรอก” ออสตินตอบออกมาหลังจากเงียบไปครู่ “แต่ฉันจะถามอะไรเธอสักอย่าง ขอให้เธอตอบออกมาให้ชัดเจน เข้าใจไหม”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก เขาไม่ตอบได้ด้วยเหรอ? พลันสูดหายใจเข้าเต็มปอด รอให้ออสตินถาม

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอยากให้ฉันทำอะไร”

ถามออกมาแล้ว... กานต์ค่อยๆ เปิดปากว่าเสียงแผ่ว

“ผม...อยากให้แด๊ดดี้จูบครับ”

“อยากให้ฉันจูบ...แสดงว่าเธอไม่สนใจว่าฉันจะเป็นพ่อเลี้ยงของเธอใช่ไหม”

คราวนี้ไม่ได้ตอบออกมาเป็นคำพูด กานต์พยักหน้ารับแทน

“ในสายตาของเธอ เธอไม่ได้มองว่าฉันเป็นพ่อเลี้ยงเลยใช่ไหม”

สำหรับคำถามนี้ กานต์นิ่งไปครู่ เหลือบมองหน้าคนตรงหน้าแล้วก็พยักหน้ารับช้าๆ

ออสตินไม่พูดอะไร มีเพียงรอยย่นระหว่างคิ้วที่ปรากฏให้เห็น กานต์เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พอใจ จึงรีบเอ่ยปาก

“ผมขอโทษครับ”

แล้วก็ก้มหน้างุด รู้สึกแย่กับตัวเองไม่น้อยที่เอาแต่ใจ ไม่คิดถึงความเหมาะสมหรือถูกผิด จนทำให้ออสตินต้องลำบากใจ

ออสตินเอื้อมมือไปเชยปลายคางของอีกฝ่ายขึ้นให้สบตา เขาพอจะรู้ว่ากานต์รู้สึกอย่างไร แต่ในเมื่อเป็นคนพูดออกมาเองอย่างนั้น เขาก็จะถือว่าไม่ใช่เขาที่เริ่ม

"เธอไม่เห็นฉันเป็นพ่อเลี้ยง”

“...”

“ไม่เคยเห็นฉันเป็นพ่อเลี้ยงเลย”

“ผม...”

“แล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง”

ทั้งๆ ที่กานต์พยายามจะหาข้อแก้ตัวแท้ๆ แต่ออสตินก็ไม่เปิดโอกาสให้พูด โพล่งแทรกขึ้นมาอย่างเดียวไม่พอ ยังถลาเข้ามาหา ประกบริมฝีปากลงไปบนเรียวปากนุ่ม เข้าครอบครองอย่างกระหาย

กานต์ออกจะตกใจอยู่ไม่น้อย ดวงตาเบิกโพลงมองใบหน้าคร้ามคมที่อยู่ใกล้เพียงปลายจมูก มือทั้งสองยกขึ้นผลักไสตามสัญชาตญาณ หากแต่กลับถูกออสตินจับข้อมือทั้งสองข้างไว้มั่น ก่อนจะขึงพืดไปบนกำแพงขณะที่ริมฝีปากยังบดจูบไม่หยุด

เสี้ยววินาทีนี้เองที่กานต์เริ่มตั้งสติได้แล้ว เขาไม่ขัดขืนอีกต่อไป เผยอริมฝีปากตอบรับรสจูบนั้นอย่างโหยหา ปล่อยให้ออสตินได้แทรกปลายลิ้นเข้ามาด้านใน เกี่ยวกระหวัดราวกับจะผสานเป็นหนึ่งเดียว

ออสตินคลายข้อมือทั้งสองข้างของกานต์ออก เลื่อนมาคว้าเอวสอบของคนตรงหน้าแทน ก่อนที่จะดึงเข้าหาตัว กระบดเบียดแนบชิดจนกานต์สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของคนตรงหน้าผ่านเนื้อผ้า จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ร่างของตนเองก็ลอยหวือขึ้นจากพื้น

ออสตินดึงเขาไปที่โต๊ะอาหาร อุ้มขึ้นไปนั่งแล้วจูบบดเบียดไม่หยุดหย่อน มือของเขากวาดเอาข้าวของที่เกะกะอยู่แถวนั้นลงพื้น เสียงขวดพริกไทยและเกลือแตกดังมาให้ได้ยิน หากแต่ไม่มีใครสนใจที่จะไปเก็บกวาด นอกจากจะจดจ่อกับการจูบหนักหน่วงนี้เท่านั้น

ออสตินถอนริมฝีปากออกมา สายตาดูจะพึงใจที่เห็นเรียวปากนุ่มของกานต์บวมแดงขึ้นมาน้อยๆ จากการรุกรานของเขา ก่อนที่จะประทับจูบลงไปบนซอกคอหอมกรุ่น กานต์เงยหน้าขึ้นตอบรับสัมผัสนั้น แต่เพียงครู่เดียว ริมฝีปากของกานต์ก็ถูกครอบครองอีกครั้ง

กานต์พอใจมาก... มือเอื้อมไปแกะกระดุมเสื้อของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างร้อนรน พลันสอดฝ่ามือเข้าไปลูบไล้แผ่นอกแกร่งด้วยความปรารถนา

ยิ่งจูบ...ยิ่งลึกซึ้ง...

ยิ่งจูบ...ยิ่งได้สัมผัส...

ยิ่งจูบ...ความปรารถนาในกายของเด็กหนุ่มก็ยิ่งพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด...

เขาไม่ต้องการแค่จูบแล้ว เขาอยากได้มากกว่านี้

อยากให้ออสตินสัมผัส...

ทำอะไรก็ได้ ทำตามที่ใจปรารถนาได้เลย เขายอมหมดทุกอย่างแล้ว...

หากแต่ความหวังนั้นก็ต้องมลายหายไปเมื่อออสตินถอนริมฝีปากออกมาในที่สุด เขาจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูจะยั่วยวนให้เขาทำต่อครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือแตะลงไปเบาๆ บนริมฝีปากที่ขึ้นสีแดงกว่าปกติ พลางว่าเสียงเบา

“วันนี้พอแค่นี้”

ดั่งเป็นคำเตือนให้เด็กหนุ่มหยุดคิดที่จะให้เขาทำอะไรเกินกว่านั้น กานต์เม้มริมฝีปาก หัวคิ้วย่นยู่อย่างขัดใจ

“พอกานต์ แค่จูบ เธอขอฉันแค่จูบ”

ออสตินว่าเหมือนกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร กานต์ถึงได้ยอมจำนน

“ครับ” แต่ก็ใช่ว่าจะยอมจำนนง่ายๆ ถามขึ้นมาอีก “ถ้าวันหลัง ผมไม่ได้ขอแด๊ดดี้แค่จูบ...”

ถามไม่จบ ไม่กล้าพูดต่อ แต่ออสตินเข้าใจชัดเจนว่าหมายถึงอะไร

“แค่จูบ”

เขาย้ำไป กานต์เลยถอนหายใจออกมา ท่าทางนั้นทำให้ออสตินเอ็นดูอยู่ไม่น้อยจนต้องวางมือลงบนกระหม่อมแล้วออกแรงยีเบาๆ

“แต่จะให้จูบทุกวัน โอเคไหม”

คนฟังถึงกับเบิกตาโต “ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมครับ?”

“ใช่” ออสตินหัวเราะในลำคอ แต่กานต์ก็ยังไม่เข้าใจสักเท่าไรนักว่าทำไมออสตินถึงยอมง่ายๆ

“แต่แด๊ดดี้บอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมเป็นลูกเลี้ยง ส่วนแด๊ดดี้เป็น...”

“ในเมื่อเธอไม่ได้มองว่าฉันเป็นพ่อเลี้ยง แล้วฉันจะบังคับเธอทำไม เพราะจริงๆ แล้ว ฉันเองก็ไม่ได้มองว่าเธอเป็นลูกเลี้ยงเหมือนกัน”

ออสตินว่าสวน กานต์พอจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยอมจูบเขา แม้ว่าจะไม่เข้าใจลึกซึ้งสักเท่าไรก็ตามว่าจริงๆ แล้ว ออสตินคิดอะไรอยู่

“แต่เรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับ ยังไงเราก็ต้องรักษาสถานะทางสังคม ฉันไม่ได้เป็นพ่อเลี้ยงในสายตาเธอแล้วก็จริง แต่คนนอกยังเห็นเป็นอย่างนั้น ยังไงฉันก็เป็นผู้ปกครอง เธอเองก็ยังเป็นเยาวชน ถึงจะไม่อยากให้ฉันเป็นพ่อเลี้ยงแต่เธอก็ต้องทำ เพื่อตัวเธอเอง เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”

เข้าใจสิ กานต์เข้าใจดีเลย ถึงในตอนนี้เขากับออสตินจะไม่ได้มองกันในฐานะพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงแล้ว แต่พวกเขาก็หลีกเลี่ยงสายตาของคนอื่นไม่ได้ ถ้าเขาแสดงออกว่าไม่ได้มองออสตินแค่พ่อเลี้ยง มีหวังออสตินได้เดือดร้อนแน่

เอาเถอะ แค่นี้ก็ถือว่าดีสำหรับกานต์มากแล้ว ไว้เขาบรรลุนิติภาวะเมื่อไร คงทำอะไรได้มากกว่าที่ต้องการตอนนี้

“ถ้าอย่างนั้น ผมคงจะต้องเรียกว่าแด๊ดดี้เหมือนเดิม เรียกคุณสเวนหรือออสตินก็ไม่ได้?”

ออสตินยิ้มรับ “อืม”

“เรียกออสตินเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้”

“ถ้าผมอยากเรียกล่ะ”

“เอาไว้เธอบรรลุนิติภาวะก่อน”

“ทำไมล่ะครับ”

“กานต์...อย่าเซ้าซี้”

ถามเยอะๆ เข้าก็ถูกดุจนได้ กานต์เม้มริมฝีปากด้วยความเสียดาย เขาอยากเรียกแบบสนิทสนมว่าออสตินมากกว่า แต่...อันที่จริงเรียกแด๊ดดี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

“ฉันว่าฉันเก็บกวาดพื้นก่อนดีกว่า เกลือหกเต็มพื้นเลย”

เห็นว่ากานต์ไม่พูดอะไรอีก ออสตินก็ว่าขึ้น พลางเหลือบมองผลงานของตัวเองที่ระเนระนาดอยู่บนพื้น แต่พอเขากำลังจะผละออกไป กานต์ก็คว้าแขนเขาไว้ พอหันกลับมาก็เห็นสายตาเว้าวอนเข้าอย่างจัง

“ผม...ขอจูบอีกรอบได้ไหมครับ”

ครั้งเดียวไม่พอแน่ๆ สำหรับเด็กวัยรุ่นที่อยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศอย่างนี้ ออสตินคิดว่าตัวเองควรจะปฏิเสธ การจูบนี่อนุญาตให้ทำได้เพียงวันละครั้งก็พอ แต่วันนี้เป็นวันแรก ถ้าอย่างนั้น...

“ได้สิ”

...จะยอมอะลุ่มอล่วยให้

ดวงหน้าอ่อนเยาว์ถูกประคองไว้ในมือหนา ริมฝีปากของออสตินประทับลงมาบนเรียวปากของกานต์อีกครั้ง ละเลียดไล่ปลายลิ้นไปเกาะเกี่ยวปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล จุมพิตในครั้งนี้ช่างอ่อนหวาน ต่างจากจูบครั้งก่อนหน้า

เชื่องช้า...เนิบนาบ...

ราวกับหลอกล่อให้ทั้งคู่ได้หลงละเมอเคลิบเคลิ้มไปกับความหอมหวานของกันและกันจนกระทั่งดำดิ่งลึกสู่หุบเหวของบาปแห่งความราคะ

แต่...ต่อให้ถูกไฟอเวจีแผดเผาจนไม่เหลือซาก ทั้งสองก็คงจะไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากดื่มด่ำกับความปรารถนาในตัวของกันและกันอย่างนี้ ขณะที่ออสตินอดคิดไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้น ช่างเป็นความผิดพลาดที่ถอยหลังกลับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย...

-------------------------------

กลับมาแล้วค่ะ ช่วงนี้จะอัปช้านิดนึงนะ ไม่ได้ป่วยไม่ได้อะไร แต่ติดปิดต้นฉบับเรื่องอื่นๆ ให้ทันงานหนังสือค่ะ ฮืออออ รอกันก่อนนะ หลังวันที่ 15 คงจะได้กลับมาอัปถี่ๆ เหมือนเดิมค่ะ

ฝากฟีดแบ็กล่วยจ้า


ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ต๊ายตายยย น้องกานต์นี่โลภจังเลยนะคะ ขอแด๊ดจูบเอาๆ หวั่นใจว่าจะโดนแด๊ดเขมือบน้องตอนไหนก็ไม่รู้ :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2018 22:47:44 โดย utamon »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
แซ่บบยบยบบบบ
ได้จูบมาแล้ว :mew1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ้าว.... ไงหนูกานต์ทำงั้นล่ะ รุกซะแด๊ดเกือบตามไม่ทัน  :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด