Chapter 14: เทวดาจอมเปิ่น
แต่เค้าก็ไม่ได้พาผมกลับคอนโดในทันที...
“ดูหนังกันนะ ยังพอมีรอบฉาย” แล้วเค้าก็จอดรในโรงหนัง…ไม่เคยคิดจะถามกูซ๊ากคำ!
ผมลงจากรถด้วยความงุ่นง่าน แรงตึงมันรั้งตัวไปมาตอนขึ้นและลง …รถมันจะใหญ่ไปไหน!!
วันนี้คนไม่เยอะมากนัก แต่ก็มีบ้างประปราย เค้าเลือกโรงหนังใกล้คอนโดนี่แหละ คงเพราะไม่อยากขับรถไกลๆตอนดึก
“ขอตั๋วรอบสี่ทุ่มสองใบครับ” เค้าบอกพนักงาน พลางยิ้มหวานให้
ตั้งแต่เดินเข้ามาจากลานจอดรถจนกระทั่งถึงตรงนี้ ไม่มีใครที่มองเค้าแล้วไม่เหลียวหลังมองซ้ำ
ด้วยความหล่อราวกับดาราฮ่องกง ความสูงล่ำราวกับนายแบบ ถึงแม้เค้าจะสวมแค่เสื้อยืดลำลองและกางเกงบอล
มันยิ่งกลับทำให้เค้าดูเซ็กซี่(ผมหมายถึงในสายตาคนอื่นน่ะนะ) แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้...
“ไบรต์...” ผมเรียกคนที่เดินนำหน้าประมาณ 2 ก้าว
“ครับพี่” เค้าหยุดเดิน หันมาทางผม
“นายไม่ได้ใส่กางเกงในนะ”ผมชี้ตรงนั้น...ขนาดมันหลับยังดูใหญ่โต
“อ้า ชิท!” เค้าสบถ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเค้าหน้าแดงเพราะความอาย....555
ผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่
เราเดินกันต่อ ตอนนี้เค้าเดินข้างหลังผม พยายามชิดเพื่อปกปิดสิ่งที่แกว่งไปมา
“อะไรวะ ทำมาเป็นอาย ตอนนั่งแหกขากินก๋วยเตี๋ยวล่ะไม่ยักกะสนใจลมที่พัดโกรก” ผมแซว
“พอเหอะพี่ ผมเขิน” ว่าแล้วก็เขยิบมาเดินชิด น้องชายของเค้าถูไถกับเอวผม
“เห้ยๆๆๆ อย่าชิดมาก เสียดสีมากๆระวังมันโด่แล้วปิดไม่ได้นะ” ผมขู่ เค้าถอยออกครึ่งก้าว
“จริงๆก็เกือบแล้วพี่ ดีนะที่พี่ยั้งไว้ก่อน”
แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้คนหน้าไม่อาย นี่ถ้าโด่มากลางโรงหนังจะทำไงวะ
“งั้นนั่งรอตรงนี้” ผมสั่ง เค้านั่งลงเก้าอี้หน้าโรง “เดี๋ยวผมไปเดินดูกางเกงในให้”
“ป่านนี้แล้ว เค้าคงปิดร้านกันหมดแล้วพี่ ช่างมันเหอะ อีกไม่กี่นาทีก็เข้าโรงแล้ว”
ผมดูนาฬิกา เออ ก็จริง ดึกป่านนี้แล้วร้านรวงคงเก็บกันไปหมด
“ทีหน้าทีหลังก็หัดใส่บ้างนะ ไม่ใช่เดินโทงๆอย่างนี้” ผมดุ
“ก็คนมันทั้งรีบ ทั้งหิวนิครับ” ว่าแล้วก็เลียมุมปาก เค้าดึงผมให้นั่งข้างๆ
ผู้คนรายรอบต่างจับจ้องมาที่คู่เรา ผมรีบเขยิบห่าง...เค้าดึงแขนผมไว้
“ปล่อย คนมองกันเยอะแยะ” ผมปราม กวาดตามองไปทั่ว สายตาแทบทุกคู่จดจ้องมาทางเรา
คนหนึ่ง หล่อใส ขาวตี๋ ร่างใหญ่ ไม่ใส่กางเกงใน(จริงๆไม่ต้องย้ำประโยคนี้ก็ได้เนอะ)
อีกคนหนึ่ง หน้าเข้ม ไทยแท้ถูกจับมือโดยคนเมื่อกี้...เด็กประถมคงมองออกว่ามันต้องไม่ธรรมดา
ผมรีบสะบัดมือออกด้วยความอาย
“อย่ารุ่มร่าม ถือว่าขอ” ผมเน้นเสียง เค้าปล่อยมือผมแต่โดยดี
พวกเรารอให้คนอื่นๆเข้าโรงไปก่อน ผมไม่ชอบดูหนังตัวอย่างเลยขอรอข้างนอก
จนสิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีนั่นแหละ พวกเราก็เข้าไปนั่งในโรงหนัง
“อ้าว ที่นั่ง VIP เลยเหรอ?” ผมถาม ตอนที่ซื้อตั๋วเค้าก็เป็นคนจัดแจงทุกอย่างเองหมด
เค้าไม่ตอบ ใช้สองแขนหนีบตัวผมและดันไปนั่ง “ก็เก้าอี้มันใหญ่ดี ที่นั่งธรรมดาผมนั่งลำบาก”
ผมมองเค้าในความมืดรางๆ ก็จริงนะ ขนาดเก้าอี้ว่าใหญ่แล้ว เค้านั่งลงไปมันดูกระจิ๋วเดียวเอง
แล้วเค้าก็เอาแขนซ้ายมาพาดที่คอ ผมปัดทิ้ง
“ไม่มีใครมองหรอก เห็นมั้ยว่ามีแต่เราที่นั่งชั้นนี้”
ผมไล่สายตาไปรอบๆ เออ...จริงด้วยแฮะ
วันนี้คนน้อย ผู้คนบางตา ผมจดจ่อไปกับหนัง ไม่นานนักเค้าก็ดึงหน้าผมไปซบที่อก
ผมรู้ว่าขัดขืนไม่ได้ ก็ปล่อยเลยตามเลย
“แบบนี้ พี่คงอุ่นดี ดูดิ ใส่เสื้อบางมาเชียว ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วใครใช้ให้พามาดูหนังล่ะ รู้ว่าไม่สบายทำไมไม่พากลับ” ผมย้อน
เค้าไม่ตอบแต่กระชับอ้อมกอดเข้ามาแทน
“อึดอัด” ผมดิ้นขัดขืน ยิ่งดิ้นเค้าก็ยิ่งรัด พอเห็นว่าผมพยายามดึงตัวมานั่งที่ตรงๆ
เค้าลุกขึ้น ช้อนตัวมาอุ้มผม แล้ววางแหมะลงบนตักเค้า “ดิ้นมากนัก นั่งมันตรงนี้แหละ”
แล้วเก้าอี้ VIP ตัวนี้ก็ถูกนั่งโดยผู้ชายร่างโตถึง 2 คน...
“ดูหนังไป อย่าดิ้น น้องชายผมมันยิ่งเซ้นสิทีฟอยู่” เค้าขู่
ผมได้แต่นั่งเกร็ง แม่ง ถ้าจะลำบากขนาดนี้ก็อย่าดูมันเลยนะ
เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที พอเค้าเผลอ...ผมก็รีบลุกแล้วเดินออกมาจากโรงหนังโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของเค้า
ผมเดินหงุดหงิดออกมาข้างนอก ร้านรวงปิดกันจนหมดแล้ว มีแต่ความมืด ผมเดินตามทางไปยังลิฟต์โดยสาร
เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งตามมา ผมรู้ว่าเป็นเค้า แต่ก็ไม่ได้สนใจ
“พี่คิง เดี๋ยว” เค้าร้อง
“พี่เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆถึงลุกออกมาล่ะ”
ผมไม่ตอบ ผมยืนหน้าลิฟต์ หันหลังให้เค้า
“พี่โกรธอะไรผมเหรอ”
ผมยังนิ่ง
“พี่คิง” เสียงเค้าอ่อยๆ
“เงียบเถอะ ผมเหนื่อย”
“พี่คิง” เค้าจับมือผม ผมไม่ขัดขืน แต่ก็ไม่ได้หันหลังกลับมามองเค้า “ผมขอโทษ...”
ตี๊ง...ลิฟต์มาพอดี ผมเดินเข้าไปโดยมีเค้าเดินตาม
“อย่าโกรธผมเลยนะ” ผู้ชายตัวโตคนข้างๆเอาไหล่มากระแซะ
“เปล่า ไม่ได้โกรธ” ผมเอ่ยปาก
“อ้าว พี่ไม่โกรธ แล้วทำไมถึงเดินออกมาล่ะ” เค้าสงสัย
“ไบรต์...อย่าทำแบบนั้นอีกเลยนะ” ผมสบตาเค้าเป็นครั้งแรก
“ผมไม่ชอบอะ แค่เรามีอะไรกันตอนนี้ผมก็รู้สึกแย่พอแล้ว
แต่นี่ ทำไมต้องแสดงตัวประเจิดประเจ้อ ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของด้วย
มันที่สาธารณะนะ ถึงแม้จะในโรงหนังก็เถอะ ผมก็คนมีพ่อมีแม่ มีครอบครัว คนรู้จัก
ถ้ามีใครมาเห็นเข้า ผมจะต้องทำยังไง ไบรต์!! ผมไม่ใช่เกย์นะ ผมไม่เคยเป็นเกย์
ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน ผมไม่ชินกับการกระทำและการแสดงออกแบบนี้”
ผมระเบิดความอึดอัดใส่เค้าเต็มที่ เทวดาหนุ่มหน้าสลด...
“ถ้าพี่ไม่ชอบผม แล้ววันนั้นพี่จูบผมทำไม” เสียงเค้าดูโรยแรง
“ผมเมา” ผมตอบได้แค่นั้น ความคิดในหัวปั่นป่วนจนกลั่นกรองคำพูดไม่ออก
เทวดาหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของผม ตอบมาด้วยสายตาจริงจัง
“แต่ผมไม่เมา”
เค้าเดินออกจากลิฟต์ ทิ้งผมเดินตามออกไป เท้าของเค้าเร่งห่าง ผมหยุดมองเค้าเดินไปยังที่จอดรถ
แล้วผมก็เดินออกไปอีกทาง....
ไปไหนดีล่ะเนี่ย ผมบ่นกับตัวเอง
กุญแจรถ กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ทิ้งไว้ที่คอนโดเค้าหมดเลย
ผมควานหาเศษเหรียญ...ไม่เจอซักแดง แต่ผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ
มารู้สึกตัวอีกที ก็ถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอดของใครสักคนอย่างแรง
“เห้ย!” ผมสะดุ้ง
“อยู่นี่เอง อยู่นี่เอง” น้ำเสียงตื่นตระหนกของเค้าผ่อนคลาย ใบหน้าซีดกลับมีเลือดฝาด
“อย่าหนีไปไหนอีกนะครับ ผมขอโทษ ผมผิดเอง” น้ำเสียงเค้าร้อนรนผิดปรกติ
“ผมเดินไป ผมไม่เห็นพี่ตามมา รู้มั้ยผมใจคอไม่ดีเลย”
ผมขืนตัวออก ไม่พูดอะไร เค้าหอบแฮก
“นี่วิ่งตามมาเหรอ”เค้าพยักหน้าแรงๆสองสามที
“ผมนึกว่า พี่จะหนีผมไป”
“ทีแรกก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่ไม่มีตังค์ติดตัวซักบาทเลยไปไหนไม่รอด” ผมตอบตามตรง
เหงื่อเค้าผุดเต็มตัว เสื้อขาวเปียกย่นเผยสัดส่วนกระชับ
“นี่วิ่งไปไหนมาบ้างเนี่ย”
“ทั่วเลย ในโรงหนัง เข้าไปในโรงเผื่อพี่เปลี่ยนใจกลับไปดู ไปที่ห้องน้ำ ลานจอด ที่รถไฟใต้ดิน...” เค้าหอบหายใจถี่
“ก็เจอแล้วนี่ไง” ผมพิงรั้วข้างทาง มองรถราบนถนนสายรัชดา โรงแรมและสิ่งยั่วยวนประดับไฟสวยงามเย้าใจ
หากเป็นเวลาปรกติที่อยู่กับลูกค้า ผมก็จะพามารับรองแถวนี้ อาบ อบแล้วก็นวด แล้วก็พากันไปไหนต่อไหน...
“กลับกันเถอะ” เค้าดึงผมกลับสู่โลกความจริงแล้วเดินนำหน้าไป “เดินมากับผมนะ”
ผมรู้ว่าเค้าอยากจะจูงมือ เพราะกลัวผมจะหนีไปอีก แต่ก็ไม่ทำ
แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยน้ำชุ่มเดินอาดๆ ผมยิ้มให้กับตัวเอง ไม่รู้สวรรค์จะเล่นตลกอะไรอีกไหม
เค้าหันกลับมามองผมเป็นระยะๆ ผมรักษาระยะห่างไม่ให้เข้าไปใกล้เค้ามากเกินไป
“ดีนะที่ดึกแล้ว คนเลยไม่เยอะ” เค้าเปรย หันมาทางผม “ไม่งั้นน่ะ ผมคงอายมากกว่านี้แน่ๆเพราะไม่ได้ใส่กางเกงใน”
ผมมองไปที่เป้าเขา กางเกงเปียกๆเผยบางอย่างที่ห้อยหัวชัดเจน แล้วผมก็ขำก๊ากออกมาทันที...
To be continued...