ตอนที่4
เมื่อถูกทักผมก็รีบลนลานยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเอง ในโรงอาหารตอนนี้มีคนไม่ใช่น้อย คนที่อยู่ใกล้ตัวเริ่มหันมามองผมด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็นแล้ว ด้านคนที่ทำให้ผมร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุเองก็อยู่ในภาวะตกใจไม่แพ้กัน แต่เขามีสติที่ดีกว่าเลยสามารถพูดคำว่าขอโทษออกมาในขณะที่ผมสมองตื้อจนไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี
“ผมขอโทษ...ไม่เอาเบอร์แล้วก็ได้ อย่าร้องนะ”
“อือ...”น้ำตาน่ะหยุดไหลไปแล้ว แต่หัวใจยังไม่เลิกบีบตัวอย่างทรมาณ ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่แต่คิดว่ามันคงแย่มากแน่ๆ
ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและผ่อนออกช้าๆ เพื่อสงบสติอารมณ์และหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงพี่ชายแท้ๆของตัวเอง
“อย่าเล่นเกม...ที่ลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องแบบนี้อีก...”ไม่รู้ว่านั่นเป็นคำเตือนหรือคำขอร้องทว่าผมก็ตอบอีกฝ่ายไปแบบนั้นและรีบหยิบจานผละออกมา สปาเก็ตตี้ของผมยังไม่หมดแต่ก็เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว ผมสามารถเข้าเรียนคาบบ่ายได้โดยไม่ต้องหาอะไรกินอีก
แต่ความสงบสุขก็ไม่เคยอยู่เคียงข้างผม
“อ้าว คราม ทำไมรีบร้อนขึ้นมาล่ะ เมื่อกี้ยังเห็นนั่งกินข้าวอยู่กับหนุ่มหล่อนี่จ๊ะ”ตูดแจะเก้าอี้ยังไม่ทันถึงสามนาทีดีเบลล์และผองเพื่อนก็เดินตามเข้ามาในห้อง เจ้าหล่อนแต่ละนางมีรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้า”หรือพวกเขาเขาแกล้งอะไรคราม เราเห็นเหมือนครามร้องไห้ด้วย”
ผมถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
พวกเบลล์ที่ซุ่มดูอยู่พอเห็นผมเดินร้องไห้หนีออกมาก็รีบทิ้งข้าวทิ้งปลาที่กินอยู่ตามมาถากถางถึงที่
ช่างเป็นแอนตี้แฟนที่มุ่งมั่นจริงๆ
“เห็นด้วยเหรอ ไหนว่าจะไปโรงอาหารคณะวิทย์”
“อุ๊ย”หนึ่งในเพื่อนของเบลล์ยกมือขึ้นทาบอกแบบปลอมๆ”เปลี่ยนใจพอดีน่ะ โชคดีที่พวกเรายังอยู่ในคณะอักษรเลยเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะได้เตือนครามได้ทัน ครามรู้มั้ยว่าเด็กปี1ปีนี้มีการแข่งกันล่าแต้มรุ่นพี่แบบลับๆ เรามีคนรู้จักอยู่ในไลน์กลุ่มนั้นเลยอยากเตือนครามไว้ว่าอย่าหลงใครเพราะหน้าตาง่ายๆระวังจะเสียใจภายหลัง!”
“จริงคราม เด็กปี1ปีนี้ชอบปีนเกลี่ยววันก่อนปี1คณะแพทย์ก็เข้ามาขอไลน์เรา แต่เราไม่ได้ให้ไปเพราะเบลล์เตือนเราทัน”ผมมองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังปั้นน้ำเป็นตัวด้วยสีหน้าเพลียจิต กลุ่มนี้คนที่สวยเด่นจริงๆมีแค่ยัยเบลล์กระดิ่งควายเท่านั้น ไอ้ที่บอกว่ามีหมอมาขอเบอร์นี่โกหกทั้งเพ
“เหรอ ฮ่ะๆ...”ผมหัวเราะแห้งๆเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดแต่พวกเบลล์กลับคิดว่าผมกำลังเสียหน้าเลยหัวเราะคิกคักชอบใจกันใหญ่
“ไม่เป็นไรนะคราม ยังไงคืนนี้เราไปดริงค์แก้อกหักกันมั้ย”
คือผมไม่ได้อกหัก ไม่เลยสักนิด
“ไม่ล่ะ เราไม่ชอบดื่ม”ผมปฏิเสธออกไปเป็นครั้งที่ล้านแปด ไม่ว่าพวกหล่อนจะชวนผมไปไหนผมก็ไม่ไปทั้งนั้นแหละโว๊ยยยย ขนาดตอนเลิกเรียนยัยเงาแค้นพวกนี้ยังตามจิกผมไม่ปล่อย จะเอาไปเที่ยวกลางคืนด้วยให้ได้ไม่รู้เป็นอะไร กว่าผมจะสลัดหลุดมาได้เล่นเอาแทบแย่
ผมเดินเตาะแตะหอบร่างซอมบี้ของตัวเองไปยังห้องสมุด ชีวิตหนึ่งวันที่ไม่มีไอ้เต้ยมันเหนื่อยได้ขนาดนี้เลยเหรอ
เมื่อเข้ามาในห้องสมุดผมก็พบกับนิทานที่เก่าเวลาเดิม จะขยันอะไรนักหนาก็ไม่รู้เจอกันทีไรก็อยู่แต่ในห้องสมุด ไม่รอช้าผมรีบกระโจนเข้าไปกอดร่างโปร่ง ผมชอบกอดนิทาน อยู่ใกล้นิทานแล้วรู้สึกสบายใจและเนื่องจากผมเป็นคนตัวเล็กและน่าเอ็นดูนิทานจึงชอบกอดผมเช่นกัน
“คิดถึงที่สุด”
“เมื่อวานหายไปไหนมาล่ะ”คนที่กอดผมอยู่เอ่ยถาม
“ไปดูคนโปรดเล่นบาส”
“หมายถึงคนที่ให้ดูรูปเมื่อตอนนั้นน่ะเหรอ”
“อื้ม! แต่ว่าเขาไม่ใช่คนโปรดของเราแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะ”ขนาดหน้าตอนสงสัยของนิทานยังน่ารักเลย ผมชอบนิสัยของนิทานมากทำไมโลกนี้ไม่มีนิทานสาขา2บ้างนะ
“วันนี้เขากับเพื่อนมาขอเบอร์เรา เหตุผลที่มาขอก็คือเขาเล่นเกมแพ้อะไรสักอย่าง”ผมก้มหน้าตอบเพื่อซ่อนใบหน้าเศร้าโศกเอาไว้
“ถือเป็นโอกาสดีเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ชอบล่ะ”นิทานย้อนถาม
“เขามาขอเพราะแพ้เกม นิทานไม่เข้าใจเหรอว่าเรารู้สึกยังไงหลังจากได้ยินคนพวกนั้นคุยกัน...เราคิดถึงพี่ฟ้า”แค่พูดคำว่าคิดถึงพี่ฟ้าน้ำตาก็มารอพร้อมไหลที่ขอบตาเรียบร้อย นิทานเห็นดังนั้นจึงลากผมไปกอดอีกรอบและไม่พูดอะไรอีก มือบางลูบแผ่นหลังของผมเบาๆแทนการปลอบใจ ซึ่งมันได้ผล ผมสงบใจได้แล้ว
แต่ก็ยังอดคิดถึงพี่ฟ้าไม่ได้
พี่ชายของผมตายเพราะไปคบกับผู้ชายคนนึงเข้า แฟนคลับฮาร์ดคอของผู้ชายคนนั้นผลักพี่ชายของผมตกลงมา เป็นเรื่องน่าตลกที่ผมเพิ่งรู้ความจริงเมื่อปีที่แล้วว่าพี่ชายของผมกับผู้ชายคนนั้นคบกันเพราะเล่นเกมแพ้! เกมพระราชาที่คนชนะจะแกล้งสั่งคนแพ้ทำอะไรก็ได้...
พวกเขาคบกันแค่7วัน และวันที่7พี่ผมก็ถูกผลักลงมา
การสูญเสียพี่ฟ้าไปมันทรมาณมาก ทรมาณมาจนถึงทุกวันนี้ และคงฝังใจไปจนวันตาย
“นิทานตัวหอมจัง ขนาดเย็นแล้วยังหอมอยู่เลย”
“ครามก็หอมเหอะ”
อาห์ บรรยากาศนุ่มนิ่มแบบนี้แหละคอมฟอร์ตโซนของผม
พวกเราน้วยกันสักพักก็ผละตัวออกจากกัน ผมนั่งเล่นมือถือส่วนนิทานนั่งอ่านหนังสือเหมือนเคย กระทั่งนิทานวางปากกาและเงยหน้าขึ้นมายืดเส้นยืดสาย
”อ๊ะ คนนั้นจำได้ว่าเป็นกิ๊กครามไม่เจอใช่เหรอ”กิ๊กผมมีเป็นสิบอ่ะ ถ้ากิ๊กที่ว่าคือนิยามของหนุ่มที่ตามจีบผมอยู่นะ และกิ๊กที่นิทานเห็นเดินอยู่ในห้องสมุดตอนนี้คือพี่ตฤณ พ่อเจนเทิลแมนจากคณะบริหารเจ้าเก่า พี่แกเห็นพวกเราแลยเดินฉีกยิ้มหวานเยิ้มมาหา
คอมฟอร์ตโซนของผมถูกพังทลายในพริบตา
แค่เห็นรอยยิ้มของพี่ตฤณหน้ายัยเบลล์ก็ลอยซ้อนเข้ามาเลย
สงสัยมากว่าพี่เขาจะตามจีบผมให้ได้อะไร ทำไมไม่กลับไปคบกับยัยเบลล์อีกครั้งเรื่องจะได้จบๆไป
“สวัสดีสีคราม”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน สายตาน้ำเชื่อมถูกสาดมายังผมจนตัวเริ่มมีมดไต่
ผมส่งยิ้มแห้งไปให้หนุ่มรุ่นพี่แต่ไม่ได้ตอบเป็นคำพูดใดๆ
“เย็นชากับพี่ตลอดเลยนะเรา ไหนบอกทีซิว่าเมื่อไหร่จะใจอ่อน”
“เมื่อพี่กับเบลล์กลับไปคบกันมั้งครับ”
“ไม่เอาน่า นั่นเป็นอดีตไปแล้ว”แต่อดีตของพี่กำลังตามหลอกหลอนผมอยู่นี่ไง! ผมอยากตะโกนใส่หน้ายิ้มๆนั่นแทบขาดใจติดตรงสถานที่คือห้องสมุดผมเลยได้ทำเบือนสายตามองเพดานบ้าง มองนิทานบ้าง
“เอ่อ ขอโทษนะครับพี่พอดีพรุ่งนี้ครามมีควิซ พี่อย่าเพิ่งรบกวนสมาธิครามเลยนะครับ”ได้นิทานช่วยไล่พี่ตฤณอย่างสุภาพ ไม่อย่างนั้นนะพี่เขาลากเก้าอี้แล้วทิ้งตัวลงนั่งจ้อกับพวกเราไปละ
หนุ่มบริหารทำหน้าแสนเสียดายก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่”พี่อุตส่าเดินมาตั้งไกลเพราะอยากเจอหน้าแต่ครามใจร้ายคุยกับพี่นิดเดียวเอง”
“พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่”หยะ อย่าบอกนะว่าพี่ตฤณอัพเลเวลกลายเป็นสโตรคเกอร์ไปแล้ว กีสสส นุกัววว
“ครามแชร์โลเกชั่นลงอินทราแกรมเองไม่ใช่หรือ”
ชะอุ่ย จะว่าไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนผมเพิ่งเซลฟีหน้าตัวเองแล้วโพสต์ลงไอจีว่าเด็กขยันเขาเข้าห้องสมุดกันตลอดๆ อิอิ
“พี่ไม่รบกวนแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือของเราต่อเถอะ”
“อะ อื้ม!”
ในที่สุดพี่ตฤณก็ยอมแพ้ ก่อนเดินจากไปยังมิวายเอื้อมมือมาขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดูอีกต่างหาก ถือวิสาสะมาก เพื่อนเล่นเหรอมาถึงเนื้อถึงตัวกันแบบนี้ได้ไง ฮึ่ย!!
“ฮ็อตจังนะ”นิทานเอ่ยแซวหลังจากพี่ตฤณออกไปพ้นบริเวณ
“เบื่อ”ผมไถลตัวเลื้อยบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
“คนนั้นก็กิ๊กครามรึป่าว”นิทานบุ้ยหน้าไปยังทิศที่มีประตูทางเข้าห้องสมุดอยู่
“ยังมีอีกเรอะ”วันนี้มันวันมรสุมอะไรของผมกันแน่
“สีคราม...”
อุ๊ย เสียงแบบนี้มันฟรานนี่!
ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองจึงปะทะสายตากับร่างสูงพอดี ฟรานกำลังมองผมด้วยสายตาหมาหงอยก่อนจะหยิบถุงร้านสะดวกซื้อขึ้นมาวางบนโต๊ะและกล่าวสั้นๆว่า”ให้”
ซื้อมาให้ผมเหรอ? ผมกระพริบตาปริบๆ ใช้ปรายนิ้วชี้สะกิดเขี่ยเพื่อเปิดปากถุงอย่างไม่แยแส เห็นของข้างในแว๊บๆมันคือนมเปรี้ยวกับป็อกกี้สีขาวรสนม
“เขาไม่ให้เอาของกินเข้ามาในห้องสมุดนะไม่รู้เหรอ”
คนที่โดนผมดุหน้าเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นเมื่อวานผมคงรับถุงนี้ไว้อย่างไม่ลังเลแต่วันนี้มันต่างกัน หลังจากฟรานมาขอเบอร์ผมเพราะเหตุผลพรรคนั้นคะแนนพิศวาสของเจ้าตัวก็ถูกหักลบจนไม่เหลือหรอ บัดนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดเดียวกับพี่ตฤณเรียบร้อย!
“สีคราม...ผมขอโทษ”
“ยังไม่เอาออกไปอีก เดี๋ยวบรรณารักษ์ก็มาดุหรอก”
“สีคราม...”
“ถ้าครามไม่เอาจริงๆเราขอนะ”เป็นนิทานที่นั่งสังเกตการณ์อยู่แบมือออกมาตรงนั้น ฟรานมีสีหน้าลังเลแต่พอนิทานขยิบตาให้รัวๆเจ้าตัวก็ยอมยื่นถุงให้นิทานและขอตัวกลับไปตามที่ตามทางของตัวเอง
“นิทาน! ไปรับของเขามาทำไม”นโยบายของผมคือไม่รับของจากใครหน้าไหนทั้งนั้น เคยรับมาแล้วเจอแต่ปัญหา!
“มันเป็นของที่ให้เพื่อขอโทษไม่ใช่ของจีบอย่างทุกที สีครามไม่รับก็ใจร้ายไปหน่อย”
“แต่คนเมื่อกี้คือฟรานที่เราเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้นะ”
“รู้ไงถึงได้รับไว้ ไหนดูซิซื้ออะไรมาบ้าง ฮะๆๆๆ เด็กน้อยจังนมเปรี้ยวกับป็อกกี้รสนมเนี่ยนะ อะสีครามเอาปะ”
“นี่มันห้องสมุดนะ!”คนสมัยนี้อ่านป้ายห้ามนำอาหารเข้ามารับประทานในห้องสมุดไม่ออกงั้นเหรอ ฮึ่ยยย
--------------------------------
ถ้าสีครามไม่เอาส่งมาให้เจ้ ขนมง้อเหรอ? ป่าว นี่พูดถึงผู้ชาย 555