✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 179984 ครั้ง)

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ








:z7: สารบัญ :z7:


✦บทเริ่มต้น
✦บทแรก :บทพระรอง
✦เสิ่นจิ้งเฟยเปลี่ยนไปจริงหรือ?
✦บทสาม: เรื่องราวที่ไม่ได้กล่าวถึง
✦บทสี่:นางมารหมื่นพิษ
✦บทห้า:ไม่เป็นไปตามบท! (อะไรนะ?)
✦บทหก: ลิขิตเอง
✦บทเจ็ด: ผูกมิตร
✦บทแปด: จื่อฟางออกโรง
✦บทเก้า:ความลับ
✦บทสิบ: ข่มขู่
✦บทสิบเอ็ด: พบปะหลิวอ๋อง  
✦บทสิบสอง: ฮ่องเต้เจี่ยผิง
✦บทสิบสาม: คลื่นลมสงบ
✦บทสิบสี่:เยี่ยมสกุลโหยว
✦บทสิบห้า:โชคชะตา
 ✦บทสิบหก: เสิ่นจิ้งเฟย
✦บทสิบเจ็ด: คนงามกับสุราไม่ใช่ของคู่กัน
✦บทสิบแปด: ตัวหมากที่เปลี่ยนแปลง  
✦บทสิบเก้า: คำสัญญา  
✦บทยี่สิบ: สนทนายามวิกาล  
✦บทยี่สิบเอ็ด :เสียงกลองที่ก้องไปทั้งฉางอัน
✦บทยี่สิบสอง: หวนคืน
✦บทยี่สิบสาม:ดอกเหมยกลางลมหนาว
✦บทยี่สิบสี่: พลิกผัน
✦บทยี่สิบห้า :เริ่มต้นที่ใด จบที่นั่น (1) 
✦บทยี่สิบหก :เริ่มต้นที่ใด จบที่นั่น (2)
✦บทยี่สิบเจ็ด :สู่บทเริ่มต้น (1)
 ✦บทยี่สิบแปด:สู่บทเริ่มต้น(2)

-จบภาคต้น-

คำเตือนจากผู้เขียน:นายเอกเรื่องนี้เป็นเพียงคนธรรมดา ๆ

ไม่ได้เก่งกาจอย่างผู้อื่นเขา ขอภัยจริงๆ ชีวิตของน้องจื่อเปรียบดั่งหอยทาก  :z13:

ติดตามเพจ-->> กดเลย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2023 02:24:52 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
Re: ✦ ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦
«ตอบ #1 เมื่อ01-02-2018 17:14:24 »

 Chapter edit : 13 ส.ค. 2562


ว่าด้วยเรื่องของพระรอง


บทเริ่มต้น

 

เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วแต่จื่อฟางยังไม่เข้านอน หนึ่งเพราะเขานอนไม่ค่อยหลับ สองเขากำลังเพลิดเพลินกับการวาดภาพสำหรับลงขายในเว็บ เขาเรียนอยู่ที่ม.ซีเตี้ยนในเมืองซีอาน เข้าเรียนคณะบริหารธุรกิจสาขาบัญชีเพราะพ่อกับแม่ต้องการให้เขาเรียนในคณะที่มั่นคง เกรดก็เลยตามสภาพ เนื่องจากต้องเรียนและหาเงินไปพร้อม ๆกัน จื่อฟางจึงไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ไหน ช่วงปีแรกก็ยังพอมีคนให้คบให้ควงบ้าง แต่พอเข้าสู่ช่วงปีสองด้วยเหตุผลที่ว่ามาจึงทำให้เขาไม่ได้ออกเดทเลยสักหน ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ไม่มีตกถึงท้อง ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องหน้าตาก็ไม่ใช่ เพราะจื่อฟางก็ไม่ได้น่าเกลียดจนดูไม่ได้ถึงจะไม่หน้าตาดีเหมือนพวกไอดอลจีนแต่เขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่แน่นอน ชีวิตของเขามันช่างจืดชืดอะไรอย่างนี้


จื่อฟางลากดินสอไปมาอย่างหงุดหงิด รู้สึกว่าไม่มีอารมณ์วาดตามที่ใจอยากก็เปลี่ยนไปหาอย่างอื่นทำเพื่อสร้างอารมณ์ศิลป์สักเล็กน้อย เขานั่งบงที่หน้าคอมพิวเตอร์เก่าๆ ท่องโลกออนไลน์จนไปเจอนิยายเรื่องหนึ่งที่ยอดอ่านและคอมเม้นท์ค่อนข้างสูงจึงเปิดเข้าไปดูแก้เบื่อ นิยายชื่อเรื่องกลรักหญิงงาม ดูเหมือนกำลังได้รับความนิยมเพราะเนื้อเรื่องตลกขบขันเบาสมอง เนื้อหาเพ้อฝันแบบที่หลายๆคนคงชอบ เป็นเรื่องของคุณหนูฉินเซียงอินนางเอกของเรื่องที่ภายนอกดูอ่อนหวานเรียบร้อย แต่แท้จริงแล้วนิสัยของนางกลับตรงกันข้าม สมัยนี้คงต้องบอกว่านางแสดงละครได้แนบเนียน คุณหนูฉินแอบหลงรักพระเอกนิสัยเหมือนท่อนไม้อย่างไป๋ผูอวี้ บุตรชายคนเดียวของสกุลไป๋เจ้าของโรงน้ำชาอันเลื่องชื่อในเมืองฉางอัน นอกจากดูแลกิจการของบิดาแล้วไป๋ผูอวี้ก็ไม่คิดสนใจเรื่องอื่นใด


และนี่จึงเป็นบทเริ่มต้นของการงัดกลยุทธิ์หญิงงามมาใช้กับคุณพระเอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะไป๋ผูอวี้ไม่ใช่คนโง่ที่มองไม่ออกถึงความตั้งใจของคุณหนูฉิน ส่วนที่เป็นสีสันของเรื่องก็คือตัวตลก เอ้ย พระรองอย่างเสิ่นจิ้งเฟย คุณชายเจ้าของใบหน้างดงามหมดจด(ตามที่ผู้เขียนบรรยาย) นิสัยไม่เอาไหน นอกจากเล่นกู่เจิง[1]และเดินหมากได้เก่ง นอกนั้นก็ไม่มีดีให้พูดถึงนัก เสิ่นจิ้งเฟยชอบเที่ยวเตร่กับสหาย ถลุงเงินบิดา นอกจากหน้าตางดงามคุณชายเสิ่นผู้นี้ก็สู้กับพระเอกอย่างไป๋ผูอวี้ไม่ได้เลยสักนิด มีเรื่องให้กล่าววาจาต่อคำก็มักเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสมอ


อ่านไปแล้วนิสัยบางส่วนช่างเหมือนกับตัวจื่อฟาง เขาจินตนาการหน้าตาของตัวละครเหล่านี้ไม่ออก ไม่ว่าผู้เขียนจะบรรยายว่างดงามหล่อเหล่าอย่างไร ร่างเล็กเอนตัวพิงพนักเก้าอี้มุ่นคิ้วเมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ก็ค้นพบว่านิสัยของไป๋ผูอวี้คุ้นๆเหมือนเพื่อนร่วมชั้นของเขา จื่อฟางนึกชื่อฝ่ายนั้นไม่ออกเพราะไม่ได้รู้จักมักจีเพียงแต่เห็นหน้าอยู่บ่อย ๆ 


จื่อฟางกลอกตาอ่านไปได้ครึ่งเรื่องก็เริ่มปวดขมับจี๊ด ๆอย่างบอกไม่ถูก เริ่มตาลายอ่านไม่รู้เรื่องจึงปิดคอม รู้สึกไม่ดีชอบกลจึงทิ้งนอนพักสักงีบ แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง….โลกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


~•~


                “คุณชาย…คุณชาย”เสียงเรียกซ้ำ ๆดังอยู่ข้างหู หนวกหูจริง จื่อฟางไม่ใช่คุณชายซ้ำยังเช่าหออยู่คนเดียว ใครที่ไหนจะมาเรียก ในใจจึงคิดอย่างง่วงงุ่นว่าคุณป้าข้างห้องคงเปิดทีวีทิ้งไว้เสียงดังอีกแล้ว เขาพลิกตัวไปอีกด้าน แต่ยิ่งพลิกก็ยิ่งไม่สบายตัว รู้สึกว่าเตียงนอนแข็งผิดปกติ


“คุณชายรีบตื่นเถิด หากไม่รีบกลับไปที่จวนตอนนี้ มีหวังนายท่านต้องโกรธมากแน่ ๆ”เสียงร้อนใจดังเข้ามาใกล้กว่าเดิม คราวนี้มาพร้อมกับแรงเขย่าที่หัวไหล่


“อา หนวกหู!”จื่อฟางคำรามขึ้นมาอย่างนึกรำคาญ ปัดป่ายสิ่งที่มารบกวนออกอย่างหงุดหงิด


จางต้าได้แต่มองผู้เป็นนายนอนขดตัวหันหลังให้ตนอยู่บนเตียงด้วยความกระวนกระวายใจ มิรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแต่คุณชายเสิ่นหมกตัวอยู่ในหอผูเยว่เอาแต่ดื่มสุรามาสองวันติดแล้ว นางคณิการ่างแบบบางเข้ามาออเสาะปรนนิบัติก็ถูกคุณชายของเขาไล่ตะเพิดออกไปหมด จางต้าคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก แต่ไม่ว่าด้วยเรื่องใดหากวันนี้คุณชายยังไม่กลับจวนสกุลเสิ่น ไม่ใช่แค่ตัวเขาแน่ที่ตกที่นั่งลำบาก จางต้าจึงตัดสินใจใช้วิธีปลุกที่นาน ๆทีจะกล้าทำ ถึงจะอยู่กับคุณชายมาตั้งแต่เล็ก แต่ก็ใช่ว่าคุณชายจะไม่กล้าลงโทษบ่าวรับใช้เช่นเขา ว่าแล้วก็กลั้นใจยื่นมือออกไปดีดหน้าผากคุณชายเต็มแรง


ผลั้วะ!


“โอ๊ย…”จื่อฟางอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด พลิกตัวลุกนั่งหมายจะก่นด่า แต่ลืมตามองเห็นคนผู้หนึ่งอายุอานามคงพอๆกับเขาทั้งยังสวมเสื้อผ้าที่เหมือนในละครย้อนยุคนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกงุนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ฉากพวกนี้มันคุ้นๆ


“อภัยให้ข้าน้อยด้วยขอรับ คุณชาย!”


จื่อฟางมองตาโต สมองสับสนวุ่นวายไปหมด ทำไมเจ้าคนนี้ถึงนั่งคุกเข่าให้เขา แล้วยังเรียกเขาว่าคุณชายอีก นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว หรือเขาจะฝันไป? จื่อฟางมองไปรอบตัว ก็พบว่านี่ไม่ใช่หอนอนคับแคบของตน แต่เป็นห้องรับรองตกแต่งด้วยของโบราณ เช่นเตียงที่เขานั่งอยู่ถึงจะแข็งแต่ผ้าไหมปักลายสวยงามพวกนี้คงเป็นของดีแน่ ห่างออกไปไม่ไกล มีโต๊ะตัวเตี้ยที่เกลื่อนไปด้วยไหสุรา ส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง จื่อฟางหลับตาพลางศีรษะไปมา


“ต้องเป็นความฝันแน่ ๆ ทำไมจู่ ๆถึงได้ฝันประหลาดแบบนี้ได้นะ”ร่างบางพึมพำกับตัวเองเบาๆ หรือว่าอ่านนิยายกลรักก่อนนอนจนทำให้เขาเก็บมาละเมอเพ้อพกเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้ ใช่!ต้องเป็นแบบนั้นแน่ จื่อฟางยังคงปลอบใจ แม้จะสงสัยว่าในความฝันคนเรารู้ด้วยหรือว่าตัวเองกำลังฝัน...ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดขมับเพราะกลิ่นสุราที่ส่งกลิ่นฟุ้งอยู่ในห้อง


“คุณชายจะมัวแต่ใจเย็นอยู่ไม่ได้แล้ว คราวนี้นายท่านใหญ่ดูจะโกรธจริง ๆขอรับ ไม่แน่อาจโดนตัดเบี้ยเลี้ยงทั้งเดือนเลยก็เป็นได้ รีบกลับจวนกันเถอะขอรับ!”เจ้าคนที่นั่งคุกเข่าร้องเรียกด้วยท่าทางร้อนใจ ถ้าร้องไห้ได้คงร้องไปแล้ว จื่อฟางเพียงอ้าปากหาวหวอด ๆ คิดว่านอนต่ออีกสักหน่อย เดี๋ยวก็ตื่นจากความฝันบ้าบอนี่เอง เขาทำท่าจะล้มตัวลงนอนแต่พลันชะงักกึกเมื่อสังเกตเห็นแขนตัวเองซะก่อน


เดี๋ยวนะ…ฉากแบบนี้มันคุ้นๆเหมือนในละครข้ามมิติที่ตัวเอกจะต้องชะงักเมื่อเห็นร่างตัวเอง


จื่อฟางก้มมองสำรวจพบว่าร่างของเขาสวมใส่ชุดคลุมยาวสีเข้มปกเสื้อไขว้กันปักลวดลายสวยงาม แต่ที่ผิดปกติคือผิวเนียนละเอียดกับนิ้วมือเรียวยาวที่เหมือนไม่เคยทำงานหนักตรงหน้านี่ต่างหาก นี่มันไม่ใช่มือของเขาแน่ๆ จื่อฟางขยับนิ้วก่อนยกจับแตะใบหน้าก็ยิ่งตกตะลึงเพราะโครงหน้าของเขาไม่ใช่แบบนี้ อาการตื่นตระหนกยิ่งทำให้ทำอะไรไม่ถูก 


“คุณชายเสิ่น ท่านเป็นอะไรไปแล้ว”จางต้าโอดครวญ เมื่อเห็นผู้เป็นนายมีอาการแปลกประหลาดเหลียวซ้ายแลขวาหน้าตาซีดเซียว พอเห็นคันฉ่องที่วางอยู่ใกล้เตียงก็รีบคว้ามาดู แล้วส่งเสียงพิกลออกมา


“คุณชาย…”บ่าวรับใช้เอ่ยเรียกช้า ๆ แม้จะร้อนใจ แต่ยามนี้คุณชายเสิ่นทำตัวผิดแปลกไปจากเดิม หรือว่าจะไม่สบาย ไม่ได้ๆ เขาต้องรีบพาคุณชายกลับจวนโดยเร็วที่สุด บ่าวรับใช้พลันรับรู้ชะตาของตัวเอง จางต้าเอ๋ย ดูท่าวันนี้เจ้ามีดวงถูกโบยแน่ ๆโทษฐานที่ดูแลคุณชายไม่ดี


จื่อฟางยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกมองเงาสะท้อนจากคันฉ่อง ปรากฏเป็นเด็กหนุ่มหน้าอ่อนอายุคงไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปี มีคิ้วเรียวสวย จมูกโด่ง ริมฝีปากรับกับรูปหน้า เส้นผมสีดำยาวรวบเสยไปด้านหลัง นับว่าหน้าตามีเสน่ห์หมดจด สามารถพูดว่าสวยได้เต็มปากเต็มคำ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ จิกเล็บลงในอุ้งมือ อาการเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นคือของจริง แต่ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขา


นี่เป็นความจริงหรือความฝัน?


“คุณชายรีบกลับจวนเถอะ”จางต้าเอ่ยอีกครั้งระหว่างที่วางแผนอยู่ในใจ


“ว่าแต่คุณเป็นใคร”จื่อฟางขมวดคิ้ว ละสายตาจากคันฉ่อง ยิ่งส่องก็ยิ่งปวดหัว


“โธ่ คุณชาย เหตุใดถึง....”จางต้ากัดริมฝีปากอย่างอับจนหนทาง ดูท่าว่าคุณชายจะป่วยจริงเสียแล้ว เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายยังคงมองมาที่ตนด้วยแววตาสับสนท่าทางโง่งม จึงไม่รอช้ารีบพุ่งไปคว้าร่างผอมบางบนเตียงพาดบ่าเหมือนเห็นเป็นกระสอบป่านใบหนึ่ง


“เฮ้ย แกจะทำอะไร!”จื่อฟางร้องลั่นด้วยความตกใจ อยู่ ๆถูกจับพาดบ่าก็รู้สึกเวียนหัวตาลายขึ้นมาทันที รีบยกมืออุดปากเมื่ออาการคลื่นเหียนเริ่มก่อตัว รับรู้ว่าเจ้าคนที่แต่งตัวประหลาดพาเขาออกจากเรือนรับรองที่เหม็นกลิ่นสุราด้วยความเร่งรีบ


“กลับจวนไงขอรับ!”จางต้าตอบอย่างอดทน เขาทวนประโยคนี้มาหลายรอบแล้ว เหตุใดคุณชายถึงไม่เข้าใจเสียที บ่าวรับใช้รีบก้มหน้าก้มตาพาร่างคุณชายผ่านโถงทางเดิน สองหูได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของแม่นางทั้งหลายในหอผูเยว่ดังมาไม่ขาดสายระหว่างที่เขาพาคุณชายเสิ่นออกมาด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก แต่ยามนี้จางต้าไม่มีเวลามาเห็นแก่หน้าคุณชายแล้ว เพราะเสนาบดีเสิ่นกำลังเดือดดาลรออยู่ที่จวนทั้งคน ไม่รู้ว่าจะโดนนายท่านลงโทษอย่างไรบ้าง


“เฮ้ เดี๋ยวสิ...”จื่อฟางส่งเสียงตะกุกตะกักดูเหมือนสมองจะทำงานได้ช้ากว่าปกติ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหญิงงามหลายคนและแขกเหรื่อต่างก็พากันออกมาดูเหมือนเห็นเขาเป็นตัวตลก เขากลอกตามองการแต่งตัวของผู้คนรอบข้างก็ต้องยอมรับจริง ๆว่าที่นี่คือยุคโบราณจึงลอบหยิกแขนตัวเองอีกครั้ง


เจ็บ!


“นี่ของเจ้า แม่เล้าเถาฮวา”ได้ยินจางต้าเอ่ยขึ้น คำว่าแม่เล้าทำให้จื่อฟางตาโต มองร่างที่จับเขาพาดบ่าโยนถุงเงินให้หญิงสาวร่างท้วมแต่งหน้าหนาเตอะ กลิ่นเครื่องหอมฟุ้งติดจมูก นางเคลื่อนกายนวยนาดตรงเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม สายตาเป็นประกายขบขัน จื่อฟางเหลียวมองหญิงงามทรวดทรงอวบอิ่มยั่วยวนเหล่านั้นก็เริ่มเข้าใจลางๆ อย่าบอกนะว่าที่นี่คือ…หอคณิกา


“ข้าน้อยยินดีอย่างยิ่ง ขอบคุณคุณชายเสิ่นที่เมตตา…”แม่เล้ายังพูดไม่ทันจบ จางต้าก็พาร่างของคุณชายออกมาจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว ทิ้งเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวไว้เบื้องหลัง เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำ บ่าวรับใช้จึงเลือกออกไปทางประตูข้างเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน แต่ข่าวลืออย่างไรก็คงหลุดลอยออกไป ชื่อเสียงของคุณชายคงไม่เหลือให้กอบกู้แล้ว


“ข้าน้อยให้คนขับรถม้ารออยู่หลังตรอก…ความจริงจะพาคุณชายออกมาเงียบๆ แต่ไม่คิดว่า…”บ่าวรับใช้พูดไปหอบไประหว่างที่พาจื่อฟางเข้ามาในตรอกแคบแห่งหนึ่ง เมื่อเลี้ยวไปยังหัวมุมก็มองเห็นรถม้าจอดรออยู่ จื่อฟางกวาดมองรอบตัวเมื่อไม่พบผู้คนก็โล่งอกเพราะสภาพของเขาในเวลานี้คงดูไม่ดีซักเท่าไหร่ ว่าแต่เจ้านี่บอกว่าจะพาเขากลับจวน จวนที่ไหน แล้วเขาอยู่ในร่างของผู้ใด คำถามมากมายประดังประเดเข้ามา จื่อฟางนึกไปถึงแม่เล้าที่เอ่ยเรียกร่างนี้ว่าคุณชายเสิ่น...


“นี่ ปล่อยผมลงได้แล้ว”เขารีบพูดจนลืมไปว่าต้องพูดคำโบราณๆ


“ท่านว่าอะไรนะ”จางต้าได้ยินไม่ค่อยชัด ด้วยความเร่งรีบจึงไม่ทันเห็นเงาร่างคนที่อยู่เบื้องหน้า


               “อุ๊ก!”วินาทีต่อมาบ่าวรับใช้ก็ชนเข้ากับกำแพงคนจนล้มหงายหลัง พาเอาจื่อฟางล้มกองกับพื้นไปด้วย


“คุณชาย!”จางต้าห่วงแต่ผู้เป็นนายจึงไม่ได้มองสิ่งใด รีบเข้าไปประคองเสิ่นจิ้งเฟยที่ดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงกว่าปกติคล้ายคนป่วยเป็นโรค จื่อฟางขมวดคิ้ว คว้าท่อนแขนที่ยื่นมาตรงหน้า ระหว่างที่เงยมองว่าชนกับอะไร


โอ้…


เขาเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีถึงสองคนยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเหมือนเสาไฟฟ้า แต่ที่ทำให้เขาตาค้างคือชายร่างสูงในเสื้อคลุมตัวยาวสีเทาเรียบ ๆ เส้นผมรวบเป็นมวยพันด้วยผ้าสีเข้ม หน้าตาหล่อเหลาแบบที่ชายชาตรีควรเป็น ส่วนด้านหลังเป็นชายรูปร่างกำยำแข็งแรง สายตาดุดันชวนให้คนหวาดกลัว และคนผู้นี้ก็กำลังใช้สายตาดังกล่าวมองมาที่เขา ทำเอารู้สึกคันยิบๆตามเนื้อตามตัว สายตาเช่นนี้แปลได้อย่างเดียว คนทั้งคู่ต้องรู้จักกับร่างนี้


“อ้อ ที่แท้เป็นคุณชายเสิ่นจิ้งเฟยนี่เอง ท่านเป็นอะไรไปเสียแล้ว หรือหญิงงามในหอผูเยว่ทำให้ท่านตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนอ่อนน้อม แต่แววตาและใบหน้าที่เรียบเฉยกลับแฝงแววเสียดสีชัดเจน


“อะไรนะ”จื่อฟางโพล่งออกมาอย่างลืมตัว ลุกยืนด้วยท่าทางซวนเซ ชื่อเมื่อกี้ฟังแล้วคุ้นมาก


“คุณชายเราต้องรีบกลับจวนอย่าถือสาเขาเลย”จางต้ากระซิบระหว่างที่ช่วยปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าของเจ้านาย รู้ดีว่าเสิ่นจิ้งเฟยไม่ชอบไป๋ผูอวี้ จึงไม่แปลกใจที่คุณชายจะโมโห เจอกับคนผู้นี้ทีไร เป็นต้องต่อล้อต่อเถียงกลับไปทุกทีถึงแม้จะเสียหน้ากลับมาทุกครั้งก็ตาม


“คุณชายไป๋ ข้าน้อยมีเรื่องเร่งด่วน ต้องขออภัยเรื่องเมื่อครู่ด้วยขอรับ”จางต้ากัดฟันพูด  ก่อนรีบพาคุณชายที่ดูสับสนมึนงงไปยังรถม้าที่จอดรออยู่นานแล้ว จื่อฟางรีบหลบฉากเดินตามจางต้าไปยังรถม้าทันที รับรู้ว่าสายตาทิ่มแทงคู่นั้นยังคงจับจ้องมา ทำเอาเขาเสียวสันหลังวูบ สองคนนั่นมันอะไรกัน


คนขับรถม้าหันมองทั้งสองคนด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่จื่อฟางมองออกว่าอีกฝ่ายกลั้นยิ้มคงเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เข้า แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขากำลังว้าวุ่นใจ จื่อฟางก้าวเข้ามานั่งในรถม้าอย่างเลื่อนลอย...เมื่อครู่คุณชายใบหน้าหล่อเหลาเรียกเขาว่าเสิ่นจิ้งเฟย เป็นชื่อที่เขาอ่านผ่านตามาเมื่อคืน ชื่อของพระรองในนิยายกลรักหญิงงาม แต่อาจเป็นเรื่องบังเอิญชื่ออาจจะซ้ำกันก็ได้ เพราะรู้สึกว่าดูเหลือเชื่อเกินไปที่ตนเองมาอยู่ในร่างของเสิ่นจิ้งเฟย มันเป็นไปได้หรือ?ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเขาอยู่ในโลกนิยาย? ยิ่งฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่... เขานึกถึงบทบรรยายถึงเสิ่นจิ้งเฟย คุณชายไม่เอาไหนคนนั้น มีข้ารับใช้ที่สนิทกันตั้งแต่เด็ก ชื่อว่าจางต้า จื่อฟางพลันเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ตรงที่สำหรับบ่าวไพร่ทันที อย่าบอกนะ...


“จางต้า”เขาลองเรียกดูเบาๆ แต่ดูท่าเจ้าของชื่อจะหูดี


“มีอะไรหรือคุณชาย”จางต้าโน้มตัวมาใกล้ๆ เขาเหงื่อแตกพลั่ก อาการตื่นตระหนกก่อตัวอีกระลอก หมายความว่าเป็นเรื่องจริงสินะ เขาอยู่ในโลกนิยาย เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนเอ่ยถาม


“คนเมื่อกี้…เอ่อ คนเมื่อครู่รู้จักข้าด้วยงั้นหรือ”เขาปากคอแห้งผากขึ้นมา ระหว่างที่รถม้าเคลื่อนตัวโขยกเขยกชวนเวียนหัว จางต้าหันมามองเหมือนไม่อยากเชื่อหู คิดว่าคุณชายเสิ่นจิ้งเฟยคงไม่สบายจนสติเลอะเลือนไปแล้วแน่ ๆ


“ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ย่อมต้องรู้จักแน่นอน ในฉางอันมีใครไม่รู้จักบุตรชายเสนาบดีกรมพิธีการอย่างท่านบ้าง…”พออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้เขาก็จำได้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยเป็นบุตรชายคนเดียวของขุนนางมีตำแหน่ง เมื่อคืนเขาไม่ได้ตั้งใจอ่านนิยายโดยละเอียดเพียงแค่เปิดไปเจอโดยบังเอิญเท่านั้น ซ้ำยังอ่านค้างอยู่กลางเรื่องด้วย รู้อย่างนี้อ่านให้จบเสียก็ดี ขณะที่กำลังคร่ำครวญอยู่ในใจ จางต้าก็ยังคงโม้ต่อไปถึงอำนาจของท่านพ่อของเสิ่นจิ้งเฟย


“ไป๋ผูอวี้เป็นใคร เทียบชั้นท่านแทบไม่ติด ถึงโรงน้ำชาของตระกูลไป๋จะเลื่องชื่อไปทั้งฉางอัน แต่อย่างไรก็เป็นเพียงพ่อค้า ไหนเลยจะสู้ท่านได้”ใจความก็คือเจ้าหนุ่มจิ้งเฟยเป็นพวกอาศัยบารมีพ่อนั่นเอง


“อ้อ…”จื่อฟางพึมพำ คุณชายหล่อเหลาที่เขาเพิ่งเจอก็คือไป๋ผูอวี้พระเอกของเรื่อง จะว่าไปก็หล่อสมคำบรรยาย พอมาได้เห็นตัวเป็นๆ ลักษณะท่าทางก็ยิ่งคล้ายกับเพื่อนร่วมชั้นของเขา ส่วนอีกคนที่มองเขาด้วยสายตาทิ่มแทงนั่นคงเป็นเว่ยหลง ผู้ติดตามที่ไม่ชอบขี้หน้าเสิ่นจิ้งเฟย ในนิยายไม่มีเหตุผลบอก สงสัยเพราะแบบนี้ถึงได้ถูกจ้องจนหนาวสันหลัง ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ามาในนิยายยุคโบราณที่ไม่รู้ตอนจบเช่นนี้...


จิตใต้สำนึกของจื่อฟางเอาแต่แย้งว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะอธิบายด้วยหลักการไหนก็ไม่มีเหตุผลรองรับ แต่ตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่แล้วในรถม้าที่กำลังแล่นไปตามถนนอันเงียบสงัดมุ่งสู่จวนเสนาบดี เหมือนสุกรรอขึ้นเขียง จื่อฟางจะหลอกตัวเองอย่างไรก็ได้ แต่เรื่องที่ต้องเผชิญหน้าอย่างไรก็ต้องเกิดอยู่ดี ในหัวกำลังหาหนทางรับมือกับบิดาของเสิ่นจิ้งเฟย


“ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ บอกข้ามาเถอะ”จางต้าเอ่ยถามอย่างกังวล เมื่อเห็นคุณชายเสิ่นมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก คิดว่าหากกลับถึงจวนคงต้องเรียกท่านหมอกู้มาตรวจคุณชายว่ามีอาการผิดปกติตรงไหนหรือไม่ คุณชายเสิ่นมีท่าทีไม่เป็นตัวเอง แต่แปลกไปตรงไหนจางต้าก็บอกไม่ถูก


“เปล่า ข้าไม่เป็นไร”เขาเพียงตอบสั้นๆเท่านั้น พยายามนึกถึงบิดาของร่างนี้ แต่ยิ่งเค้นสมองก็ยิ่งนึกไม่ออกว่าในนิยายมีฉากที่ตนกำลังเผชิญหน้าอยู่หรือเปล่า เอาเป็นว่าจื่อฟางจะแสร้งหูหนวกเป็นใบ้ล่ะกัน คนเป็นบิดาคงไม่ทำรุนแรงกับบุตรชายคนเดียวหรอกกระมังเสิ่นจิ้งเฟยเสียแม่ไปตั้งแต่เด็กจึงถูกเลี้ยงมาอย่างเอาใจจนเสียคน


“ถึงแล้วขอรับ”จางต้าเอ่ยเมื่อรถม้าค่อยๆหยุดอยู่หน้าจวนเสนาบดีที่เงียบสงบ ในใจจื่อฟางพลันหวาดกลัวขึ้นมา ฝามือเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่าตัวเองจะเล่นบทเสิ่นจิ้งเฟยพระรองไม่เอาไหนได้สมจริงหรือไม่แต่เขาก็ใช้ชีวิตไม่เอาไหนเช่นกัน คงไม่ต่างจากเสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงเท่าไหร่หรอกกระมัง









[1] พิณ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:15:52 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
Re: ✦ ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦
«ตอบ #2 เมื่อ01-02-2018 17:17:34 »

บทแรก :บทพระรอง


จื่อฟางได้รู้รสชาติของคำว่ากลัวจนก้าวขาไม่ออกก็วันนี้ ตอนก้าวเข้ามาในห้องโถง ก็รับรู้ว่าบรรยากาศภายในห้องกดดันจนรู้สึกได้ บรรดาบ่าวรับใช้ต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้างไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกตัว จื่อฟางเหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วก็นึกหวาดกลัวขึ้นมา คำบรรยายที่เคยอ่านไหลเข้ามาในหัว เสิ่นมู่หยางบิดาของเสิ่นจิ้งเฟยเดิมทีเป็นคนนิสัยเรียบง่าย จิตใจดี แต่หากได้โกรธขึ้นมาใครหน้าไหนก็ฉุดไม่อยู่ จื่อฟางมองใบหน้าดำคล้ำที่เหมือนจะระเบิดของอีกฝ่ายก็ตั้งใจจะพูดประจบสักสองสามประโยค แต่ไม่คิดว่าเสิ่นมู่หยางจะคว้าถ้วยชาที่อยู่ใกล้ตัวปาใส่เขา

 เพล้ง!

ร่างบางหลบได้หวุดหวิด น้ำชาจึงเปื้อนเสื้อคลุมเป็นด่างดวง แววตาดุดันจ้องเขม็งจนพูดไม่ออก

“นายท่านได้โปรดระงับโทสะด้วย เป็นความผิดของบ่าวเองที่ดูแลคุณชายไม่ดี”จางต้าทำใจกล้าปรี่ไปคุกเข่าที่หน้าเก้าอี้ก่อนโขกศีรษะเสียงดังโป้ก ๆ

“เฟยเอ๋อร์ เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าตั้งแต่เกิดมาทำให้ข้าช้ำใจมากี่หนแล้ว”เสิ่นมู่หยางไม่สนใจจางต้า เอ่ยถามบุตรชายตัวดีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โทสะที่เคยพุ่งสูงลดลงไปบ้างเมื่อเห็นสภาพเหมือนคนจับไข้ของบุตรชาย แต่เสนาบดีกรมพิธีการก็ทำใจแข็งใช้สายตาเย็นเยียบกดดันคนต่อไป

“ท่านพ่อ…”จื่อฟางได้แต่ตีสีหน้าสำนึกผิด เสียงโขกศีรษะของจางต้าดังรบกวนจิตใจของเขายิ่งนัก

“ข้า…ข้าผิดไปแล้ว ท่านพ่อลงโทษข้าเถอะ”ร่างบางกลั้นใจเอ่ยออกไปแม้ไม่รู้ว่าจะโดนทำโทษอย่างไรแต่การยอมรับความผิดน่าจะทำให้อารมณ์โกรธของผู้เป็นบิดาลดลงได้ ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก สีหน้าของเสนาบดีเสิ่นก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จากแปลกใจเป็นสับสนก่อนจะกลับสู่ความเรียบเฉยเช่นเดิมจนจื่อฟางเดาทางไม่ออก บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องต่างก็ลอบส่งสายตาให้กันอย่างงุนงง แม้กระทั่งจางต้าก็ชะงักก่อนจะโขกศีรษะต่อไป ในใจคิดว่าตนได้ยินผิดไปหรือไม่ คุณชายเสิ่นยอมรับความผิด?

“เฮอะ ลงโทษ? ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดจาออกมาส่งๆกระมัง ไหนเจ้าลองบอกข้ามาซิว่าเจ้าสมควรได้รับโทษอย่างไร”อารมณ์โกรธของเสิ่นมู่หยางลดลงไปกว่าครึ่ง แต่ก็ไม่อยากยอมอ่อนข้อให้กับบุตรไม่เอาไหนง่ายๆ

‘เอาแล้วไง’ จื่อฟางปั้นหน้าเศร้าสลด คิดหาคำพูดในคลังสมอง

“ท่านตีข้าเถอะ”เขาแข็งใจพูด ลองเสี่ยงดูสักครั้ง เขาเชื่อว่าเสิ่นมู่หยางไม่กล้าลงมือกับบุตรชายที่ประคบประหงมราวสตรี

“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ”โทสะของเสนาบดีเสิ่นกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง   

“นายท่านใหญ่โปรดอย่าถือสาคุณชายเลย เมตตาคุณชายด้วยขอรับ!”จางต้ารีบโพล่งออกมา โขกศีรษะจนหน้าผากแดงเถือก หวั่นใจว่าเสิ่นมู่หยางจะหน้ามืดลงโทษเสิ่นจิ้งเฟยจริง ๆ ร่างกายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีของคุณชายเสิ่นจะทนการทุบตีได้อย่างไร

“หุบปาก! ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็โดนตีแทนเขาเสีย”เสิ่นมู่หยางถีบบ่าวรับใช้ที่ขัดหูขัดตาจนกระเด็น ออกคำสั่งกับบ่าวด้านนอกทันที

“ใครอยู่ข้างนอก ลากจางต้าออกไปโบยที!”จางต้าหน้าซีดเผือดแต่ไม่ได้โวยวายขอร้องเพราะเตรียมใจไว้แล้วส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็กลัวว่าจะยิ่งไปกระตุ้นโทสะนายท่านใหญ่ บ่าวด้านนอกกรูกันเข้ามาลากเขาออกไปเหมือนกระต่ายตัวหนึ่ง จื่อฟางได้แต่ตื่นตระหนกกับฉากที่เห็น 

“ท่านพ่ออย่าทำจางต้าเลย ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ท่านตีข้าก็ได้ ข้าขอโทษ”สุดท้ายจื่อฟางก็สติแตกรีบเข้าไปกอดขาเสิ่นมู่หยางเหมือนหมีโคอาล่าตัวหนึ่ง หวาดกลัวว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุทำให้คนตาย เสิ่นมู่หยางก้มมองบุตรชายราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไหนแต่ไรก็เห็นเสิ่นจิ้งเฟยมันรักหน้าตาตัวเองอย่างกระไรดี

“เจ้าโตแล้วทำแบบนี้ไม่อายหรือ ปล่อยข้า”เสนาบดีเสิ่นถลึงตาใส่ร่างบางที่เกาะขาตนเองไม่ปล่อย  พยายามดึงขาออกจากการกอดรัดของบุตรชาย แต่จื่อฟางกลับยิ่งออกแรงกอดรัด ได้ยินเสียงตีตุบตับดังอยู่ที่ลานบ้านพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของจางต้าดังเข้ามา

“ข้าไม่ปล่อย จางต้าเป็นบ่าวคนสนิทคนเดียวของข้า ท่านพ่อไว้ชีวิตมันเถอะ”จื่อฟางกลืนน้ำลาย อยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อความสมจริง แต่เขาไม่ใช่นักแสดงจึงได้แต่ก้มหน้าสูดจมูกเสียงดัง เสียงร้องโอดโอยของจางต้าทำให้เขาขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง ความคิดหนึ่งวาบเข้ามา

“ท่านแม่ซื้อจางต้าให้ข้า อย่างน้อย…”ต่อจากนี้ก็นึกคำพูดไม่ออกแล้วจึงได้แต่ทำหน้าเศร้ากอดขาอีกฝ่ายไว้ไม่ปล่อย เสิ่นมู่หยางหายใจกระฟัดกระเฟียดนึกถึงภรรยาที่จากไปก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้ใจนัก ก้มมองเสิ่นจิ้งเฟยแล้วก็ระบายลมหายใจยาว เจ้าลูกตัวดีมันก็เป็นเช่นนี้ เขาใจแข็งลงโทษไม่ลงซักที ขุนนางใหญ่จึงหันไปสั่งหานตงผู้ติดตามประจำตัว

“ไปบอกเด็กด้านนอกให้หยุดมือ”

“ขอรับ”ร่างของหานตงหายไปอย่างรวดเร็วจนจื่อฟางตาค้าง ไม่นานนักเสียงด้านนอกก็สงบลง เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ชายตามองเสิ่นมู่หยาง ร่างนั้นมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ จื่อฟางนึกเห็นใจ หากเสิ่นจิ้งเฟยมีนิสัยตามที่บรรยายไว้ พระรองผู้นี้คงสร้างเรื่องไว้ไม่น้อย

“ท่านพ่อ…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องที่แล้วมาก็แล้วไปเถอะ ข้าจะไม่เอาความ แต่หากเจ้าสร้างเรื่องอีก ข้าจะไม่ใจอ่อนกับเจ้าแล้ว”เสิ่นมู่หยางพึมพำ นึกขันนักเพราะเขาพูดเช่นนี้มาไม่รู้กี่ครั้ง ร่างใหญ่สะบัดบุตรชายออก หลายปีมานี้เขาต้องปั้นหน้านิ่งเฉยต่อกับเสียงเล่าลือดูถูกของเหล่าขุนนางในราชสำนักเกี่ยวกับบุตรชายไม่เอาไหนของตน เฝ้าฝันลมๆแล้งๆว่าวันหนึ่งเจ้าเด็กบ้าจะคิดทำตัวดีๆบ้าง เสิ่นมู่หยางไม่ได้ต้องการให้เด็กนี่เป็นขุนนาง เพียงแค่อยากให้สอบเป็นบัณฑิตรักษาหน้าตาของสกุลเสิ่นไว้ แต่เขาคงหวังสูงไป คิดแล้วก็ได้แต่ถอดถอนใจ

“เฟยเอ๋อร์ เจ้าตัดใจเรื่องคุณหนูฉินเถอะ ในเมื่อนางมิได้มีใจให้เจ้า ไยถึง...”เสนาบดีเสิ่นพูดไม่ออก รู้ถึงเหตุผลที่บุตรชายไปหมกตัวร่ำสุราที่หอผูเยว่ถึงสองวันติด คงเพราะถูกคุณหนูฉินกล่าววาจาปฏิเสธมา ฉินเซียงอินเป็นบุตรสาวของฉินจื่ออวี้เสนาบดีกรมขุนนางที่เขาเองก็คุ้นเคยดี แต่สกุลฉินไม่ไว้หน้าตนแม้แต่นิด  เดิมทีเสนาบดีเสิ่นเห็นใจบุตรชายเสียด้วยซ้ำ ตั้งใจจะหาหญิงงามตบแต่งเป็นอนุให้สักหลายคน แต่เช้าวันนี้ขุนนางในราชสำนักต่างก็หยิบยกเรื่องของบุตรชายมาพูดค่อนแขวะ ทำให้เขาอับอายเสียหน้ายิ่งนัก ถึงได้มีโทสะสั่งให้จางต้านำตัวบุตรไม่เอาไหนกลับมาหมายจะสั่งสอน สุดท้ายก็ลงเอยเช่นนี้ เป็นเขาเองที่ใจอ่อน เสิ่นมู่หยางถอนหายใจก้มมองลูกชายที่ยังคงนั่งทึมทื่ออยู่บนพื้น อีกเดี๋ยวข่าวลือพวกนี้คงแพร่ไปทั้งฉางอัน เจ้าลูกเลวได้ตกเป็นที่หัวร่ออีกครั้งแน่

“นับแต่วันนี้เจ้าถูกกักบริเวณอยู่ในจวนหนึ่งเดือน ห้ามออกไปไหนทั้งสิ้น ระหว่างนี้ข้าจะให้ผู้ติดตามคนใหม่มาดูแลเจ้า”ขุนนางใหญ่กล่าวเสียงเข้มจ้องมองเสิ่นจิ้งเฟยที่ยังคงนั่งทรุดอยู่กับพื้น ร่างผอมบางพยักหน้ารับรู้ช้า ๆ เสิ่นมู่หยางส่ายศีรษะก่อนสะบัดชายเสื้อออกไปจากห้องโถง บ่าวรับใช้ต่างก็พากันกรูออกไปด้วย ทิ้งให้จื่อฟางเนื้อตัวอ่อนยวบอยู่เพียงลำพัง คุณหนูฉินเหรอ ฉินเซียงอิน? นางเอกของเรื่องน่ะหรือ ที่แท้เสิ่นจิ้งเฟยถูกหญิงงามที่หมายตาหักอกจนต้องไปเมามายที่หอนางโลมสองวัน เป็นแบบนี้แล้วยิ่งเทียบกับไป๋ผูอวี้พระเอกของเรื่องไม่ติด

~•~

ผู้ติดตามที่เสิ่นมู่หยางส่งมาชื่อหยางชวี เป็นคนพูดน้อย หน้าบึ้งตึงไร้รอยยิ้ม แต่การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวดูแล้วคงฝีมือไม่ธรรมดา ดูท่าเสิ่นมู่หยางจะตั้งใจส่งคนมาคุมพฤติกรรมของเขาโดยเฉพาะ ช่วงอาทิตย์แรกจื่อฟางเอาแต่หมกตัวอยู่ในเรือนของตน พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวภายในจวนเสนาบดีแห่งนี้ อย่างแรกหากคิดจะเอาตัวรอดเขาต้องปรับตัว เรื่องของสกุลเสิ่นเขาพอรู้คร่าวๆจากนิยายว่าโหยวหลันมารดาของเสิ่นจิ้งเฟยเสียตั้งแต่อายุได้เพียงสามขวบ

เสนาบดีเสิ่นรักใคร่ภรรยาผู้นี้มากจนไม่กล้าแต่งอนุเข้ามา แต่ใช่ว่าเสิ่นมู่หยางจะรักเดียวใจเดียว เพราะเมื่อวานก่อนมีหญิงคณิกาจากเรือนร้องรำมาบรรเลงเพลงให้บิดาแซ่เสิ่นถึงในจวน  เสิ่นจิ้งเฟยยังมีท่านปู่ใจดีนามว่าเสิ่นฉินอี้เคยเป็นถึงเสนาบดีกรมพระคลังแต่เมื่ออายุได้เจ็บปีท่านปู่ก็มาด่วนจากไปด้วยปัญหาสุขภาพ จื่อฟางมักมีปัญหาจำเรื่องราวต่อจากนี้ไม่ได้ เขาจึงรู้สึกเหมือนคนตาบอด อ่านนิยายไม่จบอีกทั้งความทรงจำของเสิ่นจิ้งเฟยก็ไม่สมบูรณ์ 

แต่ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นเพราะภาษาจีนโบราณแตกต่างในปัจจุบัน  ในโลกนี้เขาเสมือนคนไม่รู้หนังสือ ในตอนแรกเขากังวลว่าสำเนียงการพูดจะไม่เหมือนเสิ่นจิ้งเฟยตัวจริง แต่คนรอบตัวก็ไม่มีท่าทีผิดปกติ จึงคิดว่าเพราะอยู่ในร่างของเสิ่นจิ้งเฟยสำเนียงก็คงเหมือนเดิมไปด้วย ถือว่าเป็นโชคดีที่เขาถูกกักบริเวณอยู่ในจวนหนึ่งเดือน ไม่ต้องออกไปข้างนอก พูดคุยกับคนในจวนย่อมไม่มีปัญหาอะไร สามารถถูๆไถๆแก้ขัดไปก่อนได้

อีกปัญหาที่ทำให้จื่อฟางปวดหัวก็คือหยางชวี คนผู้นี้ตามติดเขาทุกฝีก้าว ถึงจะปรนนิบัติดูแลได้ไม่เลว แต่การถูกจับตามองตลอดเวลาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาปวดประสาทนัก ป่านนี้เสิ่นมู่หยางคงรู้แล้วว่าเขากำลังศึกษาตำรา ฝึกเขียนพู่กันจีนอยู่ นึกถึงสีหน้าของเสิ่นมู่หยางก็หัวเราะออกมาดังๆ ขุนนางใหญ่ผู้นั้นคงประหลาดใจแน่ที่บุตรไม่เอาไหนอย่างเสิ่นจิ้งเฟยอยู่ๆก็ขยันขึ้นมา

ไม่ต่างจากที่จื่อฟางว่าไว้ เสนาบดีเสิ่นมู่หยางประหลาดใจจริง ๆเมื่อได้ยินที่หยางชวีมารายงาน ครั้งแรกที่ได้ยินว่าบุตรชายหมกตัวอยู่ในห้องหนังสือเขาไม่เชื่อจนต้องไปดูด้วยตาตนเอง ก็เห็นว่าเสิ่นจิ้งเฟยกำลังฝึกเขียนพู่กันจีนอยู่จริง ๆ ถึงไม่รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะฝึกเขียนชื่อตัวเองไปเพราะเหตุใด แต่เรื่องนี้ทำให้เขาหัวเราะฮ่า ๆกับตัวเอง ตอนส่งไปเรียนก็ไม่อยากเรียนแล้วตอนนี้เจ้าตัวดีคิดจะทำอะไรอีก ไม่รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะมาไม้ไหน แต่อีกสักเดี๋ยวก็หยุดไปเอง  ผ่านไปอีกแปดวันหยางชวีก็มารายงานว่าเสิ่นจิ้งเฟยเลิกอยู่ในห้องหนังสือแล้ว แต่ไปหมกตัวอยู่ที่โรงครัวแทน

“โรงครัวหรือ”เสนาบดีเสิ่นคิดว่าตัวเองหูเพี้ยนไปแน่ เจ้าจิ้งเฟยจะไปห้องครัวทำไม หยางชวีเพียงทำหน้านิ่งตอบด้วยเสียงไร้ความรู้สึกตามปกติ

“ใช่แล้วขอรับ ช่วงนี้คุณชายเจริญอาหารมาก ดูเหมือนจะชอบซุปไก่ตุ๋นไข่นกพิราบ…”เขาโบกมือไล่หยางชวีออกไปไม่รอให้มันได้รายงานจบด้วยซ้ำ หรือเฟยเอ๋อร์คิดจะใช้วิธีนี้ป่วนประสาทตน?

จื่อฟางเลิกขลุกอยู่ที่ห้องหนังสือไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เพราะภาษาจีนโบราณยากเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาต้องการอาจารย์สักคน รอให้เสิ่นมู่หยางอารมณ์ดีเขาค่อยคุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน

ช่วงเวลาที่ถูกกักบริเวณเขาจึงใช้เวลาหาความสุขให้ตัวเอง จื่อฟางถือพัดผ้าไหมด้ามจับทำจากงาช้างเดินไปตามระเบียงทางเดินที่เชื่อมต่อกันอย่างอารมณ์ดี จวนเสนาบดีไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอุดอู้ จะว่าไปก็ใหญ่ไม่น้อย ในจวนมีสวนที่น่ามอง ทั้งภูเขาจำลอง สระน้ำเล็กๆ มีดอกบัว ปลาเล็กปลาน้อยแหวกว่าย เห็นของพวกนี้แล้วก็จุ๊ปาก พวกขุนนางใหญ่ใช้เงินกันฟุ่มเฟือยจริง ๆ จื่อฟางเหลือบมองหยางชวีที่เดินตามมาอยู่ห่างๆ คิดได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้เจอจางต้าที่ถูกโบยจนเนื้อแตกเลย

“หยางชวี”เขาเอ่ยเรียก

“ขอรับคุณชาย”หยางชวีเคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบ ไม่กล้าล่วงเกินจื่อฟางที่มีฐานะคุณชาย ตอนคุยก็มักจะก้มหน้าหลุบตาต่ำ ชวนให้อึดอัด ไม่เหมือนจางต้าที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายกว่า

“จางต้ารักษาตัวอยู่ที่ใด นำทางข้าไปหน่อยซิ”ร่างบางเอ่ยสั่ง เขาไม่เห็นจางต้ามาเกือบสิบวันแล้ว ช่วงที่กำลังยุ่งๆกับตำราได้สอบถามหยางชวีว่าอาการของจางต้าเป็นอย่างไรบ้าง ผู้ติดตามหน้าตายก็บอกเพียงว่าจางต้าถูกโบยจนเนื้อแตกต้องพักรักษาตัวอย่างน้อยหนึ่งเดือน ถึงจื่อฟางจะเพิ่งรู้จักพูดคุยกับจางต้าได้ไม่กี่ประโยค แต่ก็รู้สึกคุ้นเคย คงเพราะอยู่ในร่างของเสิ่นจิ้งเฟยกระมัง ถึงอย่างไรที่จางต้าต้องเจ็บตัวก็เพราะเสิ่นจิ้งเฟยด้วยส่วนหนึ่ง เขาที่เป็นเจ้าของร่างในยามนี้ย่อมไปแสดงความรับผิดชอบสักเล็กน้อย

จางต้าพักรักษาตัวที่เรือนบริวาร เป็นห้องขนาดเล็กเก่าโทรมจนน่าแปลกใจ เด็กนี่เป็นข้ารับใช้คนสนิทของเสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่หรือ ก็น่าจะดูแลดีหน่อย เขาเหลือบมองหยางชวี ร่างนั้นหลบไปยืนด้านข้างให้เขาเข้าไป จื่อฟางผลักบานประตูเข้าไปในห้องที่เหม็นกลิ่นยาจนต้องยกพัดปิดจมูก ภายในห้องไม่มีของใช้มากมาย มีเพียงเตียงสี่เสา ตู้เก็บผ้า และโต๊ะตัวหนึ่งเท่านั้น บ่าวคนสนิทนอนคว่ำอยู่บนเตียง พอรู้ว่าผู้เป็นนายมาเยี่ยมก็ถึงขั้นร้องห่มร้องไห้

“เจ้าจะร้องไห้ทำไม”

“ข้าน้อยซึ้งใจที่คุณชายยังนึกถึงบ่าวไร้ค่าผู้นี้ ข้าน้อยได้ยินว่าท่านถูกทำโทษกักบริเวณอยู่ในจวนหนึ่งเดือน จึงคิดว่าคุณชายโกรธเคืองจนไม่มาเยี่ยมดู”จางต้าพูดไปสูดน้ำมูกไปชวนให้น่าสงสาร ตนนอนเจ็บแผลอยู่หลายวัน คุณชายเสิ่นไม่แม้แต่มาดู จึงคิดไปต่าง ๆนาๆว่าต้องถูกเจ้านายโกรธเป็นแน่

“ช่างเถอะๆ เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”จื่อฟางรีบตัดบทก่อนที่จะทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าการมาเยี่ยมของเขาจะทำให้จางต้าซึ้งใจขนาดนี้ จะว่าไปหมอนี่ก็เด็กคนหนึ่งนี่นะ เขาถอนหายใจสำรวจมองอีกฝ่ายที่ดูซูบเซียวไปเยอะ

“หยุดร้องได้แล้ว ข้าไม่ได้มาเพื่อปลอบคน”จื่อฟางแสร้งทำเสียงรำคาญ เลียนแบบนิสัยของเสิ่นจิ้งเฟยอย่างมืออาชีพ บ่าวคนสนิทถึงได้ยอมสงบในที่สุด ร่างที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงเหลือบมองไปทางหน้าประตูอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“คุณชายควรระวังเจ้าหยางชวีไว้ให้ดี เขาไม่ใช่บ่าวธรรมดา เป็นคนของนายท่านใหญ่ย่อมต้องมีวรยุทธ์แน่นอน”

จื่อฟางเลิกคิ้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องไม่ธรรมดา แต่เหตุใดเสิ่นมู่หยางต้องเอาคนมีวรยุทธ์มาเฝ้าด้วย หรือคิดจะควบคุมพฤติกรรมของเขาจริง ๆ เช่นนี้ก็ขยับทำอะไรลำบากแล้ว

“เจ้าจะหายดีเมื่อไหร่”เขาไม่อยากติดแหง็กอยู่กับหยางชวีนาน ๆ   

“น่าจะประมาณเดือนหนึ่งขอรับ ยาของท่านหมอดีมาก”สีหน้าของจางต้าเริ่มดีขึ้น

“อ้อ ตอนนั้นข้าคงพ้นกำหนดกักบริเวณพอดี”ร่างบางหมุนพัดในมือเล่น สังหรณ์ในใจแปลกๆหากว่าจางต้าหายดี เสนาบดีเสิ่นจะส่งหยางชวีมาดูแลเขาอีกคน จื่อฟางมองความกังวลของจางต้าออก จึงตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ให้ท่านพ่อเอาเจ้าไปทิ้งหรอก”เขาแสร้งหัวเราะ จางต้าลอบมองเขาด้วยสายตาเหมือนลูกหมาหลงทาง

“ถึงเมื่อก่อนคุณชายจะแกล้งข้าหนักไปบ้าง แต่ข้าน้อยคิดไม่ผิดจริง ๆที่เลือกมารับใช้คุณชาย”เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ทำท่าจะร้องไห้อีก จื่อฟางก็รีบตัดบท กำชับให้จางต้าหายไวๆก่อนออกมาจากห้องของบ่าวรับใช้ เดินใจลอยออกมานั่งรับลมที่ศาลาริมสระน้ำเล็กๆ หยางชวีเฝ้าอยู่เงียบๆเช่นเคย เขาเงยมองท้องฟ้ากระจ่างเบื้องบน พอได้อยู่คนเดียวแบบนี้สิ่งที่ตกตะกอนอยู่ในใจก็ชัดเจน จวนสกุลเสิ่นเงียบเหงานัก

“นี่”เขาเอ่ยเรียก

“ขอรับ?”หยางชวีตอบรับ

“ช่วยเล่าเรื่องตลกให้ข้าฟังทีซิ เล่ามาสักสองสามเรื่อง”เขาโบกพัดไปมา ผู้ติดตามแสดงสีหน้าลำบากใจให้เห็น

“เรียนคุณชาย ข้าน้อยไม่มีความสามารถ”อีกฝ่ายตอบเสียงแข็งทื่อ จื่อฟางจิ๊ปาก แค่เล่าเรื่องตลกก็ทำไม่ได้ เป็นคนที่น่าเบื่ออะไรอย่างนี้ เขาลอบมองอีกฝ่าย ถ้าตัดว่าหน้านิ่งไปหน่อย หยางชวีก็ถือว่าหน้าตาดีระดับหนึ่ง

“คุณชายมีอะไรจะพูดหรือไม่”หยางชวีเอ่ยถามเมื่อเห็นเสิ่นจิ้งเฟยจ้องมองตนนานแล้ว

“อ้อ…ฮ่า ๆ เอ่อ ท่านพ่อสั่งให้เจ้ามาเฝ้าข้าเหรอ”จื่อฟางถามไปตรง ๆ เหงื่อผุดที่หน้าผากน้อย ๆ เพราะตอนที่เขามองหยางชวีมันก้มหน้าอยู่ไม่ใช่หรือ?

“ถูกแล้วขอรับ”ถึงจะโดนถามตรง ๆสีหน้าของหยางชวีก็ไม่เปลี่ยน ชายหนุ่มไม่คิดปิดบัง กลับเป็นจื่อฟางเสียเองที่ทำหน้าไม่ถูก จะว่าไปในนิยายไม่มีตัวละครที่ชื่อหยางชวีนี่นา แล้วคนผู้นี้โผล่มาได้อย่างไร จื่อฟางเคาะพัดกับฝามือ จริงสิที่จางต้าโดนโบยก็ไม่มีในนิยายเหมือนกัน หรือว่า…เหตุการณ์ในโลกนิยายไม่แน่นอนสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำของตัวละคร ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีทางเลือกสินะ เขาเลือกไม่เป็นพระรองได้หรือไม่?แค่ใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ในโลกแห่งนี้จนกว่าจะได้กลับไปที่โลกปัจจุบัน…ถ้าหากว่าเขาได้กลับไปล่ะก็

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:18:01 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
Re: ✦ ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦
«ตอบ #3 เมื่อ01-02-2018 17:19:29 »

   
 

 ~•~

โทษกักบริเวณของจื่อฟางสิ้นสุดลงแล้ว อาการบาดเจ็บของจางต้าก็หายดีเช่นกันจึงกลับมาทำหน้าที่ได้ตามเดิม และก็อย่างที่เขาคาดเสนาบดีเสิ่นส่งหยางชวีมาเป็นผู้ติดตามเขาอีกคน ถึงอย่างไรจื่อฟางก็ปฏิเสธไม่ได้จึงยอมรับไปตามนั้น สิ่งแรกที่จื่อฟางทำคือออกไปเดินตลาด มีตรอกคึกคักที่เรียกว่าตรอกซีหมาน อารมณ์ขุ่นมัวของเขาปลิวหายไปเมื่อได้ออกมาเจอกับผู้คนเดินขวักไขว่ เสียงพูดคุยดังจอแจอยู่รอบตัว ร้านค้าเต็มสองข้างทาง เมืองฉางอันคึกคักดีจริง ๆ เขาพบเห็นอะไรก็ตื่นเต้นไปหมดจนจางต้ามองตามด้วยความงุนงง

“คุณชายอยู่ในจวนหนึ่งเดือนคงเบื่อสุดๆเลยกระมัง”

“แน่นอน”จื่อฟางใช้พัดปกปิดรอยยิ้ม เหลือบมองไปด้านหลังก็ไม่เห็นหยางชวีแล้ว

“หยางชวีไปไหนแล้ว”เขาถามด้วยน้ำเสียงมีความหวัง บางทีผู้ติดตามอาจเบื่อจนหนีไปแล้วก็ได้

“คงอยู่แถวนี้แน่ เขามีวรยุทธ์คงตามเรามาเงียบๆ”จางต้าป้องปากกระซิบ จื่อฟางจึงพยักหน้า ออกมานอกจวนสกุลเสิ่นทั้งที เขาก็ไม่อยากให้มีคนหน้าตายมาเดินตามติดทุกย่างก้าว ร่างบางในชุดคลุมผ้าแพรต่วนสีเขียวน้ำทะเลสบายตาเดินเตร่มองร้านรวงข้างทางอย่างสนใจ เพ่งตามองป้ายร้านก็พบว่าอ่านออกเป็นบางตัวเท่านั้น ยังไงเขาก็ต้องรีบหาอาจารย์สักคน ลูกขุนนางขั้นสองอย่างเสิ่นจิ้งเฟยจะอ่านหนังสือไม่ออกได้อย่างไร จื่อฟางและจางต้าเดินมาถึงโรงน้ำชาสองชั้นแห่งหนึ่ง ท่าทางครึกครื้น ผู้คนนั่งจับจองอยู่ที่โต๊ะนอกร้านเต็มไปหมด เขาจึงชวนจางต้าเข้าไป

“คุณชายแน่ใจเหรอว่าจะเข้าร้านนี้”จางต้ามีท่าทีไม่สบายใจ  หยางชวีที่หายไปนานเดินแทรกผู้คนมาหยุดข้างๆ

“นายท่านสั่งห้ามคุณชายเสิ่นสร้างเรื่องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าน้อยคงต้องเสียมารยาทแล้ว”หยางชวีเอ่ยเตือนเสียงเรียบ ใบหน้าไร้ความรู้สึก จื่อฟางได้ยินก็เลิกคิ้ว หัวเราะน้อย ๆ

“ข้าแค่จะแวะดื่มชา พวกเจ้าเป็นอะไรไปแล้ว”

“เอ่อ ท่านไม่ได้มาหาเรื่องก่อกวนไป๋ผูอวี้หรือ…”จางต้าพึมพำเสียงแผ่ว จื่อฟางพลันจำได้ทันที่ว่าที่อยู่ตรงหน้า คือโรงน้ำชาหลิวซื่ออันเลืองลือของสกุลไป๋ กิจการที่ไป๋ผูอวี้ต้องการสืบทอดจนไม่สนใจแม่นางน้อยอย่างฉินเซียงอิน มิน่าเล่าคนถึงเยอะเพียงนี้

ร่างบางเหลียวมองข้ารับใช้ทั้งสองคนแล้วส่ายหน้าไปมา “เจ้าสองคนกังวลเกินเหตุไปแล้ว ข้าจะดื่มชาเท่านั้น”

พูดจบก็หมุนตัวสะบัดชายเสื้อเดินเข้าไปในร้านทันที จางต้าเกาศีรษะก่อนรีบตามหลังผู้เป็นนายเข้าไปไม่ห่าง หยางชวีถอนหายใจแต่ไม่ได้ตามเข้าไป คำพูดของคุณชายเสิ่น ชายหนุ่มไม่ได้นำมาคิดจริงจังอยู่แล้ว หากคุณชายสร้างเรื่อง เขาจะเข้าไปหิ้วตัวออกมาเอง หยางชวีสงสารนายท่านใหญ่จับใจ รู้ดีว่าท่านไม่ใจแข็งพอเอาจริงกับบุตรชายผู้นี้

‘น่าเบื่อเหลือเกิน ข้าควรจะได้ทำงานที่คุ้มค่าคุ้มเวลาแท้ๆ กลับต้องมาคอยเดินตามก้นคุณชายที่ไม่เอาไหนเช่นนี้...’ หยางชวีบ่นอยู่ในใจ สีหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนไม่ได้คิดสิ่งใด

จื่อฟางเข้ามาในโรงน้ำชาก็ถูกจ้องมองจนวางท่าไม่ถูก เพราะการแต่งกายหรูหราและถือพัดผ้าไหมลวดลายสวยงามทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาในทันที ไม่มีใครไม่รู้จักเสิ่นจิ้งเฟยบุตรชายสนาบดีกรมพิธีการ ร่างในชุดสง่ากวาดตามองหาโต๊ะว่างดูเหมือนชั้นแรกทุกโต๊ะถูกจับจองหมดแล้ว

“คุณชายเสิ่นร้านเต็มแล้วขอรับ ข้าว่าออกไปที่อื่นเถิด”จางต้ากระซิบบอก ท่าทางเหมือนไม่อยากเหยียบเข้ามาที่นี่เท่าไหร่นัก รอไม่นานเด็กร้านน้ำชาก็มาต้อนรับพอเห็นว่าเป็นผู้ใดก็ชะงักไปเล็กน้อย จื่อฟางเห็นแล้วขัดหูขัดตา ชื่อเสียงของเสิ่นจิ้งเฟยคงเหม็นโฉ่สุดๆ

“ขออภัยด้วยคุณชายเสิ่น อย่างที่ท่านเห็น ไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว”เด็กร้านน้ำชาตอบเสียงหวาดหวั่นประหนึ่งกลัวเขากินหัว

“แล้วชั้นบนเล่า”เขาใช้พัดชี้ไปยังชั้นสองของร้าน ถึงคนจะแน่นแต่ดูแล้วน่าจะยังมีที่เหลือ

“ชั้นบนนั้น…ห้องดื่มชาส่วนตัวเต็มหมดแล้ว…”

“ใครบอกว่าข้าต้องการห้องส่วนตัว ข้าอยากนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศ ว่าอย่างไรยังมีโต๊ะว่างอยู่ไหม”ร่างบางถามซ้ำ เด็กร้านน้ำชากลัวว่าเขาจะโมโหแล้วก่อกวนเหมือนทุกทีจึงรีบพยักหน้าเดินนำจื่อฟางขึ้นไปยังชั้นสอง จางต้าเดินตามมาเงียบๆพลางคิดในใจว่าหมู่นี้คุณชายของเขาทำแต่เรื่องแปลกๆ

“โรงน้ำชาหลิวซื่อมีชาดีอะไรก็เอามา”จื่อฟางไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวยจึงไม่ค่อยได้ดื่มชาดี ๆ ความรู้เรื่องชาก็มีไม่มาก จึงได้แต่ใช้นิสัยเอาแต่ใจของเสิ่นจิ้งเฟยเอาตัวรอด

“คุณชายเสิ่นกรุณารอสักครู่”เด็กร้านน้ำชารีบร้อนเดินจากไป จื่อฟางนั่งลงอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดี แค่มาร้านน้ำชาของไป๋ผูอวี้ต้องทำเหมือนว่าร่างนี้เป็นตัวเชื้อโรคเลยหรือ ไม่คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยจะมีคนไม่ชอบหน้าขนาดนี้ โต๊ะที่เขานั่งอยู่ติดกับบานหน้าต่างฉลุลายพอมองเห็นถนนครึกครื้นได้เล็กน้อย จางต้าเห็นคุณชายมีอารมณ์หงุดหงิดก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ ท่านมาก่อกวนบ่อย ๆ คิดว่าจะได้รับการต้อนรับดี ๆจากคนสกุลไป๋หรือ

ระหว่างที่นั่งรอจื่อฟางก็เหลือบไปเห็นชายร่างกำยำคุ้นตาเดินแหวกม่านมุกเข้าไปในห้องดื่มชาส่วนตัวที่มุมห้องฝั่งตรงข้าม “จางต้า…นั่นใช่เว่ยหลงรึเปล่า”

จางต้าหน้าถอดสีทันที “คิดว่าใช่ขอรับ…คุณชายอย่าคิดไปมีเรื่องกับเขาเลย”

“ข้าไม่ได้คิดมีเรื่อง”เจ้านั่นตัวออกใหญ่โต เขาไม่ได้โง่เสียหน่อย จื่อฟางหรี่ตาหรือคนในห้องคือไป๋ผูอวี้ จากตรงนี้มองเห็นไม่ชัดด้วยสิ ไม่นานนักเว่ยหลงก็ออกมายืนเป็นตอไม้อยู่หน้าห้อง สายตาไม่เป็นมิตรมุ่งตรงมาที่ร่างของจื่อฟาง เขาหยักยิ้มคงรู้แล้วสินะว่าเสิ่นจิ้งเฟยตัวก่อกวนมาที่นี่ ร่างบางเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นหญิงงามนางหนึ่งก้าวลงมาจากรถม้า แม้มองมาจากที่ไกล ๆก็รับรู้ได้ว่าดวงหน้าเล็กๆนั้นงดงามมีเสน่ห์ การแต่งกายไม่ธรรมดาน่าจะเป็นลูกคุณหนูบ้านไหนสักบ้าน 

“นั่นคุณหนูฉินเซียงอิน…”จางต้าก้มตัวมากระซิบเบาๆ ช่วงที่เขารักษาอาการบาดเจ็บได้ยินพวกบ่าวคุยกันว่าคุณชายถูกคุณหนูฉินหักน้ำใจมา ที่แท้…วันนั้นที่คุณชายดื่มจนเมามายไม่ยอมกลับจวนก็เป็นเพราะคุณหนูฉินนี่เอง จื่อฟางเบิกตาโต โอ้ เขาจำได้แล้ว ในนิยายมีบทที่คุณหนูฉินเซียงอินมาที่โรงน้ำชาหลิวซื่อเพื่อขอบคุณไป๋ผูอวี้ที่ช่วยชีวิตนางไว้โดยไม่ตั้งใจ หนึ่งเดือนที่เขาโดนกักบริเวณก็เกิดฉากสำคัญไปแล้วหรือ เสิ่นจิ้งเฟยเอ๋ย…น่าสงสารจริง ๆ

“ข้าเห็นแล้ว”จื่อฟางยิ้มออกมา ตอนแรกเขากะจะเป็นฝ่ายดูพระเอกนางเอกจีบกันเงียบๆ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ปลูกต้นรักกันก็เถอะ ไหน ๆเขาก็มีบทพระรอง การพบกันครั้งนี้เขาจะขัดขวางเอง จางต้ามองอย่างไม่เข้าใจ

“เหตุใดยังไม่มีคนเอาน้ำชามาเสียที เจ้าลงไปดูทีซิว่าทำไมถึงชักช้านัก!”เขาแกล้งโมโห มองจางต้าตาเขียว บ่าวคนสนิทจำต้องลงไปชั้นล่างอย่างฝืนใจ จื่อฟางจัดเสื้อคลุมให้เรียบร้อยก่อนเดินไปยังห้องดื่มชาส่วนตัวที่มีเว่ยหลงยืนเฝ้าอยู่เหมือนยามเฝ้าบ้าน เว่ยหลงเห็นคุณชายเสิ่นเข้ามาใกล้ก็ตีหน้าเข้ม

“ท่านมีธุระอะไร”เขาเอ่ยถาม แม้น้ำเสียงจะเป็นมิตรแต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการพูดคุยกับจื่อฟาง

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับไป๋ผูอวี้”เขาตอบเสียงดังเผื่อแผ่คนด้านใน

“คุณชายไป๋ไม่มีเรื่องจะคุยกับท่าน”เว่ยหลงไม่ชอบหน้าคุณชายผู้นี้แม้แต่น้อย แม้เป็นลูกขุนนางมีตำแหน่งแต่คุณชายเสิ่นกลับทำแต่เรื่องขายหน้า หากเสิ่นจิ้งเฟยไม่มีอำนาจบารมีของบิดาคุ้มหัว ก็ไม่นับว่ามีอะไร

“ข้าไม่ได้มาก่อกวน แค่อยากมาพูดคุยเท่านั้น”จื่อฟางตอบหน้าซื่อ เขาไม่มีเรื่องจะคุยหรอก แค่อยากมาขวางคุณหนูฉินเซียงอินเท่านั้นเอง เว่ยหลงตั้งท่าจะเถียง แต่ไป๋ผูอวี้พูดแทรกมาก่อน

“ให้คุณชายเสิ่นเข้ามา”

“เชิญ!”เว่ยหลงกัดฟันยอมให้คุณชายรูปงามผ่านเข้าไป จื่อฟางจึงยิ้มกว้างเลิกม่านมุกเข้าไปในห้องด้านใน ร่างสูงในชุดตัวยาวสีเทาปักลายเรียบง่ายยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางสุขุม แม้เป็นเพียงชุดเรียบง่ายแต่เมื่ออยู่บนตัวอีกฝ่ายกลับดูดีขึ้นมาหลายเท่า

“คุณชายเสิ่น ไม่คิดว่าท่านจะมา”ไป๋ผูอวี้เอ่ยทัก กวาดตามองร่างตรงหน้าขึ้นลง

“ข้าเดินผ่านก็เลยแวะมาทักทายท่านเสียหน่อย”จื่อฟางกล่าวอย่างลื่นไหล มองเห็นหัวคิ้วของชายอีกคนขมวดมุ่นน้อย ๆจึงชะงักคิดไปว่าตนพูดอะไรผิดไปหรือไม่ บุตรชายสกุลไป๋ผายมือเชื้อเชิญให้เขานั่งยังเก้าอี้ว่าง บนโต๊ะมีกาน้ำชาส่งกลิ่นหอมและขนมวางอยู่ ดูเหมือนจะมาถูกจังหวะ จื่อฟางกำลังหิวพอดี

“ข้าคงไม่ได้มารบกวนท่านกระมัง”

“...”ไป๋ผูอวี้ไม่ตอบ เพียงรินน้ำชาให้เงียบๆ ไม่รู้ว่านิสัยเป็นเช่นนี้อยู่แล้วหรือตั้งใจกวนประสาทกันแน่ จื่อฟางกวาดตามองรอบห้อง การตกแต่งที่เรียบง่ายบ่งบอกว่าไป๋ผูอวี้เป็นคนตระหนี่ นอกจากกู่เจิงที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเตี้ยที่มุมห้องก็มีเพียงภาพวาดพู่กันจีนบนผนัง ดูแล้วไม่มีของชิ้นไหนที่ดูราคาแพงเลย

“เชิญดื่ม”เสียงนิ่งสงบทำให้เขาดึงสายตากลับมามองชายตรงหน้า พอได้มองในระยะใกล้เช่นนี้ก็ยิ่งเห็นว่าไป๋ผูอวี้หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก ทุกส่วนบนใบหน้าเข้ากันอย่างดี นึกชมคนเขียนนิยายที่สร้างไป๋ผูอวี้ออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ จื่อฟางยกถ้วยชาจิบ แต่ลืมไปว่าต้องเป่าเสียก่อน ชาร้อนจึงลวกลิ้นจนเขาน้ำตาคลอหน่วย ไป๋ผูอวี้มองมาด้วยสายตาแปลไม่ออก แต่มุมปากกระตุกน้อย ๆ

‘วันนี้เสิ่นจิ้งเฟยเป็นอะไรไปอีกแล้ว’ชายหนุ่มครุ่นคิด จื่อฟางกระแอมอย่างกระดากอาย อุตส่าห์วางมาดคุณชายแล้วแท้ๆ

“เว่ยหลง หากมีคนมาขอพบ ให้บอกว่าข้ามีแขก”ไป๋ผูอวี้ส่งเสียงบอกผู้ติดตามที่อยู่ด้านนอกห้องเบาๆ รู้ดีว่าวันนี้คุณหนูฉินต้องมารบกวนตนแน่ แม้ภายนอกแม่นางผู้นั้นจะมีท่าทางอ่อนหวาน แต่เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสา เขาอายุยี่สิบสองปีจึงรู้ได้ว่าที่คุณหนูฉินเข้ามาสนิทชิดใกล้ย่อมมีแผนการ เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าแม่นางน้อยไม่ใช่ธรรมดา เนื้อแท้ของนางเป็นหญิงงามใจกล้าผู้หนึ่ง ไม่เหมือนคุณชายเสิ่นที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ยามนี้กำลังจิ้มฟักเชื่อมเข้าปาก ดูไปก็ยิ่งรู้สึกว่าแปลก เขาไม่เคยเห็นเสิ่นจิ้งเฟยผ่อนคลายท่าทีเวลาที่เผชิญหน้ากับตน

ไป๋ผูอวี้ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู บางทีเจ้าตัวอาจคิดไปเอง คุณชายเสิ่นมีสิ่งใดให้เขาต้องเก็บมาใส่ใจด้วยหรือ? แต่พอมาสังเกตเสิ่นจิ้งเฟยที่นั่งอยู่ตรงหน้าดี ๆแล้วกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ชายหนุ่มก็บอกไม่ถูก อาจเป็นที่ดวงตาเปิดเผยมีชีวิตชีวา

“ไป๋ผูอวี้”คุณชายรูปงามกล่าวขึ้นหรี่ตามองมาที่ตนพร้อมกับทำสีหน้ารู้ทันอะไรบางอย่าง เขาเห็นแล้วอยากหัวเราะยิ่งนัก เหตุใดเสิ่นจิ้งเฟยถึงทำตัวไม่เหมือนเดิม หรือถูกกักบริเวณอยู่ในจวนจนเพี้ยนไปเสียแล้ว

“ท่านพูดเช่นนี้...ไม่อยากพบนางหรือ”จื่อฟางเลิกคิ้ว หากอีกฝ่ายออกปากไม่อยากพบผู้ใดแสดงว่าท่อนไม้ไป๋รู้ว่าคุณหนูฉินจะมาสินะ เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

“นาง?”ไป๋ผูอวี้แสร้งทำหน้าไม่เข้าใจ

“คุณหนูฉินเซียงอินอย่างไรเล่า”เขากัดฟันตอบ ใครว่าคนผู้นี้นิสัยแข็งทื่อ น่าจะเป็นพวกกวนประสาทหน้าตายมากกว่า”

“…”ไป๋ผูอวี้ไม่ได้เอ่ยคำเพียงยกจอกชาจิบช้า ๆ  ในช่วงตอนต้นของนิยายจื่อฟางจำได้ว่าไป๋ผูอวี้ยังไม่สนใจคุณหนูฉินเซียงอิน เพราะในหัวมีแต่เรื่องสืบทอดกิจการของสกุลไป๋ จนคุณหนูฉินต้องงัดกลยุทธ์หญิงงามมาใช้  จื่อฟางลอบมองร่างของอีกคน คลายใจนิดหน่อย ตอนแรกที่เจอกับไป๋ผูอวี้ คนผู้นี้พูดจาเสียดสี แต่วันนี้ก็ยังสามารถนั่งดื่มชาร่วมกันได้แสดงว่าไม่ได้เกลียดขี้หน้ากันปานนั้น

“แล้วท่านเล่า”ไป๋ผูอวี้ย้อนถาม เขาไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำหน้ามึนงง

“อะไรหรือ”

“ได้ยินว่าคุณชายดื่มสุราจนเมามาย เพราะถูกคุณหนูฉินปฏิเสธ”รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏบนเรียวปากของอีกฝ่าย จื่อฟางขบฟัน ความคิดก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น เสิ่นจิ้งเฟยเจ้ามันไม่ได้เรื่องจริง ๆ เขาอยู่ในจวนหนึ่งเดือนไม่รับรู้ข่าวสาร ดูท่าข่าวซุบซิบเรื่องนี้จะลือไปไกล เขากำมืออยู่ในแขนเสื้อเมื่อนึกถึงตอนที่เข้ามาในโรงน้ำชา เหตุที่คนมองก็เพราะเรื่องนี้สินะ เหตุใดจื่อฟางต้องตกเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองด้วย

แต่เขาก็ปั้นยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เหลวไหล ข้าไม่ได้ชอบนาง ข่าวลือก็คือข่าวลือ ข้าไม่ได้เมาเพราะนางด้วยซ้ำ”เขาต้องกู้ชื่อเสียงของเสิ่นจิ้งเฟยกลับมา เจ้าจะดูเป็นไอ้ขี้แพ้ต่อหน้าศัตรูแบบนี้ไม่ได้!

“อ้อ อย่างนั้นหรือ”ไป๋ผูอวี้ยิ้มน้อย ๆ ประกายในดวงตาของอีกฝ่ายเหมือนบ่งบอกว่าไม่เชื่อ ที่ด้านนอกพลันมีเสียงเคลื่อนไหว จื่อฟางมองผ่านม่านมุกก็ยิ้มออกมา นางเอกของเรามาถึงแล้ว

“ต้องขออภัยด้วยยามนี้คุณชายมีแขก”เสียงของเว่ยหลงดังแว่วมา จื่อฟางเงี่ยหูฟัง คุณหนูฉินมีน้ำเสียงหวานหู ทำให้ในอกกระตุกวูบ หรือเป็นเพราะเสิ่นจิ้งเฟยชอบหญิงนางนี้ ร่างกายจึงตอบสนอง แต่เขาไม่เข้าใจร่างนี้เป็นของตน  หัวใจจะเป็นของคนอื่นได้อย่างไร เขามองเห็นรูปร่างบอบบางของคุณหนูฉินผ่านม่านมุก ก็พบว่านางยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“แต่ว่าข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับคุณชายไป๋เพียงชั่วครู่มิได้หรือ”ฉินเซียงอินยังคงไม่ยอมแพ้ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนให้ผู้คนเกรงใจ เขาชายตามองไป๋ผูอวี้อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นไร แต่ร่างสูงตรงหน้ากลับจิบชาช้า ๆราวกับไม่ได้ยินเสียงภายนอก

“แต่ว่าคุณชายมีธุระกับคุณชายเสิ่น”

“คุณชายเสิ่น?”เสียงของนางแฝงแววแปลกใจชัดเจน จื่อฟางคิดว่าน่าสนุกจึงยกยิ้มลุกจากที่นั่งออกไปแหวกม่านมุก พบหญิงงาม ดวงตากลมสดใส ขนตาเป็นแพ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ นางสวมผ้าปิดหน้าอย่างหญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน แต่ก็ยังมองออกว่าเป็นหญิงงามอย่างแน่นอน

“หากคุณหนูฉินอยากเข้ามาพูดคุยก็มาเถิด ข้าไม่ถือหากมีแม่นางน้อยเช่นท่านอยู่ด้วย”จื่อฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้ออย่างชัดเจนยังผลให้ใบหน้าของนางขึ้นสีเรื่อน่ามอง ไม่รู้ว่าเขินอายหรือโกรธเคืองกันแน่ แต่สาวใช้ประจำตัวของฉินเซียงอินลอบปรายตามองเขาอย่างไม่พอใจนัก

“น่าเสียดาย…ข้ามีเรื่องอยากพูดกับคุณชายไป๋พอดีแต่ข้าไม่รบกวนดีกว่า”ฉินเซียงอินตีสีหน้าเศร้าหมองก่อนจะค้อมกายให้เขาแล้วหมุนกายจากไปอย่างแช่มช้อย จื่อฟางเหลียวมองเว่ยหลงก่อนจะกลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะเช่นเคย ไป๋ผูอวี้ไม่ได้เอ่ยวาจาใด เพียงแค่จ้องมองคุณชายรูปงามอย่างนึกสงสัย เมื่อครู่ตอนที่คุณหนูฉินปรากฏกาย เขาสังเกตเห็นสีหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยที่เผยความสับสนออกมาชัดเจนหรือข่าวลือที่ว่าคุณชายเสิ่นหลงรักฉินเซียงอินจะเป็นเรื่องจริง

จื่อฟางนั่งลงจัดการขนมในจานต่อ ช่วงหนึ่งเดือนที่อยู่ในจวนเขาชอบไปป้วนเปี้ยนในโรงครัว ตอนนี้จึงมีน้ำมีนวลไม่ผอมบางเหมือนคนขี้โรค อีกอย่างหนึ่งเขาคิดว่าผู้ชายจะต้องหล่อสมชายชาตรี จะบอบบางเหมือนหญิงสามได้อย่างไร เสิ่นจิ้งเฟยเกิดมาหน้างดงามราวสตรีจึงถือเป็นเวรเป็นกรรมโดยแท้

“คุณชายเสิ่นบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับข้าไม่ใช่หรือ”ไป๋ผูอวี้เอ่ยทักขึ้น มองเห็นท่าทางชะงักงันของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะเบาๆ

“ข้า…”ข้า อะไรดีเล่า…เขาไม่มีเรื่องจะคุยจริงๆเสียหน่อย แค่อยากเป็นก้างขวางคอคนเท่านั้น ไป๋ผูอวี้ราวกับมองเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สีหน้าเรียบเฉยเป็นท่อนไม้คล้ายจะเป็นเพียงเปลือกนอก

“เอาเถอะ ข้าไม่ถือสา ถือว่าได้ดูเรื่องตลก”ไป๋ผูอวี้ไหวไหล่ ยกน้ำชาจิบด้วยท่าทางที่ไม่ประดิษฐ์แต่สง่างาม แบบที่เขาหรือเสิ่นจิ้งเฟยเทียบไม่ติด อะไรกัน เขาอยู่ในร่างที่เป็นคุณชายบุตรขุนนางเชียวนะ เหตุใดไป๋ผูอวี้ถึงไม่เกรงกลัวอำนาจของตระกูลเสิ่นเลยเล่า เป็นแค่พ่อค้าธรรมดาไม่มีอำนาจหนุนหัวแท้ๆ จื่อฟางรู้สึกถึงความโกรธที่ก่อตัวอยู่ในร่างทั้งที่เป็นของตนและของเสิ่นจิ้งเฟย พอจะเข้าใจว่าเหตุใดถึงได้หมั่นไส้คนผู้นี้นัก แม้แต่เว่ยหลงก็ไม่เกรงกลัวคุณชายเสิ่น แบบนี้ไม่หยามกันเกินไปหน่อยหรือ? คอยดูเถอะ เขาต้องหาทางเอาคืน

“ท่านไม่สบายหรือ”ไป๋ผูอวี้แสร้งถาม จื่อฟางได้แต่ปั้นยิ้มอ่อนหวานส่งให้อีกฝ่าย ปรับลมหายใจให้เป็นปกติคิดว่ายุคสมัยนี้ต้องปั้นหน้าเข้าหากัน เมื่อครู่เขาโดนปั่นหัวง่ายๆ

“ท่านดีดกู่เจิงเป็นด้วยหรือ”จื่อฟางเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง ลุกจากเก้าอี้ไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะวางกู่เจิงที่สลักลวดลายรูปต้นไผ่คันหนึ่งตรงมุมห้อง

ไป๋ผูอวี้ยังคงนั่งนิ่งเป็นท่อนไม้เช่นเดิมก่อนเอ่ยคำขึ้น “ฝีมือของข้าคงสู้คุณชายไม่ได้หรอก ได้ยินว่าฝีมือบรรเลงกู่เจิงของท่านเป็นเลิศนัก ผู้คนกล่าวว่าในฉางอันยังหาคนเทียบยาก ข้าขอฟังสักครั้งได้หรือไม่”บุรุษหนุ่มเอ่ย ชายตามองคุณชายร่างผอมบาง วันนี้เขาคุยกับเสิ่นจิ้งเฟยได้นานกว่าทุกครั้งจนน่าแปลกใจ ปกติเขาจะรำคาญที่อีกฝ่ายมาก่อกวนอยู่เสมอ แปลกที่ยามนี้กลับรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก

จื่อฟางดีดกู่เจิงไม่เป็นเพียงแค่เป่าขลุ่ยได้แบบงูๆปลาๆเท่านั้นจึงโบกมือฎิเสธ “มิได้ๆ คนเล่าลือเกินจริงแล้ว อีกทั้งเวลานี้ข้ามีคติติดตัวว่าจะบรรเลงให้คนรักฟังเท่านั้น”เขาช่างพูดจาได้ลื่นไหลจริง ๆ

“อ้อ เป็นเช่นนี้เอง เกรงว่าชาตินี้ท่านคงไม่ได้บรรเลงให้ผู้ใดฟังแล้วกระมัง”

ฮะๆ ไป๋ผูอวี้มีจิกกัดเขาด้วย บุรุษยุคสมัยนี้ปากคอเราะร้ายจริง ๆ เจอคนสำบัดสำนวนเต็มไปหมด จื่อฟางเริ่มงุ่นง่านใจไม่ว่าพูดอะไรดูเหมือนว่าไป๋ผูอวี้จะย้อนกลับมาได้หมด เขาพยายามคิดหาทางออกจากห้องนี้ไปโดยไม่แพ้ จื่อฟางไม่ใช่พระรองตัวตลกเสียหน่อย เขาจะยอมแพ้อีกไม่ได้แล้ว!

ไป๋ผูอวี้ยกยิ้มเอื้อนเอ่ยออกมาราวกับเพิ่งนึกได้ “จริงสิ ครั้งก่อนท่านจำได้หรือไม่ว่าท่านอยากเดินหมากกับข้า”

จื่อฟางเหงื่อตก ในนิยายเสิ่นจิ้งเฟยชื่นชอบการเดินหมากล้อมมาก แม้กระทั่งไป๋ผูอวี้ก็ยังสูสี เป็นเรื่องเดียวที่คุณชายรูปงามพอโอ้อวดได้ แต่บัดนี้เขาไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟย นอกจากวาดรูปและงานศิลป์ เขาก็ไม่ถนัดทั้งนั้น จื่อฟางใช้สมองคิดวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ นึกบ่นอยู่ในใจว่าจางต้าหายไปไหน เหตุใดไม่ตามเขากลับจวนเสียที ได้แต่ปั้นสีหน้าคงเดิมเมื่อเห็นเว่ยหลงยกกระดานหมากล้อมเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจเป็นล้นพ้น คิดสงสัยว่าคุณชายไป๋ผูอวี้คุยกับเจ้าเต่านานกว่าทุกครา ทั้งยังเป็นฝ่ายขอเดินหมากก่อนอีก เว่ยหลงเคยได้ยินว่าเสิ่นจิ้งเฟยพอมีฝีมืออยู่บ้างจึงอยู่ชมด้วย 

“ข้าเดินไม่เก่งหรอก”จื่อฟางออกตัว สุดท้ายการเดินหมากกับไป๋ผูอวี้ก็ผ่านไปอย่างงุนงง เห็นช่องวางได้ก็วาง เป็นการเดินหมากที่ยึดหลักไปตายเอาดาบหน้า แต่ไป๋ผูอวี้เดินหมากอย่างใจเย็นไม่นานตัวหมากของเขาก็ถูกหมากสีดำล้อมไว้หมดจนเดินไม่ได้ เว่ยหลงที่ชมดูอยู่ยิ้มกว้าง คิดว่าคุณชายเสิ่นคงโอ้อวดตัวไปเอง

“หมากของท่านมุทะลุเกินไป ทั้งยังขาดการวางแผน ทำเช่นนี้ถือว่าหาญกล้าแต่ก็โง่เขลาเช่นกัน”ไป๋ผูอวี้แปลกใจนัก ไม่ใช่ว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีฝีมือเดินหมากหรอกหรือ หากเขาไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อนก็คิดว่าอีกฝ่ายแค่พูดโอ้อวดตามนิสัยเท่านั้น เสิ่นจิ้งเฟยในยามนี้ไม่เหมือนคนที่เขาเคยพบเจอแม้แต่น้อย 

“ฮ่า ๆ น่าขายหน้าจริง ๆ ข้าบอกแล้วไงว่าเดินไม่เก่ง”จื่อฟางโบกพัดไปมาเพื่อคลายความร้อนที่หน้า เขาแพ้ราบคาบภายในไม่กี่นาที มีแต่ทำให้ภาพลักษณ์ของเสิ่นจิ้งเฟยแย่เรื่อย ๆ

“ข้าควรกลับเสียที ออกมาจากจวนนานมากแล้ว”เพราะแพ้ราบคาบจึงหงุดหงิดรีบลุกขึ้น แต่เพราะเร่งรีบมากเกินไปจึงหน้ามืดไปวูบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ลืมตาอีกที ใบหน้าของเขาก็อยู่ชิดติดกับไป๋ผูอวี้ ริมฝีปากของเขาเฉียดโดนของริมฝีปากของอีกฝ่ายเต็มๆ

“จะ เจ้า”เว่ยหลงตกตะลึงเพราะภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ได้สติก็รีบมาแยกจื่อฟางออกจากไป๋ผูอวี้ทันที เขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยจูบจึงไม่รู้สึกตกใจอะไร ก็แค่ริมฝีปากเฉียดกันเท่านั้น ไม่สามารถเรียกว่าจูบได้ด้วยซ้ำ แต่ไป๋ผูอวี้กลับตัวแข็งทื่อ คล้ายกับไม่คิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ผู้ติดตามร่างกำยำได้แต่หน้าแดง มองคุณชายรูปงามด้วยสายตาแปลกๆ

จื่อฟางจึงปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  “ขอตัว”

เขาหมุนตัวกลับ กำลังจะก้าวขาออกจากห้องก็ชะงักกึก เมื่อนึกได้ว่านี่ควรจะเป็นบทของฉินเซียงอิน หากนางได้มาคุยกับไป๋ผูอวี้เหตุการณ์เมื่อครู่ก็จะเกิดขึ้น กลายเป็นจุดหวั่นไหวของพระ-นาง ดูเหมือนว่าเขาขโมยบทจูบแรกของคุณหนูฉินเซียงอินไปซะแล้ว! จื่อฟางหันไปมองไป๋ผูอวี้อีกครั้ง ร่างนั้นกลับมามีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม แต่จื่อฟางกลับมีความกังวลที่ไม่รู้สาเหตุก่อตัวอยู่ในอก ร่างบางจึงรีบสืบเท้าออกมาจากห้องดื่มชา เจอกับจางต้ายืนรออยู่ด้านนอกด้วยท่าทีกระวนกระวาย

“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นหรือ ครั้งนี้ท่านคุยกับไป๋ผูอวี้นานจริง ๆ”บ่าวคนสนิทพึมพำ คุณชายเสิ่นทำเรื่องแปลกอีกแล้ว จื่อฟางได้แต่ฉีกยิ้มอ่อนแรง คุยอะไรกันโดนไป๋ผูอวี้เล่นงานจนขายหน้ามากกว่า

“คุณหนูฉินกลับไปแล้วหรือ”เขาเอ่ยถาม

“กลับไปแล้วขอรับ”

จื่อฟางถอนหายใจ ขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะขโมยบทเสียหน่อย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:18:34 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :katai2-1:
สนุกคร้าา
มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ดีงามมากกกกก แย่งบทแบบนี้บ่อยๆสิ  :hao3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
พระรองจะกลายเป็นนายเอก  รอดูค่ะ
ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตามมาจากอีกเว็ปค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชอบ ๆ เอาอีก ๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
รอตอนต่อไปจ้าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
พระรองกินพระเอก ถถถ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่าสนใจ รอต่ิอค่ะ

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
บทสอง : เสิ่นจิ้งเฟยเปลี่ยนไปจริงหรือ?


จื่อฟางกลับมาที่จวนเสนาบดีด้วยอาการใจลอย นึกถึงสีหน้าของไป๋ผูอวี้ยามที่เดินหมากล้อมก็ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ ไป๋ผูอวี้ดูประหลาดใจกับฝีมือการวางหมากของเขามาก ร่างของเด็กหนุ่มเดินวนไปวนมาอยู่ในสวนด้วยอาการวิตก หรือคนผู้นั้นจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในตัวเขา แต่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาส่ายศีรษะไปมา ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน จางต้าและหยางชวีได้แต่ยืนมองเสิ่นจิ้งเฟยพูดพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย คุณชายกลับจากโรงน้ำชาหลิวซื่อก็เป็นเช่นนี้  บ่าวทั้งสองได้แต่คิดว่าในห้องดื่มชาส่วนตัวมีเรื่องใดเกิดขึ้นกันแน่?

หยางชวีมองร่างของเสิ่นจิ้งเฟยอย่างใช้ความคิด เขาได้ยินมาว่าคุณชายไม่ถูกกับไป๋ผูอวี้ แต่วันนี้ที่โรงน้ำชากลับไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เขาติดตามคุณชายมาได้หนึ่งเดือน คอยจับตามองและสังเกตพฤติกรรมของคุณชายมาตลอด จึงรู้ว่าคุณชายเสิ่นมีเรื่องที่อยู่ในใจตลอดเวลาจึงมักตกอยู่ในอาการเหม่อลอยบ่อย ๆ หยางชวีเป็นคนสัมผัสไวตอนดึกจึงรู้ว่าคุณชายตื่นมาเสมอ หากนอนไม่หลับก็จะวาดภาพ เสิ่นจิ้งเฟยชอบวาดภาพมาก ช่วงที่ถูกทำโทษอยู่ในจวนคุณชายผู้นี้จะวาดภาพทุกวัน แต่ที่เท่าที่เขาได้ยินมาเสิ่นจิ้งเฟยชอบดีดกู่เจิงไม่ใช่หรือ?เหตุใดเขาไม่เคยได้ยินคุณชายดีดกู่เจิงเลยสักครั้ง ยิ่งคิดก็พบว่ามีอีกหลายเรื่องที่ดูประหลาด

จื่อฟางกำมืออยู่ในแขนเสื้อเมื่อรู้สึกว่าสายตาของหยางชวีอาบไปทั่วร่าง มิน่าถึงได้เสียวสันหลังวูบวาบไปหมด ระหว่างนั้นเองก็มีสาวใช้ร่างอวบอิ่มเดินเข้ามา นางชื่อลู่เฟย เขาได้ยินพวกบ่าวไพร่ในเรือนซุบซิบกันว่าเสิ่นจิ้งเฟยชอบเรียกนางมาปรนนิบัติบนเตียง ลู่เฟยเป็นสาวสะพรั่งมีทรวดทรงชัดเจน จื่อฟางกวาดตามองนางขึ้นลงก็ต้องยอมรับว่ารสนิยมของเสิ่นจิ้งเฟยไม่เลวทีเดียว สาวใช้ตรงหน้าค้อมกายคาราวะทีหนึ่งก่อนเอ่ยรายงาน

“คุณชายเสิ่ย นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”นางลอบชม้ายตามองเขาทีหนึ่ง จื่อฟางพยักหน้ารับรู้ วันนี้เขาจะคุยกับเสิ่นมู่หยางเรื่องหาอาจารย์ เขาจะรอช้าไม่ได้แล้ว หากมีเรื่องทำให้เขาต้องอ่านหนังสือขึ้นมาถึงตอนนั้นต้องลำบากแน่ ๆ

เสิ่นมู่หยางนั่งพักอยู่ที่ห้องโถงก็เห็นบุตรชายเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ‘มันจะมาประจบเอาอะไรอีก’ เขาคิดอยู่ในใจ ท่าทางเช่นนี้ของเสิ่นจิ้งเฟยเขาเห็นจนชินตาแล้ว เสนาบดีเหลือบมองทางหยางชวีที่เดินตามหลังบุตรชายเพื่อสอบถามว่าวันนี้เจ้าตัวดีได้ก่อเรื่องบ้างหรือไม่ หยางชวีเพียงส่ายหน้าเป็นคำตอบ เสิ่นมู่หยางหันมองเสิ่นจิ้งเฟยอีกครั้งครุ่นคิดว่า ‘วันแรกที่ได้ออกจากจวน แต่เจ้าจิ้งเฟยกลับไม่ก่อเรื่อง เป็นไปได้ด้วยหรือ’

“ท่านพ่อ…”จื่อฟางใช้น้ำเสียงประจบเรียก

เสิ่นมู่หยางได้ยินแล้วขัดหูนัก จึงโบกมือทีหนึ่งแล้วพูด “เจ้าอยากพูดอะไรก็ว่ามาตรง ๆ เฟยเอ๋อร์”

จางต้าและหยางชวีก็อยากรู้เช่นกันว่าคุณชายคิดจะทำอะไร

จื่อฟางกระแอม “ข้าอยากได้อาจารย์มาสอนหนังสือ”ในห้องพลันตกอยู่ในความเงียบ จางต้าถึงกับแคะหู เขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า คุณชายอยากเรียนหนังสือ? ท่านเป็นคนหยุดเรียนที่สำนักเองไม่ใช่หรือไร แล้วเหตุใดยังมาถามหาอาจารย์อีก หยางชวีเงยมองเสิ่นจิ้งเฟยครู่หนึ่ง บุรุษหนุ่มเห็นคุณชายฝึกเขียนพู่กันจีน ใช้เวลาในการอ่านตำราขงจื๊อนานมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแปลกหรือคุณชายเสิ่นโง่กันแน่

“เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ”เสิ่นมู่หยางคิดว่าตนหูแว่วไปเองแน่ ๆ ได้แต่มองสีหน้าจริงจังของบุตรชายอย่างงุนงง

“ข้าบอกว่าอยากได้อาจารย์มาสอนหนังสือ”ท่านหูหนวกหรือไง จื่อฟางเติมประโยคอยู่ในใจ เห็นคนในห้องทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อแล้วหงุดหงิดเล็กน้อย

“อย่างเจ้าน่ะเหรอ...”เสิ่นมู่หยางพึมพำ ไม่น่าเป็นไปได้ “ฮ่าๆๆ”เขาระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เจ้าลูกคนนี้คิดเล่าเรื่องตลกให้เขาฟังหรือไร

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น”จื่อฟางโกรธขึ้นมา

“ถ้าคิดจะทำแค่ประเดี๋ยวประด๋าวก็กลับไปซะเถอะเสียเวลาเปล่า”เสิ่นมู่หยางโบกมือไล่ เคยส่งมันไปเรียนที่สำนักก็ขี้เกียจสันหลังยาว เอาแต่คบเพื่อนเกเรพากันเที่ยวเตร่สร้างเรื่องให้เขาปวดหัวไม่เว้นวัน ซ้ำยังทิ้งเรื่องให้เขาตามเช็ดอีก

“ข้าจริงจังนะท่านพ่อ”จื่อฟางยืนยันเสียงหนักแน่น “ข้ารู้ว่าทำให้ท่านผิดหวังมามาก..”

“เจ้ารู้ตัวด้วยหรือ”เสิ่นมู่หยางเบือนหน้าหนี แต่ในใจหวั่นไหวไปแล้วครึ่งหนึ่ง

“คราวนี้ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน”จื่อฟางไม่อยากเล่นบทพระรองไม่เอาไหน ไม่อยากเป็นตัวตลกให้คนมาหัวเราะเยาะ โดยเฉพาะไป๋ผูอวี้กับผู้ติดตามเว่ยหลงนั่น เขาเข้าใจที่เสิ่นมู่หยางมีท่าทีไม่อยากเชื่อเพราะที่ผ่านมาเสิ่นจิ้งเฟยก็เคยพูดประจบเอาใจแต่ไม่เคยลงมือทำ ผ่านไปบ่อยครั้งผู้คนหน้าไหนจะเชื่อ หากพูดขอดีๆไม่ได้ผล เขาจะใช้มุกเดิม ร่างบางลงไปนั่งคุกเข่ากอดขาบิดา

“เจ้า!ลุกขึ้นมา ทำไมถึงชอบทำตัวเหลาะแหละนัก”เสิ่นมู่หยางลุกพรวดอย่างขัดใจ อยากจะถีบเจ้าลูกไม่รักดีออกไปซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ลงเพราะเสิ่นจิ้งเฟยมีใบหน้าที่เหมือนกับภรรยาที่จากไปจนไม่กล้าตัดใจทำร้าย ตอนโหยวหลันคลอดบุตรชายออกมาเจ้าเด็กบ้าคงลืมเอาสมองมาด้วยแน่ๆ

“ท่านรับปากมาก่อนสิว่าจะหาอาจารย์ให้ข้า”จื่อฟางไม่ยอมแพ้เอาหน้าแนบขาของเสนาบดีเสิ่น พยายามไม่เหลือบมองข้ารับใช้สองคนที่อยู่ด้านหลัง จางต้าได้แต่อ้าปากค้างมองตาโต เขาไม่เคยเห็นคุณชายเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณชายที่เขารู้จักไม่มีทางลงไปนั่งคุกเข่าให้ผู้ใดแน่ แม้คนผู้นั้นจะเป็นเสิ่นมู่หยางก็เถอะ ถ้าเป็นยามปกติเสิ่นจิ้งเฟยคงอาละวาดเสียงดังไปทั้งจวนแล้ว นึกถึงวันที่พักรักษาตัวตนคิดว่าคงโดนเขี่ยทิ้งเพราะไม่เห็นคุณชายมาเยี่ยม แต่จางต้ากลับคิดผิด ยังนึกว่าฝันไปด้วยซ้ำ หรือคุณชายเสิ่นของเขาจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้หยางชวีขมวดคิ้วมองเงียบๆ ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าคุณชายเสิ่นเกินเยียวยาแล้ว 

“เฟยเอ๋อร์ ถ้าหากข้าเคยได้ยินเป็นครั้งแรกก็คงตื้นตันน้ำตาไหลอยู่หรอก แต่เจ้าเคยตั้งใจทำอะไรจริงเสียที่ไหน”เสิ่นมู่หยางอยากจะเชื่อคำพูดของบุตรชายนักแต่ที่ผ่านมาก็พบเจอแต่เรื่องผิดหวัง

“ข้าบอกแล้วว่าพูดจริง ทำไมท่านไม่เชื่อบ้าง”เขากระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด

“เฮอะ! เจ้าอยากเรียน?เจ้าบอกว่าจริงจัง? หากเจ้ายืนยันจะเรียนก็ควรทำให้หนักแน่นกว่านี้ มิใช่ไม่ได้ดั่งใจแล้วจะคุกเข่ากอดขาข้าเหมือนคนไม่มีศักดิ์ศรี เอาแต่ทำเช่นนี้ใครหน้าไหนจะนับถือเจ้า”เสิ่นมู่หยางตวาดเสียงดังทำให้บรรยากาศในห้องแปรเปลี่ยนทันที จื่อฟางไม่คิดว่าเสนาบดีเสิ่นที่ใจอ่อนกับบุตรชายจะตอกกลับมาเช่นนี้จึงนิ่งอึ้ง แต่สิ่งที่เสิ่นมู่หยางพูดมาก็มีส่วนถูกจนไม่รู้จะแย้งกลับไปอย่างไร เสิ่นมู่หยางเห็นบุตรชายนิ่งงันก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ตัดใจเบือนหน้ามองทางอื่น 

จื่อฟางกัดฟันค้อมคำนับเสิ่นมู่หยาง“ขอบคุณท่านพ่อที่สั่งสอน เป็นข้าที่คิดน้อยไปจริง ๆ”

“เอาล่ะๆลุกขึ้น”เสิ่นมู่หยางคลายใจเล็กน้อย ดูเหมือนคำพูดของเขาจะเข้าหัวบุตรชายบ้าง เห็นเสิ่นจิ้งเฟยทำหน้าเหมือนสุนัขป่วยแล้วไม่ชิน จื่อฟางลอบถอนหายใจก่อนลุกยืน ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่การยอมรับคำสั่งสอนของเสิ่นมู่หยางทำให้เขาขายหน้ามากกว่าโดนด่าเมื่อครู่อีก

“ข้าถามเจ้า เหตุใดถึงอยากเรียนนัก มิใช่เจ้าหรือที่บอกไม่อยากเรียนแล้ว”เสิ่นมู่หยางถามอย่างสงสัย

จื่อฟางเหนื่อยจนไม่อยากปั้นคำตอบจึงบอกไปตามความจริง “ข้าแค่ลืมความรู้ไปหมดแล้ว จึงอยากเริ่มใหม่”

เสิ่นมู่หยางหน้าคล้ำไปกับคำตอบของบุตรชาย หยางชวีมุ่นคิ้ว คิดอย่างห่อเหี่ยว ‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ สรุปคุณชายสมองทึบเองสินะ’จางต้าก้มหน้าเพื่อซ่อนรอยยิ้ม คุณชายก็ไม่ถือว่าเปลี่ยนไปเสียทีเดียว

เสิ่นมู่หยางถอนหายใจ ตบบ่าบุตรชาย “ก็ได้!ข้าจะไปเสาะหาอาจารย์มาให้ แต่ชื่อเสียงของเจ้า...คงหามายากหน่อย”เขาเอ่ยอย่างลำบากใจ

“อย่างไรก็ได้ ขอแค่ท่านหาให้ข้าก็พอ”

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าพอนึกออกอยู่คนหนึ่ง…”เสิ่นมู่หยางพูดด้วยโทนเสียงไม่แน่ใจแต่ก็ทำให้จื่อฟางโล่งอกไปเปราะหนึ่ง

“ขอบคุณท่านพ่อมาก”

จวนเสนาบดีจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เย็นวันนั้นเสิ่นมู่หยางอารมณ์ดีมาก ชวนเขาร่ำสุราจนมืดค่ำ จื่อฟางไม่ชินกับสุราในยุคนี้จึงเพียงจิบไปไม่กี่อึก เมื่อรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเขาจึงขอตัวกลับเรือน ได้เห็นสีหน้าสบายใจของเสิ่นมู่หยางก็ทำให้เขายิ้มขำออกมา ไหน ๆเขาก็มาอยู่ในร่างนี้แล้ว จะทำหน้าที่บุตรชายแทนเสิ่นจิ้งเฟยให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

“ข้าจะอาบน้ำ”เขาพูดเท่านี้ บ่าวรับใช้ก็รีบออกไปตระเตรียมทันที จื่อฟางมึนหัวเล็กน้อย ทั้งยังรับรู้ว่าร่างกายของตัวเองเกิดอาการร้อนรุ่มผิดปกติ จางต้าช่วยถอดเสื้อคลุมให้เขา ระหว่างนั้นก็กระซิบเบาๆว่า

“คุณชาย เรียกสาวใช้มาปรนนิบัติดีหรือไม่”จางต้าเสนอ เขาอยู่กับคุณชายมานานจึงรู้ดีว่าเวลาคุณชายดื่มสุรามักต้องการสาวใช้มาปรนนิบัติบนเตียงเสมอ

จื่อฟางได้ยินก็ชะงัก “ไม่ต้อง พวกเจ้าออกไปให้หมด”เขาโบกมือไล่เมื่อบ่าวรับใช้ยกถังอาบน้ำเข้ามา จางต้ากับบ่าวคนอื่นต่างรีบพากันออกไป ร่างบางถอนหายใจ รู้แล้วว่าเพราะเหตุใดถึงได้มีอารมณ์หวาบหวิวแปลกๆ จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยความต้องการ เขาห่างหายจากเรื่องบนเตียงมาเกือบหนึ่งปีเต็ม ถึงในเรือนแห่งนี้จะมีสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มทรวดทรงงดงามหลายคน แต่จื่อฟางกลับไม่รู้สึกอยากเรียกใช้ เขาไม่อยากมีสัมพันธ์กับคนในจวน เคยคิดว่าหากทนไม่ไหวค่อยออกไปหาความสุขที่หอคณิกา ไม่คิดว่าจะมาตบะแตกเอาวันนี้

จื่อฟางถอดชุดออกจนเหลือเพียงร่างกายเปล่าเปลือย พาดชุดคลุมไว้บนฉากกั้น ค่อยๆหย่อนร่างลงในถังน้ำอุ่น หลับตาอย่างพอใจเมื่อน้ำอุ่นสัมผัวร่างช่วยให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้บ้าง เขาเอื้อมหยิบไยบวบมาขัดถูร่างกายอย่างไม่ค่อยถนัดนัก แม้จะแช่อยู่ในถังน้ำมาสักพักแล้วแต่อารมณ์ที่ยังไม่ได้จัดการก็ยังคงอยู่ จื่อฟางมองไปรอบตัวเมื่อไม่เห็นคนก็ทิ้งร่างพิงขอบถังหลับตาจินตนาการถึงฉากร่วมรักกับแฟนเก่า ระหว่างที่กำลังใช้มือช่วยจนอารมณ์ไต่ถึงขีดสูง สองหูก็พลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านนอกฉากกั้นเข้าทำเอาใจกระตุก

“ใครน่ะ”เขาขยับตัวจนน้ำกระเพื่อมออกนอกถัง อารมณ์ดิ่งวูบทันที

“หยางชวีเองขอรับ”เสียงของอีกฝ่ายดังมาเบาๆ เขาขมวดคิ้ว หยางชวี?แล้วคนหน้าตายผู้นี้เข้ามาทำไม

“เจ้า…มีอะไรหรือ”เขาใจเต้นกระหน่ำ หวังว่าฝ่ายนั้นจะไม่ได้ยินเสียงเขาทำเรื่องน่าอายอยู่

“จางต้าให้ข้าน้อยเข้ามาดูว่าคุณชายยังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่”เสียงราบเรียบของหยางชวีทำให้ร่างบางหมดอารมณ์ไปกว่าเดิมจึงถอนหายใจ

“ข้า…”เขาไม่รู้จะตอบอะไรจึงทิ้งให้ความเงียบคลืบคลานเข้ามาอย่างน่าอึดอัด แต่หยางชวีคล้ายเดาออกว่าจื่อฟางทำอะไรอยู่เพราะเจ้าตัวเอ่ยเสริมด้วยเสียงแผ่วเบา

“หรือจะให้ข้าน้อยพานางคณิกาจากข้างนอกมา”

จื่อฟางกัดริมฝีปาก คิดจะตอบตกลงแต่ก็รีบส่ายหน้าไปมา ไม่ได้ เขาตั้งใจแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ หากเสิ่นมู่หยางรู้เข้าคงไม่เชื่อใจกันอีกแน่ ในอนาคตข้างหน้าพูดอะไรคงไม่มีคนเชื่อแล้ว

“ข้าไม่ต้องการ”หยางชวีได้ยินคำตอบแล้วเลิกคิ้ว คุณชายเสิ่นยับยั้งชั่งใจได้ดีกว่าที่ตนคิด

จื่อฟางก้าวออกจากถังน้ำ เส้นผมยาวสยายเปียกแฉะแนบลำตัวจนนึกรำคาญกับผมยาวๆ อยากตัดให้สั้นใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ เด็กหนุ่มคว้าชุดคลุมมาสวม ก่อนก้าวออกมาจากฉากกั้น หยางชวียืนก้มหน้ารออยู่ ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่กระอักกระอ่วนเท่าไร 

“เจ้าอยู่ก็ดี มาช่วยข้าเช็ดผมที”เขานั่งลงที่หน้าคันฉ่อง จ้องมองใบหน้าสวยงามของเสิ่นจิ้งเฟยที่สะท้อนออกมา พลางครุ่นคิดว่าต้องอยู่ในโลกนี้อีกนานแค่ไหน ระหว่างนั้นหยางชวีใช้ผ้าเช็ดเส้นผมให้จื่อฟางอย่างระมัดระวัง เบามือเสียจนน่าแปลกใจ บ้างครั้งมือหยาบกร้านของอีกฝ่ายก็ปัดมาโดนหลังคอของร่างบางโดยไม่ตั้งใจ ทำให้จื่อฟางรู้ว่าต้นคอเป็นจุดอ่อนไหวของเสิ่นจิ้งเฟย เพราะทุกครั้งที่หยางชวีปัดมาโดน อารมณ์กรุ่นๆที่ไม่ได้ปลดปล่อยมักจะคอยขึงขังทุกที จื่อฟางได้แต่พยายามหลับตาทำท่าปลอดโปร่ง 

“คุณชาย ข้าขอถามอะไรได้หรือไม่”หยางชวีเอ่ยถาม จื่อฟางลืมตา พบว่าคนด้านหลังสบตาเขาผ่านคันฉ่อง

“อ้อ ว่ามาสิ”เขาเตรียมรับมือเต็มที่ เพราะลึกๆแล้วรู้ว่าหยางชวีอันตรายนัก อีกฝ่ายมีวรยุทธ์และติดตามเขามาได้หนึ่งเดือน เรื่องบางเรื่องคงไม่สามารถหลุดรอดสายตาของหยางชวีไปได้

“นายท่านมักพูดให้ได้ยินเสมอว่าคุณชายชื่นชอบการดีดกู่เจิง…”นั่นไง จื่อฟางเผยรอยยิ้ม ไม่แปลกใจที่หยางชวีจะสงสัยกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเสิ่นจิ้งเฟย บ่าวไพร่ในเรือนของเขาล้วนมีคำถามอยู่ในใจกันทั้งนั้นแต่ไม่มีใครกล้าปริปาก

“ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามท่าน เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินท่านบรรเลงกู่เจิงเลยสักครั้ง”คำถามของหยางชวีถือว่าอุกอาจมาก จื่อฟางกระชับเสื้อคลุมก่อนลุกจากเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับหยางชวีที่ถอยห่างออกไปสองก้าวก้มหน้ามองนิ้วเท้าด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม

“เจ้าข้องใจขนาดนั้นเลยหรือ”

“ข้าน้อยเพียงแค่สงสัยเท่านั้น”หยางชวีเงยหน้ามองด้วยใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์

“ดูท่าเจ้าคงสงสัยมากจริงๆถึงได้หาโอกาสมาถามข้าในเวลาเช่นนี้”จื่อฟางเดินเข้าไปใกล้หยางชวี แสร้งมองสำรวจอีกฝ่ายด้วยสายตาพราวระยับ หยางชวีลอบขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแต่พอเห็นว่าคุณชายเสิ่นเข้ามาใกล้เสียจนได้กลิ่นกายหอมๆหลังอาบน้ำ บุรุษหนุ่มก็พลันเข้าใจความหมายในประโยคนั้นทันที ข่าวลือเกี่ยวกับคุณชายเสิ่นมีมากมาย เรื่องชมชอบบุรุษก็เป็นหนึ่งในนั้น

“คุณชาย ข้าน้อย…”หยางชวีตัวแข็งทื่อเมื่อผิวมือเนียนนุ่มของคุณชายลากไล้ไปตามต้นคอของเขาเบาๆคล้ายกำลังยั่วยวน เขาจ้องมองคุณชายเสิ่นด้วยความตื่นตระหนก ไม่คิดว่าจะถูกปฏิบัติเช่นนี้ หรือว่า…คำเล่าลือเหล่านั้นเป็นจริง แต่คุณชายหลงรักคุณหนูฉินเซียงอินมิใช่หรือ

“บางทีเจ้าอาจอยากปรนนิบัติข้าบนเตียง”คำพูดนี้ทำให้หยางชวีถอยห่างด้วยความตกใจ จื่อฟางแอบกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ

“อันที่จริงข้าก็ไม่รังเกียจหรอกนะ จะบุรุษหรือสตรีสำหรับข้าถือว่าไม่แตกต่าง ขอแค่ปรนนิบัติได้ดีก็พอ รูปร่างหน้าตาของเจ้าก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ของข้า…”จื่อฟางใช้สายตาร้อนแรงสำรวจมองหยางชวีขึ้นลง ร่างของอีกฝ่ายรีบลงไปนั่งคุกเข่าทันที

“คุณชายเข้าใจข้าน้อยผิดแล้ว”หยางชวีก้มหน้าต่ำ รู้สึกแปลกพิกลที่คุณชายเสิ่นใช้สายตาเช่นนี้สำรวจมองตน ถึงคุณชายจะมีใบหน้าที่งดงามคล้ายสตรีแต่อย่างไรก็ยังเป็นบุรุษ แต่ว่าสัมผัสเมื่อครู่…เหตุใดผิวของคุณชายเสิ่นถึงได้นุ่มนิ่มเช่นนี้ หยางชวีรีบสะบัดความคิดไร้สาระออกไปทันที   

“ข้าคิดว่าเจ้าอยากปรนนิบัติข้าเสียอีก เจ้าก็รู้ตอนอาบน้ำข้ายังไม่ได้…”จื่อฟางยังพูดไม่จบหยางชวีก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ข้าน้อยไม่รบกวนเวลานอนของคุณชายแล้ว”ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งบัดนี้ร้อนผ่าวๆ พลันนึกถึงเสียงที่ได้ยินหลังฉากกั้น หยางชวีมีสัมผัสไวจึงรู้ว่าคุณชายทำสิ่งใดอยู่ บุรุษหนุ่มค้อมกายก่อนเร่งรีบออกไปจากห้องทันที ยามที่อีกฝ่ายปิดประตูจื่อฟางยังคงแกล้งใช้สายตาร้อนแรงมองส่ง จนหยางชวีก้มหน้าหลบสายตาแทบไม่ทัน ฮ่าๆ เขาหัวเราะจนตัวสั่น คาดว่าพรุ่งนี้หยางชวีคงไม่กล้าเข้าหน้าตนแน่

~•~

จื่อฟางตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ หลังล้างหน้าบ้วนปากอาบน้ำเสร็จ สาวใช้ชื่ออี้เหมยก็ยกเตาเครื่องหอมเข้ามาในห้อง เขาแอบย่นคิ้ว การกระทำดังกล่าวเป็นนิสัยเคยชินของเสิ่นจิ้งเฟย ทุก ๆสามวันจะต้องให้สาวใช้ยกเตาเครื่องหอมเข้ามาในห้องนอน แม้ว่าจะเหม็นแต่เขาไม่อยากทำตัวมีพิรุธจึงไม่ได้ปรับเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นหยางชวีคงสงสัยอีก เรื่องเมื่อคืนคงกันหยางชวีได้สักสองสามวัน อี้เหมยเข้ามาช่วยเขาแต่งตัวเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา ทั้ง ๆที่อยากมองใจจะขาด จื่อฟางได้แต่นึกขันอยู่ในใจ เมื่อจางต้าเข้ามาในห้องเขาก็โบกมือไล่สาวใช้ออกไป

“นายท่านออกไปจากจวนแล้วขอรับ”จางต้ากระซิบเบาๆ

“เหตุใดออกไปเช้านัก”เขาถามพลางอ้าปากหาว นั่งลงหน้าคันฉ่องเห็นใบหน้างดงามของเสิ่นจิ้งเฟยสะท้อนมาแล้วคันยุบยิบในใจ รู้สึกว่าแปลกพิกลที่ไม่ได้มองเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาของตัวเอง   

“ดูเหมือนว่าจะออกไปพบกับคนผู้หนึ่ง ข้าน้อยคิดว่าคงเป็นเรื่องอาจารย์ของคุณชายนั่นแหละ”บ่าวคนสนิทตอบ ก่อนมาช่วยหวีผม เส้นผมของเสิ่นจิ้งเฟยเหยียดตรงบ่งบอกว่าผ่านการดูแลอย่างดี บนร่างกายแทบไม่มีตำหนิเลยสักจุด จนจื่อฟางแอบคิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยเป็นชายแท้แน่หรือถึงได้พิถีพิถันขนาดนี้ ระหว่างที่เกล้ามวยผมให้ร่างบางตรงหน้า จางต้าเหลือบมองคุณชายอย่างครุ่นคิด เมื่อเช้าหยางชวีมีท่าทีแปลกประหลาด ยืนยันว่าจะรออยู่นอกประตู ไม่ยอมเข้ามาในห้อง เขาจึงเดาว่าคุณชายคงไปแกล้งหยางชวีแน่ ๆ เพราะเมื่อคืนเขาให้หยางชวีเข้ามารับใช้  คนหน้าตายเช่นหยางชวียังโดนคุณชายแกล้งได้ จึงอยากรู้นักว่าคุณชายเสิ่นแกล้งด้วยวิธีไหน

“เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”จื่อฟางเหลือบเห็นคนด้านหลังทำหน้าเหมือนอยากถามอะไรเข้าพอดี

“ข้าเห็นหยางชวีทำท่าทางแปลกๆ เมื่อคืนคุณชายทำอะไรเขาหรือ”พอได้ยินคำถาม รอยยิ้มขบขันก็ปรากฏบนริมฝีปากของจื่อฟางทันที

“ข้าแค่แกล้งเขานิดหน่อยเอง”จื่อฟางหัวเราะเสียงดัง จางต้าทำหน้าไม่เข้าใจ เขาอยากได้รายละเอียดมากกว่านี้หน่อย

“แกล้ง…?”

“อืม ข้าบอกว่าอยากให้เขาปรนนิบัติบนเตียง”จางต้าเบิกตาโต มองเสิ่นจิ้งเฟยด้วยสายตาตำหนิ ไม่คิดว่าคุณชายจะใช้วิธีนี้ แต่ก็ร่วมหัวเราะไปกับคุณชายด้วยเช่นกัน

“คุณชายรังแกเขาเกินไปแล้ว”จางต้าพึมพำ เมื่อจื่อฟางแต่งตัวเสร็จก็หยิบพัดออกไปจากห้อง หยางชวีรออยู่หน้าประตูพอเห็นว่าคุณชายรูปงามออกมาก็รีบก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าสบตา

“นี่หยางชวี”จื่อฟางเอ่ยเรียกเมื่อนึกอะไรได้

“ขอรับ”ร่างนั้นสะดุ้งเล็กน้อย

“ข้าอยากให้เจ้าไปสืบข่าวที่โรงน้ำชาหลิวซื่อได้ หากไป๋ผูอวี้ไม่อยู่ให้มารายงานข้า”จื่อฟางคิดไว้แล้วว่าจะสั่งสอนเว่ยหลงสักหน่อย ในเมื่อจัดการเจ้านายไม่ได้ก็เล่นงานบ่าวไปก่อนแล้วกัน

“ท่านจะก่อเรื่องหรือ”หยางชวีเอ่ยเสียงเรียบ

“เปล่า...ข้าแค่อยากพูดคุยกับเว่ยหลงเท่านั้น”เห็นท่าทีไม่กริ่งเกรงของคนผู้นั้นแล้วหงุดหงิด จื่อฟางได้แต่สงสัยอย่างไม่เข้าใจว่าเสิ่นจิ้งเฟยไม่เคยใช้อำนาจบิดาจัดการกับคนที่มาพูดจาล่วงเกินบ้างเลยหรือ หยางชวีคล้ายจะเข้าใจความคิดของเขา

“ข้าจะออกไปดูให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะสนับสนุนท่านทำเรื่องยุ่ง”หยางชวีพูดจบก็ค้อมกายหมุนตัวเดินจากไปอย่างว่องไว จื่อฟางหยักยิ้มถือว่าวันนี้เขี่ยหยางชวีไปได้แล้ว จึงไปทานมื้อเช้าที่เรือนใหญ่เพียงลำพัง หลังจากท้องอิ่มก็ออกไปเดินย่อยอาหารในสวน ผ่านไปสักพักบ่าวรับใช้ก็วิ่งหน้าตั้งมารายงาน

“มีเรื่องอันใด”จื่อฟางมองแล้วคิดว่าต้องมีเรื่องใดเกิดขึ้นแน่

“เรียนคุณชาย ที่ด้านนอกคุณชายหลี่รออยู่ขอรับ ดูท่าจะมารับท่านออกไปเที่ยว”บ่าวตรงหน้าเช็ดเหงื่อพร้อมพูดไปด้วย จื่อฟางเคาะพัดกับฝามือ ที่แท้ก็หลี่ฮุ่ยจือ หนึ่งในสหายเกเรของเสิ่นจิ้งเฟย อีกฝ่ายคล้ายเป็นหัวโจกของกลุ่มเพราะเป็นถึงลูกชายของอัครเสนาบดี ในนิยายกล่าวเพียงว่าหลี่ฮุ่ยจือชื่นชอบเสิ่นจิ้งเฟยจึงมักไปมาหาสู่บ่อย ๆแต่ผู้เขียนไม่ได้ขยายความว่าชื่นชอบแบบไหน

“ข้ารู้แล้ว”จื่อฟางพยักหน้าเรียกจางต้าให้ตามมา แม้วันนี้ไม่คิดอยากออกไปเที่ยวกับสหาย แต่คงปฏิเสธคนอย่างหลี่ฮุ่ยจือไม่ได้ ร่างในชุดคลุมสีม่วงลายดอกสืบเท้าออกมาจากประตูชั้นหน้าจวนเสนาบดีพบว่ามีรถม้าคันใหญ่จอดรออยู่ คนขับรถม้าค้อมตัวคำนับคล้ายกับคุ้นเคยกับเขาดี เขาเพียงยิ้มให้ร่างที่เปิดบานประตูให้จึงก้าวเข้าไปด้านใน คนในรถม้าประกอบด้วยคุณชายหน้าตาดีทั้งหมดสามคน เขายังไม่ทันได้มองสำรวจว่าเป็นผู้ใดก็ถูกคุณชายหน้าตาคมเข้มคนหนึ่งดึงไปนั่งข้างตัวจนแทบจะเกยอยู่บนตัก

“จิ้งเฟย เจ้าหายหน้าไปหนึ่งเดือน อ้วนท้วนสมบูรณ์ถึงเพียงนี้เลยหรือ”คำพูดของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากคุณชายอีกสองคน คนผู้นี้คือหลี่ฮุ่ยจือ ส่วนคนที่หน้าตาเฉลียวฉลาดชื่อหลินเจียงหยงบุตรชายของเสนาบดีกรมโยธา อีกคนที่ดูเบื่อหน่ายคือจ้าวเซียวชิงบุตรชายเสนาบดีกรมพระคลัง จื่อฟางยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรหลี่ฮุ่ยจื่อก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่

“เจ้าทำอะไร”จื่อฟางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตะลึง เหลือบมองคุณชายอีกสองคนก็เห็นว่าทั้งคู่ทำเหมือนไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลี่ฮุ่ยจือคนนี้…ดูจากสายตาแพรวพราวที่มองมายังร่างของตนก็พอจะรู้แล้วว่าชอบเสิ่นจิ้งเฟยมากจริง ๆ

“ไม่ต้องอายน่า ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว”หลี่ฮุ่ยจือหัวเราะ ยื่นแขนมาโอบไหล่อย่างสนิทสนม

“ฮ่าๆ ดูเจ้าสิ หน้ากลมเชียว”อีกฝ่ายว่าก่อนหยิกแก้มจื่อฟางเบาๆ เขานั่งตัวแข็งทื่อไม่คิดว่าหลี่ฮุ่ยจือจะแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ในนิยายที่ตนอ่านคนผู้นี้เพียงแค่ชอบโอบไหล่ใกล้ชิดเช่นสหายทั่ว ๆไป จื่อฟางรู้สึกเหมือนตัวเองถูกคุกคามเพราะมือปลาไหลของหลี่ฮุ่ยจือที่คอยแต่จะลูบข้อมือ ลูบแขนอย่างหมั่นเขี้ยวไปตลอดทาง เขานึกอยากกระโดดออกจากรถม้าคันนี้ใจแทบขาด ไม่กล้ามองหน้าสหายสองคนที่อยู่ในรถ แต่ทั้งคู่ก็ดูเฉยเมยคล้ายกับไม่สนใจหรือไม่ก็ชินแล้ว จื่อฟางนึกภาพไม่ออกว่าเสิ่นจิ้งเฟยอยู่รอดปลอดภัยจากเสือตัวนี้มาได้อย่างไร

รถม้าแล่นไปตามตรอกคุ้นตาช้า ๆเมื่อสังเกตดูดีๆก็พบว่าเป็นตรอกซีหมาน เสียงหัวเราะพูดคุยของคุณชายในรถดังออกไปถึงด้านนอก ผู้คนบนถนนต่างก้พากันหลบหลีก ต่างรู้ดีว่าเป็นคุณชายสกุลใดบ้างที่อยู่ในรถม้า ล้วนแต่เป็นบุตรชายขุนนางใหญ่โตทั้งสิ้น

“เจ้าโกรธหรือ ไม่พูดไม่จา”หลี่ฮุ่ยจือสังเกตว่าวันนี้จิ้งเฟยเงียบกว่าทุกที “หน้าเจ้างดงามเหมือนสตรีอยู่แล้ว ก็อย่าทำน้อยใจเป็นสตรีเลยน่า”

หลี่ฮุ่ยจือยังคงพูดเย้าหยอกอยู่ใกล้ๆ ยื่นมือบีบคางของเสิ่นจิ้งเฟยเบา ๆ หนึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอหน้ายิ่งทำให้เขาคิดถึงเสิ่นจิ้งเฟยนัก เขาชมชอบของสวยๆงามๆ บุรุษใบหน้าสวยผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

เส้นความอดทนของจื่อฟางขาดเปรี๊ยะ “ลองให้ข้าบอกว่าเจ้าหน้าเหมือนลาบ้างเจ้าจะโกรธหรือไม่”เขาสวนกลับเสียงแข็ง คุณชายทั้งสามคนต่างก็มองมาด้วยสายตาแปลกใจทันที ปกติเวลาที่โดนหลี่ฮุ่ยจือเย้าหยอก คุณชายรูปงามจะร่วมหัวเราะไปด้วยเท่านั้น จางต้าที่นั่งอยู่ด้านนอกได้ยินคำพูดของคุณชายก็ได้แต่ภาวนาให้เสิ่นจิ้งเฟยใจเย็นๆ ด้วยอำนาจของอัครเสนาบดีหลี่แล้ว…สกุลเสิ่นก็แค่ลูกไก่ในกำมือ

จื่อฟางปัดมือของหลี่ฮุ่ยจือออก แต่อีกฝ่ายออกแรงบีบคางมากกว่าเดิมจนเขาส่งเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บ นัยน์ตาของหลี่ฮุ่ยจือเป็นประกายลึกล้ำราวกับคิดเรื่องสัปดนอยู่ เมื่อเห็นผิวขาวๆของเสิ่นจิ้งเฟยเป็นรอยแดงก็เบามือเปลี่ยนมาลูบไล้แทน จื่อฟางปัดมือของหลี่ฮุ่ยจือออก ลูบคางด้วยความโกรธเคือง

“จอดรถ!”จื่อฟางตะโกนบอกคนขับรถม้าด้านนอก

“จิ้งเฟย…เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ”หลี่ฮุ่ยจือขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เสิ่นจิ้งเฟยถึงทำตัวแปลกไป

“ข้าจะลง”เขายืนยันคำเดิม หลี่ฮุ่ยจือส่งเสียงดังเฮอะ ใจเย็นๆ…จื่อฟางเตือนตัวเองก่อนส่งยิ้มหวานส่งไปให้อีกคน

 “เอาไว้ก่อนไม่ได้หรือ ข้ารับปากกับท่านพ่อไว้ว่าช่วงนี้จะเป็นเด็กดี ข้าไม่อยากผิดคำพูด ไว้คราวหลังข้าจะไปกับเจ้าดีหรือไม่”จื่อฟางพูดเอาตัวรอด ไม่รู้หรอกว่าคุณชายเหล่านี้จะไปที่ใด พอคิดขึ้นมาได้ก็สายไปเสียแล้ว ทำอะไรโง่ๆอีกแล้วสิเรา นึกถึงคำพูดของไป๋ผูอวี้ที่วิจารณ์การเดินหมากล้อมของเขาตนขึ้นมา

หลี่ฮุ่ยจือหรี่ตาครุ่นคิด ไปกับเสิ่นจิ้งเฟยสองคนหรือ…น่าสนใจ “ก็ได้ หยุดรถ!”เจ้าตัวสั่ง รถม้าค่อยๆจอดกลางถนน ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองเป็นตาเดียว รวมไปถึงไป๋ผูอวี้ที่อยู่ในร้านขายเครื่องลายครามกับคุณหนูฉินเซียงอินที่อีกฝากฝั่งด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:20:09 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4


“เจ้าเห็นรถม้าคันนั้นหรือไม่ มีแต่บุตรชายขุนนางทั้งนั้น เสิ่นจิ้งเฟยก็ด้วย ได้ข่าวว่าเขาโดนกักบริเวณหนึ่งเดือน”

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด ข้าได้ยินมาว่าเพราะคุณชายเสิ่นมีใจให้คุณหนูฉิน แต่นางไม่เล่นด้วย จนคุณชายเสิ่นช้ำใจไปหมกตัวร่ำสุราที่หอผูเยว่ตั้งสองคืน”


เสียงหึ่งๆดังมาจากผู้คนสองข้างทาง จื่อฟางได้ยินเต็มสองรูหูก็ยิ่งทำให้ตนอับอาย หลี่ฮุ่ยจือเลิกคิ้วมองหน้าเขาอย่างขบขัน คุณชายอีกสองคนทำท่าเหมือนจะหัวเราะแต่เด็กหนุ่มถลึงตาใส่

“เป็นเรื่องจริงอย่างที่พวกเขาพูดหรือไม่เล่าจิ้งเฟย”หลี่ฮุ่ยจือเอ่ยถามเสียงดังพอให้ผู้คนด้านนอกได้ยิน จื่อฟางสบถด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจเป็นรอบที่ร้อย ทำให้เขาขายหน้าไม่พออีกเหรอไร

“จะเป็นจริงได้อย่างไร ข้าน่ะหรือชอบคุณหนูฉิน ผู้คนเล่าลือเกินจริง น่าตัดลิ้นพวกปากมากนัก จะได้ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอีก”จื่อฟางตอบกลับด้วยเสียงดังฟังชัดเช่นกัน ไม่รู้ว่าในร้านใกล้ๆมีคุณหนูฉินอยู่ด้วย ชาวบ้านในตลาดต่างพากันไม่กล้าเอ่ยปากอีก หลี่ฮุ่ยจือดูพอใจกับคำตอบของเขามาก

“เจ้ารับปากกับข้าแล้ว ห้ามผิดสัญญา”หลี่ฮุ่ยจือย้อนกลับมาคุยเรื่องเดิม

“แน่นอนอยู่แล้ว”ถึงจะตอบกลับไปเช่นนั้นแต่กลับคิดว่าไม่น่าพูดออกไปเลย หลี่ฮุ่ยจือโน้มตัวมากระซิบขู่ใกล้ๆใบหูของเขา

“หวังว่าเจ้าคงไม่ลืมว่าบ้านข้าสามารถทำอะไรสกุลเสิ่นของเจ้าได้บ้าง”

“ข้ารู้น่า ไม่ผิดคำพูดหรอก”จื่อฟางใช้น้ำเสียงประจบตอบ หลินเจียงหยงมองออกว่าเขาแค่แสร้งพูดไปอย่างนั้นจึงหัวเราะในลำคอ หลี่ฮุ่ยจือมองติ่งหูของอีกฝ่ายแล้วอยากขบเม้มขึ้นมา แต่เอาไว้ก่อน เขารอได้ จื่อฟางขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนอยากกลืนกินเขาไปทั้งตัวของอีกฝ่าย

‘เสิ่นจิ้งเฟยนายต้องรับมือกับคนหื่นกามแบบนี้น่ะเหรอ!’

“ข้าขอตัว เที่ยวให้สนุกล่ะ”เขาส่งยิ้มให้คุณชายในรถ รีบผลักประตูเปิดแล้วก้าวลงไปทันที จางต้ารีบกระโดดตามมาจากฝั่งด้านหน้า จิตใจของบ่าวคนสนิทเต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน

‘คุณชาย!ท่านหาเรื่องอีกแล้ว ไหนจะเมื่อครู่ท่านไม่รู้สินะว่าคุณหนูฉินก็อยู่ด้วย นางจะมองท่านเป็นคนเช่นไร’

ผู้คนบนถนนต่างไม่มีใครกล้ามองหรือวิจารณ์จื่อฟางอีก เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวอีกครั้ง เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก วันนี้ยังเอาตัวรอดมาได้ แล้ววันข้างหน้าเล่า?เขาจะทำอย่างไรดี

จางต้ามองไปด้านหน้าก่อนจะขยับมากระซิบใกล้ๆ

“คุณชาย ร้านเครื่องครามตรงหน้า…”

“ทำไมหรือ…”จื่อฟางเอ่ยถามพลางมองตรงไปที่ร้านค้าฝั่งตรงข้าม ก็พบว่าฉินเซียงอินอยู่ในร้านเครื่องครามกับไป๋ผูอวี้ เขาอยากเอาพัดในมือตบหน้าผากตัวเองนัก เมื่อครู่ที่เขาพูดนางคงได้ยินสินะ อา เสิ่นจิ้งเฟย ในสายตานาง เจ้าคงเป็นบุรุษที่ไร้ค่าเทียบไป๋ผูอวี้ไม่ติด จื่อฟางเม้มปาก ในที่สุดพระเอกนางเอกก็มีบทด้วยกันเสียที ราวกับล่วงรู้ว่าถูกจ้องมองไป๋ผูอวี้เงยหน้าประสานสายตากับเขายกยิ้มให้เล็กน้อยก่อนก้มไปพูดอะไรบางอย่างกับคุณหนูฉิน แม่นางน้อยจึงหันมาทางตนบ้าง สายตาเย็นชาของหญิงงามมองผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จื่อฟางพลันใจกระตุกแต่ครั้งนี้พ่วงมาด้วยอาการเจ็บแปลบในอก เสิ่นจิ้งเฟย เจ้าคงเจ็บปวดที่พระเอกนางเอกอยู่ด้วยกันสินะ จางต้าที่ยืนอยู่ข้างกายลอบมองคุณชายของตน ใบหน้าหมดจดมีสีหน้าหลากหลายบ่าวคนสนิทได้แต่เห็นใจ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่คุณชายรับปากกับคุณชายหลี่แล้วก็ปวดหัวขึ้นมาอีกระลอก

“คุณชาย เหตุใดท่านถึงไปรับปากคุณชายหลี่เช่นนั้นเล่า ท่านอุตส่าห์เลี่ยงไม่ไปไหนมาไหนกับเขาสองคนมาตั้งนาน…”จางต้ากลัวคุณชายของตนจะไม่รอดเงื้อมมือของหลี่ฮุ่ยจือน่ะสิ

“ข้าจัดการได้น่า ยังมีหยางชวี…วันนั้นค่อยให้เขาแอบติดตามข้าไป”แม้จะพูดไปแบบนั้นจื่อฟางก็ไม่แน่ใจว่าหยางชวีจะทำอะไรได้ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นบุตรชายของคนมีอำนาจ เสียดายที่วันนี้เขาให้เจ้านั่นไปเฝ้าที่โรงน้ำชาหลิวซื่อ จื่อฟางเบนสายตาไปที่ร้านเครื่องลายครามอีกครั้ง ไป๋ผูอวี้ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ข้างๆฉินเซียงอิน ถึงจะดูประดักประเดิกแต่มองอย่างไรก็ดูเหมาะสมกัน จื่อฟางพลันรู้สึกแปลกๆเป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก บางทีเสิ่นจิ้งเฟยอาจจะเคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนกระมัง พระรองเช่นเสิ่นจิ้งเฟยเป็นได้แค่ตัวตลกขี้แพ้อย่างนั้นหรือ?แค่โดนไป๋ผูอวี้และเว่ยหลงดูถูกก็มากพอแล้ว ยังมีหลี่ฮุ่ยจือผู้น่ากลัวกว่าในนิยายหลายสิบเท่าโผล่มาอีก…เหตุใดชีวิตของเสิ่นจิ้งเฟยถึงได้ยากเพียงนี้

“คุณชาย…จะกลับจวนเลยหรือไม่”จางต้าเอ่ยถามเบาๆ เมื่อเห็นคุณชายอยู่ในอารมณ์หม่นเศร้า เป็นเพราะคุณหนูฉินอย่างนั้นหรือ?

“ยัง ไหนๆก็มาแล้ว เดินเล่นสักพักค่อยกลับ”จื่อฟางกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง

ที่ร้านเครื่องครามไป๋ผูอวี้ไม่ค่อยได้ฟังบทสนทนาที่ฉินเซียงอินพูดอยู่เท่าไหร่ เขามองไปที่เสิ่นจิ้งเฟยบ่อยครั้ง จะว่าไปก็แปลกที่ตนรู้สึกว่าคุยกับคุณชายเสิ่นยังสนุกกว่าคุณหนูท่านนี้ เมื่อครู่มองเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเสิ่นจิ้งเฟย ไป๋ผูอวี้ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังคงชอบคุณหนูฉินอยู่ แต่เขาเคยได้ยินผู้คนในโรงน้ำชาหลิวซื่อเล่าลือกันว่าเสิ่นจิ้งเฟยชื่นชอบบุรุษ ต้นเหตุข่าวลือมาจากหลี่ฮุ่ยจือผู้ชื่นชอบความงามของคุณชายเสิ่น 

“คุณชายไป๋…”ฉินเซียงอินเห็นชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ฟังที่นางพูดเลยแม้แต่น้อยก็เริ่มทำหน้างอ

“คุณหนูฉิน ข้าต้องขออภัยด้วย แต่ข้ามีเรื่องต้องคุยกับคุณชายเสิ่น คงอยู่สนทนากับท่านไม่ได้แล้ว”ไป๋ผูอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพจนฉินเซียงอินไม่กล้ายื้อให้อีกฝ่ายอยู่ต่อ แต่เสิ่นจิ้งเฟย…นางมองไปที่คุณชายผู้มีใบหน้าหมดจดอีกครั้ง นางเคยคิดว่าคนผู้นั้นยังมีดีอยู่บ้าง ถึงจะเกเรแต่ไม่เคยใช้อำนาจข่มผู้อื่น แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่ชมชอบบุรุษที่หยิบจับสิ่งใดไม่เป็นอีกทั้งยังมีใบหน้าที่คล้ายสตรีเช่นนั้น…

“น่าเสียดายนัก ขอบคุณคุณชายไป๋มากที่ช่วยข้าเลือกถ้วยชา หากมีโอกาสข้าจะลองชงชาให้ท่านชิมดู”คุณหนูฉินจำใจต้องกล่าวลา ไป๋ผูอวี้เพียงยกยิ้มบาง ชงชา?หญิงแก่นอย่างนางไม่มีความอดทนพอหรอก เขาคิดอยู่ในใจก่อนค้อมกายน้อย ๆอย่างมีมารยาท จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกมาจากร้านเครื่องครมพบว่าเสิ่นจิ้งเฟยกำลังเดินไปยังเส้นทางอื่น

“คุณชายเสิ่น”เขาเอ่ยเรียก ทำให้ร่างบางตรงหน้าจำใจหันมาเผชิญหน้ากับตน ที่บอกว่าจำใจก็เพราะบุรุษหนุ่มทันมองเห็นสีหน้าไม่อยากเสวนาของเสิ่นจิ้งเฟยเข้า เจ้าเด็กผู้นี้ไม่แม้จะปิดบังด้วยซ้ำ ไป๋ผูอวี้ยกยิ้มหรือยังมีอารมณ์หงุดหงิดที่เป็นฝ่ายแพ้หมากครั้งก่อน พูดถึงเรื่องหมากล้อมก็ยังติดใจไม่หาย

“อ้าว ที่แท้เป็นท่านเองหรือ ไป๋ผูอวี้”จื่อฟางหัวเราะน้อย ๆ ลอบกลอกตาอยู่ในใจ ก็เห็นอยู่แท้ๆ

“บังเอิญจริง ๆ”ไป๋ผูอวี้แสร้งพูดเหมือนเพิ่งเห็นเช่นกัน บุรุษหนุ่มมองไปยังทิศที่รถม้าเคลื่อนจากไปนานแล้วก่อนหันมองหน้าเสิ่นจิ้งเฟย เมื่อพูดถึงความงาม หลี่ฮุ่ยจือบอกว่าชอบของงดงาม เขาก็ยอมรับว่าคุณชายเสิ่นเป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าหมดจดคนหนึ่ง

“ดูเหมือนคุณชายเสิ่นจะเจอเรื่องลำบากเข้าแล้ว”จื่อฟางยิ้มไม่ออกรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องใด แต่สิ่งที่กวนใจตนอยู่คือไป๋ผูอวี้ เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้เข้ามาคุยกับเขา ตอนที่อยู่ในร้านเครื่องลายครามเขารับรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายตกมาที่ร่างอยู่บ่อยครั้ง หรือจูบที่ไม่ได้ตั้งใจแผลงฤทธิ์ เป็นไปไม่ได้ คนอย่างไป๋ผูอวี้ไม่น่าชอบใครง่ายๆ

“ท่านมีเรื่องใดหรือ”จื่อฟางเอ่ยถาม เหลือบมองไปยังร้านขายเครื่องลายคราม คุณหนูฉินยืนคุยอยู่กับสาวใช้คนสนิทด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม นางเป็นหญิงงามอย่างไม่ต้องสงสัย จื่อฟางยังชอบมองบ่อย ๆ แต่เหมือนว่านางจับได้ว่าเขามองอยู่ ร่างนั้นจึงหันตวัดมองด้วยแววตาที่เหมือนเข็มแทง โอ้…นางคงเกลียดเสิ่นจิ้งเฟยไปแล้วแน่ ๆ

“ท่านมากับข้าสักครู่ได้หรือไม่”ไป๋ผูอวี้กล่าวเสียงนิ่ง

“ท่านใช้ชื่อข้าเป็นข้ออ้างหนีคุณหนูฉินหรือ”จื่อฟางกล่าวหยอก มองไม่ออกว่าไป๋ผูอวี้ชมชอบนางบ้างหรือยัง เหตุใดบทพระ-นางถึงไม่คืบหน้าเลย

“ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านจริง ๆ”ไป๋ผูอวี้ตอบพร้อมรอยยิ้ม จื่อฟางรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตาคล้ายถูกใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายดึงดูด เด็กหนุ่มหันมองจางต้าที่ยืนฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆ บ่าวคนสนิทได้แต่คิดว่าคุณชายไปญาติดีกับไป๋ผูอวี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“จางต้า เจ้าเดินเล่นอยู่แถวนี้ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้ามา”จื่อฟางบอกกับบ่าวคนสนิท

“ขอรับ”

จื่อฟางเดินตามไป๋ผูอวี้ไปเงียบๆ ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างได้ จริงสิ!คนผู้นี้ออกมาคนเดียวเช่นนั้นเว่ยหลงก็อยู่ที่โรงน้ำชาหลิวซื่อคนเดียวน่ะสิ อา…น่าเสียดายชะมัด ไป๋ผูอวี้พาเขาเดินมาเรื่อย ๆจนถึงสะพานก่ออิฐข้ามไปยังร้านค้าอีกฝั่ง เขาเลิกคิ้วสงสัยว่าพ่อพระเอกจะพาไปที่ใด ตรอกนี้ผู้คนเริ่มบางตาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะอากาศปลอดโปร่ง เย็นสบาย สายลมพัดต้องหน้าบางเบา คล้ายจะปัดเป่าความกังวลใจของเขาออกไปด้วย

ไป๋ผูอวี้หยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องดนตรี จื่อฟางขมวดคิ้ว ท่อนไม้ไป๋พาเขามาที่นี่ทำไม!

“คุณชายไป๋ ยินดีที่ได้พบท่านอีกครั้ง”เถ้าแก่ของร้านรีบออกมาต้อนรับด้วยท่าทางยินดีเมื่อเห็นว่าเป็นไป๋ผูอวี้ แต่ก็ชะงักไปเมื่อเห็นจื่อฟางก่อนจะมองผ่านเหมือนไม่เห็นเขาเสียอย่างนั้น เขาเลิกคิ้ว สงสัยว่าเถ้าแก่ผู้นี้เป็นอะไร ได้แต่คลี่พัดมาโบกเหมือนไม่ใส่ใจทั้ง ๆที่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

“เถ้าแก่เถียนเกรงใจข้าไปแล้ว”ไป๋ผูอวี้พูดคุยทักทายเจ้าของร้านอยู่สักพัก

จื่อฟางได้โอกาสจึงขยับเข้าไปหา “ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม”เขากระซิบถาม ไป๋ผูอวี้ไม่ตอบเพียงเดินนำไปยังชั้นวางที่มีขลุ่ยหลายชนิด บุรุษหนุ่มหยุดที่ขลุ่ยเลาหนึ่ง จื่อฟางมีความรู้เรื่องดนตรีน้อยนิดจึงมองผ่านอย่างไม่สนใจนัก ยังไม่เข้าใจว่าไป๋ผูอวี้พาตนมาที่นี่ด้วยเหตุใด เถ้าแก่เถียนรีบกระตือรือร้นเข้าไปอธิบายกับไป๋ผูอวี้จนเบียดร่างของจื่อฟาง

“ท่านอยากได้เชียงตี๋เลานี้หรือ”ขลุ่ยที่ว่ามีรูปร่างเพรียวยาวคล้ายๆขลุ่ยในสมัยปัจจุบัน แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นฝีมือที่ประณีต จื่อฟางคิดว่ายังมีขลุ่ยเลาอื่นที่สวยกว่าเลานี้มาก แต่ดูเหมือนไป๋ผูอวี้จะชอบ

“สหายของข้าอยากได้”ไป๋ผูอวี้ตอบ จื่อฟางขมวดคิ้ว สหายคนไหนกันหรือ แล้วเจ้าคนนี้จะพาเขามาทำไม เด็กหนุ่มยืนฟังการค้าคิดว่าเถ้าแก่เถียนคิดราคาแพงนัก

“ไม่แพงไปหน่อยหรือ”เขาเอ่ยแทรกการสนทนา

“นี่เป็นงานฝีมือหายากที่ชนเผาเซียงลงมือแกะอย่างยากลำบาก”เถ้าแก่เถียนเอ่ยเสียงเข้มก่อนกลับไปเจรจากับไป๋ผูอวี้ต่อแต่ก็ยอมลดราคาให้หลายตำลึง จื่อฟางได้แต่กอดอกมอง ก่อนหมุนกายออกไปนอกร้าน รอไม่นานไป๋ผูอวี้ก็ก้าวออกมาด้วยท่าทางสุขุม ร่างนั้นเดินนำกลับไปยังทางเดิม 

“ท่านต้องการอะไรกันแน่”จื่อฟางรีบสืบเท้าตาม เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ร่างตรงหน้าหยุดลงที่สะพานอิฐทางเดิม

“ของท่าน”ไป๋ผูอวี้ยืนขลุ่ยเลานั้นให้จื่อฟาง เขาตาโตอย่างคาดไม่ถึง อะไรนะ ไป๋ผูอวี้ซื้อขลุ่ยให้เขาทำไม คนผู้นี้คิดทำสิ่งใดแปลกเหลือเกิน

“ข้าไม่ชอบขลุ่ย”เขารีบกล่าวดักทาง กลัวว่าไป๋ผูอวี้จะขอให้ตนเป่าให้ฟัง

“ปีนั้นท่านอยากได้ขลุ่ยเลานี้ แต่เถ้าแก่เถียนไม่ยอมขายให้ท่าน…”ไป๋ผูอวี้พูดขึ้นช้า ๆ จื่อฟางได้แต่เม้มปากไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย พยายามเค้นหาความทรงจำแต่ก็นึกไม่ออก เรื่องความทรงจำของเสิ่นจิ้งเฟยก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับเขา จื่อฟางไม่รู้จะพูดตอบอย่างไรจึงได้แต่จ้องมองร่างบุรุษตรงหน้าอยู่เช่นนั้น

“ท่านจำไม่ได้แล้ว?”ไป๋ผูอวี้ยกยิ้มบาง

“ใช่ ข้าลืมไปแล้ว”จื่อฟางตอบอย่างรำคาญใจ เหตุใดท่อนไม้ไป๋ต้องมาจับผิดเขาด้วย ไป๋ผูอวี้จับจ้องเขาอยู่สักพัก จื่อฟางจึงเสมองสายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านสะพานแทน

“เหตุใดท่านถึงดูเปลี่ยนไปนัก เสิ่นจิ้งเฟย”

เขาไม่คิดว่าไป๋ผูอวี้จะถามตรงๆเช่นนี้แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

“หากเป็นยามปกติท่านคงโวยวายที่ข้าพาท่านเดินมาไกลเช่นนี้”ไป๋ผูอวี้เอามือไพล่หลังใช้สายตามองสำรวจเขาเหมือนต้องการเสาะหาคำตอบ

“ข้าตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง”จื่อฟางตอบเสียงจริงจัง เขามองเห็นแววขบขันในดวงตาของคนที่อยู่ตรงหน้า

“ตอนที่ข้าเดินหมากกับท่าน วิธีเดินหมากของท่านไม่เหมือนเดิม…คุณชายเสิ่นตั้งใจเปลี่ยนด้วยหรือ”ไป๋ผูอวี้จับจ้องเขาตาไม่กระพริบ แต่จื่อฟางกลับมีสีหน้าราบเรียบคิดคำพูดไว้แล้ว

“บอกท่านตามตรง ท่านคงไม่รู้ตอนที่ข้าถูกทำโทษอยู่ในจวน ข้าเกิดอุบัติเหตุทำให้ความจำไม่ค่อยดีนัก พักนี้จึงทำตัวแปลกไปบ้าง ท่านอย่าได้ถือสา”จื่อฟางพูดจาลื่นไหลสีหน้าจริงจังจนเหมือนพูดเรื่องจริง ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้วไม่รู้จะเชื่อดีหรือไม่ แต่พักนี้เสิ่นจิ้งเฟยก็ทำตัวผิดแปลกไปจริงๆ

“….”

“….”

เกิดความเงียบระหว่างที่เขายืนมองหน้าไป๋ผูอวี้ ห้าม-หัว-เราะ-เด็ด-ขาด!จื่อฟางบอกตัวเองซ้ำๆ

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นหรือ ข้าเข้าใจแล้ว”เสียงหัวเราะดังก้องกังวาน จื่อฟางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะได้น่าดูถึงนี้จึงกระพริบตาเสมองทางอื่น

‘ทำไมท่านต้องทำหน้านิ่งเป็นท่อนไม้บ่อยๆด้วย’

“ขออภัยคุณชาย”บุรุษตรงหน้าเอ่ยช้า ๆ เขารู้สึกว่าประโยคต่อไปของไป๋ผูอวี้ต้องจู่โจมตนแน่จึงตั้งท่ารออะไรก็ตามที่คนตรงหน้าคิดจะพูด

“ปกติท่านจะชอบวางตัวอยู่เหนือข้าเสมอ มาวันนี้เห็นท่านว่านอนสอนง่าย พูดจาดี ๆกับผู้อื่นจึงคิดว่าดีแล้วที่ท่านเป็นเช่นนี้”ไป๋ผูอวี้หัวเราะเบาๆอีกครั้ง เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลาย จื่อฟางเพียงเม้มปากบอกไม่ถูกว่าควรวางตัวอย่างไรกับคำพูดของอีกคน

บุรุษตรงหน้ายื่นขลุ่ยให้เขาอีกครั้ง “ท่านรับไปเถอะ”

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยากได้ขลุ่ยเลานี้”จื่อฟางเอ่ยถาม เสิ่นจิ้งเฟยมีรสนิยมเรื่องดนตรีที่ต่างจากการใช้ชีวิตทีเดียว ขลุ่ยเลานี้ธรรมดากว่าที่คิด

“บังเอิญว่าปีก่อนข้าไปซื้อกู่เจิงที่ร้านเถ้าแก่เถียนเช่นกัน จึงได้พบท่านโวยวายทะเลาะอยู่กับเถ้าแก่”ไป๋ผูอวี้กล่าวช้า ๆ สายตากวาดมองใบหน้าหมดจดของเสิ่นจิ้งเฟย จื่อฟางทำได้เพียงเก็บงำสีหน้า ใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกบางอย่างเมื่อความทรงจำวูบไหวเข้ามาในห้วงความคิด เป็นภาพของเสิ่นจิ้งเฟยที่ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าตอนนี้และไป๋ผูอวี้ที่ยังคงสวมใส่ชุดเรียบง่ายเช่นเคย เสิ่นจิ้งเฟยต้องการซื้อขลุ่ยเซียงตี๋แต่เถ้าแก่เถียนไม่ยอมขายให้ การที่เถ้าแก่ไม่สนใจบุตรชายขุนนาง แต่ไปสนใจไป๋ผูอวี้ที่เป็นเพียงบุตรชายสกุลไป๋พ่อค้าโรงน้ำชา ก็ทำให้เสิ่นจิ้งเฟยเสียหน้าเป็นอย่างมาก

“อ้อ ข้านึกออกแล้ววันนั้นนั่นเอง เว่ยหลง…”จื่อฟางพยายามไม่แสดงท่าทีแปลกประหลาดออกไป เรื่องปีนั้นเว่ยหลงเรียกเสิ่นจิ้งเฟยว่าเต่าในกระดอง เด็กหนุ่มมองขลุ่ยที่ยื่นมาตรงหน้าจึงยื่นมือออกไปรับ ในใจพลันคิดว่านี่เหมือนฉากพระเอกให้ของแทนใจนางเอกชัดๆ แต่ติดที่ว่าเขาอยู่ในร่างของพระรอง และนี่ก็ไม่ใช่ของแทนใจ แต่เป็นของที่เสิ่นจิ้งเฟยอยากได้ แต่ไม่มีโอกาสได้มา ไม่มีโอกาสได้มา…จื่อฟางชะงักเก็บมือที่ยื่นออกไปกลับมา

“ข้าไม่ต้องการ ท่านเป็นคนซื้อ ท่านเก็บเอาไว้เถอะ”เขาไม่อยากได้ของที่มาจากไป๋ผูอวี้ เท่ากับว่าเขายอมแพ้น่ะสิ  ทำไมเขาต้องรับของจากศัตรูด้วย ไป๋ผูอวี้ยังคงยืนเป็นท่อนไม้เช่นเดิม ใบหน้าท่ามกลางแสงแดดของชายตรงหน้าหล่อเหลาเสียจนเขาเผลอมองอยู่นาน

“คุณชายเสิ่นอย่างไรก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ข้าเข้าใจแล้ว”ไป๋ผูอวี้เอ่ยเสียงเรียบ ถือขลุ่ยด้วยสองมือก่อนพลิกเล่น อย่างที่ตนเคยบอก เขาไม่เคยมองเสิ่นจิ้งเฟยเป็นศัตรู มีเพียงเจ้าตัวคิดไปเองทั้งสิ้น คราแรกคิดว่ายังพอเป็นสหายกันได้ นอกจากนิสัยไม่เอาไหน เสิ่นจิ้งเฟยก็ไม่ได้เลวร้ายหากเทียบกับสหายที่เหลือ

“ขออภัยที่ทำให้ท่านเสียเวลา วันนี้คงพาท่านมาเสียเปล่าแล้ว”ไป๋ผูอวี้ค้อมกายให้อย่างสุภาพเฉกเช่นทุกที จื่อฟางได้แต่มองเงาร่างของไป๋ผูอวี้อย่างไม่เข้าใจ คนยุคสมัยนี้เหตุใดต้องทำอะไรอ้อมค้อมวุ่นวายด้วย พูดออกมาตรง ๆเลยไม่ได้หรือ สรุปแล้วไป๋ผูอวี้พาเขามาที่นี่เพราะอยากซื้อขลุ่ยที่เสิ่นจิ้งเฟยเคยอยากได้งั้นหรือ?แปลกจริง ๆ
 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:20:38 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ zaneforest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีความรอตอนหน้าไม่ไหวเเล้ว 555
คือดีงั่มมม
เฮียไป๋คนคูลกับคุณพระรองจอมเเย่งซีน(นางเอก)
คนเขียนเขียนดี สำนวนลื่นไหล คำไม่ผิด ใช้คำหลากหลาย บรรยายไม่งง ติดตามเลยจ้า

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ปักหมุดจร้าาาาาาา :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ของแทนใจจากพระเแกก้อไม่รับจ้า  เดวจะคิดว่าเราง่าย 5555 

สนุกมากค่ะตามสองเว็บเลยนะ

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
นายเอกเราจะรอดจาก ลี่ฮุย ยังไงนะ แล้วพระเอกเป็นแค่คนไม่มียศจริงดิ
สนุกมากคะ  มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอตอนต่อไป รอดูความร้ายของนางเอกว่าจะร้ายแค่ไหน  :hao3:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
รอออออออออออออออ

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
จะจบแบบไหนอ่ะ ถ้าหลุดออกจากนิยายจะเป็นไง คิดไปไกลอีกเรา

ออฟไลน์ allegiant1994

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เรื่องนี้ดีงามมากๆ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
บทสาม: เรื่องราวที่ไม่ได้กล่าวถึง


เมื่อแปดปีก่อนโรงน้ำชาหลิวซื่อเป็นเพียงร้านน้ำชาเล็กๆ ไม่มีชื่อเสียงอย่างเช่นทุกวันนี้ สกุลไป๋เป็นสกุลคหบดีในเมืองหลานโจวแต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อสุขภาพของไป๋อู่เหยียน เขาจึงพาบุตรชายไป๋ผูอวี้ที่อายุได้สิบสี่ปีและข้ารับใช้ย้ายมาลงหลักปักฐานที่เมืองหลวงฉางอัน ตอนแรกไป๋อู่เหยียนคิดว่าสกุลของตนมั่งคั่งแล้วแต่เมื่อมาที่ฉางอันก็ต้องเปลี่ยนความคิด


สกุลไป๋เทียบสกุลเก่าแก่ที่มีต้นตระกูลเป็นขุนนางไม่ติด เขาไม่มีอำนาจแต่ก็ไม่คิดแสวงหา อยากใช้ชีวิตเงียบๆเปิดโรงน้ำชาตามที่หลิวซื่อภรรยาที่ด่วนจากไปต้องการ เถ้าแก่ไป๋จึงไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากทำให้โรงน้ำชาหลิวซื่อเจริญรุ่งเรืองเป็นที่เลื่องลือ โชคดีที่บุตรชายของตนรู้ความ ถึงจะอายุได้เพียงสิบสี่ปีแต่ก็รู้จักรับผิดชอบ สุขุมเกินอายุ ไป๋ผูอวี้มักไปช่วยบิดาดูแลโรงน้ำชาบ่อย ๆ แต่หากมีเวลาว่างก็จะเดินเล่นในตลาดกับเว่ยหลง เดือนนี้เข้าสารทฤดู 
อากาศจึงเย็นสบายยิ่งนักไป๋ผูอวี้แวะซื้อเนื้อแกะย่างที่ส่งกลิ่นหอมอยู่ข้างทาง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงผู้คนพึมพำถึงคนผู้หนึ่งที่เขามักได้ยินบ่อยๆ สกุลเสิ่น


“เฮอะ เสิ่นจิ้งเฟยโตไปคงกลายเป็นคุณชายไม่ได้เรื่องเป็นแน่ น่าสงสารเสนาบดีเสิ่นมีบุตรชายทั้งทีก็เป็นเช่นนี้”หญิงอ้วนเจ้าของร้านผ้าไหมพูดเสียงดัง เว่ยหลงทำหน้ารำคาญ ตั้งแต่มาอยู่ที่ฉางอันเขาได้ยินชื่อของคนสกุลเสิ่นมาจนหูแฉะแล้ว


“เสิ่นจิ้งเฟยมีใบหน้าเหมือนมารดามาก เสนาบดีเสิ่นจึงไม่กล้าลงมือกับเขา เจ้าก็เห็นเขาหน้าตางดงามออกปานนั้น”


ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้ว งดงามเหรอ?ใช้คำนี้กล่าวถึงคุณชายเสิ่น หากเจ้าตัวมาได้ยินจะทำหน้ายังไงหนอ เว่ยหลงเองก็มีสีหน้าข้องใจเช่นกัน


“งดงาม? สกุลเสิ่นมีบุตรชายไม่ใช่หรือ ท่านใช้คำว่างดงามได้อย่างไร”เว่ยหลงอดไม่ไหวต้องร่วงวงด้วย ไป๋ผูอวี้ปรายตามองอย่างไม่ชอบใจนัก แต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้าน


“เจ้าคงย้ายมาใหม่สินะ หากเจ้าเห็นคุณชายเสิ่น เดี๋ยวก็ได้รู้เอง”คนขายเนื้อแกะย่างตอบ ไป๋ผูอวี้ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับวงสนทนาถึงผู้อื่นจึงจ่ายเงินแล้วรีบเดินออกมา หากเว่ยหลงอยากคุยก็ให้คุยไป


“คุณชาย รอข้าด้วย!”เว่ยหลงจำต้องรีบร้อนตามคุณชายของตน ไม่ใช่ว่าเขาอยากรู้เรื่องชาวบ้าน แต่ในเมื่อมาอยู่ที่ฉางอันแล้ว เขาจำเป็นต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดว่าใครเป็นใครบ้างแค่พักนี้ได้ยินชื่อของเสิ่นจิ้งเฟยมากไปหน่อยเท่านั้นเอง ไป๋ผูอวี้เดินกลับมาที่โรงน้ำชา วันนี้บิดาไม่ได้เฝ้าร้านให้เสี่ยวฮั่วพ่อบ้านคนสนิทดูแลแทน เขาจึงแวะมาดูเสียหน่อย มาถึงหน้าร้านก็ได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวดังมาจากด้านใน


“เจ้าพาข้ามาที่เพิงขยะนี่น่ะเหรอ”


“ข้าได้ยินคนบอกว่าร้านนี้ชาดี ก็เลยพาท่านมา อย่าโกรธข้าน้อยเลยขอรับ”อีกเสียงตอบอย่างหวาดหวั่น ไป๋ผูอวี้พลันขมวดคิ้ว โรงน้ำชาหลิวซื่อเป็นร้านเล็กๆก็จริง แต่ไม่ใช่เพิงขยะแน่นอน เว่ยหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ยินแล้วมีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน


“ข้าจะไปดูเอง”ไป๋ผูอวี้กล่าว เพราะรู้ดีว่าเว่ยหลงเป็นคนเช่นไร เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน เขาก็พบว่าเด็กร้านน้ำชาพากันกลัวหัวหด ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้ว เป็นไรไป เจอผีกันหรือ เขาคิดพลางมองไปที่โต๊ะด้านในก็พบกับคุณชายที่อายุราว ๆสิบปีนั่งวางท่าอยู่ ไป๋ผูอวี้นิ่งอึ้งเพราะใบหน้างดงามหมดจดของคุณชายตรงหน้า งดงามหรือ… รึนี่คือคุณชายเสิ่นจิ้งเฟย บุตรชายของเสนาบดีเสิ่นที่คนในตลาดเล่าลือกัน


แต่เรื่องเล่าลือที่ทำให้ไป๋ผูอวี้จำชื่อคุณชายผู้นี้ได้ไม่ใช่หน้าตางดงามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่เขาดีดกู่เจิงได้อย่างไพเราะอายุเท่านี้ก็บรรเลงเป็นบทเพลงได้แล้ว ไป๋ผูอวี้อยากรู้นักว่าคำเล่าลือเป็นจริงหรือไม่ เมื่อคุณชายเสิ่นผู้มีใบหน้างดงามมองเห็นตนก็ปรายตามองอย่างประเมิน แววตาสีดำกระจ่างแฝงไปด้วยความถือดี


“เจ้า!มานี่ซิ”ไป๋ผูอวี้ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ เขาเพียงยกยิ้มก่อนเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางปลอดโปร่ง


“คุณชายน้อยท่านนี้ต้องการสิ่งใดหรือ”คุณชายตรงหน้าขมวดคิ้วไม่พอใจกับเรื่องอะไรสักอย่าง ไป๋ผูอวี้พิจารณามองอย่างละเอียดสกุลเสิ่นก็มีเงินไม่ใช่หรือเหตุใดเสิ่นจิ้งเฟยถึงได้ตัวเล็กเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาดูคล้ายสตรี หากเขามีน้องชายล่ะก็จะต้องจับขุนให้อ้วนไม่ปล่อยให้มีรูปร่างเช่นนี้แน่


“เจ้าบ่าวโง่นี่บอกว่าร้านนี้ชาดี จะอย่างไรข้าก็มาแล้ว ก็เอาชาที่ดีที่สุดมาให้ข้า หากไม่ดีจริง โรงน้ำชาของเจ้าได้กลายเป็นขยะจริงๆแน่”คุณชายตรงหน้าขู่ ไป๋ผูอวี้ยังคงมีรอยยิ้มบนหน้าแต่ในใจกลับครุ่นคิด พวกบุตรขุนนางมักเป็นเช่นนี้หมดเลยหรือ


“คะ คุณชายเสิ่น”บ่าวรับใช้ด้านข้างพูดจาตะกุกตะกัก เหลือบมองเขาอย่างจนใจ ไป๋ผูอวี้ได้แต่แค่นเสียงหึ อยากหัวเราะออกมาดังๆ อายุเท่านี้ก็วางอำนาจแล้ว โตไปจะไม่ยิ่งกว่านี้หรือ สมคำเล่าลือจริง ๆ


“คุณชายไม่ต้องห่วง ชาร้านข้าล้วนเป็นชาดี วันนี้ข้าจะลงแรงชงชาให้ท่านสักครั้งก็แล้วกัน”ไป๋ผูอวี้ตอบเสียงนุ่ม หันไปพยักหน้าสั่งให้เด็กในร้านไปจัดการ ตอนอยู่หลานโจวเขาเจอคนมาทุกประเภท จึงรับมือกับคุณชายเอาแต่ใจผู้นี้ได้อย่างไม่ติดขัด


เสิ่นจิ้งเฟยรู้สึกไม่ชอบคนผู้นี้ ดูๆไปคงโตกว่าเขาแค่สองสามปี แต่วางท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง จึงรู้สึกขัดหูขัดตานัก รอไม่นานคนงานในร้านก็ยกชุดน้ำชากับใบชามาที่โต๊ะ ไป๋ผูอวี้ยกชายเสื้อด้วยท่าทางชำนาญ คีบใบชาอูหลงชั้นดีใส่ป้านชา เทน้ำร้อนใส่จนเต็มก่อนเทน้ำชาใส่กา จากนั้นใช้น้ำชารอบแรกล้างถ้วยชา ไป๋ผูอวี้แอบยิ้มเมื่อเห็นคุณชายตรงหน้ามองอย่างสนใจ เขาเทน้ำร้อนใส่ป้านชาจนเต็มอีกครั้ง มือของไป๋ผูอวี้เคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล เสิ่นจิ้งเฟยมองครู่เดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายได้รับการฝึกฝนมานาน รอจนได้ที่ไป๋ผูอวี้ก็ยกป้านชาเทน้ำชาสีเขียวใสใส่กา แล้วจึงรินน้ำชาใส่ถ้วยชาให้เขา


“เชิญ คุณชาย”ไป๋ผูอวี้ประคองถ้วยชาให้คุณชายตรงหน้า เสิ่นจิ้งเฟยรับถ้วยชามาถือ กลิ่นชาอ่อนจางลอยแตะจมูก เขาละเลียดดื่มชาเงียบๆ


“เป็นอย่างไร”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถาม แต่เสิ่นจิ้งเฟยไม่ตอบ ย่อมต้องเป็นชาดีแน่อยู่แล้ว แต่เขาไม่พูดออกไปหรอก ไป๋ผูอวี้คาดเดาความคิดของคุณชายเสิ่นได้เพราะสีหน้าที่แสดงออกมา 


“หากท่านชอบ ก็แวะมาที่ร้านเราบ่อยๆได้”เขาเพียงเอ่ยไปตามมารยาทเท่านั้น เสิ่นจิ้งเฟยเพียงแค่นเสียงในจมูก


เพล้ง!


เสิ่นจิ้งเฟยปล่อยถ้วยชาตกจนแตกละเอียด มองหน้าเขาด้วยท่าทางอวดดี ไป๋ผูอวี้ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ต่างจากเว่ยหลงที่หน้าดำคล้ำไปแล้ว ผู้ติดตามคิดอย่างขุ่นเคือง เจ้าเด็กนี่…มาถึงก็วางอำนาจ ทำลายข้าวของผู้อื่น นิสัยเสียจริง เขาคันไม้คันมืออยากสั่งสอนขึ้นมา แต่กระแสเยือกเย็นจากไป๋ผูอวี้ก็บอกตนกลายๆว่าให้อยู่เฉยๆ 


“ชาของเจ้าดีก็จริง แต่ยังห่างชั้นชาของบ้านข้านัก”เสิ่นจิ้งเฟยยิ้ม กวาดตามองคนงานในร้านด้วยสายตาดูแคลน


“คุณชาย…”บ่าวข้างตัวเรียกเสียงอ่อย


“ชาบ้านคุณชายย่อมต้องเป็นของดีอยู่แล้ว”ไป๋ผูอวี้ตอบเสียงเรียบ เสิ่นมู่หยางเป็นขุนนางของกินของใช้คงไม่ธรรมดา ความจริงไป๋ผูอวี้โกรธมากจนใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใด แต่เขาจะทำอะไรได้เล่า สกุลไป๋ต่อกรกับบุตรเสนาบดีไม่ได้อยู่แล้ว ที่เขาลงมือชงชาด้วยตัวเองก็เพื่อผูกมิตรกับอีกฝ่าย สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรู แต่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นอย่างหลัง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายเสิ่นถึงไม่ชอบใจขึ้นมา แต่หาเหตุผลจากคนพาลไปก็เปล่าประโยชน์


เสิ่นจิ้งเฟยมองไป๋ผูอวี้ด้วยสายตาหงุดหงิด คนผู้นี้ไม่รู้สึกอะไรต่อคำดูถูกของเขาเลยหรือ ช่างเป็นคนที่น่าเบื่อจริง ๆ เขาส่งสายตาให้บ่าวรับใช้จัดการเรื่องที่เหลือ ก่อนเดินสะบัดชายเสื้อออกมาจากร้านน้ำชาหลิวซื่ออย่างเบิกบานใจ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนงานในร้านจดจำชื่อของเสิ่นจิ้งเฟยได้ดีนัก ต่างจากคนก่อเหตุที่ลืมเรื่องราวในวันนี้ไปเหมือนไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาที่แห่งนี้...


~•~


ย่างเข้าสู่คิมหันต์ฤดู  เมืองฉางอันยังคงเฉกเช่นเดิม ผู้คนเดินสวนไปมาในตลาด ส่งเสียงจอแจวุ่นวาย ไป๋ผูอวี้ชอบบรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้ จึงมักออกมาเดินชมบรรยากาศที่ตรอกซีหมาน ปีนี้เขาอายุได้ยี่สิบเอ็ดปี เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เขาจึงเกล้าผมด้วยผ้ามวยผมสีน้ำเงิน ไป๋ผูอวี้ไม่ชอบสิ่งเครื่องใช้ของหรูหราจึงสวมแต่เสื้อผ้าเรียบง่าย ผู้คนที่ไม่พบพานอาจดูไม่ออกว่าเขาคือบุตรชายของคหบดีสกุลไป๋เจ้าของโรงน้ำชาหลิวซื่อที่มีชื่อไปทั้งฉางอัน 


วันนี้ไป๋ผูอวี้ตั้งใจมาซื้อกู่เจิงคันใหม่ที่ร้านเถ้าแก่เถียน เดินข้ามสะพานที่ก่อด้วยอิฐก็ถึงแล้ว เว่ยหลงเดินตามเขามาห่างๆเช่นเคย เดินเข้าใกล้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงดีดกู่เจิงดังออกมา ถึงแม้จะไม่เป็นทำนอง แต่ไป๋ผูอวี้ฟังออกว่าคนดีดมีฝีมือ เขาก้าวเข้าไปในร้านก็เจอเถ้าแก่เถียนกำลังตะเบ็งเสียงใส่เด็กหนุ่มร่างบางอายุไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้เขา ร่างบางกำลังดีดกู่เจิงด้วยท่าทางเบื่อหน่าย รูปร่างท่าทางคุ้นตายิ่งนัก 


“คุณชายเสิ่น ไยท่านทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้!”เถ้าแก่เถียงตวาดเสียงดังปากคอสั่นไปหมด ก่นด่าอยู่ในใจ วันนี้ดูท่าจะฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว เจ้าเด็กแซ่เสิ่นตั้งใจมาป่วนร้านเขาหรือ


“ก็ท่านไม่ยอมขายขลุ่ยเชียงตี๋ให้ข้า กู่เจิงคันนี้….ข้าก็ชอบเช่นกัน”เสิ่นจิ้งเฟยตอบเสียงเรียบ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหมดจดของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปี เชียงตี๋เป็นขลุ่ยชนิดหนึ่งของชนเผ่ากลุ่มน้อยเชียง ถึงจะดูธรรมดาไปบ้าง แต่เสิ่นจิ้งเฟยกลับถูกใจเพราะทำให้นึกถึงผู้หนึ่ง


“ข้าไม่ขาย!”เถ้าแก่เถียนตะเบ็งเสียง เสิ่นจิ้งเฟยหัวเราะขบขัน สายตาพลันไปสะดุดชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาขมวดคิ้ว หน้าตาคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน แต่เจ้าผู้ติดตามด้านหลังนั่นกลับมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนมีดแหลม


“โอ้ คุณชายท่านนี้…เป็นผู้ใดหรือ”เสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวน พัดในมือแตะอยู่ที่ปลายคางอย่างข้องใจ คนผู้นี้คุ้นตาจริง ๆ เถ้าแก่เถียนพอเห็นลูกค้าคนใหม่ก็ปรี่ไปหาด้วยใบหน้าสีแดงเข้ม


“คุณชายไป๋ เป็นเกียรติจริงๆ”เถ้าแก่เถียนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่ายังโกรธเสิ่นจิ้งเฟยไม่หาย ไป๋ผูอวี้ยิ้มรับ ปรายตามองไปที่คุณชายเสิ่น ถึงแม้จะผ่านไปหลายปีแต่เขาก็ยังไม่ลืมเหตุการณ์ในร้านน้ำชาวันนั้น ไป๋ผูอวี้โตขึ้นแล้ว ถึงจะไม่ติดใจอะไรอีก แต่ในเมื่อคนผู้นี้อยู่ตรงหน้าจะไม่เอาคืนก็น่าเสียดาย ปล่อยให้เสิ่นจิ้งเฟยเล่นสนุกอยู่ผู้เดียวได้อย่างไร


“เถ้าแก่เถียน เกิดเรื่องใดหรือ ข้าได้ยินเสียงดังไปถึงข้างนอก”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถาม เห็นคุณชายเสิ่นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ


“ไม่มีเรื่องใด ก็แค่แมลงวันก่อกวนเท่านั้น”เถ้าแก่เถียนตอบเสียงสั่น ‘แมลงวัน’ที่ว่าเดินตรงมาหาทันที


“แมลงวันหรือ! เจ้าว่าใคร หึ รนหาที่ตายแล้วตาแก่ แค่พ่อข้าเอ่ยปากร้านเจ้าก็หายวับไปกับตาแล้ว!”เสิ่นจิ้งเฟยตวาดลั่น อำนาจของบิดาอาจทำให้หายวับไปกับตาทันทีทันใดเลยมิได้ก็จริง แต่สหายที่เขาคบหาล้วนเป็นคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น มีผู้ใดไม่กลัวเขาบ้าง ไป๋ผูอวี้ได้ยินคำพูดของคุณชายเสิ่นมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้ม คุณชายท่านไม่มีคำพูดอื่นแล้วหรือ เถ้าแก่เถียนได้แต่ขบฟันกรอดๆ


“คุณชายไป๋ เชิญทางนี้”เถ้าแก่ผายมือเชิญเขาไปอีกทาง ไม่สนใจไยดีเสิ่นจิ้งเฟยอีกต่อไป หากเป็นแค่แมลงวันตัวหนึ่ง ไยต้องสนใจ! ไป๋ผูอวี้ตามไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เว่ยหลงเดินผ่านพร้อมพึมพำคำว่า “เจ้าเต่าในกระดอง”


เสิ่นจิ้งเฟยขมวดคิ้วเต่าในกระดอง?หมายความว่าอย่างไร ว่าเขาเป็นเต่ารึ เขากำพัดจนมือจนเจ็บ ไป๋ผูอวี้…เคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง หล่อเหลาสมคำเล่าลือ แต่ยิ่งมองเขากลับยิ่งรู้สึกขัดตา


“คุณชายไป๋สนใจเครื่องดนตรีชนิดไหน เชิญเลือกชม”เถ้าแก่เถียนถามด้วยความกระตือรือร้น เสิ่นจิ้งเฟยถูกทิ้งให้ยืนเหมือนคนโง่งม ในใจลุกเป็นไฟที่โดนหักหน้า คนแซ่ไป๋ก็แค่ลูกคหบดีเท่านั้น


“ข้าอยากได้กู่เจิง…คันนั้นเป็นอย่างไร”ไป๋ผูอวี้เคลื่อนกายไปที่กู่เจิงรูปร่างสวยงามสลักลายหงส์ที่เสิ่นจิ้งเฟยเพิ่งดีดไปนี่เอง


“นี่เป็นของข้า”เสิ่นจิ้งเฟยรีบปรี่เข้าไปเหมือนสุนัขหวงของทันที


“แต่ข้าไม่ขายให้ท่าน หากคุณชายอยากได้ก็เชิญร้านอื่นเถิด!”เถ้าแก่เถียนกัดฟันพูด ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะถูกเสิ่นมู่หยางใช้อำนาจจัดการ


“เจ้า!”เสิ่นจิ้งเฟยใช้พัดชี้หน้าเถ้าแก่เถียนอย่างขัดใจ ตอนแรกตาแก่นี่ใกล้จะตกปากรับคำยอมขายเชียงตี๋และกู่เจิงให้เขาเพราะความรำคาญใจแล้ว แต่ไป๋ผูอวี้เข้ามาซะก่อน เป็นตัวขัดขวางโดยแท้!


“คุณชายเสิ่น ท่านก็โตแล้ว คุยแบบปัญญาชนได้หรือไม่”ไป๋ผูอวี้เอ่ยแทรกเสียงเรียบ เถ้าแก่เถียนหน้าถอดสีไม่คิดว่าไป๋ผูอวี้จะกล้าพูดจาเช่นนี้ มองไปด้านหลังก็เห็นผู้ติดตามร่างกายกำยำทำหน้าดุร้ายใส่คุณชายเสิ่นเหมือนเป็นการข่มขวัญกลายๆ


เสิ่นจิ้งเฟยคิดไม่ถึงว่าเจ้าคนแซ่ไป๋จะกล้าสอดปากขึ้นมาจึงยิ่งหงุดหงิด “เจ้าเป็นแค่ลูกชายคหบดี กล้าพูดกับข้าเช่นนี้คงไม่รู้อะไรแล้วกระมัง”


ไป๋ผูอวี้เพียงแค่ยกยิ้ม คุณชายเสิ่นสำหรับเขาก็เหมือนคนที่ดีแต่พูดเท่านั้น จะว่าไปก็เหมือนเต่าอย่างที่เว่ยหลงพูด เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง เพราะคิดว่ามีอำนาจของบิดาหนุนหลัง


“ถูกแล้ว สกุลของข้าเทียบท่านไม่ติด ขออภัยที่ต้องพูดล่วงเกิน แต่ตัวข้าไม่คิดเอาแต่พึ่งพิงร่มเงาบิดา หากท่านไม่พอใจข้าก็เชิญกลับจวนไปฟ้องเสนาบดีเสิ่นเถอะ”คำพูดของไป๋ผูอวี้เล่นงานเสิ่นจิ้งเฟยจนพูดไม่ออก ได้แต่ขบฟันกรอด รู้ตัวว่าต่อปากต่อคำไปก็มีแต่แพ้


‘เจ้าคนแซ่ไป๋ ดูถูกข้าเกินไปแล้ว คอยดูเถอะ ข้าไม่ยอมแพ้เจ้าหรอก!’


นับแต่นี้เขาจะไปก่อเรื่องที่โรงน้ำชาของสกุลไป๋ทุกวี่วันเลย คอยดู!วันนั้นเสิ่นจิ้งเฟยเสียหน้ามาก ได้แต่กระฟัดกระเฟียดออกมาจากร้านเถ้าแก่เถียนไปอย่างทำอะไรไม่ได้


~•~


‘ข้าตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง’


คำพูดของเสิ่นจิ้งเฟยยังคงดังก้องอยู่ในหัวของไป๋ผูอวี้ สีหน้าและแววตาของเสิ่นจิ้งเฟยแตกต่างไปจากเดิม แต่ก่อนมีเพียงแววตาถือดีดื้อรั้น แต่ดวงตาคู่งามที่ตนเห็นมีความมีชีวิตชีวาแฝงอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคุณชายไม่เอาไหนผู้นี้ถึงได้ดูเปลี่ยนไปราวคนละคนเช่นนี้ ยิ่งขบคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เขาถอนหายใจ ระหว่างที่เทน้ำชาให้ตัวเอง บุรุษหนุ่มนั่งดื่มอยู่เงียบๆ  คฤหาสน์สกุลไป๋ไม่ได้ตกแต่งอย่างฟุ่มเฟือย บิดาของเขาอยากให้คงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด เขาจึงชอบมาดื่มชาเป่าขลุ่นที่ศาลาในสวนเสมอ


เขาวางถ้วยชาลงแล้วหยิบเชียงตี๋มาหมุนในมือเล่น เขาตั้งใจซื้อขลุ่ยเลานี้ให้เสิ่นจิ้งเฟยก็เพราะอยากผูกมิตร แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่รับน้ำใจ ช่างเหมือนเมื่อตอนแปดปีก่อนที่ได้พบเจอกันครั้งแรกจริงๆ  ไป๋ผูอวี้ไม่แปลกใจที่เสิ่นจิ้งเฟยลืมการพบเจอในร้านเถ้าแก่เถียนไปแล้ว เรื่องปีนั้นคงทำให้คุณชายเสิ่นขายหน้าพอดู มาคิดอีกทีเพราะคำพูดของเขาทำให้เสิ่นจิ้งเฟยไม่ยกอำนาจบิดามาข่มสกุลไป๋ ไม่อย่างนั้นคงเจอเรื่องลำบากแล้ว


“คุณชาย ท่านกลับมาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง”เว่ยหลงปรากฏกายขึ้นเมื่อได้ยินว่าคุณชายไป๋กลับมาจากตลาดแล้ว เขาได้ยินพวกบ่าวรับใช้พูดกันว่าคุณชายเจอกับคุณหนูฉินในตลาด คุณชายเพียงขมวดคิ้ว ไม่ตอบคำถามของเขา เว่ยหลงเห็นคุณชายถือขลุ่ยอยู่ในมือก็พลันแปลกใจ


“วันนี้ที่โรงน้ำชาเรียบร้อยดีหรือไม่”ไป๋ผูอวี้ถามไถ่ตามปกติ เรื่องของคุณหนูฉินไม่คิดว่าบ่าวรับใช้ในถฤหาสน์จะรู้ข่าวกันเร็วเช่นนี้ ถึงท่านพ่อไม่เอ่ยปากแต่เขารู้ดีว่าท่านอยากให้เขาแต่งงานเสียที แต่ไป๋ผูอวี้ไม่สนใจ เขาคิดว่ายังไม่ถึงเวลา


“เรียบร้อยดีขอรับ แต่วันนี้ผู้ติดตามของเสิ่นจิ้งเฟยมาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้าน”เว่ยหลงรายงาน คนผู้นี้ฝีมือดีมาก เขาเกือบจับสังเกตไม่ได้ ไม่รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยคิดจะทำอะไรอีก


“หยางชวีหรือ”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ เขารู้จักก็เพราะว่าอาจารย์เคยพูดให้ได้ยินบ่อย ๆ ไม่คิดว่าจวนสกุลเสิ่นจะชุบเลี้ยงคนมีฝีมือด้วย


“ใช่แล้ว แต่เขาแค่มาตรวจตราเท่านั้น…”


“อืม…”ไป๋ผูอวี้พนักหน้าอย่างครุ่นคิด ทำไมคุณชายเสิ่นต้องส่งผู้ติดตามมาสอดแนมที่โรงน้ำชาด้วย หรือตั้งใจจะสร้างเรื่องอะไรอีก


เขาหัวเราะในลำคอ “ช่างเถอะ เจ้าคอยระวังไว้ก็พอ ข้าอยากรู้นักว่าเขาคิดจะทำอะไร”เขาพลันรู้สึกสนุกขึ้นมา เว่ยหลงมองคุณชายของตัวเองด้วยสายตาครุ่นคิด พักนี้คุณชายไป๋ดูสนใจเสิ่นจิ้งเฟยมากกว่าแต่ก่อน หรือเป็นเพราะเหตุการณ์ในห้องดื่มชาส่วนตัวครั้งนั้น…แต่เป็นไปไม่ได้ เขาพินิจมองไป๋ผูอวี้ที่ยังคงหมุนเชียงตี๋ในมือเล่น ขลุ่ยเลานี้เป็นขลุ่ยไม้ไผ่ธรรมดาๆเท่านั้น


“เจ้าจำเหตุการณ์เมื่อปีก่อนในร้านเถ้าแก่เถียนได้หรือไม่ ที่เสิ่นจิ้งเฟยต้องการขลุ่ยเลานี้แต่เถ้าแก่ไม่ขายให้”ไป๋ผูอวี้เอ่ยขึ้นช้า ๆ ยกขลุ่ยเซียงตี๋ให้เว่ยหลงมองให้ชัด ผู้ติดตามขมวดคิ้ว ความทรงจำค่อยๆแจ่มชัด เขาย่อมต้องจำได้ เสิ่นจิ้งเฟยเป็นคุณชายเกเรที่ชอบมาก่อเรื่องที่โรงน้ำชาประจำ 


“ท่านซื้อมาหรือ”เว่ยหลงเบิกตากว้างจ้องมองขลุ่ยในมือของผู้เป็นนาย คุณชายไป๋ ท่านทำเรื่องพิกลนัก


“ข้าแค่อยากผูกมิตรกับเขาเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องเหมือนเมื่อแปดปีก่อน”ไป๋ผูอวี้ยกถ้วยชาดื่มเงียบๆ ถึงคุณชายเสิ่นจะดูเปลี่ยนไป แต่นิสัยบางอย่างก็ยังคงเดิมสินะ   


“ท่านอยากผูกมิตรกับเขา? ขออภัยที่ข้าน้อยก้าวก่าย แต่ท่านคิดผิดแล้วกระมัง”เว่ยหลงหน้าเคร่งเครียด อยากจะเอ่ยปากสั่งสอนมากกว่านี้แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้ เขาเห็นคุณชายไป๋เป็นเหมือนคนในครอบครัว จึงไม่อยากให้คุณชายหลงกลเสิ่นจิ้งเฟย


“เจ้าไม่เบื่อหรือที่ต้องรับมือกับเสิ่นจิ้งเฟยบ่อย ๆ”ไป๋ผูอวี้ย้อนถามเสียงเรียบ เว่ยหลงย่อมเบื่อมากอยู่แล้วนอกจากไม่สนุกแล้วยังน่ารำคาญ


“เว่ยหลง ข้าสงสัยนักพักนี้เจ้าไม่คิดหรือว่าเสิ่นจิ้งเฟยมีพฤติกรรมแปลกไป”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถาม ลุกเดินไปเดินมาด้วยสีหน้าคิดไม่ตก แต่ก่อนเสิ่นจิ้งเฟยดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง แต่ยามนี้เขาดูมีเรื่องอยู่ในใจตลอดเวลา 


“ข้าก็เห็นเขายังไม่เอาไหนเหมือนเดิม”เว่ยหลงตอบ แต่ท่านต่างหากคุณชาย เหตุใดถึงสนใจคุณชายเสิ่นนัก 


เขาหันไปเห็นสีหน้าหลากหลายของผู้ติดตามเข้าพอดี จึงเอ่ยถาม“เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่”


“เปล่าขอรับ”เว่ยหลงส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงแม้เขาจะไม่สบายใจ แต่นี่เป็นเรื่องของเจ้านาย เขาไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่เว่ยหลงแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนจนไป๋ผูอวี้สังเกตเห็น


“พูดมา”ไป๋ผูอวี้เดินมาหยุดตรงหน้าอีกฝ่าย เจ้าตัวถอนหายใจน้อยๆ


“คุณชาย…ทำไมพักนี้ท่านถึงสนใจเสิ่นจิ้งเฟยนัก”เว่ยหลงถามเสียงแผ่ว ยังคงสีหน้าเช่นเดิมเมื่อเห็นสายตาที่แปลไม่ออกของไป๋ผูอวี้มองมา


“ข้าแค่เบื่อหน่ายเท่านั้น…คุณชายเสิ่นพอจะทำให้ข้าสนุกได้ก็เท่านั้นเอง”เขาตอบคล้ายไม่ใส่ใจ เว่ยหลงเพียงพยักหน้าไม่ถามให้มากความอีก ไป๋ผูอวี้มองผู้ติดตามด้วยความรู้สึกขบขันเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เจ้านี่คิดว่าเขาเป็นเหมือนหลี่ฮุ่ยจือที่ชมชอบบุรุษงามหรือไร แต่จะว่าไปแล้วแม้แต่ตัวเขาเองยังแปลกใจที่ความคิดของตนวนเวียนอยู่แต่กับคุณชายเสิ่น ดูท่าตนคงว่างงานเกินไปแล้ว



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 06:59:39 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด