ตอนนี้ยังไม่ถึงวันแข่งนะ
สีครามคุยกับนิทานจบก็บึ่งไปหาฟรานเลย
#รีบ 555
-------------------------------------------ตอนที่7พอแยกจากนิทาน เดินออกมาจากตึกคณะบัญชีผมก็ไม่รอช้ารีบรุดหน้าไปยังคณะดุริยางค์ทันที
ช้าๆได้พร้าเล่มงามคือคำสอนที่มีมาแต่โบราณ มีความหมายว่าการทำอะไรซักอย่างควรจะทำด้วยความรอบคอบ ไม่ต้องรีบร้อน ทำไปแล้วเก็บรายละเอียดีๆ ก็จะได้ผลงานที่ออกมาดี แต่โบราณก็มีคำสอนอีกว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ฟังดูย้อนแย้งกันชอบกลฉะนั้นผมขอเลือกเชื่อคำสอนแบบหลัง
หลังจากตระหนักได้ว่าผมยังชอบฟรานอยู่ ชอบเขาหลงเขาแต่เหนื่อยที่จะจีบเขา พอเห็นเขาส่งของมาง้อทุกวันเลยยิ้มย่องได้ใจมโนไปเองว่าเขาอาจจะมีใจให้เรา ซึ่งมันเหลวไหลทั้งเพ!
ฟรานแค่รู้สึกผิดที่ทำผมร้องไห้ถึงสองครั้งจึงตามง้อ ส่วนผมที่ชอบฟรานก็ควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์
ผมเคยมาที่คณะอันห่างไกลนี้แค่ครั้งหรือสองครั้งเพราะเต้ยชวนมาดูคอนเสิร์ตทำให้เดินหลงอยู่ในสวนสักพักกว่าจะทะลุออกมายังสนามฟุตบอลเล็กที่เป็นสนามสำหรับสามคณะได้แก่คณะดุริยางคศิลป์ คณะICT และวิทยาลัยอินเตอร์ สามคณะผู้ดีตีนแดงซึ่งแยกตึกออกมาเป็นเอกเทศ
พอผมมาถึงก็เห็นว่าเขากำลังซ้อมกันอยู่ ด้อมๆมองๆอยู่สักพักก็ยังไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไป
จนกระทั่งเกิดปิ๊งไอเดียว่าผมไม่จำเป็นต้องเข้าไปหาฟรานเสียหน่อย แค่ให้เขารับรู้ว่าพรุ่งนี้ผมจะไปดูก็พอ
คิดได้ดังนั้นผมก็ตรงเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบน้ำเปล่ามาขวดหนึ่ง เขียนตัวเลขสิบหลักลงบนโพสต์อิทและแปะลงตรงฝาขวด จากนั้นก็ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้สนาม กวาดสายตามองหากระเป๋าของฟรานซึ่งผมจำได้แม่น มันถูกวางอยู่บนพื้นหญ้ากองๆรวมอยู่กับกระเป๋าใบอื่น
ถ้าเอาไปวางไว้เฉยๆจะมีคนหยิบผิดไปรึป่าวหว่า
ข้อความบนโพสต์อิทของผมคือเบอร์โทร
เบอร์ที่ผมไม่เคยคิดจะให้ใครแต่เพราะเราเริ่มต้นทะเลาะกันเนื่องจากฟรานเข้ามาขอเบอร์ผมแบบไม่ดูตาม้าตาเรือผมเลยตั้งใจว่าจะให้เบอร์เขาเป็นการบอกกลายๆว่าผมไม่โกรธเรื่องนั้นแล้วนะ!
แต่เกิดคนอื่นหยิบขวดไปแล้วแอดเบอร์ผมมาแผนก็คงพังไม่เป็นท่า
“แอบเอาไปซุกไว้ในกระเป๋าละกัน”ถึงเปิดกระเป๋าคนอื่นโดยพลการจะไม่ดีก็เหอะ
เมื่อตกลงกับตัวเองได้ผมก็ย่องๆเข้าไปใกล้กับกองกระเป๋า ย่อตัวลงเพื่อนั่งชันเขาขณะเปิดกระเป๋าของฟราน สัมผัสถึงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบระเบิดของตัวเองได้
ภารกิจกำลังจะสำเร็จด้วยดีทว่า...
“เห้ยยยๆๆ ทำอะไรน่ะ ขโมยของเหรอ!?”มีไอ้ผมยาวหน้าติสท์คนหนึ่งหันมาเห็นผมเข้า ในมือผมยังถือกระเป๋าของฟรานไว้อ้าซ่า
ด้วยเสียงตะโกนของไอ้ผมยาวทำให้คนข้างสนามหลายคนเริ่มหันมามอง โชคดีที่นักกีฬาในสนามไม่ได้ยินเสียงดังกล่าว ดังนั้นผมยังสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้โดยที่ฟรานไม่รับรู้
“เราเปล่าขโมยนะ เราแค่เอาของมาให้เพื่อนเฉยๆ”ผมงัดเคล็ดวิชาตาใสออกมาใช้ ไอ้ผมยาวชะงักกึก
ปากที่เตรียมจะอ้าด่าแปรเปลี่ยนเป็นการพึมพำเบาๆว่า”น่ารักขนาดนี้ไม่น่าขี้ขโมยเลย”
“เราไม่ได้มาขโมยของไง โถ่ เชื่อเราเถอะน้า...”ตามสเต็ปไอ้ผมยาวคนนี้ต้องแพ้ลูกอ้อนของผมใน สาม สอง หนึ่ง...
“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก มันไม่ดีนะครับ นายรีบไปก่อนที่เจ้าของกระเป๋าจะกลับมาเถอะ”เสร็จโก๋!
ผมส่งยิ้มแป้นไปให้อีกฝ่าย เตรียมถอยหลังใส่เกียร์หมาเผ่นออกจากที่เกิดเหตุแต่วันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจแก่ผมเอาเสียเลย มีแม่นางปากแดงท่านหนึ่งเดินมาขนาบข้างนายผมยาว เธอมองกราดผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนพูดเสียงเข้มว่า”ปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง นั่นกระเป๋าของฟรานนะ ไม่รู้ว่าขโมยอะไรไปบ้าง! มาให้ค้นตัวซิ”
“เราไม่ได้เอาอะไรไปจริงๆ!”ผมรีบแบมือออกเพื่อความบริสุทธิ์ใจ
“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยแนน กระเป๋าไอ้ฟรานมันไม่ได้มีของมีค่าอะไรขนาดนั้นหรอก”นายผมยาวพยามพูดไกล่เกลี่ย
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรจริงก็ต้องยอมให้ค้นตัวสิ”นังแนนนน คิดว่าตัวเองเป็นพนักงานสอบสวนรึไง!!
ในเมื่อยืนเถียงกับแบบนี้อีกสามชาติก็ไม่ได้ความผมเลยอ้าแขนแทนคำตอบว่าอยากค้นก็มาค้นเล้ยยย เพราะผมคิดว่าคนที่จะมาค้นตัวคือแนนไง แต่แม่นางปากแดงคนนี้กลับหันไปถามเพื่อนที่เริ่มเดินมามุงว่า”ผู้ชายสักคนเข้าไปค้นตัวหมอนี่ซิ”
ผู้ชาย...
“กูๆ พ่อกูเป็นตำรวจกูค้นตัวเป็น”
“แม่กูเป็นหมอตรวจภายในให้กูตรวจน่าจะโคเวอร์กว่า”
“ตรวจภายในแบบนั้นกูก็ตรงเป็น กูมีนิ้ว”ไอ้คนสุดท้ายไม่พูดเปล่ามือการกระดิกนิ้วกลางกับนิ้วนางโชว์ด้วย
“ทำไมเธอไม่ค้นเองล่ะ ที่สำคัญพี่เป็นพี่เรานะคำพูดคำจาให้มันสุภาพหน่อย”ผมขมวดคิ้วเข้มตอบกลับเด็กดุริยางค์ตรงหน้าเสียงเขียว เป็นการเอาตัวรอดแบบหนึ่งเนื่องจากเด็กผู้ชายแถวนั้นเริ่มแย่งกันจะมาค้นตัวผมให้ได้
“ข้างสนามเอะอะอะไรกัน! พวกที่พักเสร็จแล้วก็กลับมาซ้อมต่อสิ!”
“โหยยย พี่ตันอย่าเพิ่งเร่งสิ! เรากำลังจะค้นตัวขโมยกัน!!!”ไอ้คนที่กระดิกนิ้วกลางเมื่อกี้ตะโกนกลับไปเสียงดังทำให้พวกในสนามหันมามองจุดเกิดเหตุเป็นตาเดียว
ผมแทบจะทรุดลงร้องไห้น้ำตานองแผ่นดินมันให้รู้แล้วรู้รอด เรื่องทั้งหมดนี้ต้องโทษความเสือกของอิแนนคนเดียวเลย คราวนี้ฟรานหันมาเห็นผมเข้าให้แล้ว เห็นผมในฐานะโจรขโมยกระเป๋าซะด้วย...
“อีก10นาทีก็เลิกซ้อมแล้วพวกมึงค่อยเล่นตำรวจจับผู้ร้ายกันต่อตอนนั้นได้มั้ย!!”คนชื่อตันตะโกนกลับมาแต่สายตาก็มองประเมิณผมแบบเหยียดๆ
“เราไม่ได้มาขโมยของ!!”ผมตะโกนประกาศให้คนรู้อีกทีนึงเผื่อพวกที่ล้อมผมอยู่จะยอมหลีกทางให้ผมเผ่นกลับไปตามทางเสียที แต่นอกจากทุกคนจะไม่ถอยไปไหนแล้วยังหันไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรสว่า
“แฟนคลับฟรานแหงเลย เพื่อนเราดังไกลถึงคณะอื่นแล้วสินะ”
“ถึงกับแอบมาขโมยของแบบนี้ไม่น่าใช่แฟนคลับปกติแล้วล่ะ นี่มันโรคจิตชัดๆ”
จำเลยสังคมสัสๆ!
ชื่อเสียงของผมส่งมาไม่ถึงคณะนี้ทุกคนเลยไม่รู้ว่าคนอย่างสีครามอักษรเกิดมาไม่เคยชายตาแลผู้ชายคนไหน!! ยิ่งเป็นโรคจิตขโมยข้าวของคนที่ชอบไปดอมดมยิ่งไม่มีทางโว้ย!
“คือว่า...”ร่างสูงเจ้าของกระเป๋าเดินหน้าเคร่งออกมาจากสนาม ตรงปรี่มาหาผม
“ฟรานซ้อมต่อไปเหอะ ตรงนี้แนนจัดการเอง”รีบเสนอตัวเชียวนะมึ๊ง
ผมเบ้ปากใส่แม่นางปากแดงไปตรงๆ มาถึงขึ้นนี้ผมไม่กลัวโดนตบแล้ว เพราะสำหรับผมไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการถูกฟรานเจอในสภาพน่าทุเรศแบบนี้!
“พี่คนนี้เป็นคนรู้จักเราเอง”
“!!!”
ทั้งอับอายทั้งสะใจ ความรู้สึกตอนนี้ผสมกันมั่วไปหมด น้องแนนปากแดงอ้าปากเหวอในขณะที่ไทยมุงคนอื่นๆยิ้มเจื่อน”ทำไมพี่ไม่พูดตั้งแต่ทีแรกล่ะคะว่าเป็นคนรู้จักฟราน พี่ทำหนูหน้าแตกหมดเลย!”
“คนที่หักหน้าพี่เขาก่อนน่าจะเป็นแนนนะ ใช่มั้ย?”ต้นประโยคฟรานเอ่ยกับแนน แต่ท้ายประโยคเขาหันมามองผม
“พี่พูดอะไรไปน้องก็ไม่ยอมฟังพี่เลย พี่บอกแล้วว่าพี่ไม่ได้มาขโมยของ”พอมีพวกผมก็ได้ใจ ไม่มีซะหรอกอโหสิจบเรื่องง่ายๆ ของแบบนี้มันต้องไล่ขยี้จนกว่าจะบี้แบนกันไปข้างหนึ่ง
“ใครใช้ให้พี่มาลับๆล่อๆเปิดกระเป๋าฟรานแบบนั้นกันล่ะ!?”
โฮลี่ชิท ในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้
“เปิดกระเป๋า?”ร่างสูงข้างผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนมือหนาจะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาเปิดดู และสิ่งแรกที่ฟรานพบก็คือขวดน้ำของผมเอง
“สีครามเอามาให้เหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะหยิบน้ำเปล่าเจ้ากรรมออกมา
ผมช็อคตาตั้งเพราะโพสต์อิทแผ่นน้อยกาวไม่เหนียวพอค่อยๆปลิวหลุดออกจากขวดและร่วงลงสู่พื้นในสภาพหงายด้านที่ผมเขียนเบอร์เอาไว้!
เหตุการณ์ทั้งหมดเกินขึ้นท่ามกลางวงล้อมของไทยมุง
ไทยมุงทุกคนก้มหน้าลงและมองเห็นตัวเลขสิบหลักบนนั้นอย่างชัดเจน!!
ทุกคนเห็นแล้ว ทุกคนเห็นว่าผมเขียนเบอร์ให้ฟราน!!
ผมรีบลนลานคว้ากระดาษแผ่นน้อยมาขยำ ใจจริงอยากจะฉีกให้ละเอียดเป็นชิ้นๆไปซะ!
“หง่า...”
“สีคราม...ส่งกระดาษแผ่นนั้นคืนมา”คืนให้เตี่ยเอ็งน่ะสิ ผมหน้าร้อนไปหมดเกิดมาไม่เคยอับอายขนาดนี้มาก่อนแล้วฟรานยังมือหน้ามาแบมือตีหน้าซื่อขอเบอร์ผมคืนอีกเรอะ
“ไม่ให้เว้ย!”ผมตอบพร้อมวิ่งฝ่าฝูงชนออกมา การหนีครั้งนี้สำเร็จอย่างงายดายเพราะฟรานยืนยันแล้วว่าผมไม่ใช่ขโมยเลยไม่มีใครเข้ามาขวางทางผมอีก แต่ก็มีนะคนที่วิ่งตามมาอะ...
“ไม่ต้องตามมาเลย! ให้ตายก็ไม่ให้!”
“เห้! อย่าเป็นคนขี้งอนขนาดนี้สิสีคราม!”ยังไงฟรานก็วิ่งเร็วกว่าผมอยู่แล้ว ขนาดเขาเพิ่งซ้อมมาเหนื่อยๆยังตามมาคว้าข้อมือผมทันในเวลาอันรวดเร็ว
“ปล่อยยยย ฮือออออออออออ”ผมไม่มีหน้ามาเหยียบคณะนี้อีกแล้ว! ทีแรกกะอ่อยเงียบๆแต่แม่งรู้กันทั้งบาง!
พอเห็นผมเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ฟรานเลยตกใจรีบปล่อยมือเพราะกลัวทำผมน้ำตาร่วงแล้วเรื่องมันจะยาวไปอีก แต่เสียใจด้วยการเบะปากเมื่อกี้เป็นแค่ละครบทหนึ่ง อาศัยจังหวะที่เป็นอิสระรีบออกตัววิ่งอีกครั้ง
หมับ!
“สีคราม!!”
หนีไม่พ้นจ้า โดนล็อคมือไว้แน่นแถมยังออกแรงมือซะจนผมต้องคลายมือที่ขยำโพสต์อิทเอาไว้ เมื่อได้ของที่ต้องการไอ้เด็กบ้านี่ถึงยอมปล่อยมือผม เจ้าตัวรีบหยิบมือถือออกมาเมมในขณะที่ผมหอบแฮ่กและทรุดตัวลงไปนั่งยองกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ถ้ารู้ว่ามันยากลำบากขนาดนี้ผมให้เบอร์ฟรานไปตั้งแต่วันโน้นแล้วก็ดี
นี่แม่งอะไรไม่รู้เยอะแยะ ฮรึก...
“นี่เบอร์สีครามใช่มั้ย”
“เออ!”ผมกระแทกเสียงตอบ ขอใส่อารมณ์หน่อยเหอะหน้าร้อนหัวร้อนไปหมดแล้ว
“ขอโทษที่เพื่อนผมทำให้ลำบากนะ”ขอโทษแล้วเศษหน้าผมจะกู้คืนมาได้มั้ย!
“ชริ๊!”
“พรุ่งนี้จะไปดูผมมั้ย”
“...”
“สีคราม”อย่าเรียกเสียงอ่อยเบอร์นี้สิ แค่ฟังจากน้ำเสียงก็จินตนาการสีหน้าออกแล้ว โถ เจ้าหมาหงอย
“ไปก็ไป”
“งั้นผมจองที่ไว้ให้นะ”
“จองไว้สักสองที่ น่าจะพาเพื่อนไปด้วย”
“ได้ๆ ผมจะเอากระเป๋าวางไว้นะ พี่คงจำกระเป๋าผมได้”
ย้ำจั๊ง!! ผมหน้าร้อนขึ้นมาอีกระลอกเมื่อถูกคนอายุน้อยกว่าแกล้งหยอกถึงกระเป๋าเจ้ากรรมนายเวรของผม เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากไอ้กระเป๋าบ้าๆใบนั้นใบเดียวเลย!
“กระเป๋าใบนั้นสีมันไม่ถูกโฉลก พี่แนะนำให้เปลี่ยนใบเพื่อเพิ่มโชคลาภ”
“ฮ่ะๆๆๆ”
มีอะไรตลก!!
--------------------------
คนเด๋อทำอะไรก็เด๋อ
ฝาก #หนึ่งใจสีคราม ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะ!
แล้วก็ตามทวงงานได้ที่เพจ >> https://www.facebook.com/nikkoustory/