✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✦ว่าด้วยเรื่องของพระรอง✦ภาคปลาย บทหนึ่ง P.25 14/01/66 อัพพ  (อ่าน 182095 ครั้ง)

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
   
 “เหลียวตง…”เขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าเหลียวตง แววตาของ


เป็นประกายวาบก่อนเอ่ยถาม

“ท่านรู้จักด้วยหรือ”

ฟู่เทียนสือยกยิ้มน้อย ๆไม่คิดว่าคุณชายเสิ่นสนใจเช่นกัน “แน่นอนแม้สถานที่นั้นจะเป็นเพียงเรื่องเล่าขานปากต่อปากของชาวบ้าน ข้าจึงอยากพิสูจน์ด้วยตาตนเอง เจ้าอยากไปกับข้าไหมเล่า”เขาเอ่ยถามด้วยเสียงหยอกล้อ

“เวลานี้ยังไม่ได้”คำตอบของคุณชายเสิ่นทำให้ฟู่เทียนสือประหลาดใจ เจ้าเด็กคนนี้ความคิดคำพูดคำจาแปลกไปจริง ๆ

“แสดงว่าเจ้าอยากไปกับข้า”ชายหนุ่มเอ่ย ไม่ได้สอบถามมากความ จื่อฟางเหลือบมองบ่าวคนสนิทที่ทำสีหน้าตระหนกตกใจ เขาถอนหายใจ แม้ว่าอยากหลบหนีใจแทบขาด แต่หากเขาหนีปัญหาในตอนนี้ มีแต่ทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลังเดือดร้อน

“อืม…”


เพียงพยักหน้าใช้สายตากระจ่างใสมองสำรวจฟู่เทียนสือ

“ฟู่เทียนสือ ข้ามีเรื่องขอร้องท่าน”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลดเสียงจนเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่ว ฟู่เทียนสือเอียงศีรษะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนท่าทีอยากรวดเร็ว

“เจ้าว่ามาเถิด”

“เรื่องนี้เป็นความลับ”จื่อฟางส่งสายตาสื่อความหมาย

“โอ้…”อีกฝ่ายทำตาโต ท่าทางกระตือรือร้น

“ข้าบังเอิญไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งยากเข้า…ท่านคงรู้ หากมาเกี่ยวข้องกับข้า อาจทำให้ตัวท่านตกอยู่ในอันตรายไปด้วย”


เอ่ยอย่างไม่รอช้า ฟู่เทียนสือหัวเราะเบา ๆ ส่งเสียงจุๆ

“น้องเสิ่น ข้าคิดว่าเจ้ารู้ใจข้าเสียอีก ครั้งหนึ่งเจ้าเคยช่วยเหลือข้า หากไม่ได้เงินของเจ้าในวันนั้น มารดาของข้าคงจากโลกนี้ไปแล้ว ข้าวมื้อเดียวก็ถือเป็นพระคุณ เจ้ามีเรื่องเดือดร้อนข้ายินดีช่วย”ฟู่เทียนสือกล่าวเสียงจริงจัง ใบหน้าคมมากเสน่ห์ไม่ได้แสดงท่าทีล้อเล่นอีกต่อไป เขารู้ว่าสักวันคุณชายเสิ่นย่อมยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวาย เพราะฮ่องเต้เจี่ยผิงทรงโปรดปรานชายงาม แต่ชายงามเช่นเสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่คนที่จะยอมอ่อนน้อมได้ง่าย ๆ

จื่อฟางพยักหน้า“ท่านรอสักครู่”

เขาลุกจากที่นั่ง รีบก้าวเดินไปยังหีบที่ท่านปู่ทิ้งไว้ เปิดหีบนำแผ่นแผนที่เก่าจนเหลืองออกมา ส่งสายตาไปให้หยางชวี

“เจ้าแยกทองแท่งออกมาครึ่งหนึ่ง”เอ่ยคำสั่งจบ เขาก็กลับมานั่งที่เดิม ฟู่เทียนสือยังคงสีหน้าเดิมแม้แววตาจะส่อประกายใคร่รู้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม ชายหนุ่มมองคุณชายใบหน้างามตรงหน้าวาดๆเขียนๆอะไรสักอย่างจนแล้วเสร็จ จึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคัดลอกแผนที่

“ท่านเห็นหรือไม่ จุดตรงนี้คือเหลียวตง”จื่อฟางส่งแผนที่แผ่นใหม่ให้ฟู่เทียนสือ ชายตรงหน้ารับไปดูกวาดตาครู่เดียวก่อนพยักหน้า

“ข้าต้องการให้ท่านนำหีบใบนั้นติดตัวไปยังเหลียวตง ที่นั่นเป็นสถานที่ซ่อนตัวของข้า”จื่อฟางชี้ไปที่หีบของท่านปู่ หยางชวีแยกทองแท่งออกมาใส่หีบอีกใบเรียบร้อยแล้ว ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ

“เจ้าลึกลับนัก”ชายหนุ่มเอ่ยระหว่างที่พับแผนที่เก็บใส่ในแขนเสื้อ “แต่น้องเสิ่นไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาภายในสามเดือน”แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่อยากถาม เพราะหากเป็นความลับก็ไม่สมควรล่วงรู้มิใช่หรือ

“ฟู่เทียนสือ”จื่อฟางโน้มตัวไปใกล้ชายมากเสน่ห์เอามือป้องปากเอ่ยกระซิบ “ข้าบอกเจ้า อีกไม่นานในวังหลวงจะมีการก่อกบฏเกิดขึ้น ข้าไม่รู้เวลาแน่ชัด แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าต้องการเส้นทางหลบหนี ท่านพร้อมช่วยเหลือข้าได้หรือไม่”

ชายหนุ่มร่างสูงยกยิ้ม “คำตอบของข้ายังคงเป็นเช่นเดิม ข้ายินดีช่วยเจ้า คณะร้องรำของข้าชำนาญเส้นทางลับ เจ้าสามารถหลบหนีออกจากฉางอันได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”

ฟู่เทียนสือกล่าวแม้จะยังไม่เข้าใจนักก็ตาม หากมีการกบฏจริงเหตุใดเสิ่นจิ้งเฟยต้องการหลบหนีด้วย หรือสกุลเสิ่นมีส่วนเกี่ยวข้อง? ฟู่เทียนสือไม่สนใจเรื่องราวในราชสำนัก แต่เคยได้ยินมาว่าครั้งหนึ่งสกุลเสิ่นเคยมีอำนาจบารมี กระทั่งฮ่องเต้องค์ก่อนยังต้องฟังความเห็นของขุนนางอย่างเสิ่นฉินอี้ ยามที่เขามาฉางอันและพบกับเสิ่นจิ้งเฟยคุณชายผู้เอาแต่ใจ ในเวลานั้นสกุลเสิ่นถูกลดบทบาทจนเป็นเพียงตระกูลขุนนางที่เก่าแก่เท่านั้น เขาไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ ครอบครัวเป็นเพียงคณะร้องรำ แต่ก็ใช้ว่าไม่มีเส้นสาย หากมีเรื่องใดที่ช่วยเหลือเสิ่นจิ้งเฟยได้ เขาก็พร้อมยื่นมือช่วย เหตุผลอาจไม่มากมายอะไรนัก   

จื่อฟางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตกปากรับคำโดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดจึงรู้สึกอุ่นอยู่ในอก แม้เรื่องนี้จะค่อนข้างเสี่ยง เสิ่นจิ้งเฟย หากเจ้าได้พบคนผู้นี้อีกก็ดีสิ

“ขอบคุณมาก หากท่านกลับมาจากการเดินทาง ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง”จื่อฟางเอนตัวออกห่าง ประสานสายตากับอีกฝ่าย ชายหนุ่มดื่มชาอีกอึกใหญ่

“น้องเสิ่น ข้าดีใจที่เจ้าเปิดใจกับข้าถึงเพียงนี้”ฟู่เทียนสือพูดจากใจ 

“ท่านไม่คิดว่าข้าเปลี่ยนไปหรือ”จื่อฟางอดเอ่ยถามไม่ไหว บางครั้งชายผู้นี้มักมองมาด้วยสายตาที่ทำให้เขาไม่สบายใจ

“อืม…เจ้าแตกต่าง แต่เจ้าก็ยังเป็นเจ้ามิใช่หรือ”ชายหนุ่มพินิจมองเสิ่นจิ้งเฟยราวกับต้องการมองให้เห็นว่าเขาซ่อนสิ่งใดไว้ จื่อฟางพูดคุยกับชายหนุ่มจนฟ้ามืด เจ้าตัวจึงขอตัวกลับพร้อมกับหยางชวีที่ยกหีบใบนั้นตามออกไป

“คนแซ่ฟู่ผู้นั้น…คุณชายไว้ใจเขาหรือ”จางต้าเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงวิตกเมื่อร่างนั้นหายไปจากสายตา

“ข้าไว้ใจเขา”จื่อฟางตอบสั้นๆ เขาเชื่อความรู้สึกความรู้สึกของเสิ่นจิ้งเฟย

 


* 23.00 น. - 24.59

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2019 14:27:42 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
จะเป็นยังไวต่อไปนะ
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านตอน 16 จบ คืออิฮ่องเต้
อย่ามายุ่งกับจื่อฟางโว้ยยย

ตอนแรกก็เชียร์ให้คู่กับจิ้งเฟย(ในร่างเจาเฟิง)
แต่พอฮ่องเต้ฉวยโอกาสกับจื่อฟางด้วยคือไม่โอเค
แบบนี้ไม่เรียกว่ารักอ่ะ อยากได้ทั้งจิตใจ และร่างกาย
แม้ว่าคนในร่างจะไม่ใช่คนที่ตัวเองรักเนี่ยนะ

เปลี่ยนไปเชียร์ ฟู่เทียนสือกับจิ้งเฟยตัวจริงแทนดีกว่า

ส่วนคู่ของจื่อฟาง กับ ท่อนไม้ไป๋ก็ดีงาม
แต่มีแอบเขินตอนหยางชวีหวงจื่อฟางอ่ะ น่ารัก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาใจช่วยจื่อฟาง..........  :mew1: :mew1: :mew1:
ร้านค้าของจื่อฟางจะเป็นอย่างไรนะ  :hao3:
อยากให้ประสบความสำเร็จ จนโด่งดังระบือ 
คนมาอุดหนุนมากมาย ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ   :katai2-1:
ที่แน่ๆ คุณชายไป๋ จูบจื่อฟางด้วย  :o8: :-[ :impress2:

อยากให้ฟูเทียนสือเจอชายงามเสิ่นตัวจริง  :katai2-1:

ไป๋ผูอวี้  จื่อฟาง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เนี่ยยยย ฟู่เทียนสือคือดี จิ้งเฟยตัวจริง ต้องคู่กับคนนี้

หลี่สุ่ยจือ นางเป็นคนดีกว่าที่คิดนะเนี่ย
ถึงจะหื่นกามไปบ้างแต่นางก็เป็นห่วงจื่อฟาง(จิ้งเฟย)

ส่วนจ้าวเซียงซิง เป็นเพื่อนที่ดีอยู่นะหวังว่าในภายภาคหน้าจะคอยช่วยเหลือน้องจื่อฟางนะ

ส่วนท่อนไม้ไป๋กับหยางชวีคือกินกันไม่ลง
คนนึงก็จงรักภักดี+เคมีที่เข้ากันกับน้องจื่อฟาง
เลยแอบฟินนายบ่าวคู่นี้นะ

ท่อนไม้ไป๋ชอบตอนนางฟังเพลงขลุ่ยน้องแล้วกอดน้องจัง อบอุ่นมาก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ลุ้นค่ะ ว่าน้องจะหนีรอดจากเหตุการณ์กฎบหรือเปล่า

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น้องจื่อวางแผนหนีแล้ว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
งานนี้ล่ะมันส์แน่  ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
 :mew1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดูผลงานจะรอดหรือร่วง  :hao3:

ออฟไลน์ TiwAmp_90

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
นึกไม่ออกเลยว่าเรื่องจะจบลงยังไง ซับซ้อนจนเดาเรื่องไม่ได้อ่ะค่ะ อ้อ...ไม่ได้หมายความว่าไม่สนุกนะคะ จริงๆคือชอบมากกกก แต่ก็อ่านไปก็อึดอัดไปด้วยงี้ 555

ไหนจะจื่อฟางกับท่อนไม้ไป๋อีก ถ้าจะให้ลงเอยกันด้วยดีก็คงมีแต่หนีตามกันไปอยู่ที่ไกลๆนู่นล่ะ ส่วนจิ้งเฟยกับฮ่องเต้นั้น อยากรู้จริงๆว่าทำไมจิ้งเฟยถึงเกลียดได้ขนาดนี้ คหสต.คิดว่าฮ่องเต้น่าจะรักนั่นแหละ เพียงแต่รักไม่เป็นและไม่ยอมรับก็เท่านั้น

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เค๊าออกเดตในโรงน้ำชาแล้วจีบกันด้วยเพลงขลุ่ยอ่ะ  มีปลอบประโลมจิตใจกันเบาๆด้วย พ่อท่อนไม้ช่างอบอุ่นนัก

ออฟไลน์ mink2538

  • เว็บสำหรับคนพันธุ์ Y
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เป็นเรื่องที่หลงมาอ่านแต่พออ่านแล้วหลงหนักมาก
นับถือใจคนแต่งเลย ปมเยอะมาก

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เครียดไปด้วยเลย ติดตามต่อนะคะเข้มข้น

ออฟไลน์ ตุยชิคชิค

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เครียดแทนจื่อฟ่างเลยอะคือแบบก็แค่อ่านนิยายอยู่ดีๆตื่นมาอีกทีก็มาเจอกับเรื่องยุ่งยากเลย5555555

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
บทสิบเก้า: คำสัญญา


รัชทายาทเจี่ยผิงเหม่อมองแนวป่าไผ่ สายลมพัดเอื่อยต้องใบหน้าระหว่างที่รอให้เด็กน้อยเสิ่นในวัยเจ็ดขวบวางตัวหมากลงบนกระดานอย่างใจเย็น ที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากบ้านคน ไกลจากตรอกซีหมานที่คึกคักวุ่นวาย ไกลจากวังหลวง ศาลาลมที่เงียบสงบเปรียบเสมือนจุดพักหย่อนจิตใจของเจี่ยผิง เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าองครักษ์คนสนิทปรากฏกายใกล้กับรถม้าที่จอดอยู่ 

‘หลี่ลั่วหวั่นผู้นั้นทำสำเร็จแล้วสินะ’

“พี่ฟู่จวิ้นไม่เล่นหรือ”เสียงเล็ก ๆของเสิ่นจิ้งเฟยดึงให้เด็กหนุ่มกลับมาสนใจกระดานหมากอีกครั้ง

“ดูเหมือนว่าที่บ้านข้ามีธุระ คงต้องกลับแล้ว ไว้ข้าจะมาเล่นกับเจ้าใหม่”เจี่ยผิงพูดเสียงอ่อน วางมือลงบนศีรษะเล็ก ๆของคุณชายน้อย ใบหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยพลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเล็กเม้มเป็นเส้นตรง เจี่ยผิงเห็นแล้วเผยยิ้มออกมา ในภายภาคหน้าเสิ่นจิ้งเฟยเติบโตเป็นชายรูปงามอย่างไม่ต้องสงสัย

“ข้ายังไม่อยากกลับจวน ข้าเบื่อต้าซุย”เจ้าตัวส่งเสียงบ่น

“ต้าซุยเป็นพี่เลี้ยงเจ้า เขาจะเดือดร้อนถ้าหากเจ้าไม่กลับไปที่จวน”รัชทายาทยกยิ้ม คิดอย่างเยาะหยันในใจว่าเขาเป็นคนลอบพาคุณชายน้อยออกมาจากจวนสกุลเสิ่น เขาต่างหากที่เป็นคนทำให้เจ้าต้าซุยนั่นเดือดร้อน

“ครั้งหน้าข้าจะพาเจ้าออกไปเที่ยวนอกเมือง ดีไหม”เจี่ยผิงเสนอ เสิ่นจิ้งเฟยรีบพยักหน้าหงึกหงักรอยยิ้มใสซื่อกระจายเต็มหน้า ร่างสูงของรัชทายาทลุกจากที่นั่งจัดแต่งเสื้อตัวยาวสีเทาให้เรียบร้อยก่อนยื่นมือออกไปให้คุณชายเสิ่น เด็กน้อยคว้ามือที่ใหญ่กว่ามาจับไว้เหมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยว หลังจากที่มารดาของเสิ่นจิ้งเฟยจากไป เด็กน้อยผู้นี้ก็ยิ่งโดดเดี่ยวแม้กระทั่งเงินทองความเอาอกเอาใจของผู้เป็นบิดาอย่างเสิ่นมู่หยางก็ไม่อาจเติมเต็มได้ 

“พี่ฟู่จวิ้นห้ามโกหกนะ”ดวงตากระจ่างใสของอีกฝ่ายทำให้เจี่ยผิงเผยสีหน้าอ่อนโยนที่น้อยครั้งนักจะแสดงออกมา

“แน่นอน ข้าไม่โกหก”

เขาพาคุณชายเสิ่นเดินไปที่รถม้า องครักษ์ย่อกายคำนับก่อนจะเข้าประจำตำแหน่ง เสิ่นจิ้งเฟยเข้าไปนั่งซุกตัวอยู่ด้านในไม่พูดไม่จา รถม้าเริ่มออกตัว เจี่ยผิงถอนหายใจเบาๆ มองร่างเล็กด้วยสายตาครุ่นคิด เสิ่นจิ้งเฟยเป็นหลานชายของเสิ่นฉินอี้ เขารู้จักเสนาบดีเสิ่นดี แม้รัชทายาทหนุ่มจะบอกว่าไม่เร่งร้อน เขาต้องการรอให้เสิ่นจิ้งเฟยเติบโตจนเข้าใจเรื่องราวก่อนก็ตามแต่เสิ่นฉินอี้ไม่ยอมให้หลานชายมาข้องเกี่ยวกับตัวเขา

พูดถึงคนผู้นี้เขาได้ยินมาว่าอัครเสนาบดีอวิ๋นต้องการให้เสนาบดีเสิ่นรับตำแหน่งต่อก็ยิ่งทำให้จิตใจของรัชทายาทหนุ่มเต็มไปด้วยความกังวลหวาดระแวง ไม่มีผู้ใดคาดเดาความคิดของอวิ๋นเซียนหลางออก เวลานี้สุขภาพของเสด็จพ่อไม่ค่อยดี คงอยู่ได้อีกไม่กี่ปีเท่านั้น เจี่ยผิงสืบรู้มาว่าสกุลหลี่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสกุลเสิ่นมาช้านานต้องการขัดขาเสิ่นฉินอี้ และยังรู้ว่าฝ่ายนั้นวางแผนกระทำสิ่งใด องครักษ์ของเจี่ยผิงเคยรายงานว่าเสนาบดีหลี่ให้คนหาซื้อยาพิษรุนแรงจากนอกด่าน และวันนี้ก็เป็นจังหวะเหมาะสำหรับการลงมือเพราะเสิ่นมู่หยางเดินทางออกไปนอกเมืองฉางอัน เด็กหนุ่มให้องครักษ์ไปเฝ้าดูที่จวนสกุลเสิ่นและเมื่อครู่ที่องครักษ์คนสนิทโผล่มา ก็คาดเดาได้เพียงว่าเสนาบดีหลี่ทำสำเร็จแล้ว

‘เสิ่นฉินอี้…ท่านช่วยเหลือข้ามามากมายนัก จากนี้ข้าจะดูแลเสิ่นจิ้งเฟยเอง’ เขาเบนสายตามาจากคุณชายตัวน้อย ในตอนนี้เขาไม่ได้คิดทำเรื่องไม่ดีกับเสิ่นจิ้งเฟย เขาเพียงต้องการแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเสิ่นจิ้งเฟยช้า ๆ

“บ้านพี่ฟู่จวิ้นทำอะไรอย่างนั้นเหรอ”คำถามของเสิ่นจิ้งเฟยทำให้เจี่ยผิงหันไปมองร่างเล็กอีกครั้ง

“หากเจ้าโตกว่านี้ข้าจะบอก”เด็กหนุ่มยิ้มเมื่ออีกฝ่ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ไม่ได้ถามเซ้าซี้อย่างเด็กทั่วไป ขณะนั้นรถม้าก็จอดใกล้กับบริเวณจวนสกุลเสิ่น

“ให้ข้าส่งเจ้าด้านในหรือไม่”

เสิ่นจิ้งเฟยส่ายหน้า กระโดดลงจากรถม้า หันมองเขาครู่หนึ่งก่อนรีบวิ่งจากไป รัชทายาทมองตาม ย่นคิ้วเมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงวุ่นวายมาจากด้านในจวน รู้สึกหน่วงในอกอยู่บ้างเมื่อนึกถึงเสิ่นฉินอี้…

“อย่างน้อยข้าก็ยังมีความรู้สึกสินะ”เจี่ยผิงพึมพำ หลับตาเมื่อรับรู้ว่ารถม้าเริ่มเคลื่อนตัวโขยกเขยกมุ่งหน้าไปทางวังหลวง ตอนนี้ก็ปล่อยให้หลี่ลั่วหวั่นเสพสุขไปก่อนก็แล้วกัน 


เจี่ยผิงสะดุ้งตื่นจากความฝัน ชายหนุ่มกระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้รับกับความมืด เขากวาดตามองไปรอบๆขยับร่างกายที่ปวดเมื่อยจากการนอนอยู่บนตั่งยาวอย่างไม่สบายตัว จำได้ว่าคืนนี้มานอนค้างในตำหนักของเจาเฟิง ไม่สิ เสิ่นจิ้งเฟย เขามองไปที่เตียงนอน ผ้าม่านเป็นเงาตะคุ่ม แต่เขาก็ยังมองเห็นประกายวิบวับจากดวงตาคู่สวยของเจาเฟิงที่จ้องมองมาทางตน เสิ่นจิ้งเฟยนอนไม่หลับหรือ? เจี่ยผิงไม่ได้เอ่ยวาจาใด รู้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยไม่มีทางยกโทษให้ง่าย ๆ

“จิ้งเฟย เจ้านอนไม่หลับหรือ”เขาส่งเสียงถาม ร่างนั้นขยับเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอ่ยตอบ เจี่ยผิงยกมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก เหตุใดฝันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานานแล้วกันนะ พักนี้เขาฝันอยู่บ่อย ๆ จนไม่อยากไปนอนค้างที่ตำหนักของสนมนางไหน ชายงามก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย มีเพียงแค่เสิ่นจิ้งเฟยที่เขาต้องการ สิ่งที่เขาไม่มีทางได้มาง่าย ๆ

“เราฝัน…”เจี่ยผิงยังคงพึมพำต่อไป ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะฟังอยู่หรือไม่ “ถึงเจ้า”ชายหนุ่มพลิกตัวนอนหงาย ขยับผ้าห่มถึงต้นคอ ยกยิ้มอยู่ในความมืดเมื่อนึกถึงชีวิตวัยหนุ่ม จะว่าไปเจี่ยผิงรู้สึกมีความสุขก็ต่อเมื่อได้ลอบออกมาพบเสิ่นจิ้งเฟยเท่านั้น ไม่ยักรู้ว่าพอเป็นถึงเจ้าแผ่นดินแล้วจะยิ่งรู้สึกเปล่าเปลี่ยวถึงเพียงนี้ แต่หากย้อนเวลากลับไป เขาก็ยังทำเช่นเดิม เขาต้องการบัลลังก์ 

“เราว่าแปลกนัก เจ้าเกลียดความทรงจำเมื่อครั้งที่เราเป็นฟู่จวิ้น แต่เรากลับมีความสุข”

“ท่านรบกวนการนอนของข้า ถ้าหากอยากขุดคุ้ยความหลังก็ไปคุยกับหลุมศพปู่ข้านู่น”เสียงรำคาญใจดังขึ้น แม้จะไม่ชินกับน้ำเสียงที่ไม่ใช่ของเสิ่นจิ้งเฟย แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคย

“อีกไม่นานข้าคงได้ตามปู่เจ้าไปกระมัง”เจี่ยผิงรำพึงไปเช่นนั้น ไม่มีทางหรอก ข้าเป็นโอรสสวรรค์ ชายหนุ่มนึกถึงเจี่ยซินกับแผนการกบฏ รวมถึงองค์ชายใหญ่ที่ไร้วาสนา เขาเองก็ไม่อยากฆ่าแกงพี่น้องสายเลือดเดียวกันแม้จะเพียงครึ่งหนึ่งก็เถอะ แต่สวรรค์คงกำหนดไว้แล้ว เหลือทางเลือกไม่มากเท่าไหร่ หากเราไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ฆ่าเรา 

“ให้ข้าฆ่าท่านดีหรือไม่เล่า ข้าอยากควักหัวใจท่านออกมาดูว่าเป็นสีใดเป็นของมนุษย์หรือไม่”เสิ่นจิ้งเฟยกล่าว ในน้ำเสียงนั้นคล้ายกับมีร่องรอยขุ่นเคือง

“ตายด้วยน้ำมือเจ้า? ฟังดูดี แต่ต้องรอให้เราแก่เฒ่าเสียก่อน”มาแก่เฒ่าไปด้วยกันเถิด เสิ่นจิ้งเฟย


~•~

ไป๋ผูอวี้กุมจอกชาอยู่ในมือ ภายในรถม้าจุดกระถางไฟเพิ่มความอบอุ่น อากาศวันนี้ไม่ถือว่าเลวร้ายหากเทียบกับที่หลานโจวเมืองบ้านเกิด เขายกจอกขึ้นจิบช้า ๆรับรู้รสชาติหอมของชาหมอลี่ฮวาฉาที่ไม่ได้ลิ้มรสมานาน ระหว่างนั้นเงาร่างหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในรถม้าที่จอดรออยู่ข้างสวนลู่

“เจ้ามานานหรือยัง”จ้าวเซียวชิงเอ่ยถาม ยื่นมืออิงรับความอบอุ่นที่กระถางไฟ บุตรชายกรมพระคลังสวมใส่ชุดที่กลมกลืนไม่สะดุดตาเฉกเช่นทุกที

“ไม่นาน”ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ระหว่างที่รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย

“ดูเหมือนว่าหลิวอ๋องเริ่มเคลื่อนไหว เขาเริ่มติดต่อกับอ๋องแคว้นเกาโหยว คงจะมีเหตุวุ่นวายเร็วๆนี้กระมัง”จ้าวเซียวชิงถอนหายใจ เอนพิงผนังรถม้า มือซุกอยู่ในแขนเสื้อ

“เจ้าว่าเขาจะนัดพบเสิ่นจิ้งเฟยหรือเปล่า”คุณชายจ้าวเอ่ยถามแม้สีหน้าจะยังมีความง่วงงุ่น แต่ก็ปิดความกังวลในแววตาไม่มิด

“เป็นไปได้ เว้นแต่ว่าเขาจะไม่ไว้ใจคุณชายเสิ่น”ไป๋ผูอวี้ตอบ รินชาใส่จอกให้อีกฝ่าย

“เหตุใดเจ้าไม่พูดจาผูกมิตรกับคุณชายเสิ่นตรง ๆ เขา…ไม่ค่อยมีสหาย”ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่ตนเองห่วงเรื่องคุณชายไม่เอาไหนถึงเพียงนั้น 

จ้าวเซียวชิงเลิกคิ้ว มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม “เจ้าเป็นห่วงเขารึ เสิ่นจิ้งเฟยไม่ใช่คนอ่อนไหว เขาไม่สนใจด้วยเรื่องแค่นี้หรอก”

“เขาไม่เหมือนเดิม เจ้าคงสัมผัสได้กระมัง ข้าไม่เข้าใจนัก เหตุใดเขาถึงได้เปลี่ยนไปราวคนละคน”ไป๋ผูอวี้อดใจรำพึงออกมาไม่ได้ เป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจมานานหลายเดือน ตั้งแต่เสิ่นจิ้งเฟยไปเมาสุราที่หอผูเยว่…ไป๋ผูอวี้จำได้ว่าวันนั้นชนเข้ากับคุณชายเสิ่นที่ดูจะเผือดซีดเหมือนคนป่วย ท่าทางดูมึนงงทึมทื่อ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเมื่อจำสีหน้าในตอนนั้นได้ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เจ้าเด็กนั่นทำสีหน้าเช่นนั้น จ้าวเซียวชิงปรายตามอง ทำเสียงจุ๊ในลำคอ

“อืม เจ้าพูดมาก็ถูก เขาแปลกไปจากเดิมราวคนละคน แต่ข้าก็นึกหาเหตุผลไม่ออก บางทีเจ้านั่นอาจจะล้มหัวฟาดพื้นจนจำความไม่ได้กระมัง”เรื่องนี้เขากับไป๋ผูอวี้เคยถกกันมาหลายครั้ง แต่ก็หาคำตอบไม่ได้เช่นเคย

“คราแรกข้านึกว่าเจ้าจะตกลงปลงใจกับคุณหนูฉินเสียอีก แต่จะว่าไปก็แปลกพิลึก เสิ่นจิ้งเฟยเคยชอบนางมาก่อน แต่เจ้านั่นกลับมามีสัมพันธ์กับเจ้าเสียอย่างนั้น หากนางรู้คงร้องไห้โฮ ตอนนางร้องไห้น่าเกลียดจะตาย เจ้าคงไม่เคยเห็น”คุณชายจ้าวพึมพำ

“อย่าสนใจเรื่องของข้าเลย เจ้ามีเรื่องใดบอกอีกหรือไม่”ไป๋ผูอวี้เปลี่ยนเรื่อง ฟังเสียงล้อรถม้าวิ่งดังกุกกักไปตามทาง เขาเลิกม่านออกเล็กน้อยเพื่อมองว่าถึงที่ใดแล้ว จุดหมายปลายทางของเขาคือจวนสกุลเสิ่น 

“ท่านผู้อาวุโสต้องการพบเจ้า เขาบอกว่าเจ้าไม่ได้แวะไปร่วมวงดื่มน้ำชานานแล้ว”

“ข้าไม่อยากทำตัวมีพิรุธ ทั้งหลิวอ๋องและเสนาบดีเสิ่นต่างก็จับตามองข้า หากข้าเดินทางออกนอกเมืองฉางอันจะยิ่งน่าสงสัย”ชายหนุ่มตอบเพียงเท่านี้แม้จะมีเหตุผลอื่นอยู่ก็ตาม

“เจ้าไม่ไว้ใจตาแก่นั่นรึ”คุณชายจ้าวหันมองอย่างใคร่รู้

“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ เพียงแค่ไม่เข้าใจเจตนาของคนผู้นั้น เขาคล้ายจะสนับสนุนฮ่องเต้แต่ก็มิยอมช่วยเหลือ การก่อกบฏครานี้เป็นเรื่องใหญ่ หากฮ่องเต้เจี่ยผิงวางหมากพลาดเพียงนิด พระองค์อาจเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำ”เขาไม่อยากออกความเห็นเรื่องการเมืองมากนัก ถ้าว่ากันตามตรงมิใช่ว่าเขาไม่อยากเป็นขุนนางเสียทีเดียว แต่ในยามนี้ราชสำนักมีแต่พวกขุนนางไม่ได้เรื่อง เขาไม่อยากร่วมมือกับคนเหล่านั้น ไป๋ผูอวี้ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตนที่ถลำลึกมาถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาแค่สนใจร่วมวงสนทนากับชุมนุมบัณฑิตเพื่อแก้ความเบื่อหน่ายเท่านั้น ไม่คิดว่าจะต้องมาข้องเกี่ยวกับผู้อาวุโสอวิ๋นเซียนหลาง

“เจ้ากล่าวถูก แต่ผู้อาวุโสก็เป็นเช่นนี้ ข้าเดาใจเขาไม่ถูกเช่นกัน บางทีเขาอาจต้องการความเปลี่ยนแปลงในราชสำนักกระมัง ระยะหลังมานี้ฮ่องเต้เจี่ยผิงทำตัวออกนอกลู่นอกทางไม่น้อย”จ้าวเซียวชิงส่ายหน้าช้า ๆอย่างครุ่นคิด แววตาเป็นประกายไร้ความง่วงงุ่น หากคนผู้นี้เข้าร่วมราชสำนักคงดีไม่น้อย ไป๋ผูอวี้คิด แต่ต้องเป็นยามที่ราชสำนักเกิดความเปลี่ยนแปลง ผู้ที่ทำหน้าที่ผลักดันเรื่องนี้คือพวกคณะบัณฑิต   

“อืม…”เขาพยักหน้า เรื่องของฮ่องเต้ไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจ เว้นแต่เรื่องที่ฝ่าบาทเข้ามาวุ่นวายกับเสิ่นจิ้งเฟย พูดกันตามตรง เขาไม่มีทางต่อกรกับคนผู้นั้นได้ ฝ่ายนั้นเป็นถึงเจ้าแผ่นดิน แต่จะให้เขาอยู่เฉยก็ทำไม่ได้ แต่ยังติดที่สกุลไป๋   

“ข้าได้ยินว่าผู้อาวุโสอวิ๋นตั้งใจมอบตำแหน่งอัครเสนาบดีให้กับเสิ่นฉินอี้ แต่เสิ่นฉินอี้ถูกวางยาตายไปเสียก่อน เจ้าว่าจะเป็นอย่างไรหากสกุลเสิ่นยังมีอำนาจมากเพียงนั้น”คุณชายจ้าวหัวเราะในลำคอ เขาได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่ต้องการร่วมวงสนทนา

“สกุลหลี่คงตกที่นั่งลำบากแน่ ตาแก่เสิ่นฉินอี้ไม่เอาไว้หรอก”จ้าวเซียวเล่าเหมือนกำลังสนุก เอื้อมมือคว้าจอกชามายกดื่มแก้คอแห้งแต่ก็เบ้หน้าเพราะรสชาติไม่ถูกปาก เรื่องนี้เรียกความสนใจของไป๋ผูอวี้ได้   

“เจ้าหมายความว่าสกุลหลี่เป็นคนลอบทำร้ายเสิ่นฉินอี้อย่างนั้นรึ แต่ว่าพิษที่พบเป็นของคนนอกด่าน ข้าคิดว่าเป็นฝีมือขององค์ชายใหญ่เสียอีก”เขาขมวดคิ้ว หรือที่เสิ่นจิ้งเฟยไปสนิทชิดเชื้อกับหลี่ฮุ่ยจือเป็นเพราะต้องการสืบหาความจริงเรื่องท่านปู่

“ผู้คนว่ากล่าวกันเช่นนั้น”คุณชายจ้าวไหวไหล่ สีหน้าครุ่นคิด “เจ้าจะไปที่ใดต่อ…อ้อ…ข้าคงถามคำถามโง่เขลาไปเอง”ฝ่ายนั้นยิ้มกริ่ม เขาไม่ได้เอ่ยตอบ   


~•~


จวนสกุลเสิ่นยังคงเงียบสงบเฉกเช่นทุกวัน หลังจากที่เอ่ยถึงบุตรชายอีกคนของเสิ่นมู่หยาง ผู้เป็นบิดาก็ไม่ได้โผล่หน้ามารบกวนเขา จื่อฟางนอนซุกอยู่ในผ้าห่มผืนหนาฝันถึงภูเขาเหลียวตงแม้จะไม่เคยเห็น แต่ภาพในฝันกลับงดงามเสมือนจริง เขาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้อง ลืมตาสะลึมสะลือเมื่อเห็นเงาร่างคุ้นตาของจางต้ากำลังตรวจกระถางไฟ เขาขยับตัวลุกนั่ง บิดขี้เกียจไล่ความปวดเมื่อยออกจากร่างกาย หย่อนขาลงจากเตียง ดูท่าวันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกที เขากวาดตามองที่โต๊ะเขียนหนังสือก็พบว่ามีสำรับอาหารยกมาแล้ว รวมไปถึงถ้วยยา

“ใต้เท้าเฉินกลับเสียนหยางไปแล้วกระมัง”เขาเอ่ยถามลอย ๆ

“ขอรับ ออกเดินทางตั้งแต่รุ่งสาง”จางต้าตอบ ระหว่างที่หยางชวีสั่งให้บ่าวรับใช้ด้านนอกนำน้ำอุ่นเข้ามา หลังจากที่จัดการอาบน้ำ กินข้าว ดื่มยาเดินลมปราณเรียบร้อย เขาก็นำผ้าใบสำหรับวาดภาพออกมา รู้สึกอยากจับพู่กัน อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ทำให้เขาไม่อยากออกไปที่ใด นับวันรอพบฮ่องเต้เจี่ยผิง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกทนไม่ไหวอยากพบชายผู้นั้น เรื่องที่อยู่ในใจหากไม่พูดออกไปก็คงนอนหลับไม่สนิท เด็กหนุ่มกลับมาสนใจวาดภาพอีกครั้ง คราวนี้เขาอยากวาดภาพตัวเขาเอง จื่อฟาง จางต้าเก็บโต๊ะอาหารตามปกติระหว่างที่หยางชวีนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกาย คอยฝนหมึกให้ 

“คุณชายวาดผู้ใดหรือ”ผู้ติดตามถามขึ้นเมื่อเงยหน้ากวาดตามองภาพวาดบนผืนผ้าใบ เป็นภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าได้รูป เส้นผมสีดำตัดสั้นยาวระต้นคอ ดวงตากระจ่างชัด จมูกพอเหมาะกับใบหน้า ไม่อาจพูดได้ว่าหล่อเหลาปานเทพบุตร แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่ เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของคนผู้นี้ คนรอบตัวของคุณชายเสิ่นไม่มีทางหลุดรอดสายตาของหยางชวีไปได้

“คนผู้นี้น่ะเหรอ ชายในฝันของข้าเอง”จื่อฟางตอบทีเล่นทีจริง มองสีหน้าไร้อารมณ์ของหยางชวี

“ชายในฝัน?ข้าไม่คิดว่าคุณชายจะชมชอบบุรุษเช่นนี้ ข้านึกว่าท่านจะชอบคนหล่อเหลา”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นคล้ายกับพึมพำกับตัวเองมากกว่าคุยกับคุณชายเสิ่นจึงไม่ได้คิดว่าคำพูดฟังดูแปลกประหลาด หยางชวีกระแอมเมื่อรู้ตัวว่าพูดสิ่งใดออกไป คุณชายเสิ่นสมควรชมชอบสตรีงดงามถึงจะถูก เหตุใดเสิ่นจิ้งเฟยถึงมีชายในฝันกัน

“เจ้าพูดหมือนกับว่าข้าชอบบุรุษหล่อเหลาไปเสียทุกคน”จื่อฟางหัวเราะเบาๆ  ไล่สายตามองหยางชวี เขาไม่ได้แกล้งเจ้านี่มานานแล้ว คงต้องกระตุ้นเสียหน่อย “จะว่าไปเจ้าก็รูปหล่อเหมือนกันนะหยางชวี”

“ค...คุณชาย”หยางชวีชะงักงันไปอย่างทำตัวไม่ถูก มือที่ฝนหมึกหยุดนิ่ง หนำซ้ำใบหน้ายังร้อนผ่าวเป็นหญิงสาวไปได้ คุณชายรูปงามเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าคนไร้ความรู้สึกอย่างหยางชวีจะเขินอายเป็นด้วย เด็กหนุ่มเม้มปากยิ่งรู้สึกว่าอยากแกล้ง จางต้าลอบมองมาจากที่นั่งได้แต่คิดว่าคุณชายแกล้งหยางชวีอีกแล้ว แต่ก็รู้สึกขบขันกับเจ้าคนหน้าตายนั่น ยังไม่ชินกับนิสัยเช่นนี้ของคุณชายอีก

“เจ้าหน้าแดง เขินข้ารึ”เขากล่าวเสียงนุ่ม เพิ่งเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของอีกฝ่ายจึงแกล้งยื่นมือไปแตะใบหน้าของชายอีกคน

“ข้าน้อย...ขอตัว”หยางชวีพึมพำพบว่าในจังหวะการเต้นในอกเร็วขึ้นจึงรีบออกมาจากห้อง ถึงได้รู้สึกว่าหายใจสะดวกกว่าเดิม บ่าวรับใช้คนหนึ่งที่เขาจำได้ว่ามาจากเรือนของนายท่านเสิ่นเดินเข้ามาเงียบ ๆ ผู้ติดตามเลิกคิ้วเป็นคำถาม อีกฝ่ายกระแอมกระไอ

“นายท่านต้องการพบคุณชายขอรับ”บ่าวรับใช้ส่งเสียง จื่อฟางที่อยู่ในห้องวางพู่กันลง เสิ่นมู่หยางมีเรื่องใดอีก หรือต้องการคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน   

“เดี๋ยวไป”เขาร้องตอบ ลุกยืนบิดกายไปมา บ่าวคนสนิทรีบหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับให้ผู้เป็นนาย จื่อฟางก้าวออกมาจากห้อง พบกับหยางชวีที่ยืนก้มหน้าหลบสายตาเช่นเคย

บ่าวรับใช้จากเรือนของเสิ่นมู่หยางเอ่ยเสริม “นายท่านรออยู่ในห้องรับรองขอรับ”

จื่อฟางพยักหน้ารับรู้ เดินก้าวฉับ ๆไปตามเฉลียงทางเดินทอดยาว เมื่อมาถึงห้องรับรองเด็กหนุ่มสูดลมหายใจก่อนก้าวเข้าไปในห้อง พบเสิ่นมู่หยางนั่งถือจอกชาคล้ายกับกำลังพูดกับใครสักคนอยู่
“ท่านพ่อต้องการพบข้ามีเรื่องใดหรือ”เขาเอ่ยถาม แต่ในห้องไม่ได้มีเพียงเสนาบดีเสิ่น ร่างบางหันมองชายชราร่นวดเคราขาวโพลนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง ร่างนั้นจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาแหลมคมทำเอาขนลุกซู่

“ท่านผู้นี้คือนักพรต เขาบอกว่าเจ้ามีเคราะห์ต้องรีบทำพิธีด่วน”เสิ่นมู่หยางกระแอมเบา ๆ จื่อฟางทำตาโต หันมองผู้พูดอย่างไม่อยากเชื่อ

“ท่านพ่อเชื่อด้วยหรือ”บ้าไปแล้ว เพี้ยนจริงๆ เสิ่นมู่หยางถูกสายตาของบุตรชายจ้องมองจนทำตัวไม่ถูกจึงกระแอมกระไอเสียงดัง

“เจ้า!”อยู่ ๆท่านนักพรตก็ส่งเสียงแหบพร่าใส่ จื่อฟางหันมองด้วยสายตาเย็นชารู้สึกไม่สบอารมณ์

“เสนาบดีเสิ่น บุตรชายของท่านไม่อยู่แล้ว ยามนี้เหลือเพียงวิญญาณร้ายสิงสู่ร่างกายของบุตรชายท่านเท่านั้น ข้าจะทำพิธีปัดเป่าดวงวิญญาณให้ท่านเอง”นักพรตตวัดสายตามองร่างบาง จื่อฟางใจเต้นผิดจังหวะแม้สีหน้ายังคงเดิม ตาแก่นี่มองเห็นจริง ๆน่ะรึ

“ท่านกล่าวเหลวไหลแล้ว จะทำอันใดก็เชิญแต่หากทำไม่สำเร็จก็คุกเข่าขอโทษข้าด้วย”จื่อฟางเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่คิดว่านักพรตจะทำได้จริง

“เฟยเอ๋อร์!”เสิ่นมู่หยางส่งเสียงเตือนเมื่อบุตรชายกล่าววาจาลามปามกับท่านนักพรต

“ท่านเชื่อนักพรตต้มตุ๋นผู้นี้หรือ”เขาหมุนตัวมอง ยังคงมีสีหน้าขุ่นเคือง

เสิ่นมู่หยางมองหน้าบุตรชาย เขาไม่ได้เชื่อเสียทีเดียว มีนักพรตมาทำนายทายทักถึงที่จะให้อยู่เฉยได้อย่างไร

“เจ้าผีร้าย หยุดพูดจาเหลวไหลเสียที ข้าจะเอาเจ้าออกจากร่างของคุณชายสกุลเสิ่นเดี๋ยวนี้”นักพรตหยิบกระบี่ไม้มาร่ายรำ  ท่องบทสวดอะไรสักอย่าง จื่อฟางเฝ้ามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใจเต้นระรัว รอดูว่าตาแก่นี่มีฝีมือจริงหรือไม่

“ท่านพ่อคงไม่ได้เล่าเรื่องราวของข้าให้เขาฟังกระมัง”เด็กหนุ่มพึมพำเบา ๆ มองดูว่านักพรตผู้นี้จะเล่นแร่แปรธาตุใด เสิ่นมู่หยางได้ยินคำพูดของบุตรชายก็ขมวดคิ้ว เมื่อมาคิดดูท่านนักพรตได้เอ่ยถามจริง เสนาบดีเสิ่นบอกเล่าว่าบุตรชายนิสัยเปลี่ยนไป ดูไม่เหมือนเสิ่นจิ้งเฟยคนเดิม...พอได้มาเห็นท่วงท่ารายรำของท่านนักพรตจึงรู้สึกว่าโง่เขลาอยู่บ้าง บางทีอาจเป็นพวกหลอกลวงจริง ๆ

“วิญญาณร้าย จงออกไป!”นักพรตแกว่งไม้เท้ามาทางจื่อฟาง เขากลั้นใจรอว่าจะเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มกวาดตามองร่างกายตัวเอง หัวเราะเบาๆเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความเงียบกระจายอยู่ในห้อง ท่านนักพรตชราหนวดเคราสั่นระริกเมื่อคาถาไม่เป็นผล

“ว่าอย่างไร ข้าต้องชักดิ้นชักงอหรือไม่”เขายิ้มกว้าง

นักพรตเคาะไม้เท้าตึงๆ “เป็นเพราะเจ้าเป็นวิญญาณกล้าแกร่ง ข้าไล่ไปไม่ได้ง่าย ๆ”นักพรตทำท่าร่ายรำอีกรอบ  ครั้งนี้หมุนกายมาทางจื่อฟาง แต่เงาร่างของหยางชวีปรากฏอยู่เบื้องหน้า ฝามือแข็งแกร่งคว้าไม้เท้าของชายชราไว้

“พอได้แล้ว”ผู้ติดตามเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหลือบมองนายท่านเสิ่นที่ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร นักพรตหน้าเขียวคล้ำ คุณชายเสิ่นทำสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้

“เอาล่ะ ท่านนักพรต ท่านเข้ามาในจวนสกุลเสิ่น มากล่าวหาข้าพล่อย ๆเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ข้าเอาผิดท่านได้ด้วยซ้ำ แต่ข้าเป็นคุณชายจิตใจดีจะไม่เอาเรื่องท่าน ฉะนั้นคุกเข่าขอโทษข้าเสีย”จื่อฟางแสร้งทำอารมณ์เสีย คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยคงไม่ไว้หน้าผู้ใดอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเขาจะไม่ไหว้หน้าท่านนักพรตผู้นี้แม้ตาแก่นี่จะมีอายุมากกว่าเขาก็ตาม

“เฟยเอ๋อร์ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้นก็ได้กระมัง ท่านนักพรตเพียงแค่…หวังดี”เสิ่นมู่หยางลุกเดินมาหาบุตรชายพยายามเอ่ยเกลี่ยกล่อม

หวังดี โดยการบอกว่าข้าถูกผีร้ายเข้าสิงน่ะหรือ ท่านล้อข้าเล่นแล้ว”แม้จะถูกครึ่งหนึ่งก็เถอะ ไม่ว่านักพรตผู้นี้จะมองเห็นอย่างถ่องแท้หรือเป็นเพียงเรื่องบังเอิญก็ตาม จื่อฟางปรายตามองอย่างเย็นชา

“ข้าขออภัยที่กล่าววาจาเหลวไหล”ท่านนักพรตจำต้องกัดฟันพูด “แต่ข้าสัมผัสได้!”

“เอาล่ะๆ ข้าจะไม่เอาเรื่องท่าน เด็ก ๆไปส่งท่านนักพรต”เสิ่นมู่หยางไม่อยากเห็นเรื่องวุ่นวาย รู้ดีว่าบุตรชายเป็นคนเช่นไร เขาจึงส่งเสียงเรียกบ่าวรับใช้เข้ามา บ่าวรับใช้คนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองพานักพรตชราออกไป จื่อฟางรอจนชายชราก้าวไปพ้นห้องจึงหันไปทางเสิ่นมู่หยาง ใช้สายตาเหนื่อยหน่ายมอง

“ท่านพ่อระอาข้าจนต้องฟังคำนักพรตสติเลอะเลือนเชียวหรือ เรื่องของข้าเป็นที่กล่าวถึงไปทั้งฉางอัน เป็นผู้ใดก็เดาได้ว่าข้าไม่เหมือนคนเดิม”จื่อฟางไม่รู้ว่าเสิ่นมู่หยางจะคล้อยตามนักพรตผู้นั้นหรือไม่

“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น”เขาเอ่ยเสียงอ่อนแม้จะคิดจริง ๆว่าบุตรชายเปลี่ยนไป แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เสนาบดีเสิ่นคว้าไหล่บุตรชายด้วยสองมือ

“เสิ่นจิ้งเฟย เจ้าโกรธแค้นข้าหรือไม่”ไม่ต้องเอ่ยถามก็รู้กันว่าเอ่ยถามถึงเรื่องใด

“ท่านพ่อคิดมากไปแล้ว”จื่อฟางยกยิ้มจาง “ข้าไม่ได้แค้นเคือง”ถ้าเป็นเสิ่นจิ้งเฟยตัวจริงล่ะก็ไม่แน่

“ท่านให้ข้าทำใจสักระยะหนึ่งเถิด ข้ามิใช่คนใจจืดใจดำ”เขาได้แต่ตอบไปเช่นนั้น แรงจับของเสิ่นมู่หยางเพิ่มขึ้น

“ข้าขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเจ้า ที่ผ่านมาข้าทำหน้าที่บิดาได้แย่นัก เสิ่นจิ้งเฟย ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นบุตรชายของข้า ต่อให้เจ้าเกเรอย่างไรข้าก็ยังรักเอ็นดูเจ้าเสมอ”เสิ่นมู่หยางพึมพำ แม้จะรู้สึกกระดากอายแต่ก็คว้าร่างของบุตรชายมาสวมกอด จื่อฟางได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงคิดว่าควรทำอะไรสักอย่าง เขาจึงตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ ไม่รู้จะเอ่ยตอบอย่างไรเพราะเขาไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟย   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2019 05:33:54 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4


จื่อฟางกลับมาที่เรือน ไล่จางต้ากับหยางชวีออกไปอยู่ด้านนอกเพราะอยากใช้เวลาเพียงลำพัง เด็กหนุ่มถอนหายใจ เรื่องเสิ่นมู่หยางทำเอาปวดหัวจี๊ดๆ กวาดตามองภาพวาดที่ทำค้างไว้ จึงกลับมาสนใจวาดต่อให้เสร็จ ยังเหลือลงสีอีกเล็กน้อย เขาตวัดพู่กันอีกสองสามที เอียงศีรษะไปมา เขาไม่ได้เห็นใบหน้าของตัวเองมานานแล้ว จื่อฟางมองภาพวาดคิดว่าควรแต่งเติมให้ดูดีกว่านี้หน่อย เขากวาดตามองทรงผมสั้นๆในภาพวาด จะว่าไป…เขาจับเส้นผมที่ถูกรวบไว้ครึ่งหนึ่ง รู้สึกอยากตัดผมให้สั้นเล็กน้อยเพราะความยาวที่เพิ่มขึ้นทำให้เริ่มดูแลลำบาก เขาลุกเดินไปที่โต๊ะแต่งตัว จ้องมองคันฉ่องอยู่ครู่หนึ่งเพราะช่วงนี้บำรุงมาก ใบหน้าของเสิ่นจิ้งเฟยจึงมีน้ำมีนวล

ถ้าหากตัดผมยาวๆออกร่างนี้อาจดูงดงามน้อยลง ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้ออีกหน่อยเป็นอันดี เด็กหนุ่มปล่อยผมยาวสยายถึงกลางหลัง ใช้มือสางจนเรียบ หยิบมีดสั้นในกล่องออกมา รวบผมมากำมือหนึ่งตั้งใจจะใช้ใบมีดคมหั่นออก แต่เกิดเสียงเคลื่อนไหวที่บานหน้าต่างที่ปิดไว้ จื่อฟางเหลียวมอง ลมหนาววูบหนึ่งพัดเข้ามาพร้อมกับอุ้งมือใหญ่ที่จับข้อมือของเขาไว้แน่น

“เจ้าคิดทำสิ่งใดหรือ”ผู้บุกรุกเอ่ยถาม ร่างสูงใหญ่สวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเข้ม ขับให้รูปลักษณ์โดดเด่น

“ไป๋ผูอวี้!”เขากระซิบเหลียวซ้ายแลขวา “เจ้าเข้ามาในจวนได้อย่างไร มีคนเห็นหรือไม่”

ร่างตรงหน้าไหวไหล่ “ข้าไม่รู้สึกถึงองครักษ์เหล่านั้น ส่วนหยางชวี...เขาห้ามข้าไม่ได้หรอก”

จื่อฟางเม้มปาก อดเอ่ยออกมาไม่ได้ “หยางชวีมีฝีมือ”

ไป๋ผูอวี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย“ถูก เขามีฝีมือ แต่ข้ามีมากกว่า”ชายหนุ่มทำสีหน้าเรียบเฉย แกล้งเอ่ยเสียงเข้ม “ไยเจ้าถึงเอ่ยชมชายอื่นต่อหน้าข้าเล่า”

“เจ้ากินของผิดสำแดงมารึไง”จื่อฟางพึมพำ พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย

“เจ้าจะทำอะไร”ไป๋ผูอวี้ถามอีกครั้งดึงมีดสั้นออกจากมือเล็ก ออกแรงบีบนวดเบา ๆ ถึงแม้ว่าเสิ่นจิ้งเฟยดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นแต่ก็ยังถือว่าผอมในสายตาของเขาอยู่ดี

“ข้าจะตัดผม มันยาวเกินไป ข้ารำคาญ”เขามองเสิ่นจิ้งเฟยทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เจ้าก็รู้ว่าทำไม่ได้”ชายหนุ่มวางมีดสั้นเก็บใส่ในกล่อง ปล่อยมือของคุณชาย

“รู้ไหม เจ้าทำตัวเหมือนโจรเข้าไปทุกที”เด็กหนุ่มกอดอกมองไป๋ผูอวี้ ร่างนั้นเดินไปหยุดมองภาพวาดบนโต๊ะ สายตาจับจ้องอย่างสนใจ

“เจ้าวาดผู้ใดหรือ”อีกฝ่ายถามอย่างใคร่รู้

“ชายในฝันของข้า”เขาตอบเช่นเดิม รอดูท่าทีของอีกฝ่าย ไป๋ผูอวี้เงยหน้ามอง คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย

“ชายในฝันของเจ้า?เจ้าชอบคนเช่นนี้เอง”ร่างนั้นก้มมองภาพวาดอีกครั้ง

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”จื่อฟางรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างร้อนตัวทันที

“อืม...มองคราแรกก็ว่าธรรมดา แต่เมื่อจ้องมองดูดี ๆ ข้ากลับคิดว่าชายในฝันของเจ้ามีบางอย่างแปลกๆ”ชายหนุ่มเอียงหน้ามอง

“อะไรหรือ”เขาถามอย่างกระตือรือร้น

“ผมที่ตัดสั้นเกินไป เจ้าว่าไม่แปลกหรือ ชายในฝันของเจ้าเป็นคนแบบไหนกันแน่”

กรอดด

เจ้าบ้านี่มัวแต่สนใจอะไรกัน เขากำมือ อยากกระทืบเท้าเร่า ๆเป็นเด็กก็วันนี้

“ข้าหมายถึงว่าเจ้าคิดเห็นต่อจื่อฟางอย่างไร”อุ๊บ เขายกมือปิดปากเมื่อเผลอเอ่ยชื่อตัวเองออกมา ไป๋ผูอวี้หรี่ตามองเขาอย่างสงสัย

“เจ้ารู้แม้กระทั่งชื่อ ดูท่าเจ้าจะชอบเขาจริง ๆ”ไป๋ผูอวี้ละสายตามาจากภาพวาด “ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอกว่าคิดเห็นเช่นไร กระทั่งเจ้าอยู่ต่อหน้าข้า ข้ายังเคยมองเจ้าผิดมาก่อน นับประสาอะไรกับคนในภาพวาด ข้าต้องรู้จักเขาก่อนถึงจะบอกได้”

“...”คุณชายรูปงามถึงกับพูดไม่ออก ไป๋ผูอวี้ใช้มือเคาะภาพวาดเบาๆ

“จื่อฟาง...” ชายหนุ่มเอ่ยทวน ชื่อของเขาที่ออกมาจากปากอีกคนทำให้เด็กหนุ่มสะท้านอยู่ในอก 

“เจ้ารู้ชื่อของเขาได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าเขามาเข้าฝันเจ้าด้วย”บุตรชายสกุลไป๋เอ่ยทีเล่นทีจริง ยืดตัวเดินหยุดตรงหน้าร่างผอมบาง จื่อฟางถูกสายตาจดจ้องจนตกประหม่า

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้...เขาอยู่ในหัวของข้าตลอดเวลา”เขากล่าวช้า ๆพยายามเลือกใช้คำที่ดูคลุมเครือ ทั้ง ๆที่อยากบอกใจจะขาดว่าข้านี่แหละคือจื่อฟาง!

“เจ้าแสร้งพูดให้ข้าหงุดหงิดกระมัง”ไป๋ผูอวี้ไม่ค่อยเข้าใจนัก ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นเสิ่นจิ้งเฟยเอ่ยถึงคนผู้นี้มาก่อนและเขาก็ไม่เคยเห็นหน้า หรือมาจากเมืองอื่นกัน

“ข้าพูดจริง จื่อฟางอยู่ในหัวข้าตลอด เขาเป็นคนในฝัน แต่เจ้าคือตัวจริงที่จับต้องได้”เพื่อยืนยันจื่อฟางจึงลากมือไปตามลำคอแกร่งของอีกฝ่าย ไป๋ผูอวี้ย่นคิ้วคว้าข้อมือของเขาไว้หลวมๆ นึกว่าอีกฝ่ายจะปัดออกแต่การกระทำถัดมาทำให้จื่อฟางอ้าปากน้อย ๆ เพราะชายร่างสูงประทับจูบลงบนหลังมือของเขาแผ่วเบา สายตามองมาทำเอาใจกระตุกถี่รัว บางทีอาจตาฝาดไปเอง ไป๋ผูอวี้นะเหรอ จะใช้สายตาเร่าร้อน

“เจ้า...ทำอะไร”เขาตั้งใจเอ่ยดุแต่เสียงพลันอ่อนลง ดึงมือออกจากฝามืออุ่นของคนร่างสูงกว่า เบนสายตาไปอีกทางเพราะสู้ไม่ไหว   

“ไม่ชอบหรือ ถ้าไม่ชอบข้าจะได้ไม่ทำอีก”ไป๋ผูอวี้เป็นฝ่ายเอ่ยหยอกเย้าบ้างก่อนกลับคืนสู่ท่าทีจริงจังในเสี้ยววินาที

 “ข้าแวะมาเพราะเรื่องหลิวอ๋อง”ร่างนั้นยกชายเสื้อนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ จื่อฟางสนใจทันทีนั่งลงข้างกายอีกฝ่ายเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการขนมหวาน “ท่านอ๋องทำไมหรือ”

“ดูเหมือนเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”จื่อฟางใจกระตุก

“ข้าคิดว่าเขากำลังเริ่มแผนก่อกบฏ ไม่แน่ท่านอ๋องอาจนัดพบเจ้าในเร็ววันนี้”ชายหนุ่มคาดคะเนด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจเท่าไหร่

“เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับหลิวอ๋องมากแค่ไหน”จื่อฟางเอ่ยถามอย่างข้องใจ   

“คงพอๆกับเจ้า”ชายอีกคนทำสีหน้าลึกลับ

“บอกข้าได้หรือไม่”เขาเซ้าซี้ถาม

“อืม...ขอข้าคิดดูก่อน”ไป๋ผูอวี้ทำทีเหมือนใช้ความคิด เด็กหนุ่มได้แต่รอฟังอย่างตั้งใจ

“เจ้าอยากรู้ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”อีกฝ่ายเอ่ยออกมาในที่สุด เจ้านี่ตั้งใจล้อเขาเล่นหรือไง

“สิ่งแลกเปลี่ยน?เจ้าต้องการอะไร ตัวข้ารึ"จื่อฟางขมวดคิ้ว ตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

ไป๋ผูอวี้หัวเราะเบาๆ “ตัวเจ้า?ข้าคิดว่าอยู่ในกำมือนานแล้วเสียอีก”อีกฝ่ายยิ้มมุมปาก วันนี้ท่อนไม้ไป๋ปากดีเสียจริง! 

“เจ้าต้องการอะไรก็พูดมา”เขาเอ่ยตามน้ำ รู้ดีว่าภายใต้ท่าทางสุภาพนุ่มนวลของไป๋ผูอวี้ เจ้าตัวกำลังสนุกที่ได้แกล้งเขา ไม่คิดว่าจะเป็นคนเช่นนี้จริง ๆ

“ขอข้าคิดดูก่อน”อันที่จริงไป๋ผูอวี้เพียงแค่อยากหยอกเสิ่นจิ้งเฟยเท่านั้น เห็นท่าทางเคร่งเครียดของคุณชายเสิ่นเขาก็อยากหาเรื่องทำให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดมาก

“เอาเป็นว่าข้าอยากรู้เรื่องของจื่อฟาง เหตุใดเขาถึงเป็นชายในฝันของเจ้า”ชายหนุ่มคิดว่าไม่ได้ตาฝาดเมื่อเห็นว่าเสิ่นจิ้งเฟยแสดงท่าทีแปลกๆตอนที่เขาเอ่ยถึงชายในฝันผู้นี้ หรือว่าจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว?

“เขาเหมือนข้า”จื่อฟางตอบสั้นๆ

“เหมือนเจ้า?”เขาไม่เห็นว่าคนในภาพวาดจะเหมือนคุณชายเสิ่นตรงไหน ยกเว้นแต่ดวงตาที่ให้ความรู้สึกคล้ายกัน

“ข้าหมายถึงทางจิตวิญญาณ”เขาพึมพำ ฉีกรอยยิ้มปริศนาให้ชายหนุ่มอีกคน ไป๋ผูอวี้จ้องมองภาพวาดบนโต๊ะพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เสิ่นจิ้งเฟยพูด เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เข้าใจ ไป๋ผูอวี้ลอบเข้ามาในจวนสกุลเสิ่นนานแล้ว เขานึกไปถึงบทสนทนาที่ได้ยินในห้องรับรองขึ้นมา นักพรตนั่นก็พูดถึงวิญญาณเหมือนกัน เขาย่นคิ้ว ฟังดูไร้สาระ ไป๋ผูอวี้ไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้ แต่อยู่ ๆเสิ่นจิ้งเฟยก็เปลี่ยนไป หรือเป็นเรื่องที่ไม่ต้องการเหตุผลใดรองรับ

“เอาเถอะ รีบบอกเรื่องท่านอ๋องมาดีกว่า”คุณชายเสิ่นทำสีหน้าจริงจัง

ไป๋ผูอวี้สบตากับคนร่างตรงหน้า “หลิวอ๋องติดต่อกับอ๋องแคว้นเกาโหยว อาจมีเหตุจลาจลเกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่คงไม่ใช่การก่อกวนในวังหลวง เพราะในยามนี้ยังเสี่ยงเกินไปที่จะเคลื่อนไหว อาจเป็นเหตุการณ์ลุกฮือเล็ก ๆเพื่อสร้างความวุ่นวาย ในฉางอันเขามีกำลังส่องสุมอยู่ไม่น้อยทีเดียว”จื่อฟางทำสีหน้าผิดหวังเมื่อเป็นข้อมูลที่ไม่ต่างจากที่เขารู้เท่าไหร่ ท่อนไม้ไป๋ชอบแกล้งปั่นหัวกันเสียจริง

“คุณชายเสิ่น ข้าไม่ใช่สายสืบ”ไป๋ผูอวี้หัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่าย   

“ข้านึกว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าเสียอีก อวิ๋นเซียนหลางให้เจ้าสืบเรื่องหลิวอ๋องไม่ใช่หรือ”ในตอนนี้จื่อฟางยังบอกเรื่องแผนการของหลิวอ๋องให้กับอีกฝ่ายรู้ไม่ได้ เขาต้องคุยกับฮ่องเต้เจี่ยผิงเพื่อดูท่าทีของฝ่าบาทเสียก่อน 

“ก็ไม่เชิง ท่านผู้อาวุโสอวิ๋นแค่เสนอหนทางผลักดันความต้องการของข้าเท่านั้น”ไป๋ผูอวี้นึกถึงเรื่องนี้ทีไรเป็นต้องปวดหัวทุกที

“ความต้องการของเจ้า? เจ้าต้องการสิ่งใด”จื่อฟางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก

“ข้าแค่คิดว่าจะเป็นอย่างไรหากพวกบัณฑิตที่ฉลาดเฉลียวได้รับราชการ ขุนนางเก่าต้องเลิกใช้วิธีให้คนของตัวเองสืบทอดตำแหน่งเสียที แผ่นดินเจี่ยต้องการขุนนางเลือดใหม่”

“เจ้ากลายเป็นผู้พิทักษ์สันติราชไปแล้วหรือไร”จื่อฟางอดพูดไม่ได้ ความต้องการของไป๋ผูอวี้ฟังคล้ายกับการปรับเปลี่ยนระบอบการสอบอย่างไรอย่างนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวไปแล้ว

“ข้าทำเพราะความถูกต้อง แต่ก็ถลำลึกมาถึงขั้นนี้จนทำผิดกฎของสกุลไป๋” ไป๋ผูอวี้พึมพำพลางถอนหายใจ อา!เจ้านี่ทำตัวเป็นพระเอกเกินไปแล้ว! จื่อฟางไม่เข้าใจความคิดความอ่านของคนผู้นี้เอาเสียเลย แม้จะอ่านนิยายจนรู้ว่าไป๋ผูอวี้เป็นพวกนิสัยพระเอก ยึดถือความถูกต้องเป็นหลักเขาก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี 

“คิดเช่นนี้ไยไม่เป็นขุนนางในราชสำนักเสียเลยเล่า”เขาพึมพำเสียงขุ่น ท่อนไม้ไป๋ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองด้วยซ้ำ แต่ทำเพราะต้องการความถูกต้อง บลาๆ จำได้ว่าบทของไป๋ผูอวี้มีช่วงหนึ่งที่เจ้านั่นต้องสอบรับราชการเพราะอยากเอาชนะใจบิดาของฉินเซียงอิน อย่าบอกนะว่าเรื่องราวยังต้องดำเนินไปตามนั้น ไป๋ผูอวี้รู้ดีว่าเสิ่นจิ้งเฟยหงุดหงิดด้วยเรื่องใดจึงใช้ฝามือลูบแผ่นหลังของอีกฝ่ายเพื่อให้เสิ่นจิ้งเฟยคลายความโกรธ เด็กหนุ่มแค่นเสียงในลำคอ

“เจ้ามาหาข้าไม่กลัวถูกจับได้หรือ”เขาเปลี่ยนเรื่อง

“ข้าไม่กลัว”ชายหนุ่มตอบไปตามตรง “การหลบๆซ่อนๆทำให้ข้าอึดอัดโดยเฉพาะเรื่องของเจ้า แต่ยามนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้”ชายหนุ่มถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้

“ข้าเข้าใจ”จื่อฟางเอาศีรษะพิงไหล่ของอีกฝ่าย

“เจ้ารอก่อน...หากว่าทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะพาเจ้าไปจากสกุลเสิ่น”ไป๋ผูอวี้กระซิบเสียงหนักแน่น คำพูดของอีกฝ่ายฝังลงในใจ ทำให้เขานึกถึงฮ่องเต้เจี่ยผิงที่เคยเอ่ยเช่นนี้กับเสิ่นจิ้งเฟย เขาหลับตาพบว่าเปลือกตาหนักอึ้ง

“ดี เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาด”ร่างบางพึมพำ

“ข้าไม่คืนคำ ข้าสัญญา”

จื่อฟางพยักหน้า รู้สึกว่าแบกรับเรื่องทุกอย่างมานาน เขาอยากหยุดพัก ไป๋ผูอวี้ลูบแผ่นหลังของร่างบางเป็นการปลอบโยน รู้ดีว่าตั้งแต่เสียมารดาไปเสิ่นจิ้งเฟยต้องพบเจอเรื่องลำบากไม่น้อย

“ไป๋ผูอวี้ ท่านพ่อข้า...”ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงได้พรั่งพรูเรื่องของเสิ่นมู่หยางออกมาจนหมดเปลือก เรื่องที่ฝ่ายนั้นแอบมีอนุ และบุตรชายอีกคน เขาระบายออกมาจนหมดสิ้นเพื่อคลายความตึงเครียดและบรรเทาอารมณ์เจ็บช้ำของเสิ่นจิ้งเฟย

“ข้าอยากไปจากจวนสกุลเสิ่น ข้ารู้จักสถานที่หนึ่ง...เป็นที่หลบภัยของท่านปู่ เขาทิ้งแผนที่ไว้ให้ข้าด้วย”จื่อฟางกระซิบอย่างมีความหวัง   

“เจ้าไม่ต้องห่วง เมื่อถึงเวลาข้าจะไปกับเจ้าแน่”ไป๋ผูอวี้เอ่ยด้วยเสียงตั้งมั่น รับรู้ถึงความหวังของอีกคนได้ชัดเจนทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งอยู่ในอกไปด้วย ‘ไป๋ผูอวี้เอ๋ย เจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆถึงให้คุณชายผู้นี้ก้าวล้ำเส้นเข้ามาถึงเพียงนี้’ 

จื่อฟางรู้สึกวางใจ โชคดีที่มีไป๋ผูอวี้อยู่ด้วย เขาสบตาของอีกฝ่าย “ไป๋ผูอวี้เจ้าเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติหรือไม่”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ต้องดูว่าเหนือธรรมชาติแบบใด”

“ถ้าหากข้าบอกว่าข้าไม่ใช่เสิ่นจิ้งเฟยเล่า เจ้าว่าอย่างไร”เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“ถ้าไม่ใช่…แล้วเจ้าเป็นผู้ใด”ชายหนุ่มกวาดตามองใบหน้าที่มองไม่ออกว่ารู้สึกเช่นไรของเสิ่นจิ้งเฟย

“จื่อฟาง”เจ้าของชื่อกลั้นใจตอบ สีหน้าของไป๋ผูอวี้เต็มไปด้วยความสับสนงงงวยจึงรีบเอ่ยเสริม

“ข้าล้อเล่น”เขาหัวเราะกลบเกลื่อน คงเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเกินไปกระมัง สีหน้าของท่อนไม้ไป๋ถึงได้เป็นเช่นนี้

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าสงสัยนัก เจ้าไม่เหมือนเสิ่นจิ้งเฟยที่ข้ารู้จัก”ไป๋ผูอวี้ใช้มือกุมใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกคนเพื่อไม่ให้หลบสายตา

“ข้าแกล้งเจ้าเฉยๆ ไยต้องจริงจังด้วย”จื่อฟางใจเต้นกระหน่ำด้วยความหวาดกลัว

“เสิ่นจิ้งเฟย….”ชายหนุ่มหรี่ตาลง มองไม่ออกว่าคุณชายตรงหน้าพูดจริงหรือเล่น “เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าอยากเห็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้า”

ตัวตนของข้างั้นหรือ

นัยน์ตาของจื่อฟางเป็นประกายวิบวับก่อนจะผลักร่างของไป๋ผูอวี้ลงไปนอนราบ เสียงโต๊ะขูดกับพื้นเมื่อร่างนั้นขยับโดน

“ข้าจะแสดงให้เจ้าดู”เขาก้มกระซิบใกล้ใบหูของอีกฝ่าย


-------------------------------------
เจอกันตอนหน้าจ้า อิ__อิ   :katai3::กอด1:
 

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ห๊ะะะะะะะะ
จะทำอะไรหนะ
คุณชายไป๋ยังไม่ได้ตั้งตัวเลย

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เรื่องนี้เสิ่นเป็นเมะใช่ม้ายยยย ชายไป๋ไม่คิดจะทวงตำแหน่งเลยรึ อย่างงี้มันม่ายด้ายยยยยย :serius2:

นักเขียนมาต่อเร็วมาก :กอด1: ขอบคุณค่ะ ดีใจมากกก :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฮึ่ย............ ค้างอีกและ   :z3: :z3: :z3:
ไป๋ จื่อฟาง  มีใจให้กันแล้ว   :-[ :impress2:
จื่อฟางบอกตัวตนไปเล้ย  :mew1:

หยางชวี ตัวสั่น ใจสั่นไปแล้ว โดนจื่อฟางแกล้ง  :m20: :laugh:

ไป๋ผูอวี้  จื่อฟาง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
แสดงตัวตนกันท่าไหนน้อ​ ช่วงนี้มาต่อต่อเนื่องเลย​ ฟินมากๆเลยค่ะ​ ขอบคุณ​มากๆนะคะ​ รอจื่อฟางพบกับฮ่องเต้​  ใกล้ช่วงกบฎ​เข้ามาทุกที​

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยังไงดีค่ะ จะพิสูจน์ยังไงค่ะ

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปัญหาเยอะแยะเต็มไปหมดบวกกับใกล้จะปะทุแล้วด้วย ไม่ว่าจะจบยังไง ขอให้ทั้งสองได้หนีไปใช้ชีวิตด้วยกันที่เหลียวตงเถอะ

ปล. มาถึงตอนนี้ก็ไม่ชอบท่านพ่อเหมือนเดิม ไม่เห็นใจจิ้งเฟยเลย สงสารชีวิตจิ้งเฟย ไม่มีอะไรดีเลยซักอย่าง   :hao5:

ออฟไลน์ Aomoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกขั้นสุดค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด