.. (ต่อ) ..60% ที่เหลือ
สุริยันจันทราหมุนเวียนสลับกันขึ้นสู่ท้องนภาเปลี่ยนวันเวลาจนกระทั่งถึงวันที่วิหารดารานพเคราะห์สว่างไสวด้วยเปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ ประดับประดาด้วยเถาวัลย์พรรณไม้สอดแซมด้วยช่อผกาหลากสี บ่งบอกชัดเจนว่ามีงานเฉลิมฉลอง ทว่างานฉลองมงคลนี้กลับได้ยินเสียงติฉินนินทามากกว่าคำอวยพร
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดรัชทายาทแห่งอาทิตยวงศ์ถึงได้เร่งแต่งตั้งชายาอีกคน นคกแล้วสงสารชายานาคินทร์ผู้นั้นเสียจริง เสียทั้งมารดาแล้วยังต้องปันคนรักให้ผู้อื่นอีก”
“นั่นสิ ข้าเองก็นึกสงสัยว่าเหตุใดถึงเร่งนัก ทั้งในเพลานี้เราควรจะระแวดระวังจอมมารล้านภาค อดีตพระสมุทรกนธี รวมถึงอสูรที่หนีออกจากคุกกาลเวลาเสียมากกว่า”
“หรือว่าชวารีผู้นี้ตั้งครรภ์เสียแล้ว หากไม่รีบแต่งตั้งจะต้องตกเป็นหัวข้อสนทนาของสามโลกไปอีกนาน”
“ท่านพี่…น้องไม่คิดจะทนแล้ว เหล่าเทพา-เทพี ต่างจับกลุ่มนินทาทั้งที่อยู่ในงาน” ชลันธรที่นั่งอยู่บนตั่งเคียงข้างนภนต์เอ่ยขึ้น
“ใจเย็นก่อนเถิดชลันธร ไยวันนี้เจ้าใจร้อนยิ่งนัก” นภนต์ลูบแผ่นหลังให้ชลันธรเพื่อคลายอารมณ์โกรธาที่พยายามข่มเอาไว้
“หากเป็นเรื่องผู้อื่นน้องย่อมไม่ใส่ใจแต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับนาคินทร์ผู้เป็นสหายน้อง” ชลันธรบอกกับนภนต์ ดวงตาเรียวสวยแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“พี่เข้าใจเจ้าดี ทว่าเทพเหล่านี้หาได้รู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางเฉกเช่นพวกเรา อีกอย่างเหตุใดถึงไม่ได้มาพร้อมน้องเล่า ชลันธร”
“นาคินทร์บอกว่าขอเวลาทำใจชั่วครู่ ประเดี๋ยวจะตามมาก่อนเริ่มพิธี” ชลันธรตอบ
ทุกน้ำคำที่เทพมหาสมุทรและเทพนภาสนทนากันล้วนเข้าสู่โสตประสาทของอินทุนิลที่นั่งเยื้องไปทางด้านหลัง กระนั้นแม้จะนั่งห่างเพียงใดทุกถ้อยคำล้วนชัดเจน
‘ทำใจข้าไม่ว่าแต่อย่าได้ตรอมใจไปเสียก่อน ข้าอยากเห็นน้ำตาของเจ้านาคินทร์’
อินทุนิลคิดในใจ ก่อนจะถูกปลุกจากความคิดด้วยเสียงดนตรีตามด้วยเสียงประกาศก้องของทวารบาลถึงการมาของพระผู้สร้าง ซึ่งข้างกายของพระองค์มีบุษยะคอยเคียงข้าง ถัดไปด้านหลังก็เป็นรพีพงศ์ต้นเรื่องของทั้งหมด
เมื่อถึงแท่นประจำตำแหน่งมหาเทพก็ประทับนั่งเช่นเดียวกับรพีพงศ์และบุษยะ ส่วนเทพองค์อื่นต่างแสดงความเคารพผู้เป็นใหญ่ พระหัตถ์ใหญ่ยกขึ้นมาเชิงให้ทุกคนตามสบายเนื่องจากเห็นว่าผู้ร่วมพิธียังไม่ครบ กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าจะพูดคุยเอื้อนเอ่ยนินทาเฉกเช่นเวลาก่อนหน้านี้
เหตุที่ยังไม่เริ่มพิธีก็เป็นเพราะยังขาดบุคคลสำคัญในพิธี ทำให้ไม่อาจปล่อยตัวว่าที่ชายาที่ยังรอในห้องหับซึ่งอยู่ถัดไปให้เข้ารับพิธีแต่งตั้งได้ ด้วยพิธีแต่งตั้งชายาคนรองจะต้องได้รับการยินยอมจากชายาเอกโดยการที่ชายาเอกจะแต้มสีชาดลงบนหน้าผากของชายารองต่อหน้าสักขีพยาน
…’ หากเวลานี้นาคินทร์กลับไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่เงา’ …
เวลาเดินหน้าไม่ถอยหลังใกล้เข้าสู่ฤกษ์งามที่วางไว้ ผู้ร่วมพิธีและสักขีพยานต่างร้อนใจ โดยเฉพาะรพีพงศ์และชวารีที่รออยู่ในห้อง บรรยากาศในคราแรกที่เงียบสงบก็ได้แปรเปลี่ยน เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบ
“ใกล้ถึงฤกษ์เข้าไปเสียทุกที เหตุใดนาคินทร์ถึงยังไม่มาหรือว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเสียระหว่างทาง”
“นั่นสิ นอกเสียว่าจงใจมาสายเพื่อทำลายฤกษ์เพราะบุตรแห่งพระเสาร์คงจะไม่พอใจที่สวามีมีชายาอีกคน”
“หากคิดว่าพูดพร่ามออกมาแล้วหาใช่เรื่องจริง จงหุบปากเสีย กล่าวเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าใส่ร้ายบุตรข้าหรือ” พระเสาร์เอ่ยขึ้น ทำให้เสียงซุบซิบ รวมไปถึงผู้ที่กำลังจะเอ่ยออกมารีบกลืนเสียงคืนลงคอ
“ใช่ กล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าคือผู้เสียหาย” น้ำเสียงหวานลอยตามลมให้ได้ยินกันทั่วโถง ร่างอรชรเยื่องย่างเข้ามาสายตาดุจบิดากวาดมองเทวดา นางอัปสรที่พากันเปล่งวาจาเรื้องของตนออกมา ก่อนจะหยุดทำความเคารพพระผู้สร้างและเดินไปนั่งยังตั่งรัตนาประจำตำแหน่งของตน ซึ่งเป็นตั่งเดียวกับรพีพงศ์ยอดดอวงหฤทัยที่เพลานี้ไม่แม้จะชายตามองมายังตนด้วยซ้ำ
“ในเมื่อมาครบแล้ว เป็นอันว่าเริ่มพิธีแต่งตั้งเทพีชวารีเป็นชายาของเทพรพีพงศ์ได้” พระผู้สร้างเอ่ยขึ้น เสียงเครื่องดนตรีเป็นทำนองตามการบรรเลงเปิดตัวชวารีให้เข้าสู่พิธีการ ในมือสวยถือพานทองรองรับพุ่มดอกไม้กลิ่นหอมเดินไปด้านหน้า
วงหน้างามพิลาสมองแล้วดูเย็นตา ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มหวานแสดงออกถึงความสุขีที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ในอุราได้ เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าของมหาเทพชวารีก็ยอบกายลงวางพานพุ่มไว้ข้างกายแล้วก้มลงกราบ จากนั้นจึ้งหยิบพานพุ่มเดินเข่าเข้าหารพีพงศ์และนาคินทร์
พิธีการแต่งตั้งชายารองแตกต่างจากพิธีวิวาหะและแต่งตั้งนาคินทร์เป็นชายาเป็นอย่างมาก ในครานี้ผู้ที่จะเป็นชายารองจะต้องก้มลงกราบแทบบาทของรพีพงศ์เพื่อมอบพานพุ่ม เมื่อถูกรับไปแล้วชวารีจะต้องก้มลงกราบชายาเอกและทำการเจิมหน้าผากด้วยชาดสีแดงเป็นการสื่อว่าได้รับการยอมรับ
ขณะที่ชวารีเงยหน้าขึ้นมาสบดวงตาคมสวยของนาคินทร์ที่มองตนไม่วางตา นางสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมารอบกายบางนี้ นาคินทร์คงไม่ยินยอมที่จะทำตนนั้นก็เข้าใจ ใครบ้างเล่าที่จะมีสุข จะยิ้มรับผู้ที่เข้ามาแย่งชิงคนรัก ไม่มีใครยินดี…ชวารีรู้ดีแต่นางจำเป็นต้องทำ
ปลายนิ้วของนาคินทร์ยื่นออกไปจับยังปลายคางของชวารีให้เชิดขึ้น สักขีพยานทั้งหลายที่จ้องมองต่างลอบกลืนน้ำลายให้พิธีการนี้สำเร็จลุล่วงก่อนวิวาห์จะกลายเป็นวิวาทเสีย ทว่านาคินทร์กลับปล่อยคางของชวารีและยืนขึ้นสร้างความงวยงงแก่ชาวสวรรค์ทั้งหลาย
“ไม่ใช่…ไม่ใช่” นาคินทร์เอ่ยขึ้น
“นาคินทร์ เหตุใดเจ้ากล่าเช่นนี้เล่า ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือชวารีไม่ผิดแน่” บุตรแห่งพระอังคารเอ่ยขึ้น ยืนยันว่าสหายร่วมชั้นที่เล่าเรียนศึกษาเป็นตัวจริง
“ใช่คนที่อยู่ตรงหน้าคือชวารีตัวจริง” นาคินทร์เอ่ยเสียงเรียบ
“แล้วไยเจ้ากล่าวว่าไม่ใช่ หรือว่าเสียใจจนเสียสติไปเสียแล้ว” ปัณฑารีย์เทวีเอ่ยถาม ทำให้ผู้ได้ฟังพยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วย
“ข้าหาได้เสียใจจนเสียสติไม่ ข้ารู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือชวารีแต่ที่ข้ากล่าวว่าไม่ใช่เป็นเพราะชวารีผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่สังหารมารดาและทำร้ายพระพุธจนบาดเจ็บสาหัส แต่เป็น…” นาคินทร์เอ่ยออกมายืดยาวก่อนจะเว้นวรรค สูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด พยายามยิ่งที่จะสะกดกลั้นมวลความโกรธมหาศาลไม่ให้พรั่งพรูออกมาดั่งหินหลอมเหลวที่พุ่งออกมาจากพื้นพิภพ หากเวลานี้จำเป็นต้องเอ่ยออกไป
“เทพอินทุนิล เทพใจมารที่สังหารมารดาข้า!!!” นาคินทร์ตวาดกร้าวดังลั่นวิหาร ดวงตามองไปยังผู้ที่ตนเอ่ยนามด้วยความพยาบาทเคืองแค้นเป็นอย่าง ในวันที่ตนได้รับรู้ว่าเป็นใคร นาคินทร์แทบอยากจะบุกไปยังวิมานของอินทุนิลแล้วบั่นคอนำเลือดชั่ว ๆ นั้นมาสังเวยให้กับมารดาผู้ล่วงลับของตน
“ทุกคนฟังข้า!! ข้าหาได้เป็นอย่างที่นาคินทร์เอ่ย นาคินทร์อารู้ว่าเจ้าเสียใจที่มารดาสูญเสีย อีกทั้งรพีพงศ์สวามีของเจ้าได้ปันรักให้กับชวารี เจ้าจึงได้สติวิปลาศแต่มิใช่ว่าเจ้าจะกล่าวหากับข้าเช่นนี้ได้”
“ข้ายอมรับว่าเหตุการณ์ในชีวิตข้าล้วนหนักหนาพาลให้จิตใจชอกช้ำแต่นั่นก็หาทำให้ข้าฟั่นเฟือนวิปลาศไม่ ข้ายังคงมีสติไตร่ตรอง ทั้งยังมีปัญญาตาสว่างไม่ถูกมารยาของของคนชั่วเช่นเจ้าลวงหลอก” นาคินทร์โต้ตอบกลับไป ขณะเดียวกันก็ก้าวเท้าเข้าหาอินทุนิลที่ยังคงเล่นละครแสร้งทำเป็นเหยื่อหลอกเทพองค์อื่นและหลอกตัวเองว่าอย่างไรเสียนาคินทร์ไม่มีทางตามทันตนได้
“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าอย่ามากล่าวหาข้า ข้ามิรู้ว่าเจ้าเอาความคิดนี้มาจากไหนแต่เจ้าก็น่าจะรู้ดังที่เทพยดานางรัมพาบนไตรภพนี้ ว่าตัวข้าไร้ความสามารถ ฤทธิ์เดชมนตราก็ด้อยยิ่งเสียกว่าใคร จะเอาสิ่งใดไปสังหารมารดาเจ้าและทำร้ายพระพุธผู้ไร้พ่ายได้” อินทุนิลแก้ตัวจากการนำความอ่อนแอที่ถูกดูถูกดูแคลนมาใช้ แลจะได้ผลเสียด้วยเพราะเหล่าเทวดาต่างก็กระซิบกระซาบมองมายังนาคินทร์อย่างไม่พอใจนัก
“นาคินทร์ใจเย็นลงเถิด บัดนี้เจ้าอยู่หน้าพระพักตร์ของพระผู้สร้างจะมาทำกริยาเช่นนี้มันไม่สมควร” รัชทายาทของพระอังคารเอ่ยขึ้น นึกปรามให้เทวากึ่งนาคลดโทสะลง
“พระผู้สร้างกพะยะค่ะ กระหม่อมต้องขออภัยพระองค์ หากกระหม่อมต้องทำเพื่อกระชากหน้ากากของเทพผู้นี้” นาคินทร์ผินหน้าไปยังผู้ประทับยังแท่นเหนือเหม
“แล้วเจ้ามีหลักฐานหรือไม่เล่านาคินทร์ หากเจ้าไร้หลักฐาน ไม่เท่ากับว่าเจ้าทำลายพิธีมงคลของสวามีเจ้า ตลอดจนใส่ร้ายเทพอินทุนิลดอกหรือ” พระผู้สร้างเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้แสดงท่าทีว่าไม่พอใจ นาคินทร์คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะเข้าใจในสิ่งที่พระผู้สร้างนั้นกำลังสื่อออกมา
“พระองค์มิต้องห่วงพะยะค่ะว่ากระหม่อมนี้จะเอื้อนเอ่ยออกมาโดยไร้หลักฐาน” นาคินทร์เอ่ยออกมาก่อนที่จะ…
‘แคว่ก’
มือข้างหนึ่งรวบข้อมืออินทุนิลไว้มั่น ส่วนมืออีกข้างนั้นก็ทำการกระชากอาภรณ์เนื้อดีของอินทุนิลออกเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะให้ทุกคนได้ประจักษ์กับเกล็ดนาคาสีรัติกาลตามลาดไหล่และลุกลามไปด้านหลัง อินทุนิลพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นทว่ากลับถูกทหารจากทัพหลวงที่ปลอมตัวมาร่วมพิธีนั่งรายล้อมตนและหันคมพระขรรค์เข้าใส่ตนเสียแล้ว อินทุนิลตื่นตระหนกตกใจมิใช่น้อย ไม่คิดว่าตนจะเสียทีเข้าจนได้
‘นี่มันอะไรกัน…เหตุใดถึง…’
“หลักฐานที่ข้าว่านั้นก็คือคำสาปที่ท่านแม่ข้าเป็นผู้ทำและจะแก้คำสาปได้จำต้องใช้เลือดของข้า” นาคินทร์เอ่ย นิ้วเรียวยกขึ้นมาเสมอริมฝีปาก จากนั้นจึงใช้ฟันซี่คมกัดเข้าที่นิ้วให้หยาดโลหิตได้พอหยดลงไปยังส่วนที่ต้องสาป พลันเกล็ดที่ถูกหยดเลือดของนาคินทร์ก็หายไป
“แล้วอย่างไร ในเมื่อเจ้ารู้แล้วข้าเองไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นคนอ่อนแออีกต่อไป” อินทุนิลผลักนาคินทร์ให้ล้มลง ก่อนจะเริ่มขยับปากร่ายคาถาหายตัว ทว่ากลับช้าไปกว่าบ่วงอัคคีผูกมัดรัดตัวเอาไว้แน่นและผู้ที่ขว้างบ่วงนี้ก็หาใช่ใครอื่น
“ท่านอาอินทุนิล หากท่านหนีไปเสียตอนนี้ ท่านจะไม่มีทางรู้ว่านาคินทร์เมียรักของข้าล่วงรู้ได้อย่างไร” รพีพงศ์ลุกขึ้นจากแท่น มือหนานั้นรั้งสายบ่วงกระชากให้ร่างของอินทุนิลให้นั่งลงคุกเข่ายังทางลาดพระบาท ก่อนที่ตนนั้นจะเดินเข้าไปจูงมือของนาคินทร์ให้มายืนเคียงข้างอย่างทะนุถนอม
“ท่านอาอินทุนิล ไม่สิ…คนใจมารเช่นเจ้าพร้อมที่จะฟังข้าหรือยัง”
..............
มาแล้วในที่สุดก็ครบ 100% หวังว่าทุกคนจะรอคอยจะชอบตอนนี้กันนะคะ และตอนหน้าเราจะย้อนอดีตกันค่ะ เย้!!! มาอ่าน มารู้ไปพร้อมกันกับอินทุนิลนะคะ
ช่วงนี้ท่านยุ่งปั่นช้าเพราะยังมีงานประจำและปัญหาสุขภาพ ต้องขออภัยด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาอ่านมาเม้นค่ะ