One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ l ตอนที่ 53 หน้า 6 [10-11-61](ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: One More Night : บังเอิญรัก โดยตั้งใจ l ตอนที่ 53 หน้า 6 [10-11-61](ตอนจบ)  (อ่าน 73733 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 14: เทวดาจอมเปิ่น



                แต่เค้าก็ไม่ได้พาผมกลับคอนโดในทันที...

“ดูหนังกันนะ ยังพอมีรอบฉาย” แล้วเค้าก็จอดรในโรงหนัง…ไม่เคยคิดจะถามกูซ๊ากคำ!

 ผมลงจากรถด้วยความงุ่นง่าน แรงตึงมันรั้งตัวไปมาตอนขึ้นและลง …รถมันจะใหญ่ไปไหน!!

วันนี้คนไม่เยอะมากนัก แต่ก็มีบ้างประปราย เค้าเลือกโรงหนังใกล้คอนโดนี่แหละ คงเพราะไม่อยากขับรถไกลๆตอนดึก

“ขอตั๋วรอบสี่ทุ่มสองใบครับ” เค้าบอกพนักงาน พลางยิ้มหวานให้

ตั้งแต่เดินเข้ามาจากลานจอดรถจนกระทั่งถึงตรงนี้ ไม่มีใครที่มองเค้าแล้วไม่เหลียวหลังมองซ้ำ

ด้วยความหล่อราวกับดาราฮ่องกง ความสูงล่ำราวกับนายแบบ ถึงแม้เค้าจะสวมแค่เสื้อยืดลำลองและกางเกงบอล

มันยิ่งกลับทำให้เค้าดูเซ็กซี่(ผมหมายถึงในสายตาคนอื่นน่ะนะ) แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้...

“ไบรต์...” ผมเรียกคนที่เดินนำหน้าประมาณ 2 ก้าว

“ครับพี่” เค้าหยุดเดิน หันมาทางผม

“นายไม่ได้ใส่กางเกงในนะ”ผมชี้ตรงนั้น...ขนาดมันหลับยังดูใหญ่โต

“อ้า ชิท!” เค้าสบถ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเค้าหน้าแดงเพราะความอาย....555

ผมกลั้นหัวเราะไม่อยู่

เราเดินกันต่อ ตอนนี้เค้าเดินข้างหลังผม พยายามชิดเพื่อปกปิดสิ่งที่แกว่งไปมา

“อะไรวะ ทำมาเป็นอาย ตอนนั่งแหกขากินก๋วยเตี๋ยวล่ะไม่ยักกะสนใจลมที่พัดโกรก” ผมแซว

“พอเหอะพี่ ผมเขิน” ว่าแล้วก็เขยิบมาเดินชิด น้องชายของเค้าถูไถกับเอวผม

“เห้ยๆๆๆ อย่าชิดมาก เสียดสีมากๆระวังมันโด่แล้วปิดไม่ได้นะ” ผมขู่ เค้าถอยออกครึ่งก้าว

“จริงๆก็เกือบแล้วพี่ ดีนะที่พี่ยั้งไว้ก่อน”

แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้คนหน้าไม่อาย นี่ถ้าโด่มากลางโรงหนังจะทำไงวะ

“งั้นนั่งรอตรงนี้” ผมสั่ง เค้านั่งลงเก้าอี้หน้าโรง “เดี๋ยวผมไปเดินดูกางเกงในให้”

“ป่านนี้แล้ว เค้าคงปิดร้านกันหมดแล้วพี่ ช่างมันเหอะ อีกไม่กี่นาทีก็เข้าโรงแล้ว”

ผมดูนาฬิกา เออ ก็จริง ดึกป่านนี้แล้วร้านรวงคงเก็บกันไปหมด

“ทีหน้าทีหลังก็หัดใส่บ้างนะ ไม่ใช่เดินโทงๆอย่างนี้” ผมดุ

“ก็คนมันทั้งรีบ ทั้งหิวนิครับ” ว่าแล้วก็เลียมุมปาก เค้าดึงผมให้นั่งข้างๆ

ผู้คนรายรอบต่างจับจ้องมาที่คู่เรา ผมรีบเขยิบห่าง...เค้าดึงแขนผมไว้

“ปล่อย คนมองกันเยอะแยะ” ผมปราม กวาดตามองไปทั่ว สายตาแทบทุกคู่จดจ้องมาทางเรา

คนหนึ่ง หล่อใส ขาวตี๋ ร่างใหญ่ ไม่ใส่กางเกงใน(จริงๆไม่ต้องย้ำประโยคนี้ก็ได้เนอะ)

อีกคนหนึ่ง หน้าเข้ม ไทยแท้ถูกจับมือโดยคนเมื่อกี้...เด็กประถมคงมองออกว่ามันต้องไม่ธรรมดา

ผมรีบสะบัดมือออกด้วยความอาย

“อย่ารุ่มร่าม ถือว่าขอ” ผมเน้นเสียง เค้าปล่อยมือผมแต่โดยดี

พวกเรารอให้คนอื่นๆเข้าโรงไปก่อน ผมไม่ชอบดูหนังตัวอย่างเลยขอรอข้างนอก

จนสิ้นเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีนั่นแหละ พวกเราก็เข้าไปนั่งในโรงหนัง

“อ้าว ที่นั่ง VIP เลยเหรอ?” ผมถาม ตอนที่ซื้อตั๋วเค้าก็เป็นคนจัดแจงทุกอย่างเองหมด

เค้าไม่ตอบ ใช้สองแขนหนีบตัวผมและดันไปนั่ง “ก็เก้าอี้มันใหญ่ดี ที่นั่งธรรมดาผมนั่งลำบาก”

ผมมองเค้าในความมืดรางๆ ก็จริงนะ ขนาดเก้าอี้ว่าใหญ่แล้ว เค้านั่งลงไปมันดูกระจิ๋วเดียวเอง

แล้วเค้าก็เอาแขนซ้ายมาพาดที่คอ ผมปัดทิ้ง

“ไม่มีใครมองหรอก เห็นมั้ยว่ามีแต่เราที่นั่งชั้นนี้”

ผมไล่สายตาไปรอบๆ เออ...จริงด้วยแฮะ

วันนี้คนน้อย ผู้คนบางตา ผมจดจ่อไปกับหนัง ไม่นานนักเค้าก็ดึงหน้าผมไปซบที่อก

ผมรู้ว่าขัดขืนไม่ได้ ก็ปล่อยเลยตามเลย

“แบบนี้ พี่คงอุ่นดี ดูดิ ใส่เสื้อบางมาเชียว ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“แล้วใครใช้ให้พามาดูหนังล่ะ รู้ว่าไม่สบายทำไมไม่พากลับ” ผมย้อน

เค้าไม่ตอบแต่กระชับอ้อมกอดเข้ามาแทน

“อึดอัด” ผมดิ้นขัดขืน ยิ่งดิ้นเค้าก็ยิ่งรัด พอเห็นว่าผมพยายามดึงตัวมานั่งที่ตรงๆ

เค้าลุกขึ้น ช้อนตัวมาอุ้มผม แล้ววางแหมะลงบนตักเค้า “ดิ้นมากนัก นั่งมันตรงนี้แหละ”

แล้วเก้าอี้ VIP ตัวนี้ก็ถูกนั่งโดยผู้ชายร่างโตถึง 2 คน...

“ดูหนังไป อย่าดิ้น น้องชายผมมันยิ่งเซ้นสิทีฟอยู่” เค้าขู่

ผมได้แต่นั่งเกร็ง แม่ง ถ้าจะลำบากขนาดนี้ก็อย่าดูมันเลยนะ

เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที พอเค้าเผลอ...ผมก็รีบลุกแล้วเดินออกมาจากโรงหนังโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของเค้า

ผมเดินหงุดหงิดออกมาข้างนอก ร้านรวงปิดกันจนหมดแล้ว มีแต่ความมืด ผมเดินตามทางไปยังลิฟต์โดยสาร

เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งตามมา ผมรู้ว่าเป็นเค้า แต่ก็ไม่ได้สนใจ

“พี่คิง เดี๋ยว” เค้าร้อง

“พี่เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆถึงลุกออกมาล่ะ”

ผมไม่ตอบ ผมยืนหน้าลิฟต์ หันหลังให้เค้า

“พี่โกรธอะไรผมเหรอ”

ผมยังนิ่ง

“พี่คิง” เสียงเค้าอ่อยๆ

“เงียบเถอะ ผมเหนื่อย”

“พี่คิง” เค้าจับมือผม ผมไม่ขัดขืน แต่ก็ไม่ได้หันหลังกลับมามองเค้า “ผมขอโทษ...”

ตี๊ง...ลิฟต์มาพอดี ผมเดินเข้าไปโดยมีเค้าเดินตาม

“อย่าโกรธผมเลยนะ” ผู้ชายตัวโตคนข้างๆเอาไหล่มากระแซะ

“เปล่า ไม่ได้โกรธ” ผมเอ่ยปาก

“อ้าว พี่ไม่โกรธ แล้วทำไมถึงเดินออกมาล่ะ” เค้าสงสัย

“ไบรต์...อย่าทำแบบนั้นอีกเลยนะ” ผมสบตาเค้าเป็นครั้งแรก

“ผมไม่ชอบอะ แค่เรามีอะไรกันตอนนี้ผมก็รู้สึกแย่พอแล้ว

แต่นี่ ทำไมต้องแสดงตัวประเจิดประเจ้อ ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของด้วย

มันที่สาธารณะนะ ถึงแม้จะในโรงหนังก็เถอะ ผมก็คนมีพ่อมีแม่ มีครอบครัว คนรู้จัก

ถ้ามีใครมาเห็นเข้า ผมจะต้องทำยังไง ไบรต์!! ผมไม่ใช่เกย์นะ ผมไม่เคยเป็นเกย์

ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน ผมไม่ชินกับการกระทำและการแสดงออกแบบนี้”

ผมระเบิดความอึดอัดใส่เค้าเต็มที่ เทวดาหนุ่มหน้าสลด...

“ถ้าพี่ไม่ชอบผม แล้ววันนั้นพี่จูบผมทำไม” เสียงเค้าดูโรยแรง

“ผมเมา” ผมตอบได้แค่นั้น ความคิดในหัวปั่นป่วนจนกลั่นกรองคำพูดไม่ออก

เทวดาหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของผม ตอบมาด้วยสายตาจริงจัง

“แต่ผมไม่เมา”

เค้าเดินออกจากลิฟต์ ทิ้งผมเดินตามออกไป เท้าของเค้าเร่งห่าง ผมหยุดมองเค้าเดินไปยังที่จอดรถ

แล้วผมก็เดินออกไปอีกทาง....

ไปไหนดีล่ะเนี่ย ผมบ่นกับตัวเอง

กุญแจรถ กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ทิ้งไว้ที่คอนโดเค้าหมดเลย

ผมควานหาเศษเหรียญ...ไม่เจอซักแดง แต่ผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ

มารู้สึกตัวอีกที ก็ถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอดของใครสักคนอย่างแรง

“เห้ย!” ผมสะดุ้ง

“อยู่นี่เอง อยู่นี่เอง” น้ำเสียงตื่นตระหนกของเค้าผ่อนคลาย ใบหน้าซีดกลับมีเลือดฝาด

“อย่าหนีไปไหนอีกนะครับ ผมขอโทษ ผมผิดเอง” น้ำเสียงเค้าร้อนรนผิดปรกติ

“ผมเดินไป ผมไม่เห็นพี่ตามมา รู้มั้ยผมใจคอไม่ดีเลย”

ผมขืนตัวออก ไม่พูดอะไร เค้าหอบแฮก

“นี่วิ่งตามมาเหรอ”เค้าพยักหน้าแรงๆสองสามที

“ผมนึกว่า พี่จะหนีผมไป”

“ทีแรกก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่ไม่มีตังค์ติดตัวซักบาทเลยไปไหนไม่รอด” ผมตอบตามตรง

เหงื่อเค้าผุดเต็มตัว เสื้อขาวเปียกย่นเผยสัดส่วนกระชับ

“นี่วิ่งไปไหนมาบ้างเนี่ย”

“ทั่วเลย ในโรงหนัง เข้าไปในโรงเผื่อพี่เปลี่ยนใจกลับไปดู ไปที่ห้องน้ำ ลานจอด ที่รถไฟใต้ดิน...” เค้าหอบหายใจถี่

“ก็เจอแล้วนี่ไง” ผมพิงรั้วข้างทาง มองรถราบนถนนสายรัชดา โรงแรมและสิ่งยั่วยวนประดับไฟสวยงามเย้าใจ

หากเป็นเวลาปรกติที่อยู่กับลูกค้า ผมก็จะพามารับรองแถวนี้ อาบ อบแล้วก็นวด แล้วก็พากันไปไหนต่อไหน...

“กลับกันเถอะ” เค้าดึงผมกลับสู่โลกความจริงแล้วเดินนำหน้าไป “เดินมากับผมนะ”

ผมรู้ว่าเค้าอยากจะจูงมือ เพราะกลัวผมจะหนีไปอีก แต่ก็ไม่ทำ

แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยน้ำชุ่มเดินอาดๆ ผมยิ้มให้กับตัวเอง ไม่รู้สวรรค์จะเล่นตลกอะไรอีกไหม

เค้าหันกลับมามองผมเป็นระยะๆ ผมรักษาระยะห่างไม่ให้เข้าไปใกล้เค้ามากเกินไป

“ดีนะที่ดึกแล้ว คนเลยไม่เยอะ” เค้าเปรย หันมาทางผม “ไม่งั้นน่ะ ผมคงอายมากกว่านี้แน่ๆเพราะไม่ได้ใส่กางเกงใน”

ผมมองไปที่เป้าเขา กางเกงเปียกๆเผยบางอย่างที่ห้อยหัวชัดเจน แล้วผมก็ขำก๊ากออกมาทันที...



To be continued...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 15: เจ้าเข้า เจ้าของ



                สุดท้ายแล้ว ผมก็ต้องค้างกับเค้า ... โดนบังคับอีกนั่นแหละ มัน (ขออนุญาตแฟนคลับใช้คำนี้) บอกว่า

“ถ้าพี่ไม่ค้างที่นี่ ผมจะเอาเสื้อผ้าของพี่ไปคืนที่บริษัท...คนอื่นเค้าจะได้สงสัยกันไปเลยว่าเราเป็นอะไรกัน”

“เหอะ มึงไม่รู้จักซะหน่อย” ผมยัวะ

“พอเดาได้...อย่าลืมสิ พี่ชายผมก็ไปงานแต่ง เค้าเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าวนะ เป็นหมอเหมือนกัน...” เค้าเว้นวรรค

“พี่เป็นเพื่อนฝั่งเจ้าสาว...งานนี้ไม่ยากหรอกถ้าผมจะสืบว่าพี่ทำงานที่ไหน...”

ย๊ากกกกกกกกกกกกกก!!! นี่มึงฉลาดขนาดนี้เลยเรอะ!

“ทีนี้...บอกผมมาสิ ว่าพี่จะค้างที่นี่...หรือกลับบ้าน”

แล้วผมก็ต้องโทรบอกเจ้าคิ้ว ว่าวันนี้เมา ขับรถกลับบ้านไม่ไหว....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

                เฟียซมองนาฬิกา ห้าทุ่ม... คืนนี้คิงคงไม่กลับบ้านแล้ว

เธอปิดหนังสือที่อ่านค้างไว้ เลิกรอชายหนุ่ม เขาคงสังสรรค์ดึก...คิงเป็นผู้ชายที่หนักแน่น เข้มแข็ง

แต่ลึกๆแล้ว คิงเป็นคนที่ขาดเพื่อนไม่ได้ ครั้งหนึ่งที่ไปแค้มป์ด้วยกันเขานอนฝันร้ายละเมอลั่น...

เธอรู้ว่าเขาฝันเรื่องอะไร...เพราะเธอเองก็ฝันแบบนั้นเหมือนกัน...

                เธอถอนหายใจ ความเมื่อยล้าจากการครุ่นคิดว่าจะบอกทางบ้านของคิงอย่างไรทำให้เธอไม่สบายใจ

ทั้งเขาและเธอต่างก็โตมาด้วยกัน พ่อของทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิท อยากให้สองครอบครัวเกี่ยวดอง...

เมื่อแม่ๆตั้งท้องพร้อมๆกัน ก็ได้ตกลงว่าถ้าเป็นชาย 1 หญิง 1 จะจับหมั้นและให้แต่งงาน

ตอนที่เธอคลอดมาก่อน...ทางบ้านคิงพากันลุ้นว่าจะได้ลูกชายไหม และอีกไม่กี่เดือนที่คิงลืมตาดูโลก

แล้วเธอกับเขาก็ถูกจับหมั้นหมาย และปลูกฝังตั้งแต่เล็กว่า “พวกเขาเกิดมาคู่กัน”

                เธอไม่แน่ใจว่าลึกๆแล้วเธอรักคิงไหม และคิงล่ะ จะรักเธอบ้างไหม ... หากฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้

เขาจะไม่มีทางทำให้เธอต้องเสียใจแน่นอน ด้วยความที่เขาเป็นคนที่พึ่งพาได้และคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด

เมื่อครั้งสูญเสียผู้เป็นพ่อเขาก็อยู่กับเธอตลอด มันยิ่งทำมั่นใจว่า คนนี้แหละ ที่เธอจะสามารถฝากชีวิตไว้ได้...

                แต่ตอนนี้...เธอกลับไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าสิ่งที่เธอคิดมาตลอดนั้น มันถูกต้องแล้วจริงๆ

เสียงเคาะประตูปลุกเธอจากภวังค์

“ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะพี่” น้องสาวเธอเดินอาดๆเข้ามาในห้อง

“กำลังจะนอน อ่านหนังสือและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”

“คิดเรื่องพี่คิงอยู่ใช่มั้ย...หนูถามจริงๆ พี่คิดดีแล้วเหรอ”

“ทำไมล่ะฟาง”

“ไม่รู้สิ หนูคิดว่าพี่คิงเป็นคนดี พี่กับพี่คิงก็สวยหล่อเหมาะสมกันดีออก”

“ความเหมาะสม มันไม่ได้ดูแค่ภายนอกหรอกฟาง” เธอแย้ง

“แต่พี่ไม่เสียดายเหรอ...พี่หมั้นกับพี่คิงตั้งแต่เกิดเลยนะ อยู่ด้วยกันตลอดเลยตั้งแต่เล็กจนโต”

“เสียดายอะไรล่ะฟาง เวลาเหรอ... พี่ไม่เสียดายหรอก” เธอถอนหายใจ

“พี่เรียกเวลาที่เสียไปคืนมาไม่ได้ แต่..คนเราจะมีเวลามากมายให้คอยมานั่งเสียดายเวลาที่ผ่านมาแล้วเหรอ”

เธอมองหน้าน้องสาว

“ทำไมเราไม่เอาเวลาที่เหลือในชีวิตของเราคิดถึงวันพรุ่งนี้ แทนที่จะคิดถึงเมื่อวานล่ะ” เธอเม้มปาก

“โอ๊ย หนูพูดนิดเดียว พี่มาเต็มเลย...เรื่องนี้แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน” ฟางนั่งลงข้างๆพี่สาว

“ไม่ว่ายังไง หนูอยู่ข้างพี่เสมอ” เธอจับมือน้องสาว “ขอบใจนะ”

“ขอหนูนอนด้วยได้มั้ยพี่”

“อะไร มาอ้อนเป็นเด็กไปได้” เธอบ่น

“นะพี่..”ผู้เป็นน้องสาวล้มตัวลงนอน มือตบที่นอนแปะๆ

“นอนได้แล้วเจ้าหญิง คืนนี้กระผมจะปกป้องเจ้าหญิงเอง” น้องสาวเธอล้อเลียน

เธอขัน “โตป่านนี้แล้วนะเรา...” เธอปิดไฟ มองหน้าต่างบ้านตรงข้าม แสงไฟมืดสนิท ก่อนปิดหน้าต่าง ปิดม่าน

แล้วก็เปิดแอร์....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

แอร์เย็นฉ่ำ....แต่ผมกลับร้อน

จะไม่ให้ร้อนได้ยังไง ก็ไอ้คนที่นอนข้างๆแผ่รังสีความร้อนมาซะขนาดนี้

ทั้งไอร้อนจากตัวใหญ่เท่าหมี

ทั้งลมหายใจอุ่นๆที่รดต้นคออยู่

ผมนอนตะแคงหันหลังให้เค้า สวมเสื้อผ้าแน่นหนา ทีแรกผมก็นอนหมอนอยู่ดีๆ เค้าก็แย่งไปซ้อนของตัวเองเฉย

แล้วก็พาดแขนยาวๆมาช้อนใต้คอผม ผมฟึดฟัด แต่ก็โดนเค้าหันมากอดจนตัวกลม...

“อย่าเบียดสิ ร้อน” ผมบ่น

“แอร์เย็นขนาดนี้ บ่นว่าร้อนได้ไงเนี่ย...คนแก่ ธาตุไฟเข้าแทรกรึไง” เค้าฮุกกลับ

ผมผลักตัวเค้า “ก็ร้อนจริงๆนี่นา”

เค้าเงยหน้า “แล้วใครใช้ให้พี่ใส่เสื้อ 4 ตัว กางเกง 3 ชั้นแบบนี้ล่ะ!”

“ใครบางคนแถวนี้ที่คอยจ้องจะงาบนั่นแหละ!!” ผมเสียงเข้มใส่

“ก็บอกแล้วไง...ว่าคืนนี้จะไม่ทำอะไร”

“ไม่เชื่อ”

“พี่คิดว่าเสื้อและกางเกงแค่นี้ ผมจะไม่มีปัญญาถอดงั้นเรอะ”

เออ...ก็คงจริงของมัน

ผมครุ่นคิด ทำไมจะต้องมาทนร้อนด้วยวะ

“กูจะลองเชื่อดูซักตั้ง” ว่าแล้วผมก็ถอดออกจนเหลืออย่างละตัว

“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง...”

อะ แอร์เย็นๆมาปะทะตัวแล้ว...เย็นดีจัง

อ๊ายยยยยย ฟิน...

แล้วแขนหนักๆก็พาดใส่ตัวผม ตอนนี้ผมก็โดนเค้ากอดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หนีไปไหนไม่ได้

เค้าพลิกตัวผมให้ตะแคงหันหน้าไปหาเค้า ใช้แขนขวาของเค้าแทนหมอนมือก็ลูบหัวผมป้อยๆ

ตัวเค้านอนหงาย แขนซ้ายก็พาดมากอดที่หน้าท้องผม นอนลำบากชิบ!

แล้วผมก็เผลอดตัวชันขาขวาของตัวเองที่ต้นขาของเค้า...พอจะชักลง เค้าก็ใช้ขาอีกข้างเกี่ยวไว้...

“นอนท่านี้แหละ ผมชอบ”

ชอบกะผีอะไร ขาข้างที่เกี่ยวผมไว้คอยเลื่อนต้นขาผมให้ไปสัมผัสกับ...ไอ้นั่น...ของเค้าอยู่ตลอด

ไอ้โรคจิต!!

“ห้ามดิ้น...ดิ้นเดี๋ยวมันตื่นพี่จะเสียใจ” ผมก็เลยต้องยอมให้ต้นขาตัวเองทับน้องชายเค้าไว้...

แม่งไม่ใส่กางเกงในอีกละ!!!

เด็กมันยั่วชัดๆ!

“ไบรต์”

“ครับ”

“นายยังไม่บอกเลยนะ ว่ารู้ชื่อผมได้ไง” แหมมมม ก็บรรยากาศมันพาไป ไอ้ที่เคยเรียกเสียๆหายๆก็พักบ้าง

“พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ...”

“กูจะไปรู้ได้ไง” อ้าว....ลืมตัวอีกแล้วผม แหะๆ

“ช่างมันเหอะ...ผมรู้ก็แล้วกัน” ว่าแล้วเค้าก็ดึงมือขวาผมที่แนบกับลำตัวล้วงเข้าไปในเสื้อเค้า

ผมพยายามขืน แต่เค้าก็ชนะอยู่ดี

เค้าวางมันลงที่อกด้านซ้ายของเค้า เสียงหัวใจเต้นโครมครามใต้ฝ่ามือเย็นๆของผม...

หัวนมเค้าแข็งสู้มือซะอีก...”อย่า แม้แต่จะคิด ไหนรับปากแล้วไง”

ผมเลื่อนขาออก เพราะสัมผัสที่เริ่มแข็งขันมันดุนๆ ต้องรีบยับยั้ง...

“มีคนบอกพี่รึเปล่า”

“บอกว่า?” ผมถามกลับ

“ว่าพี่แม่ง...ใครร้าย ใจดำโคตรๆ” เค้าตัดพ้อ

“คนทั่วไปก็บอกกับกูอย่างนี้แหละ...หึหึหึ”

ผมเผลอเขี่ยหัวนมเค้าเล่น พอได้สติก็ชะงักไปหน่อย แต่ก็ไม่หยุด งานนี้ขอแกล้งคืนบ้าง

เอาให้มันทรมานตายคามือเพราะความเสียว!!

ขาเค้ายังเกี่ยวให้ต้นขาผมถูไถกับดุ้นแข็งๆ ผมเกร็งขาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวตามแรงกระหวัด

มือผมก็ไล้เลื่อยตามหน้าอก เขี่ยหัวนมที่ชูชันไปมา เค้าเริ่มหายใจหอบ ผมรีบชักมือออก กลัวจะเลยเถิด

ถึงแม้จะอยากแกล้งแค่ไหน แต่ผมไม่พร้อมที่จะรับอะไรแล้วคืนนี้...

เค้าจับมือผมไว้ “ไม่ต้องเอาออกหรอก อยากทำอะไรผมก็ตามสบาย...โปรโมชั่นนี้ให้พี่คนเดียวนะ”

เสียงล้อเลียนลอยมาในอากาศ แม่ง โคตรเก๊กเลย...

ผมบีบหัวนมเค้าแรงๆ จนเจ้าตัวร้องโอ๊ย... “แกล้งกันนี่นา”

“สมน้ำหน้า ทำตัวน่าหมั่นไส้เองทำไม” ตอนนี้เค้าหันหน้ามาทางผมแล้ว

“เปล่าซะหน่อย...” เค้าตอบกลับมา เขยื้อนตัว แหงนหน้ามองผม

“พี่คิง”

“หืม” ผมเสียงสั่น รู้เลยว่าเค้าจะพูดอะไร

“ผมขอจูบพี่ได้ปะ...”

“โอยยยยย มึงทำมามากกว่าจูบแล้ว เพิ่งคิดได้ว่าต้องขออนุญาตก่อนทำใช่มั้ย ห๊ะ!”

“แสดงว่าพี่ไม่ขัดข้องสินะ” เค้าทำหน้ากวน...อ้อ ลืมบอกไปว่าไฟไม่ได้ปิด

“ขัดข้อง! ไม่ต้องเลย นอนไป นอนๆๆๆ” ผมชักมือออกจากร่มผ้าเค้า ผลักหัวเค้าล้มไป

แต่เค้าก็ลุกมาใหม่...คราวนี้ไม่ถาม ไม่พูด ยกคางผมขึ้น ใช้ตาคมๆแพรวพราวคู่นั้นจ้องเข้ามา

“พี่คิง...ที่ผมบอกว่าผมรักพี่...ผมหมายความตามนั้นจริงๆนะ” ผมนิ่ง

“พี่อาจจะไม่เชื่อ...” เค้าชะงัก

“เชื่อก็บ้าแล้ว คนเพิ่งเจอกันแค่ 3 คืน” ผมแย้ง

“เชื่อเถอะ...สักวันพี่ก็จะรู้” แม่ง ความลับเยอะไปไหน!

เคยไหมที่เรามองตาใครแล้วลมหายใจขาดห้วง

เคยไหมที่มองตาใครแล้วเราทำหน้าไม่ถูก มันขัดเขินไปหมด

เคยไหมที่มองตาใคร แล้วสายตาเราแอบมองส่วนอื่นๆบนหน้าเค้า

เคยมั้ยเวลามองตาใคร แล้วกลับเป็นเราเองที่ต้องหลบสายตา...

เคยมั้ย ที่โดนมองตา พร้อมๆกับใบหน้าเลื่อนมาประชิดแล้วใจเต้นโครมคราม

แล้วริมฝีปากเราก็บดขยี้กัน...

ลิ้นของเราพันกันนัวเนีย เสียงหายใจหอบพร่าดังประสานเสียง...

ความหอมหวาน อบอุ่นที่บดขยี้ทำให้สติที่มีหลุดลอยไปไกลแสนไกล...

ไม่รู้ว่าเราจูบกันนานเท่าไหร่ รู้เพียงว่าริมฝีปากผม ลิ้นของผม มันสอดรับทุกการรุกล้ำของการจูบครั้งนี้...

“พอแล้ว...เดี๋ยวผมห้ามใจไม่อยู่” เค้าพูดหลังถอนริมฝีปากออก

“แต่ไม่ต้องห่วง...รับรองคราวหน้า ผมจัดเต็มแน่ พี่ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะ”

ห๊ะ!!! นี่มึงพูดว่าอะไรนะ!

ไม่พูดเปล่า เค้าดึงมือผมล้วงเข้าไปในกางเกงบอล ผมพยายามชักออก

แต่เค้าก็บังคับให้ผมจับ....มัน...เอาไว้ มันทั้งแข็ง แกร่ง และเต้นเร่าร้อนในมือผม

“จับมันไว้นะ มันเป็นของพี่...ผมยกให้พี่แล้ว”

มึงคิดจะปรึกษากูบ้างมั้ย ว่าอยากได้รึเปล่า

ไอ้เทวดาลามาก!

แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!



---------------------------------------------------------------------------------------------------


To be continued...



---------------------------------------------------------------------------------------------------

โสภิดา หรือเฟียซ คู่หมั้นเก่าของคิง และคนรักคนปัจจุบันของหมอเบสต์(พี่ชายไบรต์)

ในเรื่องนี้บทของเฟียซค่อนข้างมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายๆ

เฟียซจะเกี่ยวข้องกับทุกอย่างอย่างไม่น่าเชื่อ (ไม่มีสปอยด์นะจ๊ะ)



ในหัวของไรต์ เฟียซจะเป็นคนสวย แต่ไม่ได้สวยจัดจ้าน จะสวยหวาน สวยจืดๆ

แต่สวยแบบมีเสน่ห์ อาจจะด้วยความน่าทะนุถนอม หรืออะไรก็แล้วแต่

สำหรับเฟียซแล้ว ถ้าให้วางคาแร็คเตอร์ หน้าตา ก็จะประมาณนี้ครับ









ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
ฺไบรต์กับคิง  น่าจะเคยเจอกันมาก่อนในอดีต  หรือเปล่า?

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ฺไบรต์กับคิง  น่าจะเคยเจอกันมาก่อนในอดีต  หรือเปล่า?

 :pig4: :pig4: :pig4:


รอเฉลยนะครับ อิอิอิ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 16: ลางบอกเหตุ?



เลือดสีแดงฉานเจิ่งนองเต็มพื้น เปรอะทั่วเสื้อผ้ารวมไปถึงใบหน้าและมือของผม ยิ่งเช็ดเท่าไหร่ก็ยิ่งเลอะ

เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เสียงเอะอะ ผู้คนร้องเซ็งแซ่ดูอลหม่าน ผมก้มดูร่างที่หายใจรวยรินบนตัก

พลันลิ่มเลือดพุ่งทะลักทางปาก ตาเบิ่งกว้างปูดโปน ผมหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวความตายที่อยู่เบื้องหน้า....

เสียงหวีดร่ำไห้ปริ่มขาดใจของหญิงสาวพัดกรูกระทบโสตประสาท ผมหันไปตามเสียงนั้น แต่ลุกไปไหนไม่ได้

ผู้ชายคนนี้กำลังจะตาย เลือดที่พวยพุ่งริดรอนลมหายใจเขาไปทีละน้อย...”ช่วย...ด้วย...”

เสียงขาดห้วงของเขาทำให้ผมยิ่งหวาดกลัว มือที่รั้งเสื้อผมไว้ยิ่งกำแน่น .... ผมไม่เคยได้ยินเสียงของความตายมาก่อน

แต่ผมรู้ว่า ยิ่งไร้สรรพเสียงมากเท่าไหร่ ความตายก็ถาโถมมากเท่านั้น...

“ช่วย...” ผมหันหน้ามามองผู้ชายคนที่อยู่บนตัก พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตกใจจนเป็นลมหรือกรีดร้อง

“เทวดา!” ความตระหนกยิงกระหน่ำเมื่อเพ่งชายที่นอนอยู่ตรงหน้า

“เทวดา! นายเป็นอะไรน่ะ นายอย่าเป็นอะไรนะ!” ผมกรีดร้อง ความตื่นตระหนกของผมปะปนกับเสียงร่ำไห้...



---------------------------------------------------------------------------------------------------



“คุณหมอคะ อยู่นี่เอง มีคนไข้ด่วนค่ะ” เขาทิ้งกาแฟกระป๋องที่เพิ่งดื่มไปแค่ครึ่งลงถังขยะ

ไอ้เจ้าเครื่องขายน้ำอัตโนมัตินี่สะดวกดีแฮะ เขานึก พลางเดินตามพยาบาลไป

“อาการเป็นยังไง” ส่วนใหญ่เขาจะถามว่าคนไข้เป็นใคร มาจากไหนเป็นการซักประวัติคร่าวๆ แต่สิ่งที่เขาต้องการรู้มากที่สุดคือ

คนไข้เป็นยังไง

“คนไข้มีอาการช็อคจากการผวา มีเลือดกำเดาไหลไม่หยุดและไม่ได้สติค่ะ” พยาบาลยื่นแฟ้มประวัติคนไข้มาให้

“...หืม คนไข้ป่วยด้วยนี่นา ดูประวัติการรักษาตรงนี้สิ”

เขาไล่อ่าน... “คนไข้ผมนี่” เขาบอกพยาบาล

“ค่ะ คนไข้คุณหมอเอง คุณโสภิดา เทพาอภิรักษ์” ความหวาดกลัวแล่นพล่านสู่ไขสันหลัง

เขาเดินกึ่งวิ่งไปทันที “ห้องไหน”

“ER 2 ค่ะ”

“ผู้ช่วยและเครื่องมือล่ะ” เขายิ่งเร่งฝีเท้า

“พร้อมค่ะ” พยาบาลขานรับ เสียงย่ำกับพื้นดูรีบร้อนไม่แพ้กัน

“โทรหาหมอยิ่งยศให้ผมด่วน”

“ค่ะ คุณหมอ...”

นริทนร์สวมชุดขาว ปิดปาก ทำความสะอาด

ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไร!... เขาคิด ก่อนเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน



---------------------------------------------------------------------------------------------------



ผมสะดุ้งตื่นใต้อ้อมกอดแน่นของเค้า...ทันทีที่ผมลืมตา เค้าทำหน้าโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด

“ฟู่...ผมนึกว่าพี่จะไม่ตื่นซะแล้ว” เค้าประครองตัวผมขึ้นในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง วางหัวผมที่หน้าอกเขา

“ผมเป็นอะไรไป...”

“พี่ฝันร้าย ตะโกนลั่นเลย”

ผมนิ่ง พลางนึกถึงความฝันที่ผ่านมา เค้ากระชับอ้อมกอด “ฝันเรื่องอะไรครับพี่ ถึงได้ตัวสั่นขนาดนี้”

“ผมฝัน...” แล้วความทรงจำก็ยิ่งเด่นชัด

“ฝันเห็นผู้ชายหน้าเหมือนนายนอนจมกองเลือดบนตัก นายพูดแค่ว่า ‘ช่วย...ด้วย’ แต่ยิ่งพูดเลือดนายยิ่งไหล

มัน..มัน เลือดมันทะลักออกจากปากนาย ...แล้วนาย ... นายก็เริ่มกระตุก” ผมนิ่ง...

“แค่ฝันน่ะพี่...แค่ฝัน” เค้ารัดผมแน่นขึ้นอีก “ผมอยู่ตรงนี้ไง...ผมอยู่ตรงนี้”

จังหวะหัวใจเต้นตึกตักของเค้าทำให้ผมคลายความกังวล ยิ่งอ้อมกอดที่แกร่งและมั่นคงที่กระชับอยู่นี้

มันยิ่งทำให้ผมสบายใจ...”นายเชื่อเรื่องฝันบอกเหตุมั้ย?” ผมถาม

“อย่าคิดมากครับพี่...มันไม่มีอะไรหรอก ผมจะไม่เป็นอะไร” เค้าคลายอ้อมแขน ผมสบตาเค้า

“นอนนะครับพี่ แค่ฝันเท่านั้นเอง”

ผมไม่ตอบอะไร ค่อยๆล้มตัวลงนอน ข่มตาให้หลับ

แต่เลือดที่เปรอะมือ เสียงร่ำไห้ที่ระงมนั้นช่างสมจริงจนผมกลัว

เค้านอนลงข้างๆ พลิกตัวผมให้หันไปหาเค้า แสงสว่างจากดวงไฟสาดใบหน้าเค้าอย่างชัดเจน

นัยตาสีน้ำตาลคู่นั้นจับจ้องมาที่ผม...มือใหญ่ของเค้าลูบที่แขนเหมือนกำลังปลอบใจ

“มันเหมือนจริงมาก” ผมกลั้นเสียงไม่ให้สั่น แต่ยิ่งทำมากเท่าไหร่ผลลัพธ์ยิ่งตรงกันข้าม

“เหมือนจริงจนผมกลัว” สิ้นเสียงสารภาพ เค้าก็โน้มตัวลงมาจูบผมทันที

ริมฝีปากของเค้าแตะเบาๆที่ริมฝีปากผม ไม่มีสอดส่าย ไม่มีความรุนแรง แค่ริมฝีปากแตะกันเบาๆ

ความอบอุ่นจากรอยประทับของเค้าถ่ายโอนความสุขและความหวังมาให้ผม

เหมือนเป็นการยืนยันว่าเค้าไม่ได้เป็นอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือความฝันจริงๆ...แล้วเค้าก็ถอนริมฝีปากออก

เค้ารีบพลิกตัวนอนหงายทันที โดยที่ยังกอดผมไว้หลวมๆ ผมซบกับหน้าอกแน่นของเค้าไว้

แค่นี้เองเหรอ...ผมคิด

แล้วผมก็พลิกตัวไปนอนทับตัวเค้าไว้ เค้าทำหน้าตกใจกับการกระทำของผมแต่ก็ไม่พูดอะไร

สายตาที่ส่งมาช่างเย้ายวน...และมีความหมาย

แล้วก็เป็นผมอีกครั้งที่บดขยี้ริมฝีปากตัวเองลงไป....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

นรินทร์นั่งที่โต๊ะทำงานของเขา ตี่สี่สี่สิบห้า ... การช่วยเหลือผ่านพ้นไปด้วยดี

“ปลอดภัยแล้วนะครับ” เขาคุยกับอากาศ แต่ในจินตนาการ เขากำลังคุยกับหญิงสาวแสนสวยผู้ที่นอนในห้องพักฟื้น...

“คุณพยาบาล” หมอหนุ่มยกหู “ถ้ามีเรื่องด่วน ตามผมได้ที่ห้อง 6321 นะ” กรอกเสียงสั่งก่อนเดินออกไปตามสิ่งที่หัวใจสั่งให้ทำ....

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“พี่...พี่แน่ใจเหรอว่าพร้อม” เสียงเค้าแหบพร่า ผมง่วนอยู่กับเม็ดขาวอมชมพูที่หน้าอกเค้า ไม่ตอบในทันที

“ไม่พร้อม” ผมยืนยันคำเดิม...

“แต่ อ๊ะ...แล้วพี่กำลังทำอะไรอยู่ อู๊ย..”

ผมขบหัวนมเค้าเบาๆเป็นการเอาคืนที่เคยโดนมาก่อนแทนการตอบคำถาม...

ผมไม่ตอบเค้า

เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่กำลังอยู่นี้ เพื่ออะไร...ผมกำลังทำร้ายตัวเองเพื่อหนีอะไรสักอย่างงั้นเหรอ..

ผมกลัวความฝัน...มันหลอกหลอนผมมาหลายปีดีดัก

เค้าเอื้อมมือสอดใต้รักแร้แล้วชักตัวผมกลับ ลำตัวผมเสียดสีกับอะไรบางอย่างที่แข็งขืนอยู่ข้างใต้

“ถ้าพี่ไม่ตอบ...ผมถือว่าคืนนี้ พี่พร้อมสำหรับมันนะ” เสียงของเค้าบ่งบอกถึงความต้องการเต็มที่

ผมยังตอบอะไรเค้าไม่ได้เหมือนเดิม

“ยืนยันว่ายังไม่พร้อม...” ผมสะบัดตัวออก เลื่อนตัวลงต่ำ “แต่จะไม่ยอมให้นายค้างคาแน่นอน”

ผมดึงกางเกงของเค้าออกช้าๆ ขาของเค้าเคลื่อนไหวรับการหลุดออกของมัน

ความชูชันตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ผมเริ่มหน้าซีด...แต่ศึกนี้ผมเริ่มเอง ผมต้องรับผิดชอบ

เค้าทำท่าจะลุก แต่ผมปรามไว้ก่อน “หยุด...อยู่เฉยๆ”

ผมสูดลมหายใจลึกๆ แล้วก้มหน้าลงไปหาสิ่งนั้นของเค้า...

กลิ่นความต้องการลอยเคล้าจมูก ความหอมหวานปะปนในเนื้อใหญ่ที่แข็งแกร่งนี้

ความคับแน่นที่อยู่ในปากทะลวงลึกไปถึงคอหอย...ผมพยายามดันตัวไม่ให้ตัวเองรู้สึกอยากอาเจียร

แต่ยิ่งดึงตัวออก ก็ยิ่งถูกอีกฝ่ายกดลง ผมห่อปากรับสัมผัสแกร่งนั้นอย่างลืมตัว น้ำลายผมเปรอะเยิ้มไปทั่ว

เมื่อผมชะลอจังหวะ เค้าก็ยิ่งกระแทก ผมรีบสูดปากควานหาอากาศกลับยิ่งเจอท่อนเนื้อที่ผ่านเข้าออก

เสียงครางครวญของเค้ากระตุ้นให้ผมยิ่งตื่นตัว ความหวาดกลัวได้เลือนหายไปหมด

ผมถอนปากออก แท่งเนื้อของเค้ายังยืนหยัดอยู่เช่นนั้น

ใบหน้าแดงซ่านด้วยความหื่นกระหายมองผมอย่างไม่ปกปิดอะไร



---------------------------------------------------------------------------------------------------


จบตอน





ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 17: แรงส่ง...



“อย่าหยุด” เสียงของเค้าบ่งบอกความต้องการที่เกินต้านทานเสียแล้ว

ผมเลื่อนตัวไปนั่งที่หน้าท้องเค้า ลอนกล้ามเสียดสีกับสะโพกของผมในขณะที่เราจูบกัน

ลิ้นของเค้าพัลวัน ความต้องการส่งผ่านน้ำลายของกันและกันต่างหอบหายใจเร่าร้อน

ยิ่งนานเท่าไหร่ ผมยิ่งหายใจลำบาก...ความแข็งขันของผมเสียดสีกับหน้าอกเค้าไปพร้อมๆกัน

สติผมกระเจิดกระเจิงไปหมด ความรู้ผิดชอบชั่วดีถูกถีบกระเด็นจนเอื้อมกลับมาไม่ได้ ผมถอนตัวเองออก

“อยู่นิ่งๆ” ... ผมผลักเค้าให้นอนลงไป เลื่อนตัวเองลง

ในวินาทีที่ผมต้องตัดสินใจนั้น มันช่างแสนสั้น...ผมยอมรับผลการกระทำครั้งนี้เอง....

บั้นท้ายของผมยกขึ้น มือของผมจัดแจงท่อนเนื้อของเค้าจ่อกับรูแคบของผมไว้...

“พี่...พี่มั่นใจแล้วเหรอ” เสียงของเค้าไม่ได้ห้าม แต่มันคือความต้องการล้วนๆ



ผมไม่ตอบ



มือของเค้าจับที่ขาผมไว้ เค้าแยกมันออกให้กว้างขึ้น ฝ่ามือประคองขาอ่อนทั้งสองข้าง

ความยิ่งใหญ่เต้นตุบๆในมือ ผมจ่อหัวบานนั้น ค่อยๆเลื่อนตัวลง สองมือของเค้ายังประครองตัวผมไว้

สัมผัสแรกที่ดุ้นแข็งลอดผ่าน ความปวดร้าวไหลพล่านไปทั่วร่าง ผมกัดฟันกรอด...เหงื่อพระกาฬแตกพลั่ก

“ไหวมั้ยครับ...” น้ำเสียงของเค้าดูกังวล

“อะ อืม...” ผมกัดฟัน ค่อยๆเลื่อนตัวเองลง

ถึงแม้จะแยกขากว้างแค่ไหน แต่การนั่งลงไปโดยไม่มีการสอดนิ้วหรือใช้สารหล่อลื่น

มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ

และตอนนี้ผมกำลังทรมาน...

มันคับ แน่น จนผมเคลื่อนตัวลงไปไม่ได้...



ผมยายามส่ายเบาๆให้มันเลื่อนไหล แต่แค่ส่วนปลายใหญ่โตเข้าไปติดในนั้น มันก็ยากที่จะเลื่อนหลุด

รูแคบผมปวดตุบๆ ผมติดกับตัวเองเข้าเสียจนได้ ความใหญ่คับเหมือนจะยิ่งขยายตัวพองโตจนผมร้อนระอุ

อูยยยยยยย ผมครางเบาๆ แค่เข้าไปนิดเดียวก็ติดซะแน่นเชียว ผมคิดในใจ ความหน่วงจุกเต็มบั้นท้าย

เค้าเอื้อมไปคว้าอะไรบางอย่างที่ข้างเตียง ก่อนที่จะดึงตัวผมออกมา ผมเผลอครางตอนที่ส่วนหัวนั้นหลุดออกไปได้

เค้าจัดให้ผมนั่งบนหน้าท้องแล้วดึงผมมาจูบ มือของเค้าง่วนกับของสงวนลำใหญ่นั้น

ยิ่งจูบ ยิ่งเร้าความต้องการผมมากไปขึ้นทวีคูณ...ผมผละออก แล้วจัดท่าใหม่...ผมไม่ยอมแพ้



คราวนี้เค้าไม่ถาม ไม่ห้าม...เมื่อผมหย่อนบั้นท้ายจอกับเนื้อแน่นของเค้า

ความบานใหญ่สอดใส่เข้ามาก่อน ผมแปลกใจที่มันไหลลื่นกว่าเดิม...

ผมกัดฟัน ดันตัวเองลงทีละน้อย ทีละน้อย

มันอาจเป็นแค่เสี้ยวนาทีหรือแค่เสี่ยววินาที แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างนานแสนนาน

ความใหญ่ ยาวค่อยๆคลืบคลานเข้ามาในตัวผม

“พี่...อ๊ะ ซี๊ด อย่าตอด...อ๊ะ แน่นเหลือเกิน..อ๊า” เสียงเค้าครางครวญ กับจังหวะการกดทับทีละน้อย

ผมร้าวจนดันลงไปอีกไม่ไหว เหลือบไปมอง...เข้าไปนิดเดียวเอง...ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

ความรู้สึกแปลบๆกำลังเล่นงานผมหนึบๆที่รูนั้น ผมค่อยๆดึงตัวออก

เหมือนเค้าจะรู้ได้ว่าผมกำลังเปลี่ยนใจ เลยโน้มตัวผมลงไปจูบ

ความเร่าร้อนเบียดเสียดบดขยี้จนผมแทบรับไม่ไหว เค้าควานหาความหวานในปากผมจนหายใจไม่ทัน

จังหวะที่ผมเคลิบเคลิ้มกับรสจูบนั้นเอง...ท่อนเนื้อทั้งหมดของเค้าก็กระแทกเข้ามาในตัวผมทีเดียวจนสุด

ผมสะดุ้งเฮือก ความเจ็บทะลักทะลายอาบทั้งตัว  ได้แต่ร้องครางอู้อี้ด้วยความเจ็บ น้ำตาผมไหล



 เค้ายังจูบผมอย่างหนักหน่วง...เพิ่มแรงดูดมากขึ้น จนผมผ่อนคลาย  เค้าค่อยๆถอนน้องชายเค้าออก

ผมรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวออกมาอย่างช้าๆ ผมโล่งใจที่มันกำลังจะหมดไป...ผมถอนจูบออก

แล้วเสียงกระแทกกลับเข้ามาทำให้ผมต้องสะดุ้งเฮือกอีกครา

“อ๊ากกกกกกกกกกกก อะ อ๊ะ อ๊ะ...” ผมครางไม่ได้ศัพท์เมื่อเค้ากระเด้งเข้าอย่างแรง

สองมือของเค้าจับเอวผมให้นั่งนิ่งๆ ผมไม่มีทางดิ้นหลุดไปไหนได้

เค้าขยับบั้นท้ายตัวเอง กระเด้งเข้าออก เสียงเนื้อตกกระทบดังสนั่น

ผมได้แต่ส่งเสียงคราง...ความเจ็บแปลบได้แล่นหายไป และถูกแทนที่ด้วยความหฤหรรษ์

“อา...แน่นดีจัง...พี่ครับ ...เมียจ๋า...โอ เมียจ๋า” เค้าส่งเสียงครางดังๆ

“โอ๊ะๆๆๆ อ๊าๆๆ” เสียงผมครวญสมทบ ลมหายใจหอบแรง เนื้อตัวสั่นไปตามแรงกระทบ

เค้าลดการเคลื่อนไหว และหยุดเมื่อแท่งทั้งหมดอยู่ในตัวผม

เค้าลุกขึ้น จับขาทั้งสองข้างผมพาดเอว กดตัวผมนอนลง

และจัดตัวเองในท่าคุกเข่า...ผมเตรียมตัวกับการเข้าออกอีกครั้ง...

แต่เค้ายังไม่เคลื่อนไหวท่อนแข็งนั้น แต่ดึงแขนผมไปโอบไหล่...ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน

“เหวอ...” ผมร้องด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายก็ถูกเค้าประกบปากและดันตัวผมไปชิดกับผนัง...

สองมือใหญ่จับตรงบั้นท้ายผมแน่นและแยกมันออก แผ่นหลังผมถูกล็อคติดกำแพง

เค้าสบตาผม เหมือนขออนุญาต ผมพยักหน้าเบาๆ

แล้วเค้าก็กระแทกมันเข้ามาในตัวผมอย่างแรง!!



----------------------------------------------------------------------------------------------



แสงแดดยามเช้ายื้อแย่งพื้นที่ในตาเธอ... หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง

“ตื่นแล้วเหรอครับ” น้ำเสียงงัวเงียของชายที่นั่งจับมือเธออยู่ถามขึ้นมา

เธอรู้สึกมึน หนักหัวเหมือนใครเอาลูกตุ้มใส่ไว้ “ที่นี่ที่ไหน”

“โรงพยาบาลครับ เมื่อคืนคุณหมดสติไป” เธอพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน...

ว่างเปล่า...

“แล้วแม่ชั้นล่ะคะ”

“คุณแม่คุณออกไปทานข้าวครับ ผมเลยมานั่งเฝ้าแทน”  เธอสำรวจห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า

เตียงนอนของเธอมีสายระโยงระยางอยู่กลางห้อง ผ้าม่านถูกรวบไว้ที่มุมหนึ่ง

เธอมองไปที่ประตูสีขาว ข้างๆเป็นห้องน้ำ มีโซฟาตั้งติดผนัง

ฝั่งตรงกันข้ามคือโต๊ะวางของใช้ต่างๆรวมไปถึงตู้เย็นเล็กๆ



เธอมองออกไปทางหน้าต่างที่อยู่ใกล้ตัว ข้างนอกไม่มีวิวอะไรนอกจากท้องฟ้าสีขุ่น

เลยหันมาจับจ้องที่นาฬิกาติดผนังตรงปลายเตียง เจ็ดโมงเช้า...เธอกลั้นหาว ความปวดเบาบางลงไปบ้าง

“คุณโสภิดาหิวมั้ยครับ เมื่อกี้มีอาหารเช้ามา แต่ผมเห็นคุณยังหลับอยู่เลยยังไม่ปลุก”

น้ำเสียงนั้นดูหนักแน่น และห่วงใย



“น้ำ..” เธอบอก รู้สึกคอแห้งเป็นผง..เขายื่นน้ำให้เธอดูด

“คุณหมอคะ...อาการดิชั้นเป็นยังไงคะ..มันแย่ลงมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอกังวล

เขาสบตาเธอนิ่ง ความลำบากใจฉายแววระยิบระยับ

“อาการคุณทรงที่ครับ ไม่น่าเป็นห่วงอะไร...”

“แล้วดิชั้นเป็นอะไรล่ะคะ ทำไมถึงต้องมานอนที่นี่ ถ้าดิชั้นอาการคงที่แล้วทำไม ทำไม...” เธอถามเสียงขื่น

“อาการโดยทั่วไปยังทรงตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ คุณอาจติดโรคแทรกซ้อนเพราะร่างกายไม่แข็งแรง

น่าจะเป็นผลพวงมาจากความเครียด และการพักผ่อนน้อย จนทำให้เลือดกำเดาคุณไหลไม่หยุดและหมดสติไป”

“...” เธอไม่ตอบ จับจ้องมือที่ถูกเขาเกาะกุมไว้ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งและปล่อยมันออกไป

“ขอโทษครับ” เขาเอ่ยปาก เธอนิ่ง

“ระยะนี้คุณเครียดเกินไปหรือเปล่าครับ...” เขาถามเสียงเข้ม เหมือนครูจับผิดเด็กนักเรียน

“ก็มีบ้างค่ะ...” เธอสารภาพตามตรง

“ผมไม่รู้ว่าคุณเครียดเรื่องไหน...แต่ผมอยากย้ำว่า คุณต้องอย่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก

เพราะมันจะส่งผลกระทบโดยตรงกับคุณนะครับ” น้ำเสียงนั้นหนักแน่น ทรงพลัง

“ดิชั้นจะพยายามค่ะ” เธอรับคำ แต่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้แค่ไหน...

“ทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณต้องทานยาอีก” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง คงเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกตึงเครียดไปกว่านี้

เธอพยักหน้า “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”

เขายิ้มตาหยี.. “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมเป็นหมอ มันคือหน้าที่”

มันคือหน้าที่... เธอพยักหน้าให้กับคำพูดนี้ของเขา

“ไม่ว่ายังไง ดิชั้นก็ต้องขอบคุณคุณหมออยู่ดี..โอ้ย..”

เธอร้องเสียงหลงเมื่อมือข้างถนัดที่ถูกเจาะสายน้ำเกลือยกช้อน

มือซ้ายของเธอก็ติดกับปุ่มอะไรไม่รู้...



“ระวังครับ” หมอหนุ่ม รีบปรับสายน้ำเกลือ ไม่ให้เลือดของเธอไหลย้อนเข้าไปมากกว่านี้

“ผมว่า ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ” แล้วเขาก็หยิบช้อน และค่อยๆป้อนข้าวให้เธอ

ผู้เป็นแม่ยืนมองหน้าประตูเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ลูกสาวจับช้อนไม่ได้ แล้วหมอหนุ่มรับอาสาป้อนให้...

ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เธอสะท้อนใจ... ยิ่งเห็นบุตรสาวล้มป่วยแบบนี้ เธอยิ่งรู้สึกกลัว

แต่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความจริง เธอเดินเข้าไป แล้วส่งเสียงร่าเริง

“ตื่นแล้วเหรอลูก”....



----------------------------------------------------------------------------------------------




To be continued...




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 18: เปลี่ยน...



               ฟ้าเหลือง... ผมนอนแน่นิ่งในอ้อมกอดเค้า ปล่อยให้อะไรๆค้างคา ณ ตรงนั้นของผม

หมดแรงที่จะลุก แม่ง! ไม่น่าปล่อยตัวเลยกู

T______________T

ผมค่อยๆเลื่อนตัวออกจากที่นอน รู้สึกปวดหนึบๆที่ท่อนล่าง แข้งขาหมดเรี่ยวแรง

“ผมช่วยนะ” เค้าเสนอตัว ตื่นตอนไหนวะเนี่ย

“ไม่ต้อง จะทำธุระ” ผมบอก แล้วพยุงตัวเองเข้าห้องน้ำ

ผมนั่งบนชักโครก คอยถ่ายเทของเสียออกด้วยความเจ็บปวด

ปรกติเค้ามีไว้ให้ถ่ายเท ไม่ใช่มีไว้ให้เอาท่อนแข็งๆมายัด ผมบ่นกับตัวเอง เบ่งของเสียด้วยความเจ็บปวด

ซี๊ดดดด ผมคราง กัดปากแน่น คราวนี้มันเจ็บกว่าทุกครั้ง...จนเมื่ออะไรๆถูกขับออกมา

ผมถึงขั้นน้ำตาเล็ดด้วยความแสบ...แค่เอาน้ำฉีดชำระเท่านั้นแหละ ความเจ็บแสบดิ้นทะลวงร้าวตามตัวอีกครา

ผมก้มดูของที่ถ่ายเทออกมาในชักโครก...เลือด!!

ผมหน้าซีด กดมันทิ้งแล้วประครองตัวออกไป เค้ายืนรับผมที่หน้าประตูห้องน้ำนี่เอง

“ไหวมั้ยครับพี่” เค้าพยุง

“ไม่ไหว มีเลือดด้วย” ผมบอกตรงๆ

“เห้ย!!” เค้าอุทานด้วยความตกใจ รีบกุลีกุจออุ้มผมไปที่เตียง วางผมคว่ำหน้า

“ขอดูหน่อยนะครับ”

“เห้ยยยย อย่า เพิ่งทำธุระหนักมา ไม่เอา!” ผมขัด

“ผมไม่แคร์ พี่อยู่เฉยๆ” แล้วเค้าก็แยกขาผมออก ดันหมอนมาสอดใต้ท้อง

เค้าแค่คลี่ๆมันดูโดยไม่รังเกียจแต่ก็ไม่ได้ใช้นิ้วสำรวจ

“เลือดยังซึมอยู่เลย มันเป็นแผลเล็กๆครับ” ผมถึงขั้นตกใจ

“มันเป็นได้ไง ทุกครั้งที่ทำก็ไม่เป็นอะไรนี่” ผมถาม

เค้าเอาสำลีอนามัยมาซับๆ ก่อนหายาอะไรสักอย่างมาทาให้ ความเย็นเยียบของยาปนเปความเจ็บ

“เบาๆแสบๆ” ผมร้องลั่น

“อยู่นิ่งๆครับพี่ ผมทายาก่อน”

“มันฉีกได้ไงอะ” ผมถอนหายใจ “แม่ง” แถมสบถด้วย

“คงเป็นเพราะตอนนั้น...” เค้าหยุด

“ตอนไหนวะ” ผมพาซื่อ

“ก็ตอนที่อยู่ๆพี่ก็ดันพรวดมันเข้าไปโดยไม่เปิดทางหรือทาสารหล่อลื่นก่อนไง” ผมจุก อายหน้าแดง

“พี่ก็รู้ ว่าของผมน่ะไม่ใช่น้อยๆนะ อันขนาดนั้นพี่ก็จับยัดเลยไม่คิด” ผมยิ่งอายเข้าไปอีกเมื่อนึกถึงของๆเค้า

“คนที่เค้ามีประสบการณ์โชกโชนยังกลัวที่จะรับของๆผมเลย แต่พี่เล่นใจเด็ดนั่งคร่อม ดีนะที่แค่เป็นแผลนิดเดียว”

เค้าบ่นกระปอดกระแปด ผมอายจนใบหน้าร้อนวูบวาบ พลาด พลาดจริงๆกู๊@@@#$%^&!^%@^&*

“แต่ผมชอบนะ” เค้าทำหน้าทะเล้น ก้มมาพรมจูบที่แผ่นหลังผม

เค้าเลื่อนไล้ตามลำตัว เรื่อยมาจนถึงซอกคอ ดูดมันเน้นๆแล้วลามมาถึงใบหู

น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบ “พี่นำแบบนั้น...มันเข้าลึกดี”

ผมอายจนต้องเอาหมอนมาปิดหูตัวเอง....

ไม่รู้ว่าเพราะเขิน หรือพิษไข้ ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด แต่ที่แน่ๆคือ...นายไบรต์กำลังโลมเลียน้องชายผมอยู่

“พะ พอแล้ว...อ๊ะ...” ผมกระเส่า ทำไมเก่งอย่างนี้!!!

เค้าดูดมันย่างแรง ผมเกร็งบั้นท้าย ลบลืมทุกความเจ็บปวด ใบหน้าของเค้าแดงซ่านพอๆกับผม

จังหวะการดูดรูดขึ้นลงของเค้าเน้นย้ำๆและถี่มากขึ้นเรื่อยๆ

ผมล่องลอยไปกับการใช้ปากของเค้าจนเผลอไปทึ้งเส้นผมผู้ชายตรงหน้า

สุดท้ายผมก็ปลดปล่อยทุกอย่างเข้าไปในปาก เค้าดูเลียมันจนหยดสุดท้าย...

เค้าเลื่อนตัวมาใกล้ผม ริมฝีปากคาวๆบดขยี้ รสจูบวาบหวามตะกรุมตะกรามจนผมเพ้อ...

“พี่คิง ทำให้ผมด้วยนะ...” เค้ากระซิบ ส่งสายตาออดอ้อน...

“ทำไมอึดแบบนี้วะ”

“ก็ผมยังหนุ่มแน่นไง” เค้าขยิบตา “ทำให้ผมด้วยนะ”

ผมไม่ตอบ พลิกตัวขึ้น ดันเค้าให้นอนลง ผมจูบที่กราม หนวดเส้นแข็งๆเสียดสีโหนกแก้ม ความเสียวแล่นพล่าน

ผมบรรจงดูดเลียเม็ดไตที่หน้าอกเค้า มือนึงบีบคลึงอีกเม็ด ขยำหน้าอกหนาและบีบบี้หัวนมเค้าอย่างแรง

“โอว๊ ซี๊ด” เค้าครางไม่ได้ภาษา ดีนะเนี่ยที่ผมเป็นคนชอบหน้าอกสาวๆ เวลาที่มีอะไรกัน ผมมักจะเน้นตรงนี้

ไม่คิดเลยว่าจะเอามาปรับใช้กับบุรุษร่างยักษ์ตรงหน้าได้

หน้าอกของเค้ากระเพื่อมแรง ความใหญ่โตของมันไม่ต่างจากของผู้หญิง แต่ของเค้าแข็งแกร่งแผ่แบบมัดกล้ามแน่นๆ

ผมชอบกัดที่หัวนมเค้า แต่ไม่ได้กัดแรง แค่ขบและเขยื้อนฟันไปมาเบาๆ แต่เหมือนเร่งเร้าปลุกปั่น

“อะ อ๊า พี่ ผม..ทรมาน โอว๊”

ผมเลื่อนหน้าลงมาที่หน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม...ผมไม่ชอบตรงนี้ เพราะอิจฉาความสวยของกล้ามเค้า

ก่อนไล้ลงมาหยุดตรงที่ความมหึมาที่ชูชัน ผมเห็นมันมาจนนับไม่ไหวแล้วว่ากี่ครั้ง แต่ทุกครั้งมันก็ยังสร้างความตื่นตะลึงให้ผม

ปลายบนที่บานใหญ่ดุจดอกเห็ดมีน้ำขุ่นไหลเยิ้ม ผมใช้จมูกดอมดมสูดกลิ่นหอมเย้ายวนนั้นจนเต็มปอด

ร่างกายตอบรับจนของผมแข็งขืนมาอีกครั้ง...ผมครอบปากลงด้านบนสุด ดูดแรงราวกับจะรีดความกำหนัดออกให้ผมด

มือหนึ่งรูดความใหญ่ยาวที่เหลือ เค้าแอ่นเด้งรับเบาๆชันขาขึ้น

แล้วผมก็ปล่อยให้ท่อนเอ็นดุนดันเข้ามาให้มากที่สุดเท่าที่จะรับได้...ถึงจะไม่หมดทั้งลำ

แต่น้ำเสียงครวญและการเด้งเข้าออกบ่งบอกว่าเค้าพึงพอใจกับสิ่งที่ผมกำลังทำให้ ...

ผมยกขาเค้ากว้าง และผมก็กระแทกน้องชายผมเข้าไปในรูเค้าทันที...

“อ๊ากกกกกกกกกกก พี่เบาๆ เจ็บ โอ้ย ซี๊ด”

ถึงผมจะถูกกระทำมาแล้วหลายรอบ แต่ใช่ว่าผมจะต้องยอมโดนกระทำต่อไปนี่นา

ผมน่ะเคยแต่เป็นฝ่ายยัดเยียดเข้าไป ไม่ใช่คนที่คอยนอนและรองรับอะไรๆให้ผ่านมา

เมื่อตอนที่ผมกำลังง่วนอยู่กับท่อนเนื้อของเค้า ผมแอบทาสารหล่อลื่นที่น้องชาย

“ซี๊ด แม่ง เสียวสัด มิน่าล่ะถึงได้ติดใจทำกูซ้ำๆ” ผมดุนดันตัวเองให้เข้า

 แรงขมิบของเค้ารุนแรงเพราะกำลังขัดขืน

“อ๊าก เบา โอ๊ย! พี่ โนว๊!”

“อย่าเกร็งสิไบรต์ นายก็รู้ว่ายิ่งเกร็งยิ่งเจ็บนะ” ผมทำเสียงเจ้าเล่ห์ ยอมมาหลายรอบละ ขอเอาคืนบ้าง

“พี่ เบาๆ โอ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งขยับ อ๊ะ พี่เบ๊า”

ผมหน้ามืด กระแทกเข้าออกไม่ยั้ง ไม่สนว่านี่จะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของเค้า

รับรู้แค่แรงตอดรัดบีบเน้นกับทุกครั้งที่ผมกระแทกผ่าน

“เชี่ย โอ๊ย ซี๊ด เสียววววว” เค้าดิ้นพล่าน สองมือขยำผ้าปูที่นอนแน่น

ก็แหงล่ะ ถึงผมจะไม่ใหญ่เท่าเค้า แต่ของผมก็ไม่น้อยหน้าใครนะครับ สาวๆก็หลงผมเกรียวกราวเหมือนกัน

“พี่ โอว๊ ผมเสียว แม่งเอ๊ย เจ็บสาด อ๊า อ๊า” เสียงเค้าคร่ำครวญไม่ขาดปาก ผมสูดปากส่งเสียงปน

ผมแช่คาไว้ที่ตัวเค้า “พลิกตัวนะ” แล้วยกขาข้างหนึ่งของเค้าให้ข้ามหัวผมไป

เค้าถูกจัดท่าให้นอนหน้าแนบกับพื้น ชูบั้นท้ายโด่งขึ้นมาโดยที่ท่อนแกร่งของผมคาไว้

ผมสาวออกเกือบสุดลำ ก่อนกระแทก เสียงดังตึบ! “โอว๊!!!” เค้าคราง

เสียงตึบๆดังไม่ขาดสาย เมื่อผมกระแทกยาวและแรงซ้ำๆ “แม่ง ตอดรัดชิบหาย มิน่าล่ะมึงถึงชอบเอาตูดกูนัก”

ผมกระแทกเน้นๆย้ำ ไม่ซอยถี่ๆ เพราะอยากทรมานเค้าเล่น บั้นท้ายของเค้าแน่น ตูดงอนบิดเร่าๆอยู่ใต้การควบคุมของผม

“พี่ ทรมาน ... เร่งหน่อย ผม อ๊า เสียวว่ะ” ผมเร่งเครื่อง ซอยเข้าออกถี่ๆ ก่อนที่จะค่อยๆลดแรงเสียดสีลง

ผมกระแทกยาวๆอีกสองสามครั้ง ก่อนที่แรงบีบรัดจะรีดน้ำกามผมออก ผมแช่คาไว้ในตัวเค้าจนแรงตอดหมดไป

ผมจับตัวเค้าพลิกหงาย “หมดแรงเลยเรอะ” ผมล้อเลียน...

“แม่ง อึดจังเลยเว้ยเฮ้ย โดนขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมลงเลย” ก่อนก้มลงไปจัดการท่อนเอ็นใหญ่ตรงหน้าของเค้าต่อ






จบตอน...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 19: จากลา...อีกครั้ง



เป็นผมที่ตื่นมาก่อน การรุกล้ำครั้งแรกของผมคงทำเค้าช็อกพอสมควร จนถึงตอนนี้เค้าก็ไม่มีวี่แววว่าจะลุกขึ้น

“ไหวมั้ย” ผมถาม รู้สึกเหมือนหนังฉายซ้ำ เพียงแต่สลับบทบาทกัน

“หมดสิ้นแล้ว” เค้าพึมพำ

“อะไรวะ” ผมถาม

“ก็ความหนุ่มของผมไง ผมสิ้นแล้ว...” ผมตกใจ ไม่คิดว่าเค้าจะอ่อนไหวอะไรแบบนี้

“เชี่ย ทีกูล่ะ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากูจะรู้สึกยังไง” เค้านิ่งไปเลยครับ

“แต่..ที่ผ่านมาผมไม่เคย...” เค้าอ้ำอึ้ง

“ไม่เคยอะไรวะ”

“ไม่เคยเป็นฝ่ายถูกกระทำอะดิ” คำตอบเค้าทำผมขำ

“งั้นก็ถือว่า เราหายกัน นายพรากพรหมจรรย์ผม ผมก็พรากของนาย เจ๊ากันไป”

“ชิ” เขาสบถ

“อย่างน้อยของนายก็ไม่เป็นแผลแบบนี้” ผมย้ำข้อดีตรงนี้ไป...

“มันไม่เหมือนกัน” เค้าบอก

“ยังไงวะ” ผมสงสัย

“พี่...ผมเป็นสามีนะ สามีโดนภรรยาจับเย่อ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” เค้าสารภาพอายๆ

“เห้ย ใครสามี ใครภรรยา อย่าโมเม แม่งกูไม่ได้สมยอมซะหน่อย มึงนั่นแหละใช้กำลังข่มเหง”

เค้าผุดนั่ง ครางเบาๆ “ข่มเหงเหรอ...พี่คิดให้ดีๆก่อนพูดหน่อยสิ ...ผมข่มแหงพี่แค่สองสามครั้งแรกเอง

แต่ที่เหลือน่ะพี่ก็...” เค้าละไว้ ผมอายหน้าแดง

“พอแล้ว” ผมประท้วง “แค่อยากบอกให้รู้ว่า อย่าคิดแต่จะรุกล้ำผม เพราะทุกอย่างที่นายทำ ผมก็ทำได้เหมือนกัน”   

เค้าทำหน้าเหวอ “ไม่ได้ขู่นะ” แล้วผมก็จูบปากเค้า กดแรงๆแล้วดึงกลับ

“แม่งเอ๊ย!” เค้าสบถ “เสียหมาเลยเรา”

“ไหวมั้ย” ผมถามเค้า บั้นท้ายผมยังระบมอยู่ แต่ก็เหมือนจะบรรเทาไปเยอะ

“เจ็บว่ะ” เค้าบ่น “พี่ทนเจ็บได้ไงเนี่ย” เค้าถาม

“ครั้งแรกเหรอ”

“อืม”

“กูไม่ได้ทน แต่จำไม่ได้ ใครบางคนแถวนี้แหละข่มขืน”

เค้านิ่ง ทำหน้าสำนึกผิด

“ปะ ไปอาบน้ำ” ผมสะกิด

“อ๊ะ แม่ง เหนียวสาด” เค้าบ่น ป้ายมือป้อยๆที่ร่องสะโพก “ทีหลังผมจะหลั่งข้างนอกนะครับ”

ผมแสร้งไม่ได้ยิน ขืนรับคำมีหวัง....

“คำพูดกูต่างหาก...กูสัญญานะไบรต์ ว่าครั้งหน้าจะหลั่งข้างนอก”

เค้าหน้าเหวอต่อเนื่อง

ส่วนผมหัวเราะร่วน

สะใจจริงๆเชียว!!!



---------------------------------------------------------------------------------------------------



“อาการทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้” หมอหนุ่มแจ้ง

ผู้เป็นแม่ยืนข้างเตียงที่หญิงสาวหลับไหลเพราะฤทธิ์ยา

“แล้วเรื่องปลูกถ่ายไขกระดูกล่ะคะ”

“ทางเราส่งตัวอย่างเลือกไปตรวจในแล็ปแล้วนะครับ ผมจะเร่งให้เอง คิดว่าไม่น่าจะเกินสามวัน” เขารับคำ

“ขอให้ผลออกมาตรงกันด้วยเถอะ” หญิงชราภาวนา

“ลูกสาวชั้นยังสาว ยังมีอนาคตอีกยาวไกล ถ้าจะมีใครเป็นอะไรไปก็ขอให้เป็นชั้นแทน..”

ชายหนุ่มกลั้นหายใจ ลำคอตีบตัน

“ต้องไม่มีใครเป็นอะไรครับ ผมสัญญา”

เขาขอตัวออกมาข้างนอก หวังว่าอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้จิตใจเขาสงบลงได้



---------------------------------------------------------------------------------------------------



ผมมองเค้าที่เดินกระเผลกเข้าห้องน้ำ

นึกอยากจะจับเค้านอนโก้งโค้งแล้วสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเหมือนที่เค้าทำกับผม

แต่เค้าคงไม่ยอมง่ายๆหรอก ผมก็คงสู้แรงไม่ได้อีกตามเคย

“มันหน่วงๆว่ะพี่ แปล๊บๆแปลกๆ”

ผมได้แต่หัวเราะหึหึ

จากนั้นก็หัวเราะดังๆออกมา...

เสียงโทรศัพท์ของเค้าแผดร้อง ...

แล้วผมก็ลืมตาโพลง!!

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอพี่...เมื่อกี้ฝันอะไรอะครับ หัวเราะซะน่ากลัวเชียว”

ผมมองเค้า ที่นั่งคุยโทรศัพท์ปลายเตียง

แม่ง ฝัน!

บ้าเอ๊ย เหมือนจริงชิบหาย

พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน...ดูอีกคนที่ไม่มีท่าทีจะอ่อนเปลี้ยเสียขาแบบที่ฝันเลยสักนิด เห้อ!

“พี่หลับไปตั้งแต่ผมรีดพิษพี่ออกแหละ ใจร้ายว่ะ พอสบายตัวแล้วก็หลับเป็นตายเลย” เค้าบ่นกระปอดกระแปด

“ผมเลยต้องสำเร็จโทษเองเลย แม่ง” บ่น บ่น บ่น

“หยุดได้แล้ว มาพยุงด้วยจะไปอาบน้ำ” ผมยุติ

เค้ารีบกุลีกุจอมาหา ทำท่าราวกับอัลเชเชี่ยนวิ่งหูตูบมาหาเจ้าของ..

“ให้ผมอาบด้วยนะ” น้ำเสียงมีความหวัง ผมส่ายหัว ล้มเลิกความตั้งใจที่จะห้าม

“อย่าทำอะไรก็แล้วกัน”

“คร้าบบบบบบบบบบบบบบ “ว่าแล้วเค้าก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ แล้วอุ้มผมเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป

แม่ง....มีแต่เสียกับเสีย

เราแต่งตัวแล้วเดินไปกินข้าวหน้าคอนโดเค้า ผมค่อยๆกระเผลก เค้าก็คอยพยุงอยู่ห่างๆ

ท่าทางระมัดระวังตัวไม่ให้ดูเกินเลยของเค้าทำให้ผมสบายใจ เดินสบายๆไม่เกร็งมาก

“พี่อยู่ต่อไม่ได้เหรอ”

“ไม่ จะกลับบ้าน ออกมางานแต่งตั้งแต่เมื่อวาน ไม่คิดเลยว่าจะเลยเถิดขนาดนี้”

“ติดใจผมแล้วล่ะสิ” ผมตบกะบาลเค้าทีนึง

“โอ๊ยพี่ ถ้าผมความจำเสื่อมขึ้นมาทำไง”

“ใครจะสน”

“ผมนี่แหละสน...ถ้าเกิดผมลืมว่ารู้จักพี่ขึ้นมาจะทำไง” เค้าย้อน

“ลืมๆไปสิดี ใครอยากจำ” ผมย้อน เค้ามุ่ยหน้า

“นี่ผมน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ” ใบหน้าหล่อสลด

มาไม้ไหนอีกเนี่ย... “กินข้าวๆๆ” ผมตัดบท

“ถึงบ้านแล้ว โทรหาผมนะ” ผมไม่ตอบ

 “นะ” เค้ากระเซ้า

“อืม ถ้าไม่ลืมนะ”

“ห้ามลืม” เค้าดึงตัวผมเข้าไปกอด เรายืนอยู่หน้าประตูในห้อง

“ไม่รับปาก ป่วยอยู่ กลับไปจะกินยาแล้วนอน” เค้าเอื้อมมือมาทาบบริเวณขากรรไกร

“ตัวรุมๆ กินยาก่อนมั้ย ผมก็มี”

“กินแล้ว” ผมบอก “กลับละ” ผมขืนตัวออก

“พี่คิง” เค้าดึงตัวผมไว้ “อย่าลืมโทรมานะ” เค้ามองผมตาละห้อย“ผมเป็นห่วง”

ก่อนที่ผมจะตอบอะไรออกไป เค้าโน้มหน้าหล่อๆลงมา ริมฝีปากอบอุ่นบดบี้

ผมครางอู้อี้ในลำคอ...เค้าปาด บดและถ่ายเท พร้อมตักตวงความหวานจากปากผมจนหอบ

“พี่ไม่ตอบ ผมถือว่าพี่โอเคนะ”

อ้าว ไอ้นี่...คนจะตอบแม่งก็เอาปากมาปิด แสรดดดดดดดดดดดด!!

ระหว่างทางเดินมาที่รถ เราเดินกันเงียบๆ ผมรู้สึกใจหายลึกๆที่ต้องจากเค้าไป

เราเจอกันครั้งแรกเมื่อคืนวันศุกร์ แต่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาจนถึงบ่ายวันจันทร์

ผมรู้สึกเหมือนสายใยความผูกพันบางๆเริ่มก่อร่างพันธนาการตัวผมเอาไว้...

สีหน้าเค้าตอนนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าหงอย

นี่มึงจะไม่เก็บอารมณ์และความรู้สึกเลยเรอะ! ทำตัวอย่างกับเด็ก

“พี่คิง” ในลานจอดรถ อยู่ๆเค้าก็ดึงตัวผมไปกอด

อ้อมกอดอบอุ่น แข็งแรงกระชับ ส่งผ่านถ่ายเทความรู้สึกหลากหลายเข้ามา

ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไร และใช้นิ้วปิดปากเค้าไว้

เราสบตากัน...ผมเปิดประตู สตาร์ทรถ แล้วทะยานตัวออกไปโดยไม่มองผู้ชายที่ยืนส่งด้านหลัง



---------------------------------------------------------------------------------------------------




TBC....



#โถพ่อคุณที่แท้ฝัน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ้เราก็นึกว่าเหตุการณ์จริง

สรุปเป็นเหตุการณ์(สมมติ)ในฝัน  ซะงั้น

 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 20: ป่วย...ซ้ำซาก



แม่ง อารมณ์ไหนวะ ฝันว่ามีอะไรกัน... แถมผมยังเป็นฝ่ายรุกอีก! คิดคิดคิดจนความเมื่อยล้าทะยานก่อตัว

เกิดมาทั้งที แมนทั้งแท่งแต่โดน...เอิ่ม...ล่วงเกินตลอด...ไอ้คิงน้อ ไอ้คิง...

ผมกลืนน้ำลายลำบาก รู้สึกปวดตามตัวไปหมด

ไข้กลับ!

ผมควานหายาในรถ...กระปุกยาว่างเปล่า คงเพราะอัดไปเต็มที่ช่วงวันสองวันที่ผ่านมา

ไม่น่าโกหกเค้าว่ากินยาไปแล้วเลย T________T

….ผมฝืนขับไปจนถึงบ้าน...

“แม่ พี่คิงกลับมาแล้ว!” เสียงน้องชายตัวแสบตะโกนทันทีที่ผมกระเสือกกระสนเดินเข้าบ้าน

“ต๊าย ลูกบังเกิดเกล้าของชั้น ป่านนี้เพิ่งกลับบ้าน!!” เสียงแม่แหวมาแต่ไกล

“คิ้ว พี่ไม่ไหวว่ะ ช่วยที” ผมทรุดตัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม

“เห้ย! พี่คิง เป็นไรไป” มันคว้าตัวผมไว้ “เชี่ย ตัวร้อนยังกับไฟ” มันกึ่งลากกึ่งอุ้มผมเข้าบ้าน...

ถ้าเป็นเทวดา ป่านนี้อุ้มผมตัวปลิวไปแล้ว...เห้ย! ไม่คิดๆๆๆๆ

“คิง เป็นอะไรไปลูก...ว้าย ตัวร้อนจี๋เลย ไม่หายไข้แล้วทำไมต้องไปกินเหล้าด้วยล่ะเนี่ย” แม่บ่น

“คิ้ว พาพี่ไปนอนที เดี๋ยวแม่หายาก่อน...กินอะไรมารึยังล่ะลูก” ผมส่ายหัว กลืนน้ำลายแห้งผากจนเจ็บคอ

“ผมไม่หิวครับแม่...ปวดหัว...หนาว” ผมตัวสั่น

“ไปๆๆคิ้ว รีบพาพี่ขึ้นไปข้างบน...นี่มันวันอะไรกันเนี่ย มีแต่คนป่วย” แม่บ่นตามประสาคนแก่

ผมสะลึมสะลือเพราะพิษไข้ เจ้าคิ้วลากผมอย่างทุลักทุเลจนถึงห้อง

ผมล้มตัวกระเสือกหาผ้าห่ม ห่อตัวด้วยความหนาว

“ตายแล้ว คิง...คิ้วไปหาน้ำอุ่นกับผ้ามาเช็ดตัวให้พี่ทีสิลูก” แม่ผมสั่ง “เอ้านี่ กินยาก่อน...”

ผมกรอกยาเข้าปาก ตามด้วยน้ำอุ่นจนร้อน ผมจิบไปนิดเดียวจนแม่บ่นให้จิบต่อไปอีก

“รู้ตัวว่ายังไม่หายดี ก็ยังปล่อยให้ตัวเองเมา ดีนะเนี่ยที่ยังลากสังขารมาได้”

ผ้าชุบน้ำอุ่นพาดผ่าน ผมห่อปากด้วยความหนาว ทุกอย่างเริ่มเลือนลาง...

แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำ....



---------------------------------------------------------------------------------------------------   



“อาการวันนี้ปรกติแล้วนะครับ ดูอาการคืนนี้ ถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้” หมอหนุ่มหันไปยิ้มให้กับคนไข้

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” หญิงสาวยิ้มตอบ ท่าทางง่วงงุน

“เดี๋ยวอาหารเย็นจะมาแล้วนะคะ ขออนุญาตเช็ดตัวก่อนนะคะคุณโสภิดา”

“ได้ค่ะคุณพยาบาล...คุณหมอค่ะ คุณแม่ชั้นไปไหน”

“อ๋อ เห็นบอกว่าขอตัวกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อนน่ะครับ แต่ไม่ห่วงนะ เมื่อกี้น้องสาวคุณมาแล้ว เห็นว่าคุณยังไม่ตื่น เลยขอตัวไปหาอะไรทานข้างล่าง”

“คุณหมอเนี่ยยังกับเลขาส่วนตัวเลยนะคะเนี่ย” นางพยาบาลแซว หมอหนุ่มรีบหลบตา...

“คุณหมอคะ ขอเชิญด้านนอกก่อนค่ะ ดิชั้นจะเช็ดตัวคนไข้” ชายหนุ่มสะดุ้ง

“ขอโทษทีครับ แล้วเจอกันครับคุณโสภิดา”

หญิงสาวพยักหน้ารับ นึกขันหมอหนุ่มรูปงามที่กำลังทำหน้าเหรอหราเดินออกไป



---------------------------------------------------------------------------------------------------   



ผมสะดุ้งตื่นประมาณทุ่มกว่าๆ...นอนหลับไปหลายชั่วโมงเชียว

หัวมึนตึบ ปากแห้งผาก ความเจ็บส่งเสียงระงมไปทั่วร่างกาย ผมควานหายาแก้อักเสบแล้วอัดเข้าไป 1 เม็ด...

กลิ่นข้าวต้มหอมๆวางไว้ข้างเตียง มันเย็นจนชืด แต่ผมก็ค่อยๆตักเข้าปาก...

พลันผมหวนคิดไปถึงเมื่อวันก่อน...มันเหมือนความฝัน ที่มีเค้าคอยป้อนข้าวให้ มีเค้าอยู่ข้างๆตอนผมไม่สบาย

มีมือใหญ่หน้าเกาะกุมมือผมไว้ตอนที่ผมเพ้อ หรือแม้กระทั่งตอนที่ผมฝันร้าย อ้อมกอดนั้นทำให้ความกลัวผมหายไป

ข้าวต้มจืดชืดไร้รสชาติ ยิ่งกินยิ่งรู้สึกขื่นและขม ... น้ำตาผมค่อยๆไหลออกมา

นี่ผมกำลังเป็นอะไร....

“คิง เป็นอะไรไปลูก” แม่ท่าทางตกใจที่เห็นผมร้องไห้ ร้อยวันพันปีผมไม่เคยจะร้องไห้สักที

“เปล่าครับแม่..ผมแค่รู้สึกปวดหัว” ผมโกหก โหทำตัวอย่างกับนางเอกในละครเชียว ผมด่าตัวเอง

“ปวดมากมั้ยลูก ไปหาหมอกันเถอะ เดี๋ยวแม่ให้เจ้าคิ้วพาไป...” แม่จับหน้าผาก ความห่วงใยตรงหน้าทำให้ผมตื้นตันอีกครั้ง

“แม่...ผมขอโทษ” ผมแนบแก้มกับอกของแม่ ถึงมันจะบอบบาง แต่ความรู้สึกกลับยิ่งใหญ่

“ขอโทษอะไร...ไปทำอะไรมาอีกล่ะ” แม่ท้วง...”เปล่าครับแม่ ผมขอโทษที่ทำให้แม่ต้องวุ่นวาย กลับมาก็ป่วย”

“โธ่เอ๊ย ลูก...เราก็มีกันแค่นี้ ตามประสาพ่อแม่ลูก ใครไม่สบายเราก็ต้องดูแล ไม่อย่างนั้นเค้าจะมีคำว่าครอบครัวไว้ทำไมล่ะ”

“สมมุติว่า ถ้าวันนี้ผมป่วย ... แต่อยู่ที่อื่น แล้วคนอื่นเค้าก็ดูแลเราอย่างดีทั้งๆที่เค้าไม่ใช่คนในครอบครัวล่ะ”

แม่ยิ้ม ผมรับรู้ถึงความอบอุ่นได้

“แสดงว่าลูกแม่มีคนที่ดูแลได้แล้วไงล่ะ...แต่เค้าเป็นใคร แกมีใครนอกจากหนูเฟียซเรอะ” ผมสะอึก

“ปะ เปล่า ไม่มีครับแม่ ผมแค่สมมุติ” ผมโกหกแม่หลายครั้งแล้วนะวันนี้

“ไหวมั้ยลูก หรือนอนต่ออีกหน่อยมั้ย” แม่เก็บข้าวต้ม

“ตายละ หิวหรอกเหรอ...เดี๋ยวแม่ไปอุ่นมาให้ใหม่ ชามนี้มันชืดไปหมดแล้ว”

ผมทำตาละห้อยมองข้างหลังแม่ตอนเดินออกไป...แม่แก่ลงและตัวเล็กลงไปมาก

ในความทรงจำของผม แม่คือผู้ยิ่งใหญ่ พ่อคือพระราชา ทั้งสองท่านคือคนที่คอยปกป้องผม ด้วยอ้อมกอด ด้วยความรัก

ไม่เคยมีใครที่ข่มเหงและแย่งชิงตัวผมด้วยความรุนแรงเลยสักครั้ง...

ไบรต์ ... นายทำแบบนี้กับผมได้ยังไง

ผมยังแทนตัวเองว่า “ผม” กับนายไบรต์ตลอดเวลา ผมต้องการรักษาระยะห่าง

เพราะไม่แน่ใจว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันจะจีรังยั่งยืนไปได้แค่ไหน

มีอีกล้านคำถามที่ผมไม่เคยได้คำตอบจากเค้า...ไบรต์ นายต้องการอะไรกันแน่?

“ถึงบ้านแล้ว โทรหาผมนะ”  คำพูดของเค้าล่องลอยเข้ามาในความทรงจำ

“พี่คิง...อย่าลืมโทรมานะ....ผมเป็นห่วง” น้ำเสียงและหน้าตาละห้อยอ้อนวอน...

ผมใช้เบอร์บ้านกดไปเบอร์คอนโด แล้วกดเบอร์ห้อง...ตื๊ดดดดดดดดดด....ตื๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่มีคนรับสาย....

“พี่ กินข้าวก่อน เดี๋ยวกินยา”

“อ้าว คิ้ว แล้วแม่ล่ะ” ผมถาม

“แม่จัดสำรับข้างล่าง พ่อโทรมาบอกว่าใกล้ถึงบ้านแล้ว”

“อืม..ขอบใจว่ะ” ผมตักข้าวต้มอุ่นๆเข้าปาก...ข้าวต้มหมูไข่เจียว ของโปรดผมเวลาป่วย

“พี่...ผมขอคุยกับพี่เรื่องพี่เฟียซหน่อยสิ” ผมหน้าซีด แสดงว่าเฟียซคุยเรื่องถอนหมั้นกับน้องผมแล้ว...

“มีอะไรวะคิ้ว...วันนี้พี่ไม่ไหวว่ะ ค่อยคุยกันได้มั้ย” ผมเสี่ยงการเผชิญหน้า วันนี้มากเกินพอแล้วสำหรับผม

“...อืม ได้พี่ ไว้ค่อยคุยกัน” ผมกินต่อ...รู้สึกพะวงไปเรื่อยเปื่อย ... จะบอกพ่อกับแม่เรื่องเฟียซยังไงล่ะเนี่ย...

กินไปได้สองสามคำ ก็อิ่ม ผมวางช้อนลง “พี่พอละ เก็บได้เลย”

“เอ้า ยา...ผมวางไว้ตรงนี้นะ กินด้วยล่ะ ผมไปอาบน้ำก่อนละ หิวเหมือนกัน”

“เออ...พี่มึงป่วยเนี่ย ยังมีกะใจจะทิ้งกันได้ลง” ผมประชด

“แม๊ สมน้ำหน้า ละใครใช้ให้ไปเมาหัวราน้ำเองล่ะ รนหาที่เอง ผมก็ช่วยไม่ได้”

“สาด ไอ้น้องทัพพี”

“ทรพีพี่..ป่วยขนาดนี้ยังยิงมุก ไปๆๆ กินยาแล้วนอน”

“ค้าบบบ น้องชายที่เคารพ...แม่งกูเริ่มสับสนละ ใครพี่ ใครน้องเนี่ย” ผมล้มตัวลงนอน...

กดเบอร์เดิม ต่อห้องเดิม...ไม่มีคนรับผมล้มเลิกความตั้งใจ นอนมาเยอะมันเลยยังสดชื่นอยู่

ผมลุกไปอาบน้ำ...กินยา สุดท้ายก็นอนรวดเดียวจนถึงเช้า ไม่รับรู้ถึงโทรศัพท์ที่สั่นไหวในเป้

Missed call 113 สาย



TBC...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไม่จุใจเลย  ตัดจบแระ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 21: อึ้ง...



ผมตื่นแต่เช้า...วันอังคาร ผมรีบลุกพรวดจะไปทำงาน แล้วผมก็ต้องล้มตึงลงไป

หัวหมุน

เชี่ย จะตายมั้ยเนี่ยกู!

ผมควานหาโทรศัพท์ ....เห้ย!!  247 สายไม่ได้รับ ใครแม่งโรคจิตกระหน่ำโทรมาขนาดนี้วะ

ผมกดดูเบอร์...กดโทรกลับ...

“ฮัลโหล คุยกับใครอะ” เสียงเด็กผู้ชายรับ

“ที่นั่นที่ไหนอะน้อง” ผมถาม

“ตู้โทรศัพท์แถว...น่ะ” อ้าวแถวๆมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  ใครโทรมาล่ะเนี่ย

“พี่โทรหาใคร” ปลายสายถาม

“ไม่มี พี่โทรผิด” ผมวางสาย กดเบอร์ใหม่..

 “พี่ภูมิ...ผมคิงนะ วันนี้ผมขอลานะพี่...ครับ ไม่สบายครับ ... ครับ ขอบคุณครับพี่”

พี่ภูมิ เจ้านายผมเองครับ แกอยู่หมู่บ้านเดียวผมผมนี่แหละ ถัดออกไปอีก 2 ซอย

ช่วงนี้รถแกเสีย เลยต้องติดรถผมไปทำงานไปพลางๆ....ยังเช้าอยู่...ผมงีบ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ผมตื่นมาอีกทีก็สายแล้ว ความสดชื่นเข้ามาแทนที่ ความเมื่อยล้าขบกร่อนทันหลังจากบิดขี้เกียจ

ทั้งบ้านเงียบสงัด...ลูกชายป่วยอยู่ ขอบคุณนะ!

Y_____________Y

ผมนั่งกินข้าวคนเดียวที่โต๊ะอาหาร เมนูโปรดผมหลายอย่าง ผมนั่งกินเงียบๆ เข้าไปอาบน้ำและแต่งตัว...

ไปไหนดีล่ะ ผมดูปฏิทิน เห็นลายมือตัวเองเขียนเมโมบางอย่างไว้... ตายละ ตั้ง 2 วันมาแล้วนี่นา...

รู้แล้วล่ะว่าผมจะไปไหน

ภายในวัดเงียบเชียบ วันธรรมดาแบบนี้นักท่องเที่ยวมีน้อย ผมไหว้เจดีย์ที่บรรจุเถ้า พยายามปลง แล้วเดินจากมา

ผมนั่งเรือข้ามฟากมาลงท่าช้าง แล้วเดินต่อไปท่าเตียน ข้ามถนนตัดเข้าวัดโพธิ์ ความเมื่อยขบทำให้ผมทนไม่ไหว

“พี่ครับ นวดชั่วโมงเท่าไหร่” หมอนวดบอกราคา “งั้นผมขอ 2 ชั่วโมงนะครับ”

หลังจากนวดเสร็จ พี่ป่าน(ชื่อหมอนวด) ก็ให้เบอร์คนรับนวดไว้ เผื่อจะมานวดอีกก็ให้จองคิวกับแกได้เลย ผมรับมาแบบเก้ๆกังๆ

ยังไม่บ่ายโมงเลย ทำอะไรดีล่ะ

ผมเดินอาดๆ ความตึงหน่วงบั้นท้าย...ยังไม่หายอีก!!

รถเมล์สาย 44 จอดรอข้างวัด ผมขึ้นไปนั่ง ไม่นานมันเคลื่อนตัวก็ออก

ไปไหนดี ราชดำเนิน อุรุพงษ์ พระราม 6 สะพานควาย ลาดพร้าว...สุดท้ายผมก็กลับมาลงป้ายท่าช้างเหมือนเดิม

ผมเดินต่อตามถนน นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตรงท่าพระจันทร์เดินขวักไขว่ กว่าจะรู้ตัว ผมก็มาอยู่หน้ามหาลัยแล้ว

Missed call มาจากมหาวิทยาลัยนี้...แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าใครโทรมา นักศึกษาเยอะแยะเต็มไปหมด

เมื่อไม่มีอะไรทำ ผมก็เลยเดินรอบๆ แล้วก็เลยไปกินอะไรง่ายๆที่ร้านติดแม่น้ำ นักศึกษาเยอะจังแฮะ น่ารักๆก็เยอะ

พอกินเสร็จ ก็ได้เวลากลับบ้านละ ต้องไปกินยาต่ออีก ทั้งยาแก้ไข้และแก้อักเสบ

“อ้าว คิง” เสียงใครบางคนเรียก

“อ้าว ไอ้นัท แกไม่ทำงานเหรอวะวันนี้” ผมถามเพื่อนสนิทผมที่เพิ่งเป็นเจ้าสาวหมาดๆ

“ไม่ไปว่ะ วันนี้พี่หมอเค้าหยุด เลยอยากไปไหนมาไหนด้วยกัน”

“แล้วแกมาทำอะไรแถวนี้” ผมถาม

“มาดูดวง...สนใจมั้ย”

“ไม่อะ” ผมส่ายหน้า ไม่นิยมเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้

“แล้วแกล่ะ ทำไมไม่ไปทำงาน” มันย้อนถาม

“ป่วย...แต่อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำเลยออกมาไหว้พระ”

“อ๋อ เออ บ้านแกอยู่แถวนี้นี่นา” ผมพยักหน้าเออออ “ดูเสร็จยังเนี่ย”

“ยัง เพิ่งจะเริ่มดู”

“แล้วสามีแกไปไหน” คู่ข้าวใหม่ปลามัน พากันมาเดินท่าพระจันทร์...เออ ดีเนอะ

“โน่น ไปหาซื้ออะไรมาให้กิน” มันชี้มือส่งๆ ผมมองตาม แต่ไม่เห็น

“อ่อ งั้นเราขอตัวนะ ต้องกลับไปกินยาอีก”

“อ้าว ไม่อยู่เจอพี่หมอก่อนเหรอ เค้าถามถึงแกอยู่นะ”

“วันหลังดีกว่า วันนี้ใช้พลังงานจนหมดละ ยิ่งป่วยๆอยู่” ผมขอตัว นัทไม่ว่าอะไรบอกให้รีบกลับไปพักผ่อน

แล้วผมก็มารอเรือข้ามฟาก... พลันสายตาผมเหลือบไปเห็นคนๆหนึ่งเดินสวนไกลๆ...ดูคุ้นตา

ผมกลับตัว เดินตามไปช้าๆ เข้าไปในมหาวิทยาลัย...หายไปแล้ว...

พอเดินอีกนิดก็เริ่มไม่ไหว ความเพลียเข้ามาเกาะกิน...เลยนั่งแหมะตรงม้านั่งแถวนั้น

ตาฝาดไปแน่ๆ จะเป็นไปได้ไงที่เห็นเค้าอยู่แถวนี้...

เงาใหญ่บดบังตัว ผมเงยหน้ามองใบหน้านิ่งนั้น สายตาดุดัน

“พี่ไม่โทรหาผม” ผู้ชายตรงหน้าดูไม่คุ้นตา เขาสวมชุดนักศึกษาตัวใหญ่ ผมสั้นไม่ได้จัดทรง

ผมได้แต่อึ้ง...นี่เค้ายังเป็นนักศึกษาอยู่เรอะ!!

“ผมพยายามโทรหา...พี่ก็ไม่รับ” ผมไม่มีแรงเถียง “พี่ใจดำว่ะ” เค้าทำเสียงโกรธปนน้อยใจ

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดู มีอีกหลายสายไม่ได้รับ คงเป็นเพราะผมปิดเสียงปิดสั่นไว้

“ผม...เอ่อ...” เค้าตั้งใจฟัง ผมเหนื่อยเกินจะหาอะไรมาพูด

“ขอโทษนะ” ผมเลยพูดสั้นๆไปแค่นั้น เค้าทำท่าไม่สนใจคำขอโทษ...ผมลุกเซออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบอะไรจากเค้า

“พี่จะไปไหน” เค้ากระชาก มือบีบแขนผมแน่น “ปล่อย ผมจะกลับบ้าน”

“พี่ตัวร้อนจี๋เลย” เค้าตกใจ

“อืม ไข้กลับน่ะ” ผมบอก “เดี๋ยวกินยา นอนพักก็หายแล้ว”

“มา ผมไปส่ง” เค้าเสนอตัว

“ไม่ต้องหรอก ผมกลับเองได้...” มือเค้ายังรั้งตัวผมไว้ เรี่ยวแรงขัดขืนผมไม่มีเลย

“นะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะอุ้มพี่ขึ้นรถ” ผมสะดุ้ง มองไปรอบๆ ผู้คนขวักไขว่

“ไม่ต้อง...” ผมชั่งใจ ขืนอุ้มไปจริงๆมีหวังคนทั้งมหาลัยแตกฮือแน่ๆ“รถอยู่ไหนล่ะ”

มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเค้าจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก เค้าพยายามประครองตัวผมแต่ก็ถูกผมสั่งให้หยุด

“เดินเองได้” ผมกัดฟัน ความหนาวสั่นเข้ามาครอบงำตัวเองเต็มที่

สุดท้ายแล้วเค้าก็มาส่งผมจนถึงบ้าน...บ่ายสองโมง บ้านทั้งหลังนิ่งสนิท

ผมเปิดประตูบ้าน เค้าอ้อยอิ่งอยู่หน้าประตู...“ขอผมเข้าไปข้างในได้มั้ย” เค้าถาม

“วันนี้อย่าเลยนะ ผมอยากพักผ่อน”

“นะครับ แค่ให้ผมดูพี่กินยาแล้วนอน พอพี่หลับผมจะรีบกลับก่อนคนในบ้านพี่จะมา” ผมไม่ตอบ

“นะ ผมสัญญา”  ผมไม่ตอบ เปิดช่อง เค้ายิ้มกว้างแล้วเบียดตัวเข้ามา

“บ้านน่าอยู่จัง”น้ำเสียงเค้าร่าเริงขึ้น แต่ผมเงียบ

“ผมอยากพักผ่อน” ผมพูดถึ่งไล่

“ห้องพี่อยู่ตรงไหนอะ” เค้าไม่สนใจที่ผมเพิ่งพูด หรือต้องให้ออกปากไล่ตรงๆวะ

“ชั้นสองห้องแรกขวามือ” เค้ายิ้ม ก่อนจะพุ่งมาอุ้มผมเดินตัวปลิวเข้าไป

ตอนที่ถูกอุ้ม ผมรู้สึกตัวเบาหวิว ความหนักหน่วงทั้งหมดมันละลายหายไป พิษไข้ทำให้ผมไม่มีแรง...

เค้าวิ่งไปหาน้ำมาให้ผมกินกับยา ผมนอนซม เค้าหาผ้ามาเช็ดตัวให้แต่ไข้ก็ไม่มีทีท่าจะลด

“หนาว...” ผมครางเสียงสั่น...แล้วอยู่ๆเค้าก็ถอดเสื้อผ้าผมออก เผยทุกสัดส่วน “ใส่เสื้อเถอะ...ผมหนาว”

ในเงาลางๆ ผมเห็นเค้ากำลังถอดเสื้อผ้าตัวเองเช่นกัน เค้ากลืนพาราให้ตัวเอง แล้วขึ้นมาบนเตียงกับผม

ผู้ชายร่างใหญ่นอนเบียดส่งแผ่ไอร้อน ผมเผลอนอนเบียดกายเค้าด้วยความหนาวสุดขั้ว เค้ากอดรัดผมแน่น

“นอนนะครับ..” เค้ากระซิบ ถ้อยคำสุดท้ายที่เค้าพูดมาเหมือนมันอยู่แสนไกล “...คนดีของผม”

เค้าจูบหน้าผากผม ดึงหมอนผมออกแล้วให้ผมหนุนท่อนแขนยักษ์ มืออีกข้างกอดผมแน่น...

มันอบอุ่นเสียจนผมเผลอไผล...แล้วผมก็หลับไป



จบตอน...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ติดตามตอนต่อไป ..

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 22: สายตาที่น่าหวั่นไหว...



หญิงสาวสวมชุดที่แม่เตรียมมาให้ รอผู้เป็นแม่ที่ไปรับยา เธอรู้สึกสบายตัวขึ้น ไม่มีอะไรแทรกซ้อน และไม่มีเลือดไหลอาการป่วยของเธอเด่นชัดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ตอนนี้เธอมีแต่ความกลัว แต่เธอไม่ได้กลัวว่าจะต้องตาย แต่กลัวกับการอยู่คนเดียวเวลาใกล้ตายต่างหาก... แต่ตอนนี้เธอรู้สึกอบอุ่นจากมือใหญ่กุมมือเธอไว้ราวกับรับรู้ถึงความหวาดกลัวที่เกาะกินใจ สายตาห้าวหาญจริงใจกัดกร่อนให้เธอรู้สึกหวั่นไหว คนที่คอยเคียงข้างเธอตลอดเวลาที่เธอป่วยคือเขา จากวันแรกที่เธอรู้ว่าป่วยจนกระทั่งวันนี้ก็ครึ่งปีเข้าไปแล้ว...ครึ่งปีที่เขาอยู่กับเธอมาโดยตลอด

มือหนาของเขายิ่งเกาะกระชับ ราวกับย้ำให้เธอมั่นใจ...

“คุณหมอคะ เจ็บ...” เขาคลายมือออก ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“ให้ผมขับรถไปส่งนะครับ” เขาอาสา

“แล้วคุณหมอไม่ทำงานเหรอคะ”

“วันนี้วันหยุดผม...ผมมีเวลาทั้งวัน” ใบหน้าหล่อแฝงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“แต่เมื่อคืน คุณหมออยู่เวรทั้งคืนเลยนะคะ” เธอแย้ง “กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

“ผมนอนมาแล้วครับ” เขาตอบ “อีกอย่าง ผมทำงานแบบนี้ บางทีก็ไม่ได้นอนติดต่อกันเป็นวันก็มี แค่นี้สบายมาก”

เขายิ้มเห็นฟัน ความหล่อของเขาไม่เคยทำให้เธอหวั่นไหวได้ปลื้ม แต่ความเสมอต้นเสมอปลายต่างหากที่ทำให้เธอพึงพอใจ

“ให้ผมไปส่งนะครับ” เขายืนกราน เธอพยักหน้า เสียงประตูเปิดเข้ามา

เขารีบปล่อยมือเธอไว้ ทำหน้าราวกับเด็กถูกจับได้ว่าทำผิด สองแม่ลูกเดินเข้ามาในห้อง

“เสร็จแล้วเหรอคะแม่” เธอถาม

“จ้ะ กลับกันเถอะ...ฟาง เก็บของด้วย” ผู้เป็นแม่สั่ง

“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง...เดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่บ้าน” หมอหนุ่มอาสา กุลีกุจอเก็บของใช้

“ไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับกันเองดีกว่า ไม่อยากรบกวนคุณหมอค่ะ เกรงใจ”

“อย่าเกรงใจเลยครับคุณป้า ผมอาสาเอง” เขาใช้รอยยิ้มพิฆาต มันเป็นรอยยิ้มที่นานๆมาที แต่กระชากใจทุกเพศทุกวัย

“แหม แม่ คุณหมอเค้าอาสาไปส่งแล้ว จะขัดศรัทธาทำไมคะ” น้องสาวเธอขัด

“เอ๊ะ ยัยหนู เกรงใจคุณหมอบ้างสิ” แม่แหว

“อย่าเกรงใจเลยครับ ไปกันเลยดีกว่า” เขาเดินนำออกจากห้อง...

เขามองกลับไปดู สองแม่ลูกกับลังช่วยกันพยุงลูกสาวคนโตด้วยความเป็นห่วง...เขายิ้มกับภาพตรงหน้า

“ไหวมั้ยลูก” ผู้เป็นแม่ถาม

“สบายมากค่ะ” หญิงสาวตอบแบบอารมณ์ดี

“กลับไป แม่จะทำของโปรดให้ลูกกินเยอะๆ”

“ใช่ค่ะพี่เฟียซ แม่ซื้อของตุนไว้เต็มเลย คุณหมออยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะ” เธอทำตาดุใส่น้องสาว แต่ก็ไม่เป็นผล

“ได้ครับ...ไม่ขัดอยู่แล้ว” เขาส่งยิ้มอีกที หัวใจพองโต...

“คุณโสภิดาอย่าดุน้องเลยครับ” เขาแซว “คำชวนนี้ ไล่เท่าไหร่ผมก็ไม่กลับนะ”

สามแม่ลูกหัวเราะ...นานๆหมอผู้เคร่งขรึมจะปล่อยมุกที...

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“คุณหมอ...” เธอแตะร่างใหญ่ เขย่าตัว “คุณหมอคะ”

“หืม....งึมๆ”น้ำเสียงงัวเงีย หนุ่มหล่อร่างโตหลับคาโซฟาของเธอไม่นานหลังมาส่ง และรอกินข้าว

ไม่มีใครปลุกเขา เพราะรู้ว่าเมื่อคืนเขาอยู่เวร และมาส่งเธอที่บ้านอีก เลยปล่อยให้เขานอนยาว

“ตื่นเถอะค่ะ อาหารพร้อมแล้ว” เธอบอก เขาค่อยๆลืมตาและเด้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ

“ผมหลับไป” เขาทำหน้าเหรอหรา

“ใช่ค่ะ กรนด้วย”

“จริงดิ...” น้ำเสียงเขาตกใจจริงๆ

“เปล่าค่ะ ล้อเล่น “ เธอขัน คนจริงจังกับชีวิตมักจะตื่นเต้นกับเรื่องพื้นๆได้เสมอ สีหน้าเขาโล่งใจ

“แค่คุณหมอหายใจดังเท่านั้นเอง สงสัยจะเพลียจริงๆ”

“แย่เลย กลายเป็นภาระให้คุณอีก” เขาพูด

“ไม่เป็นภาระอะไรเลยค่ะ ยัยฟางต่างหากที่เอาผ้าห่มมาคลุมคุณหมอไว้” เขาดูเขิน

“ไปล้างหน้าก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”

เขาลุกขึ้น คนอะไรขนาดเพิ่งตื่นยังหล่อกระชากใจแม่ยกมากๆ แถมไม่มีบิดขี้เกียจด้วย

“นี่ค่ะผ้าเช็ดหน้า เสร็จแล้วขอเชิญที่โต๊ะนะคะ” เธอยิ้ม เขายิ้ม ปลายนิ้วของเขาแตะมือเธออย่างจงใจ

สองมืออุ่นเกาะกุมมือเธอไว้ ความอายแล่นพล่านทั่วใบหน้า...แล้วเธอก็ดึงมืออออก เดินไปด้วยความปั่นป่วนใจ

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“เฟียซ แน่ใจแล้วเหรอเรื่องคุณหมอ” แม่ของเธอถามก่อนหน้านี้ “แล้วคิงล่ะ”

เธอไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องตอบยังไง “หนูยังไม่ได้คุยกับคิงเป็นเรื่องเป็นราวเลย” ผู้เป็นแม่พยักหน้าเข้าใจ

“ส่วนเรื่องคุณหมอ...หนูก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน”

“หนูชอบเค้ารึเปล่าล่ะ”

“หนู...” เธอลังเล “หนูไม่รู้” เธอจับมือแม่ไว้แน่น

“หนูไม่กล้ารักใครหรอกค่ะแม่...หนูไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตต่อไปอีกกี่ปี่หรือกี่วัน”

“อย่าพูดแบบนี้สิลูก” หญิงแก่หน้าสลด เข้ามากอดลูกสาวสุดที่รัก น้ำตาซึม...หากลูกของเธอต้องตายไปจริงๆ

แล้วเธอจะมีชีวิตต่อยังไง... “หมอนรินทร์เค้าต้องช่วยหนูได้...พรุ่งนี้เรามีนัดไปตรวจกับคุณหมอยิ่งยศแล้ว”

ผู้เป็นแม่ปาดน้ำตาลูกสาว ยิ่งมองร่างกายบอบบางนี้ก็ยิ่งปวดร้าว “ลูกต้องหาย” เธอย้ำให้ลูกสาวมั่นใจ

“ค่ะแม่...” น้ำเสียงนั้นเลื่อนลอย ราวกับว่าดังมาจากใต้ดินชั้นล่าง ลึกและห่างไกล...

หนุ่มร่างสูงเดินหน้าตาสดชื่นมา ผิวหน้าเขาขาวสดใสหลังการล้างหน้า...

“สดชื่นจังเลย” เขาพึมพำ เธอยื่นมือขอผ้าเช็ดหน้าคืน เอาไปเก็บ ปล่อยเขาเดินชมบ้าน

“นี่รูปใครอะครับ” เขาชี้ไปที่รูปชายวัยกลางคน ใบหน้าตกใจ

“คุณพ่อของดิชั้นเองค่ะ” เขาหน้าซีดหนัก “คุณหมอรู้จักคุณพ่อด้วยเหรอคะ”

เธอพินิจมองใบหน้านั้น เขาดูตกใจ สีหน้าไม่อาจปกปิดได้ “ปะ เปล่าครับ...แค่คุ้นๆหน้า”

เขาหันมายิ้มหน้าแหย “สงสัยเพราะหน้าคล้ายคุณโสภิดามั้งครับ เหมือนจนผมตะลึง”

เธอไม่รู้ว่าเขาพูดจริงแค่ไหน ใบหน้าขาวนั้นยังดูซีดเหมือนคนไม่สบายใจ...

“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” เธอเชิญ

---------------------------------------------------------------------------------------------------

“ขอบคุณมากนะครับสำหรับอาหาร...อร่อยมากๆเลยครับ”

“ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวตอบ... “ขอบคุณคุณหมอเช่นกันนะคะที่คอยช่วยเหลือ”

...และอยู่เป็นเพื่อนมาโดยตลอด

“ผมยินดีครับคุณโสภิดา” เขายังสุภาพ

“เรียกเฟียซก็ได้ค่ะ อย่าเกรงใจเลย” เธอเสนอ

“ครับ คุณเฟียซ” เขายิ้ม เอามือลูบท้ายทอยเบาๆ “คุณเฟียซก็เรียกชื่อเล่นผมก็ได้นะครับ”

“ค่ะ...หมอเบสต์” เขาหน้ามุ่ย

“ไม่ค่อยเข้าเนอะ...เรียกพี่เบสต์แทนได้มั้ยครับ”

“จะดีเหรอคะ...” เธอลังเล

“นะครับ” เขาย้ำ

“ขอคิดดูก่อนนะคะ” เธอกวนกลับ “ขับรถดีๆนะคะ”

เขายิ้ม มองใบหน้าสวยหวานนั้นอีกครั้ง ก่อนที่จะขับรถออกไป

“บั๊มพ์....เราเจอผู้ชายคนนั้นแล้วนะ” เขาถอนหายใจหนัก...

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” เขาตะโกนออกมาในรถ ไม่ทันสังเกตสิ่งรอบตัว...

หลังจากนั้นชั่วอึดใจ ... ที่บ้านหลังติดกัน

ชายหนุ่มร่างใหญ่หน้าละม้ายคล้ายกันเดินออกมาที่มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ ใส่เสื้อแจ็คเก็ตและสวมหมวกกันน็อก

เขาสตาร์ทเครื่อง ส่งสายตาละห้อยไปที่หน้าต่างชั้นสอง...

...ส่งผ่านทุกความห่วงใยไปตรงนั้น ก่อนทะยานตัวออกไป




TBC...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งวดนี้  นุ้งคิง  ค่าตัวแพงมากนะ  ส่วนนุ้งไบรต์ก็แอบแพง เพราะออกมานิดเดียว

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
:pig4: :pig4: :pig4:

งวดนี้  นุ้งคิง  ค่าตัวแพงมากนะ  ส่วนนุ้งไบรต์ก็แอบแพง เพราะออกมานิดเดียว

ไรต์ลืมจ่ายค่าตัวให้ครับ 555

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


Chapter 23: พนัน



เช้าวันพุธ...อาการทั้งหมดของผมก็ดูจะหมดไป ผมมองที่นอนว่างเปล่า กลิ่นกายของเค้าเจือจางปะปนอยู่

ผมถอนหายใจเบาๆ ความหนักใจก่อตัว...เค้ามาถึงที่นี่ ถอดเสื้อผ้าผมออกแล้วกอดผมไว้จนรู้สึกอุ่น...

หนาวเนื้อ ห่มเนื้อจึงหายหนาว...รักษาตัวด้วยนะครับพี่คิง

ผมอ่านโน้ตนั้นอีกครั้ง ใบหน้าร้อนผ่าววูบวาบ

ไอ้เด็กเวร!

“พี่ภูมิครับ ผมกำลังจะออกไปรับนะครับ” ผมโทรหาเจ้านาย

“ไม่ต้องหรอกคิง พี่อยู่สนามบินแล้วล่ะ บินด่วนไปหาลูกค้าว่ะ”

“อ้าว...โอเคครับพี่ เดินทางปลอดภัยครับผม”

“เออ ขอบใจนะ...พี่ฝากงานไว้กับเลขานะ ไม่กล้าโทรมา กลัวนายพักผ่อนอยู่” เราคุยกันอีกไม่กี่คำก็วางสาย

ผมขับรถออกจากบ้านไป เช้าๆแบบนี้รถติดน่าดูชม...

เสียงโทรศัพท์ทำผมสะดุ้ง “ครับ คิงรับสาย”

“ผมเองพี่คิง” เสียงสดใสปลายสายดีใจจนออกนอกหน้า

“ครับ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ยังเช้าอยู่ แถมหน้าแดงเมื่อคิดถึงตอนที่เขานอนเปลือยกอดผมไว้

“นี่เบอร์ผมนะ ผมซื้อมือถือแล้วนะ”

“ซื้อทำไมเนี่ย เปลือง มันแพงนะ” ผมบ่น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะบ่นทำไม ในเมื่อเงินเค้า

“ก็ซื้อไว้คุยกับพี่น่ะสิ” หน้าผมร้อนวูบ

“เพื่อ!” ผมเสียงสูง แต่ในใจก็แอบยิ้มนะ

“ก็คนมันคิดถึงนี่นา” เค้าเสียงอ่อย  “เมื่อคืนกลับมานอนคนเดียว เหง๊า เหงา” ผมใจเต้นตึกตัก

“ไอ้บ้า พูดอะไรเนี่ย”

“จริงๆนะครับ 4-5 คืนมานี่มีพี่ให้กอดทุกคืนจนมันชินอะ...พอไม่มีพี่ ผมเหงา”

น้ำเสียงออดอ้อนปกปิดไม่มิด...อะไรๆๆๆ คิง มึงอย่าเพ้อ! ผมบอกตัวเอง

“เพ้อเจ้อ แค่นี้นะ...”

“อย่าเพิ่งสิครับ คุยกับผมก่อน...”

“ไม่คุยแล้ว ไร้สาระ”

“พี่ไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ” หนอย ถามมาได้ ใครจะไปคิดถึงเอ็งได้ล่ะวะ

ไอ้ผู้ชายตัวโต รูปหล่อ ลามกเซ็กซ์จัด ชอบชวนลามและก่ายกอด กางเกงในก็ไม่ใส่...

เอ๊ะ! นี่ผมกำลังคิดถึงเค้าอยู่ชัดๆ!

“วันนี้จะได้เจอกันมั้ยอะครับ” เค้าออดอ้อน ดีนะที่ไม่เห็นหน้า ไม่งั้นผมคงตบกะบาลซักทีนึง

เคยเห็นกันมั้ยครับ ผู้ชายหน้าตาหล่อ ตัวใหญ่ล่ำยังกะหมี แต่ทำหน้าอ้อนๆเหมือนลูกแมว...

นั่นแหละครับ เค้าเลย!

ทำไม ผมแอบยิ้มเนี่ย

-__-”

“ไม่...ไม่เจอน่ะดีแล้ว เจอทีไรมีแต่เรื่อง” ผมบ่น

“แต่ผมอยากเจอพี่นี่นา เอางี้ มาพนันกันมั้ย”

“ไม่”

“โหยพี่ อย่าเพิ่งขัดดิ...มาพนันกันดีกว่า ถ้าภายในวันนี้เราเจอกันโดยบังเอิญ...พี่ต้องไปกินข้าวและดูหนังกับผมเย็นนี้”

“เหอะ รอไปเลย ไม่มีทางเจอหรอก เพราะผมไปทำงาน” ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ถ้าวันนี้ไม่เจอกัน นายห้ามโทรมาอีก ตกลงมั้ย” ผมท้า ศึกนี้ชนะใสๆ

“โหย รุนแรงว่ะ...ได้ ผมรับคำท้า” น้ำเสียงเค้าไม่ค่อยมั่นใจแต่...

“เดี๋ยวผมจะขับรถตามหาพี่ทุกตรอกซอกซอยเลยคอยดู”

“ห้ามผิดกฎดิ ไหนบอกว่าเจอโดยบังเอิญ” ผมท้วง

“ไม่รู้แหละ ผมรู้สึกว่าเสียเปรียบ ต้องเปลี่ยนกติกากันบ้าง”

“เห้ย! ทำแบบนี้ได้ไงวะ”

ปี๊น!!!

เสียงบีบแตรดังไล่หลังผมมา

“ต้องวางแล้วนะ เค้าไล่แล้ว” ผมตัดสาย ขับรถออกไป

07.45 น. ถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพ...แต่ระหว่างทางขับมา ผมชะเง้อดูรถซ้ายขวาหน้าหลังตลอด กลัวเค้าขับตาม   

ยิ่งโรคจิตๆอยู่ไอ้เทวดาเนี่ย

ไบรต์วางสาย มองโทรศัพท์ใหม่ที่เพิ่งซื้อในมือ เด็กหนุ่มหามือถือเก่าไม่เจอ

สงสัยจะทำตกเมื่อวันเสาร์หรืออาทิตย์ที่ผ่านมาก่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

งานนี้ไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปได้ง่ายๆหรอกพี่คิง กว่าผมจะเจอพี่ผมต้องรอตั้งหลายปี

-------------------------------------------------------------------------------

“คิง พี่ภูมิฝากงานไว้นะ วางไว้ที่โต๊ะทำงานแกน่ะ ไปไล่ดูเลยนะ กองเบ้อเริ่มเลย” เลขาหัวหน้าทัก

ผมเดินเข้าห้องพี่ภูมิ โต๊ะทำงานทำจากไม้เนื้อดีเงาวับตั้งตระหง่าน เสริมความภูมิฐานของผู้นั่งได้เป็นอย่างดี

แฟ้มงานกองสุมที่โต๊ะ ด้านบนแปะชื่อผมไว้ มีรายละเอียดแนบทีละแฟ้ม ... สมกับเป็นพี่ภูมิจริงๆ

ผมเลื่อนแฟ้มออก สันของมันชนเข้ากับขวดโหลใส่นกกระดาษโยกเอียง ผมสะดุ้งตัวรับ...ฟู่! ดีนะที่ไม่ตก

เกือบซวยแล้วไอ้คิง

“คิง เมื่อกี้พี่ลืมบอก พี่ภูมิให้คิงเป็นซูเปอร์ไวส์กับนักศึกษาที่มาฝึกงานด้วยนะคะ

ตอนนี้เค้าอบรมอยู่ที่เอชอาร์ ประมาณสิบโมงจะพามาหานะ พี่ภูมิฝากเนื้อหาที่จะให้น้องๆเค้าทำไว้แล้ว”

ผมหยิบรายชื่อนักศึกษาและรายการงานที่มอบหมาย วางแหมะบนแฟ้ม ก่อนหอบเดินมาที่โต๊ะ

“ไง พ่อคนป่วย สีหน้าแช่มชื่นจังเลยนะ ยังกับคนมีความรัก”

“แหม แซวแต่เช้าเชียวไอ้นัท ประโยคนั้นเราต้องพูดรึเปล่าวะ...ว่าแต่ พี่หมอจัดหนักปะ” ผมแซวคืน

“ไอ้คิง ไอ้ลามก” อดีตทอมสาวหน้าแดง โหยยยยย แสดงว่าผมจี้ถูกจุด

“แกจะไปฮันนีมูนกันเมื่อไหร่วะ” ผมถาม พลางแยกแฟ้มไปด้วย

“อีก 2 เดือนมั้ง ช่วงนี้พี่หมอมีเวรยาวเลย นี่แหละนะ...เป็นเมียหมอต้องทำใจว่ะ”

“อย่าคิดมาก ทำงานเหอะ ดูดิ กองพะเนินเลย” ผมบอกมัน

เข็มนาฬิกาเดินเรื่อยไปตามเวลาที่ผ่าน ผมจมอยู่กับกองงานจนลืมทุกเรื่องไปหมด จนกระทั่งเลขาพี่ภูมิเดินมาหา

“คิง ทำไมไม่ไปรับน้องฝึกงานคะ รอกันจนเมื่อยแล้วมั้งน่ะ”

“หวายพี่ ขอโทษทีครับ ผมลืมไปเลย” ผมหยิบเอกสาร “ห้องไหนครับพี่”

“ห้องประชุมใหญ่” ผมไล่ดูรายชื่อผ่านๆ มี 4 คน...

“โอเคครับพี่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอบคุณมากครับที่มาเตือน”

ผมดูเวลา... 11.00 น. สายไป 1 ชั่วโมง...นายคิงน้อ นายคิง

ผมเดินไปพร้อมอ่านเอกสาร นักศึกษา 4 คน แบ่งให้ 3 หน่วยงาน

ขายภาคเหนือ 1 การตลาด 2  ขายภาคกลาง 1

ผมเป็น “Marketing and Sales Assistant (Central Area)”

พูดง่ายๆคือ เป็นทั้งขายและการตลาด และเป็นผู้ช่วยพี่ภูมินั่นแหละ

“สวัสดีครับน้องๆ” ผมเปิดประตูเข้าไปพร้อมเสียงทักทาย “ขอต้อนรับเข้าสู่การฝึกงาน...”

สายตาผมมองไปที่น้องๆ และสะดุดกึกกับใบหน้านั้น รอยยิ้มนั้น และท่าทางดีใจจนออกนอกหน้านั้น...

ผมสะดุ้งเฮือก ร่างใหญ่โบกมือให้ผมอย่างร่าเริง เหงือผมแตกซิก....

“พี่คิงๆๆๆๆ” เค้าเรียกผมดังๆ นี่ถ้ามีหาง คงกระดิกยิกๆ

“นายไบรต์!!” ผมอ้าปากค้าง น้องๆที่เหลือคงตกใจไม่น้อย...

ผมดูรายชื่ออีกครั้ง แล้วจับจ้องมันดีๆ

...ขายภาคกลาง ...นราธิป อภิมรนวกุล...ผู้ดูแล ศิลา ศิลาอาจน์

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! ผมอยากตาย T____T






TBC...

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋.....พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนในอดีตเหรอ?  แต่คงมีแค่นุ้งไบรต์ที่จำได้ สินะ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
:pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋.....พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนในอดีตเหรอ?  แต่คงมีแค่นุ้งไบรต์ที่จำได้ สินะ

จะมีเฉลยเรื่อยๆนะครับ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด