บทที่ 23
วาเลนไทน์นี้ไม่โสดแล้ว
ตั้งแต่กลับมาจากพารากอน พี่พิ้งค์ก็เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน พี่พิ้งค์คนที่เคยมึนตึงและเล่นสงครามเย็นกับหมอกมาตั้งแต่เช้านั้นหายไปแล้ว เหลือแต่พี่พิ้งค์ที่น่ารักของผมและน่ารักเผื่อแผ่ความน่ารักไปถึงหมอกด้วย ถึงผมจะสงสัยว่าทั้งสองคนแอบไปคุยกันตอนไหนแต่ผมก็เก็บความสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจดีกว่า
หลังจากที่หมอกผ่านด่านพี่พิ้งค์โดยฉลุยแล้ว พี่พิ้งค์ก็บินกลับอังกฤษไปเรียบร้อย ผมจึงพยายามหาเวลาว่างเพื่อจะพาหมอกไปทานข้าวพร้อมครอบครัวของผม ทั้งพ่อและแม่ก็เอ็นดูหมอกด้วยกันทั้งคู่นั้นยิ่งทำให้ผมโล่งใจโดยแท้จริง ทั้งครอบครัวของผมและครอบครัวของหมอกต่างก็รับรู้สถานะของเราแล้ว หลังจากนี้ไปผมก็คิดว่าคงไม่มีอะไรน่ากังวลอีกต่อไปแล้ว
วันเวลานั้นผ่านไปเร็วอย่างน่าตกใจ รู้ตัวอีกทีตอนนี้พวกเราก็เรียนจบไปหนึ่งเทอมแล้ว ช่วงปิดเทอมระยะสั้นๆเพียงแค่สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็นอนเล่นอยู่ที่บ้าน แล้วไปขึ้นดอยกับเดอะแกงค์ของผม ส่วนหมอกนั้นไปเที่ยวทริปต่างประเทศกับครอบครัว...เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของหมอกเกษียณแล้วทั้งคู่ เลยรอเวลาที่ลูกทั้งสองคนปิดเทอมและไปเที่ยวกันยาวๆถึงสองอาทิตย์เลยทีเดียว ผมจึงได้แต่นั่งดูรูปที่หมอกส่งมาให้ดูอยู่เสมอยามที่ไปเที่ยวแต่ละสถานที่เสมือนว่าผมก็ไปกับหมอกด้วย
เปิดเทอมสองมา พวกเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาทั่วไป กิจกรรมในเทอมนี้เริ่มเบาลงไปบ้างจากเทอมที่แล้ว แต่พอใกล้จะถึงเดือนกุมภาพันธ์ หมอกก็เริ่มยุ่งขึ้นบ้างแล้ว หมอกบอกผมว่าต้องไปซ้อมบาสเพื่อไปแข่งงานกีฬา ผมไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรมากมาย แค่รู้ว่าหมอกไปซ้อมบาสก็พอแล้ว ช่วงนี้ผมเลยมีเวลาว่างไปเที่ยวกับเพื่อนของผมมากขึ้นกว่าเดิม
“เลิกแลปวันนี้มึงว่างมั้ยบลู พวกกูจะพาไอ้แอลไปซื้อของจีบสาว”
“จีบสาวเหรอ?” ผมถามอย่างสนใจพลางพับเสื้อกาวน์เข้ากระเป๋าไปด้วย
“อืม...มันจะขอสาวเป็นแฟนวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้”
โต๋พูดเสริม ผมเลยยืนนิ่งคิดสักพักว่าอีกกี่วันจะถึงวันวาเลนไทน์ แล้วก็พึ่งนึกออกว่าวันนี้คือวันที่ 12 กุมภาพันธ์แล้ว เหลืออีกสองวันก็จะวันวาเลนไทน์แล้วนี่หว่า ผมนี่เรียนจนลืมวันลืมคืนไปแล้วจริงๆ
“ไปด้วยก็ได้ เผื่อกูจะหาของขวัญให้หมอกด้วย”
“จ้า พ่อคนมีความรัก”
ว่านพูดไปเบ้ปากหมั่นไส้ผมด้วย เอ้า! แล้วผมพูดอะไรผิดอ่ะ...
หลังจากกลับมาจากการไปเลือกซื้อของและช่วยแอลคิดแผนเซอร์ไพร์ส(ว่าที่)แฟนแล้ว ผมก็เปิดกระเป๋าเป้เพื่อเอาของที่ผมพึ่งซื้อออกมาดูอีกครั้ง ผมไม่ได้ให้ของขวัญหมอกมานานแล้ว ครั้งล่าสุดก็คงจะเป็นตอนวันเกิดของหมอกนั้นแหละ ผมมองกรอบรูปที่ผมอัดรูปผมที่ถ่ายคู่กับหมอกขึ้นมาดู...ครั้งแรกที่ให้ของขวัญวันวาเลนไทน์กับหมอกก็ตอนม.4 ที่ผมลงมือทำงาน D.I.Y เองซึ่งเอารูปเล็กๆของหมอกมาเรียงให้เป็นรูปใหญ่ขึ้น แต่คราวนี้ผมมีรูปคู่กับหมอกหลายรูปแล้ว เลยอัดให้หมอกหนึ่งรูปและผมอีกหนึ่งรูปเสียเลย...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ผมต้องวางกรอบรูปทั้งสองอันลงบนที่นอน แล้ววิ่งไปส่องตาแมวดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่หลังประตูผมก็รีบเปิดประตูทันที
“ซ้อมบาสเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม...เหนื่อยชะมัด แวะมากินมาม่าที่นี่ได้มั้ย”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นั่งรอเลยเดี๋ยวทำให้กิน”
ผมว่าแล้วก็เดินไปดูในครัวว่ามีบะหมี่กึ่งสำเร็จรสไหนเหลืออยู่บ้าง เดี๋ยวนี้หมอกชอบให้ผมต้มบะหมี่ให้กินประจำ ยิ่งซ้อมบาสเสร็จก็จะมาขลุกตัวอยู่ที่ห้องผมอย่างนี้ตลอด ผมเลยซื้อของสดมาติดตู้เย็นไว้บ้างแล้วถึงจะทำเป็นแค่ต้มบะหมี่ก็เถอะ
เมื่อต้มเสร็จ ผมก็ยกถ้วยบะหมี่มาวางที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟาที่หมอกยังคงนอนแผ่อยู่ พอได้กลิ่นอาหารก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที ผมมองร่างเด็กโข่งที่คีบเส้นบะหมี่กินด้วยความเร็วแสงแล้วก็ยิ้มขำ คงจะหิวมากจริงๆอย่างที่บอกไว้นั้นแหละ ผมเลยเดินไปหยิบกล่องแคนตาลูปมาวางบนโต๊ะเดียวกับหมอก แล้วนั่งข้างกันพลางหยิบรีโมตเปิดหาช่องหนังดูไปด้วย
“บลู...อีกสองวันจะวันวาเลนไทน์แล้วนี่”
“อืม ทำไมเหรอ”
ผมหันมามองคนที่ถาม พอมองดูถ้วยบะหมี่ก็พบว่าเหลือเพียงแค่ถ้วยเปล่าแล้ว
“ได้ยินว่าวันนั้นมีประกวดโฟล์คซองด้วยใช่มั้ย”
“ได้ยินมาเหมือนกันนะ จัดช่วงเย็นรึเปล่าไม่แน่ใจ”
วันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ทางมหา’ลัยก็มีจัดกิจกรรมวันวาเลนไทน์ให้นักศึกษาได้มาออกร้าน มาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งวันวาเลนไทน์คงเป็นวันที่นักศึกษาหลายคนต่างเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นของผมและหมอกคงจะน้อยกว่าคนอื่นเมื่อคิดว่าอีกสองอาทิตย์หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลมิดเทอมอีกแล้ว ช่วงนี้หมอกจึงมักจะมานอนเล่นที่ห้องผมและหอบหนังสือเรียนเล่มใหญ่มาด้วยเสมอ
“เดี๋ยววันนั้นเราไปเดินเล่นที่งานกันสักหน่อยดีกว่าเนอะ”
“ได้สิ แล้วหมอกไม่ต้องซ้อมบาสแล้วเหรอ”
“ไม่ล่ะ วันแห่งความรักก็ขออยู่กับแฟนสักวันสิ”
หมอกอมยิ้มแล้วก็เก็บจานบะหมี่ลุกขึ้นไปล้าง ปล่อยให้ผมนั่งหน้าแดงอยู่คนเดียวอีกแล้วนะหมอก
และแล้ววันวาเลนไทน์ก็มาถึง ผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากเท่าแอลที่จะไปขอสาวที่คุยกันมานานเป็นแฟนในวันนี้ หลังจากที่ผมเรียนเสร็จในช่วงบ่ายก็ไปช่วยพี่สาขาที่เปิดร้านขายของเพื่อหาเงินไปสมทบทุนออกค่าย ซุ้มของพวกผมนั้นขายตั้งลูกชิ้นปิ้ง น้ำอัดลม สติกเกอร์รูปหัวใจ ดอกกุหลาบ แถมยังมีบริการส่งดอกกุหลาบให้คนที่แอบชอบอีก ตอนนี้ไอ้โต๋กับไอ้ว่านก็กำลังวิ่งวุ่นส่งดอกกุหลาบให้ลูกค้าจนหัวฟูแล้วด้วย
งานในวันนี้ถูกจัดที่ลานกว้าง บรรยากาศในงานนั้นเต็มไปด้วยสีชมพูจนผมตาพร่าเบลอ ที่หน้าเวทีกำลังที่ซาวน์เช็คเสียงดนตรีเพื่อจะเล่นดนตรีในช่วงถัดไป ผมมองไปรอบๆงานก็เห็นนักศึกษาที่เริ่มเข้ามาในงานแล้ว บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มากันเป็นกลุ่มใหญ่กับเพื่อน
“น้องบลูจ๊ะ หยิบดอกกุหลาบให้ลูกค้าหน่อยจ๊ะ” เสียงของพี่ในสาขาเรียกผมที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเพียงคนเดียวให้หันไปมอง เมื่อเห็นลูกค้าผู้หญิงสองคนยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า ผมเลยเอ่ยปากถาม
“เอากี่ดอกครับ”
“เอาเก้าดอกค่ะ”
“ได้ครับ”
ผมหันไปเลือกดอกกุหลาบที่มีสภาพสมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าทั้งสองคน เมื่อเธอจ่ายเงินให้รุ่นพี่ของผมแล้ว เธอก็หยิบดอกกุหลาบหนึ่งดอกมาให้ผมที่นั่งทำหน้างงอยู่
“ให้น้องบลูค่ะ พี่ชอบน้องบลูกับน้องหมอกมานานแล้ว”
“อ๋อ...ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มบางๆแล้วรับดอกกุหลาบมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่ได้ยินมาว่าน้องหมอกจะร้องเพลงตอนเย็นวันนี้ จริงรึเปล่าคะ”
“เอ๋?...ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยนะครับ”
“อ่าว แต่พี่ได้ยินมาอย่างนี้จริงๆนะ น้องบลูลองถามน้องหมอกดูนะคะ พวกพี่ไปแล้ว สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ”
พวกเธอทั้งสองคนเดินออกไปจากซุ้มแล้ว แต่ว่าคำถามเหล่านั้นยังติดอยู่ในหัวของผม ไม่เห็นจะรู้เลยว่าหมอกจะขึ้นร้องเพลงตอนเย็นนี้ หมอกก็ไม่ได้บอกอะไรผมด้วยนะ
“ไอ้บลู ออกไปเดินเล่นกันป่ะ กูอยากไปซุ้มเภสัชว่ะ พรีมมาขายของด้วยมึง พากูไปขอถ่ายรูปหน่อยดิ”
ว่านที่พึ่งโผล่หน้ามาหลังจากที่ไปส่งดอกกุหลาบให้ลูกค้า ก็มาคะยั้นคะยอให้ผมออกจากซุ้มของตัวเองไปที่ซุ้มของเภสัชฯ ซึ่งพรีมที่มันว่าก็ดาวคณะเภสัชฯ นั้นแหละ ผมรู้จักกับเธอผ่านกองประกวด ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็พอคุยกันได้แหละนะ
สุดท้ายผมก็โดนว่านพาลากออกมาจากซุ้ม พอมาถึงที่ซุ้มของเภสัชฯ แล้ว ว่านมันก็ทำตัวดี๊ด๊าแล้วยัดโทรศัพท์ของมันให้ผมถือไว้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังดุนหลังผมให้ไปขอพรีมให้ถ่ายรูปกับมันอีก
“เออ...หวัดดีพรีม”
“อ้าวบลู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ซื้อดอกกุหลาบสักดอกดีมั้ย” เธอยิ้มแย้มให้ผมแถมยังขายของให้ด้วย ผมยิ้มแห้งๆแล้วส่ายหน้าปฏิเสธเพราะโดนบังคับซื้อดอกกุหลาบจากซุ้มของตัวเองไปแล้ว
“เรามีดอกกุหลาบแล้วล่ะ คือว่าเพื่อนเรามันอยากถ่ายรูปกับพรีมน่ะ ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ย”
“ได้สิ”
พรีมยิ้มกว้าง ผมเลยกวักมือเรียกไอ้ว่านที่ยืนรออยู่หน้าซุ้มให้เดินเข้ามา ว่านมันดี๊ด๊าเกินเบอร์มาก และผมก็กลายเป็นตากล้องจำเป็นให้มันอย่างช่วยไม่ได้ ถ่ายเสร็จพวกเราก็ขอตัวออกมา เมื่อเห็นว่าซุ้มของคณะแพทย์นั้นอยู่ติดกับเภสัช ผมก็เลยเดินเข้าซุ้มของคณะแพทยศาสตร์เสียเลย
ผมเห็นควันที่เดินแบกของเข้าออกซุ้มอยู่ด้านหลัง ส่วนไอติมก็ยืนขายของอยู่ด้านหน้าและเหมือนเป็นมาสคอตของซุ้มที่ทุกคนที่มาต้องขอถ่ายรูปด้วยประมาณนั้น พอไอติมเห็นผมก็ยกมือทักทายแต่เพราะคนที่ต่อคิวรอถ่ายรูปกับไอติมนั้นยาวเป็นหางว่าว จึงทำให้ไอติมปลีกตัวมาหาผมไม่ได้ ผมซื้อสติกเกอร์รูปหัวใจจากซุ้มของคณะแพทย์แล้วก็เดินออกมา กำลังคิดว่าจะเดินไปที่ซุ้มของคณะนิติศาสตร์ บ้าง แต่เสียงกรี๊ดจากหน้าเวทีก็ทำให้ผมชะงักปลายเท้าเสียก่อน
“สวัสดีทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้นะคะ ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่งาน ‘วาเลนไทน์นี้ไม่โสดแล้ว’ ใครมีคู่แล้วก็ขอให้รักกันนานๆ ส่วนใครที่โสดอยู่ วันนี้เราจะไม่นกกันอีกต่อไป มางานนี้ขอให้ได้คู่กลับกันไปทุกคนค่ะ...ซึ่งกิจกรรมในวันนี้นะคะ นอกจากจะมีซุ้มจากคณะต่างๆแล้ว เรายังมีการประกวดโฟล์คซองด้วย และคืนนี้พลาดไม่ได้กับคอนเสิร์ตจากวง...”
ผมยืนฟังพิธีกรพูดรายละเอียดต่างๆในงานวันนี้ ที่หน้าเวทีเริ่มมีผู้คนไปจับจองที่สำหรับดูการประกวดโฟล์คซองแล้ว ผมที่ยังไม่อยากไปดูตอนนี้เลยคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ซุ้มของแต่ละคณะกับว่านแล้วกลับไปนั่งเล่นที่ซุ้มของตัวเองดีกว่า แต่โทรศัพท์ของผมก็ร้องขึ้นก่อนจะได้ออกเดิน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบว่าเป็นหมอกที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหล”
[อยู่ไหน เรียนเสร็จยัง]
“เรียนเสร็จนานแล้ว ตอนนี้เดินเล่นอยู่ในงานกับว่านอ่ะ ตอนนี้หมอกอยู่ไหนเหรอ” ผมถามพลางชะโงกหน้ามองไปรอบๆด้วยเผื่อว่าจะเจอหมอกอยู่แถวนี้
[เดินมาที่หน้าเวทีสิ เราจะรออยู่แถวนั้นนะ]
“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
ผมวางสายจากหมอก จากตอนแรกที่ตั้งใจจะเดินไปที่ซุ้มของคณะต่างๆกับว่าน ผมเลยแยกตัวออกมาจากมันและปล่อยให้ว่านมันเดินทัวร์ไปคนเดียว ส่วนผมก็เดินไปที่หน้าเวทีที่เริ่มมีคนมายืนรวมตัวกันมากพอสมควร ตอนนี้วงโฟล์คซองวงแรกกำลังเริ่มร้องเพลงแล้ว ผมยืนมองไปรอบๆเพื่อหาว่าหมอกอยู่ส่วนไหนของงาน ปกติหมอกจะเด่นออกมาจนสะดุดตาผมเสมอ แต่ตอนนี้ผมก็ยังหาหมอกไม่เจอเสียที หรือหมอกยังมาไม่ถึงกันนะ
“...ครับ สำหรับเพลงแรกก็จบลงไปแล้ว ก่อนที่จะไปฟังเพลงต่อไป วงเรามีแขกรับเชิญสุดพิเศษด้วย เป็นใครลองเดาดูสิครับ”
ผมหันไปมองบนเวทีที่นักร้องบอกว่าจะมีแขกรับเชิญขึ้นมา คนดูด้านล่างส่งเสียงฮือฮาเบาๆ ผมที่ยืนดูเงียบๆก็เลยเผลอลุ้นตามไปด้วย ไหนๆหมอกก็ยังไม่มา งั้นผมขอฟังเพลงโฟล์คซองรอเลยแล้วกัน
“เฮ้ยยยย นั้นมันไอ้แฝดหล่อๆในเพจคูลบอยนี่หว่า”
“หมอกหรือควันอ่ะแก”
“หมอกกกกกกก ใช่หมอกแน่ๆ ฉันพึ่งเห็นควันอยู่ที่ซุ้มคณะแพทย์อยู่เลยแก”
“หมอกกกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดด หล่อมากกกก ไม่ไหวแล้วววว”
ผมตกใจไม่แพ้คนอื่นตอนที่เห็นหมอกเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มยิ่งกว่านักร้องเสียอีก พอหมอกนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวที่ทีมงานยกมาให้ สายตาเรียวคมที่ผมคุ้นเคยนั้นก็จ้องมาที่ผมยืนอยู่ ผมสบตากับหมอกแล้วก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกระลอก แต่ตอนนี้ผมหูดับไปแล้ว เลยไม่รับรู้ว่าคนอื่นกำลังพูดถึงผมและหมอกว่ายังไง
“สวัสดีครับ ผมชื่อหมอก จากคณะนิติศาสตร์ครับ”
หมอกทักทายผู้คนโดยรอบ ตอนนี้ผู้ชมที่มายืนดูที่หน้าเวทีนั้นเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นว่าหมอกอยู่บนเวที บางคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดวีดิโอแล้วด้วย
“วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ใช่มั้ยครับ...ใครที่มีคนกุมมืออยู่ข้างๆแล้วผมก็ขอให้รักกันไปนานๆนะครับ...ส่วนใครที่ยังไร้คนข้างกาย ผมก็ขอให้ทุกคนได้เจอคนที่ใช่ในเร็วๆนี้...หรือถ้าใครมีคนที่แอบชอบอยู่ ก็อย่าไปกลัวที่จะเข้าไปทักเขาก่อน เดินหน้าไปเลยครับ...บางทีคนที่คุณแอบชอบอยู่เขาก็อาจจะคิดแบบเดียวกันกับคุณ แต่เพราะความกลัวเลยทำให้ไม่สมหวังสักที...”
ทุกคนนั้นนิ่งเงียบราวกับต้องมนต์สะกด และนั่งฟังเสียงทุ้มที่พูดไปยิ้มไป ดวงตาเรียวนั้นยังไม่ละสายตาไปจากผม ซึ่งแววตาคู่นั้นก็สามารถตรึงผมอยู่กับที่ได้อย่างชะงักเช่นเดียวกับคนอื่น
“เหมือนผมที่แอบมองคนๆหนึ่งมานานถึงสองปี เสียเวลาทิ้งไปเปล่าๆจนคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว แต่พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้งที่นี่ ผมจึงไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปหาคนที่ผมแอบชอบเลย...ถ้าจนถึงตอนนี้ผมยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหาเขา ผมคงจะไม่เป็นหมอกที่มีความสุขเหมือนทุกวันนี้ก็ได้”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ไม่ไหวแล้วแก ฉันฟินไม่ไหวแล้ว
อยากเป็นบลูมากว้อย อยากอยู่ในสายตาของหมอกฮือออออออ
หมอกกระตุกยิ้มมุมปากเรียกเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิงด้านข้างและรอบๆตัวที่มีทั้งชื่อหมอกและชื่อผมเต็มไปหมด ผมยังคงยืนนิ่งมองดูหมอกที่หยิบไมค์ออกจากที่ตั้งมาถือไว้
“เพลงนี้ผมขอมอบให้กับคนพิเศษของผม ผมตั้งใจฝึกเพลงนี้มาได้เกือบเดือนเพื่อเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้กับเขา ผมอยากตอบแทนของขวัญวันวาเลนไทน์เมื่อสามปีก่อนของเขาด้วยเพลงนี้ครับ เพลงของขวัญจาก the musketeers ครับ”
มีเรื่องราวมากมาย ที่ไม่มีใครได้ฟัง
คำพูดนับร้อยพัน ที่ต้องการเอื้อนเอ่ย
ไม่ว่าจะนานสักเท่าไร
ยังยืนยันคำเดิมเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน
ผมไม่สามารถละสายตาจากหมอกได้เลยสักนิด ความทรงจำตั้งแต่ช่วงมัธยมที่ผมเคยแอบมองเขามาเพียงคนเดียวนั้นค่อยๆไหลย้อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมไม่เคยหวังว่าจะมีวันนี้ มีวันที่หมอกอยู่เคียงข้างอย่างนี้...
เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา
ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว
มีเธอที่รักข้างในจิตใจ
ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้
ตั้งแต่ที่เราคบกันมา ถึงจะมีบ้างที่เราไม่เข้าใจกัน แต่ผมและหมอกต่างก็รู้ดีว่าเราทั้งสองคนต่างพยายามปรับตัวและประคองความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้มันดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะเป็นยังไง แต่ในวันนี้...แค่ความรู้สึกตอนนี้มันมีแต่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆผมก็มีความสุขมากแล้ว
เธอและฉัน จับมือเคียงกันนับจากนี้
ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี
เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้
มากกว่านั้น ยิ่งมีกันและกันมากแค่ไหน
มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไป...แค่เธอกับฉัน
ทุกคนเหมือนต้องมนต์สะกดด้วยน้ำเสียงของหมอกไปแล้ว และพอเพลงจบลงเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง ผมปรบมือให้กับโชว์พิเศษของหมอกที่ยังเรียกเสียงกรี๊ดไม่หยุดจนหมอกเดินลงจากเวทีไปแล้วก็ยังไม่หยุดกรี๊ดกัน ยิ่งพอหมอกเดินมาจากหลังเวทีและเดินมาทางที่ผมยืนอยู่ ความรู้สึกตอนนี้ของผมเหมือนว่าผมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์ยังไงก็ไม่รู้
“ไม่บอกเลยนะว่าจะขึ้นไปร้องเพลงอย่างนี้”
“ถ้าบอกจะเรียกว่าเซอร์ไพร์สเหรอ”
ผมทักคนที่พึ่งลงมาจากเวทีก็เดินตรงดิ่งมาหาผม ใบหน้าหล่อนั้นยิ้มน้อยๆแล้วก็ยื่นดอกกุหลาบที่ซ่อนอยู่ด้านหลังมาให้ผม
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกแล้ว ผมรับดอกกุหลาบจากหมอกมาแล้วก็ต้องก้มหน้างุด ปกติก็เขินหมอกมาอยู่แล้ว ยิ่งมายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากขนาดนี้ ผมก็ยิ่งเขินน่ะสิครับ T////T
“รู้รึเปล่าว่าดอกกุหลาบดอกเดียวมันหมายความว่าอะไร”
หมอกยื่นหน้าเข้ามากระซิบผม ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อที่ยังเคลือบรอยยิ้มจางๆไว้อยู่บนหน้า ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเพราะผมไม่รู้ความหมายของมัน
“หมายความว่าอะไรเหรอหมอก”
“หมายความว่าความรักทั้งหมดของหมอกมันมีให้กับบลูคนเดียวไงครับ : )”
Foggy & Smoky : สวัสดีค่า ลูกเพจทุกคนนนนน ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงแอดกันมั้ยค่า~~~~
ฮือออออออ งานวาเลนไทน์ที่ผ่านมาแอดฟินตัวเกือบแตก ไม่เคยฟินอะไรขนาดนี้มาก่อน
ก็หนุ่มหมอกของชาวเราเล่นเซอร์ไพร์สน้องบลูต่อหน้าประชาชีเป็นร้อย หวานกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะแม่คุณเอ๊ย
เห็นรูปในงานแล้วแอดนึกถึงวันประกวดดาว-เดือนเลย คราวนั้นที่หมอกให้ดอกกุหลาบช่อใหญ่กับบลู
ที่พอรู้ความหมายแล้วชิปเปอร์ตายเกลื่อน เก็บศพกันแทบไม่ทัน รู้ตัวอีกทีเค้าก็ประกาศเป็นแฟนกันแล้ว
แต่วาเลนไทน์ที่ผ่านมามีดอกกุหลาบเพียงแค่ดอกเดียวเท่านั้น ถึงจะดูน้อยกว่างานครั้งนั้น
แต่แอดไปแอบส่องความหมายมาแล้ว รอบนี้ก็ไม่ธรรมดานะคะทุกคน...อยากรู้กันแล้วล่ะสิว่าหมายความว่ายังไง
มาค่ะ แอดจะเฉลยให้ฟัง ตั้งใจอ่านกันดีๆนะคะ
ดอกกุหลาบ 1 ดอก ในภาษาของดอกไม้หมายความว่า
‘ความรักทั้งหมดของฉันมันพุ่งตรงไปหาเธอ’จุดนี้คือตายค่ะ แอดตายไปเรียบร้อย ที่เห็นว่าอัพเพจได้นั้นคือกายหยาบพิมพ์ค่ะ วิญญาณได้จากไปเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปเก็บศพชิปเปอร์บนเรือต่อก่อนแล้ว แล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบายยยย
-จบ-
จบแล้วค่ะ สำหรับวายเรื่องแรกของเรา ใจหายจัง
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกคนที่รักตัวละครที่เราสร้างขึ้นมา
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกคำติชม ทุกยอดวิว จำนวนแฟนคลับที่มันค่อยๆเพิ่มจากศูนย์
มันทำให้เรามีกำลังใจในการแต่งนิยายมากๆค่ะ และเราก็ดีใจที่นักอ่านมีความสุขเพราะนิยายเรื่องนี้
สำหรับนิยายเรื่องแรก เรารู้สึกว่ามันเกินความคาดหมายไปเยอะมากๆเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
หลังจากนี้ก็จะพยายามพัฒนางานเขียนของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ติดตามกันต่อด้วยนะคะ
สำหรับรูปเล่ม ตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษอยู่ จะพยายามเร่งเขียนให้เสร็จเร็วๆ
และถ้าเวลาเหลือ จะพยายามปรับแก้เนื้อหาในส่วนตั้งแต่ตอนที่13-19 ให้มันดีขึ้นกว่าเดิม
ในรูปเล่มเนื้อหาอาจจะไม่เหมือนเว็บนะคะ จะพยายามขัดเกลา และเขียนใหม่ให้ดีที่สุดค่ะ
ส่วนแพลนต่อไปคือเรื่องควันหลงในเดือนหนาว
จะยังไม่ขออัพจนกว่าจะแต่งตอนพิเศษม่านหมอกสีฟ้าจบ
อาจจะกลับมาเจอกับควันและไอติมประมาณหลังเดือนมิถุนาเป็นต้นไปนะคะ
รอหนุ่มควันของเรากันหน่อยน๊า~~~
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ค่ะ
dearbliss