One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ l ตอนที่ 53 หน้า 6 [10-11-61](ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ l ตอนที่ 53 หน้า 6 [10-11-61](ตอนจบ)  (อ่าน 73678 ครั้ง)

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


คุณจะทำอย่างไร หากถูกถอนหมั้นแบบไม่ทันตั้งตัว?

ต้องเมาจนสติหลุดแบบนายคิงของเราไหม?

เรื่องวุ่นๆจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเขาไม่บังเอิญตื่นมาแล้ว ปวดตูด

และมีผู้ชายตี๋หล่อล่ำชื่อไบรต์นอนข้างๆด้วยใบหน้าทะเล้น

 

เมื่อนายไบรต์คอยแต่จะถามว่า “พี่จำผมไม่ได้จริงๆเหรอ”

ทำไมคิงจะต้องจำได้ ในเมื่อเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

มาลุ้นกับความรักที่แสนชุลมุนของนายคิงและนายไบรต์

ที่มันพัวพันกับอดีตที่แสนจะเจ็บปวดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

งานนี้ ทั้งวุ่น และต้องลุ้นไปกับพวกเขาจริงๆ

 

----------------------------------------------------------------------------------------




หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มิได้อ้างอิงมาจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
รูปภาพประกอบเพื่อการสมมุติตัวละครเท่านั้น มิได้เกี่ยวข้องกับบุคคลในภาพแต่อย่างใด


ปล. นิยายเรื่องนี้ไรต์เคยเขียนไว้เมื่อ 5-6 ปีก่อน และนำมาเรียบเรียงใหม่
ทั้งเหตุการณ์และลำดับเวลา(Time Line) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2018 15:34:31 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
สารบัญ

ONE MORE NIGHT ตอนที่ 1 - 13 หน้า 1
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.0


ONE MORE NIGHT ตอนที่ 14 - 23 หน้า 2
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.30


ONE MORE NIGHT ตอนที่ 24 - 31 หน้า 3
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.60


ONE MORE NIGHT ตอนที่ 32 - 42 หน้า 4
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.90


ONE MORE NIGHT ตอนที่ 43 - 49 หน้า 5
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65595.120



ผลงานของ Writer

1. สัญญาธนาการ (Eternity bondage) -
 จบแล้ว


2. อยากให้ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง... -
 จบแล้ว

 
3. Only You :: จะรักนาย เท่าชีวิต

4. One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ





อย่าลืมกดติดตามความเคลื่อนไหวกันได้ที่เพจ :: https://www.facebook.com/Begintillanend
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2018 15:21:35 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


One More Night: บังเอิญรัก โดยตั้งใจ

Chapter 1: โทษฐานที่รู้จักกัน



                คืนหนึ่งของปี พ.ศ. 2556

เสียงดนตรีดังกระหึ่มโหมความคึกคักดังแทรกอยู่ด้านหลัง ผมแหวกว่ายผู้คนเดินออกมาสูดอากาศข้างนอก ถึงแม้มันจะไม่บริสุทธิ์เหมือนกับอากาศแถบชานเมืองหรือต่างจังหวัด แต่มันก็ยังดีกว่าทนมึนหัวเบียดเสียดผู้คน

วันนี้ผมกะมาเมาให้เต็มที่ ปรกติผมก็ดื่มตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่หนักเท่าตอนนี้ แต่ละครั้งก็แค่พอกรึ่มๆเมื่อไม่ไหวก็หยุด

 แต่สำหรับคืนนี้ไม่!

ผมเพิ่งถูกบอกเลิกมา โดย...เอ่อ...คู่หมั้น (มั้ง) เราเป็นคู่ที่ไปด้วยกันได้ดี พ่อแม่จับหมั้นหมายให้ตั้งแต่เด็ก ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้เธอเรียกว่าความรักไหม แต่ผมก็ไม่เคยปฎิเสธกับความดีที่เธอมีให้ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เกิด มันเป็นเหมือนความเคยชิน เราอยู่ด้วยกันมานาน เห็นกันมาจนชินตา ผมไม่ได้รังเกียจเธอ เหมือนกับที่เธอก็ไม่รู้สึกว่าผมเป็นคนที่เลวร้ายอะไร

แล้วอยู่ๆ เย็นวันนี้ เธอก็โทรเข้ามา “เลิกกันเถอะ อย่าถามอะไรชั้นตอนนี้เลยนะ ชั้นรู้ว่าแกเข้าใจชั้น”

แล้วก็คลิก....

ผมเสียใจ งง ผมจะเข้าใจ ผมจะเข้าใจอะไรได้(ฟระ!!)...ลึกๆคงจะเสียใจมั้ง แต่ ไม่รู้สิ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ

มันเบาโหวง เหมือนคนโล่งอก แต่ก็มองไม่เห็นทางเดินไปข้างหน้า

เหมือนกับว่าทำของสำคัญหล่นหาย แต่ก็ไม่รู้สึกว่าต้องรีบเอามาใช้...

ผมยังไม่รู้ ว่าจริงๆแล้วตัวเองรู้สึกยังไง...

แค่ตอนนี้ผมเมา

ครั้งสุดท้ายที่ผมดื่มหนักสุดก็วันรับปริญญาน้องชาย วันนั้นผมดีใจมากๆกับความสำเร็จของเขา เลยเมาปลิ้นไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่สภาพวันนั้นก็ไม่ได้ต่างจากวันนี้เท่าไหร่ เพียงแต่ผมต้องออกมาสูดอากาศข้างนอกเพราะไม่อยากเมาไปมากกว่านี้

วันนี้ผมขับรถมา ถึงแม้จะอยากเมามากแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่อยากตายเพราะขับรถ หรืออย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่อยากโดนจับผมควักบุหรี่ออกมา จุดไฟและสูบเข้าเต็มปอด ... อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีนะ ตอนเป็นเด็กผมเกลียดคนสูบบุหรี่เข้าไส้ แม้แต่พ่อผมก็โดนผมอาละวาดใส่ไม่หยุดเวลาท่านควักบุหรี่ออกมาสูบ แต่พอโตขึ้น ชีวิตในมหาวิทยาลัยมันยั่วยวนให้ผมต้องดำดิ่งไปกับอบายมุขเหล่านั้น ผมดื่มเหล้า ผมสูบบุหรี่ ใช้ชีวิตทุกอย่างแบบเต็มรูปแบบ ยิ่งเมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกแย่และผิดหวัง สองสิ่งที่เป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวผมไว้ก็มีแต่ บุหรี่ กับเหล้า

“ขอโทษนะครับ ไปสูบที่อื่นได้มั้ย ผมเหม็น” ผมกำลังจะเดินหนี

แล้วบุหรี่ก็หลุดออกจากปากผมไปอยู่ในมือเจ้าของเสียงนั้น

ไอ้!!! เสียมารยาท ไอ้!!!

สีหน้าผมคงแสดงออกว่าโมโหมากๆที่อยู่ๆโดนดึงบุหรี่ออกไป

เขาโยนมันทิ้ง เอาเท้าบี้ให้ดับกับพื้น ผมได้แต่มองด้วยความเสียดาย

“เฮ้ย! ทำไมคุณทำแบบนี้ละ?!?”

หน้าผมร้อนผ่าว ความเมาบวกกับความหงุดหงิดที่สะสมมามันยิ่งเหมือนไฟสุมทรวง(โอ๊ย ศัพท์โบราณได้อีก)

ผมอยากจะชกหน้าไอ้นี่!! มันเป็นอารมณ์ที่อยากระบายด้วยอะไรสักอย่าง และไอ้นี่ก็เข้ามารองรับได้ทันใจจริงๆ

วินาทีที่ผมออกหมัด มันเหมือนภาพสโลว์โมชั่นตามละครทีวี ที่พระเอกจะต้องมีฉากง้างหมัดสวยๆและพุ่งตรงไปที่หน้าเป้าหมาย แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ผมรู้สึกเหมือนมีแรงโน้นถ่วงฉุดทางด้านหลัง ยิ่งรั้ง ก็ยิ่งประครองตัวไม่อยู่

ผมค้างเติ่ง ใจคอเริ่มไม่ดี เพราะยิ่งออกแรง ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนรั้ง...แล้วผมก็ล้มตึงหงายหลังลงไป...

อ๊างงงง ทั้งโกรธ ทั้งอายเลยตอนนั้น!!!

ผมหงายหลังหน้าผับ ค่อยๆลืมตา ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเริ่มเข้ามามุงว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนเอ่ยถามว่าไหวไหม

ไหวไหมเรอะ!!

ถ้าไหวกรูจะเท้งเต้งแบบนี้เรอะ!!!

หมดกันภาพพจน์กรู

T_T

“ลุก”ผมถูกดึงขึ้นสิ้นเสียงนั้น ความโกรธแล่นพล่านอีกครา

มันนั่นเอง ไอ้ตัวต้นเหตุ!!!

ผมขืนตัวเล็กน้อย แต่ด้วยความเมาหรืออะไรซักอย่างทำให้ผมสู้แรงเค้าไม่ได้

แม่งแรงยังกะหมีควาย กระชากแขนผมยังกับผักปลา ไม่ใยดีเล้ย ว่าที่กรูต้องหงายท้องแบบนี้เพราะมรึง!!

แต่สุดท้ายผมก็ลุกได้ และโดนลากออกมาจากกลุ่มไทยมุง

ฤทธิ์น้องแอล(กอฮอล์)มันส่งผลชัดเจนขึ้นหลังผมล้มตัวลง หัวผมกำลังหมุนไปกับแสงฉุดกระชาก

“ปล่อย”

ผมสะบัดแขน กะว่าถ้าดิ้นไม่หลุดก็จะกัดแขนมันตรงนั้นแหละ (แมนมากกรู)แล้วเดินเซซัดไปที่รถ

“เฮ้ย ขับรถไม่ได้นะ!!” เสียงไอ้คนนั้นมันสั่งดึงกุญแจรถผม และเป็นอีกครั้งที่ผมโดนกระชากของออกจากมือ

“เอากูนแจโร๊ดมา” เห้ย ทำไมเสียงกรูยานแบบนี้วะเนี่ย -_-‘’

ผมพยายามยื้อแย่ง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะไอ้คนที่เอาไปตัวใหญ่กว่าผมเสียอีก

“จาคาโมยโร๊ดกรูเหรออออ” ยิ่งพูดสำเนียงยิ่งแย่ นี่ถ้าไม่หงายท้องไปกองกับพื้นคงไม่เป็นอะไรแบบนี้

แล้วผมก็ฟุบคากระโปรงรถตัวเอง...ไม่ไหวแล้วครับ สิ้นเรี่ยวแรง ไม่มีอะไรไปสู้ได้ซักอย่าง

ไม่รู้ว่านานแค่ไหน โลกแต่โลกมันยังไม่เลิกหยุดหมุนติ้วๆ ผมรู้สึกโครงเครงยิ่งกว่าเดิม

ใครสักคนกำลังเขย่าตัวผมอยู่“ตื่น เฮ้ย คุณ ตื่นดิ เห้ย!”

ผมงัวเงียหันหลังกลับ กลิ่นน้ำหอมของเค้ายิ่งทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้อีกเป็นเท่าตัว...

“ไหวมั้ยเนี่ย” เสียงแหบๆของเค้าถาม พร้อมกับเอามือตบหน้าผมแปะๆ

แต่ผมก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปห้ามอะไรเค้า (เอ๊ะ เปลี่ยนสรรพนามจากมรึง หรือไอ้นี่เป็นเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย)

แม่ง หน้าชาไปหมดแล้ว เลิกตบกรูซะทีสิโว้ยยยยยยยย!

ผมงัวเงียหรี่ตาขึ้น ว่าจะทำหน้าโกรธๆแต่ก็ไม่รู้จะเอาแรงมาจากไหน

...นี่คนหรือเทวดา...ดูมีออร่า

“นี่โผมตายปายแล้วเหรออออ”... เพราะหัวฟาดพิ้นเมื่อกี้ ผมถึงมาอยู่กับเทวดารูปงามแบบนี้

ในความพร่ามัว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเค้ายังทะลุเข้ามายังสมองส่วนกลางของผมได้ เทวดาหน้าตี๋ คิ้วเข้ม จมูกโด่งใบหน้าเรียวกำลังขบกรามด้วยสีหน้าลำบากใจกับคนตรงหน้า

เราจ้องตากัน...ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่

ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำตาย ลมหายใจขาดห้วงด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ตัวผมเบาหวิว เหมือนกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆสีขาว

ผมคงแพ้เหล้า...

“คุณ ไหวมั้ย” เค้าพูดเหมือนกระซิบ ริมฝีปากบางสีชมพูเคลื่อนไหวตามการออกเสียง

“นี่โผมตายแล้วเหรอ เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!” ตายหะ!@@#$^#***%$#%#

ดันเรอใส่หน้าเทวดาตนนี้เข้าจังเบ้อเร่อ

เมื่อสติไม่อยู่กับตัว ความอายของผมโดนแอลกอฮอล์ขุดหลุมฝังกลบเสียมิด

มือของผมกำลังลูบใบหน้างามๆตรงหน้า เหมือนผมกำลังถูกดึงดูดด้วยแรงขับที่มองไม่เห็น

“เทวดาหล่อจัง นี่โผมอยู่สวรรค์ช่ายม้าย”เค้าแกะมือผมออก ผมได้แต่รั้งคอไว้ นี่กลัวจะล้มหรอกนะ!

ผมเลื่อนตัวไปพิงกระจกรถฝั่งคนขับ เทวดาเอนตัวตามแรงฉุดของผม สองมือพยายามดันไม่ให้ผมผุดลุกผุดนั่งล้มลงไปอีก

ผมยืนนิ่งๆ ตั้งสติตัวเองให้มั่น

ไหนๆกรูก็ตายไปแล้ว...

เขาเอามือมาแกะมือผมจากคอ

...นี่คือสิ่งที่ผมจะไม่ทำเด็ดขาดตอนมีชีวิตอยู่

ผมเลื่อนมือจากรั้งคอเค้า มากระชับตรงกราม แล้วฉุดหน้าเค้ามาใกล้ๆ...

แล้วดึงเขามาจูบ...แล้วผมก็วูบไปจริงๆ







ตัวแสดง....

ไบรต์






คิง




Poster ของเรื่อง






To be continued...

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 2: แพ้พ่ายไปเอง...



                ถ้านี่คือสววรค์ และผมตายไปแล้ว มันคงเป็นสวรรค์ที่โหดร้ายที่สุด!!

ผมลืมตาด้วยความปวดเมื่อย  พยายามโงหัวขึ้น แต่ความแฮ้งก์กำลังเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนานในนั้นแถมท้องผมร้องโครกคราก ลำไส้บิดหมุนราวกับเล่นโรลเลอร์ครอสเตอร์ ผมเจ็บจี๊ดที่หัว สุดท้ายก็ต้องฟุบลงอย่างเดิม...

ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ความทรงจำกำลังหลบหลีกน้องแอลอย่างช้าๆแล้วค่อยๆฉายภาพซ้ำ นี่ผมยังหายใจ

 ถึงแม้มันจะรวยรินก็ตาม นั่นหมายความว่าผมยังไม่ตาย...แล้วเทวดาเมื่อคืนล่ะ!?!?

... ความทรงจำสุดท้ายเด่นชัดจนผมแทบกรีดร้อง

‘เทวดาหน้าหล่อลืมตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อผมรั้งเค้ามาจูบ ก่อนที่แสงสว่างจะวูบหายไปจากตัวผม’

เห้ย!! จูบ!!!

อ๊ากกกกกกกกกกกก กับผู้ชาย

เมื่อสติมา ปัญญาจึงบังเกิด -____-‘’

ผมจูบกับผู้ชาย!!!

ทำไปแล้ว ทำไปได้ยังไง ทำไมถึงทำแบบนั้น...

หลากหลายคำถามถาโถมเข้าใส่เหมือนสึนามิ ความหวั่นวิตกวิ่งเล่นรอบตัวแล้วตอนนี้

แล้วตอนนี้ผมอยู่ไหน? มาได้ยังไง?

ผมลืมตาโพลงแล้วตอนนี้ ความหวาดกลัวโลดแล่นเข้ามาเหมือนรถแข่งกรังปรีซ์ สิ่งแวดล้อมไม่คุ้นตา

นี่ผมอยู่ไหน?!!!!!!!!!!!!!!

ผมกระโจนออกมาจากเตียงอุ่นๆ ความเจ็บปราดเข้ามาประชิดจนผมต้องแดดิ้นกับพื้น

มีอะไรสักอย่างในตัวผมที่ไม่เหมือนเดิม!และสิ่งนั้น...

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”

ผมแหกปากลั่นห้องด้วยความเจ็บ ความกลัว ความเสียใจ ความมึนงง

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...อุ๊บ”

มือใหญ่แต่อบอุ่นมาปิดปากผมไว้ ผมสะบัดอย่างแรงพร้อมงับมือนั้น

เสียงร้องโอ๊ยพร้อมหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดของคนข้างหน้าทำให้ผมตะลึง

“เทวดา” ผมอุทาน

แต่ยิ่งต้องตะลึงไปมากกว่านั้น เมื่อผมพบว่า

เทวดากำลังเปลือยเปล่าอยู่ กล้ามเนื้อแน่นขนัด ผิวขาวระเรื่อกำลังหายใจหอบถี่

“มึงทำอะไรกู”

ผมถลาเข้าไปจะชกเค้า แต่สังขารไม่อำนวยผมเลยเคลื่อนไหวตัวได้ช้ากว่าปรกติ

ถึงกระนั้นผมก็เข้าไปประชิดตัวบีบคอเค้าได้ ไม่ฟังเสียงเค้าที่กำลังห้ามผมยกใหญ่ ตอนนั้นความโกรธมันบังตาจนหน้ามืดไปหมด แต่ดูเหมือนว่าแรงโกรธของผมจะสู้แรงเค้าไม่ได้เลย

เราปลุกปล้ำกันไปมาผมพร้อมเต็มกำลังที่จะต่อย ถีบ เตะ หรือทำร้ายเค้า

เทวดาก็พร้อมเต็มที่ในการตั้งรับแต่สะบัดตัวออกสุดท้ายในความชุลมุน...เค้าก็รวบแขนผมไว้ได้

เราคุกเข่าประจัญหน้ากันผมเขย่งตัวขึ้นใช้แรงทั้งหมดดันตัวเขาให้ติดกับขอบเตียง ต่างหายใจหอบถี่ด้วยความเหนื่อยกันทั้งคู่

เรี่ยวแรงที่เหลือ(ไม่รู้จะอีกกี่น้ำ) ผมพยายามต้อนเค้าเข้ามุม กะว่าพอถึงจุดนั้นจะได้เอาคืนอย่างสาสม

สมาธิผมหลุดเมื่อพบว่า...ตัวเองก็กำลังเปลือยเปล่าเหมือนกัน...

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! ทำไม อะไร ยังไงเนี่ย!?!?!?!

ผมสะบัดมือตัวเองออกจากพันธนาการ ใบหน้าร้อนผ่าว ร่างกายของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากำลังทำให้ผมเลือดสูบฉีด...

ผมรีบคว้าผ้าห่มมาบังไว้ ก่อนที่เค้าจะเห็น “อะไรๆ” มันขยายตัว...

“มึง เป็นใคร”ผมถามเสียงแข็ง แต่ก็ปิดบังความอายไม่มิด

“มึงทำอะไรกู”

“....” เค้าทำสีหน้างงๆกับคำถามของผม เหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีเหมือนกัน

ผมโหวกเหวกโวยวาย เมื่อปิดท่อนล่างด้วยผ้าห่ม(มัดจนคิดว่าแน่นดีแล้ว)ได้ ผมก็ถลาจะทำร้ายเค้าอีกครั้ง

“หยุด!”

เสียงห้ามของเค้าไม่มีผลใดๆ ตอนนี้ผมแค่อยากดึงหัวเค้าออก อยากทำทุกอย่างให้เค้าเจ็บปวดให้สาสมที่เค้าทำไว้กับผม

เมื่อห้ามไม่ฟัง เค้าก็ต้องป้องกันตัวให้มั่น แรงปะทะที่ผมส่งไป เค้าต้านกลับมาจนสุดท้ายกลายเป็นผมที่นอนแผ่ไร้เรี่ยวแรง

สองแขนถูกตรึงไว้ข้างๆหัว เค้านั่งคร่อมตัวผมไว้ ลมหายใจร้อนๆเป่าพ่นด้วยความหอบ

“ปะ ปล่อย...” ผมไม่มีแรงจะดิ้นแล้วตอนนี้ ความแฮ้งก์ ความเหนื่อยและความปวดเมื่อยกำลังแทะโลมไปทั้งตัว

“ถ้าผมปล่อย คุณก็ทำร้ายผมอีก” แสงแหบๆตอบมาอย่างหอบๆ

“ก็มึง....” ผมอึกอัก ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาตอบ ใจผมยังเดือดปุดๆแต่ร่างกายไม่มีกำลังจะลุกขึ้นไหว

ผมนิ่ง เค้านิ่ง ต่างก็หายใจรดกันไปมาด้วยความเหนื่อย

แล้วเราก็สบตากัน...ผมรู้สึกคุ้นหน้าเค้า เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ไอ้บ้า! ก็เห็นเมื่อคืนในผับไง

ผมสลัดความคิดตัวเองทิ้ง ทำหน้าดุจ้องเค้า

นี่กรูยังโกรธอยู่นะ! ผมได้แต่คิดในใจ เพราะไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาตะลุมบอนอีก

แววตาของเค้ากำลังเผาไหม้ตัวผม ตาตี่ แต่คมเข้มมันทำให้เค้าดูดี จมูกโด่งเป็นแท่งตรงรับกับใบหน้า

ยิ่งตอนที่เค้าจ้องด้วยสายตาแบบนี้

และยิ่งคร่อมผมแบบนี้

และยิ่งเปลือยเปล่าแบบนี้

ความโกรธของผมเหือดแห้งไป

แต่ความรู้สึกใหม่กำลังปะทุออกมา

ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดงเพราะอะไร โกรธ เหนื่อย หรือกำลังเขิน

แต่ผมก็ไม่ละสายตาที่มองเค้า เราจ้องกัน สบตากัน ก่อนที่ผมจะเหลือบไปเห็น...

เทวดาตัวน้อยกำลังผงาด!!!

ผมรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วตอนนั้น...เมื่อผมสิ้นเรี่ยวแรง ไม่เหลืออะไรจะมาขัดขืนได้

เค้าไม่ละสายตาที่มองมาทางผม หยุด หยุด อย่ามองนะ!!!!

ผมหลับตาปี๋ แต่ก็รับรู้ได้ ว่าใบหน้าของเค้ากำลังลดระดับลงมา

ผมหันหน้าหนี สองมือเค้าจับหน้าผมให้หันหน้าตรง ผมเผลอลืมตาขึ้น

แล้วเค้าก็จูบผม....

มันเป็นจูบที่อุ่น มันเป็นเหมือนความคุ้นเคย รสชาติเหมือนกับวนิลา ร้อนๆกำลังละลายในปาก

ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องโกรธไหม

ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไรต่อไปแล้ว

เพราะหลังจากที่เค้าดึงผ้าคลุมกายผมออก

มันก็ฟ้องว่า...ผมก็กำลังต้องการเค้าเหมือนกัน...

นี่กรูทำอะไรลงป๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
คือเสร็จเขาไปแล้วหรือยังลูกกกกก

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Chapter 3: ลงอ่าง...



               ผมตื่นขึ้นมาเพราะความหิว ความปวดเมื่อยไล้ตามขอบร่างกายจนทรงตัวไม่ได้

กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างอบอวลอยู่ในอากาศ

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงที่เคยแหบนั้นสดใสราวกับคนละคนทักมา

ผมกลิ้งตัวไปมาให้ผ้าห่มคลุมตัว แอร์เย็นเกินไป หนาวอะ...ผมหาวออกมา ไม่ตอบคำถามนั้น ได้แต่นึก

นี่ผมอยู่ที่ไหน มาที่นี่ได้ยังไง...แล้ว ทำไมผมเปลือย!!!

แล้วทุกความทรงจำก็กระช่างชัดอีกครั้ง

เมื่อเช้า ผม กับ เค้า เอ่อ.....

ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆนอกจากหน้าแดง

อาย ผมอายมาก

ขอยอมรับตรงๆว่าตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยจีบผู้ชาย ไม่คิดจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ที่สำคัญ ผมมีคู่หมั้นแล้วด้วย...

พอคิดถึงโทรศัพท์เมื่อวาน ความห่อเหี่ยวก็บังเกิดทันที...ไม่มีแล้วนี่นา คู่หมั้น

เตียงทรุดฮวบ เค้าเอื้อมมือมา....ผมร่นหนีติดผนัง

55555

เสียงเค้าหัวเราะ

“หัวเราะอะไรวะ?” ผมถามเสียงขุ่น ทำไม มีอะไรติดหน้าถึงต้องมาหัวเราะ เค้าขยี้หัวผม ผมรีบปัดมือทิ้ง

“....” เค้าถอนหายใจแล้วลุกออกไป

“หิวยัง กินอะไรหน่อยมั้ย”

โครกกกกกกกกกก...

เสียงท้องผมตอบแทน ขายหน้าชะมัด

Y_________Y

“ขะ ขออาบน้ำก่อน” ผมดันตัวเอง ตัวเซตามความเอียงของแกนโลก ความเจ็บแล่นปรู๊ดมาทักทายทันทีที่ลุกขึ้น

ผมทรุดกับพื้น ขาสั่นไม่หาย

“เป็นอะไรมั้ย” เค้าถลามาประครอง ผมขืนตัวหนี แต่เค้ายิ่งกระชับแขนเข้ามา

“อย่าดื้อสิ ดื้อแบบนี้เทวดาไม่ชอบนะ”

หะ ห๊ะ อะไรนะ!

คิ้วผมคงขมวด เค้าเลยยักยิ้มแบบกวนๆมาให้ทีนึง

หมดคำพูดจะมาต่อกรจริงๆ

“อย่าดื้อ มาผมช่วย...ค่อยๆ” ผมยังดิ้นต่อ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก

เรื่องอะไรจะให้คนแปลกหน้ามาทำมิดีมิร้ายบ่อยๆ

เค้าเห็นท่าจะพยุงไม่ไหวเลยหยุด ผมถอนหายใจเฮือก ความอึดอัดลดลง 3 ระดับ...

เฮือก!!!

เค้าช้อนแขนมาใต้ขาและหลังผม อุ้มผมหน้าตาเฉย!!

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แล้วเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำ...นี่กูตัวเบาขนาดนั้นเลยรึไง!!

“ปล่อยยยยย ปล๊อยยยยยยยยยยย ปล่อยกู๊ๆๆๆๆ” ผมประท้วงเสียงหลง แต่เค้าก็ไม่ปรานีปราศรัย

“อย่าดิ้น ถ้าดิ้น จะโดนแบบเมื่อเช้าอีกรอบ”

เอื๊อก!! ทุกการกระทำของผมหยุดลงหลังได้ยินประโยคนั้น

ผมก้มหน้างุด เค้ายกผมนิดนึงใบหน้าผมเลื่อนไปซบอกเค้า

โอยยยยยยยยยยย มันช่างหอม เอ๊ย แน่น เอ๊ย...โอ๊ยยยย คิดไม่ออกแล้ว

รู้อย่างเดียวว่า...เขิน

ทำไมทางไปห้องน้ำมันไกลจังวะ...ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลยในอ้อมกอดนั้น

“คุณ” เค้าเรียก ผมหลับก้มหน้าต่อ ไม่อยากจะไปสบสายตานั้นอีก

“คุณ ถึงแล้ว ลงได้แล้ว ผมหนัก”

ผมผงะ ดิ้นตัวลงนั่งในอ่าง ... หมดแรง ลุกไม่ขึ้น

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ อยากร้องไห้ เกิดมาไม่เคยรู้สึกว่าทุพพลภาพเท่าครั้งนี้เลย

“ไหวมั้ย” เค้าถาม

ผมไม่ตอบ พยายามดันขอบอ่างให้ลุกขึ้นมา

“อย่าฝืนเลย มาผมอาบให้”

ผมหันควับ!

“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงสูงเลยตอนนี้

“ไม่ไหวก็อย่าขัด”

ว่าแล้วเค้าก็ถอดเสื้อกล้ามออก ตอนนี้ตัวเค้าเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวแล้ว

ที่สำคัญไม่ใส่กางเกงในด้วย อะไรๆที่เคยรับรู้มันกำลังเคลื่อนไหวไปตามตัวเค้า

“อาบเอง นะ นะ” ผมเสียงอ่อย แต่เหมือนร่างกายมันไม่ไหวจริงๆ

ทั้งหิว ทั้งแฮ้งแถม...เอ่อ ระบมไปหมด

เค้าไม่พูดอะไร อุ้มผมใส่อ่างอาบน้ำ เปิดน้ำอุ่นมารดตัว และจัดการอาบน้ำให้

พอเห็นผมไม่ออกหมัดใส่ ได้ใจเชียวนะมรึง!!!

ตั้งแต่เกิดมา มีแต่แม่กับพ่อผมเท่านั้นที่อาบน้ำให้...แต่นี่ผู้ชายแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้กำลังขัดถูตัวให้

อื้อออออออออออออออ อายหน้าแดงไปหมดแล้ว

ผมออกแรงปัดเท่าที่ทำได้เวลาที่เค้าเข้ามาใกล้ของสงวน แต่ยิ่งดิ้น น้ำก็ยิ่งกระเพื่อม

ตอนนี้กางเกงเค้าเปียกหมดแล้ว

แล้วเค้าก็ถอดมันออก!!!!

“เห้ย ถอดทำไม ใส่เข้าป๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมห้าม

“มันเปียกนี่นา น่าห้ามบ่น” ว่าแล้วเค้าก็เข้ามานั่งในอ่างด้วย

เหวอออออออออออออออออออออออออออออออออ!!!

ผมตะกายตัวลุกออกจากอ่าง แต่ก็ไม่ทันเค้าแหละ สุดท้ายก็โดนดึงมานอนทับตัวเค้า

“อย่าดิ้น ถ้าดิ้นแล้วน้องผมตื่นอีก ผมไม่รับผิดชอบนะ”

ผมทุบอกเค้าดังตุบ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีทำได้แค่นี้จริงๆ

เค้าคงจุก...แต่สุดท้ายเค้าก็กอดผมคาอ่างนั่นแหละ

“ขออยู่แบบนี้ก่อนได้มั้ย” เค้าถามเสียงสั่น

“ไม่...” ผมห้ามเสียงแข็ง พยายามดิ้นให้หลุดอ้อมกอด แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนรัด

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกำลังซบอกเค้า อ่างน้ำอุ่นทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ผมกำลังเคลิ้มๆก็มีสิ่งหนึ่งกำลังดุนน่องผม

“เห้ยยยยยยยย!!! ไม่นะ ขอร้องล่ะ”

“ผมเปล่านะ” ยิ้มหน้าเจื่อน “มันมาเอง...”

“ขอร้องล่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ” ผมเสียงอ่อย เค้าไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่าเนี่ยมันเป็นครั้งแรกของผม

เอ่อ... ก็ได้ สามครั้งแรกของผม เอ๊ะหรือสี่ เมื่อเช้าสอง เมื่อคืนผมไม่ได้นับ ไม่มีโอกาสนับมากกว่า

โอ๊ย เขินโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

“ได้...ไม่ทำก็ไม่ทำ” ผมจ้องหน้าเค้า ยิ้มแหยๆรับ รู้สึกโล่งอก

“แต่ขอจูบหน่อยนะ”

“ห๊ะ!!” ก่อนจะว่าอะไรได้อีก ผมก็ถูกเค้าจูบ(อีกแล้ว ขาดทุนมากๆ)

จูบนี้หวาน อบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้าในวันฟ้าใส

แม่ง...จูบเก่งชิบหาย...

จนแล้วจนรอด เค้าก็ไม่ละริมฝีปาก จนสุดท้ายก็กลายเป็นผมเองที่จูบตอบกลับไป....

เฮ้อ...กลายเป็นแบบนี้ได้ไงวะเรา!!





To be continued




ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 4: ชีช้ำ



               รสจูบนี้อ้อยอิ่งอยู่นานจนผมเริ่มจะคล้อยตาม

มือของผมไล้ตามตัวเค้า หัวนมสีชมพูเข้มของเค้าชูชันรับสัมผัสที่ปลายนิ้วของผม

เห้ย มันไปเอง ผมไม่ได้ตั้งใจนะ!!>_______<”

ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไป ผมก็ฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าได้...

ถ้าต้องกลับไปเจอแบบนั้นอีกรอบ ผมคงรับไม่ไหวแน่ๆ

แค่นี้มันก็หนักหนาเกินไปสำหรับ “ครั้งแรก” แล้ว...

แค่คิดก็หด

ผมถอนริมฝีปากออก เค้าครางด้วยความเสียดาย ส่งสายตาหวานเยิ้มมาออดอ้อน

ฝันไปเถอะ!

“พอเถอะ...ไม่ไหวแล้วจริงๆ” ผมโอดครวญ เค้าถอนหายใจยาวๆด้วยความเสียดาย(หรือเปล่า)

เค้าคงต้องการมาก เพราะ...ไอ้นั่น...มันฟ้องคาขาผมอยู่

“หิว” ผมตัดบท “รีบอาบน้ำเถอะ จะได้กินข้าว จะได้มีแรง” เราสบตากัน

ผมพยายามใช้สายตาแบบลูกแมวน้อยให้เค้า

55555

แม่ง หัวเราะอะไรวะ...ออกจะหน้าตาน่ารัก!

“ออกไปก่อน” ผมไล่เค้า

“ไหวเหรอ รอได้” เค้าตอบสั้นๆ ประโยคคำพูดระหว่างเรามันไม่ค่อยยืดยาวเท่าไหร่เลยฟระ

“เออ ไหว ออกไปก๊อน!” ผมเสียงสูง

“ไม่เอา อยากช่วย”

“ไม่ต้อง ออกไปก่อน” ผมยืนยัน

“ดื้อกับเทวดาไม่ดีนะ” เค้าขู่

ผมหงุดหงิด ครางหงิงๆแบบเด็กโดนขัดใจ “ออกไปก่อนนะ นะ นะ”

“ทำไมต้องออกไปด้วยล่ะ”

“โอ๊ย จะถามไปทำไมเนี่ย บอกให้ออกไปก่อน พูดไม่รู้เรื่องเรอะ!!”

ผมเสียงแข็ง ความอดทนเริ่มหมด เค้าตกใจหน้าเจื่อนแล้วเดินออกไป

“แค่นี้ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย...” เค้าบ่นกลายๆ

ทำไมนะเหรอ จะทำไมล่ะ ก็เพราะใครละ ฮึ!

ผมรู้สึกอาย โกรธ หงุดหงิดมากๆที่ตัวเองต้องมาเป็นแบบนี้...แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้เค้าอยู่ด้วยจริงๆนะ

ต้นเหตุก็มาจากเค้าทั้งนั้น แม่งไม่ยอมสวมถุงยางป้องกัน อะไรๆที่ทำๆกันมามันก็ยังอยู่...เอ่อ...ในนั้น

ผมต้องมานั่งล้างลูกเค้าออกเนี่ย

โอยยยยยยยยยยยยยยยยย กูจะติดโรคมั้ย? พอคิดได้ความเครียดก็แล่นมาจุกอกจนหายใจแทบไม่ออก

ไม่น่าปล่อยให้แอลกอฮอล์มาทำร้ายตัวเองได้ขนาดนี้เลย ถ้าติดโรคจริงๆแล้วผมจะทำยังไงต่อไป

พ่อกับแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพื่อนๆจะมองผมเป็นยังไง คนอื่นๆอีก เค้าจะรังเกียจผมแค่ไหน...

คิดไปคิดมาน้ำตาไหล ความอัดอั้นมันไหลทะลักออกมาหมด

ไม่รู้ว่าร้องเพราะความกลัวที่ตัวเองเสี่ยง หรือเพราะอาย หรือเพราะเจ็บ....

ผมล้างซ้ำๆ อยากให้สิ่งปนเปื้อนมันไหลออกไปให้หมด ยิ่งล้างยิ่งร้อง ผมขบฟันไม่ให้เปล่งเสียง

ก่อนที่ผมจะถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอด

“เป็นอะไร เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” เสียงเค้าละล่ำละลัก

ผมไม่ตอบ แต่ปล่อยโฮอีกชุดใหญ่ในอ้อมแขนของเค้าด้วยร่างกายเปลือยเปล่า....เปลืองตัวจริงๆ



---------------------------------------------------------------------------------------------------



ผมอยู่นิ่งๆเป็นตุ๊กตาจนเค้าแต่งตัวให้ผมเสร็จสรรพ กลิ่นตัวของเค้าเจือจางในกลิ่นเสื้อและกางเกงที่สวมใส่

ผมเลิกร้องแล้ว แต่ตายังแดงอยู่ แสบนิดๆ(แสบตานะ ไม่ใช่อย่างอื่น) ไม่สบตาเค้าตอนที่กินข้าวอยู่

รสชาติไม่ได้เรื่องเลย....

ต้มยำกุ้งน้ำข้น... โอยยยยยย ได้กลิ่นแล้วเวียนหัว

ผัดผักบุ้ง... เลี่ยนมาก คลื่นไส้

ข้าวต้ม... ทำไมมันเละแบบนี้ล่ะเนี่ย โอ๊ยยยยยยยลำไส้บิดเกลียว

ยังดีที่มีน้ำปั่น ผมรู้ตัวเลยว่าตัวเองกินอะไรไม่ลงแน่ๆ ถ้ากินต่อมีหวังอ๊วกอีกรอบ

ที่ว่าอีกรอบเค้าบอกว่าเมื่อคืนผมอ๊วกใส่รถ(เค้าลงไปล้างให้แล้ว ตอนไหนไม่รู้ผมหลับ)

...ตอนนี้เลยต้องใส่เสื้อผ้าเค้ารอชุดที่ซักอยู่ เค้าซักให้ >_<

ผมซดน้ำปั่นเย็นๆแก้อาการเวียนหัว...

เอ่อ... กล้วยปั่น

อ๊วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

ผมวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทัน ทิ้งร่องรอยอารยะธรรมตรงขอบประตูนั่นแหละ แล้วจะถลาไปที่ชักโครก...

อ๊วกกกกกกกกกกกกกกกกกก!

“แม่ง ใครคิดวะ กล้วยปั่นเนี่ย...อ๊วก...แม่ง”

“เป็นไงบ้างครับๆๆ” เค้าลูบหลังผมพลางถามไปพลาง น้ำเสียงบ่งบอกว่าตกใจปนขำ

“ไม่ขำ...” อ๊วกกกก  “....คิดยังไงวะเนี่ย กล้วยปั่น...” อ๊วกกกกกก

 ผมหมดสภาพ

“นั่นของผม” น้ำเสียงเค้าเจือความขำจนปกปิดไม่ได้ “ของคุณน่ะอีกแก้วนึง เป็นน้ำมะนาว”

“แล้วทำไมไม่บอก” ผมใช้มือเช็ดปาก กลิ่นเหม็นหืนแตะจมูก

“ผมจะห้ามแล้ว แต่ไม่ทัน คุณทำหน้ามุ่ยไม่กินอะไร อยู่ๆก็...5555”

เค้าหลุดขำ ผมทำตาเขียวใส่

“ไม่ขำ”

โอย เวียนหัว ลำคอแสบร้อน ท้องว่างเบาหวิว...

ผมล้างหน้า ล้างปาก เค้าประครองผมไปที่นอน หาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ด

“พอแล้ว หนาว” ผมบอก

“มีไข้รึเปล่า” เค้าเอามือเย็นทาบลำคอผม ความหนาวดีดพล่านทั่วร่าง

“ตัวร้อนนี่นา...” เค้าอุทาน “เดี๋ยวผมหายามาให้”

ผมไม่รู้ว่าจะขัดขืนเค้ายังไงแล้วตอนนี้ ได้แต่นอนแผ่เป็นปลากหมึกตากแห้ง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหิว

เค้ายกข้าวต้มมาป้อน ป้อนจริงๆนะ แถมขู่อีกว่าถ้าไม่กินอะไรจะไม่มีแรง...มีแรงไว้ทำอะไรห๊า!!

ผมมึนเพราะฤทธิ์ไข้ ความอ่อนล้ากำลังเล่นงานจนสะบักสะบอม พยายามฝืนกินไม่กี่คำ

สติเริ่มเลือน รู้ตัวลางๆว่ากินยา เค้าห่มผ้าและเช็ดหัวให้ แล้วความอ่อนเพลียก็ย้ายตัวเองมาปิดขอบตา

ผมหลับโดยที่เค้าจับมืออยู่....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

จบตอนจ้า



ถูกใจอย่าลืมเม้นต์ไว้ กดไลค์ กดแชร์ได้น้า อิอิ


ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Chapter 5: ยินยอม...



เลือดสีแดงฉานเจิ่งนองเต็มพื้น เปรอะทั่วเสื้อผ้ารวมไปถึงใบหน้าและมือของผม ยิ่งเช็ดเท่าไหร่ก็ยิ่งเลอะ

เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เสียงเอะอะ ผู้คนร้องเซ็งแซ่ดูอลหม่าน ผมก้มดูร่างที่หายใจรวยรินบนตัก

พลันลิ่มเลือดพุ่งทะลักทางปาก ตาเบิ่งกว้างปูดโปน ผมหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวความตายที่อยู่เบื้องหน้า....

“...ไร...เป็นไร...คุณ...” เสียงเพรียกดังแว่วมาแต่ไกลฉุดโสดประสาทของผม

ผมต้องทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้เค้าตายไม่ได้

ต้องทำอะไรสักอย่าง...

ก่อนที่ลมหายใจนั้นจะดับดิ้น ริมฝีปากของเค้าขยับ เสียงแผ่วเบาจนผมไม่ได้ยิน ผมแหบหูกับริมฝีปากนั้น

แล้วร่างผมก็ถูกกระชาก!!

“คุณ!! โอ้ โล่งอก ผมนึกว่าคุณจะเป็นอะไรไปซะอีก” ผมฝันไป!

รอยยิ้มเบื้องหน้าไม่อาจปกปิดความเหนื่อยได้ มืออุ่นๆแตะหน้าผากและลำคอผม

“ไข้ลดแล้ว เฮ่อออ..ดีมาก” เค้าหยิบน้ำมาให้ “คุณฝันร้ายน่ะ ละเมอดังลั่นเลย”

ผมรีบดื่มน้ำจนสำลัก รู้สึกราวกับว่ามันเหมือนลิ่มเลือดไหลออกจมูก

“เบาๆครับ เบาๆน้ำเลอะหมดแล้ว”เค้าเช็ดจมูกผมยิ้มให้ ผมยิ้มตอบ

วินาทีนั้น....ความทรงจำทั้งหมดก็พุ่งพรวดเข้ามา

“มึง!!”

“เห้ย!”

ผมใส่แรงทั้งหมดในหมัดนั้น มันรุนแรงและรวดเร็วเกินกว่าจะหลบทัน

“มึงทำกู...” ผมขยับตัว ค่อยๆลุกขึ้นมา ความเจ็บบรรเทาลงไป เหลือไว้แต่ความรู้สึกหวิว ลำคอขื่น

ผมกลืนน้ำลายอย่างลำบาก สองมือกระชับคอเสื้อของผู้ชายที่ล้มตรงหน้า

“เอาเลย จะต่อย จะตีผมยังไงก็ได้...”

เค้าไม่หลบสายตาผม แถมยังท้าทาย... ผมรั้งคอเค้าขึ้นมา

“ทำไม?”

“...”

“ตอบ!! ทำไม?”

ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ตอบ เลือดค่อยๆไหลออกมาจากรูจมูกงามนั้น เค้าป้ายมันทิ้ง

แต่สายตากลับไม่ละจากกัน

มันไม่ใช่สายตาของความโกรธ

มันมีความตกใจและผิดหวังปะปนมา แต่เค้าก็กลบมันได้อย่างรวดเร็ว

แววตาเจ้าชู้แพรวพราวของเค้ากลับมาอีกครั้ง ความโกรธของผมทะลุปรอท

ในเสี้ยวหนึ่งส่วนล้านของวินาทีก่อนที่ผมจะปล่อยหมัดต่อไป เค้าแกะมือผมออกอย่างไม่ทันตั้งตัว และผลักผมลงบนเตียงนุ่ม

สองมือใหญ่ตรึงแขนของผมไว้ ดวงตาเราประสานกัน รอยยิ้มเศร้าๆของเค้าทำให้ผมแปลกใจ

ผมทำหน้าไม่ถูก ความโกรธยังคงอยู่ ความอับอายที่ถูกกระทำยังพลุ้งพล่านในทรวงอก

ก่อนที่จะได้ขัดขืน ริมฝีปากของเค้าบดขยี้ริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว

มันเร่าร้อน หื่นกระหาย โกรธ เศร้าและตื่นตระหนก ผมเม้มปากแน่น ไม่ปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับรสนั้น

เมื่อรวบแขนผมด้วยมือข้างหนึ่ง ข้างที่เหลือก็ไล้ที่ทรวงอกผม ความรู้สึกเร่าร้อนกำลังคุกรุ่น รสจูบนั้นยิ่งโหมรุนแรง

“อา...” ผมเผลอคราง เค้าสอดลิ้นเข้ามารุกล้ำควานหารสชาติหอมหวาน

มือของผมถูกปลดเปลื้องเมื่อลิ้นของเราพันกัน ความเร่าร้อนแปรเปลี่ยนเป็นความนุ่มละมุน และผละออกไป

ผมครางเบาๆกึ่งโล่งอกและเสียดาย จมูกโด่งของเค้าไซร้ตามกราม

ลำคอ

ไหล่

และมาหยุดที่หน้าอก

ความเย็นเยียบของน้ำลายกระตุ้นเตะสติสัมปะชัญญะของผมกระเจิดกระเจิง

เค้ากระหวัดลิ้น ดูดเลียและขบมันราวกับกำลังลงโทษผมให้ขาดใจตาย

“พะ พอ...” ผมใช้แขนดันไหล่ทั้งสองของเค้า นิ้วมืององุ้มจิกเนื้อขาวแน่นหวังจะดึงตัวเค้าออกไปจากหน้าอก

แต่ยิ่งเหมือนเร่งเร้าให้เค้าได้ใจ...

เค้าหยุด หันมาจ้องตาผม ค่อยๆเลื่อนเข้ามาประชิด

ใบหน้านั้นแดงซ่านด้วยความต้องการ สายตาที่จับจ้องมาบอกว่าเค้าไม่มีทางปล่อยผมไป...

มันหนักแน่น มั่นคง

และจริงใจ...

“ผมต้องการคุณ” น้ำเสียงที่เคยทุ้มกลับมาแหบแห้งเหมือนเมื่อคืน ผมเผลอลูบหน้าอกกระเพื่อมของเค้า

จังหวะหัวใจเต้นเร็วแรงใต้ฝ่ามือราวกับผมกำลังจับมันไว้...ผมชะโงกหน้าขึ้นเค้าประทับจูบลงมาอีกครั้ง

คราวนี้มันเหมือนไฟ ผมกำลังถูกแผดเผาจากสิ่งที่เค้าทำ...

“ผมรักคุณ”

น้ำเสียงแหบแห้งนั้นกระซิบข้างหู

ผมไม่มั่นใจว่าเค้าหมายความอย่างนั้นจริงๆ

หรือแค่เพราะความต้องการพาไป...

“เป็นของผมนะ”

ผมไม่ตอบ ความโกรธเลือนหายไปเนิ่นนานแล้ว เหลือเพียงความปรีดาในคำเยินยอนั้น...

ผมกอดเค้าแทนคำตอบ เค้ายกเอวผมขึ้นรับรู้ถึงความชูชันที่กำลังเกาะแกะ

นิ้วของเค้าไหลลื่นเข้าไปเปิดทางแคบ ผมครวญครางด้วยความกระสันต์

ผมแยกขากว้าง มันเป็นครั้งแรกที่ผมร่วมมืออย่างเต็มใจ

เราจูบกันอีกครั้ง เบื้องท้ายคือความอึดอัดที่กำลังถาโถม ผมร้องอื้ออึงในจูบนั้น

เค้าผละมือจากใบหน้า ถอนตัวออก และแยกขาผมให้กว้างกว่าเดิม

ความเข้มแข็งกำลังทะลวงเข้ามาทีละนิด ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกด้วยความเสียวซ่าน

ผมจิกที่นอนอย่างแรงดันตัวรับกับแรงกด พยายามผ่อนคลายแบบที่เค้าพร่ำบอก

ริมฝีปากของเค้าขยับ ผมอ่านมันแล้วพยักหน้า

เค้าดันความใหญ่ครึ่งที่เหลือเข้าสู่ทางแคบจนหมด ผมสะดุ้งเฮือก มองใบหน้าที่สุดแสนเซ็กซี่ตรงหน้า

ริมฝีปากเค้ายังขยับ เหมือนต้องการย้ำให้ผมมั่นใจ...

ผมปล่อยตัวล่องลอย เค้านำทางด้วยความหนักแน่น โรมรัน รุงแรง เร่าร้อน

ความคับข้องและร้อนแรงกำลังเผาจิตใจผมให้หลอมละลาย

ผมสอดรับกับจังหวะกระแทกอันหนักหน่วง ลมหายใจขาดห้วงกับแรงนั้น

เค้าก้มตัวมาจูบผม สองแขนช้อนปีกผมขึ้นมา ผมทำตามอย่างว่าง่าย

เมื่อนั่งอยู่บนตักเค้า เราสบตากัน ผมรับรู้ถึงความเข้มแข็งและร้อนแรงที่แช่อยู่ภายใน

เค้าไม่ขยับ กลับเป็นผมที่เคลื่อนที่บดขยี้ สองมือขยุ้มไหล่กว้าง เราจูบกันอีกครั้ง

ผมขยับถอนตัวออก เค้าจับตรงฐานผมแน่นดึงมันลงมาพร้อมๆกับพุ่งสวนทางเต็มกำลัง

ผมครางครวญปริ่มใจจะขาด

จังหวะกระทบมันทำให้ผมลืมไปเลยว่าโลกนี้มีอากาศ

มันทำให้ผมลืมไปเลยว่าครั้งหนึ่งผมมีคู่หมั้น

มันทำให้ผมลืมว่าผมเคยเป็นใครมาจากไหน

แต่มันกลับย้ำเตือนอย่างหนักแน่นว่า...ตรงเบื้องหน้ามีผู้ชายคนหนึ่ง

คนที่ไม่รู้จักกัน  เค้ากำลังรุกรานสอดใส่เข้าไปในตัวผมด้วยความเต็มใจ...

คนที่ไม่รู้จักกัน....

และเค้ากำลังพร่ำบอกกับผมอยู่ทุกขณะ ทุกจังหวะเข้าออก

“ผม รัก คุณ”

ผมกอดเค้า ปลดปล่อยตัวเอง เตะทิ้งทุกความกังวล ปล่อยใจให้ว่าง

แล้วที่เหลือ ก็ปล่อยให้เค้านำไปจนสุดทาง....

---------------------------------------------------------------------------------------------------



จบตอน....




สงสัยนายคิงจะเกิดอาการสตอกโฮล์มซินโดรม 5555






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ขอเลือดเพิ่มด่วนนนนน  ไม่ไหวแล้วค่ะคุณ   ร้อนแรงอะไรกันเบอร์นี้

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Chapter 6: หากเพียงชิดใกล้



 หมอหนุ่มดูผลตรวจของหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้างดงามราวรูปแกะสลักทำให้รู้สึกหวั่นไหว แต่รายงานที่อยู่ในมือนี้ทำให้จิตใจของเขาหวาดหวั่นยิ่งกว่า

“ผลเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” น้ำเสียงกังวานไม่อาจปกปิดความกลัวได้ ใบหน้าขาวซีดเซียวจากความเครียด

เขาลำบากใจกับคำถามนี้...เธอไม่ควรจะเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ

“ลูกดิชั้นเป็นอะไรคะคุณหมอ” ผู้เป็นแม่ถามย้ำ หยิบยื่นความลำบากใจให้เขาเป็นทวีคูณ

เขาไม่ควรจะบอก เธอควรจะมีเวลาทำใจมากกว่านี้...มันคือทางเลือกของเขาที่จะปกปิดหรือเปล่า

แต่เขาก็เลือกทำตามจรรยาบรรณ

“จากผลตรวจ...” เขาเงยหน้าจากรายงาน สบตาหวานคู่นั้น ผิวหน้าซีดแต่แววตายังเข้มแข้งราวกับว่าทำใจไว้แล้ว

“คุณป่วยเป็นธารัสซีเมีย....”

ราวกับโลกถล่มลงต่อหน้า สองแม่ลูกร่ำไห้กอดกัน เขาเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น

ถึงแม้จะพบความตายมาหลากหลายรูปแบบแต่ต้องไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้...ต้องไม่ใช่กับเธอ

“แล้ว...ลูกสาวดิชั้น จะหายมั้ยคะหมอ” ผู้เป็นแม่เสียงเครือ เขาจับความหวาดกลัวได้

“ยังมีโอกาสครับ...”

“ยังไงคะ” น้ำเสียงเจือความหวังของเธอบั่นทอนจิตใจเขา

โอกาสมีแค่ 1 ใน 10,000 แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย

“เราต้องการไขกระดูกที่เข้ากันกับคุณ แล้วปลูกถ่าย...”

“ลูกดิชั้นจะหายแน่นะคะหมอ เอาไขกระดูกดิชั้นไปเลยค่ะ เอาไปเลย”

“ใจเย็นๆครับคุณแม่ ก่อนจะบริจาคไขกระดูกได้ เราต้องตรวจเกล็ดเลือดเสียก่อนว่าสามารถเปลี่ยนถ่ายได้มั้ย”

“แต่ดิชั้นเป็นแม่นะคะ!”

“ครับ” เขาถอนหายใจสั้นๆ “แต่โอกาสที่ไขกระดูกจะไม่เข้ากันมันก็มี...”

“แล้วจะต้องทำยังไงคะ” หญิงชราแทรก น้ำเสียงผิดหวัง

“เราต้องการตัวอย่างเลือดของพ่อแม่และญาติที่ใกล้ชิดก่อนเพื่อตรวจว่าสามารถเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกได้หรือไม่”

เขาเว้นช่องว่าง

“หากเราพบว่าคนไหนสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ เราก็จะเริ่มปลูกถ่าย...แต่ระหว่างนี้คุณโสภิดาต้องรักษาตัวเองให้ดี อย่าให้เป็นอะไรแทรกซ้อนนะครับ”

“แล้วดิชั้นจะหายขาดมั้ยคะ”

“ผมรู้จักแพทย์เฉพาะทางฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งครับ ผมรับรองว่าคุณจะต้องหาย”

“แต่ต้องเจอไขกระดูกที่เข้ากัน”

น้ำเสียงของเธอทำให้ใจเขาหล่นวูบ มันเหมือนน้ำเสียงของคนที่รับรู้ชะตากรรมแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไร

“ไม่ต้องห่วงครับ เรายังมีความหวัง”

1 ใน 10,000

เขาไม่กล้ารับรอยยิ้มแสนเศร้านั้น มันยิ่งรบกวนจิตใจของเขา...

หญิงสาวคนนี้ ไม่สมควรต้องมาประสบชะตากรรมอะไรแบบนี้เลย

เธอยังสาว เธอยังมีอนาคตได้อีกยาวไกล

“เรายังมีความหวัง...” เธอพึมพำกับตัวเอง ผู้เป็นแม่ประครองลูกสาวเดินลับไป...

“สวัสดีครับ คุณหมอยิ่งยศ ผมนรินทร์นะครับ ... ครับสบายดี...ผมมีเรื่องขอความช่วยเหลือคุณหมอหน่อยครับ...”

เขากำลังควานหาความหวังให้เธอ....



--------------------------------------------------------------------------------------------------- 

                ผมสะดุ้งตื่นในอ้อมแขนของเค้า เทวดารูปงามกำลังหลับไหล ลมหายใจสม่ำเสมอรดหน้าผากผมอยู่

“ตอนนอนก็ยังหล่อเลยแฮะ ทำบุญด้วยอะไรวะ” ผมพึมพำ จับจ้องที่ดวงตาปิดสนิท “ขนตายาวจัง”

เออ...ยอมรับว่าผมอิจฉาความหล่อของเค้า ก็คนมันไม่หล่อนี่นา เกิดมาได้แค่นี้แหละ!

ผมค่อยๆขยับตัวเกรงว่าเค้าจะตื่น ยกหัวออกจากท่อนแขนล่ำนั้น...แต่แล้วก็ถูกเค้ารัดแน่นกว่าเดิม

“อย่าเพิ่งไปไหน...ขออยู่แบบนี้อีกนิดนะครับ” น้ำเสียงเค้าพึมพำ ดวงตายังปิดสนิท

เห้ย!! ตื่นตอนไหนวะ

เค้าหรี่ตามองผม “จะมอง จะชมผม จะขบ จะกัด หรือจะทำอะไรก็ตามสบายเลยนะครับ ผมยอมทุกอย่าง”

แล้วเค้าก็หอมหน้าผากผมฟอดใหญ่ “แต่ขอผมกอดคุณแบบนี้อีกนิดนะ”

เค้าเอาเคราเสียดสีแก้มผม มันจั๊กกระจี้เสียจน....เอ่อ...ตื่นตัว

“หยุดๆๆๆๆ อย่าดิ้น อยู่เฉยๆ” ผมปราม

เค้าลืมตาเต็มที่แล้ว ส่งสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ใบหน้าผมร้อนผ่าว...สงสัยจะร้อน

“หิวมั้ย” เค้าถาม

“อืม..นิดนึง”

“นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวผมอุ่นอะไรให้กิน ผมไปซื้อมาแล้วเมื่อเช้า..”

เมื่อเช้า ห๊ะ!!

2 ยกนั้นก็ตอนเช้า แล้วล่าสุดก็บ่าย...แล้วทำไมมีอีกเมื่อเช้าล่ะ

“นี่ยังเช้าอยู่อีกเหรอ ผมนึกว่ามืดแล้ว”

“เช้าแล้ว...แดดดีด้วย สมกับเป็นวันอาทิตย์ที่แสนสดชื่น”

ห๊า! วันอาทิตย์ ... ผมไปผับคืนวันศุกร์ และอยู่กับเค้าจนถึงวันอาทิตย์

ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยเรอะ!!

“เดี๋ยวผมมานะครับ อาบน้ำรอก่อนก็ได้..” เขายื่นผ้าขนหนูให้ ก่อนเดินโทงเทงรอบห้อง

รูปร่างสมส่วนอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามของเค้ายิ่งทำให้ผมหน้าแดง

ยิ่งเดินไปมาไม่ใส่อะไรเลยแบบนี้ ยิ่งทำให้สมาธิผมเตลิด ไม่อายบ้างรึไงวะ!!

เค้าหันมา ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ให้ เหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร...

“ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ผมไม่ได้ไปไหน อยู่กับคุณได้ทั้งวัน” แล้วก็ขยิบตา

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก เขินจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว

ผมอาบน้ำแบบเร็วๆ แต่ก็ยังไม่วายต้องล้างตรง..จุดนั้น...ให้สะอาด

มันเหนอะหนะเพราะเค้าไม่ยอมถอนมันออก และที่สำคัญไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย

ผมไม่รู้ว่าตัวเองทนได้ยังไงกับครั้ง(สองครั้ง สามครั้ง...)ที่ผ่านมา

ยอมรับว่ายังโกรธที่เค้าทำแบบนี้กับผม ปู้ยี่ปู้ยำผมจนไม่เหลืออะไรแล้ว

แต่ก็ยอมรับว่า...ลึกๆแล้ว...ผมมีความสุขมาก

อ๊ะ!! นี่เรากำลังเป็นอะไรไป...

คิดถึงจังหวะ คิดถึงตัวเค้า กลิ่นของเค้า ใบหน้าหล่อเหลาที่บิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่าน

มันทำให้ผมชูชัน...เฮ้อ...นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!!

ผมสำเร็จโทษตัวเอง ก่อนเดินเซออกมาจากห้องน้ำ ชุดของผมวางไว้บนเตียง

กลิ่นสะอาด หอมสดชื่นเรียกพลังผมกลับมา

“รอแป๊บนึงนะครับ ผมขอล้างตัวก่อน แล้วเดี๋ยวกินข้าวกัน...”

เค้าหายไปห้านาที ก่อนที่จะเดินผมเปียกออกมา

เขาใส่เสื้อกล้ามเข้ารูปและกางเกงบอล ไม่ใส่กางเกงในเหมือนเดิม

ไม่ต้องแกว่งโชว์ขนาดนั้นก็ได้มั้ง!!!

เรากินข้าวกันเงียบๆ ผมไม่รู้จะหาอะไรมาพูดกับเค้าแล้วจริงๆ

ผมนั่งดูเค้าล้างจานชามหลังกินเสร็จ  เค้าผิวปากไปเรื่อยเปื่อย

เค้าไม่ถามอะไร ผมก็ไม่ถามอะไร มีแต่ความนิ่งเงียบจนผมอึดอัด...

“ทำไมต้องทำแบบนี้” ผมทำลายความเงียบ เค้าหันมาสบตาผม

“ทำไม”

เค้าไม่ตอบแต่เดินเข้ามาชิด ย้ายเก้าอี้ผมให้หันออกมาเผชิญหน้า เค้ายิ้มและนั่งยองๆเบื้องหน้าผม

“ผมบอกคุณไปหมดแล้วไง...ว่าผมทำแบบนี้ทำไม”

“ห๊ะ...บอกตอนไหน” ผมถาม

เค้ายิ้ม พ่นจมูกแรงๆ เลื่อนใบหน้ามาใกล้ ผมเขยิบหนีแต่ไม่พ้นเพราะติดขอบโต๊ะ

ลมหายใจอุ่นๆรดใบหู เขากระซิบเบาๆ...

“ก็บอกตอนที่เรา....อยู่บนเตียงไง”

ผมอ้าปากค้าง หน้าแดงไปหมดแล้วตอนนี้ ทำอะไรไม่ถูก

แพ้ทางอะไรแบบนี้จริงๆ

เราสบตากันอีกครั้ง ปล่อยให้สายตาสื่อสารกันแทนคำพูด ผมหลุบตาต่ำ นิ้วมือแกร่งช้อนคางผมขึ้น

ผมเผลอเผยอปาก ใบหน้าเค้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเราประสานกัน...

ริมฝีปากของเค้าเลื่อนเข้ามาขบริมฝีปากล่างของผมเบาๆ ผมหายใจถี่

ความตื่นเต้นทำให้ผมกลั้นหายใจเอาไว้...แล้วเราก็จูบกัน...

ผมคว้าคอเค้ามากอด สองแขนใหญ่เข้ามาโอบตัวผม

ก่อนที่ผมจะทัดทานอะไรได้...เค้าก็อุ้มผมเดินตัวปลิว

เสื้อผ้าของเราก็กระจัดกระจายเต็มหน้าประตูห้องนอน....




To be continued...

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 7: จากลา



               ผมลืมตาโพลง ปล่อยตัวเผลอหลับในอ้อมกอดเขา จ้องดูใบหน้าที่หายใจราบเรียบสม่ำเสมอ

ครั้งนี้เค้าคงหลับยาว...แหงล่ะ ทั้งอดนอนเฝ้าไข้ ทั้งใช้แรง...เอ่อ...เขิน

ผมยกแขนเค้าออกแผ่วเบา สอดหมอดข้างไปแทน เค้ายังนิ่ง ไม่มีวี่แววจะตื่น

เทวดาตรงหน้าเปลือยเปล่า ไม่ห่มผ้า เผยทุกสัดส่วนให้เห็น ผมมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ

เซ็กซ์ครั้งล่าสุด ไม่รุนแรงเหมือนครั้งก่อน เค้าทะนุถนอมผมราวกับหญิงสาววัยแรกแย้ม...

...เอ่อ...ชายหนุ่มวัยแรกแย้ม -_-“

ผมใช้ทิชชู่เช็ดคราบเปรอะตรงที่นอน ห่มผ้าให้เค้า คำถามมากมายที่เวียนว่ายในหัว

คำถามที่เด่นชัดที่สุดคือ...เค้าบอกรักผมทำไม? ในเมื่อเราเพิ่งเจอกันครั้งแรก

ทำไมเค้าถึงต้องทำแบบนี้กับผม? ในเมื่อผมเป็นผู้ชาย...

ผมแต่งตัวลวกๆหลังอาบน้ำเสร็จ ใส่ชุดเดิมเมื่อตอนคืนวันศุกร์ ออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียง...

ดูเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเที่ยง เปิดมือถือที่ปิดไว้ (โชคดีที่เค้าชาร์จแบตให้ด้วย)

เสียงข้อความกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้งจนผมตกใจ ที่บ้านและเพื่อนๆต่างกระหน่ำโทรหา

เพราะผมหายไป 2 คืนเต็มๆ ป่านนี้ที่บ้านคงวุ่นวายน่าดู ผมโทรไปที่บ้าน

แม่โวยวายใหญ่ว่าหายไปไม่บอก น้ำเสียงโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ผมขอโทษที่ทำตัวเหลวไหล ท่านก็ไม่ว่าอะไร

แล้วโทรกลับเพื่อนสนิท “ไอ้ห่า แม่งหายหัวไปไหนมาวะ...” ผมโดนยิงคำถามเป็นชุด

“แถวนี้แหละ” ผมตอบ

“เออ ไม่ตายกูก็สบายใจละ เย็นนี้อย่าลืมมางานแต่งไอ้นัทด้วยนะเว้ย”

ชิบ!!!! ผมลืมไปซะสนิทเลย วันนี้เพื่อนในกลุ่มแต่งงาน

“เออ งานเช้าจบยังวะ”

“ไอ้เชี่ย ฤกษ์เก้าโมงเค้าคงรอมึงหรอก ไปงานเลี้ยงตอนเย็นละกันที่โรงแรม”

“เออ” ผมรับคำ

“อย่าลืมพาเฟียซ(Feast)มาด้วยล่ะ”

ผมใจแป้ว...เฟียซ คู่หมั้นผม...เป็นอดีตไปแล้ว

“อืม ไม่รู้จะว่างรึเปล่านะ ช่วงนี้เค้ายุ่งๆ”

เราคุยกันอีกสองสามประโยคก่อนวางสายไป ผมกลับเข้ามาในห้อง เทวดายังคงหลับปุ๋ย

น่าแปลกที่เค้าไม่กรน...ทั้งๆที่ออกแรงไปมากซะขนาดนั้น

อ๊างงงงง ตบปากตัวเอง ยิ่งพูดยิ่งเขิน

เค้าเปลี่ยนท่านอนหงาย หมอนข้างตกข้างเตียง ผ้าห่มหลุดรุ่ยสงสัยจะร้อน เมื่อกี้ผมเพิ่งปิดแอร์ไป

สายตาผมก็จับจ้องไปมองที่เค้า...ร่างที่เปลือยเปล่าข้างหน้า

เนื้อหนุ่มแน่นขาวเนียนเต็มไปด้วยมัดกล้ามตรึงสายตาผม ทุกสัดส่วนที่เคยสัมผัสและเข้าไปในตัวผมนอนแผ่อยู่ตรงนั้น..

เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ เรื่องเมื่อคืน ตอนเมื่อวาน...หน้าของผมแดงจนร้อนผ่าว

ผมได้แต่หักห้ามความคิดของตัวเอง ไม่มีทางที่พวกเราจะเป็นอะไรกันไปมากกว่าค่ำว่า “คู่นอน”

ยิ่งคิดก็ยิ่งจี๊ดในใจ...

นี่แหละมั้ง โลกยุคใหม่…ไปเที่ยว เจอคนถูกใจ ลากกลับ มีอะไรกัน แยกกัน...จบ!

แล้วทำไมผมต้องแคร์ แล้วทำไมผมต้องใจหาย...

ผมเก็บของตัวเองเงียบๆแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป

ในรถผมสะอาดเอี่ยม เค้าคงแอบมาล้างตอนที่ผมหลับ ก่อนกลับผมนั่งกินก๋วยเตี๋ยวหน้าคอนโดเค้า

(แถมซื้อไปแขวนหน้าห้องเค้าด้วย กลัวเค้าหิว...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันจะทำทำไม)

หลังกินข้าว ผมกินยาพาราแก้ไข้และปวดเมื่อยไป 2 เม็ด กลัวไข้กลับ

ผมพยายามติดต่อเฟียซ แต่ไม่มีใครรับสาย เธอคงหลบหน้าอยู่ ผมขับรถกลับ...

ความเงียบภายในรถทำให้ผมยิ่งกังวลหนัก ถูกคู่หมั้นบอกเลิก

เมามายไม่ได้สติจนถูกผู้ชายแปลกหน้าลากขึ้นเตียง โดนกระทำชำเราสองคืนติดไม่รู้กี่รอบ

แต่ละครั้งใช้แค่สารหล่อลื่น ไม่มีการป้องกันใดๆ ผมตีหัวตัวเองซ้ำๆ

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ!!” หัวผมกระแทกแตรเสียงดังลั่น ผมนั่งไม่สะดวกเอาเสียเลย

ต้องควานหาเบาะรองมาเสริมบั้นท้าย มันยังปวดแปลบ เหมือนเทวดาตัวน้อยยังคาอยู่ตรงนั้น

“จากการสำรวจพบว่ากลุ่มชายรักชายเป็นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุดในกรุงเทพเป็นจำนวนถึง...”

ผมรีบปิดวิทยุทันที ความกังวลตีแสกหน้าอย่างแรง กูจะติดโรคไหม...ผมถามย้ำกับตัวเอง

เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ และต้องมากังวลเรื่องติดโรค.....ผมนั่งเหมือนจะร้องไห้ตลอดทางกลับบ้าน....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมไม่จอดรถในบ้านเพราะอีกไม่นานก็ต้องออกไป บ้านปิดสนิท ผมเลยเดินไปบ้านข้างๆแทน

“สวัสดีครับคุณป้า เฟียซอยู่มั้ย?”

ผมถามแม่ของเธอที่นั่งปักอะไรซักอย่างหน้าบ้าน

“อ้าวคิง..เฟียซเหรอ...นอนอยู่มั้ง ป่วย..อะ เอ่อ เห็นว่าปวดหัว”

“อ่อ ครับ ผมเข้าไปเยี่ยมได้มั้ย”

“ดะ ได้สิ...” คุณป้าเปิดประตูให้ “เข้ามาก่อน”

“คิง....” น้ำเสียงของป้าดูลังเล...

“ครับ”

“เอ่อ ไม่มีอะไรจ้ะ ฝากดูเฟียซด้วยนะว่ามีไข้รึเปล่า”

ผมรับคำก่อนเดินเข้าไปในบ้าน

“อ้าว  ทำไมลงมาเร็วจัง”

“อ่อ ห้องล็อกไว้อะครับ ผมไม่อยากเคาะกลัวจะปลุกคนนอนอยู่”

ผมตอบ เดินคอตกเข้าบ้านตัวเอง

โล่ง...ไม่มีใครอยู่เลย

แม่แปะโน้ตไว้ที่ตู้เย็นบอกว่าพาพ่อไปซื้อของ คิ้ว (Cute) น้องชายผมไปด้วย

เออ ดี นึกว่าเป็นห่วงที่เราหายไป น้อยใจนะเนี่ย...

ผมกลับเข้าห้องตัวเอง คว่ำตัวลงนอน ในหัวมีแต่ความสับสน

คิดมาก แก่เร็วนะ...คำพูดของเฟียซยังก้องอยู่ในหัว ผมหลับตา

ผม รัก คุณ ...เสียงกระซิบนั้นกังวาลในโสตประสาท ผมลืมตาโพลง สลัดความคิดนั้นออกไป

ไปอาบน้ำดีกว่า ผมบอกกับตัวเอง

ผมสำรวจตัวเองในห้องน้ำ ถึงแม้ไม่มีอะไรบุบสลายแต่ก็ไม่ใช่คนเดิม

รอยจูบแดงช้ำตามตัวผมเป็นหลักฐานฟ้องว่าเรื่องที่ผ่านมาผมไม่ได้ฝันไป

ผมรู้สึกอึดอัดที่รูแคบ มันฟ้องว่ากำลังบวมเปล่ง...ผมแตะเบาๆถึงกับสะดุ้ง

เจ็บ....

แต่ ณ ขณะที่ร่วมรักกัน...ทำไมมันมีแต่ความสุข ความสุขที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต

ผมขัดตัวแรงๆ โดยมีน้ำเย็นๆพรมทั่วตัว

ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ที่ผมชำระล้างตัวเอง จนผมรู้สึกหนาวสั่นนั่นแหละถึงเดินออกมา

เสียงรถยนต์บ้านข้างๆออกตัว ผมชะโงกดู

“เฟียซ!!” ผมตะโกนเรียก รถไม่มีท่าทีจะหยุด แล้วมันก็ลับตาผมไป

บ่ายสาม...ผมล้มตัวลงนอน ไม่เช็ดตัว ไม่เช็ดผม....ไข้รุมๆกลับมาอีกแล้ว

---------------------------------------------------------------------------------------------------

เสียงโทรศัพท์ในห้องปลุกผม

“ฮาโหล”

“ยังไม่ตื่นล่ะสิ” เสียงเข้มนั้นสื่อว่ากำลังตำหนิ

“ครับ”

“รีบมา พี่ให้เวลาเอ็งครึ่งชั่วโมง เจอกันข้างล่าง..”คลิก!

ผมตื่นเต็มตา ปัดผ้าห่มออก มองเตียงที่ว่างเปล่า...ผมถอนหายใจด้วยความเสียใจและหงุดหงิด

บ่ายสามครึ่ง ผมก็นั่งอยู่ในรถกับพี่....

---------------------------------------------------------------------------------------------------



จบตอน






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 8: สายลมไม่หวนคืน...



                เป็นชายหนุ่มที่เห็นหญิงสาวก่อน....เขาปรี่เข้าไปทัก

“สวัสดีครับคุณโสภิดา”

“อ้าว สวัสดีค่ะคุณหมอ ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณที่นี่” หญิงสาวไม่ปกปิดความแปลกใจ เขายิ้มพึงพอใจกับท่าทีนั้น

“555 ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ผมน่ะชาวพุทธ มาวัดเป็นเรื่องปรกติ”

“มาเกือบห้าโมงเย็นเนี่ยนะคะ อีกไม่นานพระก็จะจำวัดกันหมดแล้ว” เสียงแผ่วเบาของเธอไม่ได้ล้อเลียนหรือตำหนิ

“อ้อ...” เขานิ่งแก้เก้อ ก็ถูกของเธอนะ “วันนี้คุณโสภิดามาไหว้พระเหรอครับ”

“อ่อ ไม่..ไม่เชิงค่ะ ดิชั้นมาทำสังฆทานครบรอบให้คุณพ่อและก็ไหว้พระ เพิ่งเสร็จพอดี”

เขาหน้าละห้อย...นึกเสียใจที่ไม่ได้มาเร็วกว่านี้

“คุณหมอนรินทร์มากับลูกชายเหรอคะ”

เขาหันไปสนใจคนข้างหลัง “โอ้ เปล่าครับ น้องชายผมเอง ชื่อ นราธิป”

“น้องชายเหรอคะ มิน่าล่ะ เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก”

“ไม่เหมือนซะขนาดนั้นหรอกครับ ผมแก่กว่า สูงกว่านิดนึง...ไบรต์(Bright) นี่คุณโสภิดา คนไข้ของพี่”

ชายหนุ่มผู้น้องไหว้หญิงสาว หากแม้ว่าไม่มีใครบอกว่าเป็นพี่น้องคนละรุ่น เธอคงเข้าใจว่าเป็นฝาแฝด

แต่ด้วยบุคลิก การแต่งตัวที่ดูแตกต่าง เธอจึงเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกกัน...

หมอนรินทร์เป็นคนสูง คะเนแล้วไม่ต่ำว่า 185 เซ็นติเมตร (มารู้ทีหลังว่า 188 ซม.)

ใบหน้าหล่อเหลา ขาว ตี๋แบบคนจีนมีชาติตระกูล คิ้วหนา ตาดุ จมูกโด่งรับกับใบหน้า...

ช่างเหมือนผู้น้องที่ตามมาไม่ผิดเพี้ยน เว้นเสียว่า ผู้น้องยังดูเยาว์ และนัยน์ตาอ่อนโยนแพรวพราวมากกว่า

“ผมไปรอข้างในนะ” ผู้เป็นน้องแจ้ง เขาผงกหัวกึ่งบอกลาเธอ

“เดี๋ยวพี่ตามไป” นรินทร์ตอบน้อง ก่อนกลับมาพูดกับเธอ “อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

“วันนี้ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่หนักหนาอะไร คงเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปนิด” เธอยิ้ม ใบหน้าสวยดูผ่อนคลาย

“ผม...ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้คุณนอนดึก” เขารีบออกตัว

“ไม่ใช่เพราะคุณหมอหรอกค่ะ จริงๆดิชั้นต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณหมอซะอีกที่ช่วยเหลือ” เธอเว้นจังหวะหายใจ

“ถ้าไม่ได้คุณหมอช่วย ดิชั้นคงไม่ได้คิวจากคุณหมอยิ่งยศเป็นแน่” เธอยิ้มให้

เมื่อคืนเขารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี แอบเปิดแฟ้มประวัติคนไข้แล้วโทรหาเธอเพื่อแจ้งข่าวว่าว่าเขาสามารถหาหมอฝีมือดีเพื่อรักษาเธอได้แล้ว น้ำเสียงเธอดีใจตื่นเต้นระคนกันไป

“ผมยินดีครับ” เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ

“อุ๊ย ดิชั้นต้องไปแล้วค่ะ ต้องไปรับคุณแม่ที่กุฏิพระอาจารย์อีก ขอตัวนะคะ”

เขาอยากจะทัดทาน อยากจะดึงตัวเธอให้อยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้....

“ครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย รีบแจ้งผมได้เลยนะครับ”

เธอยิ้ม พยักหน้าช้าๆ “ขอบคุณมากจริงๆค่ะ” น้ำเสียงของเธอติ้นตัน ยิ่งอยากให้เขาอยากกอดเธอ

“เอ่อ...คุณโสภิดา” เธอหันกลับมาตามเสียงเรียก

“คะ”

“จะว่าอะไรมั้ย เอ่อ...ถ้าผมจะขอโทรไปหาคุณอีก”

เธอนิ่ง ไม่ตอบในทันที สีหน้าเรียบเฉยทำให้ยิ่งคาดเดาได้ยาก

เขาหน้าเจื่อน นี่คงเป็นการละลาบละล้วงชีวิตส่วนตัวคนไข้มากเกินไปแน่ๆ

“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมแค่...” จนคำพูด

“...แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” เธอยิ้ม

เขายิ้มตอบ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รอยยิ้มของเขากว้างได้ขนาดนี้

“ขอบคุณครับ” เธอยังคงยิ้มขณะพยักหน้า ก่อนเดินจากไป

เขาเข้าไปไหว้พระในโบสถ์

“พี่ชอบเธอเหรอ”

“ถามอะไรของเอ็งวะ”

“ถามจริงๆ พี่ชอบเธอเหรอ...” ผู้เป็นน้องไม่หยุดกระเซ้า

เขาไม่ตอบ

“ชอบก็จีบเลย” เขาทำตาดุใส่น้องชาย

“ไม่ต้องเลยพี่ ผมรู้ว่าพี่ชอบเค้า ดูแววตาก็รู้” ชายหนุ่มเน้นเสียงสูงกวนผู้เป็นพี่

“พอแล้วเจ้าไบรต์ ไหว้พระไป เดี๋ยวไปเยี่ยมเจ้าบั๊มพ์(Bump) กัน”

“ผมไหว้เสร็จแล้ว ผมไปก่อนละกันนะพี่”

“อืม” เขาไหว้พระประธาน และคิดคำอธิษฐาน...

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ชายหนุ่มนั่งยองๆหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิผู้เป็นพี่

ลูก น้องและพี่อันเป็นที่รัก

นริศ อภิมรนวกุล(บั๊มพ์)

ชาตะ 15 มิ.ย. 2517

มรณะ 12 ส.ค. 2546

“ขอดวงวิญญาณจงสถิต ณ สรวงสวรรค์”



“พี่บั๊มพ์ ผมมาเยี่ยมพี่แล้วนะ...” ชายหนุ่มรู้สึกลำคอตีบตัน นานเหลือเกิน...

“ขอโทษที่ไม่ได้มาซะนาน ช่วงนี้ผมยุ่งๆหลายอย่าง” นราธิปใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดรูปพี่ชาย กลั้นน้ำตาไม่อยู่

เขายังจำมันได้ดี....

ครอบครัวของเรามีกัน 3 พี่น้อง พี่เบสต์ (Best) กับพี่บั๊มพ์เป็นฝาแฝดกัน แต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว

พี่เบสต์จะเคร่งขรึม จริงจังกับชีวิต พี่บั๊มพ์จะสดใส ร่าเริง ทั้งคู่ถูกขีดเส้นทางให้เดินตั้งแต่ยังเล็ก

คุณพ่อและคุณแม่ต่างก็เป็นคุณหมอ ลูกๆของท่านจะต้องเอาดีทางด้านนี้ด้วย แต่พี่บั๊มพ์ไม่อยากเรียน

“พี่อยากเรียนการตลาดหรือไม่ก็เศรษฐศาสตร์ พี่ชอบการวิเคราะห์ การทำแบบสอบถาม การออกตลาดมากกว่า”

แต่พี่บั๊มพ์ก็ขัดที่บ้านไม่ได้ จำเป็นต้องเรียนตามที่ถูกบังคับ

ผิดกับตัวผมที่อายุห่างจากพี่ๆ 17 ปี เพราะเป็นลูกหลง ตอนนั้นพ่อกับแม่ไปฮันนีมูนรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วมีท้องอีกคน

การเป็นน้องคนเล็ก เลยโดนตามใจเสียเคยตัว (พ่อแม่ตั้งชื่อว่าไบรต์ให้แปลว่าคนเก่งและฉลาดหัวดี)

จนพี่เบสต์ต่างหากที่ต้องทำหน้าที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง คอยดูแลไม่ให้ผมเสียคน

แต่เมื่อพี่เบสต์ดุ ผมจึงสนิทกับพี่บั๊มพ์มากกว่า... เราทั้งสองสนิทกันมาก ผมมีอะไรก็จะปรึกษา

“ไบรต์ จำคำพูดพี่ไว้นะ...” พี่บั๊มพ์กอดผมร้องไห้ในคืนวันหนึ่ง...

“อย่ากลัวหรืออายที่จะบอกคนอื่นว่าเราเป็นหรืออยากเป็นอะไร เราต้องเคารพตัวเองให้มาก

ถ้าวันนี้เรายังยืนหยัดต่อสู้เพื่อตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะมาทำให้เรา”

ตอนนั้นผมยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจคำพูดประโยคนนั้น แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมเข้าใจ...

ผมเลือกเรียนการตลาดแบบที่พี่บั๊มพ์อยากเรียน...

ผมไม่ได้ทำเพื่อพี่ ผมทำเพื่อตัวเอง...เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้อยากเป็นหมอแบบที่ใครๆอยากให้เป็น

วันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว...อุบัติเหตุก็พรากพี่ไบรต์จากพวกเราไปตลอดกาล

สาเหตุมาจากพี่เขารีบขับรถเมื่อมาง้อแฟน จู่ๆก็มีคนขี่จักรยานมาตัดหน้า ตูม!!

พ่อกับแม่ทำใจรับความสูญเสียไม่ได้ จึงพากันย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ หอบหิ้วผมไปอยู่ที่โน่น

จนเมื่อ 4 ปีมานี้...ผมขอกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทย...อย่างน้อย ผมก็ขอกลับมาหาคนที่ผมรัก

“ผมสบายดีครับพี่บั๊มพ์ ไม่ต้องห่วงผม...ดูสิ ผมตัวโตขึ้นตั้งเยอะ ไม่มีใครกล้ามารังแกผมอีกแล้ว

ผมเอาตัวรอดได้...ไม่ต้องคอยให้พี่มาปกป้องอีกแล้ว...ผม...” ผมเช็ดน้ำมูกน้ำตา แล้วยิ้ม

“ไม่ต้องห่วงผมนะครับพี่ ...”

พี่เบสต์จับไหล่ผมแน่น ขอบตาแดงก่ำ...

“พี่เค้ารู้ ไบรต์...ไอ้บั๊มพ์มันรู้”

แล้วน้ำตาผมก็ไหลอีครั้ง....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“พี่เบสต์ พี่ยังเกลียดเกย์อยู่มั้ย” ผมถามตอนที่เดินออกมาขึ้นรถ

“แล้วพี่ทำไมต้องไปรักไปชอบคนพวกนั้นด้วยวะ”

“เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะพี่... ตั้ง 10 ปี”

“แล้วไง...แล้วบั๊มพ์ยังอยู่กับเรางั้นเหรอ...พวกวิปริตพวกนั้นทำให้พี่ชายเราต้องตายนะ”

“แต่พี่เบสต์...”

“พอเถอะไบรต์ พี่รู้ว่าเราไม่อยากให้พี่มีอคติ...แต่พี่จะไม่ให้อภัยคนพวกนั้นที่ทำลายครอบครัวเรา”

ชายหนุ่มรู้ดีว่ายากที่จะเปลี่ยนความคิดพี่ชายหัวดื้อของเขา

ใช่แล้วครับ...แฟนของพี่บั๊มพ์เป็นผู้ชาย สมัยก่อนต้องคอยหลบๆซ่อนๆ ไม่มีใครยอมรับ

แต่พี่บั๊มพ์ก็รักแฟนมาก รีบบึ่งรถมาหาเพื่อมาง้อ...ตอนนั้นอินเตอร์เน็ต มือถือยังไม่เฟื่องฟูเท่าทุกวันนี้

การพูดคุยกันซึ่งๆหน้าจึงจำเป็น...และใครจะรู้ว่า วันนั้นพี่บั๊มพ์จะจากพวกเราไปตลอดกาล

ทิ้งความเสียใจให้พวกเรา และทิ้งรอยแผลให้พี่เบสต์ รังเกียจพวกรักร่วมเพศจนถึงทุกวันนี้...



จบตอน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 9: เฉยชา



“อ้าว พี่คิง แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหน”

“เออ นั่นสิ หายหัวไปตั้ง 2 คืนเพิ่งกลับมาจะออกไปอีกแล้ว ไอ้ลูกคนนี้นี่ แล้วอย่างนี้จะดูแลหนูเฟียซเค้าได้ไง”

เฮ้อ มาก็ใส่เป็นชุดเลยคุณหญิงแม่

“ผมไปงานแต่งไอ้นัทมันนะแม่ รีบออกไปก่อน เดี๋ยวรถติด”

“นี่จะไม่กินอะไรรองท้องไปก่อนเรอะ”

“โหยแม่ เดี๋ยวพี่เค้าก็ได้ซัดโต๊ะจีนอร่อยๆเต็มคราบแล้ว จะห่วงเค้าทำไม”

“นั่นสิ ห่อกลับมาเผื่อพ่อด้วยนะ” เสียงพวกเราหัวเราะประสานกันดังลั่นบ้าน

“ไปก่อนนะครับพ่อ หวัดดีครับ...ไปละครับแม่ ไม่ต้องรอนะครับ อาจกลับดึก หวัดดีครับ”

แล้วผมก็หอมแม่ฟอดใหญ่...กลิ่นของแม่ยังอบอุ่นเหมือนเดิม

“เออ พี่คิง แล้วพี่เฟียซไปด้วยมั้ยเนี่ย” ผมอึ้ง ไม่สบตาน้อง

“ไม่ได้ไปว่ะ เห็นว่าไม่สบาย...ไปละ ล็อกบ้านเลย เดี๋ยวดึกๆเปิดเอง” ผมสั่งน้องชาย ก่อนขับรถออกบ้าน

รถผมสวนกับรถเฟียซตรงทางออกหมู่บ้านพอดี

แต่ผมกลับรถไม่ได้ เพราะมันเป็นถนนหลักคู่ขนาน กว่าจะกลับรถได้ต้องขับไปอีกอย่างน้อย 2 กิโล

ผมตัดสินใจโทรหาเฟียซ...ไม่มีคนรับ

ผมขับรถต่อสักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามา เฟียซ!

“ฮัลโหล”

“ไอ้คิง!! มึงอยู่ไหนวะ แม่ง งานเช้าก็เบี้ยว งานเย็นก็ช้า” ผมใจแป้ว...ไม่ใช่สายที่ผมรอ

ผมดูนาฬิกา 18.15 น. ตายห่าละ จะไปทันมั้ยเนี่ย สาธุ รถอย่าติดเลย

“เห้ยใจเย็นๆๆๆ กูถึงแล้วๆหาที่จอดอยู่ เดี๋ยวเจอกันหน้างาน” ผมโกหก และรีบเร่งเครื่องออกไปทันที

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“กลับเองนะไบรต์ พี่ไม่ไปส่ง”

“อ้าว ไหงงั้นอะ จู่ๆก็ทิ้งกันเฉยเลย” น้องชายตัดพ้อ “รู้งี้ขับรถมาเองดีกว่า”

“พี่เพิ่งนึกได้ว่ามีงานเย็นนี้ โทษทีนะ นั่ง Taxi กลับไปก่อนละกัน”

“...” -*-

“เห้ย อย่าทำหน้ามุ่ย อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกพี่ เรื่องกินน่ะ ผมมีอยู่แล้ว...ขอบคุณมากที่เป็นห่วง”

แล้วก็ทิ้งน้องกลับเอง...พี่ที่แสนดีจริงๆ

นรินทร์มองน้องชายขึ้นแท็กซี่แล้วก็ออกรถ...เขาหยิบโทรศัพท์กดเบอร์

ไม่มีคนรับ...

เขากดซ้ำ เสียงปลายทางหลังเสียงรอสายครั้งที่สาม

“คุณโสภิดาเหรอครับ ผมนรินทร์นะ...ถึงบ้านรึยังครับ”

“เพิ่งถึงบ้านพอดีเลยค่ะ คุณนรินทร์ละคะ” น้ำเสียงนั้นดูเหนื่อย

ถึงแม้เพิ่งแยกกันไปเมื่อกี้ แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้พบกันแสนนาน ...

เขายิ้ม...ดีใจที่เธอว่างคุยกับเขาตลอดทาง

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“เห้ย! ไอ้คิงมึงเป็นอะไรวะ เหล้าไม่แดก” เสียงเพื่อนๆผมซักไซร้

“ไอ้ห่าพรุ่งนี้ทำงาน แถมกูขับรถมาอีก”

“เชี่ย หน้าอย่างมึงเนี่ยนะจะกลัวโดนจับ ถุ๊ย!” เสียงเพื่อนๆหัวเราะครืน

“เออ เถอะน่า ช่วงนี้กูถือศีล ละเว้นแอลกอฮอล์” กูกลัวเสียตัวอีก...ผมละประโยคหลังไว้

คู่บ่าวสาวกำลังเดินขอบคุณแขกเหรื่อที่มางานแต่ง คืนนี้เจ้าสาวสวยมาก สมกับเป็นวันของเธอจริงๆ

“ใครจะคิดว่าไอ้นัท จะกลับใจวะ แม่งเป็นทอมอยู่ดีๆ แต่งงานเฉ้ย!”

“นั่นดิ กูล่ะนับถือใจเจ้าบ่าวจริงๆ กล้าเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ” เสียงพวกเราหัวเราะครืน

แต่ผมนี่สิหัวเราะไม่ออก จะมีใครรู้มั้ยเนี่ย ว่าผมโดนอะไรมาเมื่อ 2 คืนที่แล้ว

แล้วผมจะเปลี่ยนไปมั้ย???

ผมมองตามคู่บ่าวสาว ไอ้นัทที่เคยแก่นเซี้ยวกะโหลกกะลา สาวห้าวตัดผมสั้น

วันนี้มาในชุดเจ้าสาวเกาะออก ผมยาวเคลียแผ่นหลัง ความรัก สามารถทำให้คนเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงขนาดนี้เขียว

พลันสายตาผมก็จับจ้องไปที่โต๊ะนั้น ที่บ่าวสาวกำลังถ่ายรูปด้วย

ชายหนุ่มหล่อในชุดสูทสีดำเข้ม ผมจัดทรงเป็นทางการดำสั้นกว่าเมื่อตอนผมจากมา

“เทวดา” ผมเผลออุทาน

“เทวดาเชี่ยอะไรมึง ปากบอกว่าไม่แดกเหล้า แต่แม่งเมาก่อนเพื่อนซะละ”

แล้วเราก็สบตากัน ....

เค้าไม่มีท่าทีว่าจะลุกมาหา ไม่ยิ้ม ไม่พยักหน้าทักทาย...คุยกับคนข้างๆและเมินผม

พวกเรากลายเป็นคนแปลกหน้ากันโดยสมบูรณ์แบบ

“กูไปห้องน้ำก่อนนะ” ผมขอตัวเดินออกมา รู้สึกมวนท้อง พิษไข้กลับมาอีกรอบ

คราวนี้ผมอ๊วกในห้องน้ำ ทั้งอ่อนเพลีย เจ็บใจ และ...เสียใจ

สุดท้ายผมก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วๆไป เจอกัน มีอะไรกัน แล้วก็แยกทางกัน...

น้ำตาทำท่าจะไหล แต่ผมรีบปาดมันทิ้ง ผมจะไม่อ่อนแอ

มันก็แค่ฝันร้าย เรื่องแย่ๆเรื่องหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต พรุ่งนี้เช้า ทุกอย่างจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม

ผมดันขอบชักโครกแน่น และเทของเสียออกมา...

---------------------------------------------------------------------------------------------------​

“เห้ย ไอ้คิง เบาๆๆๆๆ” เสียงเพื่อนๆผมปราม

“ไหนมึงบอกจะไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์แล้วไง”

“...” ผมชะงัก ตั้งแต่กลับมานั่งที่โต๊ะผมก็ซัดไปแล้ว 4 แก้ว ขืนมากกว่านี้เมาตายแน่ๆ

ผมเห็นท่าไม่ดี เลยขอตัวกลับ เพื่อนๆได้แต่อึ้ง แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร อีกอย่างงานก็ใกล้จบแล้ว

ผมเห็นเค้าเดินมาแต่ไกล ความหล่อเหลาของเค้าดูผิดแผกไปจากเดิม

อาภรณ์ที่สวมใส่ทำให้เค้าดูมีอายุและน่าเกรงขามมากกว่าตอนที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย

เค้าแน่นอน...ผมมั่นใจ

เราสบตากันระยะไกล ผมไม่ยิ้ม สีหน้าเค้าบอกว่าเราไม่รู้จักกัน

เหมือนมีดกำลังกรีดแทงใจผมอยู่....

ผมรวบรวมความกล้าเดินผ่าน กลิ่นตัวที่ผิดแผกไปจากเดิมของเค้ากำลังลอยจากไป

หมับ!!

ผมคว้าแขนเค้าไว้ หน้าเกือบล้มคว่ำเพราะแรงฉุดจากเค้า

 “จะไม่ทักทายกันหน่อยเลยเหรอ” สีหน้าเค้าดูแปลกใจ

“เอ่อ ผมว่าคุณจำคนผิดแน่ๆ” เสียงเข้มของเค้ากรีดแทงใจ ถ้อยคำที่เปล่งออกมาคือความเฉยชาห่างเหิน

ผมบีบแขนเค้า ส่งความรู้สึกเสียดแทงผ่านแรงบีบปลายนิ้ว...เค้าสะบัดออก

“ขอโทษนะครับ คุณเมาแล้ว ปล่อยผมเถอะ” เสียงเค้าเย็นเยียบ ไม่ใช่เสียงแหบพร่าหรือเสียงสดใสที่เคยได้ยิน

คุ้นหน้า แต่ไม่คุ้นเคย...

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” ผมปล่อยให้ความเมาเข้าครอบงำตัวเองเสียแล้ว...

“แบบนี้...” เค้าทวนคำ “ผมไม่เข้าใจ”  เสียงเค้ายืนยันหนักแน่น

“หึ ไม่เข้าใจ...ก็ดี ให้มันจบๆไปก็ดี ก็แค่....” ผมหยุดปากตัวเอง

มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหากจะเอาเรื่องเมื่อคืนมาประจานตรงนี้

สีหน้าเค้ายังสงสัย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน นิ้วชี้กำลังเช็ดใต้จมูก...

“ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้ว่า แบบนี้ของคุณคือแบบไหน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบและห่างเหิน

“แต่ผมมั่นใจว่า...ผมไม่รู้จักคุณแน่นอน” เค้าย้ำ ผมคลายมือออก ได้แต่อึ้งกับคำพูดที่ได้ยินและปล่อยให้เค้าเดินจากไป

ใบหน้าผมชากับคำพูดของเค้า ใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม

แค่เวลาไม่นาน ไม่ทันข้ามวัน...ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย

ผมแค่นหัวเราะ กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก คนไม่เคยอ่อนแอแบบผม จะเสียน้ำตาซ้ำซากอีกไม่ได้

ผมกำหมัดแน่น ก่อนเดินออกไปให้พ้นจากตรงนี้...



---------------------------------------------------------------------------------------------------​​



จบตอน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
อ่าว...

ตอนแรกเดาว่า เทวดาคือไบรต์ นะ

แต่ฉากในงานแต่ง ไม่น่าจะใช่ไบรต์  หรือเป็นเบสต์ที่หน้าคล้ายกันหว่า?

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 10: เรื่องจริง หรือ ฝันไป



“หนูคิดดีแล้วเหรอลูก”

“ค่ะแม่...ชีวิตที่เหลือของหนู หนูขอเลือกเองนะคะ” หญิงสาวกัดริมฝีปาก

ผู้เป็นแม่ส่ายหน้าช้าๆ ลูกสาวเธอมักจะเม้มมากเมื่อตัดสินใจอะไรได้แล้ว...

“ถ้าเฟียซคิดว่า การเลิกกับคิงคือทางเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้ แม่ก็ไม่ว่าอะไร”

หญิงสาวยิ้ม “ขอบคุณค่ะแม่ ขอบคุณที่เข้าใจหนู”

“ทีนี้ก็...เคลียร์กับคิงเค้าด้วยนะ อย่าปล่อยให้อะไรคาราคาซังแบบนี้เลย”

หญิงสาวหันไปมองบ้านตรงข้าม แสงไฟห้องคิงมืดมิด “แล้วหนูจะคุยกับเค้าทีหลังค่ะ”

ผู้เป็นแม่ไม่เซ้าซี้ เธอเดินออกไปจากห้องลูกสาว รู้สึกหนักใจกับการตัดสินใจครั้งนี้

เธอหยิบรูปครอบครัวมาดู

10 ปีแล้วสินะ ที่คุณจากชั้นไป...เธอครวญในใจ

สามีผู้เป็นที่รัก พ่อที่แสนดี .... ได้จากพวกเธอไปแล้ว

ในวันที่สูญเสีย เธอไม่ร้องไห้เลย จนกระทั่งทุกวันนี้...เพราะเธอต้องเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นลูกๆก็จะไม่มีที่พึ่ง

“เป็นกำลังใจและช่วยลูกเราด้วยนะคะคุณ” เธอยิ้ม วางกรอบรูปลงที่เดิมแล้วก็สวดมนต์ตามปรกติ...

---------------------------------------------------------------------------------------------------​​

ผมเดินเซออกมาจากห้องจัดเลี้ยง เดินสลึมสะลือตามทางจนมาถึงล็อบบี้โรงแรมแล้วนั่งที่โซฟา

หมดแรง...

ผมพักสายตา ปรกติแล้วผมคอแข็ง แต่การกระดกรวดเดียว 4 แก้วก็ทำให้มึนและขาดสติได้เหมือนกัน...

เหมือนเมื่อกี้นี้

ถ้าผมไม่เมาจนตาฝาด...

ผมเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นคือเทวดาแน่นอน...

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ

“เทวดา!!”

ผู้ชายคนเดิมนั่งยิ้มที่โซฟาตรงกันข้าม แต่รอยยิ้มและความรู้สึกช่างแตกต่างกับที่เราเจอกันเมื่อกี้...

“ทำไมไม่รอผมตื่นก่อน แล้วค่อยออกมา”

ผมกระพริบตาถี่ๆ นี่คงเมามากจนเห็นเทวดาไปทั่ว เมื่อกี้ก็ทักผิดไปแล้วคนนึง

ตอนนี้ก็คงเห็นหน้าเทวดาเป็นภาพซ้อนแปะหน้าคนอื่น

“ผมเสียใจนะเนี่ย ที่คุณไม่รอผม” เสียงแหบๆนั้นยิ่งเติมเต็มความมั่นใจว่าสติผมยังครบถ้วน

ผมบิดคอซ้ายขวาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าและความเมา ภาพผู้ชายตรงหน้ายังไม่เลือนไปไหน

รอยยิ้มนั้นเป็นของเค้าจริงๆ ผมชะโงกหน้า เพ่งไปดูให้ชัด...ตบหน้าตัวเองแปะๆ

เค้าไม่ได้ใส่สูท ผูกไทแบบเมื่อกี้ เสื้อยืดคอกลมสีขาวกระชับสัดส่วน ท่อนแขนใหญ่ถูกรัดด้วยเนื้อผ้า

กางเกงยีนส์สีอ่อนดูเข้ากัน รองเท้าผ้าใบแบบวัยรุ่น...

เค้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนไหน...

“คุณ เป็นอะไรไป ถามไม่ตอบ” เค้าย้ำ

“คุณนั่นแหละเป็นอะไรไป...เมื่อกี้ใส่สูท ตอนนี้ใส่เสื้อยืด ผมงง”

“หืม...คุณว่าเมื่อกี้ผมใส่สูทเหรอ หล่อมั้ย” เค้ากวน

“ไม่ตลก เมื่อกี้คุณทำผมขายหน้ามากนะ..หนอย..ผมมั่นใจว่าเราไม่รู้จักกันแน่นอน” ผมทำเสียงเข้มประโยคสุดท้าย

“แล้วตอนนี้ทำมาทักทาย ตีสนิท ผมตามคุณไม่ทันจริงๆว่ะ”

ผมลุกขึ้น เค้าลุกตาม พลางคว้าแขนผมไว้

“เดี๋ยวสิ คุณเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”

“เข้าใจผิดเหรอ อ๋อ คงงั้น ผมงงเมามากที่เห็นหน้าใครต่อใครแล้วคิดว่าเป็นคุณไปเสียหมด”

“คุณคิดถึงผมเหรอ”

อ๊ากกกกกกกกกกกกกก โมโหเว้ย โมโห ยังมีหน้ามาเฉไฉ

ผมพยายามสะบัดตัวหนี เค้ายิ่งออกแรงฉุดมากขึ้นจนผมเริ่มเจ็บ

“ขอร้องล่ะ ฟังผมก่อน นะ” เค้าใช้น้ำเสียงออดอ้อน

“ไม่...เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ผมสะบัดตัวหลุด รีบจ้ำอ้าวเดินงุดๆไม่สนใจใคร

พลั่ก!!

ผมเดินชนใครสักคนที่ตัวใหญ่มากๆอย่างจัง แรงชนทำให้ผมเซแทบล้ม

...แต่ล้มบนตัวใครอีกคนที่พยายามประครองผม

“ขอโทษครับ ขอโทษครับ” ผมรีบขอโทษคนตรงหน้า ก่อนจะอ้าปากค้างอีกรอบ

เทวดาใส่สูทกำลังมองผมด้วยสายตาดุดัน ผมรีบดันตัวเองออกจากคนที่พิงอยู่

แล้วผมต้องตกใจอีกรอบ...

เมื่อเห็นเทวดา 2 คนกำลังยืนประจัญหน้ากันอยู่...

ถ้าไม่เมามาก ผมคิดว่าผมคงมีปัญหาทางสายตาแน่ๆ

“พี่เบสต์ มาพอดีเลย นี่ครับ กุญแจรถ”

“อืม ได้ ทีหลังอย่ารีบจนลืมข้าวของอีกล่ะ”

“ก็ใครใช้ให้พี่ทิ้งผมล่ะ ดูดิ แทนที่จะได้กลับไปกินก๋วยเตี๋ยว ป่านนี้เส้นอืดหมดแล้ว ”

เค้าพูด พลางขยิบตามาทางผม ก๋วยเตี๋ยวเมื่อกลางวัน...ผมก้มหน้า

ได้แต่ฟังสองเทวดาคุยกันด้วยความงุนงง...

เทวดาใส่สูท ตัวสูงกว่า แต่ผอมกว่า ตาดุกว่า บุคลิกเป็นผู้ใหญ่ สุขุม

เทวดาใส่เสื้อยืด เตี้ยกว่านิด ล่ำกว่า ดวงตาสว่างสดใส ดูอบอุ่น

“ทำไมพวกคุณหน้าเหมือนกันจัง”  ผมแทรกกลางระหว่างสองคนนั้น

“เมื่อกี้ผมคิดว่า...” ผมหันไปทางเทวดาเสื้อสูท

“คิดว่าผมเป็นเค้าใช่มั้ย” ฝ่ายนั้นชี้ไปยังคนหนุ่มกว่า ผมพนักหน้าตามหงึกๆ

“มิน่าล่ะ คุณสองคนเป็นเพื่อนกันหรอกเหรอ ผมก็คิดว่าคนเมาแล้วเลอะเลือน”

อ้าวผม ซวยอีก

“เพื่อนผมเองครับพี่” ผมหันไปมองเทวดาเสื้อยืด เค้าขยิบตาให้ผม “เมื่อกี้คุณถามอะไรพี่ผมอะ”

ผมหน้าแดง หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยงานนี้

“อ่อ คือ เมื่อกี้เอ่อ ...”

“เค้าคิดว่าพี่น่ะเป็นเรา แล้วเจอกันทำเป็นไม่รู้จักกัน”

“อ่อ แบบนี้นี่เอง...ขอโทษทีครับ ลืมแนะนำ คนนี้พี่ชายผมเองครับ ชื่อพี่เบสต์ หรือคุณหมอนรินทร์ อภิมรนวกุล”

“เกินไปนายไบรต์...แล้วนี่ไปรู้จักกันได้ไงล่ะเนี่ย” ผมรู้สึกเหมือนโดนกันออกจากวงสนทนา

“เรื่องมันยาวน่ะพี่ ไว้ผมค่อยเล่านะ” แล้วนายเบสต์ เทวดาเสื้อยืดก็ลากผมออกมา

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหมอ เอ๊ย คุณนรินทร์”

“เรียกพี่เบสต์ก็ได้ พี่ผมก็เหมือนพี่คุณนั่นแหละ” เค้าทำน้ำเสียงล้อเลียน ส่งสายตากรุ้มกริ่ม

พี่ผมก็เหมือนพี่คุณ....มันไม่มีความหมายแฝงอะไรใช่มั้ย????

พี่ชายเค้าเดินกลับเข้างานแต่งไปเหมือนเดิม...

ส่วนผม หน้าแตกยับ

อายอะ

อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

---------------------------------------------------------------------------------------------------​​




จบตอน

​(อ่านแล้วทำไมรู้สึกว่านายคิงของเราสาวแตก 555)

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
อ้างถึง  ...​(อ่านแล้วทำไมรู้สึกว่านายคิงของเราสาวแตก 555)

ก็โดนเสียบไปหลายรอบไง  555

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 11: แผลเก่า....



เมื่อพี่ชายเค้าเดินลับตาไป ผมก็สะบัดตัวออก

“ปล่อย” ผมล้วงกุญแจรถออกมา

“เดี๋ยวสิ ไหงเดินหนีกันดื้อๆแบบนี้ล่ะ” เค้าทำตามเสียงแบบตามผมไม่ทัน

ผมเงียบ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรมาก หัวผมกำลังหมุนเคว้ง แม่ง! แค่กระดกเพียวๆ 4 แก้วเอง

-_-“

เด็กๆไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ

เค้าพุ่งมาขวาง...เห้ย ไรฟระ คนจะกลับ! ผมขึงตาใส่

ผมเป็นคนหน้าดุ มีแต่คนพูดแบบนี้กันทั้งนั้น คนส่วนใหญ่ ถ้าไม่คุ้นเคยจะไม่กล้าเข้าใกล้

ถึงแม้ผมจะไม่สูง 180 แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ หุ่นล่ำนิดๆเพราะผมชอบออกกำลังกาย

ฟุตบอล บาส ว่ายน้ำ อะไรที่เรียกเหงื่อผมได้หมดแหละ ตัวเลยดำเกรียม แถมตายังดุอีก

ใคร๊ มันจะกล้าเข้าใกล้...ยกเว้นไอ้ผู้ชายที่กำลังทำตัวใหญ่กว่ายืนขวางอยู่ตรงหน้า

“โห ต้องทำตาเขียวเลยเหรอ ผมไม่กลัวหรอก...หน้าตาคุณตอนเซ็กซี่อะ ดูดีกว่านี้อีก”

เชรี่ยยยยยยยยยยยยยย เจอไม้นี้ ไปไม่ถูกเลยผม

“จะเอายังไง” ผมกวน

“เปล๊า ผมก็แค่...” เค้าเว้นช่องว่าง ผมยังทำตาขวางอยู่ เค้าโน้มตัวมากระซิบ

“ผมก็แค่คิดถึงตอนที่เราอยู่ด้วยกัน...”

เท่านั้นแหละ ผมผลักตัวเค้าออก เค้าไม่เซ แต่เปิดทางให้ผมเดินมาได้...แค่สองก้าว

เค้าออกแรงฉุดแขน ด้วยความที่ตัวใหญ่กว่า แรงย่อมเยอะกว่า ผมเซ กุญแจรถหล่นลงพื้น

ยิ่งผมสะบัด เค้าก็ยิ่งรั้ง ช่วงที่ผมพยายามก้มตัวไปหยิบกุญแจ ขาผมเป๋ ตัวหมุนติ้ว

พลั่ก!!!

บั้นท้ายผมกระแทกขอบโซฟาเข้าอย่างจัง...

ปรี๊ดดดดดดดดดดดดด ความเจ็บพุ่งพล่านไขสันหลัง

จากที่ผมเดินเหินได้เกือบปรกติไม่รู้สึกอะไร...ตอนนี้แผลเก่าโดนสะกิดอย่างจัง

ผมขาสั่น ทรุดกองลงมันตรงนั้น!

“เห้ย คุณ เป็นอะไร!!” น้ำเสียงเค้าทั้งตกใจ ทั้งกังวล

“เชี่ย เพราะใครล่ะ” ผมโอดโอย “ไม่ต้อง!!” ปัดมือที่คอยพยุงให้ผมลุก

“ไปให้พ้นหน้าเลยนะ แม่งเจอมึงทีไรมีแต่ความซวย” ผมขึ้นเสียง เสียงโอดโอย ยังเล็ดลอดออกมา

ใครไม่เคยโดนไม่รู้หรอก ความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กายมันเป็นยังไง

TT___________TT

“ผมขอโทษ” เค้าเสียงอ่อน พยายามประครองผมทั้งตัว ผมยังสะบัด จนเค้ายอมแพ้

ผมคว้าที่ขอบโซฟา...แม่ง ไม้สักของแท้...ออกแรงฮึดแล้วลุกขึ้น

แต่ขาเจ้ากรรมมันไม่หายสั่น ความเจ็บยังคงอยู่ เหมือนมีใครกดแผลเก่าเล่นซ้ำๆ

น้ำตาเล็ดเลยผม

“ให้ผมช่วยนะ”

“ไม่!”

“เหวออออออออออออ....” คราวนี้ผมไม่ถูกพยุงแล้ว แต่ถูกอุ้มแทน

“อย่าขัด ไม่งั้นผมจะจูบคุณกลางล็อบบี้นี่แหละ” เค้าพูดทีเล่นทีจริง

“ขอโทษคร้าบบบ เพื่อนผมเมาเดินไม่ไหว ขอทางหน่อยครับๆๆ”

เค้าเดินเร็วอย่างกับเหาะ แถมรู้ด้วยว่าผมจอดรถไว้ที่ไหน...

พอวางผมแหมะที่เบาะข้างคนขับ เค้าก็วิ่งมานั่งตำแหน่งสารถีทันที

“เห้ย ลงไป!” ผมพยายามขวาง...

“ให้ผมจูบก่อนดิ...เดี๋ยวผมลงไปเลย”

ผมได้แต่อึ้งกิมกี่

o_O”

ไม่มีทางซะหรอก...

เค้าเห็นผมนิ่ง ก็หัวเราะร่วน แล้วก็ขับรถผมออกไป...

เห้ย!!! มันเริ่มเยอะเกินไปมั้ย

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“จะให้ไปส่งที่ไหนครับ” เค้าถาม “บ้านคุณอยู่แถวไหน เดี๋ยวผมไปส่ง”

ไม่มีทางซะหรอก ขืนให้เค้าไปเพ่นพ่านแถวบ้านไม่ดีแน่ๆ ผมปิดปากเงียบ

“อ้าว คุณ จะไปไหน ไม่งั้นผมก็ขับไปเรื่อยๆอย่างนี้ล่ะนะ”

ผมหันหน้าเข้าหากระจกข้างตัว ไม่ยอมตอบอะไร

แสงสีในเมืองกรุง ผู้คนเดินริมถนนขวักไขว่ เสียงจอแจของการจราจรเบื้องนอก

มันทำให้ผมเผลอหลับไป...

พอลืมตาขึ้นมา...

ชิบหาย ห้องเค้า!!

“โนๆๆๆ อย่าเพิ่งลุก” ผมไม่ฟังหรอก พุ่งตัวลุกทันที...

โอ๊ย!!

ลืมไปเลยว่าเจ็บอยู่

เช็ดดดดดดดดดดดดด แม่ม!!

ผมถดตัวลงไปนอนตามเดิม

“ไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย เดี๋ยวจะยิ่งอักเสบไปกันใหญ่ ค่อยๆดีกว่านะครับ”

เค้าวางผ้าเช็ดตัวลงบนหมอน

“อาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่านะครับ ตัวคุณเหม็นมาก ทั้งกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่”

ผมรีบดึงเสื้อมาดมฟุดฟิดๆ

กลิ่นร้ายแรงจริงๆ

“ไม่ ทำไมจะต้องอาบที่นี่ กลับไปอาบน้ำที่บ้านก็ได้”

เค้าทำหน้ามุ่ย

“แน่ใจว่าไหว สภาพแบบนี้...ขับรถไปถูกปรับแน่ๆ” หนอย เอาเรื่องเงินมาขู่

โครกกกกก ครากกกกกกก

เสียงท้องเจ้ากรรมร้องซะดังลั่น...

ผมตาค้าง เพราะคราวนี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของเค้า...

ผมหัวเราะก๊าก

“โหย อย่าหัวเราะดิ คนไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกลางวัน” เค้าออกตัว

“แถมต้องใช้แรงเยอะด้วย...ใครก็ไม่รู้ได้แต่นอนนิ่งๆปล่อยให้เราออกแรงอยู่ฝ่ายเดียว”

อ้าวเห้ย อยู่เฉยๆเหมือนตัวเองกำลังโดนด่า

“แล้วใครใช้ให้ทำล่ะ โธ่เอ๊ย ไม่พอใจทีหลังก็ไม่ต้องทำสิ”

ชิ้ง!!!! พลาดแล้วกู

เค้ายิ้มยวน “โอเค ผมไม่บ่นก็ได้...ทีหลังที่ว่าน่ะ ขอคืนนี้เลยได้ปะ”

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ไอ้ ไอ้

“ไอ้หื่น!!” ไอ้เทวดาหื่น ไอ้บ้ากาม ไอ้ลามก

ผมเขวี้ยงหมอน ผมอนข้าง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวใส่เค้า อะไรที่ใกล้มือผมปาออกไปหมด

แล้วผมก็พบว่า

...ตัวเองใส่เสื้อ...และกางเกงในเท่านั้น...

“เห้ย!! นี่มึงแอบลักหลับกูอีกแล้วเหรอ มึง!!!”

ผมรีบหาอะไรมาปิดหน้าอก ที่เป้า รู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามทางสายตา

“เปล่า ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ”

“แล้วมึงมาถอดกางเกงกูทำไม” ผมขึ้นเสียง

“เห้ย อย่าโมเมดิ ผมเปล่า คุณนั่นแหละ บ่นร้อนๆๆๆแล้วก็แก้มันออก”

“กูไม่เชื่อ”

“ไม่เชื่อก็ไปถามพี่ยามข้างล่างสิ ว่าผมไม่ได้โกหก”

ทำไมต้องถามพี่ยามด้วยวะ...หรือว่า...ผมทำหน้าแบบดวงตาเห็นธรรม

เค้าพยักหน้า “ใช่ คุณถอดกางเกงตัวเองตั้งแต่ชั้นล่าง แล้วก็เมาเป๋มาถึงนี่”

จากชั้นล่าง มาชั้น 18…. คนคงเห็นกันทั่วแล้ว

ไอ้คิงเอ๊ย ไอ้คิง...

“แล้วทำไมไม่ห้าม” ผมหาเรื่องเค้า

“คุณ ถึงผมจะตัวใหญ่ แรงเยอะแค่ไหน เจอผู้ชายตัวไม่น้อยทิ้งดิ่ง ผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ”

“แล้วทำไม” ไม่อุ้ม...ผมหยุดปากไว้ได้ เค้าหรี่ตา รอฟังให้จบประโยค...ไม่พลาดหรอก เชอะ!

“เชี่ย ขายขี้หน้าหมด” ผมยอมจำนนล้มตัวลงนอน

เค้าพุ่งมากอดผมแบบไม่ทันตั้งตัว

“เห้ย ออกไป๊!!” ผมไล่ ดิ้นพร่านๆให้หลุกจากพันธนาการนี้

“ไม่ จนกว่าคุณจะไปอาบน้ำ” แล้วเค้าก็ดึงตัวผมให้นั่ง ดึงเสื้อผมออกจากตัวอย่างง่ายดาย

“ไม่อาบ! จะกลับบ้าน” ผมพยายามยื้อเสื้อตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ

“ถ้าไม่อาบ ผมจะพรมจูบคุณแบบนี้ไปเรื่อยจนกว่าคุณจะยอม”

ว่าแล้วเค้าก็ประเคนจูบผม ทั้งแก้ม คอ ไหล่ ไล่จนถึงแผ่นหลัง

ผมรีบลุกออกจากที่นอน กัดฟันกรอดฝืนความเจ็บที่บั้นท้าย คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วพุ่งเข้าห้องน้ำ...

“มา ผมช่วย...” เชี่ย มึงเป็นนักวิ่ง 100 เมตรรึไงวะ พุ่งมาตอนไหนไม่ทันสังเกต

เค้าเอามือยันประตูห้องน้ำไว้ ผมดึงกระชากจนกลอนแทบหลุด...

ผมถลึงตาใส่เค้า “ออกไป จะอาบน้ำ”

“ไม่ได้ยินเหรอ...ผมช่วย เดินขาเป๋ขนาดนี้ ไม่ไหวหรอกน่า...”

เค้าผละมือจากประตู ช้อนตัวอุ้มผม

นี่กูตัวเบาขนาดนั้นเลยรึไงวะ!!!

ผมดิ้นตีอกชกหัวเค้า เข้าเป้าหลายหมัดเหมือนกัน...แล้วเค้าก็ก้มหลบหมัดมาจูบผมอย่างจัง

...มันเร่าร้อนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน เรี่ยวแรงเหือดแห้ง

แล้วผมก็ปล่อยให้เค้าพาผมไปแช่น้ำอุ่นแต่โดยสงบ...อุ่นดีจัง อา...อ้าว เห้ย เคลิ้ม!


To be continued...

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


อย่าลืมอ่านเรื่องนี้ของเค้าด้วยนะ...

ONLY YOU


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 12: แรงดึงดูด...



คราวนี้เค้าอาบน้ำให้ผมอย่างเดียวจริงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็ปล่อยตัวเองโดนเค้าลากไปลากมาจนเสร็จนั่นแหละ

เพราะรู้แล้วว่าสู้แรงเค้าไม่ได้จริงๆ กล้ามแน่นๆ ตัวโตๆคอยรัดตัวเวลาผมขัดขืน

ถึงผมจะมีกล้าม แต่ก็ไม่ได้ใหญ่บึ้มแบบนี้ คนหรือหมีควายกันแน่วะ!!

“ผมเป็นเทวดาหมีขาวรัสเซีย” นั่น เหมือนจะอ่านใจผมออก...

เมื่อเห็นว่าผมไม่ขัดขืน เค้าก็ยิ่งได้ใจ พรมจูบผมไปทั่ว...แค่จุ๊บๆโน่นนี่นั่น

ผมยังมึนไม่หาย กรึ่มๆแช่น้ำอุ่น เรี่ยวแรงยิ่งจะหมด ก็เลยยอมให้เค้าทำตามใจไปทั่ว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมโดนจูบอีก

ขืนจูบ มีหวังเจ็บอีกแน่ๆผม แค่นี้ก็ร้าวจนยืนจะไม่ไหวแล้ว

>___<

เค้าพรมจูบผมจนพอใจ...เอาตรงๆเลยนะพ่อแม่พี่น้อง มันกระตุ้นผมอย่างหนักหน่วงเลย

เวลาที่โดนเค้าทำค่อยๆเบาๆแบบนี้ ตัวผมถึงขั้นหมดแรง แม่ง มันเก่งจริงๆ...แล้ววางผมลงบนเตียง

เอาผ้าอีกตัวมาเช็ดตัวผมให้แห้ง นอนนิ่งๆเป็นเด็กแบเบาะให้เค้าทำจนพอใจ

ขัดยาก ก็อย่าขัด ค่อยๆหาทางไปดีกว่าโดนบีบบังคับ...เสียไม่คุ้มได้

เค้าลุกไปหยิบกะลังมังเล็กๆมา เอาผ้าผืนน้อยลงไปแช่ พลิกตัวผมกลับ

...ยังไม่วายพรมจูบแผ่นหลัง เลื้อยมาตามไขสันหลัง และหยุดที่บั้นท้ายผม...

ผมรีบเอามือปิด “ไม่...วันนี้ไม่ได้...ยังเจ็บอยู่” ผมทำเสียงแข็ง

เค้ายิ้มบางๆ “ผมรู้ ผมไม่ทำอะไรหรอก สบายใจได้...เอามือออกไปก่อน ขอผมดูหน่อย”

“เห้ย!!” ผมตกใจรีบพลิกตัวกลับ ผ้าเช็ดตัวหลุดรุ่ย เพราะแรงดิ้น...

เหมือนเวลาหยุดเดิน ทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว ผมอยู่ในท่านอนหงาย ข้อศอกดันพื้นเพื่อดันตัวให้ลุก

เข่าทั้งสองชันซึ่งๆหน้าโดยมี...น้องชายตั้งตระหง่านจากการโลมเล้าที่ผ่านมา

พลาดซ้ำซ้อนอีกแล้วกู!!

เค้าไม่พุดอะไรเลยในตอนนั้น ผมก็ไม่ทันได้พูดอะไร แค่เห็นว่าเค้ายิ้ม เลียมุมปากแล้วก็ก้มหน้าลง...

ท่อนเนื้อของผมถูกปากเค้าครอบไว้ทั้งหมด น้ำลายอุ่นๆล้อเล่นกับมันอย่างสนุกสนาน

ผมทึ้งเส้นผมเค้า พยายามดึงหัวเค้าออก แต่ก็สู้แรงขยับขึ้นลงไม่ได้ ความเสียวแผ่ซ่าน

เค้าลงลิ้นกับส่วนปลายเปิด ผมสะดุ้งเฮือก เสียววูบวาบตามท้องน้อยจนเผลอเด้งเอวรับ

เมื่อเห็นว่าผมสู้แบบนี้ เค้ายิ่งเพิ่มแรงดูด ผมครางไม่เป็นภาษาเมื่อเค้าลงลิ้นกับไข่แฝดของผมด้วย

มือข้างหนึ่งรูดน้องชายผมเป็นจังหวะ ผมแอ่นรับเด้งตัวเองไปด้วยความสะท้าน

สุดท้ายเค้าก็ผละออกจากลูกย้อย หันมาจัดการกับเนื้อแข็งผมต่อ เค้าเหลือบตามองผม

สายตาที่เร่าร้อนและเรียกร้องนั้นทำให้เลือดผมยิ่งเดือดพล่าน ผมเคลื่อนไหวรับแรงดูดนั้น

กระแทกมันซ้ำๆ หน้าท้องจับเกร็งเผยกล้ามเป็นมัดของผม ผมนอนราบลง สองมือถูไถกับหัวนมแข็งๆของตัวเอง

แล้วผมก็ปลดปล่อยความสุขทั้งหมดออกมา...แล้วมันก็หายไปในปากเค้านั่นเอง

ผมนอนแผ่ หมดแรงจะต้านทานอะไรได้อีกแล้ว เค้าเลื่อนตัวมาคร่อมผมไว้ในท่านั่ง

แล้วเค้าก็ปลดกางเกงเค้าออกไป เผยให้เห็นลำโค้งยาว เส้นเลือดปูดโปนทำให้มันดูยิ่งใหญ่จนน่ากลัว

แต่ผมกลับไม่รู้สึกกลัวมันเลย ยิ่งได้เห็น ผมยิ่งรู้สึกหวงแหน อยากครอบรองมันเอาไว้

“จัดการกับมันสิ...” น้ำเสียงเค้าแหบพร่า “จัดการกับมันก่อนที่ผมจะทำอย่างอื่นกับคุณ”

เค้าโน้มตัวลงมา จ่อสิ่งนั้นชิดกับใบหน้า ยกหน้าขึ้นมา แล้วทำแบบที่เค้าทำเมื่อกี้...

ถึงแม้จะไม่เก่งเท่าเค้าเพราะผมไม่เคยทำให้”ผู้ชาย”คนไหนมาก่อน

...แต่สุดท้าย ผมก็ทำให้มังกรของเค้าหลับลงได้

รอดไปแล้วเรา เฮ้อ!

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมนอนแผ่หรา หายใจหอบถี่ น้ำคาวของเค้าเปรอะเต็มปาก มันเยอะจนผมสำลัก

ผมไม่อยากจะกลืนมัน แต่ก็สู้แรงกดเค้าไม่ไหว...แม่ง ทำไมมันอึดแบบนี้วะ ไหนบอกหิว!!!

เค้าชันขาผมขึ้น “เห้ย ไหนบอกจะไม่ทำอะไร” ผมเช็ดปากที่เปรอะ

“อยู่เฉยๆ อยู่ไม่นิ่งผมไม่รับประกันความปลอดภัยนะ”

สุดท้ายผมก็ต้องอยู่นิ่งๆ ...กลัว!!

เค้าชันเข่าผมขึ้น แยกมันออก ยกบั้นท้ายผมลอยแล้ววางหมอนหนุนไว้

ตอนนี้ผมอยู่ในท่ากำลังจะคลอดลูกแล้ว...อึ๊บ เบ่ง เห้ย! ไม่ใช่ละ

นิ้วใหญ่นิ่มแตะเบาๆตรงช่องแคบผม ผมครางเบาๆด้วยความเจ็บ

“บวมนิดหน่อย”

เชี่ย มึงทำอะไรวะ เขินสาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

เค้าเอานิ้วเปื้อนน้ำลายวนลูบตามรูนั้น ก่อนสอดนิ้วเข้าไป

นิ้วใหญ่คลี่ขยายรูออก เขาวนไปมาเพื่อสังเกตภายใน...

เชี่ย ผมทั้งเสียว ทั้งเจ็บ “ ไม่เป็นอะไรมาก ไม่ช้ำ แค่บวมๆ”

เค้ายังไม่หยุดวนนิ้วไปมา ผมเผลอครางด้วยความรู้สึกประหลาด รู้สึกว่าภายในบีบรัดนิ้วเค้าตุบๆ

“พะ พอเถอะ อา... อย่าทำแบบนี้เลย” ผมขอร้อง เค้าดึงนิ้วออกช้าๆด้วยสีหน้าเสียดายก่อนที่จะ...

ใช้ลิ้นแตะ...ลิ้นจริงๆไม่อิงนิยาย ผมถดตัวหนี เค้ารั้งขาผมไว้“อยู่เฉยๆ ยิ่งคุณดิ้น ผมยิ่งมีอารมณ์”

ตอนนี้อยากร้องไห้มากๆ ทั้งอาย ทั้งกลัว แต่สุดท้ายก็ยอมให้เค้าสำรวจต่อด้วยลิ้นสากลื่น...

เค้าใช้มันบรรเลงรูผมจนผมเคลิ้ม ด้วยความที่ยังเจ็บและเหนื่อยจากท่าเมื่อกี้อยู่น้องชายผมเลยไม่ตื่น

แต่ใช่ว่ามันจะนอนหลับ มันก็ต้องมีบ้างที่จะโป่งพอและเปลี่ยนรูป แต่ไม่ได้เต็มที่แบบเมื่อกี้

มันกลัวมากกว่าจะเสียวซ่านไปกับการ “ล้างตู้” ครั้งนี้ของเค้า...

เค้าถอนลิ้นออก ใช้มือแตะเบาๆไล้ไปมาซ้ำๆราวกับแมวกำลังเช็ดเลียทำความสะอาด

ผมนอนนิ่งๆหายใจรวยรินให้เค้าทำตามใจอยู่ตรงนั้น

ทั้งอาย ทั้งหงุดหงิดใจ...หงุดหงิดที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการกระทำของเค้าแบบนี้

แล้วเค้าก็เอาผ้าอุ่นๆซับ ผมเสียวแปล๊บ แต่ยังดีที่น้ำไม่ร้อนมาก (ก็เล่นมีกิจกรรมคั่นเวลาให้น้ำหายร้อนอยู่นานเลย)

“ประคบไว้ จะได้หายไวๆ” ผมลุกมาดูสิ่งที่เค้ากำลังทำ...แม่งเอ๊ย เขินสัด!!

“อีกไม่กี่วันก็หายบวมแล้ว ระหว่างนี้ก็งดเล่นกีฬาหรือกิจกรรมโลดโผนนะ”

เค้ายักคิ้วให้ รอยยิ้มยียวนยิ่งทำให้ผมหมั่นไส้ “นอนลงไปก่อน ถ้าจะทำหน้าแดงใส่แบบนี้ ระวังผมจะยั้งใจไม่อยู่นะ”

ผมรีบล้มตัวลงนอนในทันที...

แอร์เย็นๆ นอนตัวเปลือยเปล่า ผ้าอุ่นๆที่ซับเบาๆ...มันจะเรตไปมั้ยเนี่ย...

“ไม่ต้องปิด ไม่ต้องอาย ผมก็เปลือยเหมือนกัน”

เค้าดึงผ้าขนหนูที่ผมเอามาปิดตัวออก เค้าทำอยู่อีกไม่นานก็หยุด เดินโทงเทงไปเก็บกะละมัง

ผมเขินจนตัวแดงเมื่อมองเค้าเดินผ่านไปมา

“หยุดแกว่งซะทีได้มั้ย” เห้ย! ไม่ใช่ “มะ หมายถึง หยุดเดินไปมาซะทีได้มั้ย เวียนหัว”

เค้าหัวเราะ...

“มา ใส่เสื้อผ้าก่อน ผมหิว ไปหาอะไรกินกัน”

ชิชะ กล้ามาออกคำสั่งเหรอ ไม่มีทาง!!

“ให้เวลา 1 นาที ถ้าไม่อย่างนั้น...” เค้าชี้ไปที่น้องชายที่ห้อยหัวของเค้า “ผมจะทำให้มันตื่น และกินคุณแทนข้าวเย็น”

วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ผมแต่งตัวเสร็จเกือบทันทีที่เสียงเป่านกหวีดในหัวผมดัง

เค้าหัวเราะร่วน ผมลุกขึ้นมาโดยมีเค้าตระกองกอด ....

อืม ไม่ค่อยเจ็บละ เดินได้แทบเป็นปรกติ ผิดจากเมื่อกี้ลิบลับ

แล้วท้องผมก็ส่งเสียงครวญครางเบาๆ... เค้าอมยิ้ม ผมทำหน้าดุใส่ “ไม่ต้องล้อ”

เค้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุจริงๆ


To be continued...





อย่าลืมอ่านเรื่องนี้ของเค้าด้วยนะ...

ONLY YOU


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64729.0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 13 : รู้...



“นี่ จะเอามาด้วยทำไม ทิ้งไปได้แล้ว”

“ไม่เอา ผมจะกินอันนี้” เค้าชูก๋วยเตี๋ยวที่อืดเต็มถุงให้ “ผมจะกินที่คุณซื้อให้ ส่วนคุณ ผมจะพาไปกินข้างล่าง”

“โหย มันอืดหมดแล้ว ทิ้งไป” ผมคว้าถุงแล้วปามันลงถังขยะ

เค้าหายใจฟึดฟัดเหมือนเด็กโดนขัดใจ ทำหน้างอนแบบปิดไม่มิด

โอ๊ยยยยยยยย เป็นแฟนกันก็ไม่ใช่ มางอนแบบนี้ ผมไม่ง้อร๊อก!!

“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่...” ผมพูด แล้วเดินผละออกมา “ถ้าไม่รีบมา ก็ซื้อเองนะ”

“คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ” เสียงฝีเท้าหนักๆเดินกึ่งวิ่งตามมา

เค้าคว้ามือผมไปจับ...ง่ายๆ ไม่โรแมนติก แต่ผมรีบสะบัดออก

“อย่าเยอะ...” ผมดุ เกรงใจสายตาประชาชี กลัวมีใครมาเห็น

“ก๊าบ คุณแม่” เค้ายิ้มล้อเลียน ผมเดินเข้าไปในลิฟต์ แม่ง ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง...

พี่ยามชั้นล่างยิ้มให้ผมแปลกๆ ก่อนที่ผมจะนึกได้ว่าทำวีระกรรมอะไรไว้

แม่ง อายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

ผมรีบเดินออกมาจากคอนโด มองไปไกลๆ

“ร้านปิดแล้ว”

เค้าทำหน้าเสียดาย บ่นกระเง้ากระงอด

“ไปกินที่อื่นก็ได้นี่นา” ผมเอ่ยปาก...

อ๊ะ พลาดละ

เค้ายิ้มทันที...”ผมรู้จักที่นึง ตามมา” เค้าแกว่งกุญแจ พาผมไปใต้คอนโด

รถจักรยานต์ยนต์สีดำคันใหญ่จอดแน่นิ่ง มันดูมหึมา แต่ช่างสมตัวกับเจ้าของ

“ใส่นี่ซะ” เค้ายื่นหมวกกันน็อคมาให้ผม “อ้าว แล้วคุณล่ะ”

“ผมไม่เป็นไร คุณใส่ไปน่ะดีแล้ว โดนลมมากๆเดี๋ยวไม่สบายอีก” เค้าสตาร์ตรถ “ขึ้นมาเลยพี่น้อง”

ผมขึ้นไปนั่งอย่างลำบาก แม่ง ต้องมานั่งแหกขาอีก... “กอดแน่นๆนะจ๊ะน้องสาว เครื่องพี่มันแรง”

เค้ากวน

มีหรือผมจะทำตาม เมินเสียเถอะ แม่งมาเรียกเราว่าน้องสาว...

แล้วเค้าก็เร่งเครื่อง ผมวืดเกือบตกรถ “ขับเบาๆเดะ” ผมตะโกนด่า เค้าหัวเราะ

“บอกแล้วว่าให้กอดแน่นๆ” แล้วก็เร่งเครื่องอีก...ผมเกาะเอวเค้า แต่ถูกมือเค้าฉุดให้เข้าไปกอดก็เลยต้องกอดแบบไม่เต็มใจ

หืมมมม กลิ่นตัวเค้าช่างหอมจริงๆ

อ๊ะ...เอ๊ะ ไม่ใช่สิ แค่กอดไม่ให้ตกก็พอ...

ลมกรุงเทพเย็นๆปะทะตามตัว ผมเปิดหมวกกันน็อคให้ลมพัดใบหน้า สูดความสดชื่นยามค่ำคืน

เค้าขับไปเรื่อยๆ ค่อยๆลดความเร็วลงเหมือนรู้ว่าผมกำลังอินไปกับบรรยากาศ

ไม่นานนักก็จอดข้างทาง...ร้านก๋วยเตี๋ยว

“ไหนบอกหิวข้าวไง”

“หิวจริงๆ แต่ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวนี่นา ใครก็ไม่รู้บอกว่าจะเลี้ยง”

“ใครเหรอ” ผมกวน “ใครน้า”

“อะไรวะ ทิ้งของกินเราแล้วไม่รับผิดชอบ” เค้าเริ่มบ่น

“ไอ้เราก็ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง ต้องหิ้วท้องรอกลับไปกินที่ห้อง แต่ใครก็ไม่รู้ปาของเราทิ้ง”

อ้าว เห้ย โยนบาปให้กันเฉยเลย...

“เออ กินก็กิน เลี้ยงก็ได้”

เค้ายิ้มหลับตาหยี ตาเล็กเท่าเม็ดก๋วยจี๊เลย ผมขำ....

ปรากฎว่าเค้าสั่ง 3 ชาม...ผมได้แต่อึ้งมองเค้ากิน

“อา อิ่ม” เค้าตบหน้าท้องตัวเองเบาๆ หน้าหล่อๆกำลังมีความสุขกับความอิ่มตรงหน้า

“มองอะไรคุณ มองแบบนี้ผมก็เขินน้า” ผมรีบเสไปมองทางอื่น แม่งมองนิดมองหน่อยก็ไม่ได้

“โอ๋ๆๆๆ ว่านิดว่าหน่อยทำงอน” นั่นไงกวนอีกแล้ว

“หุบปากไปเลยนายไบรต์!!”ผมแหว เค้ายิ้มตาหยี

“ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่คุณเรียกชื่อผม...จำได้ด้วยแฮะว่าผมชื่ออะไร” เค้าทำหน้าปลาบปลื้ม

เว่อร์ไปละ

“ก็แค่ชื่อเอง จะดีใจอะไรนักหนา”

“มันก็ดีกว่า คุณ ไอ้ มึง หรือสารพัดสรรพนามที่คุณเรียกผมละกัน...พี่คิง”

ห๊ะ!! อะไรนะ นายไบรต์รู้ชื่อผมได้ยังไง

“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยขนาดนั้นก็ได้...ผมรู้ชื่อพี่ก็แล้วกัน...” เค้ายียวน “พี่คิง”

เรียกแบบนี้...ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย นี่ผมโดนเด็กกินเหรอเนี่ย.....

โอว้ โนววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว้

หยุด! ผมเตือนตัวเอง...

“รู้จักชื่อผมได้ไง”

“แทนตัวเองว่า คิงหรือพี่คิงก่อนดิเดี๋ยวบอก” นั่นกวนอีก

ผมเมิน...

“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก อิ่มแล้วลุก” ผมเรียกเก็บตังค์ “ปะกลับ ผมจะกลับบ้าน”

“โหย รีบไปไหน ยังไม่สี่ทุ่มเลย”

“เห้ย! ดึกมากแล้วเนี่ย กว่าจะขับกลับบ้าน กว่าจะได้นอน พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก”

เค้าขมวดคิ้ว “พี่นี่ท่าจะบ๊อง” แหมได้ทีเรียกกูพี่ติดปากเชียวนะ

“ทำไมวะ”

“ทำไมอีกล่ะพี่ วันนี้วันที่ 12 สิงหา พรุ่งนี้วันที่ 13 ถึงจะเป็นวันจันทร์ แต่มันก็เป็นวันหยุดนะคร้าบบบบ”

เออออออ ผมลืม...

“ทำหน้าแบบนี้ ลืมชัวร์...” เค้ายิ้มกวนๆ

“ยิ้มทำไมวะ ทำหน้ายังกับแมวได้ลูกกวาด”

“ยิ่งกว่านั้นเยอะ...” ทำหน้าตามีเลศนัยอีกละ “เพราะพรุ่งนี้พี่ไม่ต้องไปทำงาน...คืนนี้พี่ก็ไม่รีบ”

เค้าหัวเราะหึหึ ส่วนผมก็ต่อยปากเค้าไป 1 หมัด เค้าไม่ล้ม แต่ครางอูย อูย

“สม”

ผมเดินไปที่รถ เสียงป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวตะโกนตามมา

“น้องๆ อย่ารุนแรงกับแฟนสิจ๊ะ 555 ถ้าเป็นหนุ่มสาวเนี่ย ลูกคงดกน่าดู” ไอ้ไบรต์ตัวแสบหัวเราะเสียงดัง

แม่ง....ผมงี้หน้าแดงไปถึงใบหู

“ป้าเค้าว่าแล้วนะ ว่าห้ามทำร้ายแฟน” มันกวนประสาท

ผมเงื้อมือ “หรือจะเอาอีกหมัด” เค้ารีบหลบ... “พอพี่ หมัดพี่นี่หนักชะมัด” ว่าแล้วก็ลูบตรงมุมปาก

“ก็สมควร กูนักมวยเก่านะเว้ย” ผมเกทับ หมดกันภาพพจน์ความสุภาพเรียบร้อย

“ไม่เป็นไร...ผมยอมเป็นคู่ซ้อมมวยให้” แล้วเค้าก็หัวเราะคิกคัก

“หุบปาก แล้วกลับเดี๋ยวนี้” เชี่ย เคยแต่แซวหญิง พอโดนแซวเองมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง

เสี่ยว....

เลิกแซวหญิง 3 เดือน....เผื่อผลบุญจะส่งผลให้ชีวิตมันดีขึ้น

“กอดแน่นๆนะพี่” แล้วผมก็ซ้อนรถเค้าออกมา...



to be continued ...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด