Chapter 39
ที่คณะบัญชี
สาวสวยผมยาวอารมณ์บูดกำลังเดินเชิดเข้าไปยังห้องเรียนด้วยท่าทีปกติของเธอ ก่อนจะตรงไปยังที่นั่งประจำเพื่อรวมตัวกับแก๊งค์เพื่อนสาว
“ ไงยะหล่อน เมื่อคืนกับพี่กิจเป็นไงบ้าง ฟินอย่างที่เขาร่ำลือกันมั้ย “
ลูกพีช หนึ่งในเพื่อนสาวทักขึ้นด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย ทว่าเจ้าตัวกลับได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเลิกตามองบนเล็กๆ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไหร่
“ ฟินอะไรล่ะ.. “
ทันทีที่เธอตอบ เพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอก็หันหน้ามามองกันทันที ราวกลับเห็นเป็นเรื่องที่ผิดปกติ จากนั้นเจน เพื่อนสาวอีกคนของเธอก็เลยถามขึ้นต่อ
“ พี่เขาไม่เวิร์คเหรอ... “
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อทุกคำถามจากเพื่อนมันไปกระตุ้นอารมณ์บูดที่มีมาตั้งแต่เช้าของเธอ
“ ท่าทางอย่างนี้... อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน... เธอยังไม่ได้... “
ลูกพีชจี้ถามต่อทันที เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนตัวเองในตอนนี้
“ ก็ใช่น่ะสิ...! ดันมีก้างขวางคอมาซะก่อน... “
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด จากอารมณ์ที่เก็บกดไว้ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มมาตลอดเช้านี้ของเธอ
“ ใคร ? ฉันอุตส่าห์ขอพี่คิมให้ช่วยเคลียร์คนอื่น และสร้างโอกาสให้แกแล้วนะ “
ลูกพีชทำหน้าสงสัยถามมา
“ ก็ไอ้เด็กที่พักอยู่กับพี่กิจน่ะสิ ดันเข้าห้องมาตอนที่ฉันจะได้พี่เขาอยู่แล้วแท้ๆ พี่กิจก็เลยไม่สนใจฉัน แล้วตามไอ้เด็กนั่นหายออกไปจากห้องทั้งคืน... มารผจญซะจริง “
ฮานะพูดจบ เพื่อนทั้งสองของเธอต่างก็พากันหัวเราะขึ้นทันที
“ ฝีมือตกไปนะแก... ขนาดนี้แล้วยังพลาดได้อีก “
เจนว่ามา
“ แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อ ดูท่าพี่กิจจะเห็นไอ้เด็กร่วมห้องนั่นสำคัญกว่าแกนะ “
“ ก็ไม่ยังไง... ถ้ามันเป็นอุปสรรคมาก.. ก็แค่กำจัดออกไป... ก็เท่านั้น “
คำพูดมีนัยของเธอ ทำเอาเพื่อนทั้งสองคนต่างมองหน้ากันอย่างค่อยไม่เข้าใจนัก แต่ถึงกระนั้น.. พวกเธอก็ไม่ได้แปลกใจกับท่าทีดังกล่าวสักเท่าไหร่ เมื่อเนี่ยแหละ... คือตัวตนที่แท้จริงของเธอ…
................................................................
กิจ’s Partผมเดินดุ่มๆ ด้วยตาขวางๆ เข้ามายังภายในห้องเรียน หลังจากที่ผมไปไม่ทันคลาสของกันต์มัน ซึ่งได้เริ่มเรียนไปเรียบร้อยแล้ว
เอาไว้ใกล้ๆ เที่ยงผมค่อยไปดักรอมันที่หน้าห้องเลยละกัน จะได้ไม่ต้องคลาดกันอีก
“ ผัวะ!!! “
“ เชี่ย.! ไอ้กิจ... มึงมาตีหัวกูทำไมวะเนี่ย “
เสียงไอ้คิมมันร้องลั่นทันทีที่ผมเอาชีทเรียนม้วนๆ เป็นแท่งกลม ก่อนจะเอามาฟาดหัวมันแรงๆ ครับ
“ ก็เพราะมึงเลย ทำกูงานเข้า... “
“ อะไรของมึงเนี่ย “
มันร่นคิ้วถามมา พลางลูบหัวตัวเองที่โดนตีไปด้วยป้อยๆ
“ ก็เรื่องฮานะไง กูรู้นะว่ามึงคิดจะทำอะไร... กูขอย้ำตรงนี้เลยนะว่า... กูไม่ได้ชอบหรือสนใจอะไรน้องเขา….!! แล้วถ้ามึงยังเสือกมายุ่งอะไรไม่เข้าเรื่องอีก... อย่าหาว่ากูไม่เตือน.. “
ผมทำเสียงเข้มบอกไปครับ ซึ่งมันก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยก่อนจะขานรับ ’เออ’ กระแทกใส่หน้าผมมาทีนึง แต่แค่นี้มันก็ไม่กล้ายุ่งอะไรต่อแล้วละครับ
……
การเรียนในช่วงเช้าดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่ความรู้แทบจะไม่ได้เข้ามาในหัวผมเลยสักนิด เพราะผมมัวแต่คิดเรื่องที่ว่าจะเริ่มต้นอธิบายกับกันต์มันยังไงดีถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เพื่อให้มันยอมฟังและเชื่อในคำพูดของผมมากกว่าสิ่งที่มันเห็น
ผมมองดูนาฬิกา ซึ่งบอกเวลาว่าอีก 40 นาทีก็จะเที่ยงแล้ว ทว่าตอนนี้ผมคงต้องออกจากห้องเรียนเพื่อไปดักรอมันก่อนแล้วละครับ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะคลาดกันอีกก็เป็นได้
ผมทิ้งเอกสารการเรียนไว้บนโต๊ะ และฝากไอ้คิมมันเก็บไว้ให้ ก่อนจะขออนุญาตอาจารย์ผู้สอนออกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าผมคงจะไม่กลับเข้าห้องมาแล้วแน่ๆ
ผมรีบตรงไปยังห้องเรียนของ Sec กันต์มัน และก็เป็นโชคดีของผมที่ยังทัน เมื่อยังคงได้ยินเสียงอาจารย์ผู้สอนดังออกมาจากภายในห้อง
ผมนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้านนอกซึ่งไร้ผู้คนในเวลานี้ ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น และเห็นไลน์ของน้องฮานะที่เธอขอแอดเอาไว้เมื่อเช้านี้เด้งขึ้น เพื่อบอกถึงเรื่องร้านที่เรานัดกันเอาไว้เที่ยงนี้ ซึ่งก็เป็นร้านอาหารแถวหลังมอนั่นแหละครับ
ผมนั่งรออยู่ได้ไม่นาน ก็เห็นอาจารย์ผู้สอนเปิดประตูออกมา และตามด้วยเสียงอึกทึกมากมายจากภายในห้อง ผมยกมือไว้อาจารย์ทันทีที่ท่านเดินผ่าน จากนั้นผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงและทำท่าว่าจะลุกขึ้นเดินเข้าไปข้างใน แต่ประจวบเหมาะกับที่กันต์และพวกเพื่อนๆ ของมันเดินออกห้องมาพอดี
กันต์ที่เดินรั้งท้ายชะงักเท้าทันทีที่เห็นหน้าผม และไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงต่อ ผมก็เดินตรงเข้าไปหามันทันทีครับ
“ กันต์... พี่มีเรื่องจะคุยด้วย “
“ เอ่อ.. แต่ผมกำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อนอะครับ เอาไว้... “
“ ไม่! ตอนนี้เลย พี่มีเรื่องจะคุยด้วย “
ผมทำเสียงเข้มบอกไป แต่ก็ไม่ได้โหดเหมือนตอนเชียร์หรอกนะครับ แค่อยากให้มันรู้ว่าผมกำลังจริงจังอยู่ก็เท่านั้น
“ นั้น... พวกกูไปรอที่โรงอาหารก่อนนะ “
ไอ้น้องแน๊คเพื่อนมันว่ามาอย่างเกรงๆ ผมครับ ในขณะที่ผมยังต้องใช้สายตาออกคำสั่งไปที่ไอ้เรย์ เมื่อมันทำท่าว่าจะยังไม่ยอมไป แต่พอเห็นสายตาผม สุดท้ายมันก็ยอมไปแต่โดยดี...
ในขณะที่ระเบียงทางเดินตอนนี้ค่อนข้างจะปลอดคนแล้ว เมื่อนักศึกษาปี 1 Sec นี้พากันเดินออกไปจนหมด พอผมเห็นว่าสะดวกแล้ว ผมจึงเริ่มพูดขึ้น
“ เรื่องเมื่อคืนนี้อะ “
ผมอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ในขณะที่ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าดูเหมือนจะมีความประหม่าอยู่ในแววตาไม่ใช่น้อย
“ มัน... ไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นนะ “
จากแววตาสั่นไหวของคนตรงหน้า ตอนนี้กลับกลายมาเป็นสายตาตั้งคำถามขึ้นมาแทน
“ คือ.. มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ “
“ พี่กิจ... ทำไม... “
ไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไร มันก็สวนขึ้นมาเสียก่อน แล้วก็อ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ซึ่งกดดันผมเป็นที่สุด
“ ทำไมพี่ถึงต้องมาอธิบายอะไรพวกนี้ให้ผมฟังด้วย... “
เอ่อ....
นั่นสิครับ... ปกติผมที่ไม่เคยแคร์ใคร ไม่สนใจเลยว่าคนรอบข้างจะเข้าใจผิดแค่ไหน กลับต้องมาร้อนใจและเป็นกังวล กลัวว่าคนตรงหน้านี้จะเข้าใจผมผิด โดยที่ผมเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่...
“ ก็.. พี่ไม่อยากให้เราเข้าใจพี่ผิดน่ะ “
ใช่เหรอ....
ผมรู้สึกแค่นี้จริงๆ เหรอ...
“ มัน... สำคัญด้วยเหรอครับ “
สำคัญสิ...
ใช่แล้ว...
จริงๆ แล้ว สิ่งที่ผมกลัวมากกว่าการที่กันต์มันจะเข้าใจผิดก็คือ...
ผมกลัวว่า...
ผมจะต้องเสียมันไป....
“ จริงๆ.. พี่จะคบใคร จะทำอะไร..มันก็เป็นสิทธิของพี่นะครับ ห้องของพี่ พี่มีสิทธิทุกอย่าง... ผมต่างหากที่ไม่ควรจะเข้าไปวุ่นวายในความเป็นส่วนตัวของพี่ตั้งแต่แรก.... มัน.... ผิดตั้งแต่แรกที่ผมเข้ามาในชีวิตพี่แล้วล่ะ “
ไม่นะ.. มันไม่ใช่สิ่งที่ผิด... ผมไม่เคยนึกเสียใจเลยที่มีมันเดินเข้ามาในโลกส่วนตัวของผม...
“ กันต์... กันต์ฟังพี่นะ... “
สายตาที่สั่นระริกของคนตรงหน้า มันทำให้ผมรู้สึกใจแป้วขึ้นมาทันที ราวกับว่าคำพูดที่ผมจะเอ่ยต่อไป มันอาจจะทำให้น้ำตาใสๆ ของคนตรงหน้านี้ไหลรินออกมาก็เป็นได้
ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันช่างบอบบางและน่าทะนุถนอมได้ถึงขนาดนี้ ถ้าทำได้... ผมก็อยากจะเข้าไปกอดและปลอบมันเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ผมก็ไม่กล้า... และที่สำคัญ... ผมไม่รู้ว่ามันกำลังกลัวอะไรอยู่ จากแววตาที่สั่นไหวคู่นี้...
“ เมื่อคืนน่ะ พี่กับฮานะไม่ได้มีอะไรกันนะ “
“ แต่ที่ผมเห็น และ... “
“ มันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้นแหละ กันต์เชื่อพี่นะ “
ผมมองมันด้วยสายตาเว้าวอนอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน เพียงขอให้คนตรงหน้านี้เชื่อคำพูดของผมสักครั้งก็เท่านั้น ทว่าแววตานั้นกลับเปลี่ยนมาเป็นความสงสัยเคลือบแคลง ซึ่งผมก็เข้าใจนะ เพราะเป็นใครก็มีสิทธิที่จะคิดได้ว่าคำพูดของผมมันเป็นเพียงคำโกหกที่ใช้ในการแก้ตัวก็เท่านั้น หลักฐานอะไรก็ไม่มี... ที่จะมีก็แค่...
พยาน....
“ ถ้ากันต์ไม่เชื่อพี่.. พี่ให้ฮานะมาช่วยยืนยันก็ได้นะ... “
“ ไม่จำเป็นหรอกครับ... จริงๆ แล้ว... ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ผมก็ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น... “
“ ทำไม... “
“ พี่ก็รู้นี่ครับ.. ว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่... แล้วถ้าเป็นพี่ล่ะ... พี่อยากจะรับรู้เรื่องอะไรพวกนี้มั้ย... “
อึ้งครับ... ก็จริงของมันนะ รับรู้แล้วได้อะไร... การไม่ต้องรับรู้อะไรเกี่ยวกับผมเลย... มันก็อาจจะดีกว่าก็ได้...
แต่....
ถ้ามันจะไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเลย ถ้ามันอยากจะลืมผม...
ผม...
ไม่ยอมแน่ๆ…
“ แต่ยังไง... พี่ก็จะทำให้เราเชื่อพี่ให้ได้ ว่าสิ่งที่พี่พูดมามันคือความจริง “
พูดจบผมก็คว้าข้อมือมันทันที
“ จะทำไรอะพี่กิจ “
“ ก็ทำให้เราเชื่อไง “
พูดจบผมก็ทำท่าว่าจะลากมันไป ซึ่งมันก็พยายามรั้งตัวเอาไว้ และจะแกะมือหนาของผมออกในตอนนี้
“ พี่จะพาผมไปไหน “
“ ก็ไปหาฮานะ... แล้วเราจะได้รู้ความจริง “
“ ไม่พี่..!! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น “
“ อยากอายชาวบ้านก็โวยวายไป... รู้ใช่มั้ยว่าพี่ไม่สนใจใครอยู่แล้ว “
ผมพูดความจริงครับ ก่อนจะออกแรงลากมันไปที่รถ
......................................
ร้านอาหารหลังมหาลัยฯ
ผมลากกันต์มันเดินเข้ามายังภายในร้านที่นัดกับน้องฮานะเอาไว้ ซึ่งน้องเขาก็มาถึงอยู่ก่อนแล้ว และกำลังนั่งส่งยิ้มมาให้จากที่โต๊ะ
จนถึงตอนนี้ กันต์มันก็ยังคงไม่ค่อยเต็มใจที่จะมาด้วยสักเท่าไหร่ ผมเลยต้องบังคับมัน อย่างน้อยขอแค่ให้มันได้รู้ความจริงก่อน ส่วนเรื่องง้อ... เดี๋ยวผมจัดการทีหลังได้ไม่ยาก ( คิดว่างั้นนะครับ )
“ พี่กิจ น้องกันต์ นั่งกันก่อนค่ะ “
เมื่ออยู่ต่อหน้าน้องฮานะแล้ว กันต์มันก็ดูจะว่าง่ายขึ้นมาหน่อยครับ พอเรานั่งลงเรียบร้อยกันแล้ว น้องเขาก็ส่งเมนูมาให้เราสั่งอาหารกันก่อน จากนั้นก็เริ่มเข้าเรื่องต่อทันที
“ คือเรื่องเมื่อคืนนี้น่ะ... คือ...พี่กับพี่กิจ.. เรา... “
อย่าค้างนานสิครับน้อง แถมสีหน้าแบบนั้นอีก... ไอ้คนข้างๆ พี่มันจะคิดไปกันใหญ่นะ
“ เอ่อ... เราไม่ได้มีอะไรกันหรอกนะ “
น้องเขาพูดจบ ผมก็รีบหันไปมองยังคนข้างๆ ต่อทันที แต่ไหงสีหน้ามันกลับนิ่งเฉย เหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฮานะพูดมาเลยสักนิด
“ ก็พี่บอกแล้วไงว่าไม่ได้มีอะไร เราก็ไม่เชื่อ... “
ผมย้ำต่อทันที แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลอะไร เมื่อดูจากสีหน้าและแววตาของมันแล้ว
“ ครับ... จริงๆ... พวกพี่.. ไม่ต้องลำบากมาอธิบายให้ผมฟังก็ได้นะครับ... “
เหมือนมันจะฝืนยิ้มและพูดออกมา
เห้อ... ถึงขนาดนี้แล้วผมควรจะทำยังไงให้มันเชื่อได้วะเนี่ย
“ แต่พี่กิจเขาห่วงน้องกันต์มากเลยนะ ถึงได้ให้พี่มาช่วยพูดให้แบบนี้ “
เดี๋ยวนะ... จริงๆ แล้วเป็นน้องไม่ใช่เหรอที่เสนอตัวมาช่วยพี่อะ แล้วอย่าพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ แบบนี้จะได้มั้ย... เพราะไอ้เด็กดื้อนี่มันคิดไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้!!!
“ กันต์... “
จะพูดยังไงต่อดีนะให้มันเชื่อผม...
“ ครับ... ผมเข้าใจแล้ว... “
เข้าใจตรงไหน.. สีหน้าแบบนี้มันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย....
ท่ามกลางความเงียบที่มาคุ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของน้องฮานะก็ดังขึ้น
“ เออใช่! ฉันลืมซะสนิทเลย ทำไงดีล่ะ... ได้ๆ เดี๋ยวฉันจะรีบไปส่งให้ ทันแน่ๆ “
เมื่อวางสายแล้ว เธอก็หันมามองหน้าผมอย่างประหลับประเหลือก
“ ฮานะลืมไปว่าต้องส่งรายงานกลุ่มให้ทันก่อนบ่ายโมงนี้อะค่ะพี่กิจ... “
ผมทำหน้านิ่งรับฟังไปครับ คือถ้าน้องเขาจะกลับไปตอนนี้เลย ก็ไม่มีผลอะไรกับผมทั้งนั้น เพราะที่เหลือจากนี้ เดี๋ยวผมคงต้องจัดการเองแล้วล่ะ
“ พี่กิจคะ... จะเป็นไรมั้ย... ถ้าจะรบกวนพี่กิจช่วยขับรถไปส่งฮานะส่งงานที่คณะสักแปบนึง แล้วเราค่อยกลับมากินกันต่อ... จะได้มั้ยคะ... คือ... ฮานะกลัวจะไปส่งงานไม่ทันอะค่ะ “
น้องเขาพูดจบ ผมเลยหันหน้าไปมองยังคนข้างๆ เพื่อขอความเห็น
“ น้องกันต์รออยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ย พี่กับพี่กิจคงไม่นานหรอก... “
เอ่อ... นี่ผมยังไม่ได้ให้คำตอบน้องเลยนะครับว่าจะไปส่ง...
“ ครับ... ไม่เป็นไร ผมรอได้ พวกพี่ไปทำธุระกันให้เสร็จก่อนเถอะ “
กันต์มันตอบไปครับ ซึ่งก็ไม่ได้หันหน้ามามองผมเลยสักนิด สุดท้ายผมก็ต้องลุกออกจากโต๊ะไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่มันก็เป็นเรื่องสำคัญของน้องเขาอะนะ ทำไงได้... รีบไปรีบมาดีกว่า ผมไม่อยากทิ้งให้กันต์มันต้องอยู่ที่นี่คนเดียวสักเท่าไหร่
..............................................