พิมพ์หน้านี้ - >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: GukakST ที่ 29-01-2018 19:06:13

หัวข้อ: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 29-01-2018 19:06:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0) 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0) 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [บทนำ - 29-01-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 29-01-2018 19:54:05
>…บทนำ…<

“มณีจ๋า...มากินข้าวเร็ว” เสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มรูปร่างสันทัดดังออกมาจากห้องครัว ในมือถือชามอาหารหน้าตาไม่ดีทว่ากลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ

กริ๊ง...

ดวงตาสองสีกลมโตวาววับน่าจับจ้องตวัดมองชายหนุ่มในเสื้อยืดคอกลมสีดำไร้ลวดลาย กางเกงสีเขียวขี้ม้าสามส่วนมากด้วยกระเป๋า มันเปรอะเปื้อนน้ำมันและคราบดำเป็นปื้น ชุดง่ายๆ...กับสภาพมอมแมมนั่นมีเรือนกายที่จัดว่าดีซ่อนอยู่พร้อมกับรอยสักรูปของตนเองในชุดกิโมโนบนต้นแขนขวา ดวงตากลมไม่โตมากนั้นถูกแพขนตายาวและหนาทำให้ดูหวาน รอยยิ้มกว้างเป็นส่วนที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปนั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหล

“ของโปรดมณีเลยน้า...” ชายหนุ่มยังคงส่งเสียงหวานหูออกมาเชิญชวน อันที่จริงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอาหารนั้นอร่อยเพียงใด แต่ละมื้อแทบจะไม่ซ้ำกัน...วนเวียนวันต่อวัน

กริ๊ง...กริ๊ง....

เจ้าของชื่อย่างก้าวนวยนาดเข้าหา ความหล่อเหลาชวนหลงของชายผู้นี้ไม่ได้มีเสน่ห์ยวนใจมณี...ไม่เลย ที่อยู่ด้วย ที่ยังคงวนเวียนใกล้ชิดมันเพราะอาหารที่แสนถูกปากและการดูแลราวกับเจ้าหญิงเท่านั้นแหละ

ประกายในตาสองสีพร่างพราวเมื่อกลิ่นอาหารเตะจมูกมากขึ้นเป็นทวี เขาย่อตัวลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า...ส่งรอยยิ้มฉ่ำหวานมาให้ราวกับกำลังทอดสายตามองคนรักของตนเอง อาจไม่ใช่...แต่มันก็ใกล้เคียงทีเดียว ในเมื่อเขารักมณีหมดหัวใจ

“วันนี้ลูกค้าเยอะเลยต้องเป็นเพราะแม่มณีแน่ๆ” คำพูดหยอดเอินของเขาเสนาะหู ฟังดูราวกับกำลังสรรเสริญตน ทว่ามณีสนใจอาหารมากกว่าอยู่ดี...ไม่เชิดหน้าเพราะคำพูดหวานนั่นหรอก

“ช่วงเย็นวันนี้จะมีคนมาเพิ่มอีก แม่มณีอาจรำคาญไปบ้าง...เดี๋ยวท่านขุนผู้นี้จะเอาของโปรดแม่มณีมาเสิร์ฟอีกนะจ๊ะ” รำคาญก็คือรำคาญไหม...ไม่ได้เกี่ยวว่าเอาของกินมาให้แล้วจะอารมณ์ดี มณีมองหน้า “ท่านขุน” ขุ่นเคือง ทว่าเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเลยเอื้อมมือมาลูบหัวราวกับปลอบ

“แม่มณีน่ารักที่สุด...” เอามือสกปรกคราบน้ำมันออกไป มณีปัดมือสากนั่นออกไปแล้วเดินเลยไปยังอาหารของตนเองราวกับงอนแฟนก็ไม่ปาน

ท่านขุนปลายตามมองมณียิ้มๆ เขาเดินมายังเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ ลูกน้องผู้ขยันขันแข็งกำลังเล่นเกมมือถืออย่างเมามัน ขนาดเจ้านายเดินมานั่งมองก็ยังยิ้มส่งให้ ก็ท่านขุนเป็นคนใจดี ท่านขุนไม่ดุไม่ด่าลูกน้องหากพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด บางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้คนใต้การควบคุมของเราได้มีอิสระบ้างถึงจะถูก

ผ่านช่วงเที่ยงเข้าสู่ช่วงบ่าย...แดดเริ่มหายและกลายเป็นเมฆตั้งเค้า มณีนั่งมองผ่านกำแพงกระจกไปยังด้านนอก...เธอเกลียดฝน เกลียดความเปียกแฉะนั้นที่สุด หากมีฟ้าผ่าฟ้าแลบด้วยเธอจะหนีขึ้นห้องแล้วก็ไม่ยอมรับรู้ถึงบรรยายกาศโดยรอบ

มันก็แค่อยาก...แต่ทำได้ที่ไหน รู้คือรู้อยู่ดีนั่นแหละ

มณีนั่งอยู่ข้างกำแพงกระจกเนิ่นนาน ก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นไปนอนขดบนโซฟาต้อนรับแขกหนังสีดำกลางร้าน โดยรอบด้านยังมีโซฟาเดี่ยวเข้าชุดวางขนาบซ้ายขวา แต่เธอชอบตัวกลางที่ใหญ่และยาว...ก็มันนอนสบายนี่

ท่านขุนกำลังก้มๆ เงยๆ งัดคอท่อของรถซีบีอาร์หนึ่งพันซีซีที่เข้ามาเปลี่ยนท่อพร้อมกับลูกมืออีกหนึ่งคนที่ชื่อแอ้ ส่วนในร้านก็มีจิมคอยนั่งเล่นเกมมือถือไม่ยอมละไปจากเคาน์เตอร์ ก็เขามีหน้าที่ขายของไม่ได้มีหน้าที่ซ่อมรถแบบแอ้ สายฝนด้านนอกเริ่มจากเปาะแปะและซ่า...กลายเป็นถล่มลงมาในเวลาไม่นาน ส่วนที่เจ้าของร้านและรถจอดอยู่มีหลังคาคลุม คล้ายกับโรงจอดรถขนาดใหญ่ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังโดนลมพัดเอาสายน้ำเข้ามาอยู่ดี

เสร็จจากการเปลี่ยนท่อซีบีอาร์พันซีซีก็ยังมีคันอื่นที่ยังต้องทำ ห้าโมงกว่าเหมือนทุ่มสองทุ่มเพราะมืดครึ้ม ท่านขุนเห็นว่าแอ้ทำงานจนเหนื่อยแล้วเลยให้ลูกมือคนนั้นเข้าไปพักก่อน ส่วนตัวเองยังคงทำรถต่อไป เป็นเจ้าของร้านใช่ว่าจะสบายนัก ท่านขุนลงทั้งแรงกายและใจให้กับงานที่ตัวเองรัก เขาชอบรถบิ๊กไบก์...รักมัน ไม่ว่าจะต้องซ่อมหรือแต่งมันก็ตาม เหมือนกับที่เขารักมณี...

ทว่าในการทำงานอันสบายอกสบายใจของเขาก็ยังมีความกังวล วันนี้เป็นงานวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่งในคลับ เขาไม่ใช่มาสเตอร์คลับนี้ แต่ก็มีบทบาทมาก และเขาจะมาจัดงานกันที่นี่ในวันนี้ เห็นสายฝนแล้วเขาคิดอยู่ว่าพวกนั้นจะมากันได้ไหม ก็ทุกคนในลับ ‘กินลมดมฝุ่น’ เป็นบิ๊กไบก์ทั้งหมด ไม่มีหลังคากันแดดกันฝน หากจะมากันจริงๆ คงมีตัวเปียกกันมาบ้าง

ไม่นานเสียงท่ออันเป็นเอกลักษณ์ของสี่สูบก็ดังเข้ามาในบริเวณหน้าร้าน ซึ่งถัดจากโซนซ่อมรถยังมีพื้นที่เอาไว้สำหรับเทสต์รถ ท่านขุนวางประแจลง เช็ดมือกับผ้าขนหนูตรงเอวที่เขามักแหน็บเอาไว้ตลอด จากเสียงเดียวเป็นสองและสามและสี่...นี่มาพร้อมๆ กันเลยหรือยังไงนะ

ท่านขุนจัดรถด้านในบริเวณซ่อมให้มีพื้นที่สำหรับจอดรถ ทั้งพันซีซี หกร้อยห้าสิบซีซีหรือแม้แต่สามร้อยซีซีก็พากันเข้ามาจอด เปียกมอมแมมไม่ต่างจากที่เขาคิด แต่บางคนก็ใส่เสื้อกันฝนเอาไว้ทำให้รอดพ้นมาได้

“ปาร์ตี้วันนี้มีหนาวสะท้านแน่นอน” ท่านขุนเอ่ยยิ้มๆ

“เออดิ ตกห่าไรวันนี้วะ แล้วคอยดู พรุ่งนี้วันหยุดแม่งจะไม่ตก” คนฟังเห็นด้วย ฝนไม่เคยตกวันหยุด เหมือนกับมันหยุดทำงานหนึ่งวัน

ในหมู่คนเหล่านี้ท่านขุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี บางคนเป็นรุ่นพี่ บ้างก็รุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องปะปนไป เขาเดินนำเข้าในร้าน มณีทอดสายตามองผู้มาใหม่ เธอส่งเสียงเล็กๆ ในลำคอแสดงออกถึงความไม่พอใจกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น

“แม่มณีหลบหน่อยน้า...” ท่านขุนเดินเข้าไปใกล้แล้วดันตัวมณีให้กระถดไปชิดฝั่งเท้าแขน

“ม๊าววว” มณีไม่พอใจ เธอตวัดมือตบไปที่มือของท่านขุนเบาๆ

“เจ็บคร้าบ...” เขาก็โอดครวญไปงั้น มณีไม่ได้ใช้กงเล็บ

เจ้าแมวน้อยพันธุ์ขาวมณีหันหน้าหนี ไม่มองดวงตากระเง้ากระงอดอ้อนวอนของท่านขุน เธอเป็นของแทนใจระหว่างท่านขุนกับแฟนเก่า เท่าที่มณีรู้...เธอไม่เห็นเขามานานแล้ว และก็ยังเฝ้ารออยู่ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา...

“ดุเหมือนเดิมเลยวะ ฮ่าๆ...เออขุน เดี๋ยววันนี้พี่พาเพื่อนมาด้วยนะ มันน่าจะกำลังตามมา พี่เพิ่งส่งโลเคชั่นให้มันไป” พี่แจ็กนั่งลงที่โซฟายาวฝั่งว่างพลางรับแก้วจากจิม

“เพื่อนเหรอ นอกจากพวกผมแล้วพี่ยังมีเพื่อนคนอื่นด้วยเหรอ” ท่านขุนเอ่ยเย้าเสียงขัน

“เออเด๊ะ คนนี้เพื่อนเก่า มันไปทำงานอยู่ต่างประเทศหลายปี เพิ่งกลับมาอยู่ไทยเลยชวนมันมาทำงานด้วย”

“อ๋อ หล่อไหมนะ” มณีหันไปมองท่านขุนโดยเขาไม่รู้ตัว รอยยิ้มกวนๆ ของเขามีเสน่ห์ และบ่อยครั้งก็มีตัวผู้ตัวอื่นเข้ามาเกาะแกะทำให้มณีไม่พอใจ ก็ใครให้ท่านขุนของเธอเป็นคนอัธยาศรัยดีแบบนี้ล่ะ คำพูดคำจามันน่านัก อ้อล้อคนอื่นไปเรื่อย

“หล่อดิ รับรอง...ขุนจะหลง” แจ็กเอ่ยอย่างมั่นใจ

“ฮ่าๆ ให้มันจริงพี่ หล่อของพี่ไม่เคยโดนใจผมเลย”

“เดี๋ยวรู้ๆ” ท่านขุนไหวไหล่ เขานั่งเบียดมณีนิดหน่อยเพราะที่มันไม่ค่อยพอ พี่ๆ คนอื่นก็เอาเก้าอี้ที่ทำจากถังน้ำมันมานั่งรายล้อม

หญิงสาวเหล่าแฟนไบก์เกอร์ต่างพากันเข้าครัวพร้อมข้าวของ เป็นอันว่ารู้กัน พวกเธอจะทำอาหาร กับแกล้มหรือของกินเล่นมาเสิร์ฟ ยิ่งวันนี้จัดงานวันเกิดให้พี่คนหนึ่งในคลับก็ยิ่งจัดเต็ม พวกเขามากินที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยกันไปเสียแล้ว ครัวเป็นของทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะตู้แช่ที่อัดแน่นไปด้วยขวดเบียร์ เหล้าและโซดา ใครอยากได้อยากดื่มอะไรก็จัดหากันได้เต็มที่

“เหมี๊ยว...” มณีเอาเท้าหน้าสะกิดแขนท่านขุนเบาๆ

“ครับ มณีจะเอาอะไรหืม...” ก็ต้องเอาของกินปะ...เรียกนี่คือจะกินไง มณีส่งสายตาไม่พอใจ

“เหมี๊ยว”

“อ๋อ หิว?” ก็มันจะมีอะไรนักอะ เขาไม่ได้ให้อาหารมณีอีกเลยหลังจากผ่านเที่ยงมา

เขาเดินเข้าครัว พูดคุยกับสาวๆ ด้วยรอยยิ้มซุกซนพลางหยิบอาหารของมณีมาเทใส่ชามใบสวย ที่จริงพวกอาหารสดพวกนี้ท่านขุนก็สามารถจัดการมันได้ดีเหมือนหญิงสาวเหล่านี้ เขาอยู่คนเดียวมานาน พึ่งพาตัวเองมากกว่าคนอื่นๆ การทำอาหารเป็นองค์ประกอบของการอยู่คนเดียว

ในขณะที่ท่านขุนผู้เป็นเจ้าของร้านกำลังหยอกล้อกับหญิงสาวน่าตาน่ารักสามสี่คนในครัว มณีเริ่มหงุดหงิดเพราะรอนานแล้ว เธอกระโดดลงจากโซฟา เดินนวยนาดเข้าไปพร้อมกับเสียงร้องขัดใจเพื่อเรียกท่านขุนจากหญิงสาวเหล่านั้น แล้วต่อให้หญิงสาวเหล่านั้นจะสวยและมีเสน่ห์มากขนาดไหน เจ้าของร้านหนุ่มก็ต้องให้ความสำคัญกับที่รักก่อนเป็นอันดับแรกอยู่ดี

“นี่จ้าแม่มณี” เขาลูบหัวมณีด้วยด้วยความเอ็นดู รวมถึงสาวๆ ต่างก็พากันพูดถึงมณี แต่เจ้าของชื่อกลับฟังแล้วรำคาญ กินเสร็จจะหนีขึ้นห้อง...เบื่อมนุษย์

ผู้คนยังทยอยมาเรื่อยๆ แม้ว่าสายฝนยังคงโปรยปราย ท่านขุนยิ้มต้อนรับทุกคนราวกับเขาไม่เคยเหนื่อยที่จะแจกไมตรีให้กับผู้คน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมาไม่เคยขาด กีตาร์ตัวหนึ่งที่ถูกตั้งโชว์เอาไว้หน้าร้านถูกหยิบออกมาดีด ท่วงทำนองที่คุ้นหูทำให้คนอื่นๆ เริ่มส่งเสียงร้องตาม สาวๆ พากันยกอาหารออกมาวางเรียงตรงหน้าหล่าชายหนุ่ม ท่านขุนเองก็ร้องเพลงกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน

เจ้าของวันเกิดเข้ามาร้านพร้อมกับแฟนสาว มาถึงก็โดนเพื่อนฝูงอวยพรพร้อมแก้วเบียร์ เรียกว่าก้าวเข้ามาปุ้บก็แทบจะเมาปั้บ พวกผู้ชายไม่ค่อยให้ของขวัญกัน พวกเขาให้เบียร์กับคำอวยพรเท่านั้น จะมีก็แต่พวกผู้หญิงที่เอาของขวัญใส่กล่องผูกโบสวยงามมอบให้ ส่วนเจ้าของร้านอย่างท่านขุนก็ได้ให้หมวกกันน็อกแบรนด์ดังราคาเกือบสามหมื่นหนึ่งใบใส่กล่องพร้อม เล่นเอาเจ้าขอวันเกิดยิ้มแก้มปริ

“ว่าแต่เพื่อนพี่จะมาเมื่อไหร่ ฝนหยุดแล้วนา...” เขาเริ่มเมานิดๆ ยามถามกับพี่แจ็ก

“รถมันติดอะสิ”

“ให้เขาขับซิกแซกมาสิพี่ กลัวอะไร”

“ไม่ได้ดิ มันขับรถเก๋ง” จบข่าว ท่านขุนร้องอ๋อเบาๆ

“ให้เขาขับมอเตอร์ไซก์สิพี่ ชวนเขามาขับด้วยกัน” เพราะการขับมอเตอร์ไซก์นั้นสะดวกสบายสำหรับเมืองกรุงที่รถติดแบบนี้

“เคยลองแล้ว มันไม่สนใจ จะว่ารักสบายก็ไม่ใช่...มันคิดว่าการขับรถเก๋งมันปลอดภัยกว่าน่ะนะ อีกอย่าง เดี๋ยว...” แจ็กยังไม่ทันพูดจบ รถเก๋งสีดำยี่ห้อดังก็ขับเข้ามาด้านใน

คนขับค่อนข้างลังเลในจุดที่เขาจะจอด เพราะมันอัดแน่นไปด้วยรถมอเตอร์ไซก์เกือบยี่สิบคัน สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกจะจอดไว้ที่ด้านนอก ในมุมที่ไม่กีดขวางเส้นทางเข้าออกของร้านแห่งนี้ จากนั้นคว้ามือถือและกระเป๋าเงินก่อนจะลงจากรถ

ร่างสูงร้อยแปดสิบเศษๆ กับน้ำหนักเจ็ดสิบต้นๆ เยื้องย่างเข้ามาใน เสื้อเชิตแขนยาวสีดำพับถึงข้อศอก ชายเสื้ออยู่ในกางเกงสแล็กเรียบร้อยแม้ว่านี่จะเลยเวลาทำงานมานานแล้วก็ตาม ท่านขุนถึงจะเมาหน่อยๆ แต่ก็มองดวงตาคู่คมและเด็ดขาดใต้แว่วไร้กรอบนั้นชัดเจน เครื่องหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่ง สีเสื้อผ้าขับเน้นผิวขาวจัดของชายหนุ่มผู้มาใหม่ และถึงแม้จะเห็นแค่แขนก็ดูรู้ว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้นมีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ ท่านขุนแทบจินตนาการถึงหมัดกล้ามหลังเสื้อเชิตสีดำนั้นออก

“ว้าว...ใครน่ะหล่อจัง” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ช่างตรงใจกับท่านขุนจริงๆ

“พีมานี่” แจ็กตะโกนเรียกเพื่อนตัวเอง ข้างกายเขาตอนนี้มีเจ้าของร้านนั่งอยู่ แถมยังส่งสายตาพึงพอใจให้ชายผู้มาใหม่ด้วย

“โทษที หลงทางอะ ขับเลยซอยก็เลยต้องไปยูเทิร์นไกล” เขาอธิบายให้เพื่อนฟัง

“ก็ว่าทำไมช้า รถติดด้วยนี่ เออ...นี่ท่านขุน เจ้าของร้านนี้ ส่วนนี้เพื่อนพี่ ชื่อพีระพล เรียกพีก็ได้” แจ็กแนะนำพลางส่งแก้วเบียร์ให้เพื่อนตัวเองที่ยังยืนอยู่

“หวัดดีครับพี่ นั่งที่ผมไหม...” เจ้าของร้านขันอาสาจะลุกที่ให้

“ไม่เป็นไรครับ พี่ยืนบ้างก็ดีเหมือนกันน่ะ นั่งรถมาตั้งนาน” คนตอบก็ช่างสุภาพเรียบร้อย ท่านขุนเผลอใจสั่นกับมาดผู้ใหญ่ของพีระพล ไม่รู้ตรงสเป็กไหม...

แต่ตรงใจนี่ใช่เลย!

“กูบอกแล้วให้เปลี่ยนมาขับมอเตอร์ไซก์” แจ็กเปรยลอยๆ

“ไม่เอา...” เขาตอบแค่นั้นเรียบๆ

ถึงแม้พีระพลจะปฏิเสธการนั่งแทนที่ท่านขุน แต่เมื่อจิมเอาถังน้ำซึ่งเป็นเก้าอี้เสริมของร้านมาให้เขาก็น้อมรับไว้แต่โดยดี แจ็กยังคงแนะนำเพื่อนคนอื่นๆ ให้กับเพื่อนตัวเองได้รู้จัก เหมือนที่แนะนำพีระพลให้รู้จักคนอื่นๆ เช่นกัน

บ่อยครั้งในระหว่างการพูดคุย...ท่านขุนและพีระพลมักสบตากัน

มันเป็นความบังเอิญในความคิดของพีระพล

แต่...มันเป็นความจงใจของท่านขุน

จังหวะหนึ่งของการนั่งดื่ม แจ็กขอตัวเข้าห้องน้ำเพราะอั้นมานานเต็มที ท่านขุนอาศัยช่วงนั้นมานั่งข้างพีระพลเนียนๆ ด้วยการเอาเรื่องของแจ็กมาเป็นหัวข้อบทสนทนา อย่างพี่รู้จักกันมานานหรือยัง ไม่สนใจขับมอเตอร์ไซก์เพราะอะไร...

เขาสองคนนั่งคุยกันไม่สนคนอื่น เป็นเพราะท่านขุนเองอีกนั่นแหละที่ดึงพีระพลให้อยู่แต่กับตัวเองไม่ให้สนใจใคร แม้กระทั่งแจ็กเดินกลับมานั่งแล้วก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขาทั้งคู่ ในความแนบเนียนนั้นอีกหนึ่งสิ่งคือแก้วเบียร์ที่ถูกเติมไม่เคยขาด แม้ว่าพีระพลจะดื่มไปเท่าไหร่มันก็ยังปริ่มขอบแก้วอยู่เสมอ ทว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย มัวแต่นั่งฟังสิ่งที่ท่านขุนพูดเพลินๆ

เขาพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์และรอยยิ้มเป็นมิตร เวลาได้คุยด้วยรู้สึกสบายใจและยิ้มได้ไปพร้อมๆ กัน อายุก็ล่วงเลยมาขนาดนี้คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กคนนี้น่าสนใจสำหรับเขา แต่พีระพลก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก บางครั้งเราเจอคนที่ถูกใจไม่ได้หมายความว่าจะรักและต้องการในรูปแบบชู้สาวเสมอไป

พีระพลดื่มเยอะกว่าท่านขุนตอนไหนไม่มีใครรู้นอกจากตัวคนเติมซึ่งก็คือเจ้าของร้านนั่นแหละ ด้วยความไม่ใช่คนดื่มหนัก พีระพลจึงเริ่มเมาหลังดื่มไปประมาณหกเจ็ดขวด นี่ถือว่าเยอะสำหรับเขาเหมือนกัน เรียวนิ้วยาวขาวและสะอาดนั้นยกขึ้นถอดแว่นออกเพื่อขยี้ตาลายๆ ของตนเองก่อนใส่กลับเข้าไปใหม่ ช่วงนั้นแหละ...คือช่วงที่เขาพลาดได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่บนใบหน้าท่านขุน

“พี่พีไหวไหมครับ นอนนี่เถอะ...ขับรถตอนเมามันอันตรายนะ” ถ้าเขาเห็นรอบด้านก็คงจะมองคำพูดนี้มีนัยยะ ทว่าพีระพลไม่ได้มองก็เลยคิดว่านั่นคือความปรารถนาดีของเจ้าของร้านผู้นี้จริงๆ

“ขอบคุณขุนมาก แต่พี่กลับนั่นแหละ...เกรงใจ” เพราะเพิ่งรู้จักกัน ไม่ได้สนิทอะไรกันด้วยก็เลยไม่เหมาะที่จะนอนค้างนัก

“ไม่เห็นเป็นไรเลยพี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เตียงผมกว้างนะ” คำพูดติดตลกนั้นดูไม่จริงจังในความรู้สึกของพีระพล

“ฮ่าๆ กว้างพอจะอัดพี่เข้าไปได้เลยเหรอครับ” เขาตอบกลับน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มและความขบขัน

“ได้สิครับ ต่อให้พี่พีมานอนก็ยังนอนสบายเพราะเตียงผมกว้างโคตรๆ” มันทะเล้นจริงๆ พีระพลคิด

“ไว้ครั้งหน้าดีกว่านะครับ พี่ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ” เขาพูดมาแบบนี้ท่านขุนก็ทำได้แค่ยิ้มตอบ ชวนนอนค้างทั้งที่เจอกันครั้งแรกมันก็ดูจะโต้งๆ ไปหน่อย...แต่มันจะมีอะไรที่โต้งๆ กว่านี้อีก

“งั้นไม่เป็นไร...ผมแค่เป็นห่วงพี่พี” ทอดสายตาสื่อความหมาย แน่นอนว่าคนรับอย่างพีระพลก็พอจะดูออก แต่ความเมาทำให้เขาไม่อยากคิดอะไรมาก อารมณ์ชั่ววูบเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพีระพล

พวกเขายังคงนั่งดื่มและพูดคุยกันต่อเพราะคนอื่นๆ ยังไม่ยอมแยกย้ายไปที่ไหนเลย พวกเขาดูอย่างกับจะเมาเละเทะอยู่ที่นี่จนกว่าจะผ่านค่ำคืนนี้ไป ก็นะ...พรุ่งนี้มันวันหยุด วันนี้พวกเขาก็เลยปล่อยผีกันสุดเหวี่ยง แสงไฟในร้านโดนดับด้วยฝีมือชายคนหนึ่ง ก่อนเครื่องเสียงจะทำงานพร้อมกับไฟวิบๆ วับๆ ซึ่งใครพกมาไม่รู้ พีระพลอยากบอกว่าเขาเมาไฟนี้มากจริงๆ เขาเริ่มตาลายหนัก บางส่วนในสมองบอกกับเขาว่าเขาอาจจะไม่ไหวและอาจขับรถกลับบ้านไม่ได้

สติไม่ค่อยมีนัก จู่ๆ ข้อมือก็โดนจับแล้วออกแรงลากไปที่ไหนสักที่ พีระพลเห็นหลังของท่านขุนรางๆ แว่นไม่ได้หลุดออกแต่ว่าตอนนี้เขาเมาจนตาลายต่างหาก ได้ยินเสียงตัวเองถามท่านขุนจะพาเขาไปไหน และได้ยินอีกฝ่ายตอบว่าจะพาเขาไปพัก เขาอยากปฏิเสธแต่สภาพนี้เขาก็ไม่น่ากลับบ้านไม่ไหวอยู่ดี บางทีคืนนี้อาจจะต้องพึ่งห้องของท่านขุนก็ได้

เกรงใจน่ะเกรงใจ...แต่จะเกรงใจเราก็ต้องเอาตัวเองให้รอดด้วยอะนะ

ขึ้นมาชั้นสอง เดินต่อไปอีกหน่อยก็มีประตูรูปแมว ด้านล่างประตูมีช่องที่เปิดเข้าออกได้ นั่นคือประตูของมณี ท่านขุนผลักประตูเข้าไปเลยโดยไม่ต้องไขกุญแจ แรงก็ใช่น้อยๆ ลากพีระพลเข้ามาด้านในได้สบายๆ ไม่เปลืองแรงนัก แอร์เย็นฉ่ำกับกลิ่นของท่านขุนฟุ้งกระจายเต็มห้องนอนที่มืดมิด มณีนอนอยู่บนเตียง...มองผู้มาใหม่สองคนด้วยความแปลกใจ

ท่านขุนปล่อยมือจากพี่พีของเขา ปิดและล็อกประตูโดยที่แขกไม่รู้ตัว จากนั้นอาศัยความมืดดึงพีระพลให้นั่งบนเตียงก่อนจะผลักให้เขานอน ถึงจะมึนเบลอแค่ไหนแต่ชายวัยสามสิบสี่ปีก็ยังรู้ตัวดี เขาจะถาม...แต่ปากดันไม่ว่าง

รสจูบของท่านขุนมีแต่เบียร์ ขมนิดๆ แต่ซาบซ่าถึงใจอย่างบอกไม่ถูก สติสตางค์มีน้อยเต็มที เขาเผลอจูบตอบกลับไปตามสัญชาตญาณ สองแขนโอบเอวคอดของท่านขุนเอาไว้พลางบดปากกับปากหนักหน่วงไม่แพ้คนด้านบน

ทว่า...

“แง่ว!” เสียงมณีก็ดังขึ้นพร้อมกับหัวพีระพลโดนกัดคำใหญ่

ท่านขุนตกใจกับการโจมตีของมณี เขาลุกขึ้นเพื่อจะเอามณีออกไปแต่ว่ามณีกลับฉวยโอกาสนั้นจู่โจมพีระพลเต็มกำลังที่เธอมี คนโดนรีบยกมือกันใบหน้าของตนเองอัตโนมัติ ทำให้แขนรับเล็บแมวคมๆ เต็มรัก เลือดอาบพร้อมกับสติที่เริ่มกลับคืน

ความชุลมุนเล็กๆ นี้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองจำต้องผละออกจากกัน ท่านขุนคว้าตัวมณีเอาไว้ กอดแนบแน่นเพื่อไม่ให้มณีที่ขู่ฟ่อเข้าไปทำร้ายตัวพีระพลได้อีก ส่วนพีระพลเองก็ตั้งสติ ยิ้มบางๆ ให้กับความหวงถิ่นของแมวเหมียว

“พี่ว่า...พี่สร่างแล้วล่ะ พี่กลับก่อนนะ…ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะครับ ไปแล้วเจ้าเหมียว” มันเป็นอารมณ์ที่พูดได้ยาก เมื่อกี้เกือบแล้ว…อะไรหลายๆ อย่าในตัวเขาเริ่มเตลิดแถมยังอยากมากๆ อีก ถ้าเจ้าเหมียวไม่มากวน…เขาคง...

>…100%…<

ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยน้าาาาาาา .โค้งงามๆ รอบทิศ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [บทนำ - 29-01-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 29-01-2018 20:01:39
อร๊ายนังมณีศรีขัดจังหวะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [บทนำ - 29-01-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-01-2018 21:51:56
 :L2: :pig4: :pig4:

ดีใจเรื่องใหม่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 1 *100%* 05-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 05-02-2018 21:18:38
>…ตอนที่ 1 [100%]…<

อยากจะงอนมณีนานๆ ที่ทำให้เขาพลาดผู้ชายอย่างพี่พีไปเมื่อคืนนี้ แต่พอมณีเดินเข้ามาคลอเคลียขออาหารเช้าเขาก็ไม่อาจต้านทานความทาสที่มีอยู่ในตัวตนเองได้ ดังนั้นต่อให้เคืองมณีแค่ไหน ท่านขุนก็ยังไปสรรหาสิ่งดีๆ มาให้เจ้าเหมียวขาวปอดตัวนี้อยู่ดี

แล้วนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่พียังจะกล้ามาที่นี่อีกไหม เล่นโดนเขาทำแบบนั้นไปเมื่อคืน ต้องโทษความเมา...ใช่ ท่านขุนไม่ยอมโทษความหื่นของตัวเองหรอก เขาโทษเบียร์ที่ทำให้เขาขาดสติยั้งคิดยั้งทำ จนถึงกับลากพี่พีขึ้นห้องโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่าพี่พีแกโอเคกับเขาไหม เกิดพี่พีเป็นชายแท้ๆ มีหวังท่านขุนต้องไม่ได้เจอพี่พีอีกแน่

แค่คิดก็เศร้าใจ...

ท่านขุนนั่งเหม่อนึกถึงหน้าตาหล่อเหลาของพี่พี...เขาเรียกแต่พี่พี พี่พีเลยเนอะ ก็คำเรียกมันน่ารักดีนี่นา ดวงตาคมนั้นจะว่าดุเหมือนคุณครูก็ได้ จะว่าอ่อนโยนเหมือนคุณหมอก็ดี ที่สำคัญ...พี่พีดูสุภาพและอ่อนโยนตรงใจมากเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มานั่งเหม่อคิดถึงคนอื่นแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ อืม...คงหลายปีแล้วสินะ

จะว่าไป...ปากพี่พีก็นุ่มเนอะ หอมมากด้วย ขนาดนั่งกินเบียร์ด้วยกันแต่ที่ได้สัมผัสเขากลับได้รับรสเบียร์น้อยมากหากเทียบกับกลิ่นหอม มันอาจจะดูเวอร์ไปเสียหน่อย แต่ท่านขุนรู้สึกว่ายังจดจำกลิ่นนั้นได้ราวกับมันติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขา

“พี่ ไม่กินนี่ผมขอนะ” จู่ๆ จิมก็เดินเข้ามาเอาน่องไก่ในจานตรงหน้าท่านขุนไปหนึ่งชิ้น

“อ่าวเฮ้ย” ไม่ทันแล้ว จิมมันกัดเข้าไปคำโตเต็มคำ ก็พี่ขุนของเขาเอาแต่นั่งเหม่อ ของเย็นหมดไม่อร่อยอะดิ

แอ้ยังไม่ตื่น ไม่งั้นจะมีคนแย่งน่องไก่ท่านขุนอีกหนึ่งน่องไป เขาละความคิดถึงพี่พีของเขาเพื่อยัดมื้อเช้าลงท้องก่อนที่ลูกน้องทั้งสองจะมาแย่งกับข้าวของเขา ไม่ได้หวงนะ แต่ยังกินไม่อิ่มเลยใจเย็นๆ สิห้ามแย่งกัน ปกติมื้อเช้า เที่ยงแม้แต่เย็น ท่านขุนจะทำอาหารง่ายๆ เอาไว้สักอย่างสองอย่างเลี้ยงลูกน้องและพยาติในท้องตัวเอง ส่วนคนเก็บล้างจะเป็นจิม มันทำงานน้อยกว่าแอ้ เหนื่อยน้อยกว่าในเรื่องของการใช้แรงกาย

“ก็เห็นพี่เหม่อ ผมเลยนึกว่าอิ่มแล้ว” เจ้าจิมตอบ

“แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้หมายความว่าพี่อิ่มเว้ย ไอ้นี่หนิ”

“คิดถึงพี่คนนั้นปะ ที่ใส่แว่น ผมเห็นพี่ขุนมองเขาตาเป็นมันเลย ลากขึ้นห้องด้วย น่อววววว ใจกล้านะเรา” แล้วดูมันหยอกล้อเจ้าของร้าน อายุของจิมกับแอ้เท่ากันคือสิบแปดปี พวกนี้ไม่ได้เรียนแล้ว จบสายวิชาชีพแค่ ปวช.เท่านั้น ห่างกับท่านขุนพอตัว แต่ด้วยความสนิท กินอนอยู่ด้วยกันที่ร้านนี่ พวกเขาจึงเหมือนพี่เหมือนน้องที่หยอกกันแรงๆ อยู่บ่อยครั้ง

“เสือกนะมึง” ท่านขุนเปล่าเขิน แค่คิดว่ามันรู้มากไปหน่อย

“จะบอกว่าเมาก็ได้พี่ ผมไม่ถือ”

“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึงจะถือหรือไม่อยู่ดีปะจิม ปากว่างนักก็กินกระดูกนั่นเข้าไปด้วย แล้วเอาน้ำให้มณีที่รักพี่ จากนั้น...เชิญ”

“ขอรับท่านขุน” หมั่นไส้ที่มันชอบทำแบบนี้ใส่ ท่านขุนส่ายหน้าน้อยๆ เขากินข้าวต่อจนหมดในเวลาไม่นานนัก จากนั้นทิ้งไว้คาโต๊ะ หน้าที่เก็บของจิม...มันสบายมากแล้วหางานให้มันทำเยอะๆ หน่อยสิ ไม่คุ้มค่าจ้างเลย

วันนี้เขาใส่เสื้อกล้ามโชว์รอยสักมณีในชุดกิโมโนอันงดงาม กางเกงสามส่วนสีดำมีกระเป๋าเยอะๆ คือทรงที่ท่านขุนชอบ มันสะดวกเวลาทำงาน จะเอาเครื่องไม้เครื่องมือยัดใส่เข้าไปและหยิบออกมาใช้ได้ง่าย ทั้งยังสบาย ขยับเข้งขยับขาสะดวกดี ดังนั้นในตู้เสื้อผ้าของเขาจึงมีแต่ชุดแบบนี้เป็นหลัก ผมรองทรงต่ำไม่เคยถูกเซทให้ดูดี คนทำงานอยู่กับเครื่องยนต์ อยู่กับน้ำมันจะดูดีไปไหนนักหนา แถมตอนนี้มันยังชื้นเพราะเขาเช็ดผมไม่แห้งอีกต่างหาก

ดูเผินๆ ท่านขุนก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เหมือนมีแฟนเป็นสาวสวยระดับมอเตอร์เอ็กส์โปรด้วยซ้ำ ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับนายแบบของเขา ทว่าเขากลับเป็นชายที่รักชอบในตัวผู้ชายด้วยกันเองเสียมากกว่าสรีระโค้งเว้าของผู้หญิง

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบเพศเดียวกันตั้งแต่ตอนไหน เขาเคยหาคำตอบแล้วแต่หาไม่เคยได้เลย รู้ตัวอีกทีเห็นผู้ชายคนนั้นคนนี้ก็ชอบไปเสียหมด ยิ่งเขาเป็นคนเอาอารมณ์ ความรู้สึกเป็นที่ตั้งด้วยแล้ว ยิ่งจู่โจมคนที่หมายตาโดยไม่ค่อยไตร่ตรองอยู่ประจำ เขาเปล่าเจ้าชู้...แค่ลุคมันให้

ปกติท่านขุนชอบที่จะเป็นฝ่ายเข้าหา แต่จำได้ว่าเมื่อครั้งแฟนเก่าเขาเป็นคนเข้าหาท่านขุนด้วยตัวเอง โดนจีบมันก็รู้สึกดีนะ...แล้วมันก็ไม่แย่ที่ต้องลองเป็นฝ่ายรับดูบ้าง ทั้งคู่เข้ากันได้ดีโดยเฉพาะเรื่องรักความเร็วและการเที่ยวเตร่ไปตามจังหวัดต่างๆ ด้วยมอเตอร์ไซก์คู่ใจ มีท่านขุนที่ไหนมีแฟนเขาที่นั่น ช่วงหนึ่งเขาทั้งคู่ถูกคนในคลับเรียกว่าแฝดสยามอินทร์จันทร์เลยด้วยซ้ำ

เพียงแค่ตอนนี้พวกเขาถูกจับแยกออกจากกันแล้วด้วยมือที่สามของชายหนุ่มคนอื่น...

ระยะเวลาและความผูกพันไม่ได้รับประกันว่าคู่รักคู่นั้นจะอยู่กันชั่วนิรันดร์ รักไม่ต้องการเวลา เพลงของวงเคลียร์อธิบายสิ่งนี้ได้ชัดเหมือนกัน แค่คนละอารมณ์ เพลงนั้นมันหวานเหมาะแก่คู่รัก แต่หากมองกลับ...มันก็สามารถสะท้อนด้านมืดได้

ท่านขุนมุมะกับการทำงานของตนเอง รถคันที่อยู่ในมือเขาตอนนี้มีสีแดงสดทั้งคัน ยี่ห้อดังของอิตาลี ดูคาติมอนส์เตอร์ขนาดแปดร้อยซีซีถูกนำเข้ามาที่ร้านเขาเมื่อวันก่อนเพื่อทำหม้อน้ำ รถรุ่นนี้มีข้อเสียคือเครื่องร้อนได้ง่าย มันเป็นรถยุโรป มีไว้ขับช่วงหน้าหนาวได้ ทว่าเมื่อมาอยู่เมืองไทยมันกลับทำให้ขาผู้ขับขี่แทบสุก เอาขึ้นจานตัดทานได้ทันที หลายคนขาพองเพราะมันนี่แหละ บางครั้งมีคำติดตลกพูดต่อกันว่าคนที่ขับรถรุ่นนี้หรือแบรนด์นี้ขับเร็วเพราะเครื่องมันร้อนมาก ต้องการให้ลมมันเป่าเข้ามาช่วยบรรเทาอาการร้อน

กว่าแอ้ลูกน้องอีกคนจะลงมาท่านขุนก็ถอดหม้อน้ำและแผงระบายความร้อนออกมากองด้านนอกเรียบร้อย ตาอีกฝ่ายยังปรือ เขาส่ายหน้าให้กับสภาพของลูกน้องนิดหน่อย เมื่อวานนี้มันก็ร่วมดื่มอยู่กับกลุ่มเขา ท่าทางจึงไม่ตื่นแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“ทำไมพี่ไม่แฮงก์นะ...” มันบ่นเบาๆ เขายิ้ม คนดื่มเหล้าเบียร์มีหรือที่ไม่แฮงก์กันน่ะ ก็แค่ต้องมีวิธีจัดการกับความรู้สึกมึนเมาตกค้างนั้น

ทั้งสองไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก แอ้ลงมือช่วยเจ้านายเขาทันทีไม่รีรอให้เสียเวลามากไปกว่านี้ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็นับว่าเป็นลูกน้องที่สบายมากเกินไปแล้ว ไม่เหมือนจิม เจ้านั้นเล่นเกมสบายใจเฉิบ ลูกค้าไม่มี มีแค่แม่มณี แมวน้อยผู้เป็นใหญ่เหนือใครเท่านั้นที่นอนแผ่หลาอยู่หน้าเคาน์เตอร์

การทำงานกับลูกน้องรู้ใจและคลุกอยู่กับรถมอเตอร์ไซก์คือความสุขของท่านขุน เขาสามารถทำมันได้ทั้งวันโดยไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาพัก ไม่ได้ทำงานโรงงานจะได้พักตายตัวหรือมีเวลากินข้าวที่แน่นอน แต่การทำหม้อน้ำและแผงระบายความร้อนให้เจ้ามอนส์เตอร์เป็นอันต้องสิ้นสุดลงเมื่อรถเก๋งสีดำยี่ห้อดังเคลื่อนเข้ามาในที่ว่าง ท่านขุนจำมันได้ดีว่ารถคันนี้เป็นของใคร แอ้เองก็มองตามเช่นกัน

จู่ๆ…ท่านขุนก็เผลอยิ้มออกมา

เขาไม่คาดคิดเอาไว้ว่าพี่พีจะมาในเวลานี้ คิดไว้แค่ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้วเพราะเขาดันไปทำเรื่องอุกอาจอย่างนั้นกับพี่เขาอยามที่พี่เขาเมา จะบอกว่าท่านขุนฉวยโอกาสมันก็ไม่ผิดนัก เขาอยากได้โอกาสให้ฉวยเยอะๆ เลยด้วยซ้ำ...จะฉวยจนกว่าผู้ชายสุภาพเรียบร้อยคนนี้ตกเป็นของเขาเลยเชียวล่ะ

“สวัสดีครับพี่พี...” ท่านขุนวางอุปกรณ์ทำรถลง เขาเดินเข้าหาคนที่เปิดประตูแต่ยังไม่ยอมลงมา

“สวัสดีครับ นี่พี่มากวนไหม...เห็นว่าเที่ยงแล้วก็เลยเข้ามาน่ะ” ในมือพี่พีมีของกินส่งกลิ่นหอม ท่านขุนจากที่ไม่รู้สึกหิวกลับหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ไม่ได้หิวข้าวนะ...หิวผู้ชายคนนี้อะ

“ไม่กวนเลยครับ เดี๋ยวสักพักเราก็จะพักกันแล้ว ว่าแต่พี่พีซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” เจ้าของร้านแจกรอยยิ้มเป็นมิตรให้กับอีกฝ่าย วันนี้ยังดูดีไม่ต่างจากเมื่อวาน เสื้อเชิตสีน้ำตาลเข้ม ชายเสื้ออยู่ในกางเกงสแล็กสีดำเป็นระเบียบ กระดุมอยู่ในที่เดิมทุกเม็ดราวกับว่าพี่เขายังไม่ได้เลิกงาน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใต้แว่นสายตาไร้กรอบดูอ่อนโยนและอ่อนเพลียในเวลาเดียวกัน

“ก็ซื้อมื้อเที่ยงมาฝากเราแล้วก็มณีน้อยด้วยน่ะ ไม่รู้จะถูกปากไหม พี่ก็ถามเอาจากเจ้าแจ็กน่ะ” อยากบอกว่าอะไรที่พี่พีซื้อมาก็ถูกปากผมทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะตัวพี่

ตอนที่โถมร่างนอนทับพี่พี ท่านขุนจำได้ดีว่าภายใต้เสื้อเชิตสีเข้มนั้นมีกล้ามเนื้อที่หนั่นแน่นน่าลูบไล้ขนาดไหน ได้แค่จินตนาการ...อยากทำจริงก็ดูจะบ้าไปหน่อย เขาเอื้อมมือไปช่วยพี่พีของเขา...ย้ำว่า “ของเขา” ถือของกินเหล่านั้น

“โหย พี่พีไม่จำเป็นต้องซื้อมาให้ก็ได้นะ แต่ก็ขอบคุณครับ...หิวพอดีเลยล่ะ ผมไม่เกรงใจพี่น้า” ดวงตาซุกซนของท่านขุนทำให้พีระพลระบายยิ้ม

“เอาสิ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกครับ ที่จริง...พี่ต้องขอโทษด้วยเรื่องเมื่อคืนนี้” นี่สินะเหตุผลที่พัดเอาพี่พีตัวหอมมาถึงร้าน

“ไม่เป็นไรพี่ อย่าคิดมาก...ผมต้องหากที่ต้องขอโทษ ผมเป็นฝ่ายจูบพี่นะ” พูดมันโต้งๆ ไปเสียอย่างนั้น พีระพลยิ้มกว้างกว่าเดิม...อาจเพราะเขินหรือว่าเขาขำกันแน่ อันนี้ท่านขุนไม่แน่ใจนัก

“ต้องคิดมากสิ เราเสียหายนะครับ...” คนฟังเม้มปากแน่น

“ไม่เห็นเสียหายเลย...” ท่านขุนลอยหน้าลอยตาเดินนำเข้าร้าน โดยตีไหล่แอ้เบาๆ เพื่อบอกให้ลูกน้องพักได้แล้ว

กริ๊ง....

เพียงแค่พีระพลก้าวเท้าเข้าร้าน ดวงตาสองสีฟ้าเหลืองก็ตวัดมองทันที กลิ่นตัวแบบนี้...เสียงฝีเท้าอย่างนี้ ต้องคนเมื่อวานแน่นอน แล้วมณีก็คิดไม่ผิดเลยเมื่อเห็นชายหนุ่มมาดภูมิฐานเดินเข้ามาในร้าน แม้กลิ่นอาหารในมือท่านขุนจะโชยเตะจมูกมากแค่ไหน มณีก็ยังไม่ละสายตาจากพีระพลอยู่ดี

“พี่พีนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวผมไปจัดจานให้”

“ไม่เป็นไร พี่ช่วยดีกว่านะ” ก็คนมันเกรงใจ มากินร้านเขายังมาใช้เจ้าของร้านอีก แล้วเจ้าของร้านเราก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มรับหน้าระรื่น

“แล้วทำไมพี่พีถึงมากินนี่อะ....อย่าบอกนะว่าเพื่อขอโทษผมโดยเฉพาะ” ระหว่างเดินเข้าครัวหลังร้าน ท่านขุนปรายตามองคนเดินตาม

“อื้อ พี่ล่วงเกินท่านขุนไป พี่ขอโทษจริงๆ” ชั่วแวบหนึ่งท่านขุนคิดว่าคนที่คิดแบบนี้ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้จริงเหรอ หรือว่านี่อาจเป็นเพียงแผนการของพี่พีกันแน่ล่ะ ไม่ๆ  ดูยังไงพี่พีก็ไม่มีทางซ่อนแผนเหมือนเขาหรอก

“พี่พีคิดอะไรเป็นคนแก่เลย...” เขาเปรยเบาๆ คิดว่าอีกฝ่ายจะเคืองหรือไม่ ทว่าคนฟังกลับขำ

“พี่คงแก่แล้วล่ะ”

“บ้า ผมหยอก พี่พีไม่แก่หรอก...หล่อขนาดนี้แก่ก็มีเสน่ห์นะ” คนฟังไม่ได้คิดมากอะไร แต่คนพูดเนี่ยสิ...ส่งความนัยเต็มๆ

“เขินนิดๆ แฮะ” รอยยิ้มขำของพี่พีนี่...ละลายใจเป็นบ้า ท่านขุนเม้มปาก...จับมาจูบโดนต่อยแน่!

ความคิดของท่านขุนหยุดฟุ้งซ่านเมื่อมณีเดินเข้ามาพันเข้งพันขา เขาก้มไปยิ้มให้แมวน้อยสีขาวเบื้องล่างก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวเอาอาหารมาเสิร์ฟ เขาตรงเอาถุงทั้งหมดไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ เลือกเอาอาหารมณีออกมาเทให้เธอก่อนที่จะจัดจานของตนเอง เมื่อมณีได้อาหารแล้วเธอก็เดินนวยนาดไปกิน ไม่สนใจหนุ่มหล่อทั้งสองอีก

“มณีทรงสวยมากเลยนะ” พีระพลเปรยขึ้น

“ครับ ราคาก็สูงไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน” ท่านขุนเริ่มเทอาหารใส่จาน เป็นกับข้าวเสียส่วนใหญ่ แถมมาจากร้านดังย่านนี้เสียด้วย รสชาติดีเยี่ยม...เขากล้ารับประกันเพราะไปกินมันบ่อย

“ว่าแต่ทำไมชื่อมณีล่ะ...” จากจะมาช่วย ตอนนี้พีระพลเดินเข้าหาเจ้าเหมียวหวังลูบหัวเล่นหาง ก็เมื่อวานมาไม่เจอเธอนี่ เจออีกทีก็โดนกัดกับข่วนไปแล้ว นี่แขนของเขายังเป็นแผลอยู่เลย กลับบ้านเมื่อคืนเขาเมาแต่ต้องมานั่งทำแผลให้ตัวเอง

“ตั้งให้เข้ากับชื่อผมน่ะ” เจ้าของร่างโปร่งไม่ได้บอกความจริงว่าชื่อนี้แฟนเก่าเป็นคนตั้ง บอกแค่เหตุผลที่แท้จริงของชื่อนี้เท่านั้น

“นั่นสิเนอะ เข้ากับท่านขุนจริงๆ ด้วย” จังหวะนั้นท่านขุนหันไปมองพี่พีของเขาซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้กับมณี และเงยหน้ามองเขาอยู่ ราวกับดวงตาสีน้ำตาลคู่คมนั้นได้สะกดเขาเอาไว้...พี่จะดูดีทุกมุมไม่ได้นะเว้ย!

“ขอบคุณครับ” เขาตอบได้แค่นั้น อยากเบี่ยงสายตาหลบจากผู้ชายตัวใหญ่แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ก็เลยเฝ้าดูพี่พีของเขาลูบหัวมณี เหมียวน้อยไม่ยอมง่ายนัก เธอยกเท้าหน้าขึ้นผลักมือขาวสะอาดนั้นออกให้พ้นตัว ปฏิเสธเกือบเต็มกำลัง ก็เธอกินอยู่ไม่เห็นหรือไง...จะให้ไปแว้ดตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆ พีระพลไม่ยอมง่ายๆ ซ้ำยังมองว่ามันน่ารักมากอีกต่างหาก เขาพยายามลูบหัวมณีอยู่หลายครั้ง เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง และท้ายที่สุดมณีก็กัดเข้าไปหนึ่งทีที่มือขาวนั่น!

พีระพลเงียบกริบ...ไม่ส่งเสียร้อง เขายิ้มบางๆ มองตามณีที่กัดเขาไม่ยอมปล่อย เล่นเอาแมวน้อยไม่พอใจจนเป็นฝ่ายสะบัดหน้าหนีไปเอง หยิ่งจังน้า...พีระพลคิดแบบนั้นขณะที่ผละออกมาจากเจ้าเหมียว

โดนแมวกัดไปหนึ่งที พีระพลถึงได้เดินมาช่วยท่านขุนจัดจาน ไม่ใช่ยอมแพ้ต่อความดุเจ้าแมว แค่รู้สึกไม่อยากสร้างความรำคาญให้มันมากไปกว่านี้เท่านั้นเอง เขาไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเจ้าของร้านหนุ่มเฝ้ามองอยู่ตลอด ขนาดมายืนใกล้กัน ช่วยกันเทอาหารใส่จาน พีระพลยังสนใจแค่สิ่งของตรงหน้าไม่ใช่ชายหนุ่มข้างกาย เรียบร้อยทุกอย่างท่านขุนและเขาก็ช่วยกันยกไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวในครัวนั้น

“เออ แขนที่โดนข่วนเป็นยังไงบ้างพี่ มันอักเสบไหม...” เพิ่งนึกขึ้นได้ มองนานจนลืมถามสิ่งสำคัญไปหนึ่งอย่าง

“ไม่นะ ไม่เป็นไร...นิดเดียวเอง” พี่พีตอบเสียงนุ่มทุ้มรื่นหู ท่านขุนอยากไปนั่งเบียดข้างพี่พีแต่คิดว่านั่งฝั่งตรงข้ามก็เห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนดี

“ไม่ต้องห่วงนะพี่ มณีฉีดยาครบแล้วล่ะ”

“ดีจัง พี่ว่าจะถามพอดี” แล้วเขาก็ขำเบาๆ

รอยยิ้มพี่พีไม่ทำให้ท่านขุนเบื่อเลย…ตั้งแต่เมื่อคืนที่ได้ดื่มเบียร์ด้วยกัน เขาเฝ้ามองมันเพลินตาไปหมด ดูเหมือนพี่พีของเขาก็ไม่ได้เบื่อที่เขาชวนคุย กลับนั่งฟังอย่างตั้งใจเสมอ คนมีเสน่ห์น่ามองขนาดนี้ไม่มีเจ้าของมันจะเป็นไปได้เหรอ...

“ขุนเรื่องเมื่อคืนนี้พี่ขอโทษจริงๆ นะ” ท่าทางมันดูจริงจังมากกว่าเมื่อกี้

“พี่พีอย่าคิดมากสิ ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ...ผมเป็นคนทำมันนี่นา” ท่านขุนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาคู่นั้น

“ถึงอย่างนั้นพี่ก็รู้สึกว่าพี่ทำไม่ถูก” จะมีกี่คนที่คิดแบบนี้...จะมีกี่คนมานั่งขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เริ่ม พีระพลอาจไม่รู้ แต่ท่านขุนรู้สึกปลื้มใจกับชายคนนี้...

เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้สึกมั่นคงและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ให้ความรู้สึกว่าน่าอ้อน...แล้วก็น่าเอาใจใส่ไปพร้อมกันเลย ทั้งที่พี่พีน่าจะไม่ชอบกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป กลายเป็นพี่เขารู้สึกผิดที่ทำให้ท่านขุนต้องแปดเปื้อน จู่ๆ ก็คิดว่าตัวเองเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มที่เพิ่งเสียจูบแรกให้กับชายหนุ่มในอุดมคติ

“ไม่เอาหน่าพี่ พี่พีรู้สึกผิดขนาดนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่นะ เพราะผมเป็นคนเริ่ม...” ท่านขุนส่งสายตาหวานๆ

“พี่พีไม่ได้ผิดอะไร ผมต่างหากสิที่ผิด ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพี่พี เกิดแฟนพี่พีรู้...เขาต้องโกรธแน่ๆ เลยล่ะ” ก็ว่าไป...พี่พีต้องไม่มีแฟน ท่านขุนเชื่อมั่นแบบนั้น คนฟังยังคงยิ้มบางๆ ดูอ่อนโยน

“พี่ไม่มีแฟนหรอก” เห็นไหม...ท่านขุนผู้นี้คิดผิดที่ไหน เซ้นมันแรงอะนะ

“ไม่มีคนที่คบหรือคุยงี้เหรอ” ท่านขุนตีหน้าตกใจทั้งที่ข้างในโคตรเนื้อเต้น

“อื้อ ไม่มีครับ”

“อ่า...ได้ไง พี่ออกจะดูดี เป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้ต้องมีแฟนสาวบ้างแหละ” พีระพลยังคงยิ้ม

“พี่ไม่ได้อยากได้แฟนสาวน่ะ...” โว้ว...อยากออกไปกระโดดชัยโยโฮ่ฮิ้วให้โลกนี้ได้รู้ว่าคนที่เขาหมายตาไม่ชอบผู้หญิง!

แต่ก่อนที่ท่านขุนจะได้ยิงคำถามหรือเจาะลึกมากไปกว่านี้ เสียงเรียกสายของพีระพลก็ดังขึ้น เขาก้มหัวนิดหน่อยเพื่อขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ โคตรขัดจังหวะเลย ดีนะที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็กินไปคุยกันไปก่อนหน้านี้แหละ สำหรับลูกน้องทั้งสองน่ะไม่ต้องห่วง ของพวกมันอยู่ในถุง พวกมันไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการสนทนาของเจ้านาย

“เออ พี่ต้องกลับก่อนะ...พอดีงานมีปัญหานิดหน่อย ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยเก็บจานเลย” พีระพลเดินกลับเข้ามาบอก

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวพวกผมเก็บเอง แค่พี่ซื้อเลี้ยงนี่ก็เกรงใจจะแย่แล้วครับ รีบกลับไปทำงานเถอะ”

“ขอโทษจริงๆ นะ”

“ไม่เป็นไร…พี่ขอโทษบ่อยจนผมเกรงใจแล้วเนี่ย” ถ้าพูดคำว่าขอโทษอีก ขอลงโทษพี่ด้วยการจูบปากหนึ่งทีได้ไหม...ท่านขุนแอบคิดเพราะปากสีนู้ดนั่นมันน่านัก

“ฮ่าๆ เค...พี่ไปแล้ว ขุนตั้งใจทำงานนะ” ได้ยินแค่นี้ก็ชื่นใจแล้วพี่เอ้ย

“ครับ พี่ก็ด้วย” พี่พียกมือบ๊ายบาย ไม่ใช่แค่เขา แต่กับลูกน้องและแมวน้อยด้วย ทุกคนยิ้มให้พีระพลด้วยไมตรี ต่างจากมณี...เธอไม่สนใจ

ท่านขุนเดินออกไปส่งพีรพลขึ้นรถ เฝ้ามองจนกระทั่งรถเก๋งสีดำแล่นออกจากลานหน้าร้านไป เขาเดินกลับเข้าด้านในด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม มีความสุข...นี่คือสิ่งที่กระจายอยู่ในความรู้สึกท่านขุน เขาก้มลงไปอุ้มมณีขึ้นมากอดมาหอม โดยเฉพาะตรงที่พี่พีลูบไล้ เขานี่แทบเอาหน้าถูไถไปมา

“เป็นเอามากนะพี่” จิมเอาปากเข้ามาสอด

“เสือก...” แค่นั้น...เจ้าเด็กนี่มันสะทกที่ไหน มันก็ขำแล้วเดินเข้าครัวเพื่อกินมื้อเที่ยงกับแอ้

ท่านขุนไม่ได้สนใจใยดีความรำคาญที่มณีแสดงออก ตอนนี้เขาบังคับเจ้าเหมียวน้อยให้นอนบนตักพร้อมกับโทรไปหาคนบางคน เขาคนนี้น่าจะรู้เรื่องของพี่พีมากที่สุด หากจะจีบเขา...ก็ต้องเก็บข้อมูลของเขา และจะให้ดียิ่งขึ้นก็ต้อง...มีลูกมือ!

….100%….

ท่านขุนของเราเริ่มวางแผนตะครุบเหยื่อแย้ววววว ร้ายนักน้า พี่พียิ่องใสซื่อ มาโดนจ้องง้าบแบบนี้น่าฉงฉานนนน

*ขออภัยที่มาช้าน้า ช่วงตอนแรกๆ อาจอืดหน่อย ขอเวลาแต่งสต๊อกแล้วจะมาไวขึ้นเน้อ ฝากเมนต์ฝห้บ้างนะค้า
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 1 *100%* 05-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-02-2018 10:26:34
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 2 *100%* 12-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 12-02-2018 21:33:58
>…ตอนที่ 2 [100%]…<

พีระพลเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆ เด่นชัดรับกับคิ้วเรียวได้รูป จมูปโด่งโดยไม่ต้องศัลยกรรมกับปากสีนู้ดสดใสเพราะไม่เคยสูบบุหรี่ ครอบครัวฝั่งแม่ของพีระพลเป็นผู้ดีเก่า ทำให้เขาถูกอบรมและสั่งสอนในเรื่องมารยาท การเข้าสังคม การวางตัวหรือแม้แต่ทัศนะคติตามแบบแผน ดีที่ความเข้มงวดของครอบครัวไม่ได้กดดันจนเขาไม่มีความสุขกับชีวิต ยิ่งพ่อเป็นอเมริกันชน ก็ยิ่งได้รับวิถีชีวิตอิสระมา เขาคือส่วนผสมที่พ่อแม่และครอบครัวต่างภาคภูมิใจ

ติดอย่างเดียว...พีระพลไม่ชอบผู้หญิง

เขาไม่มีความสนใจในทรวดทรงองเอวของหญิงสาวมาแต่ตั้งแต่วัยเยาว์ ความสวยงามของสตรีเป็นสิ่งจรรโลงใจ แต่เขาก็ไม่ได้มีความอยากสัมผัสมันแม้แต่น้อย ครั้งแรกที่คนในบ้านรู้ พวกผู้ใหญ่ค่อนข้างแอนตี้กับความผิดเพศของพีระพล นั่นเป็นมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ของเขา...มันใหญ่จนเขาไม่มีทางลืมเลือนมันได้ จากที่เคยมองว่าการสั่งสอนของครอบครัวไม่ได้น่าอึดอัด พีระพลกลับได้เห็นความเข้มงวดในเรื่องเพศมากเกินความจำเป็น มีเพียงพ่อของเขาที่หัวสมัยใหม่และไม่ได้คิดว่าการที่ลูกชายเป็นแบบนี้มีปัญหากับชีวิต

จริงที่พ่อของพีระพลนับถืออีกศาสนาที่มีคำสอนในเรื่องการครองเรือนชัดเจน แต่พ่อกลับบอกเขาว่า...แท้จริงของคำสอนคือความสันติ พระเจ้าสอนให้บุตรพระองค์ทรงรักกัน นั่นต่างหากคือคำสอน บางครั้ง บางสิ่งบางอย่างเราก็จำกัดมันไม่ได้ พีระพลก้าวข้ามปัญหามาได้เพราะพ่อของเขา และเพราะการที่เขาไม่ชอบหญิงสาวทำให้ครอบครัวผิดหวัง พีระพลจึงไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังอีกในเรื่องอื่นๆ

เขาตั้งใจเรียนหนังสือ...คว้าเกรดดีๆ มาชดเชย ได้รับรางวัลดีเด่นมากมาย เขาเป็นลูกที่ดีหลานที่ดี จนท้ายที่สุดคนในครอบครัวก็ยอมรับในตัวตนของเขา ทว่าการอ่านเรียนอย่างตั้งใจเกินไปทำให้สายตาพีระพลเสียตอนเข้ามหาวิทยาลัย มันเริ่มพล่ามัวและท้ายที่สุดเขาก็ต้องใส่แว่นสายตา

มันน่ารำคาญ...ช่วงแรกๆ เขารำคาญแว่นสายตาของตนเองมาก กว่าจะปรับตัวเข้ากับมันได้ก็ใช้เวลาเกือบปี ในยุคนั้นคอนเทคแลนส์ยังไม่แพร่หลายเช่นทุกวันนี้ แล้วตอนนี้เขาก็ปามาสามสิบสี่แล้ว คงไม่คิดกลับไปใส่คอนเทคแลนส์ให้ยุ่งยาก

ชีวิตของพีระพลจะว่าน่าเบื่อก็น่าเบื่อ เขาเจ้าระเบียบ ใช้ชีวิตตามแบบแผนของตนเองชัดเจน ตื่นนอนหกโมง ออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงแล้วอาบน้ำในตอนเจ็ดโมงเช้า มื้อแรกของวันไม่เคยเกินเจ็ดโมงครึ่ง จากนั้นก็ออกมาทำงาน เขาประจำอยู่ห้องแลปในบริษัทแห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับการชุบอะไหล่รถยนต์ และต่อให้ในแลปสามารถทำงานแบบยืดยุ่นได้ พีระพลก็ไม่ทำ แปดโมงเริ่มตักน้ำยาและเคลียร์ค่าเคมีเสร็จก่อนสิบโมงครึ่ง หลังจากนั้นเขาจะทำกราฟเคมีต่อจนเรียบร้อยดีในเวลาสิบเอ็ดโมง

มันตายตัว...มันจืดชืด ไม่ว่าใครก็มองมันเป็นแบบนั้น แต่พีระพลกลับรู้สึกว่าชีวิตที่เป็นระเบียบอย่างที่เป็นนี้คือชีวิตที่เรียบง่ายและสบายใจ ช่วงเวลาว่างๆ เขามักหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน นักวิเคราะห์เคมีดูจะต้องอ่านเกี่ยวกับวิชาการ อัปเดตเคมีตัวใหม่หรือแม้แต่ความเคลื่อนไหวในวงการวิทยาศาสตร์ แต่ไม่เลย...พีระพลชอบชื่นชอบผลงานเชิงเหนือธรรมชาติเป็นที่สุด

นั่นเป็นสีสันเดียวในชีวิตของเขา...ก็ในมุมคนอื่นนะ สำหรับเขา นี่แหละ...ความสุข

ยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ พีระพลจะใช้เวลาครึ่งวันทำงานบ้านของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็จะอ่านหนังสือบ้างก็หาหนังดูจนมันผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน อีกอย่างที่เขาติดคือการออกกำลังกาย มันเป็นช่วงที่เขาเรียนจบแล้วได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ที่นั่นเขามีเพื่อนคนหนึ่งชอบชวนไปออกกำลังบ่อยๆ อย่างมากก็จ็อกกิ้งในช่วงเช้า พีระพลจึงติดการออกกำลังมาตั้งแต่สมัยนั้น นั่นเป็นเหตุให้ภายใต้เสื้อเชิตดูเรียบร้อยของเขาเต็มไปด้วยหมัดกล้าม

บางครั้งเขาก็ออกที่ยวกลางคืนบ้าง ร้านนั่งชิวมีโฟล์กซองคือสิ่งที่พีระพลค่อนข้างชอบ หรือเพื่อนๆ ชวนเขาก็สามารถไปเที่ยวสถานบันเทิงได้ตามปกติทั่วไป ไม่ได้แปลกแยกขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่าชอบอะไร...เขาคงตอบว่าชอบนอนอ่านนิยายอยู่ที่ห้องมากกว่า

“ไอ้พี...” เขาละสายตาออกจากตัวหนังสือ ในฉากนั้น ตัวเอกกำลังจะเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร ความจริงถูกซ่อนอยู่ในนั้นและมันเป็นจุดไคลแม็กส์ของเรื่อง พีระพลไม่พอใจนิดหน่อย

“อะไร”

“เที่ยงนี้มึงไปไหนปะ” เพื่อนสนิทที่สุดในไทยควบตำแหน่งผู้จัดการบริษัทอย่างแจ็กเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ว่างข้างกาย และเพราะเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น
 ทำให้แจ็กติดกูมึงมาตลอด พูดกันเฉพาะอยู่ด้วยกัน ไม่ใช้คำแบบนี้ต่อหน้าลูกน้อง

“ไม่นะ”

“แต่เมื่ออวานมึงไป” แจ็กส่งสายตารู้ทันมาให้ ก็ใช่...เขารู้ว่าเพื่อนตัวดีไปไหนมาเมื่อวานนี้

“อืม ไปหาท่านขุน ซื้อของไปฝากน่ะ...” เขาไม่ได้บอกว่าไปเพื่อขอโทษที่ไปจูบกับท่านขุนตอนเมา

“เหรอ สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เปล่า แค่เอาของไปขอบคุณ เมื่อวันก่อนนั้นรบกวนเขาเยอะ” แจ็กทำเป็นเข้าใจ ทั้งที่รู้เรื่องลึกกว่านั้น

“มึงว่าท่านขุนเป็นไงมั้ง...” แปลกใจเหมือนกันที่แจ็กถามแบบนี้ แต่พีระพลก็ไม่ได้คิดมาก

“เขาดูดีนะ ในหลายๆ ความหมาย” ทั้งการต้อนรับลูกค้า ท่านขุนมียิ้มไมตรีให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามา ดูเป็นคนรักสนุก...ชอบปาร์ตี้และซุกซน วัยนี้เป็นอย่างนี้ก็คงปกติ

“แค่นั้นเหรอ...”

“ทำไมอะ ต้องมีอะไรมากกว่านั้นเหรอ” อันนี้พีระพลไม่เข้าใจจริงๆ

“เปล่า ช่างเหอะ...วันนี้ไปกินข้าวกัน” คนโดนชวนพยักหน้ารับง่ายๆ

พีระพลโสดมาได้จะห้าปีแล้ว คนล่าสุดที่เขาคบเป็นนักวิเคราะห์เคมีด้วยกันตอนทำงานที่เก่า อีกฝ่ายเป็นคนรักสนุกพสมควร มันไม่มีปัญหาหรอกเพราะต่างคนต่างก็ให้อิสระกับอีกฝ่าย ทว่าตอนหลังอีกฝ่ายย้ายไปทำงานต่างเมือง ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วก็ค่อยๆ ห่างกันไป รู้ตัวอีกทีอีกฝ่ายก็บอกเลิกเขา อาจเป็นโชคดีที่เขาและฝ่ายนั้นห่างกันสักพักก่อนจะเลิกรากันไป พีระพลจึงไม่ได้เจ็บปวดมากนัก

ช่วงแรกก็เจ็บปวด…ไม่นานมันก็หายไป

พีระพลไม่ได้คบหาดูใจกับใครอีกเลย ด้วยไลฟ์สไตล์ชีวิตเขาเป็นแบบนี้ จะหาคนที่ถูกใจและคุยถูกคอนั้นมันค่อนข้างยาก ในหลายปีมานี้ ท่านขุนเป็นคนนอกที่เขาคุยด้วยแล้วสบายใจที่สุด

ทั้งสองเดินออกมาจากห้องแลปตอนเสียงหวอพักเที่ยงดังขึ้น โดยเดินทางด้วยรถของพีระพล ยังไงเขาก็ไม่ไปด้วยรถมอเตอร์ไซก์ของแจ็กแน่นอน เขาไม่ชอบ มันดูไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ระหว่างขับไป แจ็กเพื่อนสนิทไม่ยอมบอกจุดหมาย แค่บอกทางไปเรื่อยๆ จากสงสัย กลายเป็นคุ้นเคย...

เส้นทางนี้เขาไม่ได้จำแม่นแต่ก็จำได้ดีว่ามันจะไปหยุดที่ไหน พีระพลคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ทางที่คิดก็ได้ อาจเป็นร้านอาหารที่เขาไม่รู้จักซ่อนตัวอยู่ในหลืบใดหลืบหนึ่ง เพราะแจ็กเคยพาเขากินอาหารข้างทางแล้วอร่อยมากอยู่บ่อยครั้ง

“กินข้าวที่นี่จริงดิ” แต่ความคิดพีระพลมันผิด ร้านที่แจ็กพามาก็ร้านที่แว้บเข้ามาในหัวเขาแต่แรกนั่นแหละ

“เออ” แจ็กตอบห้วนๆ เขาก้าวขาออกจากรถด้วยความรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย ขับมอเตอร์ไซก์เป็นนิสัยจนชิน มานั่งรถเก๋งแบบนี้ก็เลยมีอาการเมารถหน่อยๆ

“สวัสดีครับ เข้ามาข้างในกันก่อน...ผมจัดโต๊ะแล้วเรียบร้อยเลย” ท่านขุนเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม กลิ่นอาหารยังคงติดตัวเขา แม้ยืนห่างก็ได้กลิ่น

พีระพลไม่ทันเห็นรอยยิ้มรู้กันของแจ็กกับท่านขุน เขาหันไปล็อกรถพร้อมทั้งเช็กว่ามันปิดสนิทดีด้วยการเปิดมันอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นถึงได้สบตากับเจ้าของร้านหนุ่ม ท่านขุนอยู่ในชุดคล้ายแบบเดิม กางเกงสามส่วนสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อยืดคอกลมสีดำเปื้อนคราบน้ำมัน หน้าตาออกลูกครึ่งจีนนิดๆ ของท่านขุนทำให้พีระพลคิดว่า หากเขาแต่งตัวให้ดีกว่านี้ เซทผมรองทรงเสียหน่อย ท่านขุนคงหล่อเหลามากเอาการ แค่นี้ยังมีเสน่ห์ชวนมองเลย

“ทำไมมากินที่นี่” พีระพลแอบถามเพื่อนนิดหน่อย ท่านขุนเดินนำเข้าไปด้านในแล้ว

“ไมวะ แปลกเหรอ...กูมากินบ่อยนะ ขุนมันทำอาหารอร่อยดี”

“รบกวนเขา”

“รบกวนอะไรกัน ตอนมันอยากดื่มมันรบกวนกูยิ่งกว่านี้อีก” แต่มึงก็อยากมาดื่มไม่ใช่หรือไงวะ พีระพลคิดในใจเงียบๆ

“อืมๆ” แจ็กอาจไม่เกรงใจ แต่พีระพลไม่ใช่... เขารู้สึกว่าไม่น่ามารบกวนท่านขุนเลย หากไปหาอะไรกินด้านนอกยังพอหารค่าอาหารได้ มากินที่ร้านแถมเจ้าของร้านทำอาหารเองแบบนี้มันจะแชร์ค่าอาหารได้ยังไงล่ะ จะให้อุดหนุนสิ่งของในร้านเป็นการตอบแทนก็ไม่ได้อีก พีระพลไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เซฟตี้ขับรถเก๋งธรรมดา

เสียงกระดิ่งใสกังวานเรียกสายตาของร่างสูง พีระพลหันไปมองมณีเดินออกมาจากหลังโซฟาหนังสีดำ มันเอาตัวเองถูครูดกับผิวโซฟาจนทำให้ตัวมันดูเอียงไปข้างหนึ่ง ดวงตาสองสีมองตอบโต้เขาก่อนจะหันไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ

น่ารัก...พีระพลคิดว่าความหยิ่งนิดๆ ของมณีเป็นสิ่งที่น่ารักน่าเอ็นดู เขาว่าแมวจะครองโลก เคยได้ยินแต่ปฏิเสธไม่ออกว่ามันก็อาจจะจริง เพื่อนเขาเคยเลี้ยงแมว มันฉลาดติดชอบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สั่งให้ทำอะไรจะไม่ทำ แต่ถ้ามันอยากจะเอาอะไรสักอย่างมันก็จะทำตัวน่ารักมากๆ อ้อน คลอเคลีย จากราชินีกลายเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยไปในทันตา พีระพลเดินเข้าไปหาเจ้าเหมียวน้อยแทนตามแจ็กเข้าครัว

ท่านขุนหันกลับมามอง พี่พีของเขากำลังก้มลงไปหยอกล้อเจ้ามณีอยู่ตรงหน้าโซฟา แจ็กมองตามก่อนหันมายิ้มรู้ทันใส่เจ้าของร้าน ท่านขุนส่งเสียงขำเบาๆ เขาไม่ปฏิเสธสายตานั้นของพี่แจ็ก จะให้ปฏิเสธอะไร ในเมื่อเมื่อวานนี้เขาสารภาพกับแจ็กไปเองนี่นา

“สวัสดีครับ” พีระพลส่งเสียงทักทายมณีน้อย ตาสองสีนี่สวยจริงๆ

“เมี๊ยว...” มันไม่ได้ส่งเสียงอ้อน มณีกระโดดขึ้นนอนบนโซฟา พีระพลเขยื้อนกายตามไปลูบขนนุ่มมือ

“มณีกินข้าวยัง...” มันตอบไม่ได้หรอก แถมมณียังไม่ชอบที่เขาลูบขนตัวเองด้วย

“แง่ว!” เธอดันมือนั้นออก มีลอบข่วนนิดหน่อยซึ่งอีกฝ่ายทำแค่ยิ้มรับกลับมา

มันโรคจิต....มณีคิดแบบนั้น

“ดุจังเลยอ่า ดีกันนะมณีจ๋า” น้ำเสียงนุ่มๆ นั้นชวนเคลิ้ม...เหมือนตอนท่านขุนพูดกับเธอเลย มันชวนฟังจริงๆ แต่ไม่หรอก ไม่ดีด้วยง่ายๆ หรอก

“ไว้ซื้อของเล่นมาให้เอาไหม หรือมณีอยากกินขนมครับ” อยากกินสิ แน่นอนของกินคือสิ่งสำคัญ

“เหมี๊ยว....”

“เอาทั้งสองเลยเนอะ” ใช่ เอาทั้งสองนั่นคือดีมาก

พีระพลลูบขนมณีอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ปฏิเสธ ไม่ข่วนหรือกัดเขา นอนเฉยๆ ปล่อยให้มือหนาลูบไล้ นี่ไม่ได้ยอมเพราะสิ่งของนะ...ไม่เลย ท่านขุนเลี้ยงดีอยู่แล้ว แต่ที่นอนนิ่งเนี่ยเพราะมันก็สบายดีต่างหาก มณีปรายตามองพีระพลอีกหน่อยก่อนจะฝุ่บหน้าลงนอนกับขาหน้าตัวเอง ไม่สนใจชายหนุ่มอีก

พีระพลไดด้ลูบไล้สมใจแล้วจึงเดินเข้าไปในครัว เขาเสียเวลาอยู่กับมณีแค่ไม่นานดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำให้ใครรอแน่นอน แล้วก็จริงเมื่อเข้ามาพบว่าท่านขุนกำลังยกข้าวกับข้าวอยู่ แจ็กนั่งกดมือถือพิมพ์อะไรไม่รู้ พีระพลตรงเข้าไปช่วยทันทีไม่คิดอะไร

“พี่ช่วยนะ โทษทีตามเข้ามาช้า” หม้อข้าวถูกพีระพลยกมาวางไว้มุมโต๊ะ

“ไม่เป็นไรครับพี่พี แค่พี่พีมาก็ดีใจแล้ว นี่ผมทำเองหมดเลยนะ…ไม่รู้จะถูกปากพี่พีไหม” พีระพลมองไปที่โต๊ะอาหาร กับข้าวส่วนใหญ่เป็นของชอบเขา ปลาผัดใบตั้งโอ๋ ต้มจืดซาหร่าย กุ้งกระเทียมแบบกรอบๆ ผัดคะน้าน้ำมันหอย...นี่มันบังเอิญล่ะมั้ง

“โห ของโปรดพี่หมดเลย” ว่าแล้วพีระพลก็ยิ้มหวานส่งให้ท่านขุนโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นกระตุ้นความคิดชั่วร้ายในหัวท่านขุนขนาดไหน

แจ็กทำตัวเป็นอากาศธตุ ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่เขาสองคนคุยกัน ซ้ำยังนั่งฝั่งหนึ่งจนเต็ม พีระพลและท่านขุนจึงต้องไปนั่งคู่กันตรงข้ามเขาแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความใกล้ชิดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ของโปรดก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ยิ่งการมากินมื้อเที่ยงที่นี่ก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญเข้าไปใหญ่เลย

เมื่อวานหลังจากที่พีระพลกลับออกไปแล้ว ท่านขุนรีบโทรหาแจ็ก รุ่นพี่ในสายไบเกอร์อย่างไว ไม่สนว่าเขาจะมีงานไหมด้วยเพราะลืมคิดไปนั่นแหละ ท่านขุนยิงคำถามเรื่องแฟนพี่พีเป็นอย่างแรก รู้ว่าโสดมานานยิ่งมีความสุข ตามด้วยของโปรด กิจกรรมโปรด สีที่ชอบ เสื้อผ้าชุดประจำ หนังแนวที่ชอบ....ยิงรัวจนแจ็กตอบแทบไม่ทัน แจ็กสวนกลับแค่คำถามง่ายๆ ว่าชอบมันเหรอ...เท่านั้นทุกอย่างก็ลงล็อก

ได้ทั้งข้อมูลพื้นฐานและผู้ช่วย...

ที่จริงแจ็กไม่ตอบทุกอย่างที่ท่านขุนอยากรู้ ปล่อยให้ท่านขุนได้เรียนรู้ตัวเพื่อนเขาเอง แต่เขายินดีช่วยโดยแลกกับการที่ท่านขุนลดราคาทั้งซ่อมและซื้อให้เขาสิบถึงสิบห้าเปอร์เซ็นหนึ่งปีเต็ม มันโหดนะ ใช่ว่าจีบติด ท่านขุนเองก็หัวการค้าได้เรื่องอยู่ จึงต่อรองว่าให้รอบแรกแค่สามเดือน แต่ถ้าจีบติด...ให้หนึ่งปี

แฟร์ๆ...ข้อตกลงสมบูรณ์เมื่อต่างฝ่ายต่างพอใจกับข้อเสนอ

สิ่งแรกที่ท่านขุนต้องการคือโอกาส ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันและทำงานคนละรูปแบบกัน เขาต้องการเวลาได้ใกล้ชิดผู้ชายคนนี้ การพาพี่พีมากินมื้อเที่ยงด้วยเป็นด่านแรก และท่านขุนยังมีอีกหลายด่านที่จะทำต่อจากนี้ไป ขอเพียงให้พวกเขาได้ทำความคุ้นเคยกันมากกว่านี้ก่อน...

ถ้าพี่พีเป็นวัยรุ่นกว่านี้...หมายถึงวัยใกล้กัน มันจะง่ายมาก แต่นี่ไม่ใช่ รวมถึงการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ท่านขุนพอรู้แล้วว่าพี่พีมักทำอะไรในเวลาว่าง...เขาไม่ได้มองมันน่าเบื่อ แต่มองว่ามันน่าสนใจดีเหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องเข้ากันได้ดีมากนัก หรือชอบอะไรเหมือนกันไปเสียหมด

เพราะคำว่ารัก...มันไม่ได้จำกัดด้วยไลฟ์สไตล์

นั่นคือสิ่งที่ท่านขุนคิด แต่กับพี่พีของเขานั้น...ต้องรอดูต่อไป

“นี่กุ้งตัวโตๆ ผมยกให้พี่พีเลย...” เอาใจด้วยการตักกุ้งกระเทียมตัวโตใส่จาน พร้อมทั้งกระเทียมเจียวกรอบๆ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“ขอบคุณครับ”

“พี่พีชิมสิ ถูกปากไหม” ในสายตาพีระพลตอนนี้ ท่านขุนเหมือนเด็กหัดทำอาหาร จะชอบให้คนนั้นคนนี้ชิมเป็นพิเศษเพราะไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่เขาว่ามันก็น่าเอ็นดู ด้วยท่าทางและบุคลิกซนๆ แบบผู้ชายเจ้าสำราญของท่านขุนดูจะสวนทางกับการเข้าครัวทำอาหาร

“อื้ม...อร่อยนะ”

“ใช่มะ นี่แหละ...เลยมาฝากท้องบ่อยๆ” อวยกันแบบนี้เยี่ยมมากพี่แจ็ก ท่านขุนขยิบตาหล่อๆ หนึ่งทีให้เพื่อนรุ่นพี่ฝั่งตรงข้าม ทุกคนเห็นหมด แม้กระทั่งมณีก็ยังเห็น แต่คนไม่เห็นคือ...คนข้างกายเขา

พี่พีใสซื่อแบบนี้…ตามไม่ทันเลยแบบนี้มันจะไม่น่าล่อลวงได้ยังไงกันล่ะ ท่านขุนตักอาหารทีละอย่างให้พี่พีของเขาชิม ได้รับคำชมทุกอย่าง ปกติก็เคยโดนชมจากคนอื่นที่มาฝากท้องตอนกลางวันบ้าง ตอนเย็นบ้างบ่อยครั้ง ทว่าหนนี้นี่มัน...อิ่มใจจริงๆ ท่านขุนลอบมองพี่พีของเขาบ่อยมาก บ่อยจนแจ็กส่งสายตาเย้าหยอก แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน ยักคิ้วตอบโต้กลับอีกต่างหาก แล้วเมื่อพีระพลเงยหน้ามอง ทุกอย่างก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ปกติขุนทำอาหารบ่อยหรือเปล่าเนี่ย” กับข้าวทั้งหมดโดนกวาดลงท้องชายหนุ่มร่างใหญ่สามคนจนหมด ดีนะที่ท่านขุนเผื่อแผ่ไปให้ลูกน้องของเขาแล้ว

ใช่! ท่านขุนได้ข้อมูลอีกอย่าง...พี่พีกินกุ้งไม่แกะเปลือก คือกินมันทั้งเปลือกเลย จดใส่สมองแป๊บ

“ก็บ่อยนะ ผมมันชายโสดอะพี่...ต้องพึ่งตัวเอง” น่าสงสารไหมล่ะ พี่อยากให้ผมหายโสดพี่ก็จงมาเป็นของผมเสียเถอะ ท่านขุนยิ้มให้พี่พีของเขา

“ฮ่าๆ พึ่งพาตัวเองได้เก่งนะเรา”

“ทำไงได้ล่ะ ผมก็อยากได้คนมาดูแลผมบ้างเหมือนกัน อืม ต้องเรียกดูแลกันและกันถึงจะถูกเนอะ” คนพูดนี่ยิงมุกใส่รัวๆ คนแก่ดันไม่เข้าใจ พี่พีพยักหน้าเข้าใจ

“พี่เข้าใจ...ถ้าได้คนดีๆ มาดูแลกันมันก็คงดีเนอะ”

“ใช่ไหมๆ พี่พีคิดเหมือนผมเลย” รอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ขึ้นนิดหน่อย พีระพลไม่ได้สังเกต เขาเก็บจานอยู่

“คิดเหมือนกันแบบนี้ไม่ลงเอยกันเลยล่ะ” แจ็กช่วยชง ท่านขุนอยากยกนิ้วให้เป็นบ้า แต่เก็บอาการ พี่พีเงยหน้ามองเพื่อนยิ้มๆ ไม่พูดอะไร

“ไม่ดีมั้งพี่ พี่พีคงไม่ชอบเด็กแบบผมหรอก” ล้วงข้อมูลเข้าไปอีก

“เด็กๆ สิดี...ชุ่มชื่นหัวใจ ว่าไงล่ะพี” เจ้าของชื่อพอเดาทางได้บ้างแล้ว แต่คิดว่ามันเป็นคำหยอกเย้าธรรมดา

“อืม ก็ดี” เขาหมายถึงมันชุ่มชื่นหัวใจดีแบบที่แจ็กบอกนั่นแหละ จากนั้นพีระพลยกจานที่ถูกกินอาหารจนหมดไปที่ล้าง เขาไม่ลังเลที่จะถลกแขนเสื้อตัวเองขึ้นเพื่อทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้ ไหนๆ ก็มาอาศัยอาหารเขาแล้วช่วยกันทำความสะอาดไม่เสียหายอะไร

ถ้าพีระพลมีตาหลัง ตอนนี้เขาคงได้เห็นว่าท่านขุนกับแจ็กกำลังขมุบขมิบปากถามไถ่กัน หมายถึงอะไร...ทำไมพี่พีนิ่งจังเลย ท่านขุนงงใจ แต่แจ็กกลับตอบว่ามันก็แบบนี้แหละ อาจไม่พูดก็ได้ แต่คิดแน่ๆ...ใช่มันน่าจะรู้ ท่านขุนหันไปมองแผ่นหลังของพี่พี เขาตัดสินใจลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ ด้วยจุดที่พีระพลยืนอยู่มันติดมุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ครัว ขวามือเขามีจุดวางจาน ซ้ายเป็นอุปกรณ์ครัวต่างๆ ท่านขุนเลือกจะเข้าไปยืนด้านหลังแล้วทำทีเป็นเอื้อมหยิบจานล้างเสร็จวางคว่ำ

พีระพลตกใจนิดหน่อย เขาหันไปส่งยิ้มซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมาจากท่านขุน เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่นิดๆ ซุกซนหน่อยๆ คำแจ็กลอยเข้ามาในหัว...เด็กมันชุ่มชื่นหัวใจนะ ก็จริง แค่รอยยิ้มมันก็สดใสแล้วอะนะ

ก่อนกลับ พีระพลแวะเล่นกับมณีนิดหน่อย ดูท่าเจ้าเหมียวจะไม่สนใจหนุ่มรูปงามอย่างพีระพล แม้ตอนแรกจะตอบสนองบ้างเพื่อของเล่นและของกิน ทว่าตอนนี้กลับเมินพีระพลสนิท แถมฝากรอยเล็บเอาไว้ที่หลังมือของชายหนุ่มอีกสองแผลถ้วน…

….100%….

หายไปนาน ทุกคนลืมเค้ายางน้าาาาา ขอให้ยังไม่ลืมเค้านะเพี้ยง! จะพยายามมาบ่อยๆ นะคะ ช่วงนี้ติดรีไรท์นิยายอีกเรื่องนิดหน่อย ต้อขอโทษด้วยน้าที่มาช้า มาๆ หายๆ แฮ่  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 2 *100%* 12-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-02-2018 11:23:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 2 *100%* 12-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-02-2018 13:12:07
เอ็นดูแม่มณีมากกกก ไม่ได้ห่วงอาหารหรือของเล่นเลยจริงๆ

และสงสารพี่พีผู้เรียกร้องความสนใจจากแมวสุดๆ แต่ก็ยังโดนเมิน...ฮาาาา
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 2 *100%* 12-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-02-2018 07:42:04
ฉันอยากจะตีๆๆมนีให้หัวทิ่ม คนเขาจะจีบกันยะนังแมวเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 3 *100%* 19-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 19-02-2018 21:42:41
>…ตอนที่ 3 [100%]…<

มณีฮึ้ดฮัดเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาในร้านอีกแล้ว...วันนี้เขามาคนเดียว ทั้งที่อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์นี้เขามากับชายผู้มีมาดเจ้ารำราญเสมอ ไอ้หนุ่มเจ้าสำราญนั่นเธอไม่สนใจหรอก เจอบ่อยแล้วก็ไม่คิดญาติดีด้วย ทว่าคนๆ นี้มันต่างกัน...ท่านขุนของเธอใส่ใจคนนี้ออกนอกหน้านอกตา

ขัดใจ!

เธอได้ของมาแล้ว ทั้งขนมและหนูโง่ๆ หนึ่งตัว มณีมองเศษซากอารายธรรมของหนูน้อย เล็บอันคมกริบของเธอกรีดแทงมันไปแทบทุกส่วน เนื้อยุ่ยกระจุยกกระจาย นี่แค่สี่วันเท่านั้นนะ มันกลับมีสภาพแบบนี้แล้ว ตอนนี้มณีหมดความสนใจเจ้าหนูหน้าโง่นั่นแหละล่ะ

เธอเดินนวยนาดเข้าไปหาชายหนุ่มใส่แว่นคนนั้น ไม่ได้จะคลอเคลีย ไม่ได้จะอ้อน แต่มาสังเกตการณ์เท่านั้นว่าวันนี้เขามาทำอะไร เห็นโพล่ทุกเที่ยง แย่งอาหารท่านขุนกินอยู่ได้ ส่วนเหล่านั้นมันควรเป็นของมณีแต่เพียงผู้เดียวเถอะ

“ไงจ๊ะมณี” ไม่ไงทั้งนั้น เสียงอ่อนเสียงหวานกล่อมมณีไม่ได้หรอก

“อ่า...” เธอเดินหนีหนุ่มหล่อออกมาราวกับสาวสวยผู้เลือกได้

“อ่าวพี่พี มาเร็วจัง” อย่ามาทำเป็นพูดแบบนั้นนะ เห็นหรอกว่าเข้าครัวทำอาหารรอพี่พีคนดีอยู่นานสองนาน ถ้ามีคิ้ว...ตอนนี้คิ้วมณีก็ขมวดเป็นปมไปแล้วล่ะ

“งานพี่เสร็จเร็วน่ะครับ แล้วแจ็กล่ะ...บอกว่าจะมาก่อนพี่ไม่เห็นรถมันเลย”

“ไม่เห็นเหมือนกันอะพี่ โทรถามดีไหม...” คนใส่แว่นพยักหน้า เขาหยิบมือถือเครื่องบางออกมาจากกระเป๋าหลังของตน กดสองสามทีแล้วเอามันแนบหู

มณีนอนมองชายคนนั้นจากโซฟาสีดำยาวตัวเดิม มันคือที่ประจำ และมันจะไม่มีวันเป็นที่ประจำของคนอื่นเด็ดขาด มณีมองเขาคุยกับใครไม่รู้ ทั้งที่เป็นคนยิ้มง่ายและดูสุภาพตลอด ทว่าหนนี้ดูคิ้วจะขมวดนิดๆ ฝ่ายท่านขุนก็มีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก มีหันมามองมณีด้วย...

เอาจริงๆ เป็นคนมั่นใจในตัวเองประมาณหนึ่ง แต่ตอนนี้ท่านขุนใจแป้วไม่น้อยเพราะว่าพี่พีของเขากำลังทำคิ้วขมวด พี่แจ็กหลอกให้พี่พีมาที่ร้านโดยตัวเขาเองไปนั่งกินมื้อเที่ยงในห้างกับกิ๊กสาวคนสวย พี่พีมารู้ตอนถึงร้านและมีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก แล้วแบบนี้จะให้ท่านขุนรู้สึกยังไง อย่างกับเขาไม่พอใจที่ต้องมากินข้าวที่นี่เลย

“เอ่อ...” ท่านขุนอยากจะบอกว่าถ้ามันฝืนใจ พี่พีจะกลับก็ได้ แต่อีกใจมันก็ไม่อยากให้ไปไง

“โทษทีครับ พี่ไม่พอใจที่แจ็กมันหลอกพี่น่ะ” แล้วดูเหมือนพี่พีของเขาจะดูออกว่าท่านขุนใจเสีย อาจจะยังไม่รู้ความรู้สึกหรือท่าทีของท่านขุนมากนัก แต่พอเราแสดงความไม่พอใจต่อหน้าใคร แน่นอนว่าคนๆ นั้นต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ

“ผมนึกว่าพี่รังเกียจที่จะมากินข้าวกับผมแล้ว” รอยยิ้มท่านขุนฝืดฝืน

“ไม่เลย พี่ไม่ได้รังเกียจ...พี่แค่ไม่ชอบที่แจ็กมันโกหกพี่แบบนี้ เอาหน่า...เราไปกินข้าวกันครับ พี่หิวแล้วล่ะ” พี่พีดูแคร์เขา แล้วเขาก็รู้สึกดีที่พี่พีแสดงออกเช่นนั้น แม้ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วพี่พีแค่เกรงใจ ทำตามมารยาทหรือว่ารู้สึกชอบเขาบ้างแล้วกันแน่

ไม่เป็นไร เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเร่งรัดเอานั่นเอานี่ได้ดั่งใจ จะเนียนจีบเนียนใกล้ชิดกันมันก็ต้องอดทนกันบ้าง ถือเสียว่าได้เห็นในมุมที่พี่พีไม่พอใจ ทุกครั้งที่ได้เจอ...นอกจากจะเอาของมาฝากเขา เด็กในร้านหรือมณีบ้าง พี่ยังยิ้มละไมอยู่เสมอ มันเท่นะ...แล้วมันก็ดูอ่อนโยนอยู่ในตัวมันเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่คิ้วพี่พีขมวดนับจากได้รู้จักกัน

อาหารของวันนี้ก็ยังคงเป็นฝีมือท่านขุนทั้งหมด เขาทำอาหารเก่งและหลากหลาย ยอมรับเลยว่าพีระพลไม่เคยเบื่อที่จะมากินข้าวเที่ยงกับท่านขุนทุกวันอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ อีกทั้งท่านขุนเองยังเป็นคนคุยสนุก มีเรื่องเล่าให้เขาฟังได้ทุกวัน

มันเป็นความสบายใจอย่างหนึ่ง...ติดที่เขาค่อนข้างเกรงใจกับการมารบกวนท่านขุนอย่างนี้ทุกวัน แล้ววันนี้แจ็กยังมาบอกว่าตนรออยู่ที่ร้านท่านขุน ให้พีระพลรีบมา แล้วพอมากลับไม่เจอตัว...ไปโพล่อยู่ห้างทานข้าวกับสาว เหมือนโดนหลอก แน่นอนพีระพลไม่ชอบแบบนี้ เขาเลยเผลอชักสีหน้าเล็กน้อยตอนได้รู้ว่าเพื่อนตัวเองอยู่ไหนและกับใคร

วางสายจากเพื่อนกลับได้เห็นสายตาหม่นๆ ของท่านขุนเข้า พีระพลจึงสำนึกได้ว่าเขาไม่น่าชักสีหน้าทั้งที่อยู่ต่อหน้าท่านขุน เจ้าของร้านเขามีน้ำใจแต่เรากลับทำเหมือนไม่อยากรับมัน ท่านขุนคงรู้สึกแย่มาก พีระพลไม่รู้จะทำยังไงนอกจากอธิบายและขอโทษ

“วันนี้งานพี่พีเยอะไหม” ท่านขุนเปิดบทสนาหลังเงียบกันไปพักหนึ่ง ปากถามแต่มือก็หยิบยกอาหารโดยมีผู้ช่วยเป็นพี่พีของเขา

“ก็เรื่อยๆ นะ ช่วงนี้ลูกค้าไม่เยอะงานก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่” ท่านขุนรู้ว่าพี่พีเป็นนักวิเคราะห์เคมี

“อ๋อ แล้ววันอาทิตย์นี้พี่พีไปไหนปะ” พีระพลหยุดงานแค่วันอาทิตย์วันเดียว นอกนั้นทำงานทั้งหมดหกวัน

“อืม...พี่คงอยู่บ้านแหละ วันหยุดพี่ไม่ค่อยไปไหนอยู่แล้ว”

“งั้นเย็นนี้มาดื่มกันไหม” ใช่ว่าท่านขุนรู้กิจวัตของพี่พีคนเดียว พีระพลเองก็พอรู้มาเหมือนกันว่าท่านขุนมักดื่มทุกวัน ช่วงเย็นๆ มากน้อยขึ้นอยู่กับมีเพื่อนดื่มหรือไม่

“อืม...ถ้าไม่มากก็ได้นะ” พี่พียิ้มบางๆ ให้อีกฝ่าย

“โห่ เมาก็นอนนี่ไงพี่ ไม่เห็นเป็นไรเลย” เป็นสิ...เกิดเลยเถิดอีกทำยังไงล่ะ พีระพลเม้มปากเล็กน้อยขณะที่คิดอะไรในหัว

“พี่เกรงใจน่ะ”

“พี่พีอะขี้เกรงใจเกินไป พี่แจ็กยังไม่เกรงใจขนาดพี่พีเลย”

“ก็นั่นไอ้แจ็กนี่...” มันรู้จักท่านขุนมานานแล้ว สนิทกันเหมือนเพื่อนจะไม่เกรงใจกันมันก็ไม่เห็นแปลกอะไรเท่าไหร่นัก

“นั่นสิเนอะ...” จู่ๆ ท่านขุนก็ดูหงอยเหงาขึ้นมา พีระพลชอบเวลาท่านขุนยิ้มหรือหัวเราะนะ แต่ไม่ชอบเวลาเขาเป็นแบบนี้ ประมาณเห็นแล้วไม่สบายใจเท่าไหร่

“อ่า...โอเคๆ ถ้าพี่เมาพี่ต้องรบกวนเราด้วยนะ” ปากหนอปาก เผลอพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง ความเกรงใจก็คือความเกรงใจอยู่ดีไหม อืม...แค่ไม่อยากให้ท่านขุนดูหงอยๆ อย่างกับแมวป่วย

“ได้เต็มที่เลยครับพี่ ผมจะดูแลพี่พีอย่างดี” เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความนัยบางอย่าง แต่พีระพลกลับมองว่าเป็นไมตรีที่อีกฝ่ายมอบให้เสียมากกว่า

เอ้า...แสดงออกมากขนาดนี้ยังไม่รู้อีกโถ่

หลังกินอาหารเที่ยงเสร็จ ท่านขุนไล่พี่พีของเขาให้ออกไปนั่งเล่นข้างนอกเดี๋ยวตรงนี้เขาจะเก็บกวาดเอง แต่พีระพลไม่ยอมทำตาม เขาช่วยท่านขุนเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ล้างจานคว่ำจาน หนำซ้ำยังไม่รู้ตัวอีกว่าโดนท่านขุนเอาตัวเองเข้ามาชิดใกล้ ไหล่ชนไหล่ เสียดสีจนรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิต ชายหนุ่มยืนชิดกันอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว คุยเรื่องสัพเพเหระไปตามเรื่องตามราว

นี่ๆ...มณีอยู่นี่ทั้งตัวนะ

มณีเดินเข้ามาในจังหวะที่ท่านขุนกำลังเอาแขนอ้อมเอวแกร่งไปหยิบแก้วน้ำ พีระพลชะงักไปเล็กน้อยเพราะมันใกล้กันมากเกินไป ดวงตาสีสวยของมณีดูจะแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย ภาพนั้นสร้างความไม่พอใจให้มณี เธอย่างกายเข้าใกล้พีระพล ด้วยฝีเท้าที่เบาราวกับแมวย่อง...ใช่ มณีเป็นแมวก็ต้องเบาเหมือนแมวย่องไงล่ะ จากนั้นมณีก็งับเข้าข้อเท้าใหญ่ๆ ที่ซ่อนความขาวเอาไว้ใต้กางเกงสแล็ก รับรู้ได้ว่าคนสะดุ้งโหยงแต่ไม่สะบัดขาหนีแถมไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะ

เจ็บไหมถามจริง...

“ไงจ๊ะมณี หาอะไรกินหรือเปล่า...กินอะไรไหมครับ” เขาย่อตัวลงมาหามณีตัวน้อย หน้าตาใสซื่อไม่สมกับคมเขี้ยวเลยให้ตายสิ

“ม้าว...” มณีเอาเท้าหน้าที่กางเล็บวางลงบนเข่าของพีระพล จากนั้นเธอก็กรีดมันพลางส่งเสียงร้องหวานๆ

“เดี๋ยวกางเกงขาดครับมณี” ทั้งที่ไม่ต่อต้านมาตลอด ทว่าหนนี้พีระพลจำต้องดึงมือมณีออก ได้จังหวะดีมาก…มืออีกข้างโดนมณีงับเข้าจมเขี้ยว

“เฮ้ย! มณีกัดพี่พีทำไม” ท่านขุนหันมาเห็นเข้าพอดี ทั้งที่พีระพลไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดให้อีกฝ่ายเห็น

“เปล่าหรอก แค่ขบเล่นเฉยๆ...เนอะมณีเนอะ มือพี่พีหอมใช่ม้า หอมเพราะกับข้าวท่านขุนของมณีไงครับ เอ...หรือว่ามณีหิวกันล่ะ เอาขนมไหม”

“ไม่เอาพี่พี มณีกินข้าวแล้ว ให้กินขนมทุกครั้งที่กัดมณีจะเสียนิสัยนะครับ” คราวนี้มณีหันไปมองท่านขุนด้วยสายตาวาวโรจน์ กัดท่านขุนอีกคนท่านขุนจะยังให้อาหารมณีไหม

“นิดๆ หน่อยเอง เนอะ...มณีหิวนี่เนอะ” ไม่หิว กัดนี่คือกัดไม่ได้หมายความว่าหิว

แต่เอามาก็กิน!

พีระพลจับมณีออกจากมือตัวเองเบาๆ แล้วเดินไปเอาขนมแมวเป็นซองเล็กๆ ในตู้เย็นให้โดยมีมณีเดินออกไปนอนเล่นที่โซฟาด้านนอก ท่านขุนลอบมองมือพี่พีนิดหน่อย ขบเล่นๆ ที่ไหนจะเข้าเป็นรอยเขี้ยวแบบนั้น ไม่นับแผลข่วนที่หลังมืออีกหลายแผลด้วย ท่านขุนรู้ว่าพี่พีโดยมณีกัดแล้วก็ข่วนบ่อยมาก ทุกครั้งที่มาแมวน้อยมักฝากรอยแผลไว้ที่ตัวของพี่พีเสมอ แต่ไม่เห็นพี่พีจะต่อว่าหรือแสดงอาการไม่พอใจเลย ราวกับว่าเขาสนุกที่ได้แกล้งมณีเล่น

ท่านขุนพอรู้อยู่บ้างว่ามณีมักไม่ชอบเวลามีคนเข้ามาเกาะแกะกับเขาแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะตัวเขาเข้าหาเองหรือว่าอีกฝ่ายเข้าหาเขาก็ตาม เพื่อนๆ เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดท่านขุนมากนักเพราะมณีหวงท่านขุน ปกติแมวมักไม่หวงเจ้าของ แต่ถ้ามณีมองว่าท่านขุนคืออณาเขตของตนเองล่ะ มันก็เป็นไปได้ที่มันจะหวงท่านขุน นอกจากตัวเจ้าของแล้วสิ่งที่มณีหวงมากอีกอย่างคือห้องนอน มณีนอนเตียยงเดียวกับท่านขุนฝั่งขวา นั่นคือที่ของเธอและเธอจะไม่พอใจมากหากใครไปล้ำที่ตรงนั้น แม้แต่ท่านขุนเองก็ได้กินกงเล็บแมวยามดึกเป็นประจำ

“พี่พีเอาใจมณีเกินไปแล้วน้า...” ท่านขุนเอานิ้วสากๆ และเปื้อนน้ำมันเล็กน้อยของตัวเองไปเกลี่ยรอยฟันบนหลังมือ พี่พีของเขาเก็บซองขนมแมวซองใหญ่เข้าตู้ หยิบมาแค่อันเดียวแล้วก็กำลังจะหากรรไกมาตัดมัน

“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา มณีน่ารักออกนะ” แมวดุเป็นเรื่องปกติในสายตาพีระพล

“แต่พี่เจ็บตัวบ่อยมาก”

“นิดเดียวเอง แสบๆ คันๆ สนุกดี” เอ้า เป็นอย่างนั้นไป ท่านขุนถอนใจเล็กน้อย แบบนี้ไม่เรียกดื้อแต่พี่พีแอบโรคจิตใช่ไหมนะ...ชอบอะไรเจ็บๆ ที่จริง แค่พี่พีบอก ท่านขุนยินดีตอบสนองให้พี่ได้...เอิ่ม เราไม่ควรติดเรต

พีระพลเดินเอาขนมไปเสิร์ฟมณีถึงที่โฟซฟาตัวยาว เขานั่งลงกับพื้นข้างโซฟาโดยไม่กลัวกางเกงสแล็กสีดำของตัวเองจะเปื้อน ก็เห็นแล้วว่ามันสะอาดพอที่จะนั่งได้ มณีน้อยทอดสายตามมาราวกับนางพญา ดูหยิ่งยโสแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดู พีระพลระบายยิ้มให้กับเธอ

“ขนมครับ...กินมะ” บอกว่าไม่กินมันจะเป็นการโกหก มณีเอื้อมเท้าหน้าไปเกี่ยวข้อมือของพีระพลให้ขนมนั้นเข้ามาใกล้ๆ โดยเธอไม่ยอมขยับตัว ท่าทางขี้เกียจนิดๆ นั้นดูน่ารักสุดๆ

“ขี้เกียจไปแล้วมณี” ท่านขุนเอ็ดเบาๆ เขาเห็นเหตุการณ์ พี่พีสินั่งหัวเราะกับท่าทางของมณี

เจ้าของชื่อไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาอย่างท่านขุน ไม่สนแม้กระทั้งพีระพลที่กำลังยิ้ม ตอนนี้ที่เธอให้ความสำคัญคือขนมนั้นต้องออกมาให้ทันเธอกิน ถ้าช้าไปหน่อย เธอจะกางเล็บข่วนมือขาวๆ ของพีระพลอย่างจงใจ พีระพลงมหาทางเอาใจมณีอยู่พักหนึ่งถึงรู้ว่าต้องทำอย่างไรจะถูกใจแม่เหมียวน้อยตัวนี้

การเอาใจแมวไมใช่สิ่งที่เขาควรทำ...เรียกว่าไม่จำเป็นต้องทำมันเลยก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม พีระพลถึงอยากจะเป็นมิตรกับมณี ลองคิดว่ามณีเดินเข้ามาออดมาอ้อน มาถูไถตัวเองกับขาของเขาบ้างมันคงมีความสุขดีเหมือนกัน

พีระพลเป็นคนรักสัตว์ประมาณหนึ่ง เขาเคยอยากเลี้ยงหมาหรือแมวเอาไว้เหมือนกันแต่กลัวไม่มีเวลาหรือกลัวเวลามันตายจากเราไป เพื่อนของเขาเคยเลี้ยงหมาสายพันธุ์ไซบีเรีย เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ เติบโตมาด้วยกันแล้วหมานั้นก็มาแก่ตาย เพื่อนเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ โทรมไปเป็นเดือนๆ เขาเองรับรู้เรื่องก็สะเทือนใจไปด้วย เพราะนั่นคือสิ่งที่เขากลัวเวลาจะเลี้ยงสัตว์สักตัว

“พี่พีดูรักมณีเนอะ” ท่านขุนนั่งที่โซฟาเดี่ยว เขามองหน้าพี่พียิ้มละไมให้กับมณี

“ก็เธอน่ารัก”

“ชักอิจฉามณีแล้วสิ...” พี่พีหันมามองหน้า

“อิจฉาทำไม ท่านขุนก็น่ารักนะ” พี่พี...พี่พีรู้ไหมว่าคำพูดและรอยยิ้มของพี่พีมีดาเมจที่แรงมาก ท่านขุนเกาจมูกตัวเองแก้เก้อ ทั้งยังหลบสายตาอ่อนโยนที่อีกฝ่ายส่งมาให้ด้วย

“ผู้ชายเขาไม่เหมาะกับคำนั้นเสียหน่อยพี่ ต้องเป็นหล่อ เท่อะไรทำนองนั้นสิ” มันเป็นคำพูดเด็กๆ อย่าว่าพี่พีคิดแบบนั้นเลย ท่านขุนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

“โอเค...ท่านขุนก็หล่อนะครับ” เอาเข้าไป พีระพลพูดเสร็จเขาก็ส่งเสียงหัวเราะ มันสดใสและก้องกังวานในความรู้สึกของท่านขุน

“พี่พีอย่าน่ารักนักสิ....”

“หืม ท่านขุนว่าอะไรนะครับ โทษที..พี่ได้ยินไม่ชัด” ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ได้ยิน เขาแค่หลุดปากออกมาเบาๆ

“เปล่าครับ มณีกินหมดแล้วเอามาให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งเอง พี่พีอุตส่าห์นั่งป้อนมณีให้แล้ว” ท่านขุนลุกไปแย่งซองขนมเปล่าๆ จากมือพี่พี แล้วเดินเอาไปทิ้งให้

“ขอบคุณน้า” พีระพลขอบคุณท่านขุนแม้ไม่จำเป็นเลยก็ตาม

เมื่อไม่มีขนมแสนอร่อยมาป้อนแล้ว พีระพลก็ไม่มีค่าอะไรให้มณีสนใจใยดี เธอเบี่ยงหน้าจากใบหน้าหล่อๆ นั้นไปอีกทาง วางหัวตัวเองลงกับเท้าหน้า อิ่มท้องก็ชักจะง่วง เธอไม่ได้หลับหรอก...ยังไม่ทันได้หลับ มือที่แสนจะนุ่มนวลนั้นก็ลูบไล้ตรงหลังของเธออย่างแผ่วเบา

“แง่ว!” มณีส่งเสียงต่อว่าพีระพล เธอกำลังจะนอนเพราะงั้นอย่ามากวนเธอนักจะได้ไหม

“ฮ่าๆ...” ดูสิ ดูไอ้สี่ตานี่ไม่สะทกสะท้านเลย มณีขัดใจมาก ตะปบมือนั้นเข้าให้ แต่พีระพลเอามือหลบทันก็เลยรอดจากการโดนข่วนหนนี้

“รู้ทันหรอก มณีทำพี่เจ็บหมดแล้วน้า” ไม่อยากเจ็บก็ไปไกลๆ สิ ชิ!

“เอาคืนมั้งได้ปะเนี่ย..นี่แหนะๆ” เฮ้ อย่ามาเล่นเป็นเด็กแถวนี้ พีระพลเอานิ้วจิ้มเข้าที่พุงของมณีแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข มณีสิ...ไม่มีความสุข ไอ้มนุษย์บ้า จะหลับจะนอนมาหาเรื่องกวนทำไมเนี่ย

มณีไม่นอนแล้ว ไม่ได้สั่งสอนมนุษย์ตัวนี้เธอไม่มีทางยอมนอนแน่ๆ กล้าดียังไงถึงมาจิ้มพุงสุดที่รักของเธอแบบนี้กัน มณีลุกขึ้นยืน ส่งเสียงร้องบ่นยาวๆ หลายคำติดกัน แต่คนฟังหัวเราะอัดใส่หน้าเธอราวกับมันตลกมากมายนักหนา แมวน้อยโก่งตัวขนฟูหางชี้ เสียงฟ่อๆ ดังออกมาดูน่าเกรงขาม...เสียเมื่อไหร่ล่ะ พีระพลมีการเอามือไปลองจิ้มขนฟูๆ นั้นดูอีกต่างหาก...

แน่นอน...มณีไม่ปล่อยให้มือขาวนั้นรอดคมเขี้ยวของเธอไปได้หรอก

เด็กในร้านพากันไปกินข้าวเลยไม่มีใครเห็นฉากมนุษย์ปะทะกับแมวน้อย พีระพลยังเอานิ้วไล่จิ้มไปตามตัว โดนข่วนบ้างหลบทันบ้างเป็นบางครั้ง เลือดซิบนิดหน่อยแต่สะใจดี แถมยังสนุกดีด้วย ไม่เคยเล่นกับมณีแบบนี้มาก่อน เคยแต่เอาอกเอาใจ ครั้งนี้ขอแกล้งหน่อยน้า...

ในขณะที่เจ้าของร้านอย่างท่านขุนกำลังหลบเข้าไปในห้องน้ำ ต่อสายโทรศัพท์หาแจ็กเพื่อสอบถามว่าบ่ายนี้งานพี่พีมีเยอะไหม รออยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับได้ ทั้งยังได้ยินเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามาเล็กน้อยก่อนเงียบหายไป

“พี่แจ็กๆ บ่ายนี้พี่พีมีงานปะ” ท่านขุนรีบถามออกไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสายเขา

(ไม่มีแล้ว งานมันเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว เห็นว่าติดนิยายอยู่เรื่อง...ถ้ากลับก็คงกลับไปอ่านนิยายมันนั่นแหละ) ท่านขุนไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าได้ฟังพี่พีเล่าเรื่องนิยายที่ตัวเองอ่านก็ยินดี

“งั้น...รั้งตัวไว้ได้ดิ”

(จะทำไรวะ) แจ็กถามอย่างสงสัย

“เปล่าๆ แค่นี้แหละพี่ ขอบใจมาก” หมดประโยชน์แล้วก็วางสาย

ท่านขุนได้ยินเสียงมณีกับเสียงหัวเราะของพี่พีดังแว่วเข้ามา อยากออกไปดูนะ แต่ขอทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้เสร็จก่อน ท่านขุนเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์เข้าห้องครัวอีกครั้ง เขาหยิบน้ำอัดลมสีดำขึ้นมาเทใส่แก้วสองใบหลังใส่น้ำแข็งลงไปแล้ว จากนั้นเอาใส่ถาดถือเดินออกมาพร้อมกับแผนการในหัว

พี่พีกำลังแกล้งมณีอย่างสนุกสนาน เขานั่งตรงพื้น ปล่อยให้มณีข่วนซ้ายทีขวาที ส่วนตัวเองก็หลบหลีกได้บ้างไม่ได้บ้าง ท่านขุนรู้ว่าการเล่นแบบนั้นมันสนุกนะแต่มันก็เสี่ยงเจ็บตัวไม่ใช่น้อยๆ เจ้าของร้านมาดซุกซนเดินเข้าไปใกล้ กะระยะเล็กน้อยแล้วก็...

“เฮ้ย!”

“แม๊วววว!!!” มณีโดดหนีไปอีกทาง สวนคนนั่งพื้นไม่สามารถหลบหลีกได้...

ก็เลย...โดนน้ำอัดลมราดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า!

พี่พีที่น่าสงสารโดนน้ำเปียกเป็นลูกแมวเลย…

….100%….

เรียกว่ามาอาทิตย์ละตอนเลยทีเดียวเชียว ยังไงก็หวังว่ายังมีคนรออ่านนะคะ ^^  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 3 *100%* 19-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 19-02-2018 22:22:29
นังมนีน่าตีนัก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 3 *100%* 19-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-02-2018 22:36:25
พี่พีก็เป็นมาโซฯ

ส่วนน้องท่านขุนนี่ก็ร้ายแบบเด็กๆ ได้น่าเอ็นดูไม่แพ้แม่มณีเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 4 *100%* 25-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 25-02-2018 21:31:40
>….ตอนที่ 4 [100%]….<

แก๊กๆ...

เสียงน้ำแข็งกระทบพื้นกับแก้วพลาสติกดังอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง คนสองคนกลับนิ่งงัน โดยเฉพาะคนที่โดนน้ำอัดลมราดตั้งแต่หัวจนเปียกปอนไปทั้งตัว เขาสายตาไม่ดีนัก หากหลุดกรอบแว่นไปพีระพลจะไม่สามารถมองสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน ดังนั้นเขาไม่เห็นว่าท่านขุนเป็นอะไรทำไมถึงสะดุดจนน้ำหกรดร่างกายเขาแบบนี้ แต่เขาคิดว่ามันคืออุบัติเหตุ เขาจึงไม่โกรธและไม่เคือง

“ท่านขุนเป็นอะไรหรือเปล่า...” เขาเงยหน้ามองเจ้าของร้าน ตอนนี้ท่านขุนยืนนิ่งงัน

“ผะ...ผมขอโทษพี่ ผมสะดุดโต๊ะนี่นิดหน่อยอะ แต่ว่า..ผมดันคว้าน้ำเอาไว้ไม่ทัน” ขณะที่ฟังท่านขุนเล่าเหตุการณ์ พีระพลถอดแว่นสายตาของเขาออกเพื่อเช็ดหยาดน้ำ

พลันหัวใจท่านขุนก็เต้นแรงขึ้น...

ไม่มีแว่นอยู่บนใบหน้าสะอาดสะอ้านนั้นแล้วพี่พีมีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ ดวงตาคมปราศจากแลนส์บดบังดูดึงดูดราวกับมีมนต์สะกด นอกจากอ่อนโยนแล้ว...ท่านขุนยังรับรู้ถึงความเบดกายนิดๆ ในแววดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแอลมอนต์นั้น ยิ่งมันหรี่ลงเล็กน้อยกันน้ำเข้า...ยิ่งมีความเซ็กซี่ยั่วยวนแปลกๆ

เขาเป็นเอามากนะ...ท่านขุนเคาะหัวตัวเองนิดหน่อย พร้อมกับพี่พีใส่แว่นเข้าที่เดิม

“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมเอ่ย” พีระพลยืนขึ้น เขาตรงมาสำรวจเท้าเปลือยเปล่าของท่านขุน ปกติใส่กางเกงสามส่วน เสื้อยืดหรือไม่ก็เสื้อกล้ามประจำ ทำให้สามารถมองดูเท้าได้

“ไม่ครับพี่ พี่พีเถอะ...เปียกหมดแล้ว ผมขอโทษจริงๆ นะพี่ เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่ห้องผมดีกว่า กลับแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เลย”

“แต่ว่า...”

“พี่อย่าเกรงใจผมมากนักสิ ผมทำพี่พีเปื้อนนะ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมพอจะมีเสื้อผ้าที่พี่พีพอใส่ได้อยู่บ้าง ส่วนชุดนี้ผมจะซักให้ ไม่อยากให้พี่พีกลับไปสภาพนี้” หน้าตาอ้อนนิดๆ ของท่านขุนทำให้พีระพลใจอ่อน

“รบกวนด้วยนะครับ” เจ้าของร้านยื่นน้ำใจให้ขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกก็ไม่ดีนัก

“ผมขอโทษพี่พีจริงๆ นะ”

“อื้อ เป็นอุบัติเหตุนี่ครับ ไม่เป็นไรๆ บ่ายนี้พี่ไม่มีงานหรอก” พี่พียังยิ้มให้เขา ไม่โกรธ ไม่เคืองจนท่านขุนแอบรู้สึกผิดเล็กๆ

“อ่าวเหรอ ผมนึกว่าพี่พีต้องรีบไปทำงานนะเนี่ย”

“สบายใจได้ พี่แค่ติดนิยายนิดหน่อย”

“อ๋อ เรื่องอะไรเหรอครับ...เล่าให้ฟังบ้างสิ” ได้ทีหาเรื่องคุย

“เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จพี่จะเล่าให้ฟังนะ” รอยยิ้มพี่พีน่าเอาปากขยี้เป็นบ้า

“ก็ได้...จิมๆ เดี๋ยวไปเช็ดพื้นตรงโซฟาให้หน่อยนะ” ท่านขุนตะโกนเรียกลูกน้อง เสียงครับขานตอบมา

ท่านขุนพาพี่พีเดินขึ้นไปชั้นสองของร้าน เขาเคยพามาแล้วตอนนั้นพี่พีเมาและเขาก็เกือบจะจับพี่พีกดได้สำเร็จ ติดที่มณีขัดขวางเสียก่อน นึกแล้วยังเสียดายไม่หาย ถ้ามณีไม่กัดพี่พีละก็...ป่านนี้อะไรๆ ก็คงง่ายกว่าที่เป็นอยู่ เอาหน่า ยากไปหน่อยท้าทายดีเหมือนกัน

นี่ก็แอบขอโทษพี่พีอยู่ลึกๆ ในใจ...ก็เขาจงใจทำน้ำอัดลมหหกใส่พี่พีเพื่อให้พี่เขาขึ้นมาที่ห้องนี้อีกครั้งน่ะสิ ไม่ได้จะจับปล้ำแค่อยาก...ใกล้ชิดกว่าเดิม อืม ชั่วแว้บหนึ่งเขาคิดอะไรค่อนข้างติดเรตทีเดียว แต่พี่พีคงไม่ยอมง่ายๆ ขนาดนั้น ดูเหมือนพี่พีจะใสๆ เป็นผู้ชายเรียบร้อยและสุภาพ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายหนำซ้ำยังเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอีกต่างหาก พี่พีต้องผ่านอะไรมาเยอะแล้วแน่ๆ

แต่ทำไมไม่รู้สักทีล่ะว่า...เขาอ่อยอยู่เนี่ย

ห้องท่านขุนไม่ได้สะอาดสะอ้านมากนัก แต่ก็ไม่ได้ซกมกสกปรกอะไร ติดที่ว่าขนแมวจะเยอะไปหน่อยด้วยความที่มณีเองก็นอนห้องนี้เหมือนกัน พีระพลยืนมองสำรวจห้องท่านขุน เคยเข้ามาแต่จำอะไรโดยรอบไม่ได้เลย วันนั้นเขาเมาและตาลายไปหมด ซ้ำยังโดนจู่โจมด้วยริมฝีปากรสเบียร์ขมปร่าอีกต่างหาก ตอนนี้ถึงได้เห็นว่าเตียงของท่านขุนกว้างมาก และยังดูนุ่มนน่านอนกว่าเตียงนอนของเขา อืม...หรือถ้าเขานอนแบบนี้เขาอาจปวดหลังก็ได้

“พี่พี ถอดเสื้อก่อน” พยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น ท่านขุนเดินไปเอาผ้าขนหนูผืนใหม่สีน้ำตาลเข้ม

“ครับ” พีระพลเริ่มจากดึงชายเสื้ออกมานอกกางเกง แล้วค่อยๆ แกะกระดุมจากเม็ดล่างสุดก่อน ถ้าเป็นท่านขุนเขาจะแกะจากข้างบน

แต่ข้างล่างก่อนก็ดีนะ...

ผิวขาวๆ ช่วงท้องน้อยเริ่มโพล่ให้เห็นแวบไปแวบมาตามชายเสื้อพลิ้วไหว กล้ามเนื้อด้านใต้นั้นเป็นลอนอย่างกับที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้ไม่มีผิด อยากเข้าไปช่วยแกะมาก ยืนมองนานๆ แล้วอาการหื่นมันกำเริบ เออ...แต่ถ้าเข้าไปช่วยแกะบางทีอาจไม่จบแค่ที่ถออดเสื้อก็ได้ ยิ่งกว่ากล้ามเนื้อสวยบนผิวขาวจัดของพี่พียังมีขอบกางเกงในสีดำอักษรแดง แวบเดียวก็รู้ว่ามันคือยี่ห้ออะไร...

“เอ่อ...พี่พีหุ่นดีมากเลย” เลือดกำเดาห้ามไหลนะเว้ย ท่านขุนคิดขณะมองร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของพี่พี กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกแกะออกก็เลยเห็นทุกอย่างแจ่มชัดเต็มสองตา คุ้มกับการเอาน้ำราดหัวพี่พีมากๆ

“ไม่หรอก”

“จริงๆ นะ ไม่คิดว่าว่า...พี่จะซ่อนรูปขนาดนี้ หุ่นอย่างกับนายแบบเลยอะพี่” ได้ลูบไล้คงฟินเนอะ พี่พียิ้มบาง มีอาการเขินเล็กน้อย

“โดนชมแบบนี้แล้วพี่เขินนะเนี่ย” ผมก็เขิน...ท่านขุนอยากบอก

“ไม่เห็นต้องเขินเลย หุ่นพี่พีดีจริงๆ นี่นา ผมเป็นช่างซ่อมรถยังไม่มีหุ่นแบบพี่เลย พี่แต่พุง”

“จริงเปล่า” สายตาพี่พีดูซนขึ้นมาเล็กน้อย

“จริงดิ แต่ผมไม่ให้ดูหรอก อายพุง ฮ่าๆ” รอยยิ้มท่านขุนดูเขินจริงๆ อันนี้พีระพลสัมผัสได้

“โอเคๆ พี่ไม่ดูก็ได้ครับ” พีระพลก้มไปถอดเข็มขัดหนังยี่ห้อดังราคาแพงของตนเองต่อ อื้ม...แค่ดูเขาถอดเข็มขัดก็พานอยู่ไม่สุข ลองคิดดิ...ว่าพี่พีไม่ได้แค่จะอาบน้ำน่ะ โหย เลือดลมมันเดินดีจริงๆ นะ

“นี่ผ้าครับ”

“ขอบคุณน้า”

“เอ่อ...พี่พีไม่ถอดแว่นเหรอครับ” เวลาพี่พีถอดแว่นโคตรตรงใจ แต่ใส่ไว้ก็ดีนะ

“อื้อ มองไม่เห็นน่ะ” ท่านขุนพยักหน้าเข้าใจ

“ครับ งั้นตามสบายนะ เดี๋ยวผมดูชุดให้” ส่วนสูงเราต่างกันนิดหน่อย หวังว่าพี่พีจะใส่ขุดของเขาได้

“ระบกวนด้วยนะครับ” ผมสิรบกวนพี่อยู่ ผมเป็นคนทำให้พี่ยืนถอดเสื้อต่อหน้าผมเลยนะเว้ย...เออลืมไปพี่พีไม่รู้

ท่านขุนมองแผ่นหลังที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อสวยได้รูปเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มันเป็นภาพชวนฝันสำหรับเขา เมื่อพี่พีเข้าไปแล้วเขาก็เผลอถลกเสื้อตัวเองดู อืม...ไม่ถึงกับมีพุงพลุ้ยแต่ท่านขุนก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อสวยแบบพี่พี มันเป็นลอนที่เล็กกว่าแล้วก็ไม่ชัดเท่า พี่พีต้องชอบออกกำลังกายมากแน่ๆ ถึงได้มีหุ่นอย่างนั้น โหย...หุ่นชวนฝันอย่างบอกไม่ถูก

ท่านขุนทิ้งกายนอนลงบนที่นอน นึกภาพพี่เมื่อครู่นี้ซ้ำไปซ้ำมา ถ้าได้ลูบไล้มันจะเป็นยังไงนะ...ถ้าได้ซบไซ้มันจะเป็นยังไง จำได้ดี กลิ่นตัวพี่พีนั้นหอมแล้วก็ดูสะอาดสะอ้านมากๆ ต่างจากเขาที่มีแต่กลิ่นน้ำมัน อยากทำให้พี่พี...

“พอเหอะกู” เขารีบสะบัดหัวไล่ภาพอนาจารของพี่พีออกจากหัว เลยเถิดไปไกลแล้วสมอง นี่ชอบพี่เขาหรือว่าแค่อยากล่ะเนี่ย...

ก็ชอบไง...ชอบแล้วก็อยากไง...

ท่านขุนพยักหน้าพอใจกับบทสรุปของตัวเอง จากนั้นเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม อย่างน้อยเป้าหมายในการเห็นกล้ามเนื้อสวยๆ ของพี่พีก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คิดเอาไว้นานแล้วว่าพี่พีดูเป็นคนซ่อนรูป พี่พีดูเป็นคนที่มองให้สุภาพได้เมื่อเขาอยู่ในชุดทำงาน สวมแว่นตา แต่พอถอดสิ่งเหล่านั้นออก...พี่พีแม่งเบดกายวะ จะบอกว่าเป็นคนเจ้าชู้กะล่อน เปลี่ยนคู่ควงบ่อยก็ไม่แปลกใจเลย ด้วยการพูดการจา ท่าทางและรูปร่าง พี่พีต้องฮ็อตในหมู่หนุ่มๆ แน่ แต่เพราะพี่พีเป็นคนสุภาพแบบนี้ ทั้งยังชอบอ่านหนังสือมากกว่าเที่ยว ก็เลยไม่มีใครเห็นอย่างที่ท่านขุนเห็น

ดีแล้ว...เห็นคนเดียวเก็บไว้คนเดียวไง!

“เกือบหยิบแชมพูมณีมาสระผมแหนะ...” พอเดินออกมา พี่พีก็ทำลายความเงียบในห้องด้วยน้ำเสียงติดขำ เขามีเพียงผ้าขนหนูพันอยู่เอว หยดน้ำมีประปรายเพราะถูกเช็ดออกไปบางส่วน แต่อย่างนั้น...มันก็ยั่วน้ำลายอยู่ดี

“แชมพูมณีหอมนะครับพี่พี” ท่านขุนแทบละสายตาจากเรือนกายขาวผ่องนั้นไม่ได้ เทียบแล้วท่านขุนที่ว่าขาวยังขาวสู้พี่พีไม่ได้เลย

“พี่นึกถึงกลิ่นตัวมณีออกเลย”

“แล้วนึกถึงกลิ่นตัวผมไม่ออกบ้างเหรอ” จู่ๆ ท่านขุนก็เอ่ยแบบนั้น พี่พีเงยหน้าสบตามากเสน่ห์นั้นอย่างเผลอตัว เขาขยับรอยยิ้มนิดหน่อย

“จำได้สิ...กลิ่นท่านขุนเต็มตัวพี่เลยตอนนี้” หมายถึงกลิ่นสบู่และแชมพูน่ะนะ

แต่...พีระพลรู้ไหมว่าคำพูดนั้นมันดาเมจแรงต่อใจท่านขุนขนาดไหน

สาบาน...พี่กล้าสาบานไหมว่าไม่ได้อ่อยอยู่เนี่ย!

“พี่พูดซะผมคิดลึกเลย ฮ่าๆ” ท่านขุนหัวเราะแก้เก้อ พีระพลมาสะดุดใจเอาก็ตอนนี้ นั่นสิ...คำพูดมันสองแง่สองง่ามนี่

“โทษที พี่เผลอปากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรพี่ นี่ชุดครับ ไม่รู้พี่จะใส่ได้ไหม อ้อ ชั้นในแกะใหม่นะ...ไม่ต้องห่วง” ท่านขุนเดินเอากองชุดที่เตรียมไว้เข้าไปให้ พีระพลรับมา

“ขอบคุณมากครับ ไว้พี่จะใช้คืน”

“ไม่ต้องก็ได้ ผมทำพี่เปื้อนนี่นา…ผมต้องขอโทษพี่จริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ พี่เปลี่ยนชุดก่อนนะ”

“ครับ” ได้เห็นคนที่ชอบใส่ชุดเรานี่แม่งก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว…ไอ้ขุนเอ้ย คืนนี้นะมึงฝันดีแน่ๆ

ลับหลังพีระพล ท่านขุนเอนกายนอนบนที่นอนพลางคิดภาพพี่พีเวลาไม่มีชุด…ทะลึ่ง แต่แบบ…หยุดไม่ได้อะ หยุดความคิดไม่ได้เลย ริมฝีปากแม่งแห้งผากจนต้องเลียซ้ำแล้วซ้ำเล่า มารู้ว่าตัวเองกระเหี้ยนกระหือรือก็ตอนนี้แหละ...ทั้งที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าชอบพี่เขาที่เรียบร้อยแล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ พี่พีอ่อนโยน น่ามองไปทุกอย่าง อยู่ด้วยแล้วก็มีความสุข สบายใจ ตอนนี้เพิ่มเข้าไปอีกอย่าง..อยู่ด้วยแล้วอยากขยี้ร่างกายขาวๆ นั้นเป็นบ้า

คิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้ว่าควรเอาชุดพี่พีไปใส่เครื่องซักผ้าเสียที มัวแต่นอนคิดลึกอยู่ได้ตั้งนานสองนาน คิดได้ดังนั้นท่านขุนจึงหอบเอาชุดของพี่พีเดินออกจากห้องไป แต่เขาไม่ได้โรคจิตขนาดแอบเอาเสื้อผ้าพี่พีมาสูดดมหรอก พอดีว่าแค่มันอยู่ในอ้อมแขนก็ได้กลิ่นแล้ว...เวร นี่ก็โรคจิตอยู่ดีปะวะ

ดีที่เครื่องซักของเขาว่าง ไม่งั้นต้องมานั่งรอหรือเอาส่วนเน่าๆ ในนั้นออกมากองข้างนอก ส่วนที่ซักผ้านี่อยู่ด้านหลังติดกับระเบียงชั้นสอง คนที่ใช้เครื่องนี้คือทั้งเขาและลูกน้องสองคนที่อยู่ในร้าน เขาเอาทั้งหมดใส่ลงไป ด้วยชุดเป็นสีดำทั้งหมดจึงไม่ต้องกลัวสีตกใส่ จากนั้นใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เรียบร้อย

“พี่อยู่นี่เอง…” เสียงของแอ้ทำให้เขาหันกลับมามอง

“มีอะไร”

“ลูกค้ามารับรถอะพี่ ลงไปดูหน่อยดิ” ท่านขุนพยักหน้าแล้วเดินตามแอ้ลงไปข้างล่างโดยลืมบอกพี่พีก่อนว่าเดี๋ยวเขาขึ้นมานะ

“พี่ขุน...” เสียงล้อๆ เข้าหูเมื่อเขาลงมาข้างล่าง จะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่จิมลูกน้องอีกคนของเขา

“อะไรมึง”

“ผมเห็นน้า...” รู้แล้วว่ามันเห็นอะไร แต่มันเห็นได้ยังไงวะ อยู่ในครัวกันไม่ใช่เหรอ

“หุบปากไปเลย”

“ได้สักห้าร้อยจะหุบปากให้สนิทเลย” มาแบบนี้นี่มันจะเติมเกมมันแน่นอน

“ไม่เว้ย”

“งั้นผมไปบอกพี่พี...” ไอ้ลูกน้องเลว

“เออ หยิบเอาเอง” สุดท้ายก็ต้องยอม ก็ถ้าพี่พีรู้พี่พีโกรธทำไงล่ะ ท่านขุนชี้หน้ายิ้มแป้นแล้นของลูกน้องคาดโทษ แต่มันไม่สะทก มันกลับลั้นลาหยิบเงินเดินออกจากร้านไป

ท่านขุนมีงานต้องทำ เขาคุยกับลูกค้าที่มารับรถนิดหน่อยเรื่องท่อที่มีการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ เขาสตาร์ทเครื่องแล้วเบิ้ลให้อีกฝ่ายฟังว่าเสียงเป็นอย่างไร ถูกใจไหม แล้วก็ยังพูดเกี่ยวกับจุกลดเสียงที่สามารถใส่หรือถอดตอนไหนก็ได้ตามใจเจ้าของ หากเข้าพื้นที่ชุมชนหรืออยู่ในเขตที่ควรงดเสียงก็ใส่เข้าไปได้ ลูกค้าค่อนข้างพอใจในบริการและความเป็นมิตรที่ท่านขุนได้มอบให้

ถึงท่านขุนจะใส่แค่กางเกงสามส่วนบ้านๆ กับเสื้อยืดคอกลมง่ายๆ แต่กลับดูดี เขามีรอยยิ้มที่แสนสดใส ลูกค้าคนไหนคุยด้วยก็สบายใจและเป็นกันเอง ท่านขุนไม่เคยใส่อารมณ์กับลูกค้า ไม่ว่าจะเรื่องมากขนาดไหน เขาสำนึกเสมอว่างานของเขาก็ไม่ต่างจากงานบริการด้านอื่นๆ นี่เป็นเสน่ห์หลักที่ทำให้หลายคนมักวนเวียนกลับมาใช้บริการกับเขา

และแน่นอนว่าเสน่ห์อันล้นหลามนี้ทำให้หลายคนอยากจะจีบท่านขุน...แต่เขาไม่ตอบสนองกลับเลย

ไม่ได้หยิ่ง แค่ไม่เจอคนถูกใจเขาจริงๆ บางทีเขาอาจไม่ชอบรอยยิ้มเจ้าเล่ของอีกฝ่ายก็ได้ คนมากเล่อยู่กับคนมากเล่ไม่ได้ มันทันกันเกินไป เขาคิดแบบนั้นนะ...ส่วนหนึ่งท่านขุนชอบผู้ชายที่เป็นมิตรและดูแมนๆ ไอ้มาดเจ้าชู้นี่ตัดไปได้เลย...มันซ้ำซ้อนกับแฟนเก่ามากเกินไป

หลังจากจัดการเรื่องคืนรถให้ลูกค้าเรียบร้อย ท่านขุนก็เดินกลับขึ้นไปชั้นสอง ตรงไปห้องนอนของตัวเองทันที พี่พีกำลังเดินดูชั้นหนังสือเล็กๆ ไม่เชิงเป็นชั้นด้วย...มันเป็นตู้ที่มีชั้นต่างหาก พี่พีดูสนใจหนังสือในนั้นมากกว่าโมเดลรถหลายคัน

“เอ่อ...ขอโทษที่ซอกแซกนะ” พี่พีเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา รู้สึกขอโทษกับไม่เป็นไรจะเป็นคำติดปากของพี่พีนะ ตอนนี้พี่พีอยู่ในชุดไม่ต่างจากท่านขุน กางเกงสามส่วนและเสื้อยืด แปลกตา...แต่ดูเป็นกันเองและชวนใจเต้นสุดๆ

“ไม่เป็นไรพี่ ดูสิ มีเล่มไหนเข้าตาพี่พีไหม ผมไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือมากกนัก อ่านแค่เท่าที่พี่เห็นเนี่ยแหละ” ท่านขุนมีหนังสือการ์ตูนแนวฮาเร็มเป็นหลัก ซึ่งมีไม่มาก ส่วนนิยายนั้นก็เป็นแนวฆาตกรรม โดยเน้นหนักไปทางคินดะอิจิ

“อืม...เล่มนี้น่าสนใจดี” เหนือคาด เมื่อเล่มที่พีระพลสนใจกลับเรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเกมไซเลนฮิวส์ มันไม่ใช่นวนิยายแต่เป็นรวบรวมเนื้อหาแล้วก็ฉากจบในแบบต่างๆ

“แต่มันหนังสือเกมนะพี่”

“อื้อ พี่เคยเห็นแวบๆ ตัวเกมมันน่าสนใจนะแต่พี่ไม่ได้เล่นน่ะ เห็นเล่มนี้แล้วก็เลยคิดว่ามันน่าอ่าน”

“เอาสิ พี่พีเอามาอ่านก็ได้ ผมไม่หวงหรอก...” ถ้าได้มีส่วนที่ชอบร่วมกันบ้างมันก็ดี เราค่อนข้างต่างกัน

“งั้นพี่ขออนุญาตนะครับ”

“เฮ้ย ไม่ต้องทางการขนาดนั้นหรอกพี่พี อ่านเลย ตามสบาย” พี่พีเอื้อมมือไปหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ แป็บหนึ่ง

“อืม เอาไปนั่งอ่านข้างล่างดีกว่า ขุนยังมีงานอยู่ใช่ไหม พี่ขอรบกวนนั่งเล่นอยู่ที่นี่เลยแล้วกันนะ” ท่านขุนผู้นี้ยินดีให้พี่รบกวนทั้งวัน จะวันนี้ คืนนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่ขัดเลย...และจะยิ่งยินดีถ้าพี่เข้ามารบกวนเขาทั้งชีวิต ท่านขุนปกปิดรอยยิ้มดีใจไม่ไหว...เขาก็เลยเหมือนคนบ้าหน่อยๆ ที่ยืนมองชายหนุ่มใส่แว่นแล้วยิ้มแก้มพองไปหมด

พี่พีอาจไม่เห็น...แต่มณีเห็นจ๊ะ!

….100%….

มาแว้ววววววว ซิ่งมาอัปเลย พี่พีเราตามเกมท่านขุนมิทันเลยอ่า โดนน้องหลอกไปลวนลามทางสายตาสองต่อสองในห้องนอน อีกหน่อยคง…โดนหลอกไปทำอะไรๆ งุยยยย แค่คิดก็เขินละ ><
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 4 *100%* 25-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-02-2018 07:27:35
พี่พีน่ารักแหะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 4 *100%* 25-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-02-2018 10:24:11
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 4 *100%* 25-02-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 26-02-2018 12:48:07
พี่พีซึนได้ใจจริงๆ ท่านขุนจีบขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 03-03-2018 22:25:27
>….ตอนที่ 5 [100%]….<

โซฟาตัวยาวเป็นแบบสี่ที่นั่ง ที่ประจำมณีอยู่ตรงพนักวางแขนฝั่งซ้าย หนึ่งที่นั่งนั้นเป็นของมณีแต่เพียงผู้เดียวมาเสมอ แล้วมันก็ยังเหลือพื้นที่อีกหลายที่ให้พีระพลเลือกนั่ง ทว่า...พีระพลกลับนั่งติดกับมณี

ระหว่าเงปิดหน้าหนังสือ พีระพลลอบมองมณีที่นอนเลียขนสบายใจเฉิบบ่อยครั้ง ตอนแรกเธอดูไม่พอใจมากที่เขามาอยู่ตรงนี้ มาสร้างความเกะกะน่ารำคาญลูกตาให้เธอ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหลีกหนีไปไหน อยากอยู่ใกล้...อยากแกล้งเธอว่างั้นเถอะ มณีทำทีเป็นไม่เห็นพีระพลอยู่ในสายตาทั้งที่กลิ่นตัวของเขาเตะจมูกอยู่ตลอด มันแปลกๆ กลิ่นตัวที่ปนเปไปกับกลิ่นของท่านขุนสร้างความไม่พอใจเล็กๆ ให้มณี รู้สึก...เหมือนโดนแย่งของ

แมวน้อยเลียขนตัวเองได้ไม่นานนักก็หลับไป ช่วงบ่ายๆ แอร์เย็นและกินอิ่มๆ เป็นช่วงเวลาที่มณีง่วงนอนง่ายเป็นที่สุด ส่วนพีระพลกำลังพิงพนัก นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ภาพด้านในนั้นมีรูปตัวละครเกม รูปฉากหรือแม้แต่รูปปีศาจต่างๆ เขารู้สึกขัดใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่าถ้าภาพมันเป็นภาพสีจะได้อารมณ์ขนาดไหน ไอ้ภาพที่ตัดมาจากตัวเกมดูไม่ค่อยชัดแล้วก็มืดอยู่เหมือนกัน

อ่านไปประมาณชั่วโมงเศษๆ พีระพลเงยหน้าจากตัวหนังสือต่างๆ ขึ้นมาพักสายตาด้วยการมองไปรอบๆ ร้านนี้ค่อนข้างเงียบทีเดียวในตอนกลางวัน ไม่ได้มีลูกค้าเข้ามาเผ่นผ่านหรือเดินเลือกซื้อของ อีกทั้งยังมีคนคนทำงานในร้านแค่ไม่กี่คน หนึ่งคือคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เด็กนี่ชื่อจิม พีระพลคิดว่าจิมเป็นคนที่สบายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่เคยถามเรื่องรายละเอียดการทำงานหรอก มาก็มากินข้าว นั่งเล่นนั่งคุยกับท่านขุนเรื่องจิปาถะทั่วไปเท่านั้น

ส่วนด้านนอก อากาศร้อนๆ นอกชายคาออกไปก็มีแดดร้อนจัดสาดส่อง ท่านขุนและลูกน้องอีกคนที่ชื่อแอ้กำลังจัดการกับรถมอเตอร์ไซก์คันใหญ่ร่วมกันอยู่หนึ่งคัน ดูเหมือนแอ้จะเป็นผู้ช่วย คอยประคองรถหรือหยิบจับเครื่องมือส่งให้ท่านขุนที่เป็นฝ่ายงัดนั่นแงะนี่

บอกตรงๆ...เห็นแสงที่สาดเข้ามาเขาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนอบอ้าวแล้ว เขาไม่ถูกกับอากาศร้อนนัก อาจเพราะไปทำงานอยู่ต่างประเทศมาหลายปี ที่นั่นมีฤดูร้อน แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับเมืองไทย...

ดวงตาคมสีน้ำตาลแอลมอนต์จับจ้องไปที่ร่างกายเล็กกว่าตนประมาณหนึ่ง ท่านขุนเป็นคนมีเนื้อมีหนัง ไม่อวบแต่ก็ไม่เรียกว่าผอม ดูเผินๆ เขาเหมือนไม่มีกล้ามเนื้ออะไรมากมายนัก แต่พองัดประแจ กล้ามเนื้อได้รูปที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังก็ขึ้นลายออกมา หน้าตาจริงจังยามทำงานเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่

น่าแปลก...เขามองว่าท่านขุนก็น่าสนใจไม่แพ้หนังสือในมือ

ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพับหน้ากระดาษที่อ่านค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขากอดอกมองการทำงานของท่านขุนผ่านกระจกใสของร้าน อยู่ไกลไปบ้าง มองไม่ถนัดไปหน่อย แต่มันก็ยังชัดเจนอยู่ดี ท่านขุนไม่ได้มีผิวขาวกระจ่างเหมือนกับเขา ติดคล้ำเล็กน้อยเพราะเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซก์คู่ใจ ใบหน้าหน้าหล่อคมอย่างไทยทว่าดวงตาแอบโตเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาทำให้รู้สึกว่าท่านขุนน่ารัก

จะว่าไปบางครั้งเขาก็คิดว่าท่านขุนมีรอยยิ้มเจ้าเล่เหมือนกัน ราวกับซ่อนแผนการอะไรเอาไว้สักอย่างแต่เขาแค่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้น นี่จะว่าแก่แล้วดันตามไม่ทันเด็กนี่จะผิดไหมนะ คือสงสัยนะ...แล้วเขาจะวางแผนอะไรล่ะ ไม่เห็นมีที่ต้องใช้การวางแผนร้ายๆ เสียหน่อย เพราะมันไม่สมเหตุสมผล พีระพลจึงไม่ใส่ใจสิ่งนั้นอีกเลย

มองไปมองมา พีระพลก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาแก้วน้ำสองใบ หยิบน้ำแข็งจากตู้แช่มาใส่ในแก้วก่อนจะเทน้ำอัดลมสีดำที่เขายังจำได้ดีว่ามันราดเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดแล้วมันก็ขำนิดๆ ท่านขุนไม่ระวังเอาเสียเลย ดีนะที่วันนี้งานเขาไม่มีแล้ว ไม่งั้นกลับไปทำงานด้วยชุดนี้คงไม่เหมาะแน่นอน

“พักทานน้ำกันก่อนไหม...” ในมือร่างสูงมีน้ำอยู่เต็มแก้วทั้งสองมือ ท่านขุนและแอ้ต่างหยุดงาน

“โหยพี่พี พี่ไม่ต้องเอามาให้ก็ได้นะ” พีระพลยิ้ม

“อยากช่วยบ้างไงครับ เห็นอากาศข้างนอกมันร้อนๆ พักดื่มน้ำเย็นๆ สักหน่อยน่าจะสดชื่นขึ้น อะแอ้เอาไปสิ” เมื่อผู้ใหญ่ยื่นมาให้ แอ้ยกมือไหว้แล้วรับแก้วน้ำแก้วนั้นไปดื่ม ส่วนท่านขุนก็เอาอีกแก้วมาดื่มเช่นกัน

“พี่พีอ่านหนังสือจบแล้วเหรอ”

“ยังหรอก เอาน้ำมาให้ก่อนเดี๋ยวกลับไปอ่านต่อ สนุกมากเลยล่ะครับ” เนื้อหาไม่ได้เยอะจนเกินไป อ่านวันนี้ก็จบแล้ว

“เกมก็สนุก ถ้าพี่พีอยากเล่นก็บอกผมได้นะ” พีระพลส่ายหัว

“ไม่ล่ะ พี่ไม่ถนัดจริงๆ อ่านหนังสือเนี่ยเท่าไหนเท่ากัน แต่เกมพี่บายเลย” เพราะมัวเอาแต่ตั้งใจเรียนเพื่อชดเชยในส่วนที่ตัวเองเป็นเกย์ตอนเด็ก ทำให้พีระพลไม่คุ้นชินกับคำว่าเกมเท่าไหร่

“พี่พีน่าจะลองดู รับรองพี่พีต้องติดเกมแน่ๆ”

“แบบนั้นพี่ยิ่งไม่ควรเล่นเข้าไปใหญ่เลยนะ” ไม่รู้คนอื่นจะมองจืดชืดไหม แต่พีระพลชอบที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้

พีระพลรอจนเด็กหนุ่มทั้งสองดื่มน้ำเสร็จ เขาเอาแก้วน้ำกลับเข้าไปด้านใน ล้างและคว่ำเก็บเรียบร้อย มณีตื่นแล้วนอนมองเขาเดินออกมาจากครัว เขาลูบหัวมณีนิดหน่อยซึ่งโดนข่วนหนึ่งทีข้อหาแตะต้องโดยไม่ได้รับอนุญาต พีระพลไม่ใส่ใจกับความเจ็บปวด ธรรมดานะ เล่นกับแมวแล้วแมวจะข่วนจะกัดเนี่ย

มณีกระโดดหนีจากร่างสูงของพีระพล เดินเอื่อยๆ ยืดตัวขี้เกียจเล็กน้อยแล้วนั่งจ๋องอยู่ที่หน้ากำแพงกระจกบานใส มองท่านขุนกับแอ้ทำงานอยู่ด้านนอก พีระพลมองดูมณีนั่งนิ่งตรงนั้นสักพักก็กลับมานั่งอ่านหนังสือ

ความเงียบสงบภายในนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มันสบายใจดีถึงแม้ว่าจะแปลกที่แปลกทางไปบ้าง ใช่สิ...มันแปลกตั้งแต่ต้องมากินข้าวเที่ยงที่นี่ทุกวันแล้วล่ะ แต่ที่พีระพลไม่เคยปฏิเสธทั้งที่เกรงใจ ก็เพราะ...เจ้าของร้านนี้ยังไงล่ะ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ ท่านขุนก็เป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจไม่น้อยในสายตาเขา เด็กอายุเท่านี้มีร้านแต่งรถเป็นของตัวเอง มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำสูง มันหาได้ยาก บางคนอายุเท่าท่านขุนยังเดินเตร็ดเตร่ไม่หางานหาการทำเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว นิสัยและความขยันของท่านขุนเองก็ถูกพีระพลไม่ใช่น้อยๆ

ถ้าถามว่าได้จะเอาไหม...พีระพลไม่ลังเลที่จะตอบเลย

เนื้อหาในหนังสือค่อนข้างเน้นหนักไปที่ด้านมืดของจิตใจคน ดูโหดร้ายและทารุน ทว่าพีระพลกลับยิ้มบางๆ เพราะความคิดของตัวเองที่เผลอเตลิดออกนอกเรื่องราวที่หนังสือกำลังเล่า

หรือว่าแจ็กกำลังจับคู่เขากับท่านขุนกันนะ?

ก็เป็นไปได้เหมือนกัน มันดูจะเหมาะเจาะเมื่อแจ็กมักชวนเขามากินข้าวที่นี่ทุกวัน มาแล้วก็ชอบชงให้เขากับท่านขุนบ่อยๆ ที่เขาเงียบ ไม่ใช่ปฏิเสธหรือยอมรับ เขาแค่ดูปฏิกิริยาจากท่านขุน และคิดไปด้วยว่าบางทีการที่แจ็กพูดแบบนี้อาจทำให้ท่านขุนรู้สึกอึดอัด ดังนั้นเขาจึงเงียบเพื่อให้แจ็กรู้ว่าไม่ควรพูด แต่แจ็กก็ไม่หยุด...ไม่สิ หยุดบ้างแค่ไม่บ่อยนัก

แล้วไหนจะวันนี้ที่หลอกเขามาที่ร้านนี้อีก ส่วนตัวเองไปกินข้าวกับสาวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ดูยังไงก็หาเรื่องจับคู่ชัดๆ เขาอะไม่เท่าไหร่หรอก...ถ้าได้คบหาดูใจกับเด็กคนนี้มันก็น่าสนใจดี แต่ต้องคิดอีกมุมด้วยว่าท่านขุนเขาจะโอเคหรือเปล่า ท่านขุนดูไม่ชอบพวกเพศเดียวกัน...หรือเป็นพีระพลเองที่ดูไม่ออกว่าท่านขุนชอบแบบไหน คืนนั้นที่จูบกันก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าท่านขุนเองไม่ได้ปฏิเสธเพศเดียวกัน

ดูเหมือนอะไรๆ ในหัวพีระพลจะเริ่มยุ่งเหยิง แม้ว่าในความยุ่งเหยิงนั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างกระจ่างบ้างแล้วก็ตามที แต่ที่มันยุ่งเหยิงเนี่ยมันเป็นเพราะเขาไม่รู้ใจท่านขุนต่างหากล่ะ การที่ท่านขุนดูแลดีเป็นไปได้ว่านิสัยเขาเป็นแบบนี้ แล้วเขาก็มีไมตรีให้กับลูกค้าหรือผู้มาเยี่ยมเยียนทุกคน

ข้อเสียของการชอบคนอัทธยาศัยดีมันอยู่ตรงนี้...ตรงที่เราดูไม่ค่อยออกว่าเราพิเศษหรือว่าเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาเทคแคร์ อ่า...ดันไปคิดเรื่องหนักใจเสียได้ พีระพลละสายตาจากหนังสือ ทั้งที่เมื่อกี้ตาจับจ้องแต่ไม่ได้อ่าน เขาถอดแว่น คลึงดวงตาตัวเองผ่านเปลือกตาเล็กน้อยแล้วกลับไปอ่านมันใหม่อีกครั้ง เพ่งสมาธิมากกว่าเดิมเพื่อให้เขาละทิ้งความขุ่นมัวในความคิดไป...

“โอ้...ดูซิกูเจอใคร” ทำไมชอบเข้ามาขัดตอนที่ฉากกำลังมันๆ ทุกที พีระพลเงยหน้ามองเพื่อนตัวเองโดยไม่ต้อบทบทวนเลยว่าเสียงนี้มันเสียงใคร

“เจอกูไง” สั้นง่ายแต่มันได้ใจความมากๆ

“โนๆ นอกจากเจอมึงแล้ว...ยังเจอมึงในชุดท่านขุนด้วย นี่...เกิดอะไรขึ้นแล้วกูไม่รู้หรือเปล่านะ” แจ็กนั่งลงข้างเขาด้านขวา ฝั่งซ้ายเป็นของมณี ไม่มีใครกล้าแย่งที่นั่งของเธอแม้ว่าเธอจะเดินเข้าไปกินอาหารอยู่ในครัว

“เรื่องมันยาว”

“เล่าได้ กูมีเวลาทั้งคืน” อยากตบหัวเพื่อนตัวดี ทั้งที่มันไม่สมควรทำก็ตาม

“ผมทำน้ำหกใส่เสื้อผ้าพี่พีเองแหละพี่แจ็ก แฮ่ๆ ไม่ได้ตั้งใจ...” นั่นไงแววตาเจ้าเล่ พีระพลเผลอเห็นมันเข้าอีกแล้ว

“เหรอ...อ๋อ แบบนี้นี่เอง ดีนะเนี่ยที่พีไม่มีงาน ไม่งั้นมึงแย่แน่” พีระพลหยักหน้า เขาเลือกที่จะไม่สงสัยใคร่รู้ในตัวคน เพราะความสงสัยนั้นมันไปกระจุกรวมอยู่ที่หนังสือ

แจ็กขอตัวเดินเข้าไปในครัว ท่านขุนก็ตามเข้าไปด้วย ตอนแรกพีระพลไม่ได้สนใจเลยนะ แต่พอเห็นแจ็กเอาแขนพาดคอท่านขุนพากันเข้าไปในนั้นเขาก็อดมองตามไม่ได้ แอบไม่พอใจนิดๆ สิ่งที่แวบเข้ามาคืออยากให้แจ็กเอาแขนนั้นออกไปจากคอท่านขุน...

อ่า...นี่เขาหึงเหรอ

เป็นอีกครั้งที่พีระพลต้องนวดขมับตัวเองเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังโลดแล่นอยู่ในหัว เขาสั่งให้ตัวเองกลับมาสนใจหนังสือที่อยู่ในมือ กวาดสายตา ไล่อ่านและทำความเข้าใจกับมันอย่างกับมันเป็นหนังสือเตรียมสอบ ที่จริงในหนังสือเนี่ยไม่มีอะไรที่เข้าใจยากเลย มันสรุปเนื้อหาทั้งหมดเอาไว้แล้ว แต่คนอ่านมันไม่มีสมาธิเอง สุดท้ายพีระพลก็วางหนังสือแล้วเดินตามเข้าไปในครัว

“ออกมาจากโลกของมึงได้แล้วหรอครับเพื่อน” แจ็กกำลังยกกระป๋องเบียร์ดื่ม ท่านขุนก็ด้วย

“สักป๋องไหมพี่” แต่วันเลย...พีระพลอยากบอกแบบนั้น แต่ก็พยยักหน้ารับ ท่านขุนจึงเดินไปเอากระป๋องเย็นเฉียบมาจากตู้แช่ เปิดพร้อมดื่ม

“ขอบคุณนะ ว่าแต่มึงทำไมมาเร็ว…” รับเบียร์มาดื่มบ้างแล้วจึงหันไปถามเพื่อนข้างกาย

“เอ้า กูว่างบ้างไม่ได้ไงล่ะ ขนาดงานมึงยังไม่มีเลย” มันคนละส่วนกันนี่วะ เขาเป็นนักวิเคราะห์เคมีไม่ใช่ผู้จัดการอย่างมัน แจ็กคล้องคอพีระพลพลางดึงให้เข้ามาใกล้

“กูเพิ่งเที่ยวกับสาวเสร็จเลยขี้เกียจทำงาน แวะเข้ามาหาไอ้ขุนดื่มเบียร์เย็นๆ ที่นี่ดีกว่าน่ะนะ แล้วงานขุนอะ เหลือเยอะปะ” ท่านขุนส่ายหน้า

“ไม่อะพี่ เคลียร์จนจะหมดแล้ว พวกพี่ก็นั่งดื่มกันไปก่อนเลย เดี๋ยวให้จิมมันคอยเสิร์ฟ แม่งนั่งว่างมาทั้งวัน” แจ็กหัวเราะ จิมมันก็แบบนี้ งานมีมันก็ไม่ค่อยทำ แต่ท่านขุนก็ยังเลี้ยงดูมันเอาไว้ดีกว่าปล่อยมันไปเสียคนที่อื่น

“งั้นปะ มึงกับกูไปนั่งดื่มกันสองต่อสองดีกว่า…” คำพูดนั้นมีไว้เพื่อหยอกเจ้าของร้าน แต่พีระพลไม่รู้ เขาคิ้วขมวดหน่อยๆ กับคำสองแง่สองง่าม...

“เป็นไปได้ก็อยากไม่อยากกินกับมึงสองต่อสองนะ”

“ไรวะ มึงเคืองกูหรือไง น้องมันก็น่ารักดี…น่าสนใจอยู่นะ หรือมึงไม่คิดแบบนั้น” แจ็กกระซิบกระซาบส่วนหลังให้เพื่อนตนเองได้ยิน ทั้งที่จริงแล้วท่านขุนพอรู้เหมือนกัน

“มันคนละส่วนกัน” ว่าจบพีระพลก็เดินมาแตะไหล่ท่านขุนเบาๆ เป็นเชิงให้เดินไปด้วยกัน เขามีนิสัยแบบนี้ ไม่กล้าจับมือหรือโอบไหล่อย่างที่แจ็กทำหรอก

“อ่าว...ถึงมันจะคนละส่วนแต่กูก็มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้นนะเว้ย” แจ็กตามหลังออกมา ส่งเสียงประท้วงหาความเป็นธรรมให้กับความชงแล้วชงอีกของเขา อยากให้พีระพลสำนึกเสียหน่อยว่าหากเขาไม่เปิดทางขนาดนี้ สองคนนี้ก็ไม่มีทางได้ใกล้ชิดกัน ถึงแม้จะยังไม่ลงเอยก็เหอะ

‘วางยาแล้วให้ไอ้ขุนปล้ำแม่งซะดีมั้ง...’

เพราะรักเพื่อนนะเลยคิดอะไรเลวๆ แบบนี้ออกมา แจ็กรู้ดี พีระพลเป็นคนแบบไหน ขนาดจีบเขายังแทบไม่แตะต้องเนื้อตัวเขาเลย พ่อแม่สอนให้รู้จักให้เกียรติคนรัก สอนอย่างกับคนรักมันเป็นผู้หญิง อย่าล่วงเกินเธอนะ อย่าชิงสุกก่อนห่ามนะ เป็นผู้ชายต้องเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม ต้องสุภาพอ่อนโยนกับเธอ...โอ้ย นี่ยุคไหนแล้ว พีระพลก็รู้ แต่มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว

ตอนแจ็กรู้เรื่องแฟนหนุ่มสุดหล่อของพีระพล ไอ้คนล่าสุดนั่นน่ะ...แจ็กฟันธงเลยว่าพีระพลไม่ทำการบ้านเขาก็เลยทิ้งมัน อีกฝ่ายอยากใช้ชีวิตร่วมด้วยก่อน ไอ้นี่อยากแต่งงานก่อน ความเห็นสวนทางกันแต่พีระพลก็ยอมลงให้ ตามใจแฟน แต่ตามใจขนาดไหนมันขัดกันก็คือขัดกันแหละวะ...

ดีไม่ดี เรื่องบนเตียงแม่งคงจืดชืดมากด้วย...คิดแล้วเครียดแทนไอ้ขุน

มณีประจำการณ์ที่เดิมเวลาบ่ายคล้อยอย่างนี้ เธอทอดสายตามองไปที่ท่านขุนกับผู้ชายร่างสูงใหญ่คนนั้น คนของเธอชวนอีกฝ่ายชนกระป๋องกันเบาๆ แล้วก็ขอตัวออกไปทำงานต่อนอกร้าน ต่างจากอีกฝ่ายที่นั่งลงข้างเธอ ตามมาติดๆ ด้วยผู้ชายเจ้าสำราญคนนั้นนั่งลงชิดพีระพล

“ม้าวววว” มณีเอาเท้าดันอีกฝ่ายให้ถอยออกไป ล้ำเส้นเธอมาหน่อยหนึ่งและเธอไม่ยอมหรอก

“นั่งหน่อยนะครับนะ...” ดูเจ้านี่พูด ไม่ได้ไง...ไม่ให้นั่งตรงนี้

“แง่วววว” มณีเอาเล็บตัวเองกรีดไปที่เนื้อผ้า

“เจ็บครับ ขยับก็ได้ ไอ้แจ็กถอยหน่อยดิ้”

“อะไรวะ มึงกลัวแมวหรือไง” พีระพลอยากบอกว่าตนไม่กลัว แค่ไม่อยากล้ำเส้นเธอ แต่แจ็กมันคงด่ากลับมาว่าปัญญาอ่อน เขาเลยเงียบเอาไว้

พีระพลวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะแล้วหยิบเอาหนังสือกลับมาอ่านต่อ แจ็กมองเขา ดูซิว่าเขาจะสนใจแต่หนังสือไปได้เท่าไหร่ แต่แจ็กคงลืมไปว่านี่เพื่อนเขาบ้าหนังสือขนาดไหน มันเป็นหนอนหนังสือมาตั้งแต่เด็กแล้วจะมานั่งวัดใจมันทำไมกันล่ะ

“เฮ้ย สนใจกูหน่อย”

“ไม่” สั้นง่ายได้ใจความ และเจ็บจี๊ดเข้ากระหม่อมของคนชวนคุย

“มึงอย่าใจร้ายกับกูสิวะเพื่อน กูถามจริงๆ นะ มึงสนใจท่านขุนบ้างปะวะ...” คำถามนั้นทำให้พีระพลแอบเหลือบสายตาไปมองด้านนอก ท่านขุนยืนเอาเท้าเขี่ยกล่องเครื่องให้หลบพ้นตัว ก่อนจะหยอบกายไปงัดแงะเครื่องรถต่อ

“อืม...”

“แค่เนี่ย...ถ้าน้องมันจีบมึงจะว่าไง” ก็ดีนะ เขาคิดพลางหันไปมองหน้าแจ็ก

“โสดมานานแล้ว ไม่คิดหาคู่ใจสักคนเหรอวะเพื่อน ท่านขุนป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยนะเว้ย” มันชงเขาอีกแล้ว

“ก่อนที่จะถามกู มึงควรถามเขาก่อนไหมวะ” นั่นแหละ แจ็กถึงได้ขำ...มึงมันความรู้สึกช้าหรือยังไง

“มึงโตมาขนาดนี้ได้ยังไง มีแฟนมาแล้วกี่คน เรื่องแค่นี้มึงดูไม่ออกเหรอวะ...” พีระพลนิ่งงัน ปกติคนเข้ามาก็บอกตรงๆ ว่าผมชอบคุณ เดตกับผมไหม...แบบนี้ เอาจริงๆ พีระพลไปมีแฟนครั้งแรกตอนทำงานอยู่ต่างประเทศ ตอนที่เขาอยู่ไทยเขาสนใจแต่เรื่องเรียน มุ่งเน้นไปทางนั้นจนไม่ได้ใส่ใจเรื่องความรักนัก ถึงเขาจะเป็นรักร่วมเพศ แต่เขาไม่ได้หมกมุ่นอะไรกับมัน

น่าอายไปหน่อยที่จะบอกว่า...เขาระบายอารมณ์กับวิดีโอโป๊หรือภาพเปลือยเสียมากกว่าคนจริง

“...” พีระพลไม่ได้ตอบอะไรแจ็ก เขาก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไปทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาแทบอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย

เบียร์ถูกจิมเอามาเติมอยู่เรื่อยๆ หมดกระป๋องนี้ก็มีกระป๋องใหม่มาเสิร์ฟ ปกติพีระพลไม่ใช่คนดื่มเยอะ ถึงเคยดื่มแต่หัววันทว่าไม่กี่ชั่วโมงเขาก็เลิกดื่ม ส่วนใหญ่ไปดื่มในงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรแบบนั้นมากกว่า บางครั้งเขาจะเงยหน้ามองไปที่ท่านขุน เฝ้าดูอีกคนทำงานของตัวเองพลางดื่มเบียร์เย็นๆ ไปด้วย เขาดูมีความสุข...ดูสนุกกับสิ่งที่ได้ทำอยู่

พระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงช้าๆ พร้อมกับความมึนเบลอที่เพิ่มมากขึ้นทุกที พีระพลไม่รู้ตัวเลยว่าในกระป๋องเบียร์ของเขาถูเพื่อนซี้สั่งเติมบางสิ่งบางอย่างลงไปด้วย จากที่ไม่น่าเมามากก็เริ่มเมาเป็นทวีขึ้นทุกที ตาลายไปหมด ตัวหนังสือซ้อนกันไปซ้อนกันมา เขาอ่านมันไม่รู้เรื่องอีกแล้ว หนำซ้ำยังเผลอเท้ามือไปโดนมณีเข้าเต็มๆ ด้วยอีก

เจ้าเหมียวน้อยส่งเสียงร้องดัง มันตะกุยอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งความปรานี พีระพลตอบสนองได้ช้ามาก เขาตอบโต้มณีไม่ได้และหลบไม่ทัน แจ็กเองก็เอาแต่นั่งขำที่เพื่อนตัวเองโดนแมวฟัด ไม่ต่างกับโดนหมาฟัด ติดที่แมวสร้างรอยเล็บมากกว่ารอยฟันเท่านั้นเอง

“เฮ้ยๆ....มณีหยุดนะ” ท่านขุนเห็นจากข้างนอก เขารีบทิ้งงานเข้ามาคว้าตัวมณีน้อยเอาไว้ ซึ่งเธอยังคงส่งเสียงร้องฟ่อๆ ขู่พีระพลไม่ยอมหยุด

“พี่ไปทำเธอเจ็บเองแหละขุน” เขาพูดแบบไม่มีสติมากนัก ท่านขุนเห็นแล้วล่ะว่าพี่พีของขาดูเมามายแปลกๆ สายตาคมแต่กลมโตตวัดมองแจ็กตัวต้นเหตุทันที

“มันดื่มเองนะ” แจ็กขยับปากบอกเบาๆ ไม่ให้พีระพลรับรู้ ท่านขุนขยับปากตอบโต้ทันที

“เหรอ...” ก็รู้กันนี่นะ อย่ามาพูดเลยว่าพี่พีดื่มเอง ต่อให้ดื่มเองยังไงก็ไม่น่าดูเมาขนาดนี้หรอก

“จิมมาเอามณีไปหน่อย” ตอนนี้พี่พีของเขากำลังดูแผลที่เพิ่มขึ้นจากการข่วนของมณี ทางยาวหลายทางอาบไปด้วยเลือด เกือบสร่างแต่ก็ไม่สร่างเสียทีเดียว ท่านขุนนั่งลงแทนที่มณี ส่วนแจ็กลุกขึ้นทำทีเป็นเดินเข้าห้องน้ำ

“พี่พีเจ็บไหมครับ” พีระพลลหันไปมองสบตาท่านขุนพร้อมยิ้มน้อยๆ

“พี่ไม่เจ็บหรอก นิดเดียวเอง”

“แต่เลือดไหลเป็นทางแล้วพี่ ไปทำแผลเถอะ...” ท่านขุนตัดสินใจจูงมือพี่พีขึ้นไปที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง ชายสูงวัยกว่าเมาแล้ว...สติมีน้อยเกินกว่าที่จะคิดประมวลผลอะไรได้ จึงเดินตามไปพลางมองร่างเล็กเบื้องหน้า ต้นคอ...ที่โพล่ออกยั่วน้ำลายแปลกๆ นะ

….100%….

เอะอะก็ลากขึ้นห้องตลอดนะท่านขุน!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 04-03-2018 00:01:51
ท่านขุนเผด็จศึกพี่พีไปเลยจ้า :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 04-03-2018 09:35:34
ปล้ำเลยๆ  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ให้พี่พีปล้ำท่านขุนนะ   :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-03-2018 09:51:03
ปล้ำเลยจ้า 555555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 04-03-2018 12:19:20
จัดการได้เลย ท่านขุน ทางเราสนับสนุนเต็มที่
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-03-2018 19:06:04
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 5 *100%* 03-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-03-2018 22:20:13
คนของมณี เค้าพาเข้าห้องเองน้าาา

มณีไม่อยู่ด้วยยย ทางสะดวกเลยเจ้าาาา
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 07-03-2018 00:14:56
>….ตอนที่ 6 [100%]….<

ท่านขุนให้พีระพลนั่งลงบนที่นอน จากนั้นเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเอากล่องปฐมพยาบาลที่เขาเก็บเอาไว้ในนี้ออกมา จากนั้นนั่งลงข้างกายพีระพล คว้าแขนแข็งแรงแต่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมาประคอง ค่อยๆ จัดการล้างบาดแผลเหล่านั้นเบาๆ ด้วยน้ำเกลือที่ไม่ทำให้แสบ

ระหว่างที่ท่านขุนตั้งใจทำแผลให้ พีระพลก็ลอบมองใบหน้าของท่านขุน ตาเขาพล่าเบลอไปหมด มองไม่ชัดยิ่งกว่าถอดแว่นออก ดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามในการเฝ้ามองสีหน้าอีกฝ่าย ท่านขุนกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยยามที่ตั้งใจบรรจงทายาแดง พีระพลไม่เจ็บเลย...เขาชาไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“เสร็จแล้ว ผมขอโทษแทนมณีด้วย มันทำร้ายพี่พีอีกแล้ว...เจ็บตัวตลอดเลยพี่พีอะ” นั่งใกล้กันมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากันอย่างบังเอิญ

“มณีหวงท่านขุนมั้ง”

“ผมไม่มีอะไรให้น่าหวงเลย มณีหวงอาหารมากกว่า...” พีระพลหัวเราะ

“คงงั้น” ท่านขุนเอาอุปกรณ์ทำแผลเก็บเข้าที่เดิม เขาเอามันวางไว้ที่พื้นก่อนโดยไม่ยอมลุกไปไหน

เอาจริงๆ เลยนะ...เอาแบบไม่ต้องสร้างภาพกันเลย ตอนนี้คือโอกาสที่ดีของท่านขุนและท่านขุนจะไม่ยอมปล่อยพี่พีคนดีคนนี้หลุดมือไป เวลาพี่พีเมา ตาพี่พีนั้นฉ่ำหวานมาก เขาชอบมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอแล้วล่ะ ดังนั้นครั้งก่อนเขาจึงไม่ลังเลที่จะลากพี่พีขึ้นมาเพื่อจะทำร้ายร่างกายพี่พี

ตอนนี้ทั้งห้องมีแค่เขาสองคน...มณีโดนจับขังไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีก้างมาขวางคอ พี่พีก็เมา นี่...ไม่คว้าโอกาสนี้แล้วจะต้องรอไปอีกเมื่อไหร่ ข้อเสียของท่านขุนคือทำอะไรตามอารมณ์ของตัวเองไปหน่อย เขาใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่าเหตุผลหรือแม้แต่การคาดการณ์ว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

ผิดกับพี่พี...พี่พีคิดมาก พี่คิดแบบที่ผู้ใหญ่มักคิดกัน เราทำแบบนี้ต่อไปจะเป็นยังไง ทำแบบนี้ผลของมันจะออกมาในรูปแบบไหน พี่พีเป็นนักวิเคราะห์ เพราะงั้นไม่น่าแปลกถ้าพี่พีจะเป็นคนคิดมากก่อนลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

ท่านขุนอยากให้พี่พีใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผลในตอนนี้...เหมือนที่เขากำลังจะใช้มัน

“พี่พีรังเกียจผมไหม...” ท่านขุนเอ่ยถาม แอร์เย็นฉ่ำไม่สามารถห้ามหยาดเหงื่อแห่งความตื่นเต้นได้ พีระพลเมาแต่ท่านขุนไม่ได้เมาเลย เขาดื่มไปแค่สี่กระป๋อง แล้วสี่กระป๋องนั้นมันก็เป็นแค่ออเดิร์ฟสำหรับท่านขุนเท่านั้นเอง

“ไม่ ไม่พี่รังเกียจเรา...” หัวใจคนฟังระรัวขึ้น

“ถ้า...” เขาไม่กล้าพูด

“ถ้าอะไรครับ” พี่พีเร่งเร้าถามด้วยความอยากรู้

“ถ้าผมทำแบบนี้ล่ะ” แล้วเขาก็ขยับตัวเข้าใกล้พี่พีเพื่อเอาริมฝีปากตัวเองแนบลงไปบนริมฝีปากอีกฝ่าย...

พี่พีไม่กระถดหนีเขา กลับบดปากตอบโต้อีกต่างหาก มือใหญ่อันขาวนวลยกขึ้นจับเอวคอดของท่านขุนเบาๆ ไม่ได้ลงน้ำหนักแต่ก็ลูบไล้อยู่ในที เมื่อเห็นว่าพี่พีตอบสนอง ท่านขุนจึงค่อยๆ ส่งลิ้นตัวเองเข้าสู่โพรงปากอุ่นร้อนของอีกฝ่าย มือทั้งสองของท่านขุนลูบไล้อยู่ที่แผงอก กล้ามเนื้อหนั่นแน่นใต้เสื้อยืดนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านขุนยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

บางทีเขาควรลงไปมอมตัวเองก่อน...

“รังเกียจผมไหม” เกือบจะเอนกายลงที่นอนด้วยกันแล้ว แต่ท่านขุนละริมฝีปากออกก่อนเพื่อถาม

“ไม่ครับ” พี่พีตอบกลับ ดวงตาพี่พีเริ่มเคลือบไปด้วยอารมณ์ ท่านขุนรับรู้มันได้...

“แล้วถ้า...”

“ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่รังเกียจหรอก” กลายเป็นพี่พีที่ตอบกลับมาเสียเอง ตอนนี้แหละที่ท่านขุนรู้สึกว่าอาการเขินนั้นลามไล้ไปทั่วหน้าของเขา กลับกัน...พี่พีกำลังยิ้มเจ้าเล่แปลกๆ

“แต่พี่คิดว่าเราไม่ควรไปไกลกว่านี้หรอกนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน...พี่ว่ามันไม่เหมาะ” มาขนาดนี้ไม่มีคำว่าเหมาะแล้วล่ะ

ท่านขุนผลักร่างที่ใหญ่กว่าของพี่พีลงกับที่นอน จากนั้นเขาก็ขึ้นคร่อมทับร่างนั้นตามติดด้วยริมฝีปากบดขยี้ปากนุ่มนิ่มของพี่พี ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้าไปในเสื้อ สัมผัสกับเนื้อหนังร้อนฉ่าของคนด้านใต้ หัวใจพี่พีเต้นเร็วมาก...เร็วเหมือนของเขาเลย

“งั้นเรามาเป็นอะไรกันสิครับ” เขายังคงจูบเบาๆ แถวสันกรามพีระพล

“เป็นอะไรดีล่ะ...”

“เป็นแฟนผมไง” ดวงตาท่านขุนจริงจังมาก แม้เมาก็ยังรับรู้ได้

พีระพลแยกไม่ออกระหว่างความอยากและความถูกต้องอันเหมาะ อันควร ฝ่ามือลูบไล้อยู่แบบนี้เร้าอารมณ์ตัญหาของเขามากเกินไป จะว่าห่างหายกับมันไปนาน ความอดทนก็เลยต่ำคงไม่ผิดนัก เขาพยายามไล่จับมือของท่านขุนเอาไว้ไม่ให้ทำเขาเตลิดมากไปกว่านี้ แต่คนเมาจะไปไวเท่าคนสติดีได้ยังไง

เผลอแป๊บเดียว...เสื้อของท่านขุนที่พีระพลใส่อยู่ก็ถูกถลกขึ้น ท่านขุนรู้ว่าพี่พีกำลังคิดในแบบที่ผู้ใหญ่เขาคิด แต่เขาไม่อยากให้พี่พีใช้สมองมากในตอนนี้ เมื่อเสื้อเปิดโชว์เนื้อหนังขาวกระจ่าง ท่านขุนไม่ลังเลเลยที่จะโน้มกายเข้าไปจูบตั้งแต่ไหปลาร้าลามมาที่ยอดอก พี่พีของเขาสะดุ้งเฮือก วงแขนแข็งแรงโอบร่างท่านขุนเอาไว้ เรียวลิ้นสีชมพูสดตวัดไป ตวัดมา เรียกเลือดเรียกลมให้วิ่งพล่านอยู่ในร่างกายใหญ่

ความเป็นชายตื่นจากการหลับใหลอย่างช้าๆ มันค่อยๆ ดันหน้าท้องของท่านขุนเบาๆ โดยที่ท่านขุนเองก็รับรู้ แสงสลัวจากดวงอาทิตย์สีแดงด้านนอกทำให้บรรยากาศในห้องนี้ดูเป็นใจไปเสียหมด เรียกว่าอะไร...บรรยากาศน่าเสียตัวงั้นสิ

การได้มองชายที่ตนชอบในชุดตัวเองก็ว่าเร้าใจแล้วนะ ยิ่งได้เป็นคนถอดอีก...ก็ยิ่งเร้าใจเข้าไปใหญ่ บอกตามตรง ตอนนี้เอาช้างมาฉุดก็หยุดท่านขุนไม่ได้แล้วล่ะ หว่านเสน่ห์ลงในอาหารเที่ยงทุกวัน ยิ้มหวานรับการมาตลอด ทั้งยังคอยดูแลเทคแคร์ขนาดนี้...นี่ไม่รวมการทำน้ำหกราดร่างพี่พีเพื่อให้ได้ยลกายขาวสะอาดนี้อีก ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อการนี้...

จะว่าร้ายกาจก็ช่าง...อยากได้คนนี้แล้วเขาก็ต้องได้สิ

ท่านขุนลงลิ้นยอดอกฝั่งนี้แล้วก็ย้ายไปอีกฝั่ง เสียงพ่นลมหายใจของพี่พีดังอยู่เหนือหัวของเขา ทั้งที่แค่ลมหายใจกระเส่า แต่ท่านขุนกลับรู้สึกว่าตัวเองเมามายไปกับมันเสียแล้ว ขณะที่ปากครอบลงไปบนยอดอก ฝ่ามือของเขาก็เลื่อนลงไปด้านล่าง จุดกลางกายถูกตะปม บีบและนวดเบาๆ ก่อนซิปกางเกงจะถูกรูดลงอย่างช้าๆ

“อ่าขุน...” แค่เสียงเรียกก็เล่นเอาขนลุกซู่ไปหมดแล้ว

“ผมชอบพี่พีนะ” ท่านขุนจูบเบาๆ ลงต่ำไปเรื่อยๆ ผ่านชายโครงมาที่ลิ้นปี่และหน้าท้องเป็นลอนๆ เห็นแล้วใจเต้นระส่ำไปหมด หุ่นของพี่พี เชื่อเถอะ...เกย์คนใดได้เห็นก็อยากกินทั้งนั้นแหละ

“ผมชอบพี่พีมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วนะครับ...” ชั้นในสีดำของท่านขุนเอง มันค่อนข้างคับไปหน่อยเมื่อมันอยู่บนร่างของพี่พี เขาค่อยๆ งับขอบกางเกงนั้นแล้วรูดลงช้าๆ

ลมหายใจร้อนผ่าวของท่านขุนทำให้พีระพลตื่นตัวจนสามารถดีดผึ่งออกมาด้านนอกอย่างง่ายดาย เมื่อไม่มีอะไรขวางกั้นอิสระภาของพีน้อยอีกต่อไป พีระพลมองสบตากับท่านขุนผ่านแว่นไร้กรอบ หัวใจเต้นระรัวไปหมดเมื่ออีกฝ่ายกำลังทำสิ่งที่ลึกๆ เขาก็อยากให้ทำ

“ซี้ด...ขุน...อื้ม...” เรียวลิ้นนั้นตวัดผ่านส่วนปลายช้าๆ ราวกับจงใจยั่ว ท่านขุนชอบปฏิกิริยาของพี่พี...ชอบการตอบสนองกลับที่แทบจะเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้นเลย

เขาไม่ได้รังเกียจอะไรเลย ลงลิ้นเฉียวซ้ายทีขวาที ดูพี่พีนอนเสียวซาบซ่านอย่างสบายอารมณ์ การทำให้อีกฝ่ายมีความสุขมันก็คือส่วนส่วนหนึ่งของเซ็กส์เช่นกัน หลังเล่นลิ้นจนพอใจ ท่านขุนก็ครอบปากตัวเองกลืนกินความเป็นชายขนาดใหญ่ของพี่พี

ก็รู้ว่าพี่พีไม่ใช่ไทยแท้...แต่ลูกครึ่งก็ขนาดไม่เบาเลยนะ

เขากลืนกินมันทั้งหมดไม่ได้หรอก มากสุดแค่ครึ่งลำเท่านั้น พี่พีเอื้อมมือมาจับหัวของเขาเอาไว้ ลูบเส้นผมสั้นๆ ของเขาราวกับพอใจในสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างมาก พี่พีอาจไม่ได้อู้วอ้าอะไร แต่แค่ลมหายใจถี่ๆ ก็ขยี้อารมณ์และความต้องการของท่านขุนจนกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว

ส่วนนั้นในปากกระตุกไปมาอยู่หลายครั้ง แม้แต่ร่างกายพี่พีก็ยังเกร็งเฮือกอยู่หลายหน แต่ไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดหมายปลายทางเลยแม้แต่นิด ท่านขุนอยากจะให้พี่พีเสร็จคาปากของเขา ก็มันถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่พี่กลับเอามือมาช้อนใต้คางของเขาเพื่อหยุดเอาไว้

“ขุน...พอแล้ว”

“แต่...พี่พียัง”

“ไม่เอา พอแล้วครับ” ไม่ว่าเปล่า พีระพลงัดเอาแรงที่ซ่อนอยู่ในตัวเองออกมาดึงท่านขุนจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน

พีระพลเป็นฝ่ายป้อนจูบรุนแรงและดุเดือดให้กับท่านขุนบ้าง จากรุกเขาในตอนแรก ตอนนี้โดนทำกลับ ท่านขุนสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก เขาเองก็อยากไม่ต่างจากอีกฝ่ายหรอก ท่านขุนปล่อยให้พี่พีสอดมือเข้ามาใต้เสื้อ ลูบไล้ร่างกายที่ไม่ได้ขาวกระจ่างแต่ก็เนียนละเอียดของตนเอง ลิ้นของพี่พีเกี่ยวลิ้นของเขาอยู่ในปาก ไม่ยอมปล่อยให้หนีไปไหนได้ เหมือนตัวเขาที่หมดแรงคาอกของพี่พี

พีระพลค่อยๆ สลับตำแหน่งกับท่านขุนช้าๆ โดยท่านขุนแทบไม่รู้ตัว คนตัวเล็กกว่าเอามือคล้องคอพีระพลเอาไว้ขณะปล่อยให้พีระพลเล่นกับร่างกายของตนเองอย่างสนุกมือ ตอนนี้สติพีระพลไม่มีแล้ว...มีแค่สัญชาตญาณ แล้วมันก็หลุดตอนที่ท่านขุนใช้ปากให้กับเขานั่นแหละ

“ท่านขุนทำให้มันเป็นแบบนี้เองนะ...” เหมือนบรรยากาสมันเปลี่ยนไปนิดหน่อย

พีระพลดึงแว่นสายตาของตนเองออก การหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อเพ่งมองทำให้ตาเขาดูดุขึ้นจากปกติที่ไม่เป็นแบบนั้น ทว่าในความดุดันมันก็เซ็กส์ซี่ไม่เบาเหมือนกัน

หัวใจท่านขุนระรัวขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้มาก เมื่อพีระพลโน้มกายเข้ามาประทับริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอของเขา มันค่อยเกิดเป็นความเสียวแปล๊บขึ้นและเจ็บจี๊ดนิดๆ จากการโดนดูด ฝ่ามือใหญ่จัดการถลกเสื้อยืดของเขาและปลดซิปกางเกงเขาอย่างรีบร้อน ท่านขุนเองก็ยินดีที่จะให้อีกฝ่ายทำตามใจต้องการ เพราะเขาอ่อนระทวยไปหมดจากการโดนดูดคอ

มาถึงขั้นนี้...ท่านขุนไม่คิดแล้วว่าใครจะต้องรุกและใครจะต้องรับ

เขาอาศัยช่วงเวลาที่พี่พีของเขาง่วนอยู่กับเลียผิวอ่อนคอเอื้อมไปหยิบเจลและถุงยางอนามัยจากโต๊ะข้างเตียง พี่พีเอาขาตัวเองถีบกางเกงท่านขุนซึ่งติดกับชั้นในให้พ้นตัว จากนั้นยืดกายตรง ดึงเสื้อท่านขุนออก ฝ่ามือที่ดูยังไงมันก็ไม่มีทางสากลูบไล้ตั้งแต่หน้าท้องน้องของเขาขึ้นมาที่ยอดอก ปลายนิ้วสะกิดเย้าหยออกเบาๆ เจ้าของร่างถึงกับสะดุ้งแล้วเกร็งเฮือกไปทั้งร่าง

“อื้อพี่พี...”

“ครับ” พี่พีขานตอบพลางเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ยอดอกสีคล้ำ

“อ้ะ..เสียวพี่” ฟันคมๆ ครูดสิ่งนูนเล็กๆ นั้นก่อนเป็นอย่างแรก ตามด้วยลิ้นเฉอะแฉะแลบเลียจนแผ่นอกนั้นเปื้อนน้ำลายสีใส พี่พี่ไม่ได้มีแต่ความอ่อนโยนให้ท่านขุน...แต่ยังมีความเร่าร้อนเจือปน คนทำระรัวลิ้นหนักๆ เข้าใส่ จนท่านขุนต้องแอ่นอกเข้าหา

ความเป็นชายเสียดสีกันอยู่ด้านล่าง เป็นพีระพลเองที่จงใจให้มันถูไถกันไปมาแบบนั้น พอท่านขุนขยับสะโพกหนีเขาก็ขยับสะโพกตาม จนร่างเล็กต้องกัดปากกลั้นเสียงครางเครือของตัวเองให้มันอยู่แค่ในลำคอ แต่นั้นก็คือความเร้าใจอย่างหนึ่ง...จะทำยังไงให้คู่นอนเราครางเหมือนแมวเวลาเคลิ้มได้

พีระพลอาจไม่เคยทำให้มณียอมสยบเขาได้เลย แต่เขาสามารถทำให้เจ้าของมณีนอนหอบใต้ร่างเขาได้อย่างง่ายดาย ถึงจะผ่านใครมาไม่มากนัก ถึงจะนอนกับใครมาไม่บ่อย แต่ของแบบนี้มันอยู่ในสัญชาตญาณมากกว่าความรู้เสียอีก

ขณะที่ท่านขุนนอนหอบตัวโยน เกือบจะถึงจุดหมายปลายทางเพียงแค่พีระพลเล่นยอดอกและเอาส่วนนั้นเสียดสี ร่างสูงก็ชะงักทุกอย่างลง เขาหันไปเอาหลอดเจลมาเปิดฝา ดันขาท่านขุนให้อ้าออกพลางเคลื่อนกายเข้าแทรกกลาง จากนั้นเทเจลลงไปที่ช่องทางนั้นหลังแล้วเอานิ้วตนเองถูไปมาเบาๆ

“อื้อพี่พี...”

“ครับ...” เมื่อท่านขุนเอ่ยชื่อ พีระพลขานตอบ นิ้วของเขาค่อนๆ เคลื่อนเข้าสู่ร่างท่านขุนช้าๆ ข้างในนั้นอุ่นร้อนและฝืดฝืนเอาการ แต่พีระพลก็ไม่ดึงดันจะสอดเข้าไปแบบดิบเถื่อน

เขาค่อยๆ ดูอารมณ์ของอีกฝ่ายว่าพร้อมรับนิ้วของเขาได้มากแค่ไหน ฝืดเกินไปก็เทเจลเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อให้มันคล่องตัวยิ่งขึ้น ไม่นานนักนิ้วของพีระพลก็สามารถเข้าไปในร่างท่านขุนได้สุด เขาเริ่มขยับเบาๆ พลางใช้อีกมือชักรูดความเป็นชายของท่านขุนเพื่อรักษาระดับอารมณ์

พี่พีไม่ได้อ่อนเหมือนที่เห็นภายนอกเลย...

เรียวแขนเล็กแต่แข็งแรงของคนด้านใต้เอื้อมมาคล้องคอของพีระพลเอาไว้ ข้างในเริ่มอ่อนนุ่มพีระพลก็สอดใส่นิ้วที่สองและสามตามเข้าไปเป็นลำดับขั้น ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปข้างช้าๆ แต่หนักแน่น ท่านขุนเสียวซ่านนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ท่าทางเป็นธรรมชาติของเขาเร้าใจพีระพลอย่างที่สุด ราวกับจะทนไม่ไหว ในเมื่ออ่อนนุ่มแล้วพีระพลก็ไม่รีรอที่จะแกะถุงยางออกมาสวมความเป็นชายของตัวเอง

“พี่เข้าไปนะ...” เสียงนั้นกระเส่ามาก มันดังอยู่ข้างหูของเขา คนไม่เมามองหน้าคนเมาที่แสนจะเซ็กส์ซี่ก่อนจะจูบที่มุมปากของอีกฝ่าย

“เข้ามาสิพี่พี…” เหมือนได้รับยคำสั่งให้เดินหน้าเต็มกำลัง พีระพลจับความเป็นชายจ่อเข้าไปในช่องทางนั้นก่อนจะกดเบาๆ

“อื้ม...พี่พี...พี่...พี”

“ครับ...อื้อขุน” ลำบากเล็กน้อย ท่านขุนเองก็ไม่ได้มีอะไรกับใครมานาน ดังนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บเสียดเล็กน้อยกับความใหญ่โตเกินชายไทยของพี่พี แหงสิ...พี่พีเป็นลูกครึ่งนะ

พีระพลใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ทั้งที่เมามายและเกิดความต้องการสูง แต่ก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ความอดทนที่เขาใช้เหมือนเขาใช้ความอดทนทั้งชีวิตเพื่อจะเข้าไปในร่างกายเล็กกว่าของท่านขุน ปล่อยให้ส่วนนั้นปรับตัวและดูดกลืน ทว่าแรงตอดรัดหนักๆ นั้นก็ทำให้ทุกอย่างดูยากเย็นเสียเหลือเกิน

“อื้อ...ขุนตอดพี่แรงมากเลยครับ”

“อ๊ะ...พี่พี...พี่พี...” รู้สึกดี...พีระพลกำลังรู้สึกดีที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาซ้ำๆ อยู่แบบนั้น

“อ่า...” เข้าไปจนสุดลำได้ พีระพลแช่คาเอาไว้พลางมอบจูบอันเร่าร้อนให้กับท่านขุนเพื่อปลอบประโลม

ใช้เวลาเกือบนาที กว่าท่านขุนจะเริ่มปรับตัวได้และตอดรัดความเป็นชายของพีระพลเพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มเคลื่อนไหวกาย ด้านนอกมืดหมดแล้ว ไฟในห้องไม่ได้เปิด มีแค่แอร์ที่ทำงาน และร่างกายของคนสองคนสอดประสานกันอยู่ในความมืด พีระพลเห็นหน้าท่านขุนได้ชัดต่อเมื่อเขาเข้าใกล้ตอนจูบ ดังนั้น ใบหน้าของพีระพลจึงอยู่ไม่ห่างท่านขุนเลย นอกจากจูบหนักๆ และลิ้นเป็นพัลวัลแล้ว ช่วงล่างของพี่พีทำให้ท่านขุนเสียวซ่านเกินบรรยาย

“พี่พี..พี่พีเบาหน่อย…อ๊ะ...ผมจะไปแล้ว” ทั้งที่เพิ่งเริ่ม แต่เพราะพีระพลเล่นกับร่างกายของท่านขุนจนฉ่ำอามรมณ์ไปหมด เมื่อแก่นกายเข้ามาในร่างและเร้าจุดนั้นซ้ำๆ เขาก็เริ่มทนไม่ไหว เอื้อมมือไปจับของตัวเองแล้วชักนำมันไปในจังหวะเดียวกับการเคลื่อนสะโพก

“ปล่อยออกมาสิครับ อื้ม...ปล่อยออกมาเลย” ว่าแล้วพีระพลก็เลียตติ่งหูเล็กอย่างเอาอกเอาใจ เขากระแทกกระทั้นเข้าไปหนักๆ เพื่อให้ท่านขุนได้ปลดปล่อยหยาดความต้องการออกมา

“อ๊ะ...ซี้ด...พี่พี...พี่...พี่พีอึ้ก” ร่างกายเล็กกว่ากำลังเกร็งสะท้าน เสียงหอบหายใจหนักและกระเส่าก้องกังวานอยู่ในหู หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นแสนอุ่นกำลังพุ่งออกมาราวกับมันได้ค้นหาทางออกเจอเสียที

“น้ำขุนเยอะเลย” พีระพลเอามือไปลูบไล้น้ำเหล่านั้นบนหน้าท้องท่านขุนจนเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด

“พี่พีอย่าเล่นสิ...มันสกปรก”

“มันเพิ่งออกมาจะสกปรกได้ยังไงล่ะ” ไม่ว่าเปล่า พีระพลเอามือที่มีน้ำนั้นเปื้อนอยู่เข้าปากตัวเอง

ภาพนี้ตรึงตาท่านขุนเกินกว่าจะหาคำพูดไหนมาบอกเล่า เขาเขิน...แต่เขาไม่มีที่ให้มุดหน้าหนี รอยยิ้มแบบเบดกายนั้นถูกส่งมาให้เขาที่นอนหอบหน้าแดงระเรื่อ พี่พีเริ่มเคลื่อนไหวสะโพกของตัวเองอีกครั้ง ข้อเท้าทั้งสองข้างของท่านขุนถูกพีระพลดึงขึ้นสูง เสียงเนื้อที่กระทบกันได้ดีขึ้นบอกกับเขาว่าส่วนนั้นเข้ามาสุดความยาวของมันอย่างแท้จริง

“พี่พีผมเสียว...”

“อื้อพี่ก็เสียวครับ” พีระพลเร่งจังหวะ...เขาเองก็อยากจะไปถึงจุดหมายปลายทางบ้างเหมือนกัน แต่ที่มันนานแบบนี้อาจเพราะเขาดื่มมันเข้าไป

ท่านขุนต้องรองรับความซาบซ่านนั้นอยู่อีกพักใหญ่ ร่างกายไถลขึ้นลงกับที่นอนจนผ้าปูยับยู่ยี่ไปหมด เสียงพ่นลมหายใจปนครางเบาๆ ของพี่พีอยู่เหนือหัวของเขา...นั่นทำให้เขามีความสุข ความเป็นชายเข้ามาในร่างกระชั้นขึ้นอีก...กระชั้นจนท่านขุนรู้สึกอยากจะถึงจุดหมายปลายทางอีกรอบ เขาเอื้อมมือไปเร่งเร้าตัวเองหวังตามพี่พีไปยังเส้นชัยด้วย

“ซี้ด...อึ้กอ่า...”

“อื้อ...พี่พี” แล้วท่านขุนก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาสามารถปลดปล่อยได้พร้อมกับที่พีระพลถึงจุดหมายอย่างรุนแรง

….100%….

ตั้งใจจะอัปตั้งแต่หัวค่ำแต่เราหลับค่ะ =_= เอาเป็นว่า…เรามาเขินยามดึกกันเถอะ~!!!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-03-2018 01:01:26
 :z1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-03-2018 02:35:35
โอะโอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 07-03-2018 07:05:56
แม่มณีพลาดแล้ว นี้แฟนเก่าขุนนี้ยังไง เชียร์ไห้แฟนเก่าขุนเ็นรับจะปิดมั้ยยยยยย55555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-03-2018 08:01:51
ฟินแลนด์
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-03-2018 10:27:08
อื้อหือ แซ่บทิ้งมาดหนุ่มสุขมเลยพี่

แม่มณี ทาสเทอโดนกินเรียบร้อยยย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 07-03-2018 12:50:37
พี่พีเซ็กซี่แบบร้ายกาจมากกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 08-03-2018 15:30:19
โง้ยยยยยยยยยยยยยอ่านรวดเดียวจบบอกเลยว่าฟินมากกกก :pighaun:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 6 *100%* 07-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-03-2018 19:48:01
วรั๊ย :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 7 *100%* 09-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 09-03-2018 20:58:15
>….ตอนที่ 7 [100%]….<

ความเครียดนี่มันอะไรกัน...

พีระพลเอาแว่นสายตามาใส่หลังตื่นนอน รู้แหละว่ามันโล่งแปลกๆ แถมยังจำภาพเมื่อคืนนี้ได้ดีอีก ถามว่าเมาไหมเขาก็ตอบว่าเมานั่นแหละ แต่ไม่ได้เมาขนาดจำอะไรไม่ได้ แล้วไอ้การใส่แว่นสายตามันก็เสือกทำให้เห็นความเป็นจริงชัดขึ้น

เขากุมขยับตัวเอง นวดและคลึงเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียดที่สุมอยู่ ไหนจะอาการเมาค้างนี่อีก ท่านขุนนอนคว่ำอยู่บนที่นอน ผ้าห่มคลุมกายช่วงล่างเอาไว้ ท่อนบนอยู่นอกผืนผ้า ผิวกายติดคล้ำของท่านขุนเต็มไปด้วยรอยแดง...ไม่ต้องอธิบาย เขารู้ มันเป็นเพราะเขาเอง ยิ่งตรงคอยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้น่าเกลียดแต่ชัดเจนว่าเขาเป็นคนทำมันเอาไว้ อารมณ์บ้าอารมณ์บออะไรของเขาก็ไม่รู้...

ตั้งใจเบนสายตาหนีร่างกายชวนคิดมาก กลับมาเจอเศษซากอารยธรรมบนพื้นห้องอีกมากมาย ขวดเจลใช้แล้ว ฝายังไม่ปิดจนเจลสีชมพูอ่อนไหลออกมากองอยู่ด้านนอก ซองถุงยาง...และถุงยางที่ยังมีน้ำของเขาอยู่

ตาย...ตายแล้วแบบนี้

พีระพลค้ำศอกทั้งสองลงที่เข่าตนเองก่อนซบหน้ากับฝ่ามือ คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดเป็นปมซ่อนอยู่ใต้เรียวนิ้วยาวขาวนวล เขาไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ไม่ชอบที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วเผลอลงมือทำสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ต่อให้ท่านขุนชอบเขา หรือเขาชอบท่านขุน แต่การเร่งรัดเอาร่างกายของกันและกันแบบนี้มัน...มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้สิวะ

ท่านขุนจะคิดยังไง...ท่านขุนจะหาว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือเปล่า มันเหมือนเราไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย อย่างน้อยๆ เราควรจะศึกษาดูใจกันไปก่อน อะไรๆ ลงตัวแล้วจะถึงขั้นนี้มันก็ไม่ยังไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่นี่...นี่มันมาตกลงเป็นอะไรกันแล้วเขาก็จับท่านขุนกดเนี่ยนะ

ลงโทษตัวเองเดี๋ยวนี้ไอ้พี!

“อืม...อะ...พี่พี” เขาสะดุ้งตัวเกือบลอยหมดมาดแล้วเมื่อกี้นี้ ตอนได้ยินเสียงครางเบาๆ ของท่านขุน ไม่กล้าหันไปมอง แต่ถ้าไม่หันไปมองมันก็จะน่าเกลียดไหม

“ครับ...”

“พี่พีเป็นอะไร ทำไมหน้าเครียดแบบนั้นละครับ” ท่านขุนขยับพลิกกายนอนตรง มีแอบเบ้หน้าเล็กน้อยซึ่งเขาคิดว่าท่านขุนน่าจะเจ็บแน่ๆ เลย

“คือ...” พูดไม่ออก ต้องพูดแบบไหนวะ เกิดมาสามสิบกว่าปียังเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลยให้ตายสิ

“พี่พีปวดหัวเหรอ แน่เลยใช่ไหม...” เขาพยักหน้า ยังหาคำพูดที่ควรพูดไม่ออกก็เลยต้องยอมรับอะไรไปสักอย่าง

“ครับ พี่เมาค้าง”

“ฮ่าๆ แหงล่ะ พี่พีเมามากเลยนี่เมื่อคืนน่ะ” รอยยิ้มบางๆ ของท่านขุนทำให้เขารู้สึกผิด อีกฝ่ายดูไม่โกรธไม่เคืองเลย...ท่านขุนเป็นคนดีแบบนี้เขาไปทำแบบนั้นกับท่านขุนได้ยังไงนะ

ท่านขุนขยับตัวซ้ายขวาเล็กน้อย บิดขี้เกียจอีกทีก่อนจะลุกขึ้นมานั่งโดยยังมีผ้าห่มคลุมท่อนล่างเปล่าเปลือยเอาไว้ ท่านขุนโอบร่างใหญ่ของพีระพลด้วยท่อนแขนอ่อนแรงผ่านลำคอ ศีรษะวางลงบนบ่ากว้าง ท่าทางเหมือนอ้อนกันแบบนี้ทำเอาพีระพลลืมเรื่องเครียดไปชั่วแวบ เขาลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหัวของท่านขุน

“พี่ขอโทษ...”

“พี่พีจะขอโทษทำไมล่ะ” ท่านขุนงยหน้าขึ้นมาถาม ระยะที่ใกล้ชิดทำให้ลมหายทั้งสองปะทะกันเบาๆ

“ก็พี่ทำร้ายขุน” เป็นท่านขุนเองเลิกคิ้วฉงน

“ทำร้าย บ้าเหอะ...มันเรียกว่าทำรัก”

“...” เป็นพีระพลที่พูดไม่ออกอีกเช่นเคย สมองของเขาบอกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง เขาไม่ควรรุกรานร่างกายท่านขุนทั้งที่เขาทั้งคู่เพิ่งขอเป็นแฟนกันแบบนั้น อีกทั้งเขายังใช้กำลังทำจนท่านขุนมีแต่ร่องรอยแดงเต็มตัวไปหมด

“พี่พีจำเรื่องเมื่อคืนได้ใช่ไหมครับ...” ท่านขุนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่เงียบ ทั้งยังมีความสับสนอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น

“ครับ”

“งั้นพี่ก็จำได้ว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว...” พีระพลพยักหน้า

“แต่พี่ว่ามันเร็วเกินไปที่พี่จะทำแบบนี้กับขุนนะ” ท่านขุนกระชับวงแขนแล้วซบหน้าลงกับไหล่อีกครั้ง

“ไม่เห็นเร็วเลย รักกันก็ต้องแสดงออกอะถูกแล้ว เสียก็แต่…พี่พีไม่ได้รักผม” คำนี้ทำเอาจุกขึ้นคอเหมือนกัน พีระพลยังไม่ชัดเจนกับตัวเองเลยว่าเขารักท่านขุนไหม ชอบอะใช่…แต่มันถึงขั้นว่ารักหรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ

บัดซบที่สุด...พีระพลอยากทึ้งหัวตัวเอง

“นั่นสิ พี่พีอาจจะไม่ได้รักผมก็ได้” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา ไม่มีความสุขเจืออยู่อีก กลายเป็นความกังวลและเสียใจ พีระพลไม่สามารถทนมองแววตาแบบนั้นของท่านขุนได้ เขาตัดสินใจรั้งต้นคอของอีกคนเข้ามาใกล้ก่อนจะจูบปากนั้นเบาๆ

“พี่รักขุน...เพราะพี่รักพี่ถึงอยากให้เกียรติขุน ไม่ใช่ทำเหมือนกันขุนเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์อย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้” โกหก...พีระพลโกหกท่านขุนเข้าเต็มเปา ยังหาความชัดเจนให้ตัวเองไม่ได้เลย แล้วคำว่ารักนั้นมันใช่ของจริงเสียที่ไหน

เขาแค่ไม่อยากทำให้ท่านขุนรู้สึกแย่...ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่าย เพราะร่างกายนี้เขาก็ได้มาครองแล้ว เราเป็นของกันและกันแล้ว อาจจะข้ามขั้นหลายอย่างแต่พีระพลก็จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

“จริงเหรอพี่”

“จริงสิครับ” เขาตอบย้ำชัดให้อีกฝ่ายเชื่อ แท้ที่จริงแล้ว...ย้ำเพื่อให้ตัวเองเชื่อต่างหากล่ะ ท่านขุนระบายยิ้มกว้างเต็มใบหน้า เขาจูบปากพีระพลอีกครั้งแล้วก็สวมกอดแน่นๆ

“ตอนแรกกลัวพี่พีรังเกียจผมแล้ว...”

“จะบ้าเหรอ พี่จะไปรังเกียจขุนได้ยังไง เราอย่าคิดมากนะ ขุนเป็นของพี่แล้ว...ยังไงพี่ก็จะรับผิดชอบท่านขุนเอง” พี่พีเป็นคนดี...ท่านขุนรู้ข้อนี้ และเขาใช้ข้อนี้ของพี่พีมาผูกมัดพี่พีนี่แหละ

ทั้งคู่กอดและปลอบกันอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ พีระพลตัดสินใจลุกไปอาบน้ำอาบท่าโดยให้ท่านขุนนอนพักผ่อนไปก่อน เดี๋ยววันนี้เขาจะทำอากหารให้ท่านขุนทานบ้าง หลังจากที่ท่านขุนเป็นฝ่ายทำให้เขามาโดยตลอด

มารู้ตัวอีกที...พีระพลก็ได้รับการดูแลจากท่านขุนมาสักระยะแล้วนี่นะ...

พีระพลใส่ชุดท่านขุนลงมาข้างล่าง ร้านยังไม่เปิดและไม่เห็นใครเลยนอกจากมณีที่อยู่ในกรงของเธอ ขนาดใหญ่แต่มันก็กักอิสรภาพ พีระพลตัดสินใจเปิดกรงให้มณีออกมาข้างนอก ทว่าครั้งนี้เธอไม่เป็นมิตรยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทันทีที่ออกมาจากกรง มณีกระโจนเข้าใส่พีระพลพร้อมกับเอาร่างกายเขาเป็นที่ระบายอารมณ์ฉุนเฉียว

ก็เพราะเจ้านี่...มณีถึงต้องโดนขัง

แล้วก็เพราะเจ้านี่อีก...ท่านขุนถึงไม่ลงมาดูดำดูดีเธอ

เพราะงั้น...เจ้านี่แหละคือคนผิด!

พีระพลพยายามดึงตัวมณีออกให้พ้นจากตัวเอง แต่ถึงแบบนั้นทั้งมือและเท้าของเธอก็ยังเฉี่ยวแขนและเสื้อยืดอยู่ดี เมื่อวานก็เจ็บ วันนี้เจ็บยิ่งกว่า พีระพลคิดว่า...นี่ไง...บทลงโทษของคนชิงสุกก่อนห่าม

“เจ็บแล้วครับมณี ขอโทษๆ...พี่ไปหาอะไรให้มณีกินนะ” เขารีบอ้อนมณีน้อยด้วยน้ำเสียงสุภาพที่สุดแล้ววางมณีลงที่พื้น แต่มณีไม่ยอมง่ายดาย เธอตรงเข้าไปเข้งขาวๆ นั้นแล้วข่วนอย่างกับมันเป็นที่รับเล็บ

“แง่วๆ ม้าว...เหมี๊ยวววว” พีระพลแทบจะกระโดดตัวโยนเพราะมันเจ็บมาก เจ็บอย่างที่สุดของที่สุด ตอนนี้เลือดอาบไหลเต็มหน้าเข้งเขาไปหมดแล้ว

“โอ้ยๆ มณีเจ็บ...” เขาเอาขาตัวเองหลบ แต่มณีก็ไม่มีทีท่าจะถอยหนี

พีระพลช่างใจอยู่ครู่ เมื่อมณีอารมณ์ไม่ดีเสียทีเขาควรทำอย่างไร เอาออกก็ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ไป จะตีก็ทำไม่ลง ดังนั้นเขาตัดสินใจเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นทั้งที่เสียงแมวน้อยยังคงดัง เธอตามเขาระยะประชิดมากๆ แล้วยังคงไล่กัด ไล่ข่วนเขาไม่เลิกอีกต่างหาก เจ็บแสนเจ็บ แต่ต้องยืนนิ่งแกะอาหารกระป๋องให้มณี

เจ็บกว่าแม่ตีก็มณีข่วนนี่แหละวะ!

พีระพลเอาชามอาหารสีสดสวยวางลงบนพื้นเบื้องหน้าแมวน้อย มณีชะงัก หันมองอาหารในชาม เธอโกรธเจ้านี่ แต่ก็หิว...กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่ไหมล่ะ ได้ เธอกินก่อนค่อยมาฆาตกรรมมนุษย์นี่ทีหลังก็ยังไม่เสียหาย มณีเบี่ยงความสนใจไปยังชามอาหารอย่างเสียดายขาขาวๆ อาบเลือดนั้น

 แผลเก่าตกสะเก็ดเล็กๆ บางแผลก็ยังไม่ตกสะเก็ด ตอนนี้...มีเพิ่ม เรียกว่าเพิ่มมาแบบนับไม่ถ้วน พีระพลได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับมณีและบาดแผลเหล่านั้น ตอนนี้ถ้ามองร่างกายเขาจริงๆ ไม่นับรอยเล็บของท่านขุนด้านหลังเขา มันก็จะมีแต่รอยเล็บของมณีเต็มไปหมด

ปกติมณีก็ไม่เป็นมิตรกับพีระพลอยู่แล้ว ยิ่งเขาเป็นต้นเหตุให้เธอโดนขัง เธอก็ยิ่งเกลียดขี้หน้าเขาไปใหญ่ พีระพลถอนใจ ไม่เคยเลี้ยงสัตว์ก็เลยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้เธอเชื่องกับเขาและเลิกทำร้ายเขาหนักหน่วงแบบนี้เสียที ทั้งแขน ทั้งมือและขา นี่มันยิ่งกว่าสมัยเขาเด็กน้อยวัยซนเสียอีก ตอนนั้นยังเป็นแผลแค่เข่าบ้าง ศอกบ้าง นี่หาที่ว่างยากเชียว...

พีระพลเอาน้ำไปเสิร์ฟมณีอีกชามก่อนไปล้างเลือดในห้องน้ำ จากนั้นกลับไปให้ความสนใจกับมื้อเช้าที่จะเตรียมให้ท่านขุนทาน ในตู้เย็นมีของสดอยู่เยอะ เขาเลือกเอาที่ตัวเองจะใช้แค่ไม่มาก กะว่าทำข้าวต้มง่ายๆ ก็คงจะดี ทั้งกับตัวเขาที่ยังแฮงก์และตัวท่านขุนที่รับศึกหนักไปเมื่อคืนนี้

“โอ้ย…” ยืนรอน้ำเดือดเพลินๆ มณีกินเสร็จแล้วเดินมาฝากรอยที่ขาอีกข้าง

“ม๊าวๆ...แง้ววว” ไม่รู้หรอกว่าพูดอะไร

“จ้า...เข้าใจแล้วจ้า” แต่พีระพลก็ขานรับขันแข็ง อะไรก็ได้ เลิกข่วนที เนื้อยุ่ยแล้วเนี่ย

“แม้วววว”

“จ้า” เธอหันหลังเดินออกจากครัว ไม่เหลืออาหารในชามแล้วนอกจากน้ำ พีระพลอยากจะปาดเหงื่อตัวเองด้วยความโล่งใจ มณีไปแล้ว สบายใจไปเปราะหนึ่งว่าจะไม่โดนข่วนอีกในตอนนี้

ระหว่างรอน้ำและข้าว พีระพลยืนพิงเคาน์เตอร์เลื่อนหน้าจอเฟซบุ๊กเล่น ส่วนใหญ่ที่เขาติดตามจะเป็นเพจของสำนักพิมพ์หรือพวกนักเขียนที่เขาชื่นชอบเป็นหลัก นอกนั้นก็จะเป็นเพจเกี่ยวกับข่าวบ้านข่าวเมืองต่างๆ ถึงจะรู้ว่าข่าวเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจรรโลงใจแต่ก็ต้องรู้เอาไว้บ้างไม่ใช่ละเลยมันจนไม่รู้เรื่องรู้เรื่องราวอะไรเลย ถึงตาจะมองหน้าจอแต่ในสมองของพีระพลตอนนี้กลับทำงานอย่างหนักเพราะท่านขุน

เข้าใจคำว่า...รักเริ่มจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

แต่ว่าแบบนี้ข้ามขั้นนั้นไปไกลจริงๆ ข้างในพีระพลค่อนข้างจะต่อต้านในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ใช่คนที่เสียหาย เขาเกรงใจท่านขุน...ห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง เป็นผู้ใหญ่แต่ทำตัวแบบนี้มันเหมาะสมหรือไงล่ะ...ไม่เลย นี่มันเหมือนคนไม่มีวุฒิภาวะเลยสักนิด อย่างกับเด็กวัยรุ่นที่ริรองมีรักครั้งแรกหรือเซ็กส์ครั้งแรกอย่างไงอย่างั้น

เสียงของท่านขุนดังลอยลงมาจากชั้นบน ดูเหมือนเจ้าของร้านกำลังปลุกลูกน้องผู้นอนกินบ้านกินเมืองจนไม่สนใจจะตื่นขึ้นมาเปิดร้าน บทโหดก็มีกับชาวบ้านเขาเหมือนกันเนาะ พีระพลคิดแบบนั้นขณะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตัวเอง เขาหันกลับไปดูน้ำและหม้อข้าวที่เสร็จแทบจะพร้อมๆ กัน ถอดปลั๊กหม้อข้าวออก หันไปเปิดฝาหม้อน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปก่อนจะเริ่มหั่นผักต่างๆ ท่าทางคล่องว่องไวบ่งบอกว่าพีระพลเองก็อยู่ด้วยตัวคนเดียวจนชำนาญ

ตอนอยู่ต่างประเทศ เขาหาอาหารที่ถูกปากยาก และจะไปหากินทุกมื้อมันก็น่าเบื่อเกินไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำอาหารทานเองโดยการโทรมาขอสูตรและวิธีการทำจากแม่ แรกๆ พีระพลตวงแทบทุกอย่างตามแม่บอก กว่าจะเริ่มทำเองโดยไม่ต้องตวงเครื่องปรุงกับวัตถุดิบก็ปาไปเกือบปี

“ขาพี่พี....” ไม่ทันหันไปหา ท่านขุนเดินเข้ามาใกล้ซ้ำยังย่อตัวลงไปดูแผลตรงหน้าแข้งเขาเสียแล้ว

“ไม่ต้องท่านขุน” พีระพลรีบร้องบอก เขาดึงท่านขุนให้ยืนขึ้น การก้มลงไปดูขาให้กันแบบนั้นมันดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เขารู้สึกแปลกๆ...มันไม่ชิน

“ฝีมือมณีอีกแล้วใช่ไหม จะตีเธอ...” ไม่ว่าเปล่า ท่านขุนเตรียมเดินออกไปด้านนอก แมวน้อยนอนอยู่บนโซฟาที่เดิม

“อย่านะขุน ถ้าขุนตีมณี มณีก็จะยิ่งไม่ชอบพี่เข้าไปอีกนะ” พูดอย่างกับแมวน้อยเป็นคน ไม่รู้สิ...พีระพลคิดว่าสัตว์ก็มีหัวใจเหมือนมนุษย์นั่นแหละ

“แต่มณีทำร้ายพี่พีอีกแล้วนะ พี่พีดูสิ แผลเต็มตัวพี่พีไม่หมดเลย ทั้งแขน มือแล้วก็ขา...โหย ไม่ไหวหรอก มณีดุแบบนี้ต้องสั่งสอนมณีบ้าง ปล่อยไว้แบบนี้เธอก็จะทำร้ายพี่พีอีก” ท่านขุนบ่นไม่พอใจ มันเป็นอารมณ์หนึ่งซึ่งพีระพลเข้าใจเด็กหนุ่มตรงหน้า

“สอนให้กลัวแทนที่จะสอนให้รัก...มันให้ผลลัพธ์ต่างกันนะครับ ขุนลองคิดสิ ถ้าเราสอนให้มณีรู้จักรักและถนอมผู้อื่น หรือมีไมตรีต่อผู้อื่นมันจะดีกว่าไหม...ไม่สร้างบาดแผลให้จิตใจเธอด้วยนะ”

“แต่พี่พี...มณีเป็นแค่แมว” ตอนนี้ท่านขุนหัวเสีย พีระพลยิ้มบาง เขาดึงมือท่านขุนมาลูบหวังให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

“แมวก็มีหัวใจนะครับ...มีหัวใจเหมือนกับคนทุกอย่าง เธอเพียงบอกเราไม่ได้ และเธอแสดงออกได้ในแบบของเธอเท่านั้นเอง พี่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับมณี เป็นคนที่เข้ามาในอณาเขตของเธอโดยที่เธอไม่สามารถเอ่ยบอกอนุญาตได้ ไม่แปลกนะที่เธอจะไม่พอใจไปบ้าง ไหนจะโดนดุ ไหนจะโดนขัง ไหนจะโดนแย่งความรัก...เป็นพี่ พี่ก็ไม่พอใจเหมือนกันนั่นแหละ” น้ำเสียงอ่อนโยนของพีระพลทำให้คนฟังเริ่มอ่อนลงบ้าง

“แต่ก็ควรลงโทษบ้าง” ท่านขุนเอ่ยเบาๆ

“โดนขังมาทั้งคืนก็เหมือนโดนลงโทษแล้วนะ ไม่เอาหน่า...รอกินข้าวเช้ากับพี่ดีกว่า” อยากขัดขืน...แต่ท่านขุนทำไม่ลง เขาลังเลอยู่ชั่วอึดใจ

“ก็ได้...พี่พีอะใจดีเกินไปนะครับ” ท่านขุนบีบมือที่กุมอยู่ของพีระพล

“ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบดิ” ไม่ชอบจะหลอกล่อให้มาหาทุกวันหรือไงล่ะ เห่อๆ...พูดไม่ได้

“ดีใจท่านขุนชอบนะขอรับ” เฮ้ ไม่เล่นบทแบบนี้สิ...ท่านขุนเกาจมูกตัวเองเล็กน้อย

“เล่นมุกก็เป็นนี่พี่”

“ก็เป็น แต่มุกไม่ฮามันพาเครียดน่ะนะ” เจ้าของร้านเริ่มยิ้มออก

“ไม่เห็นเครียดเลย พี่พีอะคิดไปเอง”

“งั้นเหรอ”

“ใช่สิ” พีระพลขำเบาๆ ท่านขุนเองก็เช่นกัน

น้ำเดือดแล้วเดือดอีก เกือบแห้งขอดไปแล้วหากคนริเริ่มตั้งน้ำไม่หันกลับมาสนใจใยดี ท่านขุนยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ช่วยมากนักนอกจากมองดูพี่พีสวมบทเป็นพ่อครัวประจำวันนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร...หยิบจับสิ่งใด ท่านขุนก็คิดว่าพี่พีน่ามองไปเสียหมด

ใช่สิ...คนรักทำอะไรก็น่าดูชมไปหมดนั่นแหละ!

ข้าวต้มร้อนๆ เสร็จโดยใช้เวลาแค่ไม่นาน พีระพลให้ท่านขุนไปนั่งรอขณะที่เขาตักใส่ชามแล้วเอาไปเสิร์ฟ เจ้าของร่างสูงผู้เป็นแขกไม่ลืมที่จะทำเผื่อเด็กในร้านอีกสองคน ที่น่าจะเข้ามากินมื้อเช้าต่อจากเขาทั้งคู่

คำแรกเข้าปากคือ...ร้อน เออ ท่านขุนลืมเป่าไปหน่อย อาการสะดุ้งโหยงของเขาทำให้พีระพลขำ คนโดนหัวเราะไม่เคือง อีกฝ่ายมีความสุขถือเป็นเรื่องดีแล้ว พีระพลหยิบน้ำเปล่าส่งมาให้เขาดื่ม พลางกำชับให้เขาเป่ามันก่อนจะใส่เข้าปาก ไม่งั้นลิ้นพองท่านขุนจะไม่สามารถรู้รสชาติของอาหารได้ ท่านขุนขานรับ ทำตามเคร่งครัดแล้วก็เริ่มชิมฝีมือพี่พี

พี่พีไม่ได้ทำอาหารเก่งขนาดนั้น ไม่ได้อร่อยเวอร์วังอย่างกับกินฝีมือเชฟระดับห้าดาว แต่ข้าวต้มหมูร้อนๆ ในสายวันนี้กลับอร่อยและทำให้ท่านขุนมีควาสุขได้ ยิ่งเครื่องเคียงคือพี่พีของเขา ก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะซัดให้หมดหม้อไม่ต้องเหลือให้ไอ้ลูกน้องสองคนนั้น แต่พี่พีจะมองเขาไม่ดี ดังนั้น..ท่านขุนก็ต้องเลยต้องมีน้ำอกน้ำใจเผื่อแผ่ในลูกน้องตาดำๆ ทั้งสองคนได้กินอาหารฝีมือพี่พีด้วย

หลังจากมื้อเช้าตอนสายโด่งผ่านไป พี่พีสั่งให้ท่านขุนพักผ่อนเสีย โดยร่างสูงขึ้นมาอยู่บนห้องเป็นเพื่อน จากเคยเทคแคร์พี่พี ตอนนี้กลายเป็นพี่พีที่ดูแลและแทคแคร์เขา มันดีนะ...มันดีจริงๆ ท่านขุนนอนมองตาพี่พีอยู่บนเตียงนอนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปู ดูยังไงก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เบื่อสายตาอ่อนโยนคู่นี้ นึกขอบคุณแฟนเก่าพี่พีเบาๆ...ขอบคุณที่ปล่อยผู้คนนี้มาถึงมือผมนะคร้าบ...

….100%….

ชิงสุกก่อนห่ามต้องโดนลงโทษด้วยกงเล็บพิฆาตของมณีน้อย~
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 7 *100%* 09-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 09-03-2018 21:47:57
พี่พีขาาาาาา  มาเป็นพ่อบ้านให้อิฉันเถอะค่ะ  ใจหล่อมากกกกก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 7 *100%* 09-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-03-2018 22:06:50
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 7 *100%* 09-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-03-2018 22:53:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 8 *100%* 12-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 12-03-2018 22:33:02
>….ตอนที่ 8 [100%]….<

“พี่แจ็ก!” หลังพี่พีกลับบ้านไปแล้ว ท่านขุนนั่งลงตรงโซฟายาวพลางต่อสายหาผู้ช่วยมือพระการ

(อะไรวะ จะโทรมาขอบคุณกูช้ะ…ไม่เป็นไรๆ เสาร์นี้พากูไปเที่ยวอ่างอบนวดด้วยแล้วกัน) แจ็กเดาออกอยู่ ก็วันนั้นมอมเพื่อนตัวเองกับมือ มันเมาขนาดนั้น โดนท่านขุนลากไปอีก โหย...ไม่ต้องคิดต่อเลย ถ้ามันไม่กินตับกัน พวกมันก็ไร้น้ำยาทั้งคู่

“ขอบคุณอะใช่ แต่เลี้ยงอ่างอบนวดอะไม่เว้ยพี่” ท่านขุนยิ้มกว้าง

(อะไรว้า…)

“ไม่ต้องมาอะไรวะอะไรเว้ยเลย ผมจะโทรมาบอกว่าขอบใจพี่มาก...ผมคบกับพี่พีแล้วนะ” พูดแล้วก็เขิน

(ต้องพูดว่ากินกันไปแล้วครับพี่แจ็ก) อีกฝ่ายเปลี่ยนรูปประโยคที่ท่านขุนควรพูดมาให้

“ฮ่าๆ เออ…กินกันแล้ว อร่อยมาก พอใจไหมล่ะพี่”

(อร่อยจริงอ๋อวะ ไม่ใช่ไอ้พีนอนนิ่งเป็นปลาตายเหรอ) ก็สงสัยมานานแล้วไง ว่าเพื่อนเนิร์ดของตัวเองอาจจะลีลาไม่ดีก็เลยไม่ค่อยมีใครเอา

“พี่อย่าพูดแบบนั้นดิ พี่พีไม่เบานะครับ” อยากบอกไม่เล็กด้วย ขนาดเท่านี้! ท่านขุนหัวเราะเบาๆ ให้กับความคิดตัวเอง

(เฮ้ยจริงดิ ท่าทางแบบนั้นไม่เบา...ไม่เบานี่คือขนาดตัวใช่ไหมล่ะ แหงดิ มันตัวใหญ่ มันจะเบาได้ยังไงวะ มึงต้องเล่นท่าในแนวราบเท่านั้น) เป็นคำแนะนำที่ดี แต่ถ้าได้ลองแนวอื่นมันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ

“พี่แจ็กดูถูกพี่พีเกินไปแล้วเว้ย พี่พีแกไม่ได้จืดชืดนะ...” พี่พีแซ่บมาก!

(พูดจริงปะเนี่ย)

“พี่จะเถียงคนลองอย่างผมเหรอไงล่ะ เอ้อ…ข้ามๆ เรื่องนี้ไปเหอะ ว่าแต่พี่แจ็กอะ มอมพี่พียังไงวะ ทำไมพี่พีดูเมาขนาดนั้น ไม่ได้กินเยอะสักหน่อย” อันนี้ท่านขุนสงสัยเองเป็นการส่วนตัว

(ให้ไอ้จิมแอบเอาเหล้าใส่ลงไปสองฝาทุกกระป๋อง) ความจริงถูกเปิดเผย ท่านขุนร้องอ๋อทันที

“เชี่ย เมาตายห่าเลยดิ”

(เออดิ เพื่อนกูหมดสภาพเลย แต่ช่างมัน...เสร็จมึงก็ดีแล้ว)

“พี่เชียร์จัง ถามจริง...อยากได้ลดราคาขนาดนั้นเลยอ๋อวะ” เจ้าของร้านเอื้อมไปคว้าตัวมณีน้อยมานอนตัก เขาไม่ได้ซีเรียสที่พี่แจ็กเห็นของดีกว่าเพื่อนหรอก เพราะมันเข้าทางเขาไง ถ้าไม่ได้พี่แจ็ก ป่านนี้อะไรๆ ก็คงยากลำบากน่าดู

(เปล่าหรอก มันโสดมานานแล้ววะ...ก็เลยอยากให้มันมีคู่บ้าง อยากให้มันมีคนดูแลอะไรแบบเนี่ย นี่กูเจ้ากี้เจ้าการไปปะวะ) เพิ่งมานึกได้เอาตอนนี้หรือยังไงนะ

“เออ เจ้ากี้เจ้าการมาก พี่พีรู้นะ พี่แจ็กคอขาด แล้วนี่…เราทำแบบนี้พี่พีแกจะไม่อึดอัดเหรอวะพี่” รู้ตัวว่าตนเองน่ะใช้วิธีการมากเล่ไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะตัวเองยังวัยรุ่นด้วยแหละ ก็เลยกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้

(ไม่อึดอัดแต่มันคงคิดมากอะ มึงลองนึกถึงผู้ชายหรือผู้หญิงในยุคสัก...อืม...กี่ปีดีวะ ห้าหกสิบปีก่อนเงี่ย ความคิดหรือการวางตัว ไอ้พีมันเป็นประมาณนั้นแหละ บ้านมันก็ผู้ดีเก่าอะนะ เขาก็สอนลูกเขาแบบ...เหมือนอยู่ในกรอบ ตอนเด็กๆ ไอ้พีนี่ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลย กลัวทำเธอเสียหาย กลัวผิดผี ยิ่งมารู้ตัวว่าชอบผู้ชาย...ที่นี้แม่งก็ไม่ค่อยเข้าใกล้ผู้ชายอีก โอ้ย...เครียดกับมันสมัยนั้นมาก เด็กใสๆ ซื่อๆ อะมึง...นี่มันดูเป็นมนุษย์ยุคนี้มากขึ้นเพราะว่ามันไปทำงานที่ต่างประเทศมาหลายปี ไม่งั้นมันก็ยังคงเป็นแบบเดิมมั้ง) ท่านขุนนึกภาพแบบนั้นไม่ค่อยออก แต่เขารู้สึกว่าตัวเองกับพี่พีค่อนข้างต่างกัน

“ผมกับพี่เขาต่างกันมากเลยเนอะ”

(เออ ต่าง...ไอ้พีเป็นสีขาว มึงอะแม่งสีรุ้ง เติมๆ สีสันให้ชีวิตแม่งบ้างก็น่าจะดี สามสิบสี่จะสามสิบห้าแล้ว...มันยังใช้ชีวิตอยู่แต่ในกรอบอยู่เลย) เรื่องนั้นท่านขุนไม่ค่อยรู้นัก เขาสัมผัสมันได้น้อยเพราะพี่พีมาที่นี่ก็แค่กินข้าวเที่ยง แต่เท่าที่ได้สัมผัสก็พอรู้ว่าพี่พีค่อยมีมารยาทแล้วก็ขี้เกรงใจมาก

“ไลฟ์สไตล์คนเรามันเปลี่ยนได้เหรอวะพี่”

(ไม่อะ มึงก็คงเปลี่ยนมันไม่ได้เหมือนมันเปลี่ยนมึงไม่ได้อะแหละ แต่ส่วนอื่นๆ มันก็น่าจะได้ปะวะ…ส่วนสิ่งนั้นมันจะคืออะไรอันนี้กูไม่รู้วะ)

“อืม...เคๆ” ท่านขุนยังคุยกับแจ็กเรื่องอื่นต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสายแล้วเดินอุ้มมณีไปเอาเบียร์เย็นๆ

วันนี้เขาไม่ได้ทำงานซ่อมรถ นอนเป็นหลักแล้วก็นั่งอยู่กับพี่พีทั้งวัน พี่พีเป็นคนที่อยู่เฉยๆ ได้ขอแค่มีหนังสือให้เขาอ่าน ส่วนท่านขุน...อยู่นิ่งไม่ได้เลย แค่นี้ก็ดูไปกันไม่รอดแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะเลิกชอบเพียงเพราะเราต่างกัน เขาพยายามเรียนรู้พี่พี เหมือนที่พีเองก็พยายามเรียนรู้เขาอยู่

ใช่สิ...วันนี้พีพีถามเรื่องเรียนของเขาด้วย เรานอนคุยกันอยู่บนที่นอน หลังท่านขุนตื่น พี่พีอาสาเปลี่ยนผ้าปูและเอาผ้าปูเปื้อนๆ นี้ไปซักให้ หลังจากนั้นก็มานอนคุยกัน พี่พีเรียนเอกชนตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ไม่เชิงบังคับเรียนแต่เขาตั้งใจเองว่าจะเป็นอะไรต่อในอนาคต พี่พีเป็นเด็กเนิร์ด เพื่อนน้อย ที่มีพี่แจ็กเป็นเพื่อนได้เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน พ่อแม่รู้จักกัน ซึ่งพ่อแม่พี่แจ็กก็ไม่ต่างจากพ่อแม่พี่พีมากนัก เพียงแค่เพื่อนคนนี้เลือกจะหนีออกจากกรอบเมื่อเขาโตพอจะคิดเอง ตัดสินใจและเลี้ยงตัวเองได้

พีระพลจบเคมีวิทยา คว้าปริญญามาได้ก็ได้รับโควตาไปทำงานอยู่ในแล็บวิจัยในอแมริกา ต่างกันมาก...ต่างกับท่านขุนมาก ท่านขุนเรียนจบแค่มอสาม จากนั้นไปต่อ ปวช. ปวส. แล้วก็เข้าเรียนคณะวิศวะกรรมในระดับมหาวิทยาลัยต่อ ตอนที่เรียนนั้นโคตรยาก...ไอ้เรียนกวิชาชีพเนี่ยมันไม่เน้นเรื่องวิชาหลักอย่างภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทหรือคณิตศาสตร์หนัก แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มันต้องเรียนไง เข้าไปแบบเราไม่ได้เรีนมามันก็เหมือนโง่งมคนเดียว

ตอนนั้นท่านขุนลำบากมาก จะไม่เข้ามหาลัยเลยถ้าพ่อไม่ได้บอกว่าอยากเปิดร้านกก็ต้องจบสาขานี้ให้ได้ก่อน ท่านขุนเอาเวลาว่างจากเรียน จากกิจกรรมของปีหนึ่งมาทำงานที่ร้านรุ่นพี่เพื่อหาเงินไปเรียนพิเศษวิชาหลักสี่วิชา ความลำบากของเด็กที่ไม่ได้เรียนสามัญมันอยู่ตรงนี้แหละหนา กว่าจะรอดมาเป็นไอ้ท่านขุนทุกวันนี้นี่เลือดตาแทบกระเด็นเลยทีเดียวเชียว

พี่พีเป็นผู้ฟังที่ดี ซ้ำยังเอ่ยชมเขาบ่อยๆ ว่าเขาเก่งมากที่สามารถเติบโตบนเส้นทางความฝันได้ถึงขนาดนี้ มันเป็นคำพูดที่สะกิดใจนิดหน่อย การที่พี่พีเรียนเอกเคมีนี่ไม่ได้หมายความว่าพี่พีชอบเคมีงั้นเหรอ ซึ่งพีระพลก็ตอบในส่วนนี้ว่าเขาชอบนะ...แต่เขาไม่เคยมีฝันแบบที่ท่านขุนฝัน

นั่นเป็นข้อเสียของเด็กในกรอบสินะ...

พีระพลทำผลการเรียนให้ดีเพื่อชดเชยที่เขาไม่สามารถเป็นผู้ชายธรรมดาได้ ไม่สามารถมีครอบครัว มีภรรยา มีลูกแบบที่ผู้ชายคนอื่นทำได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาหวังและหมั้นหมายให้เป็นไปคือการทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา และเพื่อให้เขาได้มีอนาคตรักในแบบที่เขาอยากมี ซึ่งพีระพลทำมันสำเร็จไปแล้ว...

ท่านขุนเห็นใจพี่พีของเขา แต่ก็ไม่รู้จะปลอบยังไง...พี่พีผ่านมันมาแล้ว และทุกวันนี้พี่พีก็มีความสุขดีอย่างที่พีเป็น

ถึงวิถีชีวิตจะต่างกันมาก...คนหนึ่งชอบอยู่นิ่งๆ แต่อีกคนชอบซนไปเรื่อย การนอนคุยกันที่คิดว่ามันจะน่าเบื่อ กลับไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด ท่านขุนมีเรื่องเล่าและวีรกรรมมากกว่าพี่พี เพราะว่าเขาเป็นเด็กแก่นๆ หัวโจกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เริ่มจากซิ่งจักรยานจนมามอเตอร์ไซก์แว้นๆ อย่างที่เด็กสมัยนี้เขาแว้นกัน มาเป็นบิ๊กไบก์ ทั้งเรื่องแต่งรถ ทั้งเรื่องรถล้ม สารพัดจะเล่า

ในความสุขก็มีความกังวลแหละ...เพราะต่างฝ่ายต่างกลัวอีกคนเบื่อ

ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ชอบที่ได้นอนคุยกันแบบนี้

ท่านขุนกระดกเบียร์พลางเดินขึ้นห้องพร้อมมณี วันนี้พีพีอยู่ด้วยทั้งวัน ท่านขุนแอบเอาไม้ไปกั้นประตูแมวกันมณีเข้ามาในห้องด้วย แต่พี่พีไม่รู้ ดังนั้นเมื่อพี่พีกลับไป ท่านขุนจึงต้องตามใจมณีน้อยทุกอย่าง ตั้งแต่แกะปลาแซลม่อนให้กิน ยันขนมอีกสองซองและก็ต้องมานั่งลูบคาง เกาหัวให้เธอมีความสุข ท่านขุนไม่คิดดุมณีแล้ว เรียกว่าลืมไปแล้วว่ามณีทำร้ายแฟนมาดๆ ของท่านขุนจนเลือดไหลเป็นทาง...
.
.
.
.
ท่านขุนอาจไม่คิดมากเรื่องความสัมพันที่เกิดขึ้นฉับไวเช่นนั้น แต่นั่นไม่ใช่กับพีระพล...เขาเครียด

“ทำไมต้องหน้าเครียดแบบนั้นวะ” แจ็กเอ่ยทักเพื่อนสนิทตัวเองหลังอีกฝ่ายเอาค่าเคมีมาส่งเขา

“ก็เครียด” พีระพลไม่รู้จะพูดยังไงให้เพื่อนตัวเองเข้าใจดีเหมือนกัน

“เรื่องไรวะ หรือแอบไปได้เสียกับใครมา” แจ็กพูดเข้าประเด็นดังฉึก แต่พีระพลก็ไม่ได้สะทกสะท้านเท่าไหร่ เขาตัดสินใจนั่งลงตรงหน้าเพื่อนตัวดี พลางมองหน้าเสมียนอีกคนซึ่งอยู่โต๊ะถัดไป เป็นการเชิญให้ออกจากห้องนี้ก่อนกลายๆ ดีที่เธอรู้ว่าเธอควรอยู่ตรงไหนในเวลานี้

“กูถามมึงจริงๆ นะแจ็ก...มึงจับคู่กูกับท่านขุนใช่ไหมวะ” หน้าตาจริงจังของพีระพลเป็นสิ่งที่แจ็กเห็นบ่อย ก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้น ไม่ใช่หน้าตาตอนโกรธนี่นา

“เอาเป็นว่ากูไม่ปฏิเสธแล้วกัน ก็น้องเขาชอบมึง...กูก็เห็นว่ามึงโสดมานานแล้ว ทำไมวะ หรือมึงไม่ได้ชอบน้องเขาเลย” แจ็กมีท่าทีสบายๆ เรื่องทำตัวเป็นคิวปิดนี่ครั้งแรกที่ทำ แล้วทำเพราะรักเพื่อนนะเนี่ยนะ

“เปล่าหรอก แค่อยากแน่ใจว่าใช่แบบที่คิด” เป็นคนอื่นเขาคิดได้ตั้งแล้วเพื่อน แจ็กอยากสวนออกไปแบบนี้ แต่...ไม่ เขายังมีอะไรให้เล่นอีก

“ทำไมวะ อย่าบอกนะที่มึงเครียดเนี่ยเพราะมึงไปจิ้มน้องมันมาแล้ว...หรือว่าที่เมาวันนั้น” จี้เข้าจุดพอดีเป๊ะราวกับจับวาง ก็ใช่ไง...รู้เรื่องดี แค่ไม่รู้ท่าที่เล่นกันเท่านั้นแหละแหม่

“อืม” แล้วพีระพลก็ยอมรับง่ายๆ เขาเครียดเรื่องนี้

“เอ้า มึงก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับน้องเขา แล้วมึงจะมาเครียดทำไมวะ หืม...มันหมดยุคที่ว่ารัก แต่งแล้วก็เข้าหอแล้วนะเว้ย” แจ็กคิดแบบนั้นมันไม่ผิด แต่พีระพลไม่ได้คิดอย่างนั้นเนี่ยแหละประเด็นเลย

“กูไม่ควรทำแบบนั้นลงไปอะ น้องเขาจะรู้สึกยังไงวะ...ดูกูเหมือนพวกแบบ เห็นแก่ได้มากเลยนะเว้ย น้องเขาบอกชอบแล้วกูก็จับเขากด เฮ้ย...ไม่เครียดกูทำไม่ได้จริงๆ วะ” สรุปพีระพลเป็นฝ่ายกดขุน อันนี้ช็อกคนฟังนิดหน่อย พอดีมันทั้งคู่แยกยากว่าใครจะกดใคร หุ่นก็ต่างแหละ...แต่ฝ่ายรับตัวใหญ่กว่ามีถมเถไปนี่นา

“ที่มึงเครียดเพราะมึงห่วงความรู้สึกน้องเขาใช่ปะ” พีระพลพยักหน้า

“ก็ใช่สิวะ กูไม่มีอะไรเสียหายนี่”

“แต่น้องมันก็ไม่ท้องนะมึง” เหมือนได้ยินเสียงว่าเออ...ก็จริง ดังขึ้นในหัว

“แต่มันก็ไม่ควรปะวะ” โอ้ย...เบื่อความหัวดื้อ หัวโบราญของเพื่อนตัวเอง

“ไอ้พี...กูไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดกับมึงเลยวะ รัก ให้เกียรติ เข้าใจ...แต่มึงจะมาคิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วทำไมวะ ตอนนี้มึงกับน้องเป็นแฟนกันถูกปะ...เออ แฟนกันจะอะไรๆ กันมันก็ปกติ ปล่อยวางบ้างมึงอะ ยึดติดเกินไป ถ้ามึงห่วงความรู้สึกไอ้ขุน มึงก็ไปถามน้องมัน...ไปคุยกับน้องมันตรงๆ เลิกเอากรอบ เหตุผล ความสมเหตุสมผลบ้ามาบอมากำหนดชีวิต นี่อายุเท่าไหร่แล้ว...เอาตัวเองกับความรู้สึกเป็นหลักบ้างเว้ย” แจ็กสวดยับ เข้าหูบ้าง...ทะลุหูบ้าง

พวกยึดติด...ก็คือพวกยึดติด ถ้าปล่อยวางได้มันจะไปเรียกว่ายึดติดยังไงล่ะ พีระพลยังคงคิ้วขมวดแม้คำพูดของแจ็กจะดีเลิศเลอขนาดไหน แล้วสิ่งที่แจ็กพูดก็ควรเป็นสิ่งที่พีระพลควรทำ แต่เขากลับมองว่าแค่นั้นไม่พอ...มันไม่พอจริงๆ ต่อการรับผิดชอบคนคนหนึ่ง เขาอยากทำอะไรให้มันถูกที่ถูกทาง

“กูว่า...กูไปคุยกับพ่อแม่น้องเขาดีไหมวะ” คนฟังแทบอ้าปากค้าง

“มึงฟังที่กูพูดไหม”

“กูฟัง แต่กูไม่สบายใจวะ...”

“มึงไปคุยแล้วยังไง มึงยังไม่เริ่มดูใจกันจริงจังเลย รักขนาดเอามาเป็นคู่ชีวิตแล้วหรือเปล่า...ก็ยัง เฮ้ย นี่กูไม่ได้ยุให้แตกนะ แต่ก็อย่างที่บอกอะมึง...มันข้ามขั้นไปหน่อย แต่ย้อนกลับไปดูใจกัน ใช้เวลาร่วมกันได้นะเว้ย อีกอย่าง…มึงลองนึกดูนะ เดินเข้าไปบอกพ่อแม่น้องมันว่ามึงได้กับน้องเขาแล้ว เลยอยากจะรับผิดชอบ…งี้อะนะ โอ้ย เป็นกู กูก็ไม่ยอมหรอก” พีระพลส่ายหน้ากับคำพูดของแจ็ก

“คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเข้าไปพูดอะไรแบบนั้นน่ะ” อ่าว...โดนด่าโง่วะ แจ็กเจ็บที่ใจจี๊ดๆ เดี๋ยวสั่งมณีฆ่าปาดคอเลย

“เอางี้...มึงสองคนดูใจกันไปก่อน วางความรู้สึกที่ว่ามันไม่ดีกับการมีอะไรกันทั้งที่เพิ่งบอกคบกันไว้ในแล็บของมึงก่อน แล้วหลังจากนี้จะเอายังไงต่อก็ค่อยว่ากัน ดีมะ...หรือถ้ามึงไม่สบายใจมากนัก มึงก็หาของไปบรรณาการท่านขุนมึงสิ จองตัวไว้ก่อน”

“เออ...เข้าท่า” ว่าจบ พีระพลก็ลุกขึ้น ตบบ่าเพื่อนสนิทสองทีก่อนเดินออกไป ทิ้งให้แจ็กสงสัยว่า...อะไรคือเข้าท่า?

แนะนำไปตั้งเยอะตั้งแยะ สรุปมันเอาส่วนไหนในคำแนะนำของเขาไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วที่มันจะรับผิดชอบท่านขุนเนี่ย...คือรักเขาแล้วจริงๆ ใช่ไหม เพื่อนคนนี้ไม่ค่อยได้แสดงอะไรให้เขาเห็น ไม่เคยชมท่านขุนอย่างนั้นอย่างนี้หรือเอามาพูดถึงเลย ดังนั้นอีกสิ่งที่แจ็กคิดก็คือมันรักท่านขุนจริงๆ ใช่ไหม แต่คิดอีกแง่ ถ้ามันไม่จริงจัง...มันจะคิดถึงการรับผิดชอบท่านขุนแบบนี้เหรอ ตอนแฟนเก่ายังไม่ขนาดนี้เลยนี่นา

แจ็กปล่อยวางเรื่องเพื่อนตัวเองเมื่อหัวหน้าแผนกเดินเข้ามาบอกว่าเครื่องโม่มีปัญหา...

เมื่อวานนี้พีระพลกับท่านขุนได้แลกเบอร์โทรศัพท์และไลน์กันเอาไว้เรียบร้อย ทั้งที่รู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้วแต่ก็เพิ่งจะแลกกัน ส่วนหนึ่งเพราะท่านขุนคิดว่าการไม่รุกล้ำอณาเขตมากเกินไป เว้นระยะให้เขาคิดถึงบ้างมันเป็นเรื่องดี แล้วก็เพราะเขาไม่ได้คิดว่าจะได้เสียกับพีระพลเร็วขนาดนี้เหมือนกันนั่นเอง

พีระพลส่งข้อความไปหาท่านขุนตอนสิบเอ็ดโมงเศษๆ ว่าอยากให้ออกมาเจอกันที่ห้างใกล้ๆ นี้ อยากชวนไปกินข้าวข้างนอกบ้าง แต่เขาไม่ได้บอกหรอกว่าเขาตั้งใจพาท่านขุนไปซื้ออะไรบางอย่าง อย่างน้อยๆ มันอาจจะทำให้เราทั้งคู่สบายใจ...

ก็แค่พีระพลเท่านั้นแหละที่คิดไปเองแบบนี้

หลังจากสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเมื่อวานนี้…คำถามที่เขาถามย้ำตัวเองบ่อยครั้งว่าเขารักท่านขุนไหม ตอนนี้เขาตอบได้ว่าเขาชอบท่านขุน มันอาจจะไม่ใช่ความรักแบบทุ่มเททั้งกายใจไปเลย แต่มันก็คือพึงพอใจในตัวตนของอีกฝ่าย การที่เขาคิดแบบนี้ได้ก็เพราะเมื่อวานนี้พวกเขาได้นอนคุยกัน

พีระพลสบายใจที่จะอยู่กับท่านขุนแบบนั้น...ชอบที่จะฟังอีกฝ่ายเล่าถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ตนรับรู้ ชอบรอยยิ้มของเขา...และมันก็มีความสุขกับการได้ใกล้ชิดเขา พีระพลคิดไปถึงว่าถ้าหากมีคนมาเกาะแกะท่านขุนเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าตอนเช้าที่ตื่นมาท่านขุนบอกว่าระหว่างเราไม่ได้เป็นอะไรกันเขาจะรู้สึกแบบไหน เขาตอบกับตัวเองได้ทันทีเลยว่าแย่...มันคงแย่มากจริงๆ

แล้วเหตุผลที่ทำให้รู้สึกแย่ก็คงหนีไม่พ้นเขาชอบท่านขุนเข้าแล้วไงล่ะ...

ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้วสินะ ไม่ได้รู้สึกอยากกอดใครหรืออยากถนอมใครเอาไว้ข้างกายนานแล้ว หลังจากเลิกรากับรักเก่าที่เขาก็ไม่รู้เหตุผล ผ่านมาเกือบห้าปี เขาไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเลย...ไม่มีใครที่ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับที่รู้สึกกับท่านขุน

มันไม่ใช่เรื่องยาก…แต่มันก็ไม่ง่ายเมื่อเขาทำแบบนั้นลงไปก่อนที่จะได้บอกความรู้สึกของตัวเอง หรือว่าคบหาดูใจกันไปก่อนอย่างที่ควรเป็น ไอ้การยึดติดกับสิ่งที่เขาถูกสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตนี่แหละที่สร้างความสับสน สร้างกรอบ สร้างหลายสิ่งหลายอย่างในหัวของเขา มันช่างกระจัดกระจายเหลือเกิน ยากที่จะทำให้มันตกตะกอน

ทว่าการนอนคุยกันกับท่านขุน…ก็ทำให้มันเริ่มกระจ่างชัดขึ้น

โตแล้วนะพี…โตแล้วต้องรู้ใจตัวเองมากกว่าสิ่งใดๆ

พีระพลย้ำกับตัวเองแบบนั้น จะทำอะไรแบบเด็กๆ ทำแบบไม่คิดหน้าคิดหลังมันไม่ได้...อย่างน้อยความรู้สึกของตัวเองต้องเป็นสิ่งที่เขารู้จักดีที่สุด ดังนั้นพีระพลจึงไม่ลังเลที่จะรับผิดชอบท่านขุน แม้ว่าคำบอกรักที่เขาได้บอกให้ท่านขุนนั้นจะเป็นคำโกหกไปเสียหน่อย แต่อีกไม่นาน มันจะเป็นคำโกหก หรือว่าความจริงนั้น ก็จะชัดเจนขึ้นเอง

คู่รักหลายคู่ ไม่ได้เริ่มจากรักกันก่อนที่จะลงเอยกัน หรือสร้างครอบครัวด้วยกัน คู่รักหลายคู่เริ่มจากชอบพอกัน ดูใจกัน และค่อยๆ สานต่อความสัมพันนั้นให้ยืนยาว แจ็กพูดถูก มันอาจข้ามขั้นไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะย้อนกลับไปทำในสิ่งที่เราข้ามมาไม่ได้

เมื่อรู้แล้วว่าจะจัดการกับความรู้สึกผิดของตัวเองอย่างไร พีระพลก็สบายใจขึ้นมาก เขานัดแนะท่านขุนเสร็จ ลุกขึ้นยืนแต่งตัวเล็กน้อย ก็แค่จัดผ้าจัดผมให้เข้าที่เข้าทางเท่านั้นแหละ ไม่ได้ประทินโฉมอะไรเลย จากนั้นเขาออกจาห้องแล็บ ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน ใกล้เที่ยงแบบนี้พีระพลเคลียร์ทุกอย่างเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว

เขาตรงไปที่รถเก๋งสีดำของตน ไม่รู้ท่านขุนจะออกจากร้านมาตอนไหน แต่เขาต้องไปก่อน รถใหญ่ไม่สามารถซอกแซกเหมือนรถเล็กได้ ดังนั้นเผื่อเวลารถติดเอาไว้หน่อยเป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นผู้ใหญ่...จะไปให้เด็กมานั่งรอมันไม่ดี

พีระพลใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีจากที่ทำงานมาห้างสรรพสินค้า เวลาเที่ยงวันแบบนี้คนเยอะ ทว่าไม่มากเท่าช่วงเย็นหลังเลิกงาน เขาเลือกที่ว่างๆ จอดรถ เดินไกลหน่อยไม่เป็นไร ดีกว่าต้องวนไปวนมาหลายรอบเพื่อหาที่จอดใกล้กับประตูทางเข้า

สิ่งแรกที่พีระพลมองหาไม่ใช่ร้านอาหาร เขากำลังกวาดสายตามองร้านจิลเวอร์รี่ ท่านขุนรู้ต้องหาว่าพีระพลคนนี้เวอร์แสนเวอร์ แต่นี่แหละที่ทำให้พีระพลรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ไหนๆ...มันเกินเลยไปแล้วก็จับจองตัวเอาไว้ก่อน ได้แต่งไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต ร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งเดินเข้าร้านนั้นที เข้าร้านนี้ที ราวกับได้กลายเป็นอาหารสายตาของสาวๆ พนักงานต้อนรับไปเสียแล้ว

พีระพลพบว่า...แต่ละร้านมีรูปแบบที่ไม่ต่างกันมากนัก คล้ายคลึงกันไปหมด แล้วคนที่ไม่รู้เรื่องพวกนนี้แบบเขาจะแยกแยะออกได้ยังไง ว่าอะไรดีกว่ากัน ดีกว่ายังไง แบบไหน มีสี่ตา...แต่เริ่มตาลาย เขาเห็นร้านอีกหลายร้านแล้วถอนหายใจ วางเรื่องแหวนก่อนดีไหม มาเลือกพร้อมท่านขุน...หรือว่าควรถามท่านขุนก่อนว่าชอบการใส่แหวนหรือเปล่า

ขณะตั้งคำถามเพื่อหาเรื่องหยุดดูแหวนทองคำขาว...พีระพลนึกขึ้นมาได้ว่าท่านขุนเป็นช่างซ่อมรถ ปกติ พวกช่างจะไม่ค่อยใส่จิลเวอร์รี่ นิ้วของท่านขุนไม่มีแหวนสักวน ไม่มีเครื่องประดับอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจาก...ต่างหู

….100%….

พี่พีคนคิดมาก คิดเยอะ คิดแยะ คิดไปคิดมาเปย์ท่านขุนด้วยอัญมณีเสียเลย~  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 8 *100%* 12-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-03-2018 15:01:36
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 8 *100%* 12-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 13-03-2018 23:27:17
พี่พีสายเปย์  5555 #ทีมเมียน้อย อยากโดนจับจ้องบ้างงง
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 15-03-2018 23:40:10
>….ตอนที่ 9 [100%]….<

นี่มันเรียกว่าเดตชัดๆ เลย!

ทันทีที่ได้รับข้อความจากพี่พีให้ออกไปเจอกันข้างนอก เขาจะพาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงที่อื่นบ้าง มีการบอกด้วยว่าไม่ใช่เบื่ออาหารของท่านขุนแค่อยากพาท่านขุนออกมากินอะไรอย่างอื่นบ้าง สามีแห่งชาติยกให้พี่พีเลยวะ...ฮ่าๆ แต่ที่น่าเครียดคือท่านขุนไม่รู้จะใส่ชุดอะไรไปดี

อย่าคิดว่าผู้ชายจะไม่มีโมเมนต์สาวน้อยอย่างการเลือกเสื้อผ้าใส่ออกเดตสักชุดนะ ถึงไม่แสดงออกมากเท่าผู้หญิง แต่ผู้ชายก็มีการคิดหนักเหมือนกันแหละว่าจะใส่ชุดอะไรออกไปเดตดี เราอยากให้คนรักของเราประทับใจในรูปร่างหน้าตาเรากันทั้งนั้นแหละ ติดที่ท่านขุนไม่ค่อยมีชุดหล่อลากอะไรแบบนั้น ส่วนใหญ่มีกางเกงสามส่วนกับเสื้อยืดง่ายๆ ตอนนี้แหละคือช่วงเวลาแห่งการรื้อค้นเสื้อผ้าในตู้ตัวเอง

ท่านขุนมีกางกางยีนส์ขายาวสี่ตัว ไม่รวมกางเกงการ์ดสำหรับใส่เที่ยวทริป เขาหยิบขาเดฟขาดๆ ตัวโปรดมาวางพาดบนเตียง ต่อมาก็เสื้อยืด เขาค้นอยู่นานมาก รื้อแล้วรื้ออีกเพื่อหาเสื้อที่ถูกใจ ปรากฏว่าตัวเองมีเสื้อยืดแบบผ้าดิบเป็นจำนวนมากไปหน่อย สีเรียบๆ ไม่มีลวดลาย ไอ้ที่มีลายก็เป็นเสื้อคลับ ขณะที่คิดว่าคงจะใส่เสื้อคลับไป หางตาดันไปสะดุดเข้ากับเสื้อโปโลสีน้ำเงินตัวหนึ่งเข้า ไม่มีลายก็จริง...แต่เสื้อโปโลก็ทำให้ดูดีได้นะ ไม่ดูเด็กน้อยเกินไปด้วย

ใส่ชุดทั้งหมดเรียบร้อย ตรงไปหน้ากระจก กำลังจะหยิบแว็กส์ขึ้นมาเซทผมสั้นของตัวเองให้ดีอยู่แล้ว นึกขึ้นได้ว่าตัวเองขับมอเตอร์ไซก์ เซทไปก็บี้แบนอยู่ดี เป้าหมายจึงเปลี่ยนไปที่น้ำหอม ท่านขุนไม่ได้มีน้ำหอมเยอะ ขวดเดียวเพียวๆ ราคายี่สิบเก้าบาทในเซเว่น เขาฉีดใส่เสื้อตัวเองโดยเฉพาะใต้รักแร้ ดมนิดๆ หน่อยๆ โอเค...ใช้ได้

เวลาเขาไปเที่ยวทริปกับเพื่อนกับฝูง เขาไม่มีมาใส่ใจเรื่องเสื้อผ้า การแต่งตัว กับแฟนเก่าที่เป็นไบก์เกอร์ด้วยกันเขายิ่งไม่ทำอะไรแบบนี้เลย แต่รอบนี้เป็นพี่พีไง...ก็อยากให้พี่พีประทับใจน่ะ

อุปกรณ์เซฟตี้ของท่านขุนนั้นอยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เขามักเอาไว้ในที่ที่สะดวกหยิบง่าย เวลาจะออกไปไหนมาไหนก็สามารถคว้าหมับได้ทันที หมวกกันน็อกลายงูสีเขียวพื้นหลังสีดำพาดด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษบ่งบอกยี่ห้อ รุ่นนี้ราคาสองหมื่นกว่าๆ ถือว่ายังเบาเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในแบรนด์นี้ ถุงมือหนังสีดำคาดเขียว ด้านบนหลังมือเป็นเซฟตี้อย่างหนึ่ง กันการกระแทกและการครูด ทำมาจากโลหะผสมที่แข็งแรง และที่ขาดไม่ได้ก็คือเสื้อการ์ด...เสื้อการ์ดท่านขุนเป็นแบบสั่งตัด ทำมาจากผ้ายีนส์ มีทั้งการ์ดแข็งและอ่อนปะปนกันในตัวเสื้อ ป้องกันห้าจุด ศอกทั้งสอง ไหล่ทั้งสองและแผ่นหลัง

โดยรวมก็จัดว่าของเหล่านี้มีราคาที่สูงเกินครึ่งแสน...มันเป็นของสิ้นเปลืองไหม มันจำเป็นหรือเปล่า ที่จริงแล้วในยุคคนขับรถไม่ระมัดระวังอย่างนี้ ของเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมาก ยิ่งท่านขุนเป็นคนขับรถซีซีสูง หากปะทะ...ล้มหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น สิ่งที่จะเกิดในร่างกายของเขานั้นอันตรายยิ่งกว่าคนที่ขับรถซีซีต่ำ อีกอย่าง...หมวก ถุงมือและเสื้อการ์ดยังเป็นแค่พื้นฐานเซฟตี้ของไบก์เกอร์เท่านั้น หากต้องออกทริปหรือลงสนาม จะมีอุปกรณ์มากว่านี้และแข็งแรงทนทานมากกว่านี้

“โหย...หล่อเชียวพี่ ไปไหนเนี่ย” จิมทักลูกพี่ตนเอง ท่านขุนสวมใส่ของทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

“ไปเที่ยว” สั้นๆ แล้วเขาก็เดินออกมาพร้อมควงกุญแจรถมอเตอร์ไซก์ของตนเอง

รถของท่านขุนคือ Ducati 1299 Paligale S เรียกได้ว่า...ชีวิตธรรมดาของท่านขุนก็ดูธรรมดาจริงๆ เสื้อผ้าง่ายๆ ถูกๆ มีขายตามท้องตลาดนัด น้ำหอมราคาย่อมเยาว์ รองเท้าแตะ ดูเผินๆ เขาก็ไม่น่าจะมีเจ้าพาลิกาเล่อยู่ในครอบครองได้ แต่นี่แหละ...รถของท่านขุน แบรนด์ดังของอิตาลี ราคาหลักล้าน เครื่องยนต์สองสูบแอลทวินส์ เกือบๆ พันสามร้อยซีซี ดูคาติจัดเป็นแบรนด์รถที่คนไทยชื่นชอบแต่ไม่ค่อยเล่นกัน เพราะราคาสูง ไม่ใช่เครื่องสี่สูบเหมือนค่ายอื่นๆ ซ้ำเวลาเข้าศูนย์ยังแพงมาก อุปกรณ์ อะไหล่ รถล้มทีเป็นอันว่ารู้กัน...คุณสามารถเอาค่าซ่อมนั้นไปซื้อใหม่ได้คันหนึ่งเลย

แต่ท่านขุนไม่แคร์...ท่านขุนรักสีแดงแรงฤทธิ์ของมัน รักความเร็ว รักเสียงสองสูบที่กระหึ่มหูของมัน ทุกค่าย ทุกรุ่นต่างมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป…ไม่มีรถค่ายไหนทำออกมาดีเลิศเพอร์เฟกหรอก แล้วท่านขุนก็ชอบเจ้านี่

อันที่จริง...ท่านขุนยังมีรถอีกสองคัน แค่เจ้านี่คือคันที่รักที่สุด และวันนี้เขาจะพาลูกรักนอกเหนือจากมณีน้อยไปร่อนกัน

การจราจรของเมืองไทยในเขตปริมนฑณจัดว่าหนาแน่น แม้นี่จะตอนเที่ยงและเป็นวันธรรมดาก็ตาม ยิ่งตรงไหนมีตำรวจ...ตรงนั้นรถจะติดเป็นพิเศษ อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งยังทำให้ท่านขุนผู้อยู่ใต้เสื้อการ์ดตัวหนาเหงื่อท่วม แต่เขาก็ยังคงมีความสุข ดูคาติคันงามเฉี่ยวไปทางซ้ายที ขวาที ซีซีสูงเครื่องยนต์ใหญ่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการซอกแซกไประหว่างรถเก๋งสองคัน เสียงท่ออันเป็นเอกลักษณ์ดึงดูสายตาของคนในรถข้างๆ มอเตอร์ไซก์คันอื่น หรือแม้แต่คนเดินถนน

ไม่มีใครกล้าวัดซีซีกับเจ้าแดงคันนี้...ด้วยรู้ดีว่าวัดไปก็มีแต่แพ้ ท่านขุนขับรถเร็ว เจ้าลูกรักเองก็ตอบสนองต่อการบิดของท่านขุนได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะผ่อน จะเร่ง จะหักซ้ายหรือปาดขวา ความหนึบของยางและสมถณะของเครื่องยนต์ทำให้ทุกอย่างราบรื่น ถึงแม้ใจท่านขุนจะร้อนเหมือนกับแดดเมืองไทย แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะขับอย่างมีมารยาท ด้วยประสบการณ์การซิ่งมาอย่างโชกโชน และเคยเป็นแค่คนมอง ทำให้ท่านขุนรู้ดีว่าหากขับรถแบบเอาแต่ใจตน คนอื่นจะมองอย่างไร

พวกบิ๊กไบก์ที่คับรถตามใจฉัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กแว้นอัปซีซีหรอก...

หลังจากเอารถเข้าจอด ท่านขุนรีบเดินไปยังจุดนัดหมายทันที พี่พีให้ไปเจอกันตรงชั้นโรงหนัง มันเป็นบริเวณเล็กๆ ไม่ต้องตามหากันนานนัก แต่ถ้ามาแล้วไม่เจอพี่พีก็ให้โทรหาได้เลย เผื่ออกมาช้าหรือว่าแวบไปที่อื่น แต่ท่านขุนไม่ต้องควักโทรศัพท์ออกมากด พี่พีนั่งไขว่ขาอ่านบทความในมือถือโดดเด่นดึงดูดสายตามาแต่ไกล

พี่พีแต่งกายเหมือนเดิม เสื้อเชิตสีเข้มกับกางเกงสแล็กดูเรียบร้อย ผมรองทรงสูงถูกเซทเอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีฟูชี้แม้แต่เส้นเดียว ดูแล้วคล้ายมาคุยธุรกิจมากกว่าการมานั่งทานอาหารเที่ยงกับแฟน แต่ก็นี่แหละ...พี่พีของเขา พี่พีที่เขาชอบ

“รอนานไหมครับเนี่ย...” ท่านขุนโน้มกายเข้าไปหาพี่พีทั้งที่ยืนอยู่เพื่อทักทาย พี่พีเงยหน้ามองพร้อมยิ้ม

“ไม่นานเลยครับผม” พีระพลไม่ลังเลที่จะกดปิดหน้าจอมือถือ เขาเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกงพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปที่หมวกใบโตในมือของอีกฝ่าย

“ไม่อยากเอาไว้ที่รถพี่ เดี๋ยวหายอะ” เข้าใจได้เองแม้พี่พีไม่เอ่ยถาม ก็ถ้าคนปกติไม่ใช่ไบก์เกอร์ก็จะสงสัยกันไงว่าทำไมต้องเดินถือหมวกไปมาแบบนี้ หมวกไม่ได้ราคาถูก มันเสี่ยงต่อการโดนโฉบได้ง่าย อีกทั้งของหายยังเป็นอะไรที่ตามได้ยากมากในประเทศไทย

“ครับ ไปหาข้าวกินกัน” พีระพลไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกไป

“พี่พีอยากกินอะไรครับ”

“พี่ต้องถามเรามากกว่า เราอะอยากกินอะไร” คนถูกถามเงยหน้าครุ่นคิด

“สปาร์เก็ตตี้...ไม่ได้กินนานแล้ว อยู่ร้านผมก็ขี้เกียจทำ” อันที่จริงพีระพลชอบกินอาหารไทย แต่ท่านขุนไม่มีอะไรตายตัว

“งั้นกินร้านไหนดี”

“ร้านนั้นไหมพี่ ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย” ว่าแล้วท่านขุนก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย พีระพลยิ้มตามรอยยิ้มขำขันนั้น

“ปะ...พี่เลี้ยง” ทั้งคู่ออกเดินไปพร้อมกัน

ทว่า...สิ่งที่ท่านขุนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมือข้างที่ว่างถูกมือหนาของพี่พีคว้าเอาไปจับ เขาชะงักเล็กน้อย พอพี่พีหันกลับมามองเขาก็ยิ้มแล้วออกเดินไปพร้อมกับพี่พี ไม่คิดว่าพี่พีจะกล้าเดินจูงมือกับผู้ชายท่ามกลางสายตาคนมากมาย พี่พีดูเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ มีทั้งบ้าน รถ หน้าที่การงานและหน้าตาที่ดี ชั่วนาทีท่านขุนคิดว่าเขานี่เลือกจับผู้ชายได้ดีจริงๆ...

เลวไหมเนี่ย?

ไม่มีใครรู้ความคิดเราก็จริง แต่ท่านขุนแอบละอายนิดหน่อยที่วางแผนจับพี่พีแบบนี้ พี่พีเป็นคนดี และเขาก็หลอกลวงคนดีๆ คนหนึ่งให้มาติดกับของตนเอง เพียงเพราะเขาชอบคนๆ นี้เท่านั้น มันเป็นความเลวที่ท่านขุนไม่ละอายต่อมันเลย

โอกาส...มันไม่ได้เดินเข้ามาหาเราได้ตลอด ถ้าเราอยากได้มัน เราก็ต้องเอื้อมมือไปคว้ามันเอาไว้

เข้ามาในร้าน พีระพลปล่อยให้ท่านขุนเลือกอาหารที่อยากทานเป็นมื้อกลางวันก่อน โดยเขานั่งมองท่านขุนดูเมนูเงียบๆ ทั้งคู่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน และข้างกายท่านขุนก็มีหมวกกันน็อกวางอยู่ หลังจากอีกฝ่ายสั่งอาหารเสร็จ พีระพลก็เอ่ยชื่อเมนูอาหารโดยไม่ได้ดูเมนู ปกติเขามากินบ่อย และเกือบทุกครั้งก็สั่งเมนูเดิม

“แล้วนี่มณีกินอะไรหรือยัง” พีระพลเอ่ยถามหลังจากพนักงานร้านเดินจากไป

“กินแล้วพี่ ผมให้อาหารมณีเรียบร้อย ไม่งั้นเดี๋ยวมณีโกรธฆาตกรรมผมหมกห้องนอน” ก็ว่าไปนั่น...ทำอย่างกับมณีโหดขนาดนั้น ไม่สิ...มณีก็โหดแบบนั้นแหละ

“เด็กๆ ในร้านละ” คำถามเหล่านี้ทำให้ท่านขุนคิดว่าพี่พีนี่นิสัยดีจังเนอะ เป็นห่วงคนอื่นขนาดนี้เชียว

“พวกนั้นหิวก็หาอะไรทำกินกันเองได้พี่ ผมมีของสดเตรียมเอาไว้ตลอด ช่วงนี้มันได้กินฝีมือผมทุกวัน ถึงเวลาต้องพึ่งพาตัวเองบ้างแล้วล่ะ สบายเกินไป”

“ก็จริง อย่างจิมนี่พี่อิจฉาเลยนะ...”

“คนอิจฉามันทั้งนั้นแหละพี่ ลูกน้องอะไรสบายกว่าเจ้าของร้านอย่างผมอีก แต่ก็นะ...อย่างน้อย จิมมันก็ดีกว่าเมื่อก่อน สมัยมันเรียน...มันเกเรมากพี่ เที่ยวแว้นสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ช่วงหนึ่งมันเล่นยาด้วย เห็นว่าเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันผมก็เลยดึงมันมาอยู่ที่ร้านพร้อมกับแอ้เพื่อนซี้มัน แอ้มันขยันกว่า มันชอบทำรถ แต่ไอ้จิมเนี่ย...มันเก่งเรื่องพวกตัวเลข ผมเลยให้มันจัดการบัญชี ทำสต็อกของร้านอะไรแบบนี้แหละ” สิ่งที่เคยคาใจเล็กๆ ของพีระพลกระจ่างแล้วในวันนี้ เขาสงสัยมานานแล้วว่าทำไมจิมดูสบาย ที่จริงเราก็แค่เห็นมุมตอนที่เขาไม่ได้ทำงานเท่านั้นเอง

“พี่นึกว่าเราเป็นคนจัดการเรื่องเงินในร้านเสียอีก”

“พี่พีก็รู้ ผมไม่เก่งคณิต ไม่เก่งเลข เจอบัญชีแล้วงงมาก ไม่ได้ไอ้จิมผมก็แย่นะ ต้องไปจ้างคนอื่นแทนมันอยู่ดี” พีระพลพยักหน้ารับเข้าใจ

ไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟ เขาผลัดกันชิมอาหารในจานของอีกฝ่าย โดยท่านขุนเป็นคนขอชิมแล้วพีระพลก็ขอบ้าง พีระพลว่าเขาค่อนข้างเบื่อพวกสปาร์เก็ตตี้หรืออาหารฟากยุโรป เพราะตอนที่ทำงานในต่างประเทศเขาต้องกินมันอยู่บ่อยๆ มันอร่อยแต่ไม่ถูกปากเขานัก ส่วนท่านขุนเองก็กินบ้างบางครั้ง เหมือนนานๆ ทีเราจะนึกอยากเปลี่ยนรสชาติอาหารประจำนั่นแหละ

มีเสียงพูดคุยเบาๆ ระหว่างมื้อ ถามไถ่กันไปมาเรื่องงาน อาจจะไม่ได้หัวเราะด้วยกันบ่อยนักแต่ก็ยิ้มด้วยกันอยู่ตลอดเวลา มันเป็นช่วงเวลาง่ายๆ เรียบๆ ที่มีความสุขดีสำหรับเขาทั้งคู่ เหมือนคำว่า... ถ้าเรารักใครสักคน เราจะสามารถอยู่กับเขาได้ตลอดแม้ไม่มีเรื่องคุย เราจะคิดถึงเขาแม้ว่าเราเพิ่งจะห่างกับเขาได้ไม่กี่ชั่วโมง เราจะเห็นความสุขของเขาเป็นความสุขของเรา

ในตอนนี้...พวกเขาเป็นแบบนั้น

“พี่มีของจะให้” เมื่ออาหารหมดจาน ท่านขุนเลิกคิ้วขณะดูดน้ำชามะนาวในแก้ว

“หือ อะไรอะพี่...” พีระพลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกข้างที่ไม่มีโทรศัพท์ ในนั้นมีกลองสีน้ำเงินกำมะหยี่เล็กๆ ไม่ต่างจากกล่องใส่แหวน

“นี่...” ทันทีที่กล่องเล็กๆ นั้นวางลงตรงหน้า ท่านขุนเลิกคิ้วเชิงคำถามไม่เข้าใจ

“คืออะไร”

“เปิดดูสิ พี่ซื้อมาให้...ซื้อมาจองตัว” หัวใจเต้นระรัวขึ้นมา ไม่ต้องถามหาสาเหตุเพราะมันก็คงหนีไม่พ้นเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้านี้หรอก

ท่านขุนคว้ากล่องสีน้ำเงินเล็กๆ นั้นมาเปิดดูช้าๆ เหมือนกล่องแหวน...และคิดว่าข้างในน่าจะมีแหวน แต่ไม่ใช่ ท่านขุนคาดการณ์ผิดไป นิลดำน้ำดีทรงกลมขนาดประมาณสามมิลสองอันนอนอยู่ในนั้น เขาลองดึงมันออกมาจากฐาน ก้านทองคำขาวติดอยู่กับตัวเรือน...

“ต่างหู?”

“ครับ เห็นเราไม่ใส่แหวน ไม่ใส่เครื่องประดับอื่นเลยนอกจากต่างหู ชอบไหม...” พีระพลคาดหวังอยู่ เขาอยากให้ของขวัญชิ้นนี้ถูกใจท่านขุน เพราะเขาเดินเลือกนานมาก

แหวนคู่ แหวนแต่งงานก็ว่าเยอะอยู่แล้ว...แต่นี่ต่างหู มันเยอะยิ่งกว่า จากร้านแรกที่ดูแหวนไป เมื่อเปลี่ยนสิ่งที่อยากได้ พีระพลจึงต้องเดินย้อนกลับไปดูใหม่หมดทุกร้าน เครียดกว่าหาคำตอบที่ถูกต้องก็ตรงคำตอบไม่ตายตัวนี่แหละ

“พี่พีอ่า...” ท่านขุนเม้มปาก มองตาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันไปทั้งอก ไม่แค่ต่างหูสวยแต่เพราะพี่พีใส่ใจเขาถึงขนาดสังเกตว่าเขาไม่มีเครื่องประดับอะไรเลย

“ว่าไง...ชอบไหม”

“ผมต้องชอบดิ พี่พีซื้อให้ผมนี่นา...ไม่ดิ รักเลยอะ” คำตอบของท่านขุนทำให้พีระพลโล่งใจ คิดว่าท่านขุนจะไม่ชอบสิ่งที่เขาได้มอบให้

“พี่ดีใจที่เราชอบนะ ถือว่าเป็นของหมั้นหมาย...”

“โหยพี่...พี่แจ็กเคยบอกว่าพี่พีอะหัวโบราญ ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่ามันจริง แต่พี่พีครับ...มันไม่มากไปหน่อยเหรอกับสิ่งที่พี่ให้ผม” ไม่ใช่ดูไม่ออกว่านี่เป็นของมีราคา ต่อให้เอาป้ายราคามันออกไปแล้วก็ตาม ถ้าพี่พีรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องระหว่างเขาสองคนมันเป็นเพราะท่านขุนวางแผน พี่พีจะรู้สึกยังไง...พี่พีจะยังอยากทำแบบนี้ไหม ยังอยากรับผิดชอบหรืออเปล่า

“มันไม่มากหรอกถ้าเทียบกับสิ่งที่พีทำลงไป”

“พี่แค่อยากรับผิดชอบ...พี่มองมันเป็นวันไนท์สแตนด์ก็ได้ นี่มันยุคไหนแล้วพี่...” สีหน้าท่านขุนค่อนข้างลำบากใจ มันทำให้พีระพลคนมองอยู่ฝั่งนี้ใจไม่ดีนัก

“ท่านขุนไม่ชอบใช่ไหม ที่พี่ดูเหมือนจะผูกมัดเพียงเพราะเราเกินเลย...” เพราะพีระพลไม่ได้รู้แบบที่ท่านขุนรู้ ดังนั้นในสายตาพีระพลตอนนี้จึงเห็นเพียงความอึดอัดใจของท่านขุน เขาเข้าใจ...คนบางคนก็ไม่ชอบการผูกมัดแบบนี้

จากบรรยากาศดีๆ ตอนนี้มันเริ่มจะอึดอัดไปหมด...ท่านขุนเห็นว่าพี่พีรับผิดชอบต่อเขาแบบจริงใจและมากมายขนาดไหน แต่พี่พีไม่รู้เลยว่าที่พี่พีต้องมารับผิดชอบเนี่ยมันเป็นเพราะแผนการของท่านขุนกับพี่แจ็ก พี่พีกำลังโดนหลอก...พี่พีโดนหมัดมือชก แค่ได้รับความรักตอบ สำหรับท่านขุนมันก็มากพอแล้ว ตอนนี้ความผิดที่อยู่ในใจเขาก็เลยเริ่มพรั่งพรูออกมา เขาไม่กล้ารับมัน...ไม่กล้ารับของหมั้นหมายของพี่พีเลย

“ผม...มันไม่ใช่แบบนั้นอะพี่” ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่าไหร่...ก็รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายคนนี้มากเท่านั้น ตอนแรกยังไม่สะทกสะท้านเลย แต่พอเห็นพี่พีลงทุนขนาดนี้ ท่านขุนชักคิดมาก เขาไม่กล้าพูดความจริงที่ซ่อนอยู่ด้วยซ้ำ

“...” พีระพลอยากได้คำอธิบาย ตอนนี้เขารู้สึกแย่...แล้วความรู้สึกแย่เหล่านี้ทำให้สิ่งดีๆ ที่เรามีด้วยกันวันนี้หายไป...

ร่างสูงพูดไม่ออก ในขณะที่ท่านขุนจับกล่องต่างหูเอาไว้แน่น ตัวเรือนทำจากทองคำขาวประดับนิลดำแท้น้ำดีแบบนี้...เขาควรได้รับมันจริงๆ ใช่ไหม ความลังเลของเขาคงทำให้พีระพลรู้สึกแย่แต่เขาเองก็มีความวิตกกังวลอยู่ในตัวเองเช่นกัน

“ผมดีใจที่ได้สิ่งนี้นะ ผมดีใจจริงๆ...ผมแค่คิดว่าผมอาจไม่คู่ควรกับมันเท่านั้นเอง” ในสายตาพีระพลอาจมองว่ามูลค่ามันไม่ได้สูง แต่ในความหมายที่ได้มอบให้อีกฝ่ายนั้นแหละคือมูลค่าที่สูงมากในความรู้สึกของท่านขุน

“อะไรคือคำว่าไม่คู่ควร...การที่พี่ให้เพื่อหมายหมั้นเอาไว้นี่คือสิ่งที่ไม่คู่ควรต่อท่านขุนเหรอ” ถึงรู้สึกแย่ ถึงเจ็บอยู่ลึกๆ...แต่พีระพลก็ไม่ได้แสดงออก

“ผม...” มันพูดไม่ออก มันไม่กล้าบอกออกไปว่าที่พี่ต้องมารับผิดชอบผมเนี่ยเพราะแผนผม...พูดได้ที่ไหน ใครกล้าพูดบ้างล่ะ

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าขุนไม่สบายใจที่จะรับมันเอาไว้ ไม่สบายใจที่พี่จะผูกมัด พี่ก็ไม่บังคับนะ...พี่จะไม่ทำให้ท่านขุนอึดอัด เพราะงั้น...ลืมมันไปก็ได้ แล้วคิดเสียว่า พี่แค่ซื้อของมาฝาก แล้วเราก็เป็นแค่คนสองคนที่เพิ่งคบกัน ดีไหม...แบบนี้ท่านขุนโอเคหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนและสุภาพนั้นขยี้อารมณ์ท่านขุนอย่างแปลกประหลาด เขารู้ว่าพี่พีต้องการทำให้ตัวเขาเองสบายใจที่สุดถึงได้ยอมถอยให้ขนาดนี้ ทั้งที่ความจริงแล้ว...การรับต่างหูเพื่อหมั้นหมายจองตัวของพี่พีนี่แหละ คือสิ่งที่ร่างสูงนั้นต้องการ

“มีคนเคยบอกไหม ว่าพี่พีดีเกินไป...” อย่างกับอยากร้องไห้แหนะ ท่านขุนกำกล่องนั้นแน่น...

“มีสิ พี่โดนบอกเลิกด้วยคำนั้นบ่อย หรือเราจะเป็นอีกคนที่พูดคำนั้น”

“พี่...ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะปล่อยคนดีๆ ไป ที่จริง...ที่ผมไม่กล้ารับมันเอาไว้ไม่ใช่เพราะผมไม่ชอบมัน หรือไม่ชอบพี่พี แต่ว่าเพราะชอบมาก...ก็เลยคิดว่า....” แล้วคำก็ขาดหายไป เขาไม่กล้าพูดจริงๆ ไม่กล้าบอก...ไม่กล้าสารภาพความจริง

เขากลัวว่าระหว่างเขาสองคนมันจะจบลงทั้งที่มันยังไม่ได้เริ่มเลย...

“ขุนทำใจให้สบายก่อนก็ได้ พี่รู้ บางอย่างมันก็ยากที่จะพูด พี่จะรอนะ...” พีระพลตัดสินใจเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ หวังให้ท่านขุนคลายความตึงเครียดลง ทั้งที่เขาเองไม่ได้ต่างอะไรกับท่านขุนเลย

ลึกๆ เขาก็เจ็บ...

ลึกๆ เขาก็รูสึกแย่...

และลึกๆ เขากลัวที่ความสัมพันธ์เพิ่งเริ่มนี้จะจบลง...

“ผมขอโทษนะ แต่ผมมีอะไรจะบอกพี่...ผมขอเวลานิดหน่อย”

“ได้สิครับ พี่รอได้”

“ขอบคุณนะพี่...ผมรักพี่จัง” ก็เขินที่จะพูด แต่ก็อยากจะพูดไง...อยากบอกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้บอกอีกในฐานะคนรัก

จากความหวานหอมละมุน...กลายเป็นความขมขุ่นมัว

ทั้งคู่เดินออกมาจากร้านโดยไม่ได้คุยกัน ต่างคน ต่างอยู่ในความคิดของตนเอง แต่พีระพลก็ยังจับมือท่านขุนเอาไว้...กำมันแน่นๆ แม้เหงื่อจะซึมอยู่ที่ฝ่ามือก็ตาม ไม่บ่อยนักที่เราจะเจอคนตรงใจ...เขาก็อยากจะรักษามันเอาไว้ ถึงเราจะเริ่มต้นกันแปลกๆ เริ่มแบบที่ไม่ควรเริ่ม แต่เขาก็อยากจะกลับไปทำให้มันดี...กลับไปเติมในส่วนที่เราก้าวข้ามมาด้วยกัน

….100%….

เป็นไงล่ะ…เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับพี่พีคนจริง เครียดดิ คนมีความมันเครียดเสมอแหละเนอะ  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 16-03-2018 19:08:39
ง่อววววววว สงสารพี่พี วงวารท่านขุน
อยากเห็นความมุ้งมิ้งเข้าใจ แทนความอึดอัดแบบนั้นจัง รอต่อปายยยยยย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 16-03-2018 23:36:55
มันก็จริงอย่างที่ท่านขุนรู้สึก เขินมาก ชอบมาก  ก็ใช่  แต่จะให้สุดเลยก็ไม่ได้  เฮ้อ....~
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 17-03-2018 08:41:50
พี่พีเป็นคนดีมากอ่ะ ดีเกินไปจริงๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 17-03-2018 14:31:28
 o13
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-03-2018 20:24:36
หลงรักพี่พี :z10:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-03-2018 22:32:04
พี่พีเป็นคนดีมากๆเลย จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-03-2018 02:25:54
ค่อยๆ จับมือกัน แล้วผ่านมันไปให้ได้ ^^
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-03-2018 11:59:23
ตอนต่อมาเร็วๆหน่อยสิท่านข้าพเจ้าอยากอ่านล้าวววว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-03-2018 15:26:34
เจอคนถูกใจแล้วก็ค่อยๆดูกันไป  แต่อย่าเครียดๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 9 *100%* 15-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Victor.yuriyurio ที่ 19-03-2018 01:34:48
 :hao5: อย่าดราม่าเฃยนะไรท์จ๋า /กอดขาไรท์ สงสารหนูเถอะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 10 *100%* 19-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 19-03-2018 21:58:38
>….ตอนที่ 10 [100%]….<

พีระพลเดินทางกลับมาทำงานด้วยความห่อเหี่ยว ถึงจะไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่ใบหน้าปราศจากรอยยิ้มอย่างที่ควรเป็น เขาเดินผ่านพนักงานคนอื่นตรงกลับไปที่แล็บของตนเอง ระหว่างทาง ไม่ว่าใครจะมองมาหรือส่งยิ้มให้ เขาก็แทบไม่สบตาใครเลย มาถึงที่ พีระพลเริ่มงานของตัวเองทันที ด้วยต้องการให้งานช่วยผ่อนคลายความหนักอึ้งในใจ

ระหว่างทางเดินกลับเข้าห้องแล็บอีกครั้ง เขาสวนทางกับแจ็ก เจ้าตัวไม่มองหน้าเพื่อนแม้แต่นิดเดียว เล่นเอาแจ็กเกิดความสงสัยขึ้นมาในทันที เพราะก่อนมันออกไปก็ดูกระตือรือร้น ไหงตอนกลับเข้ามาถึงได้ดูซึมๆ แบบนี้ไปได้

ขณะเดียวกัน ท่านขุนจอดรถได้ เขาถอดทุกอย่างวางทิ้งเอาไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ ปล่อยให้ลูกน้องเป็นคนเก็บข้าวของ ในกระเป๋าเสื้อของเขามีกล่องสีน้ำเงินกำมะหยี่นอนนิ่งอยู่ เจ้าตัวตรงเข้าไปเอาเบียร์เย็นๆ เต็มตู้แช่มาหนึ่งกระป๋อง เหลือบมองมณีที่เดินเข้ามาพันแข้งพันขาออดอ้อนเอาอาหารเล็กน้อย แล้วต่อให้ท่านขุนจะมีเรื่องให้คิดเยอะแยะในหัว เขาก็ยินดีวางมันลงเพื่อเอาขนมของโปรดมณีมาให้เธอ ขนมเหล่านี้ พี่พีเป็นคนซื้อมาเก็บเอาไว้ ปกติแล้วท่านขุนมีแค่อาหารหลักที่หลากหลายสำหรับมณีน้อยเท่านั้น

หลังจากให้ขนมมณีเสร็จ ท่านขุนเปิดเบียร์ป้อนตัวเองพลางเดินออกมานั่งตากแอร์บนโซฟายาวสีดำ มณีเดินหายไปไหนไม่รู้ ไม่ได้มานอนที่ประจำของเธอเหมือนอย่างเธอ กล่องต่างหูถูกหยิบออกมาเปิดดู พี่พีบอกให้คิดว่ามันเป็นแค่ของฝาก...มันเป็นไปไม่ได้ ท่านขุนว่ามันเป็นแค่ของฝากไม่ได้จริงๆ เมื่อเขารับรู้ถึงเจตนารมของพี่พีชัดเจนขนาดนั้น

สีหน้าของพี่พียังติดตาท่านขุนอยู่ รอยยิ้มอ่อนโยนยามที่ท่านขุนบอกว่าชอบของสิ่งนี้ และคำพูดหมายมาดจองตัวก็ยังชัดเจนอยู่ในหูของท่านขุนราวกับมันถูกเปิดซ้ำอยู่แค่ประโยคนั้นประโยคเดียว

ของชิ้นนี้มีความหมายมากเหลือเกิน...ในมือที่ถืออยู่รู้สึกหนักอึ้งไปหมด มันสมควรแล้วใช่ไหมที่เขาจะได้รับมัน ความรับผิดชอบที่เกินคาดนี้ทำให้ท่านขุนรับมือมันไม่ถูก ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เป็นคนวางแผนทุกอย่างเอาไว้เพื่อจับพี่พีมันคงง่ายกว่านี้ที่จะตัดสินใจรับมัน

คิดแล้วก็เครียด...เครียดแล้วก็ดื่ม

“แต่วันเลยอ๋อพี่” จิมส่งเสียงทัก

“เออหน่า”

“อะไรว้า...ไปเที่ยวแป๊บเดียวกลับมาซดเบียร์เสย ผมกินเป็นเพื่อนมะ” เห็นแล้วเปรี๊ยวปากอยากกินมั้ง จิมคิดแบบนี้ แต่เจ้านายตนกลับส่ายหน้า

“เล่นเกมไปเหอะมึงอะ” ท่านขุนบอกปัดไร้น้ำใจ ไม่สนเสียงแง้วๆ บ่นไปเรื่อยของลูกน้องตัวเองด้วยซ้ำ

ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ควรรับของมีราคาขนาดนี้จากพี่พี...แต่ท่านขุนไม่กล้าปล่อยกล่องต่างหูนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เขากำมันแน่นมากตอนอยู่ในร้าน รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรแต่ก็อยากจะได้มัน อยากจะครอบครองมัน เป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่สิ้นสุด...เขารู้ เขามันแย่ แต่เขาชอบพี่พีนี่

ทุกครั้งที่พีมาร้าน...เอาของมาฝาก ไม่ว่าจะขนม กับข้าวหรือของใช้ของมณี ท่านขุนไม่อยากจะหยิบพวกนั้นมาใช้เลยด้วยซ้ำ อยากจะเก็บเอาไว้...มันเป็นความบ้าเล็กๆ เหมือนพี่พีเป็นไอดอลที่ได้ให้ของเขามา ของของไอดอล เราแฟนคลับก็ไม่อยากใช้มันอะถูกไหม บางที...ยังแอบอิจฉามณีเลยที่พีให้ความสำคัญแล้วก็เอ็นดูมันมาก เฮ้อ...เป็นเอามากขนาดนี้ จะกล้าบอกความจริงกับพี่พีไหมเนี่ย

“จิมเอาเบียร์มาให้หน่อยดิ้” เผลอแป็บเดียว เบียร์กระป๋องแรกก็หมดลง

“พี่กินเร็วไปเปล่าวะ”

“เรื่องของกูหน่า” ท่านขุนบอกปัดอีกหน

ลูกน้องจำต้องวางมือถือลง เดินเข้าครัวคว้าเบียร์มาให้เจ้านายที่ดูเคร่งเครียดแปลกๆ ตอนออกนี่ตัวหอมฟุ้ง ดูตื่นเต้น ดูมีความสุข แล้วไหงกลับมาซึมแบนี้ได้ละเนี่ย แถมยังกินเบียร์อย่างกับน้ำเปล่าอีก

“พี่เป็นอะไรปะเนี่ย...” จิมอดถามไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่ท่านขุนดูซึมๆ ก็ตอนเลิกกับแฟนเก่า

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ท่านขุนค่อนข้างดื่มหนัก แล้วก็ดูเหมือนคนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยสักอย่าง วันๆ เอาแต่นั่งเหม่อ นอนดูนั่นดูนี่แล้วหาหนังสือมาอ่าน โอ้ย...อ่านนิยายก็แปลกตาพอแล้ว อ่านตอนเมาอีก ปกติต่อให้ท่านขุนมีเรื่องเครียดก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองนิ่ง การทำงาน ซ่อมรถหรือแต่งรถที่ชอบเป็นสิ่งที่เขามักทำอยู่เสมอ แล้วมันก็ทำให้เขาสมองปลอดโปร่ง ทว่าหนนี้อย่างกับคนอกหัก

“พี่พีทิ้งพี่เหรอ” จากไม่สนใจลูกน้อง ท่านขุนเงยหน้ามองจิมคิ้วขมวด

“อย่าสันนิฐานอะไรสั่วๆ ดิ้”

“อ่าว ก็จะไปรู้เหรอ ท่าทางอย่างกับคนโดนทิ้ง แล้วสรุปพี่เป็นอะไรล่ะ”

“เสือกนะมึงอะ” ไม่อยากพูดถึงสิ่งที่คิด ต่อให้ลูกน้องรู้ทันอยู่แล้วว่าเขาหลอกล่อพี่พีมาที่ร้านก็ตาม แต่เรื่องของความรู้สึกที่ซับซ้อนแบบนี้ คุยกับคนที่ไม่เข้าใจมันก็เท่านั้นแหละ ท่านขุนคิดแบบนั้น

“เออ ไม่ยุ่งแล้ว” จิมเดินกลับไปนั่งหลังเคาน์เตอร์ หยิบมือถือมาเล่นไปตามเรื่องตามราวทั้งที่ยังไม่ทิ้งความสงสัย

ท่านขุนเริ่มดื่มเบียร์กระป๋องที่สอง เขาตัดสินใจปิดฝากล่องต่างหู วางมันเอาไว้บนตักก่อนเอนกายพิงพนักหนักด้านหลัง ยังคงดื่มเบียร์เย็นๆ ดวงตาทั้งสองปิดสนิท คบคิดเรื่องพีระพลจนเริ่มรู้สึกปวดหัว ที่จริงมันไม่มีอะไรยากเลย มันแค่ต้องใช้ความกล้าหน่อยเท่านั้นเอง ประเด็นอะมันก็อยู่ตรงที่เขาไม่กล้าเนี่ยแหละ...

ไม่เคยเจออะไรที่ต้องตัดสินใจยากขนาดนี้เลย เลิกกับแฟนเก่ายังตัดสินใจงง่ายกว่านี้อีก แหงสิ นั่นมันแค่ต้องเลือกว่าจะไปต่อหรือเลิกรา แต่นี่มันคืออยากไปต่อแต่ความจริงอาจทำให้เลิกราไงล่ะ ความต่างมากขนาดนี้ใครมันจะกล้าเสี่ยงล่ะจริงไหม ต่อให้ท่านขุนเป็นคนใจเด็ดเดี่ยวแค่ไหน มั่นคงกับความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่ก็ยังหวั่นไหวกับอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ส่วนหหนึ่งเพราะเขาเองก็ยังไม่ได้รู้ใจพี่พีดีขนาดนั้นด้วย

เบียร์กระป๋องที่สองถูกดื่มช้ากว่ากระป๋องแรกมาก เขาแค่จิบๆ เท่านั้นระหว่างที่ใช้ความคิด มันมีแค่จะเอาไงดี จะเอายังไงดีอยู่แค่เนี่ย ทางเลือกก็ไม่มีมากแต่แม่งไม่มีความกล้าเลยให้ตายสิ หรือจะมอมตัวเองแล้วค่อยไปพูดความจริง วัดกันไปเลยว่าพี่พีที่ได้รู้ความจริงจะว่ายังไงกับท่านขุนต่อไป

อ่าว...แล้วถ้าพี่พีไม่พอใจจนไม่อยากสานต่อล่ะ

จำได้ ท่านขุนจำได้เลยว่าพี่พีไม่ชอบการโดนหลอก ตอนพี่แจ็กหลอกพี่พีมาที่ร้านวันนั้น พี่พีค่อนข้างโกรธแล้วก็ถึงกับแสดงสีหน้าออกมา นั่นพี่แจ็กเพื่อนสนิทหลอกนะ...แล้วนี่เขาเป็นใคร คนมาที่หลังด้วยซ้ำ เกิดพี่พีรู้ความจริงยังไงก็ต้องโกรธกันบ้างแหละ ไม่มีทางจะเออออยอมความง่ายนักหรอก

RrrrRrrrr

เสียงโทรศัพท์คุ้นเคยดังขึ้น ท่านขุนปรือตาขึ้นมาพลางวางกระป๋องเบียร์ เขาล้วงเอามือถือตัวเองออกมาดูเบอร์บนหน้าจอ...พี่แจ็กงั้นเหรอ  เจ้าตัวถอนหายใจหนักๆ ออกมาหนึ่งหน กดรับสายเรียกเข้านั้นพร้อมกับซดเบียร์ที่เหลือจนหมดเพื่อลุกไปเอากระป๋องใหม่

“ว่าไงพี่”

(กูต่างหากต้องถามว่า ว่าไง เป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ พี่เห็นไอ้พีมันซึมๆ ทะเลาะกันเหรอมึง) นั่นไง เขาทำให้พี่พีคิดมากไปด้วย ต่อให้พี่พีไม่แสดงออกอะไรเลย ก็เดาได้ว่าคงไม่มีใครรู้สึกดีหรอกหากต้องเจอสถานการณ์อย่างนี้

“ไม่ได้ทะเลาะพี่...แต่แบบ พี่พีเขาซื้อต่างหูมาให้ เอามาหมั้นงี้” ท่านขุนเปิดกระป๋องเบียร์ด้วยมือเดียว แล้วยืนพิงอ่างล้างจาน

(นั่นไง กูก็ว่า...มันบอกเข้าท่า อะไรเข้าท่าไม่รู้ ที่แท้คือเรื่องจองตัวไว้ก่อน ไอ้นี่มันหลงยุคปะวะหา...เออ แล้วยังไงวะ ก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงซึมไปได้ล่ะ หรือมึงไม่รับหมั้นมัน) คนฟังเผลอพยักหน้า อีกฝ่ายก็ไม่เห็นหรอก

“ใช่พี่ จะว่าไงดี...ผมไม่กล้ารับวะ”

(กลัวการผูกมัดเหรอวะ)

“เปล่าเว้ย ผมไม่กลัวหรอกเรื่องแบบนั้นอะ แต่ที่ผมคิดมากเนี่ยมันแบบ...พูดยังไงดีวะ ผมคิดว่าผมไม่ควรได้รับอะไรอย่างนี้อะ พี่ก็รู้ ผมแม่งวางแผนทุกอย่างเพื่อให้ได้พี่พีเลยนะเว้ย”

(ก็เออไง แล้วยังไงอะ...) แจ็กไม่เข้าใจความหมายของท่านขุน

“แต่พี่พีไม่เคยรู้ไงพี่ เขาคิดว่านั่นคือความผิดพลาดที่ตัวเขาก็เลยมารับผิดชอบผม ซึ่งเราก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ผมรู้สึกผิดวะ เหมือนไปหลอกเขาอะ” กระป๋องที่สามของท่านขุนหมดไปครึ่งกระป๋องด้วยความว่องไวราวกับระเหยหายไปได้

(อ๋อ...เกิดเป็นคนดีขึ้นมา ก็เลยคิดมาก) คำพูดแจ็กดูสบายๆ ท่านขุนสิ...เครียดจะตายแล้วเนี่ย

“เออ”

(ฮ่าๆ...กูก็นึกว่าเรื่องอะไรกัน นี่คิดว่าไอ้พีมันเกิดเปลี่ยนใจเทมึงทิ้งไปแล้วนะเนี่ย ไอ้ขุน...มึงจะคิดมากทำไม วัดใจไปดิ รู้สึกผิดก็สารภาพเลย...แล้วรอดูว่าไอ้พีมันจะว่ายังไง หรือไม่...เก็บความลับเอาไว้ต่อไป) เก็บอะเก็บได้ ติดที่ใจเขาเนี่ยแหละ...มันอึดอัด มันทรมานมากเลย ยิ่งพี่พีดีกับเขาเท่าไหร่ ความรู้สึกผิดก็จะยิ่งถาโถมใส่เขามากเท่านั้น

“ผมไม่กล้าไงพี่...”

(อ่าว ป๊อดเฉยเลยเว้ย)

“ก็ขนาดพี่หลอกพี่พีให้มากินข้าวกับผม พี่พียังโกรธพี่แจ็กเลย นี่ไม่ใช่หลอกกินข้าวนะเว้ยพี่...นี่มันมากกว่านั้น”

(แต่มันคนละอย่างกันเว้ย ไอ้พีมันไม่โกรธมึงหรอก...เชื่อกู) ก็อยากจะเชื่อ แต่มันยากจังแฮะ

“เออๆ ผมจะลองดูพี่”

(ดีๆ กูเอาใจช่วย)

“ขอบคุณครับ” เบียร์กระป๋องที่สามหมดพอดีตอนท่านขุนกดตัดสายพี่แจ็ก

การดื่มของท่านขุนไม่จบลงง่ายๆ เขาหยิบมาเปิดดื่มเงียบๆ คนเดียวให้ห้องครัว ลูกค้ามาแอ้ก็เป็นคนเข้าไปรับงานและเขียนใบรายการเอาไว้ บอกว่าเจ้าของร้านไม่ว่าง ติดธุระ บางคนรู้จักกัน แอ้ก็บอกไปตรงๆ ว่าพี่ขุนดูไม่อยากทำงานในวันนี้ ซึ่งคนรู้จักส่วนใหญ่เข้าใจกันดีเลยไม่มีปัญหาอะไรตามมา อีกทั้งแอ้เองก็ต้อนรับได้สุภาพนอบน้อม ลูกค้าชอบอะไรแบบนี้

มณีเดินเข้ามาในครัว นัยน์ตาสองสีฟ้าเหลืองเหลือบมองท่านขุนของเธอด้วยความฉงนใจ แม่นางน้อยเอ้อระเหยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นร่างเล็กปราดเปรียวสีขาวปอดก็ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะกินข้าว เธอก้าวย่างเชื่องช้าเข้าไปนั่งหน้าท่านขุน ซึ่งท่านขุนของเธอก็เงยหน้ามายิ้มให้

“ไงจ๊ะแม่มณี”

“เหมี๊ยวววว” เธอขานตอบ ก็ไม่ไง...แค่ตอบว่ารู้แล้วว่าเรียก เธอไม่มีอะไรทั้งนั้น การจะนั่งมองหน้าเจ้าของตัวเองต้องมีอะไรมากด้วยเหรอ

“หิวเหรอ ไม่เอาหน่า มณีเพิ่งกินไปเองนะครับ” ท่านขุนเอื้อมมือที่เช็ดไอน้ำจากกระป๋องอกแล้วไปลูบหัวเล็กนั้น

“แม้ว...” หิวอะไรล่ะ ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรแค่มานั่งมองหน้าเฉยๆ แต่ได้กินอีกก็ดี

“เป็นเด็กดีน้า...” ไม่ใช่เด็กแล้ว มณีอายุไม่ห่างจากท่านขุนมากหรอก เธอแก่พอจะรู้อะไรเป็นอะไรแล้วล่ะยะ แต่...เธอตอบอะไรท่านขุนไม่ได้นอกจากเสียงเหมียวเบาๆ

ฝ่ามือท่านขุนมอบความอบอุ่นและสบายใจ มณีน้อยเริ่มเอนกายนอนหมอบลงตรงหน้า เอียงหัวถูไถไปกับมือของท่านขุนเป็นจังหวะจะโคน ยิ่งเรียวนิ้วนั้นลากตั้งแต่กลางศีรษะเธอไปถึงลำคอและปลายคาง เธอยิ่งรู้เคลิบเคลิ้มจนอยากจะนอนต่ออีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงเหมือนกัน

“ทำไมมณีไม่ชอบพี่พีเหรอ” แต่ความง่วงก็หายไปเมื่อเธอหูพึ่งได้ยินชื่อพีระพล เธอความจำดี...และแค่ได้ยินชื่อเธอก็นึกถึงกลิ่นตัวเจ้านั่นออก

“มิ้ว..มิ้ว..แม๊วววว” โอเค ท่านขุนไม่รู้เรื่อง มณีก็แค่ไม่พอใจเวลาเขาเข้าใกล้ท่านขุน…ไม่ชอบให้เขามาทำให้ท่านขุนให้ความสำคัญกับเขาไม่ใช่เธอ แม้ว่ามณีจะไม่ได้หวงอะไรท่านขุนเลย…แต่มณีก็ไม่อยากสูญเสียอณาเขตของตัวเองให้กับใคร

แล้ว…ท่านขุนก็คืออณาเขตหนึ่งของมณีนั่นเอง

อีกอย่าง…เจ้านั่นอะชอบเข้ามานั่งเบียดที่มณีอยู่เรื่อย ล้ำเส้นเข้ามาบ่อยๆ บางทีมณีน้อยนอนอยู่ก็เอานิ้วมาจิ้ม มายิ้มใส่ราวกับมีความสุขทั้งที่เจ้านั่นน่ะมันกำลังรบกวนการนอนของคนอื่นอยู่ มณีไม่ชอบ…เขาชอบแกล้ง ถึงจะชอบเอาใจแต่ก็แกล้งเธออยู่ดีในความรู้สึกของเจ้าเหมียว แถมอีก…แถมเข้าไปเยอะๆ ครั้งก่อนยังเป็นต้นเหตุให้มณีโดนจับขังกรงที่ตนเองเกลียด แล้วพอกลับขึ้นไปนอนบนที่นอนประจำในห้อง…ก็ยังมีกลิ่นตัวของเขาอีก นี่ไง…เหตุผลในการไม่ชอบขี้หน้าของมณีมีมากมาย

แต่…ท่านขุนไม่เข้าใจ

“พี่พีเขาเป็นคนดีนะมณี” ไม่ใช่แมวที่ดีหนิ...ไม่ๆ เป็นคนไม่ดี คนที่ดีคือคนที่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวต่อมณีอย่างไรต่างหาก ท่านขุนอะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“เมี๊ยวๆ”

“เฮ้อ...” แล้วท่านขุนก็ถอนหายใจ มือยังคงลูบไล้ขนนุ่มมือของมณีอยู่

เมื่อท่านขุนเงียบ มณีน้อยเริ่มเคลิ้มกับสัมผัสของท่านขุนต่อ เธอมีความสุข... เวลาที่เจ้านั่นไม่มา ท่านขุนใส่ใจเธอ เอ็นดูเธอ แล้วก็ตกเป็นทาสของเธออย่างไม่มีข้อแม้ เนี่ย...พอเจ้านั่นไม่มา ท่านขุนก็กลับมาเป็นท่านขุนคนเดิมของมณี แบบนี้ไม่ให้มณีไม่พอใจได้ยังไงกัน มันไม่ได้หรอก...

เวลาผ่านไป...มณีน้อยคล้อยหลับ ท่านขุนของมณีนั้นนั่งมองเธอด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยๆ ในความเครียดก็ยังมีเจ้าเหมียวช่วยผ่อนคลายอารมณ์ เขาเดินไปเอาเบียร์มาอีก ดื่มแล้วมองหน้าตาหลับพริ้มของลูกรักตัวเองด้วยจิตใจที่สงบลง

ปมเชือกนี้เขาเป็นคนมัด...ดังนั้นเขาก็ต้องเป็นคนแก้มันเอง

ท่านขุนคิดว่ายังไงเสีย...เขาก็อยากจะคบกับพี่พีของเขาต่อไป ไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบไหนเขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด วลีเด็ดดวงของพวกแว้นแวบเข้ามาในหัว ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก...ไม่เคยคิดจะทำอะไรน่ารำคาญอย่างการตื๊อคน แต่คิดเสียว่าเป็นการง้อแฟนมันก็ดูดีขึ้น ท่านขุนเชื่อในความรู้สึกตัวเอง และยึดมั่นกับความตั้งใจของตนเองเสมอ เมื่อเขารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร...เขาจะทำมันไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดมาขวางก็ตาม

ท่านขุนนั่งทำใจอยู่นาน หมดเบียร์อีกสามกระป๋องเห็นจะได้ เขาตัดสินใจเดินไปเอาใหม่แล้วลากขาขึ้นห้อง ถึงแอลกอฮอล์ในเลือดจะสูงเกิดปริมาณที่ด่านกำหนด แต่ท่านขุนไม่มีอาการมึนเมาใดๆ ทั้งสิ้น ก็เขากินบ่อย...กินจนชิน คอเลยแข็ง ภาษาขี้เมาเขาเรียกคอทองแดง

ดูนาฬิกา...ตอนนี้แค่บ่ายสองกว่าๆ พี่พีคงจะทำงานอยู่ ยุ่งไหมก็ไม่รู้ แต่ไม่อยากจะรอแล้ว ท่านขุนนั่งพิงหัวเตียง ห้องเขาค่อนข้างมืด ไม่ได้เปิดผ้าม่านเอาไว้ ข้างล่างมันสว่างอยู่แล้วไม่อยากให้ห้องนอนสว่างอีก เขาหยิบมือถือขึ้นมาจิ้มสองสามทีหาเบอร์พี่พี จากนั้นยกเบียร์ซดย้อมใจก่อนหนึ่งอึกแล้วกดโทรหาอีกฝ่าย

(ครับขุน...) เสียงพี่พีนุ่มละมุนเหมือนเคย ท่านขุนกัดปากตัวเองเล็กน้อย...หัวใจเต้นแรงมากๆ ไม่ใช่เพราะเมานะ แต่ตื่นเต้นอย่างที่สุดของที่สุดเลยในเวลานี้

“พี่พียุ่งอยู่หรือเปล่าครับ” เสียงท่านขุนสั่นมาก เขาพยายามระงับแล้วแต่มัน...มันยากอะ

(ไม่นะ งานพี่เรียบร้อยหมดแล้ว...นั่นท่านขุนเป็นอะไรหรือเปล่าหืม ทำไมเสียงแปลกๆ เอ๊ะ หรือว่าท่านขุนของพี่เมาแล้วครับ) ท่านขุนของพี่...ท่านขุนของพี่

บอกตามตรง...คำนี้ทำร้ายหัวใจเขาจริงๆ

“ผมไม่เมานะ ผมยังเหมือนเดิม” ก็จิรง ไม่เมาแค่ตื่นเต้น

(เอ...แต่ก็ดื่มใช่ไหม) ทำไมพี่พีถึงรู้ล่ะ

“พี่รู้ได้ไง...”

(ก็เราบอกยังเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้กินนี่ครับ หมายความเราดื่มอยู่แค่ยังไม่เมา ถูกไหม) ท่านขุนระบายยิ้มออกมาหน่อยๆ

“อื้อ ถูกครับ...”

(แต่วันเลยนน้า)

“ย้อมใจนิดหน่อย”

(เรื่องอะไร ใช่เรื่อง...) พี่พีเงียบเสียงลงไป ท่านขุนหัวใจเต้นระรัวไปหมด...พี่พีรู้แล้วว่าเขาดื่มย้อมใจเรื่องอะไร พี่พีไม่ใช่คนโง่...นั่นยิ่งทำให้เขาหวาดกลัว

“พี่พี...พี่พีสัญญากับผมก่อนว่า พี่พีจะไม่ทิ้งผมไป” ก็ยังเห็นแก่ตัว ท่านขุนคิดว่าตัวเองนั้นเห็นแก่ตัวเกินไป

(ยากจังครับ...มันร้ายแรงขนาดที่ต้องเลิกกับเราเลยเหรอ)

“ไม่รู้…ผมกลัว ผมกลัวว่ามันจะไม่เหมือนเดิม ผมกลัวพี่จะเกลียดผม…กลัวพี่จะโกรธผมจนไม่อยากคบกับผมอีก” พีระพลรับรู้ถึงความกลัวของท่านขุนได้ดีแม้ว่าจะอยู่อีกฟากของสาย เพราะน้ำเสียงของท่านขุนนั้นสั่นพล่าไปหมด...

(ครับ...พี่สัญญา) ไม่รู้จะทำได้ไหม แต่รู้ว่าตัวเองก็ไม่อยากจากลาจากเด็กคนนี้เหมือนกัน

….100%….

สารภาพเลยค่ะว่า…ลืมมาอัป ฮื่อ เราขอโทษ งานวุ่นๆ นิดหน่อยจนลืมไปเลยจริงๆ ค่ะ ในส่าวนของท่านขุนน้าน…ชี้เมาจังค่ะ ฮ่าๆ ซัดโฮ้กนะคะนั่น ไม่เรียกดื่มค่ะ!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 10 *100%* 19-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 19-03-2018 23:08:44
ชอบที่พี่พีเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย มีเหตุผล
แม้ว่าเหตุผลบางอย่างจะตรรกะแปลกๆก็เถอะ o13
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 10 *100%* 19-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-03-2018 00:20:57
เป็นกำลังใจให้ท่านขุนกับพี่พีนะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 10 *100%* 19-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 20-03-2018 00:28:42
มาต่อเถอะน๊าาาาาาา  ลุ้นอยู่จะเป็นไงต่อ  ใจเต้นระรัว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 10 *100%* 19-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-03-2018 15:52:01
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 23-03-2018 22:15:48
>….ตอนที่ 11 [100%]….<

“ที่...ที่ผมบอกว่ามีอะไรจะบอกน่ะครับ” ท่านขุนสูดลมหายใจลึก ดื่มเบียร์อีกอึกแล้วพยายามทำให้ตัวเองสั่นน้อยลง

(ครับ พี่รอฟังอยู่) พีระพลตอบกลับเสียงอ่อนโยน

“เพราะว่า...เพราะว่าผมรู้สึกผิด พี่พีดีกับผมแบบนี้ แต่ว่าผม...” มันยากจังวะ ยากที่จะพูดความจริง แม่งยากกว่าการโกหกเสียอีก

(...) อีกฝ่ายเงียบเพื่อรอฟังอย่างตั้งใจ

“ผมชอบพี่พี การที่พี่พีมากินข้าวที่ร้านผมทุกวัน...มันเป็นเพราะผมเอง ผม...ผมขอให้พี่แจ็กช่วย”

(อ๋อ...) มิน่าแจ็กถึงชงเขากับท่านขุน เพราะท่านขุนขอร้องนี่เอง

“แล้ว...แล้วที่...ที่เรา...ที่เรามีอะไรกัน ที่พี่เมาแบบนั้นก็เพราะว่าผมเอง...ผมฉวยโอกาส...ผมทำเพราะว่าผมชอบพี่พี ผม..ผมไม่คิดว่าพี่พีจะจริงจังขนาดนี้ ไม่คิดว่าพี่พีจะมารับผิดชอบทั้งที่ผมเองเป็นคนเริ่ม ผมขอโทษ...” มือเย็นเฉียบ...เย็นเกือบจะพอๆ กับกระป๋องเบียร์บุบๆ ในมือ ท่านขุนกลัวมาก กลัวว่าเมื่อพูดความจริงออกไปแล้วพี่พีจะโกรธ กลัวว่าถ้าพี่พีรู้แล้วพี่พีจะไม่ให้อภัยในสิ่งที่ท่านขุนทำ

(...) พีระพลเงียบ...มีแค่เสียงลมหายใจที่ลอดออกไปให้คนอีกฝากฝั่งได้ยิน

ในขณะที่ท่านขุนคิดมากเพราะเรื่องนี้ พีระพลกลับยิ้มบางๆ อยู่กับตัวเอง แปลก...เขาไม่โกรธเลย ความเจ้าเล่นิดๆ นี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมแจ็กถึงพยายามชวนเขาไปที่ร้านท่านขุนอยู่ตลอด ทั้งที่เขาค่อนข้างเกรงใจ เข้าใจว่าทำไมแจ็กถึงพยายามพูดในเชิงโน้มน้าวให้เขากับท่านขุนลงเอยกัน ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพราะท่านขุนวางแผนนี่เอง

มันก็ไม่ได้ร้ายแรง...เพราะเขาไม่ได้รังเกียจมัน เขาไม่ได้ซื้อของให้ท่านขุนเพียงเพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ไม่...มันก็ใช่แหละที่เขารับผิดชอบ แต่เขาเต็มใจที่จะทำ เพราะอยากให้เกียรติอีกฝ่าย อยากให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกว่าเขากำลังเล่นๆ กับความรู้สึก เขาไม่ได้เห็นท่านขุนเป็นวันไนท์แสตนด์ และเห็นเป็นแบบนั้นไม่ได้เลย

เราอาจรู้จักกันแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ในระยะเวลาที่น้อยนิดนี่ก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อกันอยู่ ท่านขุนอาจไม่ได้แตกต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไปนัก ทว่าความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของท่านขุน และความเป็นมิตรที่ท่านขุนมีก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เขาชื่นชอบ อยู่กับท่านขุนเขาสบายใจ ถึงไลฟ์สไตล์จะต่างกัน ท่านขุนไม่เคยยัดเยียดสิ่งที่ตนเป็นให้กับเขา ซ้ำยังคอยเรียนรู้ความเป็นเขาจากการพูดคุยอีก

ไม่บ่อยนักหรอกที่เราจะเจอคนที่ยังอายุน้อยแต่ความคิดเป็นผู้ใหญ่ เด็กหลายคนอวดอ้างตนเองและพยายามชักจูงคนอื่นให้ไปในทิศทางของตนเอง เพราะจะทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นผู้นำที่สูง ท่านขุนไม่เป็นแบบนั้น ท่านขุนไม่พยายามนำพีระพล...แต่ก็ไม่ได้ตามจนหายไปจากสายตา

น่ารัก...พีระพละกำลังคิดแบบนั้น

การมีใครสักคนพยายามคว้าเขาเอาไว้ด้วยกำลังและความเจ้าเล่เจ้ากลมันก็น่าปลื้มใจดีเหมือนกัน เพราะคิดว่าตัวเองก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา จืดชืดและไม่ได้เร้าใจเหมือนคนอื่นๆ แต่ท่านขุนกลับวางแผนการณ์เพื่อคว้าเขาเอาไว้ แบบนี้ทำให้เขารู้สึกพิเศษ...รู้สึกดีกว่าการโกรธ

โอเค...มันหมายถึงท่านขุนหลอกเขา ด้วยสิ่งที่เขาเป็น ท่านขุนคงรู้จากแจ็กว่าเขาเป็นคนแบบไหน ก็เลยใช้ช่องว่างกว้างใหญ่นี่ในการมัดมือชก แต่แล้วยังไง...ในเมื่อพีระพลไม่รู้สึกแย่กับมันเลย ลำเอียงล่ะมั้ง ใช่...แจ็กหลอกเขา เขาโกรธมาก แต่พอเป็นท่านขุนเขาไม่เป็นเพราะเขาลำเอียงไปทางคนที่เขาชอบยังไงล่ะ

“พี่พี...” ความเงียบไร้จุดหมายทำให้คนคิดมากกังวลเข้าไปใหญ่

(ครับ...พี่อยู่) เขาตอบกลับ มัวแต่อิ่มใจอยู่ก็เลยหาคำพูดตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ

“พี่พีโกรธผมไหม” เขาควรตอบว่ายังไงล่ะ ควรบอกว่าโกรธไหมในเมื่อเขาไม่ได้โกรธ หรือว่าเขาควรหลอกท่านขุนกลับบ้านเพื่อแกล้งอีกฝ่าย

นี่เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ...ทำไมถึงคิดว่าการแกล้งอีกฝ่ายก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไปได้ล่ะ

(ถ้าพี่โกรธล่ะ...) พีระพลลองแหย่ดู ตอนนี้เขาเอาแต่ยิ้ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเองก็คิดมากเหมือนกัน เขากังวลไปว่าท่านขุนจะไม่ชอบสิ่งที่เขาทำ บางคนไม่ชอบการผูกมัดจริงๆ

“ผมขอโทษ...ผมจะขอโทษจนกว่าพี่จะหายโกรธ” เผลอแป๊บเดียว กระป๋องเบียร์ก็ว่างเปล่า ลำคอแห้งผากขึ้นมาทันใด  ตอนแรกมีเบียร์ช่วยทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยบ้าง ตอนนี้ไม่มีแล้ว...

(ถ้าทำแล้วต้องมาคอยขอโทษ ท่านขุนทำไปทำไมล่ะครับ) พีระพลไม่ได้ดุเลย แต่คนฟังคิดไปทางนั้น

“ก็ผม...ผมอยากได้พี่พี” มันเป็นคำดิบๆ ที่ตรงที่สุดแล้ว

(พี่เป็นสิ่งของเหรอครับ) พอโดนไปแบบนี้ท่านขุนถึงกับจุก...นั่นสินะ พี่พีไม่ใช่สิ่งของเสียหน่อย

“ผมขอโทษพี่ ผมขอโทษ...ผมมันคิดน้อยไปหน่อย ไม่ได้คิดเผื่อว่าพี่พีรู้แล้วจะเป็นยังไง...ตอนนั้นผมแค่คิดว่าผมชอบพี่พี ผมอยากคบกับพี่...” ท่านขุนจนปัญญาหาคำพูด ไม่รู้จะแก้ตัวแบบไหนพี่พีถึงจะให้อภัยเขา

ท่านขุนเครียด...พีระพลมีความสุข เขานั่งยิ้มและคิดไปด้วยว่าป่านนี้อีกฝ่ายร้องไห้ไปหรือยัง ความทรงจำพีระพลอาจรางเลือนไปบ้าง แต่เขายังจดจำใบหน้าของท่านขุนยามอยู่บนเตียงกับเขาได้ มันจะเหมือนกันไหม...ไม่หรอก มันคงไม่เหมือนหรอก เพราะตอนนี้ท่านขุนกำลังเครียดไม่ได้กำลังมีความสุขแบบนั้นนี่

แต่ไม่ว่ายังไง...พีระพลก็ยังรู้สึกดีอยู่ดี โมเมนต์แกล้งแฟนให้ร้องไห้งั้นเหรอ นี่เขาเป็นเด็กขนาดนั้นเลยหรือยังไงกันนะ แต่ต้องยอมรับแหละว่าตอนนี้มันก็สนุกดีอยู่เหมือนกัน เขาอยากจะแกล้งต่ออีกหน่อย ทว่าก็เลือกที่จะพอแค่นี้ดีกว่า เขาเองก็เป็นห่วงความรู้สึกท่านขุน

พีระพลตัดสายท่านขุนทิ้ง เล่นเอาหัวใจของท่านขุนร่วงลงพื้น พี่พีคงโกรธมาก...โกรธจนไม่อาจให้อภัยเขาได้ ด้วยความคิดมากและกังวลมากๆ ทำให้น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่มีใครอยู่...ไม่ต้องมานั่งอายใครทั้งนั้นหากเขาจะร้องไห้เพราะอีกฝ่ายเคืองเขา ทว่า...น้ำตายังไม่ทันไหลอาบหน้า สายเรียกเข้าเป็นวิดีโอคอลก็ดังขึ้น ท่านขุนตกใจรับสายกะทันหัน

(ร้องไห้เลยเหรอ...โอ๋ๆ เป็นถึงท่านขุนไม่ร้องไห้สิครับ) อีกฝากเป็นพี่พี พี่เขากำลังยิ้มอ่อนโยน

“พี่พี...”

(ครับ พี่เอง...อยากเห็นหน้าเลยโทรมาแบบนี้ ตกใจเหรอครับ)

“ก็ต้องตกจสิครับพี่ ผมคิดว่าพี่พีโกรธมาก...โกรธจนไม่อยากคุยกับผมต่อแล้ว” ท่านขุนสารภาพไปตรงๆ มีแอบเอากระป๋องเบียร์วางไว้ที่พื้นไม่ให้พี่พีเห็นอีกด้วย

(อะไรทำให้ท่านขุนกลัวพี่โกรธขนาดนั้นล่ะ) พีระพลเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานเบาๆ ขณะรออีกฝ่ายพูด เขาสำรวจใบหน้าท่านขุนแดงหน่อยๆ มีหยาดน้ำคลอดวงตานิดๆ ดูท่า เขาจะแกล้งจนอีกฝ่ายร้องไห้จริงๆ ด้วย

“ก็ตอนที่พี่แจ็กบอกว่าเขามารอที่ร้านผม แต่ความจริงเขาไปกินข้าวกับคนอื่น พี่พีดูโกรธมากที่พี่แจ็กหลอกพี่พี...ผมก็เลยกลัวผมก็หลอกพี่เหมือนกัน” สีหน้าแบบนั้นกลับทำให้พีระพลยิ้มมีความสุข การที่เราเป็นความสำคัญหนึ่งของใครอีกคนมันให้ความรู้สึกดีกับเราจริงๆ

(ใช่ พี่ไม่ชอบการหลอกลวงเลยล่ะขุน) พีระพลส่งเสียงเข้มดุไปให้อีกฝ่าย รอยยิ้มหายไป ท่านขุนไม่รู้จะทำยังไง...ปั้นหน้ายังไม่ถูกเลย

“ผมขอโทษที่ผมหลอกลวงพี่ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้...ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมสัญญาว่าผมจะไม่หลอกพี่พีอีก...ให้อภัยผมเถอะนะพี่พี” น้ำเสียงอ้อนวอนดูน่ารักน่าชังเป็นที่สุด พีระพลแย้มยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

(พี่ไม่ชอบการโดนหลอกเลย...ไม่ชอบจริงๆ)

“...ผม.....”

(แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม การหลอกลวงของท่านขุนถึงไม่ทำให้พี่โกรธเลยล่ะครับ)

“เอ๊ะ...” ท่านขุนเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ

(ขุนรักพี่ไหม...)

“รัก ผมรักพี่พี...”

(รักพี่ก็เลิกเศร้าได้แล้ว พี่ไม่โกรธ...ไม่เลิกด้วย แล้วก็จะดีมากถ้ารับหมั้นพี่ไว้) รอยยิ้มพี่พีชโลมใจท่านขุนให้ชุ่มชื่นขึ้นมา เขาเริ่มยิ้มได้...และยิ้มกว้างขึ้น

“พี่พีไม่โกรธผมจริงๆ นะ”

(อื้อ พี่ไม่โกรธครับ แต่อย่าหลอกพี่อีกนะ...มีอะไรให้บอกกันนะครับ มันไม่ใช่ทุกเรื่องที่โดนหลอกแล้วจะรู้สึกดีนะ ขุนเองก็คงไม่ชอบเหมือนกันใช่ไหม...หากโดนหลอกบ้างน่ะ)

“ครับ ผมรู้แล้ว...ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีก” ท่านขุนรีบพูด รีบรับปากทันที

(ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ ตอนเย็นพี่เข้าไปหาเนอะ...ใส่ต่างหูด้วยจะดีมาก)

“ครับพี่พี...” ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันอีกครั้ง ก่อนพีระพลจะเป็นฝ่ายวางสายไป

ท่านขุนโล่งใจแล้ว...โล่งใจมากๆ เขาเอาต่างหูที่พีซื้อมาให้เดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนถอดคู่เก่าแล้วบรรจงใส่คู่ใหม่ด้วยใจที่พองฟู ราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก โล่งอย่างที่ไม่เคยโล่งมาก่อนในชีวิต ทีนี้เขาก็จะไม่มีเรื่องปิดบังกับพี่พี ไม่ต้องมากังวลว่าพี่พีรู้ความจริงแล้วจะเป็นยังไง

แต่ว่า...รีบหมั้นกันเลยแบบนี้เขาก็ตื่นเต้นอยู่นะ

จริงที่มันไม่มีพิธีรีตองอะไร เพราะเรื่องแบบนั้นยังไงก็ต้องใช้เวลาและยุ่งยากอยู่หน่อย ไหนจะไปคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ พี่พีคงไม่รีบร้อนขนาดนั้นหรอก เขาเองก็ยังอยากดูใจกันไปก่อน เรายังมีอะไรหลายๆ อย่างต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีก ท่านขุนมั่นใจในตัวเองว่าจะไม่มีทางทิ้งพี่พีไปแน่นอน แต่พี่พีล่ะ...ใจของพี่พีท่านขุนยังไม่รู้มากขนาดนั้นนี่นะ ไม่เป็นไร ยังไงท่านขุนก็เชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง เขาเชื่อว่าเขาเลือกคนไม่ผิดแน่ๆ...

ท่านขุนยืนส่องกระจกอยู่นาน มองต่างหูซ้ายขวาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า...มันสวยมาก และเขาก็ชอบมันมาก โดยเฉพาะความหมายมของมันเอง อันนี้ไม่รู้พี่พีจะรู้ไหม แต่การให้ต่างหูกันมันหมายถึงความคุ้มครอง ความต้องการปกป้องภัยต่างๆ หรือ...เพื่อแสดงออกถึงการครองคู่กันไปปตราบชั่วกาลนาน

ท่านขุนคว้ากระป๋องเบียร์เปล่าเดินลั้นลาลงมาข้างล่าง ลูกน้องนั่งหงอย จิมเล่นเกม แอ้นั่งซบหน้ากับเคาน์เตอร์เซื่องซึม คือมันเป็นคนดูซึมๆ อยู่แล้วอะนะ พอไม่มีอะไรทำมันก็เลยมีสภาพเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ

“อ่าว ไม่ทำงานกันเหรอพวกมึง” ท่านขุนเอ่ยถาม เขาเอากระป๋องเบียร์ไปทิ้งในครัวแล้วก็เอากระป๋องใหม่ออกมาดื่ม เมื่อกี้ดื่มเพราะเครียด ตอนนี้ดื่มเพราะมีความสุข...ง่ายๆ อารมณ์ไหนก็ลงกระป๋องหมดแหละ

“พี่ไม่อยู่ทำไงอะ” แอ้ถาม

“งานเยอะไหมล่ะ” ท่านขุนเท้าศอกกับเคาน์เตอร์

“ก่อนถามหางาน ถามว่าตัวเองทำงานไหวก่อนไหม...พี่กินไปจะหมดโหลแล้ว” จิมสวนขึ้น หมั่นไส้จนผลักหัวมันไปหนึ่งที

“กูไม่เมา แล้วงานเยอะไหมล่ะ”

“ก็มีสามคันที่เข้ามาวันนี้ ไอ้ตัวสามร้อยอะเอามาทำไฟโปรแทกเตอร์ ส่วนตัวพันสองตัวนั้นเอามาเปลี่ยนท่อ เขาเลือกท่อเอาไว้แล้วแหละแต่รอให้พี่มาทำ พรุ่งนี้จะมาเอารถ” ท่านขุนเดินออกไปดูรถสามคันหน้าร้าน ไม่ใช่งานยากอะไร

“โอเค...แล้วไมแอ้ไม่เปลี่ยนไฟก่อนอะ”

“ก็เขาจะให้พี่ทำอะ เป็นผู้หญิง...บอกว่าพี่ขุนต้องทำเท่านั้นไม่งั้นเธอไม่ยอม อะไรก็ไม่รู้” จิมเป็นคนตอบ ไม่ใช่แอ้ที่เอาแต่เงียบ

“เออนะ...คนเรา” บางทีก็มีลูกค้าประมาณนี้ ไม่เชื่อใจลูกจ้าง ต้องเป็นเจ้าของร้านหรือช่างเก่งๆ มาทำถึงจะยอม ซึ่งท่านขุนก็เจอมาหลายคนแล้วเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหรอก ผู้ชายก็เยอะ

“เอาไงล่ะพี่”

“ไปทำดิปะ” เขาคล้องคอแอ้ลากออกไปทำรถด้วยกันข้างนอกก อีกมือยังคงยกกระป๋องเบียร์ซดอึกๆ สบายใจเฉิบ

หลอดไฟโปรแทกแตอร์หลากสีสันเปลี่ยนไม่ยาก ถึงลูกค้าจะให้ท่านขุนเป็นคนทำ แต่ท่านขุนก็ยกงานนี้ให้แอ้ทำเองอยู่ดี ลูกค้าไม่อยู่ก็ไม่ต้องซีเรียสมากนักหรอก ยังไงซะเขาก็อยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ดี ท่านขุนมักกำชับเสมอว่าเราทำรถเขา เราต้องระวังอย่าทำให้รถเขาเป็นรอยเด็ดขาด รู้ว่าบางงานมันก็ยากที่จะระวังไปซะหมดแต่ก็ต้องระวังอย่างที่สุดถึงที่สุด ให้คิดว่ารถเขาคือรถของเรา...เรารักรถขนาดไหน เขาก็รักรถเขาขนาดนั้นเช่นกัน

ร่างสมส่วนไม่ได้เดินเข้าไปเอาเบียร์มาดื่มอีก เสร็จจากหลออดไฟที่ใช้เวลาไปแค่ไม่ถึงสามสิบนาที เขากับลูกน้องก็ช่วยกันเปลี่ยนท่อรถพันซีซีทั้งสองคัน จริงๆ มันก็ช่วยกันทำทีละคันเนี่ยแหละ สองคนสี่มือยังไงก็ไว คนนั้นจับคนนี้ขันน็อตอะไรก็ว่าไปตามเรื่องตามราว นี่ท่านขุนทำรถเพลินจนลืมไปแล้วด้วยว่าเขายังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย ยังอยู่ในชุดที่ออกเดตกับพี่พีนี่แหละ

ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในตอนที่รถเก๋งสีดำคุ้นตาขับเข้ามาจอดด้านใน ท่านขุนปล่อยให้แอ้เก็บของทั้งหมด รวมถึงเช็ดรถให้สะอาดเรียบร้อย ส่วนตัวเขาเองเดินไปหาพี่พี เข้าไปพร้อมรอยยิ้มมีความสุข

“เลิกงานเร็วจังเลยครับ” เขาเอ่ยทักอีกฝ่าย

“อื้อ จริงๆ งานพี่เสร็จหมดแล้วล่ะ อยู่แค่ให้ครบเวลา เราเถอะ...ทำงานไม่เปลี่ยนชุดเลยเหรอ มอมแมมหมดแล้ว” พี่พีเอื้อมมือมาปัดคราบเล็กๆ ตรงปกคอเสื้อโปโลให้

“ผมลืมอะพี่ แฮ่ๆ...”

“มัวแต่คิดมากอะสิ ปะ...พี่ซื้อของกินมาเพียบเลย เอามาเผื่อมณีด้วย” พีระพลเอื้อมมือไปกุมมือเปื้อนคราบน้ำมันของท่านขุน อีกมือถือถุงอาหารหลายใบ

“หึงมณีนี่ผมจะน่าเกลียดไหม...” ดูเหมือนพูดเล่น แต่จริงๆ ท่านขุนก็แอบหึงตงิดๆ นะ

“ไม่หรอก ก็น่ารักดี...หึงแมว ไม่เห็นน่าหึงเลยนะ มณีเกลียดพี่จะตายไป”

“มณีเล่นตัวไปงั้นแหละ” แก้ตัวให้แมวน้อย

“เล่นตัวแรงเชียวนะ พี่เจ็บไปหมดเลย” แล้วพีระพลก็หัวเราะออกมาเบาๆ

เข้ามาในร้าน สิ่งแรกที่พีระพลมองหาก็คือมณี ท่านขุนรู้ว่าพี่พีจะเล่นกับเจ้าเหมียวก่อนก็เลยอาสาเอาอาหารในถุงเหล่านี้ไปจัดการจัดจานให้เรียบร้อย ส่วนพีระพลเอาไปแค่ของเล่นมณีที่เขาแวะซื้อมาตอนไปซื้ออาหาร เจ้าเหมียวเบี่ยงหน้าหนี เธอไม่ยอมมองสบตาคมใต้แว่นไร้กรอบนั้นแม้แต่น้อย

“ต้องทำยังไงมณีถึงเลิกเมินพี่น้า...” พีระพลไม่รู้สึกแย่ที่ต้องคุกเข่าอยู่หน้าโซฟาเพื่อให้ยื่นหน้าเข้าใกล้เจ้าเหมียวตัวขาว มันนอนนิ่ง ไม่กระดิกอย่างกับตุ๊กตามีชีวิต มองกี่ที...พีระพลก็ชอบมัน มันน่ารัก...ทั้งหยิ่งยโสและอ้อนแอ้นไปพร้อมกัน

“ซื้อไหมพรมมาฝากด้วยน้า สีแดงแรงฤทธิ์เลย...” น้ำเสียงนุ่มๆ กับรอยยิ้มอบอุ่นไม่ทำให้มณีน้อยหันมามองได้ จนกระทั่งพีระพลเอาไหมพรมออกมาจากถุงนั่นแหละ เธอถึงได้กวาดตางามๆ ของเธอมมามอง

“เหมี๊ยว...” แค่ส่งเสียงอ้อนนิดเดียว เจ้าลูกบอลกลมๆ นั้นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ มณีเอาอุ้งเท้าของตัวหมายจะตะปบ แต่...

“ดีกันก่อนแล้วจะให้” มันมีข้อแม้ มณีอาจตอบอะไรมนุษย์ไม่ได้ แต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่ ดังนั้นเจ้ามณีจึงหันหน้าหนี

“มิม้าวววว” ฟังดีๆ ก็คล้ายจะบอกว่าไม่เอา

“ไม่เอาจริงเหรอ สนุกนะ...มันกลิ้งได้ด้วย” รู้ว่ามันกลิ้งได้และเล่นสนุก แต่ให้ดีกัน...ไม่มีทาง

“มิม้าววว ม้าววว” คราวนี้เธอไม่หมายตะปบก้อนไหมพรม แต่เป็นมือขาวๆ มากด้วยรอยแผลของพีระพลแทน เจ้าของร่างสูงใส่แว่นชักมือหลบทัน รอยยิ้มเจ้าเล่ขึ้นทันควันในสายตาของมณี

“ไม่โดนหรอก” มันขำเธอ...ดูมันหัวเราะเยาะเธอสิ มณีไม่น้อยไม่ยอมง่ายๆ เธอลุกขึ้นโก่งตัวพองขนฟู หางชี้

“เมี๊ยววว...ฟู่ๆ” ดุยังไงก็ไม่น่ากลัว

“ฮ่าๆ...มณีน่ารักจังเลย” ไอ้โรคจิต...ไอ้มนุษย์โรคจิต!

“แง่ว!”

“โอ้ย” จังหวะที่พีระพลหัวเราะ เขาโดนกงแล็บพิฆาตที่คอไปอีกแผล...สมน้ำหน้า ไอ้มนุษย์บ้า!

“แง่ง…แง่ว” เธอคว้าก้อนไหมพรมกระโจนหนีพีระพลไป เพราะพีระพลมัวแต่เจ็บกับแผลที่คออยู่ แต่ก็นะ...เขาไม่โกรธมันเลย กลับยิ้มให้กับความดื้อรั้นนั้นอีกต่างหาก ก็...มันน่ารักดีนี่นา

….100%….

พี่พีผู้เป็นที่ลับเล็บของแม่มณี เป็นหญ้าแก่ที่โคละอ่อนอย่างท่านขุนชอบกินด้วย  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-03-2018 03:28:42
แหม นึกว่าจะมีดราม่าใหญ่โต  พ่อพีใจดี
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-03-2018 08:06:24
เมื่อไหร่แม่มณีจะเลิกข่วยพี่พี 5555555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 24-03-2018 12:31:52
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-03-2018 14:07:33
น่ารักดี ชอบจัง
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 24-03-2018 14:18:52
งื้ออออออออ 
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 24-03-2018 20:21:12
โล่งอ้กโล่งใจ๋  คิดว่าพี่พีจะโกระซะแล้ววววว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 11 *100%* 23-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-03-2018 15:58:22
เอ็นดูแม่มณี
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 26-03-2018 22:48:41
>….ตอนที่ 12 [100%].…<

“ทำอะไรหรือครับ” ร่างสูงของพีระพลโอบเข้าที่เอวของท่านขุนเบาๆ ขณะที่เขายืนอยู่ข้างกายคนรัก
 
“ผมกำลังจะทอดไข่ชะอม พี่พีชอบปะ”

“ท่านขุนทำก็ชอบหมดแหละ” ปากหวาน...ท่านขุนคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

เขาสองคนคบกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว...สิ่งที่เปลี่ยนไปก็เห็นจะเป็นพี่พีนี่เนี่ยแหละ เขาค่อนข้างปากหวาน ดูเป็นคนโรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก เช้า เที่ยงและเย็นพี่พีจะมากินอาหารฝีมือท่านขุนทุกวัน จากนั้นเขาจะกลับบ้านตอนท่านขุนปิดร้าน

พี่พีเทียวไปเทียวมาไม่เคยบ่นเหนื่อยเลยสักครั้งเดียว เขาดูมีความสุขและท่านขุนก็ดูมีความสุข...สิ่งมีชีวิตเดียวที่หงุดหงิดเห็นจะเป็นมณีน้อยนี่แหละ ไม่อยากจะบอก...เสาร์ที่แล้วพวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งคืน มณีโดนจับขังอีกแล้ว โกรธมาก...โกรธจนแทบพ่นไฟออกจากปากได้ เสียแต่เธอเป็นแมวไม่ใช่มังกรจะได้พ่นไฟได้อย่างในการ์ตูน พวกเขาคลอเคลียกันไม่ค่อยห่าง ขนาดไลฟ์สไตล์ต่างกันก็ยังคุยกันรู้เรื่อง

ไม่ๆ...พีระพลไม่เคยรู้เรื่องรถของท่านขุนแต่ก็คอยเป็นผู้ฟังเสมอ มณีไม่เห็นว่ามันจะน่าฟังตรงไหน น่ารำคาญจะตาย ล่าสุดบ่นอยากได้รถคันใหม่ บอกไปลองขับ Z1000 แล้วรู้สึกชอบมาก ยกล้อมันมาก พีระพลก็แค่ยิ้มแล้วก็บอกว่ายังไงก็ได้ถ้าท่านขุนคิดดีแล้ว เนี้ยะ...เออ รักกันอะไรก็ดีไปหมดเลยนะแหม มณีไม่เห็นว่าท่านขุนจะเอารถคันใหม่มาเพื่ออะไร เท่าที่มีทุกวันนี้ก็ขับไม่หมดแล้วปะ คนก็คนเดียว จะมีอะไรหลายคัน บ้าบอ

ส่วนวันหยุดของพีระพล เจ้านั่นก็เอาหนังสือมานั่งอ่านที่ร้าน มาให้ท่านขุนดูแลอยู่นั่น บ้านตัวเองไม่มีอยู่หรือไงไม่เข้าใจ แล้วทาสนางก็ช่างเอาอกเอาใจเจ้าแว่นนั่นเหลือเกิน แต่ก็มีบางมื้อที่เจ้าแว่นนั่นจะทำอาหารเหมือนกันแหละ มันเอามาให้กินด้วย...อร่อยดี

“โอ้ย...เบาหวานขึ้นตา” หนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยพลางนวดตาตัวเอง ก็ถ้ามันขัดหูขัดตาแล้วจะไปมองมันทำไมล่ะ...มณีอยากบอกแบบนี้ เหมือนเธอที่เชิดหน้าไม่มองเจ้าแว่นนั่นแม้แต่หางตา แค่เห็นว่ากำลังโอบเอวท่านขุน...แค่เห็นว่ากำลังช่วยท่านขุนของเธอทำอาหาร นี่ไม่ได้มองเลยนะยะ

“อ่าวพี่แจ็ก จะมาไม่เห็นบอก...” พีระพลคลายอ้อมแขนออก

“ไอ้พีไม่ได้บอกน้องเหรอวะ” เจ้าของชื่อส่ายหน้า

“ก็ไม่เห็นจำเป็น”

“อ๋อ…กูมันคนไม่จำเป็น ใช่สิ พวกมึงได้กันแล้วนี่ กูก็ก้างขวางคอเท่านั้นแหละ” แล้วดูคนอายุสามสิบกว่าทำตัวงี่เง่า มณีอยากจะตบปากนั่นสักที...เธอไม่แก่ขนาดนั้นก็จริง เธอยังมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเลยเหอะ

“อ่าว มันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะพี่แจ็ก ยังไงกับข้าวก็เพียงพอ พี่นั่งก่อนเลยครับ...” ท่านขุนเอ่ยเอาใจ เพราะยังไงพี่แจ็กก็เป็นคนที่ช่วยให้เขากับพี่พีได้คบกัน นี่เท่ากับแจ็กได้รับส่วนลดทั้งปีจากท่านขุนด้วยนะเนี่ย

“วันนี้พี่จะเอารถมาทำ ตอนเย็นกูกลับด้วยนะพี...มึงกลับบ้านปะวะ” ถามแล้วเพิ่งนึกได้ว่าคนเป็นแฟนกันเขาก็อาจจะใช้เวลาหลังเลิกกงานด้วยกันจนถึงเช้าอะไรงี้

“ก็เอารถกลับไปแล้วกัน...” บอกแค่นี้ก็เข้าใจ พีระพลไม่กลับบ้านนี่เอง ท่านขุนแอบยิ้มบาง เขาหันไปสบตากับคนรักของเขาก่อนจะขยับเข้าไปเอาไหล่กระแซะ เป็นการหยอกที่ไม่ต้องพูดจาอะไรกัน

อยากจับแยกออกจริงๆ...มณีขัดใจขั้นสุด เธอทนไม่ได้ กระโดดลงไปที่พื้น เดินนวยนาดมาดมั่นเข้าไปยังท่านขุนและพีละพล โดยที่ชายหนุ่มสามคนยังพูดคุยกันไม่ได้สังเกตเห็นเธอ นี่ขนาดมีเสียงกระดิงดังเบาๆ ก็ยังไม่สนใจ ดูเอาแล้วกันว่าความสำคัญของมณีน้อยลดลงมากขนาดไหน แล้วการที่เจ้าแว่นนอนนี่หมายถึงเธอจะโดนจับยัดกรง

ที่จริงพีระพลไม่อยากให้ท่านขุนขังมณีเอาไว้เวลาที่เขามานอนนี่เลย สงสารที่มณีอยู่กับท่านขุนทุกวัน แต่พอเขามากลับโดนเอาไปใส่กรง ทว่าท่านขุนก็ขอเอาไว้ว่าแค่วันเดียวที่เธอจะอยู่ในกรงบ้าง เธอทำร้ายพีระพลมากเกินไป ถ้าพีระพลมานอนกับเขาพร้อมมณีด้วย มณีจะทำร้ายพีระพลจนมีแต่แผลเต็มไปหมดแน่นอน แค่ทุกวันนี้มณีก็ทำร้ายพีระพลทุกวันอยู่แล้ว

ในขณะที่ท่านขุนหาทางให้มณีอยู่แยกกับพีระพลโดยไม่ต้องใช้กรง พีระพลกลับคิดว่าจะทำอย่างไรให้มณีน้อยเลิกเกลียดเขาเสียที หากเป็นมิตรกันได้...มณีก็ไม่จำเป็นต้องโดนขังกรง หรือโดนลงโทษ พีระพลเข้าใจคนเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็ต้องอบรมสั่งสอนสัตว์ในโอวาทเมื่อมันดุร้ายจนเกินไป แต่พีระพลไม่ชอบเท่าไหร่...ไม่คิดว่าการที่มณีทำตามสัญชาตญาณของตนเองจะเป็นเรื่องที่ควรได้รับการลงโทษ ก็นะ...ท่านขุนมีสิทธิ์ บางอย่างพีระพลก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของท่านขุน

แต่นี่แหละ...ที่ทำให้พีระพลพยายามอย่างมากที่จะเอาใจมณีและเป็นมิตรกับเธอให้มากที่สุด

“โอ๊ะ...” พีระพลสะดุ้งน้อยๆ เมื่อโดนมณีเอาขาตนเองเป็นที่ลับเล็บอีกครั้ง

“มณี ทำงี้อีกแล้วนะ...” ท่านขุนเตรียมดุ พีระพลรีบห้าม

“ไม่เป็นไรๆ อย่าดุมณีสิ...ดูสิ น่ารักจะตายเนอะ” ก็เป็นแบบนี้ทุกที ท่านขุนมองพี่พีของเขาก้มลงไปลูบหัวมณีแม้จะโดนมณีข่วนก็ตาม

“มึงโรคจิตอ๋อพี โดนขนาดนั้นมึงยังบอกน่ารักเนี่ยนะ...” แจ็กเคยได้ยินท่านขุนเล่าเรื่องพีระพลตอนอยู่ร้านให้ฟัง บอกว่าพีระพลไม่เคยดุมณีเลยถึงแม้มณีจะทำร้ายตนเองตลอด ทั้งยังรักยังเอ็นดู ลับหลัง...ท่านขุนแอบถามด้วยว่าพี่พีนี่มาโซหรือเปล่า ตอนแจ็กได้ยินแจ็กก็ขำแหละ แล้วก็ยืนยันว่าพีระพลไม่ได้โรคจิตหรอก...แต่มันคงชอบมณีจริงๆ

มณีเข้ามาป่วนเสร็จก็เดินออกไป ท่านขุนทำอาหารต่อแต่พี่พีนี่สิ เอาขนมเดินตามมณีออกไปข้างนอกเรียบร้อย นั่งคุกเข่าตรงพื้นส่วนมณีนอนอยู่กับกำแพงกระจกของร้าน ถึงมณีจะทำร้ายพี่พีบ่อยมาก แต่พอพี่พีเอาขนมไปให้ มณีก็กินนะ...แล้วเธอก็ดูมีความสุขดี ไม่รู้ว่าที่ดุแบบนี้เพราะต้องการพี่พีไปเป็นทาสหรืเปล่า

“เออ...” ท่านขุนมองพี่พีแล้วหันมามองพี่แจ็ก จู่ๆ เขาก็แวบสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้...ว่าจะถามนานแล้ว แต่ลืม

“อะไรวะ”

“พี่สองคนเป็นเพื่อนกันจริงดิ” คืออย่างพี่พีเนี่ยจะไม่พูดกูมึงเลย ไม่เคยได้ยินจริงๆ แต่กับพี่แจ็กเนี่ยใช้คำแบบนี้เป็นปกติ

“ทำไมมึงถามแปลกวะขุน”

“ก็พี่พีดูเรียบร้อยมาก...แต่พี่แบบ” ท่านขุนใช้สายตากวาดมองแจ็กตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สายตาตีความได้ว่า...ไม่ไหวๆ

“โห เจ็บจี๊ด มันเป็นเพื่อนพี่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บ้านอยู่ระแวกเดียวกัน...พ่อแม่ก็รู้จักกัน”

“แต่ต่างกันราวฟ้ากับเหว พี่พีเป็นฟ้า พี่แจ็กเป็นเหว” ท่านขุนว่าชัดเจน ไม่ต้องให้พี่แจ็กตีความเข้าข้างตัวเองแต่ประการใด

“หนอย ไอ้ขุน...เดี๋ยวเหอะมึง” แจ็กชี้หน้า เขามองผ่านกรอบประตูครัวไปยังพีระพล

“บ้านไอ้พีน่ะมันผู้ดีเก่า...คุณหญิงย่ามันก็เข้มงวดนะ ยิ่งคุณท่านนี่...โหดเชียวแหละ บ้านพี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ดีที่พี่มันลูกเกือบคนสุดท้าย พ่อแม่ไม่ได้คาดหวังมากนัก พอพี่ออกมาจากกรอบได้ก็เป็นแม่งแบบเนี่ย แต่ไอ้พีมันต่างกัน...ทางบ้านรับไม่ได้นะที่มันเป็นเกย์” ท่านขุนจ้องหน้าพี่แจ็กอย่างไว

“จริงดิ”

“เออดิวะ ตระกูลขุนนางเก่ารับไม่ได้หรอกเรื่องผิดเพศ พ่อมันก็นับถือศาสนาคริสต์ ต่อให้เกิดและเติบโตในประเทศที่อิสระเสรีขนาดไหน เขาก็มองว่ารักร่วมเพศคือบาปที่ไม่อาจให้อภัยได้ พีมันรู้...มันทำให้ตระกูลผิดหวังในตัวมัน แรกๆ ทุกคนพยายามทำให้มันกลับเป็นผู้ชายเหมืนอปกติ แต่ก็ไม่ได้ แม่มันร้องไห้ คุณหญิงย่าก็ต่อว่ามัน กลายเป็นพ่อมันที่ยอมรับได้ก่อน พอมันรู้สึกแย่ที่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง...มันก็เลยทำตัวดีๆ เป็นคนดีที่สุด และจะไม่ทำให้พ่อแม่หรือครอบครัวผิดหวังในตัวมันอีก มันก็เลยเหมือนหลุดออกมาจากตำราชายไทยยังไงล่ะ” พี่พีไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ท่านขุนฟัง มีแต่ท่านขุนที่เล่าเรื่องตัวเองในวัยเรียนให้พี่พีฟัง เขาไม่รู้เลยว่า...ผู้ชายที่เรียบร้อยคนนี้ก็เจออะไรมาหนักเหมือนกัน

“นั่นทำให้พี่สองคนต่างกัน...”

“ใช่ มันกลายเป็นนิสัย...กลายเป็นตัวตนล่ะมั้ง” ท่านขุนอาจเข้าใจไม่มาก เขาเกิดมาจากครอบครัวที่ไม่เคร่งเรื่องพวกนี้ อาจมีไม่พอใจบ้าง แต่ก็ยอมรับได้ง่าย ด้วยสัมคมสมัยใหม่มันหล่อหลอม แล้วเขาเองก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองเลือก

“ผมว่ามันคงแย่มากที่ครอบครัวไม่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น” ท่านขุนเปรยขณะหันไปเอาอาหารจัดใส่จาน

“แย่ดิ พูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่าใครจะสานต่อตระกูล ใครจะมามีลูกหลานสืบทอด พูดอยู่นั่นแหละว่าการเป็นรักร่วมเพศมันผิดธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ได้สร้างมาให้เป็นแบบนี้ เคยถึงขั้นพาไปหาหลวงพ่อเพื่อช่วยให้ไอ้พีกลายเป็นผู้ชายเลยนะ ไปบวชเอย...ทำนั่นทำนี่สารพัด ขนาดมันเป็นคนเรียนดี ได้รางวัลต่างๆ มามากมายเพื่อชดเชยแล้ว ครอบครัวก็ยังมองว่าการที่มันเป็นแบบนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง...” เพราะแจ็กเองก็ไม่ได้อัปเดตเรื่องครอบครัวพีระพลมาสักระยะใหญ่ๆ แล้ว ถามแค่พวกท่านสบายดีไหม พีกลับบ้านไปหาหรือเปล่า อะไรแบบนี้เท่านั้น เรื่องภายในขนาดนั้นเขาแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

จะเรียกว่าสงสารก็ได้...มันอาจดูแย่นะ แต่ท่านขุนรู้สึกแบบนั้น เขาเคยรับแรงกดดันช่วงที่เปิดตัวเป็นเกย์ใหม่ๆ จากเพื่อนฝูงและครอบครัวอยู่ แต่ด้วยเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็เป็นมิตรกับทุกคนมาตลอด ท่านขุนใช้เวลาแค่ไม่นานในการทำให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ทุกคนเริ่มเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องรสนิยม ไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นคนดีคนเลวอะไร แต่พี่พีไม่เหมือนกัน...

เหมือนทุกคนมองข้ามสิ่งดีๆ ที่พีทำแล้วมองแค่ว่าพี่พีไม่ได้เป็นเหมือนชายไทยที่ควรเป็น โดนตราหน้าว่าผิดบาป เป็นโรค ผิดธรรมชาติ ยังไงซะมันก็ต้องร้ายแรงกว่าที่ท่านขุนเคยเจอมาอย่างแน่นอน

ท่านขุนเอาอาหารทั้งหมดเสิร์ฟบนโต๊ะให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปหาพีระพลที่ยังนั่งป้อนขนมมณีอยู่หน้าร้าน เห็นแผ่นหลังกว้างดูแข็งแรงและมั่นคงนั่น เขาคิดว่าพี่พีผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาได้ยังไง โดดเดี่ยวไหม...ทรมานมากหรือเปล่า ท่านขุนคุกเข่าอยู่ด้านหลังพร้อมสองแขนแข็งแรงโอบกอดเอวพีระพลเอาไว้

“หืม...” พีระพลมองอ้อมไหล่ของตนไปมองยังใบหน้าของท่านขุน

“พี่พีไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังเลย” คนตัวเล็กกว่าเปรยเบาๆ “เพราะผมเอาแต่เล่าเรื่องตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจเรื่องของพี่พีหรือเปล่า”

“เปล่าเสียหน่อย คิดมากอะ...แจ็กมันเล่าอะไรให้เราฟังหรือยังไงครับ” พีระพลละมือที่ให้ขนมมณีมาลูบหัวท่านขุนเบาๆ เจ้าแมวน้อยมองด้วยสายตาไม่พอใจ...อะไรกัน มาแย่งความเด่นของฉันอีกแล้ว

“ก็...เรื่องที่ครอบครัวพี่พีรับไม่ได้ที่พี่เป็นแบบนี้” ท่านุขนไม่ได้ปิดบังในสิ่งที่แจ็กเล่า

“อ๋อเรื่องนั้นเอง...นั่นมันนานมากแล้ว ตอนนี้ที่บ้านทำใจได้แล้วล่ะครับ ไม่ต้องไปคิดมากนะ ไม่ต้องกังวลด้วย พี่รับรองว่าจะไม่มีเรื่องพ่อแม่กีดกันแน่ๆ” พีระพลยิ้มบางอ่อนโยน หวังว่ามันจะปลอบใจท่านขุน แต่มันไม่ใช่...ท่านขุนไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น แต่เขารู้สึกเห็นใจพีระพลจับหัวใจ ที่ต้องเผชิญเรื่องราวหนักอึ้งเช่นนั้น

“ผมไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก ผมแค่...แค่คิดว่าพี่ต้องลำบากขนาดไหนนะ ต้องอดทนขนาดไหนกว่าจะ...ทำให้พวกท่านยอมรับได้” คนฟังใจชื้นไปหมด รู้สึกดีที่มีคนเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่เขาเผชิญมา ปกติแล้วพีระพลไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้กับใคร ไม่เคยบอกว่าครอบครัวรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาเป็น เพราะเขามองว่านี่เป็นเรื่องของเขา...ส่วนเรื่องที่เขาคบใครอยู่มันเป็นเรื่องของเรา ที่พีระพลเองต้องเอาใจใส่ดูแล และต่อให้ทางบ้านไม่พอใจ เขาก็ต้องกลับไปเคลียร์ให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดอาการต่อต้านจนคนรักของเขารู้สึกแย่

“พี่ดีใจที่ท่านขุนแคร์พี่ขนาดนี้นะครับ ยังไงซะ...พี่ก็ผ่านมันมาได้ พี่แกร่งใช่ไหมล่า” ติดตลกน้อยๆ ท่านขุนยิ้มได้นิดหน่อย

“ครับ พี่พีคนแกร่งของผม” ท่านขุนจูบไปที่หัวไหล่เบาๆ

“เราไปกินข้าวกันเนาะ มณีไปกิน...อ่าว” มณีหายไปแล้ว หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แหงสิ...เหมือนอยู่กันแค่สองคนมันจะไปรับรู้ได้ยังไงล่ะ เสียงกระดิ่งก็ดังยังไม่ได้ยินเลย!

เขาทั้งสองช่วยกันมองหามณี เจ้าตัวน้อยหนีไปนอนบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอไม่มองมาที่ท่านขุนหรือพีระพลเลยแม้แต่หางตา แสดงออกชัดเจนว่าฉันไม่สนใจพวกแกหรอกยะ พีระพลยิ้มเอ็นดู แต่เขาไม่ได้เข้าไปเล่นด้วย เดินจูงมือท่านขุนเข้ามาในครัว โดยแจ็กกำลังนั่งจิ้มมือถือรอ

“นึกว่ากูต้องกินข้าวคนเดียวแล้วไหมล่ะ” แจ็กกดปิดมือถือ มองหน้ารุ่นน้องและเพื่อนตัวเอง

“แค่แป๊บเดียวเองพี่นี่บ่นจัง รีบไปไหนหรือไงครับ” ท่านขุนนั่งลง ข้างเขาคือพี่พี

“ไม่รีบ แค่เบื่อพวกมีแฟน”

“แต่เป็นคนจับคู่ให้เรานี่” เป็นคำง่ายๆ พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่กระแทกใจคนฟังจริงๆ

“มึงนะมึง...” มันก็จริงอย่างที่พีระพลว่า แจ็กจึงเถียงไม่ออก

“พี่พีไม่เบื่อที่พี่แจ็กพูดหยาบเหรอ” นี่ท่านขุนกำลังแซะแจ็กอยู่

“อยู่กับพี่มันก็พูดเถอะ” ท่านขุนเลิกคิ้วขณะหันมองพี่พี

“จริงดิ”

“ครับ ธรรมดานี่นา…” ไม่ธรรมดาสำหรับท่านขุนเลยแฮะ

“เหรอ ผมว่ามันน่าแปลกใจนะ ปกติพี่พีไม่พูดกูมึงเลยอะ โห...พี่แจ็กนี่คนพิเศษเลยนะเนี่ย” ท่านขุนทำตาโตใส่ พีระพลเริ่มตักข้าวใส่จานของแจ็กและคนรัก

“เวอร์ไปไอขุน ก็ถ้ามันไม่พูดเลยนี่สิถึงว่าแปลก แต่ก็กูมึงกับกูคนเดียวปะวะ...” อันนี้คือสิ่งที่แจ็กก็ไม่แน่ใจ พีระพลมองหน้าแล้วพยักหน้าตอบ

“ใช่”

“โห...พิเศษจริงด้วยวะ” แจ็กหัวเราะชอบใจยกใหญ่ พีระพลแค่ยิ้มๆ ส่วนท่านขุนหัวเราะตาม

มือเที่ยงเรียบง่ายของชายหนุ่มสามคนผ่านไปโดยใช้เวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กินกันเร็วกว่าตอนทำเสียอีก พีระพลนี่ปกติเวลากินเขาก็ไม่ค่อยพูดค่อยจาอยู่แล้ว คือระเบียบเป๊ะๆ ท่าทางการกินข้าว การดื่มน้ำ พีระพลเหมือนหลุดออกมาจากตำราอย่างที่พี่แจ็กว่าไม่มีผิด แต่ถ้าสังเกตดีๆ แจ็กเองก็ต่างกับพีระพลแค่ไม่มากนัก เขาเองก็มีท่าทีเรียบร้อยและดูสมเป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี

ครั้งแรกๆ...ท่านขุนยอมรับว่าตัวเองเกร็งมากกับการทานอาหารกับผู้ใหญ่ระเบียบเป๊ะ มันเก้งก้างไปหมดเลยมือไม้ ไม่รู้จะต้องทำอะไร ทำแบบไหนน่าเกลียดไม่น่าเกลียด เกิดมาจากครอบครัวชนชั้นกลางเนาะ กินไปคุยไปเป็นเรื่องปกติ แล้วยังไม่ได้มาดเนี้ยบขนาดนั้น ช้อนกลางนี่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างเลย แต่พีระพลมาอยู่ด้วย เขาใช้ช้อนกลางตลอด นั่นแหละท่านขุนเลยเกร็ง ทว่าเดี๋ยวนี้ไม่แล้ว...สบายๆ พี่พีบอกให้เป็นตัวเองนั่นแหละดีที่สุด อย่าฝืนเพื่อเขา

ถึงพีระพลจะเจ้าระเบียบ...จะเป๊ะมันเสียทุกอย่าง แต่เขาไม่ได้เอาความเนี้ยบของตัวเองมายัดเยียดใส่ท่านขุน ธรรมชาติท่านขุนแต่งตัวง่ายๆ ไม่อะไรมากมายกับเสื้อผ้าหน้าผมเพราะเขาเป็นช่างซ่อมรถ ติดมอมแมมเสียด้วยซ้ำ อะไรที่ท่านขุนเป็นอยู่แล้ว...ก็เป็นแบบนั้นต่อไป เหมือนพีระพลนั่นแหละ...เขาเป็นแบบไหนเขาก็เป็นแบบนั้น แค่อยู่ด้วยกันแล้วไม่อึดอัดก็โอเคแล้วสำหรับการเป็นคนรักกัน

หลังมื้อเที่ยงของเสาร์วันนี้ พีระพลและแจ็กไม่ได้กลับเข้าไปทำงาน งานพวกเขาเสร็จเรียบร้อยไม่มีอะไรน่าห่วง แจ็กกำลังสนใจการแต่งรถของตนเอง ส่วนพีระพละกำลังนั่งดูหนังสือออกใหม่เดือนหน้า บางครั้งเขาจะมองไปด้านนอก ดูท่านขุนกับเพื่อนตัวเองชี้นั่นชี้นี่ที่รถ สองคนนั้นมีกระป๋องเบียร์อยู่ในมือ ทว่าเบื้อหน้าพีระพลกลับเป็นกาแฟนร้อนหอมๆ หนึ่งแก้ว

ต่างกันจริงๆ...

“มณีอ่านหนังสือไหม” ไม่มีคนให้เล่นด้วยแล้วถึงได้หันมาถามเจ้าเหมียว พีระพลไม่ได้อยากเล่นกับเพื่อนขนาดนั้น เขาก็แค่อยากเป็นมิตรกับมณีไง

“แง่ว!” มณีน้อยสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง บอกได้จะบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก...

“เอ...งั้นเอาของเล่นไหม” คราวนี้มณีหันไปมองพีระพล สายตาดั่งนางพญาของเธอกำลังบอกอีกฝ่ายว่าเอาสิ...เอาของเล่นมาให้ฉัน

“ม้าวววว”

“ฮ่าๆ เอาอะไรดีล่ะ มณียังไม่มีอะไรน้า” พีระพลหันไปมองกองของเล่นเกลื่อนกราดบนพื้นร้าน มันกระจัดกระจายหลายๆ ที่รวมกันไป

มณีกระโดดลงจากโซฟา เธอตรงไปยังม้วนไหมพรมสีแดงที่พีระพลซื้อมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้มันไม่เหมือนก้อนไหมพรมสวยๆ แต่เหมือนกับ...เส้นด้ายที่พันขยุกขยุยมากกว่า พีระพลยิ้มหวนให้กับความยุ่งเหยิงนั้น ดูก็รู้ว่ามณีน้อยชอบอะไร...

“อยากได้ม้วนใหม่เหรอจ๊ะมณี” เขาถามทั้งที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม มณีคาบเจ้าก้อนด้ายนั้นเข้ามาหาเขา กระโดดนั่งที่ประจำก่อนวางมันลงบนตักพีระพล

“เหมี๊ยววว เหมี๊ยววว เหมี๊ยววว” เสียงอ่อนเสียงหวาน

“ขอหอมทีได้ไหมล่ะ..เดี๋ยวเย็นนี้ไปซื้อให้เลย” เจ้ามณีชะงักไปนิดหน่อย ได้คืบจะเอาศอก...เดี๋ยวก็ข่วนแว่นแตกเลยหนิ

ถึงจะเคืองแค้น แต่มณีก็เขี่ยเจ้าก้อนด้ายพ้นตักพีระพล มันลงไปอยู่อีกด้าน ตรงข้ามกับที่มณีนั่ง จากนั้นเจ้าแมวน้อยผู้เย่อหยิ่งก็ขึ้นไปนั่งบนตักของพีระพลแทนก้อนไหมพรมโทรมๆ พีระพลตกใจมาก...ตกใจมากๆ ครั้งแรกเลยนะที่มณียอมขึ้นมาบนตักของเขาง่ายๆ แบบนี้ เขาตัดสินใจโน้มหน้าเข้าใกล้ ระแวงนิดๆ ถ้าตบโดนหน้าโดนตานี่งานใหญ่เลยนะ เล็บไม่ใช่ธรรมดา

“ฟอด...” เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อริมฝีปากและจมูกโด่งเป็นสันแนบเข้ากับหน้าผากเจ้าเหมียว

“แม็ววววว” ได้หนึ่งฟอดแล้ว มณีน้อยรีบเอาอุ้งเท้าไม่กางเล็บของตนดันหน้าพีระพลออกทันที สีหน้าชื่นมื่นนั่นน่ะ...ดูยังไงก็พออกพอใจกับการได้หอมเจ้าเหมียวชัดๆ เพื่อของเล่นหรอกนะ...ไม่ได้ชอบขี้หน้าขึ้นมาเลยบอกจริงๆ!

….100%….

ดูแล้วพี่พีคงฟินกับการได้หอมมณีน้อยมากมาย งานนี้ไหมพรมทับตัวแม่มณีแน่นอน! พี่พีเราสายเปย์อยู่แล้วววววว  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 26-03-2018 23:15:43
อยากโดนพี่พีเปย์ต้องตายแล้วเกิดใหม่เป้นแมวไหม  555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-03-2018 23:26:40
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 27-03-2018 09:27:00
นังมณีถ้าพี่พีหมดรักเมื่อไหร่จะเสียใจ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-03-2018 10:49:21
ฟินแม่มณีกับพี่พีสายเปย์
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-03-2018 18:02:35
พี่พีนี่ทาสแมวสุดๆ ทาสแมวสายเปย์ซะด้วย 55555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 27-03-2018 19:49:44
พี่พีสุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 28-03-2018 12:56:13
แม่มณีจอมแสบเจอลูกตื๊อพี่พีไม่ไหวสินะ :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-03-2018 22:30:33
แม่มณีเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 12 *100%* 26-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 30-03-2018 12:55:11
มณีเริ่มใจอ่อนกับพี่พีแล้วใช่ไหมมม55555 แรกๆ สงสารพี่พีมาก มณีโหดเกิ๊นนนนน พี่พีชอบความเจ็บปวดจริงๆ 555 น่ารักมากๆ เลยยค่ะ รอตอดตามตอนต่อๆ ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 31-03-2018 20:18:41
>….ตอนที่ 13 [100%]….<

“ก็ได้ๆ...วันอาทิตย์ไปงานหนังสือด้วยรถพี่พีก็ได้ครับ”

(ไม่เคืองพี่ใช่ไหมเนี่ย)

“ไม่เคืองหรอก แต่พี่พีไม่อยากซ้อนผมจริงเหรอ...”

(ไม่ดีกว่าน้า)

“เศร้าเลย แต่ตามใจพี่พี...แล้วเที่ยงนี้พี่พีอยากกินอะไร”

(อื้ม...อะไรก็ได้ครับ พี่ไม่เรื่องมาก) ก็รู้ว่าพี่ไม่เรื่องมากแต่ก็อยากทำอะไรเอาอกเอาใจนี่นา

“อืม...ขนมจีนไหมพี่ ผมไม่ได้กินนานล่ะ”

(อืม...เอาเป็นขนมจีนแกงเขียวหวานได้ไหมล่ะ)

“ได้เลย ผมจัดให้ รับรองพี่พีต้องติดใจมากๆ จนไปไหนไม่รอด”

(ฮ่าๆ แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วครับท่านขุน) ชอบ...ชอบมากเวลาพี่พีเรียกชื่อเต็ม ฟังแล้วหัวใจเต้นแรง

“ครับ พี่พีตั้งใจทำงานนะ”

(เช่นกันครับ รักท่านขุนนะ)

“รักพี่พีครับ”

ด้วยความที่เมื่อเช้านี้พีระพลไม่สามารถมาที่กินข้าวที่ร้านได้ ทำให้พีระพลต้องโทรมาหาท่านขุนแต่เช้าแทน นอกจากคุยเรื่องปกติทั่วไปแล้วพีระพลยังได้บอกถึงแผนการณ์ที่เขาจะทำในวันอาทิตย์นี้ งานสัปดาห์หนังสือ หนอนหนังสืออย่างพีระพลไม่พลาดหรอก เขาก็เลยถือโอกาสบอกกับท่านขุนให้ได้รู้ ตอนแรกท่านขุนจะให้พีระพลซ้อนมอเตอร์ไซก์เขาไป แต่พีระพลไม่ยอม...

เห็นยอมทุกอย่างมาตลอด...เอาเข้าจริงก็มีดื้อแหละนะ

เขากับพี่พีเข้ากันได้ดี...ดีมาก นี่ตอนนี้ท่านขุนเริ่มจะอยากจับพี่พีมานอนที่นี่ถาวรเสียแล้วด้วยซ้ำ เขามีค่ำคืนที่แสนหวานกับพีระพลแค่คืนวันเสาร์และก็วันอาทิตย์อีกนิดหน่อยเท่านั้น ท่านขุนรู้สึกว่ามันไม่เพียงพออะ...อยากได้อีก โลภมากจริงๆ เลยให้ตาย

อยากนอนกอดทุกวัน...อยากจูบทุกคืน อะไรแบบนี้ ติดที่ท่านขุนไม่กล้าบอกพี่พีของเขาเรื่องความต้องการนี้ ยังคิดว่าพี่พีไม่น่ามานอนที่นี่ถาวรได้ เท่าที่รู้พีระพลมีบ้านหลังเล็กๆ ของตัวเองอยู่หมู่บ้านไม่ไกลจากที่ทำงานนัก ซื้อมาด้วยเงินตัวเองอีกด้วย แบบนี้เท่ากับว่าพี่พีก็มีบ้านที่ต้องดูแลอยู่ จะทิ้งบ้านมาอาศัยกับเขาเลยดูจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าการจับพี่พีมาเป็นแฟน

เข้าใจ...เลยต้องทนนี่ไง

โห่ คืนเดียวมันไม่พอหรอกนะ ท่านขุนเป็นเด็กหนุ่มไง ยังไฟแรงและยังต้องการอยู่เรื่อยๆ ที่จริงพี่พีก็ตามใจเขาแหละ ตามใจทั้งคืนเลยไง แต่ก็ยังไม่พอไง...เอาจริงๆ มาอยู่ด้วยกันไม่ต้องทำกันตลอดก็ได้แค่อยากอยู่ด้วยกันน่ะ

เฮ้อ...ช่วงนี้หมกมุ่นจัง

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น ท่านขุนไม่ได้หันไปมองหรอกเพราะกำลังเขียนใบรายการให้จิมออกไปซื้อของที่ตลาด เที่ยงวันนี้จะทำแกงเขียวหวานให้พี่พีทาน พร้อมขนมจีน เป็นแอ้ที่เอ่ยต้อนรับลูกค้า ทว่าเสียงของแอ้กลับหายไปง่ายๆ แค่คำว่าอ่าว...

“ทำอะไรน่ะ” แล้วท่านขุนก็รู้ว่าทำไมแอ้ถึงชะงักไป เมื่อผู้มาใหม่เข้ามายังห้องครัว ทั้งยังชะโงกหน้าเข้ามาดูสิ่งที่ท่านขุนกำลังเขียน

“เอ๋...จะทำแกงเขียวหวานเหรอ พอดีเลย ขอฝากท้องไว้ด้วยสิ” ผู้มาใหม่ยิ้มหวาน ยิ้มน่ารักและสดใส ท่านขุนขยับตัวถอยห่างออกมานิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าไหล่ของพวกเขาจะชนกันแล้ว

คนๆ นี้ชื่อรัก...เป็นแฟนเก่าของท่านขุน

มณีน้อยเห็นคนคุ้นเคยเข้ามาก็ตรงดิ่งเข้าไปคลอเคลีย รักละสายตาจากท่านขุนลงไปอุ้มเจ้าแมวน้อยขึ้นมา ยีหัวลูบหัวมณีด้วยความเอ็นดู แต่ท่านขุนไม่ได้รู้สึกชุ่มชื่นอย่างที่มณีเป็น เขาอึดอัด...เขาอยากหายไปจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำไป

“มาได้ไง...” ท่านขุนถามแค่สั้นๆ

“ก็ขับรถมาไง ท่านขุนไม่ได้ยินเสียงเจ้ายักษ์ของข้ารึขอรับ” รักเล่นแบบที่เคยเล่น

“โทษที ไม่ได้ยินเลย มีอะไรหรือเปล่าถึงมา”

“มาแบบไม่มีอะไรไม่ได้เหรอ...มาเพราะคิดถึงก็ไม่ได้หรือไง” คำพูดของรักยิ่งทำให้ท่านขุนรู้สึกอึดอัด บางทีคำว่าผู้ใหญ่มันก็ค้ำคอจนพูดอะไรหยาบๆ ออกไปลำบาก

“โทษทีนะ ขอเขียนต่อก่อนแล้วกัน” ท่านขุนทำอะไรไม่ถูก เขากลับไปสนใจเขียนใบรายการที่ต้องให้จิมไปซื้อ รักเล่นกับมณีน้อยของเขา...ใช้คำนี้จัดว่าถูกต้องที่สุด

มณีเป็นแมวของรัก เขาซื้อแมวน้อยมาเพื่อเป็นลูกของเขากับท่านขุน...เป็นเหมือนพยานรักก็ว่าได้ ตอนนั้นมีความสุขมากกับการเลี้ยงลูกแมวตัวนี้ด้วยกัน มณีถูกตั้งชื่อให้คล้องจองกับท่านขุน แถมมณียังรักท่านขุนมากในตอนนั้น เธอติดท่านขุนแจ อ้อนให้ท่านขุนป้อนนมอยู่ตลอด

ทว่าภาพความทรงจำสีหวานนั้นกลายเป็นสีเทาไปแล้วในหัวท่านขุน...ระหว่างเขากับรักจบกันไม่สวยเท่าไหร่

คู่อื่นอาจคิดว่าการที่คนรักเรานอกลู่นอกทางบ้างมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ถ้ารักกันก็ต้องให้อภัยกันแต่การที่รักมีคนอื่นแอบซ่อนเอาไว้มันทำให้ท่านขุนรับไม่ได้จริงๆ ต่อให้เป็นความผิดครั้งแรกของรักก็ตาม ท่านขุนไม่ยอมให้อภัยและตัดสินใจบอกเลิกง่ายๆ ทันทีที่จับได้ว่ารักเลี้ยงแฟนอีกคนไว้ที่คอนโดตัวเอง ความเด็ดขาดของท่านขุนในวันนั้นดูเหมือนคนไม่เคยรักแฟนคนนี้ แต่ไม่หรอก...ท่านขุนเจ็บปวดมากกับคำว่าเลิกกันเถอะ เราไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ

หลังจากบอกเลิก ท่านขุนก็เลิกติดต่อกับรักอีก ไม่คิดจะกลับไปสนใจคนทรยศคนนี้ ต่อให้ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ท่านขุนไม่ฟังเหตุผล ไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับท่านขุนแล้ว...การนอกกาย นอกใจจัดเป็นความผิดที่ไม่อาจยอมรับ เขาเกลียดสิ่งที่รักทำ เกลียดที่รักหักหลังความรักที่ท่านขุนได้มอบให้ แต่ถึงท่านขุนจะเด็ดขาดกับรักขนาดไหน ช่วงแรกรักก็มาตามตื๊อ มาขอโทษอยู่ดี

ตอนนั้นอารมณ์ร้อน...ท่านขุนกับรักต่อยกันที่ร้านเพราะท่านขุนอารมณ์ร้ายใส่ รักเองก็ไม่ยอม หาว่าท่านขุนไม่เคยรักตน เรื่องแค่นี้ก็ยอมให้กันไม่ได้ แค่ผิดไปครั้งเดียวเท่านั้นเอง คำพูดนั้นเห็นแก่ตัวสิ้นดี ท่านขุนไม่สนใจใครหน้าไหน เขาเป็นฝ่ายต่อยรักก่อนแล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกันหนักมาจนแยกจากกันไป

ช่วงนั้นเรียกว่าถ้าตายกูก็ไม่ไปงานศพ...

แล้วทำมันนี้ถืงโพล่มา?

“แปลกนะที่ขุนทำอาหารเอง” รักเปรยขณะที่ท่านขุนเดินออกไปด้านนอกเพื่อส่งรายการให้จิม

“จิมไปซื้อมาให้ทีนะ พี่รีบ” สั่งลูกน้องเสร็จก็หันไปหารัก เขาแย่งมณีน้อยมาอุ้มเอง

“วันนี้มาต้องการจะทำอะไร...รถมีปัญหาเหรอครับ” เหมือนพูดกับลูกค้าทั่วไป เรื่องนั้นผ่านมาเป็นปีแล้ว ท่านขุนรู้ดีว่าระหว่างเขากับรักจะไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิม แต่แปลกที่กาลเวลาทำให้เขาเริ่มปลงกับความเกลียดชังที่เคยมี

“กล่องดำเจ้ายักษ์มีปัญหาน่ะ ก็เลยเอามาให้ท่านขุนช่วยดูให้หน่อย นี่รักตั้งใจมากเลยนะ...อยากให้ท่านขุนเป็นคนทำเจ้ายักษ์เอง” พูดแบบนี้คือเอาใจหรือเปล่า ท่านขุนยิ้มการค้า...ยิ้มแบบที่ยิ้มให้ลูกค้าทุกคน

“ได้สิ เดี๋ยวผมดูให้” ท่านขุนปล่อยมณีลงไปเดินเล่นที่พื้น ซึ่งเธอก็ยังเดินป้วนเปี้ยนอยู่กับรักไม่ไปไหน มันเป็นความคุ้นชิ้น...เป็นความสนิทสนมที่อยู่ในตัวของมณี มันหายไปไม่ได้ ต่อให้คนสองคนเลิกกันไปแล้ว แต่ในความรู้สึกมณี นี่ก็คือคนอีกคนที่เธอรัก

รักไม่ได้ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก ทั้งรูปร่างและการแต่งตัว รักเป็นคนชอบใส่เสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ทับเสื้อยืดคอวีสีพื้น กางเกงต้องเป็นกางเกงฟอกขาดๆ นิดหน่อย เขามีแบรนด์ที่ใส่ประจำอยู่แล้ว ต่อให้มีกี่ตัวมันก็เป็นยี่ห้อนั้น ทรงผมสุดฮิตตามเทรน รองทรงสั้นแต่ด้านหน้าไว้ยาว จัดให้มันตั้งๆ นิดหน่อยเสริมให้รักดูหล่อเหลา แล้วยังมีแว่นสีชาแหน็บอยู่ที่คอเสื้อ รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแบบหุ้มข้อ เจ้าตัวเดินตามเจ้าของร้านออกมาด้านนอก

ท่านขุนไม่ได้ให้ความสนใจกับรักนัก เขาคิดว่าตอนนี้รักก็เหมือนลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ลูกค้าจะซอมซ่อ หรือว่าดูสติไม่ดีขนาดไหน เขาเป็นเจ้าของร้านก็ต้องต้อนรับขับสู้ เพราะสิ่งที่เราต้องการก็คือเงินของเขา ปฏิเสธไม่ได้นะ...ทำงานเพื่อเงินนี่

เจ้ายักษ์เป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู ทรงสปอร์ทพันซีซี คนอื่นเรียกมันว่าฉลามขาวด้วยรูปลักษณ์ของมันเหมือนปลาสายพันธุ์นี้มาก ช่องระบายอากาศตรงแฟริ่งด้านข้างเป็นขีดสามขีดราวกับเหงือกของฉลามไม่มีผิด ไฟหน้าหรือเรามองว่ามันคือหน้าตาของรถก็โฉบเฉี่ยว ดูดุดันบวกกับความแรงของมัน จัดว่าเจ้านี่มันเป็นนักล่าตัวหนึ่งทีเดียว

ท่านขุนเอาแสตนด์สำหรับทรงตัวรถมาทางล้อหลัง จากนั้นใช้มันงัดรถตั้งตรงเพื่อจะได้ทำการแง้มดูอุปกรณ์ควบคุมไฟด้านใน กล่องดำเป็นสิ่งที่คนรักความเร็วส่วนใหญ่เขาใส่กัน มันสามารถควมคุมไฟทั้งคันรถได้ และยังทำหน้าที่เหมือนปลดลิมิตรเตอร์ความเร็วแต่ละคัน เหมือนว่ารถต่อให้ซีซีสูงต่อแค่ไหน ทางศูนย์ก็จะมีค่าควบคุมความเร็วของรถนั้นๆ อยู่ เพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกันไป บางแบรนด์ก็ทำเพื่อประหยัดน้ำมัน ในขณะที่บางแบรนด์ไม่ทำเพื่อขับเน้นเรื่องของความเร็วรถ

“ให้รักช่วยไหม”

“ไม่เป็นไรครับ” ท่านขุนก้มๆ เงยๆ หยิบจับเครื่องมือ แอ้ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะว่าตรงนั้นมันไม่สะดวกกับการมีคนจำนวนมาก เขายืนอยู่ไม่ห่าง เฝ้ามองดูเจ้านายตัวเองกับคนรักเก่าคุยกันเรื่องรถ

ไม่ได้สานต่อควาทรงจำเก่าก่อน ท่านขุนถามแค่อาการของมันและสิ่งที่รักต้องการในการทำรถครั้งนี้ ซึ่งรักก็ตอบเป็นการเป็นงาน เอาเข้าจริงรักเองรู้เรื่องรถไม่ได้น้อยไปกว่าท่านขุน ถึงท่านขุนเปิดร้านซ่อมรถแต่รักเองก็ซ่อมเป็นเช่นกัน ช่วงที่คบกันพวกเขาช่วยกันซ่อมรถที่เข้ามาอยู่ตลอด เป็นเหมือนหุ่นส่วนที่สำคัญ ทั้งในงานและในชีวิต

ไม่น่าเชื่อ...ทั้งที่เชื่อว่ารักกันมากไม่คิดจะเลิกราจากกันได้ ตอนนี้สิ่งนั้นกลายเป็นแค่ความทรงจำสีหม่นไปเสียแล้ว ท่านขุนไม่โหยหาความรักเลวๆ เขารู้ ผิดที่เขาแหละเป็นคนง่ายๆ เขาใช้ความรู้สึกนำทาง...เขารักรัก และเชื่อว่ารักก็รักเขามากจนไม่มีทางทรยศเขาได้ แล้วยังไง...นี่ไงบทสุดท้ายของความรักที่มีแต่ความรู้สึก

พูดไม่ได้หรอก...ตอนนี้ท่านขุนก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ และเขาก็ยังเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง จะว่าทุเรศก็ได้ ตอนนี้ท่านขุนรักพี่พีของตนยิ่งกว่ารักรักในอดีตเสียอีก ทั้งที่พวกเขารู้จักกันได้ไม่นานและคบหากันมาแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น

“โอเค...สรุปตามนี้ เดี๋ยวผมจะดูอะไหล่ให้ แล้วก็จะเริ่มทำช่วงบ่ายๆ ไว้พรุ่งนี้รักค่อยมารับรถแล้วกันครับ” หลังคุยงานเสร็จ ท่านขุนก็สรุปให้รักฟัง รักไม่ได้มองรถเลย...เขามองท่านขุนไม่วางตา

“นี่ไล่กันหรือเปล่า” ท่านขุนอยากพยักหน้า

“เปล่าครับ หรือว่ารักสนใจสินค้าตัวอื่น...”

“สนใจท่านขุนนี่นับไหม” อยากกรอกตาเป็นเลขแปดแต่ทำไม่ได้ ท่านขุนยังคงยิ้มบางๆ

“ความหน้าหม้อนี้ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ อ๋อใช่ รักบอกจะฝากท้องนี่นะ งั้นเข้าไปรอข้างในเถอะครับ” ไม่อยากต่อปากต่อคำ ท่านขุนเดินนำเข้าไปในร้าน รักเดินตาม มณีเข้ามาคลอเคลียทันที

“ขี้อ้อนจังน้า อ้อนไปก็ไม่มีของให้หรอกครับมณี” รักเอ่ยกับแมวน้อย ท่านขุนกดโทรศัพท์หาจิมเพื่อถามว่าได้ของหรือยัง

ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะรับสาย จิมก็โพล่หัวเข้ามาในร้าน เขาเดินมาตรงหน้าท่านขุน สองมือเต็มไปด้วยสิ่งของที่ท่านขุนสั่งให้ซื้อมา จิมวางของข้างหนึ่งลง มันคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสายของท่านขุนต่อหน้าเจ้าของสายเรียกเข้า

“เดี๋ยวเถอะมึง” ท่านขุนรีบตัดสาย

“ฮ่าๆ ก็พี่อะจะรีบไปไหน...แกงทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” จิมช่วยท่านขุนเอาของเข้าไปในครัว มันวางทิ้งเอาไว้แล้วเดินออกไปเลย รอกินอย่างเดียว

“จิมนี่ยังขี้เกียจเหมือนเดิม แถมท่านขุนของกระผมก็ยังใจดีกับทาสเช่นมันอยู่ดี” ดูสำนวน...เพื่อนเล่นเหรอ

“ฮ่าๆ ก็นะ...อยากให้มันเป็นลูกน้องคนเดียวในประเทศที่สบายกว่าเจ้านายของมัน” ฟังดูก็รู้ว่าเสียงหัวเราะนั้นมันเหมือนหัวเราะเยาะมากกว่า

“แล้วคิดยังไงถึงทำอาหารเองล่ะ” ปกติอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน รักไม่ค่อยเห็นท่านขุนทำอาหาร ให้ลูกน้องออกไปซื้อของตลอด

นั่นสิ...ทำไมถึงกลายเป็นคนชอบทำอาหาร คำตอบเหรอ หาง่ายจะตาย...ก็เพราะคนที่กำลังจะมากินข้าวเที่ยงด้วยน่ะสิ พี่พีชอบบอกว่าอาหารที่ท่านขุนทำอร่อย ไม่ว่าท่านขุนจะทำอะไรพี่พีก็ชอบทั้งนั้น นั่นแหละ...ท่านขุนทำเพื่อพี่พีของเขายังไงล่ะ

“ก็...จะว่ายังไงดีล่ะ” ท่านขุนหันไปยิ้มเจ้าเล่ให้รัก ขณะที่มือของเขากำลังเอาของต่างๆ ออกมาจากถุง

“หรือว่าเพราะวันนี้ท่านขุนนึกคึกอะไรใช่ไหม ถ้าใช่นี่...รักโชคดีมากเลยนะที่มาได้จังหวะ” รักเท้ามือกับเคาน์เตอร์ครัว เขาขยับเข้าใกล้ท่านขุนมากขึ้น

“มั้ง แต่ช่วยหลบหน่อยได้ไหม ผมว่ารักควรนั่งรอ”

“ไล่กันนี่นา”

“ครับ” คราวนี้ท่านขุนไม่ปฏิเสธ รักเบะปากใส่นิดหน่อย มันก็ดูน่ารัก...เมื่อก่อนอะนะ

“แล้วช่วงนี้ท่านขุนเป็นยังไงบ้าง...สบายดีไหม” รักไปนั่งรอตรงโต๊ะกินข้าว

“ก็ดี”

“เหรอ นั่นสิ...ท่านขุนดูมีความสุขดีนี่เนอะ แล้วไปได้ไปทริปมั้งปะ รักว่านะ...ตอนนี้อะน่าเที่ยว คนไม่ค่อยเยอะดี นี่กลุ่มรักก็มีแผนจะไปเที่ยวกันวันอาทิตย์นี้ ไปทะเล...ไปปะ เราไม่ได้ซิ่งด้วยกันนานแล้ว ท่านขุนนี่ยังเข้าโค้งสวยอยู่หรือเปล่าน้า” รักพูดเรื่อยเปื่อยดูเป็นธรรมชาติ ก็เขาเคยคบกัน...เขาเป็นคนคุ้นเคย

“วันอาทิตย์นี้ไม่ว่างหรอก”

“อ่าว ทำไมอะ ท่านขุนมีแผนไปไหนเหรอ...รักไปด้วยได้ไหมอะ”

“จะไปงานหนังสือ” เป็นคำสั้นๆ ที่ทำให้รักคิ้วขมวด

“งานหนังสือเดี๋ยวนี้เขามีโคโยตี้เหรอท่านขุน...ฮ่าๆ ตลกอะ ท่านขุนไปงานหนังสือเนี่ยนะ ไปทำอะไร ปกติท่านขุนอ่านอะไรรอดที่ไหน เจ็ดบรรทัดก็หลับแล้วเราอะ” เออ ไม่ปฏิเสธ ทุกวันนี้ก็อ่านไม่ได้เยอะขึ้นหรอก แต่รู้เรื่องหนังสือเยอะนะ...พี่พีเล่าให้ฟัง

“มันตลกขนาดนั้นหรือไง ไปงานหนังสือก็ต้องไปดูหนังสือ...งานหนังสือไม่ได้มีโคโยตี้ให้ดูอยู่แล้วปะ” ท่านขุนว่ากลับสบายๆ

“มันไม่ตลก แต่มันแปลก...หรือว่าท่านขุนของรักเปลี่ยนไปแล้วกันนะ”

“ผมไม่ใช่ของคุณ” เกิดความเงียบไปชั่วอึดใจเมื่อคำตรงไปตรงมาออกมาจากปากของท่านขุน เจ้าของคำพูดไม่ได้สนใจเลยว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร เขากำลังทำอาหาร หั่นมะเขือเปราะแบบพอดีคำ

ท่านขุนตั้งหม้อบนเตาให้ร้อน ใส่น้ำมันไม่มากนัก มีไอร้อนออกเขาก็เริ่มใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผัดให้กลิ่นหอมฉุย นี่ถ้ามากความสามารถกว่านี้เขาจะตำเครื่องแกงเอง ติดที่เขาไม่มีปัญญาทำมากขนาดนั้น จากนั้นก็ใส่ไก่หั่นสำเร็จรูปลงไปผัดกับเครื่องแกง ให้เครื่องแกงซึมเข้าสู่ชิ้นไก่เหล่านั้น ท่านขุนมีความสุขมากกับการทำ ต่อมาก็เทกะทิลงไป...

“รักขอโทษ...” ดูเหมือนอีกคนเพิ่งจะหาคำพูดตัวเองเจอ

“ไม่เป็นไร ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น”

“อื้อ ดีใจที่ไม่ทำให้ท่านขุนเคืองอีก...ไม่อยากให้ท่านขุนโกรธเกลียดรักแล้ว” มันเข้าหูซ้ายและทะลุไปหูขวาแหละในความรู้สึกท่านขุน ตอนนี้เขามีแค่พี่พีกำลังจะมา เขาต้องตั้งใจทำ...พี่พีกินรสจัด เติมพริกอีกดีไหมนะ...

“แล้วชีวิตรักเป็นไงบ้างล่ะ” ไม่ได้ถามเอาอะไรนะ ถามไปงั้นๆ...

“ก็โสด...โสดมาเป็นปีแล้วล่ะ หาคนใหม่ไม่ได้เลย ไม่เคยลืมคนเก่าได้...” ติดว่ามันเป็นคำพูดที่น่าจะทำให้ท่านขุนรู้ตัว การที่รักกลับมาแบบนี้เพราะรักมีจุดประสงค์

หึ...ท่านขุนรู้แล้วล่ะ

“อ๋อ อืม...สู้ๆ ล่ะ” โคตรไร้ความรู้สึกร่วม

“นี่...เรากลับมาเริ่มต้น...” รักกำลังจะเอ่ยสิ่งที่ต้องการบอก ถ้าไม่ติดว่าเสียงกระดิ่งหน้าร้านมันดังขึ้นเสียก่อน...

พี่พีมาแล้ว…

….100%….

ก่อนอื่นเราต้องขอโทษมากๆ เลยค่ะที่หายไปหลายวันจัด พอดีเรายุ่งๆ นิดหน่อย ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ หลังจากนี้จะมาบ่อยขึ้นค่ะ งานเคลียไปได้เยอะแล้ว…ดีจายยยยย

ตอนหน้าแฟนเก่าปะทะแฟนใหม่ล่ะ!  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-03-2018 20:48:43
รอดูว่าพี่พีจะทำไง
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-03-2018 20:49:19
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 31-03-2018 21:09:28
ชูป้ายไฟรอตอนต่อไป
แฟนคลับพี่พีเชิญทางนี้เลยค่ะ
แฟนเก่าก็อยู่ส่วนแฟนเก่าไป
คนที่ไม่ซื่อสัตย์กับคนรักก็สมควรแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 31-03-2018 22:11:08
พี่พีอาจจะใช้ความสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว  แต่ก็อยากเห็นพี่พีหึงเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 31-03-2018 22:37:19
ลุ้นๆ ตอนหน้าพี่พีคนดีจะเป็นยังไงถ้ามาเห็นแฟนเก่าของขุน
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-04-2018 01:15:47
หูยยยยย ลุ้นเลยว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 01-04-2018 02:41:34
 :hao7: โอ้โหว มาแล้วว คนในอดีตท่านขุน พี่พีก็มาแลเว กรี้ดดด 55555 ลุ้น รอค่าา
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 01-04-2018 12:37:23
หมั้นไส้แฟนเก่ามั่กๆ รุสึกดีที่ขุนมีคนมาจีบเยอะ คนมันมีเสน่ห์ :katai3:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 13 **100%** 31-03-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 02-04-2018 15:35:37
ค้างงงงงงงงง มากมายยย :katai1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 02-04-2018 21:24:53
>….ตอนที่ 14 [100%]….<

“หวัดดีครับพี่พี” แอ้ยกมือไหว้หน้านิ่งเช่นเดิม

“หวัดดีพี่...” ส่วนจิมเริ่มหวาด...แฟนเก่ากับแฟนใหม่มาเจอกันวะ!

“ครับ” พีระพลยกมือรับไหว้น้องๆ ทั้งสองคน เป็นสิ่งที่จิมกับแอ้ชอบนะ...ทุกครั้งที่สวัสดีพีระพล เขาจะยกมือไหว้ตอบเหมือนการรับไหว้เสมอ เหมือนตอนเรียนครูก็สอนเงี่ย แต่โตมาเจอคนทำแบบนี้น้อยมาก ผู้ใหญ่นี่แทบหาไม่เจอ...ยกมือไหว้แล้วก็เออๆ หวัดดี

สิ่งแรกที่พีระพลมองหาไม่ใช่ท่านขุนแต่เป็นมณี ปกติมณีจะอยู่ที่โซฟากลางร้านสำหรับรับแขก มันเห็นได้ง่าย แต่วันนี้เขาไม่เห็น ซ้ายขวาไม่มี เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในครัว กลิ่นหอมลอยออกมาจากที่นี่ และอีกคนที่เขามองหาต่อจากมณีเสมอก็คือท่านขุน...

“พี่พีมาเร็วจัง ผมยังทำไม่เสร็จเลย...” ท่านขุนเอ่ยทักแต่พีระพลกลับมองไปที่รัก ถึงจะอาวุโสกว่า แต่พีระพลก็ก้มหัวให้หน่อยๆ เป็นการทักทาย

“วันนี้งานพี่เสร็จเร็วน่ะ ก็เลยมาก่อน...มีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ” เหนือกว่าคนแปลกหน้าคือ...มณีนอนหนุนแขนคนๆ นี้อยู่แฮะ

“อ๋อ เออ...นี่พี่พีเป็นแฟนเรา ส่วนนี่ชื่อรักเป็นเพื่อนผมเองพี่”

“อา...สวัสดีครับ” รักจำต้องเอ่ยทักทั้งที่ยังอึ้งอยู่หน่อยๆ

“ครับ แปลกดี...มณีเป็นมิตรกับคุณด้วย เธอไม่เคยเป็นมิตรกับผมเลยล่ะครับ” พีระพลดูเป็นมิตรมากๆ แต่คนที่อยากกลับมาเอาแฟนเก่าคืนมันมีอคติอยู่แล้วล่ะ

“ก็...”

“รักเป็นเพื่อนผมนานแล้วไงพี่ รู้จักกันตั้งแต่มณียังตัวเล็กๆ อยู่เลย...”

“อ๋อ” พีระพลเข้าใจไม่ยาก เขายิ้มรับบางๆ แล้วเข้าไปช่วยท่านขุนทำอาหาร

รักมองดูคนสองคนยืนเคียงคู่กันตรงเคาน์เตอร์ครัว...ความต่างนี้มันอะไร อีกคนแต่งตัวถูกระเบียบไปทุกสัดส่วน นี่พักเที่ยงนะ แต่ชายเสื้อสีน้ำตาลอ่อนไม่มีหลุดออกมาจากกางเกงแสล็กสีดำนั่นเลย แว่นตาไร้กรอบนั่นอีก...หล่ออยู่หรอก แต่ไม่คิดเหรอว่ามันดูเชยอะ ทรงผมถูกตัดและแต่งให้เข้าทรงแม้ไม่ต้องเซท เรียบร้อยอย่างกับนักวิชาการ แล้วดูท่านขุนสิ...ไม่เข้ากันเลย

“รักช่วยไหม...” แล้วรักก็เอ่ยปาก ท่านขุนเหลือบมามองนิดหน่อย

“ไม่ต้องก็ได้ครับ”

“หน่า...อยากช่วย” รักเข้าไปเบียดอีกข้างของท่านขุน เขาเอื้อมมือเอาจานมาวางเรียงๆ ล้างมือก่อนจะหยิบขนมจีนใส่ ใกล้ชิดกับท่านขุนมากกว่าพีระพลที่อยู่ไม่ห่างนักแต่ก็ไม่ชิดจนน่าเกลียด

มันอาจผิดที่พีระพลเองคิดว่าการที่เราทำตัวสวีตหวานต่อหน้าคนอื่นที่เป็นแขกมากเกินไปมันจะไม่เหมาะสม เขาจึงวางตัวกลางๆ ไม่ได้ห่างอย่างกับคนไม่รู้จัก ไม่เอาสังคม แต่ก็ไม่ได้ใกล้ขนาดที่ว่าจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัว

แล้วตอนนี้อะไร...รักเบียดจนเขาต้องถอยออกมา

ก็ไม่เชิงว่าเบียดจนยืนต่อไม่ได้ พีระพลแค่รู้สึกว่ามันเริ่มอึดอัดแล้วที่ชายสามคนตัวสูงเกินร้อยเจ็ดสิบจะมายืนเบียดกันหน้าเตาครัว เขาเดินไปที่โต๊ะกินข้าว นั่งลงพลางมองสำรวจ ท่านขุนมีท่าทีรำคาญอยู่บ้าง ส่วนรักก็ร่าเริงสดใส อย่างกลับได้แกล้งท่านขุนเล่น...แบบเพื่อนกันแกล้งกัน

แต่เกินไปไหมล่ะ...ไหล่ชิดกันขนาดนั้นน่ะ เกินไปหรือเปล่า

พีระพลลืมแมวน้อยไปสนิทใจ เขาจดๆ จ้องๆ อยู่กับคนสองคนใกล้ๆ เมื่อกี้ที่ช่วยแกงก็ใกล้เสร็จแล้วแค่จัดจานก็พร้อมทาน มือไม้แทบจะพันกันอยู่รอมร่อ ท่านขุนหลีกแล้ว รักก็ตามเกาะแกะอยู่ดี พีระพลคิดว่าตัวเองคงคิดมากไป..เพื่อนกันแค่นั้นแหละไม่มีอะไร

ขนมจีนสามจานถูกเอามาเสิร์ฟ ท่านขุนนั่งลงข้างพีระพล ส่วนรักนั่งที่เดิมตรงข้ามทั้งสอง ผักเคียงมีไม่มากนักเพราะท่านขุนเองก็ไม่ได้ชอบผักเท่าไหร่ พริกแห้งก็คั่วไม่ทัน ขนมจีนเขียวหวานไก่ตรงหน้าน่าทานมากๆ ถึงไม่เคี้ยวนานแต่ก็ดูเข้มข้นดี

“ผมตำพริกเพิ่มลงไปด้วย พี่พีชอบทานเผ็ดนี่เนาะ...เดี๋ยวผมเอาน้ำให้” ว่าจบท่านขุนเดินไปเอาน้ำกับแก้วมาวางเรียง

“ดูแลดีเสมอเลยน้า...” รักพูดไปก็ส่งสารตาหวานไป พีระพลเห็นทั้งหมดนั่นแหละ

“แล้วคบกันนานยัง” รักเปิดประเด็นขึ้นมาเมื่อท่านขุนนั่งลง

“เดือนกว่าๆ เองครับ” พีระพลเป็นฝ่ายตอบ

“อ๋อ เพิ่งคบกันนี่เอง...” เหมือนรักเยาะเย้ยแปลกๆ ท่านขุนรู้แหละ แต่แสดงอาการอะไรมากไม่ได้ พีระพลเองก็ยังยิ้มอยู่...เขาไม่ได้โง่ เขาแค่มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเก็บอารมณ์ส่วนตนเอาไว้ข้างใน

“กินๆ ไปเหอะ” ท่านขุนเอ่ยเสียงห้วนนิดๆ ติดความไม่พอใจหน่อยๆ

“ไม่ต้องรีบกินก็รู้ว่ารสมือของท่านขุนอร่อยขนาดไหน รักยังจำได้อยู่เลย...ครั้งแรกที่ท่านขุนทำอาหารให้รักทาน เมื่อก่อนท่านขุนไม่ชอบทำอาหารนะครับ นี่ถ้าผมไม่สบายแล้วอ้อนท่านขุนวันนั้น ผมก็คงไม่ได้ทานอาหารฝีมือท่านขุนหรอก คนอะไร...ขี้เกียจ” ท่าทางเย้าหยอกเป็นกันเองสุดๆ ที่จริงแจ็กก็หยอกเอินท่านขุนแบบสนิทสนมเหมือนกัน แต่ไม่มีแววตาหวานแบบที่รักทำอยู่ตอนนี้

“เหรอครับ...”

“ใช่ครับ พี่อาจ ‘มาทีหลัง’ ก็เลยยังไม่รู้จักท่านขุนดี ผมน่ะ...’มาก่อน’ ก็เลยรู้จักท่านขุนเหมือนรู้จักตัวเองเลยล่ะครับ เนอะ...นี่ๆ ตอนที่เราไปเที่ยวทริปที่สังขะบุรีด้วยกัน สนุกมากเลยเนอะ ตอนนั้นท่านขุนกอดเอวรักแน่นเชียวตอนรักเข้าโค้งน่ะ” พูดไปยิ้มแย้มไป รักพยายามเน้นคำเพื่อตอกย้ำให้พีระพลรู้ว่าตนเองเป็นคนที่มาทีหลัง

พีระพลยิ้มรับง่ายๆ เขาไม่มีคำพูดจะต่อคำรัก เหมือนอีกฝ่ายพูดกับท่านขุนมากกว่าไม่ใช่กับเขา พีระพลเริ่มทานขนมจีนเขียวหวานในจานของตนเอง คล้ายไม่รู้สึกอะไร แต่ท่านขุนรู้สึกอึดอัดมาก อยาจะลุกขึ้นไปต่อยปากเสียๆ นั่นเสียหนึ่งที อย่าคิดว่าเขาไม่รู้จุดประสงค์ของรักที่เอ่ยคำพูดคำจาทำนองนี้

“มันก็แค่เรื่องเก่าน่ะ...” ท่านขุนเหลือบมองพีระพล พี่พีของเขานิ่งมากและก็ยังดูเป็นมิตรไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่นิด ท่าทีแบบนั้นทำให้ท่านขุนคิดว่าพี่พีอาจจะไม่เข้าใจกลเกมของรักก็ได้

“เก่าเหรอ ไม่เก่าหรอก...สำหรับรักอะ มันยังเป็นความทรงดีๆ อยู่เลย...รักอยากให้ท่านขุนไปเที่ยวกับรักอีก วันอาทิตย์นี้เราไปด้วยกันนะ งานหนังสืออะไรนั่นช่างมันเหอะ...น่าเบื่อออก ท่านขุนไม่คิดเช่นหรือขอรับ” ไม่วายหยอกด้วยสำเนียงที่เขาสองคนมักใช้ พีระพลกินเงียบๆ...ไม่พูดถึงจะไม่พอใจที่ว่างานหนังสือน่าเบื่อ

พีระพลเข้าใจ วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่ชอบอ่านหนังสือและมองว่างานมหกรรมหนังสือเป็นงานน่าเบื่อแห่งชาติ ต่อให้หนังสือมันมีเสน่ห์แค่ไหนในสายตาพีระพล แต่เพราะตัวหนังสือมากๆ ไม่มีลวดลายหรือภาพสวยๆ ทำให้มันดูเป็นยานอนหลับชนิดหนึ่งของคนที่ไม่ชอบ

“รัก” ท่านขุนกดเสียงเล็กน้อย เขาไม่กล้าวางท่าทีไม่พอใจมากนักต่อหน้าพี่พี จะว่าเขาสร้างภาพก็ได้นะ และใช่...ท่านขุนกำลังสร้างเพราะไม่อยากให้พีระพลมองดูตนเองเป็นคนไม่ดี

“อะไรล่ะ มันจริงนี่...ทะเลที่เราจะไปรอบนี้นะ ห้องพักสวยมาก เราไม่ต้องจองห้องใหม่เพราะเรา ‘นอน’ ห้องเดียวกัน ดีมะ...จ่ายแค่ค่ากินเอง รับรองว่าอาหารทะเลที่นั่นสุดยอด รักเคยไปรอบหนึ่งแล้ว นะ...เราไปซิ่งด้วยกัน ถึงรอบนี้ท่านขุนจะไม่ได้นั่งซ้อนท้ายเรา แต่แค่ได้ขับรถไปด้วยกัน...มันก็มีความสุขแล้ว” ราวกับกำลังสานต่อความหลังเก่าก่อนต่อหน้าพีระพล

ไม่ใช่เพื่อนเก่าหรอก...ไม่ใช่!

ความรู้สึกของพีระพลบอกแบบนั้น คำพูดคำจาแบบนี้...เรื่องเล่าและความทรงจำแบบนี้ น้ำเสียงหวานๆ และสายตากระเง้ากระงอดอย่างนี้ สองคนนี้ต้องเป็นมากกว่าเพื่อนมาก่อน พีระพลเริ่มเครียด...เริ่มไม่พอใจในสิ่งที่รักกำลังทำอยู่ แต่มันก็พูดยาก เขาเลยเลือกที่จะนิ่งต่อไป และกล่อมให้ตัวคิดไปเสียว่า...เขาเป็นเพื่อนที่มีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมามาก

รักเป็นคนเดียวที่ร่าเริงในเวลานี้...ไม่สิ มณีก็ดูมีความสุขที่คนของเธอทั้งสองคนอยู่พร้อมหน้ากัน ต่างกับท่านขุนและพีระพลอย่างสิ้นเชิง พีระพลอาจดูออกยากไปหน่อยเมื่อเขาไม่แสดงออกเลยนอกจากยิ้มบางๆ ยามฟังเรื่องราว แต่ท่านขุนเนี่ยสิ...คิ้วขมวดไปหมดแล้ว เขาเครียด และไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี เขาควรได้พูดกับรักตรงๆ ถึงสิ่งที่รักกำลังทำอยู่ ทว่าอีกใจ...มันร้อนรน มันรอจนพี่พีกลับไม่ได้ ไม่อยากให้กลับด้วยซ้ำถ้าเป็นไปได้

“คุณพีไปด้วยกันไหมครับ สนุกนะ” เห็นท่านขุนเงียบ รักก็หันไปชวนอีกคนที่ดูเป็นมิตรกว่าแฟนเก่า

“อืม...ผมคงไม่สะดวกน่ะครับ”

“อ่าวเหรอครับ เสียดายจัง ว่าแต่คุณขับรถรุ่นอะไร...อยู่คลับไหน ผมรู้จักหรือเปล่า” ใบหน้าหล่อดูไร้พิษภัย แต่คำพูดแบบนั้นเหมือนจะตอกย้ำว่าพีระพลไม่เหมาะกับท่านขุน รักดูออก ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขับบิ๊กไบก์อย่างที่ท่านขุนขับ และอาจไม่ได้มีชีวิตแบบที่ท่านขุนมี

“ผมขับรถเก๋งน่ะ รถญี่ปุ่นเก่าๆ” พีระพลเอ่ยอย่างถ่อมตน

“คุณไม่ได้ขับบิ๊กไบก์เหรอ แปลกใจจัง ผมนึกว่าจะขับบิ๊กไบก์เสียอีก เห็นเป็นแฟนกัน...คือ อย่าว่าผมเลยนะ ผมแค่คิดว่าแฟนกันก็ควรจะมีอะไรเหมือนๆ กัน อย่าง...การได้ขับบิ๊กไบก์คันโปรดไปเที่ยวด้วยกัน มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากเลยนะครับ เป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก” สายตาหวานล้ำนั้นถูกส่งมาให้ท่านขุน ขนาดพูดกับพีระพลแต่มองท่านขุนไม่วางตา

ถ้าอยู่กับครอบครัวของพีระพล...รักจะโดนมองว่าไร้มารยาทอย่างหนัก พีระพลถอนหายใจเบาๆ เขาโกรธ แหงล่ะ...เขาต้องโกรธอยู่แล้ว แบบนี้ไม่ต่างกับการตอกย้ำเรื่องช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับท่านขุน แถมยังเหมือนใช้ความต่างของเขาเป็นตัวเชื่อมให้กับตนเองและท่านขุนอีก

พีระพลรู้สึกไม่อยากกินข้าวแล้ว แต่เพราะท่านขุนเป็นคนทำ เขาจึงกินมันจนหมดโดยใช้เวลาเร็วกว่าปกติ ดวงตาสีน้ำตาอ่อนมีแววเคืองขุ่นเล็กน้อย หากสังเกตหรือรู้จักกันดีพอ...จะรู้ว่าตอนนี้พีระพลพร้อมสู้นะ ถ้าจะเอา แต่ก็อีกแหละ...ทั้งชีวิตของพีระพล เขาไม่เคยมีเรื่องต่อยตีกับใครเลย ไม่เคยแม้แต่จะมีปากเสียงกับใครทั้งนั้น

“งั้นเหรอครับ พอดี...ผมขับมอเตอร์ไซก์ไม่เป็นน่ะครับ” เป็นความจริง พีระพลไม่เคยขับมอเตอร์ไซก์เลย

“โห คุณนี่มีแต่เรื่องแปลก”

“พอเราต่างกัน มันก็เลยดูแปลกมั้งครับ” พีระพลตอบกลางๆ

“นั่นสินะครับ” ใจจริงอยากจะบอกว่าพีระพลอะแปลกเกินคนธรรมดาเขาแล้ว คนอะไร...จืดชืดเป็นบ้า

“พี่พีอิ่มยัง ผมเก็บให้นะ...” ท่านขุนกินไม่ลงนานแล้ว เขารีบแย่งจานของพี่พีมาซ้อนจานของตนเอง

“รักก็อิ่มแล้ว รักช่วยนะ” คนถูกช่วยส่งสายตาไม่พอใจไปให้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ออก สถานการณ์แบบนี้แม่งน่าหงุดหงิดฉิบหาย!

พีระพลเลือกที่จะไม่มองภาพของคนสองคนนั้น ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนปกติดีทุกอย่าง ในใจเหรอ...แทบจะท่องพุธโธอยู่แล้ว ยุบหนอพองหนอ อะไรก็ได้ที่ทำให้ใจเย็นลงอะ

โคตรหงุดหงิด!

ร่างสูงนั่งลงตรงโซฟาสีดำตัวเดิม มณีไม่ได้มาหาเขาแต่คลอเคลียอยู่กับสองคนนั้น เจ้าตัวถอดแว่นสายตาออกแล้วนวดบริเวณหัวตาตัวเองนิดหน่อยเพื่อผ่อนคลายตัวเอง เขาไม่พอใจรักเลย ไม่ชอบมากๆ อย่างกับรักพยายามเสี้ยมให้เขากับท่านขุนแตกคออะไรทำนองนั้น คิดแง่บวกกับผู้ชายคนนี้ไม่ออก

ความสนิทสนม ความรู้ใจและความทรงจำของคู่นี้ดูเหมือนคนรักกันมากกว่าจะเป็นเพื่อนกัน นี่พยายามแล้ว...พีระพลพยายามไม่คิดมากแล้วจริงๆ เขาห้ามไม่ได้เลย ยับยั้งความคิดด้านลบของตัวเองไม่ได้ไม่ว่าจะทำยังไงในตอนนี้ก็ตาม ถ้าเอาหนังสือออกมาอ่านก็คงทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ พีระพลเหลือบมองไปทางด้านในครัว ระหว่างทางจากเขาไปครัวนั้นมีลูกน้องของท่านขุนนั่งอยู่ทั้งสองคน ซึ่งสองคนนั้นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจอย่างเห็นได้ชัด

มันไม่ใช่เพื่อนจริงๆ...แน่ๆ ยังไงก็ไม่ใช่ แต่ไม่ว่ารักจะเคยเป็นอะไร รักก็ไม่มีสิทธิ์ใช้คำพูดกับเขาแบบนี้...เขารู้สึกว่ารักขาดความเป็นผู้ใหญ่ ใช้คำหยาบเลยก็คือรักดูหน้าด้านมาก ไม่มีมารยาท ไม่มีใครสั่งสอนเหรอ...หรือมีคนสั่งสอนแล้วแต่มันไม่จำกันล่ะ

ทั้งคู่เดินออกมาพร้อมกัน รักยังคงพูดถึงเรื่องความทรงจำเก่าๆ ของเขาทั้งสองคน ความทรงจำอันดีที่พีระพลไม่รู้กับเขาด้วย พีระพลตัดสินใจหยิบมือถือออกมากดเล่น ในขณะที่สองคนนั้นนั่งลงข้างเขา รักแยกไปนั่งอีกตัวฝั่งเดียวกับท่านขุน

“พี่พีดูอะไร...” ท่านขุนเบียดเข้ามาใกล้ ชะโงกหน้ามอง ดูอ้อนๆ เล็กน้อย

“หืม ก็...ดูรายการหนังสือนิดหน่อยนะ”

“คุณชอบอ่านหนังสือเหรอ” พีระพลและท่านขุนเหลือบตาไปมองรักพร้อมกัน มันคือเสือก...มันคือการยุ่งอย่างไม่เข้าเรื่องและไม่ควรทำเลย

“ใช่ครับ ผมชอบอ่านหนังสือน่ะ...” รักทำหน้าเหรอหรา

“ผมว่ามันน่าเบื่อ”

“ผมเข้าใจครับ คนชอบก็ชอบอะเนาะ คนไม่ชอบทำยังไงก็ไม่ชอบหรอกครับ อีกอย่าง…ผมว่าหนังสือมันให้ความรู้ดีนะ ลองอ่านดูบ้าง เพิ่มความรู้ให้ตัวเองไงครับ” พีระพลยิ้มไร้พิษภัย ทว่าคำพูดของเขาก็มีความจิกกัดอยู่ในที ท่านขุนอยากจะยิ้มนะ...แต่ก็ไม่กล้า รักขบกรามตัวเองหน่อยๆ เพื่อข่มอารมณ์

“ท่านขุนก็ไม่ชอบหนังสือ” เฮ้ เหมือนโยนมาให้โง่ไปด้วยกัน

“ฮ่าๆ พี่รู้...ท่านขุนอ่านหนังสือได้ไม่นาน อ่านหนังสือเหมือนเด็กด้วย ชอบที่มันมีรูปภาพ” พีระพลว่าแล้วหันไปยิ้มหวานให้คนรัก ท่านขุนยิ้มตอบ

“พี่พีอ่า...ผมไม่ต้องอ่านมากหรอก รอพี่พีอ่านแล้วเล่าให้ผมฟังดีกว่า ผมชอบแบบนั้นมากกว่านะ แล้ววันนี้พี่พีได้อ่านเรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า”

“อืม พี่ยังไม่ได้อ่านเลยนะ แต่พี่คิดว่าพี่จะหยิบเรื่องเดอะดาวินชี่โค้ดมาอ่านแหละ”

“ดูหนังเอาก็ได้มั้งเรื่องนั้นน่ะครับ รู้เรื่องกว่าอีก” สอดอีกแล้ว...พีระพลกับท่านขุนหันไปมองรักอีกครั้ง คนพูดไม่สะทกเลยว่าตัวเองทำตัวไร้มารยาทขนาดไหน เจ้าตัวยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

รักไม่รู้หรอกว่า...การที่รักเอาแต่สอดเข้ามาแบบนี้ทำให้พีระพลรู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิมเสียอีก จากไม่ชอบหน้า ตอนนี้รู้สึกเกลียดขี้หน้าตงิดๆ เขาอยากพูดเหลือเกินว่าที่บ้านไม่มีคนสอนหรือว่าอย่าแทรกเวลาคนอื่นเขาคุยกัน มันเป็นมารยาทพื้นฐานที่ทุกครอบครัวเขาสอนลูกสอนหลานเลยนะ

“ครับ หนังก็ดี เขาก็ทำมาโอเคนะ แต่ว่ามันตัดดีเทลอะไรหลายๆ อย่างไปเยอะเลย ถ้าเราอ่านในหนังสือเราจะได้ข้อมูลมากกว่าการดูเพื่อความสนุก แต่ยังไงซะ พี่ก็มองว่ามันอยู่ที่คนชอบ” พีระพลตอบกลับนุ่มนวล สมกับที่ครอบครัวอบรมบ่มเพาะเขามาดี ท่านขุนรู้สึกเกรงใจ...รู้สึกเป็นห่วงที่พี่พีต้องมาเจอกับรักแบบนี้ รักไม่มีมารยาทเลย รักไม่ไว้หน้าพี่พีด้วย มีแต่พี่พีที่ยังคงทำตัวเป็นผู้ใหญ่

“ก็ใช่ เออท่านขุน มีหนังเข้าใหม่ด้วย...น่าสนุกมากเลยนะ เราไปดูด้วยกันปะวันนี้ เดี๋ยวรักเลี้ยงเอง แต่ว่า...รักคงต้องขอซ้อนท้ายรถท่านขุนไปนะ” อีกแล้ว...ทำตัวทรามๆ อีกแล้ว

“ผมมีงานต้องทำนะ” ท่านขุนตอบเรียบๆ

“เออเนอะ ท่านขุนต้องทำรถให้รักนี่นา ลืมเลย โทษทีๆ ว่าแต่คุณจะกลับเมื่อไหร่เหรอครับ ผมอยากให้ท่านขุนไปทำรถให้ผมแล้ว...คือผมอยากได้รถผมเร็วๆ” พีระพลกดปิดหน้าจอมือถือ

“งั้นผมกลับเลยก็ได้”

“เดี๋ยวสิพี่พี” ท่านขุนรีบกอดแขนพีระพลเอาไว้

“พี่ไม่ควรกวนท่านขุนเนาะ มีงานก็ทำงานเถอะครับ...ลูกค้ารอรถอยู่ เขาอยากได้เร็วๆ ก็ทำให้เขาเร็วๆ...เขาจะได้ไป...เร็วๆ” รอยยิ้มอ่อนโยนนี้ดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นพิษเป็นภัยกับใครได้ รักมองแล้ว รักคิดเลยว่ายังไงเขาก็แย่งท่านขุนมาได้แน่ๆ คนนี้แม่งไร้น้ำยาโคตรๆ โดยที่รักไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดเชิงแหน็บของพีระพลแม้แต่นิดเดียว

คนมันไร้จิตสำนึก…มันก็จะหน้าด้านหน่อย

พีระพลลุกขึ้นยืนโดยจับมือของท่านขุนเอาไว้ เขาเลือกทางเดินอีกฝั่งที่ไม่มีรักนั่งอยู่เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทต่อคนนั่ง ทั้งคู่เดินไปที่รถของพีระพล ทั้งที่นี่เพิ่งจะเที่ยงครึ่ง ปกติพีระพลจะกลับที่ทำงานตอนเที่ยงห้าสิบนาที แต่เจอรักพูดแบบนั้นใส่ เขาก็ไม่อยากอยู่ต่อ รู้นะว่ามันไม่ดีต่อท่านขุน...ไม่ดีต่อความรู้สึกของคนรักของเขา แต่ถ้าอยู่ต่อ เขาก็ประสาทเสียเปล่าๆ พีระพลเปิดประตูนั่งลงประจำที่คนขับ ท่านขุนยืนอยู่ตรงประตูซึ่งพีระพลยังไม่ได้ปิดมัน

“ท่านขุน...” เสียงพี่พียังอ่อนโยนเหมือนเคย แต่เป็นท่านขุนเองที่รู้สึกไม่ดี...รู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้พี่พีต้องมาเจอกับรักแบบนี้ ถ้ารู้ว่ารักจะเลวร้ายแบบนี้ ท่านขุนจะไล่รักไป

“ครับพี่พี” เจ้าของร้านผู้เครียดมากขานตอบ

พีระพลยิ้มบางๆ เขาเห็นความลำบากใจของท่านขุนเต็มสองตาของเขาเอง และเขาจะไม่โทษท่านขุนในสิ่งที่เพื่อนของท่านขุนเป็นคนทำ เขารู้ดีว่าแฟนของเขาเครียดแค่ไหนกับความปากไม่ดีของอีกฝ่าย พีระพลกระตุกมือท่านขุนเล็กน้อย ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องโน้มหน้าเข้ามาหาเขาตรงเบาะคนขับ เมื่อมันใกล้แล้ว...พีระพลใช้มืออีกข้างจับตรงคอของท่านขุน รั้งลงมาจนปากทั้งสองแนบชิดกัน

ท่านขุนตกใจ พี่พีไม่เคยทำแบบนี้...พี่พีไม่เคยทำอะไรในที่โล่งแจ้งแบบนี้มาก่อน แปลกแต่รู้สึกดี ในขณะที่พีระพลสอดลิ้นเข้าไปเล่นกับลิ้นของท่านขุนจนฝ่ายตั้งรับเกิดความพึงพอใจ เขาเหลือบสายตาผ่านแว่นไปมองคนตรงกระจก รักอุ้มมณีมองมาที่เขา...มองดูเขากับท่านขุนจูบกันอย่างดุเดือด

ถึงรักจะทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของพีระพล…แต่ครั้งนี้เขารับรู้ได้ถึงความเยาะเย้ยผ่านดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น

“แม่งก็ทำได้แค่นี้แหละ....” แค่นี้ไม่ทำให้รักเลิกตื๊อหรอก!

….100%….

รักมารยาทแย่จนน่าหมั่นไส้อะ ดูยังไงพี่พีก็ดูดีกว่าเห็นๆ ชิ!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-04-2018 21:47:16
ต้องด้านแค่ไหนนะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-04-2018 22:23:49
บางคนก็ไม่รู้จักคำว่ามารยาท
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-04-2018 23:33:15
พี่พีคนดีตั้งแต่ต้นยันจบ   :mew1:

ขุนจัดการรักเลยนะ ไม่ต้องไว้หน้าลูกค้าคนเดียวตัดทิ้งไป
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-04-2018 01:21:43
ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว พี่พีคือคนดีมาก รักต้องด้านขนาดไหนถึงทำให้พี่พีเกลียดได้ 55555 รอพี่พี่จัดการไล่รักแบบผู้ดีเลยค่ะ พี่พีสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: HZtaoFan ที่ 03-04-2018 08:29:20
พี่พีคนดีของชาติมาก
อย่ามายุ่งกับพี่พีของชั้นนนน
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 03-04-2018 17:06:46
อดทนไว้พี่พี    :m16:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-04-2018 19:03:45
ก็เลือกที่จะนอกใจเค้าเอง แล้วจะกลับมาทำไมล่ะรัก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-04-2018 21:53:02
ทำเรื่องแย่ๆเอาไว้แล้ว จะกลับมาเพื่ออะไรอีกน้ารัก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-04-2018 21:53:28
ขอโทษที่เพิ่งได้มาคอมเม้นท์ เราอดใจไว้ให้หลายๆตอนค่อยเริ่มอ่าน
เมื่อคืนดันอ่าน14ตอนรวด  ชอบมากเลย (แต่แอบกลัวดราม่า ฮื่อ )
ปล พี่มะเดียวกับสาม น่าจะวางเมื่อไร เราอยากได้ สั่งได้ที่ไหน อัปเดท หน่อยนะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-04-2018 01:45:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 05-04-2018 03:05:45
พี่พีสู้ค่ะ!!! ท่านขุนไล่เค้าไปเลยย คนอะไรน่ารังเกียจจจ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-04-2018 14:49:50
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยอยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 14 **100%** 02-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 05-04-2018 21:49:47
พี่พีคือแมวซ่อนเล็บชัดๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 05-04-2018 22:15:30
>….ตอนที่ 15 [100%]….<

“แจ็ก...” มาถึงที่ทำงาน พีระพลตรงเข้าไปหาเพื่อนของเขาเป็นสิ่งแรก

“อะไรวะ”

“รู้จักคนชื่อรักปะ...” แจ็กกำลังดูรายการสั่งซื้อเคมีอยู่

“รู้ดิ แฟนเก่าไอ้ขุนไง” รู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งไม่ควรพูดก็ตอนพูดแม่งไปแล้วเนี่ย แจ็กชะงัก..เงยหน้ามองเพื่อน

“มึงถามแบบนี้ มึงเจอคนชื่อรักเหรอ...หรือว่าไงวะ เอ๊ะ แต่ถ้ามึงเจอ ไอ้ขุนไม่ได้บอกมึงเหรอว่ารักเป็นแฟนเก่า”

“เปล่า บอกว่าเพื่อน” ฉิบหาย...รู้แค่นั้นก็น่าจะพอไหมวะ ไม่น่าหลุดเลยว่าแฟนเก่า

“เหรอ”

“อืม รักอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบห้าเท่าขุน ถามทำไมวะ”

“มันดูไร้มารยาทมากเลยน่ะ เลยคิกว่าเด็ก ที่จริงอายุยี่สิบห้าก็ไม่เด็กนี่นะ...” มันคงไม่ฟังคำสอนของคนอื่นมาเลยจริงๆ แจ็กดูออกว่าพีระพลไม่พอใจ และต้นเหตุอาจมาจากเรื่องที่ท่านขุนไม่บอกว่ารักเป็นแฟนเก่า หรือว่า...รักทำตัวไม่ดีใส่พีระพล

“มันทำอะไรมึงเหรอ”

“เล่าไปคงยาว ช่างมันเหอะ รู้แค่นี้ก็พอแล้ว” ว่าจบพีระพลก็เดินไปทำงานทันที ไม่รอให้เพื่อนตัวเองซักไซ้อะไรอีก

พีระพลเก็บงำความไม่พอใจของเขาเอาไว้ไม่ได้ ทั้งท่านขุนไม่ยอมบอกว่ารักเป็นแฟนเก่า ทั้งรักที่ทำตัวแย่ๆ ใส่เขา ใช้คำพูดคำจาเหมือนเป็นวัยเดียวกัน ไม่เคยหงุดหงิดจนอยากจะทำร้ายใครมาก่อน จนมาเจอรักเนี่ยแหละ

พีระพลตั้งใจจูบท่านขุนต่อหน้ารัก อยากให้เห็นว่าเขาสองคนต่างหากที่เป็นอะไรๆ กัน ไม่ใช่คนอื่น ต่อให้รักมีความทรงจำดีๆ มากมาย แต่ถ้ามันดีจริง...มันก็ต้องยังเป็นของกันและกันอยู่ไม่ใช่หรือไง ท่านขุนแทบไม่พูดถึงรักเลย นั่นไม่เท่ากับว่ารักไร้ความสำคัญสำหรับท่านขุนหรือ

ปกติแล้วเพื่อนของท่านขุนมีเยอะ พีระพลรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ทุกคนที่เขารู้จักก็มีขอบเขตของความเป็นเพื่อน...ยิ่งคนที่เริ่มมีอายุแล้วเขายิ่งมีความเป็นผู้ใหญ่ วางตัวดี พูดจาดี โอเค...มีบ้างที่บางครั้งจะเจอเด็กปากไม่ดีหลงเข้ามา วันเสาร์เป็นวันมีตติ้งของคลับ กินเหล้า กินเบียร์กันตั้งแต่บ่ายไปยันดึก แต่นั่นก็คือเด็ก แถมเป็นเด็กที่ยังเมาอีกต่างหาก พีระพลละเลยได้ ก็มันไม่ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเขา

กับรักนี่...บอกตรงๆ ยังไงเขาก็ละเลยมันไปไม่ได้

ยิ่งคำตอบของแจ็กย้ำชัดด้วยว่ารักเคยเป็นแฟนเก่าของท่านขุน การที่โพล่มาแบบนี้คงไม่มีกี่เหตุผลหรอก ท่านขุนไม่ค่อยพูดถึงรักเก่า จำได้ว่าเคยบอกสั้นๆ แค่มันเป็นอะไรที่เลวร้ายและจบไม่สวยเลย พีระพลไม่อยากรื้อฟื้นความทรงไม่ดีให้หวนกลับมา จึงปล่อยมันเลยไป แต่มันคงเป็นท่านขุนคนเดียวที่มองว่าความรักครั้งนั้นไม่สวยงาม ไม่งั้นไอ้นั่นมันจะกลับมาอีกทำไม

หงุดหงิด คิดมาก เป็นอาการที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นคนมีเหตุมีผลอย่างพีระพลก็ตาม การทำงานของพีระพลคือการหาค่าเคมีของบ่อชุบในบริษัท ที่จริงมันก็ค่อนข้างซีเรียส แต่คนทำมาจนชินแล้วกลับไม่ต้องใช้สมองในการทำงานเลยด้วยซ้ำ แค่มีสติก็พอ เผอิญว่าอารมณ์ขุ่นมัวของพีระพลทำให้เจ้าตัวไม่มีสติ การเตรียมเคมีก่อนไตเตรทจึงผิดพลาดไปบ้าง

ความผิดพลาดในการทำงานทำให้พีระพลยิ่งหงุดหงิด...

เขายืนเท้ามือทั้งสองกับโต๊ะอุปกรณ์สีขาวสะอาด ตรงหน้ามีขาดรูปชมพู่ขนาดสองร้อยห้าสิบซีซีเรียงรายอยู่ห้าหกขวด ด้านในเป็นเคมีต่างๆ เจ้าขวดแรกทางขวามือเป็นเคมีที่เขาเตรียมจะเอาไปไตเตรท ทว่าเพราะเขาเผลอหยดสารเคมีผิดชนิด ทำให้เคมีที่เตรียมไว้กลายเป็นสีชมพูเข้มแทนที่จะเป็นสีส้ม พีระพลมองสีชมพูเข้มในขวดพลางตั้งสติ เกือบห้านาทีที่ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ขวดเจ้าปัญหาถูกเอาไปเทเคมีด้านในทิ้งแล้ววางเอาไว้ตรงซิ้งล้าง เขาหยิบขวดใหม่ออกมาเตรียมเคมีใหม่ พีระพลมีสติขึ้นมาแล้วและเขาก็เริ่มทำงานด้วยความเชี่ยวชาญ ไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีกเมื่อเขาจดจ่ออยู่กับงานที่ตนเองทำ

บ่ายสองครึ่งเคมีเกือบสามสิบตัวอย่างก็ถูกไตเตรทจนครบ พีระพลนำกระดานบันทึกค่าเคมีวางบนโต๊ะ เขาประจำที่นั่งแล้วเริ่มคำนวณค่าเคมีด้วยสูตรต่างๆ ซึ่งเคมีแต่ละประเภทใช้วิธีคำนวณที่แตกต่างกันไป จากนั้นเขาก็เอาค่าทั้งหมดกรอกลงในเอกสารเพื่อจะเอาไปให้แจ็กดู บ่ายสามเขาออกจาห้องแล็บของตนเอง เดินไปยังออฟฟิตหน้าเพื่อส่งใบรายงาน

งานเขาเสร็จแล้ว ดังนั้นความคิดมากจึงกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง นอกจากเคืองรักตอนนี้พีระพลคิดวนไปวนมาว่าทำไมท่านขุนถึงไม่บอกเขากันนะ ไอ้ท่าทางนิ่งๆ นี่ที่จริงก็รอข้อความจากท่านขุนเหมือนกัน แต่เขาเห็นว่ามันไม่มีอะไรเลย มือถือของเขาว่างเปล่า ปราศจากแจ้งเตือนจากท่านขุน

“ทำไมซิงก์ไม่ขึ้น” คำแรกของแจ็กหลังจากดูค่าเคมีทั้งหมด พีระพลนั่งตรงข้ามเพื่อนตัวเอง

“เติมเมื่อไหร่”

“ตอนเที่ยง”

“มันคงขึ้นหรอก เติมเที่ยงแล้วตักเคมีตอนเที่ยงครึ่ง ซิงก์มันละลายทันที่ไหน...”  พีระพลตอบนิ่งๆ

“เออวะ แล้วนี่...คิดมากอยู่ปะวะ” แจ็กวางเอกสารรายงานเคมีลง เขาประสานมือไว้ใต้คางตนเองก่อนจะนั่งเท้ามัน

“อืม มึงรู้เรื่องท่านขุนกับรักเยอะปะ” คนฟังกระตุกยิ้มบางๆ

“ทำไมมึงไม่ไปถามไอขุนเองวะ” เห็นนิ่งๆ นึกว่าจะไม่สนใจอะไรเสียแล้วด้วยซ้ำ

“เออหน่า ตอบมาก็พอแล้วปะ...” พีระพลว่าติดรำคาญนิดๆ

“ตอนนี้มึงหมดมาดเรียบร้อยแฮะ ดูเบดกายวะ ฮ่าๆ...โอเค กูเล่าก็ได้ แต่มึงก็น่าจะเข้าใจนะว่ากูเล่าเองกับมึงไปถามไอขุนน่ะ อารมณ์มันต่างกันเลย” เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้บางทีแจ็กก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งนักหรอก

“อืม รู้หน่า”

“โอเค รักกับขุนมันคบกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วน่ะ จำไม่ได้ว่าคบกันตอนปีไหน...น่าจะเป็นปีสุดท้ายมั้ง ก็คบกันระยะหนึ่ง รักซื้อมณีมาเลี้ยงคู่กับไอขุน ตอนนั้นเป็นอะไรที่โคตรหวานกันเลยให้ตาย ใครๆ ก็อิจฉาคู่มัน บางทีก็ไปขับรถด้วยกัน ขุนเอารถไปเองบ้าง ซ้อนท้ายรักบ้าง ทุกทริปพวกมันสองคนไม่เคยพลาด เป็นคู่รักไบก์เกอร์ตัวยง แล้วที่รู้จักกันก็เพราะขับบิ๊กไบก์เหมือนกันนี่แหละ เลยเข้ากันได้” เล่าไปก็ดูอาการของเพื่อนตัวเองไปด้วย

“อ๋อ ก็หวานกันดี…เลิกกันทำไม”

“รักมันมีคนอื่นวะ มีแบบ...อยู่ด้วยกันที่คอนโดเลย จำได้ว่าช่วงนั้นไอขุนเองก็อยากให้รักมาอยู่ที่ร้านด้วยกัน แต่รักมันไม่มา มันบอกว่าอยากให้เว้นระยะห่างระหว่างเรา ที่ไหนได้...มันซ่อนอีกคนไว้ ไอขุนมันไปหาเพราะจะตามมันไปเที่ยวนั่นแหละ ไม่เคยไปคอนโดรักหรอก ถามเพื่อนๆ ก็กะไปเซอร์ไพรส์ สุดท้ายตัวเองโดนเซอร์ไพรส์เสียเอง พอรู้ว่าสองคนนั้นคบกัน ไอขุนมันก็บอกเลิกเลย ง่ายๆ ทีเดียว เด็ดขาดและจบ” ไม่ใช่ว่าแจ็กเสือกเรื่องของขุนมากหรอกนะ แต่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมาหลายปีก็เลยรู้เรื่องท่านขุน คนในคลับที่สนิทๆ กับท่านขุนต่างก็รู้เรื่องนี้หมด เพราะว่ารักเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคลับ...เมื่อก่อนน่ะนะ

“อืม...”

“แรกๆ ไอรักก็มาง้ออยู่ ขุนมันไล่แล้ว...ไล่แบบไม่รู้จะไล่ยังไง ไอ้รักมันก็ไม่ไป วันนั้นพวกกูก็ไปกินเบียร์กับไอขุนปกติ รักมาอีก เหมือนขุนมันไม่ไหวแล้วมั้ง...โดนรักหาว่าไม่รักมัน ก็เลยเลิกกันง่ายๆ แค่เรื่องมีคนอื่นแค่นี้เอง คำพูดไอ้รักแม่งแบบ...ตอนนั้นกูก็จะเตะปากแม่งเหมือนกัน แต่ขุนมันซัดก่อน ทะเลาะกันร้านเกือบพัง” เข้าใจแล้วที่บอกว่าจบกันไม่สวย พีระพลพยักหน้ารับรู้

“ปากแบบนี้มานานแล้วงั้นสิ”

“ปากหมาอะนะ เออ...เหมือนวัยรุ่นทั่วไปล่ะมั้ง เด็กอะ พ่อแม่รวยเข้าหน่อยก็กร่างนิดๆ ที่จริงรู้มาว่ารักเองก็ไปเปิดคลับใหม่เป็นของตัวเองเหมือนกัน คลับของรักนี่รวมแต่พวกซีซีสูงขึ้นไปอะ พวกกูก็ไม่ได้สนใจ มันคนละส่วนกับพวกกูอะนะ”

“แล้วกลับมาแบบนี้...คิดเป็นอะไรได้บ้าง”

“แหมคุณพีระพลครับ มันคงมีไม่กี่เหตุผลปะ หนักๆ เลยกูว่าคงอยากกลับมาสานต่อวะ แต่ขุนคงไม่เอา...ขุนมันเกลียดพวกทรยศ มึงก็ไม่ต้องคิดมากหรอกเว้ย ไว้ใจแฟนมึงหน่อย ขุนมันอาจดูเป็นคนรักสนุก แต่มันรักเดียวใจเดียวแน่นอนกูรับรองได้”

“กูไว้ใจขุน แต่กูไม่ใจรัก...แถมวันนี้ก็ยังไม่ยอมบอกกูอีกว่ารักเป็นใคร บอกแค่เพื่อน กูไม่ควรคิดมากสินะ”

“ก็อาจจะไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ”

“หึ...เคืองยิ่งกว่าบอกอีก” หน้าตาพีระพลตอนนี้เอาเรื่องจริงๆ

“มึงคงไม่ทะเลาะกันใช่ไหมวะ ถ้าทะเลาะกันนี่กูรู้สึกผิดเลยนะ...”

“กูดูเป็นคนแบบนั้นหรือไง” จากเครียดๆ กลายเป็นระอาใจฉับพลันเพราะคำพูดเพื่อน

“ไม่รู้นี่หว่า คนเราอะ...พอมันโกรธ มันหึงมันหวงมันก็เป็นคนบ้าได้ทั้งนั้นแหละ” ไม่ปฏิเสธคำของแจ็ก

“โทษที...กูสติดี แล้วกูก็จะไม่บ้า ไม่ทะเลาะแน่ๆ กูไปละ...” ซักไซ้ไล่เลียงเสร็จก็ขอตัวเลยนะ

แจ็กเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนเองมองเพื่อนเดินออกไป ปกติเห็นเพื่อนคนนี้เรียบร้อยใจเย็น คราวนี้เริ่มสนุกเพราะได้เห็นมุมใหม่ๆ ตอนมันอยู่ต่างประเทศคงมีให้เห็นบ่อย...หรือเปล่านะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนพีระพลเรียนอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้คบใครนัก มัวแต่ตั้งใจเรียนเพื่อเกรดดีๆ กิจกรรมก็ทำบ่อยจนได้รางวัลเยอะแยะเพื่อให้พ่อแม่และครอบครัวภูมิใจ ส่วนไอ้อาการโกรธนี่ก็เห็นบ่อยนะ...แต่โกรธเพราะแจ็กแหย่เนี่ยแหละ ไม่ได้โกรธเพราะหึงหวงเลย

นี่...ควรเตือนไอขุนไหมนะ
....
ท่านขุนยืนมองจนรถของพีระพลวิ่งหายออกไปจากร้าน หัวใจบีบรัดจนเจ็บ...พี่พีจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่เจอรักพูดแบบนั้นใส่ ถึงพี่พีไม่แสดงออกอะไรเลย ท่านขุนก็ยังกังวลอยู่ดี เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ มันร้อนแรงมาก...และมันก็ทำให้ท่านขุนรู้สึกแปลกใจ เขาละสายตาจากรถที่หายไปแล้วเข้ามาในร้าน รักยืนอยู่ตรงกำแพงกระจก ในอ้อมแขนมีแมวน้อยนอนอยู่

เกิดควาไม่พอใจขึ้นทันที ที่ท่านขุนไม่ได้แนะนำว่ารักคือแฟนเก่าเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องบอก เขาไม่อยากให้พี่พีไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เริ่มไม่รู้แล้วว่าแบบนี้จะยิ่งทำให้พี่พีไม่สบายใจหรือเปล่า ท่านชุนค่อนข้างลังเล รักมาแค่ไม่นานและรักก็จะจากไป คนเก่ามันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาในตอนนี้เลย

“รู้ไหมว่าที่รักทำมันไร้มารยาทมาก” เดินเข้ามาถึงท่านขุนก็พูดในสิ่งที่ควรพูดทันที

“อะไร...ไร้มารยาทตรงไหนล่ะ” รักพูดเหมือนไม่รู้ตัวทั้งที่ก็รู้ดีว่าท่านขุนหมายถึงอะไร

“การที่นายเอาแต่แทรกกลางระหว่างเรากับพี่พีไงล่ะ พี่พีเขาเป็นผู้ใหญ่นะ...”

“ผู้ใหญ่เหรอ หึ...พูดง่ายๆ ว่ามันแก่เถอะ” รักแทรกขึ้นแบบหน้าด้านๆ

“รัก! มันจะเกินไปแล้วนะ...นายจะเข้ามาในฐานะลูกค้าผมไม่ว่า แต่ถ้านายจะเข้ามารังควานผมไม่ต้อนรับ” ท่านขุนเริ่มไม่พอใจมากขึ้น

“เฮ้ใจเย็น รักขอโทษ...รักไม่ได้จะมารังควานอะไรท่านขุนเลย รักก็แค่...อาจจะเผลอไปหน่อย รักขอโทษ รักจะไม่ทำแบบนี้อีก ท่านขุนอย่าโกรธรักอีกเลยนะ ไว้...คุณพีเขากลับมาอีกรักจะขอโทษเขาด้วยดีไหม” รักพยายามเอาตัวรอด แต่ท่านขุนรู้จักรักดีพอ...เขารู้ว่าคนๆ นี้ไม่สำนึกผิดง่ายดายอย่างที่แสดงออกหรอก

“กลับไปเหอะ เอารถไปด้วย”

“ไม่เอาดิ รักไม่ได้ตั้งใจนะ ให้อภัยรักเถอะ...รักขอโทษจริงๆ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้ จะไม่ทำตัวแย่ๆ แล้วถ้าท่านขุนไม่พอใจจริงๆ ตอนที่เขามารักจะไป...อย่าไล่รักแบบนี้เลย รักอยากให้ท่านขุนทำรถให้รักจริงๆ นะ” รักออดอ้อนเต็มที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเข้ามากอดร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีสถานะที่จะทำแบบนั้นได้

“ท่านขุน...รักแค่อยากกลับมาหาท่านขุน กลับมาเป็นเพื่อนกัน...เป็นคนรู้จักกัน รักไม่ได้ตั้งใจจริงๆ รักขอโทษ...รักของโทษนะ” ท่านขุนถอนหายใจหนักๆ เขาไม่มองหน้ารักตรงๆ เพราะรู้ดีว่าแววตาของอีกฝ่ายเว้าวอนตนแค่ไหน

“ยังไงซะ ตอนนี้รักก็ควรกลับไปก่อน เรื่องรถเดี๋ยวผมดูให้”

“อ่า..ขออยู่ต่อไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่” ท่านขุนแย่งมณีออกมาจากมือของรัก เธอส่งเสียงร้องเพราะอยากอยู่กับรักต่อ แต่เขาไม่สนใจ พามณีน้อยเดินฉับๆ ขึ้หน้องเป็นการไล่รักกลายๆ

รักโคตรเจ็บใจ...เขามองตามแผ่นหลังของท่านขุนจนหายลับไปจากสายตา เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นงี้เลย ขอโทษทีสองทีก็หายเคืองแล้วนี่อะไร...รักมากหรือไงไอ้ผู้ชายจืดชืดพันธุ์นั้น เฮอะ...อ่านหนังสือเหรอ เที่ยวงานหนังสือเนี่ยนะ บ้าเหอะ นั่นมันเรื่องที่พวกผู้หญิงเนิร์ดๆ เขาทำกันเท่านั้นแหละ

รักจำต้องเดินออกจากร้าน รถโดนถอดไปแล้วบางส่วนทำให้เขาไม่สามารถขับรถของตัวเองกลับไปได้ รักออกไปโบกแท็กซี่หน้าซอย บอกจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นที่พักของตนเอง แต่แล้วเขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาตัดสินใจบอกพี่คนขับเพื่อเปลี่ยนเส้นทางที่จะไป...

ท่านขุนไม่ได้ขึ้นห้องไปอย่างที่แสดงต่อหน้ารัก เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วก็เดินลงมานั่งหน้าเคาน์เตอร์พลางถอนหายใจออกมาหนักๆ มณีน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ เดินนวยนาดจากเขาไปเพื่อนอนที่ประจำ

“ดูเหมือนพี่รักอยากคืนดีนะ...” จิมเปรยขึ้น

“เออดิ ดูออกแหละไม่ใช่ดูไม่ออก” มันเป็นเรื่องน่าหนักใจ ท่านขุนเองก็เจอฤทธิ์รักมาแล้วหลายครั้ง เจ้านี้ตื๊อไม่เลิกง่ายๆ หรอก ขนาดครั้งก่อนยังต้องต่อยตีกันถึงจะยอมจากไป ครั้งนี้ไม่รู้เลยว่ารักจะมาแบบไหน

“แล้ว...พี่พีก็ยังไม่รู้ว่าพี่รักเป็น...”

“ไม่จำเป็นปะวะ ทำรถเสร็จรักก็ไปแล้ว...”

“แล้วถ้าพี่รักไม่ไปล่ะพี่” นั่นแหละน่าเครียด

“งั้นกูรีบไปทำรถดีกว่ามันจะได้ไป...” ว่าจบท่านขุนก็ลุกไปเอาคอมพ์สำหรับการปรับจูนเครื่องออกไปด้านนอก

แอ้เดินตามออกไปอย่างรู้หน้าที่ เจ้ายักษ์ของรักถูกถอดแฟริ่งออกไปบ้างแล้วบางส่วนแต่ยังไม่หมดพอจะทำรถได้ คนสองคนช่วยกันก้มๆ เงยๆ ทำรถคันเดียวด้วยความขะมักเขม้น ท่านขุนอยากทำให้เสร็จไวๆ รักจะได้ไม่มีข้ออ้างในการเทียวไปเทียวมาร้านนี้อีก

ผ่านไปสองชั่วโมงเศษๆ ท่านขุนให้แอ้เข้าไปเอาเบียร์เย็นๆ มาดื่ม ในส่วนที่เขาทำอยู่เหลือแค่การปรับจูนเท่านั้น ทว่าขั้นตอนนี้นี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ของช่างเครื่องหลายๆ คน โชคดีอาจจูนเครื่องยนต์ได้เร็ว โชคร้ายก็อาจใช้เวลาทั้งคืน

รถของรักคันนี้ท่านขุนพอรู้จักดี เขางัดแงะมันบ่อยครั้งและซ่อมมันหลายหน ส่วนต่างๆ ของเจ้ายักษ์ก็เป็นท่านขุนอีกเช่นกันที่เป็นคนประกอบใส่ ตกแต่งให้มันดูดีแบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่เหมือนเดิมทั้งหมดหรอก บางอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา รักเป็นคนชอบแต่งรถมาก อะไรเปลี่ยนเป็นของสวยๆ งามๆ ได้ก็เปลี่ยนหมด อุปกรณ์แต่งรถใช่ว่ามีน้อย...แม้แต่น็อตยังเปลี่ยนให้มีสีสันได้เลย

“จะได้ไหมพี่” แอ้ถามเสียงเรียบ ท่านขุนหน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมดเพราะยังไม่สามารถปรับจูนเครื่องยนต์ได้อย่างใจต้องการ

“ไม่รู้วะ มึงทำคันอื่นไปก่อนเลย”

“ครับพี่” คันอื่นๆ มาเปลี่ยนผ้าแบรก ดิสแบรกหรือแม้แต่โช๊ก ท่านขุนควรช่วยแอ้หรือควรทำงานตามลำดับคิว

จูนแล้วก็ต้องเอารถลงไปเทสเครื่องยนต์ตรงสนามหน้าร้าน มันต้องทำไปจูนไป ในเมื่อร้านเขาไม่มีเครื่องที่สามารถวัดรอบความเร็วได้ก็ต้องใช้ความสามารถ และความคุ้นชินของตนเอง แฟนริ่งด้านข้างยังไม่ถูกใส่ เผื่อต้องถอดอีกหรือทำอย่างอื่นเพิ่มเติม ซิ่งไปจูนรถไปอยู่แบบนั้น

ท่านขุนไม่รู้ตัวเลยว่า...พี่พีของเขาขับรถเข้ามาในร้านแล้ว

“นั่นรถใครเหรอแอ้...” พีระพลมองดูท่านขุนบนสนาม เขาขับๆ หยุดๆ อยู่ตรงนั้นพียงลำพัง
“รถพี่รักครับ” แอ้ตอบแบบไม่ได้คิดอะไร ก็เขาไม่เห็นว่าพีระพลจะดูไม่พอใจตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ...แอ้ไม่เห็น ใช่ว่าพีระพลจะเป็นอย่างที่แอ้คิด

….100%….

ระหว่างรักกับท่านขุน พี่พีควรสำเร็จโทษใครก่อนดี?
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-04-2018 22:33:15
จะทะเลาะกันหรือเปล่าวะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-04-2018 22:39:45
เข้าใจผิดอีกแน่
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-04-2018 01:23:43
คุยกันดีๆนะ อย่าทะเลาะกันนะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-04-2018 09:18:13
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 06-04-2018 10:15:36
ใจเย็นๆนะคุณพี   :กอด1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-04-2018 10:26:32
ใจเย็นนะพี่พื
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 06-04-2018 13:07:47
รักนี่เป็นต้องเจอดีจากพี่พีสักครั้ง
รองลงมาก็ท่านขุน เดี๋ยวจะรู้ว่าคนนิ่งๆมีความโหดอะไรซ่อนไว้บ้าง เหอๆ
เป็นกำลังให้ให้พี่พีคนแซ่บนะคะ จัดให้หนัก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-04-2018 16:53:45
รักก็ทราม แต่เรามองว่า ท่านขุนชัดเจนแต่ไม่เด็ดขาด ซึ่งพอไม่เด็ดขาด ก็เลยทำให้พี่พีคิดมาก
สรุปสงสารพี่พี  สู้ๆ นะพี่พี
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-04-2018 20:10:56
เอาใจช่วยพี่พี
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 15 **100%** 05-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 07-04-2018 15:52:39
พี่พีใจเย็นๆนะ ค่อยๆคุยกัน
ลองให้ท่านขุนอธิบายก่อน ว่าทำไมถึงทำแบบนี้
แบบพี่พีน่าจะมีเหตุผลเวลาคุยอยู่แล้วแหละเนอะ :mew2:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 16 **100%** 09-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 09-04-2018 20:37:40
>….ตอนที่ 16 [100%]….<

บรรยากาศในร้านตอนนี้มาคุมาก รับรู้แล้วว่ารถที่ท่านขุนกำลังทำอยู่นั้นเป็นรถของคนรักเก่า พีระพลนั่งกอดอกอยู่ตรงโซฟาสีดำกลางร้าน เขาไม่ได้ทักทายท่านขุน ปล่อยให้ทำรถอย่างที่อยากทำไป ขัดใจแค่ไหน...อยากบอกให้เลิกทำรถคันนั้นแค่ไหนก็ทำไม่ได้

จิมรับผลกระทบไปเต็มๆ ต่อให้นั่งเล่นเกมเหมือนไม่สนใจพีระพลก็ตาม ทว่าแรงกดดันจากร่างสูงใหญ่ของพีระพลก็กระจายมาถึงเขาอย่างช่วยไม่ได้ จิมตัดสินใจเดินออกมานั่งหน้าร้านพร้อมกระป๋องเบียร์ ดูเมินพีระพลไปแต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเขารับไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในบรรยากาศอึดอัดอย่างนั้น จิมเองไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพีระพลด้วย ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่รัก...แฟนเก่าท่านขุนที่มีอารมณ์สุนทรีย์ คุยเล่น หยอกล้อหรือเฮฮากันเรื่องเกมได้

“ทำไมออกมานั่งนี่ล่ะ” แอ้ถามเพื่อนตัวเอง คนถูกถามชี้นิ้วไปยังผู้ชายใส่แว่นนั่งกอดอกหน้านิ่งอยู่ตรงโซฟากลางร้าน เคียงข้างเขาเป็นมณีน้อยผู้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับบรรยากาศมาคุนี่เลย

“โคตรน่ากลัว นั่งอยู่ด้วยแล้วหนาวๆ ร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้วะ ก็เลยออกมานั่งนี่ ถึงข้างนอกจะร้อนไปหน่อยแต่ดีกว่าข้างในแน่ๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่พีแกดูน่ากลัว ปกติแกจะยิ้มแย้มกว่านี้นี่หว่า” จิมบ่นพึมพำอยู่กับแอ้

“อืม” แอ้ตอบเรียบๆ

“แล้วพี่ขุนแกรู้ไหมว่าแฟนพี่เขามาเนี่ย หรือว่าพี่พีหน้าบูดเพราะพี่ขุนไม่สนใจ”

“ไม่หรอกมั้ง ก็บอกแล้วว่าทำรถพี่รักอยู่” จิมถึงกับหันขวับคอแทบหักไปทางแอ้

“ฮะ...มึงบอกว่าทำรถพี่รักเหรอ นั่นไงๆ กูรู้แล้วว่าทำไมพี่พีถึงหน้าบูด เพราะเรื่องนี้แน่ๆ พี่พีต้องหึงที่พี่ขุนสนใจรถพี่รัก” กลายเป็นแอ้ที่หน้าฉงน

“อะไรของมึง หึงที่ทำรถพี่รักเนี่ยนะ” มันฟังดูตลกนะ

“ก็พี่รักเป็นแฟนเก่า”

“แต่พี่พีไม่รู้” แอ้ตอบ

“เออวะ...” แล้วจิมก็นั่งงมกับคำถามของตนเองต่อไป

มณีน้อยเงยหน้ามองมนุษย์สี่ตาข้างๆ วันนี้ไม่เล่นกับเธอ ไม่ออดอ้อนเธอ ไม่แกล้งเธอ...แปลกๆ เอาแต่ทำหน้าน่ากลัวอยู่ได้ ไม่รู้ไปโดนหมากัดมาหรืออย่างไร เธอหันกลับมาเลียขนตัวเองราวกับไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชาย การเลียขนคือความสุขของเธอ อีกทั้งวันนี้เธอยังได้เจอรัก ทาสเก่าผู้คิดถึงอีกด้วย นี่ไม่รู้ว่ารักจะกลับมาหาเธออีกไหม...เธออยากให้รักกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเมื่อก่อน

จำได้ว่าทั้งคู่เคยทะเลาะกัน เธอก็เคยทะเลาะกับแมวจรจัดมาเหมือนกัน สักพักก็ดีกันได้ เธอคิดแบบนั้น แล้วก็หวังให้สองคนนั้นกลับมาดีกันเหมือนเมื่อก่อน มันมีความสุขมาเลยนะที่มนุษย์มายอมจำนนต่อเธอทั้งสองคน

ถึงเจ้าแว่นนี่จะจำนนต่อเธอแต่มันก็ชอบแกล้งเธออยู่ดี แถมยังทำให้เธอโดนขังกรงบ่อยๆ ด้วย เพราะงั้นเธอจะไม่มีวันญาติดีกับเจ้าแว่นนี่อย่างแน่นอน ต่อให้เอาแซลมอนมาฝาก ซื้อของเล่นมาให้บ่อยมากขนาดไหน เธอก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอก

ผ่านจากห้าโมงเข้าหกโมงเย็น ประอาทิตย์ด้านนอกลับขอบฟ้าไปไวมากๆ พร้อมกับก้อนเมฆอึมครึมลอยมาบรรจบกันที่หน้าร้าน มณีรู้ทันทีว่าอีกไม่นานฝนก็จะตก เธอเกลียดฝน...เธอไม่ชอบความชื้นแฉะของสายฝนหรือน้ำ มณีหันไปมองพีระพลที่ยังคงอยู่ท่าเดิมแม้จะผ่านเวลามาเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม เลนส์แว่นสะท้อนภาพของท่านขุนขับขี่มอเตอร์ไซก์ของรักอยู่ในสนาม วนไป...วนมาอยู่แบบนั้น บางทีก็พักรถ เสียบสายอะไรไม่รู้ก่อนจะคลิกๆ ที่คอมพ์

“เหมี๊ยววววว” เธอร้องเพราะเธอหิวแล้ว มณีจ้องหน้าพีระพลซึ่งคนไม่ยอมหันกลับมามองเธอ

“มิม้าวววว” เอื้อมเท้าหน้าไปแตะๆ ที่ต้นขาของอีกฝ่าย เธอเอียงคอเล็กน้อยขณะส่งสายตาคำสั่งให้ พีระพลมองกลับมา...แต่เป็นแววตาที่ไม่เล่นเลย

“เหมี๊ยว มิเหมี๊ยววววว” มณีก็ไม่ได้จะเล่น เธอจะกินข้าว เธอหิว...และพีระพลต้องไปหาอาหารเย็นให้กับเธออย่างที่เธอต้องการ

ทว่าพีระพลกลับไม่ตอบสนองอะไรมณีเลย...

ความโกรธทำให้คนเราสามารถพาลได้แม้กับแมวเหมียวตัวน้อย เขาคิดว่าบางทีที่มณีไม่ชอบขี้หน้าเขาเพราะว่ากั้กท่านขุนเอาไว้กับรัก เธอเปรียบได้กับลูกของสองคนนี้ ก็ต้องอยากอยู่กับพ่อทั้งสองของเธอมากกว่าเขาที่มาแย่งพื้นที่นั้นจากรักไป ดูสิ...ดูวันนี้ที่เธอออดอ้อนคลอเคลียกับรัก เห็นชัดว่าเธอให้ค่ากับคนเก่าและไม่ยอมรับคนใหม่แบบเขา

เพราะโกรธ...เพราะโกรธที่ท่านขุนไม่บอก เพราะโกรธที่ท่านขุนดูจะใส่ใจกับสิ่งของของรักมาก เพราะโกรธที่ท่านขุนไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าพีระพลมาอยู่ในร้านของเขาแล้ว เขาโกรธที่มณีไม่เคยชอบเขา...เพราะเขาไม่ใช่รัก

มันดูงี่เง่า พีระพลรู้ตัวเอง ก็บอกตัวแหละว่าความคิดเหล่านี้งี่เง่ามากขนาดไหน แต่เขาขจัดมันออกไปจากความรู้สึกไม่ได้ จับมันโยนทิ้งถังขยะเหมือนมันเป็นสิ่งของก็ไม่ได้เพราะมันไม่ใช่สิ่งของที่สามารถทิ้งได้ พีระพลทำได้แค่อดทน...เฝ้ารอว่าบางที พอท่านขุนทำงานเสร็จเข้ามาในร้านแล้ว ท่านขุนจะยอมบอกว่ารักเคยเป็นอะไรกับท่านขุนมาก่อน

พีระพลเป็นคนใจเย็น เป็นคนมีความอดทนสูงและตอนนี้เขาใช้ความอดทนที่มีในการทำให้ตัวเองนั่งเฉยๆ เฝ้ารอแบบไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ท่านขุนจะเข้ามาอธิบายในเรื่องของรักให้เขาได้รู้ แต่ที่ทำไม่ได้คือหันกลับไปดูแลมณี...จริงๆ เธอไม่ควรต้องมาโดนเขาโกรธ แต่ตอนนี้เขาร้อน เขาเป็นไฟที่คุโชน ดังนั้นเขาอาจจะขอโทษมณีหลังจากนี้ ทว่าตอนนี้เขาขออยู่กับตัวเองก่อน

“เหมี๊ยววววววว” มณีร้องเสียงดังขึ้นอีกเพื่อเรียกพีระพล

“....” เขาทำแค่มองหน้าเธอแล้วหันกลับไปนั่งนิ่ง

มณีเห็นว่าเจ้านี้ไม่ยอมเอาอาหารให้ เธอเคืองก็เลยจัดการพีระพลด้วยการกระโดดขึ้นไปตะกุยแขนเขา พีระพลเจ็บ...แต่ก็ยังนิ่ง โกรธแต่ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตเล็กๆ มณีทำร้ายแค่ไม่นานก็เดินจากไป เธอตรงไปที่ประตูร้านซึ่งเป็นกระจก ตะกุยประตูสองสามทีจิมก็หันมาเห็น

“หิวแล้วมั้ง” แอ้บอกเสียงเบา เขากำลังงัดล้อรถอยู่

“เออ แต่ปกติพี่พีเขาต้องเอาให้แล้วดิ...” จิมหันไปมองพีระพล เจ้านั้นนั่งนิ่งมาก...นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ ร่องรอยตรงแขนเสื้อบอกให้รู้ว่ามณีน้อยจัดการพีระพลตามแบบฉบับของเธอไปเรียบร้อยแล้ว

จิมว่าบรรยากาศมันมาคุยิ่งกว่าเดิม เขาตัดสินใจเข้าไปเอาอาหารให้มณีไม่งั้นมณีก็คงจะตะกุยประตูอยู่อย่างนี้ไปอีกนาน แค่เดินผ่านก็รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง นี่...พี่ขุนเขาจะไม่ตายใช่ไหม เขาจะไม่มาทะเลาะกันที่นี่ใช่หรือเปล่า จิมเริ่มลังเลไม่แน่ใจ ระหว่างเทอาหารให้มณีเขาก็เหลือบมองไปทางพีระพล เผลอคิดขึ้นมานิดหน่อยว่านั่งแบบนั้นนานๆ ไม่เมื่อยเหรอ?

“จิม...” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยเรียก แค่เรียกจิมยังสะดุ้ง

“คะ...ครับ” จิมรีบตอบกลับแบบเร่งรีบ

“ขุนจะทำรถอีกนานหรือเปล่า”

“เอ่อ...ผมไม่แน่ใจครับ ให้ผมไปตามพี่ขุนให้ไหม...พี่พีจะได้ไม่รอนาน”

“ไม่ต้อง” นี่ขนาดคุยกับเขายังไม่หันมามองเขาเลย

“อ่า...ครับพี่” จิมให้อาหารมณีเสร็จก็รีบออกมาด้านนอก ไม่ได้เอาเจ้าเหมียวมาด้วยหรอกนะ ทิ้งไว้นั่นแหละ ปล่อยให้อยู่กับพีระพลไป

“มึง พี่พีโคตรน่ากลัวเลยวะ” จิมกระซิบกระซาบกับแอ้

“น่ากลัวยังไง” แอ้กถามกลับเสียงยืดยาด

“ก็....ไม่รู้ดิ แต่น่ากลัว กูว่า กูไปบอกพี่ขุนดีกว่าว่าพี่พีมาแล้ว เผื่อพี่พีแกจะอารมณ์ดีขึ้น”

“อย่าเลย พี่ขุนยุ่งอยู่...” แอ้จะรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ควรกวนท่านขุน เพราะท่านขุนกำลังตั้งใจทำรถใหรักอย่างมาก

ไม่ได้รีบทำเพราะรักอะไรเจ้าของรถแล้ว แต่อยากให้มันเสร็จๆ จะได้จากกันไปเสียที ท่านขุนหัวเสียกับการจูนเจ้ายักษ์พอสมควร มันเอาใจยากยิ่งกว่ารถของเขาเสียอีก ก็แน่ล่ะ ท่านขุนไม่ได้คุ้นเคยกับเจ้ายักษ์แล้วนี่...เหมือนที่เขาไม่คุ้นกับเจ้าของมันนั่นแหละ

ท่านขุนอดทนอยู่อีกพักใหญ่ งมแล้วงมอีก วิ่งจนรถน้ำมันจะหมดต้องไปหามาเติมให้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ วิ่งได้ก็วิ่งไปก่อน สำหรับการเปลี่ยนกล่องดำหรือทำเจ้านี่ การจูนเครื่องเป็นอะไรที่ยากที่สุด ปกติท่านขุนสนุกกับงาน ทว่ารอบนี้ไม่ เพราะเขาอยากทำให้มันเสร็จๆ ไปเสียที รู้ตัวอีกทีก็ปามาทุ่มกว่าแล้ว...

“ฉิบหาย!” สายตาดันเหลือบไปเห็นนาฬิกาตรงจอคอมพ์ ที่จริงฟ้ามืดก็น่าจะรู้ตัวแล้ว อะไรก็ไม่รู้...มัวสนใจรถมากเกินไป

ท่านขุนมองกลับเข้าไปในร้าน รถของพี่พีจอดอยู่เดิมที่ประจำของเขา นั่นไง...เขาลืมคนรักเขาไปได้ยังไงกันล่ะ ท่านขุนขี่เจ้ายักษ์กลับเข้ามาจอดใต้หลังคาด้วยความรวดเร็ว เร่งรีบจนข้าวของไม่สนใจจะเก็บ

“แอ้ มึงไปเก็บของแทนพี่ที แล้วเออ…พี่พีมานานยัง”

“พี่ก็ดูดิกี่โมงแล้ว แล้วปกติพี่พีมากี่โมง” ดูลูกน้องนามว่าจิมตอบ นี่ถ้าไม่รีบจะตบให้หัวทิ่มดินเลยไอ้ห่า

”ปากเหรอ...เดี๋ยวหักเงินแม่งเลย”

“ไม่กลัว ยังไงก็กินข้าวกับพี่อยู่ดี” ท่านขุนไม่สนใจจะต่อปาก เขาตบหัวจิมไปหนึ่งทีแล้วผลักประตูเข้าร้านไป

“พี่พี...”

“ครับ” พีระพลตอบเสียงเรียบ อย่าว่าแต่จิมหนาวๆ ร้อนๆ เลย ตอนนี้ท่านขุนก็รู้สึกแบบนั้น เขาแก้เก้อด้วยการไปเอามณีน้อยมาอุ้มพลางเดินข้าหาพี่พีของตน

“พี่พีมานานหรือยัง ผมขอโทษนะ...มัวแต่รีบทำรถอะก็เลยไม่เห็น” เจ้าของร้านนั่งลงข้างๆ ไม่กล้าใกล้มากเพราะตัวเองมีแต่คราบน้ำมันและฝุ่น

“ก็นานแล้วล่ะ” แปลก...วันนี้พี่พีแปลกๆ

“เอ่อ พี่หิวไหม...เดี๋ยวผมไปทำอะไรให้พี่กิน”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่หิวหรอก” ที่ว่าแปลกเพราะพี่พีไม่ยิ้มเลย พี่พีอารมณ์ไม่ดีเพราะรอเขานานใช่ไหมนะ

“ผมทำให้พี่รอนานใช่ไหมอ่า...ผมขอโทษนะ มัวแต่ใส่ใจรถ ไม่ได้ใส่ใจพี่พีเลย” ท่านขุนพยายามจะเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย เอาเท้าหน้ามณีลูบแขนพี่พีเบาๆ เพื่อช่วยกันอ้อน แต่มณีอยากจะกางเล็บตะปบให้หายอยากเหลือเกิน

“ไม่เป็นไร....” เป็นสิ...ไม่เป็นจะเป็นแบบนี้หรือไงเล่า

“แต่ว่า...”

“เครียดเรื่องงานนิดหน่อยนะ” พีระพลรู้ว่าท่านขุนไม่สบายใจที่เขาเป็นแบบนี้ แต่จะให้เขาไปร่าเริงเลยเขาก็ทำไม่ได้ เขาต้องหาทางออกในรูปแบบอื่นแทน จะว่านิสัยเสียที่โกหกก็ได้

“อ๋อ ผมก็ว่าพี่พีดูแปลกๆ ไป อืม...เอาเป็นว่ากินแกงเขียวหวานเมื่อเที่ยงไหม พี่พีจะได้ไม่ต้องรอนาน ผมอุ่นให้แป๊บเดียว” ท่านขุนสบายใจขึ้นเมื่อพีระพลบอกเหตุผล

“เอาสิ” พีระพลยิ้มบางๆ พยักหน้าตอบ เขาจ้องตาท่านขุน...อยากจะให้ท่านขุพูดเรื่องรักเสียที ทว่าไม่เห็นวี่แววที่ท่านขุนจะบอกเขาเลย

ภายใต้ความนิ่งสงบของพีระพลคือพายุโหมกระหน่ำอยู่ข้างใน ยิ่งท่านขุนไม่มีวี่แววจะพูดเรื่องรัก เขาก็ยิ่งขุ่นมัวเข้าไปอีก ทำไมไม่บอก...เรื่องแค่นี้ทำไมถึงไม่บอกกัน นี่อาจเป็นข้อเสียก็ได้ที่เขารู้เรื่องมาจากเพื่อนตัวเองก่อนแล้ว แต่คิดกลับกัน...ถ้าเขาไม่รู้อะไรเลยล่ะ เขาก็ต้องกังวล...หรือว่า...เขาอาจสบายใจกว่านี้

“เออพี่พี เรื่องรักอะ...” คนฟังมีความหวังว่าท่านขุนจะพูด เขาตั้งใจฟัง

“ครับ”

“คือ…ผมขอโทษแทนมันด้วยนะ ที่มันพูดจาไม่ดีใส่พี่พีอะ ผมว่าพี่พีหน้าเด็กมั้งมันเลยคิดว่ารุ่นๆ เดียวกัน ที่จริงมันก็เป็นคนมีมารยาทนะ...” เหมือนแก้ต่างให้กันหรือเปล่า แบบนี้ยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับเขาอีกไม่ใช่หรือยังไงล่ะ

“อ๋อ” มันมาคุยิ่งกว่าเดิม ท่านขุนหันหลังดูแกงอยู่จึงไม่เห็นดวงตาเย็นชาของพีระพล

“ผมก็อยากจะว่ามันแหละ แต่มันหัวดื้อไปหน่อย พี่พีอย่าไปใส่ใจมันเลยเนอะ...วันนี้ผมดุมันแทนพี่พีไปเรียบร้อยแล้วด้วย” นั่นไม่ใช่สิ่งที่พีระพลต้องการเลย พีระพลไม่ต้องการให้ท่านขุนดุอีกฝ่ายแทนตน แต่ต้องการให้ท่านขุนเล่าเรื่องของมันให้เขาฟังต่างหาก

“อื้อ”

“พี่พีเอาเบียร์สักหน่อยไหมครับ เบียร์เย็นๆ สักกระป๋องต่อวันดีต่อสุขภาพนะ” ท่านขุนหันมองคนรักที่หน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม

“ก็ดีครับ” เอ่อ...พี่พีคิดเรื่องงานจริงๆ ใช่ไหมนะ ท่านขุนชักไม่มั่นใจ หรือว่าเพราะงานมันเครียดมากก็เลยทำให้พี่พีเป็นแบบนี้

ท่าทางของพีระพลทำให้ท่านขุนคิดไปแง่นั้น ยิ่งบวกกับสิ่งที่พีระพลบอกท่านขุนก็เลยปักใจเชื่อ ไม่คิดเลยว่าพี่พีกำลังโกหกท่านขุนอยู่ พี่พีไม่ใช่คนแบบนั้นนี่นา ดังนั้นท่านขุนจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะเอาใจพี่พี จะทำให้พี่พีสบายใจและคลายความเครียดลงให้ได้

ขนมจีนถูกจัดจานให้สวยและน่าทานกว่าเมื่อกลางวัน เขาอามาเสิร์ฟพร้อมรอยยิ้มที่คิดว่าน่ารัก ถึงแม้มันจะไม่ใกล้เคียงเลยในความรู้สึกท่านขุนก็ตาม ผู้ชายอย่างเขามันจะไปน่ารักแบบผู้หญิงได้ยังไงล่ะจริงไหม

ระหว่างมื้ออาหารท่านขุนชวนคุยไม่ออก มันกดดันแปลกๆ และพีระพลเองก็นิ่งแบบที่ไม่เคยเห็นเขานิ่งมาก่อน ใจลึกๆ อยากจะโทรไปถามแจ็กเสียเหลือเกินว่าพี่พีมีเรื่องอะไรที่ต้องเครียด งานที่บริษัทมันมีปัญหามากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือยังไง...

ฝนเริ่มตกแล้ว...บรรยากาศหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม ราวกับสายฝนมาช่วยเสริมให้โต๊ะกินข้าวของเขาแสนเศร้า ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ความเศร้าแต่มันเป็นความเครียดแปลกๆ เครียดที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงต้องเครียดเนี่ยแหละ พี่พีทานมื้อเย็นเสร็จก็นั่งดื่มเบียร์นิ่งๆ ดวงตาใต้แว่นไร้กรอบจ้องมองมาที่ท่านขุนไม่ยอมละไปไหน มันจะดีมากถ้าพี่พีพูดอะไรสักอย่างระหว่างการจ้องตา

ท่านขุนเก็บโต๊ะ เก็บจานทำความสะอาดให้เรียบร้อย พี่พีของเขายังดื่มเบียร์นิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอะไร อยากถาม ติดที่ใจแม่งไม่กล้าพอ กลัวกลายเป็นการรบกวนระหว่างพี่พีคิดเรื่องงานอยู่ ดังนั้นท่านขุนจึงขอเวลาไปเก็บข้าวเก็บของนอกร้าน และจะปิดร้านก่อนเวลา พีระพลแค่พยักหน้าให้...แค่นั้นจริงๆ

“เอ่อ...พี่พีจะกลับบ้านไหมครับ” หลังปิดเก็บร้านเรียบร้อย เจ้าของเราก็เดินมาถามคนรัก ลูกน้องทั้งสองหนีขึ้นห้องทันทีที่ประตูหน้าร้านถูกปิด คว้ามณีน้อยไปด้วย รู้หน้าที่โคตรๆ

“ไม่ล่ะ วันนี้พี่ว่าจะค้างนี่...” โคตรดีใจ อยากจะกระโดดไชโยหนึ่งที ติดที่พี่พีมองเขาตาเขียวปั้ดเลยไม่กล้าทำ

“พี่พีดูเครียดมากเลยอะ” กระป๋องเบียร์บนโต๊ะหมดแค่สองกระป๋องเท่านั้น พี่พีไม่ได้ไปเอามายกซดเป็นน้ำเปล่าแต่อย่างใด

“ครับ ก็...ไม่เชิงเครียด” ไม่จริง ถ้านี่ไม่เรียกเครียดเรียกว่าอะไรนะ...ท่านขุนอยากจะหยอกซะเหลือเกิน ติดที่หน้าพี่พีไม่เล่นกับเขาเลยเนี่ยแหละ

“อ่า...งั้นเหรอ จริงๆ พี่พีมีอะไรก็ระบายให้ผมฟังได้นะ” ท่านขุนเข้าไปกอดคอพีระพลจากทางด้านหลัง

ดวงตาใต้แว่นตวัดขึ้นมองหน้าคนรักหนุ่ม พีระพลโอบแขนรั้งต้นคอสีแทนนั้นลงมาก่อนจะประกบริมฝีปากป้อนจูบเจือความโกรธหน่อยๆ เขาไม่มีอะไรต้องระบายให้ท่านขุนฟัง มีแต่ท่านขุนต่างหากที่ต้องเล่าความลับของตนเองให้เขาฟัง

จู่ๆ พีระพลก็ลุกขึ้น ริมฝีปากนั้นผละออกไปก่อนร่างของท่านขุนจะโดนสองแขนโอบอุ้มเอาไว้ พีระพลเป็นนักวิเคราะห์เคมี...ภายนอกก็ดูเนิร์ดๆ แต่เขาดูแลร่างกายอย่างดี และเรือนร่างพีระพลเพอร์เฟกแค่ไหนท่านขุนก็รู้ เจ้าของร้านถูกอุ้มขึ้นมายังห้องนอน พีระพลโกรธแค่ไหนก็ยังถนอมคนรักของตนเองด้วยการวางอีกฝ่ายลงกับเตียงเบาๆ พร้อมยังพาตัวเองทาบทับลงไป

“อื้ม...พี่พี” เสียงทุ้มคนด้านใต้ครางแผ่วเบายามพี่พีเอาปากมาคลอเคลียตรงกกหู

“ผะ...ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยครับ” ฝ่ามือนุ่มๆ สอดเข้ามาในเสื้อยืด เขาทั้งลูบไล้และขยี้บีบบี้ส่วนนูนเล็กบนอกสลับกันไปมา

“เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้ครับ” ถึงเขาจะไม่แสดงอารมณ์อะไรมากมายนัก แต่ท่านขุนก็พอรู้ว่าเวลานี้พี่พีของเขากำลังเคืองขุ่นอยู่

“ทำไมพี่พีถึงอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้นะ...” ท่านขุนโอบรอบลำคอพีระพล ขณะที่เขาเองโดนจูบไปตามผิวอ่อนคอ เขาก็ทำสิ่งเดียวกับกันลำคอขาวๆ ของพี่พีเหมือนกัน

พีระพลได้ยินคำถาม...แต่พีระพลไม่คิดจะตอบคำถามของท่านขุน เหมือนที่ท่านขุนไม่คิดบอกสิ่งที่ปกปิดเอาไว้ จะว่าหนนี้พีระพลทำเพื่อระบายอารมณ์โกรธใส่ท่านขุนก็ได้ ความจริงมันเป็นแบบนั้นแหละ แต่เขาไม่ได้รุนแรง...ค่อยๆ ดำเนินบทรักบนเตียงด้วยความนุ่มนวล ทะนุถนอมท่านขุนเหมือนทุกครั้งที่เขาสองคนกกกอดกันบนเตียงนี้ เสื้อยืดสีพื้นๆ ถูกถออดออกทางหัว มันยังไม่ทันหลุดออกจากแขนดีเลยด้วยซ้ำ พีระพลก็โน้มหน้าเข้าหายอดอกสีคล้ำของท่านขุน ลงลิ้นเบาๆ...แค่นั้นท่านขุนก็สะดุ้ง ลมหายใจชะงักค้างได้แล้ว หน้าท้องเกร็งจนลอนบางๆ ของกล้ามเนื้อปรากฏขึ้น มันถูกอีกมือของเขาลูบไล้บ้าง ข่วนน้อยๆ บ้าง จากกล้ามเนื้อเป็นลอนบนสุด ถูกลูบไล้ลงไปยังลูกสุดท้ายซึ่งเป็นท้องน้อย...

….100%….

พี่พีพาลกระทั่งแมว งอนคนด้วยงอนแมวด้วยเลยทีนี้ แต่คนที่โดนลงโทษก่อนเห็นจะเป็นท่านขุน…โถ สงสารดีมะ?

*ขอตอบคำถามเรื่องนิยาย ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม? ว่าจะออกที่ไหนออกเมื่อไหร่เนาะ คือเรื่องนั้นจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ MAZE Novels Publishing นะคะ ออกภายในปีนี้ ราวๆ เดือนเจ็ดค่ะ แต่เรื่องกำหนดเราไม่กล้าคอนเฟิร์มนะคะ มันอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขอบคุณที่สนใจเจ้าหมูน้อยน้า~*
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 16 **100%** 09-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 09-04-2018 21:14:34
พี่พีใจเย็นนะ คุยกันก่อน
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 16 **100%** 09-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2018 23:54:37
 :katai1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 16 **100%** 09-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-04-2018 01:56:55
เหมือนมีภูเขาน้ำแข็งมาตั้งอยู่กลางร้าน
เข้าใจทั้งสองฝ่ายเลยนะ ท่านขุนไม่อยากบอกเพราะกลัวพี่พีไม่สบายใจ อีกทั้งเห็นว่ารักก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรก็เลยไม่บอก
ส่วนพี่พีก็น้อยใจคิดว่าท่านขุนยังรักแฟนเก่าอยู่รึป่าว ทำไมไม่ยอมบอก พอยิ่งมาเห็นท่านขุนจดจ่ออยู่กับรถไฟมันเลยยิ่งปะทุไปใหญ่
ค่อยๆพูด ค่อยๆคุยกันเด้อ คนรักกันมีอะไรข้องใจกันก็พูดกันดีๆนะ อย่าเก็บมันไว้ เดี๋ยวจะกลายเป็นภูเขาไฟระเบิดตู้ม!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 16 **100%** 09-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-04-2018 21:11:44
 :เฮ้อ: มองกันไปคนละมุมเลย

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 14-04-2018 21:40:50
>….ตอนที่ 17 [100%]….<

กระดุมกางเกงถูกปลดออกด้วยมือเพียงมือเดียว ตามด้วยเสียงซิปแกรกกรากผะแผ่วเข้าหู เขายังคงสาละวนอยู่กับยอดอกทั้งสองข้างและลำคอของท่านขุนไม่เคลื่อนลงต่ำกว่านั้น จนกางเกงถูกพรากออกจากกร่างไปเหลืออันเดอร์แวร์ตัวน้อย เขาถึงได้ก้มลงไปให้ความสนใจสิ่งอื่นที่อยู่ต่ำกว่าลิ้นปี่

ท่านขุนผิวคล้ำหากมองจากส่วนที่โพล่พ้นนอกเสื้อผ้า ทว่าเนื้อในของท่านขุนนั้นเป็นสีขาวเหลือง จัดว่าเป็นคนขาวแค่ไม่มากเท่าเขา ผิวเนื้อเนียนละเอียดคงเป็นกรรมพันธุ์ จากพ่อหรือแม่ก็ตามอันนี้เขาไม่คิดสนใจ เขาชอบที่จะลูบและเลียผิวกายท่านขุนด้วยปลายลิ้น

ความรู้สึกวูบวาบที่เขาสร้างให้เล่นเอาท่านขุนอยากจะระบายมันลงที่เส้นผมของเขา แต่ไม่กล้า...ท่านขุนอายุน้อยกว่ามาก ฝ่ามือสากจากการทำงานจึงลงอารมณ์ได้แค่กับที่นอนเท่านั้น จนกว่ามันจะทนไม่ได้จริง...ห้ามตัวเองไม่ได้เมื่อไหร่คงมีจิกเส้นผมพีระพลเล่นเหมือนกัน ท่านขุนมองอีกฝ่ายที่ยังคงอยู่ในชุดทำงาน ไม่หลุดหลุ่ยแม้ชายเสื้อหรือกระดุมคอเสื้อ แว่นตาไร้กรอบดูไม่เป็นอุปสรรคกับพีระพลเลย

ก็นะ...เรื่องแว่นน่ะท่านขุนรู้อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขากับพี่พีเสียหน่อย

“ซี้ด...พี่พี” ผิวตรงบริเวณเหนือความเป็นชายมาไม่ถึงคืบนั้นอ่อนไหวมาก แค่เขาลากปากตนเองเฉียดไปมาหน่อยเดียวร่างเล็กกว่าก็สะท้านไปทั้งร่างกาย

ครั้งนี้พีระพลไม่ขานตอบแบบเดิม ไม่มีคำว่าครับหลุดออกมาซึ่งมันค่อนข้างแปลกไปไม่ใช่น้อย ท่านขุนสะกิดใจเรื่องนี้แต่มันก็กระเจิดกระเจิงหายไปเมื่อพีระพลเริ่มใช้มือจับความเป็นชายของท่านขุนจ่อริมฝีปาก ส่วนปลายมีน้ำใสๆ เอ่อจนเกือบล้น เขาค่อยๆ สัมผัสมันเชื่องช้าเพื่อทรมานคนมองอย่างท่านขุน เกร็งรอแล้ว...เกร็งรอเล่า ลมหายใจหมดไปเฮือกหนึ่ง ท่านขุนผ่อนลมและจะเกร็งอีกครั้ง ทว่าพีระพลกลับใช้จังวะนั้นแลบลิ้นเลียแบบตวัดที่ส่วนอ่อนไหว

“อ๊ะพี่...อื้อ...พี่พี” ที่นอนยับยู่คามือสากไปแล้วเรียบร้อย เพราะการกลั้นแกล้งของพีระพล ท่านขุนสะดุ้งสะโพกแทบลอยขึ้นเหนือผ้าปู

ความรุ่มร้อนอันอ่อนนุ่มเคลื่อนลงครอบครองส่วนอ่อนไหวเชื่องช้า อ้อยอิ่งและ ยั่วเย้าเป็นที่สุด ทั้งที่รับรู้ว่าพีระพลเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ยังมีอารมณ์มาแกล้งร่างกายตนเองแบบนี้ ท่านขุนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พี่พีของเขากำลังทำก็เพื่อลงโทษความปากแข็งไม่ยอมสารภาพของท่านขุน

“หยิบเจลกับถุงยางให้พี่หน่อยสิครับ” เป็นคำแรกที่ได้ยิน หลังจากพีระพลเอาแต่แกล้งเขา แล้วนี่ก็ยังไม่ถอนริมฝีปากตอนออกไป

“ครับ” ท่านขุนทำตามคำสั่งด้วยความเต็มใจ ของเหล่านั้นอยู่ลิ้นชักข้างเตียง แค่เอี้ยวตัวก็สามารถหยิบของเหล่านั้นออกมาให้พีรพลได้

พีระพลตัดสินใจถอดเสื้อผ้าของตนเองออกก่อนจะทำอะไรต่อมิอะไรต่อ เขายืดตัว ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนทีละเม็ด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใต้แว่นไร้กรอบมองสบอยู่กับท่านขุน ถึงท่านขุนมองตามเรียวนิ้วสวยของพี่พีอยู่ก็ตามที แต่เขารับรู้ได้ว่าพี่พีกำลังจ้องเขา...มันทำให้เขิน ทำให้เขารู้สึกว่ามือไม้มันเกะกะเก้งก้างกว่าที่ควรจะเป็น พี่พีของเขาไม่ใช่คนนแบบนี้นี่นา...ไม่ใช่คนที่มาแกล้งเขาแบบนี้เลย

กว่าเสื้อผ้าจะหลุดออกจากร่างกายใหญ่ได้ก็เล่นเอาท่านขุนคิดนั่นคิดนี่ไปไกล จากตอนแรกสงสัยว่าพี่พีเครีดยอะไร มันแปลเปลี่ยนเป็นพี่พีจะทำอย่างไรกับร่างกายของเขาต่อไป ความคิดติดลามกของเขาถูกหยุดเอาไว้เมื่อพีระพลจับร่างของท่านขุนนอนพลิกคว่ำหน้าลงกับหมอน จากนั้นยกสะโพกกลมกลึงขึ้น...มันก็น่าอาย เพราะพี่พีมองอยู่มันถึงได้น่าอายมากขนาดนี้

“อ๊ะ...อื้อ...พี่...พี่พี” หมอนแทบขาดแล้ว...พีระพลเล่นใช้ปากกับช่องทางรักของเขาแบบไม่รังเกียจ ท่านขุนตัดสินใจกัดหมอนเอาไว้เพราะความเสียวซ่านที่พุ่งทยานมาจากส่วนนั้นมันมีมากจนเกินไป

ความเป็นชายกระตุกเร่าๆ เหมือนร่างกายของเขาสะดุ้งเฮือกไม่หยุดหย่อน พี่พีกำลังแกล้ง...ยังไงๆ พี่พีก็แกล้งเขาอยู่ เสียงครางสั่นๆ ดังเครืออยู่ในลำคอ ท่านขุนเสียว...เสียวจนเหมือนตัวเองจนไม่ไหว ลิ้นถูกเกร็งจนแข็งเพื่อสอดใส่เข้ามาในร่างของเขา น้ำลายเป็นตัวล่อลื่นชั้นดี ช่องทางรัดสิ่งแปลกปลอมเบาๆ ไร้จังหวะ...ท่านขุนรู้สึกว่าเขาอยากได้อย่างอื่นแล้ว

อยากได้พี่พี...

แต่พี่พีก็ไม่ให้ในสิ่งที่ท่านขุนต้องการ มือนุ่มๆ กอบกำความเป็นชายท่านขุน พีระพลชักนำมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาสอดใส่ลิ้นเข้าไปในร่าง และเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของท่านขุนมีปฏิกิริยาเหมือนจะปลายทาง พีระพลไม่ลังเลจะใช้เล็บตนเองจิกเข้าไปที่ส่วนปลายอ่อนไหว ความเจ็บปวดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทำให้จุดหมายปลายทางถูกพรากออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม

“ฮื่อ...พี่พี...พี่พีอย่าแกล้ง” เพราะมันทรมาน...จะไปก็ไปไม่ได้ จะหยุดก็หยุดไม่ได้ ท่านขุนทนไม่ไหว เขาร้องขอเสียงสั่นเครืออยู่ในลำคอ

พีระพลไม่ตอบอะไรเลย...ไม่แม้แต่จะขานรับคำใดๆ ทั้งสิ้น เขาละลิ้นสีสดออกจากช่องทาง ทว่ากลับลากมันตั้งแต่ก้นเนียนขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับมือที่ยังทำหน้าที่ชักนำอารมณ์ท่านขุน ขนในกายลุกชันครั้งแล้วครั้งเล่า พีระพลไม่ใช่แค่รักษาระดับอารมณ์ด้วยการปรนเปรอความเป็นชาย แต่พีระพลเร่งเร้าให้มันปลดปล่อยแล้วแกล้งให้มันเจ็บปวดจี๊ดๆ จนไม่สามารถปล่อยน้ำรักออกไปได้

ท่านขุนเกร็งร่างหนแล้วหนเล่า เกร็งจนขาทั้งสองข้างสั่นเทาเพราะความเหนื่อยล้า เขาหอบอยู่กับหมอน ปากของพีระพลเคลื่อนมาอยู่ที่หลังคอของเขาแล้ว เป็นความวาบไหวไม่รุนแรง เพราะส่วนที่รุนแรงอยู่นั้นมันคือกลางกายเขา

“ฮะ..!” แต่แล้วพีระพลก็งับลงที่ต้นคอ เขาแทบไม่มีแรง ร่างทรุดลงโดนพีระพลทับแนบร่างกับร่าง

“ถอดแว่นให้พี่หน่อยสิ” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ แขนก็ไม่มีแรงนัก แต่ต้องถอดให้อย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

“ผมไม่ไหวแล้วพี่พี...” เสียงนั้นเว้าวอนจนพีระพลกระตุกยิ้มร้าย

“หมดแรงแล้วเหรอครับ” ถึงจะนุ่มนวล ทว่ามันดูร้ายกาจอยู่ไม่เบา

“ไม่...ผม...ผมทนไม่ไหวแล้ว พี่หยุดแกล้งผมที ผมอยากได้พี่พีแล้วนะครับ” คำขอตรงๆ แบบนี้เขย่าหัวใจคนฟัง พีระพลบดปากตนกับปากของท่านขุนหนักๆ ขณะที่มือเอื้อมไปควานหาเจลข้างตัว

เสียงฝาดังขึ้น เข้าหูซ้ายทะลุไปหูขวา พีระพลชันเข่ากับที่นอนทั้งที่ยังคงแลกลิ้นเล่นกับท่านขุนอยู่ มือข้างหนึ่งค้ำร่างเอาไว้ ส่วนอีกข้างกำลังเทเจลลงบนร่องตรงกลางก้อนเนื้อเนียน แรงบีบทำให้เนื้อสีใสทะลักออกมา มันค่อยๆ ไหลไปตามทาง พีระพลทิ้งขวดเจลแล้วรีบปาดมันก่อนกดนิ้วเข้าสู่ร่างกายคนรัก รู้เลยว่าความยาวของนิ้วเปลี่ยนร่างกายท่านขุนอีกครั้ง ผนังร้อนตอดรัดเหมือนกับร่างกายที่เกร็งไปทุกสัดส่วน

แกล้งท่านขุนใช่ว่าพีระพลไม่ทรมาน เขาก็อยากนะ...อยากเข้าไปข้างในนั้นใจจะขาดเหมือนกัน แต่ได้เห็นสีหน้าทรมานเพราะเสียวซ่านของท่านขุนแบบนี้แล้ว เขาก็พอจะผ่อนคลายอารมณ์เรื่องรักลงไปได้บ้าง เขาจึงยังเชื่อช้าไม่รีบลงมือกินคนรักแทนขนมหวานสำหรับมื้อเย็นนี้เสียที

ท่านขุจะครางก็ครางไม่ออก ติดปากของพี่พีไม่ยอมถอยห่างไปไหน นิ้วมือซุกซนขยับเข้าขยับออก บ้างย้ำจุดรวมความรู้สึกด้านในหนักๆ ท่านขุนอยากผลักพี่พีออก อยากบอกว่าพอแล้ว...ไม่ไหวแล้วอีกครั้ง แต่พีระพลไม่เขยื้อนเลย เขาแรงน้อยหรือพีระพลแรงเยอะกันแน่

ลมหายใจของท่านขุนขาดห้วงเป็นระยะ เรียวลิ้นยังเป็นจุดที่ทำให้ท่านขุนหายใจไม่ทันร่วมกับความซาบซ่านที่ส่วนนั้นอีกด้วย พีระพลเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าในความอ่อนนุ่ม...ค่อยๆ ทำทีละน้อยเพื่อไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับท่านขุน ระหว่างนั้นเขาทนไม่ไหวจึงเอากลางกายตนเองถูไถกับร่องเปื้อนเจล

ตาสบตากันใต้ความมืด ลมหายใจพีระพลหอบกระเส่าไม่ต่างจากท่านขุน ระยะนี้พี่พีจะมองใบหน้าเขาชัดที่สุดเมื่อไม่มีแว่น กว่าพีระพลจะปล่ยออให้ท่านขุนนอนแหมะหอบหายใจก็ปาไปนานโข แล้วที่ต้องถอยทั้งที่ยังอยากแกล้งอยู่ก็เพราะต้องใส่ถุงยางให้ตัวเอง

แกล้งเขา...แต่เป็นพีระพลเองที่ทนไม่ไหว

“อะ...อ่าห์...พี่พี” กลางกายพีระพลคลืบคลานเข้าไปในช่องทางทีละน้อย ไม่มุทะลุพุ่งพรวดเข้าไปแม้ใจจะอยากขนาดไหนก็ตามที

ร่างของท่านขุนยังนอนคว่ำหน้าราบไปกับที่นอน เขากอดหมอนใบโตเอาไว้แน่นแต่ก็ไม่ได้เอาหมอนมาบังหน้าไม่งั้นหายใจไม่สะดวก แค่นี้ก็ควานหาลมหายใจของตัวเองแทยไม่เจอแล้ว วันนี้พี่พีแปลกไปมาก...แปลกในด้านความรู้สึก ไม่ใช่การกระทำ

ถึงพี่พีจะดูโกรธ ดูเคืองหรืออารมณ์เสียกับอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้สาดอารมณ์เหล่านั้นใส่ร่างกายของท่านขุน อาจแกล้งเล่นหนักไปหน่อย ทว่าสิ่งเหล่านั้นมันไร้ซึ่งความเจ็บปวด แค่ทรมาน...ก็อยากได้พี่พีไง มันถึงทรมานแบบที่ท่านขุนเป็น

ตอนนี้ส่วนนั้นของพีระพลเข้ามาในตัวของเขาแล้ว ช่วงที่มันเข้ามาท่านขุนยอมรับว่าเขารู้สึกดีมาก ร่างกายเต็มไปด้วยหมัดกล้ามโน้มเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว พีระพลจูบหลังคอ ทั้งกัด ทั้งดูจนเป็นรอยแดงยช้ำประปราย ไม่ได้ชอบทำหรอก...แค่หมั่นเขี้ยวก็เลยทำเอาไว้

เผื่อว่า...จะกันหมาได้บ้าง

“พี่พี...ผมเสียว” เสียงแผ่วๆ ปนกอบบอกเขา พีระพลเคลื่อนไปจูบกกหูพร้อมทั้งขยับส่วนล่างเบาๆ

“ครับ...พี่ก็เสียว” พี่พีตอบกลับเขาบ้างแล้ว ท่านขุนรีบหันหน้าไปหาคนนอนทับด้านหลังตนเอง

นัยน์สีอ่อนของพี่พีเร่าร้อนเหมือนทุกครั้ง มันเซ็กซี่ชวนเคลิ้มมากด้วยแหละ...ท่านขุนใช้แจนอ่อนแรงของตนเองโอบอ้อมหลังไปคว้าคอของพี่พีเอาไว้ จากนั้นเขาก็เลียมันตั้งแต่คางขึ้นไปทางสันกรามไร้หนวดเครา พี่พีกำลังสอดใส่เข้ามาและเขาวูบวาบไปทั้งกายก็จริง แต่เขาก็ยังไม่เลิกทำ...จนปากแนบเข้ากับปาก

ความดุเดืออดของลิ้นสองลิ้นพัวพันกันทำเอาน้ำลายเยิ้มไปตามมุมปาก ไม่มีใครสนใจ เขาสองคนเมินเฉยต่อความเปรอะเปื้อนนั้น เพราะลิ้นนุ่มหยุ่นมันชวนสนุกมากกว่าจะใส่ใจอะไรเล็กๆ น้อยๆ อีกทั้งร่างกายเขาก็เปื้อนมันหมดนั่นแหละ...

พีระพลผละริมฝีปากออก ดึงเอวท่านขุนให้ตั้งฉากเพื่อเพิ่มความเร็วและหนักหน่วงเข้าไปในร่าง ท่านขุนใช้สองแขนค้ำร่างของตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งจิกที่นอน ปลายผ้าปูสองด้านข้างบนหลุดออกมาจากมุม แรงท่านขุนเยอะ ยิ่งร่างกายสั่นไหว ไถลขึ้นลงก็ยิ่งเป็นเหนี่ยวรั้งผ้าปู

“อ๊ะ...อื้อพี่พี...ผมไม่ไหวแล้ว แฮ่ก...ซี้ด...ผมไม่ไหวแล้ว” ยอมทิ้งผ้าปูเพื่อจับความเป็นชายของตัวเอง แต่พีระพลกลับตะปบมือทับลงไปไม่ให้ท่านขุนได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

“ไม่...” เสียงนั้นสั่น

“อื้อพี่พี...ปล่อยผมเถอะครับพี่” ท่านขุนแหงนหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หาพีระพล อ้อนวอนเพื่อให้ตนเองได้ถึงจุดหมายเสียที เขาอยากจะเสร็จนานแล้ว แต่ไม่ได้เสร็จเลย

“ไม่ให้ครับ” พีระพลก้มลงไปสะโพกท่านขุนอย่างแรง พร้อมทั้งเพิ่มจังหวะเข้าไปจนมันดูดุเดือดเลือดพล่าน

“อ๊ะๆ อ๊ะ..พี่พี พี่พีครับ...อื้อผมไม่ไหว..ฮื่อพี่พี” คำพูดกระท่อนกระแท่นไปตามจังหวะการสอดใส่ ท่านขุนทรุดหน้าลงกับหมอน แรงกระทำเป็นหตุให้แขนท่านขุนพับลงจนหน้าจุ่มหมอน

“อ่าห์ขุน...” พีระพลกดลงสะโพกท่านขุนด้วยน้ำหนักที่เขามี จากนั้นก็เคลื่อนไหวสะโพกถี่รัว ไม่เข้าสุดออกสุด และกระทุ้งลึกสุดๆ

“อ๊ะ อ๊ะ..อ๊ะ พี่...แฮ่กๆ...พี่พี” มันเป็นเสียงอู้อี้ที่ได้ยินไม่ชัดหนัก รู้ว่าเรียกตนเองแน่ๆ

“อ๊า...พี่พี...” พีระพลจับท่านขุนอนตะแคง คร่อมข้างหนึ่เอาไว้และขาอีกข้างของท่านขุนก็อยู่บนไหล่กว้างของเขา

สำหรับท่านขุน...ท่านี้โคตรเสียว

ดวงตาพี่พีเหมือนนักล่าเข้าไปทุกที หรี่นิดๆ ดูร้ายกาจและเจ้าเล่ ท่านขุนรู้สึกหวาดผวาผู้ชายตรงหน้านิดหน่อย...ไม่ได้กกลัวในรูปแบบที่ไม่น่าคบหา แต่กลัวว่าพี่พีจะแกล้งจนเขาหมดเรี่ยวหมดแรงต่างหาก

ใครบอกว่าพี่พีไร้น้ำยานะ...เหมือนได้ยินคนบอกเมื่อก่อนเขาคบกัน แบบนี้เรียกไร้น้ำยาเหรอ คนที่ซอยสะโพกเข้าร่างกายเขาถี่ยิบแบบนี้คือไร้น้ำยา แล้วแบบไหนถึงเรียกว่ามีน้ำยากันล่ะ

ความซาบซ่านทำให้ท่านขุนเกร็งร่างครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเอื้อมมือไปหมายจะจับความเป็นชายแต่ก็ถูกพี่พีแย่งกุมส่วนนั้นเอาไว้ก่อน พี่พีกำมันเหมือนกำคอนักโทษ ส่วนปลายฉ่ำวาวไปด้วยน้ำพรีคัม เยิ้มปนกับเจลเฉอะแฉะไปหมด

“พี่พีครับ...ขุนไม่ไหวแล้วครับ” ขนาดหายใจท่านขุนยังทำได้แค่หายใจสั้นๆ เฮือกน้อยๆ และบ่อย

“...ครับ” อะไรคือครับแค่นั้นล่ะพี่ ท่านขุนไม่เข้าใจเลย พี่พีไม่ให้ทำกับส่วนหน้าแล้วมันจะเสร็จได้ยังไง

ท่านขุนอยากดื้อกับพี่พี อยากดึงมือพี่พีออกจากส่วนนั้นของตนเอง แต่ก็ทำไม่ลงเลย เขาได้แต่จิกหมอนแล้วนอนรับความรู้สึกวูบวาบอันซาบซ่านอยู่แบบนั้น เสียงครางของเขาสั่นเครือและแหบแห้งไปเล็กน้อย มันกินเวลานานแล้ว...ทรมานอยากจะเสร็จนานแล้ว

“ฮึ้ก...พี่พี...พี่พีครับ” น่าแปลกที่ความรู้สึกซาบซ่านของเขายังทวีขึ้นได้อีกเรื่อยๆ แม้ไม่ได้จับส่วนนั้นของตนเอง

“พี่จะเสร็จ...” พีระพลยังไม่ยอมลดจังหวะหนักๆ และถี่รัวของตนเอง คนไม่เคยจะไม่เข้าใจว่ามันเหนื่อยขนาดไหนในการรักษาระดับนี้เอาไว้

“อื้อ...พี่พีผมไม่ไหว” น้ำตามันคลอหน่วงไปหมด ท่านขุนจิกหมอนแน่น เขาแทบจะเอาหมอนมาปิดหน้าตาบิกเบี้ยวเพราะความเสียวของตนเองแล้ว

“อ๊ะ...อ๊ะ....อื้อ.....” ร่างกายท่านขุนถึงจุดสุดยอด น้ำสีขุ่นพุ่งใส่มือพีระพลที่กุมส่วนนั้นเอาไว้ไม่ให้ท่านขุนจับ แต่มันก็ยังสารถปลดปล่อยได้ สมองคนตัวเล้กกว่าชาวาบ...และขาวโพลน เขาแทบจะนอนขดเกร็งเพราะการถึงจุดหมายครั้งนี้รุนแรงในความรู้สึกเขา

“แฮ่กๆ...ซี้ด....อื้อขุน” ส่วนนั้นของพี่พีกระตุกอยู่ในตัวเขา กระตุกเร่าๆ ไม่ต่างจากส่วนนั้นของเขาเลย

ร่างกายใหญ่แช่ส่วนนั้นนิ่งค้างได้พักหนึ่ง พีระพลปล่อยให้ท่านขุนซึมซาบกับความจุดสุดยอดยาวนานของตัวเอง ขณะที่เขาตัดสินใจนอนช้อนด้านหลังของท่านขุน โอบกอดเอวคอดนั้นเอาแล้วคลอเคลียริมฝีปากกับซอกคอเจือกลิ่นเหงื่อ

“พี่รักขุนนะ...” คำว่ารักเบาๆ ทำให้ท่านขุนพลิกกายเข้ามาสวมกอด

“แต่วันนี้พี่แกล้งผม”

“รู้สึกแย่เหรอ” ท่านขุนเงยหน้ามองพี่พีของตน

“เปล่า...ผมไม่ได้รู้สึกแย่ แต่พี่ก็แกล้งผม” เหมือนจะงอนๆ นะ พีระพลอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ถึงท่านขุนไม่ยอมบอกกับเขาเรื่องรักก็ตาม เขากดปากลงกับศีรษะอีกฝ่าย

“พี่ขอโทษครับ” น้ำเสียงที่บอกออกมานั้นนุ่มละมุน ท่านขุนเงยหน้ามองพี่พียิ้มๆ แล้วเลื่อนไปงับตรงไหปลาร้าได้รูปสวยนั้นจนพี่พีของเขาสะดุ้งเฮือก

“เอาคืน...” พีระพลลูบตรงที่โดนกัด มองรอยยิ้มของท่านขุนยิ้มๆ

ร่างสูงจูบปากท่านขุนอีกครั้งเบาๆ เขาสวมกอดคนรักเอาไว้พร้อมทั้งหลับตาลง ไม่รู้ว่าดึกหรือยังแต่เขาก็อยากจะนอนหลับไปทั้งแบบนี้เลย ท่านขุนเองก็นิ่งปล่อยให้เขากอดอยู่นั้นจนกระทั่งพีระพลหลับไป ทคนในวงแขนปรือตามองนิดหน่อย เห็นใบหน้าผ่อนคลายลงมาบ้างของอีกคนแล้วก็เบาใจลง

พี่พีของเขาคงหายเครียดแล้วมั้ง...

เหนียวตัวไปหน่อย อยากจะลุกไปอาบน้ำอาบท่า ติดที่ว่าพี่พีอาจจะตื่นขึ้นมาได้ อีกอย่าง...พี่พีไม่ค่อยได้มานอนกอดเขาแบบนี้บ่อยนัก ดังนั้นท่านขุนจึตัดสินใจนอนต่อไปทั้งแบบนั้น เหนียวตงเหนียวตัวก็ช่างมันประไร...พรุ่งนี้อาบน้ำก็ยังไม่สายหรอก

ช่วงเช้า พีระพลตื่นก่อนท่านขุน เสื้อผ้าของเขายังคงเป็นชุดเดิมถอดกองอยู่ตรงพื้นห้อง ลุกขึ้นมาเก็บและหยิบจับชุดของคนรักไปใส่ตะกร้า จากนั้นถึงได้เดินไปอาบน้ำอาบท่า นี่กะว่าเดี๋ยวจะบอกท่านขุนนิดหน่อยว่าจะกลับก่อน เพราะต้องไปเปลี่ยนชุดที่บ้านให้เรียบร้อยแล้วถึงไปทำงาน ยังไงซะวันนี้พีระพลก็ยังมีงานเคมีที่ต้องเคลียร์ ต่อให้มาค้างที่อื่นจนลำบากในการไปทำงาน เขาก็ทิ้งหน้าที่ตัวเองไม่ได้

ข้าวของเครื่องใช้อย่างแปรงสีฟันท่านขุนได้ซื้อเอาไว้ให้เขา เตรียมเผื่อวันไหนพีระพลจะมาค้างจะได้ไม่ลำบากในการอาบน้ำแต่งตัว เสื้อผ้านี่ก็มีชุดใหม่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ชุดที่พีระพลจะเอาไปใส่ทำงานได้ อย่างน้อยใส่ชุดใหม่กลับบ้านไปเปลี่ยนก็ยังถือว่าดีกว่าใส่ชุดเดิม

“ฮะ...เดี๋ยวๆ อะไร” เปิดประตูออกมาก็เห็นท่านขุนนอนคุยโทรศัพท์ ตายังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่ พีระพลเดินไปแต่งตัวเงียบๆ ไม่ส่งเสียงทักเพราะมันจะเสียมารยาท ทว่าหูเขาก้ได้ยินบทสนทนา คิดเหมือนกันนะว่าใครช่างโทรมาแต่เช้าขนาดนี้

“เดี๋ยวนะรัก” แค่นั้นแหละ จากที่กำลังสวมเสื้อเขาก็ชะงัก

“แต่นี่มันเพิ่งกี่โมงเอง...ฮะ อะไรนะ ไอ้บ้าเอ้ย แป๊บหนึ่ง” ท่านขุนลุกพรวดขึ้นมา เขามองพีระพลนิดหน่อย

“อะไรเหรอ”

“เอ่อ...เดี๋ยวผมมาแป๊บหนึ่งนะพี่” ท่านขุนจะคว้ากางเกงบนพื้นมาใส่แต่มันไม่มีอยู่แล้ว พีระพลสส่งผ้าขนหนูให้แฟนตัวเอง

ท่านขุนรีบเอาผ้าขนหนูพันเอวเดินออกไปข้างนอก เสียงปิดประตูค่อนข้างดังเพราะอีกฝ่ายรีบร้อนออกไปมาก ถ้าไม่ได้ยินชื่อของรัก...พีระพลจะไม่คิ้วขมวดขนาดนี้เลย เขาใส่เสื้อผ้าด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป จากดีขึ้นมาบ้างแล้วคิดว่าเดี๋ยวจะคุยกับท่านขุนให้รู้เรื่อง ตอนนี้กลายเป็นโกรธยิ่งกว่าเดิม

ที่นี่รีบลงไปนี่คือ...ไปรับมัน?

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำหมัดเอาไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเดินมานั่งนิ่งอยู่ตรงเตียง ผ้าปูนอนไม่เป็นรูปเป็นร่างเพราะสงครามรักเมื่อคืนนี้ มุมเตียงด้านบนไม่มีผ้าคลุมอยู่เพราะมันหลุดหลุ่ยไปหมด ดูก็รู้ว่าเขาสองคนมีความสุขกันมากขนาดไหนบนเตียงนี้ แล้วนี่อะไร...เช้ามาท่านขุนก้วิ่งโล่ไปหาแฟนเก่าแบบนี้น่ะหรือ ให้ตาย...หงุดหงิดเป็นบ้า

พีระพลตัดสินใจเอาเสื้อผ้าตัวเองไปใส่เครื่องซักด้านนอก จากนั้นลงไปข้าล่าง เสียงคนสองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องครัว เสียงหนึ่งของท่านขุนและอีกเสียงเป็นของรัก คนเดิมไม่ใช่คนใหม่ที่เขาไม่รู้จัก พีระพลตรงไปที่ครัว เขาไม่ได้สแดงตัวให้อีกสองคนได้เห็นหรอก แค่ยืนอยู่มุมประตู สอดส่ายตาเข้าไปมอง

ในอ้อมแขนของรักมีแมวสีดำจนฝูตัวไม่ใหญ่ ยังอายุน้อยและมันส่งเสียงร้องมิ้วๆ ตอนนี้มณีไม่อยู่ อาจจะยังไม่ออกมาจากห้องของลูกน้องท่านขุน ส่วนเจ้าของร้านเองก็ยืนเท้าเอวมองแมวน้อย มีเพียงผ้าขนหนูพันเอวเอาไว้ เนื้อตัวยังคงประดับรอยแดงจากริมฝีปากเขาอยู่ ต้องรู้สึกยังไง...เขาจะรู้สึกอย่างไรได้นอกจากแย่ แย่มาก...แล้วก็เคืองด้วย อยากจะเข้าไปต่อยรักสักหนึ่งทีแล้วบอกให้มันเลิกยุ่งกับท่านขุนได้แล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ เขาตัดสินใจหันหลัง กะว่าจะกลับบ้านเลยโดยไม่บอกใคร แต่ว่า…
“อ่าวคุณพี…” รักดันทักเขาขึ้นมาเสียก่อน

….100%….

สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะทุกคนนนนน ได้ไปเที่ยวที่ไหนกันไหม เรานอนอยู่บ้านอย่างเดียว ความขี้เกียจตัวใหญ่กว่าบ้านแล้วค่ะ วันๆ เอาแต่หลับ แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 14-04-2018 22:26:36
ถมเข้าไปเลยค่ะ  ถมเข้าปายยยยยย  พี่พีหัวร้อนจนผมไม่เหลือบนหัวแล้ววว55555  ปล.พี่พีร้อนแรงมากกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-04-2018 23:06:42
คราวนี้ต้องได้เลือดนะคุณพี ต่อยมันเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-04-2018 00:01:10
เรานี่หัวร้อนตามพี่พีแล้วล่ะเนี่ย รักก็วุ่นวายจริงๆ เมื่อไหร่ท่านขุนจะรู้ตัวว่าพี่พีหึง และตัดรักให้ขาด ให้เลิกมาวุ่นวายสักที
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-04-2018 06:50:09
 :z3: :ling1:

เฮ้อออ คนก็คิดมาก อีกคนก็ไม่คิดเลย
ไอ้รักก็ไม่มีความเกรงใจ
เวงละ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-04-2018 08:01:31
พี่พีจัดให้ซักดอกสองดอกสิ จะได้เข็ดซะที
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 15-04-2018 13:38:33
 :m16:  พี่พีแสดงออกเลยว่าไม่พอใจ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-04-2018 20:15:03
ไม่คุย ไม่ถาม งอนกันไป
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 17 **100%** 14-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-04-2018 20:26:06
รำคาญแฟนเก่ามาก เดกนิสัยเดกๆแน่ใจนะว่าขุนกลับไปแล้วมึงจะไม่เล่นชู้อีก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 16-04-2018 21:33:08
>….ตอนที่ 18 [100%]….<

รู้เลยว่าพี่พีอารมณ์ไม่ดี...แววตาแบบนั้นยิ่งกว่าเมื่อวานนี้อีก ท่านขุนรู้ว่าตัวเองควรหาเวลาคุยกับพี่พีให้รู้เรื่องว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้พี่พีรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่แล้วรักก็มาหา มีการบอกว่าเก็บแมวได้จากข้างถนนให้รีบเปิดร้านให้หน่อย...มันหิว

เมื่อท่านขุนรีบลงมาเปิด เห็นแมวเปอร์เซียร์ในวงแขนรักแล้วก็คิ้วขมวด เก็บได้จริงเหรอ...ใครเขามาปล่อยแมวสายพันธุ์แบบนี้เอาไว้กัน มันเป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่อยากจะเชื่อแต่เจ้าเหมียวมันก็ร้องขออาหารจริงๆ นั่นแหละ ท่านขุนจึงต้องพารักมาที่ครัว เอาอาหารให้เหมียวน้อยที่น่าสงสาร

แล้ว...พี่พีก็ลงมาเจอ

บรรยากาศน่าอึดอัดเป็นบ้า รักยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่หรอก พี่พีนี่สิ...ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่แววตา ขนาดรักส่งเสียงเรียกแล้ว ปกติคนอย่างพี่พีจะทักตอบหรือส่งยิ้มให้เพื่อเป็นการทักทายกลับ ทว่านี่ไม่เลย...พี่พีแค่มองหน้ารักกับเขา

“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณพีจะค้างที่นี่ เอ...ผมมารบกวนเวลาของคุณสองคนหรือเปล่านะ” พูดเหมือนจะสำนึก แต่หน้าตานี่เริงร่าสุดๆ พีระพลดูออก ไม่ใช่ดูไม่ออก เหมือนกับว่าตั้งใจมาหาท่านขุน แจ็กพ็อตเจอเขาด้วยเลยได้ป่วนไปในตัว

“ไม่หรอกครับ” พีระพลจำต้องตอบ แค่ไม่ทักคืนนี่ก็ถือว่าเสียมารยาทแล้ว

แต่คนแบบนี้เขาต้องมีมารยาทด้วยจริงเหรอวะ?

คนในบ้านมักสอนเขาว่า ต่อให้คนอื่นจะทำตัวแย่ๆ ใส่เขายังไงก็ต้องทำดีกับเขา ต้องมีมารยาทอย่าทำตัวทรามกลับเพราะมันจะเป็นการลดค่าของตัวเอง อีกฝ่ายไม่มีใครสั่งสอนมาก็เลยเป็นแบบนั้น อย่าถือสาเลย

ชีวิตพพีระพลทำงานเจอคนมาเยอะ บางคนแย่ก็จริงแต่ไม่เท่านี้ อาจเพราะพวกเขาเองก็เป็นผู้ใหญ่และมีมารยาทในการเข้าสังคม ถ้าเป็นสมัยเรียนก็ว่าไปอย่าง สมัยนั้นพวกทรามๆ มีเยอะ พวกที่เห็นเขาทำตัวดีหน่อยก็แซะเขาลับหลัง หรือรุ่นน้องไม่ให้ความเคารพกันก็มีบ้างประปราย เขาดีใส่ทุกคน...สุดท้ายคนเหล่านั้นก็ไม่กล้าทำตัวแย่ๆ ใส่เขาเพราะเกรงใจ

แล้วรักจะเกรงใจเหรอ...ไม่หรอกมั้ง ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น รักตั้งใจจะมาป่วนมากกว่า ไม่ได้เห็นหัวของเขาหรอก เพราะในสายตารักมีแค่ท่านขุนเท่านั้นเอง พีระพลบอกให้ตัวเองอดทน อย่ามาเสียเพราะคนอย่างรัก

“เอ่อ...พี่พีกินข้าวก่อนไปทำงานไหมครับ ผมไปเปลี่ยนชุดแล้วลงมาทำอาหารให้กินดีกว่าเนาะ” อยากปฏิเสธนะ...เขาไม่อยากร่วมโต๊ะกับรัก แต่มันจะน่าเกลียดน่ะสิ

“เห งั้นฝากท้องด้วยคนสิ รักหิวมาก...” รักทำหน้าอ้อนแฟนของเขา เจ้าเหมียวอยู่บนโต๊ะกินอาหาร มันก้มหน้าก้มตากินอาหารของมณีอย่างเอร็ดอร่อย

“เอ่อ…อื้อ” ปฏิเสธก็น่าเกลียดใช่ไหมล่ะ ก็เลยต้องตอบรับไป

“พี่พีรอผมแป๊บหนึ่งนะ แป๊บเดียวๆ…” ท่านขุนเดินเข้ามาหา ลูบแขนพี่พีนิดหน่อยก่อนรีบวิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่

เมื่อท่านขุนหายลับไป รอยยิ้มของรักก็หายไปเช่นกัน ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนไม่เป็นมิตรอย่างพีระพลนี่นา ดูสีหน้าฝ่ายนั้นสิ...บึ้งตึงยิ่งกว่าอะไรดี อีกอย่าง...รักอยากได้ท่านขุนคืน เรื่องไรจะต้องทำตัวสนิทชิดเชื้อกับแฟนใหม่ของแฟนเก่าเราล่ะ

“โรคจิตนะที่ทำรอยแบบนั้นบนตัวท่านขุนน่ะ” รักเปรยเบาๆ แน่นอนว่าเข้าหูพีระพล

“เหรอครับ...” ผู้อาวุโสตอบด้วยการถามกลับ

“คุณคงไม่รู้ว่าท่านขุนไม่ชอบแบบนั้น มันเหมือนด็กไร้สกุลเขาทำกัน...หรือคุณว่าไม่จริง” สายตาของรักเหยียดหยันพีระพลเต็มที่

“เอ...หรือว่าที่เขาเคยพูดกันมันจะจริง ที่ว่าผู้ชายมาดเนี้ยบเนี่ยจริงๆ แล้วมักซาดิสม์” ไม่คุ้นเคยกับการสาดคำพูดแรงๆ ใส่เท่าไหร่นัก จะว่าสังคมที่พีระพลอยู่ค่อนข้างดีเลยก็ว่าได้ อาจมีด่ามีว่ากันเล็กๆ น้อยๆ แต่มันไม่ได้น่าเคืองเท่าที่รักพูด

“ถ้าแบบนั้นพวกเบดกายก็มักจืดชืดสิ...ใช่ไหมครับ อันนี้ผมก็ได้ยินมาน่ะ” ร่างสูงสวนกลับบ้าง เขาหน้านิ่งไม่มีรอยยิ้ม ไม่เหยียดอีกฝ่ายทั้งที่โกรธอยากเข้าไปต่อยมันสักที

“มันก็แค่ที่เขาพูดกัน...”

“นั่นสินะครับ” รักพอเข้าใจในสิ่งที่พีระพลตอบโต้ มันหมายถึงสิ่งที่รักกล่าวหาก่อนหน้านี้มันก็แค่ที่คนอื่นเขาพูดกันเหมือนกันนั่นแหละ

“แต่ท่านขุนก็ไม่ชอบ คุณเป็นแฟนเขา...ก็ควรรู้ว่าอะไรเขาชอบหรือไม่ชอบสิ ไม่คิดบ้างเหรอครับว่าลูกค้าเขาจะมองยังไง เห็นรอยบนตัวท่านขุนแบบนั้นน่ะ มันดูไม่ดีเลยนะครับ” รอยจูบอยู่หลังคอและในร่มผ้า โอเค...หลังคอเห็นง่ายอยู่ แต่ไอ้ข้างในเนื้อตัวที่เป็นรอยแดงจางๆ นี่ไม่ถอดเสื้อก็ไม่เห็นหรอกนะ

“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ แต่ว่า...คุณไม่คิดเหรอครับว่า บางทีที่เขาไม่ชอบให้ทำรอย อาจไม่ได้เพราะไม่ชอบรอยแต่ไม่ชอบคนทำ มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคู่รักนะผมว่า ท่านขุนเองไม่เคยว่าที่ผมทำแบบนั้นเพราะว่าเขาชอบ...ที่ผมทำ” รอยยิ้มบางเบาเกิดขึ้นบนใบหน้าพีระพล เจ้าตัวเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับรักคล้ายท้าทายอารมณ์และความอดทนอีกฝ่าย แน่ล่ะ...รักโคตรเคือง เหมือนโดนด่ากลายๆ ว่าที่ผ่านมาท่านขุนไม่ชอบที่รักทำ แต่ชอบที่พีระพลทำ...มันเป็นความต่างที่รักเทียบไม่ติด

“รู้ไหมครับ...เมคเลิฟคือสิ่งที่คนสองคนต้องชอบมันไปด้วยกัน มีอารมณ์ร่วมไปพร้อมๆ กัน มีความสุขไปด้วยกัน...ไม่ใช่สักแต่จะเอาไอ้นั่นเสียบเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว” ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้คงดูหยาบคายไปบ้าง แต่กับพีระพลที่เป็นเด็กสายวิทมาตลอดถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ ถึงเขาจะเน้นหนักทางด้านเคมี แต่อย่าลืมว่าในร่างกายคนก็มีสารเคมีมากมาย ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาในอารมณ์ที่แตกต่างกันไป

“เรื่องแบบนั้นผมคงไม่ต้องให้คนอย่างคุณมาสอนหรอกครับ หึ…ดูยังไงคุณก็ไม่มีน้ำยา” รักต่อคำท้ายเสียงเบาหวิว กะว่าพูดกับตัวเองแต่ก็มีเจตนาแฝงให้พีระพลได้ยิน

“ลองถามท่านขุนดูว่าผมไร้น้ำยาจริงไหม...” พีระพลกอดอกมองหน้ารักอย่างไม่เกรงกลัว

“ลองถามดูว่ายามที่ผมดูดคอเขา...เขารู้สึกอย่างไร” นี่มันยิ่งกว่าท้าทาย...รักกำหมัดที่อยู่ใต้โต๊ะแน่น

“ไม่ต้องถามหรอก ผมกับท่านขุนมีช่วงเวลาที่หวานชื่นร่วมกันมากมาย สีหน้าท่านขุนยามนั้นเป็นอย่างไรผมยังจำมันได้ดี...”

“อื้อ นั่นสิครับ...เชื่อว่าคุณคงจำได้แหละ มนุษย์เรามักโหยหาสิ่งที่หลุดมือไปแล้วเสมอ โดยเฉพาะคนรัก” ยิ่งฟังมันก็ยิ่งเจ็บใจ รักไม่ใช่คนความอดทนสูงนัก ดังนั้นเขาจึงโน้มหน้าเข้าใกล้พีระพล สบตาคมดุภายใต้แว่นไร้กรอบ

“คุณเป็นคนใหม่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ท่านขุนตลอดไป ผมจะแย่งท่านขุนกลับมาให้ดู...แล้วคุณจะได้เรียนรู้คำว่าการโหยหาคนรักที่สูญเสียไปมันเป็นยังไง ไม่ใช่รู้แค่ทฤษฎีแบบที่พูดอยู่ตอนนี้” ราวกับพีระพลได้รับชัยชนะแล้ว เด็กคนนี้ไร้ซึ่งความอดทนสิ้นดี

แต่คำพูดของรักเองก็สั่นสะเทือนความรู้สึกพีระพลไม่ใช่น้อย คำว่าคนรักเก่ามันอันตรายกับความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มอย่างเขากับท่านขุนมากๆ แล้วเขาเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าท่านขุนจะกลับไปหารักไหมหากรักตั้งใจมาง้อจริงๆ ยอมรับว่าสองคนนี้ดูเหมาะสมกัน เขาไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ชอบขับรถ ชอบเที่ยว ชอบอะไรที่ผาดโผนไม่เหมือนเขาที่ดูยังไงก็น่าเบื่อและจืดชืด หากท่านขุนเลือกกลับไป...เขาไม่แปลกใจเลยจริงๆ

แต่พีระพลไม่แสดงออกถึงความหวั่นวิตก กระทั่งสายตาของเขาก็ยังคงเด็ดเดี่ยว จ้องตากับรักไม่หลบหลีกไปไหน เขาเชื่อว่ายิ่งรักทำให้เขาหวั่นใจได้มากแค่ไหนก็จะยิ่งเพิ่มเปอร์เซ็นที่มันจะได้ท่านขุนกลับคืน เขาไม่ยอมหรอก...ท่านขุนเป็นของเขา

“รัก!” เสียงของท่านขุนดังขึ้นทางประตูครัว เจ้าของร้านรีบตรงดิ่งเข้ามาขณะที่รักรีบกลับไปยืนตัวตรง ยิ้มระรื่นประหนึ่งเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เสียงดัง เจ้าเหมี๊ยวตกใจหมดเลย...” ดูมันพูด แมวไม่ได้ตกใจอะไรสักนิดเดียว

“เมื่อกี้ทำอะไร...” ท่านขุนถาม เขายังเห็นพี่พีนิ่งสงบเช่นเดิม และอาจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่ารักไปพูดอะไรไม่ดีใส่พี่พีอีกแล้วเหรอ...

“เปล่านี่ เมื่อกี้มีอะไรติดแว่นคุณพีน่ะ ก็เลยเข้าไปดูให้...เนอะคุณพี” โกหกหน้าด้านๆ ต่อหน้าต่อตา และรักก็จ้องพีระพลเพื่อดูว่าผู้ใหญ่คนนี้จะกล้าแหกเขาต่อหน้าท่านขุนไหม

“จริงเหรอพี่พี...” ท่านขุนชะโงกหน้ามาดูแว่นให้ พีระพลมองสบตาแล้วเบี่ยงตาหนี

“พี่พี...”

“พี่ขอตัวก่อนดีกว่า” จะให้มาโกหกมันไม่ใช่นิสัย อีกอย่าง...คำพูดที่เรียกได้ว่าตอแหลเมื่อกี้ทำเอาพีระพลเดือดจัดจริงๆ

ครึก!!

เสียงดันเก้าอี้ออกดังสนั่นด้วยความไม่พอใจของพีระพล เมินกระทั่งท่านขุนแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่อยู่ด้านนอก ปฏิกิรยาแบบนี้ของพีระพลทำให้ท่านขุนหายใจหายคอไม่ทัน เขารีบสาวเท้าออกไปหา ทว่ารักดันมารั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

“คนงี่เง่าแบบนั้นไม่ต้องไปตามง้อก็ได้นะ” คำนี้น่าโมโหมาก

“ผมรู้ว่าใครกันแน่ที่งี่เง่า ปล่อย” ไม่ว่าเปล่า ท่านขุนกระชากแขนตัวเองออก

“ท่านขุน...”

“เป็นไปได้ก็กลับไปได้แล้ว” ท่านขุนไม่แคร์สายเศร้าสร้อยของรัก เขาสาวเท้าออกไปหาพี่พีของตนไวๆ แทบวิ่งออกไปหาเลยก็ว่าได้

เขาปรี่ไปคว้าประตูรถของพี่พีเอาไว้ ไม่อยากให้พี่พีไปทั้งที่โกรธเคืองกันแบบนี้...ตอนนี้ท่านขุนเชื่อว่าการที่พี่พีดูไม่พอใจต้องเป็นเพราะรัก ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พี่พีอาจไม่ชอบที่รักใช้วาจาไม่ดีกับตนก็ได้

“พี่พีคุยกับผมก่อน” น้ำเสียงท่านขุนอ้อนวอนมาก

“ขอโทษนะครับขุน พี่อารมณ์ไม่ดีมากๆ เลยล่ะ...คุยตอนนี้คงไม่รู้เรื่อง” ขนาดพูดกับคนรัก สีหน้าพี่พีก็ยังไม่ดี...

“แต่...พี่พี...รักมันทำอะไรพี่พีของผม” ก็อยากปล่อยไปนะ ติดที่คาใจเรื่องนี้จริงๆ

“ไว้พี่เย็นแล้วเราค่อยคุยกัน”

“พี่...” ใจคนฟังสั่นไหวไปหมด

“พี่ขอตัว”

“เดี๋ยวสิพี่...เดี๋ยวได้ไหม ผม...ผมขอกอดได้ไหม” พี่พีเย็นชาจนท่านขุนกลัว ถ้าต้องทะเลาะกับพี่พีเพราะรักจนอะไรๆ บานปลายเขาจะทำยังไง...เขาไม่อยากเสียคนๆ นี้ไปเลย เขารักพี่พี...รักมาก

ถึงจะอารมณ์เสียรักโคตรๆ แต่พอท่านขุนบอกแบบนี้หัวใจพีระพลก็อ่อนยวบ นั่นสิ...ท่านขุนปกปิดเรื่องรักคือแฟนเก่าก็จริง แต่มันคนละเรื่องกับที่เขาอารมณ์เสียอยู่ตอนนี้ ดูก็รู้ว่าเขาได้ทำให้แฟนของเขาขวัญหายขนาดไหน พีระพลตัดสินใจเปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วดึงมือท่านขุนเข้าหาตนเอง ค่อยๆ...สวมกอดอีกร่างเอาไว้ในอ้อมอก

ท่านขุนเอาหน้าแนบลงไปกับแผงอกของพี่พี ฟังเสียงหายใจและเสียงหัวใจของคนรักตัวเอง ให้มันช่วยเยียวยาความวิตกกังวลที่กำลังฟุ้งอยู่ในสมองและความรู้สึกของเขา อย่างกับเราทะเลาะกันทั้งที่เราไม่ได้มีปากเสียงกันเลย สถานการณ์แบบนี้...อารมณ์แบบนี้มันน่าห่วงนะ ทว่าท่านขุนเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง...ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนในเวลานี้ พี่พีขอเวลาให้ตัวเองเย็น เขาต้องให้เวลาพี่พี

“ขอบคุณครับ” ท่านขุนเป็นฝ่ายคลายกอดเสียเอง เพราะพี่พีกอดเขาเอาไว้ไม่มีทีท่าจะปล่อย ไอ้อยากอยู่แบบนี้ต่อมันก็อยากอยู่ ถ้าไม่ติดว่าพี่พีมีงานต้องไปทำ

“พี่รักขุนนะ” พีระพลจูบที่หน้าผากคนรักของตนเบาๆ

“ผมรักพี่พี” ท่านขุนขานตอบพลางซึมซับความอบอุ่นที่แผ่เข้ามาสู่หัวใจ

“พี่ไปทำงานก่อน...” ก็ต้องยอม ท่านขุนถอยออกมา ปิดประตูให้พีระพลเสร็จสรรพ พี่พีอบอุ่น...พี่พียังดูรักเขา แต่พี่พีก็ยังโกรธเคืองอะไรบางอย่างอยู่ดี

ท่านขุนเฝ้ามองรถของพี่พีจนหายลับสายตา ข้างในยังหวิวๆ อยู่เลยกับอาการของคนรักในเช้าวันนี้ พอคิดไปคิดมา...ตัวต้นเหตุแม่งอยู่ในร้าน ท่านขุนสาวเท้ากลับเข้าร้านที่ยังไม่ได้เปิดของตนเอง มาถึงเขากระชากคอเสื้อของรักเลยเป็นอย่างแรก

“เฮ้....” รักรีบยกมือทั้งสองยอมจำนน

“รักพูดอะไรใส่พี่พี” เสียงเข้มมาก และหน้าตาเจ้าของร้านในตอนนี้ก็ดุดันเอาเรื่องเหมือนกัน

“เปล่านะ”

“ไม่เชื่อ พูดอะไรใส่พี่พี...บอกมาเดี๋ยวนี้” แววตาจริงของท่านขุนทำให้รักอ่อนลงหน่อย

“ท่านขุนรักเขามากเลยหรือขอรับ” ยังมามีหน้าพูดคำพวกนี้อีก

“ใช่ ผมรักเขามาก...บอกมาว่าพูดอะไรกับพี่พี”

“คุณพีเขาอาจยั่วโมโหกระผมก่อนที่กระผมจะพูดไม่ดีใส่เขาก็ได้นะขอรับ”

“รัก! อย่าให้กูหมดความอดอทน…” ถึงขึ้นกูมึงก็ไม่ใช่ว่ามีความอดทนแล้วแหละ เขาสบตากันนาน…มองกันอยู่อย่างนั้นโดยรักไม่ยอมเปิดปากพูด

“เออ! รักแค่บอกเขาว่าทำรอยแบบนี้ไม่ดีเลย ท่านขุนไม่ชอบ เขาก็ไม่พอใจ” รักต้องยอมอ่อน ไม่งั้นเขาก็จะพลาดหวังจากท่านขุน

“มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินล่ะว่าผมไม่ชอบ”

“ก็...เมื่อก่อนขุนไม่ชอบ”

“เมื่อก่อนปะ แล้วบอกแล้วไงให้พูดกับพี่พีดีๆ...สัญญาแล้วทำแบบนี้ ผมว่ารักไม่ต้องมาหรอก รถเสร็จแล้วจะโทรบอก”

“รักขอโทษ...”

“คนที่รักควรขอโทษคือพี่พี เมื่อวานก็บอกจะขอโทษพี่พีถ้าพี่เขามา แล้วไหน...ขอโทษหรือยัง” ยังไม่หายโกรธหรอก ไม่รู้ด้วยว่ารักใช้คำพูดแบบไหนถึงทำให้พี่พีโกรธขนาดนั้น ที่บอกมาแม่งต้องเป็นแบบรวบรัดแน่

“ครับ รักขอโทษจริงๆ”

“แล้วพูดว่าอะไรอีก แค่นั้นพี่พีคงไม่โกรธมากขนาดนั้นหรอก...”

“ไม่มีแล้ว ก็พูดทำนองนี้...แต่รักอาจพูดแรงไป อืม จะว่าไงดี...อาจจะดูเหมือนสั่งสอนพี่เขาล่ะมั้ง แต่ไอ้ที่โน้มหน้าไปหาคือดูแว่นให้พี่เขาจริงๆ นะ รักไม่ได้ทำอะไรพี่เขาเลย ก็กะว่าจะเช็ดออกให้แต่เขาแย่งเช็ดก่อนไปแล้ว สงสัยพี่พีของท่านขุนต้องเคืองรักมากแน่ๆ เลย” ทำไมยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นแค่คำโกหก หรือเพราะอคติที่เคยมีกับรักเมื่อนานมาแล้ว คงใช่...รักโกหกเขามาตั้งเท่าไหร่

คิดแง่ดีนี่อาจจะพูดจริงแล้ว...แต่คงมีไม่จริงปนด้วย นึกแล้วเจ็บใจ อยากจะไปหาพี่พีตอนนี้...ไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ดันทำไม่ได้ไง พี่พีเล่นพูดมาแบบนั้จะให้ตื๊อมันใช่ที่ พี่เขามีงานมีการต้องทำ

“แล้วออกมาจากบ้านอะไรมาตั้งแต่เช้า”

“อืม...ขับรถเล่นอะ” ใช่ วันนี้รักเอามอเตอร์ไซก์อีกคันมา เป็นตัวพันซีซีเหมือนกันแต่คนละรุ่น

“ว่างเนอะ” ท่านขุนยังคิดมากเรื่องพี่พีไม่หาย เขาไม่มองหน้ารักแต่มองหน้าแมวเหมียวตัวน้อย

เออ...มณีรู้ตัวนี้มีตาย!

“เหมี๊ยววววว” ไม่ทันไร เสียงมณีน้อยก็ดังขึ้นมา

“ฟ่ออออออ” โพล่เข้ามาในครัวปุ้บ เจ้าตัวขาวก็พองตัวฟูฟ่อง ไอ้ดำบนโต๊ะก็ขู่ไม่แพ้กันแม้จะเด็กกว่ามณี ทว่าด้วยสายพันธุ์ ถึงอายุน้อยกว่าแต่ตัวเท่ากันเลย

เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้!!!

เปอร์เซียร์น้อยปะทะขาวมณี ศึกนี้น่าปวดหัวยิ่งนัก...เจ้าถิ่นย่างสามขุมเข้าหา ผู้ท้าชิงก็เดินมาที่ขอบโต๊ะเพื่อชะโงกหน้ามองตัวต่ำกว่า รอยยิ้มหยันจากแมวเด็กทำให้มณีทนไม่ได้กระโจนขึ้นโต๊ะด้วยแรงโกรธ ทว่า...ตัวเธอเล็กเกินไปจึงกระโจนไม่ถึง ร่วงหล่นลงไปหนหนึ่ง เปอร์เซียร์ไร้ชื่อเสียงเรียงนามส่งเสียงเยาะหนึ่งที มณีไม่ยอม...เธอเปลี่ยนไปกระโดดขึ้นเก้าอี้ แล้วกระโดดอีกหนึ่งทีไปถึงเปอร์เซียร์น้อย...

ท่ามกลางความเกรี้ยวโกรธของแมวน้อย มนุษย์สองคนทำอะไรไม่ถูก ท่านขุนจะคว้ามณีเอาไว้แต่ไม่ทัน เธอตวัดฝ่ามือพิฆาตอันเลื่องชื่อของเธอใส่เจ้าตัวเล็กเป็นที่เรียบร้อย ขนฟูก็ใช่ว่ายอม...มันเด็กกว่าแต่มันสู้สุดใจ มันตบกลับทันทีเข้าหน้ามณีอย่างจัง

สงครามแมวเหมียวเริ่มขึ้นแล้ว...

ทว่าศึกนี้ยังไม่ทันได้ตัดสิน…มนุษย์อย่างรักและท่านขุนก็แยกทั้งคู่ออกมาจากกันได้สำเร็จ แต่ได้มาคนละแผลสองแผลไปเหมือนกัน ขนาดจับแยกออกมาแล้วยังไม่วายตะกุยขาใส่กันรัวๆ ไม่ถึงไม่เป็นไร...แต่ใครหยุดก่อนแม่งแพ้!

….100%….

เรื่องของคนก็ปวดหัวแล้ว ยังมีเรื่องของแมวตีกันอีก โถ…สงสารมนุษย์ที่ชื่อว่าท่านขุนจังเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-04-2018 22:29:49
 :เฮ้อ:

เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-04-2018 22:51:02
 :z6:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 16-04-2018 23:56:43
เบื่อ ไอ้รัก ไอ้xxx พี่แม่งก็ใจเย็นไปป่ะเนี่ย มาพูดไม่ให้เกียรติน้องต่อหน้ากูต่อยคว่ำกระทืบซ้ำอีกสองตีน  :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-04-2018 03:04:26
เกลียดรักมากเลย โมโห
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 17-04-2018 06:21:08
โอ้ยยยยยโมโหรัก  ทำไงดี   :fire: :m31: หัวร้อนมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 17-04-2018 19:22:02
ใจเย็นๆพี่พี  ใจเย็นๆ    :m16:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-04-2018 08:57:20
สงสารแมวสองตัวไอ้รักแม่มเลวสัส
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 18-04-2018 21:26:56
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก มณีมีโกรธรักแน่ ถ้ารู้ว่ารักเอาแมวคู่แข่งมาหลอกล่อท่านขุน
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 18 **100%** 16-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-04-2018 22:39:49
เรื่องคนก็ยังเคลียไม่ได้แมวยังจะมาทะเลาะกันอีก คราวซวยของท่านขุนรึไงนะ
ใครเอารักไปเก็บที มาสร้างแต่เรื่อง :z6:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 20-04-2018 22:33:02
>….ตอนที่ 19 [100%]….<

จากตั้งใจทำอาหารเช้าเองเพื่อให้พี่พีทาน กลายเป็นไม่มีอารมณ์จะทำอีกเพราะรักทำเสียเรื่องไปแล้ว ท่านขุนไปเตะประตูห้องจิม เรียกเด็กในร้านให้ออกไปซื้อข้าวมากินเป็นมื้อเช้า เขาขี้เกียจจะทำ จิมเห็นเวลาถึงกับโอดโอย นี่มันใช่เวลาที่เขาต้องตื่นไหมเนี่ย แต่เมื่อเจ้านายสั่ง...ลูกต้องทำไปตามระเบียบ

เปอร์เซียร์สีดำตัวนั้นถูกนำไปขังไว้ในกรงของมณี ท่านขุนไม่ได้สั่งนะ...รักทำเองโดยพละการณ์ ไม่ถามก่อน ไม่ปรึกษา ถือว่าเป็นคนคุ้นเคย ท่านขุนเองหัวเสียอยู่กับรักพอสมควร แถมกังวลเรื่องพี่พีไม่หาย

วุ่นวายใจไปเสียหมด...กระวนกระวาย จะว่าเหมือนหนูติดจั่นก็ได้ ท่านขุนตอนนี้มีสภาพเป็นแบบนั้น ขนาดจิมซื้อข้าวเช้ามาแล้ว ท่านขุนยังไม่คิดจะใส่ใจกินเลย รักเอาอาหารเทใส่จานพลางพูดคุยกับจิมไปเรื่อยเปื่อย เคยสนิทกัน อะไรๆ ก็ง่ายไปหมดเมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง

“มณีนี่เดินวนรอตบเจ้าเด็กใหม่ไม่ไปไหนเลยพี่รัก” จิมนั่งเท้าคางมองเจ้าถิ่นเดินวนรอบกรง

“ฮ่าๆ...เออ มณีของท่านขุนโหดจริงๆ ท่านขุน...ท่านขุนกินข้าวกัน” จัดอาหารใส่จานเสร็จแล้ว

“ไม่อะ” เจ้าของร้านไม่แม้แต่จะหันมาสนใจ เขาเดินออกไปหน้าร้าน เปิดประตูเลื่อนให้สุดแล้วเริ่มงมกับรถของรักต่อ

เวลาคิดมาก...เวลาเครียดๆ การซ่อมรถช่วยทำให้เขาหยุดสมองตัวเองไปได้บ้าง เหมือนได้อะไรมาดึงดูดความสนใจ ท่านขุนต้องรอเวลา รอจนกว่าพีระพลจะเย็นลงเพื่อปรับความเข้าใจกับเขาให้ได้

ส่วนรัก ท่านขุนคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงไปจากที่นี่เมื่อกินข้าวเสร็จ ดูคิดง่ายๆ ที่จริงไม่ได้คิดเรื่องรักเลยมากกว่า ไม่สนใจ...ไม่ใส่ใจ รักจะทำอะไรตอนนี้ก็ไม่สามารถดึงดูดท่านขุนให้ออกมาจากห้วงความคิดได้

ซึ่งรักใช้ส่วนนี้ในการตีเนียนอยู่ในร้านต่อไป...

กว่าแอ้จะลงมาข้างล่างก็เกือบสิบโมง ปกติร้านจะเปิดสิบโมงหรือสิบเอ็ดโมงแล้วแต่ว่าท่านขุนเมาค้างมากแค่ไหน ไม่คิดว่าตื่นมาวันนี้จะเห็นร้านเปิดก่อนแล้ว และเปิดมานานแล้วด้วย จิมเป็นคนบอกกับเพื่อนของเขา ทั้งยังมีรักเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในร้านคล้ายช่วยจิมทำรายการสินค้า พวกเขาทักทายเป็นกันเอง เพราะมันคุ้นเคยไง...เพราะมันเคยอยู่ด้วยกันมานานในช่วงเวลาหนึ่ง

ในขณะที่ในร้านนค่อนข้างรื่นเริงด้วยเสียงพูดคุยต่างๆ มณีนอนเฝ้ากรงกันไม่ให้ใครไปแตะต้องเปิดเอาเปอร์เซียร์น้อยออกมา ท่านขุนง่วนอยู่กับรถของรักไม่ละมือไปไหน ไม่มองเข้ามาในร้าน ไม่ตามแอ้ให้ไปช่วยงาน แค่ต้องการทำรถให้เสร็จ หรือผลาญเวลาให้มันผ่านไปถึงเที่ยงเร็วๆ

“ตั้งใจทำรถไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” รักเอ่ยทักเมื่อเวลาเกือบเดินมาถึงเที่ยงวัน ท่านขุนขับเจ้ายักษ์ของรักเข้ามาจอด เขาเตรียมไปทำมื้อเที่ยงเผื่อพี่พีของเขามา

“ก็นะ...” สั้นๆ ไม่อยากพูดอะไรมากนักเพราะเครียดอยู่

“เย็นชาจังเลย กลัวพี่เขาโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ” รักเฝ้ามองสีหน้าคนรักเก่า

“อืม ก็ไม่อยากมีปัญหากัน มีใครเขาชอบการทะเลาะกับแฟนบ้างล่ะ”

“นั่นสิ ไม่มีใครชอบเสียหน่อย รักก็ไม่ชอบ...นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ รักจะไม่ให้เกิดเรื่องนั้นขึ้น” เรื่องไหนนั้นท่านขุนรู้ดี แต่เขาไม่พูดถึง แค่เงียบ เดินผ่านหน้ารักเข้ามาในร้าน

ท่านขุนตรงไปยังครัว เปิดตู้เย็นดูของสดที่พอจะเอามาทำอาหารสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ได้บ้าง ของค่อนข้างครบ เล่นซื้อเอาไว้ตุนอยู่ตลอดในช่วงนี้ทำให้มันเพียงพอต่อการทำอาหารสามสี่อย่างได้สบายๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรเป็นมื้อเที่ยงดีเหมือนกัน ท่านขุนตัดสินใจส่งไลน์ไปหาพี่พี ถามพี่เขาเรื่องความต้องการในเที่ยงวันนี้

ทว่า...พีระพลอ่านแล้วไม่ตอบ

ท่านขุนบอกตัวเองว่าพี่พีไม่ว่างพอจะตอบคำถามของเขา งานพี่พีต้องยุ่งมากเหมือนที่พี่พีได้บอกเขาไว้เมื่อวานว่าคิดมากเรื่องงานอยู่ ดังนั้นท่านขุนต้องตัดสินใจเอาเองว่าเขาจะทำอะไรในวันนี้ เขาหันไปมองของสด คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เลือกที่จะทำของโปรดพีระพลกับตนเองอย่างละครึ่ง

“พี่พีเขาเก่งนะ ที่ทำให้ท่านขุนสามารถทำอาหารได้ตลอด” เสียงของรักขัดอารมณ์ท่านขุน

“ก็พี่เขาชอบกิน”

“รักก็ชอบนนะ แต่เมื่อก่อนไม่เห็นท่านขุนสนใจจะทำเท่าตอนนี้เลยอะ” เหมือนน้อยใจคนรักเก่า ท่านขุนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

เบื่อ...เบื่อที่รักเอาแต่พูดเรื่องเก่าๆ

“มันไม่เหมือนกัน”

“หรือมันรักไม่เท่ากัน” รักต่อคำพูดท่านขุน ทำให้คนฟังต้องหันไปมองหน้ารักอย่างช่วยไม่ได้

กล้าพูดได้ยังไงว่ารักไม่เท่ากัน...คนเราวัดความรักเป็นจำนวนหรือปริมาณได้ด้วยเหรอ มันไม่ได้หรอก ถ้าถามว่าอดีตท่านขุนรักรักมากแค่ไหน ท่านขุนตอบเลยว่ารักมาก...เพราะรักมากถึงเสียใจมากที่รักทำกับตนแบบนั้น หักหลังความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดี การที่เขาไม่ให้อภัยรัก ไม่ได้หมายถึงเขารักรักน้อยเลย...เขาแค่รับไม่ได้กับสิ่งที่รักได้ทำลงไป

การที่เมื่อก่อนเขาไม่ชอบทำอาหารให้รักทาน ก็เพราะเขาสองคนชอบออกไปหาทานที่อื่นด้วยกัน รักไม่ได้ชอบที่เขาทำอาหารนัก อาจมีอ้อนให้ทำบ้างแต่ไม่มาก เราเริ่มจากการไปเที่ยวด้วยการขับมอเตอร์ไซก์คู่ใจไปยังที่ต่างๆ หาอาหารอร่อยๆ ทานด้วยกันเสมอ นั่นคือสิ่งที่คู่เขาทำในช่วงเวลานั้น มันไม่เหมือนตอนนี้...ไม่เหมือนพี่พีที่ชอบอะไรสงบๆ การทานข้าวฝีมือคนรักของตัวเองกับสถานที่ที่มีเราสองคนคือสิ่งที่พีระพลชอบ และท่านขุนยินดีจะเป็นในสิ่งที่พี่พีชอบ

แบบไหนดีกว่ากัน...เทียบไม่ได้ มันดีแตกต่างกันไป การร่อนมอเตอร์ไซก์คู่ใจไปหาอะไรอร่อยๆ กินข้างนอกกับการทำอาหารให้คนรักทานที่ร้าน มันไม่เหมือนกัน อารมณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ผลสรุปคือความสุข...เป็นความสุขที่คนสองคนเลือกร่วมกันต่างหาก

“มันไม่เกี่ยวกันเลย...” อธิบายไปก็ยาวเปล่าๆ ท่านขุนขี้เกียจจะพูด ขี้เกียจนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ระหว่างเขากับรัก

มันดีนะ...ระหว่างเขาสองคนมันดี แต่มันจบได้เลวร้ายมาก เลวแบบที่ท่านขุนไม่คาดคิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนที่ให้ใจไปจะทำร้ายกันได้รุนแรงขนาดนี้ เมื่อถึงช่วงเวลาเก่าๆ เมื่อนึกถึงอดีตที่แสนหวานของเขาทั้งสอง มันจะแทรกมาด้วยจุดจบและการหักหลังที่รุนแรงเสมอ ความทรงจำเหล่านั้นเป็นสีเทา ไม่น่าจดจำ...

“ไม่เกี่ยวยังไง นี่รักไม่ได้หาเรื่องนะ...รักแค่อยากรู้” รักพยายามไม่ดึงให้อารมณ์ของท่านขุนลงต่ำ มันไม่เป็นผลดีต่อเขา

“พูดยาก รู้แค่ว่ามันไม่เหมือนกัน รักกับพี่พีชอบอะไรต่างกัน”

“นั่นรวมถึงพี่พีของท่านขุนชอบอะไรต่างจากท่านขุนมากเลยนะ เอาจริงๆ รักนึกไม่ออกเลยว่า...ทั้งสองคนมาเจอกันได้ยังไง” อันนี้สิคือสิ่งที่น่านึกถึง ท่านขุนจำวันแรกที่สบตากับพี่พีได้ดี...

“เราเจอกันที่นี่แหละ จำพี่แจ็กได้ใช่ไหม...พี่พีเป็นเพื่อนพี่พีแจ็ก เขากลับมาจากต่างประเทศ มาทำงานอยู่กับพี่แจ็กที่บริษัท วันนั้นพี่แจ็กชวนพี่พีมาดื่มที่ร้าน เราเลยได้เจอกัน” ท่านขุนเล่าเสียงสบายๆ นึกถึงแล้วยังตลกตัวเอง...วันนั้นลากพี่พีขึ้นห้องเลยนะเว้ย ร้ายนะเนี่ย

“เหรอ แล้วพี่เขาก็จีบท่านขุน” ได้ยินแบบนั้ท่านขุนก็หัวเราะ

“ฮ่าๆ…ไม่ๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย...ห่างไกลมากๆ” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเครียดอยู่ แต่พอโดนดึงให้นึกถึงตอนจีบกันกับพี่พี...ท่านขุนชอบแล้วก็ตอบไปสบายๆ มันเป็นความทรงจำที่ดี และคงไม่ลืมความทรงจำนั้น

“หืม…ท่านขุนจีบพี่เขาเหรอ”

“ใช่ ลากขึ้นห้องเลยจะบอกให้…นึกแล้วขำ พี่พีเมาอะนะ แล้วนี่ก็…ชอบอะ เลยทำอะไรห่ามๆ ไปหน่อย” ไม่เสียใจหรอกที่ทำลงไปน่ะ วันนั้นได้จูบก็รู้สึกโคตรดีเลย

ท่านขุนพูดไปก็หันหลังให้รักที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว เขาไม่เห็นสายตาของรักที่ขุ่นเคือง...รู้ว่าท่านขุนเป็นคนซื่อตรงต่อความรู้สึก แต่สมัยรัก รักยังต้องเป็นฝ่ายจีบท่านขุนเลย นี่คนใหม่มันดีขนาดท่านขุนคิดจีบเลยเหรอ ไม่หรอก ท่านขุนก็คงเมาเหมือนกันๆ ถึงได้หน้ามืดตามัวไปเอาคนแบบนั้นมาทำแฟน

“ชอบเพราะเมาเปล่า”

“ไม่ใช่ ผมมอมพี่พีด้วยตัวเอง กับมือตัวเองเพราะเห็นปุ้บก็ชอบปั้บ…คนอะไร ตรงใจเป็นบ้า รักไม่คิดเหรอว่าพี่พีดูดี...ความสุขุมนุ่มนวลของพี่เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกอ่อนแอ เป็นความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า ผมอยากเป็นคนที่พี่เขาให้ความสนใจ...อยากให้พี่เขามาดูแล ชอบรอยยิ้มและแววตาสุภาพอ่อนน้อมของเขา พี่พีเป็นคนมารยาทดีมากเลยนะ พูดจาก็เพราะ...ชวนฝันชะมัด” พีระพลคือคนไร้ที่ติสำหรับท่านขุน แต่ในสายตารัก...ผู้ชายคนนั้นดูยังไงก็โคตรจะจืดชืด ใช่ เขาหล่อ หล่อแบบที่เจอในผับต้องมีการลากกันไปกินแน่ๆ รอยยิ้มสวย...ดูอ่อนโยนแต่ก็มีความแข็งแกร่งในแววตา แล้วไง...จืดชืดคือจืดชืดไหม คนไม่ใช่อาหาร เติมรสอะไรให้มันอีกไม่ได้หรอกถ้าเขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว

“มาฟังท่านขุนเพ้อถึงคนรักแล้วแปลกๆ เนอะ”

“ก็ถามเองไม่ใช่เหรอ” ท่านขุนไม่สนใจคำพูดลอยลมของรัก

“อื้อ ก็อยากรู้แหละ...คนสองคนที่ต่างกันขนาดนั้นจะเข้ากันได้ยังไง” คราวนี้เจ้าของร้านหันมามอง

“ความต่างกันเกินไปไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกรัก คนเรามันก็แบบนี้...เหมือนบ้าง ต่างบ้าง สำคัญที่เราปรับตัวเข้าหากันไหม ระหว่างผมกับรักอาจจะดีที่ไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยเพราะเราเหมือนกัน แต่กับพี่พี...เราค่อยๆ จูนจนเข้ากันได้ ไม่ยากหรอก พี่พีเป็นคนง่ายๆ เขาดูน่าเบื่อนะในสายตาคนอื่น เพราะเขาเอาแต่เข้าร้านหนังสือ สนใจหนังสือและธรรมชาติ รักความสงบ ชอบฟังเพลงคลาสสิก โดยเฉพาะเพลงไทยเดิม แต่ความต่างของพี่พีคือเสน่ห์ในสายตาผม...ผมได้เรียนรู้เขา และเขาก็ได้เรียนรู้ชีวิตโลดโผนของผมเหมือนกัน เราแลกเปลี่ยนทัศนคติ แนวคิดและการใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ได้คบกันเพื่อเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นแบบที่เราชอบ...แต่คบกันเพื่อเรียนรู้กันและกันมากกว่า แต่ก็นะ...ยอมรับว่าเสียดายที่พี่พีไม่ขับบิ๊กไบก์” คำพูดเรื่อยเปื่อยนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเอ่อท้นของท่านขุน รักอยากปฏิเสธ...แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟังยังไงท่านขุนก็รักคนๆ นี้

เวลาเรารักใคร...เราจะรักทุกอย่างที่คนคนนั้นเป็น ต่อให้สิ่งนั้นจะเคยเป็นอะไรที่น่าเบื่อในสายตาเราก็ตาม

รักไม่มีทางมองแบบที่ท่านขุนมองได้ รักไม่เห็นความต่างของพีระพลจะน่าสนใจตรงไหน หน้าตาและท่าทางมีเสน่ห์จริง ทว่าเสน่ห์นั้นก็มีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้เขาให้ความสนใจ ท่าทางเรียบร้อย คำพูดคำจาดูดีไปเสียหมด...นั่นคนหรือหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมากันแน่ มนุษย์น่ะ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในตำราหรอกนะ คนไม่เคยออกนอกกรอบแบบนั้นมันโคตรน่าเบื่อเลย

“ท่านขุนดูมีความคิดที่โตขึ้นนะ” รักเลือกจะพูดในอีกแง่ เขาไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับพีระพล เพราะเขาไม่ชอบคนคนนี้

“เพราะพี่พีไง...” รอยยิ้มท่านขุนสดใส เจือความขำขันตนเองในนั้น

“เหรอ...”

“อื้อ” ท่านขุนกันกลับไปใส่ใจอาหารต่อ

เขาก้มไปดูมือถือตนเองเล็กน้อยว่าพีระพลได้ตอบกลับข้อความเขามาหรือยัง ซึ่งมันว่างเปล่า พีระพลไม่ได้ตอบอะไรเลย นอกจากอ่านแล้วก็หายไป ท่านขุนปลอบใจตัวเองว่าพี่พีไม่ว่าง ใช่...พี่พีทำงาน

อาหารทุกอย่างเสร็จสรรพตอนเที่ยงกว่าๆ ไมมีรถคันไหนเข้ามาในร้าน เขาชะโงกหน้าดูแล้ว มันว่างเปล่า ท่านขุนถ่ายรูปส่งไปให้พีระพลดูเพื่อยั่วให้อีกฝ่ายมาหา รออยู่นานพี่พีก็ไม่เข้ามาอ่าน ท่านขุนคิดว่าพี่พีคงขับรถอยู่ เขาหันไปให้อาหารมณีและเปอร์เซียร์น้อย โดยอุ้มมณีมากินอาหารตรงเคาน์เตอร์ครัว บนโต๊ะกินข้าวมันเต็มไปด้วยอาหารที่ทำให้รอคนรักของเขา

“ทำไมเราไม่ทานกันก่อนละครับ” รักเอ่ยถามท่านขุนที่กำลังลูบหัวมณีน้อยอยู่

“รอพี่พีน่ะ”

“เขาจะมาเหรอ”

“ปกติเขาจะมา...” ท่านขุนซ่อนแววตากังวลไว้ไม่ได้ เขาอาจคิดได้ว่าพี่พีติดงาน งานเยอะ ยุ่งอยู่หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ไม่สามารถตอบข้อความของท่านขุนได้ แต่ลึกๆ...ท่านขุนสลัดเรื่องเมื่อเช้าออกไปไม่ได้

บ่ายโมงกว่า...รักนั่งเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ ท่านขุนอยู่หน้าร้าน ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้ เขาพยามยามติดต่อหาพี่พีแล้วแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ข้อความถูกอ่านแล้วไม่ตอบ ท่านขุนอยู่ไม่สุขอีกต่อไป ความอยากอาหารก็ไม่มี มณีเดินวนอยู่รอบตัวเขา เอาสีข้างถูไถกับหน้าขาที่โพล่พ้นกางเกงสามส่วนออกมา ท่านขุนไม่มีกะจิตกะใจพอจะให้ความรักกับแมวน้อยในตอนนี้ เขาเดินวนรอไปรอมาเกือบชั่วโมง ทนไม่ไหวจะโทรหาพี่แจ็ก...

“ท่านขุน...” แต่รักก็เข้ามาแตะตรงไหล่

“อะไร” เสียงค่อนข้างแข็ง เขาอารมณ์ไม่ดีนัก

“คือ...พี่พีของท่านขุนอาจจะไม่ว่างก็ได้นะ ท่านขุนอย่าคิดมากเลย รอดูหลังเลิกงานก็ได้จริงไหม ตอนนี้รักว่า...เราไปกินข้าวกันก่อนไหม ท่านขุนยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าเลยนะครับ” ไม่อยากฟังที่รักพูดหรอก ติดที่อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงค่อนข้างนุ่มนวล จะไปปฏิเสธเสียงแข็งใส่อีกท่านขุนก็คิดว่ามันคงดูไร้มารยาทมากๆ

นี่เขาติดเรื่องการมีมารยาทมากพี่พีหรือไงนะ...

“อือๆ” รักยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำตอบรับที่ดี

เขาเนียนจับมือของท่านขุนพาเข้าห้องครัว แต่เจ้าของร้านรู้ตัวเสียก่อน เขาไม่ปล่อยให้รักฉวยโอกาสได้นานนัก รีบดึงมือกลับมา รักมองหน้าแต่เขาไม่มองตอบ แค่เดินเข้าครัวไปเงียบๆ

รักพยายามอยู่นานที่จะชวนท่านขุนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องเจ้ายักษ์ที่ยังอยู่ในการดูแลของท่านขุน ตอนแรกเขาไม่อยากคุยเลย...ยังกังวล ยังค่อนข้างเครียด แต่ไปๆ มาๆ ก็เผลอคุยอยู่กับรักยาวยันเย็น

พีระพลไม่โพล่มา ติดต่อไม่ได้ไม่ว่าจะทางไหน ท่านขุนก็อยากจะติดต่อไปทางพี่แจ็กเพื่อสอบถามถึงพี่พีเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา นี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับพี่พี เขาอาจเป็นต้นเหตุให้พี่พีโกรธด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เขาก็ต้องแก้ไขมันด้วยตัวเอง จะไปโยนภาระให้คนอื่นเขาไม่ได้

เจ้ายักษ์ของรักเสร็จตอนทุ่มกว่าๆ ระหว่างที่ทำทั้งสองก็คุยกันตลอด ดื่มเบียร์ไปด้วยกัน เรื่องหลักจากรถกลายเป็นเจ้าเหมียวสองตัว ท่านขุนสงสัยว่ารักจะเอามันไว้ไหน เพราะจำได้ว่าคอนโดของรักไม่ให้เลี้ยงสัตว์ รักถือโอกาสนี้ในการแซวท่านขุนว่ายังจำเรื่องของเขาได้อีก แต่เขาไม่สนใจ พาข้ามไปเรื่องแมวต่อ บทสรุปอยู่ที่รักต้องเอาแมวตัวใหม่ฝากไว้ที่นี่ก่อน

ท่านขุนไม่ว่า แต่มณีคงไม่พอใจ แค่นี้มณีก็เทียววนไปวนมาอยู่รอบเจ้าเปอร์เซียร์น้อยไม่ไปไหน คอยขู่ตลอดด้วยการพองขนจนหางชี้ น้องใหม่ใช่จะยอม มันเองก็สู้เหมือนกัน ภาพแมวสองตัวเองแต่เขม่นกันไปมาเป็นภาพที่ชวนให้เจ้าของหัวเราะ รู้แหละว่าแมวน้อยทั้งสองคงไม่พอใจ แต่ให้ทำอย่างไรในเมื่อมันน่ารักดี

รถซ่อมเสร็จ รักก็ยังไม่กลับ เจ้าตัวอยู่ดื่มกับท่านขุนต่อในร้านพลางถ่ายรูปแมวทั้งสองไปด้วย เหมือนคู่รักกัน...เหมือนคนที่ยังคบกันอยู่ไม่ได้เลิกรากันด้วยเรื่องมือที่สามเลยแม้แต่น้อย ท่านขุนไม่รู้ตัวหรอกเขากำลังโดนรักรุกคืบเข้ามาใกล้กว่าที่ต้องการ เขาแค่สนุกอยู่กับแมวและการดื่มเบียร์เย็นๆ เท่านั้นเอง

แจ็กเห็นแล้วว่าวันนี้พีระพลไม่ไปไหน เจ้าตัวดูมือถือตลอดแต่ไม่จิ้มอะไรบนหน้าจอเลย ไม่ว่าจะแวะไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม ด้วยความเป็นเพื่อนก็อยากจะถามไถ่แหละว่าเป็นอะไรหรือเปล่า มีปัญหาอะไรกับท่านขุนไหม หรือว่าเพราะตนเองไปพลั้งปากบอกว่ารักคือแฟนเก่าก็เลยทำให้สองคนนี้ทะเลาะกัน ทว่าแจ็กไม่กล้ายุ่งกับพีระพลในตอนนี้

ไม่ได้เห็นเจ้านี่โกรธบ่อยนัก หรืออารมณ์เสียกับอะไร แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น เวลาและความเงียบสงบเท่านั้นที่ช่วยเยียวยาพีระพลได้ แจ็กรู้ดี...พีระพลมีตัวช่วยที่เรียกว่าหนังสือในการย้อมใจหรือย้อมอารมณ์ตัวเองให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการปล่อยเพื่อนตัวเองเอาไว้แบบนั้นก็คงเป็นทางออกที่ดีสำหรับพีระพลแล้ว

เลิกงาน...พีระพลช่างใจอยู่นานมากว่าจะเอายังไงดี หนังสือช่วยได้...แต่วันนี้เขากลับอ่านมันไม่รู้เรื่องเลย ตอนที่ท่านขุนถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะมาให้ดูเมื่อเที่ยงนี้ เขาเห็นอีกคนนั่งอยู่ตรงโต๊ะนั้น ชุดที่โพล่ออกมาคือชุดของรัก เขาจำได้...นั่นเป็นการเพิ่มไฟโทสะให้เขา

ถ้าไป...แล้วใส่อารมณ์ มันคงไม่ดีใช่ไหม โตขนาดนี้แล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องระงับอารมณ์ตัวเองให้ได้สิ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องมีความอดทน พีระพลไม่กล้าไปเพราะกลัวความอดทนของตนเองจะหดหายไปเพราะแรงหึง แต่อีกใจ...ก็อยากไปเป็นบ้า อยากไปไล่มัน อยากไปบอกกับมันว่าเลิกยุ่งกับคนของเขาเสียที

แล้วถ้า...ท่านขุนเป็นคนยินดีให้มันอยู่ด้วยล่ะ?

ความคิดคือสิ่งที่ทำร้ายเราได้มากกว่าที่คิด แล้วพีระพลก็โดนทำร้ายด้วยความคิดของตัวเอง เขากับท่านขุนเพิ่งคบกันได้ไม่นาน รู้จักนิสัยใจคอแล้วก็จริง...แต่มันก็แค่ผิวเผินหากเทียบกับรักที่เป็นคนเก่าแล้วคบกันมานานกว่าเขา รักเหมาะสมกับท่านขุนทุกอย่าง ไม่ว่าจะการใช้ชีวิตหรือวัยที่ใกล้กัน เครียดมาก...เครียดจนยิ้มไม่ออก อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ไม่สนุก น่าเบื่อ...น่าหงุดหงิดทุกอย่างจนขวางหูขวางตาแม้กระทั่งลายมือที่หงิกงอยิ่งกว่าเคย

เกือบสิบนาทีที่พีระพลนั่งอยู่ในรถนิ่งๆ ตัดสินใจจะไปหรือกลับบ้านดี สุดท้ายเขาเลือกจะขับรถไปหาท่านขุนที่ร้าน ต่อให้ต้องเจอกับรักก็ไม่เป็นไร สีหน้าท่านขุนตอนขอกอดยังคงลอยวนอยู่ในความคิด ไม่ใช่แค่สีหน้าหรอก...แต่หลายอย่างเหลือเกิน

สมองของเขาวุ่นวายเหมือนอารมณ์ที่ไม่คงที่...

เขาบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ วันนี้ลองตัดสินใจพูดกับท่านขุนไปเลยตรงๆ ก็น่าจะดี หรือมันจะทำให้ท่านขุนคิดว่าเขางี่เง่านะ...เขาหึงหวงในเรื่องไม่เป็นเรื่องเหรอ พีระพลขับรถไปก็คิดไปเรื่อยเปื่อย เกือบเหม่อเหมือนกัน ก็ยังดีที่แค่เกือบ

ทว่าเมื่อมาถึงร้าน...เขากลับเห็นว่ารักกับท่านขุนกำลังหัวเราะด้วยกัน มือของรักคล้องอยู่ที่ลำคอของท่านขุน แถมยังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างในระยะที่ประชิดมากๆ ภาพนั้นทำให้พีระพลถามตัวเองว่าเขามีสองทางเลือก จากไปเงียบๆ หรือว่า...จะเข้าไปต่อยแม่งเลยดี

สุดท้าย...พีระพลก็เลือกจะขับรถจากไป

….100%….

พี่พีก็งอน…รักก็น่าตบกะโหลก =_=“
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2018 22:42:58
 :ling1:

คนหนึ่งก็มารยาทดี
คนหนึ่งก็ไม่มีมารยาท
คนกลางก็ยังคิดไม่ได้

เฮ้ออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2018 23:05:25
 :z6: ให้ท่านจีนคนเดียวเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-04-2018 23:22:47
เมื่อไหร่จะพูดกันเหรอ
ส่วนท่านขุนนี่คือใส่ใจแฟนแล้วถูกมะ โดนดึงความสนใจง่ายจัง
ถึงจะได้คิดได้แต่ไม่คิดที่จะทำก็ปล่อยพี่เขาไปเถอะจ้า ==
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 21-04-2018 01:38:18
ท่านขุน
ทำอะไร......
รู้ว่าพี่พีโกรธยังปล่อยให้รักวนเวียนใกล้ๆ
โลกสวยเกินไปเปล่า
พี่พีไม่ชอบก็ให้ไปอยู่หน้าร้าน
แม่มณีไม่ชอบเจ้าดำ
ก็ให้รักเอารับผิดชอบเอง
จบมะ
  :hao4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Super Mario ที่ 21-04-2018 02:40:00
อ่าเเล้วงงกับนิสัยท่านขุน ตกลงเป็นคนใสๆหรือยังงัยกันเเน่
รอติดตามนะคะๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-04-2018 23:54:35
คุยกันให้รู้เรื่องสักทีเถอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 22-04-2018 01:27:18
อยากสมน้ำหน้าท่านขุนนะ
กังวลกับพี่พี แต่ก็ยังปล่อยให้รักรุกไม่เลิก
ไม่ต้องรู้ว่าเป็นแฟนเก่า ก็หงุดหงิดได้กับสิ่งที่รักทำ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 22-04-2018 09:16:09
หงุดหงิดแทนพี่พี  :m16:     แต่พี่พีควรไปพูดตรงๆกับขุนก่อนนะ   
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 22-04-2018 09:39:43
น่ารำคาญขุนมาก ไม่ทำอะไรสักอย่าง
พี่พีเลิกไปเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 19 **100%** 20-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 22-04-2018 13:11:58
สงสารพี่พีTT
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 20 **100%** 23-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 23-04-2018 22:19:50
>….ตอนที่ 20 [100%]….<

ทำไมคนที่มาร้านแต่เช้าไม่ใช่พี่พี...

เมื่อวานท่านขุนอยู่ดื่มกับรักค่อนข้างดึก กว่าจะแยกย้ายกันก็ปาไปเที่ยงคืนเศษ เขาไม่เมาหรอกแต่ก็มึนอยู่เหมือนกัน พอแยกกับรักแล้วท่านขุนก็นอนทันทีพร้อมมณี เขาไม่ได้ติดต่อหาพี่พีอีกเพราะมันดึกมากแล้ว กลัวว่าติดต่อไปตอนนี้พี่พีจะหลับแล้วไม่สามารถตอบอะไรเขากลับได้

ความมึนและแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดทำให้ท่านขุนหลับโดยใช้เวลาแค่ไม่นานนัก เขาตื่นเช้ามาก...ตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าเพื่อจะติดต่อหาพี่พี ปรากฎว่ามีสายเรียกเข้าเป็นเบอร์ของรัก อีกฝ่ายบอกให้เขาเปิดประตูให้หน่อย มาถึงร้านแล้ว คิดถึงเจ้าเปอร์เซียร์ก็เลยมาแต่เช้า อีกทั้งจะมารับเจ้ายักษ์อีกด้วย ท่านขุนจำเป็นต้องลุกไปเปิดประตูให้รักเข้ามาก่อนจะไปอาบน้ำอาบท่า

มื้อเช้าท่านขุนปล่อยเบลอ เขาไม่มีความอยากอาหาร ไม่สนใจรักที่เล่นกับแมวอยู่ในร้านไม่ยอมไปไหน ตอนนี้เขาแค่รอเวลาเที่ยงวันเพื่อจะขับรถไปหาพี่พีที่บริษัท ดูเป็นเด็กนิสัยเสียที่เรื่องแค่นี้ก็ต้องบุกไปหาถึงที่ทำงาน แต่ความเงียบของพี่พีทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้จริงๆ

“นั่นท่านขุนจะไปไหนเหรอ” เห็นว่าท่านขุนขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนหล่อเหลา รักเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย เห็นแล้วแหละว่าวันนี้ท่านขุนซึมมากกว่าเมื่อวาน แถมยังคอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

“ไปหาพี่พี”

“อะไร...เขายังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ รักนึกว่าคุยกันแล้วซะอีก” พูดทั้งที่รู้ว่าตัวเองเข้ามากวนจนท่านขุนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็ยังพูดทำนองนี้เพื่อให้กดดันท่านขุน

“ยังอะ ติดต่อพี่พีไม่ได้”

“พี่พีนี่...อย่าว่ารักงั้นงี้เลยนะ แต่การที่พี่เขาทำแบบนี้เขาคงไม่แคร์ท่านขุน” มันเป็นช่วงเวลาที่ท่านขุนรู้สึกน้อยใจนิดๆ คำพูดของรักจึงทำให้คนฟังใจสั่นด้วยความกลัว

“ไม่หรอก พี่พีคงไม่ว่าง”

“ต่อให้ไม่ว่างขนาดไหนก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีเวลาตอบกลับข้อความหรอกจริงไหม เขาจงใจไม่ตอบข้อความท่านขุนชัดๆ รักไม่รู้หรอกนะว่าเขาโกรธอะไร...แต่แบบนี้มากไปหรือเปล่าท่านขุน แบบนี้มันสมเหตุสมผลแล้วใช่ไหม ทำไมการที่เขาทำตัวแบบนี้แล้วท่านขุนต้องตามแคร์เขาด้วยล่ะ ดูที่เขาทำสิ...”

“...” ท่านขุนพูดไม่ออก ก็คิดเหมือนรักแหละ ไม่ว่างยังไงก็ไม่น่าถึงขั้นไม่ตอบข้อความ สั้นๆ ก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้ท่านขุนรู้ว่าพี่พีได้อ่านและรับรู้มันแล้ว ไม่ใช่การอ่านแล้วไม่ตอบแบบนี้

“ปล่อยเขาเถอะ...” ทว่าพอรักพูดมาแบบนี้ จากที่หาคำพูดตัวเองไม่เจอ ท่านขุนก็ตวัดตามองรัก

“ไม่...ผมต้องคุยให้รู้เรื่อง” ท่านขุนหันหลังเดินจากไปพร้อมกับอุปกรณ์เซฟตี้ รักอยากจะรั้งเอาไว้แต่ก็ไม่กล้า

เขารู้ว่าถ้าแทรกเข้าไปตอนนี้มีแต่จะทำให้ท่านขุนขุ่นเคืองกับการยื่นมือยุ่งไม่เข้าเรื่อง  ถ้าพีระพลสั่นคลอนง่ายแบบนี้...การที่จะเข้ามาทำให้ความรักขอองคู่นี้พังมันคงไม่ยากเกินคาดหมาย แค่นี้ก็ไม่ยอมโพล่หน้ามาแล้ว ถ้าเขาป่วนมากกว่านี้อีกหน่อย...สองคนนี้ต้องทะเลาะกันแน่ๆ

รักลูบไล้เจ้าเปอร์เซียร์น้อยในมือ มณีอยู่เบื้องล่างเงยหน้ามองเจ้าของเก่าด้วยสายตาตัดพ้อ ไม่ชอบใจ...เกลีดยเจ้าดำนั่น อยากให้เอาไอ้นั่นออกจากร้านนี้ไป นี่คือที่ของเธอ ไม่ใช่ที่ของแมวตัวไหนก็ได้ รักเหลือบตามองมณี ก็แค่เหลือบมอง...ไม่ได้ก้มลงไปเล่นด้วยความรักหรือเอ็นดูใดๆ

เธอรับรู้ได้ว่า...รักไม่เหมือนเดิม เขาไม่ได้รักเธอแบบที่เคยรัก อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเจ้าตัวใหม่ที่ยังน่าเอ็นดู ถึงมณีจะเป็นแมวพันธุ์ดีที่ถูกเลี้ยงมาดีมากขนาดไหน รูปร่างหรือลักษณะดียังไง ก็ไม่สามารถสู้แมวเด็กตัวนั้นได้

มณีมองรักอุ้มเปอร์เซียร์ไร้ชื่อไปยังโซฟากลางร้าน เอามันวางตรงที่ประจำของมณี นั้นยิ่งทำให้เจ้าถิ่นไม่พอใจ มณีรีบวิ่งเข้าไปตะปบเจ้าตัวใหม่ กลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ ของแมว ซึ่งรักก็ปกป้องเปอร์เซียร์ของเขา แล้วให้เด็กในร้านมาอุ้มมณีไปขังกรง...

“ไงไอ้ขุน...มาได้ไงวะเนี่ย” แจ็กเป็นคนเจอท่านขุนคนแรก แค่มันขับรถเข้ามา เสียงท่อก็ดังลั่นแล้ว ตอนนี้พนักงานออกมาพักเที่ยงที่โรงอาหารและแจ็กกำลังจะเดินไปกินข้าวเช่นกับพนักงานคนอื่นๆ

“สวัสดีครับพี่ พี่พีล่ะ...” มาถึงก็ถามหาพีระพล

“มันอยู่ในแล็บ ไม่ได้ออกมากินข้าวข้างนอกหรอก ปกติของมันแหละนะ...มันชอบกินข้าวในแล็บคนเดียว” รู้ว่าสองคนนี้น่าจะมีปัญหากัน แต่แจ็กไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี

“ผมเข้าไปหาได้ไหม”

“ที่จริงเขาไม่ให้คนนอกเข้ามาในบริษัทนะ แต่ก็...เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”

“ขอบคุณครับพี่ เออ...พี่พีงานยุ่งมากเหรอครับพี่แจ็ก” แจ็กเริ่มเดินนำเข้าไปด้านในบริษัท ห้องแล็บถูกตั้งอยู่เกือบท้ายโรงผลิต แจ็กได้ยินคำถาม...เขาเกือบชักเท้าแล้วหันไปถามเหมือนกันว่านี่ยังไม่ได้คุยกันเหรอ แต่คิดไปคิดมา...เขาเลือกเก็บอาการตัวเองดีกว่า ง่ายๆ ก็ไม่อยากพูดแหละว่าตัวเองบอกเพื่อนไปแล้วว่ารักเป็นอะไรกับท่านขุน

“จะว่าไงดีล่ะ...งานไอ้พี่พีมันก็...เฮ้อ มึงไปถามมันเองแล้วกัน” พูดมาแบบนี้คืองานไม่ได้เยอะใช่ไหมนะ

“มีอะไรเหรอพี่ บอกผมไม่ได้เหรอ ผมไม่ได้อยากกวนพี่นะ...แต่ว่าพี่พีไม่ยอมคุยกับผมเลย ตั้งแต่...รักมาที่ร้าน” ก็นั่นไงไอ้ตัวปัญหาอะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะรัก

“เหรอ แล้วพีมันรู้ปะว่ารักเป็นอะไรกับมึง” มาถึงตรงนี้ท่านขุนก็เงียบกริบ...เขายังไม่ได้บอกพี่พีเลย

“ผมไม่ได้บอก กะว่ารักมันมาทำรถแล้วมันก็คงไปของมันเอง ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับรักแล้วนะพี่...เรื่องมันจบไปนานแล้วพี่ก็รู้ จบเหี้ยด้วย ไม่มีทางรีเทิร์นหรอก”

“แล้วพีรู้ไหม...” หดหู่ใจขึ้นมาทันที พี่พีไม่รู้ไง...

“ไม่รู้...”

”เออ คนไม่รู้อะ...มันคิดมากนะเว้ย เอาเป็นว่า...มึงก็ไปเคลียร์กันเอาเองนะ มันอยู่ห้องนั้นแหละ” แจ็กชี้ไปยังห้องหนึ่ง หน้าประตูเขียนไว้ว่าห้องแล็บ

“ขอบคุณมากครับพี่”

“เออๆ ค่อยๆ คุยกันล่ะ” แจ็กตบบ่ารุ่นน้องแล้วหันหลังกลับไปหน้าบริษัท

ท่านขุนชั่งใจอยู่นานว่าจะเข้าไปดีไหม จู่ๆ มันก็เกิดปอดแหกขึ้นมาน่ะสิ ถ้าเข้าไปแล้วพี่พีอารมณ์ไม่ดี ไม่ชอบที่เขาบุกมาถึงที่นี่เขาจะทำยังไง แค่นี้ก็หวั่นไหวพอแล้ว เจอแบบนั้นอีกท่านขุนต้องรู้สึกแย่มากๆ เลย แต่ถ้าไม่เข้าไป...ถ้าไม่คุยกัน เราจะเข้าใจกันได้ยังไง

ก๊อกๆ!

“พี่พี...” ท่านขุนเคาะประตูก่อนส่งเสียงเรียก

ตอนได้ยินเสียงเคาะประตูก็ว่าจะลุกไปเปิด แต่พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อพีระพลก็ชะงักไป...เขานั่งอ่านแชตของท่านขุนวนไปวนมาอยู่พอดี ไม่ได้กินมื้อเที่ยงเพราะไม่รู้สึกหิวหรืออยากอาหาร คิดถึงท่านขุนแหละ...เขาแค่ไม่กล้าที่จะทำอะไรในตอนนี้ เหมือนตัวเองยังโกรธ ยังเคืองและยังอารมณ์ร้อนอยู่นั่นแหละ ถ้าท่านขุนเข้ามาตอนนี้ พีระพลจะสาดอารมณ์ร้อนใส่อีกฝ่ายหรือเปล่า...

แต่การที่ท่านขุนมาถึงที่นี่ก็หมายความว่าท่านขุนแคร์เขามากนะ...

พีระพลตัดสินใจเดินไปเปิดประตู เขามองหน้าคนรักของตัวเองผ่านแว่นไร้กรอบด้วยท่าทางไร้อารมณ์ เป็นเพราะเขาเก็บกดความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ สีหน้าก็เลยดูเย็นชาไปเสียหน่อย

ถ้าถามว่ากับท่านขุนนี่เขาโกรธมากเลยเหรอ...เอาจริงๆ สิ่งที่พีระพลรู้สึกมันไม่ใช่ความโกรธหรอก มันเป็นความเสียใจมากกว่า...เขาคิดว่าถ้าท่านขุนบอกกับเขาตรงๆ ไปเลย อะไรๆ มันจะง่ายกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่ถามว่าเขาเป็นอะไรทั้งที่ตัวเองเอาแฟนเก่าเข้ามาอยู่ในร้าน

“เข้ามาก่อนสิ” พีระพลเดินนำไปที่โต๊ะทำงาน ข้างๆ มีเก้าอี้อีกตัว

“พี่พีไม่กินข้าวเหรอครับ” ไม่เห็นจานข้าว...ไม่เห็นร่องรอยของอาหารนอกจากกาแฟ

“พี่ไม่หิวน่ะ” นี่มันโคตรของโคตรกดดันเลย หายใจหายคอไม่สะดวก...ท่านขุนไม่ชอบเลยที่มันเป็นแบบนี้

“พี่พี...พี่พีเป็นอะไรบอกผมได้ไหม ทำไมพี่พีไม่ยอมไปหาผมที่ร้านเลยอะครับ ไม่ตอบข้อความผมด้วย...พี่แจ็กบอกว่าพี่พีไม่ได้งานยุ่ง” ก็ไม่ใช่พีระพลคนเดียวที่รู้สึกแย่ ท่านขุนเองก็มีความน้อยใจอยู่เต็มอก

“ก็มีรักอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ...” พีระพลพลั้งปากพูดออกไปแบบนั้น

“รักก็แค่ลูกค้า”

“เหรอ...เป็นแค่นั้น งั้นท่านขุนกลับไปดูแลลูกค้าของท่านขุนเถอะครับ” เขาตั้งใจมาง้อ ตั้งใจมาคุยกันดีๆ แล้วทำไมพี่พีต้องมาพูดแบบนี้ใส่กัน

“พี่ไล่ผมเหรอ...”

“พี่ไม่ได้ไล่ พี่ก็แค่กลัวลูกค้าของท่านขุนรอนาน” เพราะท่านขุนไม่ยอมบอกแม้กระทั่งตอนนี้ว่ารักเป็นอะไร พีระพลจึงจงใจประชด...เขาก็ไม่ได้ชอบนะที่ตัวเองอารมณ์เสียแบบนี้ ก็ที่ไม่ไปเจอก็กลัวอย่างนี้ไง

“ก็ช่างมันสิ...มันอยากรอก็ปล่อยมัน ผมสนใจมันผมจะมาหาพี่ทำไม พี่พีเป็นอะไร...พี่พีไม่บอกผมล่ะ พี่พีเอาแต่เงียบแบบนี้...ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่โกรธ พี่เคืองอะไรกันแน่ ถ้าเรื่องรักมันปากเสียใส่ ผมก็บอกแล้วว่าขอโทษแทนมันด้วย มันเป็นคนแบบนั้น...” จริงๆ ท่านขุนใจร้อน...และอยากจะใส่อารมณ์มากกว่านี้ แต่บางอย่างบอกกับเขาว่าพี่พีโกรธ เขาไม่ควรยิ่งโกรธ ไม่งั้นมันจะกลายเป็นทะเลาะกัน ทว่าเขาก็ยังใส่อารมณ์ลงไปในคำพูดอยู่ดี พีระพลหันมองหน้า...สบตาท่านขุนจนท่านขุนรู้สึกไม่ดีนัก

“ไม่ใช่เรื่องรักปากเสียใส่พี่หรอก...แต่เพราะเราไม่ยอมบอกว่ามันเป็นอะไรกับเรามาก่อนต่างหาก พอใจไหมครับ พี่พูดขนาดนี้แล้วพอใจไหม...ทีนี้รู้หรือยังทำไมพี่ถึงเคือง เราไม่ยอมบอกพี่เลย โอเค...ตอนรักอยู่ไม่มีโอกาสพูดพี่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นล่ะ...เราก็ไม่พูดใช่ไหมครับ เราทำเหมือนพี่โง่มากอะ” รู้สึกคำพูดตัวเองจะแรงไปหน่อย แต่เมื่อมันออกจากปากไปแล้วมันเรียกคืนอะไรไม่ได้อีกแล้ว...

“พี่พี...มันไม่มีอะไร…”

“มันไม่มีอะไรในความรู้สึกท่านขุน แต่ไม่ใช่พี่เลยครับ…กลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้พี่หัวเสีย...พี่ไม่อยากทะเลาะกับเรา” เห็นว่าพีระพลกำหมัดแน่นแค่ไหนเพื่อสงบตัวเอง ท่านขุนก็จุกไปเหมือนกันที่พี่พีรู้ขนาดนี้...มันผิดที่เขาเองแหละ ผิดที่เขาคิดง่ายๆ ว่าไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้

ที่เคืองพีระพลในตอนแรก ที่น้อยใจในก่อนมา ตอนนี้กลับตาลปัดไปหมด เห็นสีหน้าไม่ดีของพี่พีแล้ว...ท่านขุนกลัวยิ่งกว่าตอนที่เราไม่ได้คุยกันเสียอีก เขาทำพี่พีเสียใจใช่ไหม ทำให้คนรักของเขารู้สึกไม่ดีเพราะเขาใกล้ชิดกับคนรักเก่าใช่หรือเปล่า...

อยากง้อพี่พีต่อ...อยากอธิบายให้พี่พีเข้าใจ แต่ดูเหมือนสถานที่และบรรยากาศมันจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย

“ผมกลับก็ได้...แต่ผมขอนะครับ ตอนเย็นผมขอคุยกับพี่นะ”

“ครับ ตอนเย็นเราค่อยคุยกัน” โคตรใจร้าย...พีระพลเห็นตัวเองใจร้ายมากๆ ใส่ท่านขุนของเขา พอท่านขุนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ...เขาก็ไม่สามารถเสียงแข็งใส่ท่านขุนได้อีก

ท่านขุนลุกเดินไปที่ประตู พีระพลเดินตามหลังไปแบบประชิด ก่อนที่คนรักจะบิดลูกบิด พีระพลก็สวมกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง...เราเคืองกัน เรามีปัญหากัน แต่ที่มันเป็นอยู่เพราะเรารักกันนะ เราไม่ได้เกลียดกัน...เราไม่ได้ต้องการที่จะทอดทิ้งอีกฝ่ายหรือต้องการจะเลิกรากัน เราแค่อยู่ในช่วงที่ระหองระแหงไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ขับรถดีๆ นะครับ” พีระพลเอ่ยเสียงเบา

“พี่พีตั้งใจทำงานนะ...” ท่านขุนหันกลับไปหอมแก้มพีระพล

“ครับ” อาจไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใส แต่พี่พีก็ยิ้มให้เขา แค่นั้นท่านขุนก็สามารถยิ้มกว้างได้

อย่างน้อย...สิ่งเล็กๆ นี้ที่พี่พีทำ ก็แสดงให้ท่านขุนเห็นว่าพี่พียังรักเขาอยู่...ไม่ได้โกรธเคืองหรือเกลียอะไรในตัวเขาขนาดที่จะเลิกรากันไป พี่พีเดินมาส่งท่านขุนจนถึงรถ ท่ามกลางสายของผู้คนมากมาย มันจะไม่มีอะไรเด่นเลย ถ้าเขาสองคนไม่ได้จับมือกันเดินมา...

ร่างสูงสวมแว่นยืนมองจนคนรักขับรถพ้นเขตบริษัท เขาถอนหายใจหนักๆ ออกมา...เมื่อกี้น่าตีตัวเองมากๆ ช่วงหนึ่งอารมณ์ขึ้นใส่ท่านขุนแบบนั้น พูดจาไม่ดีเลย พูดจาแย่ใส่คนที่มาง้อถึงที่ได้ยังไง สีหน้าหนักใจของเขากระแทกเข้าตาเพื่อนรัก

“เคลียร์กันยังวะ...” แจ็กเดินเข้ามา คือ...จะเรียกเสือกก็ได้แหละ แต่ห่วงความสัมพันธ์ของสองคนนี้

“ยังอะ ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกแย่ด้วย...”

“อ่าว ไหงงั้นวะ มันมาง้อมึงถึงที่เลยนะ”

“เออดิ กูแม่ง...” ท่าทางหัวเสียแบบนี้ พีระพละกำลังโทษตัวเอง แจ็กตบบ่าเพื่อนเบาๆ

“เอาหน่า...แฟนกันอะ ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย แค่ไม่ทิ้งกันก็พอแล้ว”

“อื้อ” พีระพลพยักหน้าเบาๆ เขาขอตัวกลับเข้าห้องแล็บเพื่อทำงาน

ระหว่างเดินเขาคิดว่า...ยังไงเย็นนี้ก็จะไม่ใส่อารมณ์กับท่านขุน

ตอนนี้เขาจะโทษตัวเองไปก็เท่านั้น มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยในเมื่อเขาเผลอเรอไปแล้ว พีระพลบอกให้ตัวเองมีสมาธิกับงานเป็นรอบที่ร้อยหรือพันไม่แน่ใจ ช่วงเวลาที่เขาเมินท่านขุน ไม่ตอบข้อความ ไม่พูดไม่คุยกัน ไม่ใช่เขาอยู่ดีสบายดี เขาเองก็ทุกข์ใจ อยากจะคุยให้รู้เรื่องเหมือนกัน แต่กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบที่เกิดไปแล้วเมื่อกี้นี้ขึ้น สุดท้าย...สิ่งที่กลัวมันก็เกิดไปแล้ว ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับมัน

ท่านขุนขับรถกลับมาที่ร้านด้วยอารมณ์อันหลากหลาย เสียใจที่เหมือนจะทะเลาะกับพี่พี บรรยากาศที่มาคุนั้นยังคงโอบล้อมตัวท่านขุนอยู่ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รู้เสียทีว่าอะไรทำให้พี่พีไม่พอใจ คนที่ร้านเขาตอนนี้ไง..รักไม่เพียงแต่พูดจาไม่ดีกับพี่พี แต่ยังแสดงตัวด้วยว่าเป็นคนรักเก่า ไม่งั้นพี่พีไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้ เขาเองเว้นระยะกับรักมากอยู่ พยายามปฏิบัติตัวต่อรักแบบที่เขาทำกับลูกค้าทุกคน

ท่านขุนจอดรถได้ ถอดอุปกรณ์เรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหารักที่นั่งเล่นกับเปอร์เซียร์น้อยตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ มณีหายไป...ท่านขุนยังไม่ทันเอะใจ เขาแค่มองว่าแปลกที่รักเอาแต่คลุกอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน เนียนอยู่กับร้าน แหงสิ...เขาคุ้นเคยกับทุกคนที่นี่

“ยังไม่กลับอีกเหรอ” ท่านขุนเอ่ยเสียงเข้ม

“อะไรอ่า มาถึงก็ไล่กันเลย...ทำไมครับ ทะเลาะกับพี่พีของท่านขุนมาเหรอ ถึงได้มาลงกับรัก” สีหน้าน้อยอกน้อยใจของรักไม่ได้ทำให้ท่านขุนเห็นใจ

“พูดมาตรงๆ รักกลับมาที่นี่ทำไม...” สีหน้าท่านขุนตอนนี้เอาเรื่องมากๆ เหมือนตอนที่ต่อยกันคราวก่อน

“เขาพูดอะไรมาเหรอถึงถามรักแบบนี้” รักตีหน้าเศร้าโยนความไม่ดีให้พีระพล

“ก็แค่บอกมาตรงๆ ว่ารักกลับมาทำไม...คงไม่ใช่ซ่อมเจ้ายักษ์ เพราะรักได้เจ้ายักษ์คืนแล้วแต่ก็ยังไม่ไป” ตอนแรกก็ไม่เห็นรู้ตัว พอไปคุยกับแฟนมาทีนี่รู้ตัวดีเลยนะ

“รักไม่รู้นะว่าพี่พีเขาพูดอะไรใส่ท่านขุน ถึงทำให้ท่านขุนมาเสียงแข็งใส่รักได้แบบนี้...แต่รักไม่ได้กลับมาหาท่านขุนด้วยเจตนาไม่ดีเลยนะ รักก็แค่คิดถึง...”

“เอาตรงๆ รัก...เล่นลิ้นน่ารำคาญวะ” พอท่านขุนใส่อารมณ์ รักก็เลิกสร้างภาพ

“รักอยากกลับมาคืนดี...เรากลับมาคบกันเถอะ” เลิกคิ้วท้าทายอีกต่างหาก รักไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เป็นอะไรที่น่าเกลียด ทำไมล่ะ คนรักเก่าจะกลับมาง้อขอคืนดีนี่มันผิดหรือไง

“ไม่ กลับไปได้แล้ว” โคตรเย็นชา เหมือนเมื่อปีก่อนที่ไล่รักออกจากร้าน...ท่านขุนไล่รักแบบนี้เลย เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด ตอนนั้นรักจำต้องไปเพราะคนอยู่ช่วยท่านขุนเยอะ ตอนนี้ไม่เหมือนกัน...

“ไม่ใจร้ายกับรักไปหน่อยเหรอ ท่านขุนลองให้เหตุผลดีๆ กับรักสักข้อสิ ว่าทำไมรักต้องเป็นฝ่ายไป...ทั้งๆ ที่เราสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีกว่าไอ้แก่เฉิ่มเชยนั่นเสียอีก” รักวางเปอร์เวียร์ลงกับเคาน์เตอร์ เขาเดินเข้าหาอดีตคนรักของเขา

“เพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้ว และไม่ว่าพี่พีจะเป็นยังไงในสายตารัก...เขาเป็นคนที่ดีสำหรับผม”

“ดีแต่เข้ากันไม่ได้มีเยอะไป ดูนี่สิ...ดูเขาทำกับท่านขุน เขาไม่สนใจท่านขุนเลย หนีหาย...ไม่ตอบข้อความ ไม่โทรกลับ คนแบบนี้เหรอที่ท่านขุนจะคบต่อ”

“ใช่ ผมจะคบเขาต่อ...ผมผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่าเราเคยเป็นอะไรกัน มันเป็นความผิดผมไม่ใช่เขา อีกอย่างนะรัก...ผมไม่เหลือความรู้สึกดีๆ กับรักแล้ว ตอนจากกัน...ผมเกลียดคุณ ตอนนี้ก็ยังเกลียดอยู่...มันอาจน้อยลงบ้าง แต่มันไม่ได้หายไป ไม่เหลืออะไรให้ผมจำและต้องการสานต่ออีกแล้ว เชิญออกไป...” ถึกทนแค่ไหนรักก็ต้องยอมรับว่ามันเจ็บปวด สายตาของท่านขุน...ไม่มีเยื่อใยให้เขาจริงๆ ไม่มีแม้ความรู้สึกดีๆ หลงเหลือ...
“แต่รักไม่เคยเกลียดขุน...”

“แต่ขุนเกลียดรัก...” ท่านขุนตอบกลับทันที และเป็นเหมือนปามีดเข้าขั้วหัวใจรัก...มันทำให้รักไม่สามารถสบตากับท่านขุนได้อีกในวันนี้

….100%….

คอมเมนต์ดุเดือดมากค่ะ แต่ท่านขุนทำตัวแบบ…อืมอย่างที่ทุกคนว่าจริงแหละ เหมือนจะชัดเจนแต่ก็ไม่ชัดเจน เหมือนจะใส่ใจแต่ก็ใส่ใจไม่สุดเนอะ น่าตี ต้องตีตีตีตีเลยค่ะ!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 20 **100%** 23-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-04-2018 22:43:29
พี่พี แคร์เขามากเลยใช่มั้ยคะ T_T
ความคิดพี่เต็มไปหมดเลยอ่ะ ถ้าพี่พูดออกมาหมดน่าจะมีคนเจ็บหนัก
แฟนพี่เขายังคิดไม่เท่าพี่เลยอ่ะ จะว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ไม่น่าใช่  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 20 **100%** 23-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-04-2018 22:54:18
 :เฮ้อ: อึดอัดแทน

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 20 **100%** 23-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2018 23:53:25
รักมันจะจำเหรอ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 20 **100%** 23-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-04-2018 22:10:53
มณีน้อยใจหนีไปไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 21 **100%** 26-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 26-04-2018 23:04:31
>….ตอนที่ 21 [100%]….<
เปอร์เซียร์น้อยส่งเสียงร้องตามหลังของรัก เจ้าของไม่มีการหันมามองแม้เสี้ยวเดียว ท่านขุนเองยังเคืองรักอยู่หน่อยๆ เลยไม่สนใจรักเช่นกัน แต่จะให้เขาเมินเจ้าเหมียวน้อยคงทำไม่ได้ คนรักสัตว์ ต่อให้เกลียดเจ้าของสัตว์สัตว์ยังไง มันก็แยกแยะได้

ระหว่างที่ลูบหัวเจ้าเหมียวตัวใหม่ เจ้าถิ่นอย่างมณีก็แผดเสียงร้องขึ้นมาเพื่อให้ท่านขุนหันมาเจอ ตอนแรกเข้ามาในร้านก็ไม่ได้สนใจมองหามณี ตอนนี้เห็นเธอโดนขังท่านขุนก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

“รักขังมณีเหรอ”

“เอ่อ...ครับพี่” ดูยังไงท่านขุนก็ไม่พอใจ จิมไม่กล้าหยอดมุกหรอก

“กล้าเอามณีขังได้ไงวะ แม่ง...” ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามณีดุแล้วก็ทำร้ายเจ้าเปอร์เซียร์น้องร้ายแรงขนาดไหน แต่มณีเป็นเจ้าถิ่นนะ มณีควรได้อยู่นอกกรงไม่ใช่ในกรงนั่น อีกอย่าง...เขาขังมณีได้คนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์นะเว้ย

“ทีพี่ยังขังมณีเลย” จิมบ่นลอยๆ

“กูเจ้าของปะ มันไม่ใช่เจ้าของนะเว้ยจะได้มาจับแมวคนอื่นเขาขังแบบนี้”

“พี่รักก็เจ้าของนี่ มณีน่ะพี่รักเป็นคนซื้อนะพี่” จิมก็เถียงเสียงซื่อ ท่านขุนอุ้มมณีแนบอก เปอร์เซียร์สีดำยังอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์

“รักเป็นคนซื้อ แต่กูเป็นเจ้าของ...ตอนนี้รักไม่ใช่เจ้าของมณี ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวมณี” มันแปลกๆ ในความรู้สึกจิม แต่ก็ไม่เถียง ขี้เกียจ

“เดี๋ยวมึงดูแลเจ้านี่ให้ด้วยนะ จะออกไปทำรถและ…” วันนี้ท่านขุนตัดสินใจเอามณีออกมานอกร้าน เพื่อจะแยกแมวสองตัวนี้ให้ห่างออกจากกัน ก่อนออกมาท่านขุนไม่ลืมเอาอาหารและขนมของมณีมาด้วย ยังไงซะ...ท่านขุนก็เป็นทาสของมณีน้อยอยู่ร่ำไป ต่อให้มีตัวใหม่ หรือมีคนรัก แต่ท่านขุนไม่ได้รักมณีน้อยลงเลย

ก็...อาจมีละเลยบ้างอะไรบ้างนิดหนึ่ง

มอเตอร์ไซก์มีเข้ามาทำเรื่อยๆ บ้างก็เล็กน้อยอย่างปะยาง เติมลม เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนกรองอากาศ ด้วยความที่ร้านของท่านขุนทำดีและราคาไม่แพงเท่าศูนย์ คนส่วนใหญ่จึงมาใช้ที่นี่ บางคนก็เป็นขาประจำที่เห็นหน้าก็จำกันได้ดี

ท่านขุนเป็นเจ้าของที่เป็นมิตรมากๆ เขามักยิ้มแย้มแจ่มใสให้ทุกคนต่อให้ในเวลานี้เขาจะคิดมากเรื่องพี่พีอยู่ เขามีหน้าที่บริการลูกค้าให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ทั้งการทำงานและการบริการ ไอ้ลูกน้องเขาอย่างแอ้นี่ก็มึนตึงไปคนแล้ว เขามึนตึงอีกลูกค้ามีหนีหายแน่ๆ

มณีเหมือนนางกวัก กวักคนเข้าร้านเกือบทั้งวัน ท่านขุนไม่ได้กินข้าวมีอาการมือไม้อ่อนแรงไปเล็กน้อย มณีน้อยนอนอยู่ตรงเบาะรถมอเตอร์ไซก์ของท่านขุน ทอดสายตาสีฟ้าเหลืองดูทาสตัวเองทำงานหงกๆ เดี๋ยวลูกค้าก็เข้า เดี๋ยวลูกค้าก็เข้า เมื่อไหร่จะว่างมาแกะขนมให้กินสักที เอามาก็เอามาวางล่อไว้ตรงหน้าแล้วไม่แกะ แมวบ้าตัวไหนมันจะไปกินได้ล่ะเนี่ย...

เธอเอาเท้าหน้ามาเขี่ยซองขนมสีเหลืองอ่อนตรงเบาะคนซ่อน มีสองซอง...กินไม่ได้สักซอง เธอเขี่ยมัน เอาเขี้ยวแง่มเข้าไปก็แล้ว...ใช้เล็บข่วนก็แล้ว เอ๊ะ ทำไมมันไม่ออกสักทีนะ ยากเย็นแสนเข็น แล้วแบบนี้จะได้กินไหมเนี่ย

“เหมี๊ยวววว” กัดแล้วมันไม่ขาด เธอส่งเสียงให้ท่านขุนรู้

“แป๊บหนึ่งนะครับแม่มณี” แป๊บหนึ่งมาชาติแล้วไอ้ขุน...อยากพูดภาษามนุษย์ด้วยประโยคนี้มาก แต่พูดไม่ได้ ไม่ง้อก็ได้วะ...อะ สู้อีกตั้ง

เป็นการต่อสู้กับซองขนมที่น่าเอ็นดูเป็นที่สุด มณีน้อยลุกขึ้นยืนเพื่อเขี่ยเอาซองขนมนั้นลงมาจากเบาะคนซ้อน ให้มาอยู่ตรงเบาะคนขับที่เธอกำลังยืนอยู่ จากนั้นก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบตัวซองเอาไว้ ใช้อีกข้างเพื่อตะกุยเอาตรงที่มณีเห็นว่าท่านขุนจับมันฉีก ใช่ๆ...ตรงนี้แหละ เธอเลียอาหารจากตรงนี้ จำได้ก็รีบเขี่ยๆ เข้าไปใหญ่ หัวเสียนิดหน่อย ฟึดฟัดอีกเล็กน้อย

ลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่งยืนมองมณีด้วยความเอ็นดู ซ้ำยังพากันหัวเราะขำขันกับท่าทางเงอะงะของมณีอีก แมวน้อยได้ยินเสียงหัวเราะ เธอตวัดดวงตาคมสวยไปยังสองมนุษย์คู่นั้น เอียงคอเล็กน้อย...

“เมี๊ยววววว” มาแกะขนมให้ฉันสิเจ้ามนุษย์!

“อ๊าย....น่ารักจังเลย คุณคะ เราขอแกะขนมให้เจ้าเหมียวได้ไหม” เพราะท่านขุนมือไม่ว่าง กำลังเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ หญิงสาวแฟนเจ้าของได้รับดามเมจของเหมียวน้อยเข้าเต็มรักจึงเอ่ยขออนุญาต

“อะ..อ๋อ ได้ครับ” ท่านขุนหันไปมองมณีก่อนตอบอนุญาต หน้าตาอ้อนขนาดนั้น เขาเองก็อยากจะพุ่งเข้าไปแกะให้เหมือนกันแหละ

“มิ้ว มิ้ว...” มนุษย์เดินเข้ามาใกล้ปุ้บ มณีรีบยื่นหน้าไปคลอเคลียมือเนียนสวยนั้นทันที พร้อมส่งเสียงร้องให้แกะขนมเร็วๆ...จะกิน...ฉันจะกินนนนน

“น่ารัก...น่ารักมากเลย พี่...เราซื้อแมวมาเลี้ยงบ้างได้ไหม” ปากพูดกับแฟน แต่มนุษย์สาวกำลังลูบหัวมณีอยู่ เจ้าเหมียวรำคาญ...แกะขนมที หิว เธอเอาเท้าหน้าดันมือของหญิงสาวออกจากหัว ดันไปจนถึงซองขนม

“มิ้ว มิ้ว มิ้ว...” จิ้มๆ ซองให้ดูด้วย แกะสิแกะ!

“แสนรู้สุดๆ ไปเลย...” หน้าเคลิ้มฝันเกินไปละ แต่ก็ดีที่แกะให้มณีเสียที

แกะเสร็จก็ป้อน ดีมาก...ต้องแบบนั้นแหละ เดี๋ยวนี้เจ้าแว่นไม่มาปรนนิบัติพัดวีเธอเลย รักเองก็ใส่ใจแต่กับเจ้าหน้ามุ่ยนั่น...น่ารักตรงไหน ขนฟูไม่เป็นระเบียบเลยแม้แต่นิด หน้าอย่างกับไม่ใช่แมว แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือรักเอาเธอไปขังในกรงเพื่อจะให้นังแมวนั่นมันเสนอหน้าเดินร่อนอยู่ในอณาเขตของเขา คอยดูนะ...เธอจะตะปบเจ้าแมวนั้นให้เละเป็นโจ้กเลย

มณีนอนเลียขนมแพล่บๆ บนเบาะคนขับ สีหน้าเคลิ้มของมนุษย์สาวตรงหน้าไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่ ป้อนก็ไม่ดี...ไม่ได้ดั่งใจ มณีต้องคอยใช้มือตัวเองกำกับการบีบขนมออกมาจากห่อ แล้วดู...ยิ่งเห็นมณีเอาอุ้งเท้าน่ารักๆ ไปแตะที่มือขาวอย่างกับหยวกกล้วยนั้นทุกครั้งที่ไม่ยอมบีบ มนุษย์ก็ยิ่งแกล้งไม่บีบ ให้มณีต้องแตะๆ อยู่นั่นแหละ หนำซ้ำ...ไอ้มนุษย์ผู้ชายก็มาสมทบ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอีก

มณีไม่มองสบตากล้อง ไม่มองสบตาใครเลย เธอพยายามกินให้หมด กินให้อิ่ม แล้วก็นอนเชิ่ดราวกับนางพญาประจำรถพันซีซีคันนี้ ต่อให้มนุษย์ชายหญิงคู่นั้นจะชื่นชมเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจ...ก็นะ รู้อยู่แล้วว่าตัวเองน่ะสวยและสง่ามาก

จ๊ะ...ตามนั้น

ท่านขุนเหลือบมองมณีบ่อยครั้ง คุยกับลูกค้าถึงความฉลาดของเธอบ้างในบางหน และต้องฟังเสียงชื่นชมมณีของลูกค้าไปเรื่อยๆ ในร้านอาจมีเปอร์เซียร์ แต่คนกลับชอบมณีมากกว่า ยิ่งดูหยิ่ง...ยิ่งดูเชิ่ด ก็ยิ่งมีเสน่ห์ พี่พีก็หลงเสน่ห์มณีเหมือนกันนี่นะ...

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใช้เวลาแค่ไม่นาน ท่านขุนให้ลูกค้าทั้งสองเข้าไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายภายในร้าน มณีได้พักหูของเธอเสียที ท่านขุนเข้ามาเอาปากจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ ไม่สามารถอุ้มได้เพราะมือยังคงเปื้อนน้ำมันและคราบดำเต็มไปหมด มณีเองก็ไม่ได้สนใจหรอก รู้แค่ว่าการที่มนุษย์ทำแบบนี้กับเธอคือรักเธอ แน่ล่ะ...เธอชอบที่ท่านขุนแสดงออกถึงความรัก แต่อย่าเยอะไป มันน่ารำคาญ

ท่านขุนทำงานจนสี่โมงกว่า เขาดูนาฬิกาข้อมือ อีกไม่นานพี่พีจะเลิกงานแล้ว บริษัทที่พีระพลทำงานอยู่นั้นเลิกงานตอนเวลาสี่โมงครึ่ง ท่านขุนให้แอ้จัดการงานที่เหลือต่อและจัดเก็บข้าวของให้ด้วย เขาเรียกมณีให้เดินกกลับเข้าไปในร้าน สั่งจิมเอาเปอร์เซียร์ไร้ชื่อขังกรงเพราะว่ามณีเป็นเจ้าถิ่น เดี๋ยวตีกันอีก เขาเข้าไปล้างมือให้สะอาด ดูเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยก่อนตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยดีกว่า

“เดี๋ยวฝากปิดร้านด้วยนะ...” เพราะไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ก็เลยต้องทิ้งสิ่งที่ต้องการให้ลูกน้องทำเอาไว้

“พี่จะไปไหนอะ ไม่กลับร้านเหรอ” จิมถาม ค่อนข้างแปลกใจเพราะตั้งแต่ท่านขุนคบกับพีระพล ท่านขุนไม่เคยไปนอนค้างที่บ้านพีระพลเลย

“ไปหาพี่พีอะ อาจจะกลับดึก...หรือไม่กลับ” ไม่ใช่เรื่องน่าอายนี่ที่จะไปค้างกับแฟนที่บ้านน่ะจริงไหม

“อ๋อ เคลียร์กันได้แล้วเหรอพี่”

“ยังอะ ก็กำลังจะไปเคลียร์นี่แหละ ไปละ...มณี ท่านขุนไปก่อนนะ” เขาก้มลงลูบหัวแมวน้อยสุดที่รัก จากนั้นก็จูบที่หน้าผากเธอเบาๆ

“ดูแลมณีดีๆ นะ”

“คร้าบ” ต้องดูแลดีอยู่แล้วไหม มณีเลยนะ...แม่มณีเลยนะเฟ้ย

ไม่ใช่ไร...เกิดพี่ขุนรู้ว่าดูแลที่รักเขาไม่ดีงานนี้โดนด่าแถมตัดเงินเดือนแน่นอน อีกอย่าง เมื่อก่อนท่านขุนก็ออกทริปบ่อยๆ จิมกับแอ้มีหน้าที่เฝ้าร้านและดูแลมณีตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่งานยาก แค่ต้องเอาใจมณีเยอะๆ คุณเธออยากได้อะไรก็เอาให้ แค่นั้นเอง...

สี่โมงเศษๆ ท้องถนนว่างโล่งเพราะยังไม่ถึงวลาเลิกงานจริงๆ ท่านขุนบิดรถมอเตอร์ไซก์คู่ใจด้วยความเร็วร้อยห้าสิบเป็นอย่างน้อย ซอกแซกซ้ายขวาอย่างชำนาญ จะว่าไป...เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยได้หวดเลยแฮะ หวดก็คือการขับรถมอเตอร์ไซก์ด้วยความเร็วสูงสุด...เล่นกันจนหมดปลอกไปเลย รถของท่านขุนทำความเร็วสูงสุดได้สามร้อยกว่าๆ ถือว่ามากพอๆ กับการแข่งขันในสนาม ทว่าเขาไม่เคยเอาความเร็วระดับนั้นมาใช้ในท้องถนนจริงๆ แบบนี้หรอกนะ นอกจากตอนไปออกทริปต่างจังหวัดที่รถโล่งมากจริงๆ

เพียงแค่สิบนาที ท่านขุนก็มาถึงหน้าบริษัทของพีระพล เสียงหวอดังขึ้นตอนเขาดับรถพอดี พนักงานมากมายต่อแถวอยู่หน้าออฟฟิตเพื่อแสกนนิ้วเลิกงาน เขาชะโงกหน้าเล็กน้อยเพื่อองหาพี่พีของเขา

ครู่เดียว...ร่างสูงของคนรักก็เดินออกมา

“มานานหรือยัง” พีระพลตรงมาหาท่านขุนก่อน เจ้าตัวไม่ได้ถอดหมวกหรอก แค่เปิดชิลหน้าออกเพื่อสบตากับพี่พี

“เพิ่งถึงพี่ พี่พีต้องแสกนนิ้วก่อนปะ...”

“ไม่ครับ เรากลับรถรอเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไปเอารถก่อน” ท่านขุนพยักหน้ารับ พี่พีอาจจะยังไม่ได้ยิ้มแย้มเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าเมื่อเที่ยงที่เขามาเจอ

ท่านขุนกลับรถรอไม่นานนัก พีระพลขับออกมาบีบแตรใส่เบาๆ จากนั้นท่านขุนก็ขับรถมอเตอร์ไซก์คันโปรดตามหลังพี่พีไปช้าๆ พีระพลไม่ใช่คนขับรถเร็วอะไรอยู่แล้ว ไม่เกินเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ

พี่ครับ...แดดข้างนอกร้อนมาก!

ท่านขุอยากจะแซงไปแต่ไม่รู้บ้านพีระพลอยู่ไหน แซงไปก็ต้องไปรออยู่ดี เขาขับด้วยความเร็วแค่...เจ็ดสิบถึงเก้าสิบเท่านั้น มันโคตรช้าเลยให้ตายเถอะ แต่ก็เข้าใจ รถข้างหน้าพีระพลเองใช่ว่าขับเร็วอะไร ไม่ได้ต่างกับพีระพลขับเลยสักนิด

ขับตามกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดพีระพลก็เลี้ยวเข้าซอย ท่านขุนรู้ว่าในซอยนี้มีหมู่บ้านอยู่สองหมู่บ้าน เป็นบ้านเดี่ยวทั้งคู่ หมู่บ้านแรกอยู่ไม่ไกลทางเข้าเท่าไหร่ พีระพลเลี้ยวเข้าที่นี่ เขาบอกกับยามว่าคนด้านหลังมาพร้อมกับเขา ท่านขุนจึงสามารถขับตามพีระพลเข้ามาได้เลยโดยไม่ต้องแลกบัตรอะไร ขับตรงไปสุดซอยเลี้ยวขวามือ เป็นบ้านหลังสุดท้ายของซอยพอดี

โคตรเงียบ...มันเป็นโซนที่เงียบสงบมากๆ

พีระพลลงไปเปิดประตูบ้านขนาดสี่สิบสองตารางวาด้วยตัวเอง ที่จอดรถมีเพียงคันเดียวแต่ก็กว้างพอจะให้ท่านขุนเอามอเตอร์ไซก์เข้ามาจอดร่วมด้วย ระเบียงชั้นสองเป็นร่มให้แก่หน้าบ้านทั้งหมด ส่วนของหน้าประตูมีเก้าอี้หวายและโต๊ะกลมทำจากแก้ววางเอาไว้ ชายคาถูกรายล้อมด้วยโบมายแบบต่างๆ ยามลมพัดจะเกิดเสียงกรุ๊งกริ๊งดังไร้จังหวะ ต้นไม้พุ่มเตี้ยหลายต้นเรียงรายอยู่ติดกับรั้วบ้าน

ท่านขุนถอดอุปกรณ์เซฟตี้ออกแล้วมองไปรอบๆ โทนสีเทาครีมให้ความรู้สึกอบอุ่นและน่าอยู่ ในความหม่นๆ มีสีเขียวของต้นไม้ทำให้รู้สึกชุ่มชื่นและน่ารักด้วยโมบาย บ้านคือวิถีชีวิตของเจ้าของ...พี่พีของเขาอยู่กับความสงบในพื้นที่ไม่ใหญ่มากนักของที่นี่

“บ้านพี่สวยจัง” ท่านขุนเปรยเบาๆ พีระพลแค่ยิ้มรับเท่านั้น เขาเดินนำเข้ามาด้านใน พื้นที่กว้างขวางพอสมควรเมื่อมีผู้อาศัยแค่คนเดียว โซฟาเบดสีเทาวางติดกับพนังฝากหนึ่ง อีกฝั่งเป็นทีวีขนาดสี่สิบนิ้ววางบนโต๊ะสำหรับวางเสตอร์ริโอ พร้อมเครื่องเสียงและเครื่องเล่นดีวิดี โทนสียังคงเป็นโทนเดียวกับที่เห็นนอกบ้าน เครื่องตกแต่งภายในมีไม่มาก ที่เด่นคงจะเป็นชั้นหนังสือมากกว่า

“บ้านพี่โล่งไปหน่อยนะ” เสียงทุ้มบอกกับผู้เยี่ยมเยียน

“ไม่หรอกครับ มันสบายตามากเลย…” ทั้งสบายตาและสสงบใจ

พีระพลปลดกระดุมแขนเสื้อตรงข้อมือก่อนจะถลกมันขึ้นมาถึงศอกทีละข้าง ท่านขุนหยุดสำรวจบ้านเรียบง่ายของคนรักมาใส่ใจพี่พีแทน ท่านขุนมีแค่ตัวเปล่าๆ ข้าวของเขาอยู่บนรถ เขาตรงเข้าหาพี่พี...แต่ก็อึกอักพูดไม่ออก พีระพลมองหน้าท่านขุนชั่วครู่ เขาเดินไปปิดประตูบ้าน ดึงผ้าม่านให้เรียบร้อยถึงค่อยเปิดแอร์

“นั่งก่อนสิ...”

“ครับพี่” ไม่รู้จะเริ่มยังไง เขาเดินไปนั่งข้างพี่พี ซึ่งพีระพลก็แค่นั่งเงียบๆ...เฝ้ารอเขาพูดสิ่งที่ควรพูดมานานแล้ว

“เรื่องรักน่ะ...มันไม่มีอะไรเลยนะครับพี่” เปรยขึ้นเบาๆ มองหน้าพี่พีเพื่อดูปฏิกิริยาไปด้วย ใจสั่นมากและค่อนข้างกังวล จริงๆ ท่านขุนก็กังวลมาตลอดตั้งแต่พีระพลมีท่าทีแบบนี้นั่นแหละ

“มันไม่มีอะไรแล้วทำไมเราไม่บอกพี่ล่ะ”

“ผมขอโทษ...แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องบอก คือ...ผมคงคิดสั้นเองแหละ ผมแค่คิดว่าซ่อมรถรักเสร็จรักก็จะไป”

“ไปมากเลย...พี่เห็นเขาอยู่กับท่านขุนตลอด” ก็เถียงไม่ได้อะ เพราะรักอยู่กับท่านขุนตลอดจริงๆ

“เรามีโอกาสที่จะบอกพี่แต่เราก็ไม่บอกพี่เลย พี่รู้สึกแย่นะ...พี่เสียใจด้วย” ท่านขุนรู้ว่าเขาผิดไปแล้ว...เขาทำให้คนที่เขารักต้องมากังวลกับรักเก่า เขามัวแต่คิดว่าไม่เป็นไรหรอก พี่พีไม่รู้ เดี๋ยวรักก็ไปไม่เห็นต้องไปคิดมากเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พีของเขาจะคิดมากขนาดนี้ ท่านขุนขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ สวมกอดเอวของพีระพลเอาไว้

“ผมขอโทษ...ผมขอโทษครับพี่พี แต่ผมไม่คิดอะไรกับรักแล้ว เราจบกันไม่สวย และผมก็ไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับคนคนนั้น ตอนนี้ผมรักพี่พีนะ...พี่พีให้ภัยผมเถอะนะครับ” ไม่รู้ต้องง้อแบบไหนเหมือนกัน ไม่รู้พูดยังไงพี่พีถึงจะให้อภัยกับความคิดสั้นของเขา

พีระพลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...

“รู้ไหม พี่ไม่ได้โกรธเลย...ใช่พี่เคือง แต่ที่พี่เคืองก็เพราะท่านขุนไม่ยอมบอกความจริงกับพี่ พี่เห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมาก...พี่ระแวงเข้าใจไหมครับ พี่กลัวว่าเราจะทิ้งพี่แล้วกลับไปหาคนเก่าที่เหมาะสมกับเรามากกว่าพี่ รักพูดถูกนะ...พี่กับเราไม่เหมือนกันเลย เราดูเข้ากันไม่ได้” ทำไมคำพูดของพี่พีถึงทำร้ายจิตใจเขาได้ขนาดนี้ เพราะน้ำเสียงตัดพ้อนั้นหรือเปล่า...ใจเขาถึงได้ปวดหนึบอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“ไม่เห็นเกี่ยวเลย...ไม่เห็นเกี่ยวสักนิด พี่พี...ผมไม่เคยคิดว่าการที่เราต่างกันจะหมายถึงเราเข้ากันไม่ได้ พี่ก็เห็นว่าเราไม่ได้มีปัญหหาอะไรชีวิตที่ต่างกัน”

“พี่รู้...แต่พี่กลัวไม่ได้เหรอครับ” พีระพลบยกแขนขึ้นกอดท่านขุนเอาไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวสิ ไม่เอา...ผมห้ามพี่กลัว ผมขอโทษที่ทำให้พี่คิดมาก ทำให้พี่กังวล...ผมขอโทษจริงๆ มันจะไม่มีอีกผมสัญญา” ท่านขุนเงยหน้าขึ้นมองสบตากับพีระพลในระยะประชิด วงแขนกที่โอบกอดกันแนบแน่นก็เป็นการบอกแล้วว่าพวกเขาไม่มีใครอยากสูญเสียอีกฝ่ายไปหรอก...

พีระพลถอนหายใจออกมาอีก...เขาเคืองท่านขุน โกรธรัก และหงุดหงิดตัวเองที่ดูงี่เง่า การที่ท่านขุนเข้ามาง้อถึงที่นี่หรือที่ทำงานทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นตีรวนกันไปหมด โกรธรักน่ะมันไม่หายไปหรอก ที่เคืองท่านขุนเนี่ยสิ...ดูเหมือนมันจะเจือจางลงไปมากเหลือเกิน

“มีอะไรให้บอกพี่...”

“ครับ มีอะไรผมจะบอกพี่...”

“งั้นบอกพี่ซิ รักกลับมาทำไม...ไม่ใช่แค่ซ่อมรถใช่ไหม”

“รักจะกลับมาขอคืนดีครับ ผมเพิ่งรู้วันนี้...แต่ผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยคิดกลับไปคบเขา เขาหักหลังผม เขาทำร้ายความรู้สึกของผม ยังไงก็ผมก็ไม่มีวันกลับไป...ตอนนี้ผมมีพี่พี ผมรักพี่ ผมปฏิเสธรักไปแล้ว ปฏิเสธชัดเจนเหมือนในอดีต ระหว่างผมกับรักมันจะไม่มีอะไร” พีระพลเชื่อท่านขุน เชื่อในน้ำเสียงที่ติดกังวล เชื่อในแววตาที่ที่ง้องอนเขาอยู่ แต่เขาไม่เชื่อรักเลย...อาจจะหยาบคาย แต่พีระพลมองว่ารักค่อนข้างหน้าด้านไปหน่อย ยังไงซะต้องกลับมาอีกแน่ๆ

“พี่เชื่อเรา...แต่พี่ไม่เชื่อเขา”

“แค่เชื่อใจผมก็พอแล้วพี่ แค่เชื่อใจผม...” สายตาท่านขุนอ้อนวอนพีระพลมากๆ และมันก็ทำให้ใจของพีระพลอ่อนยวบไปหมด

“พี่เชื่อท่านขุนครับ” พีระพลโน้มหน้าเข้าไปมอบจูบนุ่มนวลให้กับท่านขุน

มันเป็นจูบนุ่มนวลที่ไม่ได้เนิ่นนานอะไร เพราะไม่กี่นาทีต่อมาก็กลายเป็นเร่าร้อน พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรมากมายก็พากันขึ้นห้องนอน ท่านขุนไม่ได้ใส่ใจจะดูอะไรในห้องทั้งนั้น รู้แค่ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนที่นอนของพี่พี ห้องพี่พี มีแต่กลิ่นของพี่พีเต็มไปหมด

พีระพลขึ้นคร่อมร่างคนรักของเขา จับอีกฝ่ายปอกเปือกจนเปลือยเปล่าไปทั้งร่าง ท่านขุนก็ใช่ว่ายอม...เขาเองก็ลุกขึ้นพรากเสื้อผ้าพี่พีไปเหมือนกัน จากนั้นก็กลายเป็นท่านขุนเองที่ปรนเปรอให้กับพีระพล ทำให้พีระพลพึงพอใจด้วยมือและปากกับร่างกายที่น่าหลงใหล ไม่ว่ากี่ครั้ง...ท่านขุนก็รู้สึกว่าพี่พีมีหุ่นที่น่าอิจฉาจริงๆ

วันนี้มันน่าอาย...แต่วันนี้ท่านขุนยินดีขึ้นให้พี่พีของเขา

 ก็...จะง้อทั้งทีก็ต้องง้อให้ถึงใจสิใช่ไหมล่ะ


….100%….

ง้อกันบนเตียงแหละ เอร้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 21 **100%** 26-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-04-2018 00:25:05
 o13
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 21 **100%** 26-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-04-2018 10:10:54
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 21 **100%** 26-04-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 27-04-2018 11:21:45
 :katai2-1:  คุยกันเข้าใจแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 01-05-2018 14:43:52
>….ตอนที่ 22 [100%]….<

เช้าต่างคนต่างแยกไปทำงาน ท่านขุนติดใจบ้านหลังนี้มาก...ไม่ได้ติดใจที่ว่ามันเป็นบ้าน ส่วนที่อยู่เขาเป็นแค่โรงซ่อมรถหรอกนะ แต่ที่ติดใจคือการได้นอนกอดพีระพลอยู่บนเตียงของพีระพลต่างหาก อบอุ่นมาก...มีความสุขมาก

พี่พีกลับมายิ้มให้ท่านขุนแล้ว ทำอาหารเช้าให้ด้วย และดูแลท่านขุนตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมจนเรียบร้อยกว่าจะออกจากบ้านได้ เมื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว อะไรๆ ก็กลับมาสดใสเหมือนก่อนรักเข้ามา อาจไม่ได้มานั่งหวานกระหนุงกระหนิงกันแบบเด็กๆ แต่ก็ดูแลกันเหมือสามีภรรยามากกว่า พีระพลกอดเอวท่านขุนที่อยู่ในชุดเซฟตี้เตรียมจะขับออกไป เจ้าของบิ๊กไบก์ยังไม่ได้ใส่หมวกกันน๊อกทำให้พีระพลสามารถจูบปากท่านขุนได้

ข้างบ้านไม่ต้องห่วงหรอก...เวลานี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ท่านขุนเองเมื่อได้รับจูบมาก็จูบตอบไม่อิดออด เขาเป็นคนสมัยใหม่กว่าพี่พี กล้าได้กล้าเสีย กล้าโชว์มากกว่า คิดว่าการแสดงความรักไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าเราไม่ได้ประเจิดประเจ้อจนเกินไป

“ขับรถดีๆ นะครับ พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม อย่าขับเร็วมากนัก เป็นอะไรขึ้นมาพี่จะเสียใจนะ...” ท่านขุนเองก็กอดเอวพี่พีในชุดทำงานเช่นกัน

“ผมรู้แล้วคร้าบ ผมจะขับช้าๆ สัญญาว่าจะไม่ขับเกินร้อย” วันนี้นะ ไม่ใช่วันอื่น

“อื้อ เที่ยงพี่เข้าไปหา”

“ครับ ผมจะทำของโปรดเอาไว้รอ” เขาจูบกันเบาๆ อีกหนหนึ่ง พีระพลปล่อยท่านขุนใส่โม่งและหมวกกันน๊อก

เขาทั้งคู่ออกจากบ้านพร้อมกัน ขับรถช้าๆ ไปด้วยกันก่อนจะแยกกันไปทำงานคนละทาง พีระพลมองส่งท่านขุนจนรถสีแดงคันนั้นหายลับสายตา เขาเดินทางมายังบริษัทเวลาเดิมเหมือนเคย แจ็กเห็นเพื่อนมีรอยยิ้มบางๆ ในวันนี้ก็รู้สึกแปลกๆ จะเดินเข้าไปทักทายสักหน่อย พอเข้ามาใกล้สิ่งที่เห็นกลายเป็นรอยดูดตรงคอ ไม่แดงมากแต่ก็เห็นแหละ

“หน้าตาแบบนี้...ดีกันแล้วใช่ไหมล่ะ” พีระพลยิ้มบาง พยักหน้ายอมรับง่ายๆ

“ใช่ เคลียร์กันแล้วเรียบร้อย”

“เคลียร์แบบถึงเนื้อถึงตัวเลยทีเดียว”

“ก็นะ...” รอยยิ้มกรุ่มกริ่มของพีระพลทำให้แจ็กขนลุก ไม่ใช่มันไม่ดี แต่...มันชวนขนลุกแปลกๆ อะนะ

“วันนี้ฉลองกัน โอเค...ตามนั้น วันเสาร์ด้วย วู้ฮู” ลั้นลาเกินวัยสามสิบกว่ามากเลยอะเพื่อน พีระพลก็ปล่อยเพื่อนตัวเองมีความสุขไป เพราะเขาเองก็กำลังมีความสุขเช่นกัน

เหมือนได้ปลดเรื่องหนักใจออกจากตัวเอง การทะเลาะกับคนรักนี่มันน่าอึดอัดเป็นบ้า ยิ่งเราเอาแต่คิดเองเออเองเสร็จสรรพ ก็ยิ่งทำร้ายเราด้วยตัวเราเองเสียอย่างนั้น พีระพลก็รู้แหละว่าตัวเองค่อนข้างงี่เง่าในครั้งนี้ เขานับถือใจท่านขุนที่ยอมอ่อนข้อให้ก่อน ไม่งั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะใจเย็นพอไปคุยได้เมื่อไหร่

อันที่จริง...ตอนนี้พีระพลก็ไม่ได้สบายใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นหรอก เขาคิดว่ารักต้องยังมาป้วนเปี้ยนอีกแน่ๆ แต่เพราะรู้แล้วไงว่าท่านขุนไม่มีทางกลับไป เขาเชื่อคนรักของเขา และเพราะเชื่อก็เลยไม่กลัวเรื่องการเผชิญหน้ากับรักแล้ว

พีระพลทำงานวิเคราะห์เคมีของตัวเองเสร็จตอนสิบโมงครึ่ง จากนั้นครึ่งชั่วโมงเขาใช้ไปกับการกรอกค่าเคมีใส่กราฟในคอมพิวเตอร์ งานทุกอย่างเรียบร้อยในเวลาสิบเอ็ดโมงตรงเป๊ะ ไม่มีขาดไม่มีเกิน เพราะพีระพลเป็นคนตรงต่อเวลามากๆ อะไรที่ควบคุมได้จะถูกเขาควบคุมทั้งหมด แต่เขาไม่ใช่คนเผด็จการอะไรหรอก เขาแค่ชอบความเป็นระเบียบของชีวิต

ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น สิ่งแรกที่เห็นคือภาพของมณีน้อยกำลังกินอาหารเม็ดจากมือของท่านขุน อีกฝ่ายส่งมาบอกว่ามณียี้อาหารเม็ดมากเลยล่ะ เท่าที่เห็นก็กินดีอยู่นี่นา พีระพลบอกว่าถ้าไม่ยี้มณีน้อยจะกินมากขนาดไหนนะ ท่านขุนตอบกลับมาเร็วมากเช่นกันว่าคงหมดถุง...

จะว่าท่านขุนเกเรก็ได้นะ แต่ท่านขุนอู้งานเพื่อตอบข้อความของพี่พี แถมตอนนี้ไม่ทำงานแล้วด้วย เขียนใบรายการอาหารที่จะให้จิมสั่งซื้อเพื่อเอามาทำมื้อเที่ยงแทน เขารู้ว่าพี่พีทำงานเสร็จตอนสิบเอ็ดโมง และสามารถออกมาก่อนเวลาได้ ด้วยตำแหน่งและหน้าที่ของพี่พี ทำให้พี่พีได้รับอภิสิทธิ์พอสมควร ทว่าพี่พีไม่ใช้สิ่งเหล่านั้น พี่พีทำตัวเหมือนพนักงานคนอื่นๆ อยู่ในกฎของบริษัทโดยไม่ละเมิดเหมือนกับแจ็ก

ท่านขุนขอเวลาไปทำอาหารก่อน ซึ่งพีระพลไม่ยื้อเอาไว้ อีกไม่กี่นาทีเขาเองก็จะได้เวลาพักเที่ยงแล้ว ถ้าไม่ปล่อยให้ที่รักไปทำกับข้าว แล้วเที่ยงนี้เขาจะกินอะไรล่ะถูกไหม พีระพลเลือกเข้าเฟซบุ๊ก ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา เขารู้สึกว่าโซเชี่ยลมีเดียร์เป็นอะไรที่ผลาญเวลาไปอย่างไร้ประโยชน์มากๆ แต่ก็เล่น...

เผลอแป๊บเดียวเสียงหวอก็ดังขึ้น พีระพลคว้ากุญแจรถและกระเป๋าเงินเดินลิ่วตัวปลิวไปที่รถของตนเอง สตาร์ทขับออกไป ดูรีบแต่ก็ไม่ได้ขับเร็วอะไรนัก เขาเป็นคนระมัดระวังในทุกยอย่างที่ทำ คงเพราะเป็นนักวิเคราะห์เคมีด้วยแหละมั้ง เลยต้องใส่ใจจุดเล็กจุดน้อย เป็นคนละเอียดกับหลายสิ่งหลายอย่าง ยิ่งอุบัติเหตุนี่พีระพลกลัวมาก ไม่ได้กลัวตัวเองเป็นอะไรแต่กลัวทำให้คนอื่นเขาเจ็บปวด

ขับรถไปตามทางไม่รีบร้อน ข้างหน้าเป็นซอยที่ร้านท่านขุนตั้งอยู่ พีระพลชิดซ้าย เปิดไฟเลี้ยวเตรียมเอาไว้แต่เนิ่นๆ ทว่าช่วงที่จะหักเลี้ยวเข้าไปนั้น มีรถบิ๊กไบก์คันหนึ่งปาดหน้าเขาอย่างจัง เจ้าของรถแค่หันมามองแล้วก็บิดคันเร่งไป พีระพลไม่แน่ใจว่าความจำตัวเองผิดเพี้ยนไหม เขาคิดว่านั่นเป็นรถของรัก

และมันก็จริง...เมื่อเขามาถึงร้าน

รักกำลังถอดอุปกรณ์เซฟตี้ออกจากตัวเอง ทางนั้นยืนมองเขาตาขวางๆ จะว่าเหมือนคนเล่นยามันก็ไม่เชิง...แต่ก็คล้ายนะ พีระพลไม่สนใจความขวางโลกของรัก เขาล็อกรถเก๋งของตนด้วยรีโมตคอนโทรล เสร็จเดินเข้าไปในร้าน มณีน้อยนอนอยู่ที่เดิม...ที่ประจำของเธอ

“สวัสดีจ๊ะมณี...คิดถึงกันไหมน้า” เป็นเรื่องปกติที่พีระพลจะเอ่ยทักมณีน้อยก่อนเป็นอันดับแรก

“พี่พีสวัสดีครับ” จิมและแอ้ยกมือไหว้พีระพลแทบจะพร้อมๆ กัน ส่วนรักกกำลังเดินเข้ามาในร้าน

“สวัสดีครับ” พีระพลไหว้ตอบพร้อมยิ้มบางๆ รักมองดูการกระทำของอีกฝ่าย...รักไม่ชอบอะ ต่อให้สิ่งที่พีระพลทำมันจะเป็นสิ่งที่ดี แต่คนไม่ชอบก็มองว่ามันเชยเป็นบ้า

“ไม่ค่อยแก่เท่าไหร่เลยอะ...” เป็นคำบ่นลอยๆ ที่กระแทกพีระพลเข้าอย่างจัง แต่พีระพลไม่สน

“คนจำนวนมากชอบดูถูกคนอื่นเพราะตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่ดีเทียบเท่าคนคนนั้นน่ะครับ” เป็นการตอบกลับแบบสุภาพที่สุดแล้ว พีระพลเห็นหน้าก็อยากต่อยแล้วล่ะ คิดว่ารักไม่ชอบตนแค่ฝ่ายเดียวหรือไงกัน

“พูดอะไรเข้าใจยากเนอะ”

“อืม นิดหน่อยครับ...ต้องมีการศึกษาหน่อยถึงจะเข้าใจ” รักแทบปรี่เข้าไปต่อย นี่ด่าเขาไร้การศึกษางั้นเหรอ

พีระพลลูบหัวมณีผู้เมินเขาได้ทุกวี่ทุกวันเบาๆ หนึ่งที จากนั้นเดินเข้าไปหาท่านขุนที่อยู่ในครัว เจ้าของร้านของเรากำลังตั้งใจทำอาหารจนไม่รู้ว่าข้างหลังของเขามีใครเข้ามาใกล้ พีระพลชะโงกหน้ามองหน่อยๆ ว่าตอนนี้ท่านขุนไม่ได้ถืออะไรที่เป็นอันตรายใช่ไหม

“หิวจังครับ...” พีระพลสอดมือเข้าไปกอดเอวของท่านขุนเบาๆ ที่ดูว่าไม่มีอะไรอันตรายเพราะกลัวท่านขุนตกใจแล้วจะเกิดการเจ็บเนื้อเจ็บตัวขึ้น

“อะ...พี่พี โหย มาตอนไหนเนี่ย...ผมมัวแต่ทำอาหารเลยไม่เห็น ผมทำเสร็จแล้วแหละ พี่พีนั่งก่อน เดี๋ยวท่านขุนผู้นี้จะเสิร์ฟอาหารให้” ท่าทางร่าเริงของท่านขุนทำให้พีระพลยิ้มกว้าง

“ขอบคุณนะครับ” เขาหอมแก้มคนรักหนึ่งทีใหญ่ๆ ให้ชื่นใจ มีแต่กลิ่นน้ำมันแหละ...ท่านขุนเป็นช่างซ่อมรถนี่จริงไหม

“ท่านขุนนนนนน” ยังไม่ทันได้คลายมืออกจากรอบเอว รักก็ส่งเสียงดังเข้ามาข้างในพร้อมปรากฏกาย

“รัก” พูดไปขนาดนั้นแล้ว ไม่คิดว่าจะมาอีก

“ขอมาฝากท้องหน่อยน้า”

“เชิญครับ” กลายเป็นพีระพลที่ต้อนรับด้วยรอยยิ้มแทน ท่านขุนมองแฟนตัวเองด้วยความแปลกใจ วันนี้พี่พียิ้มให้รักได้ด้วยเหรอ…

“ขอบคุณนะครับ แต่อันที่จริง…ผมต้องถามความสมัคใจท่านขุนนะ” เหมือนจะบอกว่ากูไม่ได้ถามมึงแบบนี้ใส่หน้าพีระพลเลย

“จะผมหรือท่านขุนก็คนคนเดียวกันนั่นแหละครับ” พีระพลตอบกลับธรรมดา ดูเป็นกันเอง...ดูไร้พิษภัย แต่ถ้าเห็นแววตาจะรู้ว่า...เจ้าของร่างใหญ่ยิ้มแค่ปากจริงๆ

พีระพลหันกลับไปช่วยท่านขุนหยิบจับนั่นนี่ใส่จานชามให้เรียบร้อย รักนั่งโต๊ะจองที่ก่อนใคร ทั้งยังเอาเปอร์เซียร์น้อยออกมาจากกรงวางบนโต๊ะกินข้าวอีกต่างหาก พีระพลไม่รู้จักแมวตัวนี้ พอเขาเห็น เขาก็รู้สึกแปลกใจ เหนือกว่าความแปลกใจคือการมองหามณีอย่างไวต่างหาก

มณีหวงที่มากนะ...พีระพลเจ็บตัวเพราะมณีมามากเขารู้ดี ทั้งหวงท่านขุน ทั้งหวงพื้นที่ของตนเอง พีระพลมองหามณีไม่เจอ จะลุกออกไปเดินหาในเวลามื้อเที่ยงแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเสียด้วย เขาคิดว่าเดี๋ยวกินเสร็จลองหามณีน้อยดู ไม่รู้น้อยใจแย่หรือยัง

“สรุปพรุ่งนี้...ไปรถผมนะ” ท่านขุนตักกับข้าวใส่จานให้พี่พีพร้อมเสียงอ้อนๆ เรื่องการเดินทางไปงานหนังสือ

“ไปไหนกันเหรอ” ตัวแถมดันสอดขึ้น

“ไม่เอาครับ ท่านขุนแหละต้องไปรถพี่...” พีระพลไม่สนใจคำถามรัก เขาตอบคำถามท่านขุนแทน

“ก็ได้ แต่ไม่ตื่นเช้ามากได้ไหมครับ ผมตื่นเช้ามากมาหลายวันแล้วอ่า อยากนอนตื่นสายๆ บ้าง”

“ได้สิครับ” เขาสองคนนั่งยิ้มหวานให้แก่กัน พูดคุยกันในเรื่องที่รักไม่สามารถแทรกได้

รักพยายามแล้ว...ตั้งคำถามใส่ทั้งคู่ แต่ไม่มีใครตอบคำถามของเขาเลย ท่านขุนเอาใจแต่กับพีระพล มองหน้าพีระพลไม่วางตา มือไม้เกี่ยวกันไปเกี่ยวกันมาเห็นแล้วขัดลูกตาเป็นบ้า ส่วนพีระพลที่ดูมีมารยาท...วันนี้ดูไร้มารยาทเป็นบ้า คนถามกลับไม่ยอมตอบคำถาม หนำซ้ำยังเมินเขาเหมืนเขาไม่มีตัวตนอีก

รักรู้ว่าเขามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ ท่านขุนเองก็บอกแล้วเรื่องความรู้สึกที่แตกหักของเขา แต่เขาไม่เชื่ออะ...เขาไม่คิดว่าระหว่างเรามันจะกลับไปเป็เหมือนเดินไม่ได้ เมื่อคืนรักแทบไม่ได้นอนเลย คำว่าขุนเกลียดรักยังก้องอยู่ในหัวไม่ยอมไปไหน โคตรเสียใจ...เขาไม่อยากยอมแพ้ให้กับคนจืดชืดอย่างพีระพล ดูยังไง...ก็เป็นแค่ผู้ชายน่าเบื่อคนหนึ่ง

นี่ขนาดนั่งคุยกันตามประสาคู่รักไม่เห็นหัวเขาแล้ว ยังคุยกันเรื่องนิยายบ้าบออะไรก็ไม่รู้ รักไม่รู้จักเลยสักเรื่อง พีระพลเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำนานพ่อมดที่ได้อ่านหนังสือให้ท่านขุนฟัง มันน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ และท่านขุนโคตรตั้งใจฟังเลย ทว่ารักไม่รู้สึกแบบนั้น...รักว่ามันโคตรน่าเบื่อต่างหาก

ตำนานพ่อมดแม่มดมันก็แค่เรื่องหลอกเด็ก แค่นิทานปรัมปราโง่ๆ เท่านั้นแหละ มีใครเขาเชื่อเป็นบ้าเป็นบอบ้าง รักอาศัยว่ามีแมวให้เล่นแก้เหงามือ เขาทนดูทั้งคู่จนท่านขุนเก็บจานเก็บชามไปล้าง พีระพลเหลือบมามองเขาอีกครั้งหลังจากไม่มองหน้าเขาเลย...

“ว่าแต่...คุณรักนี่ทำงานอะไรเหรอครับ” จู่ๆ ก็มาถามเรื่องงาน มันจะมาไม้ไหนดีกว่า...ช่างเหอะ รักไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว

“ผมร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านขายบิ๊กไบก์น่ะครับ ไม่ได้เป็นลูกจ้างเขาหรอก...” พีระพลเป็นลูกจ้าง...แต่เขาสิ เขาเป็นเจ้าของกิจการ

“อ่อ งานน่าจะสบายนะครับ”

“ก็ดีนะ...”

“ผมอิจฉาจังเลย วันๆ ไม่ต้องทำอะไร...” ถึงจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่รักก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจด่าเขา

“ผมก็ทำ แค่คุณไม่เห็น”

“อื้อนั่นสิ...ผมเห็นคุณเอาแต่มานั่งเล่นที่นี่ นี่เอาจริงๆ นะ ผมอยากมีชีวิแบบคุณบ้าง...ผมจะนั่งเฝ้าแฟนทั้งวันเลย แถวนี้แมวขโมยเยอะ...กลัวคนรักหายจัง” รักเกือบเผลอจิกขนแมวติดมือเพราะคำพูดเสียดแทงของพีระพล

ท่านขุนก็ได้ยิน…เขายืนอยู่แค่นี้เอง ห่างจากทั้งคู่ไม่มาก ดูก็รู้ว่าพี่พีของเขาจงใจตอกกลับรักชัดๆ แบบนี้เรียกหึงใช่ไหม ตอบได้หรือเปล่าว่าอยากให้พี่พีมานั่งเฝ้าทั้งวันเหมือนกัน อยากอยู่ด้วยตลอด อยากนอนด้วยทุกคืน

เฮ้...นี่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนะ มาอารมณ์โรแมนซ์อะไรคนเดียวอยู่ได้

แต่ก็นะ...พี่พีหึงเขาเลยนะเว้ย!

“เหรอครับ ผมไม่คิดว่าเป็นขโยนะ ผมว่าเป็นแมวเจ้าถิ่นต่างหาก มันอาจจะกลับมาที่ที่ของมัน...”

“แมวเจ้าถิ่นที่โดนไล่ไปแล้วอะนะ ทวงถิ่นคืนได้เหรอ...เจ้าของพื้นที่เขาไม่ต้องการแล้วไม่ใช่เหรอครับ” พีระพลแทรกพร้อมสีหน้าตกใจในคำพูดของรัก ดูยังไงก็กวนตีนกันชัดๆ แม่งเอ้ย...ด่ากันตรงๆ ไม่ง่ายกว่าหรือไง

รักไม่มีคำโต้เถียง ท่านขุนเดินกลับมานั่งข้างพีระพล และเขาสองคนก็นั่งยิ้มให้กัน เป็นพีระพลที่ดึงมือท่านขุนลุกขึ้นเพื่อพากันเดินไปบนชั้นสอง ประตูห้องของท่านขุนถูกเปิดด้วยมือของพีระพลเอง เขาพาคนรักเข้ามาก่อนจะปิดประตูแล้วล็อกห้อง

“พี่พีร้ายนะ...” ท่านขุนส่งเสียงเย้าหยอกเบาๆ

“ไม่ชอบเหรอ ไม่ชอบพี่ไม่ทำก็ได้นะ” พีระพลขยับตัวมองหน้า ท่านขุนดันแฟนตัวเองออกจากวงแขนเบาๆ แล้วพาไปที่เตียงนอน

“ใครว่าล่ะ...ชอบดิ มีคนหึงคนหวงขนาดนี้ เป็นใครไม่ชอบบ้างล่ะครับ” พีระพลรั้งให้ท่านขุนนั่งหันหน้าบนตักของเขา มือไม้ค่อนข้างนุ่มลูบไล้แผ่นหลังคนรักบนตักเบาๆ

“แต่คนหึงไม่ชอบเลยครับ มันหวงไปหมดเลย...” พีระพลจูบซับไปที่ลำคอของท่านขุนเบาๆ แค่นั้นก็ทำเอาเขาขนลุกไปทั้งตัว

“อื้อ...พี่พีอย่าสิ เดี๋ยวของขึ้นแล้วพี่จะไปเข้างานสายน้า” ท่านขุนเอยเย้า แต่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ ถ้าจะจัดสักนิดก่อนพี่พีเข้างานเขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

พีระพลยิ้มบางเบากับเสียงยอกนั้น มันน่ารักแม้จะดูไม่เข้ากับท่านขุนที่ดูไม่มีความสาวอยู่ในตัว เป็นผู้ชายบ้านๆ ใส่กางเกงสามส่วนและเสื้อยืดคอกลมสีพื้น แต่พอเราชอบใครหรือรักใครสักคนแล้ว เราก็จะชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเป็น เหมือนที่พีระพลกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

เขาไม่สนใจเสียงห้าม สอดมือเข้าไปใต้เสื้อของคนรักตัวเอง ในขณะที่อีกมือก็คว้าต้นคอของท่านขุนเพื่อโน้มใบหน้าอีกฝ่ายลงมา เขาเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อไม่ให้แว่นตัวเองชนกับหน้าของท่านขุน ริฝีปากนุ่มๆ แนบชิดและบดเบียดกันเนิบนาบ ไม่ได้เร่งเร้าทว่าค่อยๆ สร้างความอบอุ่นอ่อนไหวให้กันและกัน มือของพีระพลลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังเนียนละเอียด กรีดนิ้วตรงกระดูกสันหลังเบาๆ ด้วยรู้ดีว่าตรงนี้เร้าอารมณ์อีกฝ่ายได้ดี

“อื้อพี่พี...” ท่านขุนกระซิบเสียงพล่า ตอนนี้จะห้ามไม่ให้ของขึ้นก็คงไม่ได้...มันยากยิ่งกว่าทำให้แมวสองตัวข้างล่างนั้นดีกันเสียอีก ขนาดส่วนนั้นของพีระพลยังตื่นแล้วเลย ท่านขุนสัมผัสได้ ก็เขานั่งทำมันอยู่

ไม่ต้องพูดว่าอยาก แค่สายตาที่มองมาของพีระพลก็บอกท่านขุนได้แล้วถึงความต้องการของตนเอง แต่นี่มันก็ใกล้จะได้เวลาเข้างานของพีละพรแล้วเหมือนกัน คนบบพีระพล...เรื่องงานก็ต้อรับผิดอบให้เต็มที่ จะให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียงานคงไม่ดีเท่าไหร่นัก

“มันจะสาย...” ท่านขุนเอ่ยอีกหนเมื่อพีระพลจูบเข้าที่ลำคอ

“อื้อ เสียดาย...ไม่อยากไปทำงานเลย” เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินพี่พีพูดแบบนี้ออกมา นี่แบบนี้คิดเข้าข้างตัวเองไหรือเปล่าว่าพี่พีรักและหลงเขามาก ท่านขุนยิ้มกริ่ม แย่งแว่นของพี่พีมาสวมแล้วโปรยยิ้มหล่อใส่คนตรงหน้า

“ไมได้นะ งานก็คืองาน...” ทำหน้าเหมือนนักวิชาการ แต่ก็ยั่วอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย พีระพลอาจมองเห็นใบหน้าของท่านขุนไม่ชัดเจนนัก แต่เขาหมั่นเขี้ยวเข้าจริงๆ จนเผลออ้าปากงับต้นคอทันทีหนึ่งด้วยความเอ็นดู

”อื้อ พี่พี...” เรียกว่าแกล้งให้เจ็บแถมด้วยความซาบซ่านก็แล้วกัน

“แบบนี้เรียกยั่วรู้เปล่า อย่าทำแบบนี้กับคนอื่นนะ...” พีระพลมองหน้าท่านขุนใกล้ๆ ตอนนี้เห็นแล้วว่าท่านขุนยามสวมแว่นก็ดูดีโคตรๆ ที่น่าละอายไปกว่านั้นคือนึกถึงฉากพ่นพิษใส่หน้าแล้วเปื้อนแว่น...ให้ตายเถอะ เขานี่มันแย่จริงๆ

“ไม่มี ไม่ทำแบบนี้กับใครนอกจากพี่พีคนเดียว...” ท่านขุนสวมกอดพีระพลเต็มวงแขน ซึ่งอีกฝ่ายก็กอดเขาเช่นกัน

“พี่ไว้ใจขุนนะ...”

“ครับ ผมรักพี่พี” คนบนตักเอียงหน้าเพื่อหอมแก้มเนียนเบาๆ

“พี่รักท่านขุนครับ” พีระพลหอมแก้มอีกฝ่ายกลับด้วยความรักใคร่

มันอดไม่ได้ เมื่อมองหน้ากันพวกเขาก็มอบจูบหวานๆ ให้กันอีกครั้งหนึ่ง แล้วต้องหยุดเมื่อเวลาเข้างานกระชั้นขึ้นเต็มที ท่านขุนลุกจาตักของพี่พี สวมแว่นคืนอีกฝ่ายพร้อมทั้งจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้พี่พีด้วย ต่างก็แต่งเนื้อแต่งตัวให้กันด้วยรอยยิ้ม

รักยังนั่งอยู่ที่โซฟากลางร้านไม่ไปไหน พีระพลเห็นแล้วบอกกับตัวเองในใจว่าอีกฝ่ายหน้าด้านจริงๆ แต่ที่เขาแปลกใจคือเขาไม่เห็นมณีเลย แมวน้อยแสนพยศตัวนั้นหายไปไหนแล้วนะ วันนี้ได้แค่ลูบหัวหนึ่งทีเท่านั้น ยังไม่หนำใจเขาเลย ช่างเถอะ...ตอนเย็นคงได้เจอกัน

“...” รักมองไปที่ทั้งคู่ด้วยสายตาอิจฉา อยากเป็นคนที่ได้จับมือท่านขุนแบบนั้น ที่ตรงนั้นมันควรเป็นของเขาสิ

“ผมไปทำงานก่อนนะครับ คุณรักเอง...ทำงานให้สนุกนะครับ” รอยยิ้มของพีระพลเหยียดหยันรักเห็นๆ ทั้งดูถูกเขา...ทั้งด่าเขาในแววตา ช่างแม่ง...เขามาเพื่อเอาท่านขุนคืน ไม่ได้จะมาสนใจใยดีอะไรมันสักหน่อย หึ...การที่ท่านขุนยังรักและเอ็นดูมณีต้องเป็นเพราะท่านขุนยังมีใจให้เขา ไอ้เรื่องเมื่อวานนี้ ไอ้คำพูดร้ายๆ นั่นก็เพราะท่านขุนกำลังอารมณ์ไม่ดีต่างหาก!

….100%….

รักควรไปพบหมอนะคะ มั่นหน้าขนาดนี้คนปกติเขาไม่เป็นกันค่ะ!
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2018 15:09:13
 :z6: ให้รักเต็มๆเท้าเลย บังอาจเอสมณีไปขังอีกแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-05-2018 15:20:25
แม่มณีน้อยใจ หายไปไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 01-05-2018 15:30:41
เดี๋ยวจะมีประกาศหาแมวหายไหมนะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 01-05-2018 15:52:18
พี่พีด่าเจ็บมาก55555555  แบบนี้เค้าเรียกว่าผู้ดี 55555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-05-2018 19:10:00
แม่มณีหายไปไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 22 **100%** 01-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-05-2018 01:18:03
พี่พีพูดนิ่งๆ แต่เจ็บจี๊ดถึงทรวงมาก แต่ไม่ใช่รักล่ะมั้ง ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่อีก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 23 **100%** 03-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 03-05-2018 23:12:47
>….ตอนที่ 23 [100%]….<

ส่งพี่พีไปทำงานแล้วใช่ว่าท่านขุนจะเข้าไปเผชิญหน้ากับรักในร้าน เบื่อจะพูดแล้ว...รู้อยู่ว่ารักเป็นคนช่างตื๊อ ไม่งั้นตอนที่เลิกกันจะถึงขั้นต่อยกันกลางร้านเหรอ มาหนนี้เขาไม่อยากมีเรื่องกับรัก ไม่อยากทะเลาะแรงๆ แบบเมื่อก่อนเพราะเกรงใจพี่พี จะว่ารักษาภาพลักษณ์ให้ดูดีเพราะพี่พีก็ได้แหล เขาไม่เถียง...

“เขาพูดจาไม่ดเลย นี่เหรอผู้ใหญ่...” รักเดินออกมาพูดกับท่านขุน จากที่ก้มหน้าก้มตาถอดล้อรถขนาดหกร้อยห้าสิบซีซีออกเพื่อจะเปลี่ยนโซ่ก็ต้องชะงักลง

“อะไรอีกอะ...” มันจะเรื่องมากไปไหน เข้ามาป่วนแล้วโดนแค่นี้ก็นับว่าเบามากแล้วนะ

“รักเป็นแขกนะ แล้วดูพี่พีของท่านขุนพูดจาแดกดันรักสิ...เฮ้ แบบนี้ไม่โอเคเลยอะ ไม่ให้เกียรติกันเกินไปมะ” ป่วนเขาก็พอทนแล้ว มาว่าพี่พีอีก เข้าข้างแฟนตัวเองสุดใจอะบอกเลย

“แขกเหรอ? ถ้าเป็นแขกคือผมเชิญปะ...รักไม่ใช่แขกด้วยซ้ำ รักมาของรักเอง อีกอย่างนะ...รักก็พูดจาไม่ดีใส่พี่พี รักยังมีหน้ามาให้พี่พีพุดดีใส่ตัวเองอีกเหรอ รักไม่ใช่พระเจ้านะเว้ย ไร้มารยาทใส่เขาก่อน เขาจะไม่รักษามารยาทด้วยก็ถูกแล้วไง”

“เอาเข้าไป...เข้าข้างกันเข้าไป”

“ก็เขาเป็นคนรักผม ผมต้องเข้าข้างเขา...”

“แต่รักก้เคย...”

“เคย แค่เคย! เมื่อวานผมพูดไปชัดเจนมากอะรัก ผมรู้สึกยังไง คิดยังไงกับคุณผมบอกไปหมดแล้ว เลิกหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว...มันไม่มีประโยชน์อะ มีแต่น่ารำคาญ” คำพูดของท่านขุนทำร้ายรักอีกหน รักเข้าไปกระชากต้นแขนของท่านขุนก่อนดึงเข้าหาตัว

“รักรักขุนะ...แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านขุนจะพูดจายังไงกับรักก็ได้” เพราะมันเจ็บ...และมันแปลเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ

“ผมพูดดีแล้วนี่...คุณไปไหมล่ะ” ท่านขุนไม่กลัว ผู้ชายคนนี้สร้างความหวาดกลัวอะไรให้ท่านขุนไม่ได้ หากรักทำร้ายเขา ท่านขุนก็พร้อมตอบโต้ได้เสมอ ขึ้นโรงขึ้นศาลก็มาเลย เขาจะไม่ยอมให้รักมาข่มขู่

“ถ้าบอกว่าไม่ไปจนกว่าจะได้ขุนกลับมาล่ะ” รักบีบแขนท่านขุนเกือบเต็มแรงของตนเอง แต่คนโดนกลับนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

“ถึงบอกว่าเลิกหวังไง...”

“ไม่ รักไม่เลิกหวัง...รักรักท่านขุนจริงๆ รักเหมาะกับท่านขุนทุกอย่างไม่เหมือนมัน”

“อย่ามาเรียกพี่พีว่ามันนะเว้ย!” คิดว่าท่านขุนของขึ้นไม่เป็นหรือไง ท่านขุนออกแรงผลักรักจนอีกฝ่ายถอยห่างไปหลายก้าว แต่รักไม่ยอม มันตรงเข้ามาจับต้นแขนทั้งสองของท่านขุนแล้วออกแรงบีบ ใบหน้าเดือดดานนั้นกำลังโน้มเข้ามาหมายบดปากจูบ

ฉิบ! จะมาเล่นบทตบจูบกับเขาหรือไง...ตลกแล้ว นี่ไม่ขำ แล้วก็ไม่เล่นด้วยทั้งนั้น ท่านขุนตัดสินใจเตะเข้าสีข้างรักเต็มๆ ด้วยความไม่ทันตั้งตัว รักจึงปล่อยไหล่ทั้งสองของท่านขุนแล้วเซไปอีกทาง

“ไประยำที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่...” โกรธมาก ท่านขุนโกรธรักมาก

“คอยดู...ความแตกต่างของท่านขุนกับมันจะทำให้ท่านขุนเสียใจ” อะไรที่ใส่ไฟได้รักก็ใส่ไฟมันหมด เขาไม่รู้จักพีระพลดีด้วย ตัดสินจากสิ่งที่เห็น...ตัดสินจากผิวเปลือก

“นั่นก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับรัก ถ้ามันจะต้องเลิกกันผมต้องเป็นเพราะผมกับเขาไปกันไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ทะเลาะกันเพราะคนอื่น ส่วนรัก…ผมย้ำอีกร้อยครั้งก็ยังได้ว่าผมไม่ได้รักรักแล้ว อย่าหวังเลย...ความหวังที่รักกอดอยู่อะ มันไม่มีอยู่จริงเว้ย” ท่านขุนอยากจะผลักอีกคนให้ล้มลงไปกับกองพื้นเปื้อนน้ำมัน แต่เขาก็ไม่ได้ทำ แค่สาวเท้าเข้าร้านผ่านหน้ารักไป

ท่านขุนต้องการพื้นที่สงบๆ อยู่เงียบๆ ไม่มีรักเข้ามาก่อกวน นับจากวันแรกที่รักกลับมา เอารถมาทำ ความเกลียดในอดีตเจือจางลงไปบ้างแล้วก้เลยพอจะมองหน้ารักได้อยู่ ทว่ายิ่งผ่านไป...การได้กลับมาอยู่กับรักกลับยิ่งทำให้ความเกลียดชังนั้นขุ่นขึ้นมา รักไม่เปลี่ยนไปเลย มั่นใจในตัวเอง..มั่นใจในความคิดตัวเองและมองว่าตัวเองคือศูนย์กลางจักรวาล ทั้งที่มันไม่ใช่...

รักมองแผ่นหลังของท่านขุนด้วยความเจ็บใจ อยากจะเข้าไปตื๊อแต่ติดที่ว่ามันต้องทะเลาะกันแน่ๆ เขาเองก็อารมณ์ร้อน เมื่อกี้ใช้กำลังกับท่านขุน ใส่อารมณืกับท่านขุนเหมือนที่ตนเองเคยทำเมื่อปีก่อน เขาไม่คิดว่าการควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จะเป็นข้อเสียของเขา มนุษย์มันก็แบบนี้แหละ...ใครมันจะไปทนเก็บอารมณ์ได้ซะทุกอย่าง โมโห โกรธ ก็ต้องแสดงออก จะให้นิ่งเงียบแล้วรักษาภาพลักษณ์อะไรกันนักหนาล่ะ

ทุกอย่างที่ตนเองเป็น...คือเรื่องปกติและน่าชื่นชมด้วยซ้ำ มีใครมาตามตื๊อแฟนเก่าขนาดนี้ ยอมมากขนาดนี้ นอกจากเขาใครเขาทำกันบ้าง เพราะเขารักท่านขุนมากเขาถึงได้ยอมเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้ ทำไมท่านขุนไม่เห็น ไปเห็นรักใหม่ที่จืดชืดแบบนั้นมีค่ากว่าเขาได้ยังไง แล้วไอ้การที่เขาพูดจาใส่พีระพลแบบนั้น...ก็ปกตินี่ เขาไม่ได้พูดอะไรแรงไปเสีย แต่พีระพลต่างหากที่ใช้คำพูดแดกดันเขาเกินไป แบบนั้นมันโคตรไร้มารยาท!

แล้วแทนที่ท่านขุนจะเห็นแล้วเข้าข้างเขา ท่านขุนกลับเอาแต่เข้าข้างคนรักตัวเองแบบไม่ลืมหูลืมตา แบบนี้ไม่น่าเจ็บใจได้ไง ภาพลักษณ์สุภาพบุรุษและอ่อนโยนของฝ่ายนั้นแม่งชนะขาด ท่านขุนหลงแค่เปลือกเท่านั้น คนแบบนั้นนะ...ชำแหละออกมาข้างในก็มีแต่ความเน่าเฟะเท่านั้นแหละ นี่ขนาดมาประกาศตรงๆ แล้วว่าจะมาเอาคนรักคืนยังจะหน้าด้านหน้าทนไม่ยอมคืนเขา สร้างภาพรั้งท่านขุนเอาไว้กับตัวเอง...โคตรเกลียดแม่ง!

“เหมี๊ยววววว” มณีแอบหนีออกมาข้างนอกได้พักใหญ่ เฝ้ามองดูทาสทั้งสองทะเลาะกันเงียบๆ เธอส่งเสียงพลางเดินเข้ามาคลอเคลียร์ที่ขาของรัก อยากให้รักอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วมาดูแลเธอ แต่รักอารมณ์ไม่ดี เขาเผลอเตะมณีให้พ้นทาง

“ไปไกลๆ รำคาญ!” จากนั้นสาวเท้าตัวเองไปที่รถ...จากไปทั้งที่ยังฉุนเฉียว

เจ็บ...แต่มณีบอกไม่ได้ว่าเจ็บ

เธอค่อยๆ ลุกขึ้นหลังจากโดนเตะจนล้มกองไปกับพื้นเปื้อนน้ำมันใกล้กันรถคันใหญ่ เสียงร้องเศร้าๆ ดังออกมาขณะมองตามหลังรถคันนั้นวิ่งจากไป รักเคยรักมณีมาก...ไม่แม้แต่จะไม้ลงมือกับแมวน้อยเลย แล้วทำไมครั้งนี้ถึงมาใส่อารมณ์กับเธอ มณีไม่รู้ว่าเธอผิดอะไร เธอแค่เข้ามาคลอเคลียเพราะเห็นรักดูอารมณ์ไม่ดีเท่านั้น ก็เวลาเข้าไปอ้อน ใครๆ ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่ใช่เหรอ...

ดวงตาคู่สวยเศร้าสร้อยขึ้นมา...พักนี้ใครๆ ก็ไม่สนใจเธอเลย คนที่เธออยากให้กลับมาหาก็มาพร้อมแมวตัวใหม่ จะทิ้งเธอเหรอ...ไม่รักเธอแล้วใช่ไหม รักถึงขนาดขังมณีเอาไว้เพื่อให้เจ้าเหมียวนั่นได้อยู่ในร้านสบายใจเฉิบ พามันไปที่ที่ของเธอ ไม่ว่าจะหน้าเคาน์เตอร์ โซฟาฝั่งโปรด หรือแม้กระทั่งพามันขึ้นร่วมโต๊ะอาหาร...

ไม่มีใครรักมณีแล้วเหรอ?

ไม่มีใครต้องการมณีแล้วใช่ไหม?

ทั้งรัก ทั้งท่านขุนและเจ้าแว่นนั่นต่างก็สนใจแมวน้อยสีดำขนฟูตัวนั้นกันหมด ไม่มีใครมีเล่นกับมณีเลย จิมก็แค่ให้ข้าวจบมื้อไปงั้น สนใจหรือก็เปล่า...ช่างสิ คนที่เธอต้องการให้มาสนใจคือรักกับท่านขุนต่างหากล่ะ แต่พวกเขาไม่สนมณีเลย...

มองเข้าไปในร้าน ท่านขุนนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ แมวเปอร์เซียร์อยู่ข้างมือแล้วท่านก็ลูบไล้มันพลางคุยกับจิม แอ้นั่งหลับไม่ได้สนใจอะไร ตรงนั้นเคยเป็นของมณีแต่เพียงผู้เดียว ตัวอื่นไม่มีสิทธิ์ ทั้งที่คิดว่าถ้ารักกลับมาแล้วทุกอย่างจะเป็นเมื่อก่อน

เวลาอาจผ่านไปนาน แต่มณีจำได้...ช่วงที่รักกับท่านขุนดูแลอุ้มชูมณีมันมีความสุขมาก ใครๆ ก็สนใจเธอ เอาอกเอาใจเธอทุกอย่าง ไม่เคยหายหน้าหายตาไปไหนนาน บางทีมณีก็รำคาญความจุกจิกมากไปหน่อย แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกพิเศษกว่าใครๆ แล้วดูตอนนี้สิ...ดูตอนที่พวกเขามีสิ่งอื่นมาดึงดูดความสนใจสิ มณีไม่มีค่าเลยเหรอ แค่เจ้าแว่นนั่นเข้ามาแย่งความรักจากท่านขุนไปเธอก็ไม่พอใจอยู่แล้ว รักกลับมาก็คิดว่าจะเหมือนก่อนก็ไม่เป็นแบบนั้น...รักของเธอเปลี่ยนไปแล้ว ไม่รักเธอเหมือนก่อนแล้ว

มณีมองแดดร้อนจัดเบื้องหน้า เธอชอบในร้านมากกว่า...มันไม่ร้อน แต่ในนั้นเหมือนไม่มีที่ของเธอเลย ดังนั้น...เธอจะไม่หันกลับเข้าร้านหรอก เธอเดินออกไปท่ามกลางแดดจัดจ้า เดินออกจากร้านของท่านขุนไป

“เออ แล้วมณีไปไหนอะ...เห็นมณีปะ” ท่านขุนเอ่ยถามจิม มือของเขากำลังลูบขนเจ้าเปอร์เซ๊ยร์ไร้ชื่อที่รักทิ้งเอาไว้ ตอนแรกมันอยู่ในกรง แต่เห็นมันร้องแล้วสงก็เลยเอาออกมา

“ไม่นะพี่ ไปไล่จับหนูในร้านมั้ง” จิมตอบทั้งที่ไม่เงยหน้าจากหน้าจอมือถือ

“ไรวะ...มณีครับ มณี....” ท่านขุนส่งเสียงเรียกสุดที่รักของเขา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

“ท่านขุนเอาขนมมาเสิร์ฟแม่มณีแล้วคร้าบ...มณีที่รักอยู่ไหนเอ่ย” เขาลุกจาเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ เดินส่องไปตามซอกตามมุมใกล้ตัวก่อน

“มันไม่ตอบพี่หรอก” จิมพูดไม่ใส่ใจ

“เอ้ามึง...แทนที่จะกวนประสาทกูมาช่วยหามณีดีกว่ามะ”

“แทนที่พี่จะมาหาแมวในร้าน พี่ไปทำงานดีกว่ามะ ช่วงนี้เอาแต่วุ่นอยู่กับแฟน ไม่สนใจงานเลย...เดี๋ยวผมก็หักเงินพี่หรอก” คำพูดน่าหมั่นไส้มาก ท่านขุนละสายตาจากการมองหามณีมาที่จิม จากนั้นตบหัวลูกน้องผู้น่ารักของตัวเองด้วยความเอ็นดูที่ล้นหัวจิตหัวใจ

“กูสิต้องตัดเงินมึง แม่ง...เล่นแต่เกมอยู่นั่นแหละ กูให้ดูแลร้าน ไม่ได้ให้มึงมานั่งบวกกับชาวบ้านชาวช่องเขาอยู่ได้” ก็ไม่อยากด่าหรอกนะ แต่ทำเป็นสั่งสอนเขาได้ไง...งานก็สบายอยู่แล้วยังจะมาปากดี

“โหย...ร้านก็มีแค่นี้ ดูอะไรนักหนาเล่า ความสะอาดผมก็ทำแล้ว บัญชีก็เคลียร์แล้ว มันว่างนะเว้ย...ว่างแล้วก็ต้องหาอะไรทำดิวะพี่”

“ว่างมากก็มาหามณีให้กู กูจะได้ไปทำงานไงครับคุณเจ้านาย” ท่านขุนผลักหัวลูกน้องอีกที

“หิวเดี๋ยวก็มาเองแหละ พี่ก็ห่วงไรไม่เข้าเรื่อง...”  มันก็ใช่ ปกติมณีไม่ออกไปนอกร้านถ้าท่านขุนไม่ได้อุ้มออกไปเอง เธอไม่ชอบแดดร้อน ไม่ชอบอากาศแปรปรวน ไม่ชอบทุกอย่างนอกร้านนั่นแหละ เพราะแอร์เย็นๆ และทาสมากมายในนี้คือความสุขของเธอ

“มึงนี่แม่งขี้เกียจจริงๆ เออ...แล้วแมวนี่จะเอาไงดีวะ”

“ไม่ต้องเอาไง ปล่อยไว้งี้แหละ เดี๋ยวพี่รักก้คงมาเอาเองแหละ” ก็หวังว่าแบบนั้น ไม่งั้นต้องมานั่งเกลี่ยกล่อมแมวสองตัวให้ดีกันอีก ยากเกิ้น...

ท่านขุนจำใจละความสนใจจากที่รักของเขา หันไปปลุกแอ้ที่นั่งหลับพักกลางวันให้ออกไปทำงานด้วยกัน รถเข้ามาซ่อมทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่มีคิวซ่อม อาจจะมีมากน้อย เคสเล็กใหญ่ต่างกันเท่านั้น ซึ่งวันนี้รถมีแค่สองคัน เปลี่ยนโซ่กับท่อเท่านั้น เขาทำคันที่เปลี่ยนโซ่ค้างเอาไว้จึงกลับไปทำต่อ

ระหว่างทำเวลาก็เดินไปเรื่อยๆ เริ่มเข้าบ่ายสองเกือบบ่ายสามคนในคลับก็ทยอยมากันที่ร้าน นี่ท่านขุนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันมีตติ้งของคลับ จะว่าไงดีล่ะ...ปกติก็มากินที่นี่กันทุกเสาร์อยู่แล้วอะ ต่อให้ไม่มีนัดรวมตัวพวกก็มาอยู่ดี

งานท่านขุนเสร็จตอนบ่ายสามนิดๆ จิมเป็นคนติดต่อไปทางลุกค้าให้มารับรถและเคลียร์ค่าใช้จ่าย ส่วนท่านขุนก็นั่งดื่มเบียร์แต่วันกับรุ่นพี่รุ่นน้องในคลับ บางคนยังไม่เลิกงานเช่นพี่แจ็กมาสเตอร์คลับก็ต้องโอดครวญในไลน์กลุ่มกันไป พวกนี้เล่นส่งรูปกระป๋องเบียร์ กับแกล้มต่างๆ เข้าไปยั่วคนทำงานให้เกิดความกระสันอยากออกไปเติมแอลกอฮอล์ให้เลือดตัวเอง

ท่านขุนไม่ได้ส่งรูปต่างๆ ให้แค่คนในกลุ่มบิ๊กไบก์ของเขาเท่านั้น แต่ยังส่งไปให้พีระพลด้วย เวลานี้พี่พีของเขาค่อนข้างว่างแล้ว งานเคมีมันมีเวลาตายตัวในการทำ หากงานไม่มีปัญหาก็ว่างยาวยันเลิกงาน มันก้เหมือนช่วงเช้าที่พีระพลจะว่างตั้งแต่สิบเอ็ดโมงนั่นแหละ และต่อให้ว่างก็ไม่ออกมาก่อนเวลา ดังนั้นทั้งคู่จึงนั่งคุยกันผ่านโปรแกรมแชต

“เออไอ้ขุน แม่มณีของมึงหายไปไหนวะ...” ห้าโมงนิดๆ พี่พีกำลังเดินเข้ามาในร้าน ทว่าเพื่อนคนหนึ่งของเขาถามถึงมณีขึ้นมาก่อน

“ไม่รู้วะ...เออ ไม่ออกมาเลยนี่หว่า” ตอนแรกลืมไปแล้วไงว่ามณีหายไป พอโดนทักขึ้นมาก็ฉุกคดถึงได้อีกครั้ง

พีระพลก้มหัวทักทายคนในร้าน พวกนั่งรายล้อมอยู่รอบโต๊ะกลางร้านเพื่อสังสรรค์กันตามปกติ พีระพลค่อนข้างชินกับการเข้ามาในร้านวันนี้จะเจอคนเยอะและกระป๋องเบียร์มากมาย สิ่งแรกที่เขามองคือท่านขุน ตามติดด้วยมณีน้อยของเขา

“พี่พี…มานั่งนี่สิครับ มาๆ “ ท่านขุนตบเบาะข้างตัวเอง

“มณีล่ะครับ” ถามเหมือนเพื่อนท่านขุนเลย

“เมื่อกี้ผมเพิ่งถามไปเลยว่ามณีไปไหน นี่มณีรู้ไหมว่ามีเด็กต่างถิ่นเข้ามายึดพื้นที่เนี่ย” ใช่…เปอร์เซียร์สีดำขนฟูตัวนั้นแย่งพื้นที่ของมณีไปแล้ว พีระพลเผลอขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะเขาเองก็ลืมถามว่าแมวตัวนี้เป็นของใคร

“รู้ดิ เจอกันครั้งแรกก็กัดกระจายเลยอะ...” ท่านขุนบอก

“แล้วแมวใครเหรอ”

“อ๋อ แมวรักอะพี่พี...เอ่อคือ รักมันบอกว่าเก็บได้” ท่านขุนได้แต่ยิ้มแหยๆ มันน่าเขื่อไหมล่ะเก็บเปอร์เซียร์ได้ข้างถนนเนี่ย

“ฮ่าๆ...ผัวเก่ามึงตอแหลเนอะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น คนในนี้รู้กันหมดแหละว่ารักเป็นคนแบบไหน ปกติพีระพลไม่ชอบคำหยาบคายเท่าไหร่ แต่หนนี้อยากจะปรบมือให้แรงๆ เลย

“อะไรๆ...ไอ้รักกลับมาป้วนเปี้ยนเหรอน้องรัก” แจ็กตามเข้ามาช้ากว่า เพราะแจ็กแวะซื้อของกินมาด้วย

“ใช่พี่ ไล่แล้ว...”

“แต่ไม่ไป” รุ่นพี่คนหนึ่งของท่านขุนเปรยสั้นๆ เห็นได้ชัดว่ารักดชื่อเสียงดีมากจริงๆ

“ที่งอนๆ กันเนี่ยเพราะรักปะ...” แจ็กแซะทั้งที่รู้ทั้งรู้แหละนะ

“อืม รักแม่งโคตรรกวนตีนเลยพี่ พูดจาแต่ละคำ โคตรน่าตบปาก แต่เอ่อ...ผมต้องรักษาภาพลักษณ์อะนะ” ว่าแล้วมองหน้าพีระพล คนโดนมองหัวเราะ เขากอดคอท่านขุนเพื่อดึงให้ชิดใกล้กันอีกนิด

“ไม่ต้องก็ได้...พี่ถือหรอกถ้าแฟนพี่จะโหดอะ” หวานไปอีก...หวานเกินไปแล้ว คนมองโอดครวญในใจแต่ไม่มีใครกล้าแซ็ว ส่วนหนึ่งเพราะเกรงใจพีระพลซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ไม่เหมือนแจ็กที่คนเกรงใจน้อยกว่ามาก อาจเพราะสนิทชิดเชื้อกันดี

“ไม่บอกแต่แรก ผมจะต่อยมันโขว์เลย” พีระพลขำ

“นั้นก็เกินไปครับ...”

“ใช่ เกินไปจริงๆ...หวานเกินหน้าเกินตามากๆ อะน้า เอ้า...ยกแก้วเว้ย แด่คนเมียไม่รัก เมียไม่หลงอย่างพวกเรา...หรือต้องเรียกว่าคนโสดไม่มีใครเอาอย่างเราดีวะ” มีคนเดียวที่กล้าขัด แจ็กยกกระป๋องเบียร์เปิดแล้วขึ้นชู ตามด้วยคนอื่นๆ ยกชน

“เรียกว่าโสดไม่มีใครเอาดีกว่าพี่ ฮ่าๆ” เสียงขำขันของเหล่าชายฉกกรจ์ดังขึ้น แม้แต่ท่านขุนหรือพีระพลก็ยังหัวเราะไปกับพวกเขา

พีระพลดื่มกระป๋องเดียวกับท่านขุนก่อนอึกสองอึก กะว่าเดี๋ยวจะไปหยิบกระป๋องใหม่มาเปิดดื่มร่วมกับคนอื่นๆ เขาเหมือนกัน ติดที่เขายังเอาแต่มองหามณี เมื่อกี้ถามยังไม่ได้รับคำตอบเลยว่ามณีหายไปไหน

“มณีออกมากินข้าวบ้างไหมเนี่ย...” เขาถามท่านขุนเบาๆ กันสองคน

“ยังเลยพี่พี เออ...แป๊บนะ” แล้วจู่ๆ ท่านขุนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาลุกเดินไปที่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ พีระพลเดินตามเขามาเช่นกัน

คนอื่นยังคงดื่มและพูดคุยกันสนุกสนาน ขณะที่ท่านขุนกับพีระพละกำลังเปิดกล้องวงจรปิดหน้าร้านดู ในฐานะที่รักของมณีแล้ว ท่านขุนเองก็คิดมากเรื่องนี้ ปกติมณีต้องเดินป้วนเปี้ยนหรือมาไล่ที่ จากเที่ยงมาเย็น มณีหายไปเลย ไม่มากินข้าวหรือส่งเสียงร้องขอขนม แต่เพราะงานด้วย เพื่อนๆ พี่ด้วย ทำให้ท่านขุนหลงงลืมไป จนมาพี่พีถามเนี่ยแหละเขาเลยสะกิดใจขึ้นมา

“พี่พีเจอมณีตอนสุดท้ายเมื่อไหร่...” ท่านขุนจำไม่ได้แล้วว่าเขาเห็นมณีตอนสุดท้ายเมื่อไหร่ น่าจะสายๆ หรือเที่ยง

“ตอนเที่ยงครับ เข้ามาในร้านก็เจอเลย...ตอนออกไปนี่พี่ไม่เห็นมณีแล้ว” ไม่เชิงเครียดแต่เป็นความกังวล ท่านขุนรีบลงมือกรอกเวลาที่ต้องการดูกล้องลงไป จากนั้นก็ค่อยๆ กรอกดูทีละน้อย จากพี่พีลงรถ เดินเข้ามาในร้านและเข้าไปเล่นกับมณี

“ปกติมณีไม่ออกนอกร้าน...” ท่านขุนเปรยเบาๆ การไม่เห็นมณีเลยเป็นไปได้ที่มณีจะหนีออกไป

“ไอ้จิม มึงขึ้นไปดูชั้นบนดิ้ว่ามณีอยู่ปะ”

“คร้าบ...” ไม่อยากทำก็ต้องทำ จิมเดินขึ้นไปดูชั้นสอง พีระพลกับท่านขุนมาตั้งใจดูภาพในกล้องวงจรปิดกันอีกรอบ

ตอนพวกเขาอยู่ในครัวกันมณีน้อยอยู่หน้าครัว เธอป้วนเปี้ยนตรงนั้นครู่หนึ่งก็หายไป ท่านขุนเน้นตรงหน้าประตูร้านเป็นหลัก กรอกไวๆ เพื่อจะได้ดูว่ามณีออกไปนอกร้านหรือเปล่า ประมาณเที่ยงสี่สิบหกนาทีแอ้เปิดประตูออกไปนอกร้าน ตอนนั้นเองที่มณีน้อยแอบกระโดดออกไปพร้อมแอ้ ลุกน้องท่านขุนดูเหมือนไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำ แอ้ทำอะไรสักอย่างอยู่ไม่ถึงห้านาทีก้กลับเข้ามา มณีไม่ได้เข้ามาพร้อมแอ้...
“พี่ขุน ชั้นสองไม่มีเลย...ผมเรียกห้าแล้ว ห้องผมก็ไม่มี ห้องพี่ก็ไม่มี ซอกตู้เตียงดูหมด ไม่เจอ” รู้ว่าจะโดนจี้ถามจุดที่น่าจะซ่อนตัวได้ จิมรีบรายงานทันทีกันไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องขึ้นไปอีก
“กล้องมันเห็นแค่ตรงนี้เหรอ...” พีระพลเป็นกังวลขึ้นมาจับใจ
“มันมีตรงรั้วหน้าร้านอีกพี่” ว่าแล้วท่านขุนก็เปิดกล้องตัวรั้วใหญ่ควบคู่กับหน้าร้าน ไล่เวลาดูไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้เห็นว่ามณีออกจากร้านไหม หรือว่าหายไปไหน ที่แน่ๆ...ไม่มีภาพมณีเดินกลับเข้ามาในร้านอย่างที่เจ้าของหวังไว้

….100%….

เรารีบอัปนะคะ ขออภัยที่คำผิดอาจจะเยอะไปหน่อยตอนนี้
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 23 **100%** 03-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-05-2018 23:44:25
แม่มณีน้อยใจหนีออกจากบ้านไปแล้ว โถ่ลูก ไปหลบอยู่ไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 23 **100%** 03-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 04-05-2018 00:11:40
ตายแล่ววววววววววววว  แม่มณีไปไส  แวรือาร์ยู๊วววววว????
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 23 **100%** 03-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-05-2018 00:34:47
เรื่องจริงนะ

รักกันก็หาหมาแมวมาเลี้ยง
จบกันก็เลี้ยองกันต่อไปได้ ลงที่หมาที่แมว น่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 23 **100%** 03-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2018 01:38:28
สงสารมณี
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 23 **100%** 03-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-05-2018 22:04:35
ห่วงแม่มณีแล้วเนี่ยะ เจ้าพวกทาสไปตามกลับมาไวๆเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 06-05-2018 19:03:44
>….ตอนที่ 24 [TheEnd]….<

ทุกคนยังคงครึกครื้นอยู่กับเหล้าเบียร์และกับแกล้ม เจ้าแมวเปอร์เซียร์ตัวใหม่น่ารักน่าชังกว่ามณีเสียอีก ขนฟูๆ กับท่าทางออดอ้อนชวนให้คนรอบข้างหลงใหลในตัวมัน ไม่เหมือนมณีที่ดุเหลือเกิน ดุยิ่งกว่าหมาหวงเจ้านายเสียอีก แต่ก็...ไม่เห็นมณีน้อยแล้วแปลกๆ ไปเหมือนกัน ราวกับว่า...มณีคือเอกลักษณ์ของร้านนี้ไปแล้ว

เวลาในกล้องวิดีโอผ่านไปเรื่อยๆ อยากเพิ่มอัตราความเร็วให้มากกว่านี้แต่กลัวจะพลาดสายตาจากมณี ด้วยความที่มณีเป็นแมวพันธ์ไทย ตัวไม่ได้ใหญ่นักแถมยังสีขาวสะอาดสว่างสู้แดดอีก จากหาง่ายกลายเป็นยาก สองคนสี่ตาช่วยกันดูไปเรื่อยๆ เห็นรางๆ ว่ามณีเดินเล่นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือช่าง จากนั้นหายไปมุมไหนสักมุม พีระพลขับรถออกไปแล้ว ท่านขุนทำงานของตนเอง รักเข้ามาอีก...เข้ามาป้วนเปี้ยนและเหมือนจะจูบเขา

ตรงนั้น...พีระพลเผลอมองหน้าท่านขุน ไม่เห็นเล่าให้ฟัง ไม่เห็นบอกกันเลยว่ารักมันทำแบบนี้ เขาอยากจะต่อว่าหรือตำหนิสิ่งที่ท่านขุนทำ ทว่าเห็นสีหน้าเป็นกังวลนั้นแล้วก็ทำไม่ลง พีระพลพยายามสงบใจเพื่อหันกลับไปมองกล้องวงจรปิดต่อ ได้ดูเหตุการณ์จากนั้นที่ท่านขุนทำร้ายและผลักไสไล่ส่งรัก พวกเขาทะเลาะกัน...แลtใช้กำลัง ดีที่ท่านขุนไม่ได้โดนรักทำร้ายมา ความไม่พอใจหายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้แล้วว่าท่านขุนไม่ได้อยากให้รักทำแบบนั้นกับตนเอง...

แต่แล้ว...หลังท่านขุนเข้ามาในร้านแค่ไม่กี่นาที แมวน้อยสีขาวก็เดินออกมาจากมุมอับของกล้อง เข้าไปคลอเคลียที่ขาของรัก ออดอ้อน เอาอกเอาใจด้วยอยากให้รักหายอารมณ์เสีย ทว่ารักกลับทำสิ่งที่แย่กว่านั้น...รักแตะมณี

“ไอ้เหี้ยรัก!” ท่านขุนกำหมัดแน่นขึ้นมาทันที ความโกรธเกลียดชิงชังปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ พีระพลเองก็สะเทือนใจและโกรธในสิ่งที่รักทำเช่นกัน

“ใจเย็นก่อนท่านขุน...”

“ใจเย็นอ๋อพี่ พี่พีดูมันทำกับมณีดิ...มันเป็นคนซื้อมณีมา มณีรักมันแล้วมันทำแบบนี้กับมณีเหรอ!” เสียงโวยของท่านขุนดังลั่นร้าน มันดังมากตั้งแต่สบถคำหยาบแล้ว

“อะไรกันวะ...” แจ็กเดินเข้ามาถาม

“ไอ้เหี้ยรักแม่งแตะมณี ผมจะเอาเลือดหัวแม่งออก...ไอ้สัส” เห็นได้ชัดว่าท่านขุนโกรธมากขนาดไหน ทั้งยังเปิดภาพนั้นรีเพล์ให้คนในคลับได้ดูอีกด้วย

เสียงก่นด่าตามมาแบบติดๆ พีระพลใช่พอใจ...โกรธมากเหมือนกันเพราะเขาก็รักมณี แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการหาว่ามณีอยู่ไหน ในขณะที่คนอื่นเอาแต่ด่ารักอยู่ พีระพลคว้ามือท่านขุนเอาไว้ บีบเบาๆ ให้กำลังใจ อีกมือก็กดเล่นวีดีโอต่อเพื่อดูว่าหลังจากนั้นมณีไปไหน

แล้วภาพที่มณีน้อยเดินหนีออกจากร้านไปก็ฉายอยู่ในจอ...

“บ่ายโมงกว่า บ่ายโมง...นี่จะหกโมงเย็นแล้ว” หัวใจเจ้าของร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“ใจเย็น มณีอาจไปได้ไม่ไกล...เราตามหาตอนนี้น่าจะยังเจอเธออยู่”

“แต่มันนานมากแล้วนะพี่พี” เสียงท่านขุนสั่น ความเป็นห่วงที่เอ่นล้นขึ้นมามันสั่นคลอนอารมณ์ของเขา พีระพลประครองสติตัวเองได้ดีกว่า เขาจับมือคนรักทั้งสองข้างมากุมเอาไว้ จ้องหน้า...จ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย

“มณีจะไม่เป็นอะไร เราแยกกันตามหา...มณีอาจไปไม่ได้ไกลนัก เธอยังเด็ก และเธอไม่ชินกับเส้นทางหรือถนนหนทางข้างนอก แจ็ก...กูวานมึงกับเพื่อนๆ ช่วยกันแยกไปตามซอยหรือริมถนนเพื่อหามณีหน่อย กูกับท่านขุนจะลองเลาะในซอยนี้ดูก่อน มีอะไรหรือเจออะไรแจ้งในไลน์เลย หรือโทรเลยเข้าใจปะ” เขาหันไปสั่งเพื่อน พีระพลไม่รู้เส้นทางมาก...จะว่าเขาไม่รู้ทางพอๆ กับมณีก็คงได้ แต่จะให้นิ่งเฉย ปล่อยเวลาไปอีกคงไม่ได้

“เดี๋ยวฉันช่วยประกาศหาในเฟซ” ผู้หญิงซึ่งเป็นแฟนสาวของคนในกลุ่มออกความเห็น

“ขอบคุณมากครับ ปะ...เรารีบตามหาดีกว่า มีอะไรจะได้ทันท่วงที” คนรักเขายังมีสติไม่ครบเลย แต่พีระพลไม่รอ...เขาดึงมือท่านขุนให้ออกไปข้างนอก
 
เสียงท่อของมอเตอร์ไซก์เกือบสิบคันดังขึ้นแทบพร้อมๆ กัน ในที่แคบและค่อนข้างอับมันดังสนั่นจนพีระพลอดนึกรำคาญนิดๆ ไม่ได้ แต่ก็เอาเถอะ มันเป็นความชอบของคนอื่น ท่านขุนมองดูพี่ๆ ขับรถออกไป เขาล้วงหยิบกุญแจรถซึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลาออกมาถือ

พี่พีไม่ชอบนั่งมอเตอร์ไซก์...

“เรารีบไปกันครับ”

“แต่...” ท่านขุนมองหน้าพี่พี

“ไม่เป็นไร พี่ซ้อนได้” รู้สึกขอบคุณพี่พีที่ยอมเพื่อมณี

แต่ตอนนี้ต้องรีบตามหามณีก่อน มณีไม่เคยออกมานอกร้านเอง ไม่เคยก้าวพ้นรั้วสนามแข่งรถของเขาเลยสักครั้งเดียว ท่านขุนขึ้นคร่อมรถคู่ใจ ขยับถอยตั้งหลักจนเรียบร้อย ไม่ได้ใส่เซฟตี้เพราะคิดว่าคงไม่ใช้ความเร็วเท่าไหร่ พีระพลขึ้นซ้อนตามเมื่อเห็นว่าท่านขุนพร้อมจะที่ขับออกไปแล้ว…

มณีออกมาจากร้านตั้งแต่แดดเปรี๊ยงๆ เธอไปไหนไม่ได้ไกลเพราะหวาดกลัวเสียงรถข้างนอกซอย ถนนใหญ่และรถวิ่งกันไปมาด้วยความเร็ว สิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อนทำให้เธออยากหันหลังกลับไป แต่ก็...ไม่อยากกลับไป มณีน้อยป้วนเปี้ยนอยู่ในซอย เจอต้นไม้ใหญ่ที่มีบ้านหลังเล็กๆ...ห้อยอะไรไม่รู้ แถมบ้านยังอยู่บนเสาไม้อีกต่างหาก มณีไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่เธออาศัยมันในการนอนหลบแดด

ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมณีก็หิว เธอลุกจากที่นอนอยู่เพื่อเดินหาอะไรกิน ไม่เคยต้องหาอาหารเอง ปกติร้องขอก็จะมีคนหามาให้ เธอส่งเสียงร้อง...เธอเรียกหาคน ใครก็ได้เอาอาหารมาให้เธอหน่อย ร้องอยู่เป็นชั่วโมงกลับไม่มีแม้เงาคนเดินผ่านมา มณีจำต้องเดินออกมาจากที่แห่งนั้นเพื่ออะไรประทังชีวิต

ข้างทางเป็นป่า ต้นไม้ระเกะระกะกับเศษขยะมากมาย มณีใช้จมูกในการดมกลิ่นหาอาหาร ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับเป็นกลิ่นเหม็นเน่าของอาหารเสีย มันไม่ใช่สิ่งที่กินได้ มีถ้วยมาม่าถูกวางทิ้งเอาไว้ มณีจำได้ว่าท่านขุนเคยกินมัน เธอตรงเข้าไป...มีน้ำอยู่ก้นถ้วย กลิ่นฉุนไม่น่ากิน แต่ทำไงได้...เธอหิว มณีมุดหน้าลงไปในถ้วยนั้น เศษม่ามาและน้ำเหล่านั้นเผ็ดเกินกว่ามณีจะกินได้

ทรมาน...ต้องทำยังไงถึงจะหายน้ำ เธอมองหาน้ำเปล่าๆ ที่พอจะกินได้บ้างในแถวนั้น แต่มันไม่มี...เดินวนรอบๆ ดูแล้วก็ยังหาไม่ได้เลย มณีเริ่มท้อใจ ก้าวออกมาข้างถนนอีกครั้ง มองไปตามทาง...อยากกลับไป อยากไปหาท่านขุน

แล้ว...ทางกลับมันอยู่ไหน?

ร่างมอมแมมโซซัดโซเซไปเรื่อยๆ ดมทางกะว่ามันคงจะคุ้นจมูกในไม่นานนี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว...ดวงไฟใหญ่นั้นกำลังเคลื่อนที่หายไป มณีรู้ว่ามันเป็นเวลากลางคืน ที่ไม่รู้คือเมื่อไหร่จะหาทางกลับบ้านเจอ ท่านขุนตามหาเธอไหม...รักล่ะเป็นห่วงเธอหรือเปล่า

เดินจนเหนื่อย ขาอ่อนล้าไม่มีแรง มองซ้ายมองขวาทุกอย่างมืดมิดไปหมด แต่เธอมองเห็นนะ...เธอเห็นทุกอย่างชัดเจน แล้วสิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับมณีในตอนนี้คือเธอโดดเดี่ยวเหลือเกิน แมวน้อยตั้งใจจะนอนพักข้างทาง

ทว่า...กลิ่นสุนัขกลับทำให้เธอผวา

มณีถอยหนีกลับไปทางเดิมเพราะอีกทางมีเงาตะคุ่มๆ ของสุนัขสี่ห้าตัวกำลังย่างกรายเข้ามา เธอเป็นแค่แมวน้อยตัวเล็กๆ สู้อะไรสุนัขจรหิวโหยพวกนี้ไม่ได้ พวกมันน่ากลัว...พวกมันแยกเขี้ยวน้ำลายเยิ้มพร้อมกับเสียงขู่ มณีพยายามจะพองขนขู่กลับ เพื่อปกป้องตัวเองแล้ว...

เธอพยายามแล้ว...

“ขุนๆ...” พีระพลตบไหล่คนรักเบาๆ เขามองไม่เห็นหรอก...แต่ตรงนั้นน่ะ

ท่านขุนจอดรถตามคำบอกของพี่พี ทว่าไม่ทันได้ถามพีระพลก็วิ่งไปก่อนแล้ว รถยังไม่ทันจอดให้สนิทเลยยด้วยซ้ำ มันเป็นมุมมืดๆ รายล้อมไปด้วยขยะและต้นไม้ พีระพลไม่เห็นมณีแต่เขาได้ยินเสียง เขาจึงวิ่งไปทางเสียงนั้นอย่างไม่คิดอะไร

“มณี!” โชคดีเป็นของมณี เสียงเรียกนั้นดังมาพร้อมกับที่เจ้าหมาสี่ตัวกระโจนใส่เธอ

พีระพลปรี่เข้าไปคว้ามณีเอาไว้ด้วยความเร็วของเขา แว่นไร้กรอบร่วงหล่นเพราะเขารีบก้มหน้าอุ้มแมวน้อย เจ้าหมาถิ่นสี่ตัวพุ่งเข้ากัดที่แขนและขาของพีระพลแทนมณี เขาไม่ได้สนหรอก...เจ็บหน่อยช่างมัน เขารีบชูมณีขึ้นสูงสุดแขนแล้วหันไปถีบหมาออกให้พ้นตัวเอง

ในจังหวะที่ชุลมุนวุ่นวาย...ท่านขุนรีบเข้ามาพร้อมกับไม้หยิบมาจากข้างทาง มีของเล็กของน้อยเอามาปาหมาด้วย ทั้งเสียงเห่า เสียงขู่ของสุนัขหลายตัวและเสียงร้องของมณีผู้ตกใจหวาดผวา เธอทั้งกัด ทั้งข่วนพีระพลด้วยความหวาดกลัว ส่วนคนโดนสนใจแค่เอาสุนัขพวกนี้ให้ออกไป

“พี่พี!” แขนเสื้อและขากางเกงก็ขาด น่าจะกัดเข้า ไอ้หมาหิวพวกนั้นรุมทึ้งพี่พีไปพักหนึ่งก่อนท่านขุนเข้ามา

“ฮ่าๆ ดูไม่ได้เลยโดนหมาฟัด...” พีระพลหัวเราะเบาๆ เขาส่งยิ้มให้ท่านขุนที่หวาดกลัวไม่ต่างจากมณี

“บ้าเอ้ย” พี่พีเอามณีลงมากอดไว้แนบอก พยายามลูบหัวปลอบแมวน้อยเสียขวัญ ทว่าท่านขุนก็เข้ามาสวมกอดเขาอีกชั้นหนึ่ง

“อะไร แค่หมากัดเอง...” เขาลูบหัวคนรักเด็กกว่าด้วยมือข้างหนึ่ง

“รู้แล้ว...ผมห่วงพี่นี่ ห่วงมณีด้วย” ท่านขุนมองที่รัก มณีน้อยส่งเสียงร้องอ้อนวอนท่านขุนอยู่ในมือพี่พี

“เธอคงอยากให้ท่านขุนปลอบใจนะ” พีระพลส่งแมวให้ท่านขุนอุ้ม แต่ท่านขุนแค่ลูบหัวมัน

“แต่ต้องพาพี่พีไปหาหมอก่อน ฝากพี่พีอุ้มมณีก่อนนะ” ว่าแล้วท่านขุนก็วิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซก์ของตนเอง ส่วนพีระพลก็เดินไปเก็บแว่นที่หล่นด้วยความลำบากเล็กน้อย ก็มันมองไม่เห็น

ทั้งที่ว่าจะไม่ซิ่งก็ต้องซิ่งพาพี่พีไปหาหมอ โรงพยาบาลใกล้สุดอยู่แค่นี้ ทุกอย่างวุ่นวายและชุลมุนไปหมด เหล่าไบก์เกอร์ที่ออกตามหามณีก็มารวมตัวอยู่ที่นี่เหมือนกัน ระหว่างรอหมอทำแผลให้พี่พี ท่านขุนพามณีไปหาอะไรกินและปลอบใจแมวน้อย มันดูน่าสงสาร...ตัวสั่นงันหงกไปหมด

ลึกๆ...มณีรู้สึกดีมากที่ท่านขุนกลับมารับเธอ แต่น่าแปลกที่คนมาด้วยเป็นเจ้าแว่นนั่นไม่ใช่รักที่เธอโหยหา หน้าห้องฉุกเฉิน พวกไบกก์เกอร์นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยหลายสิ่งหลายอย่าง ท่านขุนคุยด้วย ส่วนเธอกำลังมองจ้องเข้าไปในห้องนั้น กลิ่นยาฉุนๆ มณีไม่ชอบ แต่ในความไม่ชอบเธอได้กลิ่นพีระพล...

ผู้ชายคนนั้นช่วยเธอ...

“ท่านขุน” เสียงของรัก...เสียงของผู้ชายที่มณีเคยโหยหาดังขึ้น ท่ามกลางสายตาของคนมากมายมองมาที่รัก

“มาทำเหี้ยไร มาทางไหนมึงกลับไปทางนั้นเลยนะ!!!” ท่านขุนเดือดดานมาก มณีส่งเสียงร้องเพื่อฟ้องว่ารักทำกับเธอยังไง ท่านขุนลูบหัวเธอ...นุ่มนวลและอบอุ่น

มณียังโหยหารัก และอยากได้รักกลับมาอยู่ร่วมกับท่านขุนเหมือนเมื่อก่อน ทว่าตอนนี้เธอเป็นห่วงคนที่โดนหมารุมกัดในห้องนั้นมากกว่า บวกกับสิ่งที่รักทำกับเธอในวันนี้...เธอไม่ชอบ รักรังเกียจเธอและเธอก็ไม่จำเป็นต้องรักรักเหมือนเมื่อก่อน

“ใจเย็นก่อน...รักเป็นห่วงมณี”

“เมี๊ยวววว” มณีไม่ได้ร้องเรียกหารัก ไม่ได้เชื่อว่ารักเป็นห่วง แต่กลิ่นของพีระพลใกล้เข้ามาแล้ว เธอตัดสินใจกระโดดลงจากมือของท่านขุนไปที่หน้าประตู

“ไงจ๊ะแม่มณี...” เจ้าแว่นออกมาแล้ว มณีนั่งลง...เงยหน้าส่งเสียงร้องพร้อมกับเอียงหน้าซบไปที่ขาของพีระพล

“มิ้ว...มิ้วววว” อุ้มหน่อย อุ้มฉันสิเจ้าแว่น...นี่กำลังอ้อนนะ ต้องอุ้มนะ

“โอย...ใจพี่ละลายแล้วครับ” ร่างของเธอโดนมือที่อแสนจะทะนุถนอมอุ้มขึ้นมากอดเอาไว้ เธอไม่เล่นตัว ทั้งยังเอาหัวตัวเองถูไถไปกับหน้าใสๆ ของผู้ชายตาสีน้ำตาอ่อนคนนี้

เป็นความน่ารักท่ามกลางความตึงเครียดของท่านขุนกับรัก แน่ล่ะท่านขุนยังไม่หายโกรธคนที่แตะสุดที่รักของเขาหรอกนะ แต่เขาละสายตาจากมณีน้อยกับพี่พีไม่ได้เลย อยากให้มณีดีกับพี่พีมาตั้งนานแล้ว สงสารพี่พีที่ยอมมณีทุกอย่างแต่มณีก็ไม่เคยเป็นมิตรด้วย วันนี้...มณีอ้อนพี่พีด้วยแหละ!

“กลับไปซะ...อย่าให้กูเอาเรื่องมึงเลยรัก” ท่านขุนตัดสินใจปล่อยผ่านรักไปก่อน นี่เวลาครอบครัว...เวลาของเขากับพี่พีและมณี เขาผลักรักให้พ้นทาง ซึ่งรักยอมถอยโดยดี

“ท่านขุนดูดิ มณีอ้อนพี่ด้วยแหละครับ โหย...นี่ถ้ารู้ว่าพี่โดนหมาฟัดแล้วมณีรัก พี่ยอมพลีชีพไปนานแล้วนะ” คำพูดของพี่พีอบอุ่นมาก เป็นคำเย้าหยอกเต็มไปด้วยความดีใจ เล่นง้อมณีมาตั้งนาน โดนทำร้ายมาตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ในที่สุดมณีก้เห็นความรักของเขาแล้ว...เขาต้องดีใจเป็นเรื่องธรรมดา

“อื้อ พี่กับมณีเข้ากันมากครับ...” ท่านขุนก็มีความสุข...ชอบที่มันเป็นแบบนี้

“เรากลับกันเถอะ...อยากไปสวีตในที่ส่วนตัวมากกว่า” ไม่พูดเปล่า พีระพลมองไปด้านหลังท่านขุน สบตากับรักเพื่อบอกว่ารักนั่นแหละที่เป็นส่วนเกิน

“ฮ่าๆ ก็ดีครับพี่...อยากให้พี่พีพักแล้ว เจ็บเยอะเลย”

“ไม่เป็นไร มณีปลอดภัยพี่ก็ว่าคุ้มแล้วนะ” พีระพลโน้มหน้าจูบหน้ามณีน้อยในอ้อมแขน เธอไม่ดิ้นหนี...ไม่ตบสวนด้วยแหละ

รักถูกทำให้เป็นส่วนเกินของทั้งคู่และคนเกือบยี่สิบคนในคลับท่านขุน พวกเขาเดินกันเป็นกลุ่ม คุยกันแค่ในกลุ่มและไม่มีใครสนใจรักเลย ทั้งที่รักเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกมาก่อน รักเดินตามหลังคนหมู่มากไป พวกนั้นยังต้องไปจ่ายค่ารักษา จ่ายค่ายาให้เรียบร้อย

ไม่ได้ยอมแพ้...แต่รู้สึกพ่ายแพ้มากๆ

จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็มูฟมาที่ร้านของท่านขุน พีระพลขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนเพราะไม่ไหวกับสภาพที่หมาฟัดมากๆ มณีเองก็ถูกนำไปอาบน้ำด้วยเช่นกัน ท่านขุนอยากจะขึ้นไปช่วย ติดที่พีระพลเกรงใจคนอื่นๆ อยากให้เจ้าของร้านหรือเจ้าของบ้านอย่างท่านขุนอยู่ต้อนรับ อีกอย่างพวกเขาช่วยในการตามหามณี ต้องขอบคุณพวกเขาด้วยเหมือนกัน

ท่านขุนขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยเขาในวันนี้ เลี้ยงทุกอย่างไม่อั้น สั่งได้เอาเลย ลูกน้องเขาก็เหมือนลูกน้องตัวเอง อยากได้อะไรจิกใช้ได้เต็มที่ ตอนนี้เขามีความสุขมาก เหมือนลูกสาวกับพ่อเลี้ยงเข้ากันได้แล้ว อารมณ์ประมาณนั้นเลย มันโคตรแฮปปี้ มันเลยต้องยิ่งฉลองและฉลอง

“มาทำไมวะ...” แต่มันมีแขกไม่ได้รับเชิญ

“รัก...” ไม่รู้ต้องพูดยังไงดี ตอนแรกมาหาก็มาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมแหละ แต่พอเห็นท่านขุนกับพีระพลและมณีอยู่ด้วยกัน...ความมั่นใจบางอย่างก็หดลง

“มีอะไร เร็วๆ...กูจะได้พูดเรื่องของกู” ทุกคนเห็นหมด ได้ยินหมด และคิดว่ามีวางมวยแน่นอน

“ท่านขุนยังรักรักบ้างไหม” อยากจะขำเมื่อได้ยินคำถาม

“นี่ใช้สมองหรืออะไรคิด...ปฏิเสธไปขนาดนี้แล้วยังเชื่ออะไรผิดๆ อีกเหรอรัก”

“ก็ถ้าท่านขุนไม่รักรักแล้ว ท่านขุนเก็บมณีเอาไว้ทำไม...ทิ้งไปสิ...” คำพูดของรักขาดหายไป เพราะหน้าสะบัดจากเงื้อมือท่านขุน

“ถุยเหอะ อย่ามาคิดอะไรโง่ๆ หน่อยรัก…มณีเป็นตัวแทนความรักของเราก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเลิกกันแล้วเราต้องทิ้งมณีไป ตอนนี้กูรักมณี มณีเป็นสุดที่รักของกู…ไม่ใช่ตัวแทนความรักเหี้ยๆ ที่เคยมีกับมึงเว้ย” รักเงยหน้ามองท่านขุน ทั้งโกรธทั้งรักเจือปนกันมั่วไปหมด

พลั้ว...!

“และนี่สำหรับที่มึงแตะที่รักของกู ไสหัวออกไปจากร้านกู...ออกไปให้พ้นๆ หน้ากูและอย่ามาโพล่ให้กูเห็นหน้ามึงอีก” เลือดไหลกลบปาก รักมองหน้า...อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่คนอื่นๆ ในร้านเริ่มลุกขึ้นมาแล้ว ยังไงซะ...คนเดียวมันก็สู้คนจำนวนมากไม่ได้

เป็นอีกครั้งของหลายๆ ครั้งที่รักต้องเดินออกไปจากร้านนี้เหมือนหมาตัวหนึ่ง...ทว่าหนนี้มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สิ่งที่เขาได้กระทำกับมณีก็เหมือนกับที่เขาเคยทำกับท่านขุน มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นที่ตนเผลอทำร้ายสิ่งที่รักไป

คิดได้ตอนนี้มันก็เรียกอะไรคืนไม่ได้...ไม่เหลืออะไรให้เขายื้อไว้อีกแล้ว ไม่มีที่สำหรับเขา ไม่มีช่องว่างให้เขาเข้าไปแทรกได้อีก รักมองกลับไปทางร้านอีกครั้ง ความหวังของเขา เขาเคยกอดมันเอาแนบแน่นเพราะต้องการสานต่อความสัมพันธ์กับท่านขุน ตอนนี้สิ่งที่เขามันเป็นเพียง...ลมและตัวเอง

พีระพลลงมาข้างล่างอีกครั้งหลังอาบน้ำอาบท่าให้ตัวเองและมณีเรียบร้อย เขาไม่ได้ตรงเข้าไปหาท่านขุนแต่เข้าไปเอาขนมและอาหารมาให้มณีผู้เรียบร้อยดุจผ้าพับไว้ บทเธอจะดี...ก็ดีใจหาย บทเธอจะร้ายก็ไม่ไหวจะต่อกร

จากครั้งแรกที่เธอมองเจ้าแว่นนี่...กับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน

เธอเคยคิดว่าเจ้าแว่นจะเข้ามาแย่งท่านขุน แย่งพื้นที่ แย่งความรัก แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ แท้ที่จริงแล้ว...มันไม่ใช่เลย เธอแค่ใจแคบไปหน่อย สิ่งที่เคยเฝ้าฝันให้กลับมาเป็นอย่างเดิมมันเป็นแค่ความต้องการอันเปล่าประโยชน์ มณีไม่รู้หรอกว่ามนุษย์คนหนึ่งเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดไหน แต่ที่รู้ตอนนี้คือเธอ...ชอบเจ้าแว่นนี้แล้ว

“วันนี้มณีไม่ทำร้ายพี่เลย...มณียอมรับพี่แล้วใช่ไหม เรา...เป็นครอบครัวกันแล้วใช่ไหมครับมณี” ดูตลกในสายตาคนอื่นที่ชายหนุ่มร่างสูงผู้ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ากำลังพูดกับเจ้าแมว มาดนางพญาของเธอไม่ได้ลดน้อยลงไป ก็เป็นมิตร...ก็ยอมรับ แต่ไม่ได้หมายความจะยอมก้มหัวให้ง่ายดายขนาดนั้น

นายยังไงก็ยังคงเป็นนาย

และทาส...ก็ต้องเป็นทาสวันยันค่ำ

แต่เอาเถอะ...แก่ความดีของทาสใส่แว่น เธอยอมให้หนึ่งวันก็ได้ มณีเดินเข้าไปใกล้ๆ บนโต๊ะอาหาร เธอเอาหัวตัวสอดเข้าไปในฝ่ามือนุ่มนั้นแล้วไถไปมาเบาๆ เจ้าแว่นยิ้มหน้าบาน...อารมณ์ดีจนน่ามั่นไส้ แต่รอยยิ้มนั้นก็ทำให้เห็นถึงความรักที่มีต่อเธอ มณีไม่รำคาญก็ได้...ให้วันหนึ่งไงล่ะ

“เฮ้อ...ผมหึงแมวได้ไหมนะ” ท่านขุนยืนกอดอกอยู่ตรงกรอบประตู พีระพลส่งยิ้มกว้างให้เขา วงแขนแข็งแรงโอบอุ้มเจ้ามณีน้อยพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนรักที่มีวัยอ่อนกว่า พีระพลโน้มหน้าเข้าไปใกล้ จูบปากท่านขุนเบาๆ รับเอารสเบียร์ฝาดๆ และความนุ่มยุ่นอบอุ่นหัวใจ...

“ไม่ต้องหึงหรอกครับ...ยังไงพี่พีก็เป็นของท่านขุน”

ให้ตายเถอะ…บาดใจขนาดนี้ลากขึ้นเตียงเลยได้ไหม!!!


….TheEnd….

จบแล้ววววว จบจริงๆ แต่จบไม่หมด ฮา ขออนุญาตเสิร์ฟตอนพิเศษในเล่มนะคะ ไม่พอใจเรายังไงเราต้องขออภัยด้วย ดูจบสั้นไปหน่อยไหมนะ แฮ่ๆ

สำหรับเรา พี่พีแทบจะเป็นตัวเราเลยค่ะ เราชอบอ่านหนังสือ ชอบอยู่บ้านสงบๆ ใช้ชีวิตราบเรียบกับการทำงานในห้องแล็บ แล้วพอเขียนพี่พีออกมา เราก็…หลงรักตัวเองค่ะ  ฮ่าๆ หวังว่านีลักอ่านทุกท่านจะชื่นชอบพี่พีของเราและอิจฉาท่านขุนกับแม่มณีที่ได้ความรักจากพี่พีไปเต็มเปี่ยม

แอบสปอยเล็กๆ ในตอนพิเศษพวกเขาจะแต่งงานกันค่ะ แต่คงไม่ได้แต่งง่ายๆ ยังไงก็ฝากติดตามรูปเล่มเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุก/ คอมเมนต์เลยค่ะ เป็นกำลังใจที่แน่นมากสำหรับเรา เราไม่ถนัดฟิวกู๊ด หวังว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังมากเกินไปนะคะ

สุดท้าย…เจอกันเรื่องหน้าค่า ^^
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-05-2018 19:24:00
ในที่สุดพี่พีก็เอาชนะใจแม่มณีได้ เจ็บตัวครั้งนี้คุ้มเลย   

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านนะคะ  :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 06-05-2018 19:32:09
ขอบคุณมากๆนะคะ  ชอบพี่พีมากเลยค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก และก็ชอบผู้ชายแบบท่านขุนด้วย เอาจริงไก็อยากเป็นแม่มณี5555  :o8:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-05-2018 19:45:06
 :mc4: ในที่สุดคุณมณีก็ยอมรับทาสแว่นผู้น่ารักแล้ว  :katai2-1:
ตัวเอกคือน้องมณี ที่เหลือคือตัวปลากรอบ 55555
สนุกดีค่ะ แต่รำคาญรัก อ่านในส่วนของรักแล้ว โห...คนเราคิดยังงี้ก็ได้หรา
ว่าคนอื่นพูดไม่ดี ทำไม่ดีกับตัว แต่ไม่มองว่าตัวทำอะไรไปบ้าง คิดว่าตัวเองถูกเสมองี้หรา
เราว่าคนอย่างรักไม่น่าคบ และน่าสงสาร ถ้ายังคิดยังนี้อยู่ ตัวเองนะล่ะจะอยู่ยาก
สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร ถือว่าตัวละครรักทำให้คนๆ หลายๆ คิดได้นะ
 :L1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2018 20:14:17
ที่สุดของเรื่องต้องยกให้แม่มณี
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-05-2018 20:39:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-05-2018 00:04:31
อ้าว The End ซะงั้น ปุ๊บปั๊บมาก
ต้องให้มณีอ้อนกว่านี้
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-05-2018 00:14:33
 :L2: :pig4:

ทำไมเราบวกเป็ดไม่ได้ มันขึ้นแต่อ้างอิง อ่าาาา

ปล ถ้าลูกหมู จาก ก๊อกๆ กับ พี่พี่ขุน ออกเล่มเมื่อไร มาบอกที่นี่อีกทีนะ เราอยากได้ทั้งสองเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-05-2018 01:04:05
อื้อหืออออ นี่ขึ้นมาก มาทำร้ายแม่มณีได้ยังไงเนี่ยนายรัก

และในที่สุด เจ้านายมณีก็ยอมรับทาสคนใหม่สักที ฮาาาา เอ็นดูพี่พีมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 07-05-2018 12:02:20
โอ๊ยยยย จบซะแล้วววว  อยากให้มีตอนพิเศษใบเว็บมากๆ
เราว่าเรื่องนี้สนุกอ่ะ ทั้งการบรรยายผ่านมุมมองของแม่มณี ท่านขุน หรือพี่พี
ชอบการดำเนินเรื่องมาก ไหลลื่น ค่อยๆดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ
สุดท้ายนี้อยากเอาขนมไปเซ่นแม่มณีมากๆ  555555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 07-05-2018 13:22:07
ไม่นะ จบแล้วเหรอ ต้องมีตอนพิเศษสิ มณีน้อยกับเปอร์เซียดำที่น่าสงสาร ปล่อยท่านขุนกับพี่พีไปเราจะตามติดชีวิตเหมียวๆ เนี่ยต่อมเผือกทำงานแล้ว 555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: satiara ที่ 07-05-2018 19:25:03
แม่มณีน่าร้ากกก
#ทีมทาสแมว
เล่มออกเมื่อไหร่มาแจ้งด้วยน้าา
อยากได้มณีมาไว้บ้านน <3
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-05-2018 22:57:51
จบไวจังเลย พี่พีเพิ่งดีกับแม่มณีเองนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 08-05-2018 07:17:34
เขียนได้น่ารักจริง ๆ ค่ะ
แม้จะหมั่นไส้ท่านขุนที่ปล่อยให้รักเข้าถึงตัว
แต่ก็จบดีค่ะ ถึงจะสั้นไปหน่อย แต่ก็ลงตัวดี

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: GukakST ที่ 30-05-2018 22:34:21
สวัสดีค่าาาาา วันนี้ขออนุญาตเอาผลงานใหม่มาฝากติดตามนะคะ ชื่อเรื่อง อุบัติรักฟีโรโมน แค่ชื่อก็น่าจะเดาได้แล้วว่าเกี่ยวกับอาราย แนวสบายๆ อ่านชิวๆ ซึ่งนิยายเรื่องนี้เรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับพี่ Freja ดีไม่ดียังไงฝากติดตามด้วยนะคะ ^^

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67359.0
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 01-06-2018 09:51:18
อร๊ายยยย สนุกมากเลยจ้าชอบมากเลย ผิดไหมที่เรื่องนี้เราชอบแมวมากกว่าคน.555
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-06-2018 19:57:54
งื้อออออ น่ารักมากเลยค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้เราอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 07-06-2018 19:00:55
จบสั้นไปนิ๊สนึง
หลงรักมณีมากเลย
อยากรู้ว่ามณีกับเปอร์เซียตัวนั้น
จะอยู่ร่วมกันได้ไหม
มณีเด่นกว่าใครในเรื่องเลย
ชอบมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 09-06-2018 16:50:43
 :3123:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-06-2018 14:16:28
+1  สำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 17-06-2018 06:44:41
แม่มณีไปผจญภัยในโลกกว้าง  :hao3:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 17-06-2018 09:54:26
น่ารักมากเลย แม่มณียอมรับพี่พีแล้วนะท่านขุน ครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: nizzarinz ที่ 19-06-2018 07:25:23
น่ารักมากเลยค่าาฮือออ ชอบพี่พีมาก อบอุ่นนนนนนน
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 19-06-2018 14:53:36
สนุกมาก ๆ ครับ แม่มณีมาดโคตรนางพญาเลยครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 19-06-2018 21:47:31
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีน้องเหมียวอยู่เป็นสมาชิกในครอบครัว แต่ของเราเป็นน้องชายค่ะ พันธุ์ผสมมีตาสีเทาอมฟ้าอ่อน ขนสีขาวนวลค่ะ หล่ออยู่เหมือนกัน(ไม่ได้อวยนะ555)
ชอบพี่พีมากเลยค่ะ ตรงที่ติดอ่านหนังสืออยู่กับบ้านมากกว่าออกไปเที่ยวข้างนอก เหมือนเราเลย555
แล้วก็ชอบท่านขุนมากเหมือนกันเท่มาก แมนมาก
เราก็อยากลองขับบิ๊กไปดูสักครั้งเหมือนกันนะ แต่คงไม่มีโอกาสนั้นหรอก ก็ราคาสูงขนาดนั้นเนอะแค่ksrก็ดีถมไปแล้ว
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆแบบนี้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 24-06-2018 20:50:21
อ่านจนจบแล้ว
ก็ได้แต่อุทานว่า
พี่พีขราาาาาาาาาาาาาา

พี่พีเป็นผู้ชายที่หาได้ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีอะ
รู้สึกอิจฉาท่านขุนและแม่มณีมากๆ
ตอนอ่านฉากท่านขุนกับรักนี่อยากยื่นมือเข้าไปเขย่าท่านขุนมาก 55555
ก็แอบสงสารรักนะ แต่ขอโทษทีพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับเธอจ้ะ 55555

สุดท้ายของเรื่องนี้
แม้ท่านขุนจะได้ครอบครองพี่พีไป
แต่ส่วนที่น่าอิจฉาที่สุดคือ แม่มณีค่ะ
เพราะพี่พียอมเป็นทาสนางแล้วทุกทาง
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 29-06-2018 23:39:37
มณีก้แพ้ความดีจนได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 05-07-2018 18:38:45
โง้ยยยยน่ารัก อ่านรวดเดียวจบเลนค่า ชอบ เอ้นดูแม่มณีมาก
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 07-07-2018 17:10:45
อยากได้ทั้งพี่พีกับท่านขุนต้องเป็นแม่มณีใช่ไหมคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-07-2018 01:17:05
น่ารักมากๆเลยค่ะ กว่าแม่มณีจะยอมรับก็เล่นเอาซะตอนสุดท้ายเลย พี่พีก็อบอุ่นละมุนมาก ท่านขุนก็มาดแมนสมชื่อ เราชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Emmaline ที่ 19-07-2018 14:02:45
รักพลั้งเผลอทำร้ายคนที่รักถึงสองครั้ง ท่านขุนและมณี จบแบบนี้ดีแล้วค่ะ ดีใจด้วยนะพี่พีมณียอมรับในตัวทาสคนนี้แล้ว
 :mew3:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 24-07-2018 22:44:12
สนุกมากๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-07-2018 20:19:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-07-2018 11:53:45
เรื่องน่ารักมากค่ะ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-09-2018 19:49:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:39:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 30-04-2020 21:51:27
แงงงงงงงงงงงง น่ารักมากกกกเลยค้าบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 03-05-2020 14:29:23
มณีลูกกกกกก เลิฟ พี่พีแบบสเป็คเลยเด้ออ
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 06-05-2020 23:36:46
จบสะแล้ว
พี่พีคนดีมากๆ
ไม่ชอบท่านขุนตอนที่ปล่อยให้รักเข้ามาวุ่นวาย
ไม่เด็ดขาดกับรักตั้งแต่แรก อ่านแล้วเราแบบรำคาญท่านขุนเลย
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 21-06-2020 17:18:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 10-01-2021 23:41:15
โคตรน่ารักทั้งคู่เลยครับ  เขิลตลอดด
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 01-07-2021 11:35:19
น่ารักไปหมด   แม่มณี น่าฟัด
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 24-07-2021 11:21:30
 :z13:
หัวข้อ: Re: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-07-2021 09:49:44
ตามมาอ่านอีกรอบ :L2: :L2: