บทที่ 5
หมอกและควัน
วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าที่นาฬิกาปลุกตั้งไว้ซะอีก แค่คิดว่าหมอกจะมารับ ร่างกายมันก็ตื่นตัวโดยอัตโนมัติทันที ผมอาบน้ำ แต่งตัวจนเรียบร้อยก็นั่งรอเวลา จนกระทั่งเสียงข้อความแชทดังขึ้นตอนแปดโมงตรงพอดี
Kavi Worakul : มาถึงแล้ว รออยู่ด้านล่างนะ
ผมรีบตอบกลับข้อความของหมอกทันที แล้วคว้ากระเป๋า ล็อกห้องจนเรียบร้อยก็รีบลงไปที่ด้านล่าง เห็นรถเบนซ์สีขาวคันเดิมจอดอยู่ ผมก็เดินเข้าไปหาและเปิดประตูเข้าไปนั่งเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
วันนี้หมอกดูหล่อกว่าทุกวันที่ผ่านมา ถึงจะใส่ชุดนักศึกษาเหมือนเดิม แต่ว่าวันนี้กลับดูเนี๊ยบกว่าทุกวัน ผมที่ไม่ค่อยยุ่งกับมัน วันนี้ก็เซ็ทเปิดด้านข้าง ได้กลิ่นน้ำหอมสปอร์ตๆลอยมาถึงที่นั่งของผม ทำไมต้องดูดีขนาดนี้ด้วยวะ ไม่ยุติธรรมกับใจผมเลยสักนิด : (
“รอนานรึเปล่า” หมอกเป็นคนถามขึ้นมาก่อน ผมเลยรีบส่ายหน้า
“ไม่นานหรอก”
“เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน”
“ก็ได้ เริ่มหิวพอดี” ผมลูบท้องไปมา พอพูดถึงอาหารแล้วน้ำย่อยก็เริ่มหลั่งเลยนะ
“แถวนี้มีอะไรแนะนำรึเปล่า”
“ก็...น่าจะก๋วยจั๊บญวนล่ะมั้ง เห็นคนกินเยอะมาก อีกร้านก็โจ๊กลุงเฮง” ผมบอกเท่าที่จะนึกออกว่าแถวคอนโดผมมีอะไรน่ากินบ้าง หมอกนิ่งคิดสักพักก็ตอบผม
“งั้นลองก๋วยจั๊บญวนแล้วกัน”
หมอกว่าอย่างนั้นผมเลยบอกทางไปร้าน จนเมื่อมาถึงร้านและหาที่จอดรถได้ เราก็สั่งก๋วยจั๊บญวนคนละถ้วย หาโต๊ะว่างแล้วผมก็ตักน้ำมาสองแก้วให้ผมและหมอก
“ขอบคุณ”
หมอกว่า ผมยิ้มบางๆและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไปพลางๆ จะได้เลิกสนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของสาวๆโต๊ะข้างๆ หรือเสียงกรี๊ดพร้อมซุบซิบที่โต๊ะด้านหลังสักที
“นั้นหมอกหรือควันอ่ะแก”
“ฉันคิดว่าน่าจะหมอกนะ ไม่ได้เจาะหู แถมมากับบลูด้วยอ่ะ”
“เออ แล้วสรุปว่าคู่นี้เขาคบกันเหรอวะ”
“ไม่รู้สิ เพื่อนเฉยๆแหละมั้ง แค่เคมีแม่งโคตรได้ ตามกันต่อไปค่ะ”
ผมขยับตัวอย่างอึดอัด รู้สึกทำตัวไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้ ต่างจากหมอกที่นิ่งสยบความเคลื่อนไหวทุกอย่าง จนเมื่อถ้วยก๋วยจั๊บมาวางอยู่ตรงหน้า พวกเราก็เริ่มกินทันที และผมก็รีบชิ่งจ่ายเงินก่อนที่หมอกจะจ่าย ไม่งั้นเขาคงจะเลี้ยงผมแน่ๆ
“ขอบคุณสำหรับค่าก๋วยจั๊บนะ”
“ถือว่าหายกันกับค่าเค้กครั้งก่อนแล้วกัน” ผมว่าอย่างนั้น หมอกเลยพยักหน้าเบาๆ
ใช้เวลาไม่นานจากร้านก็เข้ามาสู่เขตรั้วมหา’ลัย เหลือเวลาอีกสิบนาทีจะถึงเวลาเข้าเรียน รถเลยเริ่มเยอะเป็นพิเศษ เหล่านักศึกษาเดินอยู่ข้างทางกับเป็นแถบ ผมเลยบอกให้หมอกจอดลงที่ริมฟุตบาทที่ห่างจากตึกเรียนเกือบ 500 เมตร
“จอดตรงนี้แหละหมอก”
“ตรงนี้เหรอ...ไม่ไปจอดด้านหน้าตึกเลยล่ะ”
“เอาตรงนี้แหละ หมอกจะได้ยูเทิร์นออกจากคณะเราไปง่ายๆ”
“เอางั้นก็ได้”
หมอกค่อยๆชะลอความเร็วและจอดรถในที่สุด ผมรีบบอกลาและเตรียมลงจากรถ แต่เจ้าของรถก็ไม่ยอมปลดล็อกให้ผม ผมเลยหันกลับไปมองหมอกที่ยังคงนิ่ง
“เปิดประตูให้หน่อย”
“วันนี้ต้องไปซ้อมรึเปล่า” แต่หมอกกลับถามอีกคำถามขึ้นมา แทนที่จะปลดล็อกประตูรถให้ผม
“วันนี้ไม่ได้ไป แต่ต้องมาซ้อมการแสดงที่คณะ ทำไมเหรอ”
“แล้วเลิกกี่โมง”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่เกินสองทุ่มมั้ง”
“เดี๋ยวมารับ ลงไปได้แล้ว” พอได้คำตอบที่ต้องการ หมอกก็ปลดล็อกประตูให้ผม
ผมลงจากรถและยืนรอจนกระทั่งหมอกขับออกไปแล้ว ผมถึงได้เดินเข้าตึกเรียนไป เดินเข้าห้องเรียนก็เจอว่านที่ยืนจังก้ารออยู่หน้าห้อง ผมมองมันด้วยสายตาสงสัย แล้วก็วางกระเป๋าลงที่โต๊ะเรียนพร้อมกับเสียงว่านที่ดังตามมา
“เมื่อกี้นี้อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะว่ามึงลงมาจากรถใคร”
“เห็นด้วยเหรอ” ผมถาม แปลกใจนิดนึงเพราะคิดว่าจอดห่างจากตึกเรียนขนาดนั้นแล้วว่านยังเห็นเหรอว่าผมมากับหมอก
“ก็เออสิ เห็นตั้งแต่ที่ร้านก๋วยจั๊บญวนแล้วนะว่ามึงไปกินกับใคร เห็นคนเต็มร้านกูเลยย้ายไปกินโจ๊กลุงเฮงแทน” ว่านทำหน้าเหนือ อมยิ้มล้อเลียน ผมเลยได้แต่อึกอักเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“จากที่กูตามเผือกในเพจต่างๆนี่สรุปแล้วตัวจริงของมึงคือหมอกไม่ใช่เพลิงใช่มั้ย” ว่านยังคงถามด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็น ผมเลยสั่นศีรษะอย่างรวดเร็ว
“ตัวจงตัวจริงอะไร ไม่มีหรอก”
“จ้า ตอนนี้ไม่มีอะไร แต่ในอนาคตนี่กูมั่นใจว่าเพื่อนกูต้อง sold out แน่นอน”
.
..
...
“การแสดงของคณะเราจะเอายังไงดี น้องบลูมีความสามารถพิเศษอะไรมั้ยเอ่ย”
พี่ๆในสโมสรกำลังช่วยกันคิดการแสดงช่วยผมกับแป้งอยู่ แป้งนั้นเธอจะเต้นโคฟเวอร์เพลงเกาหลี และทุกคนก็เห็นดีเห็นงามด้วย และพอคิดการแสดงฝั่งดาวเสร็จ ทุกคนก็หันมารุมทึ้งผมที่นั่งเงียบๆมานานทันที
“เออ...ผมพอจะเล่นกีต้าร์เป็นนิดหน่อยครับ”
“ร้องเพลงได้ด้วยรึเปล่า” พี่ปูเป้ถาม
“ก็พอได้ครับ”
“งั้นเอาเป็นโคฟเวอร์เพลงเป็นแนวอะคูสติกดีมั้ย” แป้งเสนอขึ้น ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันมามองผมเป็นตาเดียว
“ว่าไงน้องบลู”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
และสุดท้ายผมมานั่งเลือกเพลงอยู่หน้าคอม พี่ๆให้เวลาหาเพลงมาเสนอ 1 ชั่วโมง แล้วคนอื่นก็ไปช่วยกันเลือกเพลงและดูท่าเต้นช่วยแป้งกันหมด
ผมนั่งเลื่อนเม้าท์ไปมา เข้าออกยูทูปสลับกับเปิดหาโน้ตเพลงเป็นว่าเล่น อยากจะลองร้องเพลงสากลดสักครั้ง แต่พอลองแล้วก็รู้สึกลิ้นเปลี้ย ร้องตามไม่ทันอีก เลยหันกลับมาซบอกที่เพลงไทยจนได้
เอาเพลงอะไรดีหว่า?
“หืมมม”
ผมเผลอร้องออกมาเมื่อสายตาหันไปเจอเพลงด้านข้างของยูทูป แค่เห็นชื่อเพลงก็สะดุดตาแล้ว พอฟังแล้วก็นึกได้ว่าสมัยก่อนเพลงนี้มันฮิตมากๆ และเนื้อร้องมันช่างเข้ากับตัวผมในตอนนี้เหลือเกิน
“น้องบลูได้เพลงที่อยากร้องรึยัง” พี่ปูเป้เดินมาถาม ผมพยักหน้าก่อนจะชี้ที่หน้าจอให้พี่ปูเป้ดู
“ผมจะร้องเพลงนี้ครับ”
“อ๋อ เพลงนี้เหรอ น่ารักดีนะ ว่าแต่เล่นได้ใช่มั้ย” พี่ปูเป้ถามเพื่อความแน่ใจ
“ได้ครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะกลับไปแกะคอร์ดและเริ่มฝึกเลยครับ”
ผมให้คำสัญญา พวกพี่ๆจะได้ไม่ต้องห่วงในส่วนของผมและไปดูแลฝั่งของแป้งที่น่าจะต้องซ้อมหนักกว่าผมเยอะเลย
“โอเคจ้า งั้นถ้าบลูมั่นใจว่าซ้อมเองได้งั้นกลับก่อนเลยก็ได้นะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาดูกัน”
“ได้ครับ”
ผมยิ้มตอบพี่ปูเป้และลาทุกคน ตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว ดีนะที่ผมบอกว่าจะกลับไปซ้อมที่ห้อง ไม่งั้นคงจะต้องซ้อมยาวๆที่คณะเหมือนกับแป้งแน่ๆ
ติ้ง~
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเมื่อผมเดินออกมาจากห้องสโมสรแล้ว เมื่อเห็นชื่อที่ทักเข้ามา ผมก็รีบเข้าไปตอบแชททันที
Kavi Worakul : ซ้อมเสร็จรึยัง กำลังจะออกไปรับแล้ว
Punnawit thanawatchai : เสร็จพอดีเลย เดี๋ยวเราไปรอที่เดิมเมื่อเช้านะ
หมอกส่งสติกเกอร์กลับมา ผมเลยเดินไปรอที่หน้าคณะที่หมอกมาส่งผมเมื่อเช้า ระหว่างทางผมก็คิดไปด้วยว่าระหว่างผมกับหมอกเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง เราสนิทกันถึงขั้นที่หมอกมารับมาส่งผมแล้วงั้นเหรอ ระยะเวลายังไม่ถึงเดือนที่ผมตัดสินใจลงสมัครเป็นเดือนคณะวิทยาศาสตร์ มันทำให้หมอกหันมาเห็นผมแล้วจริงๆด้วย
ผมสามารถเข้าไปอยู่ในวงโคจรของหมอกได้สำเร็จแล้ว
ยินยิ้มอยู่เพียงลำพังจนเมื่อไฟรถส่องเข้ามากระทบตา ผมก็หันไปมองรถต้นเหตุ เมื่อเห็นว่าเป็นรถคันคุ้นตาผมก็ยิ้มออกมาและเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในทันทีเมื่อหมอกปลดล็อกรถให้
“กินอะไรมารึยัง” เสียงทุ้มถามเมื่อค่อยๆเคลื่อนออกจากคณะ
“ยังเลย หมอกกินแล้วเหรอ”
“ยังไม่ได้กินเหมือนกัน ไปกินสุกี้ดีมั้ย” หมอกถาม และผมก็รีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เราจะไปถึงห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดในย่านนี้ เสียงโทรศัพท์ที่ไม่ใช่ของผมก็ดังขึ้น
“ใครโทรมา” หมอกถาม ผมเลยถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของหมอกที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาดู
“Smoky...ควันรึเปล่า” ผมอ่านชื่อที่เมมเอาไว้ แล้วเงยหน้าถามหมอก
“อืม รับให้หน่อย แล้วก็เปิดสปีกเกอร์ด้วยนะ”
ผมทำตามที่หมอกสั่ง แล้วยื่นโทรศัพท์ไปใกล้หมอกที่กำลังขับรถอยู่ นั่งนิ่งเงียบรอฟังบทสนทนาของทั้งคู่
“มีอะไร” หมอกกรอกเสียงไปยังอีกปลายทางหนึ่ง
[อยู่ไหนวะหมอก] เสียงที่ดังมาทางปลายสายนั้นช่างเหมือนกับคนที่นั่งอยู่ด้านข้างผมตอนนี้เหรอเกิน
“กำลังขับรถ ว่าจะไปหาอะไรกิน”
[งั้นเหรอ กูกลับมาถึงห้องแล้วไม่เหลืออะไรให้กินเลย มารับไปกินด้วยดิ เดี๋ยวอาบน้ำรอ]
“แต่กูมากับเพื่อนนะ”
[เพื่อนมึงก็เหมือนเพื่อนกูนั้นแหละ รีบๆมาเลย หิวจนจะกินหมีได้ทั้งตัวแล้วโว้ย]
ว่าแล้วควันก็ตัดสายไปทันที ผมเลยลดโทรศัพท์ลงแล้ววางไว้ที่เดิม ไม่รู้จะพูดอะไรกับหมอกเหมือนกัน ถ้าหมอกจะพาควันไปกินด้วยคงจะไม่เป็นไรมั้ง
“ถ้าพาควันไปกินด้วยจะโอเครึเปล่า”
หมอกถามเมื่อใกล้จะถึงทางแยกแล้ว ผมเกาหัวเก้อๆ แล้วทำไมเขาต้องถามความเห็นจากผมล่ะเนี่ย รถก็รถของเขา ควรจะเป็นผมมากกว่าที่ต้องเกรงใจทั้งหมอกแล้วก็ควัน
“โอเคสิ ทำไมถึงจะไม่โอเคล่ะ ไปรับควันก่อนเถอะ”
พอผมพูดอย่างนั้นหมอกก็ตีไฟเลี้ยวขวาและยูเทิร์นกลับไปทางเดิมที่เราพึ่งจากมา ผมรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆเมื่อคิดได้ว่าครั้งนี้ผมต้องไปที่คอนโดของหมอก และเผลอๆอาจจะได้ขึ้นไปที่ห้องของหมอกและควันด้วย
คิดเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดหมอกก็ขับเข้ามาในคอนโดและจอดรถ ผมมองหมอกที่ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วก็ปลดตามก่อนจะออกมาจากรถพร้อมกับหมอก
“ขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะ”
“อืม” ผมรับคำและเดินตามหมอกเข้าไปในคอนโดเงียบๆ ถึงจะตื่นเต้นขนาดไหนแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้
หมอกพาผมขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ 9 และมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหมายเลข 1 หมอกใช้บัตรสแกนเข้าที่หน้าประตูแล้วกดรหัสผ่าน ประตูห้องก็เปิดออกมา
ห้องของหมอกและควันมันกว้างกว่าที่ผมคิดเอาไว้อยู่พอสมควร ทั้งห้องเป็นโทนสีขาวดำ มีโซนนั่งเล่นที่มีจอทีวีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เยื้องไปด้านข้างเป็นมุมครัวที่ผมแอบเห็นว่ายังมีกองจานที่ยังไม่ล้างอยู่ 3-4 ใบ ถัดไปก็น่าจะเป็นห้องน้ำ และมีอีกสองห้องที่ซ่อนอยู่หลังบานประตู ถ้าให้ผมเดาก็คงจะเป็นนอนของหมอกและควันนั้นแหละ
“มาแล้วเหรอ แป๊บนะหาเสื้อใส่ก่อน”
ควันชะโงกหน้าออกมาจากห้องทางด้านซ้าย ใบหน้านั้นยังมีหยดน้ำเกาะพราว เส้นผมลู่ลงแนบกับใบหน้าขาว พอควันเห็นว่าผมยืนอยู่ด้านหลังหมอกก็ยิ้มให้ผม ผมเลยยิ้มตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ แล้วควันก็ปิดประตูห้องกลับไปเช่นเดิม ผมแอบเหลือบมองหมอกที่ส่ายหัวน้อยๆแล้วนั่งลงบนโซฟา ผมเลยนั่งตาม
“อยู่กับมันมาตั้งแต่เกิด เลยรู้นิสัยมันดีว่าอาบน้ำนานขนาดไหน” หมอกว่า แล้วหันไปทางห้องนอนของควัน
“แล้วหมอกอาบน้ำนานเหมือนกันรึเปล่า” ผมถาม อย่างน้อยถามเก็บเป็นข้อมูลไว้ก็ดี
“ฉันเหรอ...ไม่นานหรอก แล้วนี่หิวรึยัง”
“ไม่เท่าไร พอทนได้” ผมยิ้มให้หมอกไม่ต้องกังวล เราคุยกันอยู่ไม่นานประตูห้องนอนก็เปิดออก ควันขยี้ผมที่ยังชื้นอยู่ไปด้วยแล้วคว้ากระเป๋าเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมกับหมอกเลยลุกขึ้นเก็บของด้วย
“ไปกันเถอะ หิวสุดๆ” ควันว่าก่อนจะหันมาทางผมที่ยืนอยู่เงียบๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกเท่าไรแหะ
“ชื่อบลูใช่ป่ะ เราควันนะ แยกกับไอ้หมอกออกรึเปล่า” ควันชี้ระหว่างตัวเองและหมอกที่เดินนำหน้าพวกเราอยู่ ผมไม่อยากจะบอกหรอกว่าแยกมาได้ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วเหอะ
“เนี่ย ไอ้หมอกมันจะติ๋มๆหน่อย ตามันสองชั้นหลบใน แล้วก็จะชอบขี้เก๊ก ไม่รู้จะเก๊กไปไหน แล้วก็ถ้ามองดีๆนะ เราอ่ะหล่อกว่ามันเยอะ”
ควันยักคิ้วให้ผม ทำหน้าภูมิใจที่สุด ผมหลุดหัวเราะออกมาเพราะคิดไม่ถึงว่าควันจะเป็นคนอย่างนี้ นิสัยที่กวนๆพูดมากขนาดนี้มันค่อนข้างจะขัดกับลุคภายนอกไปอยู่มากพอสมควร
“หน้าก็เหมือนกัน ยังมาบอกว่าหล่อกว่ากู”
หมอกหันมาตบหัวควันทีเล่นทีจริง นั้นเลยทำให้ผมหัวเราะออกมาจริงๆ ขำสองแฝดที่ยืนตีกันอยู่ขณะรอลิฟต์ สุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนห้ามก่อนที่จะตีกันจริงจังเสียก่อน
ระหว่างทางจากคอนโดของหมอกมาถึงที่ห้างสรรพสินค้าหมอกก็ยังคงขับรถเงียบๆ ส่วนควันก็พูดไปเรื่อย บ่นเรื่องเรียนบ้าง เรื่องเพื่อนบ้าง บางทีก็หันมาคุยกับผมที่นั่งอยู่ด้านหลัง การกระทำของควันช่วยลดช่องว่างของพวกเราไปได้เยอะจนผมเริ่มคุยได้อย่างสนิทใจกับทั้งคู่แล้ว
เมื่อมาถึงที่ร้านสุกี้ ควันที่บอกว่าตัวเองหิวจนจะกินหมีได้ทั้งตัวก็ไม่ทำให้ผมและหมอกผิดหวัง เพราะควันเล่นสั่งเกือบทุกอย่างที่อยู่ในเมนูจนพนักงานจิ้มเมนูตามแทบไม่ทัน เมื่ออาหารวางเต็มโต๊ะ เราก็จัดการโยนทุกอย่างลงใส่หม้อสุกี้อย่างรวดเร็ว เร่งไฟจนสุดแล้วก็กินติ่มซำรอ
“กินเป็ดย่างมั้ย”
หมอกที่นั่งอยู่ข้างผมถาม ผมเลยพยักหน้าตอบตกลง แล้วเนื้อเป็ดก็มาวางอยู่ที่จานของผมทันที
“ป้อนด้วยเลยสิครับคุณหมอก” ควันที่นั่งตรงข้ามพวกเราส่งเสียง และคีบเนื้อเป็ดในจานขึ้นมาบ้าง “ถ้าไม่ป้อน เดี๋ยวกูป้อนเองน๊า”
“แดกเงียบๆไปเลยมึง”
หมอกพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอย่างเคย ส่วนควันก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และกินเนื้อเป็ดชิ้นนั้นที่ยกขึ้นมาแกล้งผม
ส่วนผมน่ะเหรอ...หน้าแดงลามไปถึงหูแล้วมั้งตอนนี้อ่ะ T_______Tหลังจากเรากินสุกี้ด้วยกันเสร็จ ควันที่บ่นว่าของใช้ในห้องหมดแล้วก็ลากหมอกไปซื้อด้วยกัน ผมที่ติดสอยห้อยตามมาตั้งแรกก็ได้แต่เดินตามทั้งสองคนไปยังโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย
“ยาสีฟันที่ห้องมึงหมดยังอ่ะ จะได้ซื้อไปเผื่อ” ควันหันไปถามหมอกที่ยืนเฝ้ารถเข็นไว้
“ซื้อๆมาเถอะ”
“เออ เดี๋ยวพี่ควันจัดให้”
พูดพร้อมกับชูแพคยาสีฟันใส่หน้าหมอกที่ยืนอยู่นิ่งๆด้วยจากนั้นก็โยนของที่หยิบมาใส่รถเข็น แล้วเดินตัวปลิวไปซื้อสบู่เหลว ยาสระผม กระดาษทิชชู่ ผงซักฟอก และอีกหลายอย่างที่ผมสาธยายไม่หมด รู้ตัวอีกทีของก็พูนจนเกือบล้นรถเข็น
พอเข็นไปจ่ายเงิน พนักงานที่คิดเงินเธอก็ทำหน้าฟินเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ยิ้มหน้าบานขณะที่คิดเงิน ส่วนสองแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆผมเหมือนจะไม่ได้สนใจเท่าไรว่าคนรอบกายจะปลื้มปริ่มกับความหล่อแพคคู่ขนาดไหน จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตเสร็จเราทั้งสามคนก็เดินกลับมาที่รถ ผมยืนมองดูหมอกและควันช่วยกันโยนของทั้งหมดใส่หลังรถเสร็จแล้ว เราถึงกลับจากห้างสรรพสินค้าได้ตอนที่ห้างเกือบจะปิดพอดี
“บลูรู้จักไอติมรึเปล่า...เดือนคณะแพทย์อ่ะ”
“รู้จักสิ...ดังจะตาย”
ควันชวนผมคุยเมื่อนั่งอยู่ในรถมาได้สักระยะ ผมนึกไปถึงคนที่ควันถาม ไอติม...เดือนคณะแพทยศาสตร์ ผมไม่ค่อยสนิทเท่าพวกเพลิง มาร์ช หรือเจ๋ง แต่ไอติมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ป๊อบมากๆในกองประกวด ผู้ชายอะไรทำไมถึงได้ดูนุ่มนิ่มไปทั้งตัวขนาดนั้น ไอติมตัวไม่สูงมากแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นว่าตัวเล็ก เจ้าตัวมีใบหน้าเล็ก ดวงตากลม จมูกโด่งเป็นสัน ปากเป็นกระจับ ทุกอย่างบนใบหน้านั้นมันรับกันหมด พูดตามตรงว่าถึงผมจะชอบหมอกมาก แต่ไอติมนี่ผมก็ปลื้มไม่น้อยเลยทีเดียว
“เพื่อนสนิทเราเองแหละ อยู่ในกองประกวดก็ฝากดูแลมันหน่อยนะ มันยิ่งดูเปลี้ยๆอยู่ โชคร้ายที่ปีนี้พวกรุ่นพี่อยากได้เดือนแนวเกาหลีไปลงแข่งกับคณะอื่น หวยเลยตกไปอยู่ที่มัน”
ควันพูดขำๆ ผมฟังแล้วก็นึกถึงเพลิง รายนั้นก็โดนจับเป็นเดือนเพราะหมอกไม่ยอมประกวด ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง น่าจะซ้อมการแสดงที่คณะมันนั้นแหละ เก็บเป็นความลับขนาดนี้
เราคุยกันมาตลอดทางจนในที่สุดรถของหมอกก็จอดเทียบฟุตบาทเหมือนทุกครั้งที่เคยมาส่ง ผมบอกลาทั้งสองคนและลงมาจากรถ ยืนส่งเหมือนทุกครั้งที่มาด้วยกันจนเมื่อรถของหมอกหายไปจากกรอบสายตาผมถึงได้ขึ้นห้อง
เหมือนทุกวันที่ผ่านมา ผมอาบน้ำและใส่แว่นตา สวมรีเทนเนอร์แล้วนั่งลงที่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่วันนี้มีสิ่งที่พิเศษกว่าทุกวัน ผมหยิบกระเป๋ากีต้าร์มา เช็คกีต้าร์ลูกรักที่ใช้เงินเก็บซื้อมาหัดเล่นสมัยมัธยม ปรับสายนิดหน่อยแล้วผมก็เข้ายูทูป ดูเพลงที่ผมเลือกใช้ในการแสดง และเริ่มเล่นคอร์ดแรกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ระหว่างนั้นผมก็เปิดหน้าเฟสบุ๊คไว้ด้วย ดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนในโลกโซเชียลไปพลางๆ แล้วก็เห็นแจ้งเตือนล่าสุดเป็นของเพลิง มันทักมาในหน้าเฟสบุ๊คของผม คงจะสร้างกระแสอะไรอีกแล้วรึเปล่าเนี่ย
Plerng Palapol > Punnawit thanawatchaiJust now
ซ้อมที่คณะเหนื่อยมั้ยคะคนดี? อยู่ทางนี้เหนื่อยมากๆเลย
56 คนถูกใจ 10 คอมเมนต์ 3 แชร์
หืม? แล้วทำไมคนอื่นมากดไลค์ ถูกใจเร็วกันขนาดนี้ ติดดาวพวกผมสองคนไว้รึไง ผมส่ายหน้าเบาๆแล้วพิมพ์ตอบมัน
Punnawit thanawatchai : ซ้อมหนักจนเป็นบ้าเหรอ?
Plerng Palapol : หยอกให้บางคนมันหึงเล่น อิอิ
ใครกัน?
ผมไม่ได้สนใจคอมเมนต์ของคนอื่นที่เข้ามาแซวผมและเพลิง ในหัวยังคงคิดว่าใครกันที่กำลังหึงผมอยู่ ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลย คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกมั้ง
อย่างหมอกน่ะเหรอ จะหึงผม...
อย่าสำคัญตัวเองเกินไปดิวะไอ้บลูเอ๊ยยยยย
tbc.
พี่ควันมารับเชิญเล็กๆน้อยๆพอกรุบๆ
อาจจะพูดมากผิดคาแรคเตอร์ไปนิด เดี๋ยวเรื่องตัวเองล่ะจะฮาไม่ออก5555
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะคะ
ตอนต่อไปมีสเปเชียลวันวาเลนไทน์มาเสิร์ฟแน่นอนค่าาา