Chapter 55
ฝน...มันเป็นวันหยุดสุดท้ายก่อนเปิดภาคเรียนที่สอง และทั้งๆ ที่ควรจะเข้าสู่ฤดูหนาวได้แล้วแท้ๆ ทว่าวันนี้สายฝนกลับยังคงไม่อยากจากฟ้าไปไหน....
คิดถึงฟ้า... หรือว่า... ยังมีบางเรื่องที่ต้องทำอยู่กันนะ....
ที่คอนโดหรูใกล้มหาลัยฯแห่งหนึ่ง
“ พี่กิจอะ ก็ไหนว่าวันนี้จะไปดูกันไง “
“ ก็ฝนมันตกนี่ มันช่วยไม่ได้ “
“ แต่มันจะออกโรงแล้วนะพี่ “
“ ออกอะไร... พึ่งเข้าพฤหัสฯ ที่แล้ว "
เสียงโวยวายของคนตัวเล็กกว่าดังขึ้น เมื่อรู้ว่าแฟนตัวเองกำลังจะเบี้ยวนัดดูหนังที่คุยกันไว้เมื่อสองวันก่อน ว่าหลังจากกลับจากบ้านมาที่คอนโดแล้ว จะไปดูหนังที่เขารอเข้าโรงมาโดยตลอด
คือถ้าเป็นปกติกิจก็คงจะตามใจกันต์อยู่หรอก แต่มันดันเป็นหนังแนวที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย หนังตลกที่ไม่เคยจะทำให้เขาหัวเราะได้เลยสักครั้งนอกจากนั่งหาวและเสียเวลาไปกว่า 2 ชั่วโมงอย่างน่าเบื่อ ดังนั้นถ้ามีโอกาสเลี่ยงได้ เขาก็ไม่รอช้าเลยที่จะคว้าโอกาสนั้นเอาไว้
“ แต่ผมจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องนะ “
“ นี่กันต์... พี่บอกเลยนะว่าเรื่องนี้อะ พวกนั้นไม่ดูกันหรอก จะมีก็แต่เราเท่านั้นแหละที่ดู “
พูดจบกิจก็หันกลับมาสนใจที่หน้าจอไอแพดตรงหน้าต่อ เกมต่อสู้ที่เขาจะละสายตาไปนานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกเพื่อนๆ ในกลุ่มโดยเฉพาะคิมและพีด่าให้อย่างไร้ปราณีหากว่าทำทีมแพ้
“ แต่พี่สัญญาแล้วนะ... ใช่สิ คืนนั้นได้ดั่งใจแล้วก็ลืมเรื่องที่เคยพูดไว้แล้วใช่มะ “
กิจยังคงไม่ตอบอะไร อันที่จริงสมาธิเขาแทบจะไม่ได้ออกจากหน้าจอเกมเลยด้วยซ้ำ
“ ได้... นั้นคืนนี้นอนคนเดียวเลย แล้วห้าม.... เข้ามายุ่งกับผมด้วย “
“ อ่าว.... ได้ไงอะ.. มันเกี่ยวกันที่ไหน ฝนมันตกไม่เห็นเหรอ อยู่ห้องแหละดีแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเปิดเทอมแล้วด้วย เสื้อผ้าอะรีดเตรียมไว้แล้วรึยัง “
“ ม้าย!! ไม่ทำอะไรทั้งนั้นอะ คนผิดคำพูด “
พูดจบกันต์ก็หยิบเอาหมอนนุ่มใบเล็กตีเข้าที่ต้นแขนของกิจทันทีก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าห้องไป
ไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง และพบว่ากันต์กำลังหอบหมอนและผ้าห่มออกมาจากในนั้นด้วย
กิจเหลือบตามองไปยังร่างเล็กกว่าทันที ก่อนจะอุทาน ‘ เห้ย! ‘ ขึ้นมาเมื่อรู้ถึงเจตนา พร้อมทั้งรีบวางเกมที่ยังคงเล่นค้างไว้ลง และทิ้งให้เพื่อนในทีมไปช่วยเหลือกันเอง เพราะตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่าจะต้องทำ คือถ้าเขาไม่ตามไปง้อก็คงได้นอนเหงาอยู่ในห้องตามลำพังเป็นแน่คืนนี้
...................................
ช่วงเที่ยงที่ห้างสรรพสินค้า
“ เรย์... เล่นทั้งวันเลยนะ นี่มันเวลากินข้าว... “
“ แปบนะแพร จะจบเกมแล้วเนี่ย เดี๋ยวออกตอนนี้ไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์มันจะด่าเอา “
“ แต่บอกแพรมาแบบนี้หลายรอบแล้วนะ “
เรย์ยังคงไม่สนใจสีหน้าหงุดหงิดของแฟนสาวตรงหน้าในร้านอาหารแห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้า ซึ่งถ้าเป็นปกติเธอก็คงจะไม่หงุดหงิดเขามากหรอก หากแต่ช่วงนี้เรย์เอาแต่ติดเกมจนไม่รู้เวลา ทั้งๆ ที่ตัวเองยังมีเรื่องเกรดเป็นชะงักติดหลังอยู่เลยแท้ๆ และวันนี้ก็เช่นกัน ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ไม่ยอมรับสายเพราะติดพันอยู่กับการเล่นเกม จนกระทั่งได้มาเจอกัน จองตั๋วหนังและมานั่งรออาหารอยู่ในร้านอาหารแบบนี้ เรย์ก็ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่กับหน้าจอมือถือ โดยลืมที่จะสนใจคนตรงหน้าที่มาด้วยกันไปเสียสนิท
“ เรย์... ยังไม่จบอีกเหรอ อาหารมาแล้วนะ จะกินมั้ยเนี่ย “
“ จะจบแล้วๆ “
5 นาทีต่อมา
“ เรย์... “
“ เชี่ย! ไอ้แน๊คเอ้ย!!! “
แพรถอนหายใจออกอย่างเบื่อหน่ายกับท่าทีของแฟนหนุ่มตรงหน้า
“ ว่าไงนะตัวเอง “
แพรไม่ได้ตอบอะไร หากแต่เขม็งตาส่งมาให้แทนคำตอบ และเหมือนว่าเรย์คงจะเข้าใจถึงความหมาย เขาจึงรีบทานอาหารตรงหน้าทันที โดยหารู้ไม่ว่าที่แพรกำลังไม่พอใจนั้นคือเรื่องที่เขามัวแต่เล่นเกมและไม่สนใจอะไรกับชีวิตเลยต่างหาก
ที่หน้าโรงหนัง
ระหว่างนั่งรอเวลาเข้าโรง เรย์ก็ยังคงไม่วายหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเล่นเกมอีกจนได้ จากการรบเร้าของเพื่อนขี้เหงาทั้งสองคนอย่างแน๊คและเจมส์
“ จะไปซื้อขนม เอาอะไรมั้ย... “
น้ำเสียงห้วนๆ ของแพรถามขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ อืม... “
“ ป๊อปคอร์นมั้ย “
“ อืม.... “
“ เอารสไร “
“ อืม... “
เมื่อเกินจะอดทน แพรจึงตัดสินใจเดินออกไปจากบริเวณนี้ทันที ทิ้งให้เรย์ที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์นั่งอยู่เพียงลำพัง ด้วยความเข้าใจว่าแฟนสาวคงกำลังเดินออกไปซื้อขนมมาให้
จนในที่สุดเกมก็จบลงด้วยชัยชนะ เขาอุทานขึ้นมาด้วยความดีใจ ก่อนจะกวาดสายตามองหาแพร แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็หาไม่พบ เขารีบกดโทรศัพท์หาเธอทันที แต่ก็ถูกตัดสายทิ้งไปโดยตลอด จนเขาเองเริ่มจะรู้สึกตัวแล้วว่าได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรทำลงไป และแพรคงจะโกรธเขาเอามากๆ จนบางทีเธออาจจะหนีกลับไปก่อนแล้วก็ได้
ว่าแล้วเขาก็รีบลุกออกจากที่และเร่งฝีเท้าออกตามหาเธอทันที.....
..........................................
ท่ามกลางการจราจรที่แออัด บนรถแท็กซี่คันหนึ่งหญิงสาวหน้าตาดีกำลังเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างด้วยสายตาที่เลื่อนลอย
เธอพึ่งกลับมาจากการช๊อปปิ้งที่แทบจะไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับมาเลย ด้วยขีดจำกัดทางด้านการเงินที่ดูจะมีปัญหา แต่เพราะความเหงาที่ต้องอยู่ตามลำพังโดยปราศจากเพื่อนฝูงเฉกเช่นเมื่อก่อนหน้านี้ มันเลยทำให้เธอพยายามทำทุกเรื่องที่เธอเคยทำแล้วมีความสุข แต่จนแล้วจนรอด... การรับรู้ความจริงว่าตัวเองเป็นคนที่น่ารังเกียจและไร้ซึ่งการยอมรับจากสังคม มันเลยทำให้เธอไม่สามารถสะบัดความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ฝังลึกอยู่ในใจลงไปได้เลยแม้แต่น้อย
ฝนที่ตกลงมาทำให้เธอติดอยู่บนการจารจรที่ติดขัดนี้มานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว จนกระทั่งรถได้เคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากแยกไปแดงใหญ่ข้างหน้า
ฮานะกวาดสายตาด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะมาหยุดอยู่ที่เด็กน้อยสองสามคนที่กำลังเดินถือพวงมาลัยแวะเวียนไปตามรถทีละคันๆ แต่ก็มักจะถูกปฏิเสธโดยตลอด....
ท้องฟ้าสีเทายังคงทิ้งหยาดฝนลงมาอย่างไม่ขาดสาย เด็กน้อยที่ไม่มีแม้แต่ร่มสักคันยังคงถือพวงมาลัยด้วยตัวที่เปียกปอนเดินขายพวงมาลัยต่ออย่างไม่ลดละ ภาพดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้เกิดมาอยู่ในสภาพแบบนั้น....
ทว่า... มันกลับไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย.....
เธอไม่เคยได้หยุดมองภาพแบบนี้นานๆ เลยสักครั้งในชีวิต.... หากว่าวันนี้ฝนไม่ตก เธอก็คงจะไม่ได้หยุดมองสิ่งรอบข้างได้นานๆ แบบนี้ เพราะทุกวันที่ผ่านมา เธอมองเห็นแต่เพียงแค่ตัวของเธอเอง... ก็เท่านั้น
เด็กน้อยที่เธอเห็น เขาไม่มีอะไรเลยที่จะสามารถเทียบเธอได้... ทั้งหน้าตาและฐานะ... ทว่าด้านหัวใจ... เธอกลับไม่สามารถเอาชนะเด็กน้อยเหล่านั้นได้เลยแม้แต่น้อย.... เพราะว่าพวกเขาแม้จะอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่ามาก แต่พวกเธอกลับทำให้ตัวเองดูเป็นคนที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อทั้งตนเองและครอบครัว....
แล้วเธอล่ะ...?
ที่ผ่านมาได้ทำอะไรหรือเพื่อใครบ้างรึเปล่า...
ใช้เงินฟุ่มเฟือยก็เท่านั้น...
หักหลังเพื่อก็เท่านั้น...
ดูถูกคนอื่นก็เท่านั้น...
และยังทำเรื่องแย่ๆ เอาไว้อีกมากมาย...
แล้วจะแปลกตรงไหนล่ะที่จะไม่มีใครต้องการ จนต้องมาเจ็บลึกในหัวใจอยู่แบบนี้
ทั้งๆ ที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นเขาแล้วแท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะเดินเข้าหาแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองดูมีคุณค่าต่ำลงไปเรื่อยๆ...
ไม่รู้ว่าน้ำตาของเธอมันเอ่อล้นขึ้นมาตอนไหน แต่เธอก็ยกมือขึ้นมาปาดมันออกไปก่อนที่มันจะล่วงหล่นลงมา
ก๊อกๆๆ !
เสียงเคาะกระจกรถบริเวณคนขับดังขึ้นให้ลุงแท็กซี่หันไปสนใจ ก่อนจะเบือนหน้าหนีและปัดมือตอบไปอย่างไม่แยแส เมื่อเด็กน้อยในสภาพเปียกปอนและมอมแมมยกพวงมาลัยขึ้นมาเป็นเชิงถามว่าสนใจจะรับมั้ย แต่เมื่อถูกปฏิเสธเธอก็ไม่ดึงดันที่จะเร้าหรือ หากแต่แววตากลับฉายแววแห่งความผิดหวังออกมาให้เห็น
ทันทีที่เด็กน้อยกำลังจะก้าวเดินจากไปด้วยใบหน้าที่แสนเศร้า ฮานะก็ลดกระจกลงก่อนจะตระโกนร้องเรียกขึ้นเสียงดัง ให้เจ้าของร่างเล็กต้องหยุดเท้าลงและหันกลับมามอง
“ น้องคะ พวงมาลัยพวกนั้นมีกี่อัน พี่ขอซื้อทั้งหมดเลยนะ.... “
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอใช้เงินเกินความจำเป็น ด้วยความรู้สึกที่อยากจะทำเพื่อใครสักคน แม้มันจะไม่ได้มาซึ่งเสื้อผ้าสวยๆ แต่กลับรู้สึกอิ่มเอมใจมากกว่า หากเด็กน้อยคนนี้จะสามารถกลับไปบ้านได้เร็วขึ้น...
เด็กน้อยมองเธอกลับมาอย่างแปลกใจราวกับไม่เชื่อหูของตัวเอง แต่ไม่นานรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาเธอที่รถ
.......
“ อันนี้หนูแถมให้พี่ค่ะ ไม่คิดเงิน “
เด็กน้อยส่งพวงมาลัยพวงสุดท้ายให้ฮานะไปพร้อมกับพูดขึ้น ซึ่งเธอเองก็หันกลับไปหยิบเอาถุงขนมของร้านอร่อยที่เธอซื้อกลับมาด้วยส่งให้เด็กน้อยคนนี้ไปด้วยเช่นกัน
“ อันนี้พี่ให้.... เอากลับไปกินนะ... “
เธอยิ้มให้.... รอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ ก่อนจะได้รับการยกมือไหว้ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มและสีหน้าดีใจอย่างที่ทำให้ผู้ให้รู้สึกตื้นตันทันทีที่ได้เห็น
“ ขอบคุณนะคะ พี่คนสวยใจดีจัง.... “
ใจดีจัง....
ถ้อยคำจากใจที่ไร้ซึ่งความเสแสร้งของเด็กน้อย....
ถ้อยคำที่เธอคิดว่าคนเช่นเธอไม่สมควรจะได้รับมันเลยสักครั้งในชีวิต....
ขอบคุณนะสายฝน..... ที่ทำให้เราได้ ‘หยุด’ เพื่อที่จะมองโลกได้กว้างขึ้น และเห็นอีกด้านหนึ่งที่เรายังไม่เคยได้สัมผัส....
ความคิดของเธอในตอนนี้ มันไม่มีคำว่าสายไปหรอกสำหรับการเริ่มต้นใหม่ เพียงแค่ยอมรับความผิดพลาดและกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่.... แล้วชีวิตก็คงจะมีคุณค่าในตัวของเราเอง... ไม่มากก็น้อย....
...
ที่คอนโดของกิจ…
“ ไม่เอา...! ไม่เล่นแล้ว!! “
“ นั้นถือว่าพี่ชนะนะ “
“ ก็พี่ขี้โกงนี่ สัญญากันแล้ว... จู่ๆ มากลับคำ แล้วนี่มาให้ผมเล่นเกมอะไรอีกเนี่ย ใครมันจะไปชนะพี่ได้ล่ะ “
หลังจากที่กันต์พยายามอยู่พักใหญ่เพื่อที่จะเล่นเกมให้ชนะกิจเพียงแค่หนึ่งตา เพื่อแลกกับการถูกพาไปดูหนัง แต่จนแล้วจนรอด เขาที่ไม่ถนัดเรื่องเกมเอาเสียเลย ก็ไม่สามารถเอาชนะกิจได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ ถ้างั้นก็เล่นอีกตา “
“ ม้าย...! จริงๆ พี่ไม่มีสิทธิมาต่อรองนะ นี่ถือว่าผมปราณีสุดๆ แล้วนะ “
“ ก็เราไม่ชนะพี่นี่ แล้วดูดิฝนตกแบบนี้รถติดจะตาย รับรองเลยไปไม่ถึงก็อยากกลับแล้ว “
“ ก็กันต์อยากดูนี่... น้าพี่น้า..... “
กันต์เอามือมาเขย่าแขนกิจพร้อมทั้งทำเสียงอ้อนจนคนตัวโตกว่าอดอมยิ้มในความน่ารักของเด็กคนนี้ไม่ได้
“ นั้น.... ทำอะไรให้พี่กินก่อนดิ พี่หิวแล้ว... และถ้าฝนหยุดตกเดี๋ยวพี่จะพาไป “
“ จริงนะ.. “
สิ้นเสียงกันต์ก็ทำตาลุกวาวราวกับเด็กน้อยที่สามารถอ้อนซื้อของเล่นได้สำเร็จ
“ อื้ม... แต่ต้องฝนหยุดตกก่อนนะ “
แม้จะไม่สามารถการันตีได้เต็มร้อยว่าจะได้ไป แต่ถ้าพี่เขาพูดมาแบบนี้แล้ว มันก็มีแนวโน้มสูงที่เขาจะได้ไปหากว่าฝนหยุดตก ว่าแล้วเขาก็ลุกพรวดออกจากโซฟาห้องรับแขกเข้าครัวไปหาอะไรทำมาให้แฟนหนุ่มทานในทันที
....................................................................
ที่ห้างสรรพสินค้า....
เรย์จากที่เดินไวๆ มองซ้ายมองขวา ตอนนี้กลับกลายมาเป็นวิ่งตามหาแพรจนจะเรียกได้ว่าแทบจะทุกชั้นของห้างแล้วก็ว่าได้ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังคงไม่เจอแพรอยู่ดี
เขาเดินหอบช้าๆ เรื่อยมาจนถึงบริเวณหน้าห้างซึ่งมีผู้คนยืนออกันอยู่บ้างประปราย ก่อนที่สายตาเขาจะเห็นด้านหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้แม่นเลยว่าคือใคร ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปหาในทันที
“ แพร.... เรย์ตามหาตั้งนานเลยนะ “
แพรไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเบือนหน้าออกไปยังบริเวณหน้าห้างที่มีฝนตกอยู่อย่างไม่ขาดสายเหมือนเดิม ซึ่งจะว่าไปแล้วหากวันนี้ฝนไม่ตก เธอก็คงจะได้นั่งรถกลับบ้านไปเองเสียตั้งนานแล้ว ในเมื่อแฟนหนุ่มที่มาด้วยกันให้ความสำคัญกับเธอน้อยกว่าที่ควรจะเป็นกับการมาออกเดทด้วยกันแบบนี้
“ เค้าขอโทษ... “
“ รู้เหรอว่าผิดอะไร... “
ในที่สุดเธอก็ยอมปริปาก เพราะแพรไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่เอาแต่ใจจนเกินไป ถ้าจะคุยกันด้วยเหตุผลแล้ว เธอก็พร้อมที่จะคุยด้วยเสมอ
“ ก็... ที่เรย์เอาแต่เล่นเกมไง... ใช่ป่ะ “
แพรจ้องเขาตาเขม็งก่อนจะถอนหายใจออกก่อนจะพูดขึ้น
“ ไม่ใช่... “
“ อ้าว... แล้วเรย์ทำผิดอะไรอะ ตัวเองบอกเค้ามาสิ “
“ ถ้าเรย์เป็นแค่วันนี้แพรจะไม่ว่าเลยนะ แต่เรย์เป็นมาตลอดเลยอะ ที่แพรโกรธก็คือการที่เรย์ทำตัวไม่ค่อยใส่ใจเรื่องที่ควรต้องใส่ใจ... ไม่ใช่แค่แพรนะ แต่รวมถึงการเรียนและเรื่องอื่นๆ ด้วย เรย์ควรจะสนใจมันให้มากกว่านี้... “
ได้ยินแพรว่ามาถึงตรงนี้ เขาก็เข้าใจทันที เพราะขนาดเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตเขา เขายังทำเป็นเล่นและไม่สนใจมันอยู่เลย
“ กับแพรอะ ที่สุดเราก็แค่เลิกกัน แต่เรื่องอื่น... มันทั้งชีวิตของเรย์เลยนะ... แพรก็แค่อยากให้คนที่แพรรักใส่ใจกับชีวิตของตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย... ก็แค่นั้นเอง “
เมื่อแพรไม่มีอะไรจะพูดต่อ เรย์ที่ผลุบตาต่ำลงอย่างรู้สึกผิดก็เอามือเข้ามากอบกุมมือบางตรงหน้าไว้อย่างนุ่มนวล เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลย เพราะสิ่งที่แพรเตือนมามันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งหมด สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็เพียงแค่การกล่าวคำขอโทษออกมาจากใจอย่างสำนึกผิดเพียงแค่นั้น
“ ขอโทษนะตัวเอง... เรย์เข้าใจแล้วล่ะ จากนี้ไปเรย์จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นนะ เพื่อตัวเองและก็.. เพื่อ ‘เรา‘ด้วย “
แพรมองเขาอย่างชั่งใจ ซึ่งเธอก็พอจะรู้ได้ว่าตอนนี้เรย์รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จากสีหน้าและน้ำเสียงที่ส่งผ่านมาถึง
“ อื้ม... “
เธอพยักหน้ารับให้ไปเป็นคำตอบ ก่อนที่คนตรงหน้าจะยิ้มกว้างออกมาให้เห็นแทบจะในทันที....
“ ถ้างั้น... เราไปดูหนังกันต่อนะ... “
“ แต่มันเลยเวลาเข้าโรงมานานแล้วนะ “
“ จะเป็นไรไปล่ะ ก็แค่ซื้อตั๋วใหม่... เรย์มีเวลาว่างให้แพรทั้งวันเลยนะวันนี้.... “
“ นั้น.... ปะ... “
ขอบคุณนะสายฝน.... ที่ทำให้เราได้ ‘หยุด’ เพื่อที่จะรอ... และปรับความเข้าใจกันมากขึ้น.....
..................................................................................