>…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]  (อ่าน 44283 ครั้ง)

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
อดทนไว้พี่พี    :m16:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ก็เลือกที่จะนอกใจเค้าเอง แล้วจะกลับมาทำไมล่ะรัก

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ทำเรื่องแย่ๆเอาไว้แล้ว จะกลับมาเพื่ออะไรอีกน้ารัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ขอโทษที่เพิ่งได้มาคอมเม้นท์ เราอดใจไว้ให้หลายๆตอนค่อยเริ่มอ่าน
เมื่อคืนดันอ่าน14ตอนรวด  ชอบมากเลย (แต่แอบกลัวดราม่า ฮื่อ )
ปล พี่มะเดียวกับสาม น่าจะวางเมื่อไร เราอยากได้ สั่งได้ที่ไหน อัปเดท หน่อยนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ __puppy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่พีสู้ค่ะ!!! ท่านขุนไล่เค้าไปเลยย คนอะไรน่ารังเกียจจจ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยอยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่พีคือแมวซ่อนเล็บชัดๆ :hao7:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 15 [100%]….<

“แจ็ก...” มาถึงที่ทำงาน พีระพลตรงเข้าไปหาเพื่อนของเขาเป็นสิ่งแรก

“อะไรวะ”

“รู้จักคนชื่อรักปะ...” แจ็กกำลังดูรายการสั่งซื้อเคมีอยู่

“รู้ดิ แฟนเก่าไอ้ขุนไง” รู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งไม่ควรพูดก็ตอนพูดแม่งไปแล้วเนี่ย แจ็กชะงัก..เงยหน้ามองเพื่อน

“มึงถามแบบนี้ มึงเจอคนชื่อรักเหรอ...หรือว่าไงวะ เอ๊ะ แต่ถ้ามึงเจอ ไอ้ขุนไม่ได้บอกมึงเหรอว่ารักเป็นแฟนเก่า”

“เปล่า บอกว่าเพื่อน” ฉิบหาย...รู้แค่นั้นก็น่าจะพอไหมวะ ไม่น่าหลุดเลยว่าแฟนเก่า

“เหรอ”

“อืม รักอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบห้าเท่าขุน ถามทำไมวะ”

“มันดูไร้มารยาทมากเลยน่ะ เลยคิกว่าเด็ก ที่จริงอายุยี่สิบห้าก็ไม่เด็กนี่นะ...” มันคงไม่ฟังคำสอนของคนอื่นมาเลยจริงๆ แจ็กดูออกว่าพีระพลไม่พอใจ และต้นเหตุอาจมาจากเรื่องที่ท่านขุนไม่บอกว่ารักเป็นแฟนเก่า หรือว่า...รักทำตัวไม่ดีใส่พีระพล

“มันทำอะไรมึงเหรอ”

“เล่าไปคงยาว ช่างมันเหอะ รู้แค่นี้ก็พอแล้ว” ว่าจบพีระพลก็เดินไปทำงานทันที ไม่รอให้เพื่อนตัวเองซักไซ้อะไรอีก

พีระพลเก็บงำความไม่พอใจของเขาเอาไว้ไม่ได้ ทั้งท่านขุนไม่ยอมบอกว่ารักเป็นแฟนเก่า ทั้งรักที่ทำตัวแย่ๆ ใส่เขา ใช้คำพูดคำจาเหมือนเป็นวัยเดียวกัน ไม่เคยหงุดหงิดจนอยากจะทำร้ายใครมาก่อน จนมาเจอรักเนี่ยแหละ

พีระพลตั้งใจจูบท่านขุนต่อหน้ารัก อยากให้เห็นว่าเขาสองคนต่างหากที่เป็นอะไรๆ กัน ไม่ใช่คนอื่น ต่อให้รักมีความทรงจำดีๆ มากมาย แต่ถ้ามันดีจริง...มันก็ต้องยังเป็นของกันและกันอยู่ไม่ใช่หรือไง ท่านขุนแทบไม่พูดถึงรักเลย นั่นไม่เท่ากับว่ารักไร้ความสำคัญสำหรับท่านขุนหรือ

ปกติแล้วเพื่อนของท่านขุนมีเยอะ พีระพลรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ทุกคนที่เขารู้จักก็มีขอบเขตของความเป็นเพื่อน...ยิ่งคนที่เริ่มมีอายุแล้วเขายิ่งมีความเป็นผู้ใหญ่ วางตัวดี พูดจาดี โอเค...มีบ้างที่บางครั้งจะเจอเด็กปากไม่ดีหลงเข้ามา วันเสาร์เป็นวันมีตติ้งของคลับ กินเหล้า กินเบียร์กันตั้งแต่บ่ายไปยันดึก แต่นั่นก็คือเด็ก แถมเป็นเด็กที่ยังเมาอีกต่างหาก พีระพลละเลยได้ ก็มันไม่ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเขา

กับรักนี่...บอกตรงๆ ยังไงเขาก็ละเลยมันไปไม่ได้

ยิ่งคำตอบของแจ็กย้ำชัดด้วยว่ารักเคยเป็นแฟนเก่าของท่านขุน การที่โพล่มาแบบนี้คงไม่มีกี่เหตุผลหรอก ท่านขุนไม่ค่อยพูดถึงรักเก่า จำได้ว่าเคยบอกสั้นๆ แค่มันเป็นอะไรที่เลวร้ายและจบไม่สวยเลย พีระพลไม่อยากรื้อฟื้นความทรงไม่ดีให้หวนกลับมา จึงปล่อยมันเลยไป แต่มันคงเป็นท่านขุนคนเดียวที่มองว่าความรักครั้งนั้นไม่สวยงาม ไม่งั้นไอ้นั่นมันจะกลับมาอีกทำไม

หงุดหงิด คิดมาก เป็นอาการที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นคนมีเหตุมีผลอย่างพีระพลก็ตาม การทำงานของพีระพลคือการหาค่าเคมีของบ่อชุบในบริษัท ที่จริงมันก็ค่อนข้างซีเรียส แต่คนทำมาจนชินแล้วกลับไม่ต้องใช้สมองในการทำงานเลยด้วยซ้ำ แค่มีสติก็พอ เผอิญว่าอารมณ์ขุ่นมัวของพีระพลทำให้เจ้าตัวไม่มีสติ การเตรียมเคมีก่อนไตเตรทจึงผิดพลาดไปบ้าง

ความผิดพลาดในการทำงานทำให้พีระพลยิ่งหงุดหงิด...

เขายืนเท้ามือทั้งสองกับโต๊ะอุปกรณ์สีขาวสะอาด ตรงหน้ามีขาดรูปชมพู่ขนาดสองร้อยห้าสิบซีซีเรียงรายอยู่ห้าหกขวด ด้านในเป็นเคมีต่างๆ เจ้าขวดแรกทางขวามือเป็นเคมีที่เขาเตรียมจะเอาไปไตเตรท ทว่าเพราะเขาเผลอหยดสารเคมีผิดชนิด ทำให้เคมีที่เตรียมไว้กลายเป็นสีชมพูเข้มแทนที่จะเป็นสีส้ม พีระพลมองสีชมพูเข้มในขวดพลางตั้งสติ เกือบห้านาทีที่ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ขวดเจ้าปัญหาถูกเอาไปเทเคมีด้านในทิ้งแล้ววางเอาไว้ตรงซิ้งล้าง เขาหยิบขวดใหม่ออกมาเตรียมเคมีใหม่ พีระพลมีสติขึ้นมาแล้วและเขาก็เริ่มทำงานด้วยความเชี่ยวชาญ ไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอีกเมื่อเขาจดจ่ออยู่กับงานที่ตนเองทำ

บ่ายสองครึ่งเคมีเกือบสามสิบตัวอย่างก็ถูกไตเตรทจนครบ พีระพลนำกระดานบันทึกค่าเคมีวางบนโต๊ะ เขาประจำที่นั่งแล้วเริ่มคำนวณค่าเคมีด้วยสูตรต่างๆ ซึ่งเคมีแต่ละประเภทใช้วิธีคำนวณที่แตกต่างกันไป จากนั้นเขาก็เอาค่าทั้งหมดกรอกลงในเอกสารเพื่อจะเอาไปให้แจ็กดู บ่ายสามเขาออกจาห้องแล็บของตนเอง เดินไปยังออฟฟิตหน้าเพื่อส่งใบรายงาน

งานเขาเสร็จแล้ว ดังนั้นความคิดมากจึงกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง นอกจากเคืองรักตอนนี้พีระพลคิดวนไปวนมาว่าทำไมท่านขุนถึงไม่บอกเขากันนะ ไอ้ท่าทางนิ่งๆ นี่ที่จริงก็รอข้อความจากท่านขุนเหมือนกัน แต่เขาเห็นว่ามันไม่มีอะไรเลย มือถือของเขาว่างเปล่า ปราศจากแจ้งเตือนจากท่านขุน

“ทำไมซิงก์ไม่ขึ้น” คำแรกของแจ็กหลังจากดูค่าเคมีทั้งหมด พีระพลนั่งตรงข้ามเพื่อนตัวเอง

“เติมเมื่อไหร่”

“ตอนเที่ยง”

“มันคงขึ้นหรอก เติมเที่ยงแล้วตักเคมีตอนเที่ยงครึ่ง ซิงก์มันละลายทันที่ไหน...”  พีระพลตอบนิ่งๆ

“เออวะ แล้วนี่...คิดมากอยู่ปะวะ” แจ็กวางเอกสารรายงานเคมีลง เขาประสานมือไว้ใต้คางตนเองก่อนจะนั่งเท้ามัน

“อืม มึงรู้เรื่องท่านขุนกับรักเยอะปะ” คนฟังกระตุกยิ้มบางๆ

“ทำไมมึงไม่ไปถามไอขุนเองวะ” เห็นนิ่งๆ นึกว่าจะไม่สนใจอะไรเสียแล้วด้วยซ้ำ

“เออหน่า ตอบมาก็พอแล้วปะ...” พีระพลว่าติดรำคาญนิดๆ

“ตอนนี้มึงหมดมาดเรียบร้อยแฮะ ดูเบดกายวะ ฮ่าๆ...โอเค กูเล่าก็ได้ แต่มึงก็น่าจะเข้าใจนะว่ากูเล่าเองกับมึงไปถามไอขุนน่ะ อารมณ์มันต่างกันเลย” เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้บางทีแจ็กก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งนักหรอก

“อืม รู้หน่า”

“โอเค รักกับขุนมันคบกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วน่ะ จำไม่ได้ว่าคบกันตอนปีไหน...น่าจะเป็นปีสุดท้ายมั้ง ก็คบกันระยะหนึ่ง รักซื้อมณีมาเลี้ยงคู่กับไอขุน ตอนนั้นเป็นอะไรที่โคตรหวานกันเลยให้ตาย ใครๆ ก็อิจฉาคู่มัน บางทีก็ไปขับรถด้วยกัน ขุนเอารถไปเองบ้าง ซ้อนท้ายรักบ้าง ทุกทริปพวกมันสองคนไม่เคยพลาด เป็นคู่รักไบก์เกอร์ตัวยง แล้วที่รู้จักกันก็เพราะขับบิ๊กไบก์เหมือนกันนี่แหละ เลยเข้ากันได้” เล่าไปก็ดูอาการของเพื่อนตัวเองไปด้วย

“อ๋อ ก็หวานกันดี…เลิกกันทำไม”

“รักมันมีคนอื่นวะ มีแบบ...อยู่ด้วยกันที่คอนโดเลย จำได้ว่าช่วงนั้นไอขุนเองก็อยากให้รักมาอยู่ที่ร้านด้วยกัน แต่รักมันไม่มา มันบอกว่าอยากให้เว้นระยะห่างระหว่างเรา ที่ไหนได้...มันซ่อนอีกคนไว้ ไอขุนมันไปหาเพราะจะตามมันไปเที่ยวนั่นแหละ ไม่เคยไปคอนโดรักหรอก ถามเพื่อนๆ ก็กะไปเซอร์ไพรส์ สุดท้ายตัวเองโดนเซอร์ไพรส์เสียเอง พอรู้ว่าสองคนนั้นคบกัน ไอขุนมันก็บอกเลิกเลย ง่ายๆ ทีเดียว เด็ดขาดและจบ” ไม่ใช่ว่าแจ็กเสือกเรื่องของขุนมากหรอกนะ แต่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมาหลายปีก็เลยรู้เรื่องท่านขุน คนในคลับที่สนิทๆ กับท่านขุนต่างก็รู้เรื่องนี้หมด เพราะว่ารักเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคลับ...เมื่อก่อนน่ะนะ

“อืม...”

“แรกๆ ไอรักก็มาง้ออยู่ ขุนมันไล่แล้ว...ไล่แบบไม่รู้จะไล่ยังไง ไอ้รักมันก็ไม่ไป วันนั้นพวกกูก็ไปกินเบียร์กับไอขุนปกติ รักมาอีก เหมือนขุนมันไม่ไหวแล้วมั้ง...โดนรักหาว่าไม่รักมัน ก็เลยเลิกกันง่ายๆ แค่เรื่องมีคนอื่นแค่นี้เอง คำพูดไอ้รักแม่งแบบ...ตอนนั้นกูก็จะเตะปากแม่งเหมือนกัน แต่ขุนมันซัดก่อน ทะเลาะกันร้านเกือบพัง” เข้าใจแล้วที่บอกว่าจบกันไม่สวย พีระพลพยักหน้ารับรู้

“ปากแบบนี้มานานแล้วงั้นสิ”

“ปากหมาอะนะ เออ...เหมือนวัยรุ่นทั่วไปล่ะมั้ง เด็กอะ พ่อแม่รวยเข้าหน่อยก็กร่างนิดๆ ที่จริงรู้มาว่ารักเองก็ไปเปิดคลับใหม่เป็นของตัวเองเหมือนกัน คลับของรักนี่รวมแต่พวกซีซีสูงขึ้นไปอะ พวกกูก็ไม่ได้สนใจ มันคนละส่วนกับพวกกูอะนะ”

“แล้วกลับมาแบบนี้...คิดเป็นอะไรได้บ้าง”

“แหมคุณพีระพลครับ มันคงมีไม่กี่เหตุผลปะ หนักๆ เลยกูว่าคงอยากกลับมาสานต่อวะ แต่ขุนคงไม่เอา...ขุนมันเกลียดพวกทรยศ มึงก็ไม่ต้องคิดมากหรอกเว้ย ไว้ใจแฟนมึงหน่อย ขุนมันอาจดูเป็นคนรักสนุก แต่มันรักเดียวใจเดียวแน่นอนกูรับรองได้”

“กูไว้ใจขุน แต่กูไม่ใจรัก...แถมวันนี้ก็ยังไม่ยอมบอกกูอีกว่ารักเป็นใคร บอกแค่เพื่อน กูไม่ควรคิดมากสินะ”

“ก็อาจจะไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ”

“หึ...เคืองยิ่งกว่าบอกอีก” หน้าตาพีระพลตอนนี้เอาเรื่องจริงๆ

“มึงคงไม่ทะเลาะกันใช่ไหมวะ ถ้าทะเลาะกันนี่กูรู้สึกผิดเลยนะ...”

“กูดูเป็นคนแบบนั้นหรือไง” จากเครียดๆ กลายเป็นระอาใจฉับพลันเพราะคำพูดเพื่อน

“ไม่รู้นี่หว่า คนเราอะ...พอมันโกรธ มันหึงมันหวงมันก็เป็นคนบ้าได้ทั้งนั้นแหละ” ไม่ปฏิเสธคำของแจ็ก

“โทษที...กูสติดี แล้วกูก็จะไม่บ้า ไม่ทะเลาะแน่ๆ กูไปละ...” ซักไซ้ไล่เลียงเสร็จก็ขอตัวเลยนะ

แจ็กเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนเองมองเพื่อนเดินออกไป ปกติเห็นเพื่อนคนนี้เรียบร้อยใจเย็น คราวนี้เริ่มสนุกเพราะได้เห็นมุมใหม่ๆ ตอนมันอยู่ต่างประเทศคงมีให้เห็นบ่อย...หรือเปล่านะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนพีระพลเรียนอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้คบใครนัก มัวแต่ตั้งใจเรียนเพื่อเกรดดีๆ กิจกรรมก็ทำบ่อยจนได้รางวัลเยอะแยะเพื่อให้พ่อแม่และครอบครัวภูมิใจ ส่วนไอ้อาการโกรธนี่ก็เห็นบ่อยนะ...แต่โกรธเพราะแจ็กแหย่เนี่ยแหละ ไม่ได้โกรธเพราะหึงหวงเลย

นี่...ควรเตือนไอขุนไหมนะ
....
ท่านขุนยืนมองจนรถของพีระพลวิ่งหายออกไปจากร้าน หัวใจบีบรัดจนเจ็บ...พี่พีจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่เจอรักพูดแบบนั้นใส่ ถึงพี่พีไม่แสดงออกอะไรเลย ท่านขุนก็ยังกังวลอยู่ดี เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ มันร้อนแรงมาก...และมันก็ทำให้ท่านขุนรู้สึกแปลกใจ เขาละสายตาจากรถที่หายไปแล้วเข้ามาในร้าน รักยืนอยู่ตรงกำแพงกระจก ในอ้อมแขนมีแมวน้อยนอนอยู่

เกิดควาไม่พอใจขึ้นทันที ที่ท่านขุนไม่ได้แนะนำว่ารักคือแฟนเก่าเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องบอก เขาไม่อยากให้พี่พีไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เริ่มไม่รู้แล้วว่าแบบนี้จะยิ่งทำให้พี่พีไม่สบายใจหรือเปล่า ท่านชุนค่อนข้างลังเล รักมาแค่ไม่นานและรักก็จะจากไป คนเก่ามันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาในตอนนี้เลย

“รู้ไหมว่าที่รักทำมันไร้มารยาทมาก” เดินเข้ามาถึงท่านขุนก็พูดในสิ่งที่ควรพูดทันที

“อะไร...ไร้มารยาทตรงไหนล่ะ” รักพูดเหมือนไม่รู้ตัวทั้งที่ก็รู้ดีว่าท่านขุนหมายถึงอะไร

“การที่นายเอาแต่แทรกกลางระหว่างเรากับพี่พีไงล่ะ พี่พีเขาเป็นผู้ใหญ่นะ...”

“ผู้ใหญ่เหรอ หึ...พูดง่ายๆ ว่ามันแก่เถอะ” รักแทรกขึ้นแบบหน้าด้านๆ

“รัก! มันจะเกินไปแล้วนะ...นายจะเข้ามาในฐานะลูกค้าผมไม่ว่า แต่ถ้านายจะเข้ามารังควานผมไม่ต้อนรับ” ท่านขุนเริ่มไม่พอใจมากขึ้น

“เฮ้ใจเย็น รักขอโทษ...รักไม่ได้จะมารังควานอะไรท่านขุนเลย รักก็แค่...อาจจะเผลอไปหน่อย รักขอโทษ รักจะไม่ทำแบบนี้อีก ท่านขุนอย่าโกรธรักอีกเลยนะ ไว้...คุณพีเขากลับมาอีกรักจะขอโทษเขาด้วยดีไหม” รักพยายามเอาตัวรอด แต่ท่านขุนรู้จักรักดีพอ...เขารู้ว่าคนๆ นี้ไม่สำนึกผิดง่ายดายอย่างที่แสดงออกหรอก

“กลับไปเหอะ เอารถไปด้วย”

“ไม่เอาดิ รักไม่ได้ตั้งใจนะ ให้อภัยรักเถอะ...รักขอโทษจริงๆ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้ จะไม่ทำตัวแย่ๆ แล้วถ้าท่านขุนไม่พอใจจริงๆ ตอนที่เขามารักจะไป...อย่าไล่รักแบบนี้เลย รักอยากให้ท่านขุนทำรถให้รักจริงๆ นะ” รักออดอ้อนเต็มที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเข้ามากอดร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีสถานะที่จะทำแบบนั้นได้

“ท่านขุน...รักแค่อยากกลับมาหาท่านขุน กลับมาเป็นเพื่อนกัน...เป็นคนรู้จักกัน รักไม่ได้ตั้งใจจริงๆ รักขอโทษ...รักของโทษนะ” ท่านขุนถอนหายใจหนักๆ เขาไม่มองหน้ารักตรงๆ เพราะรู้ดีว่าแววตาของอีกฝ่ายเว้าวอนตนแค่ไหน

“ยังไงซะ ตอนนี้รักก็ควรกลับไปก่อน เรื่องรถเดี๋ยวผมดูให้”

“อ่า..ขออยู่ต่อไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่” ท่านขุนแย่งมณีออกมาจากมือของรัก เธอส่งเสียงร้องเพราะอยากอยู่กับรักต่อ แต่เขาไม่สนใจ พามณีน้อยเดินฉับๆ ขึ้หน้องเป็นการไล่รักกลายๆ

รักโคตรเจ็บใจ...เขามองตามแผ่นหลังของท่านขุนจนหายลับไปจากสายตา เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นงี้เลย ขอโทษทีสองทีก็หายเคืองแล้วนี่อะไร...รักมากหรือไงไอ้ผู้ชายจืดชืดพันธุ์นั้น เฮอะ...อ่านหนังสือเหรอ เที่ยวงานหนังสือเนี่ยนะ บ้าเหอะ นั่นมันเรื่องที่พวกผู้หญิงเนิร์ดๆ เขาทำกันเท่านั้นแหละ

รักจำต้องเดินออกจากร้าน รถโดนถอดไปแล้วบางส่วนทำให้เขาไม่สามารถขับรถของตัวเองกลับไปได้ รักออกไปโบกแท็กซี่หน้าซอย บอกจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นที่พักของตนเอง แต่แล้วเขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาตัดสินใจบอกพี่คนขับเพื่อเปลี่ยนเส้นทางที่จะไป...

ท่านขุนไม่ได้ขึ้นห้องไปอย่างที่แสดงต่อหน้ารัก เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วก็เดินลงมานั่งหน้าเคาน์เตอร์พลางถอนหายใจออกมาหนักๆ มณีน้อยกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ เดินนวยนาดจากเขาไปเพื่อนอนที่ประจำ

“ดูเหมือนพี่รักอยากคืนดีนะ...” จิมเปรยขึ้น

“เออดิ ดูออกแหละไม่ใช่ดูไม่ออก” มันเป็นเรื่องน่าหนักใจ ท่านขุนเองก็เจอฤทธิ์รักมาแล้วหลายครั้ง เจ้านี้ตื๊อไม่เลิกง่ายๆ หรอก ขนาดครั้งก่อนยังต้องต่อยตีกันถึงจะยอมจากไป ครั้งนี้ไม่รู้เลยว่ารักจะมาแบบไหน

“แล้ว...พี่พีก็ยังไม่รู้ว่าพี่รักเป็น...”

“ไม่จำเป็นปะวะ ทำรถเสร็จรักก็ไปแล้ว...”

“แล้วถ้าพี่รักไม่ไปล่ะพี่” นั่นแหละน่าเครียด

“งั้นกูรีบไปทำรถดีกว่ามันจะได้ไป...” ว่าจบท่านขุนก็ลุกไปเอาคอมพ์สำหรับการปรับจูนเครื่องออกไปด้านนอก

แอ้เดินตามออกไปอย่างรู้หน้าที่ เจ้ายักษ์ของรักถูกถอดแฟริ่งออกไปบ้างแล้วบางส่วนแต่ยังไม่หมดพอจะทำรถได้ คนสองคนช่วยกันก้มๆ เงยๆ ทำรถคันเดียวด้วยความขะมักเขม้น ท่านขุนอยากทำให้เสร็จไวๆ รักจะได้ไม่มีข้ออ้างในการเทียวไปเทียวมาร้านนี้อีก

ผ่านไปสองชั่วโมงเศษๆ ท่านขุนให้แอ้เข้าไปเอาเบียร์เย็นๆ มาดื่ม ในส่วนที่เขาทำอยู่เหลือแค่การปรับจูนเท่านั้น ทว่าขั้นตอนนี้นี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ของช่างเครื่องหลายๆ คน โชคดีอาจจูนเครื่องยนต์ได้เร็ว โชคร้ายก็อาจใช้เวลาทั้งคืน

รถของรักคันนี้ท่านขุนพอรู้จักดี เขางัดแงะมันบ่อยครั้งและซ่อมมันหลายหน ส่วนต่างๆ ของเจ้ายักษ์ก็เป็นท่านขุนอีกเช่นกันที่เป็นคนประกอบใส่ ตกแต่งให้มันดูดีแบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่เหมือนเดิมทั้งหมดหรอก บางอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา รักเป็นคนชอบแต่งรถมาก อะไรเปลี่ยนเป็นของสวยๆ งามๆ ได้ก็เปลี่ยนหมด อุปกรณ์แต่งรถใช่ว่ามีน้อย...แม้แต่น็อตยังเปลี่ยนให้มีสีสันได้เลย

“จะได้ไหมพี่” แอ้ถามเสียงเรียบ ท่านขุนหน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมดเพราะยังไม่สามารถปรับจูนเครื่องยนต์ได้อย่างใจต้องการ

“ไม่รู้วะ มึงทำคันอื่นไปก่อนเลย”

“ครับพี่” คันอื่นๆ มาเปลี่ยนผ้าแบรก ดิสแบรกหรือแม้แต่โช๊ก ท่านขุนควรช่วยแอ้หรือควรทำงานตามลำดับคิว

จูนแล้วก็ต้องเอารถลงไปเทสเครื่องยนต์ตรงสนามหน้าร้าน มันต้องทำไปจูนไป ในเมื่อร้านเขาไม่มีเครื่องที่สามารถวัดรอบความเร็วได้ก็ต้องใช้ความสามารถ และความคุ้นชินของตนเอง แฟนริ่งด้านข้างยังไม่ถูกใส่ เผื่อต้องถอดอีกหรือทำอย่างอื่นเพิ่มเติม ซิ่งไปจูนรถไปอยู่แบบนั้น

ท่านขุนไม่รู้ตัวเลยว่า...พี่พีของเขาขับรถเข้ามาในร้านแล้ว

“นั่นรถใครเหรอแอ้...” พีระพลมองดูท่านขุนบนสนาม เขาขับๆ หยุดๆ อยู่ตรงนั้นพียงลำพัง
“รถพี่รักครับ” แอ้ตอบแบบไม่ได้คิดอะไร ก็เขาไม่เห็นว่าพีระพลจะดูไม่พอใจตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ...แอ้ไม่เห็น ใช่ว่าพีระพลจะเป็นอย่างที่แอ้คิด

….100%….

ระหว่างรักกับท่านขุน พี่พีควรสำเร็จโทษใครก่อนดี?

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะทะเลาะกันหรือเปล่าวะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เข้าใจผิดอีกแน่

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุยกันดีๆนะ อย่าทะเลาะกันนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ใจเย็นๆนะคุณพี   :กอด1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ใจเย็นนะพี่พื

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
รักนี่เป็นต้องเจอดีจากพี่พีสักครั้ง
รองลงมาก็ท่านขุน เดี๋ยวจะรู้ว่าคนนิ่งๆมีความโหดอะไรซ่อนไว้บ้าง เหอๆ
เป็นกำลังให้ให้พี่พีคนแซ่บนะคะ จัดให้หนัก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
รักก็ทราม แต่เรามองว่า ท่านขุนชัดเจนแต่ไม่เด็ดขาด ซึ่งพอไม่เด็ดขาด ก็เลยทำให้พี่พีคิดมาก
สรุปสงสารพี่พี  สู้ๆ นะพี่พี

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอาใจช่วยพี่พี

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่พีใจเย็นๆนะ ค่อยๆคุยกัน
ลองให้ท่านขุนอธิบายก่อน ว่าทำไมถึงทำแบบนี้
แบบพี่พีน่าจะมีเหตุผลเวลาคุยอยู่แล้วแหละเนอะ :mew2:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 16 [100%]….<

บรรยากาศในร้านตอนนี้มาคุมาก รับรู้แล้วว่ารถที่ท่านขุนกำลังทำอยู่นั้นเป็นรถของคนรักเก่า พีระพลนั่งกอดอกอยู่ตรงโซฟาสีดำกลางร้าน เขาไม่ได้ทักทายท่านขุน ปล่อยให้ทำรถอย่างที่อยากทำไป ขัดใจแค่ไหน...อยากบอกให้เลิกทำรถคันนั้นแค่ไหนก็ทำไม่ได้

จิมรับผลกระทบไปเต็มๆ ต่อให้นั่งเล่นเกมเหมือนไม่สนใจพีระพลก็ตาม ทว่าแรงกดดันจากร่างสูงใหญ่ของพีระพลก็กระจายมาถึงเขาอย่างช่วยไม่ได้ จิมตัดสินใจเดินออกมานั่งหน้าร้านพร้อมกระป๋องเบียร์ ดูเมินพีระพลไปแต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเขารับไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในบรรยากาศอึดอัดอย่างนั้น จิมเองไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพีระพลด้วย ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่รัก...แฟนเก่าท่านขุนที่มีอารมณ์สุนทรีย์ คุยเล่น หยอกล้อหรือเฮฮากันเรื่องเกมได้

“ทำไมออกมานั่งนี่ล่ะ” แอ้ถามเพื่อนตัวเอง คนถูกถามชี้นิ้วไปยังผู้ชายใส่แว่นนั่งกอดอกหน้านิ่งอยู่ตรงโซฟากลางร้าน เคียงข้างเขาเป็นมณีน้อยผู้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับบรรยากาศมาคุนี่เลย

“โคตรน่ากลัว นั่งอยู่ด้วยแล้วหนาวๆ ร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้วะ ก็เลยออกมานั่งนี่ ถึงข้างนอกจะร้อนไปหน่อยแต่ดีกว่าข้างในแน่ๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่พีแกดูน่ากลัว ปกติแกจะยิ้มแย้มกว่านี้นี่หว่า” จิมบ่นพึมพำอยู่กับแอ้

“อืม” แอ้ตอบเรียบๆ

“แล้วพี่ขุนแกรู้ไหมว่าแฟนพี่เขามาเนี่ย หรือว่าพี่พีหน้าบูดเพราะพี่ขุนไม่สนใจ”

“ไม่หรอกมั้ง ก็บอกแล้วว่าทำรถพี่รักอยู่” จิมถึงกับหันขวับคอแทบหักไปทางแอ้

“ฮะ...มึงบอกว่าทำรถพี่รักเหรอ นั่นไงๆ กูรู้แล้วว่าทำไมพี่พีถึงหน้าบูด เพราะเรื่องนี้แน่ๆ พี่พีต้องหึงที่พี่ขุนสนใจรถพี่รัก” กลายเป็นแอ้ที่หน้าฉงน

“อะไรของมึง หึงที่ทำรถพี่รักเนี่ยนะ” มันฟังดูตลกนะ

“ก็พี่รักเป็นแฟนเก่า”

“แต่พี่พีไม่รู้” แอ้ตอบ

“เออวะ...” แล้วจิมก็นั่งงมกับคำถามของตนเองต่อไป

มณีน้อยเงยหน้ามองมนุษย์สี่ตาข้างๆ วันนี้ไม่เล่นกับเธอ ไม่ออดอ้อนเธอ ไม่แกล้งเธอ...แปลกๆ เอาแต่ทำหน้าน่ากลัวอยู่ได้ ไม่รู้ไปโดนหมากัดมาหรืออย่างไร เธอหันกลับมาเลียขนตัวเองราวกับไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชาย การเลียขนคือความสุขของเธอ อีกทั้งวันนี้เธอยังได้เจอรัก ทาสเก่าผู้คิดถึงอีกด้วย นี่ไม่รู้ว่ารักจะกลับมาหาเธออีกไหม...เธออยากให้รักกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเมื่อก่อน

จำได้ว่าทั้งคู่เคยทะเลาะกัน เธอก็เคยทะเลาะกับแมวจรจัดมาเหมือนกัน สักพักก็ดีกันได้ เธอคิดแบบนั้น แล้วก็หวังให้สองคนนั้นกลับมาดีกันเหมือนเมื่อก่อน มันมีความสุขมาเลยนะที่มนุษย์มายอมจำนนต่อเธอทั้งสองคน

ถึงเจ้าแว่นนี่จะจำนนต่อเธอแต่มันก็ชอบแกล้งเธออยู่ดี แถมยังทำให้เธอโดนขังกรงบ่อยๆ ด้วย เพราะงั้นเธอจะไม่มีวันญาติดีกับเจ้าแว่นนี่อย่างแน่นอน ต่อให้เอาแซลมอนมาฝาก ซื้อของเล่นมาให้บ่อยมากขนาดไหน เธอก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอก

ผ่านจากห้าโมงเข้าหกโมงเย็น ประอาทิตย์ด้านนอกลับขอบฟ้าไปไวมากๆ พร้อมกับก้อนเมฆอึมครึมลอยมาบรรจบกันที่หน้าร้าน มณีรู้ทันทีว่าอีกไม่นานฝนก็จะตก เธอเกลียดฝน...เธอไม่ชอบความชื้นแฉะของสายฝนหรือน้ำ มณีหันไปมองพีระพลที่ยังคงอยู่ท่าเดิมแม้จะผ่านเวลามาเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม เลนส์แว่นสะท้อนภาพของท่านขุนขับขี่มอเตอร์ไซก์ของรักอยู่ในสนาม วนไป...วนมาอยู่แบบนั้น บางทีก็พักรถ เสียบสายอะไรไม่รู้ก่อนจะคลิกๆ ที่คอมพ์

“เหมี๊ยววววว” เธอร้องเพราะเธอหิวแล้ว มณีจ้องหน้าพีระพลซึ่งคนไม่ยอมหันกลับมามองเธอ

“มิม้าวววว” เอื้อมเท้าหน้าไปแตะๆ ที่ต้นขาของอีกฝ่าย เธอเอียงคอเล็กน้อยขณะส่งสายตาคำสั่งให้ พีระพลมองกลับมา...แต่เป็นแววตาที่ไม่เล่นเลย

“เหมี๊ยว มิเหมี๊ยววววว” มณีก็ไม่ได้จะเล่น เธอจะกินข้าว เธอหิว...และพีระพลต้องไปหาอาหารเย็นให้กับเธออย่างที่เธอต้องการ

ทว่าพีระพลกลับไม่ตอบสนองอะไรมณีเลย...

ความโกรธทำให้คนเราสามารถพาลได้แม้กับแมวเหมียวตัวน้อย เขาคิดว่าบางทีที่มณีไม่ชอบขี้หน้าเขาเพราะว่ากั้กท่านขุนเอาไว้กับรัก เธอเปรียบได้กับลูกของสองคนนี้ ก็ต้องอยากอยู่กับพ่อทั้งสองของเธอมากกว่าเขาที่มาแย่งพื้นที่นั้นจากรักไป ดูสิ...ดูวันนี้ที่เธอออดอ้อนคลอเคลียกับรัก เห็นชัดว่าเธอให้ค่ากับคนเก่าและไม่ยอมรับคนใหม่แบบเขา

เพราะโกรธ...เพราะโกรธที่ท่านขุนไม่บอก เพราะโกรธที่ท่านขุนดูจะใส่ใจกับสิ่งของของรักมาก เพราะโกรธที่ท่านขุนไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าพีระพลมาอยู่ในร้านของเขาแล้ว เขาโกรธที่มณีไม่เคยชอบเขา...เพราะเขาไม่ใช่รัก

มันดูงี่เง่า พีระพลรู้ตัวเอง ก็บอกตัวแหละว่าความคิดเหล่านี้งี่เง่ามากขนาดไหน แต่เขาขจัดมันออกไปจากความรู้สึกไม่ได้ จับมันโยนทิ้งถังขยะเหมือนมันเป็นสิ่งของก็ไม่ได้เพราะมันไม่ใช่สิ่งของที่สามารถทิ้งได้ พีระพลทำได้แค่อดทน...เฝ้ารอว่าบางที พอท่านขุนทำงานเสร็จเข้ามาในร้านแล้ว ท่านขุนจะยอมบอกว่ารักเคยเป็นอะไรกับท่านขุนมาก่อน

พีระพลเป็นคนใจเย็น เป็นคนมีความอดทนสูงและตอนนี้เขาใช้ความอดทนที่มีในการทำให้ตัวเองนั่งเฉยๆ เฝ้ารอแบบไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ท่านขุนจะเข้ามาอธิบายในเรื่องของรักให้เขาได้รู้ แต่ที่ทำไม่ได้คือหันกลับไปดูแลมณี...จริงๆ เธอไม่ควรต้องมาโดนเขาโกรธ แต่ตอนนี้เขาร้อน เขาเป็นไฟที่คุโชน ดังนั้นเขาอาจจะขอโทษมณีหลังจากนี้ ทว่าตอนนี้เขาขออยู่กับตัวเองก่อน

“เหมี๊ยววววววว” มณีร้องเสียงดังขึ้นอีกเพื่อเรียกพีระพล

“....” เขาทำแค่มองหน้าเธอแล้วหันกลับไปนั่งนิ่ง

มณีเห็นว่าเจ้านี้ไม่ยอมเอาอาหารให้ เธอเคืองก็เลยจัดการพีระพลด้วยการกระโดดขึ้นไปตะกุยแขนเขา พีระพลเจ็บ...แต่ก็ยังนิ่ง โกรธแต่ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตเล็กๆ มณีทำร้ายแค่ไม่นานก็เดินจากไป เธอตรงไปที่ประตูร้านซึ่งเป็นกระจก ตะกุยประตูสองสามทีจิมก็หันมาเห็น

“หิวแล้วมั้ง” แอ้บอกเสียงเบา เขากำลังงัดล้อรถอยู่

“เออ แต่ปกติพี่พีเขาต้องเอาให้แล้วดิ...” จิมหันไปมองพีระพล เจ้านั้นนั่งนิ่งมาก...นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ ร่องรอยตรงแขนเสื้อบอกให้รู้ว่ามณีน้อยจัดการพีระพลตามแบบฉบับของเธอไปเรียบร้อยแล้ว

จิมว่าบรรยากาศมันมาคุยิ่งกว่าเดิม เขาตัดสินใจเข้าไปเอาอาหารให้มณีไม่งั้นมณีก็คงจะตะกุยประตูอยู่อย่างนี้ไปอีกนาน แค่เดินผ่านก็รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง นี่...พี่ขุนเขาจะไม่ตายใช่ไหม เขาจะไม่มาทะเลาะกันที่นี่ใช่หรือเปล่า จิมเริ่มลังเลไม่แน่ใจ ระหว่างเทอาหารให้มณีเขาก็เหลือบมองไปทางพีระพล เผลอคิดขึ้นมานิดหน่อยว่านั่งแบบนั้นนานๆ ไม่เมื่อยเหรอ?

“จิม...” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยเรียก แค่เรียกจิมยังสะดุ้ง

“คะ...ครับ” จิมรีบตอบกลับแบบเร่งรีบ

“ขุนจะทำรถอีกนานหรือเปล่า”

“เอ่อ...ผมไม่แน่ใจครับ ให้ผมไปตามพี่ขุนให้ไหม...พี่พีจะได้ไม่รอนาน”

“ไม่ต้อง” นี่ขนาดคุยกับเขายังไม่หันมามองเขาเลย

“อ่า...ครับพี่” จิมให้อาหารมณีเสร็จก็รีบออกมาด้านนอก ไม่ได้เอาเจ้าเหมียวมาด้วยหรอกนะ ทิ้งไว้นั่นแหละ ปล่อยให้อยู่กับพีระพลไป

“มึง พี่พีโคตรน่ากลัวเลยวะ” จิมกระซิบกระซาบกับแอ้

“น่ากลัวยังไง” แอ้กถามกลับเสียงยืดยาด

“ก็....ไม่รู้ดิ แต่น่ากลัว กูว่า กูไปบอกพี่ขุนดีกว่าว่าพี่พีมาแล้ว เผื่อพี่พีแกจะอารมณ์ดีขึ้น”

“อย่าเลย พี่ขุนยุ่งอยู่...” แอ้จะรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ควรกวนท่านขุน เพราะท่านขุนกำลังตั้งใจทำรถใหรักอย่างมาก

ไม่ได้รีบทำเพราะรักอะไรเจ้าของรถแล้ว แต่อยากให้มันเสร็จๆ จะได้จากกันไปเสียที ท่านขุนหัวเสียกับการจูนเจ้ายักษ์พอสมควร มันเอาใจยากยิ่งกว่ารถของเขาเสียอีก ก็แน่ล่ะ ท่านขุนไม่ได้คุ้นเคยกับเจ้ายักษ์แล้วนี่...เหมือนที่เขาไม่คุ้นกับเจ้าของมันนั่นแหละ

ท่านขุนอดทนอยู่อีกพักใหญ่ งมแล้วงมอีก วิ่งจนรถน้ำมันจะหมดต้องไปหามาเติมให้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ วิ่งได้ก็วิ่งไปก่อน สำหรับการเปลี่ยนกล่องดำหรือทำเจ้านี่ การจูนเครื่องเป็นอะไรที่ยากที่สุด ปกติท่านขุนสนุกกับงาน ทว่ารอบนี้ไม่ เพราะเขาอยากทำให้มันเสร็จๆ ไปเสียที รู้ตัวอีกทีก็ปามาทุ่มกว่าแล้ว...

“ฉิบหาย!” สายตาดันเหลือบไปเห็นนาฬิกาตรงจอคอมพ์ ที่จริงฟ้ามืดก็น่าจะรู้ตัวแล้ว อะไรก็ไม่รู้...มัวสนใจรถมากเกินไป

ท่านขุนมองกลับเข้าไปในร้าน รถของพี่พีจอดอยู่เดิมที่ประจำของเขา นั่นไง...เขาลืมคนรักเขาไปได้ยังไงกันล่ะ ท่านขุนขี่เจ้ายักษ์กลับเข้ามาจอดใต้หลังคาด้วยความรวดเร็ว เร่งรีบจนข้าวของไม่สนใจจะเก็บ

“แอ้ มึงไปเก็บของแทนพี่ที แล้วเออ…พี่พีมานานยัง”

“พี่ก็ดูดิกี่โมงแล้ว แล้วปกติพี่พีมากี่โมง” ดูลูกน้องนามว่าจิมตอบ นี่ถ้าไม่รีบจะตบให้หัวทิ่มดินเลยไอ้ห่า

”ปากเหรอ...เดี๋ยวหักเงินแม่งเลย”

“ไม่กลัว ยังไงก็กินข้าวกับพี่อยู่ดี” ท่านขุนไม่สนใจจะต่อปาก เขาตบหัวจิมไปหนึ่งทีแล้วผลักประตูเข้าร้านไป

“พี่พี...”

“ครับ” พีระพลตอบเสียงเรียบ อย่าว่าแต่จิมหนาวๆ ร้อนๆ เลย ตอนนี้ท่านขุนก็รู้สึกแบบนั้น เขาแก้เก้อด้วยการไปเอามณีน้อยมาอุ้มพลางเดินข้าหาพี่พีของตน

“พี่พีมานานหรือยัง ผมขอโทษนะ...มัวแต่รีบทำรถอะก็เลยไม่เห็น” เจ้าของร้านนั่งลงข้างๆ ไม่กล้าใกล้มากเพราะตัวเองมีแต่คราบน้ำมันและฝุ่น

“ก็นานแล้วล่ะ” แปลก...วันนี้พี่พีแปลกๆ

“เอ่อ พี่หิวไหม...เดี๋ยวผมไปทำอะไรให้พี่กิน”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่หิวหรอก” ที่ว่าแปลกเพราะพี่พีไม่ยิ้มเลย พี่พีอารมณ์ไม่ดีเพราะรอเขานานใช่ไหมนะ

“ผมทำให้พี่รอนานใช่ไหมอ่า...ผมขอโทษนะ มัวแต่ใส่ใจรถ ไม่ได้ใส่ใจพี่พีเลย” ท่านขุนพยายามจะเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย เอาเท้าหน้ามณีลูบแขนพี่พีเบาๆ เพื่อช่วยกันอ้อน แต่มณีอยากจะกางเล็บตะปบให้หายอยากเหลือเกิน

“ไม่เป็นไร....” เป็นสิ...ไม่เป็นจะเป็นแบบนี้หรือไงเล่า

“แต่ว่า...”

“เครียดเรื่องงานนิดหน่อยนะ” พีระพลรู้ว่าท่านขุนไม่สบายใจที่เขาเป็นแบบนี้ แต่จะให้เขาไปร่าเริงเลยเขาก็ทำไม่ได้ เขาต้องหาทางออกในรูปแบบอื่นแทน จะว่านิสัยเสียที่โกหกก็ได้

“อ๋อ ผมก็ว่าพี่พีดูแปลกๆ ไป อืม...เอาเป็นว่ากินแกงเขียวหวานเมื่อเที่ยงไหม พี่พีจะได้ไม่ต้องรอนาน ผมอุ่นให้แป๊บเดียว” ท่านขุนสบายใจขึ้นเมื่อพีระพลบอกเหตุผล

“เอาสิ” พีระพลยิ้มบางๆ พยักหน้าตอบ เขาจ้องตาท่านขุน...อยากจะให้ท่านขุพูดเรื่องรักเสียที ทว่าไม่เห็นวี่แววที่ท่านขุนจะบอกเขาเลย

ภายใต้ความนิ่งสงบของพีระพลคือพายุโหมกระหน่ำอยู่ข้างใน ยิ่งท่านขุนไม่มีวี่แววจะพูดเรื่องรัก เขาก็ยิ่งขุ่นมัวเข้าไปอีก ทำไมไม่บอก...เรื่องแค่นี้ทำไมถึงไม่บอกกัน นี่อาจเป็นข้อเสียก็ได้ที่เขารู้เรื่องมาจากเพื่อนตัวเองก่อนแล้ว แต่คิดกลับกัน...ถ้าเขาไม่รู้อะไรเลยล่ะ เขาก็ต้องกังวล...หรือว่า...เขาอาจสบายใจกว่านี้

“เออพี่พี เรื่องรักอะ...” คนฟังมีความหวังว่าท่านขุนจะพูด เขาตั้งใจฟัง

“ครับ”

“คือ…ผมขอโทษแทนมันด้วยนะ ที่มันพูดจาไม่ดีใส่พี่พีอะ ผมว่าพี่พีหน้าเด็กมั้งมันเลยคิดว่ารุ่นๆ เดียวกัน ที่จริงมันก็เป็นคนมีมารยาทนะ...” เหมือนแก้ต่างให้กันหรือเปล่า แบบนี้ยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับเขาอีกไม่ใช่หรือยังไงล่ะ

“อ๋อ” มันมาคุยิ่งกว่าเดิม ท่านขุนหันหลังดูแกงอยู่จึงไม่เห็นดวงตาเย็นชาของพีระพล

“ผมก็อยากจะว่ามันแหละ แต่มันหัวดื้อไปหน่อย พี่พีอย่าไปใส่ใจมันเลยเนอะ...วันนี้ผมดุมันแทนพี่พีไปเรียบร้อยแล้วด้วย” นั่นไม่ใช่สิ่งที่พีระพลต้องการเลย พีระพลไม่ต้องการให้ท่านขุนดุอีกฝ่ายแทนตน แต่ต้องการให้ท่านขุนเล่าเรื่องของมันให้เขาฟังต่างหาก

“อื้อ”

“พี่พีเอาเบียร์สักหน่อยไหมครับ เบียร์เย็นๆ สักกระป๋องต่อวันดีต่อสุขภาพนะ” ท่านขุนหันมองคนรักที่หน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม

“ก็ดีครับ” เอ่อ...พี่พีคิดเรื่องงานจริงๆ ใช่ไหมนะ ท่านขุนชักไม่มั่นใจ หรือว่าเพราะงานมันเครียดมากก็เลยทำให้พี่พีเป็นแบบนี้

ท่าทางของพีระพลทำให้ท่านขุนคิดไปแง่นั้น ยิ่งบวกกับสิ่งที่พีระพลบอกท่านขุนก็เลยปักใจเชื่อ ไม่คิดเลยว่าพี่พีกำลังโกหกท่านขุนอยู่ พี่พีไม่ใช่คนแบบนั้นนี่นา ดังนั้นท่านขุนจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะเอาใจพี่พี จะทำให้พี่พีสบายใจและคลายความเครียดลงให้ได้

ขนมจีนถูกจัดจานให้สวยและน่าทานกว่าเมื่อกลางวัน เขาอามาเสิร์ฟพร้อมรอยยิ้มที่คิดว่าน่ารัก ถึงแม้มันจะไม่ใกล้เคียงเลยในความรู้สึกท่านขุนก็ตาม ผู้ชายอย่างเขามันจะไปน่ารักแบบผู้หญิงได้ยังไงล่ะจริงไหม

ระหว่างมื้ออาหารท่านขุนชวนคุยไม่ออก มันกดดันแปลกๆ และพีระพลเองก็นิ่งแบบที่ไม่เคยเห็นเขานิ่งมาก่อน ใจลึกๆ อยากจะโทรไปถามแจ็กเสียเหลือเกินว่าพี่พีมีเรื่องอะไรที่ต้องเครียด งานที่บริษัทมันมีปัญหามากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือยังไง...

ฝนเริ่มตกแล้ว...บรรยากาศหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม ราวกับสายฝนมาช่วยเสริมให้โต๊ะกินข้าวของเขาแสนเศร้า ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ความเศร้าแต่มันเป็นความเครียดแปลกๆ เครียดที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงต้องเครียดเนี่ยแหละ พี่พีทานมื้อเย็นเสร็จก็นั่งดื่มเบียร์นิ่งๆ ดวงตาใต้แว่นไร้กรอบจ้องมองมาที่ท่านขุนไม่ยอมละไปไหน มันจะดีมากถ้าพี่พีพูดอะไรสักอย่างระหว่างการจ้องตา

ท่านขุนเก็บโต๊ะ เก็บจานทำความสะอาดให้เรียบร้อย พี่พีของเขายังดื่มเบียร์นิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอะไร อยากถาม ติดที่ใจแม่งไม่กล้าพอ กลัวกลายเป็นการรบกวนระหว่างพี่พีคิดเรื่องงานอยู่ ดังนั้นท่านขุนจึงขอเวลาไปเก็บข้าวเก็บของนอกร้าน และจะปิดร้านก่อนเวลา พีระพลแค่พยักหน้าให้...แค่นั้นจริงๆ

“เอ่อ...พี่พีจะกลับบ้านไหมครับ” หลังปิดเก็บร้านเรียบร้อย เจ้าของเราก็เดินมาถามคนรัก ลูกน้องทั้งสองหนีขึ้นห้องทันทีที่ประตูหน้าร้านถูกปิด คว้ามณีน้อยไปด้วย รู้หน้าที่โคตรๆ

“ไม่ล่ะ วันนี้พี่ว่าจะค้างนี่...” โคตรดีใจ อยากจะกระโดดไชโยหนึ่งที ติดที่พี่พีมองเขาตาเขียวปั้ดเลยไม่กล้าทำ

“พี่พีดูเครียดมากเลยอะ” กระป๋องเบียร์บนโต๊ะหมดแค่สองกระป๋องเท่านั้น พี่พีไม่ได้ไปเอามายกซดเป็นน้ำเปล่าแต่อย่างใด

“ครับ ก็...ไม่เชิงเครียด” ไม่จริง ถ้านี่ไม่เรียกเครียดเรียกว่าอะไรนะ...ท่านขุนอยากจะหยอกซะเหลือเกิน ติดที่หน้าพี่พีไม่เล่นกับเขาเลยเนี่ยแหละ

“อ่า...งั้นเหรอ จริงๆ พี่พีมีอะไรก็ระบายให้ผมฟังได้นะ” ท่านขุนเข้าไปกอดคอพีระพลจากทางด้านหลัง

ดวงตาใต้แว่นตวัดขึ้นมองหน้าคนรักหนุ่ม พีระพลโอบแขนรั้งต้นคอสีแทนนั้นลงมาก่อนจะประกบริมฝีปากป้อนจูบเจือความโกรธหน่อยๆ เขาไม่มีอะไรต้องระบายให้ท่านขุนฟัง มีแต่ท่านขุนต่างหากที่ต้องเล่าความลับของตนเองให้เขาฟัง

จู่ๆ พีระพลก็ลุกขึ้น ริมฝีปากนั้นผละออกไปก่อนร่างของท่านขุนจะโดนสองแขนโอบอุ้มเอาไว้ พีระพลเป็นนักวิเคราะห์เคมี...ภายนอกก็ดูเนิร์ดๆ แต่เขาดูแลร่างกายอย่างดี และเรือนร่างพีระพลเพอร์เฟกแค่ไหนท่านขุนก็รู้ เจ้าของร้านถูกอุ้มขึ้นมายังห้องนอน พีระพลโกรธแค่ไหนก็ยังถนอมคนรักของตนเองด้วยการวางอีกฝ่ายลงกับเตียงเบาๆ พร้อมยังพาตัวเองทาบทับลงไป

“อื้ม...พี่พี” เสียงทุ้มคนด้านใต้ครางแผ่วเบายามพี่พีเอาปากมาคลอเคลียตรงกกหู

“ผะ...ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยครับ” ฝ่ามือนุ่มๆ สอดเข้ามาในเสื้อยืด เขาทั้งลูบไล้และขยี้บีบบี้ส่วนนูนเล็กบนอกสลับกันไปมา

“เดี๋ยวค่อยอาบก็ได้ครับ” ถึงเขาจะไม่แสดงอารมณ์อะไรมากมายนัก แต่ท่านขุนก็พอรู้ว่าเวลานี้พี่พีของเขากำลังเคืองขุ่นอยู่

“ทำไมพี่พีถึงอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้นะ...” ท่านขุนโอบรอบลำคอพีระพล ขณะที่เขาเองโดนจูบไปตามผิวอ่อนคอ เขาก็ทำสิ่งเดียวกับกันลำคอขาวๆ ของพี่พีเหมือนกัน

พีระพลได้ยินคำถาม...แต่พีระพลไม่คิดจะตอบคำถามของท่านขุน เหมือนที่ท่านขุนไม่คิดบอกสิ่งที่ปกปิดเอาไว้ จะว่าหนนี้พีระพลทำเพื่อระบายอารมณ์โกรธใส่ท่านขุนก็ได้ ความจริงมันเป็นแบบนั้นแหละ แต่เขาไม่ได้รุนแรง...ค่อยๆ ดำเนินบทรักบนเตียงด้วยความนุ่มนวล ทะนุถนอมท่านขุนเหมือนทุกครั้งที่เขาสองคนกกกอดกันบนเตียงนี้ เสื้อยืดสีพื้นๆ ถูกถออดออกทางหัว มันยังไม่ทันหลุดออกจากแขนดีเลยด้วยซ้ำ พีระพลก็โน้มหน้าเข้าหายอดอกสีคล้ำของท่านขุน ลงลิ้นเบาๆ...แค่นั้นท่านขุนก็สะดุ้ง ลมหายใจชะงักค้างได้แล้ว หน้าท้องเกร็งจนลอนบางๆ ของกล้ามเนื้อปรากฏขึ้น มันถูกอีกมือของเขาลูบไล้บ้าง ข่วนน้อยๆ บ้าง จากกล้ามเนื้อเป็นลอนบนสุด ถูกลูบไล้ลงไปยังลูกสุดท้ายซึ่งเป็นท้องน้อย...

….100%….

พี่พีพาลกระทั่งแมว งอนคนด้วยงอนแมวด้วยเลยทีนี้ แต่คนที่โดนลงโทษก่อนเห็นจะเป็นท่านขุน…โถ สงสารดีมะ?

*ขอตอบคำถามเรื่องนิยาย ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม? ว่าจะออกที่ไหนออกเมื่อไหร่เนาะ คือเรื่องนั้นจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ MAZE Novels Publishing นะคะ ออกภายในปีนี้ ราวๆ เดือนเจ็ดค่ะ แต่เรื่องกำหนดเราไม่กล้าคอนเฟิร์มนะคะ มันอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขอบคุณที่สนใจเจ้าหมูน้อยน้า~*

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พี่พีใจเย็นนะ คุยกันก่อน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เหมือนมีภูเขาน้ำแข็งมาตั้งอยู่กลางร้าน
เข้าใจทั้งสองฝ่ายเลยนะ ท่านขุนไม่อยากบอกเพราะกลัวพี่พีไม่สบายใจ อีกทั้งเห็นว่ารักก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรก็เลยไม่บอก
ส่วนพี่พีก็น้อยใจคิดว่าท่านขุนยังรักแฟนเก่าอยู่รึป่าว ทำไมไม่ยอมบอก พอยิ่งมาเห็นท่านขุนจดจ่ออยู่กับรถไฟมันเลยยิ่งปะทุไปใหญ่
ค่อยๆพูด ค่อยๆคุยกันเด้อ คนรักกันมีอะไรข้องใจกันก็พูดกันดีๆนะ อย่าเก็บมันไว้ เดี๋ยวจะกลายเป็นภูเขาไฟระเบิดตู้ม!

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :เฮ้อ: มองกันไปคนละมุมเลย

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 17 [100%]….<

กระดุมกางเกงถูกปลดออกด้วยมือเพียงมือเดียว ตามด้วยเสียงซิปแกรกกรากผะแผ่วเข้าหู เขายังคงสาละวนอยู่กับยอดอกทั้งสองข้างและลำคอของท่านขุนไม่เคลื่อนลงต่ำกว่านั้น จนกางเกงถูกพรากออกจากกร่างไปเหลืออันเดอร์แวร์ตัวน้อย เขาถึงได้ก้มลงไปให้ความสนใจสิ่งอื่นที่อยู่ต่ำกว่าลิ้นปี่

ท่านขุนผิวคล้ำหากมองจากส่วนที่โพล่พ้นนอกเสื้อผ้า ทว่าเนื้อในของท่านขุนนั้นเป็นสีขาวเหลือง จัดว่าเป็นคนขาวแค่ไม่มากเท่าเขา ผิวเนื้อเนียนละเอียดคงเป็นกรรมพันธุ์ จากพ่อหรือแม่ก็ตามอันนี้เขาไม่คิดสนใจ เขาชอบที่จะลูบและเลียผิวกายท่านขุนด้วยปลายลิ้น

ความรู้สึกวูบวาบที่เขาสร้างให้เล่นเอาท่านขุนอยากจะระบายมันลงที่เส้นผมของเขา แต่ไม่กล้า...ท่านขุนอายุน้อยกว่ามาก ฝ่ามือสากจากการทำงานจึงลงอารมณ์ได้แค่กับที่นอนเท่านั้น จนกว่ามันจะทนไม่ได้จริง...ห้ามตัวเองไม่ได้เมื่อไหร่คงมีจิกเส้นผมพีระพลเล่นเหมือนกัน ท่านขุนมองอีกฝ่ายที่ยังคงอยู่ในชุดทำงาน ไม่หลุดหลุ่ยแม้ชายเสื้อหรือกระดุมคอเสื้อ แว่นตาไร้กรอบดูไม่เป็นอุปสรรคกับพีระพลเลย

ก็นะ...เรื่องแว่นน่ะท่านขุนรู้อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขากับพี่พีเสียหน่อย

“ซี้ด...พี่พี” ผิวตรงบริเวณเหนือความเป็นชายมาไม่ถึงคืบนั้นอ่อนไหวมาก แค่เขาลากปากตนเองเฉียดไปมาหน่อยเดียวร่างเล็กกว่าก็สะท้านไปทั้งร่างกาย

ครั้งนี้พีระพลไม่ขานตอบแบบเดิม ไม่มีคำว่าครับหลุดออกมาซึ่งมันค่อนข้างแปลกไปไม่ใช่น้อย ท่านขุนสะกิดใจเรื่องนี้แต่มันก็กระเจิดกระเจิงหายไปเมื่อพีระพลเริ่มใช้มือจับความเป็นชายของท่านขุนจ่อริมฝีปาก ส่วนปลายมีน้ำใสๆ เอ่อจนเกือบล้น เขาค่อยๆ สัมผัสมันเชื่องช้าเพื่อทรมานคนมองอย่างท่านขุน เกร็งรอแล้ว...เกร็งรอเล่า ลมหายใจหมดไปเฮือกหนึ่ง ท่านขุนผ่อนลมและจะเกร็งอีกครั้ง ทว่าพีระพลกลับใช้จังวะนั้นแลบลิ้นเลียแบบตวัดที่ส่วนอ่อนไหว

“อ๊ะพี่...อื้อ...พี่พี” ที่นอนยับยู่คามือสากไปแล้วเรียบร้อย เพราะการกลั้นแกล้งของพีระพล ท่านขุนสะดุ้งสะโพกแทบลอยขึ้นเหนือผ้าปู

ความรุ่มร้อนอันอ่อนนุ่มเคลื่อนลงครอบครองส่วนอ่อนไหวเชื่องช้า อ้อยอิ่งและ ยั่วเย้าเป็นที่สุด ทั้งที่รับรู้ว่าพีระพลเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ยังมีอารมณ์มาแกล้งร่างกายตนเองแบบนี้ ท่านขุนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พี่พีของเขากำลังทำก็เพื่อลงโทษความปากแข็งไม่ยอมสารภาพของท่านขุน

“หยิบเจลกับถุงยางให้พี่หน่อยสิครับ” เป็นคำแรกที่ได้ยิน หลังจากพีระพลเอาแต่แกล้งเขา แล้วนี่ก็ยังไม่ถอนริมฝีปากตอนออกไป

“ครับ” ท่านขุนทำตามคำสั่งด้วยความเต็มใจ ของเหล่านั้นอยู่ลิ้นชักข้างเตียง แค่เอี้ยวตัวก็สามารถหยิบของเหล่านั้นออกมาให้พีรพลได้

พีระพลตัดสินใจถอดเสื้อผ้าของตนเองออกก่อนจะทำอะไรต่อมิอะไรต่อ เขายืดตัว ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนทีละเม็ด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนใต้แว่นไร้กรอบมองสบอยู่กับท่านขุน ถึงท่านขุนมองตามเรียวนิ้วสวยของพี่พีอยู่ก็ตามที แต่เขารับรู้ได้ว่าพี่พีกำลังจ้องเขา...มันทำให้เขิน ทำให้เขารู้สึกว่ามือไม้มันเกะกะเก้งก้างกว่าที่ควรจะเป็น พี่พีของเขาไม่ใช่คนนแบบนี้นี่นา...ไม่ใช่คนที่มาแกล้งเขาแบบนี้เลย

กว่าเสื้อผ้าจะหลุดออกจากร่างกายใหญ่ได้ก็เล่นเอาท่านขุนคิดนั่นคิดนี่ไปไกล จากตอนแรกสงสัยว่าพี่พีเครีดยอะไร มันแปลเปลี่ยนเป็นพี่พีจะทำอย่างไรกับร่างกายของเขาต่อไป ความคิดติดลามกของเขาถูกหยุดเอาไว้เมื่อพีระพลจับร่างของท่านขุนนอนพลิกคว่ำหน้าลงกับหมอน จากนั้นยกสะโพกกลมกลึงขึ้น...มันก็น่าอาย เพราะพี่พีมองอยู่มันถึงได้น่าอายมากขนาดนี้

“อ๊ะ...อื้อ...พี่...พี่พี” หมอนแทบขาดแล้ว...พีระพลเล่นใช้ปากกับช่องทางรักของเขาแบบไม่รังเกียจ ท่านขุนตัดสินใจกัดหมอนเอาไว้เพราะความเสียวซ่านที่พุ่งทยานมาจากส่วนนั้นมันมีมากจนเกินไป

ความเป็นชายกระตุกเร่าๆ เหมือนร่างกายของเขาสะดุ้งเฮือกไม่หยุดหย่อน พี่พีกำลังแกล้ง...ยังไงๆ พี่พีก็แกล้งเขาอยู่ เสียงครางสั่นๆ ดังเครืออยู่ในลำคอ ท่านขุนเสียว...เสียวจนเหมือนตัวเองจนไม่ไหว ลิ้นถูกเกร็งจนแข็งเพื่อสอดใส่เข้ามาในร่างของเขา น้ำลายเป็นตัวล่อลื่นชั้นดี ช่องทางรัดสิ่งแปลกปลอมเบาๆ ไร้จังหวะ...ท่านขุนรู้สึกว่าเขาอยากได้อย่างอื่นแล้ว

อยากได้พี่พี...

แต่พี่พีก็ไม่ให้ในสิ่งที่ท่านขุนต้องการ มือนุ่มๆ กอบกำความเป็นชายท่านขุน พีระพลชักนำมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาสอดใส่ลิ้นเข้าไปในร่าง และเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของท่านขุนมีปฏิกิริยาเหมือนจะปลายทาง พีระพลไม่ลังเลจะใช้เล็บตนเองจิกเข้าไปที่ส่วนปลายอ่อนไหว ความเจ็บปวดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นทำให้จุดหมายปลายทางถูกพรากออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม

“ฮื่อ...พี่พี...พี่พีอย่าแกล้ง” เพราะมันทรมาน...จะไปก็ไปไม่ได้ จะหยุดก็หยุดไม่ได้ ท่านขุนทนไม่ไหว เขาร้องขอเสียงสั่นเครืออยู่ในลำคอ

พีระพลไม่ตอบอะไรเลย...ไม่แม้แต่จะขานรับคำใดๆ ทั้งสิ้น เขาละลิ้นสีสดออกจากช่องทาง ทว่ากลับลากมันตั้งแต่ก้นเนียนขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับมือที่ยังทำหน้าที่ชักนำอารมณ์ท่านขุน ขนในกายลุกชันครั้งแล้วครั้งเล่า พีระพลไม่ใช่แค่รักษาระดับอารมณ์ด้วยการปรนเปรอความเป็นชาย แต่พีระพลเร่งเร้าให้มันปลดปล่อยแล้วแกล้งให้มันเจ็บปวดจี๊ดๆ จนไม่สามารถปล่อยน้ำรักออกไปได้

ท่านขุนเกร็งร่างหนแล้วหนเล่า เกร็งจนขาทั้งสองข้างสั่นเทาเพราะความเหนื่อยล้า เขาหอบอยู่กับหมอน ปากของพีระพลเคลื่อนมาอยู่ที่หลังคอของเขาแล้ว เป็นความวาบไหวไม่รุนแรง เพราะส่วนที่รุนแรงอยู่นั้นมันคือกลางกายเขา

“ฮะ..!” แต่แล้วพีระพลก็งับลงที่ต้นคอ เขาแทบไม่มีแรง ร่างทรุดลงโดนพีระพลทับแนบร่างกับร่าง

“ถอดแว่นให้พี่หน่อยสิ” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ แขนก็ไม่มีแรงนัก แต่ต้องถอดให้อย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

“ผมไม่ไหวแล้วพี่พี...” เสียงนั้นเว้าวอนจนพีระพลกระตุกยิ้มร้าย

“หมดแรงแล้วเหรอครับ” ถึงจะนุ่มนวล ทว่ามันดูร้ายกาจอยู่ไม่เบา

“ไม่...ผม...ผมทนไม่ไหวแล้ว พี่หยุดแกล้งผมที ผมอยากได้พี่พีแล้วนะครับ” คำขอตรงๆ แบบนี้เขย่าหัวใจคนฟัง พีระพลบดปากตนกับปากของท่านขุนหนักๆ ขณะที่มือเอื้อมไปควานหาเจลข้างตัว

เสียงฝาดังขึ้น เข้าหูซ้ายทะลุไปหูขวา พีระพลชันเข่ากับที่นอนทั้งที่ยังคงแลกลิ้นเล่นกับท่านขุนอยู่ มือข้างหนึ่งค้ำร่างเอาไว้ ส่วนอีกข้างกำลังเทเจลลงบนร่องตรงกลางก้อนเนื้อเนียน แรงบีบทำให้เนื้อสีใสทะลักออกมา มันค่อยๆ ไหลไปตามทาง พีระพลทิ้งขวดเจลแล้วรีบปาดมันก่อนกดนิ้วเข้าสู่ร่างกายคนรัก รู้เลยว่าความยาวของนิ้วเปลี่ยนร่างกายท่านขุนอีกครั้ง ผนังร้อนตอดรัดเหมือนกับร่างกายที่เกร็งไปทุกสัดส่วน

แกล้งท่านขุนใช่ว่าพีระพลไม่ทรมาน เขาก็อยากนะ...อยากเข้าไปข้างในนั้นใจจะขาดเหมือนกัน แต่ได้เห็นสีหน้าทรมานเพราะเสียวซ่านของท่านขุนแบบนี้แล้ว เขาก็พอจะผ่อนคลายอารมณ์เรื่องรักลงไปได้บ้าง เขาจึงยังเชื่อช้าไม่รีบลงมือกินคนรักแทนขนมหวานสำหรับมื้อเย็นนี้เสียที

ท่านขุจะครางก็ครางไม่ออก ติดปากของพี่พีไม่ยอมถอยห่างไปไหน นิ้วมือซุกซนขยับเข้าขยับออก บ้างย้ำจุดรวมความรู้สึกด้านในหนักๆ ท่านขุนอยากผลักพี่พีออก อยากบอกว่าพอแล้ว...ไม่ไหวแล้วอีกครั้ง แต่พีระพลไม่เขยื้อนเลย เขาแรงน้อยหรือพีระพลแรงเยอะกันแน่

ลมหายใจของท่านขุนขาดห้วงเป็นระยะ เรียวลิ้นยังเป็นจุดที่ทำให้ท่านขุนหายใจไม่ทันร่วมกับความซาบซ่านที่ส่วนนั้นอีกด้วย พีระพลเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าในความอ่อนนุ่ม...ค่อยๆ ทำทีละน้อยเพื่อไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับท่านขุน ระหว่างนั้นเขาทนไม่ไหวจึงเอากลางกายตนเองถูไถกับร่องเปื้อนเจล

ตาสบตากันใต้ความมืด ลมหายใจพีระพลหอบกระเส่าไม่ต่างจากท่านขุน ระยะนี้พี่พีจะมองใบหน้าเขาชัดที่สุดเมื่อไม่มีแว่น กว่าพีระพลจะปล่ยออให้ท่านขุนนอนแหมะหอบหายใจก็ปาไปนานโข แล้วที่ต้องถอยทั้งที่ยังอยากแกล้งอยู่ก็เพราะต้องใส่ถุงยางให้ตัวเอง

แกล้งเขา...แต่เป็นพีระพลเองที่ทนไม่ไหว

“อะ...อ่าห์...พี่พี” กลางกายพีระพลคลืบคลานเข้าไปในช่องทางทีละน้อย ไม่มุทะลุพุ่งพรวดเข้าไปแม้ใจจะอยากขนาดไหนก็ตามที

ร่างของท่านขุนยังนอนคว่ำหน้าราบไปกับที่นอน เขากอดหมอนใบโตเอาไว้แน่นแต่ก็ไม่ได้เอาหมอนมาบังหน้าไม่งั้นหายใจไม่สะดวก แค่นี้ก็ควานหาลมหายใจของตัวเองแทยไม่เจอแล้ว วันนี้พี่พีแปลกไปมาก...แปลกในด้านความรู้สึก ไม่ใช่การกระทำ

ถึงพี่พีจะดูโกรธ ดูเคืองหรืออารมณ์เสียกับอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้สาดอารมณ์เหล่านั้นใส่ร่างกายของท่านขุน อาจแกล้งเล่นหนักไปหน่อย ทว่าสิ่งเหล่านั้นมันไร้ซึ่งความเจ็บปวด แค่ทรมาน...ก็อยากได้พี่พีไง มันถึงทรมานแบบที่ท่านขุนเป็น

ตอนนี้ส่วนนั้นของพีระพลเข้ามาในตัวของเขาแล้ว ช่วงที่มันเข้ามาท่านขุนยอมรับว่าเขารู้สึกดีมาก ร่างกายเต็มไปด้วยหมัดกล้ามโน้มเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว พีระพลจูบหลังคอ ทั้งกัด ทั้งดูจนเป็นรอยแดงยช้ำประปราย ไม่ได้ชอบทำหรอก...แค่หมั่นเขี้ยวก็เลยทำเอาไว้

เผื่อว่า...จะกันหมาได้บ้าง

“พี่พี...ผมเสียว” เสียงแผ่วๆ ปนกอบบอกเขา พีระพลเคลื่อนไปจูบกกหูพร้อมทั้งขยับส่วนล่างเบาๆ

“ครับ...พี่ก็เสียว” พี่พีตอบกลับเขาบ้างแล้ว ท่านขุนรีบหันหน้าไปหาคนนอนทับด้านหลังตนเอง

นัยน์สีอ่อนของพี่พีเร่าร้อนเหมือนทุกครั้ง มันเซ็กซี่ชวนเคลิ้มมากด้วยแหละ...ท่านขุนใช้แจนอ่อนแรงของตนเองโอบอ้อมหลังไปคว้าคอของพี่พีเอาไว้ จากนั้นเขาก็เลียมันตั้งแต่คางขึ้นไปทางสันกรามไร้หนวดเครา พี่พีกำลังสอดใส่เข้ามาและเขาวูบวาบไปทั้งกายก็จริง แต่เขาก็ยังไม่เลิกทำ...จนปากแนบเข้ากับปาก

ความดุเดืออดของลิ้นสองลิ้นพัวพันกันทำเอาน้ำลายเยิ้มไปตามมุมปาก ไม่มีใครสนใจ เขาสองคนเมินเฉยต่อความเปรอะเปื้อนนั้น เพราะลิ้นนุ่มหยุ่นมันชวนสนุกมากกว่าจะใส่ใจอะไรเล็กๆ น้อยๆ อีกทั้งร่างกายเขาก็เปื้อนมันหมดนั่นแหละ...

พีระพลผละริมฝีปากออก ดึงเอวท่านขุนให้ตั้งฉากเพื่อเพิ่มความเร็วและหนักหน่วงเข้าไปในร่าง ท่านขุนใช้สองแขนค้ำร่างของตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งจิกที่นอน ปลายผ้าปูสองด้านข้างบนหลุดออกมาจากมุม แรงท่านขุนเยอะ ยิ่งร่างกายสั่นไหว ไถลขึ้นลงก็ยิ่งเป็นเหนี่ยวรั้งผ้าปู

“อ๊ะ...อื้อพี่พี...ผมไม่ไหวแล้ว แฮ่ก...ซี้ด...ผมไม่ไหวแล้ว” ยอมทิ้งผ้าปูเพื่อจับความเป็นชายของตัวเอง แต่พีระพลกลับตะปบมือทับลงไปไม่ให้ท่านขุนได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

“ไม่...” เสียงนั้นสั่น

“อื้อพี่พี...ปล่อยผมเถอะครับพี่” ท่านขุนแหงนหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หาพีระพล อ้อนวอนเพื่อให้ตนเองได้ถึงจุดหมายเสียที เขาอยากจะเสร็จนานแล้ว แต่ไม่ได้เสร็จเลย

“ไม่ให้ครับ” พีระพลก้มลงไปสะโพกท่านขุนอย่างแรง พร้อมทั้งเพิ่มจังหวะเข้าไปจนมันดูดุเดือดเลือดพล่าน

“อ๊ะๆ อ๊ะ..พี่พี พี่พีครับ...อื้อผมไม่ไหว..ฮื่อพี่พี” คำพูดกระท่อนกระแท่นไปตามจังหวะการสอดใส่ ท่านขุนทรุดหน้าลงกับหมอน แรงกระทำเป็นหตุให้แขนท่านขุนพับลงจนหน้าจุ่มหมอน

“อ่าห์ขุน...” พีระพลกดลงสะโพกท่านขุนด้วยน้ำหนักที่เขามี จากนั้นก็เคลื่อนไหวสะโพกถี่รัว ไม่เข้าสุดออกสุด และกระทุ้งลึกสุดๆ

“อ๊ะ อ๊ะ..อ๊ะ พี่...แฮ่กๆ...พี่พี” มันเป็นเสียงอู้อี้ที่ได้ยินไม่ชัดหนัก รู้ว่าเรียกตนเองแน่ๆ

“อ๊า...พี่พี...” พีระพลจับท่านขุนอนตะแคง คร่อมข้างหนึ่เอาไว้และขาอีกข้างของท่านขุนก็อยู่บนไหล่กว้างของเขา

สำหรับท่านขุน...ท่านี้โคตรเสียว

ดวงตาพี่พีเหมือนนักล่าเข้าไปทุกที หรี่นิดๆ ดูร้ายกาจและเจ้าเล่ ท่านขุนรู้สึกหวาดผวาผู้ชายตรงหน้านิดหน่อย...ไม่ได้กกลัวในรูปแบบที่ไม่น่าคบหา แต่กลัวว่าพี่พีจะแกล้งจนเขาหมดเรี่ยวหมดแรงต่างหาก

ใครบอกว่าพี่พีไร้น้ำยานะ...เหมือนได้ยินคนบอกเมื่อก่อนเขาคบกัน แบบนี้เรียกไร้น้ำยาเหรอ คนที่ซอยสะโพกเข้าร่างกายเขาถี่ยิบแบบนี้คือไร้น้ำยา แล้วแบบไหนถึงเรียกว่ามีน้ำยากันล่ะ

ความซาบซ่านทำให้ท่านขุนเกร็งร่างครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเอื้อมมือไปหมายจะจับความเป็นชายแต่ก็ถูกพี่พีแย่งกุมส่วนนั้นเอาไว้ก่อน พี่พีกำมันเหมือนกำคอนักโทษ ส่วนปลายฉ่ำวาวไปด้วยน้ำพรีคัม เยิ้มปนกับเจลเฉอะแฉะไปหมด

“พี่พีครับ...ขุนไม่ไหวแล้วครับ” ขนาดหายใจท่านขุนยังทำได้แค่หายใจสั้นๆ เฮือกน้อยๆ และบ่อย

“...ครับ” อะไรคือครับแค่นั้นล่ะพี่ ท่านขุนไม่เข้าใจเลย พี่พีไม่ให้ทำกับส่วนหน้าแล้วมันจะเสร็จได้ยังไง

ท่านขุนอยากดื้อกับพี่พี อยากดึงมือพี่พีออกจากส่วนนั้นของตนเอง แต่ก็ทำไม่ลงเลย เขาได้แต่จิกหมอนแล้วนอนรับความรู้สึกวูบวาบอันซาบซ่านอยู่แบบนั้น เสียงครางของเขาสั่นเครือและแหบแห้งไปเล็กน้อย มันกินเวลานานแล้ว...ทรมานอยากจะเสร็จนานแล้ว

“ฮึ้ก...พี่พี...พี่พีครับ” น่าแปลกที่ความรู้สึกซาบซ่านของเขายังทวีขึ้นได้อีกเรื่อยๆ แม้ไม่ได้จับส่วนนั้นของตนเอง

“พี่จะเสร็จ...” พีระพลยังไม่ยอมลดจังหวะหนักๆ และถี่รัวของตนเอง คนไม่เคยจะไม่เข้าใจว่ามันเหนื่อยขนาดไหนในการรักษาระดับนี้เอาไว้

“อื้อ...พี่พีผมไม่ไหว” น้ำตามันคลอหน่วงไปหมด ท่านขุนจิกหมอนแน่น เขาแทบจะเอาหมอนมาปิดหน้าตาบิกเบี้ยวเพราะความเสียวของตนเองแล้ว

“อ๊ะ...อ๊ะ....อื้อ.....” ร่างกายท่านขุนถึงจุดสุดยอด น้ำสีขุ่นพุ่งใส่มือพีระพลที่กุมส่วนนั้นเอาไว้ไม่ให้ท่านขุนจับ แต่มันก็ยังสารถปลดปล่อยได้ สมองคนตัวเล้กกว่าชาวาบ...และขาวโพลน เขาแทบจะนอนขดเกร็งเพราะการถึงจุดหมายครั้งนี้รุนแรงในความรู้สึกเขา

“แฮ่กๆ...ซี้ด....อื้อขุน” ส่วนนั้นของพี่พีกระตุกอยู่ในตัวเขา กระตุกเร่าๆ ไม่ต่างจากส่วนนั้นของเขาเลย

ร่างกายใหญ่แช่ส่วนนั้นนิ่งค้างได้พักหนึ่ง พีระพลปล่อยให้ท่านขุนซึมซาบกับความจุดสุดยอดยาวนานของตัวเอง ขณะที่เขาตัดสินใจนอนช้อนด้านหลังของท่านขุน โอบกอดเอวคอดนั้นเอาแล้วคลอเคลียริมฝีปากกับซอกคอเจือกลิ่นเหงื่อ

“พี่รักขุนนะ...” คำว่ารักเบาๆ ทำให้ท่านขุนพลิกกายเข้ามาสวมกอด

“แต่วันนี้พี่แกล้งผม”

“รู้สึกแย่เหรอ” ท่านขุนเงยหน้ามองพี่พีของตน

“เปล่า...ผมไม่ได้รู้สึกแย่ แต่พี่ก็แกล้งผม” เหมือนจะงอนๆ นะ พีระพลอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ถึงท่านขุนไม่ยอมบอกกับเขาเรื่องรักก็ตาม เขากดปากลงกับศีรษะอีกฝ่าย

“พี่ขอโทษครับ” น้ำเสียงที่บอกออกมานั้นนุ่มละมุน ท่านขุนเงยหน้ามองพี่พียิ้มๆ แล้วเลื่อนไปงับตรงไหปลาร้าได้รูปสวยนั้นจนพี่พีของเขาสะดุ้งเฮือก

“เอาคืน...” พีระพลลูบตรงที่โดนกัด มองรอยยิ้มของท่านขุนยิ้มๆ

ร่างสูงจูบปากท่านขุนอีกครั้งเบาๆ เขาสวมกอดคนรักเอาไว้พร้อมทั้งหลับตาลง ไม่รู้ว่าดึกหรือยังแต่เขาก็อยากจะนอนหลับไปทั้งแบบนี้เลย ท่านขุนเองก็นิ่งปล่อยให้เขากอดอยู่นั้นจนกระทั่งพีระพลหลับไป ทคนในวงแขนปรือตามองนิดหน่อย เห็นใบหน้าผ่อนคลายลงมาบ้างของอีกคนแล้วก็เบาใจลง

พี่พีของเขาคงหายเครียดแล้วมั้ง...

เหนียวตัวไปหน่อย อยากจะลุกไปอาบน้ำอาบท่า ติดที่ว่าพี่พีอาจจะตื่นขึ้นมาได้ อีกอย่าง...พี่พีไม่ค่อยได้มานอนกอดเขาแบบนี้บ่อยนัก ดังนั้นท่านขุนจึตัดสินใจนอนต่อไปทั้งแบบนั้น เหนียวตงเหนียวตัวก็ช่างมันประไร...พรุ่งนี้อาบน้ำก็ยังไม่สายหรอก

ช่วงเช้า พีระพลตื่นก่อนท่านขุน เสื้อผ้าของเขายังคงเป็นชุดเดิมถอดกองอยู่ตรงพื้นห้อง ลุกขึ้นมาเก็บและหยิบจับชุดของคนรักไปใส่ตะกร้า จากนั้นถึงได้เดินไปอาบน้ำอาบท่า นี่กะว่าเดี๋ยวจะบอกท่านขุนนิดหน่อยว่าจะกลับก่อน เพราะต้องไปเปลี่ยนชุดที่บ้านให้เรียบร้อยแล้วถึงไปทำงาน ยังไงซะวันนี้พีระพลก็ยังมีงานเคมีที่ต้องเคลียร์ ต่อให้มาค้างที่อื่นจนลำบากในการไปทำงาน เขาก็ทิ้งหน้าที่ตัวเองไม่ได้

ข้าวของเครื่องใช้อย่างแปรงสีฟันท่านขุนได้ซื้อเอาไว้ให้เขา เตรียมเผื่อวันไหนพีระพลจะมาค้างจะได้ไม่ลำบากในการอาบน้ำแต่งตัว เสื้อผ้านี่ก็มีชุดใหม่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ชุดที่พีระพลจะเอาไปใส่ทำงานได้ อย่างน้อยใส่ชุดใหม่กลับบ้านไปเปลี่ยนก็ยังถือว่าดีกว่าใส่ชุดเดิม

“ฮะ...เดี๋ยวๆ อะไร” เปิดประตูออกมาก็เห็นท่านขุนนอนคุยโทรศัพท์ ตายังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่ พีระพลเดินไปแต่งตัวเงียบๆ ไม่ส่งเสียงทักเพราะมันจะเสียมารยาท ทว่าหูเขาก้ได้ยินบทสนทนา คิดเหมือนกันนะว่าใครช่างโทรมาแต่เช้าขนาดนี้

“เดี๋ยวนะรัก” แค่นั้นแหละ จากที่กำลังสวมเสื้อเขาก็ชะงัก

“แต่นี่มันเพิ่งกี่โมงเอง...ฮะ อะไรนะ ไอ้บ้าเอ้ย แป๊บหนึ่ง” ท่านขุนลุกพรวดขึ้นมา เขามองพีระพลนิดหน่อย

“อะไรเหรอ”

“เอ่อ...เดี๋ยวผมมาแป๊บหนึ่งนะพี่” ท่านขุนจะคว้ากางเกงบนพื้นมาใส่แต่มันไม่มีอยู่แล้ว พีระพลสส่งผ้าขนหนูให้แฟนตัวเอง

ท่านขุนรีบเอาผ้าขนหนูพันเอวเดินออกไปข้างนอก เสียงปิดประตูค่อนข้างดังเพราะอีกฝ่ายรีบร้อนออกไปมาก ถ้าไม่ได้ยินชื่อของรัก...พีระพลจะไม่คิ้วขมวดขนาดนี้เลย เขาใส่เสื้อผ้าด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป จากดีขึ้นมาบ้างแล้วคิดว่าเดี๋ยวจะคุยกับท่านขุนให้รู้เรื่อง ตอนนี้กลายเป็นโกรธยิ่งกว่าเดิม

ที่นี่รีบลงไปนี่คือ...ไปรับมัน?

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำหมัดเอาไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเดินมานั่งนิ่งอยู่ตรงเตียง ผ้าปูนอนไม่เป็นรูปเป็นร่างเพราะสงครามรักเมื่อคืนนี้ มุมเตียงด้านบนไม่มีผ้าคลุมอยู่เพราะมันหลุดหลุ่ยไปหมด ดูก็รู้ว่าเขาสองคนมีความสุขกันมากขนาดไหนบนเตียงนี้ แล้วนี่อะไร...เช้ามาท่านขุนก้วิ่งโล่ไปหาแฟนเก่าแบบนี้น่ะหรือ ให้ตาย...หงุดหงิดเป็นบ้า

พีระพลตัดสินใจเอาเสื้อผ้าตัวเองไปใส่เครื่องซักด้านนอก จากนั้นลงไปข้าล่าง เสียงคนสองคนพูดคุยกันอยู่ในห้องครัว เสียงหนึ่งของท่านขุนและอีกเสียงเป็นของรัก คนเดิมไม่ใช่คนใหม่ที่เขาไม่รู้จัก พีระพลตรงไปที่ครัว เขาไม่ได้สแดงตัวให้อีกสองคนได้เห็นหรอก แค่ยืนอยู่มุมประตู สอดส่ายตาเข้าไปมอง

ในอ้อมแขนของรักมีแมวสีดำจนฝูตัวไม่ใหญ่ ยังอายุน้อยและมันส่งเสียงร้องมิ้วๆ ตอนนี้มณีไม่อยู่ อาจจะยังไม่ออกมาจากห้องของลูกน้องท่านขุน ส่วนเจ้าของร้านเองก็ยืนเท้าเอวมองแมวน้อย มีเพียงผ้าขนหนูพันเอวเอาไว้ เนื้อตัวยังคงประดับรอยแดงจากริมฝีปากเขาอยู่ ต้องรู้สึกยังไง...เขาจะรู้สึกอย่างไรได้นอกจากแย่ แย่มาก...แล้วก็เคืองด้วย อยากจะเข้าไปต่อยรักสักหนึ่งทีแล้วบอกให้มันเลิกยุ่งกับท่านขุนได้แล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ เขาตัดสินใจหันหลัง กะว่าจะกลับบ้านเลยโดยไม่บอกใคร แต่ว่า…
“อ่าวคุณพี…” รักดันทักเขาขึ้นมาเสียก่อน

….100%….

สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะทุกคนนนนน ได้ไปเที่ยวที่ไหนกันไหม เรานอนอยู่บ้านอย่างเดียว ความขี้เกียจตัวใหญ่กว่าบ้านแล้วค่ะ วันๆ เอาแต่หลับ แฮ่ๆ

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ถมเข้าไปเลยค่ะ  ถมเข้าปายยยยยย  พี่พีหัวร้อนจนผมไม่เหลือบนหัวแล้ววว55555  ปล.พี่พีร้อนแรงมากกก  :hao6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คราวนี้ต้องได้เลือดนะคุณพี ต่อยมันเลย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เรานี่หัวร้อนตามพี่พีแล้วล่ะเนี่ย รักก็วุ่นวายจริงๆ เมื่อไหร่ท่านขุนจะรู้ตัวว่าพี่พีหึง และตัดรักให้ขาด ให้เลิกมาวุ่นวายสักที

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :z3: :ling1:

เฮ้อออ คนก็คิดมาก อีกคนก็ไม่คิดเลย
ไอ้รักก็ไม่มีความเกรงใจ
เวงละ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่พีจัดให้ซักดอกสองดอกสิ จะได้เข็ดซะที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด