>….ตอนที่ 15 [100%]….<
“แจ็ก...” มาถึงที่ทำงาน พีระพลตรงเข้าไปหาเพื่อนของเขาเป็นสิ่งแรก
“อะไรวะ”
“รู้จักคนชื่อรักปะ...” แจ็กกำลังดูรายการสั่งซื้อเคมีอยู่
“รู้ดิ แฟนเก่าไอ้ขุนไง” รู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งไม่ควรพูดก็ตอนพูดแม่งไปแล้วเนี่ย แจ็กชะงัก..เงยหน้ามองเพื่อน
“มึงถามแบบนี้ มึงเจอคนชื่อรักเหรอ...หรือว่าไงวะ เอ๊ะ แต่ถ้ามึงเจอ ไอ้ขุนไม่ได้บอกมึงเหรอว่ารักเป็นแฟนเก่า”
“เปล่า บอกว่าเพื่อน” ฉิบหาย...รู้แค่นั้นก็น่าจะพอไหมวะ ไม่น่าหลุดเลยว่าแฟนเก่า
“เหรอ”
“อืม รักอายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบห้าเท่าขุน ถามทำไมวะ”
“มันดูไร้มารยาทมากเลยน่ะ เลยคิกว่าเด็ก ที่จริงอายุยี่สิบห้าก็ไม่เด็กนี่นะ...” มันคงไม่ฟังคำสอนของคนอื่นมาเลยจริงๆ แจ็กดูออกว่าพีระพลไม่พอใจ และต้นเหตุอาจมาจากเรื่องที่ท่านขุนไม่บอกว่ารักเป็นแฟนเก่า หรือว่า...รักทำตัวไม่ดีใส่พีระพล
“มันทำอะไรมึงเหรอ”
“เล่าไปคงยาว ช่างมันเหอะ รู้แค่นี้ก็พอแล้ว” ว่าจบพีระพลก็เดินไปทำงานทันที ไม่รอให้เพื่อนตัวเองซักไซ้อะไรอีก
พีระพลเก็บงำความไม่พอใจของเขาเอาไว้ไม่ได้ ทั้งท่านขุนไม่ยอมบอกว่ารักเป็นแฟนเก่า ทั้งรักที่ทำตัวแย่ๆ ใส่เขา ใช้คำพูดคำจาเหมือนเป็นวัยเดียวกัน ไม่เคยหงุดหงิดจนอยากจะทำร้ายใครมาก่อน จนมาเจอรักเนี่ยแหละ
พีระพลตั้งใจจูบท่านขุนต่อหน้ารัก อยากให้เห็นว่าเขาสองคนต่างหากที่เป็นอะไรๆ กัน ไม่ใช่คนอื่น ต่อให้รักมีความทรงจำดีๆ มากมาย แต่ถ้ามันดีจริง...มันก็ต้องยังเป็นของกันและกันอยู่ไม่ใช่หรือไง ท่านขุนแทบไม่พูดถึงรักเลย นั่นไม่เท่ากับว่ารักไร้ความสำคัญสำหรับท่านขุนหรือ
ปกติแล้วเพื่อนของท่านขุนมีเยอะ พีระพลรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ทุกคนที่เขารู้จักก็มีขอบเขตของความเป็นเพื่อน...ยิ่งคนที่เริ่มมีอายุแล้วเขายิ่งมีความเป็นผู้ใหญ่ วางตัวดี พูดจาดี โอเค...มีบ้างที่บางครั้งจะเจอเด็กปากไม่ดีหลงเข้ามา วันเสาร์เป็นวันมีตติ้งของคลับ กินเหล้า กินเบียร์กันตั้งแต่บ่ายไปยันดึก แต่นั่นก็คือเด็ก แถมเป็นเด็กที่ยังเมาอีกต่างหาก พีระพลละเลยได้ ก็มันไม่ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเขา
กับรักนี่...บอกตรงๆ ยังไงเขาก็ละเลยมันไปไม่ได้
ยิ่งคำตอบของแจ็กย้ำชัดด้วยว่ารักเคยเป็นแฟนเก่าของท่านขุน การที่โพล่มาแบบนี้คงไม่มีกี่เหตุผลหรอก ท่านขุนไม่ค่อยพูดถึงรักเก่า จำได้ว่าเคยบอกสั้นๆ แค่มันเป็นอะไรที่เลวร้ายและจบไม่สวยเลย พีระพลไม่อยากรื้อฟื้นความทรงไม่ดีให้หวนกลับมา จึงปล่อยมันเลยไป แต่มันคงเป็นท่านขุนคนเดียวที่มองว่าความรักครั้งนั้นไม่สวยงาม ไม่งั้นไอ้นั่นมันจะกลับมาอีกทำไม
หงุดหงิด คิดมาก เป็นอาการที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นคนมีเหตุมีผลอย่างพีระพลก็ตาม การทำงานของพีระพลคือการหาค่าเคมีของบ่อชุบในบริษัท ที่จริงมันก็ค่อนข้างซีเรียส แต่คนทำมาจนชินแล้วกลับไม่ต้องใช้สมองในการทำงานเลยด้วยซ้ำ แค่มีสติก็พอ เผอิญว่าอารมณ์ขุ่นมัวของพีระพลทำให้เจ้าตัวไม่มีสติ การเตรียมเคมีก่อนไตเตรทจึงผิดพลาดไปบ้าง
ความผิดพลาดในการทำงานทำให้พีระพลยิ่งหงุดหงิด...
เขายืนเท้ามือทั้งสองกับโต๊ะอุปกรณ์สีขาวสะอาด ตรงหน้ามีขาดรูปชมพู่ขนาดสองร้อยห้าสิบซีซีเรียงรายอยู่ห้าหกขวด ด้านในเป็นเคมีต่างๆ เจ้าขวดแรกทางขวามือเป็นเคมีที่เขาเตรียมจะเอาไปไตเตรท ทว่าเพราะเขาเผลอหยดสารเคมีผิดชนิด ทำให้เคมีที่เตรียมไว้กลายเป็นสีชมพูเข้มแทนที่จะเป็นสีส้ม พีระพลมองสีชมพูเข้มในขวดพลางตั้งสติ เกือบห้านาทีที่ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ขวดเจ้าปัญหาถูกเอาไปเทเคมีด้านในทิ้งแล้ววางเอาไว้ตรงซิ้งล้าง เขาหยิบขวดใหม่ออกมาเตรียมเคมีใหม่ พีระพลมีสติขึ้นมาแล้วและเขาก็เริ่มทำงานด้วยความเชี่ยวชาญ ไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีกเมื่อเขาจดจ่ออยู่กับงานที่ตนเองทำ
บ่ายสองครึ่งเคมีเกือบสามสิบตัวอย่างก็ถูกไตเตรทจนครบ พีระพลนำกระดานบันทึกค่าเคมีวางบนโต๊ะ เขาประจำที่นั่งแล้วเริ่มคำนวณค่าเคมีด้วยสูตรต่างๆ ซึ่งเคมีแต่ละประเภทใช้วิธีคำนวณที่แตกต่างกันไป จากนั้นเขาก็เอาค่าทั้งหมดกรอกลงในเอกสารเพื่อจะเอาไปให้แจ็กดู บ่ายสามเขาออกจาห้องแล็บของตนเอง เดินไปยังออฟฟิตหน้าเพื่อส่งใบรายงาน
งานเขาเสร็จแล้ว ดังนั้นความคิดมากจึงกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง นอกจากเคืองรักตอนนี้พีระพลคิดวนไปวนมาว่าทำไมท่านขุนถึงไม่บอกเขากันนะ ไอ้ท่าทางนิ่งๆ นี่ที่จริงก็รอข้อความจากท่านขุนเหมือนกัน แต่เขาเห็นว่ามันไม่มีอะไรเลย มือถือของเขาว่างเปล่า ปราศจากแจ้งเตือนจากท่านขุน
“ทำไมซิงก์ไม่ขึ้น” คำแรกของแจ็กหลังจากดูค่าเคมีทั้งหมด พีระพลนั่งตรงข้ามเพื่อนตัวเอง
“เติมเมื่อไหร่”
“ตอนเที่ยง”
“มันคงขึ้นหรอก เติมเที่ยงแล้วตักเคมีตอนเที่ยงครึ่ง ซิงก์มันละลายทันที่ไหน...” พีระพลตอบนิ่งๆ
“เออวะ แล้วนี่...คิดมากอยู่ปะวะ” แจ็กวางเอกสารรายงานเคมีลง เขาประสานมือไว้ใต้คางตนเองก่อนจะนั่งเท้ามัน
“อืม มึงรู้เรื่องท่านขุนกับรักเยอะปะ” คนฟังกระตุกยิ้มบางๆ
“ทำไมมึงไม่ไปถามไอขุนเองวะ” เห็นนิ่งๆ นึกว่าจะไม่สนใจอะไรเสียแล้วด้วยซ้ำ
“เออหน่า ตอบมาก็พอแล้วปะ...” พีระพลว่าติดรำคาญนิดๆ
“ตอนนี้มึงหมดมาดเรียบร้อยแฮะ ดูเบดกายวะ ฮ่าๆ...โอเค กูเล่าก็ได้ แต่มึงก็น่าจะเข้าใจนะว่ากูเล่าเองกับมึงไปถามไอขุนน่ะ อารมณ์มันต่างกันเลย” เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้บางทีแจ็กก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งนักหรอก
“อืม รู้หน่า”
“โอเค รักกับขุนมันคบกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วน่ะ จำไม่ได้ว่าคบกันตอนปีไหน...น่าจะเป็นปีสุดท้ายมั้ง ก็คบกันระยะหนึ่ง รักซื้อมณีมาเลี้ยงคู่กับไอขุน ตอนนั้นเป็นอะไรที่โคตรหวานกันเลยให้ตาย ใครๆ ก็อิจฉาคู่มัน บางทีก็ไปขับรถด้วยกัน ขุนเอารถไปเองบ้าง ซ้อนท้ายรักบ้าง ทุกทริปพวกมันสองคนไม่เคยพลาด เป็นคู่รักไบก์เกอร์ตัวยง แล้วที่รู้จักกันก็เพราะขับบิ๊กไบก์เหมือนกันนี่แหละ เลยเข้ากันได้” เล่าไปก็ดูอาการของเพื่อนตัวเองไปด้วย
“อ๋อ ก็หวานกันดี…เลิกกันทำไม”
“รักมันมีคนอื่นวะ มีแบบ...อยู่ด้วยกันที่คอนโดเลย จำได้ว่าช่วงนั้นไอขุนเองก็อยากให้รักมาอยู่ที่ร้านด้วยกัน แต่รักมันไม่มา มันบอกว่าอยากให้เว้นระยะห่างระหว่างเรา ที่ไหนได้...มันซ่อนอีกคนไว้ ไอขุนมันไปหาเพราะจะตามมันไปเที่ยวนั่นแหละ ไม่เคยไปคอนโดรักหรอก ถามเพื่อนๆ ก็กะไปเซอร์ไพรส์ สุดท้ายตัวเองโดนเซอร์ไพรส์เสียเอง พอรู้ว่าสองคนนั้นคบกัน ไอขุนมันก็บอกเลิกเลย ง่ายๆ ทีเดียว เด็ดขาดและจบ” ไม่ใช่ว่าแจ็กเสือกเรื่องของขุนมากหรอกนะ แต่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมาหลายปีก็เลยรู้เรื่องท่านขุน คนในคลับที่สนิทๆ กับท่านขุนต่างก็รู้เรื่องนี้หมด เพราะว่ารักเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคลับ...เมื่อก่อนน่ะนะ
“อืม...”
“แรกๆ ไอรักก็มาง้ออยู่ ขุนมันไล่แล้ว...ไล่แบบไม่รู้จะไล่ยังไง ไอ้รักมันก็ไม่ไป วันนั้นพวกกูก็ไปกินเบียร์กับไอขุนปกติ รักมาอีก เหมือนขุนมันไม่ไหวแล้วมั้ง...โดนรักหาว่าไม่รักมัน ก็เลยเลิกกันง่ายๆ แค่เรื่องมีคนอื่นแค่นี้เอง คำพูดไอ้รักแม่งแบบ...ตอนนั้นกูก็จะเตะปากแม่งเหมือนกัน แต่ขุนมันซัดก่อน ทะเลาะกันร้านเกือบพัง” เข้าใจแล้วที่บอกว่าจบกันไม่สวย พีระพลพยักหน้ารับรู้
“ปากแบบนี้มานานแล้วงั้นสิ”
“ปากหมาอะนะ เออ...เหมือนวัยรุ่นทั่วไปล่ะมั้ง เด็กอะ พ่อแม่รวยเข้าหน่อยก็กร่างนิดๆ ที่จริงรู้มาว่ารักเองก็ไปเปิดคลับใหม่เป็นของตัวเองเหมือนกัน คลับของรักนี่รวมแต่พวกซีซีสูงขึ้นไปอะ พวกกูก็ไม่ได้สนใจ มันคนละส่วนกับพวกกูอะนะ”
“แล้วกลับมาแบบนี้...คิดเป็นอะไรได้บ้าง”
“แหมคุณพีระพลครับ มันคงมีไม่กี่เหตุผลปะ หนักๆ เลยกูว่าคงอยากกลับมาสานต่อวะ แต่ขุนคงไม่เอา...ขุนมันเกลียดพวกทรยศ มึงก็ไม่ต้องคิดมากหรอกเว้ย ไว้ใจแฟนมึงหน่อย ขุนมันอาจดูเป็นคนรักสนุก แต่มันรักเดียวใจเดียวแน่นอนกูรับรองได้”
“กูไว้ใจขุน แต่กูไม่ใจรัก...แถมวันนี้ก็ยังไม่ยอมบอกกูอีกว่ารักเป็นใคร บอกแค่เพื่อน กูไม่ควรคิดมากสินะ”
“ก็อาจจะไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ”
“หึ...เคืองยิ่งกว่าบอกอีก” หน้าตาพีระพลตอนนี้เอาเรื่องจริงๆ
“มึงคงไม่ทะเลาะกันใช่ไหมวะ ถ้าทะเลาะกันนี่กูรู้สึกผิดเลยนะ...”
“กูดูเป็นคนแบบนั้นหรือไง” จากเครียดๆ กลายเป็นระอาใจฉับพลันเพราะคำพูดเพื่อน
“ไม่รู้นี่หว่า คนเราอะ...พอมันโกรธ มันหึงมันหวงมันก็เป็นคนบ้าได้ทั้งนั้นแหละ” ไม่ปฏิเสธคำของแจ็ก
“โทษที...กูสติดี แล้วกูก็จะไม่บ้า ไม่ทะเลาะแน่ๆ กูไปละ...” ซักไซ้ไล่เลียงเสร็จก็ขอตัวเลยนะ
แจ็กเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนเองมองเพื่อนเดินออกไป ปกติเห็นเพื่อนคนนี้เรียบร้อยใจเย็น คราวนี้เริ่มสนุกเพราะได้เห็นมุมใหม่ๆ ตอนมันอยู่ต่างประเทศคงมีให้เห็นบ่อย...หรือเปล่านะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนพีระพลเรียนอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้คบใครนัก มัวแต่ตั้งใจเรียนเพื่อเกรดดีๆ กิจกรรมก็ทำบ่อยจนได้รางวัลเยอะแยะเพื่อให้พ่อแม่และครอบครัวภูมิใจ ส่วนไอ้อาการโกรธนี่ก็เห็นบ่อยนะ...แต่โกรธเพราะแจ็กแหย่เนี่ยแหละ ไม่ได้โกรธเพราะหึงหวงเลย
นี่...ควรเตือนไอขุนไหมนะ
....
ท่านขุนยืนมองจนรถของพีระพลวิ่งหายออกไปจากร้าน หัวใจบีบรัดจนเจ็บ...พี่พีจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่เจอรักพูดแบบนั้นใส่ ถึงพี่พีไม่แสดงออกอะไรเลย ท่านขุนก็ยังกังวลอยู่ดี เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ มันร้อนแรงมาก...และมันก็ทำให้ท่านขุนรู้สึกแปลกใจ เขาละสายตาจากรถที่หายไปแล้วเข้ามาในร้าน รักยืนอยู่ตรงกำแพงกระจก ในอ้อมแขนมีแมวน้อยนอนอยู่
เกิดควาไม่พอใจขึ้นทันที ที่ท่านขุนไม่ได้แนะนำว่ารักคือแฟนเก่าเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องบอก เขาไม่อยากให้พี่พีไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เริ่มไม่รู้แล้วว่าแบบนี้จะยิ่งทำให้พี่พีไม่สบายใจหรือเปล่า ท่านชุนค่อนข้างลังเล รักมาแค่ไม่นานและรักก็จะจากไป คนเก่ามันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาในตอนนี้เลย
“รู้ไหมว่าที่รักทำมันไร้มารยาทมาก” เดินเข้ามาถึงท่านขุนก็พูดในสิ่งที่ควรพูดทันที
“อะไร...ไร้มารยาทตรงไหนล่ะ” รักพูดเหมือนไม่รู้ตัวทั้งที่ก็รู้ดีว่าท่านขุนหมายถึงอะไร
“การที่นายเอาแต่แทรกกลางระหว่างเรากับพี่พีไงล่ะ พี่พีเขาเป็นผู้ใหญ่นะ...”
“ผู้ใหญ่เหรอ หึ...พูดง่ายๆ ว่ามันแก่เถอะ” รักแทรกขึ้นแบบหน้าด้านๆ
“รัก! มันจะเกินไปแล้วนะ...นายจะเข้ามาในฐานะลูกค้าผมไม่ว่า แต่ถ้านายจะเข้ามารังควานผมไม่ต้อนรับ” ท่านขุนเริ่มไม่พอใจมากขึ้น
“เฮ้ใจเย็น รักขอโทษ...รักไม่ได้จะมารังควานอะไรท่านขุนเลย รักก็แค่...อาจจะเผลอไปหน่อย รักขอโทษ รักจะไม่ทำแบบนี้อีก ท่านขุนอย่าโกรธรักอีกเลยนะ ไว้...คุณพีเขากลับมาอีกรักจะขอโทษเขาด้วยดีไหม” รักพยายามเอาตัวรอด แต่ท่านขุนรู้จักรักดีพอ...เขารู้ว่าคนๆ นี้ไม่สำนึกผิดง่ายดายอย่างที่แสดงออกหรอก
“กลับไปเหอะ เอารถไปด้วย”
“ไม่เอาดิ รักไม่ได้ตั้งใจนะ ให้อภัยรักเถอะ...รักขอโทษจริงๆ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้ จะไม่ทำตัวแย่ๆ แล้วถ้าท่านขุนไม่พอใจจริงๆ ตอนที่เขามารักจะไป...อย่าไล่รักแบบนี้เลย รักอยากให้ท่านขุนทำรถให้รักจริงๆ นะ” รักออดอ้อนเต็มที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเข้ามากอดร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีสถานะที่จะทำแบบนั้นได้
“ท่านขุน...รักแค่อยากกลับมาหาท่านขุน กลับมาเป็นเพื่อนกัน...เป็นคนรู้จักกัน รักไม่ได้ตั้งใจจริงๆ รักขอโทษ...รักของโทษนะ” ท่านขุนถอนหายใจหนักๆ เขาไม่มองหน้ารักตรงๆ เพราะรู้ดีว่าแววตาของอีกฝ่ายเว้าวอนตนแค่ไหน
“ยังไงซะ ตอนนี้รักก็ควรกลับไปก่อน เรื่องรถเดี๋ยวผมดูให้”
“อ่า..ขออยู่ต่อไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่” ท่านขุนแย่งมณีออกมาจากมือของรัก เธอส่งเสียงร้องเพราะอยากอยู่กับรักต่อ แต่เขาไม่สนใจ พามณีน้อยเดินฉับๆ ขึ้หน้องเป็นการไล่รักกลายๆ
รักโคตรเจ็บใจ...เขามองตามแผ่นหลังของท่านขุนจนหายลับไปจากสายตา เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นงี้เลย ขอโทษทีสองทีก็หายเคืองแล้วนี่อะไร...รักมากหรือไงไอ้ผู้ชายจืดชืดพันธุ์นั้น เฮอะ...อ่านหนังสือเหรอ เที่ยวงานหนังสือเนี่ยนะ บ้าเหอะ นั่นมันเรื่องที่พวกผู้หญิงเนิร์ดๆ เขาทำกันเท่านั้นแหละ
รักจำต้องเดินออกจากร้าน รถโดนถอดไปแล้วบางส่วนทำให้เขาไม่สามารถขับรถของตัวเองกลับไปได้ รักออกไปโบกแท็กซี่หน้าซอย บอกจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นที่พักของตนเอง แต่แล้วเขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาตัดสินใจบอกพี่คนขับเพื่อเปลี่ยนเส้นทางที่จะไป...
ท่านขุนไม่ได้ขึ้นห้องไปอย่างที่แสดงต่อหน้ารัก เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วก็เดินลงมานั่งหน้าเคาน์เตอร์พลางถอนหายใจออกมาหนักๆ มณีน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ เดินนวยนาดจากเขาไปเพื่อนอนที่ประจำ
“ดูเหมือนพี่รักอยากคืนดีนะ...” จิมเปรยขึ้น
“เออดิ ดูออกแหละไม่ใช่ดูไม่ออก” มันเป็นเรื่องน่าหนักใจ ท่านขุนเองก็เจอฤทธิ์รักมาแล้วหลายครั้ง เจ้านี้ตื๊อไม่เลิกง่ายๆ หรอก ขนาดครั้งก่อนยังต้องต่อยตีกันถึงจะยอมจากไป ครั้งนี้ไม่รู้เลยว่ารักจะมาแบบไหน
“แล้ว...พี่พีก็ยังไม่รู้ว่าพี่รักเป็น...”
“ไม่จำเป็นปะวะ ทำรถเสร็จรักก็ไปแล้ว...”
“แล้วถ้าพี่รักไม่ไปล่ะพี่” นั่นแหละน่าเครียด
“งั้นกูรีบไปทำรถดีกว่ามันจะได้ไป...” ว่าจบท่านขุนก็ลุกไปเอาคอมพ์สำหรับการปรับจูนเครื่องออกไปด้านนอก
แอ้เดินตามออกไปอย่างรู้หน้าที่ เจ้ายักษ์ของรักถูกถอดแฟริ่งออกไปบ้างแล้วบางส่วนแต่ยังไม่หมดพอจะทำรถได้ คนสองคนช่วยกันก้มๆ เงยๆ ทำรถคันเดียวด้วยความขะมักเขม้น ท่านขุนอยากทำให้เสร็จไวๆ รักจะได้ไม่มีข้ออ้างในการเทียวไปเทียวมาร้านนี้อีก
ผ่านไปสองชั่วโมงเศษๆ ท่านขุนให้แอ้เข้าไปเอาเบียร์เย็นๆ มาดื่ม ในส่วนที่เขาทำอยู่เหลือแค่การปรับจูนเท่านั้น ทว่าขั้นตอนนี้นี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ของช่างเครื่องหลายๆ คน โชคดีอาจจูนเครื่องยนต์ได้เร็ว โชคร้ายก็อาจใช้เวลาทั้งคืน
รถของรักคันนี้ท่านขุนพอรู้จักดี เขางัดแงะมันบ่อยครั้งและซ่อมมันหลายหน ส่วนต่างๆ ของเจ้ายักษ์ก็เป็นท่านขุนอีกเช่นกันที่เป็นคนประกอบใส่ ตกแต่งให้มันดูดีแบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่เหมือนเดิมทั้งหมดหรอก บางอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา รักเป็นคนชอบแต่งรถมาก อะไรเปลี่ยนเป็นของสวยๆ งามๆ ได้ก็เปลี่ยนหมด อุปกรณ์แต่งรถใช่ว่ามีน้อย...แม้แต่น็อตยังเปลี่ยนให้มีสีสันได้เลย
“จะได้ไหมพี่” แอ้ถามเสียงเรียบ ท่านขุนหน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมดเพราะยังไม่สามารถปรับจูนเครื่องยนต์ได้อย่างใจต้องการ
“ไม่รู้วะ มึงทำคันอื่นไปก่อนเลย”
“ครับพี่” คันอื่นๆ มาเปลี่ยนผ้าแบรก ดิสแบรกหรือแม้แต่โช๊ก ท่านขุนควรช่วยแอ้หรือควรทำงานตามลำดับคิว
จูนแล้วก็ต้องเอารถลงไปเทสเครื่องยนต์ตรงสนามหน้าร้าน มันต้องทำไปจูนไป ในเมื่อร้านเขาไม่มีเครื่องที่สามารถวัดรอบความเร็วได้ก็ต้องใช้ความสามารถ และความคุ้นชินของตนเอง แฟนริ่งด้านข้างยังไม่ถูกใส่ เผื่อต้องถอดอีกหรือทำอย่างอื่นเพิ่มเติม ซิ่งไปจูนรถไปอยู่แบบนั้น
ท่านขุนไม่รู้ตัวเลยว่า...พี่พีของเขาขับรถเข้ามาในร้านแล้ว
“นั่นรถใครเหรอแอ้...” พีระพลมองดูท่านขุนบนสนาม เขาขับๆ หยุดๆ อยู่ตรงนั้นพียงลำพัง
“รถพี่รักครับ” แอ้ตอบแบบไม่ได้คิดอะไร ก็เขาไม่เห็นว่าพีระพลจะดูไม่พอใจตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ...แอ้ไม่เห็น ใช่ว่าพีระพลจะเป็นอย่างที่แอ้คิด
….100%….
ระหว่างรักกับท่านขุน พี่พีควรสำเร็จโทษใครก่อนดี?