✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 179649 ครั้ง)

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
สนุกมากกก   คือมีเรื่องให้ขำ มากที่คุณชายไป่สนอกสนใจพระรองของเรา  ลุ้นจัง

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 485
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบแนวจีนมากเลยค่ะ ติดตามๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีหนูนายเอก ดันเข้าตาพระเอกเข้าให้แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก  :z3:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอ สั้นไปหน่อย ฮือออ

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 

บทสี่:นางมารหมื่นพิษ

เสียงตีกลองบอกเวลายามเย็นดังไปทั่วฉางอัน เย็นย่ำแล้วแต่เสิ่นมู่หยางยังไม่กลับจวนเพราะมีงานเลี้ยงขุนนางในวังหลวง จวนเสนาบดีจึงสงบเงียบราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ จื่อฟางไม่กล้าออกไปด้านนอกเพราะกลัวเจอกับหลี่ฮุ่ยจือ เขารู้ว่ายังไงก็หลบไม่พ้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาเร็วเช่นนี้

“คะ คุณชาย...”บ่าวรับใช้วิ่งหน้าตื่นมาหา จื่อฟางใจหายวูบ มองสีหน้าลนลานของบ่าวรับใช้ก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ใดมา

“เสิ่นจิ้งเฟย”หลี่ฮุ่ยจือตะโกนเรียกอยู่ในลานบ้านอย่างไม่เกรงใจ จื่อฟางลนลาน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกไปรับหน้า หลี่ฮุ่ยจือเดินเอามือไพล่หลังหน้าตายิ้มแย้ม ด้านหลังตามติดมาด้วยองครักษ์ร่างใหญ่คนหนึ่ง บ่าวไพร่ในจวนไม่มีใครกล้าต่อว่าที่บุตรชายอัครเสนาบดีหลี่บุกเข้ามาเช่นนี้

“หลี่ฮุ่ยจือ เจ้ามีอะไรหรือ”จื่อฟางถามหน้าซื่อ หยางชวีใช้สายตาพิจารณาองครักษ์ของหลี่ฮุ่ยจือ แค่มองก็รู้ว่าฝีมือดี อาจจะเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ

หลี่ฮุ่ยจือหัวเราะเสียงดังเข้ามาโอบไหล่เขาอย่างสนิทสนม “อย่าทำเฉไฉ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสัญญาอะไรไว้”จื่อฟางไม่ได้ลืม แต่ไม่คิดว่าหลี่ฮุ่ยจือจะใจร้อนมาเร็ว

“ไม่ลืมๆ”เขารีบตอบ

“ข้าจะพาเจ้าไปหอเหม่ยซิ่ว วันนี้มีนางรำมาจากหลานโจว ข้าจองห้องรับรองไว้แล้ว”หลี่ฮุ่ยจือพาเสิ่นจิ้งเฟยเดินไปด้วยกัน เขารู้ว่าเจ้านี่พยายามหลีกเลี่ยงเขาตลอด วันนี้เขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆหลุดหายไปแน่ 

จื่อฟางยิ้มแห้งพยายามแย้ง “แต่ว่าพ่อข้า…”

“พ่อเจ้ากล้าว่าหรือ อีกอย่างเขาอยู่ในวังหลวง ฮ่องเต้คงไม่ปล่อยมาโดยง่าย” 

“เจ้ามากับข้า”จื่อฟางหันไปสั่งหยางชวี อย่างน้อยมีหยางชวีไปด้วยเขาจะได้เบาใจแต่หลี่ฮุ่ยจือกลับดับความหวังของเขา

“องครักษ์ของข้าฝีมือดี มีเขาก็พอแล้ว”หลี่ฮุ่ยจือปรายตามอง หยางชวีชะงักงัน ใบหน้านิ่งเฉยแต่ในใจเป็นห่วงคุณชายเสิ่น หากเกิดอะไรขึ้นมาเขาคงช่วยไม่ได้แล้ว จื่อฟางมองหยางชวีเป็นสัญญาณว่าให้แอบตามมาทีหลังก่อนเดินตามหลี่ฮุ่ยจือออกไปนอกจวน จางต้ามองตามคุณชายอย่างเป็นกังวล คุณชายของเขาต้องแย่แน่ๆ

“จะทำเช่นไรดี”จางต้าได้แต่เดินวนไปวนมา หยางชวีครุ่นคิด หอเหม่ยซิ่วหรือ…สงสัยคงต้องพึ่งนางมารนั่นแล้ว เขารีบส่งนกพิราบบอกข่าวไปยังหอเหม่ยซิ่วทันที

‘หวังว่าจะทันการ’

ในรถม้าหลี่ฮุ่ยจือไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งจ้องจื่อฟางไม่วางตาจนเขาขนลุกเกรียว ได้แต่บ่นอยู่ในใจว่ามองอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าเจ้าหื่นกามนี่คิดวางแผนอะไรอยู่ เขาได้แต่นั่งเกร็งอยู่บนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างฉลุลายก็พบว่าตรอกนี้คือตรอกซีหมาน ตรอกที่ไป๋ผูอวี้พาเขาไปร้านเถ้าแก่เถียน พูดถึงไป๋ผูอวี้แล้วเขานึกอยากให้อีกฝ่ายโผล่มา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ จื่อฟางจุงมองดูร้านรวงผ่านตาไปเรื่อยๆจนรถม้าหยุดจอดอยู่หน้าหอเหม่ยซิ่ว อักษรจีนโบราณสวยงามฝังอยู่บนแผ่นหินหน้าประตูร้าน โคมไฟฉลุลายห้อยเรียงอยู่บนเสาสูง เป็นหอคณิกาที่หรูหรามีระดับ หลี่ฮุ่ยจือเดินวางท่านำเสิ่นจิ้งเฟยเข้าไปด้านใน แม่เล้าเฟิ่งรีบมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เชิญคุณชายหลี่ทางนี้เจ้าค่ะ”นางเดินนำไปที่ชั้นสอง พาไปยังห้องส่วนตัว เขารู้ว่าบุตรชายเสนาบดีผู้นี้ชื่นชอบศิลปะดนตรี จึงตั้งใจพามาที่หอเหม่ยซิ่วที่ขึ้นชื่อว่ามีนางคณิกาชั้นสูง ถนัดร่ายรำและมีฝีมือบรรเลงดนตรีที่ยอดเยี่ยม แขกของที่นี่จึงมีแต่พวกเหล่าขุนนางและคหบดีร่ำรวย เสิ่นจิ้งเฟยยังไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบเข้ามาด้วยซ้ำ เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นเสิ่นจิ้งเฟยมองไปรอบๆด้วยความสนใจ ทำให้รู้สึกเหมือนพาสาวน้อยมาเที่ยวเล่น ต้องขอบใจสหายอย่างหลินเจียงหยงที่แนะนำ หลี่ฮุ่ยจืออารมณ์ดีมากทีเดียว

“นำสุราอู่เหลียงเย่และกับแกล้มสองสามอย่างมา”หลี่ฮุ่ยจือสั่ง มองหน้าแม่เล้าเฟิ่งอย่างมีความนัย

“เจ้าค่ะ คุณชายหลี่”นางยิ้มรับคำก่อนเดินส่ายออกไปจากห้อง จื่อฟางกวาดตามองห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เครื่องเรือนฝังมุก สุราที่หลี่ฮุ่ยจือสั่งเป็นสุราชั้นดีและรสชาติแรง จื่อฟางเคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลอง ดูท่าเจ้านี่ตั้งใจจะมอมสุราตนจริงๆ องครักษ์ของหลี่ฮุ่ยจือออกไปยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ความเป็นไปได้ที่จะหนีเท่ากับศูนย์ แล้วหยางชวีเล่า หมอนั่นจะตามมาหรือไม่

“เจ้ากังวลหรือ”หลี่ฮุ่ยจือเอ่ยถามเสียงหยอกล้อ ดึงให้คนงามนั่งลงข้างๆ

“เปล่า”จื่อฟางโกหก พยายามทำทางปลอดโปร่ง

“เจ้าเป็นคนรับปากเองว่าจะมากับข้าสองคน คิดเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”หลี่ฮุ่ยจือกระซิบบอก ระหว่างนั้นสาวงามกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง นำสุราหนึ่งไห ผักดอง เนื้อแห้งและไก่ต้มมาวางบนโต๊ะ หญิงงามรูปร่างหน้าตาโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ย่อตัวคาราวะด้วยท่าทางอ่อนช้อย นางมีใบหน้าหมดจด คิ้วโก่ง นัยน์ตาสีดำเป็นประกายเย้ายวน ริมฝีปากแดงอิ่ม

“เสวี่ยฮวาและพี่น้องมาจากหลานโจว ยินดีที่ได้รับใช้คุณชายทั้งสอง”นางชม้ายตามองเขาทีหนึ่ง ก่อนรินสุราใส่จอกสามขาให้จื่อฟางและหลี่ฮุ่ยจือที่รู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อยที่เสิ่นจิ้งเฟยมองหญิงงามนางนี้ไม่วางตา เขาจึงกระแอมเบาๆแล้วโอบไหล่ของเสิ่นจิ้งเฟยที่ร่างกายเกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เสวี่ยฮวารีบถอยไปนั่งที่มุมห้อง ก่อนจรดมือดีดสาย


เป็นท่วงทำนอง หญิงงามเริ่มร่ายรำอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูก เสียงบรรเลง


เคล้าคลอบรรยากาศ แต่จื่อฟางกลับเครียดเขม็ง

“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ สุราอู่เหลียงเย่ดื่มครบสามจอกจะช่วยให้มีกำลังวังชา มา ดื่มให้กับมิตรภาพของข้ากับเจ้า”หลี่ฮุ่ยจือยกจอกสุราขึ้นมา จื่อฟางได้แต่ทำตามแต่ไม่ยกดื่ม กลิ่นหอมเข้มของอู่เหลียงเย่แตะจมูก เขากลืนน้ำลาย เด็กหนุ่มไม่ใช่พวกคอแข็ง อย่าว่าแต่สามจอกเลย แค่สองจอกแรกก็เดี้ยงแล้ว

“ทำไมไม่ดื่ม”หลี่ฮุ่ยจือขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ

“ข้าไม่อยากเมา”จื่อฟางเอ่ยตอบ คุณชายหลี่ชักสีหน้าไม่พอใจ

“ข้าบอกให้ดื่มก็ดื่ม หรือเจ้าไม่อยากเป็นมิตรกับข้า”หลี่ฮุ่ยจือมองเขาด้วยสายตาบังคับ จื่อฟางเหงื่อตก เสวี่ยฮวาดีด


อยู่ตรงมุมห้องสบตากับเขาครู่หนึ่ง เขาได้แต่ยกจอกดื่มช้าๆ รสชาติเปรี้ยวปนหวานไหลลงคอ จื่อฟางไม่เคยดื่มเหล้าดีกรีแรงมาก่อนจึงได้แต่ยกแขนเสื้อปิดปาก พยายามปั้นหน้าให้ดูดี รีบหยิบตะเกียบคีบผักดองเข้าปากอย่างรวดเร็วแก้อาการคลื่นเหียนที่จะตามมา หลี่ฮุ่ยจือพยักหน้าพอใจ ยกจอกสุราของตนดื่มรวดเดียวหมด

“จอกที่สองเจ้ารินให้ข้า”หลี่ฮุ่ยจือสั่ง จ้องมองใบหน้าหมดจดของคุณชายที่นั่งทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ข้างๆ เสิ่นจิ้งเฟยเอื้อมมารินสุราให้เขาด้วยท่าทางไม่เป็นตัวเอง แปลก…ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณชายรูปงามผู้นี้แปลกไป ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ หลี่ฮุ่ยจือลูบมือเนียนละเอียดของอีกฝ่ายเล่น เสิ่นจิ้งเฟยชะงักเล็กน้อย ดึงมือออกอย่างแนบเนียน บุตรชายอัครเสนาบดียกยิ้ม

‘ยังไงวันนี้เจ้าก็หนีข้าไม่พ้นหรอก’

ครั้งนี้เขาวางแผนไว้แล้ว ในไหสุราใส่ผงยาปลุกกำหนัดชนิดไม่รุนแรงนัก เขารู้ดีว่าเสิ่นจิ้งเฟยมักมีความต้องการหลังดื่มสุรา อีกทั้งเขาก็ร่วมดื่มด้วยเพื่อให้เสิ่นจิ้งเฟยวางใจ ใช้ยากระตุ้นเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว นางรำที่เคลื่อนไหวอ่อนช้อยอดรู้สึกคันยุบยิบในใจไม่ได้ พวกนางเสมือนบุปผางามแต่คุณชายทั้งสองกลับไม่ชายตามองแม้แต่นิด เสวี่ยฮวาหรือชื่อจริงของนางคือซูเหลียนฮวามองเจ้าคนแซ่หลี่พยายามจับเนื้อต้องตัวเสิ่นจิ้งเฟยด้วยสายตาขบขัน หลี่ฮุ่ยจือผู้นี้ไม่เก็บอาการสักนิด แสดงออกชัดเจนว่าลุ่มหลงใบหน้างามๆของเสิ่นจิ้งเฟย

‘เสิ่นจิ้งเฟยรูปงามสมคำรำลื่อ หยางชวีเอ๋ยหยางชวี ครั้งนี้เจ้าติดหนี้ข้าแล้ว แต่จะว่าไปคุณชายของข้าก็รู้จักคนผู้นี้…’

นางก้มหน้าก้มตาดีด


อย่างเบื่อหน่าย ซูเหลียนฮวามาเป็นนางคณิกาชั้นสูงขายศิลปะไม่ขายร่างกายก็เพราะต้องการหาอะไรทำ อีกทั้งนางชอบมองบุรุษรูปงาม หอเหม่ยซิ่วจึงเป็นตัวเลือกที่ดี นางเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ฉางอันได้ไม่นาน ยามอยู่หลานโจวได้ฝึกวิชากับอาจารย์ท่านหนึ่งจนเชี่ยวชาญด้านการสกัดจุดโดยใช้เข็ม นางรับงานที่ได้ค่าตอบแทนสูงเท่านั้น ผู้คนที่หลานโจวจึงขนานนามนางว่า‘นางมารหมื่นพิษ’เพราะนอกจากสกัดจุดแล้วนางยังใช้พิษร่วมด้วย ซูเหลียน ฮวาคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงหยางชวี ตอนแรกนางไม่คิดช่วย แต่มาเห็นเสิ่นจิ้งเฟยรูปงามเช่นนี้แล้ว นางจะอยู่เฉยได้อย่างไร 

จื่อฟางถูกจ้องมองจนอึดอัด หลี่ฮุ่ยจือมือไม้ไม่อยู่นิ่ง ประเดี๋ยวก็ลูบแขน ประเดี๋ยวก็ลูบใบหน้าของเขาไม่สนใจว่ามีหญิงงามอยู่ในห้อง

“จิ้งเฟย รู้หรือไม่นางรำพวกนี้งดงามสู้เจ้าไม่ได้เลย”จื่อฟางอยากเอาหน้ามุดโต๊ะหนีให้รู้แล้วรู้รอด หลี่ฮุ่ยจือกล้าพูดออกมาได้ยังไง ไม่กระดากปากบ้างหรือ เขาหน้าแดงเพราะความโกรธและอับอาย ถูกชมว่าสวยต่อหน้านางรำพวกนี้…จะให้เขาดีใจหรือ คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยก็คงไม่ชอบเช่นกัน เกิดมาเป็นชายซะเปล่าเหตุใดถึงได้หน้าตาเช่นนี้ จื่อฟางก่นด่าอยู่ในใจ แต่หลี่ฮุ่ยจือกลับคิดว่าเขาเขินอายกับคำเกี้ยวจึงหัวเราะฮ่าๆรินสุราให้เป็นจอกที่สาม แต่จื่อฟางมึนหัวและรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เหมือนวันที่ร่ำสุรากับเสิ่นมู่หยาง หรือว่า...จื่อฟางหน้าซีด

“เร็วเข้า อีกจอกเดียวเจ้าก็คึกคักแล้ว”เจ้าตัวหื่นกามคะยั้นคะยอให้เขาดื่มอีก

“หลี่ฮุ่ยจือ ข้ามึนหัวแล้ว พอก่อนดีกว่า”จื่อฟางผลักจอกสุราออกไป แต่หลี่ฮุ่ยจือกลับบีบคางของตน พยายามกรอกสุราเข้าปากของเขาให้ได้ สุราในจอกจึงไหลเข้าปากเขาครึ่งหนึ่ง หกเลอะเทอะเปื้อนเสื้อครึ่งหนึ่ง หลี่ฮุ่ยจือถลึงตาใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างโมโห

“เหตุใดเจ้าไม่เชื่อฟังข้าเหมือนแต่ก่อน”เขาหงุดหงิดนัก 

“ข้าเปลี่ยนไปแล้ว”เสิ่นจิ้งเฟยตอบเสียงสั่น ท่าทางเหมือนอยากอาเจียน เขาจึงปล่อยมือ เสิ่นจิ้งเฟยฟุบตัวไปด้านข้าง ไอสองสามที หลี่ฮุ่ยจือขยับเข้าไปดูว่ายาออกฤทธิ์หรือยังเพราะเขาเองก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาแล้ว

“จิ้งเฟย”หลี่ฮุ่ยจือเรียกลูบแผ่นหลังของอีกฝ่ายเบาๆ จื่อฟางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้สมองแจ่มใสอารมณ์พลุ่งพล่านผิดปกติ ทั้งยังมึนหัวมากกว่าเดิม ไม่ได้การ เขาควรคิดหาทางออก ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ หลี่ฮุ่ยจือดึงร่างของเขามาโอบไหล่อีกครั้ง จื่อฟางขบฟัน ร่างกายของเขาเหมือนถูกความร้อนหลอมละลายจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง 

“เจ้าเมาแล้วหรือ”หลี่ฮุ่ยจือกระซิบถามใกล้ใบหู ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ใกล้ๆทำให้เขารู้สึกหวาบหวิวในท้องน้อย จื่อฟางเอนตัวออกห่างคุณชายหลี่ เสียงดีด


เร่งจังหวะขึ้นเล็กน้อย นางลอบมองคุณชายทั้งสองด้วยสายตาคมปลาบ

“พวกเจ้าออกไปให้หมด”หลี่ฮุ่ยจือไล่ ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว เสิ่นจิ้งเฟยนอนฟุบอยู่บนพื้น ใบหน้าแดงก่ำ เขาเอื้อมไปดึงผ้าคาดเอวของอีกฝ่ายออก จื่อฟางถลึงตาใส่ เจ้าบัดซบนี่!พวกนางรำรับคำก่อนรีบเคลื่อนกายออกไปจากห้อง พวกนางเองก็ไม่อยากอยู่ดูฉากพลอดรักของคุณชายสองคนเช่นกัน

“ดะ เดี๋ยวก่อน…”จื่อฟางร้องเรียก เมื่อเห็นเสวี่ยฮวากำลังจะออกไป นางเพียงขยิบตาให้เขาแล้วจากไป หลี่ฮุ่ยจือหัวเราะในลำคอ โน้มใบหน้ามาหมายจะจูบแต่เขาเบือนหน้าหลบ ริมฝีปากของหมอนี่จึงโดนแก้มเขาแทน

“ปล่อย…”เขากัดฟันพูด

“ปล่อยหรือ หึๆ เจ้าต้องการขนาดนี้ข้าจะปล่อยได้ไปได้อย่างไร”หลี่ฮุ่ยจือตอนนี้มีสีหน้าหื่นกามสุดๆ โถมร่างมากอดรัดจื่อฟาง เขาพยายามออกแรงดิ้น แต่ก็เสียเปล่ากลับยิ่งทำให้เขาเหนื่อยกว่าเดิม หลี่ฮุ่ยจือดึงเสื้อของเขาออก จนท่อนบนเปลือยเปล่า จื่อฟางร้องกรี๊ดได้คงทำไปแล้ว

“เจ้าอดทนได้ดีกว่าที่ข้าคิด”ร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบนพรมจูบตามแผ่นอกผอมบาง จื่อฟางขนลุกเกรียว บทของเสิ่นจิ้งเฟยเปลืองตัวเกินไปแล้ว

ทันใดนั้นเอง ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างไม่ได้สติขององครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องหล่นกองกับพื้น หญิงงามนามว่าเสวี่ยฮวาก้าวตามเข้ามาก่อนปิดประตูตามหลัง

“เจ้า--”

“ขออภัยจริงๆคุณชายที่ขัดจังหวะ”นางหุบยิ้ม ก่อนเคลื่อนตัวมาหาหลี่ฮุ่ยจืออย่างรวดเร็ว จื่อฟางเบิกตาโตเมื่อเห็นฝามือของนางสะบัดว่องไว เข็มเงินเล่มเล็กจิ้มเข้าที่จุดโหวเอี้ยน  ของหลี่ฮุ่ยจืออย่างแม่นยำ ไม่กี่นาทีต่อมา หลี่ฮุ่ยจือก็สลบเหมือด ร่างหนักๆทับอยู่บนตัวจื่อฟาง เขาเบิกตากว้าง เกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่

“ข้าชื่อซูเหลียนฮวา”ท่าทางงามชดช้อยของนางหายวับไป อะไรนะ พอเห็นอย่างนี้เขาก็จำได้ ตรงกับที่นิยายบรรยายไว้ ตัวละครที่เขาเกือบลืมไปแล้ว เพราะวันที่เขาอ่านนิยายเขาง่วงมากจึงเลิกอ่าน และนั่นก็คือบทของนางที่เขาอ่านไม่จบ

“ซูเหลียนฮวา…นางมารหมื่นพิษหรือ…”จื่อฟางพึมพำเบาๆ รู้สึกขนลุกวูบวาบ แล้วนางโผล่มาตอนนี้ได้ยังไง

“ท่านรู้จักข้า?”นางขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าชื่อเสียงของนางเลื่องลือมาถึงฉางอันด้วย

“...ท่าน…ช่วย…”เขารวบรวมคำพูดอย่างยากลำบาก ตั้งใจจะบอกว่าให้เอาหลี่ฮุ่ยจือที่สลบไม่ได้สติออกไปจากตัวเขาก่อน   

“ท่านว่าอะไรนะ”นางก้มมองเขาด้วยดวงตาพราวระยับ จื่อฟางปากคอแห้งผากรู้สึกว่านางอันตรายมาก

“อยากให้ข้าช่วยถอนฤทธิ์ยาให้หรือ”นางเอ่ยถามเสียงหยดย้อย จื่อฟางใจเต้นระรัว ถอนฤทธิ์ยา…เขากลืนน้ำลายเอื๊อก

“เจ้าทำอะไรเขา”จื่อฟางพยายามดันร่างของหลี่ฮุ่ยจือออก แต่กลับไร้เรี่ยวแรง ซูเหลียนฮวายืนมองเหมือนเห็นเรื่องสนุก

“แค่ทำให้สลบไปเท่านั้น”นางเพียงตอบอย่างไม่ใส่ใจ จื่อฟางมองนางอย่างหวาดหวั่น แม้แต่องครักษ์ของหลี่ฮุ่ยจือก็พลาดท่าให้กับนางหรือ ถึงจะดีใจที่รอดพ้นเงื้อมมือหลี่ฮุ่ยจือ แต่ถ้าหากมันกลายเป็นเรื่องใหญ่เล่า ซูเหลียนฮวายิ้มราวกับคาดเดาความคิดของเขาออก

“เจ้าคิดว่าคนอย่างหลี่ฮุ่ยจือจะกล้าเอาเรื่องหรือ เรื่องที่เขาวางยาเพื่อหลับนอนกับเจ้าหลุดออกไป ข้าไม่คิดว่าอัครเสนาบดีหลี่จะพอใจ อีกอย่างเขาคงขายหน้าขนาดวางยาเจ้าแล้วยังทำไม่สำเร็จ”นางหัวเราะเบาๆ ท่าทางร้ายกาจ แต่ที่นางพูดก็มีเหตุผล

“หยางชวีรู้จักข้า”ซูเหลียนฮวาเอ่ยอีกครั้ง จื่อฟางพลันเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ครั้งนี้เขารอดได้อย่างหวุดหวิดจริงๆ ประตูห้องรับรองเปิดอีกครั้ง จื่อฟางหันไปมองก็เห็นไป๋ผูอวี้ก้าวเข้ามาด้านในด้วยใบหน้าราบเรียบ ผู้มาใหม่กวาดสายตามองเหตุการณ์ตรงหน้า เหมือนใช้เวลารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในห้องคล้ายมีลมเย็นพัดเข้ามา

“คุณชายไป๋”ซูเหลียนฮวากลับมามีท่าทางสำรวมเหมือนหญิงงามอีกครั้ง จื่อฟางมองไป๋ผูอวี้ตาโต รู้จักกันด้วยเหรอ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ไป๋ผูอวี้เดินตรงมาหาเขา ดันร่างของคุณชายหลี่ที่ไม่ได้สติออก เมื่อพบว่าท่อนบนของจื่อฟางไม่มีสิ่งใดปกปิดอยู่อีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วก่อนนั่งลงจัดเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มให้เข้าที่เข้าทาง อยู่ ๆจื่อฟางก็ร้องครางออกมาเบาๆเพราะสัมผัสนั้น ไป๋ผูอวี้ชะงักมือที่วางอยู่บนไหล่ของเขา จื่อฟางหน้าแดงก่ำอับอายจนไม่กล้ามองหน้าผู้ใด น่าอายจริงๆ ทนมาได้ตั้งนาน ทำไมถึงมาหลุดเอาตอนนี้

“ข้าเชื่อว่าเจ้ามียาถอนพิษอยู่กับตัว”ไป๋ผูอวี้หันไปพูดกับซูเหลียนฮวาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางนับได้ว่าเป็นศิษย์น้องของเขา ที่หลานโจวเขามีอาจารย์อยู่คนหนึ่งคอยสอนหนังสือและวรยุทธ์ให้ นางเป็นศิษย์น้อง เว่ยหลงเป็นศิษย์รอง   

ซูเหลียนฮวายกยิ้ม “เสิ่นจิ้งเฟยโดนยาปลุกกำหนัดชนิดไม่แรงนัก แค่หาหญิงสาวมาถอนฤทธิ์ยาให้เขาก็พอแล้ว”นางตอบพลางมองเสิ่นจิ้งเฟยไม่วางตา

“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร”ไป๋ผูอวี้กวาดตามองเสิ่นจิ้งเฟยที่นอนตัวงออยู่บนพื้น คุณชายท่านนี้เป็นอะไรไปอีก

“หากเขาถูกยาแรงจริง คงกระโดดใส่หลี่ฮุ่ยจือไปนานแล้ว”คำพูดของหญิงงามทำให้ไป๋ผูอวี้มีสีหน้าแปลกพิกล แต่นางก็พูดถูกจื่อฟางแค่อารมณ์พลุ่งพล่าน ร่างกายร้อนรุ่มมากกว่าปกติเท่านั้น 

“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”จื่อฟางเอ่ยถามเสียงอ่อนเพลีย แต่ก็รู้สึกดีใจที่ไป๋ผูอวี้โผล่มา

“ข้าผ่านมาแถวนี้พอดี”ไป๋ผูอวี้ตอบสั้นๆ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เขาเพียงมาคุยกับสหายใกล้ๆกับหอเหม่ยซิ่วเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเจอเสิ่นจิ้งเฟยกับหลี่ฮุ่ยจือมาด้วยกัน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่คุณชายเสิ่นกลับมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาจึงนึกสงสัย สหายของเขาบอกเพียงว่าเหตุการณ์ที่ตรอกซีหมานคราวก่อนเสิ่นจิ้งเฟยตกลงมาเที่ยวกับหลี่ฮุ่ยจือ ไป๋ผูอวี้ได้แต่คิดว่าคุณชายเสิ่นบ้าไปแล้วหรือ คิดสิ่งใดอยู่ หลังจากการพบเจอกับสหายจบลง เขาก็เจอกับหยางชวีผู้ติดตามของเสิ่นจิ้งเฟย คนผู้นั้นยอมออกปากขอความช่วยเหลือจึงได้รู้ว่าซูเหลียนฮวามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

นางเป็นศิษย์น้องของเขา บุรุษหนุ่มจึงรู้ดีว่านางมีนิสัยแปลกประหลาด หากชอบบุรุษคนไหนแล้วนางจะใช้วิชาสกัดจุดจับหิ้วกลับเรือนทันที เสิ่นจิ้งเฟยเป็นบุรุษรูปงาม น่าจะเข้าตานาง เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องยุ่ง จึงตามมาดู ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเข้ามาเจอเสิ่นจิ้งเฟยในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเช่นนี้ 

“ข้าจะพาท่านกลับจวน”ไป๋ผูอวี้ไม่รอช้าคว้าตัวเสิ่นจิ้งเฟยพาดบ่าทันที ‘ตัวเบาเช่นนี้ สกุลเสิ่นไม่มีข้าวให้เจ้ากินหรือ’ไป๋ผูอวี้คิดอยู่ในใจ จื่อฟางเม้มปากเมื่อได้กลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่าย กลิ่นชาอ่อนๆ ‘หอมมาก’ รู้สึกว่าอยากสูดดมยิ่งนัก เขารีบสั่นศีรษะไปมาทันที คิดอะไรอยู่เนี่ย 

“ข้าเป็นคนช่วยเขาไว้ เขาต้องเป็นของข้าสิ”ซูเหลียนฮวาเอ่ยหลังจากเฝ้าดูอยู่นาน นางแค่เพียงแกล้งพูดไปเช่นนั้น นางไม่เคยเห็นคุณชายไป๋เอาตัวมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น โดยเฉพาะเสิ่นจิ้งเฟยผู้นี้ ช่วงที่นางอยู่หลานโจว ศิษย์พี่รองมักเขียนจดหมายมาบ่นให้นางฟังเสมอว่ามีคุณชายไม่เอาไหนคนหนึ่งมาก่อกวนโรงน้ำชาหลิวซื่อบ่อย ๆ แต่คุณชายไป๋กลับช่วยเขา แสดงว่าไม่ได้เห็นเสิ่นจิ้งเฟยเป็นศัตรู

“ของเจ้าหรือ? เจ้าเป็นหญิง พูดจาเช่นนี้ไม่เหมาะ”ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้ว สีหน้าซับซ้อนแปลไม่ออก

“ไม่ใช่ของข้าก็ได้ แต่ข้าหมายตาเขาไว้แล้ว”ซูเหลียนฮวายิ้มกว้าง คุณชายไป๋ช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย 

“เจ้าชมชอบบุรุษที่ไม่ใช่บุรุษเช่นนี้ด้วยหรือ”ไป๋ผูอวี้กล่าว

“ไป๋ผูอวี้…”จื่อฟางพลันโกรธ กล้าดียังไงมาว่าเขา บุรุษที่ไม่ใช่บุรุษเหรอ ดูถูกกันเกินไปแล้ว

“เจ้าจัดการที่เหลือก็แล้วกัน”ไป๋ผูอวี้ออกคำสั่ง นางจึงแสร้งย่อกายคาราวะด้วยท่าทางอ่อนช้อย ไป๋ผูอวี้ไม่ได้พาเขาออกไปทางประตู แต่เดินไปที่หน้าต่างแทน จื่อฟางเบิกตากว้างเริ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

“จะกระโดดลงไปเหรอ นี่มันชั้นสองนะ”เขาพึมพำไม่มีแรงโวยวายแล้ว เด็กหนุ่มหันไปเห็นซูเหลียนฮวาออกแรงอุ้มหลี่ฮุ่ยจือด้วยท่าทางทะมัดทะแมงก็ได้แต่จ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“ด้านนอกยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่ฮุ่ยจือ อีกอย่างท่านคงไม่อยากออกไปด้วยสภาพเช่นนี้กระมัง”บุรุษหนุ่มเอ่ยพูดพลางเปิดบานหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกดำสนิท เขากวาดตามองอย่างระมัดระวังพบว่าในตรอกใกล้ๆไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาจึงเตรียมตัวกระโดดลงไป จื่อฟางรีบหลับตาทันที รับรู้ว่าไป๋ผูอวี้กระโดดลงไปด้วยความชำนาญ สายลมพัดผ่านใบหน้า รับรู้ว่าเท้าของไป๋ผูอวี้สัมผัสกำแพงของหอเหม่ยซิ่วอย่างนุ่มนวล จื่อฟางจึงลืมตาเมื่อรู้สึกว่าลงมาอยู่บนพื้นดินแล้ว ไป๋ผูอวี้มีสมกับเป็นพระเอกจริง ๆ เทียบกับเสิ่นจิ้งเฟยแล้วคนละชั้นกันเหลือเกิน คนเขียนนิยายเรื่องนี้ลำเอียงเกินไปแล้ว ไป๋ผูอวี้โผล่ทีไรต้องได้ฉากเท่ๆทุกที เขาเงยมองหน้าต่างของหอเหม่ยซิ่ว ซูเหลียนฮวามองส่งก่อนปิดหน้าต่าง

“ท่านไม่ควรออกมากับหลี่ฮุ่ยจือ ถ้าหากไม่ได้ซูเหลียนฮวา ท่านจะเป็นเช่นไร”เจ้าโง่ขนาดนี้เลยหรือ เขาคิดอยู่ในใจ เดินนำร่างของคุณชายเสิ่นไปที่รถม้าคันเล็กที่จอดรออยู่ในตรอก

“ข้าไม่มีทางเลือก”จื่อฟางเถียง เพราะน้ำเสียงของไป๋ผูอวี้เหมือนกำลังตำหนิตนอยู่ อากาศเย็นๆด้านนอกยิ่งทำให้ร่างกายของจื่อฟางร้อนระอุ ไปผูอวี้เดินมาถึงรถม้า

ตุบ

เขาวางเสิ่นจิ้งเฟยลงบนพื้นรถอย่างไม่เกรงใจ ไปผูอวี้เคาะผนังบอกคนขับรถม้าให้ออกตัว จื่อฟางเจ็บตัวไปหมด ได้แต่กัดฟันกรอดๆ ไปผูอวี้ให้เขานั่งพื้นเหมือนบ่าวไพร่ชัดๆ แต่รถม้าคันนี้แคบมาก เขาจึงไม่ได้ขยับไปนั่งบนที่นั่ง รถม้าแล่นโขยกเขยกไปตลอดทาง เขารู้ว่าฤทธิ์ยายังไม่ได้ถูกขับออกจากร่างกายจึงนั่งงอตัวป้องกันไม่ให้มีเรื่องน่าอายเกิดขึ้น ยังดีที่หลี่ฮุ่ยจือไม่ได้ใช้ยารุนแรง ไม่เช่นนั้นเรื่องราวคงเปลี่ยนแน่ๆ พูดถึงหลี่ฮุ่ยจือ คนผู้นั้นจะว่าอย่างไรหากตื่นมาเจอองครักษ์ตัวเองนอนสลบอยู่ในห้อง 

“ท่านทรมานมากหรือ”ไป๋ผูอวี้ถาม จ้องมองเสิ่นจิ้งเฟยที่นั่งงอตัวเอาหน้าซุกเข่าเหมือนเจ็บปวดหนักหนา ร่างนั้นไม่ตอบ

“ข้ามีวิธีทำให้ท่านหาย”ไป๋ผูอวี้เอ่ยช้าๆ จื่อฟางหันมองอย่างงุนงง

“ท่านหมาย…”ไป๋ผูอวี้ไม่รอให้อีกฝ่ายพูด เอื้อมมือไปบีบส่วนนั้นของร่างบางเต็มแรง

 “อ๊ากกกก”เสียงร้องของเสิ่นจิ้งเฟยดังลั่นรถม้า ทำเช่นนี้คงไม่รู้สึกอะไรแล้วกระมัง เขายิ้มด้วยความขบขัน

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”จื่อฟางหน้าแดงก่ำหันไปด่าอย่างเจ็บปวด ถ้าหากใช้การไม่ได้อีกจะทำอย่างไร! ไป๋ผูอวี้เพียงหลับตานั่งนิ่งเป็นท่อนไม้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กว่าจะถึงจวนเสนาบดีเขาก็ก่นด่าไป๋ผูอวี้อยู่ในใจจนนับไม่ถ้วน

“คุณชาย!”จางต้าวิ่งมาหาเมื่อเห็นรถม้าจอดอยู่หน้าจวน แปลกใจอยู่บ้างที่เห็นไป๋ผูอวี้ยืนอยู่ด้วยใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ บุรุษหนุ่มชี้ไปด้านใน จางต้าจึงเปิดบานประตูรีบเข้าไปหาคุณชายเสิ่นที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสภาพที่ดูไม่ดีนัก ทำให้บ่าวคนสนิทถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่

“คะ คุณชาย ไยท่านเป็นเช่นนี้ ท่านโดนหลี่ฮุ่ยจือเปิดบริสุทธิ์แล้วหรือ”

“เจ้าบ้า!”จื่อฟางถลึงตาใส่ อยากเตะจางต้าให้กระเด็น ดูพูดเข้าสิ

“พาข้าเข้าไปในจวน”เขาโกรธจนพูดไม่ออก จางต้าพยักหน้ารัวๆ

“ข้าว่า…”เขากำลังจะบอกว่าขี่หลังสะดวกกว่าแต่จางต้ารีบคว้าตัวเขาพาดบ่า คนพวกนี้เห็นเขาเป็นกระสอบข้าวแล้วหรือ

“คุณชายไป๋ ขอบคุณท่านมาก”จางต้านำคุณชายลงมาจากรถม้า ไป๋ผูอวี้เพียงพยักหน้าเท่านั้น สีหน้ายังคงเป็นเช่นเดิม จื่อฟางเงยมองเห็นว่าแววตาของไป๋ผูอวี้มีแววขบขัน ก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ จางต้าพาเขาเข้ามาในห้อง ตอนนี้จื่อฟางรู้สึกอ่อนเพลียและยังเจ็บที่ส่วนนั้นอยู่บ้าง ไป๋ผูอวี้นะไป๋ผูอวี้ เห็นเขาเป็นตัวตลกหรือไง   

“หยางชวีไปไหน”จื่อฟางถามเมื่อไม่เห็นผู้ติดตามหน้านิ่งที่ปกติจะต้องมายืนขมวดคิ้วใส่เขาแล้ว หรือจะไปคุยกับซูเหลียนฮวา   

“เขาออกไปนอกจวนยังไม่กลับมาเลยขอรับ”จางต้าช่วยคุณชายถอดชุด กวาดตาสำรวจดูว่าคุณชายมีร่องรอยผิดปกติอะไรหรือไม่นอกจากกลิ่นสุราแล้วก็ไม่มีสิ่งใด บ่าวไพร่ในเรือนรีบยกถังน้ำเข้ามา 

“ท่านพ่อยังไม่กลับหรือ”จื่อฟางเอ่ยถาม รีบลงไปแช่น้ำ สาวใช้นามว่าอี้เหมยเข้ามาปรนนิบัติตามปกติ ตอนนี้จื่อฟางสงบลงแล้ว น้ำเย็นๆช่วยให้เขาผ่อนคลาย จางต้าอยู่นอกฉากกั้นระหว่างที่ตอบคำถามของคุณชาย 

“คืนนี้นายท่านไปค้างคืนที่จวนใต้เท้าเฉินฉางเซียงขอรับ”

“ใต้เท้าเฉินฉางเซียง…”จื่อฟางทวนอย่างนึกไม่ออก ใครอีกเนี่ย

“ท่านลืมแล้วหรือ ใต้เท้าเป็นสหายเก่าของท่านปู่ของคุณชาย เขาอาศัยอยู่นอกเมืองเคยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นในราชสำนักมาก่อน นายท่านอยากให้เขามาช่วยสอนหนังสือท่าน”

“อ้อ…เช่นนี้เอง”เขาเอนพิงถังน้ำ จ้องหน้าสาวใช้จนนางหน้าแดงก่ำ จื่อฟางยังปวดส่วนนั้นอยู่ ไม่มีอารมณ์แล้ว อีกอย่างเขาจะไม่เรียกสาวใช้ในเรือนมาปรนนิบัติ เขาจึงโบกมือไล่นางออกไป จุ่มหน้าลงไปน้ำเย็นๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อนึกอะไรออก

“จางต้า”เขาเรียก

“คุณชายมีอะไรหรือ”เสียงของบ่าวใช้ยังดังอยู่นอกฉากกั้น

“เจ้าแน่ใจนะว่าท่านพ่อไม่ได้แอบเลี้ยงดูอนุนอกบ้าน”อยู่ๆก็กลัวขึ้นมา

“คุณชายไยคิดเช่นนั้น….”แต่น้ำเสียงของจางต้ามีบางอย่างที่ทำให้จื่อฟางไม่สบายใจ จริงๆแล้วเขากลัวมาก กลัวว่าเสิ่นมู่หยางจะแอบมีอนุ หากเสนาบดีเสิ่นอยากได้บุตรชายอีกคนขึ้นมาเล่า จะเป็นเช่นไร บุตรชายไม่ได้เรื่องอย่างเสิ่นจิ้งเฟยจะตกกระป๋องหรือไม่

“คุณชายอย่าคิดมากเลยขอรับ นายท่านรักเอ็นดูคุณชายมาก…ท่านคงไม่รู้ ใต้เท้าเฉินเป็นคนคุยยาก นายท่านกลับแวะไปหาบ่อยๆก็เพราะอยากได้เขามาเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้คุณชาย”จางต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จื่อฟางถอนหายใจ เขาเคยคิดว่าแค่ใช้ชีวิตในโลกนี้ไปเรื่อย ๆโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว เขาจะได้กลับไปโลกเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้ หากต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอด เขาก็ต้องวางแผนให้ดีว่าจะเอายังไงกับชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:58:10 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 

~•~

เช้าวันรุ่งขึ้นจื่อฟางป่วยนอนซมอยู่บนเตียงเพราะเมื่อวานแช่น้ำเย็นนานไปหน่อย ท่านหมอกู้ผู้ประจำสกุลเสิ่นมาตรวจดูอาการของเขา ให้ยาถอนพิษเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดยังค้างอยู่ในร่างกาย แถมยังห้ามเขาแตะต้องจื่อฟางน้อยไปสักพักเพราะมีอาการบวมจากแรงบีบของไป๋ผูอวี้ เจ้านั่นทำกับเขาแสบมาก!

“ท่านหมอกู้ ท่านแค่บอกท่านพ่อก็พอว่าข้าป่วย เข้าใจหรือไม่ ถือว่าข้าขอ”จื่อฟางไม่อยากให้เสิ่นมู่หยางรู้ว่าหลี่ฮุ่ยจือวางยาตน เรื่องเมื่อคืนจึงสั่งบ่าวไพร่ในจวนห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปเด็ดขาด

“คุณชาย ข้าเองก็ลำบากใจ”ท่านหมอถอนหายใจ หยางชวีที่ยืนฟังมานานจึงพูดจาขู่ไปเล็กน้อย ท่านหมอถึงได้ยอมตกลงรับปาก หมอกู้ออกไปได้ไม่นานเสิ่นมู่หยางก็เข้ามาดูด้วยใบหน้ากังวล

“ข้าแค่เป็นไข้หวัดธรรมดา ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก”จื่อฟางพูดให้เสิ่นมู่หยางคลายใจ ทั้งๆที่ต้นเหตุจริงๆไม่ได้ป่วยเพราะไข้หวัด 

“ข้าไปคุยกับใต้เท้าเฉินมาแล้ว อีกสองวันเขาจะมาสอนเจ้าและพักอยู่ที่จวนชั่วคราว เจ้าต้องทำตัวให้ดีเข้าใจหรือไม่ กว่าข้าจะเกลี้ยกล่อมใต้เท้าได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังอีกล่ะ”เสิ่นมู่หยางมองบุตรชายที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง เดิมทีเสิ่นจิ้งเฟยก็มีร่างกายบอบบางอยู่แล้ว พอป่วยจึงยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูซีดเซียวไปทันตา ทั้งที่วันก่อนยังดูมีน้ำมีนวลอยู่เลย

จื่อฟางมองใบหน้าอิดโรยของเสิ่นมู่หยางแล้วก็ได้แต่เห็นใจ “ได้ ข้าจะตั้งใจ ไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังแน่นอน”เขาพูดให้เสนาบดีเสิ่นมั่นใจ ถึงไม่รู้ว่าสมองของเขาจะรับความรู้ได้แค่ไหน เสิ่นมู่หยางกำชับจางต้าและหยางชวีให้ดูแลเขาให้ดี หยางชวีรู้สึกผิดมากที่ต้องโกหกนายท่านเรื่องคุณชาย แต่ครั้งนี้คุณชายเสิ่นพูดถูก คุณชายเสิ่นกลัวว่านายท่านจะพลอยมีปัญหากับอัครเสนาบดีหลี่ไปด้วย หยางชวีแปลกใจนักที่เสิ่นจิ้งเฟยคิดได้เช่นนี้

อีกเรื่องที่เขากังวลคือนางมารหมื่นพิษซูเหลียนฮวา นางยอมช่วยคุณชายเสิ่น แสดงว่านางคงถูกใจคุณชายเข้าแล้ว หยางชวีเคยรู้จักกับนางมาระยะหนึ่งตอนที่ติดตามศิษย์พี่หานตงไปหลานโจวเมื่อปีกลาย เขากลุ้มใจแทนคุณชายนัก ทั้งเรื่องซูเหลียนฮวาและหลี่ฮุ่ยจือ แต่ฝ่ายนั้นคงไม่กล้าเข้ามายุ่งไปสักระยะ   

จื่อฟางไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้องจึงไปนั่งวาดภาพอยู่ที่ศาลาในสวน วันนี้เขาตั้งใจวาดภาพนกกระเรียนหนึ่งตัวในหมู่ต้นสนลงบนพัดกระดาษ เพื่อเป็นคำขอบคุณสำหรับไป๋ผูอวี้ ถึงแม้ยังเหม็นหน้า แต่เรื่องที่ต้องขอบคุณก็ต้องขอบคุณ ส่วนซูเหลียนฮวา…นางเป็นคนที่แปลกมาก ยามนี้นางไม่ได้เป็นหญิงคณิกาของหอเหม่ยซิ่วแล้ว แต่นางย้ายไปอยู่หอผูเยว่แทน   

“คุณชายฝีมือเยี่ยมมาก”จางต้าเอ่ยชมระหว่างที่ฝนหมึกให้เขา คุณชายเขียนตัวอักษรประหลาดๆลงบนพัดใต้รูปวาดเหมือนเป็นการลงชื่อ แต่บ่าวคนสนิทไม่เคยเห็นตัวอักษรเช่นนี้มาก่อน หยางชวียืนมองอยู่เงียบๆเช่นเคย คุณชายมีฝีมือในการวาดภาพพู่กันจีน แต่ยังไงตนก็ไม่เคยเห็นคุณชายแตะ


  หยางชวีไม่กล้าถามจึงทำเป็นลืมเรื่องคราวก่อนไป แต่สักวันเขาต้องหาคำตอบให้เจอ

จื่อฟางวางพู่กันลง เขาเขียนชื่อของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษลงลายเซ็นใต้ภาพไปด้วย ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดอ่านออก เขาเป่าหมึกให้แห้ง ก่อนวางพัดลงในกล่อง ชะงักไปเล็กน้อย คิดไปคิดมา ใช่ว่าใส่ใจเกินไปหรือไม่

“หยางชวี ให้ห้องครัวหาชาชั้นดีส่งไปที่โรงน้ำชาหลิวซื่อก็พอ”จื่อฟางได้แต่ถอนหายใจ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 07:58:30 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ชีวิตนายเอกช่างยากจริง
ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มาต่อแล้ว ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นที่ถูกใจใครหลายคนจริงๆน้าาา เนื้อหอมนะเรา 5555555
รอติดตามนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
บทพระรองหรือบทนายเอกจ๊ะ o18 แหมมม นึกว่าโดนยาปลุกกำหนัดเข้าไปพระเอกจะช่วยถอนฤทธิ์ยาโดยใช้เรือนร่างตัวเองที่ไหนได้บีบ...ซะระบมเลย :laugh: โหดร้ายมาก

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 485
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อยากอ่านเยอะๆจังเลยยยย สนุกค่า

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อยากอ่านเยอะๆๆๆๆ  ขอแบบรัวๆ o13

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอตอนต่อไปค่ะ^^

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เริ่มจะไม่ชอบไป๋แล้ว มาบีบชายน้อยของฟางได้ลงคอ  :m16:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เรื่องนี้สนุกมากค่ะอ่านวางไม่ลงเลย ขำวิธีถอนพิษกำหนัดบีบจนจุกเลยอ่ะ 5555  นี่ไม่ใช่พระรองแลนนายเอก เป็นที่หมายปองซะเหลือเกินนน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกมากกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สงสาร.....จื่อฟางน้อย.....
ตอนที่โดนไป๋บีบ คงใหญ่แล้วละ  :hao5: :sad4:  :o12:
โถๆๆๆ.......จื่อฟางต้องบีบไป๋น้อยเอาคืนบ้างนะ จะได้แฟร์ๆ
อยากอ่านต่ออีกแล้ว  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
บทห้า:ไม่เป็นไปตามบท! (อะไรนะ?)



สองวันที่เหลือก่อนที่เฉินฉางเซียงจะมาสอนหนังสือ จื่อฟางจึงถือโอกาสใช้เวลาว่างนั่งรถม้าตระเวนไปตามถนนตรอกซอกซอยสำคัญๆเพื่อเขียนแผนที่เมืองไว้ แม้จางต้าและหยางชวีจะไม่เข้าใจว่าคุณชายทำไปเพื่ออะไรแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามเพราะพวกเขาเริ่มชินกับนิสัยแปลกๆของคุณชายไปแล้ว รถม้าแล่นมาถึงโรงน้ำชาหลิวซื่อทำให้จื่อฟางนึกถึงไป๋ผูอวี้ขึ้นมา เขาจึงตะโกนบอกคนขับรถม้าอย่างไม่ทันได้คิด

“จอดก่อน”

“คุณชาย…?”หยางชวีเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสิ่นจิ้งเฟยนิ่งไปเล็กน้อยก่อนยกยิ้ม

“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าเห็นข้าเป็นตัวก่อเรื่องหรือ”จื่อฟางขมวดคิ้วใส่ เขาแค่แวะมาหาไป๋ผูอวี้เท่านั้น

“ข้าเชื่อท่านได้แค่ไหนกัน”จางต้าพึมพำเสียงอ่อย คนทั้งฉางอันก็เห็นท่านเป็น‘ตัวก่อเรื่อง’ทั้งนั้น เขาได้แต่คิดอยู่ในใจ แต่ยังมีหยางชวีหากเกิดเรื่องก็ให้เจ้านั่นรับผิดชอบก็แล้วกัน

“คุณชายเสิ่น ข้าน้อยกลัวว่า…”หยางชวีเอ่ยแทรกด้วยท่าทางลำบากใจ แค่ปกปิดนายท่านเรื่องหลี่ฮุ่ยจือเขาก็รู้สึกผิดมากแล้ว จางต้าได้แต่ส่งสายตาให้หยางชวียอมๆคุณชายไปเถอะ

‘ดูนายบ่าวคู่นี้….’หยางชวีถอนหายใจ จื่อฟางเลิกม่านมองออกไปเห็นเว่ยหลงยืนอยู่หน้าร้าน เมื่อเห็นเขามองมาจากในรถม้าเจ้าตัวก็ตีหน้าเรียบเฉย ผู้คนที่เดินสวนไปมาต่างก็คิดว่าวันนี้จะได้ชมเรื่องสนุกอีกหรือไม่ คุณชายเสิ่นมาที่โรงน้ำชาหลิวซื่อทีไรเป็นต้องหาเรื่องสกุลไป๋ทุกทีทั้งที่มักจะแพ้กลับไปเสมอ จื่อฟางยิ้มอย่างรู้สึกขำที่เห็นเว่ยหลงทำท่าทีเช่นนั้น เขาปิดม่านแต่ก่อนที่จะลงจากรถม้าก็หันไปถามหยางชวีเหมือนเพิ่งนึกได้   

“เจ้ากับเว่ยหลงต่างก็มีฝีมือด้วยกันทั้งคู่ หากสู้กันใครเป็นฝ่ายชนะหรือ”จากสายตาของจื่อฟาง ทั้งคู่มีจุดได้เปรียบต่างกัน เว่ยหลงตัวใหญ่แข็งแรง หยางชวีคล่องแคล่วว่องไว

ดูเหมือนคำถามของเขาจะยากเกินไปเพราะหยางชวีเงียบไปนานก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ “ตอบยากขอรับ แต่ข้าน้อยคิดว่าสูสี”หยางชวีไม่จำเป็นต้องบอกว่าเคยประมือกับเว่ยหลงมาแล้วเมื่อตอนปีนั้นที่ไปหลานโจว ครั้งก่อนเขาแพ้ก็เพราะนางมารหมื่นพิษซูเหลียนฮวาเข้ามาวุ่นวาย แต่หากได้ประมือกันอีกจริง เขาไม่ออมมือแน่

จื่อฟางมองสีหน้าที่เคยไร้อารมณ์ของหยางชวีเปลี่ยนเป็นซับซ้อนก็แปลกใจ ‘หรือหยางชวีเคยรู้จักกับเว่ยหลง’ถึงจะดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่แน่ เจ้าคนหน้าตายยังรู้จักกับซูเหลียนฮวาเลย จื่อฟางจัดเสื้อให้เรียบร้อยก่อนก้าวลงจากรถม้า วันนี้เขาสวมชุดสีเทาคอเสื้อไขว่ทับปักลาย ผ้าคาดเอวสีเขียวขี้ม้าอ่อนๆ ทับด้วยเสื้อคลุมสีเดียวกัน ดูไปเหมือนบัณฑิตผู้แก่เรียน เขาต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ตนเอง

“คุณชายเสิ่น”เว่ยหลงทำหน้าตายเมื่อเห็นเขาเข้าไปใกล้ ยืนขวางอยู่หน้าประตูร้าน

“ข้ามาหาไป๋ผูอวี้”จื่อฟางเมินเฉยสีหน้าไม่ต้อนรับของอีกฝ่าย

“คุณชายไม่อยู่ ออกไปกับคุณหนูฉิน”เว่ยหลงจงใจบอก หัวเราะเยาะอยู่ในใจที่เห็นคุณชายเสิ่นชะงักไป แต่ไม่นานเจ้าตัวก็เปล่งเสียงหัวเราะฮ่าๆไม่เป็นธรรมชาติออกมา จางต้าลอบสบตากับหยางชวี ดูเหมือนคุณชายของเขาจะไม่มีหวังแล้ว

“อา อย่างนั้นหรือ”จื่อฟางได้แต่โบกพัดกลบเกลื่อน เขาตั้งใจแวะมาหาไป๋ผูอวี้ พอได้ยินเช่นนี้จึงผงะไปบ้าง หึ ไป๋ผูอวี้ ทำได้ไม่เลวจริงๆ ไม่เลวๆ แต่ลึกๆแล้วกลับไม่อยากให้พระเอกนางเอกสมหวังกันนัก 

“คุณชายเรากลับกันเถอะ”จางต้าเอ่ยเบาๆเมื่อเห็นคุณชายของตนยังคงยืนนิ่งอยู่ แต่เรื่องอะไรจื่อฟางต้องกลับแค่เพราะไป๋ผูอวี้ไม่อยู่ เขาฉีกยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้าวเข้าไปในร้าน แต่เว่ยหลงกลับไม่ยอมให้เขาเข้าไป 

“เจ้าทำอะไร หลีกไป”เขาเอาพัดโบกไล่อย่างหงุดหงิด

“คุณชายเสิ่น หากท่านมาก่อกวน ข้าไม่ไว้หน้าท่านแน่”ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวด้วยความสนใจ อารมณ์หงุดหงิดใจของจื่อฟางเปลี่ยนเป็นโมโหทันที เจ้าบ้านี่กล้าดียังไงมาขวาง แล้วยังพูดจาไม่เกรงกลัวกันอีก แม้แต่ข้ารับใช้ยังกล้าหือกับเขา ใครจะเกรงกลัวสกุลเสิ่น วันนี้เขาจะสอนให้เว่ยหลงรู้ฐานะของตัวเองซะบ้าง

“ข้าจะเข้าไปดื่มชาก็ยังไม่ได้หรือ เพิ่งรู้ว่าโรงน้ำชาหลิวซื่อเลือกลูกค้าด้วย”จื่อฟางตั้งสติได้ก็เคาะพัดกับฝามือด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ใครก็ฟังออกว่าเว่ยหลงไม่ต้องการให้เขามาที่นี่

“ท่านก็น่าจะรู้ตัวกระมังว่าข้าหมายความว่าอย่างไร คุณชายเสิ่น”เว่ยหลงตอบด้วยเสียงสุภาพ ทุกครั้งที่เจอคุณชายผู้นี้ ความอดทนของเขาก็ลดลงเรื่อยๆ

“จุ๊ๆ เว่ยหลง เจ้าเป็นเพียงผู้ติดตามของไป๋ผูอวี้กล้าดียังไงมาพูดจากับข้าเช่นนี้”จื่อฟางพูดเสียงเข้มด้วยท่าทางจริงจัง จางต้าได้แต่เบิกตาโต ไม่เคยเห็นคุณชายใช้อำนาจกับสกุลไป๋มาก่อน

“ท่านก็แค่เต่าในกระดอง อาศัยอำนาจบิดาเท่านั้น”เว่ยหลงรู้ดีว่าตนไม่มีสิทธ์กล่าววาจาเช่นนี้กับบุตรชายสกุลเสิ่นแต่ก็อดไม่ได้ ปากมักไวกว่าความคิดเสมอ หากเป็นแต่ก่อน เสิ่นจิ้งเฟยคงกระทืบเท้าเร่าๆเหมือนเด็กแล้ว แต่จื่อฟางไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจจึงแค่ไหวไหล่อย่างไม่สนใจเท่านั้น คนที่ทนคำพูดเหยียดหยามไม่ได้กลับเป็นหยางชวี ถึงอย่างไรคุณชายเสิ่นก็เป็นนายของเขา

“แต่เจ้าคงรู้กระมังว่ากระดองของเต่าตัวนี้แข็งแรงนัก เว่ยหลง”หยางชวีโผล่เข้ามาด้วยใบหน้าปราศจากความรู้สึกเช่นเคย จื่อฟางหันมองอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าหยางชวีจะมาช่วยพูด ปกติหมอนี่มักคอยห้ามนู่นห้ามนี่เสมอ เว่ยหลงขมวดคิ้ว ปรายตามองหยางชวี ประมือกันไปคราวนั้น เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีฝีมือไม่ธรรมดา บรรยากาศจึงเริ่มตึงเครียด ผู้ติดตามฝีมือดีทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ผู้ใดจะชนะเล่า ชาวบ้านจึงหันมองอย่างสนใจ

“อะแฮ่ม”จื่อฟางกระแอมขัดบรรยากาศตึงเครียด เว่ยหลงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ตอนอ่านนิยายเขานึกภาพไม่ออกว่าเว่ยหลงน่ากลัวแค่ไหน แต่พอได้เห็นกับตาจื่อฟางก็ขนลุกเกรียวจนเผลอก้าวถอยหลัง

“เรื่องครั้งก่อนคุณชายของข้าช่วยท่านไว้ ท่านยังไม่สำนึกบุญคุณอีกหรือ”เว่ยหลงไม่เบาเสียงลงแม้แต่น้อย ไป๋อู่เหยียนตรวจใบชาอยู่ด้านในได้ยินเต็มสองหูจึงไม่กล้าเพิกเฉยอีก ด้วยกลัวว่าเรื่องราวจะบานปลาย เขาจึงรีบออกมารับหน้าทันที

“คุณชายเสิ่น เชิญท่านเข้ามาด้านในเถอะ”ไป๋อู่เหยียนไม่เหมือนเว่ยหลง เขายอมโอนอ่อนไปตามสถานการณ์ได้ สิ่งไหนยอมได้ก็ยอม หากมิรู้จักก้มหัวภัยคงมาถึงตัว แต่เว่ยหลงเป็นเด็กกำพร้าที่มีนิสัยแข็งกระด้าง เก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ เขาพร่ำบอกไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าอย่าล่วงเกินพวกสกุลใหญ่ลูกขุนนางทั้งหลาย หากไม่มีไป๋ผูอวี้คอยตักเตือนคงเจอเรื่องลำบากไปนานแล้ว เขาเห็นเว่ยหลงเสมือนคนในสกุลไป๋ที่ชุบเลี้ยงมาเองกับมือ จึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เถ้าแก่ไป๋ถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะเคยรู้จักกับเสิ่นฉินอี้ บิดาของเสิ่นมู่หยาง แต่นั่นก็เกือบสิบกว่าปีมาแล้ว

“เงียบซะ”ไป๋อู่เหยียนหันไปกระซิบดุกับเว่ยหลง ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ ถึงแม้คุณชายเสิ่นตรงหน้าจะมีลักษณะคล้ายกับเสิ่นฉินอี้ท่านปู่ของอีกฝ่ายที่ตนเคยรู้จัก แต่นิสัยกลับไม่เหมือนแม้แต่นิด บุตรชายอย่างเสิ่นมู่หยางยิ่งไม่มีส่วนไหนคล้าย จึงแน่ใจว่าหากเรื่องบานปลายคงไม่จบดี

“ข้ารับใช้ของท่านไม่เกรงใจข้าแม้แต่น้อย เถ้าแก่ไป๋จะจัดการเขาอย่างไรหรือ”จื่อฟางแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงมีคุณธรรม เขามาจากยุคสมัยใหม่ถึงจะไม่ชอบใจระบบศักดินา แต่ในเมื่อเข้ามาอยู่ในโลกนี้แล้วก็ต้องทำตามไปโดยปริยาย เว่ยหลงเทียบอะไรกับคุณชายเช่นเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ลากไปทุบตีก็ไม่ผิด แต่จื่อฟางไม่ใช่คนใจคอโหดร้าย ตอนแรกตั้งใจจะมาหาไป๋ผูอวี้ แต่ดูสิ เว่ยหลงกลับทำเสียเรื่องหมด 

“ข้าต้องขออภัยคุณชายด้วย เว่ยหลงมีนิสัยเช่นนี้ทำอย่างไรก็แก้ไม่หาย ขอคุณชายอย่าถือสา”ไป๋อู่เหยียนรีบพูด รอยยิ้มอ่อนน้อมปรากฏบนหน้า เว่ยหลงหลุบตาต่ำ นายท่านไป๋ต้องพูดประจบเอาใจคุณชายไม่เอาไหนเช่นนี้ก็รู้สึกคับแค้นใจเหลือทน   

“นี่ไม่ใช่ความผิดของท่านไยต้องขออภัย แต่เป็นเว่ยหลงต่างหาก”จื่อฟางหันมองเว่ยหลงที่ยืนก้มหน้าด้วยรอยยิ้ม หึๆ ดีจริงๆที่ไป๋ผูอวี้ไม่อยู่ เขาจะได้จัดการง่ายหน่อย แต่คนผู้นี้เหมือนม้าพยศไม่ยอมก้มหัวให้โดยง่าย เว่ยหลงกำมือแน่น   ไป๋อู่เหยียนเห็นดังนั้นก็กระแอมเบาๆเมื่อเห็นว่าเจ้าเว่ยหลงไม่มีทีท่าจะสำนึก

“ขออภัยที่ข้าต้องพูด เขาเป็นเพียงข้ารับใช้แต่กลับทำตัวโอหังเช่นนี้ ต้องโทษผู้ใดหรือ ดูท่าสกุลไป๋คงสั่งสอนเขาได้ไม่ดีพอ”คำพูดนี้คล้ายกับตบหน้าไป๋อู่เหยียนไปด้วย เว่ยหลงหน้าดำคล้ำทันที ปรายตามองเสิ่นจิ้งเฟยอย่างขึงโกรธ ด่าว่าเขายังพอทนแต่นี่เสิ่นจิ้งเฟยกลับพูดจาดูหมิ่นสกุลไป๋เขาให้อภัยไม่ได้!

“เจ้าเต่าบัดซบ!”เว่ยหลงโกรธจนเส้นเลือดปูด

“ขอโทษคุณชายข้าเดี๋ยวนี้!”หยางชวีก้าวออกมาเหมือนรออยู่นานแล้ว จื่อฟางตกใจถอยไปหลายก้าว เว่ยหลงยิ้มมุมปากเมื่อเจอที่ระบายความโกรธแล้ว จึงพุ่งเป้าไปที่หยางชวีทันที จางต้ารีบพาคุณชายถอยออกมาให้พ้นการต่อสู้ของผู้ติดตามทั้งสองคน กระบวนท่าของเว่ยหลงดุดันมากเสียจนหยางชวีได้แต่ตั้งรับฝ่ายเดียว

“เจ้าว่าใครชนะ”ชาวบ้านรอบตัวเริ่มวางเดิมพัน จื่อฟางเม้มปากมองการต่อสู้ตรงหน้าอย่างลุ้นระทึกกลัวว่าหยางชวีจะแพ้ ไม่อย่างนั้นเขาคงขายหน้าไปด้วย หยางชวีเคลื่อนไหวหลบหลีกว่องไวจนเขามองแทบไม่ทัน จื่อฟางกำพัดในมือแน่น นี่มันเหมือนได้ดูหนังต่อสู้กำลังภายในชัดๆ การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เว่ยหลงพลิกกายหลบหลีก เจ้าหยางชวีฝีมือดีกว่าครั้งก่อนมาก

“คุณชายหลบมาทางนี้เถอะ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอา”จางต้าเห็นคุณชายกำลังสนุกจึงเอ่ยเตือนเบาๆ แต่ในเวลานั้นเอง กำปั้นของเว่ยหลงก็พุ่งมาหาจางต้า เพราะหยางชวีใช้ฝามือปัดออก

“อ๊าก”จางต้าร้องเสียงหลงรีบก้มตัวหลบทันที ลืมไปว่าคุณชายอยู่ด้านหลัง เว่ยหลงยั้งมือไม่ทัน ได้แต่ออมแรงเท่าที่ทำได้ เสิ่นจิ้งเฟยถูกชกเข้าไปเต็มคาง ร่างผอมๆนั่นล้มไปกองกับพื้นโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เสียงฮือฮาดังอยู่รอบตัว เว่ยหลงชักมือกลับด้วยสีหน้าตกใจ เขาไม่เคยทำร้ายร่างกายคุณชายเสิ่นมาก่อนเพราะเขารู้ดีว่ายังไงสกุลเสิ่นก็มีอำนาจมาก

“คุณชาย!”จางต้ารีบเข้ามาพยุงคุณชายที่นั่งกองอยู่บนพื้น จื่อฟางหน้าชาไปหมด รสคาวเลือดอยู่ในปาก เขาสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความมึนงง รู้สึกปวดแปลบที่ปลายคาง

“โอย…”เขาใช้มือจับปลายคาง น้ำตาคลอหน่วย กระดูกเขาจะร้าวหรือไม่ แม้เว่ยหลงจะออมแรงแล้วแต่ร่างกายของเสิ่นจิ้งเฟยบอบบางมากเพราะถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก แค่โดนหมัดชกเข้าที่ปลายคางก็ปากแตกเลือดไหลแล้ว เสียงซุบซิบดังหึ่งๆอยู่ทั่วท้องถนน พวกชาวบ้านเริ่มถอยห่างเพราะรู้ว่านี่ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ เสิ่นมู่หยางไม่เคยลงไม้ลงมือกับบุตรชายเลยสักครั้ง แล้วเว่ยหลงเป็นใครเล่า? หยางชวีใช้ความคล่องตัวกระแทกหมัดใส่ลิ้นปี่ของเว่ยหลงจนอีกฝ่ายชะงักถอยไปหลายก้าว ก่อนรีบวิ่งมาดูคุณชายเสิ่นทันที ร่างบางนั่งกองอยู่บนพื้น สองมือกุมคาง เลือดไหลเปื้อนชุดคลุมสีเทาจนเป็นด่างดวง หยางชวีสบถอยู่ในใจ ‘อย่าว่าแต่เว่ยหลง เช่นนี้ข้าไม่แย่ไปด้วยหรือ’

“คุณชายเสิ่น! ได้โปรดอภัยให้เว่ยหลงด้วย!”ไป๋อู่เหยียนรีบค้อมคำนับด้วยความหวาดกลัว คุณชายเสิ่นมาที่โรงน้ำชาหลิวซื่อบ่อยครั้ง ทะเลาะกับเว่ยหลงจนเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีครั้งไหนถึงขั้นลงไม้ลงมือจนเลือดตกยางออกเช่นนี้ ได้ยินมาว่าเสนาบดีเสิ่นรักบุตรชายเพราะใบหน้าเหมือนภรรยาที่จากไป เว่ยหลงทำเช่นนี้ไม่แย่หรือ เถ้าแก่ไป๋เหลือบมองคุณชายที่หน้าซีดเผือดเลือดกบปากแล้วอยากจะร้องไห้ สกุลไป๋ถึงคราวแย่ก็คราวนี้กระมัง

“เจ้ามานี่!”ไป๋อู่เหยียนหันไปถลึงตาใส่เว่ยหลง เรียกให้เขามาคุกเข่าขอโทษ

“ข้าไม่เป็นไร”จื่อฟางพยายามพูด แต่ก็ต้องปวดแปลบ รับผ้าเช็ดหน้าที่จางต้ายื่นมาให้ซับเลือดที่ยังไหลไม่หยุด ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหนจื่อฟางไม่เคยโดนต่อยมาก่อน อาการปวดร้าวที่ปลายคางทำให้เขาถึงกับน้ำตาไหล จางต้าเองก็ไม่เคยเห็นคุณชายมีสภาพย่ำแย่เช่นเดียวกัน จึงได้แต่ใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดเลือดที่เปื้อนชุดของคุณชายด้วยความเจ็บปวดใจ หันไปมองเว่ยหลงที่คุกเข่าอยู่อย่างโกรธเคือง

“เจ้าโดนดีแน่!”เขาขู่ฟ่อ จื่อฟางไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยเช่นนี้ อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา หรือนี่คือบทที่กำหนดมาแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็กลายเป็นเรื่องแย่ทุกที หยางชวีประคองคุณชายเสิ่นที่มีใบหน้าซีดเผือดด้วยความกังวล คงไม่ใช่ตกใจจนวิญญาณหลุดไปแล้วกระมัง

“คุณชาย เหตุใดท่านไม่หลบ หมัดตรงมาเข้าหน้าท่านแท้ๆ”ถ้าเป็นเวลาปกติหยางชวีคงหัวเราะไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขาอาจเดือดร้อนไปด้วยเพราะดูแลคุณชายไม่ดี 

“ข้าหลบทันที่ไหน ทำได้คงหลบไปแล้ว”จื่อฟางถลึงตาใส่ ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่แต่สีหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่ายคล้ายแฝงแววขบขัน

“คุณชาย ให้อภัยเขาด้วยเถอะ”ไป๋อู่เหยียนก้มหัวขอร้อง 

“คุณชายเสิ่น ข้าน้อยขออภัยจริงๆ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของข้าน้อยเพียงคนเดียว หากจะลงโทษก็ลงโทษข้าเพียงคนเดียวเถอะ”เว่ยหลงก้มศีรษะคุกเข่าขอโทษ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คุณชายเสิ่นต้องไม่ใจอ่อนแน่ จึงกลั้นใจกลืนคำว่าศักดิ์ศรีลงคอโขกศีรษะเสียงดัง จื่อฟางใจหล่นวูบ เขาเกลียดไอ้การโขกศีรษะบ้าบอเหลือเกิน จึงรีบสะบัดมือ

“ช่างเถอะ เจ้าลุกขึ้น ข้าไม่เอาเรื่อง”จื่อฟางตอบด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเพราะปวดกราม มือที่ซับเลือดสั่นน้อยๆ เขาอยากกลับจวนแล้ว ในสายตาของผู้คนรอบข้างมองเขาอย่างไม่เชื่อถือนัก กลับเข้าใจไปว่าเขาเพียงพูดไปเช่นนั้น ปากบอกไม่เอาเรื่อง แต่ผู้เป็นบิดาจะยอมหรือ

จื่อฟางไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะสายตาที่แฝงความไม่ชอบหน้า จึงรีบเดินกลับไปที่รถม้า ในกลุ่มชาวบ้านมีหญิงงามสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้ายืนมองอยู่ด้วยสีหน้าอ่อนใจ 

‘ศิษย์พี่รอง ท่านยังคงอารมณ์ร้อนเช่นเคย หวังว่าเรื่องครั้งนี้คงเป็นบทเรียนได้บ้าง แต่เจ้าหยางชวีฝีมือไม่เลวเช่นเดิม’ ซูเหลียนฮวาจับจ้องเงาร่างของคุณชายเสิ่นในใจรู้สึกเสียดายที่ใบหน้างดงามต้องเป็นรอยฟกช้ำมีตำหนิ

‘เสิ่นจิ้งเฟย ทำให้ศิษย์พี่รองยอมคุกเข่าได้ ก็ถือว่ายังพอมีพิษสงอยู่บ้าง’ริมฝีปากอวบอิ่มฉีกเป็นรอยยิ้มพอใจ นึกไปถึงคุณชายไป๋ของนางที่ต้องติดแหง็กอยู่กับคุณหนูฉินแล้วก็ยิ่งพบว่าน่าหัวเราะ นางรู้ว่าคุณหนูฉินเซียงอินไม่ได้เรียบร้อยปานผ้าพับไว้แบบที่แสดงออก มีหรือที่นางจะมองไม่ออก

“คุณชาย ท่านพลาดฉากสนุกไปเสียแล้ว”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 09:38:50 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
  ~•~

กว่าจื่อฟางจะกลับถึงจวนใบหน้าซีดขาวของเขาก็ปรากฏรอยฟกช้ำ ริมฝีปากบวมเจ่อแล้ว สภาพของตนในตอนนี้คงไม่น่ามองนัก หากเสิ่นมู่หยางเห็นเข้าคงตกใจปรี่ไปเอาเรื่องเว่ยหลงแน่ เขาจึงหันไปทางหยางชวีแทน

“หยางชวี จวนมีทางเข้าอื่นหรือไม่”

หยางชวีขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนตอบ “มีขอรับ คุณชายคิดจะปิดเรื่องนี้ไว้หรือ ไม่ช้าก็เร็วนายท่านก็ต้องรู้อยู่ดี รอยฟกช้ำบนหน้าท่าน ใช่ว่าวันสองวันจะหาย”หยางชวีเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

“ข้ารู้ แค่ประวิงเวลาออกไปเท่านั้น พาข้าไปทางเข้าอื่น”จื่อฟางไม่อยากถกเรื่องนี้อีกจึงมองออกไปนอกหน้าต่างแทน อีกไม่นานคงถึงจวนเสนาบดีแล้ว

“ข้าน้อยจะพาท่านเข้าไปเอง ส่วนเจ้าพอถึงจวนแล้วก็ไปตามท่านหมอกู้มาดูคุณชาย”หยางชวีหันไปสั่งจางต้า ก่อนสั่งให้รถม้าจอดที่ข้างจวน จื่อฟางได้แต่สงสัยว่าหยางชวีคิดจะทำอะไร ได้แต่ลงจากรถม้าเงียบๆ

หยางชวีก้มตัวลง“คุณชายเกาะหลังข้าน้อยไว้แน่นๆ”

จื่อฟางตาโต หันมองจางต้าอย่างขอความเห็น “รีบๆเถอะคุณชาย”

เขาจำต้องขึ้นขี่หลังของหยางชวี ร่างกายของบุรุษผู้นี้แข็งแรงนักรับรู้กล้ามเนื้อของอีกฝ่ายได้ชัดเจน เมื่อเกาะมั่นเหมาะแล้ว หยางชวีก็ใช้วิชาตัวเบาพาเขาเข้าไปในจวนอย่างนุ่มนวล ดูแล้วฝีมือคงไม่ด้อยไปกว่าไป๋ผูอวี้ พูดถึงคนผู้นั้นแล้ว ป่านนี้คงรู้เรื่องแล้วกระมัง 

“ท่านรีบกลับไปที่เรือนของท่านเถอะ ข้าพาจางต้าเข้ามาแล้วจะไปดูนายท่านใหญ่ว่าอยู่หรือไม่”หยางชวีไม่รอให้เขาตอบก็รีบพุ่งตัวหายลับไปจากกำแพงจวน จื่อฟางยืนงงอยู่สักพัก เสิ่นมู่หยางต้องกลับมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ เขามองไปรอบ ๆพบว่าแถวนี้คือบริเวณเรือนของตัวเอง หยางชวีคิดอะไรรอบคอบไปหมด จื่อฟางก้มหน้าก้มตารีบเดินไปตามทางปูหินมุ่งหน้าสู่เรือน บ่าวไพร่เห็นคุณชายมีใบหน้าฟกช้ำ ริมฝีปากบวมก็ตกใจ เขาจึงสั่งให้หุบปากเงียบ ก่อนรีบเข้ามารอในห้องด้วยอาการวิตกจริต รอไม่นานหยางชวีก็ตามเข้ามา

“คุณชาย วันนี้นายท่านไม่กลับจวนขอรับ”ได้ยินอีกฝ่ายรายงาน จื่อฟางก็ทั้งโล่งอกทั้งแปลกใจ

“สอบถามพ่อบ้านสุ่ยได้ใจความว่านายท่านมีธุระกับใต้เท้าเฉิน”หยางชวีรายงานด้วยใบหน้าไม่แสดงความรู้สึก จื่อฟางพยักหน้าช้าๆ ในใจกลับรู้สึกผิดหวังแปลกๆ

“อ้อ…ดีแล้ว”เขากลืนคำว่าอีกแล้วหรือลงคอไป ไม่ใช่เวลามาตัดพ้อเขาไม่ใช่บุตรชายจริงๆของเสิ่นมู่หยางเสียหน่อย หยางชวีถอยไปยืนด้านข้าง เรื่องของนายท่านเขาไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นใดๆทั้งนั้น

“ท่านพ่อคงกลับวันรุ่งขึ้นสินะ”

“ขอรับ”อีกฝ่ายก้มหน้าตอบ จื่อฟางส่งเสียงหึออกมา ถ้าหากว่าไปจวนใต้เท้าเฉินจริงๆน่ะนะ ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ เขาก้มมองเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไปจุดๆของตัวเองก็ถอดออกจนเหลือเพียงเสื้อตัวกลางเท่านั้น เห็นหยางชวีมีท่าทางไม่สะดวกใจอยู่กับเขาก็นึกขำ หรือยังกลัวเรื่องที่เขาแกล้งอยู่อีก

“สั่งให้คนเอาน้ำร้อนเข้ามา ข้าจะอาบน้ำ”เขาสั่งด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย ตั้งใจหาเรื่องให้หยางชวีออกไปด้านนอกด้วย หยางชวีลอบถอนหายใจ เป็นไปได้ตนก็ไม่อยากอยู่ตามลำพังกับคุณชายนัก ถึงเรื่องคราวนั้นคุณชายจะแค่แกล้ง แต่หยางชวีก็ยังกลัวอยู่ดี รอไม่ถึงหนึ่งเค่อ จางต้ากลับมาพร้อมกับท่านหมอกู้คนเดิม ใบหน้าเหี่ยวๆมีความอ่อนใจปรากฏอยู่ จื่อฟางจึงนึกสงสัยว่าเสิ่นจิ้งเฟยเรียกใช้อย่างลับๆบ่อยหรือถึงได้แสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา ท่านหมอตรวจดูรอยช้ำและอาการบวมบนใบหน้าของเขาอย่างละเอียด โชคดีที่ไม่มีฟันซี่ไหนหลุดและกรามของเขายังอยู่ดี   

“รอยฟกช้ำบนใบหน้าของคุณชายอาจใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์กว่าจะกลับมาเป็นปกติตามเดิม…”ท่านหมอเอ่ยเสียงหวาดหวั่น กลัวว่าคุณชายเสิ่นจะอาละวาดที่ใบหน้าเสียโฉม แต่คุณชายทำแค่พยักหน้าเท่านั้น เขาสงสัยอยู่ในใจว่าคุณชายไปมีเรื่องกับผู้ใดมา แต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ เพียงแค่บอกให้ใช้ยาตลับเล็กทาแผลและแนะนำให้ใช้โสมซานชีมารักษาอาการฟกช้ำเลือดออกเท่านั้น

“คุณชาย…”ท่านหมออยากเอ่ยถามเรื่องหนึ่งแต่เพราะในห้องยังมีจางต้าและหยางชวีจึงได้แต่หุบปากเงียบ “ใช้ทาทุกวัน”หมอกู้ตบท้ายเช่นนี้ก่อนขอตัวออกไป

เมื่อท่านหมอไปแล้ว จางต้าก็รีบนำโสมซานซีมาต้มยาให้เขาอย่างไม่รอช้า นำส่วนที่บดเป็นผงมาโรยแผลปากแตกของจื่อฟาง ระหว่างที่จางต้าต้มยา ข้ารับใช้ก็ยกน้ำร้อนมาเทในอ่างไม้หลังฉากกั้น แต่จื่อฟางยังไม่มีอารมณ์อาบน้ำ เขาคิดถึงเรื่องวันนี้อยู่ในใจ ถึงแม้จะบอกว่าไม่เอาเรื่องเว่ยหลง แต่เขารู้ว่าเสิ่นมู่หยางคงไม่ปล่อยไว้แน่ เสิ่นจิ้งเฟยมีใบหน้าเหมือนมารดา ยามนี้ใบหน้าก็ฟกช้ำปากบวมน่าเกลียดคงยิ่งทำให้เสิ่นมู่หยางโกรธ เว่ยหลงจะเดือดร้อนหรือไม่ สกุลไป๋เล่า? เสิ่นมู่หยางจะเล่นงานด้วยหรือเปล่า

“จางต้า เจ้าว่าท่านพ่อจะเล่นงานสกุลไป๋หรือไม่”เขาเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ ขณะที่จางต้ากำลังเคี่ยวยาในโถกระเบื้อง เพียงแค่ตอบกลับมาเบาๆ

“เล่นงามสกุลไป๋หรือ…ข้าน้อยคิดว่าไม่ หากนายท่านใช้อำนาจจัดการจริง เกรงว่าจะเป็นแต่ที่นินทาต่อชาวบ้านร้านตลาด สกุลไป๋เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน โรงน้ำชาหลิวซื่อก็เลื่องลือไปทั้งฉางอัน หากมีขุนนางในราชสำนักคิดเล่นงานนายท่านได้ยินเข้าแล้วนำเรื่องนี้ไปเขียนฎีการายงานฮ่องเต้ขึ้นมาก็จะเป็นเรื่องใหญ่ไปเปล่า ๆ ท่านอาจไม่รู้แต่เวลานี้ในราชสำนักร้อนเป็นไฟ อัครเสนาบดีหลี่มีอำนาจมาก เรื่องของหลี่ฮุ่ยจือที่มาชอบพอท่าน ทำให้เขาไม่ชอบใจอยู่แล้ว หากเขามีเรื่องมาเล่นงานนายท่าน…”จางต้าทำท่าปาดคอแล้วเอ่ยต่อ

“แต่หากเป็นเว่ยหลงคนเดียวเจ้านั่นไม่รอดแน่ จะมองแง่ไหนก็ผิด เขาไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ทำคุณชายเจ็บตัว”บ่าวคนสนิทถอนหายใจ แม้ว่าเว่ยหลงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ ข้ารับใช้เช่นพวกเขาก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ จะถูกหรือผิดหากถูกตัดสินโทษก็ไม่ต่างกัน จางต้ารู้สึกโชคดีที่ยังมีคุณชาย ไม่อย่างนั้นคงตายไปตั้งนานแล้ว

จื่อฟางคิดตามอยู่เงียบๆ นึกถึงเรื่องของหลี่ฮุ่ยจือก็ขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หากเรื่องนี้หลุดรอดไป อัครเสนาบดีหลี่จะว่าอย่างไร แต่เรื่องนี้ก็เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของสกุลหลี่ด้วย ฝ่ายนั้นคงไม่กล้าทำอะไร แต่ยังมีอีกเรื่องที่จื่อฟางติดใจ เรื่องของซูเหลียนฮวา นางมีฝีมือไม่ธรรมดาและรู้จักกับไป๋ผูอวี้ที่ดูจะมีวรยุทธิ์เช่นกัน ซูเหลียนฮวามาจากเมืองหลานโจว คิดไปคิดมาสกุลไป๋ก็มาจากหลานโจวเช่นเดียวกัน หรือพวกเขาจะเป็นชาวยุทธ!จื่อฟางจินตนาการไปไกลจนสามารถสร้างหนังกำลังภายในได้เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่ร่างกายก็ผ่อนคลายกว่าเดิมมาก

“คุณชาย พรุ่งนี้นายท่านกลับมา ท่านจะว่าอย่างไร…”จางต้ายกชามยาส่งกลิ่นหึ่งมาให้เขาด้วยสีหน้ากังวล คุณชายเสิ่นปากแตก ใบหน้ามีรอยฟกช้ำดำเขียวเช่นนี้ ข้ารับใช้อย่างเขาและหยางชวียังจะรอดพ้นจากบทลงโทษหรือ

“ข้าจะพูดกับท่านพ่อเอง”จื่อฟางเอ่ยอย่างจนใจ จางต้าเคยโดนโบยเพราะเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะห้ามเสิ่นมู่หยางยังไง จื่อฟางกลั้นใจดื่มยาเงียบๆ หยางชวีคล้ายกับฟังบทสนทนาอยู่ เสียงของอีกฝ่ายลอยเข้ามาให้ได้ยินเบาๆ

“คุณชายเจ็บตัวทั้งๆที่ข้าน้อยอยู่ด้วย ข้าน้อยเองก็มีความผิด”น้ำเสียงนั้นมีแววเจ็บใจแฝงอยู่

“เจ้ายอมรับโทษไปคนเดียวได้หรือไม่”จื่อฟางพูดล้อเล่นไปอย่างนั้น เขากับจางต้ายิ้มขำเมื่อคนด้านนอกเงียบไปเหมือนเป็นใบ้ เขาส่งชามยาที่ดื่มหมดแล้วให้จางต้า

“ข้าพูดเล่น เลิกก่นด่าข้าในใจได้แล้ว”จื่อฟางเอ่ย รู้หรอกว่าภายใต้หน้ากากนิ่งเฉย เจ้าหน้าตายต้องด่าเขาอยู่แน่ๆ 

“เจ้าออกไปได้แล้ว”เขาโบกมือไล่จางต้า นอกจากเจ็บปากแล้วยังปวดขมับตุบๆ หยางชวีที่อยู่ด้านนอกบ่นอยู่ในใจ ‘หากนายท่านคิดโบยข้าขึ้นมาจริงๆ ท่านจะช่วยข้าได้หรือ’

จื่อฟางเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเกือบค่อนคืนอย่างคิดไม่ตก ครั้งนี้เสิ่นมู่หยางจะผิดหวังหรือไม่หากรู้ว่าเขาก่อเรื่องอีกแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียหน่อย ตามกฎหมายคนที่ลงมือก่อนย่อมเป็นฝ่ายผิด เว่ยหลงพูดจาล่วงเกินแถมยังทำคุณชายอย่างเขาเจ็บตัว ก็เป็นเรื่องถูกแล้วหากจะถูกลงโทษ แต่อย่างไรจื่อฟางก็ไม่ใช่คนใจหิน เขากลัวว่าเว่ยหลงจะโดนเสิ่นมู่หยางทำโทษหนัก จื่อฟางหยุดเดินเมื่อนึกเรื่องหนึ่งได้ ไป๋ผูอวี้และซูเหลียนฮวาช่วยเขาจากหลี่ฮุ่ยจือ หากเอาเรื่องนี้มาพูดทวงบุญคุณ ไม่แน่เสิ่นมู่หยางอาจไม่ลงโทษเว่ยหลงหนักเกินไป

“คุณชายท่านควรพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้จัดการอีกมาก”เสียงของจางต้าดังมาจากนอกประตู

“อืม…นั่นสิ พรุ่งนี้…เจ้าก็ไปนอนเถอะ ข้าจัดการเอง”จื่อฟางพึมพำ เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน เขาเดินไปอยู่หน้าคันฉ่องมองใบหน้าขาวซีดที่บัดนี้มีรอยช้ำน่ากลัวปรากฏอยู่ ริมฝีปากบวมเจ่อน่าเกลียดถึงเพียงนี้เลยหรือ จื่อฟางยังคงสวมแค่ชุดตัวกลางสีขาว ก่อนเดินเอามือไปจุ่มน้ำในถังที่ตอนนี้หายร้อนแล้ว ยามนี้ก็ดึกมากแล้วเขาไม่อยากเรียกใช้จางต้าอีก จึงถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ลงแช่น้ำไล่ความกลัดกลุ้มออกไป หยิบไยบวบขัดถูร่างกายด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น เมื่อความเครียดหายไปก็เอนพิงถังน้ำจนเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น แต่จื่อฟางสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคลื่อนไหวดังอยู่นอกฉากกั้น

“ใครน่ะ”เขาขมวดคิ้ว หรือจะเป็นหยางชวีอีกแล้ว

“หยางชวีหรือ”เขาเอ่ยถาม แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงเริ่มรู้สึกแปลกๆหยางชวีเงียบก็จริง แต่หากเขาเรียกไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่ตอบ

“จางต้า”จื่อฟางเรียกบ่าวอีกคน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาเช่นกัน เด็กหนุ่มใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัว หรือจะเป็นผี จื่อฟางไม่เคยคิดถึงเรื่องผีสางมาก่อน เขาขนลุกซู่รีบลุกออกมาจากถังน้ำเพราะแช่อยู่นานแล้ว ชะงักกึก ถ้าหากเป็นโจรเล่า?แต่เป็นไปไม่ได้ หยางชวีอยู่ด้านนอก ไม่มีทางที่ฝ่ายนั้นจะไม่รู้ตัว จื่อฟางใจคอไม่ดี หมุนตัวจะคว้าชุดคลุมก็พบว่าไม่ได้หยิบมาด้วย ได้แต่ก่นด่าตัวเองเบาๆรวบผมที่เปียกชื้นไปด้านหลัง รีบหอบเสื้อผ้าออกมาด้วยตัวเปล่าเปลือย

แต่พอเดินออกมาจากฉากกั้นก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนยืนอยู่ตรงหน้า จื่อฟางไม่ทันได้แหกปากร้อง ร่างนั้นก็พุ่งมาปิดปากด้วยฝามือหนา

“ชู่ววว อย่าส่งเสียงดัง ข้าไม่ใช่ผู้ร้าย”เจ้าของเสียงกระซิบ ไป๋ผูอวี้! แล้วใครใช้ให้ท่านโผล่มาเช่นนี้เล่า เขาถลึงตาใส่ หัวใจยังคงเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก

“ข้ามาคุยเรื่องเว่ยหลง”ไป๋ผูอวี้ทำหน้าขรึม กวาดตามองเรือนร่างเปลือยเปล่าของคุณชายตรงหน้าอย่างแปลกใจ ตอนแรกก็ตกใจอยู่บ้าง บุรุษหนุ่มลอบเข้ามาก็พบว่าเสิ่นจิ้งเฟยอาบน้ำอยู่จึงรอให้อีกฝ่ายอาบน้ำให้เสร็จก่อน แต่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่สวมเสื้อออกมาเช่นนี้ 

‘เสิ่นจิ้งเฟย มีผิวพรรณที่เนียนละเอียดอย่างกับสตรี เจ้าเด็กนี่ใช่ผู้ชายแน่หรือ’

หากไม่เห็นสิ่งนั้น…ก็คงคิดว่าเป็นสตรีปลอมตัวมาแล้ว จื่อฟางไม่รู้สึกอายที่แก้ผ้าต่อหน้าไป๋ผูอวี้ แต่เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายใช้สายตามองสำรวจร่างกายตนเองกลับทำให้เขาหน้าร้อนขึ้นมา

“อ่อยอือ”จื่อฟางส่งเสียงอู้อี้ออกไป ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำตัวลึกลับด้วย

“ท่านห้ามร้อง ไม่อย่างนั้นข้าจัดการท่านแน่”ไป๋ผูอวี้เพียงขู่เท่านั้น เขาไม่ใช่โจรเสียหน่อย เสิ่นจิ้งเฟยพยักหน้ารับรู้อย่างรำคาญใจ ไป๋ผูอวี้จึงปล่อยมือ หันไปอีกทาง ถึงจะเป็นบุรุษด้วยกัน แต่เขาไม่ได้อยากมองคุณชายเสิ่นโป๊ จื่อฟางรีบไปหยิบชุดคลุมมาสวมอย่างรวดเร็ว

“ท่านโผล่มาดีๆไม่ได้หรือ ทำตัวอย่างกับโจร”เขาเอ่ยเสียงเบา ขมวดคิ้วสงสัย ไป๋ผูอวี้เข้ามาในห้องของเขาดึกๆดื่นๆ ได้อย่างไร หยางชวีที่อยู่ด้านนอกเล่า อีกฝ่ายยกยิ้มคล้ายกับล่วงรู้ความคิดของตน

“ผู้ติดตามของท่านหลับสบายไปแล้ว”ไป๋ผูอวี้ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงหน้า

“ท่านทำอะไรเขา”ถึงจื่อฟางจะเดาไว้แล้วว่าไป๋ผูอวี้มีฝีมือแต่ไม่คิดว่าหยางชวีจะพลาดท่าง่ายๆ

“แค่ทำให้หลับเท่านั้น”คำตอบของไป๋ผูอวี้ทำให้เขานึกถึงซูเหลียนฮวาขึ้นมา อย่าบอกนะว่านางมารหมื่นพิษก็มาด้วย อีกฝ่ายเห็นสีหน้าของเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ใช่ ซูเหลียนฮวาอยู่ด้านนอก หากท่านโวยวายข้าสั่งให้นางเข้ามาแน่”ไป๋ผูอวี้มองสีหน้าเผือดซีดของคุณชายผู้นี้ด้วยความสนุก

“ท่านมีอะไรก็พูดมา”จื่อฟางเข้าเรื่อง 

“มาคุยเรื่องที่ท่านก่อไว้”ไป๋ผูอวี้เดินเข้ามาใกล้มากเรื่อยๆด้วยกระแสกดดัน

“ถือว่าท่านยังฉลาดอยู่บ้างที่เล่นงานเว่ยหลงตอนที่ข้าไม่อยู่ ก่อนหน้านี้ท่านส่งหยางชวีมาดูลาดเลาที่โรงน้ำชา ท่านวางแผนไว้แล้วสินะ คุณชายเสิ่น”ไป๋ผูอวี้ถาม รอยยิ้มปรากฏอยู่บนหน้า จื่อฟางคันยุบยิบในใจ ทำไมเจ้านี่ถึงยิ้มอยู่ได้ ขัดตาจริงๆ

“ข้าไม่ได้วางแผนไว้ แค่อยากแวะไป…พูดคุยกับท่านเท่านั้น”จื่อฟางตอบอย่างลังเล ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ในสายตาของไป๋ผูอวี้คำว่าพูดคุยของเขาก็คงความหมายเดียวกับ‘ก่อกวน’กระมัง เพราะเห็นบุรุษตรงหน้าเลิกคิ้ว

เขาจึงเอ่ยเสริม “ใครใช้ให้ท่านออกไปกับคุณหนูฉินเล่า”

“ข้าแค่ออกไปเพราะไม่มีทางเลือก อ้อ เพราะเหตุนี้ท่านถึงโมโหสินะจึงคิดมาก่อกวนข้านี่เอง”ไป๋ผูอวี้ดันเข้าใจไปเช่นนี้ จื่อฟางจิ๊ปาก

“เอาเป็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าไม่ได้วางแผนไว้ ข้าแค่แวะไปหาท่านเท่านั้น แต่เว่ยหลงพูดจาล่วงเกินข้าทั้งยังต่อยข้าด้วย”จื่อฟางชี้มาที่ใบหน้าฟกช้ำของตัวเอง ไป๋ผูอวี้เพียงมองหน้าเขาด้วยสายตาสงสัย

“แวะมาหาข้าด้วยเรื่องอันใด”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถาม อย่างเสิ่นจิ้งเฟยคงไม่พ้นมาก่อกวนอยู่แล้ว

“ขอบคุณที่ท่านช่วยข้าจากหลี่ฮุ่ยจืออย่างไร”จื่อฟางเพียงตอบไปอย่างนั้น เพราะเขาเองก็นึกไม่ออกว่าแวะไปหาไป๋ผูอวี้เพราะเรื่องใด ตอนนั้นแค่นึกถึงเฉยๆ เด็กหนุ่มย่นคิ้ว คิดแล้วก็แปลกๆแฮะ

“ท่านส่งใบชาชั้นดีมาให้แล้วไม่ใช่รึ”ไป๋ผูอวี้ยิ้มน้อยๆ แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่าคุณชายเสิ่นโกหก ช่างเป็นคนที่ดูออกง่ายจริงๆ

“ข้าแค่ตั้งใจจะแวะไปดื่มชา ท่านมาคุยเรื่องของเว่ยหลงไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงพูดเรื่องอื่นอยู่ได้”แล้วคนผู้นี้จะมาเค้นถามตนเพราะเหตุใด จื่อฟางคิดอย่างหงุดหงิด ไป๋ผูอวี้มองแผลฟกช้ำดำเขียวและริมฝีปากบวมเจ่อของร่างผอมบางตรงหน้าด้วยความหนักใจ ด้วยเพราะคุณชายมีผิวขาวเป็นทุนเดิมรอยช้ำจึงเห็นได้ชัด หากเสิ่นมู่หยางเห็นเข้าไม่ตกใจจนเป็นลมเลยหรือ

“ข้าไม่ได้มาเพื่อพูดแก้ตัวให้เว่ยหลง ข้าเองเห็นด้วยที่เขาสมควรได้รับโทษ ที่ผ่านมาเขาก็พูดจาล่วงเกินท่านอยู่หลายครั้ง ถือเป็นความผิดของข้าด้วยเช่นกันที่อบรมสั่งสอนเขาไม่ดีพอ”ไป๋ผูอวี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ ถือเป็นบทเรียนของเว่ยหลงที่ทำอะไรไม่คิด ในเมื่อเรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้วทำได้แค่รับมือแก้ไขเท่านั้น

จื่อฟางเลิกคิ้วอย่างคาดไม่ถึง ก่อนหัวเราะเบาๆ ฟังดูเป็นคนดีจริงๆ

“ท่านเพิ่งรู้ตัวหรือ หลายครั้งหลายคราเว่ยหลงพูดต่อหน้าท่านด้วยซ้ำ ไยไม่เคยคิดห้าม”เขาเอ่ยเสียงเยาะ ไป๋ผูอวี้ไม่ได้ตอบกลับ บุรุษหนุ่มมองสำรวจคุณชายเสิ่นอย่างละเอียด น่าแปลกที่คุณชายคุมอารมณ์ได้ดีกว่าทุกครา

“แต่เอาเถอะ ข้าไม่ถือสา”จื่อฟางพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ จนไปผูอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ได้มาพบคุณชายเช่นนี้ จึงรู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปมากทีเดียว จนข้าแปลกใจ”ไป๋ผูอวี้พินิจมองดวงหน้าหมดจด รู้สึกพอใจมาก เป็นเช่นนี้ก็ดี ค่อยคุยกันง่ายหน่อย

“ข้าบอกไปแล้วอย่างไรว่าจะเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะพูดกับท่านพ่อให้เบาโทษของเว่ยหลงเอง”พอเห็นไป๋ผูอวี้ไม่โต้ตอบจื่อฟางก็ได้ใจขึ้นมา นี่สินะความรู้สึกของการได้เหนือกว่าเป็นครั้งแรก มุมปากของไป๋ผูอวี้กระตุก บางทีคุณชายผู้นี้อาจไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่

“ท่านจะทำได้หรือ ข้าได้ยินว่าแม้แต่จางต้าก็เคยถูกโบยเพราะท่านมาแล้ว”ไป๋ผูอวี้ไม่ปล่อยให้คุณชายเสิ่นลอยหน้าลอยตาได้นานนัก จึงพูดขัดออกไป

“ข้าจัดการได้”จื่อฟางตอบเสียงห้วน ไป๋ผูอวี้ดูขัดตาขึ้นมาทันที

“อย่างไรเล่า”อีกฝ่ายเค้นถาม เดินมานั่งลงข้างกายด้วยท่วงท่าสบายๆ จื่อฟางได้กลิ่นหอมพิเศษจากไป๋ผูอวี้จึงอดมองสำรวจไม่ได้

“ข้ามีวิธีของข้า”เด็กหนุ่มถอนสายตากลับ เมื่อรู้ตัวว่าไปผูอวี้มองมาด้วยสายตาสงสัยจึงเอ่ยเสริม “ข้าจะยกเรื่องที่ท่านช่วยข้าจากหลี่ฮุ่ยจือมาลดโทษให้เว่ยหลง”

ไป๋ผูอวี้ปรายตามองเขาด้วยสายตาเย็นชาทันที จื่อฟางกระพริบตา หรือว่าเขาพูดอะไรผิด

“ข้าไม่ได้ช่วยเหลือท่านเพื่อเอาไว้ทวงหนี้บุญคุณ เรื่องของเว่ยหลงก็แล้วแต่เสนาบดีเสิ่นจะจัดการก็แล้วกัน”ไป๋ผูอวี้พูดด้วยเสียงราบเรียบจนจื่อฟางใจหาย

“แต่เว่ยหลงเป็นผู้ติดตามของท่าน…”

“แล้วอย่างไร เขาทำผิดย่อมได้รับโทษ”ไป๋ผูอวี้ตอบด้วยเสียงราบเรียบ เมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“อ้อ จริงสิ ข้าตั้งใจเอายามาให้ท่าน”ไป๋ผูอวี้หยิบตลับยาส่งให้เสิ่นจิ้งเฟย อีกเหตุผลที่เขามาก็เพราะได้ยินว่าเว่ยหลงชกคุณชายเสิ่นจนปากแตก ถึงแม้ผู้ติดตามของตนจะเบาแรงแล้วแต่หมัดของเว่ยหลงไม่ธรรมดา จึงตั้งใจจะมาดูอาการของอีกฝ่าย และก็อย่างที่คาด แผลฟกช้ำบนใบหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยแย่อย่างที่เขาคิด เขาจึงตั้งใจเอายาทาแผลแก้ฟกช้ำอย่างดีของอาจารย์มาให้ ยาตลับนี้เป็นยาดีสกัดด้วยสมุนไพรหายากหลายชนิดที่อาจารย์เคยให้ตนเมื่อนานมาแล้ว เพราะยามฝึกยุทธิ์เขาเคยได้รับบาดแผลบ่อย ๆ หากแผลฟกช้ำบนหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยเบาลง เสิ่นมู่หยางอาจคลายโทสะได้บ้าง ถึงแม้จะเห็นว่าเว่ยหลงสมควรได้รับโทษแต่เขาก็กลัวว่าจะเป็นโทษหนัก

“ท่านให้ข้า?”จื่อฟางมองตลับยาที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ตาโต โอ้…ไป๋ผูอวี้ทำเรื่องแปลกจริงๆ

“ใช่ ท่านหูหนวกหรือ”ไป๋ผูอวี้ยังคงยื่นตลับยาให้คุณชายเสิ่น เขาเห็นรอยช้ำบนหน้าของอีกฝ่ายแล้วอดเอ่ยชมไม่ได้

“เว่ยหลงยังมีฝีมือเหมือนเดิม”

จื่อฟางได้ยินแล้วถลึงตาใส่แต่ยังไม่รับตลับยาจากอีกฝ่าย

“รับไปสิ”ไป๋ผูอวี้ยื่นจนเมื่อยแขนแล้ว

“ท่านให้ข้า?”จื่อฟางถามซ้ำ ครั้งนี้ไป๋ผูอวี้ไม่ตอบ “ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ใช่ยาพิษ”

หากไป๋ผูอวี้ใส่ผงอะไรลงไปเล่า ร่างนั้นมีสีหน้ารำคาญใจ ก่อนจะเข้ามาประชิดตัวร่างบางด้วยความว่องไว ใช้มือหนึ่งจับคอของเสิ่นจิ้งเฟยไว้ อีกมือป้ายยาใส่บริเวณฟกช้ำบนใบหน้าของคุณชายจอมพูดมากโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จื่อฟางอ้าปากค้างด้วยตกใจไม่คิดว่าไป๋ผูอวี้จะเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ แต่อีกฝ่ายมือเบาเสียจนเขาไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่เนื้อยามีความเย็นส่งกลิ่นหอมออกมาแตะจมูก

“ข้าทำเองดีกว่า”จื่อฟางเอ่ยยกมือแตะฝามือหนาของอีกคนที่กุมลำคอของตัวเองอยู่ แต่ไปผูอวี้ออกแรงบีบคอเบาๆจนเขาหุบปากเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายละเลงยาบนหน้าจนพอใจ

“จะว่าไปท่านเป็นบุรุษแท้ๆแต่ทำไมผิวกายถึงเนียนละเอียดเช่นนี้”ไป๋ผูอวี้มองผิวหน้านุ่มมือของเสิ่นจิ้งเฟยอย่างไม่เข้าใจ ร่างบางเส้นผมเปียกแนบเสื้อคลุม ดวงหน้าขาวซีด นัยน์ตาคู่งามเป็นประกายมีชีวิตชีวาช่างแตกต่างจากคนเก่านัก แต่คุณชายเสิ่นมีคนเก่าด้วยหรือ?ไป๋ผูอวี้คงคิดมากไปเอง 

“ข้าจะไปรู้หรือ”จื่อฟางพึมพำ อยู่ๆไป๋ผูอวี้ก็พูดแปลกๆ สมองคงเพี้ยนไปแล้วกระมัง ทั้งยังจ้องตนตั้งนาน ไม่รู้คิดอะไรอยู่

“มิน่า…หลี่ฮุ่ยจือถึงได้ชอบท่าน เมื่อครู่หากข้าไม่เห็น…”ไป๋ผูอวี้หยุดกะทันหันเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา แต่จื่อฟางได้ยินเต็มสองรูหู เขาเกือบลืมไปแล้วแท้ๆว่าแก้ผ้าต่อหน้าไป๋ผูอวี้ จื่อฟางตอนนี้จึงหน้าแดงก่ำไปถึงลำคอ บุรุษตรงหน้าทายาเสร็จก็รีบปล่อยมือเหมือนโดนน้ำร้อนลวก

“ขอบคุณ”จื่อฟางพึมพำตอบเบาๆ อยู่ ๆก็ทำตัวไม่ถูก

“คุณชายไป๋ท่านออกมานานแล้ว”เสียงระรื่นหูของซูเหลียนฮวาดังอยู่ด้านนอก จื่อฟางจึงเหลือบมองหน้าไป๋ผูอวี้อย่างตื่นๆ

“หรือข้ามาขัดจังหวะคุณชายทั้งสอง”ซูเหลียนฮวาเอ่ยเย้าแหย่มาจากนอกห้อง นางแอบเงี่ยหูฟังอยู่หรอกถึงได้รู้ว่าในห้องคุณชายไป๋ของนางพูดอะไร นางหัวเราะเบาๆ รู้สึกว่าน่าสนใจนัก ซูเหลียนฮวาไปจัดการหยางชวีในห้องข้างๆมา นางฝากรอยจูบไว้บนหน้าผากของเจ้านั่นด้วย เจ้าคนน่าสงสารโดนนางเล่นงานไปถึงสองครา ‘หวังว่าจะไม่คิดแค้นข้าหรอกนะ หยางชวี’

“…พรุ่งนี้ข้าจะพาเว่ยหลงมารับโทษ”ไป๋ผูอวี้ลุกยืน กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ปัดความรู้สึกกระอักกระอ่วนออกไปอย่างรวดเร็ว จื่อฟางก็เช่นกัน ตอนแรกเขาตั้งใจเดินไปส่ง แต่คิดไปคิดมาควรนั่งอยู่เฉยๆดีกว่า เขามองไป๋ผูอวี้ออกไปจากห้องเงียบๆก่อนถอนหายใจออกมา ว่าแต่เมื่อครู่นี่มันอะไรกัน เขาจับใบหน้าที่ถูกละเลงด้วยยาทาแผลแล้วครุ่นคิดในใจ ไป๋ผูอวี้มือเบามากจริง ๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 09:39:30 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 
 ~•~

เป็นเช้าที่แสนวุ่นวาย เสิ่นมู่หยางรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ที่สำคัญคือใต้เท้าเฉินฉางเซียงที่จะมาสอนหนังสือให้จื่อฟางก็มาด้วย ใต้เท้าเฉินเป็นชายร่างเล็กอายุราวๆห้าสิบปีได้ ใบหน้าคล้ายใจดี แต่นิสัยกลับตรงกันข้าม ใช้สายตามองเขาอย่างประเมินอยู่ตลอดเวลา ในห้องโถงเวลานี้เต็มไปด้วยความกดดัน เสิ่นมู่หยางนั่งหน้าเคร่งอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง ใต้เท้าเฉินดื่มชาอยู่เงียบๆคล้ายไม่สนใจว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้น ส่วนไป๋ผูอวี๋ยังคงสุภาพสุขุมเช่นเคยราวกับเป็นผู้มาเยือนเพียงแค่แวะเวียนมาดื่มชากับสหายเท่านั้น ต่างจากจื่อฟางที่นั่งอย่างกระสับกระส่าย

เว่ยหลงนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้อง มีหยางชวี จางต้าคุกเข่าอยู่เบื้องหลังด้วยสีหน้าสำนึกผิด จื่อฟางนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเมื่อเช้าแล้วก็ปวดขมับ ใครจะคิดว่าใต้เท้าเฉินฉางเซียงมาปลุกเขาด้วยตัวเองถึงในห้อง!

“อ๊าก อะไรเนี่ย”จื่อฟางสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บแสบที่แขน ลืมตาได้ก็เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งถือไม้เรียวฟาดแขนเขาอยู่

“ไอ้เจ้าเด็กไม่รักดี! ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่เอาไหนแต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงเพียงนี้ ตะวันโด่งแล้วยังไม่ลุกจากที่นอนอีก เสิ่นมู่หยางตามใจเจ้าเกินไปแล้ว น่าสงสารเสิ่นฉินอี้ปู่เจ้า ป่านนี้คงร่ำไห้อยู่ปรโลกแล้วกระมัง”เสียงสั่นเครือแหบห้าวดังขึ้น เขาไม่ทันได้คิดว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบดีดตัวหนีไม้เรียวที่ฟาดมาอีกที

“อะไรของท่านเนี่ย ใครอยู่ข้างนอก มาจับตาแก่นี่ออกไปที”จื่อฟางตะโกนหลบหลีกไม้เรียวเป็นที่วุ่นวาย แต่คำพูดของเขากลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธเคือง

“ผายลมอะไรออกมา เจ้าเด็กเลว!”จื่อฟางวิ่งหนี ในสมองวิ่งวน ไม่เห็นบ่าวไพร่คนไหนเข้ามาก็เริ่มเอะใจ แถมเสิ่นมู่หยางไปไหนแล้ว เขามองชายแก่ที่หยุดหอบอยู่ตรงหน้า เดี๋ยวนะ…หรือตาแก่นี่คือ…

“ท่าน…คือ…”

“ท่านอะไร! ข้าไม่ใช่ตาแก่แล้วรึ เสียแรงที่พ่อเจ้าไปคุยกับข้าถึงบ้าน คุยอยู่หลายวันข้าถึงใจอ่อน แต่ดูเด็กไม่เอาไหนเช่นเจ้า มันน่านัก!”เฉินฉางเซียงโมโหจนตัวสั่น จื่อฟางอ้าปากค้างพะงาบ ๆ นี่คืออาจารย์ของเขาหรือ แย่แล้ว!เขารีบนำเก้าอี้มาให้ท่านอาจารย์ในอนาคตนั่งทันที

“เฮอะ”

“ท่านอาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว”จื่อฟางใช้น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบ

เพี๊ยะ

“ใครเป็นอาจารย์เจ้า รีบแต่งตัวออกไปที่ห้องโถงได้แล้ว!”เขาโดนไม้เรียวฟาดมาอีกทีหนึ่ง

และนั่นก็เป็นการพบกันที่ดูไม่จืดระหว่างเขาและใต้เท้าเฉินฉางเซียงที่ยังไม่ยอมให้เขาเรียกว่าอาจารย์

“ท่านพ่อ…”จื่อฟางเอ่ยเรียก เสิ่นมู่หยางได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็หน้าแดงก่ำ ตวัดสายตาดุๆมองมาที่เขา หายใจกระฟัดกระเฟียดอยู่เป็นนาน แต่จื่อฟางรู้ว่าเสิ่นมู่หยางไม่พอใจมากเมื่อเห็นรอยฟกช้ำบนหน้าของเขา ถึงแม้จะเบาลงไปเล็กน้อยเพราะยาดีของไป๋ผูอวี้ก็ตาม

เสิ่นมู่หยางเพิ่งกลับมาจากบ้านของใต้เท้าเฉินก็เจอไป๋ผูอวี้พาผู้ติดตามนามว่าเว่ยหลงมาขอพบ เสนาบดีเสิ่นแปลกใจมากเพราะนี่คือครั้งแรกที่คนจากสกุลไป๋มาหาตนที่จวน ไป๋ผูอวี้บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง เสิ่นมู่หยางมีโทสะยิ่งนักเมื่อได้ยินว่าเสิ่นจิ้งเฟยบาดเจ็บ ตั้งใจจะไปดูอาการของบุตรชายแต่ใต้เท้าเฉินขอไปปลุกเสิ่นจิ้งเฟยด้วยตัวเอง เสนาบดีเสิ่นห้ามไม่ได้

เฉินฉางเซียงเป็นสหายคนสนิทของเสิ่นฉินอี้ท่านพ่อที่ลาโลกไปแล้วของตน ใต้เท้าเฉินเคยเข้าออกจวนสกุลเสิ่นบ่อย ๆตั้งแต่เริ่มจำความได้ เสิ่นมู่หยางเองก็คุ้นเคยดี ถึงแม้จะไม่เต็มใจนักแต่ใต้เท้าเฉินเป็นผู้อาวุโสที่เขานับถือรองลงมาจากท่านพ่อผู้ล่วงลับ  กว่าใต้เท้าจะยอมตกลงมาสอนหนังสือให้บุตรชายได้ เขาต้องแบกหน้าไปขอร้องอยู่หลายวัน แม้จะรู้ดีถึงความร้ายกาจของใต้เท้าเฉินแต่ท่านเป็นความหวังเดียวของตน เสิ่นมู่หยางไม่เชื่อว่าใต้เท้าเฉินจะจัดการกับเสิ่นจิ้งเฟยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยอมตกปากรับคำ

ไม่รู้ใต้เท้าเฉินปลุกด้วยวิธีใด เสียงร้องของเสิ่นจิ้งเฟยจึงดังออกมาถึงห้องโถง เท่านั้นไม่พอเจ้าจางต้าและหยางชวีก็เข้ามาคุกเข่าด้วย เขาแทบอยากไปถลกหัวบ่าวรับใช้ไม่ได้เรื่อง แม้แต่หยางชวีก็เอาบุตรชายของตนไม่อยู่ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ สุดท้ายเสิ่นจิ้งเฟยก็โผล่มาในห้องโถงด้วยใบหน้าฟกช้ำ ริมฝีปากบวม เสิ่นมู่หยางตกใจจนอยากร่ำไห้ ใบหน้าหมดจดของลูกชายกลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว ถึงเสิ่นจิ้งเฟยจะดื้ออย่างไรเขาก็ไม่เคยตี แต่เจ้าบ่าวไพร่ไม่มีหัวนอนกับกล้าดีอย่างไร!เสิ่นมู่หยางไม่ทันได้สั่งคนมาลากเว่ยหลงไปโบย บุตรชายตัวดีก็เล่าเรื่องหลี่ฮุ่ยจือให้ฟัง ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบเช่นนี้

“ทำไมไม่คิดบอกข้าเรื่องหลี่ฮุ่ยจือ”เสิ่นมู่หยางเอ่ยถามเสียงเหนื่อยอ่อน เขาพุ่งเป้าไปที่หยางชวีแทน

“เจ้าเองก็คิดปิดข้าหรือ ข้าส่งเจ้าติดตามเสิ่นจิ้งเฟยก็เพราะอยากให้เจ้าปรามเขา! แล้วนี่อะไร เจ้ากลับช่วยเขาปกปิด แล้วไหนจะเรื่องที่เจ้าบกพร่องต่อหน้าที่ ปล่อยให้เสิ่นจิ้งเฟยได้รับบาดเจ็บ”เขาตะคอกเสียงดัง จนจางต้าตัวสั่นงันงก

“ข้าน้อยน้อมรับความผิด”หยางชวียังคงมีใบหน้าเรียบเฉยเช่นเคย ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจ

“ท่านพ่อ หากข้าบอกท่านแล้วอย่างไร ท่านทำอะไรได้หรือ”จื่อฟางไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนจึงโพล่งออกมา เสิ่นมู่หยางเหลียวมองเขาหน้าคล้ำ

“เจ้ายังจะพูดอีก ไหนบอกจะเปลี่ยนตัวเอง แล้วดูเจ้าทำกับข้า เจ้ายังสนุกไม่พอหรือ”จื่อฟางอ้าปากจะเถียงแต่ไป๋ผูอวี้ลุกยืนด้วยท่าทางอ่อนน้อมจนขัดลูกตา

“เสนาบดีเสิ่น ความจริงแล้วเป็นความผิดของผู้ติดตามของข้าเอง ท่านควรลงโทษตามที่เห็นสมควร”ไป๋ผูอวี้เอ่ย มองหน้าจื่อฟางปราดหนึ่งแล้วก้มมองเว่ยหลง เว่ยหลงหนอ…เจ้าคงคิดแค้นข้าแน่ จื่อฟางนึกอยู่ในใจ เหลือบมองเสิ่นมู่หยางที่ดูอิดโรยเหมือนคนอดนอน คงเพราะมีคนนอกอยู่ด้วย ท่านพ่อของเสิ่นจิ้งเฟยจึงอารมณ์ไม่รุนแรงอย่างที่เขาคาด

“เจ้าว่าอย่างไร เฟยเอ๋อร์ เขาเป็นคนทำผิดต่อเจ้า เจ้าก็ตัดสินโทษเขาเถอะ”เสิ่นมู่หยางหันไปหาบุตรชาย วันนี้ตนเหนื่อยมาก ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องวุ่นวายแต่เช้าเช่นนี้ ไหนจะเรื่องของหลี่ฮุ่ยจือ แต่ก็จริงอย่างที่บุตรชายพูด รู้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“ข้าหรือ”จื่อฟางแทบไม่อยากเชื่อหู แต่เสิ่นมู่หยางก็พยักหน้าตามนั้น นั่งลงดื่มชาเหมือนตัดสินใจแล้ว เด็กหนุ่มจึงก้มมองเว่ยหลงที่บัดนี้ยังก้มหน้าอยู่ จื่อฟางหันมองไป๋ผูอวี้อย่างขอความเห็น แต่ร่างนั้นยกยิ้มโคลงศีรษะเชิงให้ตนจัดการตามใจชอบ

“คุณชายลงโทษเขาเถอะ”

กดดันกันเกินไปแล้ว! จื่อฟางมองออกไปด้านนอกอย่างว้าวุ่นใจ ในเมื่อเสิ่นมู่หยางไม่เอาเรื่องหนัก เขาก็ต้องว่าไปตามนั้น

“ถ้า…ถ้าอย่างนั้นก็โบยเว่ยหลงสิบที!”เขาสั่งเสียงดัง เห็นเสิ่นมู่หยางขมวดคิ้ว จึงคิดว่าน้อยไปกระมัง แต่เท่าไหร่ถึงจะพอดีเล่า

“ไม่สิ สามสิบทีก็แล้วกัน!”จื่อฟางเปลี่ยนจำนวนครั้ง มองร่างกายกำยำของเว่ยหลงแล้วคิดว่าเจ้าคนผู้นี้คงทนได้กระมัง สิ้นเสียงบ่าวรับใช้ก็พากันมาเอาตัวเว่ยหลงออกไปที่ลานบ้าน จื่อฟางรีบตามไปดู แต่ไป๋ผูอวี้อยู่คุยกับเสิ่นมู่หยางไม่รู้ว่าเรื่องใด เขาไม่ได้สนใจนักเพราะตอนนี้ต้องไปติดสินบนคนโบยเสียก่อน เด็กหนุ่มเข้าไปกระซิบกับบ่าวผู้หนึ่งที่ทำหน้าที่ถือไม้โบยกำลังเตรียมทำโทษเว่ยหลง

“เบามือหน่อยได้หรือไม่”เขาเอ่ย บ่าวรับใช้เพียงแค่มองหน้าจื่อฟางเงียบๆไม่รู้ว่าเข้าใจหรือไม่ ร่างบางเหลือบมองเว่ยหลงที่ถูกจับนอนคว่ำที่แท่นตรึง   

“ข้าให้เงินเจ้าเพิ่ม”จื่อฟางกระซิบยัดถุงเงินเล็กๆใส่มือของอีกฝ่าย สุดท้ายคนผู้นั้นก็ยอมพยักหน้าเมื่อเห็นว่านายท่านใหญ่ของจวนไม่ออกมาดู

“ข้าขอโทษจริงๆนะ”จื่อฟางก้มกระซิบกับเว่ยหลงด้วยความรู้สึกผิด เจ้าตัวเพียงแค่นเสียงตอบกลับมา

ตุบตับๆ

เสียงทุบตีดังขึ้น จื่อฟางเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่กล้ามอง ฟังจากเสียงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าพวกบ่าวมันเบาแรงบ้างหรือไม่ เว่ยหลงไม่ส่งเสียงร้องสักนิด จื่อฟางได้กลิ่นเลือดก็ทนดูไม่ไหวรีบกลับเข้าไปในห้องโถง ไป๋ผูอวี้ใจแข็งเกินไปแล้ว ในห้องโถงเหลือเพียงแค่เสิ่นมู่หยางกับไป๋ผูอวี้ ดูท่าบทสนทนาเป็นไปด้วยดีเพราะสีหน้าของท่านพ่อดูดีกว่าเดิมมาก แต่ข้ารับใช้ของเขายังคงนั่งคุกเข่าอยู่

ไป๋ผูอวี้ได้ยินเสียงโบยจากด้านนอกก็ได้แต่ลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเสิ่นจิ้งเฟยเข้ามา เขาก็หันไปมองคุณชายในชุดสีเขียวอ่อนกระจ่างตา ใบหน้าหมดจดเต็มไปด้วยความกังวล รอยฟกช้ำยังคงเด่นชัด เสิ่นมู่หยางไม่อยากมองหน้าบุตรชายจึงก้มมองจอกชาแทน

“ท่านพ่อ ข้าเองก็มีส่วนผิด”จื่อฟางเอ่ยอย่างนึกละอาย เขาทำให้คนนี้ผิดหวังอีกแล้ว “ท่านโกรธข้าหรือ”จื่อฟางทำหน้าเศร้าหมอง ไป๋ผูอวี้ก้มหน้าดื่มชาเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด

“เงียบ”เสิ่นมู่หยางยกมือห้าม ถลึงตาใส่ ยังมาพูดต่อหน้าไป๋ผูอวี้อีก เจ้าลูกคนนี้คิดจะปั่นประสาทเขาหรือไร

“เสนาบดีเสิ่น ข้าไม่รบกวนเวลาแล้ว วันนี้ข้าขออภัยจริง ๆ คราวหน้าจะสั่งสอนบ่าวรับใช้ให้ดี”ไป๋ผูอวี้ถือโอกาสล่ำลา เสิ่นมู่หยางทำได้แค่เหยียดยิ้มเท่านั้น

“ช่างเถอะ แต่หากมีครั้งหน้าข้าจะไม่เกรงใจ บทลงโทษของบ่าวไพร่เจ้ายังเทียบไม่ได้กับรอยฟกช้ำบนหน้าบุตรชายข้าเลยด้วยซ้ำ สั่งสอนบ่าวไพร่เจ้าให้ดี”แค่เสิ่นมู่หยางยอมให้โบยไปสามสิบทีก็ดีแค่ไหนแล้ว หากไป๋ผูอวี้ไม่ได้ช่วยบุตรชายตนไว้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้จบง่ายๆแน่

“ข้าจะสั่งสอนเขาให้ดี”ไป๋ผูอวี้รับคำก่อนจากไปอย่างนอบน้อม จื่อฟางไม่ชินกับท่าทีเช่นนี้ของไป๋ผูอวี้ ถึงจะแค่แสร้งทำแต่ก็ขัดหูขัดตา

เมื่อคนนอกออกไปหมดแล้วเสิ่นมู่หยางก็หันมาเล่นงานบุตรชาย “เฟยเอ๋อร์ เจ้าคิดจะเปลี่ยนตัวเองจริงหรือ”เขาถอนหายใจ อารมณ์โกรธหายไปหมดแล้ว

“ข้าพูดจริง ครั้งนี้ทำให้ท่านผิดหวัง ข้าเสียใจจริงๆ”จื่อฟางนั่งคุกเข่าเช่นเดียวกับจางต้าและหยางชวี

“ข้าไม่ได้ขอร้องท่าน แต่ข้ามีส่วนผิดด้วย จางต้าและหยางชวีรับใช้ข้าด้วยความจริงใจ ข้าไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ทั้งสองคนต้องเจ็บตัว ครั้งนี้ท่านลงโทษข้าเถอะ”จื่อฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ครั้งนี้เขาไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง ที่ด้านหลังเขาได้ยินจางต้าร้องไห้อีกแล้ว เจ้านี่มันบ่อน้ำตาตื้นจริง ๆ

เสิ่นมู่หยางมองบุตรชายด้วยสายตาไตร่ตรอง ครั้งนี้เสิ่นจิ้งเฟยคุกเข่าไม่ใช่การขอร้อง แต่เป็นการยอมรับผิดอย่างแท้จริง เขาถอนหายใจ

“ได้ ข้าจะไม่ลงโทษจางต้ากับหยางชวี แต่ข้าสั่งเจ้าไปนั่งคุกเข่าในลานบ้านจนกว่าข้าจะสั่งให้พอ”เสิ่นมู่หยางสั่งบุตรชายด้วยสีหน้าราบเรียบ

“นายท่าน ข้าน้อย—”หยางชวีและจางต้าแย้งพร้อมกัน

“หุบปาก! หรือจะให้ข้าเพิ่มโทษให้คุณชายของพวกเจ้า!”เสิ่นมู่หยางหมดความอดทนแล้ว เขาสะบัดเสื้อจากไป ต้องกัดฟันกรอดๆกว่าจะก้าวออกมาจากห้องโถงได้ เป็นครั้งแรกที่ตนแข็งใจลงโทษบุตรชายในรอบสิบแปดปี

จื่อฟางนั่งคุกเข่าอยู่ในลานบ้านไม่ปริปากบ่นสักคำ เขาเห็นสีหน้าของเสิ่นมู่หยางแล้วสะท้อนใจ ท่านพ่อผู้นี้คงกลั้นใจสุดๆ กลิ่นคาวเลือดของเว่ยหลงยังติดจมูกอยู่แม้บ่าวไพร่จะมาเช็ดล้างแล้ว จื่อฟางถอนหายใจ เขาก็ไม่ได้อยากเป็นพระเอกหรอก แต่เขาต้องแสดงความจริงใจไม่อยากให้เสิ่นมู่หยางผิดหวังในตัวเขาอีก ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงจื่อฟางก็เจ็บเข่าแล้ว เขาเคยทำงานหนักก็จริง แต่ไม่เคยคุกเข่าอยู่ท่าเดียวเป็นชั่วโมง จางต้าและหยางชวีทนไม่ไหวต้องมานั่งคุกเข่าเป็นเพื่อนเขาด้วย

“คุณชาย เหตุใดท่านทำเช่นนี้”จางต้าตาแดงก่ำ อยากจะโขกหัวลงพื้นแต่กลัวนายท่านมาเพิ่มโทษคุณชาย นายท่านใจแข็งลงโทษคุณชายเสิ่นเช่นนี้ หรือจะหมดความเอ็นดูแล้ว จางต้ายิ่งคิดก็ยิ่งน้ำตาไหล

“ข้ายังไม่ตาย เจ้าจะฟูมฟายทำไม ดูหยางชวีสิ เขายังทำหน้าเดียวได้เลย”จื่อฟางเอ่ยติดตลก หยางชวีเพียงมองเขานิ่งๆด้วยสายตาจับผิด

“คุณชาย เมื่อคืนไป๋ผูอวี้มาหาท่านใช่หรือไม่”ถึงจะถามเสียงไม่สะทกสะท้านแต่เมื่อเช้าหยางชวีตื่นมาด้วยรอยจูบบนหน้าผาก พลันจำได้ว่านางมารหมื่นพิษบุกมาในห้องของตน เดิมทีคิดว่าฝันไป แต่ไม่ใช่เพราะเขาจำกลิ่นหอมของนางได้ ที่แท้นางวางยาเขาอีกแล้ว ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งมีสีหน้าบึ้งตึง สักวันเขาต้องจัดการนางให้ได้!

“ใช่…”จื่อฟางจะถามต่อ แต่เห็นสีหน้าของหยางชวีแล้วก็เลือกหุบปากเงียบ วันนั้นจื่อฟางถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าอยู่ในลานอยู่ครึ่งค่อนวัน จนหัวเข่าเจ็บระบมไปหมด นั่งแทบไม่ติด นานกว่านี้จื่อฟางคงเป็นลมแน่ เสิ่นมู่หยางจึงใจอ่อนสั่งให้หยุด

“ที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะไม่รักเจ้านะเฟยเอ๋อร์”เสิ่นมู่หยางเข้ามาประคองบุตรชาย จื่อฟางไม่ได้คิดมากเพียงพยักหน้าเข้าใจ เสิ่นมู่หยางยกมือจับใบหน้าของบุตรชายเอียงไปมา รอยฟกช้ำพวกนี้…ใบหน้าบวม ริมฝีปากเจ่อ เกรงว่าคงใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะหาย บุตรชายของเขาคงไม่กล้าออกไปนอกจวนอีกนานแน่ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี   

“เรื่องของหลี่ฮุ่ยจือ ข้าขอโทษที่ทำอะไรให้เจ้าไม่ได้”จิตใจของเสิ่นมู่หยางหนักอึ้งขึ้นมา อัครเสนาบดีหลี่ไม่ใช่คนที่เขาจะแตะได้ง่ายๆ

“ท่านพ่อไม่ต้องคิดมาก ครั้งหน้าข้าจะระวัง”จื่อฟางยังไม่ทันได้ประจบ เฉินฉางเซียงก็โผล่มาขัดจังหวะของพ่อลูก ด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม้เท้าในมือส่งเสียงกึกๆ 

“จะโอ๋กันอีกนานหรือไม่ เสิ่นมู่หยางเจ้าไม่มีเรื่องทำรึ เจ้าเด็กเลว ตามข้ามา”ใต้เท้าเฉินกวักมือเรียกเขา เสิ่นมู่หยางยังจำได้ว่าเฉินฉางเซียงเคย‘สั่งสอน’เขาไว้เยอะเช่นกัน จึงไม่อยากรับมือกับคนร้ายกาจจึงรีบปลีกตัวหนีหายไปทันที จื่อฟางปัดชุดสีเขียวอ่อนสบายตาที่เปื้อนฝุ่นก่อนเดินเข้าไปหาใต้เท้าเฉินด้วยท่าทางหวาดๆ

“ท่านมีสิ่งใดจะสั่งสอนหรือ”เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าอ่อนน้อม ใต้เท้าเฉินส่งเสียงหึในลำคอ

“ไปจวนสกุลไป๋กับข้า”จื่อฟางตาโตแต่ใต้เท้าเฉินเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้เขายืนนิ่งอึ้ง เขายังไม่ได้ทานข้าวเช้าหรือข้าวกลางวัน หัวเข่าก็ปวดระบมไปหมด สารรูปย่ำแย่เช่นนี้ยังจะลากเขาไปไหนอีก

“เหตุใดท่านถึงไปจวนสกุลไป๋เล่า”จื่อฟางเข้าไปช่วยประคอง เฉินฉางเซียงทำเสียงรำคาญแต่ไม่ได้ออกปากไล่

“ข้ารู้จักกับไป๋อู่เหยียน”เฉินฉางเซียงตอบสั้นๆมองหน้าเขาครู่หนึ่งด้วยรอยยิ้มน่ากลัว โอ้…จื่อฟางไม่กล้าปฏิเสธจึงได้แต่ตามไปเงียบๆ หน้าจวนมีรถม้าคันเล็กๆเก่าๆจอดรออยู่แล้ว เหมือนเป็นรถม้าของใต้เท้าเฉิน คนขับรถม้าเป็นท่านลุงใบหน้าอ้วนกลม เมื่อเข้ามานั่งเบียดในรถม้าแล้ว คนขับก็ออกรถ ม้าอ้วนพีออกวิ่งจนกระชากร่างโงนเงน จางต้าและหยางชวีไม่ได้ตามมาด้วยเพราะใต้เท้าเอ่ยห้าม

“ข้าได้ยินว่าเจ้ามักไปก่อกวนสกุลไป๋ที่โรงน้ำชาหลิวซื่อ เจ้าทำไปเพราะเหตุใด”คำถามแรกที่ยิงมาทำให้จื่อฟางแปลกใจมาก เหตุใดใต้เท้าเฉินถึงสนใจ?

“ข้าแค่ไปคุยกับไป๋ผูอวี้เท่านั้น”เป็นคำตอบติดปากไปเสียแล้ว ใต้เท้าเฉินส่งเสียงหัวเราะหึๆ

“เจ้าเด็กไม่ได้เรื่อง”ว่าแล้วก็ยกไม้เท้าเคาะหัวเข่าของเขา

“โอ๊ย”เสิ่นจิ้งเฟยร้องโอดโอย แต่ใต้เท้าเฉินกลับไม่มีทีท่าสนใจ

“เจ้ารู้หรือไม่ข้าให้เจ้ามากับข้าเพราะเหตุใด”

“…เอ่อ ข้าไม่รู้”จื่อฟางตอบไปตามตรง ใต้เท้าเฉินทำท่าจะยกไม้เท้าฟาดเขาอีก จื่อฟางจึงกระเถิบตัวหนี เสิ่นมู่หยางเอาคนร้ายกาจเช่นนี้มาสอนเขาได้อย่างไรเนี่ย

“เจ้าพูดจาดูหมิ่นสกุลไป๋ ไปขอโทษจึงจะถูก”เฉินฉางเซียงสั่งสอน จื่อฟางแทบไม่อยากเชื่อหู

“ให้ข้าขอโทษสกุลไป๋? ข้าเป็นคุณชาย เขาเป็นแค่…โอ๊ย”จื่อฟางโดนฟาดอีกรอบจนน้ำตาเล็ด

“เจ้านี่มัน…ถ้าหากปู่เจ้ายังอยู่ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้ายังกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อีกหรือไม่”ใต้เท้าเฉินพึมพำ ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ

“ไป๋อู่เหยียนเป็นคหบดีชื่อดังในฉางอันเวลานี้ ไยเจ้าคิดทำตัวเป็นปรปักษ์กับเขา เป็นแค่พ่อค้าแล้วอย่างไร ผูกมิตรไว้ไม่ดีหรือ จุ๊ๆ เจ้ามันดีแต่ถือตนว่าเป็นบุตรขุนนาง หากวันหนึ่งพ่อเจ้าไม่ได้เป็นขุนนางแล้ว เจ้าจะเหลือสิ่งใดให้พูดอีก”เฉินฉางเซียงร่ายยาว เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับราชสำนักมานานแล้ว แต่ใช่ว่าไม่รู้พิษสง ตนเพียงแค่พูดให้เจ้าเด็กไม่เอาไหนคิดได้บ้าง จื่อฟางชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าซับซ้อนเหมือนมีเรื่องคิดเต็มหัว เขากระพุ้งแก้มตัวเอง สงสัยจะชินกับชีวิตสุขสบายของเสิ่นจิ้งเฟยไปแล้วถึงติดนิสัยไม่ดีมาด้วย

“ข้าแค่พูดเท่านั้น เจ้าไม่ต้องหน้าซีดไป”เฉินฉางเซียงเห็นแล้วหงุดหงิด เจ้าเด็กนี่ชอบทำหน้าตาน่าสงสารอยู่เรื่อย ไม่รู้แกล้งทำหรือไม่

“วันข้างหน้าเจ้าก็ตั้งใจเรียน ไปสอบเป็นบัณฑิตซะ”จื่อฟางตาโต บัณฑิต…เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของตน การเรียนสมัยนี้ยึดถือปรัชญาขงจื๊อเป็นหลัก นึกถึงบทความซับซ้อนที่ต้องแปลความพวกนั้นก็ปวดขมับจี๊ด ๆ

ผ่านไปไม่นานรถม้าก็จอดที่หน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง จื่อฟางไม่เคยมาที่คฤหาสน์สกุลไป๋จึงตื่นเต้นเล็กน้อย ใต้เท้าเฉินลงจากรถม้าอย่างกระฉับกระเฉงจนน่าแปลกใจ ต่างจากเขาที่เดินโขยกเขยกเพราะปวดหัวเข่าเข้าไปในคฤหาสน์ที่ร่มรื่นเสียจนคิดว่าตนเข้ามาในสวนมากกว่าบ้านคน สกุลไป๋รักธรรมชาติจริง ๆ เด็กรับใช้ในบ้านรีบมาต้อนรับ ไป๋ผูอวี้เดินตัวปลิวคล้ายหอบเอากลิ่นชามาด้วย ร่างนั้นเดินมาหยุดอยู่หน้าชายแก่ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“ใต้เท้าเฉิน ท่านสบายดีหรือไม่ เจอกันในจวนสกุลเสิ่นข้าไม่มีโอกาสได้ทักทาย”ไป๋ผูอวี้เอ่ยเสียงลื่นไหล หันมองเสิ่นจิ้งเฟยที่มีสีหน้างุนงง สายตาของเขาจับอยู่ที่เสื้อคลุมบริเวณหัวเข่าที่มีรอยเปื้อนฝุ่นทั้งสองข้างก็แปลกใจ เสิ่นจิ้งเฟยถูกทำโทษ? เสิ่นมู่หยางกล้าลงมือกับบุตรชายด้วยหรือ ไป๋ผูอวี้จ้องมองอยู่นานจนใต้เท้าเฉินกระแอม

“ข้าสบายดี พ่อเจ้าเล่า ข้าพาเสิ่นจิ้งเฟยมาคุยกับพ่อเจ้า”เฉินฉางเซียงและเสิ่นฉินอี้รู้จักกับสกุลไป๋ที่หลานโจว ยามนั้นเขากับฉินอี้อายุราวๆสี่สิบปี คิดไปเที่ยวพักผ่อนแต่กลับมีคนดักทำร้าย ได้ไป๋อู่เหยียนที่เป็นชายหนุ่มรักสนุกช่วยไว้ ก็นับว่ามีมิตรไมตรีต่อกัน หากเสิ่นฉินอี้รู้ว่าลูกหลานทำตัวเช่นไรกับคนที่เคยช่วยเหลือคงกลายเป็นผีมาอาละวาดเป็นแน่

จื่อฟางได้แต่เดินตามคนทั้งสองไปอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋ผูอวี้ถึงได้ดูคุ้นเคยกับคนแก่ร้ายกาจผู้นี้ เท่าที่จำได้ในนิยายไม่ได้พูดถึงเลยซักนิด เฮ้อ จะว่าไปเรื่องราวทั้งหมดนี่มันก็นอกบทมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาในโลกนี้ เขานึกถึงไปวันที่เขาแย่งบทของฉินเซียงอินในวันนั้น จื่อฟางมองแผ่นหลังของไป๋ผูอวี้อย่างครุ่นคิด คุณหนูฉินเพียงโผล่มาวับๆแวมๆเหมือนตัวประกอบอย่างไรอย่างนั้น

ไป๋ผูอวี้เดินนำแขกทั้งสองคนไปที่ศาลาริมบึงน้ำ บรรยากาศที่เลียนแบบธรรมชาติทำให้ในคฤหาสน์มีอากาศเย็นสบาย ลมพัดเข้ามาจึงทำให้หนาวอยู่บ้าง ไป๋อู่เหยียนนั่งดีดลูกคิดอยู่ในศาลาพอเห็นเฉินฉางเซียงก็ผุดลุกยืนทันที แปลกใจที่เห็นเสิ่นจิ้งเฟยเดินตามมาด้วยสีหน้ายับย่น

“ใต้เท้าเฉิน ไม่พบกันนาน”ไป๋อู่เหยียนออกมาต้อนรับอย่างยินดี

“ข้ารู้สึกเหมือนได้เจอเจ้าไม่นานมานี่เอง ที่ข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องไหน พาเจ้าเด็กไม่เอาไหนมาพบท่านจริงๆจังๆเสียที”เฉินฉางเซียงถอนหายใจ

“ท่านเกรงใจไปแล้ว”ไป๋อู่เหยียนไม่กล้าจริงๆถึงแม้เขาจะเคยรู้จักเสิ่นฉินอี้ แต่ก็เป็นเรื่องนานนมมาแล้ว สกุลเสิ่นยามนี้ไม่อยากรู้จักกับเขาด้วยซ้ำ จื่อฟางกับไป๋ผูอวี้มองหน้ากันครู่หนึ่ง มันเรื่องอะไรล่ะนี่ ใต้เท้าเฉินหันมามองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าพูดซะ จื่อฟางกระแอมเมื่อวานเขารู้ตัวดีว่าพูดจาเกินเลยไปบ้าง พอมาเผชิญหน้าเช่นนี้จึงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

“ข้าต้องขอโทษด้วยที่พูดจาดูหมิ่นเถ้าแก่ไปเมื่อวาน”เด็กหนุ่มค้อมกายอย่างมีมารยาท

“อา ช่างเถอะ ข้าไม่ติดใจ”ไป๋อู่เหยียนรีบพูด ถึงอย่างไรเว่ยหลงก็ผิดจริง รอยยิ้มบนหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้ส่อแววประจบ จื่อฟางจึงส่งยิ้มแห้งกลับไป ไปอู่เหยียนเดินนำใต้เท้าเฉินกับเขาไปนั่งในศาลา กลิ่นชาอ่อนๆลอยแตะจมูก สายตาของจื่อฟางพุ่งเป้าไปที่ขนมดอกเบญจมาศในจานตาเป็นมัน เขาไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้แสบท้องไปหมด

“ข้าแค่ทำตามในสิ่งที่เสิ่นฉินอี้ต้องการเท่านั้น เขาไม่รู้เสียหน่อยว่าบุตรชายและหลานเพียงคนเดียวจะเป็นเช่นนี้”ใต้เท้าเฉินมิวายจิกกัด จื่อฟางไม่รู้เรื่องราวของท่านปู่มากนัก พูดเช่นนี้แสดงว่าสกุลไป๋รู้จักเสิ่นฉินอี้อย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดเสนาบดีเสิ่นถึงไม่รู้จักสกุลไป๋ เหตุใดไม่เคยเอ่ยถึง จื่อฟางยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ท่านรู้จักท่านปู่ด้วยอย่างนั้นหรือ”จื่อฟางเอ่ยถามอย่างห้ามไม่อยู่ เฉินฉางเซียงเคาะหัวเข่าเขาเบาๆ ไป๋อู่เหยียนหัวเราะเสียงแห้ง มองคุณชายเสิ่นอย่างสำรวจ เสิ่นจิ้งเฟยมีใบหน้าละม้ายคล้ายสตรีที่ได้มาจากมารดา ไป๋อู่เหยียนเคยเห็นเสิ่นมู่หยางแต่เขาไม่คล้ายเสิ่นฉินอี้คนพ่อจึงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ใครจะไปคิดว่าหลายชายต่างหากที่มีใบหน้าหมดจดเหมือนเสิ่นฉินอี้ แต่ต่างกันตรงที่เสิ่นฉินอี้มีใบหน้าหมดจดแฝงความแข็งแกร่ง แต่หลานชายของคนที่ล่วงลับกลับงดงามอ่อนแอราวกับแก้วบาง

จื่อฟางทำตัวไม่ถูกเพราะถูกจ้องมอง ไป๋ผูอวี้กระแอมเบาๆเมื่อเห็นบิดามองเสิ่นจิ้งเฟยไม่วางตา ท่านพ่อเป็นอะไรไปแล้ว ไยถึงจ้องเสิ่นจิ้งเฟยเช่นนั้น แม้ในใจคิดสงสัยแต่ไป๋ผูอวี้ก็จัดการเทชาให้ใต้เท้าเฉินและเสิ่นจิ้งเฟย เห็นคุณชายตรงหน้าจ้องขนมตาเป็นมันก็เม้มปากกลั้นรอยยิ้ม ขยับจานไปให้อีกฝ่ายอย่างเชื้อเชิญ จื่อฟางอยากจะหยิบมากินแต่ก็กลัวเสียมารยาท จึงกลั้นใจยกชาดื่มแทน

“ขออภัยพอเห็นคุณชายเสิ่น ข้าก็นึกถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมา ความจริงข้ารู้จักปู่ของท่านเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หลานโจว คราวนั้นได้ช่วยชีวิตปู่ท่านและใต้เท้าเฉินไว้โดยบังเอิญ นับว่าเป็นเรื่องสนุกมากทีเดียว”ไป๋อู่เหยียนก้มมองถ้วยชาด้วยสีหน้าเหม่อลอยอยู่บ้าง ไป๋ผูอวี้รู้แค่ว่าท่านพ่อรู้จักกับใต้เท้าเฉินฉางเซียงเท่านั้น จึงแปลกใจที่ท่านพ่อรู้จักกับคนในสกุลเสิ่นด้วย

จื่อฟางเห็นว่าคนในศาลาไม่มีใครสนใจเขาจึงหยิบขนมดอกเบญจมาศเข้าปาก แต่ไม่คิดว่าไป๋ผูอวี้จะหันมามองด้วยสายตาขบขัน

“ถึงจะนานมาแล้ว แต่เจ้ายังดูแข็งแรงเป็นคนหนุ่มเฉกเช่นวันนั้น”เฉินฉางเซียงหัวเราะเบาๆ ไป๋อู่เหยียนเพียงยิ้มรับเท่านั้น กลายเป็นพูดคุยถึงเรื่องราวความหลังไปแล้ว

“ทำไมบิดาข้าถึงไม่รู้จักเถ้าแก่เล่า ถ้าหากท่านปู่รู้จักเถ้าแก่จริง เหตุใดถึงไม่เล่าให้บิดาฟังบ้าง”จื่อฟางเอ่ยถามอย่างที่ใจคิด ไป๋อู่เหยียนมองเขาด้วยสายตาที่แปลไม่ออก

“ข้าคิดว่าปู่ท่านคงมีเหตุผล…เดิมทีสกุลไป๋ไม่ยุ่งเกี่ยวกับขุนนางราชสำนัก…”เจ้าตัวถอนหายใจ

“ไป๋อู่เหยียน เจ้าจำคำพูดของเสิ่นฉินอี้เมื่อครั้งนั้นได้หรือไม่”เฉินฉางเซียงเพียงพูดขึ้นเพราะเห็นเป็นเรื่องตลก ไป๋อู่เหยียนก็จำได้เช่นกันจึงหัวเราะฮ่าๆออกมา มองใบหน้าหมดจดของคุณชายเสิ่นอีกครั้ง เสิ่นฉินอี้เคยโกหกตนว่ามีหลานที่งดงามมากจนเขาอยากให้หมายหมั้นกับบุตรชาย แต่มารู้ความจริงที่หลังว่าหลานที่เสิ่นฉินอี้พูดถึงเป็นหลานชาย! ดีจริงๆที่ไม่ได้ตกลงรับปาก ไม่เช่นนั้นเรื่องคงออกมาพิลึกน่าดู

“พวกท่านหัวเราะสิ่งใด แบ่งปันให้ผู้น้อยเช่นข้าได้หรือไม่”ไป๋ผูอวี้เอ่ยถามอย่างสงสัย ใต้เท้าเฉินมองหน้าอีกฝ่ายก่อนหันไปมองเสิ่นจิ้งเฟยด้วยดวงตาฉ่ำน้ำเพราะหัวเราะมากเกินไป

“เสิ่นฉินอี้น่ะซี หลอกพ่อเจ้าว่ามีหลานหน้าตางามนัก จนพ่อเจ้าอยากหมายหมั้นให้แต่งงานกับเจ้าอย่างไรล่ะ”ใต้เท้าเฉินเอ่ย ไปผูอวี้ขมวดคิ้ว เมื่อไตร่ตรองดีๆก็พบว่าหลานที่พูดถึงคือเสิ่นจิ้งเฟยนั่นเอง จื่อฟางเมื่อคิดตกก็สำลักขนมจนกระอักกระไออยู่เป็นนาน รีบยกจอกชาดื่ม ใต้เท้าเฉินมองเด็กหนุ่มตาเขียวปั้ด ไป๋ผูอวี้ทำสีหน้าเรียบเฉยไม่คิดว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย …หน้าตางดงามหรือ เขามองหน้าคุณชายที่สำลักจนหน้าแดงก่ำ แต่จะว่าไปตอนที่เขาเจอกับเสิ่นจิ้งเฟยครั้งแรกเขาก็คิดว่าคุณชายผู้นี้งดงามเกินบุรุษ พอคิดว่าตนก็หลงกลไปกับคำว่า ‘งดงาม’จึงหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ต่อให้งดงามอย่างไรไป๋ผูอวี้ก็รู้ว่าระยะหลังมานี้ตนไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเพราะความงามแต่เป็นเพราะนิสัยที่แตกต่างราวคนละคน

จื่อฟางได้แต่อึดอัดใจ ไม่รู้ว่าคนพวกนี้หัวเราะสิ่งใดกัน ยิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเสิ่นจิ้งเฟยก็ยิ่งหงุดหงิดเหมือนถูกนินทาซึ่งๆหน้า



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2019 09:40:26 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
 o13 รอตอนต่อๆไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก็นึกๆเหมือนกันว่าอาจจะมีการหมั้นหมายกันไว้
ก็ใกล้เคียง .....เกือบจะเท่านั้น

จื่อฟางจะก้าวหน้ากว่าเสิ่นจิ้งเฟยมั้ยนะ  :hao3:
แต่ไป่ กับหวางชวี ดูจะเห็นความแตกต่างของจิ้งเฟยแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด