>…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]  (อ่าน 44348 ครั้ง)

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :m16:  พี่พีแสดงออกเลยว่าไม่พอใจ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไม่คุย ไม่ถาม งอนกันไป

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รำคาญแฟนเก่ามาก เดกนิสัยเดกๆแน่ใจนะว่าขุนกลับไปแล้วมึงจะไม่เล่นชู้อีก

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 18 [100%]….<

รู้เลยว่าพี่พีอารมณ์ไม่ดี...แววตาแบบนั้นยิ่งกว่าเมื่อวานนี้อีก ท่านขุนรู้ว่าตัวเองควรหาเวลาคุยกับพี่พีให้รู้เรื่องว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้พี่พีรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่แล้วรักก็มาหา มีการบอกว่าเก็บแมวได้จากข้างถนนให้รีบเปิดร้านให้หน่อย...มันหิว

เมื่อท่านขุนรีบลงมาเปิด เห็นแมวเปอร์เซียร์ในวงแขนรักแล้วก็คิ้วขมวด เก็บได้จริงเหรอ...ใครเขามาปล่อยแมวสายพันธุ์แบบนี้เอาไว้กัน มันเป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่อยากจะเชื่อแต่เจ้าเหมียวมันก็ร้องขออาหารจริงๆ นั่นแหละ ท่านขุนจึงต้องพารักมาที่ครัว เอาอาหารให้เหมียวน้อยที่น่าสงสาร

แล้ว...พี่พีก็ลงมาเจอ

บรรยากาศน่าอึดอัดเป็นบ้า รักยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่หรอก พี่พีนี่สิ...ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่แววตา ขนาดรักส่งเสียงเรียกแล้ว ปกติคนอย่างพี่พีจะทักตอบหรือส่งยิ้มให้เพื่อเป็นการทักทายกลับ ทว่านี่ไม่เลย...พี่พีแค่มองหน้ารักกับเขา

“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าคุณพีจะค้างที่นี่ เอ...ผมมารบกวนเวลาของคุณสองคนหรือเปล่านะ” พูดเหมือนจะสำนึก แต่หน้าตานี่เริงร่าสุดๆ พีระพลดูออก ไม่ใช่ดูไม่ออก เหมือนกับว่าตั้งใจมาหาท่านขุน แจ็กพ็อตเจอเขาด้วยเลยได้ป่วนไปในตัว

“ไม่หรอกครับ” พีระพลจำต้องตอบ แค่ไม่ทักคืนนี่ก็ถือว่าเสียมารยาทแล้ว

แต่คนแบบนี้เขาต้องมีมารยาทด้วยจริงเหรอวะ?

คนในบ้านมักสอนเขาว่า ต่อให้คนอื่นจะทำตัวแย่ๆ ใส่เขายังไงก็ต้องทำดีกับเขา ต้องมีมารยาทอย่าทำตัวทรามกลับเพราะมันจะเป็นการลดค่าของตัวเอง อีกฝ่ายไม่มีใครสั่งสอนมาก็เลยเป็นแบบนั้น อย่าถือสาเลย

ชีวิตพพีระพลทำงานเจอคนมาเยอะ บางคนแย่ก็จริงแต่ไม่เท่านี้ อาจเพราะพวกเขาเองก็เป็นผู้ใหญ่และมีมารยาทในการเข้าสังคม ถ้าเป็นสมัยเรียนก็ว่าไปอย่าง สมัยนั้นพวกทรามๆ มีเยอะ พวกที่เห็นเขาทำตัวดีหน่อยก็แซะเขาลับหลัง หรือรุ่นน้องไม่ให้ความเคารพกันก็มีบ้างประปราย เขาดีใส่ทุกคน...สุดท้ายคนเหล่านั้นก็ไม่กล้าทำตัวแย่ๆ ใส่เขาเพราะเกรงใจ

แล้วรักจะเกรงใจเหรอ...ไม่หรอกมั้ง ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น รักตั้งใจจะมาป่วนมากกว่า ไม่ได้เห็นหัวของเขาหรอก เพราะในสายตารักมีแค่ท่านขุนเท่านั้นเอง พีระพลบอกให้ตัวเองอดทน อย่ามาเสียเพราะคนอย่างรัก

“เอ่อ...พี่พีกินข้าวก่อนไปทำงานไหมครับ ผมไปเปลี่ยนชุดแล้วลงมาทำอาหารให้กินดีกว่าเนาะ” อยากปฏิเสธนะ...เขาไม่อยากร่วมโต๊ะกับรัก แต่มันจะน่าเกลียดน่ะสิ

“เห งั้นฝากท้องด้วยคนสิ รักหิวมาก...” รักทำหน้าอ้อนแฟนของเขา เจ้าเหมียวอยู่บนโต๊ะกินอาหาร มันก้มหน้าก้มตากินอาหารของมณีอย่างเอร็ดอร่อย

“เอ่อ…อื้อ” ปฏิเสธก็น่าเกลียดใช่ไหมล่ะ ก็เลยต้องตอบรับไป

“พี่พีรอผมแป๊บหนึ่งนะ แป๊บเดียวๆ…” ท่านขุนเดินเข้ามาหา ลูบแขนพี่พีนิดหน่อยก่อนรีบวิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่

เมื่อท่านขุนหายลับไป รอยยิ้มของรักก็หายไปเช่นกัน ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนไม่เป็นมิตรอย่างพีระพลนี่นา ดูสีหน้าฝ่ายนั้นสิ...บึ้งตึงยิ่งกว่าอะไรดี อีกอย่าง...รักอยากได้ท่านขุนคืน เรื่องไรจะต้องทำตัวสนิทชิดเชื้อกับแฟนใหม่ของแฟนเก่าเราล่ะ

“โรคจิตนะที่ทำรอยแบบนั้นบนตัวท่านขุนน่ะ” รักเปรยเบาๆ แน่นอนว่าเข้าหูพีระพล

“เหรอครับ...” ผู้อาวุโสตอบด้วยการถามกลับ

“คุณคงไม่รู้ว่าท่านขุนไม่ชอบแบบนั้น มันเหมือนด็กไร้สกุลเขาทำกัน...หรือคุณว่าไม่จริง” สายตาของรักเหยียดหยันพีระพลเต็มที่

“เอ...หรือว่าที่เขาเคยพูดกันมันจะจริง ที่ว่าผู้ชายมาดเนี้ยบเนี่ยจริงๆ แล้วมักซาดิสม์” ไม่คุ้นเคยกับการสาดคำพูดแรงๆ ใส่เท่าไหร่นัก จะว่าสังคมที่พีระพลอยู่ค่อนข้างดีเลยก็ว่าได้ อาจมีด่ามีว่ากันเล็กๆ น้อยๆ แต่มันไม่ได้น่าเคืองเท่าที่รักพูด

“ถ้าแบบนั้นพวกเบดกายก็มักจืดชืดสิ...ใช่ไหมครับ อันนี้ผมก็ได้ยินมาน่ะ” ร่างสูงสวนกลับบ้าง เขาหน้านิ่งไม่มีรอยยิ้ม ไม่เหยียดอีกฝ่ายทั้งที่โกรธอยากเข้าไปต่อยมันสักที

“มันก็แค่ที่เขาพูดกัน...”

“นั่นสินะครับ” รักพอเข้าใจในสิ่งที่พีระพลตอบโต้ มันหมายถึงสิ่งที่รักกล่าวหาก่อนหน้านี้มันก็แค่ที่คนอื่นเขาพูดกันเหมือนกันนั่นแหละ

“แต่ท่านขุนก็ไม่ชอบ คุณเป็นแฟนเขา...ก็ควรรู้ว่าอะไรเขาชอบหรือไม่ชอบสิ ไม่คิดบ้างเหรอครับว่าลูกค้าเขาจะมองยังไง เห็นรอยบนตัวท่านขุนแบบนั้นน่ะ มันดูไม่ดีเลยนะครับ” รอยจูบอยู่หลังคอและในร่มผ้า โอเค...หลังคอเห็นง่ายอยู่ แต่ไอ้ข้างในเนื้อตัวที่เป็นรอยแดงจางๆ นี่ไม่ถอดเสื้อก็ไม่เห็นหรอกนะ

“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ แต่ว่า...คุณไม่คิดเหรอครับว่า บางทีที่เขาไม่ชอบให้ทำรอย อาจไม่ได้เพราะไม่ชอบรอยแต่ไม่ชอบคนทำ มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคู่รักนะผมว่า ท่านขุนเองไม่เคยว่าที่ผมทำแบบนั้นเพราะว่าเขาชอบ...ที่ผมทำ” รอยยิ้มบางเบาเกิดขึ้นบนใบหน้าพีระพล เจ้าตัวเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับรักคล้ายท้าทายอารมณ์และความอดทนอีกฝ่าย แน่ล่ะ...รักโคตรเคือง เหมือนโดนด่ากลายๆ ว่าที่ผ่านมาท่านขุนไม่ชอบที่รักทำ แต่ชอบที่พีระพลทำ...มันเป็นความต่างที่รักเทียบไม่ติด

“รู้ไหมครับ...เมคเลิฟคือสิ่งที่คนสองคนต้องชอบมันไปด้วยกัน มีอารมณ์ร่วมไปพร้อมๆ กัน มีความสุขไปด้วยกัน...ไม่ใช่สักแต่จะเอาไอ้นั่นเสียบเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว” ถ้าคนอื่นพูดแบบนี้คงดูหยาบคายไปบ้าง แต่กับพีระพลที่เป็นเด็กสายวิทมาตลอดถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ ถึงเขาจะเน้นหนักทางด้านเคมี แต่อย่าลืมว่าในร่างกายคนก็มีสารเคมีมากมาย ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาในอารมณ์ที่แตกต่างกันไป

“เรื่องแบบนั้นผมคงไม่ต้องให้คนอย่างคุณมาสอนหรอกครับ หึ…ดูยังไงคุณก็ไม่มีน้ำยา” รักต่อคำท้ายเสียงเบาหวิว กะว่าพูดกับตัวเองแต่ก็มีเจตนาแฝงให้พีระพลได้ยิน

“ลองถามท่านขุนดูว่าผมไร้น้ำยาจริงไหม...” พีระพลกอดอกมองหน้ารักอย่างไม่เกรงกลัว

“ลองถามดูว่ายามที่ผมดูดคอเขา...เขารู้สึกอย่างไร” นี่มันยิ่งกว่าท้าทาย...รักกำหมัดที่อยู่ใต้โต๊ะแน่น

“ไม่ต้องถามหรอก ผมกับท่านขุนมีช่วงเวลาที่หวานชื่นร่วมกันมากมาย สีหน้าท่านขุนยามนั้นเป็นอย่างไรผมยังจำมันได้ดี...”

“อื้อ นั่นสิครับ...เชื่อว่าคุณคงจำได้แหละ มนุษย์เรามักโหยหาสิ่งที่หลุดมือไปแล้วเสมอ โดยเฉพาะคนรัก” ยิ่งฟังมันก็ยิ่งเจ็บใจ รักไม่ใช่คนความอดทนสูงนัก ดังนั้นเขาจึงโน้มหน้าเข้าใกล้พีระพล สบตาคมดุภายใต้แว่นไร้กรอบ

“คุณเป็นคนใหม่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ท่านขุนตลอดไป ผมจะแย่งท่านขุนกลับมาให้ดู...แล้วคุณจะได้เรียนรู้คำว่าการโหยหาคนรักที่สูญเสียไปมันเป็นยังไง ไม่ใช่รู้แค่ทฤษฎีแบบที่พูดอยู่ตอนนี้” ราวกับพีระพลได้รับชัยชนะแล้ว เด็กคนนี้ไร้ซึ่งความอดทนสิ้นดี

แต่คำพูดของรักเองก็สั่นสะเทือนความรู้สึกพีระพลไม่ใช่น้อย คำว่าคนรักเก่ามันอันตรายกับความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มอย่างเขากับท่านขุนมากๆ แล้วเขาเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าท่านขุนจะกลับไปหารักไหมหากรักตั้งใจมาง้อจริงๆ ยอมรับว่าสองคนนี้ดูเหมาะสมกัน เขาไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ชอบขับรถ ชอบเที่ยว ชอบอะไรที่ผาดโผนไม่เหมือนเขาที่ดูยังไงก็น่าเบื่อและจืดชืด หากท่านขุนเลือกกลับไป...เขาไม่แปลกใจเลยจริงๆ

แต่พีระพลไม่แสดงออกถึงความหวั่นวิตก กระทั่งสายตาของเขาก็ยังคงเด็ดเดี่ยว จ้องตากับรักไม่หลบหลีกไปไหน เขาเชื่อว่ายิ่งรักทำให้เขาหวั่นใจได้มากแค่ไหนก็จะยิ่งเพิ่มเปอร์เซ็นที่มันจะได้ท่านขุนกลับคืน เขาไม่ยอมหรอก...ท่านขุนเป็นของเขา

“รัก!” เสียงของท่านขุนดังขึ้นทางประตูครัว เจ้าของร้านรีบตรงดิ่งเข้ามาขณะที่รักรีบกลับไปยืนตัวตรง ยิ้มระรื่นประหนึ่งเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เสียงดัง เจ้าเหมี๊ยวตกใจหมดเลย...” ดูมันพูด แมวไม่ได้ตกใจอะไรสักนิดเดียว

“เมื่อกี้ทำอะไร...” ท่านขุนถาม เขายังเห็นพี่พีนิ่งสงบเช่นเดิม และอาจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่ารักไปพูดอะไรไม่ดีใส่พี่พีอีกแล้วเหรอ...

“เปล่านี่ เมื่อกี้มีอะไรติดแว่นคุณพีน่ะ ก็เลยเข้าไปดูให้...เนอะคุณพี” โกหกหน้าด้านๆ ต่อหน้าต่อตา และรักก็จ้องพีระพลเพื่อดูว่าผู้ใหญ่คนนี้จะกล้าแหกเขาต่อหน้าท่านขุนไหม

“จริงเหรอพี่พี...” ท่านขุนชะโงกหน้ามาดูแว่นให้ พีระพลมองสบตาแล้วเบี่ยงตาหนี

“พี่พี...”

“พี่ขอตัวก่อนดีกว่า” จะให้มาโกหกมันไม่ใช่นิสัย อีกอย่าง...คำพูดที่เรียกได้ว่าตอแหลเมื่อกี้ทำเอาพีระพลเดือดจัดจริงๆ

ครึก!!

เสียงดันเก้าอี้ออกดังสนั่นด้วยความไม่พอใจของพีระพล เมินกระทั่งท่านขุนแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่อยู่ด้านนอก ปฏิกิรยาแบบนี้ของพีระพลทำให้ท่านขุนหายใจหายคอไม่ทัน เขารีบสาวเท้าออกไปหา ทว่ารักดันมารั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

“คนงี่เง่าแบบนั้นไม่ต้องไปตามง้อก็ได้นะ” คำนี้น่าโมโหมาก

“ผมรู้ว่าใครกันแน่ที่งี่เง่า ปล่อย” ไม่ว่าเปล่า ท่านขุนกระชากแขนตัวเองออก

“ท่านขุน...”

“เป็นไปได้ก็กลับไปได้แล้ว” ท่านขุนไม่แคร์สายเศร้าสร้อยของรัก เขาสาวเท้าออกไปหาพี่พีของตนไวๆ แทบวิ่งออกไปหาเลยก็ว่าได้

เขาปรี่ไปคว้าประตูรถของพี่พีเอาไว้ ไม่อยากให้พี่พีไปทั้งที่โกรธเคืองกันแบบนี้...ตอนนี้ท่านขุนเชื่อว่าการที่พี่พีดูไม่พอใจต้องเป็นเพราะรัก ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พี่พีอาจไม่ชอบที่รักใช้วาจาไม่ดีกับตนก็ได้

“พี่พีคุยกับผมก่อน” น้ำเสียงท่านขุนอ้อนวอนมาก

“ขอโทษนะครับขุน พี่อารมณ์ไม่ดีมากๆ เลยล่ะ...คุยตอนนี้คงไม่รู้เรื่อง” ขนาดพูดกับคนรัก สีหน้าพี่พีก็ยังไม่ดี...

“แต่...พี่พี...รักมันทำอะไรพี่พีของผม” ก็อยากปล่อยไปนะ ติดที่คาใจเรื่องนี้จริงๆ

“ไว้พี่เย็นแล้วเราค่อยคุยกัน”

“พี่...” ใจคนฟังสั่นไหวไปหมด

“พี่ขอตัว”

“เดี๋ยวสิพี่...เดี๋ยวได้ไหม ผม...ผมขอกอดได้ไหม” พี่พีเย็นชาจนท่านขุนกลัว ถ้าต้องทะเลาะกับพี่พีเพราะรักจนอะไรๆ บานปลายเขาจะทำยังไง...เขาไม่อยากเสียคนๆ นี้ไปเลย เขารักพี่พี...รักมาก

ถึงจะอารมณ์เสียรักโคตรๆ แต่พอท่านขุนบอกแบบนี้หัวใจพีระพลก็อ่อนยวบ นั่นสิ...ท่านขุนปกปิดเรื่องรักคือแฟนเก่าก็จริง แต่มันคนละเรื่องกับที่เขาอารมณ์เสียอยู่ตอนนี้ ดูก็รู้ว่าเขาได้ทำให้แฟนของเขาขวัญหายขนาดไหน พีระพลตัดสินใจเปิดประตูให้กว้างขึ้นแล้วดึงมือท่านขุนเข้าหาตนเอง ค่อยๆ...สวมกอดอีกร่างเอาไว้ในอ้อมอก

ท่านขุนเอาหน้าแนบลงไปกับแผงอกของพี่พี ฟังเสียงหายใจและเสียงหัวใจของคนรักตัวเอง ให้มันช่วยเยียวยาความวิตกกังวลที่กำลังฟุ้งอยู่ในสมองและความรู้สึกของเขา อย่างกับเราทะเลาะกันทั้งที่เราไม่ได้มีปากเสียงกันเลย สถานการณ์แบบนี้...อารมณ์แบบนี้มันน่าห่วงนะ ทว่าท่านขุนเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง...ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนในเวลานี้ พี่พีขอเวลาให้ตัวเองเย็น เขาต้องให้เวลาพี่พี

“ขอบคุณครับ” ท่านขุนเป็นฝ่ายคลายกอดเสียเอง เพราะพี่พีกอดเขาเอาไว้ไม่มีทีท่าจะปล่อย ไอ้อยากอยู่แบบนี้ต่อมันก็อยากอยู่ ถ้าไม่ติดว่าพี่พีมีงานต้องไปทำ

“พี่รักขุนนะ” พีระพลจูบที่หน้าผากคนรักของตนเบาๆ

“ผมรักพี่พี” ท่านขุนขานตอบพลางซึมซับความอบอุ่นที่แผ่เข้ามาสู่หัวใจ

“พี่ไปทำงานก่อน...” ก็ต้องยอม ท่านขุนถอยออกมา ปิดประตูให้พีระพลเสร็จสรรพ พี่พีอบอุ่น...พี่พียังดูรักเขา แต่พี่พีก็ยังโกรธเคืองอะไรบางอย่างอยู่ดี

ท่านขุนเฝ้ามองรถของพี่พีจนหายลับสายตา ข้างในยังหวิวๆ อยู่เลยกับอาการของคนรักในเช้าวันนี้ พอคิดไปคิดมา...ตัวต้นเหตุแม่งอยู่ในร้าน ท่านขุนสาวเท้ากลับเข้าร้านที่ยังไม่ได้เปิดของตนเอง มาถึงเขากระชากคอเสื้อของรักเลยเป็นอย่างแรก

“เฮ้....” รักรีบยกมือทั้งสองยอมจำนน

“รักพูดอะไรใส่พี่พี” เสียงเข้มมาก และหน้าตาเจ้าของร้านในตอนนี้ก็ดุดันเอาเรื่องเหมือนกัน

“เปล่านะ”

“ไม่เชื่อ พูดอะไรใส่พี่พี...บอกมาเดี๋ยวนี้” แววตาจริงของท่านขุนทำให้รักอ่อนลงหน่อย

“ท่านขุนรักเขามากเลยหรือขอรับ” ยังมามีหน้าพูดคำพวกนี้อีก

“ใช่ ผมรักเขามาก...บอกมาว่าพูดอะไรกับพี่พี”

“คุณพีเขาอาจยั่วโมโหกระผมก่อนที่กระผมจะพูดไม่ดีใส่เขาก็ได้นะขอรับ”

“รัก! อย่าให้กูหมดความอดอทน…” ถึงขึ้นกูมึงก็ไม่ใช่ว่ามีความอดทนแล้วแหละ เขาสบตากันนาน…มองกันอยู่อย่างนั้นโดยรักไม่ยอมเปิดปากพูด

“เออ! รักแค่บอกเขาว่าทำรอยแบบนี้ไม่ดีเลย ท่านขุนไม่ชอบ เขาก็ไม่พอใจ” รักต้องยอมอ่อน ไม่งั้นเขาก็จะพลาดหวังจากท่านขุน

“มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินล่ะว่าผมไม่ชอบ”

“ก็...เมื่อก่อนขุนไม่ชอบ”

“เมื่อก่อนปะ แล้วบอกแล้วไงให้พูดกับพี่พีดีๆ...สัญญาแล้วทำแบบนี้ ผมว่ารักไม่ต้องมาหรอก รถเสร็จแล้วจะโทรบอก”

“รักขอโทษ...”

“คนที่รักควรขอโทษคือพี่พี เมื่อวานก็บอกจะขอโทษพี่พีถ้าพี่เขามา แล้วไหน...ขอโทษหรือยัง” ยังไม่หายโกรธหรอก ไม่รู้ด้วยว่ารักใช้คำพูดแบบไหนถึงทำให้พี่พีโกรธขนาดนั้น ที่บอกมาแม่งต้องเป็นแบบรวบรัดแน่

“ครับ รักขอโทษจริงๆ”

“แล้วพูดว่าอะไรอีก แค่นั้นพี่พีคงไม่โกรธมากขนาดนั้นหรอก...”

“ไม่มีแล้ว ก็พูดทำนองนี้...แต่รักอาจพูดแรงไป อืม จะว่าไงดี...อาจจะดูเหมือนสั่งสอนพี่เขาล่ะมั้ง แต่ไอ้ที่โน้มหน้าไปหาคือดูแว่นให้พี่เขาจริงๆ นะ รักไม่ได้ทำอะไรพี่เขาเลย ก็กะว่าจะเช็ดออกให้แต่เขาแย่งเช็ดก่อนไปแล้ว สงสัยพี่พีของท่านขุนต้องเคืองรักมากแน่ๆ เลย” ทำไมยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นแค่คำโกหก หรือเพราะอคติที่เคยมีกับรักเมื่อนานมาแล้ว คงใช่...รักโกหกเขามาตั้งเท่าไหร่

คิดแง่ดีนี่อาจจะพูดจริงแล้ว...แต่คงมีไม่จริงปนด้วย นึกแล้วเจ็บใจ อยากจะไปหาพี่พีตอนนี้...ไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ดันทำไม่ได้ไง พี่พีเล่นพูดมาแบบนั้จะให้ตื๊อมันใช่ที่ พี่เขามีงานมีการต้องทำ

“แล้วออกมาจากบ้านอะไรมาตั้งแต่เช้า”

“อืม...ขับรถเล่นอะ” ใช่ วันนี้รักเอามอเตอร์ไซก์อีกคันมา เป็นตัวพันซีซีเหมือนกันแต่คนละรุ่น

“ว่างเนอะ” ท่านขุนยังคิดมากเรื่องพี่พีไม่หาย เขาไม่มองหน้ารักแต่มองหน้าแมวเหมียวตัวน้อย

เออ...มณีรู้ตัวนี้มีตาย!

“เหมี๊ยววววว” ไม่ทันไร เสียงมณีน้อยก็ดังขึ้นมา

“ฟ่ออออออ” โพล่เข้ามาในครัวปุ้บ เจ้าตัวขาวก็พองตัวฟูฟ่อง ไอ้ดำบนโต๊ะก็ขู่ไม่แพ้กันแม้จะเด็กกว่ามณี ทว่าด้วยสายพันธุ์ ถึงอายุน้อยกว่าแต่ตัวเท่ากันเลย

เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้!!!

เปอร์เซียร์น้อยปะทะขาวมณี ศึกนี้น่าปวดหัวยิ่งนัก...เจ้าถิ่นย่างสามขุมเข้าหา ผู้ท้าชิงก็เดินมาที่ขอบโต๊ะเพื่อชะโงกหน้ามองตัวต่ำกว่า รอยยิ้มหยันจากแมวเด็กทำให้มณีทนไม่ได้กระโจนขึ้นโต๊ะด้วยแรงโกรธ ทว่า...ตัวเธอเล็กเกินไปจึงกระโจนไม่ถึง ร่วงหล่นลงไปหนหนึ่ง เปอร์เซียร์ไร้ชื่อเสียงเรียงนามส่งเสียงเยาะหนึ่งที มณีไม่ยอม...เธอเปลี่ยนไปกระโดดขึ้นเก้าอี้ แล้วกระโดดอีกหนึ่งทีไปถึงเปอร์เซียร์น้อย...

ท่ามกลางความเกรี้ยวโกรธของแมวน้อย มนุษย์สองคนทำอะไรไม่ถูก ท่านขุนจะคว้ามณีเอาไว้แต่ไม่ทัน เธอตวัดฝ่ามือพิฆาตอันเลื่องชื่อของเธอใส่เจ้าตัวเล็กเป็นที่เรียบร้อย ขนฟูก็ใช่ว่ายอม...มันเด็กกว่าแต่มันสู้สุดใจ มันตบกลับทันทีเข้าหน้ามณีอย่างจัง

สงครามแมวเหมียวเริ่มขึ้นแล้ว...

ทว่าศึกนี้ยังไม่ทันได้ตัดสิน…มนุษย์อย่างรักและท่านขุนก็แยกทั้งคู่ออกมาจากกันได้สำเร็จ แต่ได้มาคนละแผลสองแผลไปเหมือนกัน ขนาดจับแยกออกมาแล้วยังไม่วายตะกุยขาใส่กันรัวๆ ไม่ถึงไม่เป็นไร...แต่ใครหยุดก่อนแม่งแพ้!

….100%….

เรื่องของคนก็ปวดหัวแล้ว ยังมีเรื่องของแมวตีกันอีก โถ…สงสารมนุษย์ที่ชื่อว่าท่านขุนจังเลย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
เบื่อ ไอ้รัก ไอ้xxx พี่แม่งก็ใจเย็นไปป่ะเนี่ย มาพูดไม่ให้เกียรติน้องต่อหน้ากูต่อยคว่ำกระทืบซ้ำอีกสองตีน  :fire: :m31:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เกลียดรักมากเลย โมโห

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ยยยยยโมโหรัก  ทำไงดี   :fire: :m31: หัวร้อนมากกกกกกกก

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ใจเย็นๆพี่พี  ใจเย็นๆ    :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สงสารแมวสองตัวไอ้รักแม่มเลวสัส

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก มณีมีโกรธรักแน่ ถ้ารู้ว่ารักเอาแมวคู่แข่งมาหลอกล่อท่านขุน

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เรื่องคนก็ยังเคลียไม่ได้แมวยังจะมาทะเลาะกันอีก คราวซวยของท่านขุนรึไงนะ
ใครเอารักไปเก็บที มาสร้างแต่เรื่อง :z6:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 19 [100%]….<

จากตั้งใจทำอาหารเช้าเองเพื่อให้พี่พีทาน กลายเป็นไม่มีอารมณ์จะทำอีกเพราะรักทำเสียเรื่องไปแล้ว ท่านขุนไปเตะประตูห้องจิม เรียกเด็กในร้านให้ออกไปซื้อข้าวมากินเป็นมื้อเช้า เขาขี้เกียจจะทำ จิมเห็นเวลาถึงกับโอดโอย นี่มันใช่เวลาที่เขาต้องตื่นไหมเนี่ย แต่เมื่อเจ้านายสั่ง...ลูกต้องทำไปตามระเบียบ

เปอร์เซียร์สีดำตัวนั้นถูกนำไปขังไว้ในกรงของมณี ท่านขุนไม่ได้สั่งนะ...รักทำเองโดยพละการณ์ ไม่ถามก่อน ไม่ปรึกษา ถือว่าเป็นคนคุ้นเคย ท่านขุนเองหัวเสียอยู่กับรักพอสมควร แถมกังวลเรื่องพี่พีไม่หาย

วุ่นวายใจไปเสียหมด...กระวนกระวาย จะว่าเหมือนหนูติดจั่นก็ได้ ท่านขุนตอนนี้มีสภาพเป็นแบบนั้น ขนาดจิมซื้อข้าวเช้ามาแล้ว ท่านขุนยังไม่คิดจะใส่ใจกินเลย รักเอาอาหารเทใส่จานพลางพูดคุยกับจิมไปเรื่อยเปื่อย เคยสนิทกัน อะไรๆ ก็ง่ายไปหมดเมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง

“มณีนี่เดินวนรอตบเจ้าเด็กใหม่ไม่ไปไหนเลยพี่รัก” จิมนั่งเท้าคางมองเจ้าถิ่นเดินวนรอบกรง

“ฮ่าๆ...เออ มณีของท่านขุนโหดจริงๆ ท่านขุน...ท่านขุนกินข้าวกัน” จัดอาหารใส่จานเสร็จแล้ว

“ไม่อะ” เจ้าของร้านไม่แม้แต่จะหันมาสนใจ เขาเดินออกไปหน้าร้าน เปิดประตูเลื่อนให้สุดแล้วเริ่มงมกับรถของรักต่อ

เวลาคิดมาก...เวลาเครียดๆ การซ่อมรถช่วยทำให้เขาหยุดสมองตัวเองไปได้บ้าง เหมือนได้อะไรมาดึงดูดความสนใจ ท่านขุนต้องรอเวลา รอจนกว่าพีระพลจะเย็นลงเพื่อปรับความเข้าใจกับเขาให้ได้

ส่วนรัก ท่านขุนคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงไปจากที่นี่เมื่อกินข้าวเสร็จ ดูคิดง่ายๆ ที่จริงไม่ได้คิดเรื่องรักเลยมากกว่า ไม่สนใจ...ไม่ใส่ใจ รักจะทำอะไรตอนนี้ก็ไม่สามารถดึงดูดท่านขุนให้ออกมาจากห้วงความคิดได้

ซึ่งรักใช้ส่วนนี้ในการตีเนียนอยู่ในร้านต่อไป...

กว่าแอ้จะลงมาข้างล่างก็เกือบสิบโมง ปกติร้านจะเปิดสิบโมงหรือสิบเอ็ดโมงแล้วแต่ว่าท่านขุนเมาค้างมากแค่ไหน ไม่คิดว่าตื่นมาวันนี้จะเห็นร้านเปิดก่อนแล้ว และเปิดมานานแล้วด้วย จิมเป็นคนบอกกับเพื่อนของเขา ทั้งยังมีรักเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในร้านคล้ายช่วยจิมทำรายการสินค้า พวกเขาทักทายเป็นกันเอง เพราะมันคุ้นเคยไง...เพราะมันเคยอยู่ด้วยกันมานานในช่วงเวลาหนึ่ง

ในขณะที่ในร้านนค่อนข้างรื่นเริงด้วยเสียงพูดคุยต่างๆ มณีนอนเฝ้ากรงกันไม่ให้ใครไปแตะต้องเปิดเอาเปอร์เซียร์น้อยออกมา ท่านขุนง่วนอยู่กับรถของรักไม่ละมือไปไหน ไม่มองเข้ามาในร้าน ไม่ตามแอ้ให้ไปช่วยงาน แค่ต้องการทำรถให้เสร็จ หรือผลาญเวลาให้มันผ่านไปถึงเที่ยงเร็วๆ

“ตั้งใจทำรถไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” รักเอ่ยทักเมื่อเวลาเกือบเดินมาถึงเที่ยงวัน ท่านขุนขับเจ้ายักษ์ของรักเข้ามาจอด เขาเตรียมไปทำมื้อเที่ยงเผื่อพี่พีของเขามา

“ก็นะ...” สั้นๆ ไม่อยากพูดอะไรมากนักเพราะเครียดอยู่

“เย็นชาจังเลย กลัวพี่เขาโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ” รักเฝ้ามองสีหน้าคนรักเก่า

“อืม ก็ไม่อยากมีปัญหากัน มีใครเขาชอบการทะเลาะกับแฟนบ้างล่ะ”

“นั่นสิ ไม่มีใครชอบเสียหน่อย รักก็ไม่ชอบ...นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ รักจะไม่ให้เกิดเรื่องนั้นขึ้น” เรื่องไหนนั้นท่านขุนรู้ดี แต่เขาไม่พูดถึง แค่เงียบ เดินผ่านหน้ารักเข้ามาในร้าน

ท่านขุนตรงไปยังครัว เปิดตู้เย็นดูของสดที่พอจะเอามาทำอาหารสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ได้บ้าง ของค่อนข้างครบ เล่นซื้อเอาไว้ตุนอยู่ตลอดในช่วงนี้ทำให้มันเพียงพอต่อการทำอาหารสามสี่อย่างได้สบายๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรเป็นมื้อเที่ยงดีเหมือนกัน ท่านขุนตัดสินใจส่งไลน์ไปหาพี่พี ถามพี่เขาเรื่องความต้องการในเที่ยงวันนี้

ทว่า...พีระพลอ่านแล้วไม่ตอบ

ท่านขุนบอกตัวเองว่าพี่พีไม่ว่างพอจะตอบคำถามของเขา งานพี่พีต้องยุ่งมากเหมือนที่พี่พีได้บอกเขาไว้เมื่อวานว่าคิดมากเรื่องงานอยู่ ดังนั้นท่านขุนต้องตัดสินใจเอาเองว่าเขาจะทำอะไรในวันนี้ เขาหันไปมองของสด คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เลือกที่จะทำของโปรดพีระพลกับตนเองอย่างละครึ่ง

“พี่พีเขาเก่งนะ ที่ทำให้ท่านขุนสามารถทำอาหารได้ตลอด” เสียงของรักขัดอารมณ์ท่านขุน

“ก็พี่เขาชอบกิน”

“รักก็ชอบนนะ แต่เมื่อก่อนไม่เห็นท่านขุนสนใจจะทำเท่าตอนนี้เลยอะ” เหมือนน้อยใจคนรักเก่า ท่านขุนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

เบื่อ...เบื่อที่รักเอาแต่พูดเรื่องเก่าๆ

“มันไม่เหมือนกัน”

“หรือมันรักไม่เท่ากัน” รักต่อคำพูดท่านขุน ทำให้คนฟังต้องหันไปมองหน้ารักอย่างช่วยไม่ได้

กล้าพูดได้ยังไงว่ารักไม่เท่ากัน...คนเราวัดความรักเป็นจำนวนหรือปริมาณได้ด้วยเหรอ มันไม่ได้หรอก ถ้าถามว่าอดีตท่านขุนรักรักมากแค่ไหน ท่านขุนตอบเลยว่ารักมาก...เพราะรักมากถึงเสียใจมากที่รักทำกับตนแบบนั้น หักหลังความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดี การที่เขาไม่ให้อภัยรัก ไม่ได้หมายถึงเขารักรักน้อยเลย...เขาแค่รับไม่ได้กับสิ่งที่รักได้ทำลงไป

การที่เมื่อก่อนเขาไม่ชอบทำอาหารให้รักทาน ก็เพราะเขาสองคนชอบออกไปหาทานที่อื่นด้วยกัน รักไม่ได้ชอบที่เขาทำอาหารนัก อาจมีอ้อนให้ทำบ้างแต่ไม่มาก เราเริ่มจากการไปเที่ยวด้วยการขับมอเตอร์ไซก์คู่ใจไปยังที่ต่างๆ หาอาหารอร่อยๆ ทานด้วยกันเสมอ นั่นคือสิ่งที่คู่เขาทำในช่วงเวลานั้น มันไม่เหมือนตอนนี้...ไม่เหมือนพี่พีที่ชอบอะไรสงบๆ การทานข้าวฝีมือคนรักของตัวเองกับสถานที่ที่มีเราสองคนคือสิ่งที่พีระพลชอบ และท่านขุนยินดีจะเป็นในสิ่งที่พี่พีชอบ

แบบไหนดีกว่ากัน...เทียบไม่ได้ มันดีแตกต่างกันไป การร่อนมอเตอร์ไซก์คู่ใจไปหาอะไรอร่อยๆ กินข้างนอกกับการทำอาหารให้คนรักทานที่ร้าน มันไม่เหมือนกัน อารมณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ผลสรุปคือความสุข...เป็นความสุขที่คนสองคนเลือกร่วมกันต่างหาก

“มันไม่เกี่ยวกันเลย...” อธิบายไปก็ยาวเปล่าๆ ท่านขุนขี้เกียจจะพูด ขี้เกียจนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ระหว่างเขากับรัก

มันดีนะ...ระหว่างเขาสองคนมันดี แต่มันจบได้เลวร้ายมาก เลวแบบที่ท่านขุนไม่คาดคิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนที่ให้ใจไปจะทำร้ายกันได้รุนแรงขนาดนี้ เมื่อถึงช่วงเวลาเก่าๆ เมื่อนึกถึงอดีตที่แสนหวานของเขาทั้งสอง มันจะแทรกมาด้วยจุดจบและการหักหลังที่รุนแรงเสมอ ความทรงจำเหล่านั้นเป็นสีเทา ไม่น่าจดจำ...

“ไม่เกี่ยวยังไง นี่รักไม่ได้หาเรื่องนะ...รักแค่อยากรู้” รักพยายามไม่ดึงให้อารมณ์ของท่านขุนลงต่ำ มันไม่เป็นผลดีต่อเขา

“พูดยาก รู้แค่ว่ามันไม่เหมือนกัน รักกับพี่พีชอบอะไรต่างกัน”

“นั่นรวมถึงพี่พีของท่านขุนชอบอะไรต่างจากท่านขุนมากเลยนะ เอาจริงๆ รักนึกไม่ออกเลยว่า...ทั้งสองคนมาเจอกันได้ยังไง” อันนี้สิคือสิ่งที่น่านึกถึง ท่านขุนจำวันแรกที่สบตากับพี่พีได้ดี...

“เราเจอกันที่นี่แหละ จำพี่แจ็กได้ใช่ไหม...พี่พีเป็นเพื่อนพี่พีแจ็ก เขากลับมาจากต่างประเทศ มาทำงานอยู่กับพี่แจ็กที่บริษัท วันนั้นพี่แจ็กชวนพี่พีมาดื่มที่ร้าน เราเลยได้เจอกัน” ท่านขุนเล่าเสียงสบายๆ นึกถึงแล้วยังตลกตัวเอง...วันนั้นลากพี่พีขึ้นห้องเลยนะเว้ย ร้ายนะเนี่ย

“เหรอ แล้วพี่เขาก็จีบท่านขุน” ได้ยินแบบนั้ท่านขุนก็หัวเราะ

“ฮ่าๆ…ไม่ๆ ไม่ใช่แบบนั้นเลย...ห่างไกลมากๆ” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเครียดอยู่ แต่พอโดนดึงให้นึกถึงตอนจีบกันกับพี่พี...ท่านขุนชอบแล้วก็ตอบไปสบายๆ มันเป็นความทรงจำที่ดี และคงไม่ลืมความทรงจำนั้น

“หืม…ท่านขุนจีบพี่เขาเหรอ”

“ใช่ ลากขึ้นห้องเลยจะบอกให้…นึกแล้วขำ พี่พีเมาอะนะ แล้วนี่ก็…ชอบอะ เลยทำอะไรห่ามๆ ไปหน่อย” ไม่เสียใจหรอกที่ทำลงไปน่ะ วันนั้นได้จูบก็รู้สึกโคตรดีเลย

ท่านขุนพูดไปก็หันหลังให้รักที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว เขาไม่เห็นสายตาของรักที่ขุ่นเคือง...รู้ว่าท่านขุนเป็นคนซื่อตรงต่อความรู้สึก แต่สมัยรัก รักยังต้องเป็นฝ่ายจีบท่านขุนเลย นี่คนใหม่มันดีขนาดท่านขุนคิดจีบเลยเหรอ ไม่หรอก ท่านขุนก็คงเมาเหมือนกันๆ ถึงได้หน้ามืดตามัวไปเอาคนแบบนั้นมาทำแฟน

“ชอบเพราะเมาเปล่า”

“ไม่ใช่ ผมมอมพี่พีด้วยตัวเอง กับมือตัวเองเพราะเห็นปุ้บก็ชอบปั้บ…คนอะไร ตรงใจเป็นบ้า รักไม่คิดเหรอว่าพี่พีดูดี...ความสุขุมนุ่มนวลของพี่เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกอ่อนแอ เป็นความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า ผมอยากเป็นคนที่พี่เขาให้ความสนใจ...อยากให้พี่เขามาดูแล ชอบรอยยิ้มและแววตาสุภาพอ่อนน้อมของเขา พี่พีเป็นคนมารยาทดีมากเลยนะ พูดจาก็เพราะ...ชวนฝันชะมัด” พีระพลคือคนไร้ที่ติสำหรับท่านขุน แต่ในสายตารัก...ผู้ชายคนนั้นดูยังไงก็โคตรจะจืดชืด ใช่ เขาหล่อ หล่อแบบที่เจอในผับต้องมีการลากกันไปกินแน่ๆ รอยยิ้มสวย...ดูอ่อนโยนแต่ก็มีความแข็งแกร่งในแววตา แล้วไง...จืดชืดคือจืดชืดไหม คนไม่ใช่อาหาร เติมรสอะไรให้มันอีกไม่ได้หรอกถ้าเขาเป็นแบบนั้นมานานแล้ว

“มาฟังท่านขุนเพ้อถึงคนรักแล้วแปลกๆ เนอะ”

“ก็ถามเองไม่ใช่เหรอ” ท่านขุนไม่สนใจคำพูดลอยลมของรัก

“อื้อ ก็อยากรู้แหละ...คนสองคนที่ต่างกันขนาดนั้นจะเข้ากันได้ยังไง” คราวนี้เจ้าของร้านหันมามอง

“ความต่างกันเกินไปไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกรัก คนเรามันก็แบบนี้...เหมือนบ้าง ต่างบ้าง สำคัญที่เราปรับตัวเข้าหากันไหม ระหว่างผมกับรักอาจจะดีที่ไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยเพราะเราเหมือนกัน แต่กับพี่พี...เราค่อยๆ จูนจนเข้ากันได้ ไม่ยากหรอก พี่พีเป็นคนง่ายๆ เขาดูน่าเบื่อนะในสายตาคนอื่น เพราะเขาเอาแต่เข้าร้านหนังสือ สนใจหนังสือและธรรมชาติ รักความสงบ ชอบฟังเพลงคลาสสิก โดยเฉพาะเพลงไทยเดิม แต่ความต่างของพี่พีคือเสน่ห์ในสายตาผม...ผมได้เรียนรู้เขา และเขาก็ได้เรียนรู้ชีวิตโลดโผนของผมเหมือนกัน เราแลกเปลี่ยนทัศนคติ แนวคิดและการใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ได้คบกันเพื่อเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นแบบที่เราชอบ...แต่คบกันเพื่อเรียนรู้กันและกันมากกว่า แต่ก็นะ...ยอมรับว่าเสียดายที่พี่พีไม่ขับบิ๊กไบก์” คำพูดเรื่อยเปื่อยนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกเอ่อท้นของท่านขุน รักอยากปฏิเสธ...แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟังยังไงท่านขุนก็รักคนๆ นี้

เวลาเรารักใคร...เราจะรักทุกอย่างที่คนคนนั้นเป็น ต่อให้สิ่งนั้นจะเคยเป็นอะไรที่น่าเบื่อในสายตาเราก็ตาม

รักไม่มีทางมองแบบที่ท่านขุนมองได้ รักไม่เห็นความต่างของพีระพลจะน่าสนใจตรงไหน หน้าตาและท่าทางมีเสน่ห์จริง ทว่าเสน่ห์นั้นก็มีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้เขาให้ความสนใจ ท่าทางเรียบร้อย คำพูดคำจาดูดีไปเสียหมด...นั่นคนหรือหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมากันแน่ มนุษย์น่ะ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในตำราหรอกนะ คนไม่เคยออกนอกกรอบแบบนั้นมันโคตรน่าเบื่อเลย

“ท่านขุนดูมีความคิดที่โตขึ้นนะ” รักเลือกจะพูดในอีกแง่ เขาไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับพีระพล เพราะเขาไม่ชอบคนคนนี้

“เพราะพี่พีไง...” รอยยิ้มท่านขุนสดใส เจือความขำขันตนเองในนั้น

“เหรอ...”

“อื้อ” ท่านขุนกันกลับไปใส่ใจอาหารต่อ

เขาก้มไปดูมือถือตนเองเล็กน้อยว่าพีระพลได้ตอบกลับข้อความเขามาหรือยัง ซึ่งมันว่างเปล่า พีระพลไม่ได้ตอบอะไรเลย นอกจากอ่านแล้วก็หายไป ท่านขุนปลอบใจตัวเองว่าพี่พีไม่ว่าง ใช่...พี่พีทำงาน

อาหารทุกอย่างเสร็จสรรพตอนเที่ยงกว่าๆ ไมมีรถคันไหนเข้ามาในร้าน เขาชะโงกหน้าดูแล้ว มันว่างเปล่า ท่านขุนถ่ายรูปส่งไปให้พีระพลดูเพื่อยั่วให้อีกฝ่ายมาหา รออยู่นานพี่พีก็ไม่เข้ามาอ่าน ท่านขุนคิดว่าพี่พีคงขับรถอยู่ เขาหันไปให้อาหารมณีและเปอร์เซียร์น้อย โดยอุ้มมณีมากินอาหารตรงเคาน์เตอร์ครัว บนโต๊ะกินข้าวมันเต็มไปด้วยอาหารที่ทำให้รอคนรักของเขา

“ทำไมเราไม่ทานกันก่อนละครับ” รักเอ่ยถามท่านขุนที่กำลังลูบหัวมณีน้อยอยู่

“รอพี่พีน่ะ”

“เขาจะมาเหรอ”

“ปกติเขาจะมา...” ท่านขุนซ่อนแววตากังวลไว้ไม่ได้ เขาอาจคิดได้ว่าพี่พีติดงาน งานเยอะ ยุ่งอยู่หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ไม่สามารถตอบข้อความของท่านขุนได้ แต่ลึกๆ...ท่านขุนสลัดเรื่องเมื่อเช้าออกไปไม่ได้

บ่ายโมงกว่า...รักนั่งเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ ท่านขุนอยู่หน้าร้าน ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้ เขาพยามยามติดต่อหาพี่พีแล้วแต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ข้อความถูกอ่านแล้วไม่ตอบ ท่านขุนอยู่ไม่สุขอีกต่อไป ความอยากอาหารก็ไม่มี มณีเดินวนอยู่รอบตัวเขา เอาสีข้างถูไถกับหน้าขาที่โพล่พ้นกางเกงสามส่วนออกมา ท่านขุนไม่มีกะจิตกะใจพอจะให้ความรักกับแมวน้อยในตอนนี้ เขาเดินวนรอไปรอมาเกือบชั่วโมง ทนไม่ไหวจะโทรหาพี่แจ็ก...

“ท่านขุน...” แต่รักก็เข้ามาแตะตรงไหล่

“อะไร” เสียงค่อนข้างแข็ง เขาอารมณ์ไม่ดีนัก

“คือ...พี่พีของท่านขุนอาจจะไม่ว่างก็ได้นะ ท่านขุนอย่าคิดมากเลย รอดูหลังเลิกงานก็ได้จริงไหม ตอนนี้รักว่า...เราไปกินข้าวกันก่อนไหม ท่านขุนยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าเลยนะครับ” ไม่อยากฟังที่รักพูดหรอก ติดที่อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงค่อนข้างนุ่มนวล จะไปปฏิเสธเสียงแข็งใส่อีกท่านขุนก็คิดว่ามันคงดูไร้มารยาทมากๆ

นี่เขาติดเรื่องการมีมารยาทมากพี่พีหรือไงนะ...

“อือๆ” รักยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำตอบรับที่ดี

เขาเนียนจับมือของท่านขุนพาเข้าห้องครัว แต่เจ้าของร้านรู้ตัวเสียก่อน เขาไม่ปล่อยให้รักฉวยโอกาสได้นานนัก รีบดึงมือกลับมา รักมองหน้าแต่เขาไม่มองตอบ แค่เดินเข้าครัวไปเงียบๆ

รักพยายามอยู่นานที่จะชวนท่านขุนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องเจ้ายักษ์ที่ยังอยู่ในการดูแลของท่านขุน ตอนแรกเขาไม่อยากคุยเลย...ยังกังวล ยังค่อนข้างเครียด แต่ไปๆ มาๆ ก็เผลอคุยอยู่กับรักยาวยันเย็น

พีระพลไม่โพล่มา ติดต่อไม่ได้ไม่ว่าจะทางไหน ท่านขุนก็อยากจะติดต่อไปทางพี่แจ็กเพื่อสอบถามถึงพี่พีเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา นี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับพี่พี เขาอาจเป็นต้นเหตุให้พี่พีโกรธด้วย ดังนั้นเรื่องนี้เขาก็ต้องแก้ไขมันด้วยตัวเอง จะไปโยนภาระให้คนอื่นเขาไม่ได้

เจ้ายักษ์ของรักเสร็จตอนทุ่มกว่าๆ ระหว่างที่ทำทั้งสองก็คุยกันตลอด ดื่มเบียร์ไปด้วยกัน เรื่องหลักจากรถกลายเป็นเจ้าเหมียวสองตัว ท่านขุนสงสัยว่ารักจะเอามันไว้ไหน เพราะจำได้ว่าคอนโดของรักไม่ให้เลี้ยงสัตว์ รักถือโอกาสนี้ในการแซวท่านขุนว่ายังจำเรื่องของเขาได้อีก แต่เขาไม่สนใจ พาข้ามไปเรื่องแมวต่อ บทสรุปอยู่ที่รักต้องเอาแมวตัวใหม่ฝากไว้ที่นี่ก่อน

ท่านขุนไม่ว่า แต่มณีคงไม่พอใจ แค่นี้มณีก็เทียววนไปวนมาอยู่รอบเจ้าเปอร์เซียร์น้อยไม่ไปไหน คอยขู่ตลอดด้วยการพองขนจนหางชี้ น้องใหม่ใช่จะยอม มันเองก็สู้เหมือนกัน ภาพแมวสองตัวเองแต่เขม่นกันไปมาเป็นภาพที่ชวนให้เจ้าของหัวเราะ รู้แหละว่าแมวน้อยทั้งสองคงไม่พอใจ แต่ให้ทำอย่างไรในเมื่อมันน่ารักดี

รถซ่อมเสร็จ รักก็ยังไม่กลับ เจ้าตัวอยู่ดื่มกับท่านขุนต่อในร้านพลางถ่ายรูปแมวทั้งสองไปด้วย เหมือนคู่รักกัน...เหมือนคนที่ยังคบกันอยู่ไม่ได้เลิกรากันด้วยเรื่องมือที่สามเลยแม้แต่น้อย ท่านขุนไม่รู้ตัวหรอกเขากำลังโดนรักรุกคืบเข้ามาใกล้กว่าที่ต้องการ เขาแค่สนุกอยู่กับแมวและการดื่มเบียร์เย็นๆ เท่านั้นเอง

แจ็กเห็นแล้วว่าวันนี้พีระพลไม่ไปไหน เจ้าตัวดูมือถือตลอดแต่ไม่จิ้มอะไรบนหน้าจอเลย ไม่ว่าจะแวะไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม ด้วยความเป็นเพื่อนก็อยากจะถามไถ่แหละว่าเป็นอะไรหรือเปล่า มีปัญหาอะไรกับท่านขุนไหม หรือว่าเพราะตนเองไปพลั้งปากบอกว่ารักคือแฟนเก่าก็เลยทำให้สองคนนี้ทะเลาะกัน ทว่าแจ็กไม่กล้ายุ่งกับพีระพลในตอนนี้

ไม่ได้เห็นเจ้านี่โกรธบ่อยนัก หรืออารมณ์เสียกับอะไร แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น เวลาและความเงียบสงบเท่านั้นที่ช่วยเยียวยาพีระพลได้ แจ็กรู้ดี...พีระพลมีตัวช่วยที่เรียกว่าหนังสือในการย้อมใจหรือย้อมอารมณ์ตัวเองให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการปล่อยเพื่อนตัวเองเอาไว้แบบนั้นก็คงเป็นทางออกที่ดีสำหรับพีระพลแล้ว

เลิกงาน...พีระพลช่างใจอยู่นานมากว่าจะเอายังไงดี หนังสือช่วยได้...แต่วันนี้เขากลับอ่านมันไม่รู้เรื่องเลย ตอนที่ท่านขุนถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะมาให้ดูเมื่อเที่ยงนี้ เขาเห็นอีกคนนั่งอยู่ตรงโต๊ะนั้น ชุดที่โพล่ออกมาคือชุดของรัก เขาจำได้...นั่นเป็นการเพิ่มไฟโทสะให้เขา

ถ้าไป...แล้วใส่อารมณ์ มันคงไม่ดีใช่ไหม โตขนาดนี้แล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องระงับอารมณ์ตัวเองให้ได้สิ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องมีความอดทน พีระพลไม่กล้าไปเพราะกลัวความอดทนของตนเองจะหดหายไปเพราะแรงหึง แต่อีกใจ...ก็อยากไปเป็นบ้า อยากไปไล่มัน อยากไปบอกกับมันว่าเลิกยุ่งกับคนของเขาเสียที

แล้วถ้า...ท่านขุนเป็นคนยินดีให้มันอยู่ด้วยล่ะ?

ความคิดคือสิ่งที่ทำร้ายเราได้มากกว่าที่คิด แล้วพีระพลก็โดนทำร้ายด้วยความคิดของตัวเอง เขากับท่านขุนเพิ่งคบกันได้ไม่นาน รู้จักนิสัยใจคอแล้วก็จริง...แต่มันก็แค่ผิวเผินหากเทียบกับรักที่เป็นคนเก่าแล้วคบกันมานานกว่าเขา รักเหมาะสมกับท่านขุนทุกอย่าง ไม่ว่าจะการใช้ชีวิตหรือวัยที่ใกล้กัน เครียดมาก...เครียดจนยิ้มไม่ออก อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ไม่สนุก น่าเบื่อ...น่าหงุดหงิดทุกอย่างจนขวางหูขวางตาแม้กระทั่งลายมือที่หงิกงอยิ่งกว่าเคย

เกือบสิบนาทีที่พีระพลนั่งอยู่ในรถนิ่งๆ ตัดสินใจจะไปหรือกลับบ้านดี สุดท้ายเขาเลือกจะขับรถไปหาท่านขุนที่ร้าน ต่อให้ต้องเจอกับรักก็ไม่เป็นไร สีหน้าท่านขุนตอนขอกอดยังคงลอยวนอยู่ในความคิด ไม่ใช่แค่สีหน้าหรอก...แต่หลายอย่างเหลือเกิน

สมองของเขาวุ่นวายเหมือนอารมณ์ที่ไม่คงที่...

เขาบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ วันนี้ลองตัดสินใจพูดกับท่านขุนไปเลยตรงๆ ก็น่าจะดี หรือมันจะทำให้ท่านขุนคิดว่าเขางี่เง่านะ...เขาหึงหวงในเรื่องไม่เป็นเรื่องเหรอ พีระพลขับรถไปก็คิดไปเรื่อยเปื่อย เกือบเหม่อเหมือนกัน ก็ยังดีที่แค่เกือบ

ทว่าเมื่อมาถึงร้าน...เขากลับเห็นว่ารักกับท่านขุนกำลังหัวเราะด้วยกัน มือของรักคล้องอยู่ที่ลำคอของท่านขุน แถมยังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างในระยะที่ประชิดมากๆ ภาพนั้นทำให้พีระพลถามตัวเองว่าเขามีสองทางเลือก จากไปเงียบๆ หรือว่า...จะเข้าไปต่อยแม่งเลยดี

สุดท้าย...พีระพลก็เลือกจะขับรถจากไป

….100%….

พี่พีก็งอน…รักก็น่าตบกะโหลก =_=“

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :ling1:

คนหนึ่งก็มารยาทดี
คนหนึ่งก็ไม่มีมารยาท
คนกลางก็ยังคิดไม่ได้

เฮ้ออออออออออออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2018 22:53:21 โดย Billie »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :z6: ให้ท่านจีนคนเดียวเลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เมื่อไหร่จะพูดกันเหรอ
ส่วนท่านขุนนี่คือใส่ใจแฟนแล้วถูกมะ โดนดึงความสนใจง่ายจัง
ถึงจะได้คิดได้แต่ไม่คิดที่จะทำก็ปล่อยพี่เขาไปเถอะจ้า ==

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ท่านขุน
ทำอะไร......
รู้ว่าพี่พีโกรธยังปล่อยให้รักวนเวียนใกล้ๆ
โลกสวยเกินไปเปล่า
พี่พีไม่ชอบก็ให้ไปอยู่หน้าร้าน
แม่มณีไม่ชอบเจ้าดำ
ก็ให้รักเอารับผิดชอบเอง
จบมะ
  :hao4:

ออฟไลน์ Super Mario

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่าเเล้วงงกับนิสัยท่านขุน ตกลงเป็นคนใสๆหรือยังงัยกันเเน่
รอติดตามนะคะๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุยกันให้รู้เรื่องสักทีเถอะ :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อยากสมน้ำหน้าท่านขุนนะ
กังวลกับพี่พี แต่ก็ยังปล่อยให้รักรุกไม่เลิก
ไม่ต้องรู้ว่าเป็นแฟนเก่า ก็หงุดหงิดได้กับสิ่งที่รักทำ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
หงุดหงิดแทนพี่พี  :m16:     แต่พี่พีควรไปพูดตรงๆกับขุนก่อนนะ   

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
น่ารำคาญขุนมาก ไม่ทำอะไรสักอย่าง
พี่พีเลิกไปเลย

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สงสารพี่พีTT

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 20 [100%]….<

ทำไมคนที่มาร้านแต่เช้าไม่ใช่พี่พี...

เมื่อวานท่านขุนอยู่ดื่มกับรักค่อนข้างดึก กว่าจะแยกย้ายกันก็ปาไปเที่ยงคืนเศษ เขาไม่เมาหรอกแต่ก็มึนอยู่เหมือนกัน พอแยกกับรักแล้วท่านขุนก็นอนทันทีพร้อมมณี เขาไม่ได้ติดต่อหาพี่พีอีกเพราะมันดึกมากแล้ว กลัวว่าติดต่อไปตอนนี้พี่พีจะหลับแล้วไม่สามารถตอบอะไรเขากลับได้

ความมึนและแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดทำให้ท่านขุนหลับโดยใช้เวลาแค่ไม่นานนัก เขาตื่นเช้ามาก...ตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าเพื่อจะติดต่อหาพี่พี ปรากฎว่ามีสายเรียกเข้าเป็นเบอร์ของรัก อีกฝ่ายบอกให้เขาเปิดประตูให้หน่อย มาถึงร้านแล้ว คิดถึงเจ้าเปอร์เซียร์ก็เลยมาแต่เช้า อีกทั้งจะมารับเจ้ายักษ์อีกด้วย ท่านขุนจำเป็นต้องลุกไปเปิดประตูให้รักเข้ามาก่อนจะไปอาบน้ำอาบท่า

มื้อเช้าท่านขุนปล่อยเบลอ เขาไม่มีความอยากอาหาร ไม่สนใจรักที่เล่นกับแมวอยู่ในร้านไม่ยอมไปไหน ตอนนี้เขาแค่รอเวลาเที่ยงวันเพื่อจะขับรถไปหาพี่พีที่บริษัท ดูเป็นเด็กนิสัยเสียที่เรื่องแค่นี้ก็ต้องบุกไปหาถึงที่ทำงาน แต่ความเงียบของพี่พีทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้จริงๆ

“นั่นท่านขุนจะไปไหนเหรอ” เห็นว่าท่านขุนขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจนหล่อเหลา รักเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย เห็นแล้วแหละว่าวันนี้ท่านขุนซึมมากกว่าเมื่อวาน แถมยังคอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

“ไปหาพี่พี”

“อะไร...เขายังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ รักนึกว่าคุยกันแล้วซะอีก” พูดทั้งที่รู้ว่าตัวเองเข้ามากวนจนท่านขุนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็ยังพูดทำนองนี้เพื่อให้กดดันท่านขุน

“ยังอะ ติดต่อพี่พีไม่ได้”

“พี่พีนี่...อย่าว่ารักงั้นงี้เลยนะ แต่การที่พี่เขาทำแบบนี้เขาคงไม่แคร์ท่านขุน” มันเป็นช่วงเวลาที่ท่านขุนรู้สึกน้อยใจนิดๆ คำพูดของรักจึงทำให้คนฟังใจสั่นด้วยความกลัว

“ไม่หรอก พี่พีคงไม่ว่าง”

“ต่อให้ไม่ว่างขนาดไหนก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีเวลาตอบกลับข้อความหรอกจริงไหม เขาจงใจไม่ตอบข้อความท่านขุนชัดๆ รักไม่รู้หรอกนะว่าเขาโกรธอะไร...แต่แบบนี้มากไปหรือเปล่าท่านขุน แบบนี้มันสมเหตุสมผลแล้วใช่ไหม ทำไมการที่เขาทำตัวแบบนี้แล้วท่านขุนต้องตามแคร์เขาด้วยล่ะ ดูที่เขาทำสิ...”

“...” ท่านขุนพูดไม่ออก ก็คิดเหมือนรักแหละ ไม่ว่างยังไงก็ไม่น่าถึงขั้นไม่ตอบข้อความ สั้นๆ ก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้ท่านขุนรู้ว่าพี่พีได้อ่านและรับรู้มันแล้ว ไม่ใช่การอ่านแล้วไม่ตอบแบบนี้

“ปล่อยเขาเถอะ...” ทว่าพอรักพูดมาแบบนี้ จากที่หาคำพูดตัวเองไม่เจอ ท่านขุนก็ตวัดตามองรัก

“ไม่...ผมต้องคุยให้รู้เรื่อง” ท่านขุนหันหลังเดินจากไปพร้อมกับอุปกรณ์เซฟตี้ รักอยากจะรั้งเอาไว้แต่ก็ไม่กล้า

เขารู้ว่าถ้าแทรกเข้าไปตอนนี้มีแต่จะทำให้ท่านขุนขุ่นเคืองกับการยื่นมือยุ่งไม่เข้าเรื่อง  ถ้าพีระพลสั่นคลอนง่ายแบบนี้...การที่จะเข้ามาทำให้ความรักขอองคู่นี้พังมันคงไม่ยากเกินคาดหมาย แค่นี้ก็ไม่ยอมโพล่หน้ามาแล้ว ถ้าเขาป่วนมากกว่านี้อีกหน่อย...สองคนนี้ต้องทะเลาะกันแน่ๆ

รักลูบไล้เจ้าเปอร์เซียร์น้อยในมือ มณีอยู่เบื้องล่างเงยหน้ามองเจ้าของเก่าด้วยสายตาตัดพ้อ ไม่ชอบใจ...เกลีดยเจ้าดำนั่น อยากให้เอาไอ้นั่นออกจากร้านนี้ไป นี่คือที่ของเธอ ไม่ใช่ที่ของแมวตัวไหนก็ได้ รักเหลือบตามองมณี ก็แค่เหลือบมอง...ไม่ได้ก้มลงไปเล่นด้วยความรักหรือเอ็นดูใดๆ

เธอรับรู้ได้ว่า...รักไม่เหมือนเดิม เขาไม่ได้รักเธอแบบที่เคยรัก อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเจ้าตัวใหม่ที่ยังน่าเอ็นดู ถึงมณีจะเป็นแมวพันธุ์ดีที่ถูกเลี้ยงมาดีมากขนาดไหน รูปร่างหรือลักษณะดียังไง ก็ไม่สามารถสู้แมวเด็กตัวนั้นได้

มณีมองรักอุ้มเปอร์เซียร์ไร้ชื่อไปยังโซฟากลางร้าน เอามันวางตรงที่ประจำของมณี นั้นยิ่งทำให้เจ้าถิ่นไม่พอใจ มณีรีบวิ่งเข้าไปตะปบเจ้าตัวใหม่ กลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ ของแมว ซึ่งรักก็ปกป้องเปอร์เซียร์ของเขา แล้วให้เด็กในร้านมาอุ้มมณีไปขังกรง...

“ไงไอ้ขุน...มาได้ไงวะเนี่ย” แจ็กเป็นคนเจอท่านขุนคนแรก แค่มันขับรถเข้ามา เสียงท่อก็ดังลั่นแล้ว ตอนนี้พนักงานออกมาพักเที่ยงที่โรงอาหารและแจ็กกำลังจะเดินไปกินข้าวเช่นกับพนักงานคนอื่นๆ

“สวัสดีครับพี่ พี่พีล่ะ...” มาถึงก็ถามหาพีระพล

“มันอยู่ในแล็บ ไม่ได้ออกมากินข้าวข้างนอกหรอก ปกติของมันแหละนะ...มันชอบกินข้าวในแล็บคนเดียว” รู้ว่าสองคนนี้น่าจะมีปัญหากัน แต่แจ็กไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี

“ผมเข้าไปหาได้ไหม”

“ที่จริงเขาไม่ให้คนนอกเข้ามาในบริษัทนะ แต่ก็...เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”

“ขอบคุณครับพี่ เออ...พี่พีงานยุ่งมากเหรอครับพี่แจ็ก” แจ็กเริ่มเดินนำเข้าไปด้านในบริษัท ห้องแล็บถูกตั้งอยู่เกือบท้ายโรงผลิต แจ็กได้ยินคำถาม...เขาเกือบชักเท้าแล้วหันไปถามเหมือนกันว่านี่ยังไม่ได้คุยกันเหรอ แต่คิดไปคิดมา...เขาเลือกเก็บอาการตัวเองดีกว่า ง่ายๆ ก็ไม่อยากพูดแหละว่าตัวเองบอกเพื่อนไปแล้วว่ารักเป็นอะไรกับท่านขุน

“จะว่าไงดีล่ะ...งานไอ้พี่พีมันก็...เฮ้อ มึงไปถามมันเองแล้วกัน” พูดมาแบบนี้คืองานไม่ได้เยอะใช่ไหมนะ

“มีอะไรเหรอพี่ บอกผมไม่ได้เหรอ ผมไม่ได้อยากกวนพี่นะ...แต่ว่าพี่พีไม่ยอมคุยกับผมเลย ตั้งแต่...รักมาที่ร้าน” ก็นั่นไงไอ้ตัวปัญหาอะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะรัก

“เหรอ แล้วพีมันรู้ปะว่ารักเป็นอะไรกับมึง” มาถึงตรงนี้ท่านขุนก็เงียบกริบ...เขายังไม่ได้บอกพี่พีเลย

“ผมไม่ได้บอก กะว่ารักมันมาทำรถแล้วมันก็คงไปของมันเอง ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับรักแล้วนะพี่...เรื่องมันจบไปนานแล้วพี่ก็รู้ จบเหี้ยด้วย ไม่มีทางรีเทิร์นหรอก”

“แล้วพีรู้ไหม...” หดหู่ใจขึ้นมาทันที พี่พีไม่รู้ไง...

“ไม่รู้...”

”เออ คนไม่รู้อะ...มันคิดมากนะเว้ย เอาเป็นว่า...มึงก็ไปเคลียร์กันเอาเองนะ มันอยู่ห้องนั้นแหละ” แจ็กชี้ไปยังห้องหนึ่ง หน้าประตูเขียนไว้ว่าห้องแล็บ

“ขอบคุณมากครับพี่”

“เออๆ ค่อยๆ คุยกันล่ะ” แจ็กตบบ่ารุ่นน้องแล้วหันหลังกลับไปหน้าบริษัท

ท่านขุนชั่งใจอยู่นานว่าจะเข้าไปดีไหม จู่ๆ มันก็เกิดปอดแหกขึ้นมาน่ะสิ ถ้าเข้าไปแล้วพี่พีอารมณ์ไม่ดี ไม่ชอบที่เขาบุกมาถึงที่นี่เขาจะทำยังไง แค่นี้ก็หวั่นไหวพอแล้ว เจอแบบนั้นอีกท่านขุนต้องรู้สึกแย่มากๆ เลย แต่ถ้าไม่เข้าไป...ถ้าไม่คุยกัน เราจะเข้าใจกันได้ยังไง

ก๊อกๆ!

“พี่พี...” ท่านขุนเคาะประตูก่อนส่งเสียงเรียก

ตอนได้ยินเสียงเคาะประตูก็ว่าจะลุกไปเปิด แต่พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อพีระพลก็ชะงักไป...เขานั่งอ่านแชตของท่านขุนวนไปวนมาอยู่พอดี ไม่ได้กินมื้อเที่ยงเพราะไม่รู้สึกหิวหรืออยากอาหาร คิดถึงท่านขุนแหละ...เขาแค่ไม่กล้าที่จะทำอะไรในตอนนี้ เหมือนตัวเองยังโกรธ ยังเคืองและยังอารมณ์ร้อนอยู่นั่นแหละ ถ้าท่านขุนเข้ามาตอนนี้ พีระพลจะสาดอารมณ์ร้อนใส่อีกฝ่ายหรือเปล่า...

แต่การที่ท่านขุนมาถึงที่นี่ก็หมายความว่าท่านขุนแคร์เขามากนะ...

พีระพลตัดสินใจเดินไปเปิดประตู เขามองหน้าคนรักของตัวเองผ่านแว่นไร้กรอบด้วยท่าทางไร้อารมณ์ เป็นเพราะเขาเก็บกดความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ สีหน้าก็เลยดูเย็นชาไปเสียหน่อย

ถ้าถามว่ากับท่านขุนนี่เขาโกรธมากเลยเหรอ...เอาจริงๆ สิ่งที่พีระพลรู้สึกมันไม่ใช่ความโกรธหรอก มันเป็นความเสียใจมากกว่า...เขาคิดว่าถ้าท่านขุนบอกกับเขาตรงๆ ไปเลย อะไรๆ มันจะง่ายกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่ถามว่าเขาเป็นอะไรทั้งที่ตัวเองเอาแฟนเก่าเข้ามาอยู่ในร้าน

“เข้ามาก่อนสิ” พีระพลเดินนำไปที่โต๊ะทำงาน ข้างๆ มีเก้าอี้อีกตัว

“พี่พีไม่กินข้าวเหรอครับ” ไม่เห็นจานข้าว...ไม่เห็นร่องรอยของอาหารนอกจากกาแฟ

“พี่ไม่หิวน่ะ” นี่มันโคตรของโคตรกดดันเลย หายใจหายคอไม่สะดวก...ท่านขุนไม่ชอบเลยที่มันเป็นแบบนี้

“พี่พี...พี่พีเป็นอะไรบอกผมได้ไหม ทำไมพี่พีไม่ยอมไปหาผมที่ร้านเลยอะครับ ไม่ตอบข้อความผมด้วย...พี่แจ็กบอกว่าพี่พีไม่ได้งานยุ่ง” ก็ไม่ใช่พีระพลคนเดียวที่รู้สึกแย่ ท่านขุนเองก็มีความน้อยใจอยู่เต็มอก

“ก็มีรักอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ...” พีระพลพลั้งปากพูดออกไปแบบนั้น

“รักก็แค่ลูกค้า”

“เหรอ...เป็นแค่นั้น งั้นท่านขุนกลับไปดูแลลูกค้าของท่านขุนเถอะครับ” เขาตั้งใจมาง้อ ตั้งใจมาคุยกันดีๆ แล้วทำไมพี่พีต้องมาพูดแบบนี้ใส่กัน

“พี่ไล่ผมเหรอ...”

“พี่ไม่ได้ไล่ พี่ก็แค่กลัวลูกค้าของท่านขุนรอนาน” เพราะท่านขุนไม่ยอมบอกแม้กระทั่งตอนนี้ว่ารักเป็นอะไร พีระพลจึงจงใจประชด...เขาก็ไม่ได้ชอบนะที่ตัวเองอารมณ์เสียแบบนี้ ก็ที่ไม่ไปเจอก็กลัวอย่างนี้ไง

“ก็ช่างมันสิ...มันอยากรอก็ปล่อยมัน ผมสนใจมันผมจะมาหาพี่ทำไม พี่พีเป็นอะไร...พี่พีไม่บอกผมล่ะ พี่พีเอาแต่เงียบแบบนี้...ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่โกรธ พี่เคืองอะไรกันแน่ ถ้าเรื่องรักมันปากเสียใส่ ผมก็บอกแล้วว่าขอโทษแทนมันด้วย มันเป็นคนแบบนั้น...” จริงๆ ท่านขุนใจร้อน...และอยากจะใส่อารมณ์มากกว่านี้ แต่บางอย่างบอกกับเขาว่าพี่พีโกรธ เขาไม่ควรยิ่งโกรธ ไม่งั้นมันจะกลายเป็นทะเลาะกัน ทว่าเขาก็ยังใส่อารมณ์ลงไปในคำพูดอยู่ดี พีระพลหันมองหน้า...สบตาท่านขุนจนท่านขุนรู้สึกไม่ดีนัก

“ไม่ใช่เรื่องรักปากเสียใส่พี่หรอก...แต่เพราะเราไม่ยอมบอกว่ามันเป็นอะไรกับเรามาก่อนต่างหาก พอใจไหมครับ พี่พูดขนาดนี้แล้วพอใจไหม...ทีนี้รู้หรือยังทำไมพี่ถึงเคือง เราไม่ยอมบอกพี่เลย โอเค...ตอนรักอยู่ไม่มีโอกาสพูดพี่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นล่ะ...เราก็ไม่พูดใช่ไหมครับ เราทำเหมือนพี่โง่มากอะ” รู้สึกคำพูดตัวเองจะแรงไปหน่อย แต่เมื่อมันออกจากปากไปแล้วมันเรียกคืนอะไรไม่ได้อีกแล้ว...

“พี่พี...มันไม่มีอะไร…”

“มันไม่มีอะไรในความรู้สึกท่านขุน แต่ไม่ใช่พี่เลยครับ…กลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้พี่หัวเสีย...พี่ไม่อยากทะเลาะกับเรา” เห็นว่าพีระพลกำหมัดแน่นแค่ไหนเพื่อสงบตัวเอง ท่านขุนก็จุกไปเหมือนกันที่พี่พีรู้ขนาดนี้...มันผิดที่เขาเองแหละ ผิดที่เขาคิดง่ายๆ ว่าไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้

ที่เคืองพีระพลในตอนแรก ที่น้อยใจในก่อนมา ตอนนี้กลับตาลปัดไปหมด เห็นสีหน้าไม่ดีของพี่พีแล้ว...ท่านขุนกลัวยิ่งกว่าตอนที่เราไม่ได้คุยกันเสียอีก เขาทำพี่พีเสียใจใช่ไหม ทำให้คนรักของเขารู้สึกไม่ดีเพราะเขาใกล้ชิดกับคนรักเก่าใช่หรือเปล่า...

อยากง้อพี่พีต่อ...อยากอธิบายให้พี่พีเข้าใจ แต่ดูเหมือนสถานที่และบรรยากาศมันจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย

“ผมกลับก็ได้...แต่ผมขอนะครับ ตอนเย็นผมขอคุยกับพี่นะ”

“ครับ ตอนเย็นเราค่อยคุยกัน” โคตรใจร้าย...พีระพลเห็นตัวเองใจร้ายมากๆ ใส่ท่านขุนของเขา พอท่านขุนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ...เขาก็ไม่สามารถเสียงแข็งใส่ท่านขุนได้อีก

ท่านขุนลุกเดินไปที่ประตู พีระพลเดินตามหลังไปแบบประชิด ก่อนที่คนรักจะบิดลูกบิด พีระพลก็สวมกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง...เราเคืองกัน เรามีปัญหากัน แต่ที่มันเป็นอยู่เพราะเรารักกันนะ เราไม่ได้เกลียดกัน...เราไม่ได้ต้องการที่จะทอดทิ้งอีกฝ่ายหรือต้องการจะเลิกรากัน เราแค่อยู่ในช่วงที่ระหองระแหงไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ขับรถดีๆ นะครับ” พีระพลเอ่ยเสียงเบา

“พี่พีตั้งใจทำงานนะ...” ท่านขุนหันกลับไปหอมแก้มพีระพล

“ครับ” อาจไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใส แต่พี่พีก็ยิ้มให้เขา แค่นั้นท่านขุนก็สามารถยิ้มกว้างได้

อย่างน้อย...สิ่งเล็กๆ นี้ที่พี่พีทำ ก็แสดงให้ท่านขุนเห็นว่าพี่พียังรักเขาอยู่...ไม่ได้โกรธเคืองหรือเกลียอะไรในตัวเขาขนาดที่จะเลิกรากันไป พี่พีเดินมาส่งท่านขุนจนถึงรถ ท่ามกลางสายของผู้คนมากมาย มันจะไม่มีอะไรเด่นเลย ถ้าเขาสองคนไม่ได้จับมือกันเดินมา...

ร่างสูงสวมแว่นยืนมองจนคนรักขับรถพ้นเขตบริษัท เขาถอนหายใจหนักๆ ออกมา...เมื่อกี้น่าตีตัวเองมากๆ ช่วงหนึ่งอารมณ์ขึ้นใส่ท่านขุนแบบนั้น พูดจาไม่ดีเลย พูดจาแย่ใส่คนที่มาง้อถึงที่ได้ยังไง สีหน้าหนักใจของเขากระแทกเข้าตาเพื่อนรัก

“เคลียร์กันยังวะ...” แจ็กเดินเข้ามา คือ...จะเรียกเสือกก็ได้แหละ แต่ห่วงความสัมพันธ์ของสองคนนี้

“ยังอะ ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกแย่ด้วย...”

“อ่าว ไหงงั้นวะ มันมาง้อมึงถึงที่เลยนะ”

“เออดิ กูแม่ง...” ท่าทางหัวเสียแบบนี้ พีระพละกำลังโทษตัวเอง แจ็กตบบ่าเพื่อนเบาๆ

“เอาหน่า...แฟนกันอะ ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย แค่ไม่ทิ้งกันก็พอแล้ว”

“อื้อ” พีระพลพยักหน้าเบาๆ เขาขอตัวกลับเข้าห้องแล็บเพื่อทำงาน

ระหว่างเดินเขาคิดว่า...ยังไงเย็นนี้ก็จะไม่ใส่อารมณ์กับท่านขุน

ตอนนี้เขาจะโทษตัวเองไปก็เท่านั้น มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยในเมื่อเขาเผลอเรอไปแล้ว พีระพลบอกให้ตัวเองมีสมาธิกับงานเป็นรอบที่ร้อยหรือพันไม่แน่ใจ ช่วงเวลาที่เขาเมินท่านขุน ไม่ตอบข้อความ ไม่พูดไม่คุยกัน ไม่ใช่เขาอยู่ดีสบายดี เขาเองก็ทุกข์ใจ อยากจะคุยให้รู้เรื่องเหมือนกัน แต่กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบที่เกิดไปแล้วเมื่อกี้นี้ขึ้น สุดท้าย...สิ่งที่กลัวมันก็เกิดไปแล้ว ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับมัน

ท่านขุนขับรถกลับมาที่ร้านด้วยอารมณ์อันหลากหลาย เสียใจที่เหมือนจะทะเลาะกับพี่พี บรรยากาศที่มาคุนั้นยังคงโอบล้อมตัวท่านขุนอยู่ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รู้เสียทีว่าอะไรทำให้พี่พีไม่พอใจ คนที่ร้านเขาตอนนี้ไง..รักไม่เพียงแต่พูดจาไม่ดีกับพี่พี แต่ยังแสดงตัวด้วยว่าเป็นคนรักเก่า ไม่งั้นพี่พีไม่มีทางรู้เรื่องนี้ได้ เขาเองเว้นระยะกับรักมากอยู่ พยายามปฏิบัติตัวต่อรักแบบที่เขาทำกับลูกค้าทุกคน

ท่านขุนจอดรถได้ ถอดอุปกรณ์เรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหารักที่นั่งเล่นกับเปอร์เซียร์น้อยตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ มณีหายไป...ท่านขุนยังไม่ทันเอะใจ เขาแค่มองว่าแปลกที่รักเอาแต่คลุกอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน เนียนอยู่กับร้าน แหงสิ...เขาคุ้นเคยกับทุกคนที่นี่

“ยังไม่กลับอีกเหรอ” ท่านขุนเอ่ยเสียงเข้ม

“อะไรอ่า มาถึงก็ไล่กันเลย...ทำไมครับ ทะเลาะกับพี่พีของท่านขุนมาเหรอ ถึงได้มาลงกับรัก” สีหน้าน้อยอกน้อยใจของรักไม่ได้ทำให้ท่านขุนเห็นใจ

“พูดมาตรงๆ รักกลับมาที่นี่ทำไม...” สีหน้าท่านขุนตอนนี้เอาเรื่องมากๆ เหมือนตอนที่ต่อยกันคราวก่อน

“เขาพูดอะไรมาเหรอถึงถามรักแบบนี้” รักตีหน้าเศร้าโยนความไม่ดีให้พีระพล

“ก็แค่บอกมาตรงๆ ว่ารักกลับมาทำไม...คงไม่ใช่ซ่อมเจ้ายักษ์ เพราะรักได้เจ้ายักษ์คืนแล้วแต่ก็ยังไม่ไป” ตอนแรกก็ไม่เห็นรู้ตัว พอไปคุยกับแฟนมาทีนี่รู้ตัวดีเลยนะ

“รักไม่รู้นะว่าพี่พีเขาพูดอะไรใส่ท่านขุน ถึงทำให้ท่านขุนมาเสียงแข็งใส่รักได้แบบนี้...แต่รักไม่ได้กลับมาหาท่านขุนด้วยเจตนาไม่ดีเลยนะ รักก็แค่คิดถึง...”

“เอาตรงๆ รัก...เล่นลิ้นน่ารำคาญวะ” พอท่านขุนใส่อารมณ์ รักก็เลิกสร้างภาพ

“รักอยากกลับมาคืนดี...เรากลับมาคบกันเถอะ” เลิกคิ้วท้าทายอีกต่างหาก รักไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เป็นอะไรที่น่าเกลียด ทำไมล่ะ คนรักเก่าจะกลับมาง้อขอคืนดีนี่มันผิดหรือไง

“ไม่ กลับไปได้แล้ว” โคตรเย็นชา เหมือนเมื่อปีก่อนที่ไล่รักออกจากร้าน...ท่านขุนไล่รักแบบนี้เลย เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด ตอนนั้นรักจำต้องไปเพราะคนอยู่ช่วยท่านขุนเยอะ ตอนนี้ไม่เหมือนกัน...

“ไม่ใจร้ายกับรักไปหน่อยเหรอ ท่านขุนลองให้เหตุผลดีๆ กับรักสักข้อสิ ว่าทำไมรักต้องเป็นฝ่ายไป...ทั้งๆ ที่เราสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีกว่าไอ้แก่เฉิ่มเชยนั่นเสียอีก” รักวางเปอร์เวียร์ลงกับเคาน์เตอร์ เขาเดินเข้าหาอดีตคนรักของเขา

“เพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้ว และไม่ว่าพี่พีจะเป็นยังไงในสายตารัก...เขาเป็นคนที่ดีสำหรับผม”

“ดีแต่เข้ากันไม่ได้มีเยอะไป ดูนี่สิ...ดูเขาทำกับท่านขุน เขาไม่สนใจท่านขุนเลย หนีหาย...ไม่ตอบข้อความ ไม่โทรกลับ คนแบบนี้เหรอที่ท่านขุนจะคบต่อ”

“ใช่ ผมจะคบเขาต่อ...ผมผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่าเราเคยเป็นอะไรกัน มันเป็นความผิดผมไม่ใช่เขา อีกอย่างนะรัก...ผมไม่เหลือความรู้สึกดีๆ กับรักแล้ว ตอนจากกัน...ผมเกลียดคุณ ตอนนี้ก็ยังเกลียดอยู่...มันอาจน้อยลงบ้าง แต่มันไม่ได้หายไป ไม่เหลืออะไรให้ผมจำและต้องการสานต่ออีกแล้ว เชิญออกไป...” ถึกทนแค่ไหนรักก็ต้องยอมรับว่ามันเจ็บปวด สายตาของท่านขุน...ไม่มีเยื่อใยให้เขาจริงๆ ไม่มีแม้ความรู้สึกดีๆ หลงเหลือ...
“แต่รักไม่เคยเกลียดขุน...”

“แต่ขุนเกลียดรัก...” ท่านขุนตอบกลับทันที และเป็นเหมือนปามีดเข้าขั้วหัวใจรัก...มันทำให้รักไม่สามารถสบตากับท่านขุนได้อีกในวันนี้

….100%….

คอมเมนต์ดุเดือดมากค่ะ แต่ท่านขุนทำตัวแบบ…อืมอย่างที่ทุกคนว่าจริงแหละ เหมือนจะชัดเจนแต่ก็ไม่ชัดเจน เหมือนจะใส่ใจแต่ก็ใส่ใจไม่สุดเนอะ น่าตี ต้องตีตีตีตีเลยค่ะ!

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่พี แคร์เขามากเลยใช่มั้ยคะ T_T
ความคิดพี่เต็มไปหมดเลยอ่ะ ถ้าพี่พูดออกมาหมดน่าจะมีคนเจ็บหนัก
แฟนพี่เขายังคิดไม่เท่าพี่เลยอ่ะ จะว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ไม่น่าใช่  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :เฮ้อ: อึดอัดแทน

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รักมันจะจำเหรอ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
มณีน้อยใจหนีไปไหนแล้ว

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 21 [100%]….<
เปอร์เซียร์น้อยส่งเสียงร้องตามหลังของรัก เจ้าของไม่มีการหันมามองแม้เสี้ยวเดียว ท่านขุนเองยังเคืองรักอยู่หน่อยๆ เลยไม่สนใจรักเช่นกัน แต่จะให้เขาเมินเจ้าเหมียวน้อยคงทำไม่ได้ คนรักสัตว์ ต่อให้เกลียดเจ้าของสัตว์สัตว์ยังไง มันก็แยกแยะได้

ระหว่างที่ลูบหัวเจ้าเหมียวตัวใหม่ เจ้าถิ่นอย่างมณีก็แผดเสียงร้องขึ้นมาเพื่อให้ท่านขุนหันมาเจอ ตอนแรกเข้ามาในร้านก็ไม่ได้สนใจมองหามณี ตอนนี้เห็นเธอโดนขังท่านขุนก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

“รักขังมณีเหรอ”

“เอ่อ...ครับพี่” ดูยังไงท่านขุนก็ไม่พอใจ จิมไม่กล้าหยอดมุกหรอก

“กล้าเอามณีขังได้ไงวะ แม่ง...” ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามณีดุแล้วก็ทำร้ายเจ้าเปอร์เซียร์น้องร้ายแรงขนาดไหน แต่มณีเป็นเจ้าถิ่นนะ มณีควรได้อยู่นอกกรงไม่ใช่ในกรงนั่น อีกอย่าง...เขาขังมณีได้คนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์นะเว้ย

“ทีพี่ยังขังมณีเลย” จิมบ่นลอยๆ

“กูเจ้าของปะ มันไม่ใช่เจ้าของนะเว้ยจะได้มาจับแมวคนอื่นเขาขังแบบนี้”

“พี่รักก็เจ้าของนี่ มณีน่ะพี่รักเป็นคนซื้อนะพี่” จิมก็เถียงเสียงซื่อ ท่านขุนอุ้มมณีแนบอก เปอร์เซียร์สีดำยังอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์

“รักเป็นคนซื้อ แต่กูเป็นเจ้าของ...ตอนนี้รักไม่ใช่เจ้าของมณี ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวมณี” มันแปลกๆ ในความรู้สึกจิม แต่ก็ไม่เถียง ขี้เกียจ

“เดี๋ยวมึงดูแลเจ้านี่ให้ด้วยนะ จะออกไปทำรถและ…” วันนี้ท่านขุนตัดสินใจเอามณีออกมานอกร้าน เพื่อจะแยกแมวสองตัวนี้ให้ห่างออกจากกัน ก่อนออกมาท่านขุนไม่ลืมเอาอาหารและขนมของมณีมาด้วย ยังไงซะ...ท่านขุนก็เป็นทาสของมณีน้อยอยู่ร่ำไป ต่อให้มีตัวใหม่ หรือมีคนรัก แต่ท่านขุนไม่ได้รักมณีน้อยลงเลย

ก็...อาจมีละเลยบ้างอะไรบ้างนิดหนึ่ง

มอเตอร์ไซก์มีเข้ามาทำเรื่อยๆ บ้างก็เล็กน้อยอย่างปะยาง เติมลม เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนกรองอากาศ ด้วยความที่ร้านของท่านขุนทำดีและราคาไม่แพงเท่าศูนย์ คนส่วนใหญ่จึงมาใช้ที่นี่ บางคนก็เป็นขาประจำที่เห็นหน้าก็จำกันได้ดี

ท่านขุนเป็นเจ้าของที่เป็นมิตรมากๆ เขามักยิ้มแย้มแจ่มใสให้ทุกคนต่อให้ในเวลานี้เขาจะคิดมากเรื่องพี่พีอยู่ เขามีหน้าที่บริการลูกค้าให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย ทั้งการทำงานและการบริการ ไอ้ลูกน้องเขาอย่างแอ้นี่ก็มึนตึงไปคนแล้ว เขามึนตึงอีกลูกค้ามีหนีหายแน่ๆ

มณีเหมือนนางกวัก กวักคนเข้าร้านเกือบทั้งวัน ท่านขุนไม่ได้กินข้าวมีอาการมือไม้อ่อนแรงไปเล็กน้อย มณีน้อยนอนอยู่ตรงเบาะรถมอเตอร์ไซก์ของท่านขุน ทอดสายตาสีฟ้าเหลืองดูทาสตัวเองทำงานหงกๆ เดี๋ยวลูกค้าก็เข้า เดี๋ยวลูกค้าก็เข้า เมื่อไหร่จะว่างมาแกะขนมให้กินสักที เอามาก็เอามาวางล่อไว้ตรงหน้าแล้วไม่แกะ แมวบ้าตัวไหนมันจะไปกินได้ล่ะเนี่ย...

เธอเอาเท้าหน้ามาเขี่ยซองขนมสีเหลืองอ่อนตรงเบาะคนซ่อน มีสองซอง...กินไม่ได้สักซอง เธอเขี่ยมัน เอาเขี้ยวแง่มเข้าไปก็แล้ว...ใช้เล็บข่วนก็แล้ว เอ๊ะ ทำไมมันไม่ออกสักทีนะ ยากเย็นแสนเข็น แล้วแบบนี้จะได้กินไหมเนี่ย

“เหมี๊ยวววว” กัดแล้วมันไม่ขาด เธอส่งเสียงให้ท่านขุนรู้

“แป๊บหนึ่งนะครับแม่มณี” แป๊บหนึ่งมาชาติแล้วไอ้ขุน...อยากพูดภาษามนุษย์ด้วยประโยคนี้มาก แต่พูดไม่ได้ ไม่ง้อก็ได้วะ...อะ สู้อีกตั้ง

เป็นการต่อสู้กับซองขนมที่น่าเอ็นดูเป็นที่สุด มณีน้อยลุกขึ้นยืนเพื่อเขี่ยเอาซองขนมนั้นลงมาจากเบาะคนซ้อน ให้มาอยู่ตรงเบาะคนขับที่เธอกำลังยืนอยู่ จากนั้นก็ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบตัวซองเอาไว้ ใช้อีกข้างเพื่อตะกุยเอาตรงที่มณีเห็นว่าท่านขุนจับมันฉีก ใช่ๆ...ตรงนี้แหละ เธอเลียอาหารจากตรงนี้ จำได้ก็รีบเขี่ยๆ เข้าไปใหญ่ หัวเสียนิดหน่อย ฟึดฟัดอีกเล็กน้อย

ลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่งยืนมองมณีด้วยความเอ็นดู ซ้ำยังพากันหัวเราะขำขันกับท่าทางเงอะงะของมณีอีก แมวน้อยได้ยินเสียงหัวเราะ เธอตวัดดวงตาคมสวยไปยังสองมนุษย์คู่นั้น เอียงคอเล็กน้อย...

“เมี๊ยววววว” มาแกะขนมให้ฉันสิเจ้ามนุษย์!

“อ๊าย....น่ารักจังเลย คุณคะ เราขอแกะขนมให้เจ้าเหมียวได้ไหม” เพราะท่านขุนมือไม่ว่าง กำลังเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ หญิงสาวแฟนเจ้าของได้รับดามเมจของเหมียวน้อยเข้าเต็มรักจึงเอ่ยขออนุญาต

“อะ..อ๋อ ได้ครับ” ท่านขุนหันไปมองมณีก่อนตอบอนุญาต หน้าตาอ้อนขนาดนั้น เขาเองก็อยากจะพุ่งเข้าไปแกะให้เหมือนกันแหละ

“มิ้ว มิ้ว...” มนุษย์เดินเข้ามาใกล้ปุ้บ มณีรีบยื่นหน้าไปคลอเคลียมือเนียนสวยนั้นทันที พร้อมส่งเสียงร้องให้แกะขนมเร็วๆ...จะกิน...ฉันจะกินนนนน

“น่ารัก...น่ารักมากเลย พี่...เราซื้อแมวมาเลี้ยงบ้างได้ไหม” ปากพูดกับแฟน แต่มนุษย์สาวกำลังลูบหัวมณีอยู่ เจ้าเหมียวรำคาญ...แกะขนมที หิว เธอเอาเท้าหน้าดันมือของหญิงสาวออกจากหัว ดันไปจนถึงซองขนม

“มิ้ว มิ้ว มิ้ว...” จิ้มๆ ซองให้ดูด้วย แกะสิแกะ!

“แสนรู้สุดๆ ไปเลย...” หน้าเคลิ้มฝันเกินไปละ แต่ก็ดีที่แกะให้มณีเสียที

แกะเสร็จก็ป้อน ดีมาก...ต้องแบบนั้นแหละ เดี๋ยวนี้เจ้าแว่นไม่มาปรนนิบัติพัดวีเธอเลย รักเองก็ใส่ใจแต่กับเจ้าหน้ามุ่ยนั่น...น่ารักตรงไหน ขนฟูไม่เป็นระเบียบเลยแม้แต่นิด หน้าอย่างกับไม่ใช่แมว แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือรักเอาเธอไปขังในกรงเพื่อจะให้นังแมวนั่นมันเสนอหน้าเดินร่อนอยู่ในอณาเขตของเขา คอยดูนะ...เธอจะตะปบเจ้าแมวนั้นให้เละเป็นโจ้กเลย

มณีนอนเลียขนมแพล่บๆ บนเบาะคนขับ สีหน้าเคลิ้มของมนุษย์สาวตรงหน้าไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่ ป้อนก็ไม่ดี...ไม่ได้ดั่งใจ มณีต้องคอยใช้มือตัวเองกำกับการบีบขนมออกมาจากห่อ แล้วดู...ยิ่งเห็นมณีเอาอุ้งเท้าน่ารักๆ ไปแตะที่มือขาวอย่างกับหยวกกล้วยนั้นทุกครั้งที่ไม่ยอมบีบ มนุษย์ก็ยิ่งแกล้งไม่บีบ ให้มณีต้องแตะๆ อยู่นั่นแหละ หนำซ้ำ...ไอ้มนุษย์ผู้ชายก็มาสมทบ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอีก

มณีไม่มองสบตากล้อง ไม่มองสบตาใครเลย เธอพยายามกินให้หมด กินให้อิ่ม แล้วก็นอนเชิ่ดราวกับนางพญาประจำรถพันซีซีคันนี้ ต่อให้มนุษย์ชายหญิงคู่นั้นจะชื่นชมเธอมากแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจ...ก็นะ รู้อยู่แล้วว่าตัวเองน่ะสวยและสง่ามาก

จ๊ะ...ตามนั้น

ท่านขุนเหลือบมองมณีบ่อยครั้ง คุยกับลูกค้าถึงความฉลาดของเธอบ้างในบางหน และต้องฟังเสียงชื่นชมมณีของลูกค้าไปเรื่อยๆ ในร้านอาจมีเปอร์เซียร์ แต่คนกลับชอบมณีมากกว่า ยิ่งดูหยิ่ง...ยิ่งดูเชิ่ด ก็ยิ่งมีเสน่ห์ พี่พีก็หลงเสน่ห์มณีเหมือนกันนี่นะ...

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใช้เวลาแค่ไม่นาน ท่านขุนให้ลูกค้าทั้งสองเข้าไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายภายในร้าน มณีได้พักหูของเธอเสียที ท่านขุนเข้ามาเอาปากจูบที่หน้าผากเธอเบาๆ ไม่สามารถอุ้มได้เพราะมือยังคงเปื้อนน้ำมันและคราบดำเต็มไปหมด มณีเองก็ไม่ได้สนใจหรอก รู้แค่ว่าการที่มนุษย์ทำแบบนี้กับเธอคือรักเธอ แน่ล่ะ...เธอชอบที่ท่านขุนแสดงออกถึงความรัก แต่อย่าเยอะไป มันน่ารำคาญ

ท่านขุนทำงานจนสี่โมงกว่า เขาดูนาฬิกาข้อมือ อีกไม่นานพี่พีจะเลิกงานแล้ว บริษัทที่พีระพลทำงานอยู่นั้นเลิกงานตอนเวลาสี่โมงครึ่ง ท่านขุนให้แอ้จัดการงานที่เหลือต่อและจัดเก็บข้าวของให้ด้วย เขาเรียกมณีให้เดินกกลับเข้าไปในร้าน สั่งจิมเอาเปอร์เซียร์ไร้ชื่อขังกรงเพราะว่ามณีเป็นเจ้าถิ่น เดี๋ยวตีกันอีก เขาเข้าไปล้างมือให้สะอาด ดูเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยก่อนตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยดีกว่า

“เดี๋ยวฝากปิดร้านด้วยนะ...” เพราะไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ก็เลยต้องทิ้งสิ่งที่ต้องการให้ลูกน้องทำเอาไว้

“พี่จะไปไหนอะ ไม่กลับร้านเหรอ” จิมถาม ค่อนข้างแปลกใจเพราะตั้งแต่ท่านขุนคบกับพีระพล ท่านขุนไม่เคยไปนอนค้างที่บ้านพีระพลเลย

“ไปหาพี่พีอะ อาจจะกลับดึก...หรือไม่กลับ” ไม่ใช่เรื่องน่าอายนี่ที่จะไปค้างกับแฟนที่บ้านน่ะจริงไหม

“อ๋อ เคลียร์กันได้แล้วเหรอพี่”

“ยังอะ ก็กำลังจะไปเคลียร์นี่แหละ ไปละ...มณี ท่านขุนไปก่อนนะ” เขาก้มลงลูบหัวแมวน้อยสุดที่รัก จากนั้นก็จูบที่หน้าผากเธอเบาๆ

“ดูแลมณีดีๆ นะ”

“คร้าบ” ต้องดูแลดีอยู่แล้วไหม มณีเลยนะ...แม่มณีเลยนะเฟ้ย

ไม่ใช่ไร...เกิดพี่ขุนรู้ว่าดูแลที่รักเขาไม่ดีงานนี้โดนด่าแถมตัดเงินเดือนแน่นอน อีกอย่าง เมื่อก่อนท่านขุนก็ออกทริปบ่อยๆ จิมกับแอ้มีหน้าที่เฝ้าร้านและดูแลมณีตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่งานยาก แค่ต้องเอาใจมณีเยอะๆ คุณเธออยากได้อะไรก็เอาให้ แค่นั้นเอง...

สี่โมงเศษๆ ท้องถนนว่างโล่งเพราะยังไม่ถึงวลาเลิกงานจริงๆ ท่านขุนบิดรถมอเตอร์ไซก์คู่ใจด้วยความเร็วร้อยห้าสิบเป็นอย่างน้อย ซอกแซกซ้ายขวาอย่างชำนาญ จะว่าไป...เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยได้หวดเลยแฮะ หวดก็คือการขับรถมอเตอร์ไซก์ด้วยความเร็วสูงสุด...เล่นกันจนหมดปลอกไปเลย รถของท่านขุนทำความเร็วสูงสุดได้สามร้อยกว่าๆ ถือว่ามากพอๆ กับการแข่งขันในสนาม ทว่าเขาไม่เคยเอาความเร็วระดับนั้นมาใช้ในท้องถนนจริงๆ แบบนี้หรอกนะ นอกจากตอนไปออกทริปต่างจังหวัดที่รถโล่งมากจริงๆ

เพียงแค่สิบนาที ท่านขุนก็มาถึงหน้าบริษัทของพีระพล เสียงหวอดังขึ้นตอนเขาดับรถพอดี พนักงานมากมายต่อแถวอยู่หน้าออฟฟิตเพื่อแสกนนิ้วเลิกงาน เขาชะโงกหน้าเล็กน้อยเพื่อองหาพี่พีของเขา

ครู่เดียว...ร่างสูงของคนรักก็เดินออกมา

“มานานหรือยัง” พีระพลตรงมาหาท่านขุนก่อน เจ้าตัวไม่ได้ถอดหมวกหรอก แค่เปิดชิลหน้าออกเพื่อสบตากับพี่พี

“เพิ่งถึงพี่ พี่พีต้องแสกนนิ้วก่อนปะ...”

“ไม่ครับ เรากลับรถรอเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่เข้าไปเอารถก่อน” ท่านขุนพยักหน้ารับ พี่พีอาจจะยังไม่ได้ยิ้มแย้มเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าเมื่อเที่ยงที่เขามาเจอ

ท่านขุนกลับรถรอไม่นานนัก พีระพลขับออกมาบีบแตรใส่เบาๆ จากนั้นท่านขุนก็ขับรถมอเตอร์ไซก์คันโปรดตามหลังพี่พีไปช้าๆ พีระพลไม่ใช่คนขับรถเร็วอะไรอยู่แล้ว ไม่เกินเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ

พี่ครับ...แดดข้างนอกร้อนมาก!

ท่านขุอยากจะแซงไปแต่ไม่รู้บ้านพีระพลอยู่ไหน แซงไปก็ต้องไปรออยู่ดี เขาขับด้วยความเร็วแค่...เจ็ดสิบถึงเก้าสิบเท่านั้น มันโคตรช้าเลยให้ตายเถอะ แต่ก็เข้าใจ รถข้างหน้าพีระพลเองใช่ว่าขับเร็วอะไร ไม่ได้ต่างกับพีระพลขับเลยสักนิด

ขับตามกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดพีระพลก็เลี้ยวเข้าซอย ท่านขุนรู้ว่าในซอยนี้มีหมู่บ้านอยู่สองหมู่บ้าน เป็นบ้านเดี่ยวทั้งคู่ หมู่บ้านแรกอยู่ไม่ไกลทางเข้าเท่าไหร่ พีระพลเลี้ยวเข้าที่นี่ เขาบอกกับยามว่าคนด้านหลังมาพร้อมกับเขา ท่านขุนจึงสามารถขับตามพีระพลเข้ามาได้เลยโดยไม่ต้องแลกบัตรอะไร ขับตรงไปสุดซอยเลี้ยวขวามือ เป็นบ้านหลังสุดท้ายของซอยพอดี

โคตรเงียบ...มันเป็นโซนที่เงียบสงบมากๆ

พีระพลลงไปเปิดประตูบ้านขนาดสี่สิบสองตารางวาด้วยตัวเอง ที่จอดรถมีเพียงคันเดียวแต่ก็กว้างพอจะให้ท่านขุนเอามอเตอร์ไซก์เข้ามาจอดร่วมด้วย ระเบียงชั้นสองเป็นร่มให้แก่หน้าบ้านทั้งหมด ส่วนของหน้าประตูมีเก้าอี้หวายและโต๊ะกลมทำจากแก้ววางเอาไว้ ชายคาถูกรายล้อมด้วยโบมายแบบต่างๆ ยามลมพัดจะเกิดเสียงกรุ๊งกริ๊งดังไร้จังหวะ ต้นไม้พุ่มเตี้ยหลายต้นเรียงรายอยู่ติดกับรั้วบ้าน

ท่านขุนถอดอุปกรณ์เซฟตี้ออกแล้วมองไปรอบๆ โทนสีเทาครีมให้ความรู้สึกอบอุ่นและน่าอยู่ ในความหม่นๆ มีสีเขียวของต้นไม้ทำให้รู้สึกชุ่มชื่นและน่ารักด้วยโมบาย บ้านคือวิถีชีวิตของเจ้าของ...พี่พีของเขาอยู่กับความสงบในพื้นที่ไม่ใหญ่มากนักของที่นี่

“บ้านพี่สวยจัง” ท่านขุนเปรยเบาๆ พีระพลแค่ยิ้มรับเท่านั้น เขาเดินนำเข้ามาด้านใน พื้นที่กว้างขวางพอสมควรเมื่อมีผู้อาศัยแค่คนเดียว โซฟาเบดสีเทาวางติดกับพนังฝากหนึ่ง อีกฝั่งเป็นทีวีขนาดสี่สิบนิ้ววางบนโต๊ะสำหรับวางเสตอร์ริโอ พร้อมเครื่องเสียงและเครื่องเล่นดีวิดี โทนสียังคงเป็นโทนเดียวกับที่เห็นนอกบ้าน เครื่องตกแต่งภายในมีไม่มาก ที่เด่นคงจะเป็นชั้นหนังสือมากกว่า

“บ้านพี่โล่งไปหน่อยนะ” เสียงทุ้มบอกกับผู้เยี่ยมเยียน

“ไม่หรอกครับ มันสบายตามากเลย…” ทั้งสบายตาและสสงบใจ

พีระพลปลดกระดุมแขนเสื้อตรงข้อมือก่อนจะถลกมันขึ้นมาถึงศอกทีละข้าง ท่านขุนหยุดสำรวจบ้านเรียบง่ายของคนรักมาใส่ใจพี่พีแทน ท่านขุนมีแค่ตัวเปล่าๆ ข้าวของเขาอยู่บนรถ เขาตรงเข้าหาพี่พี...แต่ก็อึกอักพูดไม่ออก พีระพลมองหน้าท่านขุนชั่วครู่ เขาเดินไปปิดประตูบ้าน ดึงผ้าม่านให้เรียบร้อยถึงค่อยเปิดแอร์

“นั่งก่อนสิ...”

“ครับพี่” ไม่รู้จะเริ่มยังไง เขาเดินไปนั่งข้างพี่พี ซึ่งพีระพลก็แค่นั่งเงียบๆ...เฝ้ารอเขาพูดสิ่งที่ควรพูดมานานแล้ว

“เรื่องรักน่ะ...มันไม่มีอะไรเลยนะครับพี่” เปรยขึ้นเบาๆ มองหน้าพี่พีเพื่อดูปฏิกิริยาไปด้วย ใจสั่นมากและค่อนข้างกังวล จริงๆ ท่านขุนก็กังวลมาตลอดตั้งแต่พีระพลมีท่าทีแบบนี้นั่นแหละ

“มันไม่มีอะไรแล้วทำไมเราไม่บอกพี่ล่ะ”

“ผมขอโทษ...แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องบอก คือ...ผมคงคิดสั้นเองแหละ ผมแค่คิดว่าซ่อมรถรักเสร็จรักก็จะไป”

“ไปมากเลย...พี่เห็นเขาอยู่กับท่านขุนตลอด” ก็เถียงไม่ได้อะ เพราะรักอยู่กับท่านขุนตลอดจริงๆ

“เรามีโอกาสที่จะบอกพี่แต่เราก็ไม่บอกพี่เลย พี่รู้สึกแย่นะ...พี่เสียใจด้วย” ท่านขุนรู้ว่าเขาผิดไปแล้ว...เขาทำให้คนที่เขารักต้องมากังวลกับรักเก่า เขามัวแต่คิดว่าไม่เป็นไรหรอก พี่พีไม่รู้ เดี๋ยวรักก็ไปไม่เห็นต้องไปคิดมากเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าพี่พีของเขาจะคิดมากขนาดนี้ ท่านขุนขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ สวมกอดเอวของพีระพลเอาไว้

“ผมขอโทษ...ผมขอโทษครับพี่พี แต่ผมไม่คิดอะไรกับรักแล้ว เราจบกันไม่สวย และผมก็ไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับคนคนนั้น ตอนนี้ผมรักพี่พีนะ...พี่พีให้ภัยผมเถอะนะครับ” ไม่รู้ต้องง้อแบบไหนเหมือนกัน ไม่รู้พูดยังไงพี่พีถึงจะให้อภัยกับความคิดสั้นของเขา

พีระพลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่...

“รู้ไหม พี่ไม่ได้โกรธเลย...ใช่พี่เคือง แต่ที่พี่เคืองก็เพราะท่านขุนไม่ยอมบอกความจริงกับพี่ พี่เห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมาก...พี่ระแวงเข้าใจไหมครับ พี่กลัวว่าเราจะทิ้งพี่แล้วกลับไปหาคนเก่าที่เหมาะสมกับเรามากกว่าพี่ รักพูดถูกนะ...พี่กับเราไม่เหมือนกันเลย เราดูเข้ากันไม่ได้” ทำไมคำพูดของพี่พีถึงทำร้ายจิตใจเขาได้ขนาดนี้ เพราะน้ำเสียงตัดพ้อนั้นหรือเปล่า...ใจเขาถึงได้ปวดหนึบอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“ไม่เห็นเกี่ยวเลย...ไม่เห็นเกี่ยวสักนิด พี่พี...ผมไม่เคยคิดว่าการที่เราต่างกันจะหมายถึงเราเข้ากันไม่ได้ พี่ก็เห็นว่าเราไม่ได้มีปัญหหาอะไรชีวิตที่ต่างกัน”

“พี่รู้...แต่พี่กลัวไม่ได้เหรอครับ” พีระพลบยกแขนขึ้นกอดท่านขุนเอาไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวสิ ไม่เอา...ผมห้ามพี่กลัว ผมขอโทษที่ทำให้พี่คิดมาก ทำให้พี่กังวล...ผมขอโทษจริงๆ มันจะไม่มีอีกผมสัญญา” ท่านขุนเงยหน้าขึ้นมองสบตากับพีระพลในระยะประชิด วงแขนกที่โอบกอดกันแนบแน่นก็เป็นการบอกแล้วว่าพวกเขาไม่มีใครอยากสูญเสียอีกฝ่ายไปหรอก...

พีระพลถอนหายใจออกมาอีก...เขาเคืองท่านขุน โกรธรัก และหงุดหงิดตัวเองที่ดูงี่เง่า การที่ท่านขุนเข้ามาง้อถึงที่นี่หรือที่ทำงานทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นตีรวนกันไปหมด โกรธรักน่ะมันไม่หายไปหรอก ที่เคืองท่านขุนเนี่ยสิ...ดูเหมือนมันจะเจือจางลงไปมากเหลือเกิน

“มีอะไรให้บอกพี่...”

“ครับ มีอะไรผมจะบอกพี่...”

“งั้นบอกพี่ซิ รักกลับมาทำไม...ไม่ใช่แค่ซ่อมรถใช่ไหม”

“รักจะกลับมาขอคืนดีครับ ผมเพิ่งรู้วันนี้...แต่ผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยคิดกลับไปคบเขา เขาหักหลังผม เขาทำร้ายความรู้สึกของผม ยังไงก็ผมก็ไม่มีวันกลับไป...ตอนนี้ผมมีพี่พี ผมรักพี่ ผมปฏิเสธรักไปแล้ว ปฏิเสธชัดเจนเหมือนในอดีต ระหว่างผมกับรักมันจะไม่มีอะไร” พีระพลเชื่อท่านขุน เชื่อในน้ำเสียงที่ติดกังวล เชื่อในแววตาที่ที่ง้องอนเขาอยู่ แต่เขาไม่เชื่อรักเลย...อาจจะหยาบคาย แต่พีระพลมองว่ารักค่อนข้างหน้าด้านไปหน่อย ยังไงซะต้องกลับมาอีกแน่ๆ

“พี่เชื่อเรา...แต่พี่ไม่เชื่อเขา”

“แค่เชื่อใจผมก็พอแล้วพี่ แค่เชื่อใจผม...” สายตาท่านขุนอ้อนวอนพีระพลมากๆ และมันก็ทำให้ใจของพีระพลอ่อนยวบไปหมด

“พี่เชื่อท่านขุนครับ” พีระพลโน้มหน้าเข้าไปมอบจูบนุ่มนวลให้กับท่านขุน

มันเป็นจูบนุ่มนวลที่ไม่ได้เนิ่นนานอะไร เพราะไม่กี่นาทีต่อมาก็กลายเป็นเร่าร้อน พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรมากมายก็พากันขึ้นห้องนอน ท่านขุนไม่ได้ใส่ใจจะดูอะไรในห้องทั้งนั้น รู้แค่ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนที่นอนของพี่พี ห้องพี่พี มีแต่กลิ่นของพี่พีเต็มไปหมด

พีระพลขึ้นคร่อมร่างคนรักของเขา จับอีกฝ่ายปอกเปือกจนเปลือยเปล่าไปทั้งร่าง ท่านขุนก็ใช่ว่ายอม...เขาเองก็ลุกขึ้นพรากเสื้อผ้าพี่พีไปเหมือนกัน จากนั้นก็กลายเป็นท่านขุนเองที่ปรนเปรอให้กับพีระพล ทำให้พีระพลพึงพอใจด้วยมือและปากกับร่างกายที่น่าหลงใหล ไม่ว่ากี่ครั้ง...ท่านขุนก็รู้สึกว่าพี่พีมีหุ่นที่น่าอิจฉาจริงๆ

วันนี้มันน่าอาย...แต่วันนี้ท่านขุนยินดีขึ้นให้พี่พีของเขา

 ก็...จะง้อทั้งทีก็ต้องง้อให้ถึงใจสิใช่ไหมล่ะ


….100%….

ง้อกันบนเตียงแหละ เอร้ยยยยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด