>…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]  (อ่าน 44280 ครั้ง)

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2018 18:57:31 โดย GukakST »

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>…บทนำ…<

“มณีจ๋า...มากินข้าวเร็ว” เสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มรูปร่างสันทัดดังออกมาจากห้องครัว ในมือถือชามอาหารหน้าตาไม่ดีทว่ากลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ

กริ๊ง...

ดวงตาสองสีกลมโตวาววับน่าจับจ้องตวัดมองชายหนุ่มในเสื้อยืดคอกลมสีดำไร้ลวดลาย กางเกงสีเขียวขี้ม้าสามส่วนมากด้วยกระเป๋า มันเปรอะเปื้อนน้ำมันและคราบดำเป็นปื้น ชุดง่ายๆ...กับสภาพมอมแมมนั่นมีเรือนกายที่จัดว่าดีซ่อนอยู่พร้อมกับรอยสักรูปของตนเองในชุดกิโมโนบนต้นแขนขวา ดวงตากลมไม่โตมากนั้นถูกแพขนตายาวและหนาทำให้ดูหวาน รอยยิ้มกว้างเป็นส่วนที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปนั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหล

“ของโปรดมณีเลยน้า...” ชายหนุ่มยังคงส่งเสียงหวานหูออกมาเชิญชวน อันที่จริงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอาหารนั้นอร่อยเพียงใด แต่ละมื้อแทบจะไม่ซ้ำกัน...วนเวียนวันต่อวัน

กริ๊ง...กริ๊ง....

เจ้าของชื่อย่างก้าวนวยนาดเข้าหา ความหล่อเหลาชวนหลงของชายผู้นี้ไม่ได้มีเสน่ห์ยวนใจมณี...ไม่เลย ที่อยู่ด้วย ที่ยังคงวนเวียนใกล้ชิดมันเพราะอาหารที่แสนถูกปากและการดูแลราวกับเจ้าหญิงเท่านั้นแหละ

ประกายในตาสองสีพร่างพราวเมื่อกลิ่นอาหารเตะจมูกมากขึ้นเป็นทวี เขาย่อตัวลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า...ส่งรอยยิ้มฉ่ำหวานมาให้ราวกับกำลังทอดสายตามองคนรักของตนเอง อาจไม่ใช่...แต่มันก็ใกล้เคียงทีเดียว ในเมื่อเขารักมณีหมดหัวใจ

“วันนี้ลูกค้าเยอะเลยต้องเป็นเพราะแม่มณีแน่ๆ” คำพูดหยอดเอินของเขาเสนาะหู ฟังดูราวกับกำลังสรรเสริญตน ทว่ามณีสนใจอาหารมากกว่าอยู่ดี...ไม่เชิดหน้าเพราะคำพูดหวานนั่นหรอก

“ช่วงเย็นวันนี้จะมีคนมาเพิ่มอีก แม่มณีอาจรำคาญไปบ้าง...เดี๋ยวท่านขุนผู้นี้จะเอาของโปรดแม่มณีมาเสิร์ฟอีกนะจ๊ะ” รำคาญก็คือรำคาญไหม...ไม่ได้เกี่ยวว่าเอาของกินมาให้แล้วจะอารมณ์ดี มณีมองหน้า “ท่านขุน” ขุ่นเคือง ทว่าเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเลยเอื้อมมือมาลูบหัวราวกับปลอบ

“แม่มณีน่ารักที่สุด...” เอามือสกปรกคราบน้ำมันออกไป มณีปัดมือสากนั่นออกไปแล้วเดินเลยไปยังอาหารของตนเองราวกับงอนแฟนก็ไม่ปาน

ท่านขุนปลายตามมองมณียิ้มๆ เขาเดินมายังเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ ลูกน้องผู้ขยันขันแข็งกำลังเล่นเกมมือถืออย่างเมามัน ขนาดเจ้านายเดินมานั่งมองก็ยังยิ้มส่งให้ ก็ท่านขุนเป็นคนใจดี ท่านขุนไม่ดุไม่ด่าลูกน้องหากพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด บางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้คนใต้การควบคุมของเราได้มีอิสระบ้างถึงจะถูก

ผ่านช่วงเที่ยงเข้าสู่ช่วงบ่าย...แดดเริ่มหายและกลายเป็นเมฆตั้งเค้า มณีนั่งมองผ่านกำแพงกระจกไปยังด้านนอก...เธอเกลียดฝน เกลียดความเปียกแฉะนั้นที่สุด หากมีฟ้าผ่าฟ้าแลบด้วยเธอจะหนีขึ้นห้องแล้วก็ไม่ยอมรับรู้ถึงบรรยายกาศโดยรอบ

มันก็แค่อยาก...แต่ทำได้ที่ไหน รู้คือรู้อยู่ดีนั่นแหละ

มณีนั่งอยู่ข้างกำแพงกระจกเนิ่นนาน ก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นไปนอนขดบนโซฟาต้อนรับแขกหนังสีดำกลางร้าน โดยรอบด้านยังมีโซฟาเดี่ยวเข้าชุดวางขนาบซ้ายขวา แต่เธอชอบตัวกลางที่ใหญ่และยาว...ก็มันนอนสบายนี่

ท่านขุนกำลังก้มๆ เงยๆ งัดคอท่อของรถซีบีอาร์หนึ่งพันซีซีที่เข้ามาเปลี่ยนท่อพร้อมกับลูกมืออีกหนึ่งคนที่ชื่อแอ้ ส่วนในร้านก็มีจิมคอยนั่งเล่นเกมมือถือไม่ยอมละไปจากเคาน์เตอร์ ก็เขามีหน้าที่ขายของไม่ได้มีหน้าที่ซ่อมรถแบบแอ้ สายฝนด้านนอกเริ่มจากเปาะแปะและซ่า...กลายเป็นถล่มลงมาในเวลาไม่นาน ส่วนที่เจ้าของร้านและรถจอดอยู่มีหลังคาคลุม คล้ายกับโรงจอดรถขนาดใหญ่ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังโดนลมพัดเอาสายน้ำเข้ามาอยู่ดี

เสร็จจากการเปลี่ยนท่อซีบีอาร์พันซีซีก็ยังมีคันอื่นที่ยังต้องทำ ห้าโมงกว่าเหมือนทุ่มสองทุ่มเพราะมืดครึ้ม ท่านขุนเห็นว่าแอ้ทำงานจนเหนื่อยแล้วเลยให้ลูกมือคนนั้นเข้าไปพักก่อน ส่วนตัวเองยังคงทำรถต่อไป เป็นเจ้าของร้านใช่ว่าจะสบายนัก ท่านขุนลงทั้งแรงกายและใจให้กับงานที่ตัวเองรัก เขาชอบรถบิ๊กไบก์...รักมัน ไม่ว่าจะต้องซ่อมหรือแต่งมันก็ตาม เหมือนกับที่เขารักมณี...

ทว่าในการทำงานอันสบายอกสบายใจของเขาก็ยังมีความกังวล วันนี้เป็นงานวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่งในคลับ เขาไม่ใช่มาสเตอร์คลับนี้ แต่ก็มีบทบาทมาก และเขาจะมาจัดงานกันที่นี่ในวันนี้ เห็นสายฝนแล้วเขาคิดอยู่ว่าพวกนั้นจะมากันได้ไหม ก็ทุกคนในลับ ‘กินลมดมฝุ่น’ เป็นบิ๊กไบก์ทั้งหมด ไม่มีหลังคากันแดดกันฝน หากจะมากันจริงๆ คงมีตัวเปียกกันมาบ้าง

ไม่นานเสียงท่ออันเป็นเอกลักษณ์ของสี่สูบก็ดังเข้ามาในบริเวณหน้าร้าน ซึ่งถัดจากโซนซ่อมรถยังมีพื้นที่เอาไว้สำหรับเทสต์รถ ท่านขุนวางประแจลง เช็ดมือกับผ้าขนหนูตรงเอวที่เขามักแหน็บเอาไว้ตลอด จากเสียงเดียวเป็นสองและสามและสี่...นี่มาพร้อมๆ กันเลยหรือยังไงนะ

ท่านขุนจัดรถด้านในบริเวณซ่อมให้มีพื้นที่สำหรับจอดรถ ทั้งพันซีซี หกร้อยห้าสิบซีซีหรือแม้แต่สามร้อยซีซีก็พากันเข้ามาจอด เปียกมอมแมมไม่ต่างจากที่เขาคิด แต่บางคนก็ใส่เสื้อกันฝนเอาไว้ทำให้รอดพ้นมาได้

“ปาร์ตี้วันนี้มีหนาวสะท้านแน่นอน” ท่านขุนเอ่ยยิ้มๆ

“เออดิ ตกห่าไรวันนี้วะ แล้วคอยดู พรุ่งนี้วันหยุดแม่งจะไม่ตก” คนฟังเห็นด้วย ฝนไม่เคยตกวันหยุด เหมือนกับมันหยุดทำงานหนึ่งวัน

ในหมู่คนเหล่านี้ท่านขุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี บางคนเป็นรุ่นพี่ บ้างก็รุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องปะปนไป เขาเดินนำเข้าในร้าน มณีทอดสายตามองผู้มาใหม่ เธอส่งเสียงเล็กๆ ในลำคอแสดงออกถึงความไม่พอใจกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น

“แม่มณีหลบหน่อยน้า...” ท่านขุนเดินเข้าไปใกล้แล้วดันตัวมณีให้กระถดไปชิดฝั่งเท้าแขน

“ม๊าววว” มณีไม่พอใจ เธอตวัดมือตบไปที่มือของท่านขุนเบาๆ

“เจ็บคร้าบ...” เขาก็โอดครวญไปงั้น มณีไม่ได้ใช้กงเล็บ

เจ้าแมวน้อยพันธุ์ขาวมณีหันหน้าหนี ไม่มองดวงตากระเง้ากระงอดอ้อนวอนของท่านขุน เธอเป็นของแทนใจระหว่างท่านขุนกับแฟนเก่า เท่าที่มณีรู้...เธอไม่เห็นเขามานานแล้ว และก็ยังเฝ้ารออยู่ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา...

“ดุเหมือนเดิมเลยวะ ฮ่าๆ...เออขุน เดี๋ยววันนี้พี่พาเพื่อนมาด้วยนะ มันน่าจะกำลังตามมา พี่เพิ่งส่งโลเคชั่นให้มันไป” พี่แจ็กนั่งลงที่โซฟายาวฝั่งว่างพลางรับแก้วจากจิม

“เพื่อนเหรอ นอกจากพวกผมแล้วพี่ยังมีเพื่อนคนอื่นด้วยเหรอ” ท่านขุนเอ่ยเย้าเสียงขัน

“เออเด๊ะ คนนี้เพื่อนเก่า มันไปทำงานอยู่ต่างประเทศหลายปี เพิ่งกลับมาอยู่ไทยเลยชวนมันมาทำงานด้วย”

“อ๋อ หล่อไหมนะ” มณีหันไปมองท่านขุนโดยเขาไม่รู้ตัว รอยยิ้มกวนๆ ของเขามีเสน่ห์ และบ่อยครั้งก็มีตัวผู้ตัวอื่นเข้ามาเกาะแกะทำให้มณีไม่พอใจ ก็ใครให้ท่านขุนของเธอเป็นคนอัธยาศรัยดีแบบนี้ล่ะ คำพูดคำจามันน่านัก อ้อล้อคนอื่นไปเรื่อย

“หล่อดิ รับรอง...ขุนจะหลง” แจ็กเอ่ยอย่างมั่นใจ

“ฮ่าๆ ให้มันจริงพี่ หล่อของพี่ไม่เคยโดนใจผมเลย”

“เดี๋ยวรู้ๆ” ท่านขุนไหวไหล่ เขานั่งเบียดมณีนิดหน่อยเพราะที่มันไม่ค่อยพอ พี่ๆ คนอื่นก็เอาเก้าอี้ที่ทำจากถังน้ำมันมานั่งรายล้อม

หญิงสาวเหล่าแฟนไบก์เกอร์ต่างพากันเข้าครัวพร้อมข้าวของ เป็นอันว่ารู้กัน พวกเธอจะทำอาหาร กับแกล้มหรือของกินเล่นมาเสิร์ฟ ยิ่งวันนี้จัดงานวันเกิดให้พี่คนหนึ่งในคลับก็ยิ่งจัดเต็ม พวกเขามากินที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยกันไปเสียแล้ว ครัวเป็นของทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะตู้แช่ที่อัดแน่นไปด้วยขวดเบียร์ เหล้าและโซดา ใครอยากได้อยากดื่มอะไรก็จัดหากันได้เต็มที่

“เหมี๊ยว...” มณีเอาเท้าหน้าสะกิดแขนท่านขุนเบาๆ

“ครับ มณีจะเอาอะไรหืม...” ก็ต้องเอาของกินปะ...เรียกนี่คือจะกินไง มณีส่งสายตาไม่พอใจ

“เหมี๊ยว”

“อ๋อ หิว?” ก็มันจะมีอะไรนักอะ เขาไม่ได้ให้อาหารมณีอีกเลยหลังจากผ่านเที่ยงมา

เขาเดินเข้าครัว พูดคุยกับสาวๆ ด้วยรอยยิ้มซุกซนพลางหยิบอาหารของมณีมาเทใส่ชามใบสวย ที่จริงพวกอาหารสดพวกนี้ท่านขุนก็สามารถจัดการมันได้ดีเหมือนหญิงสาวเหล่านี้ เขาอยู่คนเดียวมานาน พึ่งพาตัวเองมากกว่าคนอื่นๆ การทำอาหารเป็นองค์ประกอบของการอยู่คนเดียว

ในขณะที่ท่านขุนผู้เป็นเจ้าของร้านกำลังหยอกล้อกับหญิงสาวน่าตาน่ารักสามสี่คนในครัว มณีเริ่มหงุดหงิดเพราะรอนานแล้ว เธอกระโดดลงจากโซฟา เดินนวยนาดเข้าไปพร้อมกับเสียงร้องขัดใจเพื่อเรียกท่านขุนจากหญิงสาวเหล่านั้น แล้วต่อให้หญิงสาวเหล่านั้นจะสวยและมีเสน่ห์มากขนาดไหน เจ้าของร้านหนุ่มก็ต้องให้ความสำคัญกับที่รักก่อนเป็นอันดับแรกอยู่ดี

“นี่จ้าแม่มณี” เขาลูบหัวมณีด้วยด้วยความเอ็นดู รวมถึงสาวๆ ต่างก็พากันพูดถึงมณี แต่เจ้าของชื่อกลับฟังแล้วรำคาญ กินเสร็จจะหนีขึ้นห้อง...เบื่อมนุษย์

ผู้คนยังทยอยมาเรื่อยๆ แม้ว่าสายฝนยังคงโปรยปราย ท่านขุนยิ้มต้อนรับทุกคนราวกับเขาไม่เคยเหนื่อยที่จะแจกไมตรีให้กับผู้คน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมาไม่เคยขาด กีตาร์ตัวหนึ่งที่ถูกตั้งโชว์เอาไว้หน้าร้านถูกหยิบออกมาดีด ท่วงทำนองที่คุ้นหูทำให้คนอื่นๆ เริ่มส่งเสียงร้องตาม สาวๆ พากันยกอาหารออกมาวางเรียงตรงหน้าหล่าชายหนุ่ม ท่านขุนเองก็ร้องเพลงกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน

เจ้าของวันเกิดเข้ามาร้านพร้อมกับแฟนสาว มาถึงก็โดนเพื่อนฝูงอวยพรพร้อมแก้วเบียร์ เรียกว่าก้าวเข้ามาปุ้บก็แทบจะเมาปั้บ พวกผู้ชายไม่ค่อยให้ของขวัญกัน พวกเขาให้เบียร์กับคำอวยพรเท่านั้น จะมีก็แต่พวกผู้หญิงที่เอาของขวัญใส่กล่องผูกโบสวยงามมอบให้ ส่วนเจ้าของร้านอย่างท่านขุนก็ได้ให้หมวกกันน็อกแบรนด์ดังราคาเกือบสามหมื่นหนึ่งใบใส่กล่องพร้อม เล่นเอาเจ้าขอวันเกิดยิ้มแก้มปริ

“ว่าแต่เพื่อนพี่จะมาเมื่อไหร่ ฝนหยุดแล้วนา...” เขาเริ่มเมานิดๆ ยามถามกับพี่แจ็ก

“รถมันติดอะสิ”

“ให้เขาขับซิกแซกมาสิพี่ กลัวอะไร”

“ไม่ได้ดิ มันขับรถเก๋ง” จบข่าว ท่านขุนร้องอ๋อเบาๆ

“ให้เขาขับมอเตอร์ไซก์สิพี่ ชวนเขามาขับด้วยกัน” เพราะการขับมอเตอร์ไซก์นั้นสะดวกสบายสำหรับเมืองกรุงที่รถติดแบบนี้

“เคยลองแล้ว มันไม่สนใจ จะว่ารักสบายก็ไม่ใช่...มันคิดว่าการขับรถเก๋งมันปลอดภัยกว่าน่ะนะ อีกอย่าง เดี๋ยว...” แจ็กยังไม่ทันพูดจบ รถเก๋งสีดำยี่ห้อดังก็ขับเข้ามาด้านใน

คนขับค่อนข้างลังเลในจุดที่เขาจะจอด เพราะมันอัดแน่นไปด้วยรถมอเตอร์ไซก์เกือบยี่สิบคัน สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกจะจอดไว้ที่ด้านนอก ในมุมที่ไม่กีดขวางเส้นทางเข้าออกของร้านแห่งนี้ จากนั้นคว้ามือถือและกระเป๋าเงินก่อนจะลงจากรถ

ร่างสูงร้อยแปดสิบเศษๆ กับน้ำหนักเจ็ดสิบต้นๆ เยื้องย่างเข้ามาใน เสื้อเชิตแขนยาวสีดำพับถึงข้อศอก ชายเสื้ออยู่ในกางเกงสแล็กเรียบร้อยแม้ว่านี่จะเลยเวลาทำงานมานานแล้วก็ตาม ท่านขุนถึงจะเมาหน่อยๆ แต่ก็มองดวงตาคู่คมและเด็ดขาดใต้แว่วไร้กรอบนั้นชัดเจน เครื่องหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับลูกครึ่ง สีเสื้อผ้าขับเน้นผิวขาวจัดของชายหนุ่มผู้มาใหม่ และถึงแม้จะเห็นแค่แขนก็ดูรู้ว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้นมีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ ท่านขุนแทบจินตนาการถึงหมัดกล้ามหลังเสื้อเชิตสีดำนั้นออก

“ว้าว...ใครน่ะหล่อจัง” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ช่างตรงใจกับท่านขุนจริงๆ

“พีมานี่” แจ็กตะโกนเรียกเพื่อนตัวเอง ข้างกายเขาตอนนี้มีเจ้าของร้านนั่งอยู่ แถมยังส่งสายตาพึงพอใจให้ชายผู้มาใหม่ด้วย

“โทษที หลงทางอะ ขับเลยซอยก็เลยต้องไปยูเทิร์นไกล” เขาอธิบายให้เพื่อนฟัง

“ก็ว่าทำไมช้า รถติดด้วยนี่ เออ...นี่ท่านขุน เจ้าของร้านนี้ ส่วนนี้เพื่อนพี่ ชื่อพีระพล เรียกพีก็ได้” แจ็กแนะนำพลางส่งแก้วเบียร์ให้เพื่อนตัวเองที่ยังยืนอยู่

“หวัดดีครับพี่ นั่งที่ผมไหม...” เจ้าของร้านขันอาสาจะลุกที่ให้

“ไม่เป็นไรครับ พี่ยืนบ้างก็ดีเหมือนกันน่ะ นั่งรถมาตั้งนาน” คนตอบก็ช่างสุภาพเรียบร้อย ท่านขุนเผลอใจสั่นกับมาดผู้ใหญ่ของพีระพล ไม่รู้ตรงสเป็กไหม...

แต่ตรงใจนี่ใช่เลย!

“กูบอกแล้วให้เปลี่ยนมาขับมอเตอร์ไซก์” แจ็กเปรยลอยๆ

“ไม่เอา...” เขาตอบแค่นั้นเรียบๆ

ถึงแม้พีระพลจะปฏิเสธการนั่งแทนที่ท่านขุน แต่เมื่อจิมเอาถังน้ำซึ่งเป็นเก้าอี้เสริมของร้านมาให้เขาก็น้อมรับไว้แต่โดยดี แจ็กยังคงแนะนำเพื่อนคนอื่นๆ ให้กับเพื่อนตัวเองได้รู้จัก เหมือนที่แนะนำพีระพลให้รู้จักคนอื่นๆ เช่นกัน

บ่อยครั้งในระหว่างการพูดคุย...ท่านขุนและพีระพลมักสบตากัน

มันเป็นความบังเอิญในความคิดของพีระพล

แต่...มันเป็นความจงใจของท่านขุน

จังหวะหนึ่งของการนั่งดื่ม แจ็กขอตัวเข้าห้องน้ำเพราะอั้นมานานเต็มที ท่านขุนอาศัยช่วงนั้นมานั่งข้างพีระพลเนียนๆ ด้วยการเอาเรื่องของแจ็กมาเป็นหัวข้อบทสนทนา อย่างพี่รู้จักกันมานานหรือยัง ไม่สนใจขับมอเตอร์ไซก์เพราะอะไร...

เขาสองคนนั่งคุยกันไม่สนคนอื่น เป็นเพราะท่านขุนเองอีกนั่นแหละที่ดึงพีระพลให้อยู่แต่กับตัวเองไม่ให้สนใจใคร แม้กระทั่งแจ็กเดินกลับมานั่งแล้วก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขาทั้งคู่ ในความแนบเนียนนั้นอีกหนึ่งสิ่งคือแก้วเบียร์ที่ถูกเติมไม่เคยขาด แม้ว่าพีระพลจะดื่มไปเท่าไหร่มันก็ยังปริ่มขอบแก้วอยู่เสมอ ทว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย มัวแต่นั่งฟังสิ่งที่ท่านขุนพูดเพลินๆ

เขาพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์และรอยยิ้มเป็นมิตร เวลาได้คุยด้วยรู้สึกสบายใจและยิ้มได้ไปพร้อมๆ กัน อายุก็ล่วงเลยมาขนาดนี้คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กคนนี้น่าสนใจสำหรับเขา แต่พีระพลก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก บางครั้งเราเจอคนที่ถูกใจไม่ได้หมายความว่าจะรักและต้องการในรูปแบบชู้สาวเสมอไป

พีระพลดื่มเยอะกว่าท่านขุนตอนไหนไม่มีใครรู้นอกจากตัวคนเติมซึ่งก็คือเจ้าของร้านนั่นแหละ ด้วยความไม่ใช่คนดื่มหนัก พีระพลจึงเริ่มเมาหลังดื่มไปประมาณหกเจ็ดขวด นี่ถือว่าเยอะสำหรับเขาเหมือนกัน เรียวนิ้วยาวขาวและสะอาดนั้นยกขึ้นถอดแว่นออกเพื่อขยี้ตาลายๆ ของตนเองก่อนใส่กลับเข้าไปใหม่ ช่วงนั้นแหละ...คือช่วงที่เขาพลาดได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่บนใบหน้าท่านขุน

“พี่พีไหวไหมครับ นอนนี่เถอะ...ขับรถตอนเมามันอันตรายนะ” ถ้าเขาเห็นรอบด้านก็คงจะมองคำพูดนี้มีนัยยะ ทว่าพีระพลไม่ได้มองก็เลยคิดว่านั่นคือความปรารถนาดีของเจ้าของร้านผู้นี้จริงๆ

“ขอบคุณขุนมาก แต่พี่กลับนั่นแหละ...เกรงใจ” เพราะเพิ่งรู้จักกัน ไม่ได้สนิทอะไรกันด้วยก็เลยไม่เหมาะที่จะนอนค้างนัก

“ไม่เห็นเป็นไรเลยพี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เตียงผมกว้างนะ” คำพูดติดตลกนั้นดูไม่จริงจังในความรู้สึกของพีระพล

“ฮ่าๆ กว้างพอจะอัดพี่เข้าไปได้เลยเหรอครับ” เขาตอบกลับน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มและความขบขัน

“ได้สิครับ ต่อให้พี่พีมานอนก็ยังนอนสบายเพราะเตียงผมกว้างโคตรๆ” มันทะเล้นจริงๆ พีระพลคิด

“ไว้ครั้งหน้าดีกว่านะครับ พี่ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ” เขาพูดมาแบบนี้ท่านขุนก็ทำได้แค่ยิ้มตอบ ชวนนอนค้างทั้งที่เจอกันครั้งแรกมันก็ดูจะโต้งๆ ไปหน่อย...แต่มันจะมีอะไรที่โต้งๆ กว่านี้อีก

“งั้นไม่เป็นไร...ผมแค่เป็นห่วงพี่พี” ทอดสายตาสื่อความหมาย แน่นอนว่าคนรับอย่างพีระพลก็พอจะดูออก แต่ความเมาทำให้เขาไม่อยากคิดอะไรมาก อารมณ์ชั่ววูบเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพีระพล

พวกเขายังคงนั่งดื่มและพูดคุยกันต่อเพราะคนอื่นๆ ยังไม่ยอมแยกย้ายไปที่ไหนเลย พวกเขาดูอย่างกับจะเมาเละเทะอยู่ที่นี่จนกว่าจะผ่านค่ำคืนนี้ไป ก็นะ...พรุ่งนี้มันวันหยุด วันนี้พวกเขาก็เลยปล่อยผีกันสุดเหวี่ยง แสงไฟในร้านโดนดับด้วยฝีมือชายคนหนึ่ง ก่อนเครื่องเสียงจะทำงานพร้อมกับไฟวิบๆ วับๆ ซึ่งใครพกมาไม่รู้ พีระพลอยากบอกว่าเขาเมาไฟนี้มากจริงๆ เขาเริ่มตาลายหนัก บางส่วนในสมองบอกกับเขาว่าเขาอาจจะไม่ไหวและอาจขับรถกลับบ้านไม่ได้

สติไม่ค่อยมีนัก จู่ๆ ข้อมือก็โดนจับแล้วออกแรงลากไปที่ไหนสักที่ พีระพลเห็นหลังของท่านขุนรางๆ แว่นไม่ได้หลุดออกแต่ว่าตอนนี้เขาเมาจนตาลายต่างหาก ได้ยินเสียงตัวเองถามท่านขุนจะพาเขาไปไหน และได้ยินอีกฝ่ายตอบว่าจะพาเขาไปพัก เขาอยากปฏิเสธแต่สภาพนี้เขาก็ไม่น่ากลับบ้านไม่ไหวอยู่ดี บางทีคืนนี้อาจจะต้องพึ่งห้องของท่านขุนก็ได้

เกรงใจน่ะเกรงใจ...แต่จะเกรงใจเราก็ต้องเอาตัวเองให้รอดด้วยอะนะ

ขึ้นมาชั้นสอง เดินต่อไปอีกหน่อยก็มีประตูรูปแมว ด้านล่างประตูมีช่องที่เปิดเข้าออกได้ นั่นคือประตูของมณี ท่านขุนผลักประตูเข้าไปเลยโดยไม่ต้องไขกุญแจ แรงก็ใช่น้อยๆ ลากพีระพลเข้ามาด้านในได้สบายๆ ไม่เปลืองแรงนัก แอร์เย็นฉ่ำกับกลิ่นของท่านขุนฟุ้งกระจายเต็มห้องนอนที่มืดมิด มณีนอนอยู่บนเตียง...มองผู้มาใหม่สองคนด้วยความแปลกใจ

ท่านขุนปล่อยมือจากพี่พีของเขา ปิดและล็อกประตูโดยที่แขกไม่รู้ตัว จากนั้นอาศัยความมืดดึงพีระพลให้นั่งบนเตียงก่อนจะผลักให้เขานอน ถึงจะมึนเบลอแค่ไหนแต่ชายวัยสามสิบสี่ปีก็ยังรู้ตัวดี เขาจะถาม...แต่ปากดันไม่ว่าง

รสจูบของท่านขุนมีแต่เบียร์ ขมนิดๆ แต่ซาบซ่าถึงใจอย่างบอกไม่ถูก สติสตางค์มีน้อยเต็มที เขาเผลอจูบตอบกลับไปตามสัญชาตญาณ สองแขนโอบเอวคอดของท่านขุนเอาไว้พลางบดปากกับปากหนักหน่วงไม่แพ้คนด้านบน

ทว่า...

“แง่ว!” เสียงมณีก็ดังขึ้นพร้อมกับหัวพีระพลโดนกัดคำใหญ่

ท่านขุนตกใจกับการโจมตีของมณี เขาลุกขึ้นเพื่อจะเอามณีออกไปแต่ว่ามณีกลับฉวยโอกาสนั้นจู่โจมพีระพลเต็มกำลังที่เธอมี คนโดนรีบยกมือกันใบหน้าของตนเองอัตโนมัติ ทำให้แขนรับเล็บแมวคมๆ เต็มรัก เลือดอาบพร้อมกับสติที่เริ่มกลับคืน

ความชุลมุนเล็กๆ นี้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองจำต้องผละออกจากกัน ท่านขุนคว้าตัวมณีเอาไว้ กอดแนบแน่นเพื่อไม่ให้มณีที่ขู่ฟ่อเข้าไปทำร้ายตัวพีระพลได้อีก ส่วนพีระพลเองก็ตั้งสติ ยิ้มบางๆ ให้กับความหวงถิ่นของแมวเหมียว

“พี่ว่า...พี่สร่างแล้วล่ะ พี่กลับก่อนนะ…ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะครับ ไปแล้วเจ้าเหมียว” มันเป็นอารมณ์ที่พูดได้ยาก เมื่อกี้เกือบแล้ว…อะไรหลายๆ อย่าในตัวเขาเริ่มเตลิดแถมยังอยากมากๆ อีก ถ้าเจ้าเหมียวไม่มากวน…เขาคง...

>…100%…<

ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยน้าาาาาาา .โค้งงามๆ รอบทิศ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
อร๊ายนังมณีศรีขัดจังหวะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :pig4:

ดีใจเรื่องใหม่มาแล้ว

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>…ตอนที่ 1 [100%]…<

อยากจะงอนมณีนานๆ ที่ทำให้เขาพลาดผู้ชายอย่างพี่พีไปเมื่อคืนนี้ แต่พอมณีเดินเข้ามาคลอเคลียขออาหารเช้าเขาก็ไม่อาจต้านทานความทาสที่มีอยู่ในตัวตนเองได้ ดังนั้นต่อให้เคืองมณีแค่ไหน ท่านขุนก็ยังไปสรรหาสิ่งดีๆ มาให้เจ้าเหมียวขาวปอดตัวนี้อยู่ดี

แล้วนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่พียังจะกล้ามาที่นี่อีกไหม เล่นโดนเขาทำแบบนั้นไปเมื่อคืน ต้องโทษความเมา...ใช่ ท่านขุนไม่ยอมโทษความหื่นของตัวเองหรอก เขาโทษเบียร์ที่ทำให้เขาขาดสติยั้งคิดยั้งทำ จนถึงกับลากพี่พีขึ้นห้องโดยไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่าพี่พีแกโอเคกับเขาไหม เกิดพี่พีเป็นชายแท้ๆ มีหวังท่านขุนต้องไม่ได้เจอพี่พีอีกแน่

แค่คิดก็เศร้าใจ...

ท่านขุนนั่งเหม่อนึกถึงหน้าตาหล่อเหลาของพี่พี...เขาเรียกแต่พี่พี พี่พีเลยเนอะ ก็คำเรียกมันน่ารักดีนี่นา ดวงตาคมนั้นจะว่าดุเหมือนคุณครูก็ได้ จะว่าอ่อนโยนเหมือนคุณหมอก็ดี ที่สำคัญ...พี่พีดูสุภาพและอ่อนโยนตรงใจมากเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มานั่งเหม่อคิดถึงคนอื่นแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ อืม...คงหลายปีแล้วสินะ

จะว่าไป...ปากพี่พีก็นุ่มเนอะ หอมมากด้วย ขนาดนั่งกินเบียร์ด้วยกันแต่ที่ได้สัมผัสเขากลับได้รับรสเบียร์น้อยมากหากเทียบกับกลิ่นหอม มันอาจจะดูเวอร์ไปเสียหน่อย แต่ท่านขุนรู้สึกว่ายังจดจำกลิ่นนั้นได้ราวกับมันติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขา

“พี่ ไม่กินนี่ผมขอนะ” จู่ๆ จิมก็เดินเข้ามาเอาน่องไก่ในจานตรงหน้าท่านขุนไปหนึ่งชิ้น

“อ่าวเฮ้ย” ไม่ทันแล้ว จิมมันกัดเข้าไปคำโตเต็มคำ ก็พี่ขุนของเขาเอาแต่นั่งเหม่อ ของเย็นหมดไม่อร่อยอะดิ

แอ้ยังไม่ตื่น ไม่งั้นจะมีคนแย่งน่องไก่ท่านขุนอีกหนึ่งน่องไป เขาละความคิดถึงพี่พีของเขาเพื่อยัดมื้อเช้าลงท้องก่อนที่ลูกน้องทั้งสองจะมาแย่งกับข้าวของเขา ไม่ได้หวงนะ แต่ยังกินไม่อิ่มเลยใจเย็นๆ สิห้ามแย่งกัน ปกติมื้อเช้า เที่ยงแม้แต่เย็น ท่านขุนจะทำอาหารง่ายๆ เอาไว้สักอย่างสองอย่างเลี้ยงลูกน้องและพยาติในท้องตัวเอง ส่วนคนเก็บล้างจะเป็นจิม มันทำงานน้อยกว่าแอ้ เหนื่อยน้อยกว่าในเรื่องของการใช้แรงกาย

“ก็เห็นพี่เหม่อ ผมเลยนึกว่าอิ่มแล้ว” เจ้าจิมตอบ

“แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้หมายความว่าพี่อิ่มเว้ย ไอ้นี่หนิ”

“คิดถึงพี่คนนั้นปะ ที่ใส่แว่น ผมเห็นพี่ขุนมองเขาตาเป็นมันเลย ลากขึ้นห้องด้วย น่อววววว ใจกล้านะเรา” แล้วดูมันหยอกล้อเจ้าของร้าน อายุของจิมกับแอ้เท่ากันคือสิบแปดปี พวกนี้ไม่ได้เรียนแล้ว จบสายวิชาชีพแค่ ปวช.เท่านั้น ห่างกับท่านขุนพอตัว แต่ด้วยความสนิท กินอนอยู่ด้วยกันที่ร้านนี่ พวกเขาจึงเหมือนพี่เหมือนน้องที่หยอกกันแรงๆ อยู่บ่อยครั้ง

“เสือกนะมึง” ท่านขุนเปล่าเขิน แค่คิดว่ามันรู้มากไปหน่อย

“จะบอกว่าเมาก็ได้พี่ ผมไม่ถือ”

“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึงจะถือหรือไม่อยู่ดีปะจิม ปากว่างนักก็กินกระดูกนั่นเข้าไปด้วย แล้วเอาน้ำให้มณีที่รักพี่ จากนั้น...เชิญ”

“ขอรับท่านขุน” หมั่นไส้ที่มันชอบทำแบบนี้ใส่ ท่านขุนส่ายหน้าน้อยๆ เขากินข้าวต่อจนหมดในเวลาไม่นานนัก จากนั้นทิ้งไว้คาโต๊ะ หน้าที่เก็บของจิม...มันสบายมากแล้วหางานให้มันทำเยอะๆ หน่อยสิ ไม่คุ้มค่าจ้างเลย

วันนี้เขาใส่เสื้อกล้ามโชว์รอยสักมณีในชุดกิโมโนอันงดงาม กางเกงสามส่วนสีดำมีกระเป๋าเยอะๆ คือทรงที่ท่านขุนชอบ มันสะดวกเวลาทำงาน จะเอาเครื่องไม้เครื่องมือยัดใส่เข้าไปและหยิบออกมาใช้ได้ง่าย ทั้งยังสบาย ขยับเข้งขยับขาสะดวกดี ดังนั้นในตู้เสื้อผ้าของเขาจึงมีแต่ชุดแบบนี้เป็นหลัก ผมรองทรงต่ำไม่เคยถูกเซทให้ดูดี คนทำงานอยู่กับเครื่องยนต์ อยู่กับน้ำมันจะดูดีไปไหนนักหนา แถมตอนนี้มันยังชื้นเพราะเขาเช็ดผมไม่แห้งอีกต่างหาก

ดูเผินๆ ท่านขุนก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เหมือนมีแฟนเป็นสาวสวยระดับมอเตอร์เอ็กส์โปรด้วยซ้ำ ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับนายแบบของเขา ทว่าเขากลับเป็นชายที่รักชอบในตัวผู้ชายด้วยกันเองเสียมากกว่าสรีระโค้งเว้าของผู้หญิง

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบเพศเดียวกันตั้งแต่ตอนไหน เขาเคยหาคำตอบแล้วแต่หาไม่เคยได้เลย รู้ตัวอีกทีเห็นผู้ชายคนนั้นคนนี้ก็ชอบไปเสียหมด ยิ่งเขาเป็นคนเอาอารมณ์ ความรู้สึกเป็นที่ตั้งด้วยแล้ว ยิ่งจู่โจมคนที่หมายตาโดยไม่ค่อยไตร่ตรองอยู่ประจำ เขาเปล่าเจ้าชู้...แค่ลุคมันให้

ปกติท่านขุนชอบที่จะเป็นฝ่ายเข้าหา แต่จำได้ว่าเมื่อครั้งแฟนเก่าเขาเป็นคนเข้าหาท่านขุนด้วยตัวเอง โดนจีบมันก็รู้สึกดีนะ...แล้วมันก็ไม่แย่ที่ต้องลองเป็นฝ่ายรับดูบ้าง ทั้งคู่เข้ากันได้ดีโดยเฉพาะเรื่องรักความเร็วและการเที่ยวเตร่ไปตามจังหวัดต่างๆ ด้วยมอเตอร์ไซก์คู่ใจ มีท่านขุนที่ไหนมีแฟนเขาที่นั่น ช่วงหนึ่งเขาทั้งคู่ถูกคนในคลับเรียกว่าแฝดสยามอินทร์จันทร์เลยด้วยซ้ำ

เพียงแค่ตอนนี้พวกเขาถูกจับแยกออกจากกันแล้วด้วยมือที่สามของชายหนุ่มคนอื่น...

ระยะเวลาและความผูกพันไม่ได้รับประกันว่าคู่รักคู่นั้นจะอยู่กันชั่วนิรันดร์ รักไม่ต้องการเวลา เพลงของวงเคลียร์อธิบายสิ่งนี้ได้ชัดเหมือนกัน แค่คนละอารมณ์ เพลงนั้นมันหวานเหมาะแก่คู่รัก แต่หากมองกลับ...มันก็สามารถสะท้อนด้านมืดได้

ท่านขุนมุมะกับการทำงานของตนเอง รถคันที่อยู่ในมือเขาตอนนี้มีสีแดงสดทั้งคัน ยี่ห้อดังของอิตาลี ดูคาติมอนส์เตอร์ขนาดแปดร้อยซีซีถูกนำเข้ามาที่ร้านเขาเมื่อวันก่อนเพื่อทำหม้อน้ำ รถรุ่นนี้มีข้อเสียคือเครื่องร้อนได้ง่าย มันเป็นรถยุโรป มีไว้ขับช่วงหน้าหนาวได้ ทว่าเมื่อมาอยู่เมืองไทยมันกลับทำให้ขาผู้ขับขี่แทบสุก เอาขึ้นจานตัดทานได้ทันที หลายคนขาพองเพราะมันนี่แหละ บางครั้งมีคำติดตลกพูดต่อกันว่าคนที่ขับรถรุ่นนี้หรือแบรนด์นี้ขับเร็วเพราะเครื่องมันร้อนมาก ต้องการให้ลมมันเป่าเข้ามาช่วยบรรเทาอาการร้อน

กว่าแอ้ลูกน้องอีกคนจะลงมาท่านขุนก็ถอดหม้อน้ำและแผงระบายความร้อนออกมากองด้านนอกเรียบร้อย ตาอีกฝ่ายยังปรือ เขาส่ายหน้าให้กับสภาพของลูกน้องนิดหน่อย เมื่อวานนี้มันก็ร่วมดื่มอยู่กับกลุ่มเขา ท่าทางจึงไม่ตื่นแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“ทำไมพี่ไม่แฮงก์นะ...” มันบ่นเบาๆ เขายิ้ม คนดื่มเหล้าเบียร์มีหรือที่ไม่แฮงก์กันน่ะ ก็แค่ต้องมีวิธีจัดการกับความรู้สึกมึนเมาตกค้างนั้น

ทั้งสองไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก แอ้ลงมือช่วยเจ้านายเขาทันทีไม่รีรอให้เสียเวลามากไปกว่านี้ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็นับว่าเป็นลูกน้องที่สบายมากเกินไปแล้ว ไม่เหมือนจิม เจ้านั้นเล่นเกมสบายใจเฉิบ ลูกค้าไม่มี มีแค่แม่มณี แมวน้อยผู้เป็นใหญ่เหนือใครเท่านั้นที่นอนแผ่หลาอยู่หน้าเคาน์เตอร์

การทำงานกับลูกน้องรู้ใจและคลุกอยู่กับรถมอเตอร์ไซก์คือความสุขของท่านขุน เขาสามารถทำมันได้ทั้งวันโดยไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาพัก ไม่ได้ทำงานโรงงานจะได้พักตายตัวหรือมีเวลากินข้าวที่แน่นอน แต่การทำหม้อน้ำและแผงระบายความร้อนให้เจ้ามอนส์เตอร์เป็นอันต้องสิ้นสุดลงเมื่อรถเก๋งสีดำยี่ห้อดังเคลื่อนเข้ามาในที่ว่าง ท่านขุนจำมันได้ดีว่ารถคันนี้เป็นของใคร แอ้เองก็มองตามเช่นกัน

จู่ๆ…ท่านขุนก็เผลอยิ้มออกมา

เขาไม่คาดคิดเอาไว้ว่าพี่พีจะมาในเวลานี้ คิดไว้แค่ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้วเพราะเขาดันไปทำเรื่องอุกอาจอย่างนั้นกับพี่เขาอยามที่พี่เขาเมา จะบอกว่าท่านขุนฉวยโอกาสมันก็ไม่ผิดนัก เขาอยากได้โอกาสให้ฉวยเยอะๆ เลยด้วยซ้ำ...จะฉวยจนกว่าผู้ชายสุภาพเรียบร้อยคนนี้ตกเป็นของเขาเลยเชียวล่ะ

“สวัสดีครับพี่พี...” ท่านขุนวางอุปกรณ์ทำรถลง เขาเดินเข้าหาคนที่เปิดประตูแต่ยังไม่ยอมลงมา

“สวัสดีครับ นี่พี่มากวนไหม...เห็นว่าเที่ยงแล้วก็เลยเข้ามาน่ะ” ในมือพี่พีมีของกินส่งกลิ่นหอม ท่านขุนจากที่ไม่รู้สึกหิวกลับหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ไม่ได้หิวข้าวนะ...หิวผู้ชายคนนี้อะ

“ไม่กวนเลยครับ เดี๋ยวสักพักเราก็จะพักกันแล้ว ว่าแต่พี่พีซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” เจ้าของร้านแจกรอยยิ้มเป็นมิตรให้กับอีกฝ่าย วันนี้ยังดูดีไม่ต่างจากเมื่อวาน เสื้อเชิตสีน้ำตาลเข้ม ชายเสื้ออยู่ในกางเกงสแล็กสีดำเป็นระเบียบ กระดุมอยู่ในที่เดิมทุกเม็ดราวกับว่าพี่เขายังไม่ได้เลิกงาน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใต้แว่นสายตาไร้กรอบดูอ่อนโยนและอ่อนเพลียในเวลาเดียวกัน

“ก็ซื้อมื้อเที่ยงมาฝากเราแล้วก็มณีน้อยด้วยน่ะ ไม่รู้จะถูกปากไหม พี่ก็ถามเอาจากเจ้าแจ็กน่ะ” อยากบอกว่าอะไรที่พี่พีซื้อมาก็ถูกปากผมทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะตัวพี่

ตอนที่โถมร่างนอนทับพี่พี ท่านขุนจำได้ดีว่าภายใต้เสื้อเชิตสีเข้มนั้นมีกล้ามเนื้อที่หนั่นแน่นน่าลูบไล้ขนาดไหน ได้แค่จินตนาการ...อยากทำจริงก็ดูจะบ้าไปหน่อย เขาเอื้อมมือไปช่วยพี่พีของเขา...ย้ำว่า “ของเขา” ถือของกินเหล่านั้น

“โหย พี่พีไม่จำเป็นต้องซื้อมาให้ก็ได้นะ แต่ก็ขอบคุณครับ...หิวพอดีเลยล่ะ ผมไม่เกรงใจพี่น้า” ดวงตาซุกซนของท่านขุนทำให้พีระพลระบายยิ้ม

“เอาสิ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกครับ ที่จริง...พี่ต้องขอโทษด้วยเรื่องเมื่อคืนนี้” นี่สินะเหตุผลที่พัดเอาพี่พีตัวหอมมาถึงร้าน

“ไม่เป็นไรพี่ อย่าคิดมาก...ผมต้องหากที่ต้องขอโทษ ผมเป็นฝ่ายจูบพี่นะ” พูดมันโต้งๆ ไปเสียอย่างนั้น พีระพลยิ้มกว้างกว่าเดิม...อาจเพราะเขินหรือว่าเขาขำกันแน่ อันนี้ท่านขุนไม่แน่ใจนัก

“ต้องคิดมากสิ เราเสียหายนะครับ...” คนฟังเม้มปากแน่น

“ไม่เห็นเสียหายเลย...” ท่านขุนลอยหน้าลอยตาเดินนำเข้าร้าน โดยตีไหล่แอ้เบาๆ เพื่อบอกให้ลูกน้องพักได้แล้ว

กริ๊ง....

เพียงแค่พีระพลก้าวเท้าเข้าร้าน ดวงตาสองสีฟ้าเหลืองก็ตวัดมองทันที กลิ่นตัวแบบนี้...เสียงฝีเท้าอย่างนี้ ต้องคนเมื่อวานแน่นอน แล้วมณีก็คิดไม่ผิดเลยเมื่อเห็นชายหนุ่มมาดภูมิฐานเดินเข้ามาในร้าน แม้กลิ่นอาหารในมือท่านขุนจะโชยเตะจมูกมากแค่ไหน มณีก็ยังไม่ละสายตาจากพีระพลอยู่ดี

“พี่พีนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวผมไปจัดจานให้”

“ไม่เป็นไร พี่ช่วยดีกว่านะ” ก็คนมันเกรงใจ มากินร้านเขายังมาใช้เจ้าของร้านอีก แล้วเจ้าของร้านเราก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มรับหน้าระรื่น

“แล้วทำไมพี่พีถึงมากินนี่อะ....อย่าบอกนะว่าเพื่อขอโทษผมโดยเฉพาะ” ระหว่างเดินเข้าครัวหลังร้าน ท่านขุนปรายตามองคนเดินตาม

“อื้อ พี่ล่วงเกินท่านขุนไป พี่ขอโทษจริงๆ” ชั่วแวบหนึ่งท่านขุนคิดว่าคนที่คิดแบบนี้ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้จริงเหรอ หรือว่านี่อาจเป็นเพียงแผนการของพี่พีกันแน่ล่ะ ไม่ๆ  ดูยังไงพี่พีก็ไม่มีทางซ่อนแผนเหมือนเขาหรอก

“พี่พีคิดอะไรเป็นคนแก่เลย...” เขาเปรยเบาๆ คิดว่าอีกฝ่ายจะเคืองหรือไม่ ทว่าคนฟังกลับขำ

“พี่คงแก่แล้วล่ะ”

“บ้า ผมหยอก พี่พีไม่แก่หรอก...หล่อขนาดนี้แก่ก็มีเสน่ห์นะ” คนฟังไม่ได้คิดมากอะไร แต่คนพูดเนี่ยสิ...ส่งความนัยเต็มๆ

“เขินนิดๆ แฮะ” รอยยิ้มขำของพี่พีนี่...ละลายใจเป็นบ้า ท่านขุนเม้มปาก...จับมาจูบโดนต่อยแน่!

ความคิดของท่านขุนหยุดฟุ้งซ่านเมื่อมณีเดินเข้ามาพันเข้งพันขา เขาก้มไปยิ้มให้แมวน้อยสีขาวเบื้องล่างก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวเอาอาหารมาเสิร์ฟ เขาตรงเอาถุงทั้งหมดไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ เลือกเอาอาหารมณีออกมาเทให้เธอก่อนที่จะจัดจานของตนเอง เมื่อมณีได้อาหารแล้วเธอก็เดินนวยนาดไปกิน ไม่สนใจหนุ่มหล่อทั้งสองอีก

“มณีทรงสวยมากเลยนะ” พีระพลเปรยขึ้น

“ครับ ราคาก็สูงไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน” ท่านขุนเริ่มเทอาหารใส่จาน เป็นกับข้าวเสียส่วนใหญ่ แถมมาจากร้านดังย่านนี้เสียด้วย รสชาติดีเยี่ยม...เขากล้ารับประกันเพราะไปกินมันบ่อย

“ว่าแต่ทำไมชื่อมณีล่ะ...” จากจะมาช่วย ตอนนี้พีระพลเดินเข้าหาเจ้าเหมียวหวังลูบหัวเล่นหาง ก็เมื่อวานมาไม่เจอเธอนี่ เจออีกทีก็โดนกัดกับข่วนไปแล้ว นี่แขนของเขายังเป็นแผลอยู่เลย กลับบ้านเมื่อคืนเขาเมาแต่ต้องมานั่งทำแผลให้ตัวเอง

“ตั้งให้เข้ากับชื่อผมน่ะ” เจ้าของร่างโปร่งไม่ได้บอกความจริงว่าชื่อนี้แฟนเก่าเป็นคนตั้ง บอกแค่เหตุผลที่แท้จริงของชื่อนี้เท่านั้น

“นั่นสิเนอะ เข้ากับท่านขุนจริงๆ ด้วย” จังหวะนั้นท่านขุนหันไปมองพี่พีของเขาซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้กับมณี และเงยหน้ามองเขาอยู่ ราวกับดวงตาสีน้ำตาลคู่คมนั้นได้สะกดเขาเอาไว้...พี่จะดูดีทุกมุมไม่ได้นะเว้ย!

“ขอบคุณครับ” เขาตอบได้แค่นั้น อยากเบี่ยงสายตาหลบจากผู้ชายตัวใหญ่แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ก็เลยเฝ้าดูพี่พีของเขาลูบหัวมณี เหมียวน้อยไม่ยอมง่ายนัก เธอยกเท้าหน้าขึ้นผลักมือขาวสะอาดนั้นออกให้พ้นตัว ปฏิเสธเกือบเต็มกำลัง ก็เธอกินอยู่ไม่เห็นหรือไง...จะให้ไปแว้ดตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆ พีระพลไม่ยอมง่ายๆ ซ้ำยังมองว่ามันน่ารักมากอีกต่างหาก เขาพยายามลูบหัวมณีอยู่หลายครั้ง เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง และท้ายที่สุดมณีก็กัดเข้าไปหนึ่งทีที่มือขาวนั่น!

พีระพลเงียบกริบ...ไม่ส่งเสียร้อง เขายิ้มบางๆ มองตามณีที่กัดเขาไม่ยอมปล่อย เล่นเอาแมวน้อยไม่พอใจจนเป็นฝ่ายสะบัดหน้าหนีไปเอง หยิ่งจังน้า...พีระพลคิดแบบนั้นขณะที่ผละออกมาจากเจ้าเหมียว

โดนแมวกัดไปหนึ่งที พีระพลถึงได้เดินมาช่วยท่านขุนจัดจาน ไม่ใช่ยอมแพ้ต่อความดุเจ้าแมว แค่รู้สึกไม่อยากสร้างความรำคาญให้มันมากไปกว่านี้เท่านั้นเอง เขาไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเจ้าของร้านหนุ่มเฝ้ามองอยู่ตลอด ขนาดมายืนใกล้กัน ช่วยกันเทอาหารใส่จาน พีระพลยังสนใจแค่สิ่งของตรงหน้าไม่ใช่ชายหนุ่มข้างกาย เรียบร้อยทุกอย่างท่านขุนและเขาก็ช่วยกันยกไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวในครัวนั้น

“เออ แขนที่โดนข่วนเป็นยังไงบ้างพี่ มันอักเสบไหม...” เพิ่งนึกขึ้นได้ มองนานจนลืมถามสิ่งสำคัญไปหนึ่งอย่าง

“ไม่นะ ไม่เป็นไร...นิดเดียวเอง” พี่พีตอบเสียงนุ่มทุ้มรื่นหู ท่านขุนอยากไปนั่งเบียดข้างพี่พีแต่คิดว่านั่งฝั่งตรงข้ามก็เห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจนดี

“ไม่ต้องห่วงนะพี่ มณีฉีดยาครบแล้วล่ะ”

“ดีจัง พี่ว่าจะถามพอดี” แล้วเขาก็ขำเบาๆ

รอยยิ้มพี่พีไม่ทำให้ท่านขุนเบื่อเลย…ตั้งแต่เมื่อคืนที่ได้ดื่มเบียร์ด้วยกัน เขาเฝ้ามองมันเพลินตาไปหมด ดูเหมือนพี่พีของเขาก็ไม่ได้เบื่อที่เขาชวนคุย กลับนั่งฟังอย่างตั้งใจเสมอ คนมีเสน่ห์น่ามองขนาดนี้ไม่มีเจ้าของมันจะเป็นไปได้เหรอ...

“ขุนเรื่องเมื่อคืนนี้พี่ขอโทษจริงๆ นะ” ท่าทางมันดูจริงจังมากกว่าเมื่อกี้

“พี่พีอย่าคิดมากสิ ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ...ผมเป็นคนทำมันนี่นา” ท่านขุนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาคู่นั้น

“ถึงอย่างนั้นพี่ก็รู้สึกว่าพี่ทำไม่ถูก” จะมีกี่คนที่คิดแบบนี้...จะมีกี่คนมานั่งขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เริ่ม พีระพลอาจไม่รู้ แต่ท่านขุนรู้สึกปลื้มใจกับชายคนนี้...

เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้สึกมั่นคงและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ให้ความรู้สึกว่าน่าอ้อน...แล้วก็น่าเอาใจใส่ไปพร้อมกันเลย ทั้งที่พี่พีน่าจะไม่ชอบกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป กลายเป็นพี่เขารู้สึกผิดที่ทำให้ท่านขุนต้องแปดเปื้อน จู่ๆ ก็คิดว่าตัวเองเป็นเด็กสาววัยแรกแย้มที่เพิ่งเสียจูบแรกให้กับชายหนุ่มในอุดมคติ

“ไม่เอาหน่าพี่ พี่พีรู้สึกผิดขนาดนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่นะ เพราะผมเป็นคนเริ่ม...” ท่านขุนส่งสายตาหวานๆ

“พี่พีไม่ได้ผิดอะไร ผมต่างหากสิที่ผิด ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพี่พี เกิดแฟนพี่พีรู้...เขาต้องโกรธแน่ๆ เลยล่ะ” ก็ว่าไป...พี่พีต้องไม่มีแฟน ท่านขุนเชื่อมั่นแบบนั้น คนฟังยังคงยิ้มบางๆ ดูอ่อนโยน

“พี่ไม่มีแฟนหรอก” เห็นไหม...ท่านขุนผู้นี้คิดผิดที่ไหน เซ้นมันแรงอะนะ

“ไม่มีคนที่คบหรือคุยงี้เหรอ” ท่านขุนตีหน้าตกใจทั้งที่ข้างในโคตรเนื้อเต้น

“อื้อ ไม่มีครับ”

“อ่า...ได้ไง พี่ออกจะดูดี เป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้ต้องมีแฟนสาวบ้างแหละ” พีระพลยังคงยิ้ม

“พี่ไม่ได้อยากได้แฟนสาวน่ะ...” โว้ว...อยากออกไปกระโดดชัยโยโฮ่ฮิ้วให้โลกนี้ได้รู้ว่าคนที่เขาหมายตาไม่ชอบผู้หญิง!

แต่ก่อนที่ท่านขุนจะได้ยิงคำถามหรือเจาะลึกมากไปกว่านี้ เสียงเรียกสายของพีระพลก็ดังขึ้น เขาก้มหัวนิดหน่อยเพื่อขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ โคตรขัดจังหวะเลย ดีนะที่กินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็กินไปคุยกันไปก่อนหน้านี้แหละ สำหรับลูกน้องทั้งสองน่ะไม่ต้องห่วง ของพวกมันอยู่ในถุง พวกมันไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการสนทนาของเจ้านาย

“เออ พี่ต้องกลับก่อนะ...พอดีงานมีปัญหานิดหน่อย ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยเก็บจานเลย” พีระพลเดินกลับเข้ามาบอก

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวพวกผมเก็บเอง แค่พี่ซื้อเลี้ยงนี่ก็เกรงใจจะแย่แล้วครับ รีบกลับไปทำงานเถอะ”

“ขอโทษจริงๆ นะ”

“ไม่เป็นไร…พี่ขอโทษบ่อยจนผมเกรงใจแล้วเนี่ย” ถ้าพูดคำว่าขอโทษอีก ขอลงโทษพี่ด้วยการจูบปากหนึ่งทีได้ไหม...ท่านขุนแอบคิดเพราะปากสีนู้ดนั่นมันน่านัก

“ฮ่าๆ เค...พี่ไปแล้ว ขุนตั้งใจทำงานนะ” ได้ยินแค่นี้ก็ชื่นใจแล้วพี่เอ้ย

“ครับ พี่ก็ด้วย” พี่พียกมือบ๊ายบาย ไม่ใช่แค่เขา แต่กับลูกน้องและแมวน้อยด้วย ทุกคนยิ้มให้พีระพลด้วยไมตรี ต่างจากมณี...เธอไม่สนใจ

ท่านขุนเดินออกไปส่งพีรพลขึ้นรถ เฝ้ามองจนกระทั่งรถเก๋งสีดำแล่นออกจากลานหน้าร้านไป เขาเดินกลับเข้าด้านในด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม มีความสุข...นี่คือสิ่งที่กระจายอยู่ในความรู้สึกท่านขุน เขาก้มลงไปอุ้มมณีขึ้นมากอดมาหอม โดยเฉพาะตรงที่พี่พีลูบไล้ เขานี่แทบเอาหน้าถูไถไปมา

“เป็นเอามากนะพี่” จิมเอาปากเข้ามาสอด

“เสือก...” แค่นั้น...เจ้าเด็กนี่มันสะทกที่ไหน มันก็ขำแล้วเดินเข้าครัวเพื่อกินมื้อเที่ยงกับแอ้

ท่านขุนไม่ได้สนใจใยดีความรำคาญที่มณีแสดงออก ตอนนี้เขาบังคับเจ้าเหมียวน้อยให้นอนบนตักพร้อมกับโทรไปหาคนบางคน เขาคนนี้น่าจะรู้เรื่องของพี่พีมากที่สุด หากจะจีบเขา...ก็ต้องเก็บข้อมูลของเขา และจะให้ดียิ่งขึ้นก็ต้อง...มีลูกมือ!

….100%….

ท่านขุนของเราเริ่มวางแผนตะครุบเหยื่อแย้ววววว ร้ายนักน้า พี่พียิ่องใสซื่อ มาโดนจ้องง้าบแบบนี้น่าฉงฉานนนน

*ขออภัยที่มาช้าน้า ช่วงตอนแรกๆ อาจอืดหน่อย ขอเวลาแต่งสต๊อกแล้วจะมาไวขึ้นเน้อ ฝากเมนต์ฝห้บ้างนะค้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>…ตอนที่ 2 [100%]…<

พีระพลเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆ เด่นชัดรับกับคิ้วเรียวได้รูป จมูปโด่งโดยไม่ต้องศัลยกรรมกับปากสีนู้ดสดใสเพราะไม่เคยสูบบุหรี่ ครอบครัวฝั่งแม่ของพีระพลเป็นผู้ดีเก่า ทำให้เขาถูกอบรมและสั่งสอนในเรื่องมารยาท การเข้าสังคม การวางตัวหรือแม้แต่ทัศนะคติตามแบบแผน ดีที่ความเข้มงวดของครอบครัวไม่ได้กดดันจนเขาไม่มีความสุขกับชีวิต ยิ่งพ่อเป็นอเมริกันชน ก็ยิ่งได้รับวิถีชีวิตอิสระมา เขาคือส่วนผสมที่พ่อแม่และครอบครัวต่างภาคภูมิใจ

ติดอย่างเดียว...พีระพลไม่ชอบผู้หญิง

เขาไม่มีความสนใจในทรวดทรงองเอวของหญิงสาวมาแต่ตั้งแต่วัยเยาว์ ความสวยงามของสตรีเป็นสิ่งจรรโลงใจ แต่เขาก็ไม่ได้มีความอยากสัมผัสมันแม้แต่น้อย ครั้งแรกที่คนในบ้านรู้ พวกผู้ใหญ่ค่อนข้างแอนตี้กับความผิดเพศของพีระพล นั่นเป็นมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ของเขา...มันใหญ่จนเขาไม่มีทางลืมเลือนมันได้ จากที่เคยมองว่าการสั่งสอนของครอบครัวไม่ได้น่าอึดอัด พีระพลกลับได้เห็นความเข้มงวดในเรื่องเพศมากเกินความจำเป็น มีเพียงพ่อของเขาที่หัวสมัยใหม่และไม่ได้คิดว่าการที่ลูกชายเป็นแบบนี้มีปัญหากับชีวิต

จริงที่พ่อของพีระพลนับถืออีกศาสนาที่มีคำสอนในเรื่องการครองเรือนชัดเจน แต่พ่อกลับบอกเขาว่า...แท้จริงของคำสอนคือความสันติ พระเจ้าสอนให้บุตรพระองค์ทรงรักกัน นั่นต่างหากคือคำสอน บางครั้ง บางสิ่งบางอย่างเราก็จำกัดมันไม่ได้ พีระพลก้าวข้ามปัญหามาได้เพราะพ่อของเขา และเพราะการที่เขาไม่ชอบหญิงสาวทำให้ครอบครัวผิดหวัง พีระพลจึงไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังอีกในเรื่องอื่นๆ

เขาตั้งใจเรียนหนังสือ...คว้าเกรดดีๆ มาชดเชย ได้รับรางวัลดีเด่นมากมาย เขาเป็นลูกที่ดีหลานที่ดี จนท้ายที่สุดคนในครอบครัวก็ยอมรับในตัวตนของเขา ทว่าการอ่านเรียนอย่างตั้งใจเกินไปทำให้สายตาพีระพลเสียตอนเข้ามหาวิทยาลัย มันเริ่มพล่ามัวและท้ายที่สุดเขาก็ต้องใส่แว่นสายตา

มันน่ารำคาญ...ช่วงแรกๆ เขารำคาญแว่นสายตาของตนเองมาก กว่าจะปรับตัวเข้ากับมันได้ก็ใช้เวลาเกือบปี ในยุคนั้นคอนเทคแลนส์ยังไม่แพร่หลายเช่นทุกวันนี้ แล้วตอนนี้เขาก็ปามาสามสิบสี่แล้ว คงไม่คิดกลับไปใส่คอนเทคแลนส์ให้ยุ่งยาก

ชีวิตของพีระพลจะว่าน่าเบื่อก็น่าเบื่อ เขาเจ้าระเบียบ ใช้ชีวิตตามแบบแผนของตนเองชัดเจน ตื่นนอนหกโมง ออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงแล้วอาบน้ำในตอนเจ็ดโมงเช้า มื้อแรกของวันไม่เคยเกินเจ็ดโมงครึ่ง จากนั้นก็ออกมาทำงาน เขาประจำอยู่ห้องแลปในบริษัทแห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับการชุบอะไหล่รถยนต์ และต่อให้ในแลปสามารถทำงานแบบยืดยุ่นได้ พีระพลก็ไม่ทำ แปดโมงเริ่มตักน้ำยาและเคลียร์ค่าเคมีเสร็จก่อนสิบโมงครึ่ง หลังจากนั้นเขาจะทำกราฟเคมีต่อจนเรียบร้อยดีในเวลาสิบเอ็ดโมง

มันตายตัว...มันจืดชืด ไม่ว่าใครก็มองมันเป็นแบบนั้น แต่พีระพลกลับรู้สึกว่าชีวิตที่เป็นระเบียบอย่างที่เป็นนี้คือชีวิตที่เรียบง่ายและสบายใจ ช่วงเวลาว่างๆ เขามักหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน นักวิเคราะห์เคมีดูจะต้องอ่านเกี่ยวกับวิชาการ อัปเดตเคมีตัวใหม่หรือแม้แต่ความเคลื่อนไหวในวงการวิทยาศาสตร์ แต่ไม่เลย...พีระพลชอบชื่นชอบผลงานเชิงเหนือธรรมชาติเป็นที่สุด

นั่นเป็นสีสันเดียวในชีวิตของเขา...ก็ในมุมคนอื่นนะ สำหรับเขา นี่แหละ...ความสุข

ยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ พีระพลจะใช้เวลาครึ่งวันทำงานบ้านของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็จะอ่านหนังสือบ้างก็หาหนังดูจนมันผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน อีกอย่างที่เขาติดคือการออกกำลังกาย มันเป็นช่วงที่เขาเรียนจบแล้วได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ที่นั่นเขามีเพื่อนคนหนึ่งชอบชวนไปออกกำลังบ่อยๆ อย่างมากก็จ็อกกิ้งในช่วงเช้า พีระพลจึงติดการออกกำลังมาตั้งแต่สมัยนั้น นั่นเป็นเหตุให้ภายใต้เสื้อเชิตดูเรียบร้อยของเขาเต็มไปด้วยหมัดกล้าม

บางครั้งเขาก็ออกที่ยวกลางคืนบ้าง ร้านนั่งชิวมีโฟล์กซองคือสิ่งที่พีระพลค่อนข้างชอบ หรือเพื่อนๆ ชวนเขาก็สามารถไปเที่ยวสถานบันเทิงได้ตามปกติทั่วไป ไม่ได้แปลกแยกขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่าชอบอะไร...เขาคงตอบว่าชอบนอนอ่านนิยายอยู่ที่ห้องมากกว่า

“ไอ้พี...” เขาละสายตาออกจากตัวหนังสือ ในฉากนั้น ตัวเอกกำลังจะเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร ความจริงถูกซ่อนอยู่ในนั้นและมันเป็นจุดไคลแม็กส์ของเรื่อง พีระพลไม่พอใจนิดหน่อย

“อะไร”

“เที่ยงนี้มึงไปไหนปะ” เพื่อนสนิทที่สุดในไทยควบตำแหน่งผู้จัดการบริษัทอย่างแจ็กเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ว่างข้างกาย และเพราะเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น
 ทำให้แจ็กติดกูมึงมาตลอด พูดกันเฉพาะอยู่ด้วยกัน ไม่ใช้คำแบบนี้ต่อหน้าลูกน้อง

“ไม่นะ”

“แต่เมื่ออวานมึงไป” แจ็กส่งสายตารู้ทันมาให้ ก็ใช่...เขารู้ว่าเพื่อนตัวดีไปไหนมาเมื่อวานนี้

“อืม ไปหาท่านขุน ซื้อของไปฝากน่ะ...” เขาไม่ได้บอกว่าไปเพื่อขอโทษที่ไปจูบกับท่านขุนตอนเมา

“เหรอ สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เปล่า แค่เอาของไปขอบคุณ เมื่อวันก่อนนั้นรบกวนเขาเยอะ” แจ็กทำเป็นเข้าใจ ทั้งที่รู้เรื่องลึกกว่านั้น

“มึงว่าท่านขุนเป็นไงมั้ง...” แปลกใจเหมือนกันที่แจ็กถามแบบนี้ แต่พีระพลก็ไม่ได้คิดมาก

“เขาดูดีนะ ในหลายๆ ความหมาย” ทั้งการต้อนรับลูกค้า ท่านขุนมียิ้มไมตรีให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามา ดูเป็นคนรักสนุก...ชอบปาร์ตี้และซุกซน วัยนี้เป็นอย่างนี้ก็คงปกติ

“แค่นั้นเหรอ...”

“ทำไมอะ ต้องมีอะไรมากกว่านั้นเหรอ” อันนี้พีระพลไม่เข้าใจจริงๆ

“เปล่า ช่างเหอะ...วันนี้ไปกินข้าวกัน” คนโดนชวนพยักหน้ารับง่ายๆ

พีระพลโสดมาได้จะห้าปีแล้ว คนล่าสุดที่เขาคบเป็นนักวิเคราะห์เคมีด้วยกันตอนทำงานที่เก่า อีกฝ่ายเป็นคนรักสนุกพสมควร มันไม่มีปัญหาหรอกเพราะต่างคนต่างก็ให้อิสระกับอีกฝ่าย ทว่าตอนหลังอีกฝ่ายย้ายไปทำงานต่างเมือง ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วก็ค่อยๆ ห่างกันไป รู้ตัวอีกทีอีกฝ่ายก็บอกเลิกเขา อาจเป็นโชคดีที่เขาและฝ่ายนั้นห่างกันสักพักก่อนจะเลิกรากันไป พีระพลจึงไม่ได้เจ็บปวดมากนัก

ช่วงแรกก็เจ็บปวด…ไม่นานมันก็หายไป

พีระพลไม่ได้คบหาดูใจกับใครอีกเลย ด้วยไลฟ์สไตล์ชีวิตเขาเป็นแบบนี้ จะหาคนที่ถูกใจและคุยถูกคอนั้นมันค่อนข้างยาก ในหลายปีมานี้ ท่านขุนเป็นคนนอกที่เขาคุยด้วยแล้วสบายใจที่สุด

ทั้งสองเดินออกมาจากห้องแลปตอนเสียงหวอพักเที่ยงดังขึ้น โดยเดินทางด้วยรถของพีระพล ยังไงเขาก็ไม่ไปด้วยรถมอเตอร์ไซก์ของแจ็กแน่นอน เขาไม่ชอบ มันดูไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ระหว่างขับไป แจ็กเพื่อนสนิทไม่ยอมบอกจุดหมาย แค่บอกทางไปเรื่อยๆ จากสงสัย กลายเป็นคุ้นเคย...

เส้นทางนี้เขาไม่ได้จำแม่นแต่ก็จำได้ดีว่ามันจะไปหยุดที่ไหน พีระพลคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ทางที่คิดก็ได้ อาจเป็นร้านอาหารที่เขาไม่รู้จักซ่อนตัวอยู่ในหลืบใดหลืบหนึ่ง เพราะแจ็กเคยพาเขากินอาหารข้างทางแล้วอร่อยมากอยู่บ่อยครั้ง

“กินข้าวที่นี่จริงดิ” แต่ความคิดพีระพลมันผิด ร้านที่แจ็กพามาก็ร้านที่แว้บเข้ามาในหัวเขาแต่แรกนั่นแหละ

“เออ” แจ็กตอบห้วนๆ เขาก้าวขาออกจากรถด้วยความรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย ขับมอเตอร์ไซก์เป็นนิสัยจนชิน มานั่งรถเก๋งแบบนี้ก็เลยมีอาการเมารถหน่อยๆ

“สวัสดีครับ เข้ามาข้างในกันก่อน...ผมจัดโต๊ะแล้วเรียบร้อยเลย” ท่านขุนเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม กลิ่นอาหารยังคงติดตัวเขา แม้ยืนห่างก็ได้กลิ่น

พีระพลไม่ทันเห็นรอยยิ้มรู้กันของแจ็กกับท่านขุน เขาหันไปล็อกรถพร้อมทั้งเช็กว่ามันปิดสนิทดีด้วยการเปิดมันอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นถึงได้สบตากับเจ้าของร้านหนุ่ม ท่านขุนอยู่ในชุดคล้ายแบบเดิม กางเกงสามส่วนสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อยืดคอกลมสีดำเปื้อนคราบน้ำมัน หน้าตาออกลูกครึ่งจีนนิดๆ ของท่านขุนทำให้พีระพลคิดว่า หากเขาแต่งตัวให้ดีกว่านี้ เซทผมรองทรงเสียหน่อย ท่านขุนคงหล่อเหลามากเอาการ แค่นี้ยังมีเสน่ห์ชวนมองเลย

“ทำไมมากินที่นี่” พีระพลแอบถามเพื่อนนิดหน่อย ท่านขุนเดินนำเข้าไปด้านในแล้ว

“ไมวะ แปลกเหรอ...กูมากินบ่อยนะ ขุนมันทำอาหารอร่อยดี”

“รบกวนเขา”

“รบกวนอะไรกัน ตอนมันอยากดื่มมันรบกวนกูยิ่งกว่านี้อีก” แต่มึงก็อยากมาดื่มไม่ใช่หรือไงวะ พีระพลคิดในใจเงียบๆ

“อืมๆ” แจ็กอาจไม่เกรงใจ แต่พีระพลไม่ใช่... เขารู้สึกว่าไม่น่ามารบกวนท่านขุนเลย หากไปหาอะไรกินด้านนอกยังพอหารค่าอาหารได้ มากินที่ร้านแถมเจ้าของร้านทำอาหารเองแบบนี้มันจะแชร์ค่าอาหารได้ยังไงล่ะ จะให้อุดหนุนสิ่งของในร้านเป็นการตอบแทนก็ไม่ได้อีก พีระพลไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เซฟตี้ขับรถเก๋งธรรมดา

เสียงกระดิ่งใสกังวานเรียกสายตาของร่างสูง พีระพลหันไปมองมณีเดินออกมาจากหลังโซฟาหนังสีดำ มันเอาตัวเองถูครูดกับผิวโซฟาจนทำให้ตัวมันดูเอียงไปข้างหนึ่ง ดวงตาสองสีมองตอบโต้เขาก่อนจะหันไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ

น่ารัก...พีระพลคิดว่าความหยิ่งนิดๆ ของมณีเป็นสิ่งที่น่ารักน่าเอ็นดู เขาว่าแมวจะครองโลก เคยได้ยินแต่ปฏิเสธไม่ออกว่ามันก็อาจจะจริง เพื่อนเขาเคยเลี้ยงแมว มันฉลาดติดชอบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ สั่งให้ทำอะไรจะไม่ทำ แต่ถ้ามันอยากจะเอาอะไรสักอย่างมันก็จะทำตัวน่ารักมากๆ อ้อน คลอเคลีย จากราชินีกลายเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยไปในทันตา พีระพลเดินเข้าไปหาเจ้าเหมียวน้อยแทนตามแจ็กเข้าครัว

ท่านขุนหันกลับมามอง พี่พีของเขากำลังก้มลงไปหยอกล้อเจ้ามณีอยู่ตรงหน้าโซฟา แจ็กมองตามก่อนหันมายิ้มรู้ทันใส่เจ้าของร้าน ท่านขุนส่งเสียงขำเบาๆ เขาไม่ปฏิเสธสายตานั้นของพี่แจ็ก จะให้ปฏิเสธอะไร ในเมื่อเมื่อวานนี้เขาสารภาพกับแจ็กไปเองนี่นา

“สวัสดีครับ” พีระพลส่งเสียงทักทายมณีน้อย ตาสองสีนี่สวยจริงๆ

“เมี๊ยว...” มันไม่ได้ส่งเสียงอ้อน มณีกระโดดขึ้นนอนบนโซฟา พีระพลเขยื้อนกายตามไปลูบขนนุ่มมือ

“มณีกินข้าวยัง...” มันตอบไม่ได้หรอก แถมมณียังไม่ชอบที่เขาลูบขนตัวเองด้วย

“แง่ว!” เธอดันมือนั้นออก มีลอบข่วนนิดหน่อยซึ่งอีกฝ่ายทำแค่ยิ้มรับกลับมา

มันโรคจิต....มณีคิดแบบนั้น

“ดุจังเลยอ่า ดีกันนะมณีจ๋า” น้ำเสียงนุ่มๆ นั้นชวนเคลิ้ม...เหมือนตอนท่านขุนพูดกับเธอเลย มันชวนฟังจริงๆ แต่ไม่หรอก ไม่ดีด้วยง่ายๆ หรอก

“ไว้ซื้อของเล่นมาให้เอาไหม หรือมณีอยากกินขนมครับ” อยากกินสิ แน่นอนของกินคือสิ่งสำคัญ

“เหมี๊ยว....”

“เอาทั้งสองเลยเนอะ” ใช่ เอาทั้งสองนั่นคือดีมาก

พีระพลลูบขนมณีอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ปฏิเสธ ไม่ข่วนหรือกัดเขา นอนเฉยๆ ปล่อยให้มือหนาลูบไล้ นี่ไม่ได้ยอมเพราะสิ่งของนะ...ไม่เลย ท่านขุนเลี้ยงดีอยู่แล้ว แต่ที่นอนนิ่งเนี่ยเพราะมันก็สบายดีต่างหาก มณีปรายตามองพีระพลอีกหน่อยก่อนจะฝุ่บหน้าลงนอนกับขาหน้าตัวเอง ไม่สนใจชายหนุ่มอีก

พีระพลไดด้ลูบไล้สมใจแล้วจึงเดินเข้าไปในครัว เขาเสียเวลาอยู่กับมณีแค่ไม่นานดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำให้ใครรอแน่นอน แล้วก็จริงเมื่อเข้ามาพบว่าท่านขุนกำลังยกข้าวกับข้าวอยู่ แจ็กนั่งกดมือถือพิมพ์อะไรไม่รู้ พีระพลตรงเข้าไปช่วยทันทีไม่คิดอะไร

“พี่ช่วยนะ โทษทีตามเข้ามาช้า” หม้อข้าวถูกพีระพลยกมาวางไว้มุมโต๊ะ

“ไม่เป็นไรครับพี่พี แค่พี่พีมาก็ดีใจแล้ว นี่ผมทำเองหมดเลยนะ…ไม่รู้จะถูกปากพี่พีไหม” พีระพลมองไปที่โต๊ะอาหาร กับข้าวส่วนใหญ่เป็นของชอบเขา ปลาผัดใบตั้งโอ๋ ต้มจืดซาหร่าย กุ้งกระเทียมแบบกรอบๆ ผัดคะน้าน้ำมันหอย...นี่มันบังเอิญล่ะมั้ง

“โห ของโปรดพี่หมดเลย” ว่าแล้วพีระพลก็ยิ้มหวานส่งให้ท่านขุนโดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นกระตุ้นความคิดชั่วร้ายในหัวท่านขุนขนาดไหน

แจ็กทำตัวเป็นอากาศธตุ ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่เขาสองคนคุยกัน ซ้ำยังนั่งฝั่งหนึ่งจนเต็ม พีระพลและท่านขุนจึงต้องไปนั่งคู่กันตรงข้ามเขาแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความใกล้ชิดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ของโปรดก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ยิ่งการมากินมื้อเที่ยงที่นี่ก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญเข้าไปใหญ่เลย

เมื่อวานหลังจากที่พีระพลกลับออกไปแล้ว ท่านขุนรีบโทรหาแจ็ก รุ่นพี่ในสายไบเกอร์อย่างไว ไม่สนว่าเขาจะมีงานไหมด้วยเพราะลืมคิดไปนั่นแหละ ท่านขุนยิงคำถามเรื่องแฟนพี่พีเป็นอย่างแรก รู้ว่าโสดมานานยิ่งมีความสุข ตามด้วยของโปรด กิจกรรมโปรด สีที่ชอบ เสื้อผ้าชุดประจำ หนังแนวที่ชอบ....ยิงรัวจนแจ็กตอบแทบไม่ทัน แจ็กสวนกลับแค่คำถามง่ายๆ ว่าชอบมันเหรอ...เท่านั้นทุกอย่างก็ลงล็อก

ได้ทั้งข้อมูลพื้นฐานและผู้ช่วย...

ที่จริงแจ็กไม่ตอบทุกอย่างที่ท่านขุนอยากรู้ ปล่อยให้ท่านขุนได้เรียนรู้ตัวเพื่อนเขาเอง แต่เขายินดีช่วยโดยแลกกับการที่ท่านขุนลดราคาทั้งซ่อมและซื้อให้เขาสิบถึงสิบห้าเปอร์เซ็นหนึ่งปีเต็ม มันโหดนะ ใช่ว่าจีบติด ท่านขุนเองก็หัวการค้าได้เรื่องอยู่ จึงต่อรองว่าให้รอบแรกแค่สามเดือน แต่ถ้าจีบติด...ให้หนึ่งปี

แฟร์ๆ...ข้อตกลงสมบูรณ์เมื่อต่างฝ่ายต่างพอใจกับข้อเสนอ

สิ่งแรกที่ท่านขุนต้องการคือโอกาส ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันและทำงานคนละรูปแบบกัน เขาต้องการเวลาได้ใกล้ชิดผู้ชายคนนี้ การพาพี่พีมากินมื้อเที่ยงด้วยเป็นด่านแรก และท่านขุนยังมีอีกหลายด่านที่จะทำต่อจากนี้ไป ขอเพียงให้พวกเขาได้ทำความคุ้นเคยกันมากกว่านี้ก่อน...

ถ้าพี่พีเป็นวัยรุ่นกว่านี้...หมายถึงวัยใกล้กัน มันจะง่ายมาก แต่นี่ไม่ใช่ รวมถึงการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ท่านขุนพอรู้แล้วว่าพี่พีมักทำอะไรในเวลาว่าง...เขาไม่ได้มองมันน่าเบื่อ แต่มองว่ามันน่าสนใจดีเหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องเข้ากันได้ดีมากนัก หรือชอบอะไรเหมือนกันไปเสียหมด

เพราะคำว่ารัก...มันไม่ได้จำกัดด้วยไลฟ์สไตล์

นั่นคือสิ่งที่ท่านขุนคิด แต่กับพี่พีของเขานั้น...ต้องรอดูต่อไป

“นี่กุ้งตัวโตๆ ผมยกให้พี่พีเลย...” เอาใจด้วยการตักกุ้งกระเทียมตัวโตใส่จาน พร้อมทั้งกระเทียมเจียวกรอบๆ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

“ขอบคุณครับ”

“พี่พีชิมสิ ถูกปากไหม” ในสายตาพีระพลตอนนี้ ท่านขุนเหมือนเด็กหัดทำอาหาร จะชอบให้คนนั้นคนนี้ชิมเป็นพิเศษเพราะไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่เขาว่ามันก็น่าเอ็นดู ด้วยท่าทางและบุคลิกซนๆ แบบผู้ชายเจ้าสำราญของท่านขุนดูจะสวนทางกับการเข้าครัวทำอาหาร

“อื้ม...อร่อยนะ”

“ใช่มะ นี่แหละ...เลยมาฝากท้องบ่อยๆ” อวยกันแบบนี้เยี่ยมมากพี่แจ็ก ท่านขุนขยิบตาหล่อๆ หนึ่งทีให้เพื่อนรุ่นพี่ฝั่งตรงข้าม ทุกคนเห็นหมด แม้กระทั่งมณีก็ยังเห็น แต่คนไม่เห็นคือ...คนข้างกายเขา

พี่พีใสซื่อแบบนี้…ตามไม่ทันเลยแบบนี้มันจะไม่น่าล่อลวงได้ยังไงกันล่ะ ท่านขุนตักอาหารทีละอย่างให้พี่พีของเขาชิม ได้รับคำชมทุกอย่าง ปกติก็เคยโดนชมจากคนอื่นที่มาฝากท้องตอนกลางวันบ้าง ตอนเย็นบ้างบ่อยครั้ง ทว่าหนนี้นี่มัน...อิ่มใจจริงๆ ท่านขุนลอบมองพี่พีของเขาบ่อยมาก บ่อยจนแจ็กส่งสายตาเย้าหยอก แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้าน ยักคิ้วตอบโต้กลับอีกต่างหาก แล้วเมื่อพีระพลเงยหน้ามอง ทุกอย่างก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ปกติขุนทำอาหารบ่อยหรือเปล่าเนี่ย” กับข้าวทั้งหมดโดนกวาดลงท้องชายหนุ่มร่างใหญ่สามคนจนหมด ดีนะที่ท่านขุนเผื่อแผ่ไปให้ลูกน้องของเขาแล้ว

ใช่! ท่านขุนได้ข้อมูลอีกอย่าง...พี่พีกินกุ้งไม่แกะเปลือก คือกินมันทั้งเปลือกเลย จดใส่สมองแป๊บ

“ก็บ่อยนะ ผมมันชายโสดอะพี่...ต้องพึ่งตัวเอง” น่าสงสารไหมล่ะ พี่อยากให้ผมหายโสดพี่ก็จงมาเป็นของผมเสียเถอะ ท่านขุนยิ้มให้พี่พีของเขา

“ฮ่าๆ พึ่งพาตัวเองได้เก่งนะเรา”

“ทำไงได้ล่ะ ผมก็อยากได้คนมาดูแลผมบ้างเหมือนกัน อืม ต้องเรียกดูแลกันและกันถึงจะถูกเนอะ” คนพูดนี่ยิงมุกใส่รัวๆ คนแก่ดันไม่เข้าใจ พี่พีพยักหน้าเข้าใจ

“พี่เข้าใจ...ถ้าได้คนดีๆ มาดูแลกันมันก็คงดีเนอะ”

“ใช่ไหมๆ พี่พีคิดเหมือนผมเลย” รอยยิ้มนั้นดูเจ้าเล่ขึ้นนิดหน่อย พีระพลไม่ได้สังเกต เขาเก็บจานอยู่

“คิดเหมือนกันแบบนี้ไม่ลงเอยกันเลยล่ะ” แจ็กช่วยชง ท่านขุนอยากยกนิ้วให้เป็นบ้า แต่เก็บอาการ พี่พีเงยหน้ามองเพื่อนยิ้มๆ ไม่พูดอะไร

“ไม่ดีมั้งพี่ พี่พีคงไม่ชอบเด็กแบบผมหรอก” ล้วงข้อมูลเข้าไปอีก

“เด็กๆ สิดี...ชุ่มชื่นหัวใจ ว่าไงล่ะพี” เจ้าของชื่อพอเดาทางได้บ้างแล้ว แต่คิดว่ามันเป็นคำหยอกเย้าธรรมดา

“อืม ก็ดี” เขาหมายถึงมันชุ่มชื่นหัวใจดีแบบที่แจ็กบอกนั่นแหละ จากนั้นพีระพลยกจานที่ถูกกินอาหารจนหมดไปที่ล้าง เขาไม่ลังเลที่จะถลกแขนเสื้อตัวเองขึ้นเพื่อทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้ ไหนๆ ก็มาอาศัยอาหารเขาแล้วช่วยกันทำความสะอาดไม่เสียหายอะไร

ถ้าพีระพลมีตาหลัง ตอนนี้เขาคงได้เห็นว่าท่านขุนกับแจ็กกำลังขมุบขมิบปากถามไถ่กัน หมายถึงอะไร...ทำไมพี่พีนิ่งจังเลย ท่านขุนงงใจ แต่แจ็กกลับตอบว่ามันก็แบบนี้แหละ อาจไม่พูดก็ได้ แต่คิดแน่ๆ...ใช่มันน่าจะรู้ ท่านขุนหันไปมองแผ่นหลังของพี่พี เขาตัดสินใจลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ ด้วยจุดที่พีระพลยืนอยู่มันติดมุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ครัว ขวามือเขามีจุดวางจาน ซ้ายเป็นอุปกรณ์ครัวต่างๆ ท่านขุนเลือกจะเข้าไปยืนด้านหลังแล้วทำทีเป็นเอื้อมหยิบจานล้างเสร็จวางคว่ำ

พีระพลตกใจนิดหน่อย เขาหันไปส่งยิ้มซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมาจากท่านขุน เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่นิดๆ ซุกซนหน่อยๆ คำแจ็กลอยเข้ามาในหัว...เด็กมันชุ่มชื่นหัวใจนะ ก็จริง แค่รอยยิ้มมันก็สดใสแล้วอะนะ

ก่อนกลับ พีระพลแวะเล่นกับมณีนิดหน่อย ดูท่าเจ้าเหมียวจะไม่สนใจหนุ่มรูปงามอย่างพีระพล แม้ตอนแรกจะตอบสนองบ้างเพื่อของเล่นและของกิน ทว่าตอนนี้กลับเมินพีระพลสนิท แถมฝากรอยเล็บเอาไว้ที่หลังมือของชายหนุ่มอีกสองแผลถ้วน…

….100%….

หายไปนาน ทุกคนลืมเค้ายางน้าาาาา ขอให้ยังไม่ลืมเค้านะเพี้ยง! จะพยายามมาบ่อยๆ นะคะ ช่วงนี้ติดรีไรท์นิยายอีกเรื่องนิดหน่อย ต้อขอโทษด้วยน้าที่มาช้า มาๆ หายๆ แฮ่  :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เอ็นดูแม่มณีมากกกก ไม่ได้ห่วงอาหารหรือของเล่นเลยจริงๆ

และสงสารพี่พีผู้เรียกร้องความสนใจจากแมวสุดๆ แต่ก็ยังโดนเมิน...ฮาาาา

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ฉันอยากจะตีๆๆมนีให้หัวทิ่ม คนเขาจะจีบกันยะนังแมวเอาแต่ใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>…ตอนที่ 3 [100%]…<

มณีฮึ้ดฮัดเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาในร้านอีกแล้ว...วันนี้เขามาคนเดียว ทั้งที่อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์นี้เขามากับชายผู้มีมาดเจ้ารำราญเสมอ ไอ้หนุ่มเจ้าสำราญนั่นเธอไม่สนใจหรอก เจอบ่อยแล้วก็ไม่คิดญาติดีด้วย ทว่าคนๆ นี้มันต่างกัน...ท่านขุนของเธอใส่ใจคนนี้ออกนอกหน้านอกตา

ขัดใจ!

เธอได้ของมาแล้ว ทั้งขนมและหนูโง่ๆ หนึ่งตัว มณีมองเศษซากอารายธรรมของหนูน้อย เล็บอันคมกริบของเธอกรีดแทงมันไปแทบทุกส่วน เนื้อยุ่ยกระจุยกกระจาย นี่แค่สี่วันเท่านั้นนะ มันกลับมีสภาพแบบนี้แล้ว ตอนนี้มณีหมดความสนใจเจ้าหนูหน้าโง่นั่นแหละล่ะ

เธอเดินนวยนาดเข้าไปหาชายหนุ่มใส่แว่นคนนั้น ไม่ได้จะคลอเคลีย ไม่ได้จะอ้อน แต่มาสังเกตการณ์เท่านั้นว่าวันนี้เขามาทำอะไร เห็นโพล่ทุกเที่ยง แย่งอาหารท่านขุนกินอยู่ได้ ส่วนเหล่านั้นมันควรเป็นของมณีแต่เพียงผู้เดียวเถอะ

“ไงจ๊ะมณี” ไม่ไงทั้งนั้น เสียงอ่อนเสียงหวานกล่อมมณีไม่ได้หรอก

“อ่า...” เธอเดินหนีหนุ่มหล่อออกมาราวกับสาวสวยผู้เลือกได้

“อ่าวพี่พี มาเร็วจัง” อย่ามาทำเป็นพูดแบบนั้นนะ เห็นหรอกว่าเข้าครัวทำอาหารรอพี่พีคนดีอยู่นานสองนาน ถ้ามีคิ้ว...ตอนนี้คิ้วมณีก็ขมวดเป็นปมไปแล้วล่ะ

“งานพี่เสร็จเร็วน่ะครับ แล้วแจ็กล่ะ...บอกว่าจะมาก่อนพี่ไม่เห็นรถมันเลย”

“ไม่เห็นเหมือนกันอะพี่ โทรถามดีไหม...” คนใส่แว่นพยักหน้า เขาหยิบมือถือเครื่องบางออกมาจากกระเป๋าหลังของตน กดสองสามทีแล้วเอามันแนบหู

มณีนอนมองชายคนนั้นจากโซฟาสีดำยาวตัวเดิม มันคือที่ประจำ และมันจะไม่มีวันเป็นที่ประจำของคนอื่นเด็ดขาด มณีมองเขาคุยกับใครไม่รู้ ทั้งที่เป็นคนยิ้มง่ายและดูสุภาพตลอด ทว่าหนนี้ดูคิ้วจะขมวดนิดๆ ฝ่ายท่านขุนก็มีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก มีหันมามองมณีด้วย...

เอาจริงๆ เป็นคนมั่นใจในตัวเองประมาณหนึ่ง แต่ตอนนี้ท่านขุนใจแป้วไม่น้อยเพราะว่าพี่พีของเขากำลังทำคิ้วขมวด พี่แจ็กหลอกให้พี่พีมาที่ร้านโดยตัวเขาเองไปนั่งกินมื้อเที่ยงในห้างกับกิ๊กสาวคนสวย พี่พีมารู้ตอนถึงร้านและมีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก แล้วแบบนี้จะให้ท่านขุนรู้สึกยังไง อย่างกับเขาไม่พอใจที่ต้องมากินข้าวที่นี่เลย

“เอ่อ...” ท่านขุนอยากจะบอกว่าถ้ามันฝืนใจ พี่พีจะกลับก็ได้ แต่อีกใจมันก็ไม่อยากให้ไปไง

“โทษทีครับ พี่ไม่พอใจที่แจ็กมันหลอกพี่น่ะ” แล้วดูเหมือนพี่พีของเขาจะดูออกว่าท่านขุนใจเสีย อาจจะยังไม่รู้ความรู้สึกหรือท่าทีของท่านขุนมากนัก แต่พอเราแสดงความไม่พอใจต่อหน้าใคร แน่นอนว่าคนๆ นั้นต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ

“ผมนึกว่าพี่รังเกียจที่จะมากินข้าวกับผมแล้ว” รอยยิ้มท่านขุนฝืดฝืน

“ไม่เลย พี่ไม่ได้รังเกียจ...พี่แค่ไม่ชอบที่แจ็กมันโกหกพี่แบบนี้ เอาหน่า...เราไปกินข้าวกันครับ พี่หิวแล้วล่ะ” พี่พีดูแคร์เขา แล้วเขาก็รู้สึกดีที่พี่พีแสดงออกเช่นนั้น แม้ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วพี่พีแค่เกรงใจ ทำตามมารยาทหรือว่ารู้สึกชอบเขาบ้างแล้วกันแน่

ไม่เป็นไร เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเร่งรัดเอานั่นเอานี่ได้ดั่งใจ จะเนียนจีบเนียนใกล้ชิดกันมันก็ต้องอดทนกันบ้าง ถือเสียว่าได้เห็นในมุมที่พี่พีไม่พอใจ ทุกครั้งที่ได้เจอ...นอกจากจะเอาของมาฝากเขา เด็กในร้านหรือมณีบ้าง พี่ยังยิ้มละไมอยู่เสมอ มันเท่นะ...แล้วมันก็ดูอ่อนโยนอยู่ในตัวมันเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่คิ้วพี่พีขมวดนับจากได้รู้จักกัน

อาหารของวันนี้ก็ยังคงเป็นฝีมือท่านขุนทั้งหมด เขาทำอาหารเก่งและหลากหลาย ยอมรับเลยว่าพีระพลไม่เคยเบื่อที่จะมากินข้าวเที่ยงกับท่านขุนทุกวันอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ อีกทั้งท่านขุนเองยังเป็นคนคุยสนุก มีเรื่องเล่าให้เขาฟังได้ทุกวัน

มันเป็นความสบายใจอย่างหนึ่ง...ติดที่เขาค่อนข้างเกรงใจกับการมารบกวนท่านขุนอย่างนี้ทุกวัน แล้ววันนี้แจ็กยังมาบอกว่าตนรออยู่ที่ร้านท่านขุน ให้พีระพลรีบมา แล้วพอมากลับไม่เจอตัว...ไปโพล่อยู่ห้างทานข้าวกับสาว เหมือนโดนหลอก แน่นอนพีระพลไม่ชอบแบบนี้ เขาเลยเผลอชักสีหน้าเล็กน้อยตอนได้รู้ว่าเพื่อนตัวเองอยู่ไหนและกับใคร

วางสายจากเพื่อนกลับได้เห็นสายตาหม่นๆ ของท่านขุนเข้า พีระพลจึงสำนึกได้ว่าเขาไม่น่าชักสีหน้าทั้งที่อยู่ต่อหน้าท่านขุน เจ้าของร้านเขามีน้ำใจแต่เรากลับทำเหมือนไม่อยากรับมัน ท่านขุนคงรู้สึกแย่มาก พีระพลไม่รู้จะทำยังไงนอกจากอธิบายและขอโทษ

“วันนี้งานพี่พีเยอะไหม” ท่านขุนเปิดบทสนาหลังเงียบกันไปพักหนึ่ง ปากถามแต่มือก็หยิบยกอาหารโดยมีผู้ช่วยเป็นพี่พีของเขา

“ก็เรื่อยๆ นะ ช่วงนี้ลูกค้าไม่เยอะงานก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่” ท่านขุนรู้ว่าพี่พีเป็นนักวิเคราะห์เคมี

“อ๋อ แล้ววันอาทิตย์นี้พี่พีไปไหนปะ” พีระพลหยุดงานแค่วันอาทิตย์วันเดียว นอกนั้นทำงานทั้งหมดหกวัน

“อืม...พี่คงอยู่บ้านแหละ วันหยุดพี่ไม่ค่อยไปไหนอยู่แล้ว”

“งั้นเย็นนี้มาดื่มกันไหม” ใช่ว่าท่านขุนรู้กิจวัตของพี่พีคนเดียว พีระพลเองก็พอรู้มาเหมือนกันว่าท่านขุนมักดื่มทุกวัน ช่วงเย็นๆ มากน้อยขึ้นอยู่กับมีเพื่อนดื่มหรือไม่

“อืม...ถ้าไม่มากก็ได้นะ” พี่พียิ้มบางๆ ให้อีกฝ่าย

“โห่ เมาก็นอนนี่ไงพี่ ไม่เห็นเป็นไรเลย” เป็นสิ...เกิดเลยเถิดอีกทำยังไงล่ะ พีระพลเม้มปากเล็กน้อยขณะที่คิดอะไรในหัว

“พี่เกรงใจน่ะ”

“พี่พีอะขี้เกรงใจเกินไป พี่แจ็กยังไม่เกรงใจขนาดพี่พีเลย”

“ก็นั่นไอ้แจ็กนี่...” มันรู้จักท่านขุนมานานแล้ว สนิทกันเหมือนเพื่อนจะไม่เกรงใจกันมันก็ไม่เห็นแปลกอะไรเท่าไหร่นัก

“นั่นสิเนอะ...” จู่ๆ ท่านขุนก็ดูหงอยเหงาขึ้นมา พีระพลชอบเวลาท่านขุนยิ้มหรือหัวเราะนะ แต่ไม่ชอบเวลาเขาเป็นแบบนี้ ประมาณเห็นแล้วไม่สบายใจเท่าไหร่

“อ่า...โอเคๆ ถ้าพี่เมาพี่ต้องรบกวนเราด้วยนะ” ปากหนอปาก เผลอพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง ความเกรงใจก็คือความเกรงใจอยู่ดีไหม อืม...แค่ไม่อยากให้ท่านขุนดูหงอยๆ อย่างกับแมวป่วย

“ได้เต็มที่เลยครับพี่ ผมจะดูแลพี่พีอย่างดี” เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความนัยบางอย่าง แต่พีระพลกลับมองว่าเป็นไมตรีที่อีกฝ่ายมอบให้เสียมากกว่า

เอ้า...แสดงออกมากขนาดนี้ยังไม่รู้อีกโถ่

หลังกินอาหารเที่ยงเสร็จ ท่านขุนไล่พี่พีของเขาให้ออกไปนั่งเล่นข้างนอกเดี๋ยวตรงนี้เขาจะเก็บกวาดเอง แต่พีระพลไม่ยอมทำตาม เขาช่วยท่านขุนเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ล้างจานคว่ำจาน หนำซ้ำยังไม่รู้ตัวอีกว่าโดนท่านขุนเอาตัวเองเข้ามาชิดใกล้ ไหล่ชนไหล่ เสียดสีจนรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิต ชายหนุ่มยืนชิดกันอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว คุยเรื่องสัพเพเหระไปตามเรื่องตามราว

นี่ๆ...มณีอยู่นี่ทั้งตัวนะ

มณีเดินเข้ามาในจังหวะที่ท่านขุนกำลังเอาแขนอ้อมเอวแกร่งไปหยิบแก้วน้ำ พีระพลชะงักไปเล็กน้อยเพราะมันใกล้กันมากเกินไป ดวงตาสีสวยของมณีดูจะแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย ภาพนั้นสร้างความไม่พอใจให้มณี เธอย่างกายเข้าใกล้พีระพล ด้วยฝีเท้าที่เบาราวกับแมวย่อง...ใช่ มณีเป็นแมวก็ต้องเบาเหมือนแมวย่องไงล่ะ จากนั้นมณีก็งับเข้าข้อเท้าใหญ่ๆ ที่ซ่อนความขาวเอาไว้ใต้กางเกงสแล็ก รับรู้ได้ว่าคนสะดุ้งโหยงแต่ไม่สะบัดขาหนีแถมไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะ

เจ็บไหมถามจริง...

“ไงจ๊ะมณี หาอะไรกินหรือเปล่า...กินอะไรไหมครับ” เขาย่อตัวลงมาหามณีตัวน้อย หน้าตาใสซื่อไม่สมกับคมเขี้ยวเลยให้ตายสิ

“ม้าว...” มณีเอาเท้าหน้าที่กางเล็บวางลงบนเข่าของพีระพล จากนั้นเธอก็กรีดมันพลางส่งเสียงร้องหวานๆ

“เดี๋ยวกางเกงขาดครับมณี” ทั้งที่ไม่ต่อต้านมาตลอด ทว่าหนนี้พีระพลจำต้องดึงมือมณีออก ได้จังหวะดีมาก…มืออีกข้างโดนมณีงับเข้าจมเขี้ยว

“เฮ้ย! มณีกัดพี่พีทำไม” ท่านขุนหันมาเห็นเข้าพอดี ทั้งที่พีระพลไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดให้อีกฝ่ายเห็น

“เปล่าหรอก แค่ขบเล่นเฉยๆ...เนอะมณีเนอะ มือพี่พีหอมใช่ม้า หอมเพราะกับข้าวท่านขุนของมณีไงครับ เอ...หรือว่ามณีหิวกันล่ะ เอาขนมไหม”

“ไม่เอาพี่พี มณีกินข้าวแล้ว ให้กินขนมทุกครั้งที่กัดมณีจะเสียนิสัยนะครับ” คราวนี้มณีหันไปมองท่านขุนด้วยสายตาวาวโรจน์ กัดท่านขุนอีกคนท่านขุนจะยังให้อาหารมณีไหม

“นิดๆ หน่อยเอง เนอะ...มณีหิวนี่เนอะ” ไม่หิว กัดนี่คือกัดไม่ได้หมายความว่าหิว

แต่เอามาก็กิน!

พีระพลจับมณีออกจากมือตัวเองเบาๆ แล้วเดินไปเอาขนมแมวเป็นซองเล็กๆ ในตู้เย็นให้โดยมีมณีเดินออกไปนอนเล่นที่โซฟาด้านนอก ท่านขุนลอบมองมือพี่พีนิดหน่อย ขบเล่นๆ ที่ไหนจะเข้าเป็นรอยเขี้ยวแบบนั้น ไม่นับแผลข่วนที่หลังมืออีกหลายแผลด้วย ท่านขุนรู้ว่าพี่พีโดยมณีกัดแล้วก็ข่วนบ่อยมาก ทุกครั้งที่มาแมวน้อยมักฝากรอยแผลไว้ที่ตัวของพี่พีเสมอ แต่ไม่เห็นพี่พีจะต่อว่าหรือแสดงอาการไม่พอใจเลย ราวกับว่าเขาสนุกที่ได้แกล้งมณีเล่น

ท่านขุนพอรู้อยู่บ้างว่ามณีมักไม่ชอบเวลามีคนเข้ามาเกาะแกะกับเขาแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะตัวเขาเข้าหาเองหรือว่าอีกฝ่ายเข้าหาเขาก็ตาม เพื่อนๆ เขาก็ไม่ได้ใกล้ชิดท่านขุนมากนักเพราะมณีหวงท่านขุน ปกติแมวมักไม่หวงเจ้าของ แต่ถ้ามณีมองว่าท่านขุนคืออณาเขตของตนเองล่ะ มันก็เป็นไปได้ที่มันจะหวงท่านขุน นอกจากตัวเจ้าของแล้วสิ่งที่มณีหวงมากอีกอย่างคือห้องนอน มณีนอนเตียยงเดียวกับท่านขุนฝั่งขวา นั่นคือที่ของเธอและเธอจะไม่พอใจมากหากใครไปล้ำที่ตรงนั้น แม้แต่ท่านขุนเองก็ได้กินกงเล็บแมวยามดึกเป็นประจำ

“พี่พีเอาใจมณีเกินไปแล้วน้า...” ท่านขุนเอานิ้วสากๆ และเปื้อนน้ำมันเล็กน้อยของตัวเองไปเกลี่ยรอยฟันบนหลังมือ พี่พีของเขาเก็บซองขนมแมวซองใหญ่เข้าตู้ หยิบมาแค่อันเดียวแล้วก็กำลังจะหากรรไกมาตัดมัน

“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา มณีน่ารักออกนะ” แมวดุเป็นเรื่องปกติในสายตาพีระพล

“แต่พี่เจ็บตัวบ่อยมาก”

“นิดเดียวเอง แสบๆ คันๆ สนุกดี” เอ้า เป็นอย่างนั้นไป ท่านขุนถอนใจเล็กน้อย แบบนี้ไม่เรียกดื้อแต่พี่พีแอบโรคจิตใช่ไหมนะ...ชอบอะไรเจ็บๆ ที่จริง แค่พี่พีบอก ท่านขุนยินดีตอบสนองให้พี่ได้...เอิ่ม เราไม่ควรติดเรต

พีระพลเดินเอาขนมไปเสิร์ฟมณีถึงที่โฟซฟาตัวยาว เขานั่งลงกับพื้นข้างโซฟาโดยไม่กลัวกางเกงสแล็กสีดำของตัวเองจะเปื้อน ก็เห็นแล้วว่ามันสะอาดพอที่จะนั่งได้ มณีน้อยทอดสายตามมาราวกับนางพญา ดูหยิ่งยโสแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดู พีระพลระบายยิ้มให้กับเธอ

“ขนมครับ...กินมะ” บอกว่าไม่กินมันจะเป็นการโกหก มณีเอื้อมเท้าหน้าไปเกี่ยวข้อมือของพีระพลให้ขนมนั้นเข้ามาใกล้ๆ โดยเธอไม่ยอมขยับตัว ท่าทางขี้เกียจนิดๆ นั้นดูน่ารักสุดๆ

“ขี้เกียจไปแล้วมณี” ท่านขุนเอ็ดเบาๆ เขาเห็นเหตุการณ์ พี่พีสินั่งหัวเราะกับท่าทางของมณี

เจ้าของชื่อไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาอย่างท่านขุน ไม่สนแม้กระทั้งพีระพลที่กำลังยิ้ม ตอนนี้ที่เธอให้ความสำคัญคือขนมนั้นต้องออกมาให้ทันเธอกิน ถ้าช้าไปหน่อย เธอจะกางเล็บข่วนมือขาวๆ ของพีระพลอย่างจงใจ พีระพลงมหาทางเอาใจมณีอยู่พักหนึ่งถึงรู้ว่าต้องทำอย่างไรจะถูกใจแม่เหมียวน้อยตัวนี้

การเอาใจแมวไมใช่สิ่งที่เขาควรทำ...เรียกว่าไม่จำเป็นต้องทำมันเลยก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม พีระพลถึงอยากจะเป็นมิตรกับมณี ลองคิดว่ามณีเดินเข้ามาออดมาอ้อน มาถูไถตัวเองกับขาของเขาบ้างมันคงมีความสุขดีเหมือนกัน

พีระพลเป็นคนรักสัตว์ประมาณหนึ่ง เขาเคยอยากเลี้ยงหมาหรือแมวเอาไว้เหมือนกันแต่กลัวไม่มีเวลาหรือกลัวเวลามันตายจากเราไป เพื่อนของเขาเคยเลี้ยงหมาสายพันธุ์ไซบีเรีย เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ เติบโตมาด้วยกันแล้วหมานั้นก็มาแก่ตาย เพื่อนเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ โทรมไปเป็นเดือนๆ เขาเองรับรู้เรื่องก็สะเทือนใจไปด้วย เพราะนั่นคือสิ่งที่เขากลัวเวลาจะเลี้ยงสัตว์สักตัว

“พี่พีดูรักมณีเนอะ” ท่านขุนนั่งที่โซฟาเดี่ยว เขามองหน้าพี่พียิ้มละไมให้กับมณี

“ก็เธอน่ารัก”

“ชักอิจฉามณีแล้วสิ...” พี่พีหันมามองหน้า

“อิจฉาทำไม ท่านขุนก็น่ารักนะ” พี่พี...พี่พีรู้ไหมว่าคำพูดและรอยยิ้มของพี่พีมีดาเมจที่แรงมาก ท่านขุนเกาจมูกตัวเองแก้เก้อ ทั้งยังหลบสายตาอ่อนโยนที่อีกฝ่ายส่งมาให้ด้วย

“ผู้ชายเขาไม่เหมาะกับคำนั้นเสียหน่อยพี่ ต้องเป็นหล่อ เท่อะไรทำนองนั้นสิ” มันเป็นคำพูดเด็กๆ อย่าว่าพี่พีคิดแบบนั้นเลย ท่านขุนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

“โอเค...ท่านขุนก็หล่อนะครับ” เอาเข้าไป พีระพลพูดเสร็จเขาก็ส่งเสียงหัวเราะ มันสดใสและก้องกังวานในความรู้สึกของท่านขุน

“พี่พีอย่าน่ารักนักสิ....”

“หืม ท่านขุนว่าอะไรนะครับ โทษที..พี่ได้ยินไม่ชัด” ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ได้ยิน เขาแค่หลุดปากออกมาเบาๆ

“เปล่าครับ มณีกินหมดแล้วเอามาให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งเอง พี่พีอุตส่าห์นั่งป้อนมณีให้แล้ว” ท่านขุนลุกไปแย่งซองขนมเปล่าๆ จากมือพี่พี แล้วเดินเอาไปทิ้งให้

“ขอบคุณน้า” พีระพลขอบคุณท่านขุนแม้ไม่จำเป็นเลยก็ตาม

เมื่อไม่มีขนมแสนอร่อยมาป้อนแล้ว พีระพลก็ไม่มีค่าอะไรให้มณีสนใจใยดี เธอเบี่ยงหน้าจากใบหน้าหล่อๆ นั้นไปอีกทาง วางหัวตัวเองลงกับเท้าหน้า อิ่มท้องก็ชักจะง่วง เธอไม่ได้หลับหรอก...ยังไม่ทันได้หลับ มือที่แสนจะนุ่มนวลนั้นก็ลูบไล้ตรงหลังของเธออย่างแผ่วเบา

“แง่ว!” มณีส่งเสียงต่อว่าพีระพล เธอกำลังจะนอนเพราะงั้นอย่ามากวนเธอนักจะได้ไหม

“ฮ่าๆ...” ดูสิ ดูไอ้สี่ตานี่ไม่สะทกสะท้านเลย มณีขัดใจมาก ตะปบมือนั้นเข้าให้ แต่พีระพลเอามือหลบทันก็เลยรอดจากการโดนข่วนหนนี้

“รู้ทันหรอก มณีทำพี่เจ็บหมดแล้วน้า” ไม่อยากเจ็บก็ไปไกลๆ สิ ชิ!

“เอาคืนมั้งได้ปะเนี่ย..นี่แหนะๆ” เฮ้ อย่ามาเล่นเป็นเด็กแถวนี้ พีระพลเอานิ้วจิ้มเข้าที่พุงของมณีแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข มณีสิ...ไม่มีความสุข ไอ้มนุษย์บ้า จะหลับจะนอนมาหาเรื่องกวนทำไมเนี่ย

มณีไม่นอนแล้ว ไม่ได้สั่งสอนมนุษย์ตัวนี้เธอไม่มีทางยอมนอนแน่ๆ กล้าดียังไงถึงมาจิ้มพุงสุดที่รักของเธอแบบนี้กัน มณีลุกขึ้นยืน ส่งเสียงร้องบ่นยาวๆ หลายคำติดกัน แต่คนฟังหัวเราะอัดใส่หน้าเธอราวกับมันตลกมากมายนักหนา แมวน้อยโก่งตัวขนฟูหางชี้ เสียงฟ่อๆ ดังออกมาดูน่าเกรงขาม...เสียเมื่อไหร่ล่ะ พีระพลมีการเอามือไปลองจิ้มขนฟูๆ นั้นดูอีกต่างหาก...

แน่นอน...มณีไม่ปล่อยให้มือขาวนั้นรอดคมเขี้ยวของเธอไปได้หรอก

เด็กในร้านพากันไปกินข้าวเลยไม่มีใครเห็นฉากมนุษย์ปะทะกับแมวน้อย พีระพลยังเอานิ้วไล่จิ้มไปตามตัว โดนข่วนบ้างหลบทันบ้างเป็นบางครั้ง เลือดซิบนิดหน่อยแต่สะใจดี แถมยังสนุกดีด้วย ไม่เคยเล่นกับมณีแบบนี้มาก่อน เคยแต่เอาอกเอาใจ ครั้งนี้ขอแกล้งหน่อยน้า...

ในขณะที่เจ้าของร้านอย่างท่านขุนกำลังหลบเข้าไปในห้องน้ำ ต่อสายโทรศัพท์หาแจ็กเพื่อสอบถามว่าบ่ายนี้งานพี่พีมีเยอะไหม รออยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับได้ ทั้งยังได้ยินเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามาเล็กน้อยก่อนเงียบหายไป

“พี่แจ็กๆ บ่ายนี้พี่พีมีงานปะ” ท่านขุนรีบถามออกไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสายเขา

(ไม่มีแล้ว งานมันเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว เห็นว่าติดนิยายอยู่เรื่อง...ถ้ากลับก็คงกลับไปอ่านนิยายมันนั่นแหละ) ท่านขุนไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าได้ฟังพี่พีเล่าเรื่องนิยายที่ตัวเองอ่านก็ยินดี

“งั้น...รั้งตัวไว้ได้ดิ”

(จะทำไรวะ) แจ็กถามอย่างสงสัย

“เปล่าๆ แค่นี้แหละพี่ ขอบใจมาก” หมดประโยชน์แล้วก็วางสาย

ท่านขุนได้ยินเสียงมณีกับเสียงหัวเราะของพี่พีดังแว่วเข้ามา อยากออกไปดูนะ แต่ขอทำอะไรสักอย่างหนึ่งให้เสร็จก่อน ท่านขุนเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์เข้าห้องครัวอีกครั้ง เขาหยิบน้ำอัดลมสีดำขึ้นมาเทใส่แก้วสองใบหลังใส่น้ำแข็งลงไปแล้ว จากนั้นเอาใส่ถาดถือเดินออกมาพร้อมกับแผนการในหัว

พี่พีกำลังแกล้งมณีอย่างสนุกสนาน เขานั่งตรงพื้น ปล่อยให้มณีข่วนซ้ายทีขวาที ส่วนตัวเองก็หลบหลีกได้บ้างไม่ได้บ้าง ท่านขุนรู้ว่าการเล่นแบบนั้นมันสนุกนะแต่มันก็เสี่ยงเจ็บตัวไม่ใช่น้อยๆ เจ้าของร้านมาดซุกซนเดินเข้าไปใกล้ กะระยะเล็กน้อยแล้วก็...

“เฮ้ย!”

“แม๊วววว!!!” มณีโดดหนีไปอีกทาง สวนคนนั่งพื้นไม่สามารถหลบหลีกได้...

ก็เลย...โดนน้ำอัดลมราดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า!

พี่พีที่น่าสงสารโดนน้ำเปียกเป็นลูกแมวเลย…

….100%….

เรียกว่ามาอาทิตย์ละตอนเลยทีเดียวเชียว ยังไงก็หวังว่ายังมีคนรออ่านนะคะ ^^  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
นังมนีน่าตีนัก

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่พีก็เป็นมาโซฯ

ส่วนน้องท่านขุนนี่ก็ร้ายแบบเด็กๆ ได้น่าเอ็นดูไม่แพ้แม่มณีเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 4 [100%]….<

แก๊กๆ...

เสียงน้ำแข็งกระทบพื้นกับแก้วพลาสติกดังอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง คนสองคนกลับนิ่งงัน โดยเฉพาะคนที่โดนน้ำอัดลมราดตั้งแต่หัวจนเปียกปอนไปทั้งตัว เขาสายตาไม่ดีนัก หากหลุดกรอบแว่นไปพีระพลจะไม่สามารถมองสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน ดังนั้นเขาไม่เห็นว่าท่านขุนเป็นอะไรทำไมถึงสะดุดจนน้ำหกรดร่างกายเขาแบบนี้ แต่เขาคิดว่ามันคืออุบัติเหตุ เขาจึงไม่โกรธและไม่เคือง

“ท่านขุนเป็นอะไรหรือเปล่า...” เขาเงยหน้ามองเจ้าของร้าน ตอนนี้ท่านขุนยืนนิ่งงัน

“ผะ...ผมขอโทษพี่ ผมสะดุดโต๊ะนี่นิดหน่อยอะ แต่ว่า..ผมดันคว้าน้ำเอาไว้ไม่ทัน” ขณะที่ฟังท่านขุนเล่าเหตุการณ์ พีระพลถอดแว่นสายตาของเขาออกเพื่อเช็ดหยาดน้ำ

พลันหัวใจท่านขุนก็เต้นแรงขึ้น...

ไม่มีแว่นอยู่บนใบหน้าสะอาดสะอ้านนั้นแล้วพี่พีมีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ ดวงตาคมปราศจากแลนส์บดบังดูดึงดูดราวกับมีมนต์สะกด นอกจากอ่อนโยนแล้ว...ท่านขุนยังรับรู้ถึงความเบดกายนิดๆ ในแววดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแอลมอนต์นั้น ยิ่งมันหรี่ลงเล็กน้อยกันน้ำเข้า...ยิ่งมีความเซ็กซี่ยั่วยวนแปลกๆ

เขาเป็นเอามากนะ...ท่านขุนเคาะหัวตัวเองนิดหน่อย พร้อมกับพี่พีใส่แว่นเข้าที่เดิม

“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมเอ่ย” พีระพลยืนขึ้น เขาตรงมาสำรวจเท้าเปลือยเปล่าของท่านขุน ปกติใส่กางเกงสามส่วน เสื้อยืดหรือไม่ก็เสื้อกล้ามประจำ ทำให้สามารถมองดูเท้าได้

“ไม่ครับพี่ พี่พีเถอะ...เปียกหมดแล้ว ผมขอโทษจริงๆ นะพี่ เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่ห้องผมดีกว่า กลับแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เลย”

“แต่ว่า...”

“พี่อย่าเกรงใจผมมากนักสิ ผมทำพี่พีเปื้อนนะ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมพอจะมีเสื้อผ้าที่พี่พีพอใส่ได้อยู่บ้าง ส่วนชุดนี้ผมจะซักให้ ไม่อยากให้พี่พีกลับไปสภาพนี้” หน้าตาอ้อนนิดๆ ของท่านขุนทำให้พีระพลใจอ่อน

“รบกวนด้วยนะครับ” เจ้าของร้านยื่นน้ำใจให้ขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกก็ไม่ดีนัก

“ผมขอโทษพี่พีจริงๆ นะ”

“อื้อ เป็นอุบัติเหตุนี่ครับ ไม่เป็นไรๆ บ่ายนี้พี่ไม่มีงานหรอก” พี่พียังยิ้มให้เขา ไม่โกรธ ไม่เคืองจนท่านขุนแอบรู้สึกผิดเล็กๆ

“อ่าวเหรอ ผมนึกว่าพี่พีต้องรีบไปทำงานนะเนี่ย”

“สบายใจได้ พี่แค่ติดนิยายนิดหน่อย”

“อ๋อ เรื่องอะไรเหรอครับ...เล่าให้ฟังบ้างสิ” ได้ทีหาเรื่องคุย

“เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จพี่จะเล่าให้ฟังนะ” รอยยิ้มพี่พีน่าเอาปากขยี้เป็นบ้า

“ก็ได้...จิมๆ เดี๋ยวไปเช็ดพื้นตรงโซฟาให้หน่อยนะ” ท่านขุนตะโกนเรียกลูกน้อง เสียงครับขานตอบมา

ท่านขุนพาพี่พีเดินขึ้นไปชั้นสองของร้าน เขาเคยพามาแล้วตอนนั้นพี่พีเมาและเขาก็เกือบจะจับพี่พีกดได้สำเร็จ ติดที่มณีขัดขวางเสียก่อน นึกแล้วยังเสียดายไม่หาย ถ้ามณีไม่กัดพี่พีละก็...ป่านนี้อะไรๆ ก็คงง่ายกว่าที่เป็นอยู่ เอาหน่า ยากไปหน่อยท้าทายดีเหมือนกัน

นี่ก็แอบขอโทษพี่พีอยู่ลึกๆ ในใจ...ก็เขาจงใจทำน้ำอัดลมหหกใส่พี่พีเพื่อให้พี่เขาขึ้นมาที่ห้องนี้อีกครั้งน่ะสิ ไม่ได้จะจับปล้ำแค่อยาก...ใกล้ชิดกว่าเดิม อืม ชั่วแว้บหนึ่งเขาคิดอะไรค่อนข้างติดเรตทีเดียว แต่พี่พีคงไม่ยอมง่ายๆ ขนาดนั้น ดูเหมือนพี่พีจะใสๆ เป็นผู้ชายเรียบร้อยและสุภาพ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายหนำซ้ำยังเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอีกต่างหาก พี่พีต้องผ่านอะไรมาเยอะแล้วแน่ๆ

แต่ทำไมไม่รู้สักทีล่ะว่า...เขาอ่อยอยู่เนี่ย

ห้องท่านขุนไม่ได้สะอาดสะอ้านมากนัก แต่ก็ไม่ได้ซกมกสกปรกอะไร ติดที่ว่าขนแมวจะเยอะไปหน่อยด้วยความที่มณีเองก็นอนห้องนี้เหมือนกัน พีระพลยืนมองสำรวจห้องท่านขุน เคยเข้ามาแต่จำอะไรโดยรอบไม่ได้เลย วันนั้นเขาเมาและตาลายไปหมด ซ้ำยังโดนจู่โจมด้วยริมฝีปากรสเบียร์ขมปร่าอีกต่างหาก ตอนนี้ถึงได้เห็นว่าเตียงของท่านขุนกว้างมาก และยังดูนุ่มนน่านอนกว่าเตียงนอนของเขา อืม...หรือถ้าเขานอนแบบนี้เขาอาจปวดหลังก็ได้

“พี่พี ถอดเสื้อก่อน” พยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น ท่านขุนเดินไปเอาผ้าขนหนูผืนใหม่สีน้ำตาลเข้ม

“ครับ” พีระพลเริ่มจากดึงชายเสื้ออกมานอกกางเกง แล้วค่อยๆ แกะกระดุมจากเม็ดล่างสุดก่อน ถ้าเป็นท่านขุนเขาจะแกะจากข้างบน

แต่ข้างล่างก่อนก็ดีนะ...

ผิวขาวๆ ช่วงท้องน้อยเริ่มโพล่ให้เห็นแวบไปแวบมาตามชายเสื้อพลิ้วไหว กล้ามเนื้อด้านใต้นั้นเป็นลอนอย่างกับที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้ไม่มีผิด อยากเข้าไปช่วยแกะมาก ยืนมองนานๆ แล้วอาการหื่นมันกำเริบ เออ...แต่ถ้าเข้าไปช่วยแกะบางทีอาจไม่จบแค่ที่ถออดเสื้อก็ได้ ยิ่งกว่ากล้ามเนื้อสวยบนผิวขาวจัดของพี่พียังมีขอบกางเกงในสีดำอักษรแดง แวบเดียวก็รู้ว่ามันคือยี่ห้ออะไร...

“เอ่อ...พี่พีหุ่นดีมากเลย” เลือดกำเดาห้ามไหลนะเว้ย ท่านขุนคิดขณะมองร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของพี่พี กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกแกะออกก็เลยเห็นทุกอย่างแจ่มชัดเต็มสองตา คุ้มกับการเอาน้ำราดหัวพี่พีมากๆ

“ไม่หรอก”

“จริงๆ นะ ไม่คิดว่าว่า...พี่จะซ่อนรูปขนาดนี้ หุ่นอย่างกับนายแบบเลยอะพี่” ได้ลูบไล้คงฟินเนอะ พี่พียิ้มบาง มีอาการเขินเล็กน้อย

“โดนชมแบบนี้แล้วพี่เขินนะเนี่ย” ผมก็เขิน...ท่านขุนอยากบอก

“ไม่เห็นต้องเขินเลย หุ่นพี่พีดีจริงๆ นี่นา ผมเป็นช่างซ่อมรถยังไม่มีหุ่นแบบพี่เลย พี่แต่พุง”

“จริงเปล่า” สายตาพี่พีดูซนขึ้นมาเล็กน้อย

“จริงดิ แต่ผมไม่ให้ดูหรอก อายพุง ฮ่าๆ” รอยยิ้มท่านขุนดูเขินจริงๆ อันนี้พีระพลสัมผัสได้

“โอเคๆ พี่ไม่ดูก็ได้ครับ” พีระพลก้มไปถอดเข็มขัดหนังยี่ห้อดังราคาแพงของตนเองต่อ อื้ม...แค่ดูเขาถอดเข็มขัดก็พานอยู่ไม่สุข ลองคิดดิ...ว่าพี่พีไม่ได้แค่จะอาบน้ำน่ะ โหย เลือดลมมันเดินดีจริงๆ นะ

“นี่ผ้าครับ”

“ขอบคุณน้า”

“เอ่อ...พี่พีไม่ถอดแว่นเหรอครับ” เวลาพี่พีถอดแว่นโคตรตรงใจ แต่ใส่ไว้ก็ดีนะ

“อื้อ มองไม่เห็นน่ะ” ท่านขุนพยักหน้าเข้าใจ

“ครับ งั้นตามสบายนะ เดี๋ยวผมดูชุดให้” ส่วนสูงเราต่างกันนิดหน่อย หวังว่าพี่พีจะใส่ขุดของเขาได้

“ระบกวนด้วยนะครับ” ผมสิรบกวนพี่อยู่ ผมเป็นคนทำให้พี่ยืนถอดเสื้อต่อหน้าผมเลยนะเว้ย...เออลืมไปพี่พีไม่รู้

ท่านขุนมองแผ่นหลังที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อสวยได้รูปเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ มันเป็นภาพชวนฝันสำหรับเขา เมื่อพี่พีเข้าไปแล้วเขาก็เผลอถลกเสื้อตัวเองดู อืม...ไม่ถึงกับมีพุงพลุ้ยแต่ท่านขุนก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อสวยแบบพี่พี มันเป็นลอนที่เล็กกว่าแล้วก็ไม่ชัดเท่า พี่พีต้องชอบออกกำลังกายมากแน่ๆ ถึงได้มีหุ่นอย่างนั้น โหย...หุ่นชวนฝันอย่างบอกไม่ถูก

ท่านขุนทิ้งกายนอนลงบนที่นอน นึกภาพพี่เมื่อครู่นี้ซ้ำไปซ้ำมา ถ้าได้ลูบไล้มันจะเป็นยังไงนะ...ถ้าได้ซบไซ้มันจะเป็นยังไง จำได้ดี กลิ่นตัวพี่พีนั้นหอมแล้วก็ดูสะอาดสะอ้านมากๆ ต่างจากเขาที่มีแต่กลิ่นน้ำมัน อยากทำให้พี่พี...

“พอเหอะกู” เขารีบสะบัดหัวไล่ภาพอนาจารของพี่พีออกจากหัว เลยเถิดไปไกลแล้วสมอง นี่ชอบพี่เขาหรือว่าแค่อยากล่ะเนี่ย...

ก็ชอบไง...ชอบแล้วก็อยากไง...

ท่านขุนพยักหน้าพอใจกับบทสรุปของตัวเอง จากนั้นเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม อย่างน้อยเป้าหมายในการเห็นกล้ามเนื้อสวยๆ ของพี่พีก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี คิดเอาไว้นานแล้วว่าพี่พีดูเป็นคนซ่อนรูป พี่พีดูเป็นคนที่มองให้สุภาพได้เมื่อเขาอยู่ในชุดทำงาน สวมแว่นตา แต่พอถอดสิ่งเหล่านั้นออก...พี่พีแม่งเบดกายวะ จะบอกว่าเป็นคนเจ้าชู้กะล่อน เปลี่ยนคู่ควงบ่อยก็ไม่แปลกใจเลย ด้วยการพูดการจา ท่าทางและรูปร่าง พี่พีต้องฮ็อตในหมู่หนุ่มๆ แน่ แต่เพราะพี่พีเป็นคนสุภาพแบบนี้ ทั้งยังชอบอ่านหนังสือมากกว่าเที่ยว ก็เลยไม่มีใครเห็นอย่างที่ท่านขุนเห็น

ดีแล้ว...เห็นคนเดียวเก็บไว้คนเดียวไง!

“เกือบหยิบแชมพูมณีมาสระผมแหนะ...” พอเดินออกมา พี่พีก็ทำลายความเงียบในห้องด้วยน้ำเสียงติดขำ เขามีเพียงผ้าขนหนูพันอยู่เอว หยดน้ำมีประปรายเพราะถูกเช็ดออกไปบางส่วน แต่อย่างนั้น...มันก็ยั่วน้ำลายอยู่ดี

“แชมพูมณีหอมนะครับพี่พี” ท่านขุนแทบละสายตาจากเรือนกายขาวผ่องนั้นไม่ได้ เทียบแล้วท่านขุนที่ว่าขาวยังขาวสู้พี่พีไม่ได้เลย

“พี่นึกถึงกลิ่นตัวมณีออกเลย”

“แล้วนึกถึงกลิ่นตัวผมไม่ออกบ้างเหรอ” จู่ๆ ท่านขุนก็เอ่ยแบบนั้น พี่พีเงยหน้าสบตามากเสน่ห์นั้นอย่างเผลอตัว เขาขยับรอยยิ้มนิดหน่อย

“จำได้สิ...กลิ่นท่านขุนเต็มตัวพี่เลยตอนนี้” หมายถึงกลิ่นสบู่และแชมพูน่ะนะ

แต่...พีระพลรู้ไหมว่าคำพูดนั้นมันดาเมจแรงต่อใจท่านขุนขนาดไหน

สาบาน...พี่กล้าสาบานไหมว่าไม่ได้อ่อยอยู่เนี่ย!

“พี่พูดซะผมคิดลึกเลย ฮ่าๆ” ท่านขุนหัวเราะแก้เก้อ พีระพลมาสะดุดใจเอาก็ตอนนี้ นั่นสิ...คำพูดมันสองแง่สองง่ามนี่

“โทษที พี่เผลอปากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรพี่ นี่ชุดครับ ไม่รู้พี่จะใส่ได้ไหม อ้อ ชั้นในแกะใหม่นะ...ไม่ต้องห่วง” ท่านขุนเดินเอากองชุดที่เตรียมไว้เข้าไปให้ พีระพลรับมา

“ขอบคุณมากครับ ไว้พี่จะใช้คืน”

“ไม่ต้องก็ได้ ผมทำพี่เปื้อนนี่นา…ผมต้องขอโทษพี่จริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ พี่เปลี่ยนชุดก่อนนะ”

“ครับ” ได้เห็นคนที่ชอบใส่ชุดเรานี่แม่งก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว…ไอ้ขุนเอ้ย คืนนี้นะมึงฝันดีแน่ๆ

ลับหลังพีระพล ท่านขุนเอนกายนอนบนที่นอนพลางคิดภาพพี่พีเวลาไม่มีชุด…ทะลึ่ง แต่แบบ…หยุดไม่ได้อะ หยุดความคิดไม่ได้เลย ริมฝีปากแม่งแห้งผากจนต้องเลียซ้ำแล้วซ้ำเล่า มารู้ว่าตัวเองกระเหี้ยนกระหือรือก็ตอนนี้แหละ...ทั้งที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าชอบพี่เขาที่เรียบร้อยแล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ พี่พีอ่อนโยน น่ามองไปทุกอย่าง อยู่ด้วยแล้วก็มีความสุข สบายใจ ตอนนี้เพิ่มเข้าไปอีกอย่าง..อยู่ด้วยแล้วอยากขยี้ร่างกายขาวๆ นั้นเป็นบ้า

คิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้ว่าควรเอาชุดพี่พีไปใส่เครื่องซักผ้าเสียที มัวแต่นอนคิดลึกอยู่ได้ตั้งนานสองนาน คิดได้ดังนั้นท่านขุนจึงหอบเอาชุดของพี่พีเดินออกจากห้องไป แต่เขาไม่ได้โรคจิตขนาดแอบเอาเสื้อผ้าพี่พีมาสูดดมหรอก พอดีว่าแค่มันอยู่ในอ้อมแขนก็ได้กลิ่นแล้ว...เวร นี่ก็โรคจิตอยู่ดีปะวะ

ดีที่เครื่องซักของเขาว่าง ไม่งั้นต้องมานั่งรอหรือเอาส่วนเน่าๆ ในนั้นออกมากองข้างนอก ส่วนที่ซักผ้านี่อยู่ด้านหลังติดกับระเบียงชั้นสอง คนที่ใช้เครื่องนี้คือทั้งเขาและลูกน้องสองคนที่อยู่ในร้าน เขาเอาทั้งหมดใส่ลงไป ด้วยชุดเป็นสีดำทั้งหมดจึงไม่ต้องกลัวสีตกใส่ จากนั้นใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มให้เรียบร้อย

“พี่อยู่นี่เอง…” เสียงของแอ้ทำให้เขาหันกลับมามอง

“มีอะไร”

“ลูกค้ามารับรถอะพี่ ลงไปดูหน่อยดิ” ท่านขุนพยักหน้าแล้วเดินตามแอ้ลงไปข้างล่างโดยลืมบอกพี่พีก่อนว่าเดี๋ยวเขาขึ้นมานะ

“พี่ขุน...” เสียงล้อๆ เข้าหูเมื่อเขาลงมาข้างล่าง จะเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่จิมลูกน้องอีกคนของเขา

“อะไรมึง”

“ผมเห็นน้า...” รู้แล้วว่ามันเห็นอะไร แต่มันเห็นได้ยังไงวะ อยู่ในครัวกันไม่ใช่เหรอ

“หุบปากไปเลย”

“ได้สักห้าร้อยจะหุบปากให้สนิทเลย” มาแบบนี้นี่มันจะเติมเกมมันแน่นอน

“ไม่เว้ย”

“งั้นผมไปบอกพี่พี...” ไอ้ลูกน้องเลว

“เออ หยิบเอาเอง” สุดท้ายก็ต้องยอม ก็ถ้าพี่พีรู้พี่พีโกรธทำไงล่ะ ท่านขุนชี้หน้ายิ้มแป้นแล้นของลูกน้องคาดโทษ แต่มันไม่สะทก มันกลับลั้นลาหยิบเงินเดินออกจากร้านไป

ท่านขุนมีงานต้องทำ เขาคุยกับลูกค้าที่มารับรถนิดหน่อยเรื่องท่อที่มีการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ เขาสตาร์ทเครื่องแล้วเบิ้ลให้อีกฝ่ายฟังว่าเสียงเป็นอย่างไร ถูกใจไหม แล้วก็ยังพูดเกี่ยวกับจุกลดเสียงที่สามารถใส่หรือถอดตอนไหนก็ได้ตามใจเจ้าของ หากเข้าพื้นที่ชุมชนหรืออยู่ในเขตที่ควรงดเสียงก็ใส่เข้าไปได้ ลูกค้าค่อนข้างพอใจในบริการและความเป็นมิตรที่ท่านขุนได้มอบให้

ถึงท่านขุนจะใส่แค่กางเกงสามส่วนบ้านๆ กับเสื้อยืดคอกลมง่ายๆ แต่กลับดูดี เขามีรอยยิ้มที่แสนสดใส ลูกค้าคนไหนคุยด้วยก็สบายใจและเป็นกันเอง ท่านขุนไม่เคยใส่อารมณ์กับลูกค้า ไม่ว่าจะเรื่องมากขนาดไหน เขาสำนึกเสมอว่างานของเขาก็ไม่ต่างจากงานบริการด้านอื่นๆ นี่เป็นเสน่ห์หลักที่ทำให้หลายคนมักวนเวียนกลับมาใช้บริการกับเขา

และแน่นอนว่าเสน่ห์อันล้นหลามนี้ทำให้หลายคนอยากจะจีบท่านขุน...แต่เขาไม่ตอบสนองกลับเลย

ไม่ได้หยิ่ง แค่ไม่เจอคนถูกใจเขาจริงๆ บางทีเขาอาจไม่ชอบรอยยิ้มเจ้าเล่ของอีกฝ่ายก็ได้ คนมากเล่อยู่กับคนมากเล่ไม่ได้ มันทันกันเกินไป เขาคิดแบบนั้นนะ...ส่วนหนึ่งท่านขุนชอบผู้ชายที่เป็นมิตรและดูแมนๆ ไอ้มาดเจ้าชู้นี่ตัดไปได้เลย...มันซ้ำซ้อนกับแฟนเก่ามากเกินไป

หลังจากจัดการเรื่องคืนรถให้ลูกค้าเรียบร้อย ท่านขุนก็เดินกลับขึ้นไปชั้นสอง ตรงไปห้องนอนของตัวเองทันที พี่พีกำลังเดินดูชั้นหนังสือเล็กๆ ไม่เชิงเป็นชั้นด้วย...มันเป็นตู้ที่มีชั้นต่างหาก พี่พีดูสนใจหนังสือในนั้นมากกว่าโมเดลรถหลายคัน

“เอ่อ...ขอโทษที่ซอกแซกนะ” พี่พีเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา รู้สึกขอโทษกับไม่เป็นไรจะเป็นคำติดปากของพี่พีนะ ตอนนี้พี่พีอยู่ในชุดไม่ต่างจากท่านขุน กางเกงสามส่วนและเสื้อยืด แปลกตา...แต่ดูเป็นกันเองและชวนใจเต้นสุดๆ

“ไม่เป็นไรพี่ ดูสิ มีเล่มไหนเข้าตาพี่พีไหม ผมไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือมากกนัก อ่านแค่เท่าที่พี่เห็นเนี่ยแหละ” ท่านขุนมีหนังสือการ์ตูนแนวฮาเร็มเป็นหลัก ซึ่งมีไม่มาก ส่วนนิยายนั้นก็เป็นแนวฆาตกรรม โดยเน้นหนักไปทางคินดะอิจิ

“อืม...เล่มนี้น่าสนใจดี” เหนือคาด เมื่อเล่มที่พีระพลสนใจกลับเรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเกมไซเลนฮิวส์ มันไม่ใช่นวนิยายแต่เป็นรวบรวมเนื้อหาแล้วก็ฉากจบในแบบต่างๆ

“แต่มันหนังสือเกมนะพี่”

“อื้อ พี่เคยเห็นแวบๆ ตัวเกมมันน่าสนใจนะแต่พี่ไม่ได้เล่นน่ะ เห็นเล่มนี้แล้วก็เลยคิดว่ามันน่าอ่าน”

“เอาสิ พี่พีเอามาอ่านก็ได้ ผมไม่หวงหรอก...” ถ้าได้มีส่วนที่ชอบร่วมกันบ้างมันก็ดี เราค่อนข้างต่างกัน

“งั้นพี่ขออนุญาตนะครับ”

“เฮ้ย ไม่ต้องทางการขนาดนั้นหรอกพี่พี อ่านเลย ตามสบาย” พี่พีเอื้อมมือไปหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ แป็บหนึ่ง

“อืม เอาไปนั่งอ่านข้างล่างดีกว่า ขุนยังมีงานอยู่ใช่ไหม พี่ขอรบกวนนั่งเล่นอยู่ที่นี่เลยแล้วกันนะ” ท่านขุนผู้นี้ยินดีให้พี่รบกวนทั้งวัน จะวันนี้ คืนนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่ขัดเลย...และจะยิ่งยินดีถ้าพี่เข้ามารบกวนเขาทั้งชีวิต ท่านขุนปกปิดรอยยิ้มดีใจไม่ไหว...เขาก็เลยเหมือนคนบ้าหน่อยๆ ที่ยืนมองชายหนุ่มใส่แว่นแล้วยิ้มแก้มพองไปหมด

พี่พีอาจไม่เห็น...แต่มณีเห็นจ๊ะ!

….100%….

มาแว้ววววววว ซิ่งมาอัปเลย พี่พีเราตามเกมท่านขุนมิทันเลยอ่า โดนน้องหลอกไปลวนลามทางสายตาสองต่อสองในห้องนอน อีกหน่อยคง…โดนหลอกไปทำอะไรๆ งุยยยย แค่คิดก็เขินละ ><

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
พี่พีน่ารักแหะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่พีซึนได้ใจจริงๆ ท่านขุนจีบขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 5 [100%]….<

โซฟาตัวยาวเป็นแบบสี่ที่นั่ง ที่ประจำมณีอยู่ตรงพนักวางแขนฝั่งซ้าย หนึ่งที่นั่งนั้นเป็นของมณีแต่เพียงผู้เดียวมาเสมอ แล้วมันก็ยังเหลือพื้นที่อีกหลายที่ให้พีระพลเลือกนั่ง ทว่า...พีระพลกลับนั่งติดกับมณี

ระหว่าเงปิดหน้าหนังสือ พีระพลลอบมองมณีที่นอนเลียขนสบายใจเฉิบบ่อยครั้ง ตอนแรกเธอดูไม่พอใจมากที่เขามาอยู่ตรงนี้ มาสร้างความเกะกะน่ารำคาญลูกตาให้เธอ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหลีกหนีไปไหน อยากอยู่ใกล้...อยากแกล้งเธอว่างั้นเถอะ มณีทำทีเป็นไม่เห็นพีระพลอยู่ในสายตาทั้งที่กลิ่นตัวของเขาเตะจมูกอยู่ตลอด มันแปลกๆ กลิ่นตัวที่ปนเปไปกับกลิ่นของท่านขุนสร้างความไม่พอใจเล็กๆ ให้มณี รู้สึก...เหมือนโดนแย่งของ

แมวน้อยเลียขนตัวเองได้ไม่นานนักก็หลับไป ช่วงบ่ายๆ แอร์เย็นและกินอิ่มๆ เป็นช่วงเวลาที่มณีง่วงนอนง่ายเป็นที่สุด ส่วนพีระพลกำลังพิงพนัก นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ภาพด้านในนั้นมีรูปตัวละครเกม รูปฉากหรือแม้แต่รูปปีศาจต่างๆ เขารู้สึกขัดใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่าถ้าภาพมันเป็นภาพสีจะได้อารมณ์ขนาดไหน ไอ้ภาพที่ตัดมาจากตัวเกมดูไม่ค่อยชัดแล้วก็มืดอยู่เหมือนกัน

อ่านไปประมาณชั่วโมงเศษๆ พีระพลเงยหน้าจากตัวหนังสือต่างๆ ขึ้นมาพักสายตาด้วยการมองไปรอบๆ ร้านนี้ค่อนข้างเงียบทีเดียวในตอนกลางวัน ไม่ได้มีลูกค้าเข้ามาเผ่นผ่านหรือเดินเลือกซื้อของ อีกทั้งยังมีคนคนทำงานในร้านแค่ไม่กี่คน หนึ่งคือคนที่นั่งเล่นเกมอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เด็กนี่ชื่อจิม พีระพลคิดว่าจิมเป็นคนที่สบายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่เคยถามเรื่องรายละเอียดการทำงานหรอก มาก็มากินข้าว นั่งเล่นนั่งคุยกับท่านขุนเรื่องจิปาถะทั่วไปเท่านั้น

ส่วนด้านนอก อากาศร้อนๆ นอกชายคาออกไปก็มีแดดร้อนจัดสาดส่อง ท่านขุนและลูกน้องอีกคนที่ชื่อแอ้กำลังจัดการกับรถมอเตอร์ไซก์คันใหญ่ร่วมกันอยู่หนึ่งคัน ดูเหมือนแอ้จะเป็นผู้ช่วย คอยประคองรถหรือหยิบจับเครื่องมือส่งให้ท่านขุนที่เป็นฝ่ายงัดนั่นแงะนี่

บอกตรงๆ...เห็นแสงที่สาดเข้ามาเขาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนอบอ้าวแล้ว เขาไม่ถูกกับอากาศร้อนนัก อาจเพราะไปทำงานอยู่ต่างประเทศมาหลายปี ที่นั่นมีฤดูร้อน แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับเมืองไทย...

ดวงตาคมสีน้ำตาลแอลมอนต์จับจ้องไปที่ร่างกายเล็กกว่าตนประมาณหนึ่ง ท่านขุนเป็นคนมีเนื้อมีหนัง ไม่อวบแต่ก็ไม่เรียกว่าผอม ดูเผินๆ เขาเหมือนไม่มีกล้ามเนื้ออะไรมากมายนัก แต่พองัดประแจ กล้ามเนื้อได้รูปที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังก็ขึ้นลายออกมา หน้าตาจริงจังยามทำงานเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่

น่าแปลก...เขามองว่าท่านขุนก็น่าสนใจไม่แพ้หนังสือในมือ

ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพับหน้ากระดาษที่อ่านค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขากอดอกมองการทำงานของท่านขุนผ่านกระจกใสของร้าน อยู่ไกลไปบ้าง มองไม่ถนัดไปหน่อย แต่มันก็ยังชัดเจนอยู่ดี ท่านขุนไม่ได้มีผิวขาวกระจ่างเหมือนกับเขา ติดคล้ำเล็กน้อยเพราะเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซก์คู่ใจ ใบหน้าหน้าหล่อคมอย่างไทยทว่าดวงตาแอบโตเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาทำให้รู้สึกว่าท่านขุนน่ารัก

จะว่าไปบางครั้งเขาก็คิดว่าท่านขุนมีรอยยิ้มเจ้าเล่เหมือนกัน ราวกับซ่อนแผนการอะไรเอาไว้สักอย่างแต่เขาแค่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้น นี่จะว่าแก่แล้วดันตามไม่ทันเด็กนี่จะผิดไหมนะ คือสงสัยนะ...แล้วเขาจะวางแผนอะไรล่ะ ไม่เห็นมีที่ต้องใช้การวางแผนร้ายๆ เสียหน่อย เพราะมันไม่สมเหตุสมผล พีระพลจึงไม่ใส่ใจสิ่งนั้นอีกเลย

มองไปมองมา พีระพลก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาแก้วน้ำสองใบ หยิบน้ำแข็งจากตู้แช่มาใส่ในแก้วก่อนจะเทน้ำอัดลมสีดำที่เขายังจำได้ดีว่ามันราดเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า คิดแล้วมันก็ขำนิดๆ ท่านขุนไม่ระวังเอาเสียเลย ดีนะที่วันนี้งานเขาไม่มีแล้ว ไม่งั้นกลับไปทำงานด้วยชุดนี้คงไม่เหมาะแน่นอน

“พักทานน้ำกันก่อนไหม...” ในมือร่างสูงมีน้ำอยู่เต็มแก้วทั้งสองมือ ท่านขุนและแอ้ต่างหยุดงาน

“โหยพี่พี พี่ไม่ต้องเอามาให้ก็ได้นะ” พีระพลยิ้ม

“อยากช่วยบ้างไงครับ เห็นอากาศข้างนอกมันร้อนๆ พักดื่มน้ำเย็นๆ สักหน่อยน่าจะสดชื่นขึ้น อะแอ้เอาไปสิ” เมื่อผู้ใหญ่ยื่นมาให้ แอ้ยกมือไหว้แล้วรับแก้วน้ำแก้วนั้นไปดื่ม ส่วนท่านขุนก็เอาอีกแก้วมาดื่มเช่นกัน

“พี่พีอ่านหนังสือจบแล้วเหรอ”

“ยังหรอก เอาน้ำมาให้ก่อนเดี๋ยวกลับไปอ่านต่อ สนุกมากเลยล่ะครับ” เนื้อหาไม่ได้เยอะจนเกินไป อ่านวันนี้ก็จบแล้ว

“เกมก็สนุก ถ้าพี่พีอยากเล่นก็บอกผมได้นะ” พีระพลส่ายหัว

“ไม่ล่ะ พี่ไม่ถนัดจริงๆ อ่านหนังสือเนี่ยเท่าไหนเท่ากัน แต่เกมพี่บายเลย” เพราะมัวเอาแต่ตั้งใจเรียนเพื่อชดเชยในส่วนที่ตัวเองเป็นเกย์ตอนเด็ก ทำให้พีระพลไม่คุ้นชินกับคำว่าเกมเท่าไหร่

“พี่พีน่าจะลองดู รับรองพี่พีต้องติดเกมแน่ๆ”

“แบบนั้นพี่ยิ่งไม่ควรเล่นเข้าไปใหญ่เลยนะ” ไม่รู้คนอื่นจะมองจืดชืดไหม แต่พีระพลชอบที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้

พีระพลรอจนเด็กหนุ่มทั้งสองดื่มน้ำเสร็จ เขาเอาแก้วน้ำกลับเข้าไปด้านใน ล้างและคว่ำเก็บเรียบร้อย มณีตื่นแล้วนอนมองเขาเดินออกมาจากครัว เขาลูบหัวมณีนิดหน่อยซึ่งโดนข่วนหนึ่งทีข้อหาแตะต้องโดยไม่ได้รับอนุญาต พีระพลไม่ใส่ใจกับความเจ็บปวด ธรรมดานะ เล่นกับแมวแล้วแมวจะข่วนจะกัดเนี่ย

มณีกระโดดหนีจากร่างสูงของพีระพล เดินเอื่อยๆ ยืดตัวขี้เกียจเล็กน้อยแล้วนั่งจ๋องอยู่ที่หน้ากำแพงกระจกบานใส มองท่านขุนกับแอ้ทำงานอยู่ด้านนอก พีระพลมองดูมณีนั่งนิ่งตรงนั้นสักพักก็กลับมานั่งอ่านหนังสือ

ความเงียบสงบภายในนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มันสบายใจดีถึงแม้ว่าจะแปลกที่แปลกทางไปบ้าง ใช่สิ...มันแปลกตั้งแต่ต้องมากินข้าวเที่ยงที่นี่ทุกวันแล้วล่ะ แต่ที่พีระพลไม่เคยปฏิเสธทั้งที่เกรงใจ ก็เพราะ...เจ้าของร้านนี้ยังไงล่ะ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ ท่านขุนก็เป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจไม่น้อยในสายตาเขา เด็กอายุเท่านี้มีร้านแต่งรถเป็นของตัวเอง มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำสูง มันหาได้ยาก บางคนอายุเท่าท่านขุนยังเดินเตร็ดเตร่ไม่หางานหาการทำเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว นิสัยและความขยันของท่านขุนเองก็ถูกพีระพลไม่ใช่น้อยๆ

ถ้าถามว่าได้จะเอาไหม...พีระพลไม่ลังเลที่จะตอบเลย

เนื้อหาในหนังสือค่อนข้างเน้นหนักไปที่ด้านมืดของจิตใจคน ดูโหดร้ายและทารุน ทว่าพีระพลกลับยิ้มบางๆ เพราะความคิดของตัวเองที่เผลอเตลิดออกนอกเรื่องราวที่หนังสือกำลังเล่า

หรือว่าแจ็กกำลังจับคู่เขากับท่านขุนกันนะ?

ก็เป็นไปได้เหมือนกัน มันดูจะเหมาะเจาะเมื่อแจ็กมักชวนเขามากินข้าวที่นี่ทุกวัน มาแล้วก็ชอบชงให้เขากับท่านขุนบ่อยๆ ที่เขาเงียบ ไม่ใช่ปฏิเสธหรือยอมรับ เขาแค่ดูปฏิกิริยาจากท่านขุน และคิดไปด้วยว่าบางทีการที่แจ็กพูดแบบนี้อาจทำให้ท่านขุนรู้สึกอึดอัด ดังนั้นเขาจึงเงียบเพื่อให้แจ็กรู้ว่าไม่ควรพูด แต่แจ็กก็ไม่หยุด...ไม่สิ หยุดบ้างแค่ไม่บ่อยนัก

แล้วไหนจะวันนี้ที่หลอกเขามาที่ร้านนี้อีก ส่วนตัวเองไปกินข้าวกับสาวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ดูยังไงก็หาเรื่องจับคู่ชัดๆ เขาอะไม่เท่าไหร่หรอก...ถ้าได้คบหาดูใจกับเด็กคนนี้มันก็น่าสนใจดี แต่ต้องคิดอีกมุมด้วยว่าท่านขุนเขาจะโอเคหรือเปล่า ท่านขุนดูไม่ชอบพวกเพศเดียวกัน...หรือเป็นพีระพลเองที่ดูไม่ออกว่าท่านขุนชอบแบบไหน คืนนั้นที่จูบกันก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าท่านขุนเองไม่ได้ปฏิเสธเพศเดียวกัน

ดูเหมือนอะไรๆ ในหัวพีระพลจะเริ่มยุ่งเหยิง แม้ว่าในความยุ่งเหยิงนั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างกระจ่างบ้างแล้วก็ตามที แต่ที่มันยุ่งเหยิงเนี่ยมันเป็นเพราะเขาไม่รู้ใจท่านขุนต่างหากล่ะ การที่ท่านขุนดูแลดีเป็นไปได้ว่านิสัยเขาเป็นแบบนี้ แล้วเขาก็มีไมตรีให้กับลูกค้าหรือผู้มาเยี่ยมเยียนทุกคน

ข้อเสียของการชอบคนอัทธยาศัยดีมันอยู่ตรงนี้...ตรงที่เราดูไม่ค่อยออกว่าเราพิเศษหรือว่าเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาเทคแคร์ อ่า...ดันไปคิดเรื่องหนักใจเสียได้ พีระพลละสายตาจากหนังสือ ทั้งที่เมื่อกี้ตาจับจ้องแต่ไม่ได้อ่าน เขาถอดแว่น คลึงดวงตาตัวเองผ่านเปลือกตาเล็กน้อยแล้วกลับไปอ่านมันใหม่อีกครั้ง เพ่งสมาธิมากกว่าเดิมเพื่อให้เขาละทิ้งความขุ่นมัวในความคิดไป...

“โอ้...ดูซิกูเจอใคร” ทำไมชอบเข้ามาขัดตอนที่ฉากกำลังมันๆ ทุกที พีระพลเงยหน้ามองเพื่อนตัวเองโดยไม่ต้อบทบทวนเลยว่าเสียงนี้มันเสียงใคร

“เจอกูไง” สั้นง่ายแต่มันได้ใจความมากๆ

“โนๆ นอกจากเจอมึงแล้ว...ยังเจอมึงในชุดท่านขุนด้วย นี่...เกิดอะไรขึ้นแล้วกูไม่รู้หรือเปล่านะ” แจ็กนั่งลงข้างเขาด้านขวา ฝั่งซ้ายเป็นของมณี ไม่มีใครกล้าแย่งที่นั่งของเธอแม้ว่าเธอจะเดินเข้าไปกินอาหารอยู่ในครัว

“เรื่องมันยาว”

“เล่าได้ กูมีเวลาทั้งคืน” อยากตบหัวเพื่อนตัวดี ทั้งที่มันไม่สมควรทำก็ตาม

“ผมทำน้ำหกใส่เสื้อผ้าพี่พีเองแหละพี่แจ็ก แฮ่ๆ ไม่ได้ตั้งใจ...” นั่นไงแววตาเจ้าเล่ พีระพลเผลอเห็นมันเข้าอีกแล้ว

“เหรอ...อ๋อ แบบนี้นี่เอง ดีนะเนี่ยที่พีไม่มีงาน ไม่งั้นมึงแย่แน่” พีระพลหยักหน้า เขาเลือกที่จะไม่สงสัยใคร่รู้ในตัวคน เพราะความสงสัยนั้นมันไปกระจุกรวมอยู่ที่หนังสือ

แจ็กขอตัวเดินเข้าไปในครัว ท่านขุนก็ตามเข้าไปด้วย ตอนแรกพีระพลไม่ได้สนใจเลยนะ แต่พอเห็นแจ็กเอาแขนพาดคอท่านขุนพากันเข้าไปในนั้นเขาก็อดมองตามไม่ได้ แอบไม่พอใจนิดๆ สิ่งที่แวบเข้ามาคืออยากให้แจ็กเอาแขนนั้นออกไปจากคอท่านขุน...

อ่า...นี่เขาหึงเหรอ

เป็นอีกครั้งที่พีระพลต้องนวดขมับตัวเองเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังโลดแล่นอยู่ในหัว เขาสั่งให้ตัวเองกลับมาสนใจหนังสือที่อยู่ในมือ กวาดสายตา ไล่อ่านและทำความเข้าใจกับมันอย่างกับมันเป็นหนังสือเตรียมสอบ ที่จริงในหนังสือเนี่ยไม่มีอะไรที่เข้าใจยากเลย มันสรุปเนื้อหาทั้งหมดเอาไว้แล้ว แต่คนอ่านมันไม่มีสมาธิเอง สุดท้ายพีระพลก็วางหนังสือแล้วเดินตามเข้าไปในครัว

“ออกมาจากโลกของมึงได้แล้วหรอครับเพื่อน” แจ็กกำลังยกกระป๋องเบียร์ดื่ม ท่านขุนก็ด้วย

“สักป๋องไหมพี่” แต่วันเลย...พีระพลอยากบอกแบบนั้น แต่ก็พยยักหน้ารับ ท่านขุนจึงเดินไปเอากระป๋องเย็นเฉียบมาจากตู้แช่ เปิดพร้อมดื่ม

“ขอบคุณนะ ว่าแต่มึงทำไมมาเร็ว…” รับเบียร์มาดื่มบ้างแล้วจึงหันไปถามเพื่อนข้างกาย

“เอ้า กูว่างบ้างไม่ได้ไงล่ะ ขนาดงานมึงยังไม่มีเลย” มันคนละส่วนกันนี่วะ เขาเป็นนักวิเคราะห์เคมีไม่ใช่ผู้จัดการอย่างมัน แจ็กคล้องคอพีระพลพลางดึงให้เข้ามาใกล้

“กูเพิ่งเที่ยวกับสาวเสร็จเลยขี้เกียจทำงาน แวะเข้ามาหาไอ้ขุนดื่มเบียร์เย็นๆ ที่นี่ดีกว่าน่ะนะ แล้วงานขุนอะ เหลือเยอะปะ” ท่านขุนส่ายหน้า

“ไม่อะพี่ เคลียร์จนจะหมดแล้ว พวกพี่ก็นั่งดื่มกันไปก่อนเลย เดี๋ยวให้จิมมันคอยเสิร์ฟ แม่งนั่งว่างมาทั้งวัน” แจ็กหัวเราะ จิมมันก็แบบนี้ งานมีมันก็ไม่ค่อยทำ แต่ท่านขุนก็ยังเลี้ยงดูมันเอาไว้ดีกว่าปล่อยมันไปเสียคนที่อื่น

“งั้นปะ มึงกับกูไปนั่งดื่มกันสองต่อสองดีกว่า…” คำพูดนั้นมีไว้เพื่อหยอกเจ้าของร้าน แต่พีระพลไม่รู้ เขาคิ้วขมวดหน่อยๆ กับคำสองแง่สองง่าม...

“เป็นไปได้ก็อยากไม่อยากกินกับมึงสองต่อสองนะ”

“ไรวะ มึงเคืองกูหรือไง น้องมันก็น่ารักดี…น่าสนใจอยู่นะ หรือมึงไม่คิดแบบนั้น” แจ็กกระซิบกระซาบส่วนหลังให้เพื่อนตนเองได้ยิน ทั้งที่จริงแล้วท่านขุนพอรู้เหมือนกัน

“มันคนละส่วนกัน” ว่าจบพีระพลก็เดินมาแตะไหล่ท่านขุนเบาๆ เป็นเชิงให้เดินไปด้วยกัน เขามีนิสัยแบบนี้ ไม่กล้าจับมือหรือโอบไหล่อย่างที่แจ็กทำหรอก

“อ่าว...ถึงมันจะคนละส่วนแต่กูก็มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้นนะเว้ย” แจ็กตามหลังออกมา ส่งเสียงประท้วงหาความเป็นธรรมให้กับความชงแล้วชงอีกของเขา อยากให้พีระพลสำนึกเสียหน่อยว่าหากเขาไม่เปิดทางขนาดนี้ สองคนนี้ก็ไม่มีทางได้ใกล้ชิดกัน ถึงแม้จะยังไม่ลงเอยก็เหอะ

‘วางยาแล้วให้ไอ้ขุนปล้ำแม่งซะดีมั้ง...’

เพราะรักเพื่อนนะเลยคิดอะไรเลวๆ แบบนี้ออกมา แจ็กรู้ดี พีระพลเป็นคนแบบไหน ขนาดจีบเขายังแทบไม่แตะต้องเนื้อตัวเขาเลย พ่อแม่สอนให้รู้จักให้เกียรติคนรัก สอนอย่างกับคนรักมันเป็นผู้หญิง อย่าล่วงเกินเธอนะ อย่าชิงสุกก่อนห่ามนะ เป็นผู้ชายต้องเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม ต้องสุภาพอ่อนโยนกับเธอ...โอ้ย นี่ยุคไหนแล้ว พีระพลก็รู้ แต่มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว

ตอนแจ็กรู้เรื่องแฟนหนุ่มสุดหล่อของพีระพล ไอ้คนล่าสุดนั่นน่ะ...แจ็กฟันธงเลยว่าพีระพลไม่ทำการบ้านเขาก็เลยทิ้งมัน อีกฝ่ายอยากใช้ชีวิตร่วมด้วยก่อน ไอ้นี่อยากแต่งงานก่อน ความเห็นสวนทางกันแต่พีระพลก็ยอมลงให้ ตามใจแฟน แต่ตามใจขนาดไหนมันขัดกันก็คือขัดกันแหละวะ...

ดีไม่ดี เรื่องบนเตียงแม่งคงจืดชืดมากด้วย...คิดแล้วเครียดแทนไอ้ขุน

มณีประจำการณ์ที่เดิมเวลาบ่ายคล้อยอย่างนี้ เธอทอดสายตามองไปที่ท่านขุนกับผู้ชายร่างสูงใหญ่คนนั้น คนของเธอชวนอีกฝ่ายชนกระป๋องกันเบาๆ แล้วก็ขอตัวออกไปทำงานต่อนอกร้าน ต่างจากอีกฝ่ายที่นั่งลงข้างเธอ ตามมาติดๆ ด้วยผู้ชายเจ้าสำราญคนนั้นนั่งลงชิดพีระพล

“ม้าวววว” มณีเอาเท้าดันอีกฝ่ายให้ถอยออกไป ล้ำเส้นเธอมาหน่อยหนึ่งและเธอไม่ยอมหรอก

“นั่งหน่อยนะครับนะ...” ดูเจ้านี่พูด ไม่ได้ไง...ไม่ให้นั่งตรงนี้

“แง่วววว” มณีเอาเล็บตัวเองกรีดไปที่เนื้อผ้า

“เจ็บครับ ขยับก็ได้ ไอ้แจ็กถอยหน่อยดิ้”

“อะไรวะ มึงกลัวแมวหรือไง” พีระพลอยากบอกว่าตนไม่กลัว แค่ไม่อยากล้ำเส้นเธอ แต่แจ็กมันคงด่ากลับมาว่าปัญญาอ่อน เขาเลยเงียบเอาไว้

พีระพลวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะแล้วหยิบเอาหนังสือกลับมาอ่านต่อ แจ็กมองเขา ดูซิว่าเขาจะสนใจแต่หนังสือไปได้เท่าไหร่ แต่แจ็กคงลืมไปว่านี่เพื่อนเขาบ้าหนังสือขนาดไหน มันเป็นหนอนหนังสือมาตั้งแต่เด็กแล้วจะมานั่งวัดใจมันทำไมกันล่ะ

“เฮ้ย สนใจกูหน่อย”

“ไม่” สั้นง่ายได้ใจความ และเจ็บจี๊ดเข้ากระหม่อมของคนชวนคุย

“มึงอย่าใจร้ายกับกูสิวะเพื่อน กูถามจริงๆ นะ มึงสนใจท่านขุนบ้างปะวะ...” คำถามนั้นทำให้พีระพลแอบเหลือบสายตาไปมองด้านนอก ท่านขุนยืนเอาเท้าเขี่ยกล่องเครื่องให้หลบพ้นตัว ก่อนจะหยอบกายไปงัดแงะเครื่องรถต่อ

“อืม...”

“แค่เนี่ย...ถ้าน้องมันจีบมึงจะว่าไง” ก็ดีนะ เขาคิดพลางหันไปมองหน้าแจ็ก

“โสดมานานแล้ว ไม่คิดหาคู่ใจสักคนเหรอวะเพื่อน ท่านขุนป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยนะเว้ย” มันชงเขาอีกแล้ว

“ก่อนที่จะถามกู มึงควรถามเขาก่อนไหมวะ” นั่นแหละ แจ็กถึงได้ขำ...มึงมันความรู้สึกช้าหรือยังไง

“มึงโตมาขนาดนี้ได้ยังไง มีแฟนมาแล้วกี่คน เรื่องแค่นี้มึงดูไม่ออกเหรอวะ...” พีระพลนิ่งงัน ปกติคนเข้ามาก็บอกตรงๆ ว่าผมชอบคุณ เดตกับผมไหม...แบบนี้ เอาจริงๆ พีระพลไปมีแฟนครั้งแรกตอนทำงานอยู่ต่างประเทศ ตอนที่เขาอยู่ไทยเขาสนใจแต่เรื่องเรียน มุ่งเน้นไปทางนั้นจนไม่ได้ใส่ใจเรื่องความรักนัก ถึงเขาจะเป็นรักร่วมเพศ แต่เขาไม่ได้หมกมุ่นอะไรกับมัน

น่าอายไปหน่อยที่จะบอกว่า...เขาระบายอารมณ์กับวิดีโอโป๊หรือภาพเปลือยเสียมากกว่าคนจริง

“...” พีระพลไม่ได้ตอบอะไรแจ็ก เขาก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไปทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาแทบอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย

เบียร์ถูกจิมเอามาเติมอยู่เรื่อยๆ หมดกระป๋องนี้ก็มีกระป๋องใหม่มาเสิร์ฟ ปกติพีระพลไม่ใช่คนดื่มเยอะ ถึงเคยดื่มแต่หัววันทว่าไม่กี่ชั่วโมงเขาก็เลิกดื่ม ส่วนใหญ่ไปดื่มในงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรแบบนั้นมากกว่า บางครั้งเขาจะเงยหน้ามองไปที่ท่านขุน เฝ้าดูอีกคนทำงานของตัวเองพลางดื่มเบียร์เย็นๆ ไปด้วย เขาดูมีความสุข...ดูสนุกกับสิ่งที่ได้ทำอยู่

พระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงช้าๆ พร้อมกับความมึนเบลอที่เพิ่มมากขึ้นทุกที พีระพลไม่รู้ตัวเลยว่าในกระป๋องเบียร์ของเขาถูเพื่อนซี้สั่งเติมบางสิ่งบางอย่างลงไปด้วย จากที่ไม่น่าเมามากก็เริ่มเมาเป็นทวีขึ้นทุกที ตาลายไปหมด ตัวหนังสือซ้อนกันไปซ้อนกันมา เขาอ่านมันไม่รู้เรื่องอีกแล้ว หนำซ้ำยังเผลอเท้ามือไปโดนมณีเข้าเต็มๆ ด้วยอีก

เจ้าเหมียวน้อยส่งเสียงร้องดัง มันตะกุยอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งความปรานี พีระพลตอบสนองได้ช้ามาก เขาตอบโต้มณีไม่ได้และหลบไม่ทัน แจ็กเองก็เอาแต่นั่งขำที่เพื่อนตัวเองโดนแมวฟัด ไม่ต่างกับโดนหมาฟัด ติดที่แมวสร้างรอยเล็บมากกว่ารอยฟันเท่านั้นเอง

“เฮ้ยๆ....มณีหยุดนะ” ท่านขุนเห็นจากข้างนอก เขารีบทิ้งงานเข้ามาคว้าตัวมณีน้อยเอาไว้ ซึ่งเธอยังคงส่งเสียงร้องฟ่อๆ ขู่พีระพลไม่ยอมหยุด

“พี่ไปทำเธอเจ็บเองแหละขุน” เขาพูดแบบไม่มีสติมากนัก ท่านขุนเห็นแล้วล่ะว่าพี่พีของขาดูเมามายแปลกๆ สายตาคมแต่กลมโตตวัดมองแจ็กตัวต้นเหตุทันที

“มันดื่มเองนะ” แจ็กขยับปากบอกเบาๆ ไม่ให้พีระพลรับรู้ ท่านขุนขยับปากตอบโต้ทันที

“เหรอ...” ก็รู้กันนี่นะ อย่ามาพูดเลยว่าพี่พีดื่มเอง ต่อให้ดื่มเองยังไงก็ไม่น่าดูเมาขนาดนี้หรอก

“จิมมาเอามณีไปหน่อย” ตอนนี้พี่พีของเขากำลังดูแผลที่เพิ่มขึ้นจากการข่วนของมณี ทางยาวหลายทางอาบไปด้วยเลือด เกือบสร่างแต่ก็ไม่สร่างเสียทีเดียว ท่านขุนนั่งลงแทนที่มณี ส่วนแจ็กลุกขึ้นทำทีเป็นเดินเข้าห้องน้ำ

“พี่พีเจ็บไหมครับ” พีระพลลหันไปมองสบตาท่านขุนพร้อมยิ้มน้อยๆ

“พี่ไม่เจ็บหรอก นิดเดียวเอง”

“แต่เลือดไหลเป็นทางแล้วพี่ ไปทำแผลเถอะ...” ท่านขุนตัดสินใจจูงมือพี่พีขึ้นไปที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง ชายสูงวัยกว่าเมาแล้ว...สติมีน้อยเกินกว่าที่จะคิดประมวลผลอะไรได้ จึงเดินตามไปพลางมองร่างเล็กเบื้องหน้า ต้นคอ...ที่โพล่ออกยั่วน้ำลายแปลกๆ นะ

….100%….

เอะอะก็ลากขึ้นห้องตลอดนะท่านขุน!

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ท่านขุนเผด็จศึกพี่พีไปเลยจ้า :hao7:

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
ปล้ำเลยๆ  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ให้พี่พีปล้ำท่านขุนนะ   :z1: :z1: :z1: :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ปล้ำเลยจ้า 555555

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
จัดการได้เลย ท่านขุน ทางเราสนับสนุนเต็มที่

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
คนของมณี เค้าพาเข้าห้องเองน้าาา

มณีไม่อยู่ด้วยยย ทางสะดวกเลยเจ้าาาา

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 6 [100%]….<

ท่านขุนให้พีระพลนั่งลงบนที่นอน จากนั้นเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเอากล่องปฐมพยาบาลที่เขาเก็บเอาไว้ในนี้ออกมา จากนั้นนั่งลงข้างกายพีระพล คว้าแขนแข็งแรงแต่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมาประคอง ค่อยๆ จัดการล้างบาดแผลเหล่านั้นเบาๆ ด้วยน้ำเกลือที่ไม่ทำให้แสบ

ระหว่างที่ท่านขุนตั้งใจทำแผลให้ พีระพลก็ลอบมองใบหน้าของท่านขุน ตาเขาพล่าเบลอไปหมด มองไม่ชัดยิ่งกว่าถอดแว่นออก ดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามในการเฝ้ามองสีหน้าอีกฝ่าย ท่านขุนกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยยามที่ตั้งใจบรรจงทายาแดง พีระพลไม่เจ็บเลย...เขาชาไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“เสร็จแล้ว ผมขอโทษแทนมณีด้วย มันทำร้ายพี่พีอีกแล้ว...เจ็บตัวตลอดเลยพี่พีอะ” นั่งใกล้กันมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบตากันอย่างบังเอิญ

“มณีหวงท่านขุนมั้ง”

“ผมไม่มีอะไรให้น่าหวงเลย มณีหวงอาหารมากกว่า...” พีระพลหัวเราะ

“คงงั้น” ท่านขุนเอาอุปกรณ์ทำแผลเก็บเข้าที่เดิม เขาเอามันวางไว้ที่พื้นก่อนโดยไม่ยอมลุกไปไหน

เอาจริงๆ เลยนะ...เอาแบบไม่ต้องสร้างภาพกันเลย ตอนนี้คือโอกาสที่ดีของท่านขุนและท่านขุนจะไม่ยอมปล่อยพี่พีคนดีคนนี้หลุดมือไป เวลาพี่พีเมา ตาพี่พีนั้นฉ่ำหวานมาก เขาชอบมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอแล้วล่ะ ดังนั้นครั้งก่อนเขาจึงไม่ลังเลที่จะลากพี่พีขึ้นมาเพื่อจะทำร้ายร่างกายพี่พี

ตอนนี้ทั้งห้องมีแค่เขาสองคน...มณีโดนจับขังไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีก้างมาขวางคอ พี่พีก็เมา นี่...ไม่คว้าโอกาสนี้แล้วจะต้องรอไปอีกเมื่อไหร่ ข้อเสียของท่านขุนคือทำอะไรตามอารมณ์ของตัวเองไปหน่อย เขาใช้ความรู้สึกนำทางมากกว่าเหตุผลหรือแม้แต่การคาดการณ์ว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

ผิดกับพี่พี...พี่พีคิดมาก พี่คิดแบบที่ผู้ใหญ่มักคิดกัน เราทำแบบนี้ต่อไปจะเป็นยังไง ทำแบบนี้ผลของมันจะออกมาในรูปแบบไหน พี่พีเป็นนักวิเคราะห์ เพราะงั้นไม่น่าแปลกถ้าพี่พีจะเป็นคนคิดมากก่อนลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

ท่านขุนอยากให้พี่พีใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผลในตอนนี้...เหมือนที่เขากำลังจะใช้มัน

“พี่พีรังเกียจผมไหม...” ท่านขุนเอ่ยถาม แอร์เย็นฉ่ำไม่สามารถห้ามหยาดเหงื่อแห่งความตื่นเต้นได้ พีระพลเมาแต่ท่านขุนไม่ได้เมาเลย เขาดื่มไปแค่สี่กระป๋อง แล้วสี่กระป๋องนั้นมันก็เป็นแค่ออเดิร์ฟสำหรับท่านขุนเท่านั้นเอง

“ไม่ ไม่พี่รังเกียจเรา...” หัวใจคนฟังระรัวขึ้น

“ถ้า...” เขาไม่กล้าพูด

“ถ้าอะไรครับ” พี่พีเร่งเร้าถามด้วยความอยากรู้

“ถ้าผมทำแบบนี้ล่ะ” แล้วเขาก็ขยับตัวเข้าใกล้พี่พีเพื่อเอาริมฝีปากตัวเองแนบลงไปบนริมฝีปากอีกฝ่าย...

พี่พีไม่กระถดหนีเขา กลับบดปากตอบโต้อีกต่างหาก มือใหญ่อันขาวนวลยกขึ้นจับเอวคอดของท่านขุนเบาๆ ไม่ได้ลงน้ำหนักแต่ก็ลูบไล้อยู่ในที เมื่อเห็นว่าพี่พีตอบสนอง ท่านขุนจึงค่อยๆ ส่งลิ้นตัวเองเข้าสู่โพรงปากอุ่นร้อนของอีกฝ่าย มือทั้งสองของท่านขุนลูบไล้อยู่ที่แผงอก กล้ามเนื้อหนั่นแน่นใต้เสื้อยืดนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ท่านขุนยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

บางทีเขาควรลงไปมอมตัวเองก่อน...

“รังเกียจผมไหม” เกือบจะเอนกายลงที่นอนด้วยกันแล้ว แต่ท่านขุนละริมฝีปากออกก่อนเพื่อถาม

“ไม่ครับ” พี่พีตอบกลับ ดวงตาพี่พีเริ่มเคลือบไปด้วยอารมณ์ ท่านขุนรับรู้มันได้...

“แล้วถ้า...”

“ถ้ามากกว่านี้ก็ไม่รังเกียจหรอก” กลายเป็นพี่พีที่ตอบกลับมาเสียเอง ตอนนี้แหละที่ท่านขุนรู้สึกว่าอาการเขินนั้นลามไล้ไปทั่วหน้าของเขา กลับกัน...พี่พีกำลังยิ้มเจ้าเล่แปลกๆ

“แต่พี่คิดว่าเราไม่ควรไปไกลกว่านี้หรอกนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน...พี่ว่ามันไม่เหมาะ” มาขนาดนี้ไม่มีคำว่าเหมาะแล้วล่ะ

ท่านขุนผลักร่างที่ใหญ่กว่าของพี่พีลงกับที่นอน จากนั้นเขาก็ขึ้นคร่อมทับร่างนั้นตามติดด้วยริมฝีปากบดขยี้ปากนุ่มนิ่มของพี่พี ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้าไปในเสื้อ สัมผัสกับเนื้อหนังร้อนฉ่าของคนด้านใต้ หัวใจพี่พีเต้นเร็วมาก...เร็วเหมือนของเขาเลย

“งั้นเรามาเป็นอะไรกันสิครับ” เขายังคงจูบเบาๆ แถวสันกรามพีระพล

“เป็นอะไรดีล่ะ...”

“เป็นแฟนผมไง” ดวงตาท่านขุนจริงจังมาก แม้เมาก็ยังรับรู้ได้

พีระพลแยกไม่ออกระหว่างความอยากและความถูกต้องอันเหมาะ อันควร ฝ่ามือลูบไล้อยู่แบบนี้เร้าอารมณ์ตัญหาของเขามากเกินไป จะว่าห่างหายกับมันไปนาน ความอดทนก็เลยต่ำคงไม่ผิดนัก เขาพยายามไล่จับมือของท่านขุนเอาไว้ไม่ให้ทำเขาเตลิดมากไปกว่านี้ แต่คนเมาจะไปไวเท่าคนสติดีได้ยังไง

เผลอแป๊บเดียว...เสื้อของท่านขุนที่พีระพลใส่อยู่ก็ถูกถลกขึ้น ท่านขุนรู้ว่าพี่พีกำลังคิดในแบบที่ผู้ใหญ่เขาคิด แต่เขาไม่อยากให้พี่พีใช้สมองมากในตอนนี้ เมื่อเสื้อเปิดโชว์เนื้อหนังขาวกระจ่าง ท่านขุนไม่ลังเลเลยที่จะโน้มกายเข้าไปจูบตั้งแต่ไหปลาร้าลามมาที่ยอดอก พี่พีของเขาสะดุ้งเฮือก วงแขนแข็งแรงโอบร่างท่านขุนเอาไว้ เรียวลิ้นสีชมพูสดตวัดไป ตวัดมา เรียกเลือดเรียกลมให้วิ่งพล่านอยู่ในร่างกายใหญ่

ความเป็นชายตื่นจากการหลับใหลอย่างช้าๆ มันค่อยๆ ดันหน้าท้องของท่านขุนเบาๆ โดยที่ท่านขุนเองก็รับรู้ แสงสลัวจากดวงอาทิตย์สีแดงด้านนอกทำให้บรรยากาศในห้องนี้ดูเป็นใจไปเสียหมด เรียกว่าอะไร...บรรยากาศน่าเสียตัวงั้นสิ

การได้มองชายที่ตนชอบในชุดตัวเองก็ว่าเร้าใจแล้วนะ ยิ่งได้เป็นคนถอดอีก...ก็ยิ่งเร้าใจเข้าไปใหญ่ บอกตามตรง ตอนนี้เอาช้างมาฉุดก็หยุดท่านขุนไม่ได้แล้วล่ะ หว่านเสน่ห์ลงในอาหารเที่ยงทุกวัน ยิ้มหวานรับการมาตลอด ทั้งยังคอยดูแลเทคแคร์ขนาดนี้...นี่ไม่รวมการทำน้ำหกราดร่างพี่พีเพื่อให้ได้ยลกายขาวสะอาดนี้อีก ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อการนี้...

จะว่าร้ายกาจก็ช่าง...อยากได้คนนี้แล้วเขาก็ต้องได้สิ

ท่านขุนลงลิ้นยอดอกฝั่งนี้แล้วก็ย้ายไปอีกฝั่ง เสียงพ่นลมหายใจของพี่พีดังอยู่เหนือหัวของเขา ทั้งที่แค่ลมหายใจกระเส่า แต่ท่านขุนกลับรู้สึกว่าตัวเองเมามายไปกับมันเสียแล้ว ขณะที่ปากครอบลงไปบนยอดอก ฝ่ามือของเขาก็เลื่อนลงไปด้านล่าง จุดกลางกายถูกตะปม บีบและนวดเบาๆ ก่อนซิปกางเกงจะถูกรูดลงอย่างช้าๆ

“อ่าขุน...” แค่เสียงเรียกก็เล่นเอาขนลุกซู่ไปหมดแล้ว

“ผมชอบพี่พีนะ” ท่านขุนจูบเบาๆ ลงต่ำไปเรื่อยๆ ผ่านชายโครงมาที่ลิ้นปี่และหน้าท้องเป็นลอนๆ เห็นแล้วใจเต้นระส่ำไปหมด หุ่นของพี่พี เชื่อเถอะ...เกย์คนใดได้เห็นก็อยากกินทั้งนั้นแหละ

“ผมชอบพี่พีมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วนะครับ...” ชั้นในสีดำของท่านขุนเอง มันค่อนข้างคับไปหน่อยเมื่อมันอยู่บนร่างของพี่พี เขาค่อยๆ งับขอบกางเกงนั้นแล้วรูดลงช้าๆ

ลมหายใจร้อนผ่าวของท่านขุนทำให้พีระพลตื่นตัวจนสามารถดีดผึ่งออกมาด้านนอกอย่างง่ายดาย เมื่อไม่มีอะไรขวางกั้นอิสระภาของพีน้อยอีกต่อไป พีระพลมองสบตากับท่านขุนผ่านแว่นไร้กรอบ หัวใจเต้นระรัวไปหมดเมื่ออีกฝ่ายกำลังทำสิ่งที่ลึกๆ เขาก็อยากให้ทำ

“ซี้ด...ขุน...อื้ม...” เรียวลิ้นนั้นตวัดผ่านส่วนปลายช้าๆ ราวกับจงใจยั่ว ท่านขุนชอบปฏิกิริยาของพี่พี...ชอบการตอบสนองกลับที่แทบจะเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้นเลย

เขาไม่ได้รังเกียจอะไรเลย ลงลิ้นเฉียวซ้ายทีขวาที ดูพี่พีนอนเสียวซาบซ่านอย่างสบายอารมณ์ การทำให้อีกฝ่ายมีความสุขมันก็คือส่วนส่วนหนึ่งของเซ็กส์เช่นกัน หลังเล่นลิ้นจนพอใจ ท่านขุนก็ครอบปากตัวเองกลืนกินความเป็นชายขนาดใหญ่ของพี่พี

ก็รู้ว่าพี่พีไม่ใช่ไทยแท้...แต่ลูกครึ่งก็ขนาดไม่เบาเลยนะ

เขากลืนกินมันทั้งหมดไม่ได้หรอก มากสุดแค่ครึ่งลำเท่านั้น พี่พีเอื้อมมือมาจับหัวของเขาเอาไว้ ลูบเส้นผมสั้นๆ ของเขาราวกับพอใจในสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างมาก พี่พีอาจไม่ได้อู้วอ้าอะไร แต่แค่ลมหายใจถี่ๆ ก็ขยี้อารมณ์และความต้องการของท่านขุนจนกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว

ส่วนนั้นในปากกระตุกไปมาอยู่หลายครั้ง แม้แต่ร่างกายพี่พีก็ยังเกร็งเฮือกอยู่หลายหน แต่ไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดหมายปลายทางเลยแม้แต่นิด ท่านขุนอยากจะให้พี่พีเสร็จคาปากของเขา ก็มันถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่พี่กลับเอามือมาช้อนใต้คางของเขาเพื่อหยุดเอาไว้

“ขุน...พอแล้ว”

“แต่...พี่พียัง”

“ไม่เอา พอแล้วครับ” ไม่ว่าเปล่า พีระพลงัดเอาแรงที่ซ่อนอยู่ในตัวเองออกมาดึงท่านขุนจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน

พีระพลเป็นฝ่ายป้อนจูบรุนแรงและดุเดือดให้กับท่านขุนบ้าง จากรุกเขาในตอนแรก ตอนนี้โดนทำกลับ ท่านขุนสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก เขาเองก็อยากไม่ต่างจากอีกฝ่ายหรอก ท่านขุนปล่อยให้พี่พีสอดมือเข้ามาใต้เสื้อ ลูบไล้ร่างกายที่ไม่ได้ขาวกระจ่างแต่ก็เนียนละเอียดของตนเอง ลิ้นของพี่พีเกี่ยวลิ้นของเขาอยู่ในปาก ไม่ยอมปล่อยให้หนีไปไหนได้ เหมือนตัวเขาที่หมดแรงคาอกของพี่พี

พีระพลค่อยๆ สลับตำแหน่งกับท่านขุนช้าๆ โดยท่านขุนแทบไม่รู้ตัว คนตัวเล็กกว่าเอามือคล้องคอพีระพลเอาไว้ขณะปล่อยให้พีระพลเล่นกับร่างกายของตนเองอย่างสนุกมือ ตอนนี้สติพีระพลไม่มีแล้ว...มีแค่สัญชาตญาณ แล้วมันก็หลุดตอนที่ท่านขุนใช้ปากให้กับเขานั่นแหละ

“ท่านขุนทำให้มันเป็นแบบนี้เองนะ...” เหมือนบรรยากาสมันเปลี่ยนไปนิดหน่อย

พีระพลดึงแว่นสายตาของตนเองออก การหรี่ตาเล็กน้อยเพื่อเพ่งมองทำให้ตาเขาดูดุขึ้นจากปกติที่ไม่เป็นแบบนั้น ทว่าในความดุดันมันก็เซ็กส์ซี่ไม่เบาเหมือนกัน

หัวใจท่านขุนระรัวขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้มาก เมื่อพีระพลโน้มกายเข้ามาประทับริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอของเขา มันค่อยเกิดเป็นความเสียวแปล๊บขึ้นและเจ็บจี๊ดนิดๆ จากการโดนดูด ฝ่ามือใหญ่จัดการถลกเสื้อยืดของเขาและปลดซิปกางเกงเขาอย่างรีบร้อน ท่านขุนเองก็ยินดีที่จะให้อีกฝ่ายทำตามใจต้องการ เพราะเขาอ่อนระทวยไปหมดจากการโดนดูดคอ

มาถึงขั้นนี้...ท่านขุนไม่คิดแล้วว่าใครจะต้องรุกและใครจะต้องรับ

เขาอาศัยช่วงเวลาที่พี่พีของเขาง่วนอยู่กับเลียผิวอ่อนคอเอื้อมไปหยิบเจลและถุงยางอนามัยจากโต๊ะข้างเตียง พี่พีเอาขาตัวเองถีบกางเกงท่านขุนซึ่งติดกับชั้นในให้พ้นตัว จากนั้นยืดกายตรง ดึงเสื้อท่านขุนออก ฝ่ามือที่ดูยังไงมันก็ไม่มีทางสากลูบไล้ตั้งแต่หน้าท้องน้องของเขาขึ้นมาที่ยอดอก ปลายนิ้วสะกิดเย้าหยออกเบาๆ เจ้าของร่างถึงกับสะดุ้งแล้วเกร็งเฮือกไปทั้งร่าง

“อื้อพี่พี...”

“ครับ” พี่พีขานตอบพลางเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ยอดอกสีคล้ำ

“อ้ะ..เสียวพี่” ฟันคมๆ ครูดสิ่งนูนเล็กๆ นั้นก่อนเป็นอย่างแรก ตามด้วยลิ้นเฉอะแฉะแลบเลียจนแผ่นอกนั้นเปื้อนน้ำลายสีใส พี่พี่ไม่ได้มีแต่ความอ่อนโยนให้ท่านขุน...แต่ยังมีความเร่าร้อนเจือปน คนทำระรัวลิ้นหนักๆ เข้าใส่ จนท่านขุนต้องแอ่นอกเข้าหา

ความเป็นชายเสียดสีกันอยู่ด้านล่าง เป็นพีระพลเองที่จงใจให้มันถูไถกันไปมาแบบนั้น พอท่านขุนขยับสะโพกหนีเขาก็ขยับสะโพกตาม จนร่างเล็กต้องกัดปากกลั้นเสียงครางเครือของตัวเองให้มันอยู่แค่ในลำคอ แต่นั้นก็คือความเร้าใจอย่างหนึ่ง...จะทำยังไงให้คู่นอนเราครางเหมือนแมวเวลาเคลิ้มได้

พีระพลอาจไม่เคยทำให้มณียอมสยบเขาได้เลย แต่เขาสามารถทำให้เจ้าของมณีนอนหอบใต้ร่างเขาได้อย่างง่ายดาย ถึงจะผ่านใครมาไม่มากนัก ถึงจะนอนกับใครมาไม่บ่อย แต่ของแบบนี้มันอยู่ในสัญชาตญาณมากกว่าความรู้เสียอีก

ขณะที่ท่านขุนนอนหอบตัวโยน เกือบจะถึงจุดหมายปลายทางเพียงแค่พีระพลเล่นยอดอกและเอาส่วนนั้นเสียดสี ร่างสูงก็ชะงักทุกอย่างลง เขาหันไปเอาหลอดเจลมาเปิดฝา ดันขาท่านขุนให้อ้าออกพลางเคลื่อนกายเข้าแทรกกลาง จากนั้นเทเจลลงไปที่ช่องทางนั้นหลังแล้วเอานิ้วตนเองถูไปมาเบาๆ

“อื้อพี่พี...”

“ครับ...” เมื่อท่านขุนเอ่ยชื่อ พีระพลขานตอบ นิ้วของเขาค่อนๆ เคลื่อนเข้าสู่ร่างท่านขุนช้าๆ ข้างในนั้นอุ่นร้อนและฝืดฝืนเอาการ แต่พีระพลก็ไม่ดึงดันจะสอดเข้าไปแบบดิบเถื่อน

เขาค่อยๆ ดูอารมณ์ของอีกฝ่ายว่าพร้อมรับนิ้วของเขาได้มากแค่ไหน ฝืดเกินไปก็เทเจลเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อให้มันคล่องตัวยิ่งขึ้น ไม่นานนักนิ้วของพีระพลก็สามารถเข้าไปในร่างท่านขุนได้สุด เขาเริ่มขยับเบาๆ พลางใช้อีกมือชักรูดความเป็นชายของท่านขุนเพื่อรักษาระดับอารมณ์

พี่พีไม่ได้อ่อนเหมือนที่เห็นภายนอกเลย...

เรียวแขนเล็กแต่แข็งแรงของคนด้านใต้เอื้อมมาคล้องคอของพีระพลเอาไว้ ข้างในเริ่มอ่อนนุ่มพีระพลก็สอดใส่นิ้วที่สองและสามตามเข้าไปเป็นลำดับขั้น ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปข้างช้าๆ แต่หนักแน่น ท่านขุนเสียวซ่านนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ท่าทางเป็นธรรมชาติของเขาเร้าใจพีระพลอย่างที่สุด ราวกับจะทนไม่ไหว ในเมื่ออ่อนนุ่มแล้วพีระพลก็ไม่รีรอที่จะแกะถุงยางออกมาสวมความเป็นชายของตัวเอง

“พี่เข้าไปนะ...” เสียงนั้นกระเส่ามาก มันดังอยู่ข้างหูของเขา คนไม่เมามองหน้าคนเมาที่แสนจะเซ็กส์ซี่ก่อนจะจูบที่มุมปากของอีกฝ่าย

“เข้ามาสิพี่พี…” เหมือนได้รับยคำสั่งให้เดินหน้าเต็มกำลัง พีระพลจับความเป็นชายจ่อเข้าไปในช่องทางนั้นก่อนจะกดเบาๆ

“อื้ม...พี่พี...พี่...พี”

“ครับ...อื้อขุน” ลำบากเล็กน้อย ท่านขุนเองก็ไม่ได้มีอะไรกับใครมานาน ดังนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บเสียดเล็กน้อยกับความใหญ่โตเกินชายไทยของพี่พี แหงสิ...พี่พีเป็นลูกครึ่งนะ

พีระพลใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ทั้งที่เมามายและเกิดความต้องการสูง แต่ก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ความอดทนที่เขาใช้เหมือนเขาใช้ความอดทนทั้งชีวิตเพื่อจะเข้าไปในร่างกายเล็กกว่าของท่านขุน ปล่อยให้ส่วนนั้นปรับตัวและดูดกลืน ทว่าแรงตอดรัดหนักๆ นั้นก็ทำให้ทุกอย่างดูยากเย็นเสียเหลือเกิน

“อื้อ...ขุนตอดพี่แรงมากเลยครับ”

“อ๊ะ...พี่พี...พี่พี...” รู้สึกดี...พีระพลกำลังรู้สึกดีที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาซ้ำๆ อยู่แบบนั้น

“อ่า...” เข้าไปจนสุดลำได้ พีระพลแช่คาเอาไว้พลางมอบจูบอันเร่าร้อนให้กับท่านขุนเพื่อปลอบประโลม

ใช้เวลาเกือบนาที กว่าท่านขุนจะเริ่มปรับตัวได้และตอดรัดความเป็นชายของพีระพลเพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มเคลื่อนไหวกาย ด้านนอกมืดหมดแล้ว ไฟในห้องไม่ได้เปิด มีแค่แอร์ที่ทำงาน และร่างกายของคนสองคนสอดประสานกันอยู่ในความมืด พีระพลเห็นหน้าท่านขุนได้ชัดต่อเมื่อเขาเข้าใกล้ตอนจูบ ดังนั้น ใบหน้าของพีระพลจึงอยู่ไม่ห่างท่านขุนเลย นอกจากจูบหนักๆ และลิ้นเป็นพัลวัลแล้ว ช่วงล่างของพี่พีทำให้ท่านขุนเสียวซ่านเกินบรรยาย

“พี่พี..พี่พีเบาหน่อย…อ๊ะ...ผมจะไปแล้ว” ทั้งที่เพิ่งเริ่ม แต่เพราะพีระพลเล่นกับร่างกายของท่านขุนจนฉ่ำอามรมณ์ไปหมด เมื่อแก่นกายเข้ามาในร่างและเร้าจุดนั้นซ้ำๆ เขาก็เริ่มทนไม่ไหว เอื้อมมือไปจับของตัวเองแล้วชักนำมันไปในจังหวะเดียวกับการเคลื่อนสะโพก

“ปล่อยออกมาสิครับ อื้ม...ปล่อยออกมาเลย” ว่าแล้วพีระพลก็เลียตติ่งหูเล็กอย่างเอาอกเอาใจ เขากระแทกกระทั้นเข้าไปหนักๆ เพื่อให้ท่านขุนได้ปลดปล่อยหยาดความต้องการออกมา

“อ๊ะ...ซี้ด...พี่พี...พี่...พี่พีอึ้ก” ร่างกายเล็กกว่ากำลังเกร็งสะท้าน เสียงหอบหายใจหนักและกระเส่าก้องกังวานอยู่ในหู หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นแสนอุ่นกำลังพุ่งออกมาราวกับมันได้ค้นหาทางออกเจอเสียที

“น้ำขุนเยอะเลย” พีระพลเอามือไปลูบไล้น้ำเหล่านั้นบนหน้าท้องท่านขุนจนเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด

“พี่พีอย่าเล่นสิ...มันสกปรก”

“มันเพิ่งออกมาจะสกปรกได้ยังไงล่ะ” ไม่ว่าเปล่า พีระพลเอามือที่มีน้ำนั้นเปื้อนอยู่เข้าปากตัวเอง

ภาพนี้ตรึงตาท่านขุนเกินกว่าจะหาคำพูดไหนมาบอกเล่า เขาเขิน...แต่เขาไม่มีที่ให้มุดหน้าหนี รอยยิ้มแบบเบดกายนั้นถูกส่งมาให้เขาที่นอนหอบหน้าแดงระเรื่อ พี่พีเริ่มเคลื่อนไหวสะโพกของตัวเองอีกครั้ง ข้อเท้าทั้งสองข้างของท่านขุนถูกพีระพลดึงขึ้นสูง เสียงเนื้อที่กระทบกันได้ดีขึ้นบอกกับเขาว่าส่วนนั้นเข้ามาสุดความยาวของมันอย่างแท้จริง

“พี่พีผมเสียว...”

“อื้อพี่ก็เสียวครับ” พีระพลเร่งจังหวะ...เขาเองก็อยากจะไปถึงจุดหมายปลายทางบ้างเหมือนกัน แต่ที่มันนานแบบนี้อาจเพราะเขาดื่มมันเข้าไป

ท่านขุนต้องรองรับความซาบซ่านนั้นอยู่อีกพักใหญ่ ร่างกายไถลขึ้นลงกับที่นอนจนผ้าปูยับยู่ยี่ไปหมด เสียงพ่นลมหายใจปนครางเบาๆ ของพี่พีอยู่เหนือหัวของเขา...นั่นทำให้เขามีความสุข ความเป็นชายเข้ามาในร่างกระชั้นขึ้นอีก...กระชั้นจนท่านขุนรู้สึกอยากจะถึงจุดหมายปลายทางอีกรอบ เขาเอื้อมมือไปเร่งเร้าตัวเองหวังตามพี่พีไปยังเส้นชัยด้วย

“ซี้ด...อึ้กอ่า...”

“อื้อ...พี่พี” แล้วท่านขุนก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาสามารถปลดปล่อยได้พร้อมกับที่พีระพลถึงจุดหมายอย่างรุนแรง

….100%….

ตั้งใจจะอัปตั้งแต่หัวค่ำแต่เราหลับค่ะ =_= เอาเป็นว่า…เรามาเขินยามดึกกันเถอะ~!!!

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
แม่มณีพลาดแล้ว นี้แฟนเก่าขุนนี้ยังไง เชียร์ไห้แฟนเก่าขุนเ็นรับจะปิดมั้ยยยยยย55555

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อื้อหือ แซ่บทิ้งมาดหนุ่มสุขมเลยพี่

แม่มณี ทาสเทอโดนกินเรียบร้อยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด