One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ l ตอนที่ 53 หน้า 6 [10-11-61](ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ l ตอนที่ 53 หน้า 6 [10-11-61](ตอนจบ)  (อ่าน 73724 ครั้ง)

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 24: พิเรนทร์



ผมตกใจค้าง ก่อนจะเรียกสติกลับมา เค้ายักคิ้วให้ ... คำพูดเมื่อเช้ากลับมาทันที

“...มาพนันกันดีกว่า ถ้าภายในวันนี้เราเจอกันโดยบังเอิญ...พี่ต้องไปกินข้าวและดูหนังกับผมเย็นนี้”

ซวย ซวย ซวย!

“อ่า...มาต่อกันดีกว่านะครับ ขอต้อนรับน้องๆกันอีกครั้ง พี่ชื่อพี่คิงนะครับ ชื่อเต็มๆว่า ศิลา ศิลาอาจน์ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด พี่จะเป็นคนรวบรวมและประเมินการฝึกงานของน้องๆทุกคน ไหนแนะนำตัวกันหน่อยครับ ใครเป็นใครบ้าง”

ผมเปิดโอกาสให้น้องๆแนะนำตัวทีละคน จนคนสุดท้าย

“สวัสดีครับพี่คิง” รอยยิ้มนั้น มันเยาะเย้ยชัดๆ “ผมชื่อไบรต์ นราธิป อภิมรนวกุล นักศึกษาชั้นปี 4 มหาวิทยาลัย...”

ไม่ต้องยักคิ้วให้ได้มั้ยโว้ยยยยยยยยยยย! “เรียนอยู่ภาควิชาการตลาด อายุ 22 ปี สูง 185 เซ็นต์ น้ำหนัก...”

อายุ 22!!!! นี่เราโดนเด็กบริโภคมาตลอดเวลาเลยเหรอเนี่ย...

T____T

เค้าพูดต่อ “สัดส่วน...”

“เห้ยๆๆๆ พอๆๆ” ผมปราม หน้าแดงก่ำ เพราะที่เค้าพูดมาเนี่ย ผมเคยเห็นมาหมดละ “ไม่ใช่หาคู่ ไม่ต้องบอกเยอะขนาดนี้”

น้องๆหัวเราะครืน ท่าทางเค้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“เดี๋ยวพี่จะชี้แจงว่าต้องทำอะไรยังไงนะครับ ใช้เวลาไม่นาน แล้วเดี๋ยวพี่จะพาไปหาคนในแต่ละหน่วยงาน...”

ผมเล่าคร่าวๆว่าน้องๆต้องทำยังไง หน่วยงานไหน การประเมินผลเป็นยังไง ใช้เวลาไม่นานก็จบ

“คราวนี้พี่จะพาทุกคนไปส่งที่หน่วยงานครับ เบญจน์, สิริเกียรติและอรวดี ตามพี่มาเลยครับ”

“อ้าว พี่แล้วผมล่ะ” ชายร่างใหญ่ประท้วง

“นายรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวมารับ” ผมบอกเค้าแล้วพาทั้ง 3 ไปหาผู้ดูแล...

ไม่นานผมก็กลับมา...เค้าทำหน้ามุ่ย

“นึกว่าพี่จะปล่อยเกาะผมซะแล้ว”

“นี่นายวางแผนไว้หมดแล้วใช่มั้ย?” ผมถาม

“แผนอะไร...” เค้าคิด “อ่อ...เรื่องพนันน่ะเหรอ” เค้ายิ้มยั่ว

“ใช่น่ะสิ นายรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าจะมาฝึกงานที่นี่” ผมเผลอตบโต๊ะปัง

“พี่ ผมไม่ใช่เทวดานะ จะได้รู้ล่วงหน้าว่าพี่ทำงานที่นี่” เค้าแย้ง “ผมรู้ว่าพี่ทำงานที่นี่ตอนพี่เดินเข้ามาให้ห้องนี่แหละ”

“แล้วทำไมยังกล้าพนัน” ... โอกาสไม่เจอมันมีเยอะกว่าอีกนะ เค้าทำหน้าแป้นแล้นแบบเด็กได้ของเล่นใหม่

“ทำไมจะไม่กล้าล่ะพี่ ... สุดท้ายแล้วถ้าผมไม่เจอพี่ ก็ไปดักรอหน้าบ้านก็ได้นี่นา แล้วบอก...บังเอิญจัง”

โหย ไอ้เจ้าเล่ห์...นี่แสดงว่าวางแผนไว้หมดแล้วสิ!!!

“ไอ้....” ผมอึกอัก เค้าลุกมา ดันประตูปิดสนิทและล็อคห้องไว้ “ทำอะไรน่ะ” ผมถาม

เค้ามองมาที่ผม สายตาหวานฉ่ำ “ก็ทำตามเสียงหัวใจน่ะสิ”

แล้วผมก็โดนเค้าดึงตัวไปจูบ...ริมฝีปากอุ่นๆแตะกันเบาๆ เขาขบริมฝีปากผมส่ายลิ้นไปมา จนผมเผลอเผยอปาก

แล้วเค้าก็ควานลึก รุกรานเข้ามาบดขยี้...ผมเคลิ้ม ส่วนท้ายใหญ่โตของเค้าตุงอัดแน่นเสียดสีกับเอวผม

สติยิ่งกระเจิดกระเจิง....เห้ย ที่นี่ทำงาน!!!

ผมผลักเค้าออกอย่างยากลำบาก “พอ...มันไม่เหมาะ นี่ที่ทำงาน อย่ามาทำพิเรนทร์แถวนี้”

เค้าถอนปากด้วยความเสียดาย ริมฝีปากมันแผล่บ... “จูบมัดจำนะครับ...เย็นนี้ไปกินข้าวและดูหนังกัน”

อ๊ากกกกกกกกกกกกก

...ดั่งนรกชัง หรือ สวรรค์แกล้ง แกล้งทรมาน ให้ฉันได้เจอ... เสียงเพลงนี้ลอยมาเข้าหู

เค้าโผมากอด ผมดิ้นไม่หลุด เมื่อกี้จูบ ตอนนี้กอด

“ไบรต์ พอเถอะ” ผมห้าม “มันไม่ดี”

“ผมคิดถึงพี่อะ...คิดถึงแทบบ้าเลย” เค้าสารภาพ... “พี่ไม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ” น้ำเสียงเว้าวอน

โหย เมื่อคืนหลับเป็นตายไปเลย “ไม่อะ”

“ใจดำ...ไม่คิดถึงสามีคนนี้เลย”

ผลั่ก! ผมเสียหมัดอัปคัตปลายคาง...”อย่ามารุ่มร่ามแถวนี้นายพิเรนทร์ ใครสามีใคร พูดดีๆนะ”

“อูยยย...” เค้าลูบคาง “พี่ก็รู้อยู่เต็มอกนี่นา...ใครสามี ใครภรรยา...”

“ไอ้....” โอย จนปัญญาหาคำมาด่า เสียงเคาะประตูดัง ผมได้ทีเดินไปเปิด “คิง เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกัน” ไอ้นัทนั่นเอง

“อ่า เที่ยงละเหรอ ได้ๆ” ผมรับคำ

“ชวนน้องเค้าไปด้วยสิ ไปกินด้วยกันนะคะน้อง” เห้ย ไอ้นัท ไม่ปรึกษากูเล้ย!

“ยินดีครับผม” ไอ้นี่ มันคุ้นกับคนง่ายขนาดนี้เลยเรอะ!

ผมเดินตามไอ้นัท โดยมีเทวดาตัวใหญ่เดินตามต้อยๆ...

-----------------------------------------------------------------------------------------------

“ค่ะ คุณหมอ วันนี้ติดงานด่วนจริงๆ ขอเลื่อนนัดไปเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ”

หญิงสาววางสาย วันนี้เธอมีนัดไปตรวจกับคุณหมอยิ่งยศโดยการแนะนำของหมอเบสต์

“ขอบคุณมากๆเลยค่ะ และต้องขอโทษจริงๆที่ไปตามนัดไม่ได้”

แต่โปรเจคที่กำลังทำอยู่เกิดปัญหา เธอจำเป็นต้องไปช่วยดูแล คิดว่าคงใช้เวลาทั้งวัน

หญิงสาวแต่งตัว แต่งหน้าซีดให้ดูสดใสเพื่อกลบเกลื่อนอาการ มีคนรู้ว่าเธอป่วยน้อยมาก...

...ขนาดอดีตคู่หมั้นยังไม่รู้เลย

เธอมองหน้าต่างบ้านติดกัน ...แบบนี้คงดีที่สุดสำหรับพวกเราแล้วล่ะคิง...

----------------------------------------------------------------------------------------------

ผมโดนก่อกวนตลอดทั้งบ่าย... เค้าเข้ามาถามโน่น ถามนี่ ใช้ทำอันนี้ก็ไม่เข้าใจ อันโน้นก็ไม่รู้เรื่อง

นี่มันแกล้งกันชัดๆ!!!

“นายพิเรนทร์” ผมเรียก “ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ผมสอนไปนี่”

“พี่ ผมชื่อไบรท์ ไม่ใช่พิเรนทร์นะ” เค้ายิ้มกวน “อ๋อ...ผมคงลืมอะครับ”

ไอ้...ไอ้...มันหาเรื่องกันโจ่งแจ้งเลย

แล้วผมก็ผ่านพ้นวันอันแสนโหดร้ายไปได้...ห้าโมงครึ่ง เค้ายังรอผมอยู่...

“ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” ผมถาม

“ก็รอใครบางคนแถวนี้แหละ”

“รอใคร เพื่อนๆที่มาฝึกงานเค้ากลับกันหมดแล้ว” ผมเฉไฉ

“โหย อย่าความจำสั้นกระทันหันแบบนี้สิครับพี่ ผมรู้นะว่าพี่จำได้” เค้าประท้วง “ไปกันเถอะ”

โชคยังดีที่วันนี้คนกลับบ้านกันตั้งแต่ห้าโมงเย็น เลยไม่มีใครเห็นการแสดงออกแบบเปิดเผยของเค้า

“ปล่อยมือก่อน” ผมบ่น “บอกแล้วว่าห้ามรุ่มร่ามนายพิเรนทร์”

“ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมรุ่มร่าม ก็ต้องแทนตัวเองว่า พี่ ไม่ใช่ ผม กับผมก่อนสิ”

อ๊ะ ไอ้นี่ ได้คืบจะเอาศอก

“เพื่ออะไรวะ”

“ก็ถ้าพี่ไม่พูดกับผมดีๆ ผมก็จะกวนพี่ไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ” เค้าเลื่อนใบหน้ามาใกล้

ที่นั่งของผมเป็นคอกที่กั้นไว้เป็นสัดส่วน ด้านหลังสุด ถ้าไม่มีใครจงใจมองก็จะไม่รู้ว่าวันๆผมทำอะไรบ้าง

ทำเลตรงนี้จึงค่อนข้างลับตาคน เรานั่งกันอยู่ ระยะประชิดของเค้าทำให้ผมเลื่อนเก้าอี้ติดพาร์ติชั่น...

“จะทำอะไรน่ะ” ผมดันตัวเค้าไว้

“ก็จะโชว์ให้ดูไงครับ ว่าถ้าพี่ใจร้ายกับผม...ผมก็จะหอมแก้มพี่กลางที่ทำงานนี่แหละ”

แล้วเค้าก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่.....แม่ง!! ขนาดผมเสยหมัดกลับแล้ว มันยังไม่รู้สึกอะไร

“ก็ได้ๆนายพิเรนทร์ อย่าทำแบบนี้นะ พี่ไม่ชอบ” เค้าหัวเราะได้ใจ ผมโมโหเดือดปุดๆ

“ไปกันเถอะพี่คิง...ผมเริ่มหิวแล้ว...เวลาแทนตัวเองว่าพี่ฟังดูดีกว่าตั้งเยอะ”

“ออกเวลานี้เนี่ยนะ รถติดตายชัก” ผมบ่น

“ไม่ต้องห่วง ไปรถผม รับรองเร็วกว่าแน่ๆ” เค้าปิดคอมผม ฉุดตัวผมออก

จะบังคับอะไรกันมากมายวะ

สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งกินอาหารญี่ปุ่นอยู่กับเค้า ผมสั่งเซ็ตปลาหมึกย่างซี้อิ๊วของโปรด

เค้าสั่งชุดเบนโตะจานใหญ่พร้อมปลาดิบเมนูเคียงอีกนับไม่ถ้วน...กินหรือล้างผลาญกูวะเนี่ย

กินเสร็จ...เค้าแย่งจ่าย ผมควักตังค์ให้ก็ไม่เอา

“สามีต้องเลี้ยงภรรยาสิ” โอ๊ยยยยยยยยยยยย กรรม! มึงอายุน้อยกว่ากูอี๊ก!!! ..เหนื่อยใจ

แล้วเราก็ไปดูหนัง ที่นั่ง VIP เหมือนเดิม รอบสองทุ่ม...ก่อนเข้าโรงหนังผมก็โทรบอกที่บ้านว่าไม่ต้องรอ

หนังฉายแล้ว...เค้าดึงตัวผมไปกอด ผมดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่หลุด นี่แสดงว่าไม่จำเลยใช่มั้ยเนี่ยที่เคยด่าไป

เศร้าว่ะ

หนังตาผมตึงๆ คงเป็นเพราะร่างกายผมยังไม่พร้อมเต็ม 100 ผมเลยหลับไป...

จำได้รางๆว่าหน้าอกเค้าเต้นตึกตักๆ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

“พี่คิง...ตื่นเถอะครับ หนังใกล้จบแล้ว” เค้าเขย่า ผมดูจอยักษ์ เออ...ถึงไหนแล้วเนี่ย...

“ฮ้าวววว” ผมอ้าปาก อุ่นดีจังอ้อมกอดมันเนี่ย... “ง่วงอะ”

เค้าแตะตามตัวผม “ไม่มีไข้นี่นา”

“อืม หายแล้ว แค่เพลียๆ”

“งั้น วันนี้ค้างที่คอนโดผมนะ ไม่ไกล” แน่ะ มีเสนอ แบบนี้ก็ต้อง...

“อย่าหวัง...จะกลับบ้าน”

“โหยยยย ไม่เอาอะ ผมไม่อยากนอนคนเดียว” อ้าว งอแงเป็นเด็กอีกละ

“ไม่อยากก็ต้องทน” ผมไม่ง้อหรอก

“งั้นผมไปค้างบ้านพี่นะ” เอ๊ะ ไอ้นี่!!

“ฝันไปเถอะ” ผมเยาะเย้ย

“น้า นะ นะ นะ” เค้าทำเสียงอ้อน

“ไม่...” ผมเสียงแข็ง

“พี่คิง” ยังไม่จบ...

“ไม่คือไม่...หนังจบแล้วกลับๆๆๆ”ผมชัดเจน เค้าหน้าหงอยเดินนำออกจากโรงหนัง

สุดท้ายเค้าก็ต้องขับมาส่งผมที่บริษัท ผมขับรถกลับบ้าน โดยที่เค้าครางหงิงๆกลับคอนโดไป...

ผมขับรถจนถึงบ้าน...จอดรถไว้หน้าบ้านนี่แหละ ขี้เกียจถอยเข้าๆออกๆ

ประตูรถเปิดออก ผมตกใจ...ใครแม่งมาเปิดประตูให้วะ...

เทวดาร่างใหญ่ยิ้มให้อย่างร่าเริง “ไปไหนมา ผมรอตั้งนาน”




โปรดติดตามตอนต่อไป....

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาไวกว่าเจ้าของบ้านอีกนะ  หุหุ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 25:ให้มันเป็นไป...



ก่อนหน้านี้ 4 ชั่วโมง....

หมอหนุ่มเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยความอ่อนล้า 6 ชั่วโมงแห่งความเป็นความตายดูดพลังงานเขาเสียสิ้น ในฐานะผู้ช่วยชีวิตคนอื่น เขาต้องยืนหยัดและเข้มแข็ง แต่ความจริงแล้วส่วนลึกของชีวิตนั้นมันช่าง...ว่างเปล่า

จนกระทั่งเมื่อ 6 เดือนก่อน เขาตกหลุมรักหญิงสาวร่างบางคนนั้น คนที่รีบกุลีกุจอไปช่วยเด็กชายขอทานตัวสกปรกคนหนึ่งที่โดนกลุ่มเด็กละแวกนั้นรุมรังแก...ภาพนั้นทำให้เขาประทับใจ และสุดท้าย เธอก็ถูกหามนำส่งโรงพยาบาลเพราะอาการของโรคประจำตัวที่กำเริบ ก่อนจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง

                โลกของเรามันช่างโหดร้าย...

หลังจากเปลี่ยนชุดและทำความสะอาด เขาก็กลับมาที่โต๊ะ เปิดอ่านข้อความในมือถือ

“คุณโสภิดาขอเลื่อนนัดเป็นวันพรุ่งนี้เพราะติดงานด่วน รบกวนโทรกลับหมอยิ่งยศ 081-6689…”

ชายหนุ่มยกหู... “ครับคุณหมอ...ผมนรินทร์ครับ...”

หมอยิ่งยศเข้าประเด็นทันที “คุณนรินทร์...ผลเลือดที่ออกมาไม่ตรงกัน...เราใช้เลือดของญาติไม่ได้”

โลกของเขาดับวูบ ความหวังที่เคยเจิดจ้า กลับมอดไหม้...มันเป็นการยากที่จะต้องเผชิญหน้ากับการจากไปของคนที่เรารัก ถึงแม้เราจะต้องเผชิญกับความตายของคนรายล้อมตัว สำหรับบางคน...ไม่ใช่แค่ล้มหายตายจาก แต่มันเหมือนดังว่า ลมหายใจของเราได้ปลิดปลิวไปกับการดับสูญนั้นด้วย...

เขาปวดร้าวเกินจะรับไหว... “ขอบคุณครับ คุณหมอ...” เขาเว้นช่วง

“ถ้าผมมีเรื่องขอให้ช่วยอีกเรื่อง จะได้ไหมครับ” หมอหนุ่มถาม เขาเลือกที่จะไม่ละความหวัง...

-----------------------------------------------------------------------------------------

“ใช่ค่ะ...เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้” เพ็ญแขสรุปเรื่องราวให้อีกฝ่ายหนึ่งฟัง...

“แล้ว...คิงว่ายังไงบ้างคะ” ฝ่ายนั้นถาม น้ำเสียงดูครุ่นคิดและสับสน

“ดิชั้นเลือกที่จะให้เด็กๆคุยและตกลงกันเองมากว่า...” เพ็ญแขพูด “ชั้นไม่อยากก้าวก่าย”

“แต่ เรื่องนี้พวกเราตกลงกันไว้ตั้งแต่พวกแกยังไม่เกิดด้วยซ้ำนะคะ”

“คุณศรี เราตกลงกันเองทั้งนั้น ไม่เคยถามพวกเขาเลยซักคำ” เพ็ญแขแจง

“แต่...” อีกฝ่ายหนึ่งยังดึงดันและงุนงง

“ถือว่าดิชั้นขอนะคะ ดิชั้นสงสารลูก...” น้ำตาของเธอคลอเบ้า

“อยากให้ยัยเฟียซได้เลือกทางที่เค้าคิดว่าใช่ ก่อนที่...”

เธอนิ่งเงียบ ไม่อยากจะปล่อยน้ำตาให้อีกฝ่ายเห็น เธอไม่ต้องการความสงสารจากใครในตอนนี้

สิ่งเดียวที่เธอจะให้ลูกสาวคนโตได้ คือ ทำความต้องการของลูกให้สำเร็จ

ศรีประจันต์ หญิงแก่สวยคมเข้มตามประสาชาวใต้จับจ้องร่างสั่นเทิ้มของผู้หญิงเบื้องหน้า ความรักที่มีต่อลูกทำให้เพ็ญแขต้องบากบั่นมาหาในวันนี้...ทั้งๆที่คนๆนี้พยายามหลบเลี่ยงการพบปะระหว่าง 2 ครอบครัวมาตลอดหลังจากการเสียชีวิตของผู้เป็นสามี อุบัติเหตุที่พรากคนรักไปทำให้เธอไม่อาจจะลบเลือนเรื่องที่เกิดขึ้นได้ สิ่งหนึ่งที่เพ็ญแขยังคงยึดมั่น ก็คือสัญญาลูกผู้ชายของสามีผู้เป็นที่รัก ถึงแม้หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่เพียงเพราะนั่นคือความต้องการของเขา...เธอก็ยังเก็บเอาไว้...

จนกระทั่งวันนี้...

ศรีประจันต์ส่ายหน้า เข้าใจหัวอกผู้เป็นแม่เป็นอย่างดี และไม่โทษเพ็ญแขหรือหนูเฟียซกับการตัดสินใจแบบนี้ หนำซ้ำยังสงสารในชะตากรรมของผู้เป็นลูกท่วมท้นเสียอีก...

“คุณเพ็ญ” ศรีประจันต์จับมืออีกฝ่าย ส่งถ่ายความรู้สึกผ่อนคลายไปหา “เอาเป็นว่าดิชั้นเข้าใจ เรื่องถอนหมั้น ก็ขอให้เป็นไปตามความต้องการของพวกเด็กๆก็แล้วกันนะคะ”

“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ” น้ำตาเอ่อท้นจนอั้นไว้ไม่ไหว

ศรีประจันต์ทำได้เพียงกุมมือนั้นไว้ จับกระชับ เพื่อย้ำว่า เธอไม่เป็นอะไรจริงๆ....

-----------------------------------------------------------------------------------------

“ค่ะ คุณหมอ” ปลายสายส่งเสียงอบอุ่น

“บอกให้เรียกพี่เบสต์ไง...” เขาบ่น

“ก็มันไม่ชินนี่คะ”

“เมื่อไหร่จะชินล่ะครับ” หมอหนุ่มยวน

“ไม่รู้ค่ะ...” ปลายสายเงียบเหมือนครุ่นคิด

“ช่างมันเถอะครับ เรียกแบบที่คุณเฟียซอยากเรียกก็แล้วกัน...” เขายอมแพ้

“โอเคค่า” น้ำเสียงนั้นยั่ว

“งั้นเดี๋ยวผมไปรับนะครับ” เขาเก็บของ ซึ่งมีแค่กระเป๋าสตางค์ และมือถือเครื่องเก่าผุพัง

“คุณหมอมาถูกแน่นะคะ” เธอถามย้ำ

“สบายมาก” เขาโกหก ความจริงเขายังไม่เคยไปแถบนั้นเลยด้วยซ้ำ “เดี๋ยวเจอกันครับ”

หมอหนุ่มขับรถหลงประมาณ 2 รอบก็เจอทางเข้า หญิงสาวในชุดทำงานยืนเด่นรอที่อยู่แล้ว

เธอเปิดประตูเข้ามานั่งทันทีที่เขาจอดรถเทียบ

“ขอโทษครับที่มาช้า”

“หลงจริงๆด้วยสินะคะ” เธอพูดเหมือนเข้าใจ “ชั้นก็เพิ่งลงมาเหมือนกัน” เธอยิ้ม เขาท่าทางโล่งอก

“คุณเฟียซจะกลับบ้านเลยมั้ย” หมอหนุ่มมองใบหน้าสวย

“อืมมมมม คุณหมอว่างมั้ยอะคะ” เธอหันมาสบตา

“ว่างครับ ทำไมเหรอ”

“คือชั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่ตอนบ่าย ตอนนี้หิวมากเลยค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ

“พาชั้นไปหาอะไรกินก่อนกลับได้มั้ยคะ”

เขารับรู้ถึงความดีใจที่เต้นตึกตักในทรวงอก มันสุขจนแทบล้นทะลักออกมา

“ด้วยความยินดีเลยครับ” เขาขับรถแล้วพุ่งทะยานออกไป

-------------------------------------------------------------------------------

“กินไอติมกันมั้ยครับ” เขาชวน

หญิงสาวหุบยิ้ม แล้วเดินนำไป

“คุณเฟียซ เป็นอะไรไปครับ ผมพูดอะไรผิดเหรอ”

“เปล่าค่ะ ไม่ผิดหรอก...” เธอถอนหายใจเบาๆ “เพียงแต่ชั้นไม่ชอบกินไอติมค่ะ”

“อ้าว ทำไมล่ะครับ ประเทศเราเมืองร้อนนะ ไม่กินไอติมเป็นไปได้ไง”

“เอาเป็นว่า...ไปกินอย่างอื่นแทนดีกว่านะคะ...ร้านเค้กตรงนั้นน่าอร่อยดีออก” เธอเปลี่ยนเรื่อง

เขากำหมัดแน่น คงเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นสินะ ที่พรากความสดใสจากเธอไป...

เพราะความรักรูปแบบบ้าๆแบบนั้น...

“เค้กก็ได้ครับ” เขาเดินตามไม่ห่าง สองมือแกว่งไกวของหญิงสาวปัดมาโดนมือเขาบ่อยๆ

ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี คว้ามือบอบบางนั้นไว้ มันเย็นเยียบจนเขาใจหาย

“ขอผมจับมือคุณเฟียซไว้นะครับ” เขายิ้ม ให้ดวงตาและรอยยิ้มสื่อความหมายออกไป

เธอลดจังหวะการเดินลง เหลือเพียงก้าวช้าๆข้างๆ หมอหนุ่มประสานนิ้วกับมือน้อย

ความอบอุ่นของเขาทำให้มือนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง....

แล้วผมจะบอกคุณยังไงดี...ผมควรจะบอกยังไง

-----------------------------------------------------------------------------------

หลังจากมาส่งเธอแล้ว หมอหนุ่มนั่งพูดคุยกับสามแม่ลูกอยู่นาน...กาแฟคือสิ่งที่ทำให้เขายังตาสว่างอยู่ได้ แต่ที่มากกว่านั้นคือการได้เฝ้ามองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า มันทำให้เขามีพลังที่จะขับเคลื่อนตัวเอง...

รูปถ่ายของหัวเรือใหญ่ของบ้านเหมือนจับจ้องมาที่เขา ไม่ว่าจะหันตัวไปทางไหน ก็คล้ายกับว่าแววตานั้นยังมีชีวิตและจดจ้องราวกับจะทวงคืนอดีต...อดีตที่ทำให้เขาหวั่นใจ

“โอ๊ะ สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ผมขอตัวกลับดีกว่าครับ รบกวนเวลาพักผ่อนคุณป้าเสียนาน” เขาออกตัว

“ไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ พวกเรายินดีต้อนรับคุณหมออยู่แล้ว” ลูกสาวคนเล็กตอบแทนทุกคน

“ใช่ค่ะ อย่าเกรงใจเลย หากไม่ได้คุณหมอ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า...”

“ผมเต็มใจครับคุณป้า” เขายืนยัน ดูเวลาอีกที “ถ้าอย่างงั้นผมไม่รบกวนดีกว่า ต้องขอบคุณมากๆสำหรับกาแฟนะครับ”

เขาขอตัวเดินออกมาโดยไม่ให้ใครมาส่ง รู้สึกเกรงใจที่รบกวนผู้ป่วยยามดึกดื่น...

ประตูบ้านปิดสนิท เขายืนอยู่หน้าบ้านเนิ่นนาน จนได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดบ้านข้างๆ

ผู้ชายคนนั้นจับจ้องมาทางนี้ เขาจำได้ทันทีและเดินไปหา

“มาทำไมที่นี่วะ นายไบรต์”

“ผมมาหาเพื่อนผมสิครับ แล้วพี่ล่ะ” น้องชายเขาถาม ใบหน้าที่คล้ายคลึงทำให้ทั้งคู่ถูกเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าเป็นฝาแฝดกัน

“ไม่ใช่เรื่องของเราน่า นี่ก็ดึกมากแล้ว เพื่อนไม่หลับไปแล้วเหรอ”

“ไม่หรอก” น้องชายยิ้มกวนๆ “เค้ายังไม่ถึงด้วยซ้ำ”

“เพื่อนคนที่พี่เจอวันก่อนรึเปล่าวะ”

“พี่รู้ได้ไงอะ” น้องชายเขาดูตกใจ

“ไม่ใช่แค่เพื่อนใช่ไหม” เขาคาดคั้น “วันนั้นพี่เห็นเราอุ้มเขาออกมา”

อีกฝ่ายนิ่ง ครุ่นคิดว่าจะตอบเขายังไงดี หมอหนุ่มรู้ดีกับท่าทางของผู้เป็นน้อง แน่นอนล่ะ เขาเลี้ยงมาเองกับมือ

“พี่รู้...” น้องชายเขาถาม “แล้วพี่จะถามอีกทำไม”

“แล้วทำไมเราต้องไปรักกับ...ผู้ชายด้วยกันด้วยวะไบรต์” เขาพยายามระงับเสียงไม่ให้ดังไปมากกว่านี้

“พี่อย่าห้ามผมเลย...พี่ก็เคยห้ามพี่บั๊มพ์ แล้วสุดท้ายเป็นยังไงล่ะ” น้องชายเถียง

“ผมโตแล้วนะครับพี่ ... อย่างน้อยก็ให้ผมได้เลือกในสิ่งที่ผมอยากได้เถอะ...”

“ไบรต์...”

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะครับพี่ ให้ผมได้ใช้ชีวิตในส่วนที่เป็นของผมเถอะ” ผู้เป็นน้องอ้อนวอน

เขาเข้าใจ เพราะรู้ว่าชีวิตที่แสนสั้นนั้นมันหมายความว่ายังไง เขาคิดถึงเฟียซ “แต่ผู้ชายคนนั้น...”

“ใช่...พี่คิงคือคนๆนั้น...”

“แล้ว...นายจะทำยังไง” หมอหนุ่มถาม ความหนักใจแผ่กว้าง

“ผมก็จะทำกับเขาจำผมให้ได้น่ะสิ” น้องชายเขายิ้มเศร้า

“จะทำไปเพื่ออะไรวะ”

“ผมรักพี่เค้า รักมาตั้งนานแล้ว และผมจะไม่ยอมให้พี่หรือใครมาขัดขวาง”

น้ำเสียงนั้นจริงจังขึงขัง เขาถอนหายใจและตบบ่าผู้เป็นน้อง ก่อนบอกลาและขับรถออกไป

เขาดูกระจกหลัง รถยนต์คันหนึ่งขับสวนและมาจอดที่หน้าบ้านหลังนั้น

“บั๊มพ์...ถ้าเป็นนาย จะแนะนำน้องยังไงวะ”

เขามองกระจกหลังอีกครั้ง ทั้งสองคนหายไปแล้ว ปล่อยวาง และขับรถต่อไป

อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด....






TBC....

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนมีปริศนาใหม่ มาให้คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "คิง กับ ไบรต์" หรืออาจจะเป็น "คิง กับ บัมพ์" ในอดีต ก็เป็นได้

หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับประโยคที่กล่าวถึง การไม่ชอบ "ไอติม" ของเฟียซ ก็เป็นได้

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ติดตามกันไปเรื่อยๆ ..

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 26: ตกลงเราเป็นอะไร…



“เห้ย...มาไงเนี่ย กลับไป๊ ดึกแล้ว” ผมไล่เค้ายิ้มหน้าทะเล้น

“คิง กลับมาแล้วเหรอลูก อ้าวพาใครมาด้วยเนี่ย” แม่ผมออกมาได้จังหวะจริงๆ

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมชื่อไบรต์ครับ เป็นเด็กฝึกงานบริษัทพี่คิง” เค้าทำเสียงอ้อนๆ

“พอดีพี่คิงพาไปเลี้ยงรับน้องอะครับ แล้วชวนผมมาค้างที่บ้านด้วย เห็นว่าดึกแล้ว บ้านผมก็อยู่ไกล”

เห้ยยยยยยยยยย กูไปชวนมึงตอนไหน!!!!

“อ้าว เหรอจ๊ะ...คิงไม่บอกก่อน แม่จะได้จัดห้องแขกไว้ให้” อ้าวแม่ ไม่ถงไม่ถามผมซ๊ากคำ

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่ ผมนอนห้องพี่คิงก็ได้” หน้าตาเจ้าเล่ห์มากๆ

“ผู้ชายด้วยกันนอนด้วยกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

แม่ อย่ายอมนะ...ผมรู้สึกเหมือนโดนมัดมือมัดเท้าแล้วเอาผ้ายัดปาก

“อ่อ งั้นก็ได้ เข้ามาก่อนสิจ๊ะ” เค้าหยิบเป้...เห้ย มันไปเอามาตอนไหน!!! แล้วเดินตามแม่ผมไป

ทั้งบ้านเงียบแล้ว พ่อไปสัมนา 2-3 วัน เจ้าคิ้วหลับไปแล้ว...

“ลำบากคุณแม่ต้องมาเปิดประตูให้เลยนะครับเนี่ย” แหม ฉอเลาะเข้าไปสิ ไอ้พวกลิ้นสองแฉก

“โอ๊ย ไม่ลำบากเลยครับ แม่ตื่นมาเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงรถคิงจอดก็เลยแวะมาดู”

แม่ผมพูดใหญ่ ท่าทางถูกชะตาเจ้านี่ซะละ

 “แม่ไปนอนก่อนนะ คิงดูแลน้องด้วยละกัน” แม่พูดซะเหมือนเอ็นดูมันเลย

ใจผมอยากจะไล่เค้ากลับมากๆเลยตอนนั้น...แต่ทำไม่ได้ ห้ามประเจิดประเจ้อ แม่ผมเดินเข้าห้องไป

เค้าก็จูงมือผมเดินไปที่ห้อง ราวกับว่าเป็นห้องของตัวเอง...

แล้วผมก็ถูกเค้ากอด กอดรัดแน่น ลมหายใจรดต้นหู... “พอ ปล่อย เหนียวตัว จะไปอาบน้ำ”

ผมถอดเสื้อออก คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ “ดีเลย...ผมอาบด้วย” ประตูผมถูกดุน แล้วเราก็มายัดในห้องน้ำแคบๆ

“ออกไปก่อน จะอาบน้ำ ห้องมันแคบ”

“ไม่เอา...ผมอาบด้วย” เค้าไม่ว่าเปล่า สองมือโอบรัดผมไว้ จู่โจมจูบผมโดยไม่ให้ตั้งตัว

ผมเผลอไผลกับรสจูบนั้น...โอยยยยย อะไรกันเนี่ย ผมเป็นอะไรไป

เค้าไซร้ตามตัวผม ไม่ปล่อยให้ผมหยุดพัก น้ำเย็นๆไหลปะทะไม่ทำให้ผมรู้สึกเย็นลงได้เลย

...ผมถูกเล้าโลมจนหอบโยน เค้าส่งสายตาน้ำเชื่อมมาให้ “พี่คิง...ผมขอนะครับ”

เค้าไม่เคยขอ หรือไม่เคยจริงจังเท่าครั้งนี้...มันต่างออกไป ความเข้มแข็งของผมผงาดต่อสู้ “ไปที่เตียงเถอะ”

ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเค้าสอดลิ้นเข้ามาในปากผมอีกครั้ง มือข้างหนึ่งยกขาขวาผมก่อนแล้วยกตัวผมขึ้น...

แล้วเค้าก็ยกขาซ้ายผมอีก ดันผมติดกำแพงห้องน้ำ ตัวผมลอยโดยมีแขนล่ำของเค้าโอบอุ้มไว้

ความแข็งจดจ่อเสียดสีที่ตรงหว่างขาผม เค้าชะโลมด้วยฟองสบู่จนมันไหลลื่น

“พี่คิง...เป็นของผมนะ” ราวกับผมอนุญาต ท่อนลำใหญ่ส่ายลอดเข้ามาในถ้ำ ผมกัดฟันร้องคราง

ความเสียวแปลบ เค้าแยกขาผมมากขึ้น ความเจ็บปวดกรีดทั่วตัว

-------------------------------------------------------------------------------

ศรีประจันต์เข้าห้องนอน...ความจริงเธอไม่ได้บังเอิญเปิดมาเจอลูกชายหรอก

แต่เธอรอที่จะคุยเรื่องการถอนหมั้นต่างหาก...“วันนี้คงไม่เหมาะ...” เธอบอกกับตัวเอง แล้วเข้านอน

--------------------------------------------------------------------------------   

“พี่คิง...” เค้าอุ้มผมออกมาต่อบนเตียงจนเสร็จสม...ใจง่ายชะมัด!

“หืม...” ผมงัวเงีย “นอนไป ง่วง” เค้าก่ายกอดผมไว้ ใบหน้าซุกแผ่นหลังผม

“เป็นแฟนกันนะ”  ผมลืมตาโพลง! “อะไรนะ” ผมหันไปทางเค้า

“ผมขอพี่...เป็นแฟนกับผมนะ”

“ไม่” ผมตอบไม่คิด

“ทำไมล่ะ” เค้าถาม เสียงจริงจัง

“เราเจอกันกี่วันเอง”

“6 คืน...” เค้าตอบ “แต่ผมรู้จักพี่มานานกว่านั้นเสียอีก” ผมงง

“เจอมานาน ตอนไหนวะ”

“ก็นานจนพี่จำไม่ได้แบบนี้ไง...” เค้ายวน “นะ เป็นแฟนกับผมนะ”

“ไม่เอาอะ” ผมปัด “รู้จักกันแค่ 6 คืนจะให้เป็นแฟนกัน บ้าเปล่า”

“แหมพี่ก็...เจอกันคืนแรกเราก็...กันเลยนะ”

ตุบ!! ผมทุบอกเค้าแรงๆ “เพ้อเจ้อ เงียบปากไปเลย”

“งั้นผมขอจีบพี่ได้ปะ” อ้าว มาไม้ไหน “ในระว่างนี้...จนกว่าพี่จะตกลงเป็นแฟนผม ผมจีบพี่ได้มั้ย”

“พี่ไม่ชอบเด็ก” ผมอ้าง

“แต่สามีพี่คนนี้ก็เด็กกว่าพี่นะ”

“ใครสามี” ผมถามเสียงฟึดฟัด เค้ากอดผมแน่น “พี่ปฏิเสธความจริงไม่ได้หรอก” เค้าหอมผมฟอดใหญ่

“ที่เราทำกันทุกวันนี้น่ะ เค้าเรียกกิจกรรมทางเพศ...คนนึงเป็นฝ่ายรับ เค้าเรียกภรรยา...นั่นก็คือพี่...อีกคน..”

ผมเอามืออุดปากเค้า “พอเถอะ ไม่ต้องย้ำ...แค่นี้พี่ก็รู้สึกแย่พอแล้ว”

เค้าคลายอ้อมกอด “รู้สึกแย่ที่ต้องเป็นเมีย หรือรู้สึกแย่ที่เป็นของผม” อ้าว!! ทำไมทำน้ำเสียงแบบนี้ล่ะ

“ไม่รู้สิไบรต์ พี่ไม่ใช่เกย์นะ ไม่เคยเป็นมาก่อน มาโดนแบบนี้ใครเค้าจะรับไหว”

“แต่...” หน้าสลดเลยเหรอ

“เรื่องมีอะไรกับผู้ชาย เรื่องมีแฟนเป็นผู้ชายมันไม่เคยอยู่ในความคิดพี่เลยนะ” ผมพูดตรงๆ

“งั้นผมถามพี่นะ...พี่ห้ามโกหก...พี่มีความสุขไหมเวลาที่เรามีอะไรกัน”

ฉึก! คำถามแทงใจมาก จะตอบว่าอะไรดีล่ะ...แน่นอน ต้องบอกว่า ไม่!!!

“พี่รังเกียจผมไหมตอนที่เรามีอะไรกัน” อ๊ากกกก สองดอกซ้อน

“ผมรู้ว่าเราก็มีไอ้นั่นเหมือนกัน...แต่พี่รังเกียจมันไหมเวลาจับของผม”

โอยยยยยยยยย ปวดหัว...

เวลาที่มีอะไรกัน ผมรู้สึกเจ็บ ในความรุนแรงนั้นกลับมีความอ่อนหวานปะปนจนผมรู้สึกอิ่มเอม...

ตัวเค้า ร่างกายของเค้าที่เคลื่อนไหวสอดส่าย ยิ่งมองยิ่งทำให้ผมตื่นเต้น....

“พี่คิง...” เค้าเร่ง

“ไม่รู้ว่ะ...เลิกพูด” ผมปิดประเด็น แต่เค้าไม่ยอม “บอกความจริงมาเถอะครับ” เสียงเค้าอ่อนแรง

“ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมก็จะออกไปจากชีวิตพี่ ไปจากพี่ แล้วเราจะกลายเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกัน”

“พี่...” เค้าคะยั้ยคะยอ

“ผมอยากรู้คำตอบ ผมอาจจะเร่งรัด ผมอาจจะเด็ก...แต่ผมรอพี่มาโดยตลอด” นี่เค้ากำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย

“ถ้าพี่อาย ไม่อยากตอบผมตรงๆ...พี่จูบผมแทนได้มั้ย” ผมอึดอัดใจ

“ถ้าพี่จูบผม นั่นหมายความว่า พี่ยังยินดีที่จะมีผมในชีวิต...” เค้าเว้นวรรค

“แต่ถ้าไม่...ผมจะออกไปจากพี่ตั้งแต่ตอนนี้...”

ผมนิ่ง ทางเลือกมันน่าสับสน ปล่อยเค้าไป คือสิ่งที่ผมโหยหามาทุกวัน ...และมันก็ต้องเป็นเช่นนั้น...

เราต่างนิ่งเงียบกันอยู่นาน ลมหายใจเค้าติดขัด มันเนิ่นนานเสียจนเค้าถอดใจและลุกขึ้นมานั่ง...

“พี่ขอโทษ...” ผมเอ่ยปากในที่สุด เค้ากอดผมแรงๆเหมือนกับว่าเป็นการบอกลา

น้ำตาเค้าไหลหยดรดแผ่นหลังเปลือยเปล่าของผม และปล่อยให้เค้ากอดจนพอใจ

น้ำตาของเค้ายังไหล....ใช้มือลูบหัวเค้า ปลอบโยนถ่ายโอนความห่วงใยไปให้

เค้าผละออก เขยิบตัวจะลุกจากเตียง...ผมมองเค้าเคลื่อนไหวในความมืด ความอึดอัดบีบรัดจิตใจ

สองมือผมดึงแขนเค้าไว้ สมองของผมหยุดการสั่งการไปชั่วครู่

ผมกระชากเค้าล้มลงที่เดิม เสียงหัวใจเต้นโครมครามบอกว่าผมทำถูกแล้ว...

ก่อนที่ผมจะขึ้นคร่อม...แล้วจูบเค้าอย่างรุนแรง....

ผมถอนปากออก เค้าคว้าผมไปกอดแน่น...เค้ายิ้มในความมืด

(ผมรู้ก็แล้วกันน่ะ นายนี่ไม่เคยปกปิดความรู้สึกเท่าไหร่หรอก)

”ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณอะไร” ใบหน้าผมร้อนผ่าว... “พี่จะแน่ใจได้ยังไงวะ ว่ามันจะยั่งยืน” ผมจับใบหน้านั้น

“ผมรอพี่มานาน...ผมรอมาตลอด” เค้าจูบหน้าผาก “เป็นแฟนกันนะ”

“เห้ย!!! ไหนว่าจะจีบก่อน” ผมติง

“ไม่จีบละ ไม่ทันใจ เป็นแฟนกันนะ”

ผมไม่มีทางยอมเป็นแฟนคนที่เพิ่งเจอกันแค่ 6-7 วันหรอก ไม่มีทาง...

“ผมรักพี่คิงนะครับ ...ผมขอสัญญาว่าจะมีแต่พี่คนเดียว”

เจอแบบนี้...ผมก็อึ้งสิครับ... “พี่ไม่พร้อมเป็นแฟนกับผู้ชายว่ะไบรต์” ผมตอบตามตรง

เพิ่งขอถอนหมั้นไม่กี่คืนนี้เอง ตอนนี้กลับมีคนมาขอเป็นแฟนซะละ อะไรมันจะไวปานนั้น!!

“ขอให้เรารู้สึกดีแบบนี้ต่อไปก่อน...จนกว่าพี่จะมั่นใจได้มั้ย” ผมต่อรอง

“อีกนานแค่ไหนล่ะครับ” เค้าถาม

“ไบรต์บอกว่า รอพี่มานาน...รออีกนิดนึงไม่ได้เชียวเหรอ” ผมประท้วง

เค้าไม่ตอบ ขยับตัวมากอดผม...อ้อมอกใหญ่หน้าถ่ายเททุกความรู้สึกดีจนมันล้นทะลัก...

“สรุปพี่เป็นเกย์แล้วใช่ไหม” ผมถามเค้า

“ไม่หรอก ...”

“ไม่ได้ไง ก็ในเมื่อพี่มีอะไรกับผู้ชาย”

“เปล่า...พี่เป็นผู้ชาย พี่ไม่ได้เป็นเกย์” เค้ากอดผมแน่น “แต่แฟนพี่ต่างหากที่เป็น”

ผมตีอกเค้าแรงๆ  “ใครแฟนใคร!”

เรานอนกอดกันจนฟ้าสาง....






โปรดติดตามตอนต่อไป...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
น่ารัก น่ารัก มีหยอก

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
น่ารัก น่ารัก มีหยอก

คู่นี้หยอกกันน่ารัก อิอิ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 27 : ตรวจ



ผมลุกไม่ไหว... รู้สึกว่าบั้นท้ายบวมแทบระเบิด นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วยิ่งอาย...

ผู้ชายคนข้างๆนอนกกกอดผมไว้ ใบหน้านิ่งสนิท ลมหายใจราบเรียบ เพิ่งตีห้าครึ่ง...

ผมยกแขนหนักนั้นออก...สามตันได้มั้งเนี่ย ไม่รู้จะเล่นกล้ามทำไมนักหนา

ค่อยๆเลื้อยตัวเอง ใส่ชุดนอนที่กองไว้กับพื้นแล้วเขยื้อนตัวมาด้านล่าง

“อ้าวคิง ตื่นแล้วเหรอ ทำไมตื่นเช้าจังวันนี้” แม่ผมถาม

“ผมจะมาบอกแม่ว่า วันนี้ผมไปหาลูกค้านะครับอาจจะตื่นสายหน่อย ไม่ต้องรอกินข้าวเช้า”

แม่พยักหน้า จัดแจงมื้อเช้าต่อ จริงๆบ้านเราก็มีแม่ครัว แต่แม่ก็มาช่วยจับโน่นทำนี่ตลอด

“คิง...” ผมหันขวับ “เมื่อวานป้าเพ็ญมาคุยกับแม่แล้วนะ” ใจผมหล่นวูบ

“แม่รู้แล้วเหรอครับ” ผมหน้าเสีย

“อืม...”

“แม่...ผมขอโทษ”

“จะขอโทษแม่ทำไมล่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคิงซะหน่อย” แม่ผมปลอบใจ

“แต่ว่า...” ผมน้ำตาเรื้อ “ผมรักษาสัญญาเอาไว้ไม่ได้”

“มันเป็นสัญญาของผู้ใหญ่น่ะลูก ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก” น้ำเสียงแม่อบอุ่น ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ขอบคุณครับแม่...” ผมซาบซึ้ง “ผมขอโทษจริงๆที่รักษาลูกสะใภ้ให้แม่ไม่ได้”

“ไม่ต้องมาทำพูดดีไป นี่แล้วเราจะเอายังไงต่อไป”

“ผมก็ยังไม่รู้ครับ...” ผมตอบตามความจริง “ผมกับเฟียซยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย”

แม่ผมทำท่าจะพูด แต่ก็ชะงักไป “ไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวไว้ให้ เผื่อเพื่อนลูกด้วยนะ”

ผมยิ้มน้อยๆ...เพื่อน... ผมอยากจะบอกแม่ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนไปแล้ว...

--------------------------------------------------------------------------

ผมแทรกตัวลงบนที่นอน ควานหาความอุ่นจากผ้าห่มหนา นอนหันหลังให้ผู้ชายรูปหล่อร่างใหญ่

เค้าขยับตัวมาเบียด ก่ายกอดซุกตัวผมไว้ พูดขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา “นึกว่าพี่จะหนีผมไปซะอีก”

“หนีไปไหนล่ะ นี่บ้านพี่” ผมตอบ ปล่อยตัวให้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆนี้

“ตื่นเช้าจังเลย”

“เปล่า สะดุ้งตื่นน่ะ เลยไปคุยกับแม่มานิดหน่อย” เค้ากระชับอ้อมกอด พรมจูบที่ต้นคอผม

“แล้วพี่เป็นไงบ้าง...เจ็บไหม” เค้าถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“อืม...เจ็บ” ผมไม่อยากโกหก

“ขอผมดูหน่อยนะ” แล้วเค้าก็มุดใต้ผ้าห่ม จับผมแยกขาออกและสำรวจ ผมอายจนเลิกอายไปแล้ว

“มันบวมตรงแผลเก่าน่ะ” เค้าดูร้อนใจ “ผมหายามาทาให้นะ”

ผมปล่อยให้เค้าสำรวจและทายาตามอำเภอใจ มือของเค้าแตะเบาๆ ป้ายยาใส่แผล ผมครางด้วยความแสบ

“ผมขอโทษ” เค้าพร่ำบอกซ้ำๆ ความเจ็บมันเริ่มเลือนหายไปทีละน้อย

“พอเถอะไบรต์...” ผมบอกพลางหุบขาลง เค้ากลับมานอนข้างๆและกอดผมไว้เหมือนเดิม

“ผมขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บ” เค้าทำเสียงอ่อย

“พี่ไม่เป็นไร” ผมโกหก ทั้งๆที่เจ็บตัวอยู่แบบนี้ผมยังบอกอีกว่าไม่เป็นไร

แรงกระแทกกระทั้นของเค้าทำให้ปากแผลเปิด

เค้ายกหัวขึ้นมา เราสบตากัน “ผมขอโทษ” เค้ายังพร่ำบอกซ้ำๆ ก่อนที่จะลดใบหน้าลงแล้วประกบปากผม

เราจูบกันเนิ่นนาน สอดประสานความอบอุ่นให้ส่งผ่าน รอยจูบนี้อ้อยอิ่งและนุ่มนวล...ทุกสิ่งในตัวผมเริ่มผงาด

เค้าใช้มือหนึ่งจับมันไว้ รูดขึ้นลงช้าๆอย่างเบามือ ก่อนเร่งจังหวะเร็วขึ้น

ก่อนที่จะหยุด ริมฝีปากของเค้าเลื่อนมาที่คอลำตัวและท่อนเนื้อแข็งปั๋งของผม

จมูกเค้าสูดดมมันราวกับเป็นของรักของหวง ก่อนที่ผมจะโดนเค้าครอบครองด้วยปาก...

เราไม่ได้มีอะไรกันเช้านี้ แค่ช่วยเหลือกัน...หลังจากที่ผมถึงที่หมายแล้ว เค้าก็นอนนิ่ง ไม่บังคับให้ผมทำอะไรให้

แต่...ของเค้ายังผงาดอยู่ แต่ก็ไม่ยอมทำอะไรต่อ คงเป็นเพราะเห็นแผลที่ยังระบมอยู่ของผม...

“ไบรต์...” ผมเรียก

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมโอเค”

ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องแคร์คนๆนี้ แต่เมื่อเห็นเค้าการแบบนี้แล้วยิ่งสงสาร

ผมพลิกตัวเค้านอนหงาย พรมจูบที่หน้าอกและกล้ามเป็นลอนสวย

สองมือบดบี้กับหัวนมใหญ่แข็งนั้น เค้าส่งเสียงครางรับการเสียดสี

ท่อนลำใหญ่โค้งนั้นดิ้นกุกกักราวกับพยักหน้าตอบรับเมื่อผมจดจ้อง

ปลายเปิดใหญ่บานมีกลิ่นความต้องการไหลเยิ้ม...

แล้วผมก็ทำแบบที่เค้าทำให้ผม....

--------------------------------------------------------------------------

ผมนอนต่อจนกระทั่งเก้าโมงเช้า สายๆวันพฤหัสฝนตก.... บรรยากาศน่านอนจริงๆ!

หลังจากเดินกระเผลกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็มาปลุกไอ้คนหน้าไม่อายนอนเปลือยชี้โด่อยู่บนที่นอน

“ไบรต์ ตื่น สายแล้ว เดี๋ยวไปหาลูกค้ากัน” เค้าลืมตาตื่น งึมงำงัวเงียแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำ ผมตะโกนไล่หลัง

“พี่รอข้างล่างนะ เสร็จแล้วมากินข้าว” ผมมองที่นอนว่าง ชิบหาย! คราบเลือด

มันเป็นจุดเล็กๆสองสามจุด กระจายวงไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่เห็น...

T____T

สมัยก่อนที่นอนผมก็เคยมีคราบเลือด แต่เป็นเลือดจากสิวที่แผ่นหลัง แม่ก็จะบ่นๆเวลาเอาที่นอนไปซัก...

ครั้งนี้จะบอกแม่ว่ายังไงล่ะเนี่ย... ผมเลยยกผ้าปูออก แล้วโยนลงเครื่องซักผ้าระหว่างรอไอ้คนร้ายที่ก่อเรื่อง

ผมกระเผลกมาจนถึงห้องครัว กับข้าวหลายอย่างอยู่ในตู้กับข้าว ผมยกมาอุ่นอีกครั้งก่อนมาวางเรียงที่โต๊ะ

แล้วเค้าก็เดินผมเปียกมาหา “ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ” ผมพยักหน้า

แล้วเค้าก็เดินมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ “อรุณสวสัดิ์ครับศรีภรรยาของผม”

“ไอ้!....” จนปัญญาจริงๆ “กินข้าว” ผมเลี่ยงการสบตากับเค้า

“ไบรต์...ที่บอกว่ารู้จักพี่มานาน นานแค่ไหนวะ” ผมทำลายความเงียบ

“อืม...พี่จำไม่ได้จริงๆเหรอ” เค้าย้อนถาม ผมพยายามนึก

“จำไม่ได้จริงๆว่ะ”

“โหยพี่...ช่างมันเหอะ รอพี่จำได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน”

“โห ความลับระดับชาติ ชิ!! ไม่บอกก็อย่าบอก” ผมทำเป็นไม่สน แต่จริงๆแล้วอยากรู้สุดๆ

-----------------------------------------------------------------------

ผมกับเค้าไปหาลูกค้า เสร็จประมาณบ่ายโมง วันนี้ฝนตกทั้งวัน อาเพศแน่ๆตกตอนนี้เนี่ยนะ

“พายุ...กำลังเคลื่อนตัว...” ตึก! เสียงนายไบรต์เปลี่ยนคลื่นวิทยุ

“เอชไอวี ติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน...” พรึ่บ! ผมปิดวิทยุ ใจหล่นหายวูบ

ตั้งแต่รู้จักกันมาก็มีอะไรกันมาโดยตลอด แถมไม่มีการป้องกันด้วย...

“ไบรต์...ไปตรวจเลือดกัน!”

“โหย พี่ไปทำไม...ผมปลอดภัยน่า” เค้าบ่ายเบี่ยง เฉมองนอกหน้าต่าง

“ไม่เชื่อ” ผมมองหน้าเค้า “ก่อนหน้านี้ผ่านผู้ชายคนไหนมาอีกกี่คนก็ไม่รู้”

“พี่ไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ ผมน่ะหล่อ สะอาด ปลอดเชื้อ” เชื่อก็บ้าแล้ว หล่อขนาดนี้กรำศึกมาไม่รู้เท่าไหร่ล่ะสิ!!

“ไม่เชื่อ จนกว่าจะพิสูจน์” ผมท้า...

“พี่ ถ้าติดเชื้อจริงๆ ตั้ง 2-3 เดือนโน่นกว่ามันจะรู้ผล” เค้าพยายามหาข้อโต้แย้ง

“ก็ไปตรวจก่อน ว่าตอนนี้ปลอดภัยมั้ย ถ้าผลออกมาเป็นลบทั้งคู่ก็ถือว่าที่ผ่านมาปลอดภัยไง”

“แต่...”

“นี่คือคำสั่ง ไม่ใช่คำขอร้อง ห้ามขัด” ผมเสียงแข็ง

“โหย เมียใครวะ ดุจัง” ผมตบกะโหลกเค้าไปหนึ่งที

“ทำอะไรไว้ ต้องรับผิดชอบสิวะ” ผมตอบ

“ไม่ต้องห่วง ผมรับผิดชอบพี่ตลอดชีวิตอยู่แล้ว” เค้าหันมา ยิ้มและขยิบตา

โอยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องหน้าแดงด้วย

(จริงๆหน้าผมแดงๆอยู่แล้วครับ เพราะผมไม่ใช่คนขาว แต่อาการที่ออกคือหน้ามันร้อนผ่าวเท่านั้นเอง)

“เพ้อเจ้อ” ผมด่า

เค้าหัวเราะร่วน “ผมไม่ไปจากพี่หรอก ผมไม่มีวันปล่อยพี่ออกไปจากชีวิตผมเด็ดขาด”

“ไม่เชื่อหรอก พอเราไล่ นายก็หางจุกตูดหายไปแล้ว” ผมเบะปาก

“คอยดูสิ ผมจะเกาะพี่ยิ่งกว่าปลิงเลยคอยดู” เค้าขู่

“เพ้อเจ้ออีกละ” ผมเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง

พวกเราเข้าไปกรอกฟอร์มลงทะเบียนและไปที่แผนกตรวจเลือด หลังจากเจาะเลือดเสร็จก็มานั่งรอผล






โปรดติดตามตอนต่อไป...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เพื่อความรัก ..

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 28: ข่าวร้าย



“พี่ตื่นเต้นว่ะ” ผมทำลายความเงียบ เค้านั่งนิ่งๆราวกับว่ารู้ผลมานานแล้ว ผมหนีไปเข้าห้องน้ำรอบที่สาม

ผมกวักน้ำล้างหน้าอีกรอบ ความเย็นทำให้สดชื่นและไม่คิดมาก....เอ่อ...ก็มีคิดบ้าง

“อย่าคิดมาก” ผมบอกตัวเองและเดินออกจากห้องน้ำไป

“อ้าวคิง” ผมหันตามเสียงเรียก

“พี่หมอ สวัสดีครับ...บังเอิญจัง ไม่คิดว่าจะเจอพี่หมอที่นี่” ผมทักทายพี่หมอ เจ้าบ่าวของไอ้นัทเพื่อนสนิท

“พี่ต้องพูดมากกว่าว่าบังเอิญจังที่เจอเราที่นี่” พี่หมอเป็นคนสมส่วน หล่อและดูดีตามวัยหลักสี่

“ครับ จริงด้วยสิ พี่ทำงานที่นี่นี่นา” ผมนึกขึ้นมาได้ ตายละหว่า...ถ้าพี่หมอสงสัยล่ะว่าทำไมมาตรวจเลือดล่ะ

เฮือก!!

“อ้อ แล้ววันนี้มาทำอะไรเนี่ย” พี่หมอทำสีหน้าแบบว่าเพิ่งนึกได้ ผมหน้าเสีย “อ๋อ มากับเฟียซแน่ๆใช่มั้ย”

“เอ่อ...เฟียซ?” ผมทำหน้างง เลิ่กลั่ก รู้สึกโล่งอกนิดๆที่เขาไม่รู้เรื่องผมมาตรวจเลือด

“อ้าว ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” พี่หมอทำหน้างงยิ่งกว่า

“ปะ เปล่าครับ” ผมตอบตามตรง

“พี่บอกนัทให้ติดต่อกลับ ก็ไม่เห็นติดต่อมาเลย” พี่หมอติง

“ขอโทษครับ พอดีช่วงนี้ผมยุ่งๆ” ผมยิ้มแหยๆแก้ตัวพัลวัน ยุ่งเรื่องไอ้เทวดาบ้านั่น

“ว่าแต่เฟียซมาทำอะไรที่นี่อะครับ”

“อ้าว ยังไม่รู้เหรอ” พี่หมองงต่อเนื่อง

“ไม่รู้อะไรเลยครับ” ผมมองพี่หมอ ใบหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจอย่างชัดเจน เขาใช้เวลาครู่หนึ่งตัดสินใจ ก่อนจะบอกผม

“เฟียซป่วย เป็นมะเร็งน่ะ...ที่พี่อยากเจอเราก็เพราะอยากได้ตัวอย่างสแตมป์เซลล์มาตรวจ เผื่อเจอที่เข้ากันได้”

ผมยืนอึ้ง เสียงรอบข้างดับสนิท เสียงพี่หมอแจ้งข่าวร้ายชัดเจนถึงโสตประสาท

ผมอ้าปากค้าง ก่อนรวบรวมสติได้และถามออกไป“พี่หมอว่าไงนะครับ”

“ได้ยินไม่ผิดหรอก เฟียซป่วย...คิงว่างมั้ยล่ะ พี่จะขอตัวอย่างเลือดเราไปตรวจหน่อย”

ผมนิ่ง...เมื่อกี้ผมได้อ่านเรื่องการบริจาคเลือดมาคร่าวๆ ในนั้นระบุไว้ว่าชายที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกันโดยไม่ป้องกัน ทางโรงพยาบาลจะไม่รับตรวจ เนื่องจากอาจมีการติดเชื้อ...ยิ่งถ้าให้เลือดกับคนป่วยใกล้ชิดแบบนี้ ผมยิ่งไม่กล้า

“ผมไม่ค่อยสบายอะครับพี่หมอ คงไม่สะดวกให้เลือดได้” ผมบอกความจริง(แค่ครึ่งหนึ่ง)

“อ้อ น่าเสียดายจัง ตอนนี้เราก็กำลังหาเลือดที่จะเข้ากับเฟียซได้อยู่นะ” พี่หมอเล่า “ถ้าคิงพร้อมก็มาตรวจละกัน”

“พี่หมอหมายความว่ายังไงอะครับ” ผมถาม “แล้วครอบครัวเฟียซล่ะ”

“ไม่มีใครมีไขสันหลังที่เข้ากับเฟียซได้สักคน” พี่หมอส่ายหัว เหมือนสายฟ้าฟาดกลางหัวผม มันตื้อไปหมด

“แล้วถ้าหาไขสันหลังที่เข้ากันไม่ได้ล่ะครับ”

“โรคนี้มีโอกาสหายนะคิง อย่ากังวลไปเลย” พี่หมออ่านความคิดผมได้ “แต่ถ้าไม่ได้ไขสันหลังที่เข้ากัน ผู้ป่วยก็จะทรุดและก็อยู่ได้อีกไม่นาน”

หัวใจผมกระตุก มันเคว้งคว้าง “แล้วถ้าเฟียซ...”

พี่หมอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ใช่ถ้าเราหาไม่ได้ เฟียซอาจอยู่กับเราได้อีกไม่นาน”  ผมรู้สึกหน้ามืดเหมือนกำลังจะเป็นลม

“คุณหมอยิ่งยศคะ มีคนไข้ด่วนค่ะ” เสียงพยาบาลเรียกแทรกกลางบทสนทนา

“พี่หมอครับ แล้วตอนนี้เฟียซอยู่ไหนครับ”

“เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง น่าจะอยู่แถวๆนี้แหละ” ผมกล่าวขอบคุณ พี่หมอเดินไปทางห้องฉุกเฉิน ผมรีบวิ่งไปประตูทางออก

เฟียซกำลังจะตาย เฟียซกำลังจะตาย

ผมร้อนรน...ถ้ากำลังจะตายแล้วทำไมถึงมาเลิกกับผม...โธ่ ไอ้คิงเอ๊ย! ทำไมมึงโง่อย่างงี้วะ

ที่ผ่านมาไม่เคยสังเกตเลยว่าเฟียซผอมลง ไม่เคยสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย

ผมวิ่งให้เร็วที่สุด ไม่สนใจเสียงเรียกด้านหลัง “พี่ ผลตรวจได้แล้วนะ”

-----------------------------------------------------------------------------

เธอยืนอยู่ตรงประตูทางออก ใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ที่ผ่านมาเธอทำใจไว้แล้วว่าสักวันอาการที่เธอเป็นมันต้องกำเริบจนทนไม่ไหว และอีกอึดใจนึง ลมหายใจเธอก็จะขาดหายไป

แต่กว่าจะถึงอึดใจนั้น เธอต้องเผชิญอะไรอีกมากมาย

เธอเลือกที่จะบอกเลิกกับคู่หมั้นที่ครอบครัวตกลงกันตั้งแต่เธอยังไม่เกิด เพียงเพราะไม่อยากให้เขาต้องมาประสบชะตากรรมเดียวกับเธอ ไม่อยากให้เขาต้องร้องไห้หรือเสียใจ ไม่อยากให้เขาต้องทนทุกข์เพื่อมาอยู่ข้างๆมองเธอค่อยๆตายไปทีละน้อย...

เธอคิดว่าตัวเองเข้มแข็งและจะฝ่าฟันมันไปได้...แต่กลับคิดผิด เพราะตอนนี้ความกลัวมันครอบงำจนทำอะไรไม่ถูก...จนกระทั่งวันที่ได้พบกับหมอนรินทร์ผู้เคร่งครึม ความเข้มแข็งของเขาดึงดูดให้อยากเข้าไปหา อยากให้เขาปกป้อง...เธอเคยคิดว่าอดีตคู่หมั้นก็ทำได้ แต่เธอคิดผิด ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เขาไม่เคยสังเกตหรือรับรู้ด้วยซ้ำว่าเธอป่วย...แต่คุณหมอคือคนที่อยู่กับเธอมาโดยตลอด...

แต่เธอจะรั้งให้เขาอยู่กับเธอจนลมหายใจสุดท้ายอย่างนั้นเหรอ...

“หมอต้องขอโทษจริงๆที่ต้องแจ้งเรื่องผลตรวจตัวอย่างเลือดที่ได้มา” เธอจำสีหน้าลำบากใจของหมอยิ่งยศได้ดี

ถึงแม้จะทำใจมาและรู้แล้วว่าหมอจะพูดอะไรต่อ แต่เธอก็ยังไม่วายตัวสั่น “ไม่มีเลือดที่เข้ากันได้เลย”

เธออยากกรีดร้อง ให้สาสมกับความอัดอั้น ให้กับโชคชะตาที่มันเล่นตลก แต่เธอเลือกที่จะนิ่ง....

มันคงจะดีมาก หากมีใครสักคนอยู่ด้วยจนกระทั่งวาระสุดท้าย...แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครคนนั้นต้องเสียใจ

เธอไม่อยากทำบาป...

ฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายส่งผ่านละอองความเย็นปะทะใบหน้า เธอยิ้มน้อยๆเหมือนดังว่ามันคือน้ำทิพย์ที่รักษาตัวเอง

---------------------------------------------------------------------------

ผมกระหืดกระหอบวิ่ง จนกระทั่งเห็น...เฟียซยืนรอใครสักคนที่หน้าประตูทางออก ผมเร่งฝีเท้าและไปหยุดข้างหลังเธอ

ร่างกายขาวซีดกำลังสูดรับละอองฝน ใบหน้าขาดเลือดฝาดดูมีความสุข ถึงแม้โรคร้ายกำลังกัดกร่อนตัวเธอก็ตาม

เฟียซเป็นคนมองโลกในแง่ดี...อย่างน้อยก็ก่อนที่พ่อเธอจะเสียชีวิต ...

“เฟียซ” ผมทัก ใบหน้าสวยนั้นหันมา เธอกำลังตะลึงที่เห็นผม

“คะ คิง” คำพูดเธอติดขัด “มาได้ไงเนี่ย”

“เราไม่สบาย เลยมาหาหมอที่นี่น่ะ” ผมเงียบ...เราต่างนิ่งเงียบปล่อยให้เสียงฝนเปาะแปะส่งท่วงทำนองมาให้

“เราเจอพี่หมอยิ่งยศแล้วนะ” ผมพูดในที่สุด

“แกรู้แล้วเหรอ...ชั้น...เอ่อ...”

“ทำไมล่ะเฟียซ ทำไมไม่บอกเราเลย” ผมตัดพ้อ

“ชั้นขอโทษ...” เธอหน้าสลด

“เฟียซ...” ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ “เราต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ผ่านมาเราไม่รู้...”

“ไม่เป็นไรหรอก ชั้นเข้าใจแก” เฟียซยังคงเป็นคนเดิม คนที่คอยแก้ตัวให้ผมเสมอ...

เสียงรถมาจอดด้านล่าง ตามด้วยคนเดินกึกกัก... เขากระแอมไอ พวกเราหันไปมอง

ผมตาค้าง...”คุณ!” พี่ชายของไบรต์ทำหน้าเคร่งขรึม ผมเห็นคำถามมากมายอยู่ในแววตานั้น

“อ้าว คุณหมอ มาพอดี” เฟียซทักทาย ผมปล่อยมือออกจากไหล่บาง

เสียงวิ่งมาอีกทางหยุดกึก...ผมหันไปมองอีกทาง ไอ้ตัวป่วนวิ่งตามมาจนได้

“พี่...ผมเอาผลมาแล้วนะ เห้อ...เหนื่อย” แล้วเค้าก็หอบแฮ่ก

“คุณหมอคะ ชั้นขอแนะนำ..นี่คุณคิง คู่หมั้นชั้นเองค่ะ”

ห๊า!!!! ผมอ้าปากค้างและยืนนิ่งไป ....เมื่อกี้เฟียซว่าอะไรนะ!!!!

ผมมองไปทางคุณหมอ...ด้วยความอายจากความเข้าใจผิดครั้งที่แล้ว...ใบหน้าของเขาตกใจปนความเจ็บปวด

และเมื่อหันไปอีกทาง เทวดาตัวป่วนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน...สองคนหน้าตื่นแถมยังเหมือนกันไม่มีผิด!

“เฟียซ..” ผมพยายามประท้วง...

“ไปกันเถอะคิง” เฟียซมาคล้องแขนผม “กลับบ้านกันนะ” ผมได้แต่ตกใจ ถูกคนป่วยร่างบางลากออกมาจากชายทั้งสองคนนั้น

“ไบรต์ วันนี้กลับบ้านเลยนะ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรอก พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ผมหันไปสั่งคนที่ยืนเหมือนถูกสต๊าฟอยู่ตรงนั้น






โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอิ่ม.....มีความเชื่อมโยงกับอีกเรื่องนึงด้วย   คือคุณหมอยิ่งยศ

ส่วนที่เฟียซทำไปคงอยากให้หมอนรินทร์ตัดใจสินะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 29: เคลียร์



เราทั้งคู่นั่งที่โรงอาหารของโรงพยาบาล ต่างนิ่งเงียบมากว่ายี่สิบนาทีแล้ว...สายฝนด้านนอกตกหนักยิ่งกว่าเดิม

“ขอโทษนะ” ผมมองใบหน้าของคนพูด

“ขอโทษทำไม” ผมถาม ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

“ชั้นทำเสียเรื่องอีกแล้ว ขอโทษที่ดึงแกเข้ามาเกี่ยว” น้ำเสียงสั่นเครือทำให้ผมโกรธไม่ลง แต่กลับยิ่งรู้สึกผิด

“ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก..” ผมปลอบทั้งๆที่ตัวเองก็ตกใจไม่น้อย “เราเข้าใจ”

แล้วเราก็เงียบไปอีกพักใหญ่...

“ทำไมเฟียซถึงบอกเลิกเราล่ะ” ผมทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด

“ชั้น...” เฟียซทำหน้าลำบากใจ “ชั้น...แค่” เธอถอนหายใจ

“บอกมาเถอะ บอกมาตรงๆเรารับได้ เฟียซก็รู้” ใบหน้าสวยพยักรับคำ

“ชั้นป่วย...แต่แกก็ไม่รู้เลยว่าชั้นป่วย...มันทำให้ชั้นรู้สึกว่า แกน่ะคือคนที่เหมาะกับการเป็นเพื่อนมากกว่าการเป็นสามี”

ผมไม่ขัด ปล่อยให้เธอพูดต่อ “ชั้นอยากได้ใครสักคนมาดูแล...แต่แกไม่ใช่ ยิ่งชั้นป่วยแบบนี้ยิ่งทำให้ชั้นมั่นใจ”

“เราขอโทษ...ที่ผ่านมาเราดูแลแกไม่ดีเอง” ผมสำนึกผิด

“ไม่ใช่หรอก แกดูแลชั้นดีมากในฐานะเพื่อน มันดีเสียจนชั้นไม่อยากให้แกต้องมาทนทุกข์กับชั้นในวาระสุดท้าย”

เธอเว้นวรรคหายใจ“ชั้นอยากให้แกได้เจอคนที่เค้าอายุยืนยาว และอยู่กับแกไปจนตลอดชีวิตได้...ซึ่งตัวชั้นเองทำไม่ได้”

“เห้ย อย่าเพิ่งถอดใจสิ” ผมทักท้วง “แกต้องหาย”

“ไม่ได้ถอดใจ...แค่ทำใจได้แล้ว...คนเราทุกคน เกิดมาก็ไม่พ้นความตายหรอก”

ผมนิ่ง ไม่ค่อยเข้าใจความตายมากนัก แต่กลิ่นหรือเสียงของมันคอยหลอกหลอนอยู่ในฝันไม่เคยขาด

“แกจำเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อนได้มั้ย” เฟียซถาม

“ยังจำไม่ได้เลย...” ผมสารภาพ “แต่ยังฝันซ้ำๆมาตลอด”

“ชั้นก็ฝันเหมือนกัน...มันหลอกหลอนชั้นมาโดยตลอด แต่ต่างที่ชั้นจำเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นอย่างดี”

“เฟียซ...บอกเราได้มั้ยว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น”

“อย่าเลยคิง...อย่าไปรื้อฟื้นมันเลย” น้ำเสียงเศร้านั้นกำลังอ่อนล้า

“แต่...ป้าเพ็ญโทษเรามาโดยตลอด เรา...” ผมพยายามตั้งข้อสังเกต

“อย่าถือสาแม่ชั้นเลยนะคิง...แกก็รู้ว่าแม่โทษทุกคนแหละกับเรื่องวันนั้น”

“เฟียซ”

“จริงๆ ชั้นโอเคแล้ว สบายมาก”ผมรู้ว่าเธอกำลังแก้ตัวให้ผมอีกแล้ว...

“เราเลิกกันจริงๆใช่ไหม” ผมถามย้ำ “แกจะไม่ให้โอกาสเราแล้วเหรอ”

“คิง...ชั้นไม่เคยตัดโอกาสแกเลยนะ แต่ที่ผ่านมา แกปล่อยโอกาสหลุดลอยเองต่างหาก”

“ขอโทษนะ” ผมละอายใจ

เธอจับมือผม“คิง...แกเสียใจบ้างไหมที่ชั้นบอกเลิกกับแก...ไม่ต้องตอบชั้นหรอก...ตอบใจตัวเองดีกว่า”

“แล้วเฟียซล่ะ เสียใจบ้างไหมที่บอกเลิกกับเรา...ไม่สิ” ผมนึกออก

“ระหว่างบอกเลิกกับเรา กับบอกว่าเป็นคู่หมั้นเราเมื่อกี้...อย่างไหนเสียใจมากกว่ากัน?”

เฟียซหันมาสบตาผม ไม่ตอบคำถามนั้น

“อย่าตอบเราเลย ตอบใจตัวเองดีกว่า...” ผมยืมคำพูดเธอมาถาม เฟียซก้มหน้า ความเศร้าแทรกซึมไปทั่ว

“แต่...ชั้นกำลังจะตายนะคิง ใครจะอยากมาทนทรมานใช้ชีวิตกับคนใกล้ตายแบบชั้น”

“เฟียซ...อย่าคิดแทนคนอื่นเลย ให้โอกาสคนรอบๆข้างบ้าง...” ผมจับมือเธอแน่นกว่าเดิม

“หากเรารักใครซักคนแล้ว ต่อให้เค้าจะตายอีกไม่กี่นาทีนี้ เราก็อยากใช้ชีวิตกับเค้าให้เต็มที่จนถึงนาทีสุดท้าย”

“แต่...” เธอมองพื้น ไม่ยอมแหงนมาสบตาผม

“ฟังนะเฟียซ...ถ้าเป็นเรา เราก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารัก ถึงแม้ว่าตื่นมาพรุ่งนี้เค้าจะจากเราไปตลอดกาลก็ตาม”

“ทำไมล่ะ”

“ก็เพราะ...อย่างน้อย...เราก็ยังเหลือความทรงจำดีๆให้คิดถึงกันตลอดไปไง”

เฟียซน้ำตาไหล ผมพลอยซึมไปด้วย “เฟียซรักคุณหมอนริทร์ใช่ไหม?”

ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “ไปเถอะ...อย่าปล่อยเขาไปเหมือนที่ปล่อยเราอีกเลย”

...นี่เป็นรอยยิ้มแรกของเฟียซท่ามกลางบทสนทนาในครั้งนี้

-----------------------------------------------------------------

เธอแปลกใจที่เขายังยืนอยู่ที่เดิม ทั้งๆที่คิดว่าคงกลับไปนานแล้ว ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ค่อยๆเดินมาหาอย่างช้าๆ

คิงเดินเข้าไปกระซิบกับเขาสั้นๆ ก่อนที่จะเดินออกไป ปล่อยเธอไว้ลำพัง

“กลับบ้านกันเลยมั้ยครับ” ชายหนุ่มถาม เธอรู้สึกอ่อนแอจนทนไม่ไหว

สองขาก้าวไปช้าๆ ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งทำให้เธอมั่นใจ...แล้วเธอก็โผกอดเขา ร่างใหญ่เซตามแรงกอด

“ขอโทษค่ะ...ขอโทษ” เธอไม่รู้ว่าทำไมต้องขอโทษ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปให้เขารู้สึกดี

สองแขนใหญ่กอดรับ เสียงหัวใจเต้นอึกทึกข้างหู... เขาปล่อยให้เธอกอดจนพอใจ

ใบหน้านั้นยิ้ม เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง มันยิ่งสร้างพลังใจให้เธอ “กลับบ้านกันเถอะค่ะ”

หมอหนุ่มจับมือหญิงสาว แล้วพาขึ้นรถกลับบ้าน

----------------------------------------------------------------

ผมนั่งในรถ ฝนเริ่มซาแล้ว แต่รถยังค่อนข้างติด ผมนึกถึงคำพูดสุดท้ายกับหมอนรินทร์

“ผมเอาเฟียซมาคืนครับ ฝากดูแลด้วยนะ” เขาดูประหลาดใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

“พวกเราเคยเป็นคู่หมั้นกันมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่...” ผมบอกความจริง “เฟียซไม่ได้รักผมแล้ว”

ผมมองใบหน้าที่คล้ายคลึงคนๆนั้น ความดุดันดูผ่อนคลาย สายตาผมเฉไปมองทางอื่น...

“เอ่อ...ไบรต์กลับไปแล้วน่ะครับ” เขาบอกผมในที่สุด อาการหวาดระแวงในตัวผมหายไป

“ถ้าหามันไม่เจอ...ก็ให้โทรหาผมนะ ผมพอจะรู้ว่ามันอยู่ไหน” ผมเมมเบอร์เขา กล่าวขอบคุณและเดินออกมา

ผมวิ่งฝ่าสายฝนปรอยๆมาที่รถ ไม่มีวี่แววของเค้าอยู่แถวนี้ ผมกดเบอร์แล้วโทรออก

เสียงโทรศัพท์ดังต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครรับสาย ผมกดซ้ำๆ แต่ก็เป็นเหมือนเดิม...

ผมมองสายฝนเบื้องหน้า ความหนาวจากละอองฝนเมื่อกี้ทำให้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ความปวดปร่าจากการวิ่งเข้ามาสะกิด

ความรู้สึกเหงาปนเศร้าเข้ามาทักท้วง ผมพยายามปัดความรู้สึกนี้ออก แต่ยิ่งทำ ก็ยิ่งเคว้างคว้าง...

“นายไปไหนนะ...” ผมได้แต่ครุ่นคิด ความวิตกจริตพาดผ่าน เพลงรักอกหักลอยคลอในอากาศ ผมน้ำตาซึม

เฟียซกำลังจะตาย ... อยู่ๆไบรต์ก็ติดต่อไม่ได้ ผมกำลังป่วย....

ความเหงานี่มันโหดร้ายสิ้นดี....

ผมโทรไปหาไอ้นัท บอกว่าไม่เข้าบริษัทช่วงที่เหลือ และถามถึงเทวดาตัวใหญ่ ... ไม่ได้อยู่ที่นั่น

ในขณะที่ผมกำลังคิดเลื่อนลอยไปไกล เสียงแตรจากรถคันข้างหลังก็บีบไล่ยกใหญ่

ผมผงกหัวผ่านกระจกมองหลังแล้วขับรถออกไป

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมโทรไปหาเค้าอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีคนรับสาย

ความอ่อนล้ายิ่งทำให้ผมหงุดหงิด ก่อนที่ผมจะปิดเครื่องและขับรถกลับบ้าน...

ผมจอดรถไว้หน้าบ้าน แดดอ่อนๆกำลังทอแสงจ้า ฟ้าหลังฝนเริ่มสดใส อีกไม่นานแสงแดดคงจะพาดผ่านจนร้อนระอุ

แต่ผมกลับหนาวสั่น ...ทั้งบ้านไม่มีใคร ผมยิ่งรู้สึกเคว้ง ความเหงาและความป่วยเกาะกุมไปทั่วทั้งตัว

ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมกำลังกังวลใจ แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร

มื้อบ่ายแก่ๆนั้นจืดชืด ผมต้องกินอะไรรองท้องก่อนกินยา เมื่อเช้านี้เอง...ที่นั่งตรงข้ามมีผู้ชายตัวใหญ่นั่งอยู่

เค้ายิ้มและคอยตักกับข้าวให้ผม คะยั้นคะยอให้ผมกินเยอะๆ คอยหายาและน้ำมาให้ผม...

แต่ตอนนี้ผมนั่งกินข้าวคนเดียว ความรู้สึกเบาโหวงนี้จับตัวเป็นก้อนร้ายในหัวใจ

ผมแสบตา...เพราะพยายามกลั้นความอัดอั้นนั้นไว้ แล้วผมก็เข้าไปนอน....

-------------------------------------------------------------------

ผมรู้สึกตัวเพราะได้รับไอเย็นบางอย่างแปะที่หน้าผาก ผมงัวเงียลืมตา เงารางๆของชายคนหนึ่งนั่งมองผมอยู่ด้วยความห่วงใย

“พ่อ...” ผมขยับ พ่อรีบปรามให้นอนนิ่งๆ “กลับมาตั้งแต่ตอนไหน ไหนบอกไปสัมนาไงครับ?”

“เพิ่งมาถึงไม่นานนี้เอง ส่วนของพ่อเสร็จแล้ว เลยกลับมาก่อน...เป็นไงล่ะเรา นอนซมเชียวรึ”

“ผมตากฝนมาน่ะครับ” ผมโกหก “เลยรู้สึกไม่สบาย”

“พ่อรู้” พ่อชี้ไปที่หน้าผาก “ไม่งั้นจะเอาผ้ามาแปะไว้ทำไม”

“ขอบคุณครับ” ผมคอแห้งผาก กลืนน้ำลายลำบาก พ่อยื่นน้ำอุ่นมาให้

“พ่อ...เฟียซเค้า...” ผมพยายามหาคำพูด

“ไม่ต้องบอกหรอก พ่อรู้แล้ว” แม่สินะ...

“ผมขอโทษ” ผมน้ำตาซึม รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็ก เมื่อก่อนเวลาทำผิดแล้วพ่อจับได้จะถูกลงโทษหนัก...

พ่อผมไม่พูดอะไร เอื้อมมือหนามาแตะที่ลำคอ

“นอนซะ” พ่อผมพูด “รักษาตัวเองให้หาย อย่าเพิ่งคิดมาก” ยิ่งได้ฟัง ย่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“พ่อ...”

“ร้องมาเลยลูก...ร้องซะให้พอ” ผมโผกอดพ่อ “พอน้ำตาหยดสุดท้ายหมดไป เราจะได้เข้มแข็งขึ้น”

“พ่อกอดผมเหมือนตอนเป็นเด็กได้มั้ย” ผมอ้อน ตอนยังเล็ก พ่อมักจะกอดผมไว้ตอนที่ไม่สบาย แล้วใช้เคราแข็งๆถูที่แก้ม

ความอบอุ่นทาบผ่านแก้ม ครอบครัวเราไม่เคยอายเรื่องการแสดงความรักต่อกัน นี่เป็นหนึ่งในสิ่งดีๆที่ผมเกิดมาในครอบครัวนี้



-------------------------------------------------------------------




ขี้อ้อนจังนะนายคิง...







#โปรดติดตามตอนต่อไป...


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หมอยังรอคอยอยู่ที่เดิม

ทำไมนุ้งไบรต์ถึงไม่คอยบ้างหล่ะ?

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
รอกันอยู่ ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 30: สับสน

ชายหนุ่มร่างสูงล่ำไม่รู้จะไปทางไหน สายฝนที่หล่นรินเหมือนน้ำตาเขาที่กำลังตกใน มือของเขาถือผลการตรวจที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเลยสักนิด...ผู้ชายคนนั้นหวาดระแวง เขายังรับได้ ทั้งๆที่เขายืนยันแล้วว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร

แต่...จู่ๆคู่หมั้นพี่คิงก็มาปรากฎตัว คนรักของพี่เบสต์มีคู่หมั้นแล้ว!

“พี่เชื่อ ว่าเฟียซจะต้องกลับมา นายกลับไปก่อนเถอะ” พี่ชายเขามีท่าทางมั่นใจ แต่น้ำเสียงนั้นช่างตรงกันข้าม

“พี่จะรอตรงนี้สักพัก” เขาไม่แย้งพี่ชาย สิ่งที่พวกเขาได้ยินก็บอกสถานะชัดเจนอยู่แล้ว

ร่างสูงใหญ่เดินตากฝนปรอย ความเย็นเยือกทำให้เขาสดชื่น...แต่จิตใจเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น...

ไปไหนดีนะ...เขาถามตัวเอง ก่อนจะเดินต่อไปเรื่อยๆ

---------------------------------------------------------------------------

“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”

“ขอบคุณเรื่องอะไรครับ” เขาถาม เธอขดตัวเข้ามาแนบชายหนุ่มมากขึ้น ลมยามเย็นพัดกลิ่นตัวหอมของเธอเข้าจมูก

เธอขอให้เขาพามาสถานที่แห่งนี้ วิวแม่น้ำเจ้าพระยาใต้สะพานลอยใหญ่แถวบ้าน...

“ขอบคุณที่ยังรอ...” น้ำเสียงนั้นเงียบหายไป  นรินทร์เกยคางบนไหล่แคบนั้น สูดดมความหอมเย้ายวน

“อย่าผลักไสผมไปไหนอีกนะครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยความน้อยใจ “อย่าไล่ผมไปไหนอีก”

หญิงสาวแกะอ้อมกอดนั้น หันมาจับสองมือหนา คราวนี้เธอไม่หลบตาเขาอีกแล้ว...

“แต่...ชั้นกำลังจะ...”

“ไม่มีทาง! ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณเป็นอะไรไป” น้ำเสียงนั้นตื่นกลัว “ผมเป็นหมอนะครับ ผมจะต้องหาทางรักษาคุณให้ได้”

รอยยิ้มจางๆเจือบนใบหน้า แค่นั้นก็ทำให้หัวใจเขาพองโตแล้ว

“ผมสัญญา” เขาย้ำคำพูดของตัวเอง “ผมจะหาทางรักษาคุณให้ได้”

สองมือน้อยยังจับมือหนาไว้แน่น เฟียซบีบมันไว้ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว ความป่วยที่เกาะกินลุกลามภายในทีละน้อย

ความเจ็บปวดที่รังควานทุกเมื่อเชื่อวันทำให้เธอยิ่งหวาดกลัวและท้อแท้...

“คุณหมอคะ”

“ครับ” หมอหนุ่มโน้มหน้าลงมาใกล้ ดวงตาคมเข้มจับจ้องจนคนถูกมองแทบละลายตรงนั้น

เธอปล่อยสองมือเขาให้เป็นอิสระ ดวงตาคู่สวยสื่อสารผ่านสายตาคู่นั้น

สันกรามของชายหนุ่มรับกับใบหน้าเรียวเคราครึ้มเกาะลามยิ่งทำให้ดูดุ...แต่มีเสน่ห์เย้าใจ

เธอจับใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรนั้น สื่อสารคำขอบคุณออกมาเงียบๆ ก่อนที่จะยืดตัวเข้าไปหา

ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา ชายหนุ่มตกตะลึงกับการกระทำของเธอในครั้งนี้...

“ขอบคุณค่ะ” ...ถึงแม้ไม่มีเสียงใดๆออกมา เขาก็รับรู้ได้ว่าเธอบอกเขาแบบนี้....

----------------------------------------------------------------------

กว่าจะมาถึงคอนโดชายหนุ่มก็ตัวเปียกโชกเขาเดินมาตลอดทาง ขบคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น

มันรวดเร็วและรุนแรงเกินกว่าจะทนได้...

“พี่ไบรต์” ชายหนุ่มร่างสันทัด หน้าตาหล่อคมคายส่งเสียงทักอย่างดีใจ

“กาย...”

ชายคนนั้นดีดตัวออกจากการพิงกำแพงเมื่อครู่แล้วมาหาเขา “พี่หายไปไหนมาครับ ผมมารอตั้งนาน”

เขายังไม่ตอบอะไร ไม่มีอารมณ์จะตอบอะไร “ทำไมพี่เปียกทั้งตัวแบบนี้ล่ะ” น้ำเสียงนั้นกังวล

“ฝนมันตกน่ะ” เขาตอบกลับ หนุ่มร่างเล็กกว่าทำหน้าเบ้ราวกับถามว่าแล้วทำไมต้องตากฝนมา

“พี่ลืมนัดกับผมใช่ไหม ผมมารอตั้งนาน” เขานิ่ง งงงัน นัดงั้นเหรอ...แล้วเขาก็นึกออก

“เปล่า ไม่ได้ลืม” เขาโกหก

“แค่ติดธุระด่วนนิดหน่อยน่ะ กายมานานแล้วเหรอ” พูดพลางไขประตูเข้าห้อง ชายหนุ่มชื่อกายพยักหน้า

“เข้ามาก่อนสิ” เขาเชิญแขก ก่อนถอดเสื้อออก เผยกล้ามเนื้อแน่นขนัด แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำออก

“ผมเช็ดตัวให้นะครับ” ชายร่างเล็กเสนอตัว ดวงตาทั้งคู่จับจ้องเรือนร่างที่เปี่ยมด้วยมัดกล้ามอย่างหื่นกระหาย

“เอาสิ” เขายื่นผ้าเช็ดตัวให้ อีกฝ่ายรีบรับอย่างรวดเร็ว และเช็ดเนื้อตัวเขาจนแห้ง....ก่อนจะโผมากอด

“ผมคิดถึงพี่ไบรต์จังเลย” สองมือนั้นเลื้อยไล่ตามตัว

เขาคล้อยตามสัมผัสนั้น....

--------------------------------------------------------------------

ผมตื่นขึ้นมาก็เย็นมากแล้ว ไอชื้นของฝนลอยปะปนในอากาศ ที่นอนอุ่นๆว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งผ้าปู...

ความเหงาบีบรัดทรวงอกจนหายใจลำบาก...ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ได้นะ ผมเปิดมือถือ โทรไปเบอร์เดิม...

ไม่มีใครรับสาย...

โกรธเหรอ

งอนเหรอ...

แต่ด้วยเหตุผลอะไร????

เมื่อเริ่มหงุดหงิด ความหิวก็พุ่งมาชนทันที...

ผมเดินมาที่ห้องครัว บ้านเงียบอีกแล้ว มีโน้ตแปะตู้เย็นว่าทุกคนกินข้าวบ้านป้าที่รังสิต

หิว ข้าวก็ไม่มีกิน...

เหงา ไม่มีใครซักคนอยู่ด้วย...ผมน้อยใจน้ำตาซึม

มาม่าคัพหมดแม้กระทั่งน้ำซุป...ผมฮึดฝืนสังขาร เปลี่ยนเป็นกางเกงมวย พันมือด้วยผ้าขาวสีอมเหลืองและใส่นวม

กระสอบทรายหลังบ้านแขวนห้อยหัวลงมา ผมใส่ทุกแรงระบายความอัดอั้นลงไป

“แม่ง! ป่วยดีนักใช่มั้ย!!”

ผมจินตนาการกระสอบทรายเป็นหน้าเค้า “อยู่ๆก็มาทำมิดีมิร้ายกู!”

เสียงหมัดกระแทกตุบตับ ผมโถมแรงลงไปมากขึ้น เหงื่อไหลย้อย ไม่สนใจความเจ็บที่ฝืนแข้งขามาเตะ และเข่า...

“แล้วก็ไม่รับโทรศัพท์!!”

ผมระบายความอัดอั้นจนเปียกไปทั้งตัว ก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น พิงผนังไว้...

“เป็นแฟนกับผมนะ” เสียงนั้นยังลอยแว่วมาในหู ผมพยายามสลัดมันทิ้ง

“จะมีใครในโลกขอคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่ 7 วันเป็นแฟนล่ะวะไอ้คิง” ผมขืนตัวขึ้น สงบสติอารมณ์ด้วยน้ำเย็นๆ

-----------------------------------------------------------------

สุดท้ายผมก็มายืนที่หน้าคอนโดเค้าจนได้...

 พี่ยามส่งเสียงทักและเปิดประตูให้แทบจะทันที ผมหมดโอกาสลังเลและกดลิฟต์ชั้น 18

ถ้าจะโมโห จะโกรธกัน ก็ขอให้คุยกันให้จบ ถ้ามันจะจบไม่สวยก็ช่างแม่ง...

ผมไม่ชอบอะไรที่ค้างๆคาๆแบบนี้ ถ้าเค้าจะไป ...ผมไม่คิดจะฉุดหรือรั้งใครไว้ทั้งนั้น...

หน้าประตูห้องเดิม ห้องที่ผมตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม หน้าประตูห้อง...ที่เค้าเคยกอด

ผมง้างมือจะเคาะ...แต่ก็ไม่กล้า ความลังเลปีนป่าย ผมกำหมัดจนเหงื่อไหล และหันหลังกลับ...

แกร่ก.... เสียงประตูเปิดออก พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก

“ขอบคุณมากนะครับพี่ไบรต์” ผมหันกลับไปดูภาพตรงหน้า หนุ่มหล่อคนหนึ่งบอกลาเค้าหน้าประตู

ผมมองเค้าตรงๆ สายตาไม่บ่งบอกอะไร...ความจริงคือผมไม่รู้ว่าจะต้องคิดอะไรเมื่อเจออะไรแบบนี้...

เค้ามองมาทางผมด้วยสายตาว่างเปล่า ผมจับจ้องท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเค้า

“แล้วมาใหม่นะกาย” เสียงแหบๆของเค้าบอกชายหนุ่มคนนั้น ผมชำเลืองดู ชายหนุ่มชื่อกายกอดเค้าอย่างจงใจ

หล่อ และเด็กกว่าผมเสียอีก... ขาผมไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งชายหนุ่มชื่อกายเดินผ่านและลงลิฟต์ไป

เราสบตากัน ผมหลบตาแล้วหันหลังกลับ เดินไปที่ลิฟต์...เสียงเค้าตะโกนตามหลัง

“ไม่ต้องงงหรอกพี่ คนนั้นแฟนผมเอง!!”

ผมไม่เข้าใจกับคำพูดนั้น จุดประสงค์ของมันคืออะไร ถ้าจะยั่วให้ผมโกรธหรือหึง เค้าทำไม่สำเร็จหรอก

ผมไม่ตอบอะไรกลับไป ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว เสียงเค้ายังไล่หลังมาอีกครั้ง

“พี่มีคู่หมั้นแล้ว ผมก็มีแฟนแล้ว ทีนี้เราหายกันแล้วนะ” ผมไม่สนใจ ไม่มีทีท่าจะสนใจก่อนหยุดรอลิฟต์

ช่วงเวลาที่เคยแสนสั้น ตอนนี้กลับยาวนาน ความเหนื่อยล้าเข้ามาครอบครองสติผม...

ยิ่งรอ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช้า “พี่จะไม่สนใจเลยเหรอ ใช่สิ พี่มีคู่หมั้นแล้วนี่นา” เค้าแค่นหัวเราะ

ผมดูที่ตัวเลขบนหน้าจอ ชั้น 1…2…3 บอกตัวเองอย่าไปสนใจ

แค่ฝันร้าย แค่คนๆหนึ่งที่ผ่านเข้ามา แค่คนๆหนึ่งมาทำร้าย อย่าไปให้ความสำคัญ ผมต้องนิ่งไว้...

น้ำตาผมไหลมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้...ผมปาดมันทิ้ง พยายามไม่ให้เค้าสังเกตได้ว่าผมกำลังทำอะไร...

ลิฟต์เปิดกว้าง ภายในไม่มีคน

ผมไม่หันหลังกลับ เค้าเลิกส่งเสียงไปแล้ว ผมถอนหายใจและก้าวไปข้างหน้า...

ร่างกายมันวืดด้วยแรงกระชาก ผมเซกลับไปตามแรงฉุดมหาศาลนั้น...

“ถ้ามันจะต้องจบแบบนี้...ขอส่งท้ายหน่อยแล้วกัน”

เค้าอุ้มผม ฉุดกระชากโดยไม่ฟังเสียงตะโกนขัดขืนลั่นของผมเลยสักนิด...

“ไอ้เชี่ย ปล๊อย!!”

เสียงดังของผมไม่ระคายเค้าเลยสักนิด เหมือนกับว่ามันไม่เคยสำคัญอะไรเลย...





โปรดติดตามตอนต่อไป...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้อ...ประชดกันเข้าไป

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เป็นเรื่องจนได้

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1


มาอ่านรวดเดียวสามสิบตอน.

ง่วงก็ง่วง แต่อ่านแล้วติดพันมากกกกก

รอเฉลยเหตุการณ์ในคืนนั้น ท่าทางมีคนเกี่ยวพันกันหลายคนจนเป็นวงกลม

……

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:


ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
:pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้อ...ประชดกันเข้าไป


เด็กน้อยเนอะ ขี้ประชด

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
เป็นเรื่องจนได้


รอลุ้น...ตอนหน้านะครับ อิอิ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


มาอ่านรวดเดียวสามสิบตอน.

ง่วงก็ง่วง แต่อ่านแล้วติดพันมากกกกก

รอเฉลยเหตุการณ์ในคืนนั้น ท่าทางมีคนเกี่ยวพันกันหลายคนจนเป็นวงกลม

……

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:




ขอบคุณที่มาติดตามครับ ไม่นานทุกอย่างจะเฉลยเองครับ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

มาต่อตอนใหม่แล้วนะครับ ถ้าชื่นชอบผลงานกันก็อย่าลืมกดติดตามที่ facebook page ด้วยนะครับ
ตามลิงค์ที่ลายเซนเลย ในนั้นจะมีอัพเดตความเคลื่อนไหวสำหรับนิยายทุกเรื่องที่มี

และอย่าลืมติดตามผลงานที่เอาลงในเล้าเป็ดอีกเรื่องด้วยนะครับ
เรื่องราวใสๆสไตล์วัยรุ่นชื่อ Only You จะรักนายเท่าชีวิต
ตามลิงค์นี้นะครับ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.0


Chapter 31: เป็นต่อ



เค้าโยนตัวผมบนเตียง แรงกระแทกทำให้ผมจุก ผมจ้องหน้าเค้าด้วยความโกรธขึ้ง..

“อ่อ...เดี๋ยวนี้ทำหยิ่งเหรอ มีคู่หมั้นแล้วนี่นาเนอะ ผมมันจะไปมีค่าอะไร” น้ำเสียงนั้นประชดประชัน

ผมเลือกที่จะเงียบ ไม่เอาน้ำมันราดบนกองไฟนั้น น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว

เค้าโถมตัวมาหาผม ใช้ริมฝีปากบดขยี้และซุกไซ้ตามตัว สองมือกระชากเสื้อออก ผมนอนนิ่งๆไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้น

“ทำเลย อยากทำอะไรพี่ก็ทำไปเลยนะ ถ้ามันจะทำให้เราสะใจหรือสาสมใจ”

ผมพูดเสียงเรียบ สมองผมว่างเปล่า มันโหยไห้จนแห้งเหือดไปหมด...แล้วเค้าก็หยุด ผมดึงเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยมาคลุม

“ทำสิ ทำเลย” ผมตะโกน รู้สึกอัดอั้นจนน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง คราวนี้เพราะผมกำลังโกรธ

“ไหนๆก็ข่มเหงกันมาตลอดเวลาอยู่แล้ว หยุดทำไมล่ะ” ผมเสียงดัง

“นายทำแบบนี้...ใครกันแน่ที่ไม่มีค่า” ผมกลั้นน้ำตา “ใครกันแน่ที่ถูกกระทำอย่างกับคนไม่มีค่า”

“พี่มีคู่หมั้นแล้ว ทำไมพี่ไม่บอกผม!!” เค้าตะโกนกลับ

“ไบรต์ก็มีแฟนแล้ว...แล้วทำแบบนี้กับพี่ทำไม!!” ผมจ้องหน้าเค้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเริ่มครุกรุ่น

ผมเริ่มไอ...ความหนาวเริ่มเกาะกิน ไข้ที่เหมือนจะหายกลับมารุมทำร้ายอีกครั้ง

รู้แบบนี้นอนพักที่บ้านดีกว่า ไม่น่าถ่อสังขารมาเจออะไรแบบนี้เลย...

เค้าอึกอัก สีหน้าเริ่มคลาย ความโกรธขึ้งเริ่มจะจางลงเมื่อเห็นอาการของผม “พี่เป็นไข้นี่นา”

ผมปัดมือเค้าออก “จะมาสนใจทำไมว่าพี่จะเป็นอะไร ไปห่วงแฟนนายโน่น!” เค้าหน้าเปลี่ยนสี

“กายไม่ใช่แฟนผม” เค้าสารภาพ “เค้าเป็นน้องที่คณะ วันนี้น้องขอผมติวภาษาอังกฤษให้”

ผมนิ่ง “พี่ เชื่อผมนะ” เสียงเค้ากลายเป็นลูกแมวเหมือนเดิม ...ผมยังไม่พูดอะไร

“ผมกับกายไม่ใช่แฟนกันจริงๆ” น้ำเสียงเค้ากังวลหนัก เมื่อเห็นท่าทางของผม “เราเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้น”

“บอกพี่ทำไม แฟนก็แฟนสิ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” ผมพูดเรียบๆเค้าหน้าสลด “พี่เชื่อผมนะ ไม่มีอะไรจริงๆ”

“พอเถอะ อย่าพูดอะไรเลย” ผมตัดบท “จะแฟนหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับพี่” ผมลุก เค้ารีบรั้งไว้

-------------------------------------------------------------------------

“กาย หยุดเถอะ”

“ทำไมอะครับพี่ไบรต์ พี่ไม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ...ไม่คิดถึงวันคืนเก่าๆของเราบ้างเลยเหรอครับ”

สองมือนั้นยังไม่หยุดไล้ตามเรือนร่างแน่นหนา จนเขาต้องแกะมันออก

“กาย อย่าลืมสิว่ามันเป็นแค่เซ็กซ์ชั่วครั้งชั่คราว” เขาปล่อยมือของชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเกาะกุมตัว

“และกายเป็นคนบอกเองว่า มันเป็นแค่เซ็กซ์ ไม่ยึดติด ไม่ผูกพัน”

กายสะอึก ความรู้สึกบางอย่างเสียดแทงหัวใจ แต่สุดท้ายเขาก็เก็บทุกอย่างไว้มิดชิด

“ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวไงครับ...เหมือนกับตอนนี้ไง”

หนุ่มร่างใหญ่ถอยห่าง “ไม่ครับกาย...”

“ทำไมอะครับพี่ไบรต์...หรือว่าพี่มีคนอื่น!!” น้ำเสียงนั้นขมขื่น

“พี่ไม่เคยมีคนอื่น...” เขาพูดตามตรง

“ไม่มีคนอื่น แล้วทำไมพี่เป็นแบบนี้ล่ะ”

“พี่ไม่เคยมีคนอื่น นอกจากเขา...ถึงแม้พี่จะคบผู้ชายมากี่คนก็ตาม แต่ใจพี่ก็ไม่เคยยกให้ใคร”

“พี่ไบรต์!!”

“พอเถอะกายพี่ขอ เราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันดีกว่านะ” เขาเสียงแข็งจนอีกฝ่ายลดท่าทีลง

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย...”

เขาไม่ตอบ ไม่อยากคิดอะไรให้มันหนักสมองไปมากกว่านี้แล้ว

“ไหนว่าจะให้พี่ติวไง...ไม่ติวแล้วเหรอ” เขาหยิบเสื้อตัวใหม่มาสวม...

-----------------------------------------------------------------------

“พี่โกรธอะไรผมเหรอ” เค้าเสียงอ่อย “อย่าโกรธผมเลยนะ ผมขอโทษ ผมพูดไปเพราะอยากให้พี่หึงผม”

....ไหนมันฉลาดนักไงวะ ทำไมรีบแบไต๋ออกมาหมดเลยล่ะไอ้เทวดาเอ๋ย....

“แล้วทำไมพี่ต้องหึง” ผมกวน “ทำไมต้องทำให้พี่หึงด้วยล่ะ” ผมเปลี่ยนคำถาม

“ก็พี่ทำผมหึงก่อน” เค้าโพล่ง “พี่มีคู่หมั้นแล้ว ผมเลยอยากทำให้พี่หึงผมบ้าง อยากให้พี่รู้ว่าผมรู้สึกยังไง”

เค้ากลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ “มันรู้สึกแย่จนผมแทบทนไม่ไหว ใจผมร้อนปุดๆจนอยู่นิ่งๆไม่ได้”

“แล้วนายรู้ได้ไงว่าพี่มีคู่หมั้นแล้ว” ผมถามกลับ

“ก็คุณเฟียซบอก” เค้าตอบ...

“แล้วพี่บอกอะไรซักคำไหม?” ผมถามอีกครั้ง “พี่ได้ป่าวประกาศปาวๆแบบที่ไบรต์ทำมั้ย?”

เค้านิ่ง ท่าทางเหมือนคนคิดอะไรได้...

”ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” เค้าดึงผมไปกอด ผมดิ้นขลุกขลักแต่ก็ไม่หลุด

“ผมน่าจะฟังพี่...ผมขอโทษ” เค้าย้ำ

-----------------------------------------------------------------------------

ล้อจักรยานคันเก่าหมุนตามแรงปั่นและแรงดันส่ง เสียงหัวเราะกังวานสดใส

“คิง อย่าปล่อยมือนะ ชั้นยังขี่ไม่ค่อยคล่อง” น้ำเสียงร่าเริงตะโกนบอก...

“ไม่ปล่อยหรอก ขับดีๆนะแก ทางชันด้วย”

“ดึงไว้หน่อย...อย่างงั้นแหละ เหมือนเบรกมันจะไม่ค่อยดีเลย”

“ช้าๆละกัน จะลงเนินแล้ว...อ๊ะ นั่นรถไอติม”

“ตรงไหน”

“ฝั่งโน้นไง แกชอบกินไอติมไม่ใช่เหรอ ปั่นไปตรงนั้นกันมั้ย”

“เอาสิ ค่อยๆนะคิง อย่าปล่อยมือ” ชายหนุ่มรั้งเบาะไว้ ไม่ให้จักรยานไหลตามทางลาดเอียง

หญิงสาวประครองรถไว้ ค่อยๆปั่นไปทีละน้อย “คิงจะกินรสไหน”

“มะนาวละกัน...แกล่ะ”

“วนิลากับช็อกโกแล็ต”

“โห เหมาสองอันเลยเหรอโลภอะ” สองเสียงหัวเราะดังประสานกัน...

พลันล้อรถจักรยานก็ปัด ชายหนุ่มลื่นถลาไปกับพื้นถนนที่เปียกชื้น จักรยานพุ่งลงตามทางลาด

“คิงงงงงงงงง!!!”

“เฟียซ!!!” เขาตะโกนลั่น ก่อนได้ยินเสียงล้อรถเบรกดังเอี๊ยด เสียงชนดังโครม!

ภาพเบื้องหน้าทำให้เขาช็อคจนลืมหายใจ....

เธอลืมตาโพลงในอ้อมกอดของชายร่างใหญ่ เนื้อตัวสั่นเทิ้ม

“เป็นอะไรไปครับ หนาวเหรอตัวสั่นเชียว” เขาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“เปล่าค่ะ แค่ฝันร้ายนิดหน่อย” เธอจับแขนล่ำนั้น หันไปมองเขา “ชั้นหลับไปตั้งแต่ตอนไหนคะ”

“เมื่อกี้เองครับ พอเรานั่งกันแป๊บนึงคุณเฟียซก็หลับไป”

“คงผลอยหลับแหละค่ะ ช่วงนี้เป็นบ่อย” เขาพยักหน้าน้อยๆ ความกังวลใจแผ่ขยายลุกลาม

นี่เธอป่วยขนาดนี้ แต่ยังไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นเลย ทำไมจะต้องทนแบกรับมันไว้คนเดียวด้วย...

นรินทร์ได้แต่ครุ่นคิด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือกอดร่างบางนี้ไว้ กอดเอาไว้ราวกับว่าไม่อยากให้มันบุบสลาย...

-------------------------------------------------------------

เค้าทำหน้าสลด ผมยังไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย... “พี่ ผมขอโทษ”

“ผมจะไม่ทำอีกแล้ว” ผมมองไปที่ประตู พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอด

“ผมจะไม่หูเบาเชื่อคนง่ายอีกแล้ว” เหอะ!! น่าเชื่อตายล่ะ

“ผมจะเลิกทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ” พ่อคู๊ณ มาเป็นชุด “อย่าโกรธผมเลยนะ”

ผมไม่ได้โกรธเค้าแล้ว แค่หงุดหงิดใจกับท่าทางของเค้า แค่ไม่ชอบใจที่เค้าไม่รับโทรศัพท์

แต่น่าแปลก ที่ผมไม่หึงหวง ไม่รู้สึกอะไรตอนที่เห็นผู้ชายคนนั้นกอดเค้า...

แต่สิ่งที่ผมรู้สึกแย่ คือคำพูดที่ไม่คิดของเค้าต่างหาก การกระทำของเค้าที่ผ่านมา มันคือฝันร้ายของผม

แต่ผมก็พยายามลืมมันออกไป แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ได้แต่ทำใจให้ชาชิน ...

และครั้งนี้ เค้ากลับพยายามทำร้ายผมด้วยคำพูด เค้าต้องทำอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ ผมเหนื่อยกับการกระทำของเค้า

“พี่คิง พูดอะไรบ้างสิ” เค้าทักท้วง

ผมถอนหายใจ “จะให้พี่พูดอะไรล่ะ”

“อะไรก็ได้ บอกผมสิว่าพี่หายโกรธผมแล้ว”

“พี่บอกไม่ได้”

“อ้าว...ทำไมอะครับ” น้ำเสียงนั้นซึมกว่าเดิม “พี่โกรธผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

ผมส่ายหน้า “เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ”

“จริงเหรอครับ” น้ำเสียงนั้นตื่นเต้น “แล้วทำไมพี่ไม่ยอมพูดกับผมล่ะ”

“พี่ไม่ได้โกรธ พี่แค่ไม่ชอบใจที่ไบรต์ทำแบบนี้...” ผมลังเล ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปเค้าจะรับได้ไหม

“ไบรต์คิดทำอะไรก็ทำ พูดอะไรก็พูด ไบรต์ไม่เคยคิดถึงคนอื่น” ผมอัดตรงๆ

“ไบรต์เห็นแก่ตัวเกินไป...พี่รับไม่ได้” อ้อมกอดนั้นคลาย ผมดันตัวเองออกมา

“ผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบคำถามของเค้า

โดยปรกติ คนที่โดนผมว่าแรงขนาดนี้จะร้องไห้หรือไม่ก็ด่าผมกลับและไล่ผมไปให้พ้นหูพ้นตา

“ผมขอโทษครับ ที่ทำตัวแย่ๆกับพี่” แต่เค้ากลับรับสิ่งที่ผมพูดได้และขอโทษออกมา

“ผมสัญญา ผมจะปรับปรุงตัว ผมจะคิดถึงใจพี่....พี่ให้โอกาสผมอีกครั้งนึงได้มั้ย” ถ้าเป็นคุณจะตอบเค้าว่ายังไง

-------------------------------------------------------------



โปรดติดตามตอนต่อไป




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

Flashback เนี่ยมาแบบเยี่ยวมดอ่ะ  กว่าจะรู้เรื่องราวในอดีตที่แอบซ่อนอยู่

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตามๆ กันไปเรื่อยๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด