Chapter 53
กันต์’s Partเช้าวันต่อมา..
ผมที่กำลังนอนขดตัวซุกอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นสบาย ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างไม่ค่อยอยากจะตื่นสักเท่าไหร่ จนลืมไปเลยว่า...
“ หลับสบายมั้ย “
เสียงพี่กิจดังขึ้นมาอย่างนุ่มนวลอยู่เหนือหัวผม ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็หมายความว่า.... ตอนนี้ผมกำลัง...
ชัดเลยครับ...
ซุกอยู่บนแผ่นอกกว้างของพี่เขา...
ผมผละตัวออกมาทันทีโดยอัตโนมัติ ก่อนจะบ่นอุบขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังหน้าทะเล้นตรงหน้า
“ ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกอะ เช้านี้ต้องรีบไปบ้านป้าภาเตรียมอาหารเช้าให้แขกนะ “
“ ยังไม่ 6 โมงเลย อีกตั้ง 10 นาที จะรีบไปไหน “
“ ก็... มันต้องใช้เวลา เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี แล้วนี่ก็ลุกเลย ไปช่วยผมด้วย “
“ คร้าบ... อีกนิดก็ไม่ได้ กำลังสบายเลย โอ้ย! “
ว่าแล้วผมก็หยิบเอาหมอนที่อยู่ใกล้ๆ มาตีพี่เขาไปเบาๆ ทีนึง ก่อนจะแอบยิ้มแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ ที่โฮมสเตย์เสร็จ ช่วงสายผมกับพี่กิจก็ต้องไปรับป้าภาที่โรงพยาบาลครับ พี่กิจอาสาจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ แม้ว่าป้าภาจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจก็ตาม แต่คุณชายท่านก็บอกเพียงแค่ว่าไม่เป็นไรครับ แหงล่ะ.. ถึงจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนแต่ระดับคุณชายท่าน แค่นี้ขนหน้าแข็งไม่กระดิกเลยด้วยซ้ำ
ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้ป้าภาฟัง แกดูจะเป็นห่วงและตกใจมาก แถมยังย้ำไม่ให้พวกเราออกไปไหนมาไหนตอนดึกๆ ในช่วงนี้ด้วย แม้ผมจะบอกไปว่าคนร้ายเป็นคนต่างถิ่นที่แอบหนีเข้ามากลบดานอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่แกก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดีครับ
ทุกอย่างดูจะผ่านไปได้ด้วยดี และช่วงนี้ผมก็ขอให้ป้าภาพักผ่อนไปก่อน ส่วนเรื่องงานต่างๆ พวกผม 3 คนจะช่วยกันจัดการให้เอง แต่ดูท่าแล้วแกเองก็คงเกรงใจบวกกับคนที่เคยทำงานอยู่เป็นประจำ พอจะให้มานั่งๆ นอนๆ อย่างเดียว มันก็คงจะรู้สึกไม่ชินนั่นแหละ แกเลยลุกมาทำบ้าง แต่ก็เป็นอะไรที่มันไม่หนักมาก เพราะพวกเราโดยเฉพาะฟลุกสั่งห้ามเอาไว้โดยเด็ดขาด จนกว่าสุขภาพของแกจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
ตลอดทั้งวันพี่กิจคอยเอาแต่นัวเนียเกาะติดผมตลอดเลย ไม่ว่าผมจะไปไหน ทำอะไร ก็จะตามมาด้วยเสมอ จนถึงตอนเย็นที่ผมกลับเข้าบ้านตัวเองมา พี่เขาก็ยังคงตามมาด้วยเหมือนเดิม
“ กันต์... ค่ำนี้เราไปหาข้าวข้างนอกกินกันเนอะ “
พี่กิจที่นั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าว่ามา ในขณะที่ผมกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“ ยังไงก็ได้พี่ แต่ต้องบอกป้าภาก่อนนะ กลัวแกจะรอกินข้าวอะ “
“ พี่บอกไปแล้ว... แถมยังบอกด้วยว่าพี่จะย้ายมานอนที่บ้านเราด้วย ส่วนห้องนั้นก็ปล่อยให้ว่างได้เลย “
“ ใครอนุญาตไม่ทราบ “
“ อ่าว... พี่ยังต้องขออีกเหรอ... “
แหมทำเสียงอ่อนพร้อมกับตาตกซะด้วยนะคนเรา เดี๋ยวนี้รู้สึกพี่เขาจะเล่นละครเก่งขึ้นมากเลยล่ะครับ
“ ก็ได้ๆ... แหม...ยิ้มทันทีเชียวนะ “
“ เอ๊า... ก็คนมันดีใจนี่ จะให้พี่ร้องไห้เหรอ “
กวนดีนักนะคร้าบคุณชาย.... นั้นต้องเจอแบบนี้....
ว่าแล้วผมก็หันสายยางเปลี่ยนเป้าหมายจากต้นไม้ตรงหน้าไปยังพี่กิจทันที พี่เขาโวยวายและลุกหนีทันที แต่คนอย่างพี่กิจมีหรือจะยอมคนง่ายๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้าพรวดพราดเข้ามาหาผมในทันที
“ จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย... หึๆ ได้.... “
พี่กิจยื้อสายยางจากมือผมไป แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยให้ง่ายๆ หรอกครับ ไม่งั้นไม่รอดแน่...
“ ฮะๆๆ ไม่เอาพี่กิจ มันเปียก “
“ เด็กดื้อก็ต้องเจอแบบนี้... “
“ พอแล้ว...... “
สุดท้ายก็เปียกกันไปทั้งคู่ครับ ไม่น่าเลยผม....
จากนั้นผมก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนพี่กิจเองก็เช่นกัน กลับไปอาบน้ำและเห็นว่าจะขนกระเป๋าย้ายเข้ามาพักอยู่ที่นี่เลยด้วย
หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ ผมก็ยังไม่เห็นพี่กิจเลยครับ ผมจึงออกมานั่งเล่นรับลมทะเลอยู่ที่ชิงช้ามุมโปรดที่สุดของผม
บรรยากาศตอนนี้บอกได้เลยครับว่าโรแมนติกมากสำหรับคนมีคู่ ท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดงยังให้เห็นแสงสีส้มแดงตัดกับสีครามกับน้ำเงินเข้มของท้องฟ้าและน้ำทะเล พร้อมกับสายลมเย็นที่พัดมากระทบกับร่างอย่างไม่ขาดสาย มันทำให้ผมหยุดคิดทุกอย่างและปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศที่น่าพิสมัยนี้
ไม่นานพี่กิจในชุดลำลองสบายๆ ก็มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เย็นนี้พี่กิจสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงขาสั้นสีขาว ซึ่งทำให้บุคลิกดูอ่อนโยนมากขึ้นไปอีก
“ บรรยากาศดีอย่างที่เคยเล่าให้พี่ฟังเลย แล้วนี่ใช่มั้ย... ชิงช้ามุมโปรดที่เคยบอก “
“ ใช่พี่... ผมชอบมานั่งเล่นและมองออกไปยังทะเลไกลๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมสามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้เป็นชั่วโมงๆ เลยนะ “
ผมเล่าไปพี่กิจก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังพร้อมกับแกว่งชิงช้าเบาๆ ส่งให้เรื่อยๆ สักพักหนึ่งจู่ๆ พี่กิจก็พูดขึ้นมาเสียงนุ่ม
“ กันต์... “
“ ครับพี่.. “
ผมเงยหน้าขึ้นมอง พลางร่นคิ้วอย่างสงสัยเมื่อดูเหมือนว่าพี่กิจกำลังจะพูดอะไรสักอย่างกับผม ก่อนจะหยุดมือและดึงชิงช้าเอาไว้ไม่ให้มันเคลื่อนที่ต่อ
“ พี่พร้อมแล้วนะ... “
ก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องที่จะออกไปกินข้าวเย็นกันคืนนี้ ซึ่งจะว่าไป ผมก็เริ่มหิวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันนะครับ
“ พร้อมตั้งนานแล้ว ไปกันเลยมั้ย “
“ พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องมื้อค่ำ “
“ แล้วเรื่องไรอะ “
ผมทำหน้าสงสัยถามไป เมื่อตอนนี้พี่กิจเดินอ้อมมานั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าผม จนระดับสายตาของเราเท่ากันแล้วในตอนนี้
“ พี่หมายถึงว่า... พร้อมที่จะมาคบกับพี่แล้วรึยัง “
ราวกับหัวใจหายออกไปจากร่างกายทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ความฝันที่เคยละทิ้งมันไปแล้ว กลับถูกคนตรงหน้าเก็บคืนมาให้
มันเป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ....?
“ พี่หมายความว่าไง... “
ผมที่กำลังอึ้งๆ ถามกลับไปในทันที
“ ช่วงเวลาที่ผ่านมา.... พี่ทบทวนความรู้สึกตัวเองดีแล้ว และก็มั่นใจแล้วด้วยว่าพี่รักเรามากนะ ดังนั้นพี่จึงตัดสินใจแล้ว ซึ่งไม่ว่าต่อไปข้างหน้าเราจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคอะไรก็ตาม พี่ก็พร้อมจะรับมันไว้และเผชิญหน้ากับมัน “
ทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ผมควรจะตอบพี่เขาไปยังไงดี.. ผม... ผม...
“ พี่รักเราจริงๆ นะ ตลอดเวลาที่พี่ใช้ชีวิตร่วมกับเรา พี่โครตมีความสุขเลย และพี่ก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป ดังนั้น... “
ตึกตัก....
ตึกตัก...
ตึกตัก...
“ กันต์... จะรับรักพี่ได้มั้ย.... “
ผมไม่รู้ว่าน้ำตาที่มันไหลออกมานี้.... มันเกิดจากความรู้สึกอะไร เพราะมันมีหลายความรู้สึกเหลือเกินที่อัดแน่นอยู่ภายในอก จนผมไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ซึ่งการร้องไห้ในตอนนี้ มันเลยกลายมาเป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำและแสดงความรู้สึกออกมาได้
“ เห้ย... เป็นอะไรกันต์ พี่พูดอะไรผิดไปเหรอ... ไม่เอานะ... อย่าร้องไห้นะ... “
“ ฮึก....ฮึก... “
ผมเริ่มสะอื้นตัวโยนขณะที่พี่กิจกำลังเอามือมาปาดน้ำตาผมออกอย่างเบามือ
“ อย่าร้องนะ... ถ้าเรายังไม่พร้อมพี่รอได้ และก็จะรอตลอดไปด้วย ดังนั้นอย่าร้องนะครับ... “
ทันทีที่พี่กิจพูดจบผมก็ส่ายหน้าป้อยๆ ทันที
“ ไม่เอา... ฮึก...ฮึก... “
“ คร้าบ... ไม่เอาก็ไม่เอา “
“ ไม่... ไม่เอาแบบนั้นดิ ฮึก.. “
“ อ่าว... แล้วกันต์อยากได้แบบไหนล่ะ “
“ ก็... ก็ได้.... “
“ ก็ได้หมายความว่า...? “
“ ก็ตามนั้น... “
“ แปลว่ายอมคบกับพี่แล้วนะ “
“ อืม... “
“ แปลว่าจากนี้ไปเราจะเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย “
“ อื้ม... ทำไมเข้าใจยากจัง “
“ เย้!!!! วู้ว!!! “
“ เสียงดังทำไม !! “
“ ก็พี่ดีใจนี่... “
“ เวอร์ไป... ปกติขอใครเป็นแฟนต้องดีใจขนาดนี้เลยรึเปล่า “
“ ไม่อะ... ไม่เคยขอใครคบเป็นแฟนจริงจังแบบนี้เลยสักคน เราอะคนแรกเลยนะ... และจะเป็นคนสุดท้ายเลยรู้ป่าว..”
พอพี่เขาพูดจบ ผมก็ยิ้มออกมาจนแก้มแทบปริ และไม่สามารถจะหุบมันลงไปได้เลย
“ แนะ.. ยิ้มๆ “
“ บ้าดิ อย่ามาแซวนะ “
“ คร้าบ... แล้ว... พี่ก็มีของอย่างหนึ่งจะให้เราด้วยนะ “
ผมทำหน้าสงสัยพร้อมกับมองพี่กิจที่ล้วงเอากล่องกำมะหยี่สีดำขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเปิดมันออกพร้อมกับส่งยิ้มละมุนมาให้
“ นี่มัน... “
ผมเบิกตากว้างขึ้นพร้อมกับอ้าปากค้างเล็กๆ ไม่คิดว่าเรื่องเล่าสนุกๆ ของไอ้แน๊คมันจะเป็นความจริง
“ มัน... เป็นเรื่องจริงเหรอพี่ เรื่องที่เขาลือกัน “
ผมมองดูสร้อยสีเงินที่มีเกียร์สีทองห้อยอยู่อย่างคาดไม่ถึงว่ามันจะมีอยู่จริง สัญลักษณ์แทนใจของพี่กิจที่สาวๆ หลายคนปรารถนาที่จะได้มันมาไว้ในครอบครอง
เรื่องเล่าที่ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นความจริง....
“ เขาลือกันว่าไงอะ “
“ ก็เขาบอกว่า ใครก็ตามที่ได้เกียร์ทองจากพี่ไป แสดงว่า... คนคนนั้นคือคนเดียวที่พี่จะจริงจังด้วย “
“ หืม.... สงสัยว่าไอ้คิมมันต้องปากพล่อยไปแน่ๆ เพราะนอกจากเพื่อนในกลุ่มของพี่แล้ว พี่ไม่เคยบอกใครเรื่องเกียร์ทองนี้เลยนะ แต่ก็นั่นแหละ... เกียร์ของพี่มันมีแค่อันเดียว และก็จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้ไป ซึ่งก็คือเรานะ...กันต์... ”
ถึงจุดนี้ผมก็ยิ้มเขินขึ้นมาอีกรอบ และสงสัยว่าหน้ากับหูของผมมันคงกำลังแดงอยู่ด้วย เพราะผมรู้สึกว่ามันดูจะร้อนผ่าวๆ ไปทั้งหน้าเลยตอนนี้
“ แหม... เขินแล้วน่ารักนะเนี่ย.. มาๆ เดี๋ยวพี่ใส่ให้ เอ้อ..ลืมบอกไป เกียร์นี้อะ... จะสลักชื่อพี่ที่ขอบฟันเฟืองสามซี่ด้านซ้ายด้วยนะ “
พี่กิจหันด้านข้างมาให้ผมดู ซึ่งพอมองดีๆ แล้วจะเห็นตัวอักษร K I J อยู่ที่สันฟันแต่ละซี่อย่างประณีต
“ ของแท้ต้องเป็นแบบนี้นะรู้มั้ย... “
พี่กิจพูดจบก็ขยับตัวเอาสร้อยเข้ามาใส่ให้ผม ก่อนจะละหน้าที่อยู่เกือบจะชิดกับหน้าของผมออกมาเล็กน้อย และเมื่อใบหน้าเราใกล้กันขนาดนี้ ผมก็อดจ้องตาคมที่แน่วแน่และมั่นคง หากแต่แฝงไว้ซึ่งความหวานและอ่อนโยนอย่างที่พี่เขาไม่เคยมองใครให้เห็นมาก่อน และก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่พ่ายแพ้และไม่อาจจะมองมันไปได้นานมากกว่านี้
เมื่อพี่กิจไม่ขยับตัวออกไป หัวใจผมก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
ตึกตัก...
ตึกตัก...
ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว ริมฝีปากรูปกระจับสวยก็เข้ามาทาบทับลงบนริมฝีปากบางของผม ก่อนจะไล้สัมผัสดูดดื่มเบาๆ และนุ่มนวลจนผมต้องหลับตาพริ้มตามไป
ไม่นานพี่กิจก็ละริมฝีปากออกมา ผมจึงได้กล้าลืมตาขึ้นพร้อมกับมองพี่เขาอย่างอายๆ
“ ชอบจัง... ขออีกครั้งได้มั้ยอะ “
“ บ้าเหรอ... มะไม่เอา... เดี๋ยวคนมาเห็น “
“ น้า...... “
“ ม่าย.. “
พี่กิจมองเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา ก่อนจะดันทุรังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีกครั้ง และก็...
ไม่ฟังกันบ้างเลย.....
.............
ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมหาดสวย
“ พี่ถามไอ้เรย์... เห็นมันแนะนำว่าร้านนี้อาหารอร่อยและบรรยากาศดี “
พี่กิจว่ามาขณะที่เรากำลังนั่งรออาหารที่สั่งอยู่ครับ
“ เดี๋ยวนะพี่ อย่างนี้ก็แปลว่าไอ้เรย์มันรู้เรื่องที่พี่... เอ่อ... จะมาขอผมเป็นแฟนอะดิ “
“ ป่าว... พี่แค่บอกมันไปว่าจะพาเรามากินข้าว เลยให้มันช่วยแนะนำร้านอาหารให้หน่อยอะ “
ผมพยักหน้าเข้าใจไปเล็กๆ แต่จะว่าไป หลังจากที่เราตกลงคบกันแล้ว พี่กิจก็ดูจะยิ้มบ่อยขึ้นมากกว่าปกติเลยนะครับ และเชื่อเถอะครับว่าใบหน้าแบบนี้อะ.... แทบจะไม่มีใครเคยได้เห็นหรอก
เพียงแต่ว่า....
“ ยิ้มไรกันนักหนาห๊ะพี่... “
“ ทำไมอะ ก็วันนี้พี่มีความสุขนี่ “
“ แต่คนเขามองกันเต็มไปหมดแล้วเนี่ย.... ชอบบริหารเสน่ห์นักรึไง “
เชี่ย...ไอ้กันต์ เผลอหลุดพูดความคิดขึ้นมาจนได้
“ ทำไม... หึงพี่เหรอ... “
พี่กิจยิ้มเจ้าเล่ห์มองมาครับ แต่ผมไม่ตอบอะไรหรอก เดี๋ยวเสียฟอร์มกันพอดี
“ นอกจากเราพี่ไม่สนใครหรอก สบายใจได้... “
“ จริงอะ... “
“ สัญญาเลยคร้าบโผม.... “
“ อื้ม... จะเชื่อใจก็แล้วกัน “
ผมเลยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กๆ ตอบรับไป
อาหารค่ำมื้อนี้นอกจากจะอร่อยและบรรยากาศดีแล้ว พี่กิจยังดูแลผมดีมากด้วย แต่ถึงแม้ว่าสถานะของเราตอนนี้จะเป็นแฟนกันแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงทำตัวไม่ต่างไปจากเดิมสักเท่าไหร่ และถึงอย่างนั้นก็ตาม แต่ในตอนนี้... ผมบอกได้คำเดียวเลยครับว่า...
โครตมีความสุขเลยล่ะครับ....
หลังจากมื้อค่ำ....
ก่อนกลับเข้าบ้านพี่กิจจอดรถแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เห็นบอกว่าจะซื้อของใช้ที่จำเป็นนิดหน่อยอะครับ
“ รอนี่นะ จะเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้ “
“ เอาขนม แต่เดี๋ยวผมลงไปเลือกด้วยดีกว่า.. “
“ เห้ยไม่ต้อง.. พี่ไปซื้อให้ก็ได้ อยากกินไรว่ามาเลย “
“ มีพิรุธนะเนี่ยเรา... “
“ ป๊าว... พิรุธอะไร.. ก็แค่เห็นเราดูง่วงๆ พี่ก็เลยอยากให้เรานอนรออยู่ในรถเฉยๆ .. “
ผมร่นคิ้วมองพี่เขาอย่างสงสัยกับท่าทีแปลกๆ แต่พี่กิจก็ตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไร หรือว่าผมจะคิดมากไปเองนะ
“ นั้นรอพี่แปบนะ เดี๋ยวพี่มา “
“ เร็วๆ น้า “
“ จ้า... “
พี่กิจยิ้มแป้นส่งมาให้ก่อนจะปิดประตูรถและหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อทันที แต่จะว่าไป ผมน่าจะเข้าไปหาซื้ออะไรเผื่อไว้ทำมื้อเช้าให้พี่กิจกินพรุ่งนี้ด้วยจะดีกว่า ว่าแล้วผมก็ออกจากรถและเดินตามพี่เขาเข้าไปทันที
เมื่อเข้ามาในร้านแล้ว ผมก็เห็นพี่กิจกำลังเลือกซื้อของบางอย่างอยู่ใกล้ๆ บริเวณเค้าท์เตอร์ ผมเลยเดินเข้าไปสะกิดพร้อมกับร่นคิ้วและกระซิบถามขึ้นมาเสียงเบา
“ ทำไรอะ.. ไหนว่าจะซื้อของใช้จำเป็นไง “
“ แหะ.. ไม่รอพี่ที่รถล่ะ “
“ ตอบมาเร็วๆ..”
“ ก็มาซื้อนี่อะ... “
พี่กิจยื่นกล่องยาวๆ มาให้ผมดู ซึ่งทันทีที่ผมเห็น ผมก็บิดเข้าให้ทีสีข้างของพี่เขาแรงๆ ทันทีเลยครับ
คนบ้าอะไร... หื่นเป็นที่สุด….
ก็ไอ้กล่องที่พี่เขายื่นมาให้ผมดูไม่บอกก็รู้ครับว่ามันคือเจลหล่อลื่น...
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า... โอ้ย!!!!
แล้วผมก็รีบเดินออกจากร้านไปแทบจะในทันที อายเป็นบ้าเลยครับ แถมพอนึกถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ด้วยแล้วมันก็..
โอ้ย!!! เอาไงดีวะเนี่ยไอ้กันต์!!!
ไม่นานพี่กิจก็กลับเข้ามาในรถพร้อมกับถุงขนม เครื่องดื่มและของกินถุงใหญ่ ผมรีบคว้ามาก่อนจะค้นดูเพื่อหาของสิ่งนั้น และก็เจอมันรวมอยู่ด้วยกับของพวกนี้ นั่นก็หมายความว่า... พี่กิจเอาจริงแน่ๆ ครับคืนนี้ !
“ ก็บอกแล้วว่าให้รออยู่นี่ก็ไม่เชื่อ “
“ ซื้อมาทำไม ไอ้นี่อะ “
“ ก็... ยังจะถามอีก “
“ ไม่ต้องมายิ้มเจ้าเล่ห์เลย ผมบอกตอนไหนว่าจะ... ยอมพี่อะ “
“ โถ่กันต์... คนเป็นแฟนกันเขาก็... ทำกันเป็นเรื่องปกตินะ ”
“ แต่ผมยังไม่พร้อมเลย ยังไม่ได้ทำใจเลยด้วย ครั้งที่แล้วพี่ก็... “
“ ไม่แล้วคร้าบ ตอนนั้นพี่ขอโทษ พี่หน้ามืดไปหน่อยอะ แต่คราวนี้พี่จะนุ่มนวลนะคร้าบ สัญญาเลย... เนี่ยพี่ถึงได้ซื้อเจลมาไง เราจะได้ไม่เจ็บ รับรอง... เราจะต้องติดใจและบอกว่า... พี่กิจขออีกสิ... โอ้ย!! “
“ ไอ้คนบ้า !!!! ”
………………….