My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]  (อ่าน 59980 ครั้ง)

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ไข่ฟองที่ 26
เธอคนช่างตื๊อ

            เดินขึ้นบันไดเลี้ยวผ่านมุมเสามาขาผมก็ชะงักเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้อง ถ้าหากเป็นเวลาปกติผมคงไม่สนใจแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ผิดห้องก็ตาม แต่เพราะเป็นคู่กรณีที่เพิ่งมีประเด็นกันเมื่อวาน แล้ววันนี้เธอก็มานั่งอยู่หน้าห้องเรียนผม แม้ไม่อยากสนใจยังไงก็คงถูกเรียกให้ไปสนใจอยู่ดี

            "เป็นไรวะ" พอผมชะงักคนข้างๆ ก็หยุดตาม ไข่ต้มหันมองหน้าผมสลับกับทางข้างหน้าแล้วทำหน้าสงสัย

            "เปล่า" ผมก้าวต่อ แต่ถึงจะปฏิเสธไปก็ไม่ทำให้ไข่ต้มเลิกสงสัยอยู่ดี เมื่อเธอคนนั้นเห็นผมแล้วหันมายิ้มให้

            "รู้จักเหรอ"

            "ก็นิดหน่อย"

            เมื่อเราเดินมาถึงหน้าห้องปุยก็ลุกมายืนขวางหน้าผมไว้ เธอยังคงยิ้ม ขณะที่ผมอยากจะเดินหนี ก่อนที่เธอจะเอ่ยประโยคชวนให้ผมลำบากใจออกมา

            "ทำไมไม่รับแอดเราอะ"

            ผมไม่คิดเลยว่าปุยจะเป็นคนดื้อด้านขนาดนี้ ที่ผมปฏิเสธไปเมื่อวานน่าจะทำให้เธอคิดได้แล้วว่าผมไม่อยากสานสัมพันธ์ด้วย รวมถึงที่ไม่รับแอดเฟซบุ๊กก็เช่นเดียวกัน แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และดูเหมือนว่าการเข้าหาของเธอจะทำให้เพื่อนสนิทผมไม่พอใจเท่าไร

            "กูเข้าห้องก่อนนะ" ไข่ต้มบอกก่อนจะเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับสาวห้องสี่เพียงลำพัง ทั้งที่ผมอยากให้มันอยู่ด้วยกันจะได้ฟังคำปฏิเสธของผมที่จะพูดกับเธอให้ชัดๆ แท้ๆ

            "ก็เราไม่อยากรับ"

            "อย่าใจร้ายนักดิ"

            "เราลบคำขอเธอไปแล้ว โอเคนะ ไม่ต้องแอดมาแล้ว"

            "ซอสยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ งั้นก็ให้เราจีบดิ"

            "จีบไม่ติดหรอก ไม่ต้องพยายาม" พูดจบผมก็เดินเข้าห้องไม่เปิดโอกาสให้เธอได้วอแวอะไรอีก สวมบทเป็นคนใจร้ายแบบไข่ต้มมันบ้าง แต่ท่าทางคู่ต่อสู้ของผมจะไม่ใช่คนที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ เลย

            ยังดีที่ปุยไม่ได้เดินตามผมเข้ามาในห้องไม่อย่างนั้นผมคงปวดหัวแน่ๆ ไข่ต้มมันนั่งประจำที่ตัวเองแล้ว หน้านิ่งจนเกือบบึ้ง รอบตัวแผ่รังสีน่ากลัวออกมา เป็นบรรยากาศในโหมดใหม่ที่ผมเพิ่งเคยสัมผัส

            เขาเรียกว่าอะไรนะ...โหมดหึงหวงใช่หรือเปล่า

            ผมนั่งลงข้างไข่ต้ม ตั้งใจว่าจะยังไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เผื่อว่ามันอยากรู้แล้วถามขึ้นมาเอง แต่หลังจากสังเกตอาการมาสองสามนาทีมันกลับยังนิ่ง กลายเป็นผมเสียเองที่คันปากยิบๆ อยากอธิบาย

            "เมื่อกี้มันไม่มีอะไรนะ"

            ลองเกริ่นออกไปเพื่อดูปฏิกิริยา ไข่ต้มพยักหน้ารับ ไม่หันมองไม่ถามต่อ สถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีเท่าไร

            "โกรธกูหรือเปล่า" ลองเปลี่ยนเป็นคำถามบ้าง คราวนี้มันตอบ แต่ไม่หันมามองผมอยู่ดี ทำเป็นวุ่นวายกับการจัดหนังสือใส่ใต้โต๊ะ

            "ทำไมกูต้องโกรธ"

            "กูขอโทษที่ไม่ได้เล่าให้มึงฟังตั้งแต่เมื่อวาน คนนั้นชื่อปุย เขามาขอไลน์กู แต่กูไม่ได้ให้นะ แอดเฟซมากูก็ไม่ได้รับ เมื่อกี้ก็ปฏิเสธไปแล้ว เชื่อกูนะ มันไม่มีอะไรจริงๆ" ผมชิงสารภาพแม้มันจะไม่ได้ถาม ถึงตอนนี้จะยังอยู่ในสถานะเพื่อนสนิทควบตำแหน่งคนคุยเราก็ไม่ควรมีอะไรปิดบังต่อกัน ผมไม่อยากให้มันคิดมาก แต่ดูเหมือนมันจะคิดไปแล้ว

            "ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"

            "มึงนิ่งอะ กูใจไม่ดี"

            "ก็กูไม่รู้จะพูดอะไร"

            "ไม่สงสัยเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"

            "ไม่ต้องถามก็รู้แล้วเถอะ"

            ไข่ต้มมันผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเยอะ ต่างกับผมที่ประสบการณ์ยังน้อยนิด แต่ไม่ว่าใครได้ยินเธอถามผมแบบนั้นก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังจีบผมอยู่

            "ไม่มีอะไรจริงๆ นะ" ผมยืนยันอีกรอบ คราวนี้ไข่ต้มหันมาจ้องผม

            "รู้แล้ว"

            "ก็กลัวคิดมาก"

            มันไม่ตอบอะไร ไม่บอกด้วยว่าคิดยังไงรู้สึกแบบไหน แต่แสดงอาการออกมาขนาดนี้อย่างน้อยก็ช่วยย้ำให้รู้ว่าผมยังสำคัญ และส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเพื่อนสนิทคนนี้ขนาดไหน

            เพิ่งจะโดนคนที่ชอบหึงเป็นครั้งแรก ถึงจะแปลกก็เถอะ แต่ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

 

            หากจะประมาณความดื้อด้านของปุย ผมให้เธอไปเลยร้อยคะแนนเต็ม เพราะไม่ว่าจะโดนปฏิเสธไปกี่ครั้งเธอก็ไม่เคยเข็ดหลาบ ขยันโผล่หน้ามาให้ผมเห็น บ้างก็เอาของมาให้ มาเซ้าซี้จะเอาไลน์ จนผมถอนหายใจใส่ไปหลายครั้ง คงไม่มีใครเหมาะกับประโยค ‘ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก’ เท่าเธออีกแล้ว แต่ตื๊อไปมันก็เท่านั้น บอกเลยว่าไร้ประโยชน์

            ผมไม่ใช่คนชอบพูดจาหยาบคายใส่คนอื่น ไม่ชอบตะหวาดแรงๆ เวลาโมโห หรือใช้กำลังตัดสินเป็นปัญหา โดยเฉพาะกับผู้หญิง แต่ปุยกำลังจะทำให้ผมหมดความอดทน เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธไปยังไงเธอก็ยังไม่ยอมถอยอยู่ดี

            ข้าวกลางวันของผมเกือบจะหมดความอร่อยเมื่อเห็นปุยเดินส่งยิ้มหวานมาให้แต่ไกล ผมชักสีหน้าใส่ตั้งแต่เธอยังเดินมาไม่ถึง ไข่ต้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ดูออก

            วันที่สามแล้วที่เธอโผล่มาหาผมตอนพักกลางวัน มานั่งคุยบ้าง ซื้อขนมมาให้บ้าง แน่นอนว่าผมไม่ได้รับไว้ แต่เธอก็มักจะชิ่งหนีไปก่อนและวางขนมทั้งหลายทิ้งไว้เป็นการบังคับให้ผมรับไป หรือไม่ก็เอาไปทิ้งเองถ้าไม่อยากกิน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน

            "เราซื้อขนมมาให้" ปุยยืนอยู่หัวโต๊ะ วางเยลลี่รสผลไม้ตรงหน้าผมแล้วยิ้มหวาน

            "ไม่กิน เอากลับไปเถอะ"

            "ไม่ชอบเหรอ แล้วซอสชอบกินอะไรอะ ถามไม่เคยตอบ"

            "ก็ไม่อยากตอบไง ไม่อยากคุย"

            "แต่ตอนนี้ก็ตอบอยู่นะ"

            พูดมาขนาดนี้ผมก็ทำให้ได้ เหมือนเป็นการเสนอแนะว่าควรรับมือกับคนช่างตื๊อยังไง ก็แค่ง่ายๆ คือทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนซะ

            "ไปเถอะมึง" เห็นไข่ต้มกินข้าวหมดพอดีผมก็ชวนขึ้นห้อง ลุกเดินหนีเธอออกมา ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียก ขนมที่ให้ก็ไม่รับไว้ ไม่พูดไม่คุยไม่ตอบรับอะไรทั้งสิ้น

            หนีคนช่างตื๊อออกมาจากโรงอาหารได้ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนเดินผ่านโถงใต้อาคารหอประชุมได้ยินรุ่นน้องผู้หญิงพูดชื่อผมกับเพื่อนสนิทผ่านหูแว่วๆ เรื่องคนมาจีบ แต่ไม่มีเวลาจะสนใจฟัง ต้องรีบเดินออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเผื่อเธอคนนั้นตามมาจะได้หนีทัน

            ตั้งแต่ที่ปุยเริ่มเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผมก็คอยสังเกตอาการไข่ต้มตลอด เราไม่ได้พูดคุยเรื่องเธอเป็นจริงเป็นจังอีกเลยตั้งแต่วันที่มันรู้เรื่อง มันยังคงนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ ไม่หงุดหงิดใส่ ไม่เคยบอกว่าหึง ผมรู้ว่ามันพยายามเก็บอาการ ผมเองก็กำลังพยายามดันเธอออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุดเช่นกัน แต่ไม่รู้เมื่อไรผมจะสลัดเธอคนนี้หลุดสักที

 

            วันนี้สีฟ้ามีแข่งวอลเลย์บอลหญิงกับสีเขียว อย่างกับเป็นสีคู่รักคู่แค้นที่ทำไมรู้ทำไมถึงได้วนเวียนมาเจอกันบ่อยนัก ผมไม่ได้ชวนไข่ต้มไปดูเหมือนทุกทีเพราะเกรงว่าจะบังเอิญเจอคนที่ไม่อยากเจอ หลังจากเลิกเรียนแล้วเลยรีบตรงกลับบ้าน แน่นอนว่าเป็นบ้านเพื่อนสนิทไม่ใช่บ้านผม

            ทาวน์โฮมหลังใหญ่ในยามที่ไม่มีใครอยู่นอกจากเราสองคนเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมโปรดปราน เราแวะเซเว่นซื้อขนมกลับมากินด้วยกันระหว่างทำการบ้านภาษาอังกฤษ แต่ก็ทำไปเล่นไปไม่เสร็จสักที

            "ขี้เกียจแล้วว่ะ" ผมเอนลงนอนหนุนตักคนที่นั่งข้างๆ วันนี้เราจับจองพื้นที่หน้าโซฟา นั่งพื้นใช้โต๊ะเล็กแทนโต๊ะเขียนหนังสือ รอบตัวเราที่เต็มไปด้วยน้ำกับขนม

            "ยังไม่ถึงครึ่งเลยมึง" เจ้าของตักว่า มันหยุดเขียนก้มลงหน้ามองผม วิวดีจนไม่อยากจะลุกเลยจริงๆ

            "ที่จริงอาจารย์ไม่ควรให้การบ้าน ม.หก แล้วหรือเปล่าวะ เด็กต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือ"

            "พูดอย่างกับมึงอ่าน"

            "กูอ่านนะ โคตรตั้งใจอ่านเลย"

            "ทำไมกูไม่เคยเห็น"

            "อยู่กับกูตลอดเวลาเหรอ"

            "ก็ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันสองทุ่มอะ แถมตอนสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนด้วย" ไข่ต้มตอบด้วยสีหน้าของผู้ชนะ

            "เออว่ะ" ผมก็ลืมคิดไปเสียสนิทว่าทุกวันนี้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนสนิทคนนี้มากขนาดไหน เรียกว่าแทบจะตัวติดกันตลอดเวลายังได้ แต่ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบจริงๆ นะ อย่างน้อยก็วันละครึ่งชั่วโมง

            "รีบลุกขึ้นมาทำต่อเลย"

            "ขอนอนอีกแป๊บนึง" ผมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาหน้าท้องเจ้าของตักแล้วยกแขนกอดเอวไว้ ไข่ต้มไม่ว่าอะไร มันเริ่มทำการบ้านต่อ ปล่อยให้ผมยึดตักเป็นหมอนได้ตามใจ

            เมื่อได้อยู่เงียบๆ ผมก็เริ่มหยิบเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาคิด ซึ่งเรื่องที่กำลังกวนใจผมมากที่สุดตอนนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงช่างตื๊อคนนั้น ผมอยากรู้ว่าตอนนี้ไข่ต้มมันคิดยังไง ถึงเราจะทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่อาการนิ่งเฉยของมันทำให้ผมคิดมากเสียทุกครั้ง

            "มึง"

            "หืม" เสียงครางตอบกลับมาเมื่อผมเรียก

            ผมพลิกตัวนอนหงาย มองไข่ต้มที่ยังตั้งใจทำการบ้าน แต่เมื่อมันรู้ตัวว่าถูกมองมือที่กำลังเขียนยุกยิกก็หยุดลง สายตาที่มีแววสงสัยก้มมองผม

            "เรียกแล้วก็เงียบ"

            "มึงคิดมากเรื่องปุยอยู่มั้ย"

            "ก็คิด แต่ไม่ได้มากอะไร"

            ผมมองตามันสักพักหลังฟังคำตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเพื่อคุยกันดีๆ ผมอยากรู้ว่ามันพูดจริงไหม ไม่ได้คิดมากอะไรจริงหรือเปล่า

            "กูไม่เคยเจอคนแบบนี้เลยว่ะ หรือกูใจร้ายไม่พอวะ ทำไมไม่เลิกตื๊อสักที" จะบอกว่านี่เป็นการระบายก็คงได้ ไข่ต้มหัวเราะออกจมูก มันยิ้ม สีหน้าดูผ่อนคลาย อย่างกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเป็นหนังตลก

            "กูเองก็ไม่เคยเจอใครตื๊อเก่งแบบนี้เหมือนกัน แต่กูเข้าใจนะ มึงไม่ต้องคิดมาก มึงกังวลเรื่องอะไรกูก็รู้ กูมีคนเข้ามาจีบได้แล้วทำไมมึงจะมีบ้างไม่ได้ บอกตามตรงกูก็ไม่ค่อยชอบใจหรอก ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยเห็นมึงโดนจีบสักครั้ง มันเลยไม่ชินมั้ง ทุกครั้งที่เห็นคนชื่อปุยเข้าหามึงกูเลยพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ หน้ามันเลยบึ้งไปเอง พอเจอกับตัวแบบนี้กูก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกมึงแล้ว ที่ผ่านมามึงทนได้ไงวะที่มีคนเข้าหากูเยอะขนาดนั้น เจ็บมากไหม"

            น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยที่เอ่ยถามในประโยคสุดท้ายทำเอาผมบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก มันเหมือนมีไอแห่งความสุขลอยอบอวลอยู่รอบๆ ตัวผมตอนที่ฟังไข่ต้มพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ผมยิ้ม แต่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้าง เป็นความสุขที่มีความทุกข์มาถ่วงเอาไว้เมื่อความทรงจำเก่าๆ และความรู้สึกเจ็บปวดในอดีตถูกดึงขึ้นมาให้นึกถึง ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของผมก็ยังไม่จางหายไปไหน

            มันคือความทุกข์ที่อบอวลไปด้วยความสุข...ประมาณนั้นล่ะมั้ง

            "มันก็เจ็บนะ แต่กูก็มีความสุขที่ได้เป็นคนที่อยู่ข้างๆ มึง"

            ไข่ต้มโผเข้ามากอด ซุกหน้าเข้าที่อกผมแล้วกอดไว้แน่น อยู่ๆ ก็แปลงร่างเป็นแมวขี้อ้อนจนผมเกือบตั้งตัวไม่ทัน ก็มันชอบทำตัวน่ารักแบบนี้ จะไม่ให้หลงรักได้ยังไง

            "ขอบคุณที่อยู่กับกูนะ" มันบอกเสียงอู้อี้ ผมรวบตัวมันแล้วดึงขึ้นมานั่งบนตัก วางคางเกยหัวมันไว้ มีความสุขจนแทบสำลักออกมา

            "ขอบคุณที่มึงยังอยู่กับกูเหมือนกัน มึงรู้มั้ย ตอนกูตัดสินใจบอกความรู้สึกออกไปแม่งโคตรกลัวเลย กลัวว่าจะเป็นเหมือนคนอื่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมึงแล้วก็ผ่านไป กลัวว่าจะต้องตัดขาดจากมึง"

            "ตอนนี้กูก็อยู่กับมึงแล้วไง ไม่ต้องกลัวแล้ว"

            "อืม"

            ผมฝังจมูกที่ข้างขมับไข่ต้มเบาๆ แล้วก็ต้องคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเมื่อคนบนตักขยับตัว มันเงยหน้าขึ้นสบตากับผมไม่ได้ลุกหนี ก่อนพูดเสียงอ่อยที่ชวนให้ผมอมยิ้มอีกครั้ง

            "กูขอโทษนะที่ช่วงนี้ชอบทำหน้าบึ้งใส่มึง"

            "เข้าใจว่าหึง ไม่ต้องคิดมาก"

            "หมั่นไส้ว่ะ"

            "กูยินดีให้มึงหึงนะ"

            "แต่กูไม่อยากหึงเลยว่ะ มันเหนื่อย"

            "งั้นแค่หวงก็ได้"

            "มันต่างกันตรงไหน"

            หน้ายุ่งๆ คิ้วผูกโบว์ของเพื่อนสนิทชวนให้ผมหัวเราะ เป็นโหมดเครียดแบบน่ารัก ที่อยากจะจับมาฟัดแรงๆ

            "มึงไม่ต้องหึงไม่ต้องหวงกูหรอก สัญญาเลยว่าจะไม่ไปไหน ไม่ปันใจให้ใครเด็ดขาด"

            คิ้วผูกโบว์หายไปเมื่อรอยยิ้มกว้างเข้ามาแทนที่ เราต่างขยับใบหน้าเข้าใกล้กันเมื่อรู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างต้องการอะไร แค่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะได้สัมผัสเสียงแจ้งเตือนจากมือถือใครสักคนก็ดังขึ้นรัวๆ แล้วเราก็สะดุ้งขยับออกห่างจากกันโดยอัตโนมัติ ผมกับมันมองมือถือสองเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อหาว่าแจ้งเตือนนั้นเป็นของใคร ซึ่งหวยออกที่เครื่องของผม ไข่ต้มพยักพเยิดให้เปิดดู มันขยับไปนั่งหน้าสมุดจับปากกาทำท่าจะทำการบ้านต่อ

            ใครกันช่างเข้ามาขัดได้ถูกจังหวะจริงๆ

            ผมหยิบมือถือมาดู มีข้อความจากคนที่ผมไม่รู้จักรัวมาหลายข้อความ แต่เมื่อตั้งใจอ่านชื่อแล้วก็ทายถูกได้ไม่ยาก มีไม่กี่คนหรอกที่โหยหายอยากได้ช่องทางติดต่อผมช่วงนี้ แล้วก็ทำสำเร็จเสียด้วย

            ผมไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหนถึงได้ไลน์ผมมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปิดช่องทางการติดต่อนี้กับเธอ ก็แค่ไม่คุยไม่ตอบ แล้วบล็อกไปซะก็สิ้นเรื่อง

            อย่าให้รู้นะว่าเพื่อนในห้องหรือคนรู้จักคนไหนมันขายไลน์ผม ส่วนจะจัดการวิธีไหนเดี๋ยวค่อยคิดอีกที

            "กูบล็อกแล้วนะ" ผมโชว์มือถือให้ไข่ต้มดู ตอนแรกมันทำหน้างงใส่ แต่หลังจากมองหน้าจอสักพักมันก็ยิ้มออกมา

            ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนต้องการความชัดเจนและความสบายใจ มันไม่มีความสุขหรอกที่ต้องคอยระแวงกันตลอดเวลา และผมอยากเป็นความสบายใจของมัน

            "เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ"

            "อะไรถึงไหน" ไข่ต้มทำหน้างง ไม่รู้แกล้งหรืองงจริงๆ แต่ผมไม่ปล่อยให้สิ่งที่โดนขัดเมื่อครู่จบลงอย่างค้างคาแน่นอน

            "เหมือนเมื่อกี้จะถึงประมาณนี้ใช่ป้ะวะ" ผมขยับเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราเกือบแตะกัน ไข่ต้มมันผงะเล็กน้อยเพราะตกใจที่อยู่ๆ ผมก็พุ่งเข้าไปหา แต่เมื่อรู้จุดประสงค์ก็ไม่มีการต่อต้านใดๆ อีก

            เป็นจูบครั้งที่เท่าไรของเราแล้วไม่รู้ ลิ้นผมได้รับรสหวาน คงจะเป็นนมข้นที่ไข่ต้มราดขนมปังกินก่อนหน้านี้ ไม่รู้มันกินยังไงถึงได้เลอะเทอะไปทั่ว จูบกี่ครั้งก็ยังหวานเหมือนเดิม

            "หวาน"

            "จะพูดทำไมเล่า"

            "มึงกินนมเลอะ"

            ไข่ต้มทำท่าจะยกมือเช็ดปากแต่ผมคว้ามือมันไว้ ไม่ปล่อยให้มันเช็ดเองหรอก

            "เดี๋ยวกูเช็ดให้"

            จะเช็ดให้ด้วยปากจนกว่าจะเกลี้ยงเลย

 

            ผ่านมาสองสัปดาห์หลังจากการแข่งรอบคัดเลือกในวันนี้การแข่งรอบชิงชนะเลิศของเปตองชายก็มาถึง แต่ถึงแม้จะเป็นรอบชิงชนะเลิศคนที่มาเชียร์ก็บังซบเซาเหมือนเดิม รวมตัวนักกีฬากับเพื่อนนักกีฬาแล้วมีอยู่สิบกว่าคนเท่านั้น

            รอบชิงชนะเลิศวันนี้สีฟ้าแข่งกับสีเขียว คู่รักคู่แค้นที่จับฉลากเจอกันในกีฬาเกือบทุกประเภท หรือถ้าไม่เจอรอบแรกก็มักเจอกันรอบชิง และแน่นอนว่าแข่งกับสีเขียวแม่สาวช่างตื๊ออย่างปุยต้องมาเชียร์ด้วย แต่จะเชียร์สีตัวเองหรือจะคิดกบฏนั้นผมไม่ได้สนใจ สิ่งเดียวที่ผมสนใจคือต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้แค่นั้น

            "ซอส สู้ๆ นะ" แต่ก็นั่นแหละ ถึงผมไม่สนใจเธอก็ชอบทำให้เป็นจุดสนใจอยู่ดี พวกผู้ชายเลยโห่แซวอย่างพร้อมเพรียงกัน

            ผมทำเมิน ไม่มอง ไม่ตอบอะไรกลับไป เพราะผมได้รับกำลังใจมาเกินพอแล้วจากคนที่นั่งเชียร์อยู่ มากจนไม่สามารถรับกำลังจากใครได้อีก โดยเฉพาะจากเธอช่างตื๊อคนนั้น

            หลักจากวอร์มเสร็จก็ได้เวลาเริ่มการแข่งขัน บรรยากาศในการแข่งค่อนข้างตึงเครียด สีเขียวได้เป็นฝ่ายเริ่มเกมก่อนจากการเสี่ยงทาย โยนลูกโลหะคุมโซนอยู่ใกล้กับลูกเป้า ไอ้เหมเป็นคนโยนคนแรกของทีม มันตีลูกของสีเขียวได้แต่ลูกของมันกลับกระเด็นออกมาและอยู่ห่างจากลูกเป้ามากกว่าสีเขียว ทำให้เราต้องเป็นฝ่ายโยนต่อ

            สนามเปตองยังคงเงียบสงบไม่ว่าตะเป็นการแข่งขันรอบไหน ฝีมือการโยนของห้องสี่แม่นยำและเก่งกาจอย่างที่ใครๆ ล่ำลือ สร้างความกดดันให้กับทีมผมเป็นอย่างมาก ขนาดผู้ชมอย่างไข่ต้มยังนั่งขมวดคิ้วหน้าดำคร่ำเครียด ประเมินจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วทีมผมมีโอกาสแพ้สูงมากทีเดียว

            ในรอบชิงชนะเลิศผู้ชนะต้องทำแต้มให้ถึงสิบสามคะแนน ตอนนี้ผ่านมาแล้วเจ็ดรอบสกอร์อยู่ที่สามต่อเจ็ด โดยสีเขียวเป็นฝ่ายนำ ผมพยายามตีลูกของฝ่ายตรงข้ามให้ออกห่างจากลูกเป้าแต่ก็โดนตีโต้กลับมาได้เสมอ เป็นเกมที่รับมากยาก ทำเอาสมาชิกในทีมเครียดไปตามๆ  กัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสีเขียวมันเก่งจริงๆ

            หลังจากยื้อกันอยู่ถึงสิบสี่รอในที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของสีเขียว ด้วยคะแนนสิบสามต่อหก สารภาพเลยว่าผมเซ็งมาก เซ็งโคตรๆ เพราะนอกจากจะคว้าเหรียญทองมาให้เพื่อนสนิทไม่ได้แล้วยังชวดของรางวัลอีกต่างหาก เลยได้แต่เดินคอตกกลับไปหา หากแต่เป็นรอยยิ้มที่อีกส่งกลับมาแทน

            "เก่งแล้วมึง" ไข่ต้มพูดปลอบ ตอนแข่งมันทำหน้าเคร่งเครียดมาก ต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง จนผมเริ่มคิดแล้วว่าหรือมันเครียดเพราะเรื่องของรางวัลที่จะให้ผมกันแน่

            "เก่งตรงไหนวะ แพ้เนี่ย เซ็ง"

            "ที่สองก็ดีแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก"

            "ต้องคิดดิ อดได้รางวัลเลยนะ"

            ไข่ต้มเกือบหลุดขำ มันยังคงมองผมด้วยรอยยิ้ม เหมือนมองคนที่งอแงเวลาโดนขัดใจ

            "ที่สองก็มีรางวัล"

            "พูดแล้วนะ"

            "เออ"

            พอได้ยินแบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

            เพราะมัวแต่สนใจเพื่อนสนิทผมเลยไม่ทันสังเกตว่าปุยเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวก็ตอนที่เธอเอ่ยเรียก ผมกับไข่ต้มหันมองพร้อมกัน แล้วก็เห็นเธอยืนส่งยิ้มหวานมาให้ผมพร้อมกับขวดน้ำในมือ

            "เราซื้อน้ำมาให้" พูดจบเธอก็ยื่นขวดน้ำมาตรงหน้าผม

            ผมมองซ้ายมองขวาหาตัวช่วยเพราะไม่อยากรับน้ำใจจากเธอ ก่อนจะคว้าขวดที่มีน้ำเหลืออยู่ก้นขวดจากมือไข่ต้มมาโชว์ให้เธอดู

            "ไม่เป็นไร เรามีแล้ว"

            "จะไปแย่งของเพื่อนทำไม"

            "นี่ขวดน้ำเรา"

            "แต่มันจะหมดแล้วอะ เอาของเราไปกินเถอะ"

            "ไม่เป็นไรไม่อยากได้ แล้วก็เลิกยุ่งกับเราเถอะ ไปมึง" ผมรีบตัดบทแล้วชวนไข่ต้มเดินหลบออกมา แต่คนช่างตื๊ออย่างเธอไม่ยอมง่ายๆ เดินอ้อมมาขวางหน้าผมไว้ ขณะที่คนอื่นๆ เริ่มหันมาสนใจพวกเรา

            "ทำไมต้องหนีเราขนาดนี้ด้วยอะ เราไม่ดีต้องไหน"

            "ไม่ดีตรงที่เราไม่ได้ชอบเธอไง"

            "ไม่ชอบก็ลองศึกษากันดูก่อนไม่ได้เหรอ เรามองซอสมานานแล้วนะ มั่นใจแล้วว่าไม่มีแฟนแน่ๆ ถึงได้ตัดสินใจจีบ เราชอบซอสจริงๆ" เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอทำหน้าเศร้า มันดูน่าสงสารก็จริงแต่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของผมได้อยู่ดี

            "ไม่มีแฟนก็ใช่ว่าไม่มีคนที่ชอบ"

            "ใครที่ซอสชอบ"

            "มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องบอก เราไม่ได้ชอบเธอ เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว" น้ำเสียงหนักแน่นที่บอกปฏิเสธทำเสียงจ้อกแจ้กจอแจโดยรอบเงียบลง ผมไม่ได้สนใจสายตาคนอื่น เลือกที่จะหันหนีสีหน้าอันเศร้าสร้อยของผู้หญิงตรงหน้าด้วยการเดินหลบออกมา คำพูดกระทบกระทั่งต่างๆ ก็ไม่ได้สนใจฟัง ให้มันจบแบบนี้นี่แหละดีที่สุด

            ไข่ต้มเดินตามมาโดยไม่พูดอะไร ผมไม่ได้อารมณ์เสีย แค่รู้สึกไม่ค่อยดีนักที่ทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด แม้มันจะเป็นเรื่องปกติของความรัก ผมเองก็เจ็บมาไม่ใช่น้อย จะมีสักกี่คนกันที่สมหวังไปเสียทุกอย่าง ถ้ามี...คนคนนั้นคงจะเป็นคนที่โชคดีเรื่องความรักที่สุดในโลกแล้วล่ะมั้ง

            หลังแข่งเสร็จก็ต้องเรียนต่อ เป็นการเรียนที่ผมไม่มีสมาธิเลยเพราะอารมณ์ไม่คงที่ตลอดคายบ่าย แข่งแพ้ว่าเซ็งแล้ว ยิ่งไอ้ประธานเอาเรื่องที่ผมปฏิเสธปุยมาพูดในห้องยิ่งชวนให้หงุดหงิด แต่เพราะไม่อยากทะเลาะเลยทำเป็นนิ่งใส่ ไข่ต้มเองก็พยายามพูดให้ผมใจเย็น มันแอบกุมมือผมใต้โต๊ะ นับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลพอสมควร จนกระทั่งเลิกเรียน ประโยคที่มันพูดออกมาก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของผมหายไปจนหมดสิ้น

            "เดี๋ยวพาไปเอารางวัลกัน"

 

            ผมคีบเนื้อหมูร้อนๆ จากเตาจุ่มลงถ้วยน้ำจิ้มก่อนใส่ปากแล้วตามด้วยข้าวสวย มีความสุขสุดๆ เมื่อได้กินของอร่อยตอนหิวโหย ที่สำคัญคือได้กินกับคนที่ชอบ และที่สำคัญกว่านั้นคือมื้อนี้กินฟรีไม่เสียสักบาทเดียว

            แข่งรอบแรกชนะได้จูบเป็นรางวัล แต่พอแพ้รอบชิงรางวัลกลับกลายเป็นข้าวเย็นหนึ่งมื้อที่ดูจะหาความเชื่อมโยงไม่ได้สักเท่าไร ไม่ใช่ว่าผมไม่พอใจนะ ไข่ต้มมันให้อะไรผมก็ดีใจทั้งนั้น เพียงแค่นึกสงสัยว่าถ้าเกิดได้ที่หนึ่งขึ้นมารางวัลที่ได้จะเป็นอะไร

            "ถ้ากูชนะมึงตั้งใจจะให้อะไร" สงสัยมากจนต้องถาม ถ้าพูดถึงสัมผัสทางร่างกายการจูบคือสิ่งที่มากที่สุดสำหรับสถานะของเราตอนนี้ อีกอย่างเราจูบกันบ่อยจนผมไม่คิดว่ามันจะเป็นรางวัลที่น่าตื่นเต้นแล้ว แม้ทุกครั้งที่จูบกันผมจะตื่นเต้นและมีความสุขมากก็ตาม

            "อะไรก็ได้ที่มึงอยากได้"

            "อะไรก็ได้จริงดิ"

            "เคยคิดไว้แบบนั้น"

            "ไม่กลัวกูขออะไรที่มึงให้ไม่ได้เหรอ"

            "มึงไม่ขออะไรแบบนั้นหรอก" แล้วไข่ต้มมันก็รู้ความคิดผมไปหมดเสียทุกอย่าง ถ้าถามว่าผมอยากได้อะไรจากมันที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นความรัก หรือไม่ก็สถานะที่ชัดเจนกว่าตอนนี้ แต่ผมรู้ดีว่ามันยังไม่พร้อมถึงไม่บอก รางวัลที่ขออาจจะเปลี่ยนเป็นข้าวสักมื้อเหมือนตอนนี้ก็ได้

            "กูรอฟังคำนั้นจากมึงเสมอนะ อยากฟังเร็วๆ ด้วย"

            "แล้วตอนนี้มันไม่ดีเหรอวะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ" คำถามนี้ชวนให้รู้สึกวูบโหวง ใจผมล่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม แต่ยังทำเป็นยิ้มสู้ ความหมายของคำถามนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย

            "ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ย ตอบได้เลยว่ากูมีความสุขมาก แต่ทุกความสัมพันธ์มันต้องการความชัดเจน กูก็ต้องการความชัดเจนเหมือนกัน คำตอบของมึงน่ะกูรอได้นะ แต่บางทีคนรอมันก็เหนื่อย"

            หน้าไข่ต้มเจื่อนลง ผมไม่ได้อยากทำให้เสียบรรยากาศ แต่ความจริงมันก็เป็นความผิดของเราทั้งคู่ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย

            "ตอนนี้กูก็มีความสุขมากนะ กูมีบางอย่างที่กำลังตัดสินใจ กูอยากให้มันผ่านไปก่อน ไม่ได้อยากให้มึงเหนื่อยเลย"

            ความคิดของมนุษย์นั้นซับซ้อน บางอย่างก็ยากที่จะเข้าใจ กับความรักก็เช่นกัน ทั้งที่มีความสุขแต่กลับให้สถานะที่ชัดเจนไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าไข่ต้มกำลังรออะไร แต่รับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นต้องสำคัญมากสำหรับมัน

            "ถ้าอยากให้กูหายเหนื่อยขอแค่กอดแน่นๆ ก็พอ" มันได้ผลเมื่อผมพยายามดึงบรรยากาศดีๆ กลับมา ไข่ต้มยิ้มออก พร้อมกับคำตอบที่ผมคิดว่ามันคือรางวัลมากกว่าข้าวฟรีมื้อนี้อีก

            "ให้กอดทั้งคืนเลย"

            "พูดแล้วนะ"

            "เออ"

            "บ้านมึงหรือบ้านกู"

            "แล้วแต่มึง"

            "งั้นกินเสร็จไปบ้านกูก่อน ขอเวลาเก็บเสื้อผ้าห้านาที"

            คนฟังหัวเราะชอบใจ เห็นมันยิ้มได้ผมก็มีความสุขแล้ว

 
tbc.

 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ้าวว ไข่ต้มดหมือนมีอะไรในใจซะงั้น ฮือ ใกล้จะจบม.6แล้วดัวย ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไข่ต้มคิดเรื่องอะไรอี๊ก จะมาม่ามั้ย ลุ้นกว่าซอสแล้วเนี่ยะ

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ไข่ฟองที่ 27
ไข่ต้มไม่ใช่เพื่อนผม


            วันเวลาเดินทางมาถึงวันกีฬาสีซึ่งโรงเรียนผมจัดขึ้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนก่อนสอบกลางภาค เป็นอีกปีที่ผมมาโรงเรียนแต่เช้า ตั้งใจมาเฝ้าคนที่เป็นส่วนหนึ่งในขบวนพาเหรดโดยเฉพาะ แม้ไข่ต้มมันจะพยายามไล่ผมให้กลับไปนอนก็ตาม

            "ปีที่แล้วเราก็มานั่งเฝ้าป้ะ ถ้าจำไม่ผิด" พี่ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวประเภทสองถามขึ้นระหว่างแต่งหล่อให้เพื่อนผมอยู่ ปีที่แล้วพี่เขาก็มา เป็นศิษย์เก่าที่จบไปสี่ห้าปีเห็นจะได้ แต่ยังมาช่วยงานโรงเรียนอยู่เรื่อยๆ ตามที่ถูกจ้างวาน

            "พี่จำผมได้ด้วยเหรอ"

            "ได้ดิ เป็นคนเดียวที่ไม่เกี่ยวอะไรแล้วมานั่งหาวอยู่เนี่ย"

            "เพราะผมหล่อก็บอก"

            "จ้ะหล่อจ้ะ" พี่เขายิ้มพลางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนกลับไปตั้งใจกับการแต่งตาให้ไข่ต้มมัน

            ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วก็หาวอีกรอบ เป็นจังหวะที่พี่ช่างแต่งหน้ากำลังหันไปหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าเครื่องสำอางพอดีไข่ต้มเลยลืมตามอง ผมยิ้มให้มัน มันก็ยิ้มตอบ เลยเปิดกล้องมือถือว่าจะแอบถ่ายรูปสักหน่อย แต่ดันลืมปิดเสียงเสียนี่

            แชะ!

            "แน่ะ มีแอบถ่าย" เป็นพี่ช่างแต่งหน้าที่หันมาแซว

            ผมแค่ยิ้มแหยให้โดยไม่ตอบอะไรแล้วพี่เขาก็หันไปตั้งใจกับการแต่งหน้าให้เพื่อนผมเหมือนเดิม แต่พี่เขาคงจะเบื่อล่ะมั้งถึงได้เริ่มชวนผมคุยอีกครั้ง

            "ว่าแต่น้องชื่ออะไรนะ"

            "ซอสครับ"

            "ซอสอะไร แม็กกี้ป้ะ กินกับไข่ต้มอร่อยเลยนี่"

            พี่เขารู้ชื่อไข่ต้มอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าพี่เขาตั้งใจพูดหรือหลุดออกมาเองเพราะประโยคเมื่อครู่ทำเอาเราอึ้งทั้งคู่ ผมไม่กล้าพูดต่อแม้จะเห็นด้วยอย่างมาก ขณะที่ไข่ต้มมันยังทำเป็นนิ่งอยู่ นั่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เริ่มแต่งหน้าแล้ว

            "คบกันมากี่ปีแล้วล่ะ"

            "ครับ?" คำถามของพี่เขากำกวมจนต้องขอฟังซ้ำเพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่แค่ผมที่อาจจะเข้าใจความหมายของคำถามผิด ไข่ต้มเองก็ด้วย

            "เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ คบกันกี่ปีแล้ว"

            เกิดอาการอ้ำอึ้งระหว่างสองเรา ถ้าเป็นปีที่แล้วคงตอบได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ในตอนที่ทุกอย่างยังคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้ทำให้ไม่มีใครพูดไม่กล้าพูดอะไร อีกอย่างคือผมไม่อยากพูดด้วยว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน

            "ไม่ตอบอีก เขินล่ะสิ แสดงว่าเพิ่งคบกันใช่มั้ย พี่เข้าใจๆ" และเมื่อเราเงียบพี่เขาก็คิดเองเออเองเสร็จสรรพ

            ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรเมื่อพี่ช่างแต่งหน้าเข้าใจผิดไปแบบนั้น ไข่ต้มยังนั่งหลบตาให้พี่เขาแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้า ขณะที่ผมกำลังลังเลว่าควรจะถามสิ่งที่คิดออกไปดีไหม ว่าเพราะอะไรพี่เขาถึงได้คิดแบบนั้น

            แบบว่า...ทำไมถึงคิดว่าเราเป็นแฟนกัน ทั้งที่ผมก็แค่มานั่งเฝ้าเพื่อนเฉยๆ

            แต่ก็ช่างมันเถอะ

 

            แปดโมงตรงพาเหรดก็จัดขบวนพร้อมที่กลางสนาม เส้นทางการเดินคือถนนหน้าโรงเรียนระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร เดินออกทางประตูหลังวนเข้าซอยก่อนออกสู่ถนนใหญ่แล้วเข้าทางประตูหน้า เป็นการสร้างความติดขัดให้กับการจราจรช่วงเช้าได้ดียิ่งนัก

            เพราะไม่ได้มีส่วนร่วมในขบวนพาเหรดผมเลยต้องรออยู่ที่สแตนเชียร์กับเพื่อนๆ ในคณะสี ไข่ต้มอยู่ชุดสูทสีขาวขลิบน้ำเงินตามสีของโรงเรียน เดินต่อหลังวงโยธวาทิตนำหน้าขบวนธง เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาแฟนคลับได้เป็นอย่างดี

            พาเหรดทยอยกันเดินออกจากโรงเรียน เมื่อสิ้นสุดขบวนสุดท้ายของสีเหลืองโรงเรียนก็กลับสู่ความสงบชั่วครู่ เพื่อรอเวลาที่ขบวนพาเหรดจะวนกลับเข้าโรงเรียนอีกครั้ง และเริ่มพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

            เสียงดนตรีของวงโยธวาทิตแว่วมาไม่นานขบวนพาเหรดก็ทยอยกันเดินเข้ามา ฝ่ายโสตฯ ถือกล้องเดินถ่ายรูปกันขวักไขว่ ท่านผู้อำนวยการกล่าวเปิดงานก่อนพาเหรดจะสลายตัวกลับสีใครสีมัน ปิดท้ายด้วยการแสดงเปิดงานที่หลายคนรอคอย

            ผมไม่ได้สนใจดูการแสดงเท่าไรนัก เพราะความสนใจทั้งหมดอยู่ที่เพื่อนสนิท หลังจากเข้ามาข้างสนามไข่ต้มมันก็โดนน้องๆ รุมล้อมอยู่ข้างสแตนเชียร์ มีคนรอต่อแถวถ่ายรูปตามประสาคนดังของโรงเรียน บางคนระหว่างรอไข่ต้มหันมาขอถ่ายรูปผมก็มี

            การแสดงสำหรับพิธีเปิดจบลงแล้ว และงานกีฬาสีก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ละสแตนด์เริ่มส่งเสียง สนามถูกเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในกีฬาประเภทต่างๆ หากแต่ไข่ต้มมันยังถูกรุ่นน้องรุมล้อมไม่จบไม่สิ้นจนสตาฟสีผมตะโกนด่า

            เด็กกลุ่มผู้หญิงแตกหือวิ่งกลับไปสีตัวเอง เหลือเพียงน้องคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับถุงกระดาษในมือ เจ้าประจำที่ขาดไม่ได้

            "ขนมค่ะ วันนี้พี่ไข่ต้มหล่อมากๆ เลย ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ" น้องยูยื่นถุงกระดาษมาให้พร้อมเอ่ยขออย่างมีมารยาท ไข่ต้มยิ้มรับก่อนพยักหน้า

            "ครับ"

            ผมรับมือถือจากน้องยูมาทำหน้าที่ตากล้องให้เป็นกรณีพิเศษ ถ่ายให้ไปสองรูป พอส่งมือถือคืนปุ๊บน้องก็วิ่งกลับสีตัวเองปั๊บ ไม่รู้ได้เช็กรูปที่ผมถ่ายให้ไปแล้วหรือยัง

            "กูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ"

            "จะเปลี่ยนเลยเหรอ"

            จบภารกิจแล้วมันก็ตั้งท่าจะสลัดคราบคนถือป้ายโรงเรียนทิ้งทันที แต่ผมยังไม่มีรูปคู่กับมันเลย

            "ถ่ายรูปด้วยกันค่อยเปลี่ยน" ผมขยับไปยืนข้างไข่ต้มเปิดกล้องหน้าแล้วชูไปด้านหน้า รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย เพราะเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปคู่กันนัก

            กล้องสดไม่ผ่านแอปพลิเคชันใดๆ ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม ตั้งท่าพร้อม นิ้วโป้งกดปุ่มด้านข้างแต่หน้าจอดันล็อกเสียอย่างนั้น

            "เล่นอะไรของมึง" ไข่ต้มหันมาเลิกคิ้วใส่ผม แต่ผมไม่ได้เล่นมันแค่ผิดพลาด

            "กดผิดๆ"

            "กดเพิ่มลดเสียงดิ ล็อกหน้าจอทำไม"

            "กูไม่ค่อยได้ถ่ายรูปนี่หว่า เอาใหม่ๆ" สารภาพตามตรงว่าเขิน เหมือนผมเป็นรุ่นน้องที่แอบชอบแล้วมาขอถ่ายรูปมัน ทำเอาอยากรู้เลยว่าเวลาน้องๆ ได้ถ่ายรูปกับคนที่ชอบจะเขินกันบ้างไหม

            เทคสองกับการถ่ายรูปคู่ ผมยิ้มให้ดูดีที่สุดเท่าที่หน้าตาจะอำนวย ไข่ต้มอมยิ้มน้อยๆ ตามแบบฉบับของมัน รอบนี้ผมไม่พลาด ส่งกระแสจิตไปที่นิ้วชี้เป็นอย่างดี เก็บนิ้วโป้งเอาไว้ด้านหลังไม่ให้เข้าใกล้ปุ่มล็อกหน้าจอกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก

            แชะ!

            เสียงชัตเตอร์ดังพร้อมกับรูปถ่ายที่ถูกเก็บเข้าอัลบั้ม รูปคู่รูปแรกในรอบปี

 

            งานกีฬาสีวันแรกหมดไปกับการไล่ดูการแข่งขันกีฬาต่างๆ ในรอบชิงชนะเลิศ และตามคุมไข่ต้มตอนมีเพื่อนๆ น้องๆ มาขอถ่ายรูป ก่อนเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจบงาน

            วันที่สองของงานเป็นการประกวดกองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ แต่ละสีทุ่มกันสุดตัว ใส่กันสุดฤทธิ์ อลังการงานสร้างตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นไฮไลท์ของงานที่หลายคนตั้งตารอ จนเมื่อการแข่งขันทุกอย่างจบลงก็ถึงช่วงประกาศรางวัลต่างๆ และมอบเหรียญ มันคือช่วงเวลาที่ผมรอคอย แม้การแข่งขันเปตองของผมจะจบไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วก็ตาม

            ชื่อของสีฟ้าถูกประกาศให้ไปยืนบนแท่นรับรางวัลหมายเลขสอง อาจารย์ที่เป็นตัวแทนคล้องเหรียญให้นักกีฬาทีละคน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหนึ่งภาพก็เป็นอันเสร็จพิธีที่แสนเรียบง่าย

            ผมเดินกลับมาข้างสแตนด์สีฟ้า ถอดเหรียญที่เพิ่งได้รับมอบมาคล้องคอไข่ต้ม เหรียญที่ตั้งใจมอบให้

            "ทำไมไม่เก็บไว้อะ"

            "กูตั้งใจให้มึงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เสียดายที่ไม่ใช่เหรียญทอง"

            "ก็บอกให้ตั้งใจซ้อม"

            "ผิดไปแล้วครับ แก้ตัวไม่ได้ด้วย ปีสุดท้ายแล้ว"

            "แต่เหรียญเงินก็ดีแล้ว" มันบอกแล้วอมยิ้มบางๆ มือลูบเหรียญเงินของผมเบาๆ อย่างกับเป็นของล้ำค่า

            "วันนี้กูไปบ้านมึงนะ"

            คนตรงหน้าผมพยักหน้ารับอนุญาตคำขอ ไม่ถามไม่สงสัยว่าอยากจะไปทำไม เหตุผลคือเพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติของเราไปแล้ว

            สำหรับตอนนี้บ้านมันก็เหมือนบ้านของผม

 

            แม้งานกีฬาสีวันนี้เราสองคนจะไม่ได้ใช้พลังงานกันเท่าไร แต่สำหรับผู้ชายวัยกำลังโตย่อมขาดของกินไม่ได้ เราแวะเซเว่นกันหลังลงจากรถ หยิบทุกอย่างที่อยากกินใส่ตะกร้า กินรองท้องก่อนแม่ไข่ต้มจะกลับมาพร้อมอาหารเย็นมื้อใหญ่

            บริเวณโซฟาหน้าทีวีถูกจับจองสำหรับสุมของกินทุกอย่างไว้เหมือนอย่างเคย เราเปิดหนังดู เป็นหนังญี่ปุ่นชื่อว่า Biri Gal ที่ผมเคยเห็นคนแนะนำผ่านโซเชียลมาบ้างแต่ยังไม่มีโอกาสได้ดู พอเมื่อกี้ไข่ต้มมันเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นเพื่อนแชร์มาเลยชวนผมดู ช่างเข้ากับบรรยากาศการสอบอันเคร่งเครียดของเด็ก ม.หก จริงๆ

            หนังเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของเด็กสาวที่ไม่ค่อยฉลาดนัก เพราะความรู้ของเธออยู่แค่ระดับชั้นประถม จนได้มาเรียนพิเศษกับอาจารย์ท่านหนึ่งเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง และสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของญี่ปุ่นได้ในที่สุด เป็นเรื่องที่ดูแล้วสร้างกำลังใจในการอ่านหนังสือให้ผมได้ดีทีเดียว แต่จะมีอารมณ์ฮึดถึงตอนไหนอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

            "กูก็ต้องติดวิศวะให้ได้ เดี๋ยวแพ้ซายากะ" ผมให้สัญญากับตัวเองหลังหนังจบ

            "อย่างมึงติดอยู่แล้ว"

            "แล้วมึงอะ"

            "กูทำไม" ไข่ต้มเลิกคิ้วสงสัย ท่าทางมันดูไม่ปกติทุกครั้งที่ผมถามเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อ และมักจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง จนความความสงสัยของผมถึงขีดจำกัด ผมอยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ยอมบอกมาให้ชัดๆ สักที เป็นไปไม่ได้หรอกที่เด็กเรียนอย่างมันจะยังไม่ตัดสินใจเรื่องเรียนต่อ

            "ตกลงมึงจะเรียนไหนกันแน่วะ"

            "กูบอกแล้วไงว่าติดที่ไหนก็เรียนที่นั่น"

            "ขอความจริง"

            "ก็...นี่แหละความจริง" เสียงของมันแผ่วลง ยิ่งย้ำให้รู้ว่าสิ่งที่มันยืนยันนั่นแหละไม่ใช่ความจริง

            "ไข่ต้ม" ไม่บ่อยที่ผมเรียกชื่อมัน เราใช้สรรพนามมึงกูแทนตัวจนแทบลืมชื่อเล่นกันไปแล้ว และมันเองก็น่าจะรู้ว่าการที่ผมเรียกชื่อมันนั้นเป็นเพราะอะไร

            ไข่ต้มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ มันจ้องตาผม สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเรื่องที่มันพยายามปิดไว้คงเป็นข่าวร้าย ผมพยายามนึกถึงทุกครั้งที่เราเคยคุยกันเรื่องเรียนต่อ แล้วก็นึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วที่มันเคยพูดถึง กับสถานที่ที่ผมไม่อยากให้มันไปเลย

            "พ่อกูอยากให้ไปเรียนที่จีน"

            และความจริงก็มักทำร้ายจิตใจกันเสมอ

            ผมยังนึกไม่ออกว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงดี แม้จะมีเค้าลางอยู่บ้างแต่พอคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตกลับทำใจไม่ได้ ระยะทางที่เตรียมใจไว้ไม่ได้ไกลขนาดนี้

            "พอกูบอกแล้วมึงก็เครียดแบบนี้ไงเลยยังไม่อยากบอก"

            "ตั้งจีนเลยนะ ให้เวลากูทำใจหน่อย"

            "อย่าเพิ่งเครียดดิ กูยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป แค่บอกว่าพ่อกูอยากให้ไป"

            "คือยังไง"

            ผมชักสับสน ไข่ต้มถอนหายใจอีกครั้งแล้วจ้องหน้าผมเขม็งเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ผมตั้งใจฟัง

            "ฟังกู แล้วอย่าเพิ่งคิดอะไรทั้งนั้น พ่อกูอยากให้ไปเรียนต่อที่จีน แต่กูไม่อยากไป เพราะมึงนั่นแหละ"

            "เพราะกู"

            "อย่าเพิ่งแทรก"

            "ครับ"

            "เออ นั่นแหละ ที่ยังไม่ตอบรับมึงก็ด้วย กูอยากให้ทุกอย่างมันลงตัวก่อนจะได้ไม่รู้สึกค้างคา กูคุยกับพ่อไว้ว่าถ้าสอบติดที่ไทยก็จะไม่ไป แต่จะไปเรียนระยะสั้นช่วงปิดเทอมแทน และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่กูวางแผนไว้ ถ้าตอนนั้นมึงยังอยากคบกับกูอยู่ กูจะตอบรับมึง"

            เรื่องราวอยู่เหนือการคาดการณ์ของผมทั้งหมด จากที่เครียดในทีแรกตอนนี้เริ่มยิ้มออก กลายเป็นไข่ต้มที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว แถมยังจ้องผมไม่เลิกด้วย

            "เข้าใจที่กูพูดมั้ยเนี่ย"

            "เข้าใจ"

            "ก็ตามนั้นแหละ"

            "แล้วทำไมเป็นแฟนกันก่อนมึงไปจีนไม่ได้วะ"

            "ไหนบอกเข้าใจไง" มันเริ่มทำหน้างอแงตั้งแต่ยังไม่ทันได้ฟังผมอธิบาย

            "ทีนี้มึงฟังกูบ้าง"

            ไข่ต้มยังทำหน้างอจ้องผมไม่เลิก ผมเข้าใจมันนะ กับแฟนคนก่อนก็มีปัญหากันเรื่องระยะห่าง พออยู่ไกลกันความรู้สึกก็ห่างกันไปด้วย ใช่ว่าผมไม่กลัวจะเป็นแบบนั้น แต่ผมไม่ใช่พี่อ๋องสักหน่อย ความรู้สึกที่มีต่อกันก็เช่นกัน มันไม่เปราะบางขาดง่ายแบบนั้นหรอก

            "กูรู้มึงกลัว แต่ถ้าถามเรื่องความรู้สึกของกู กูตอบได้เลยว่ามันไม่มีทางเปลี่ยนไปง่ายๆ แน่นอน กูรักมึงมากี่ปีทั้งที่มึงไม่เคยรู้ตัวเลย ความรู้สึกที่กูมีให้มึงมันมากพอ ลบทิ้งไม่ได้ง่ายๆ หรอก ถึงจะห่างกันกูก็ไม่เปลี่ยน มึงรู้มั้ยว่ากูทำใจเรื่องที่เราอาจจะต้องเรียนคนละที่กันไว้แล้ว เพราะงั้นเป็นแฟนกูนะ"

            "เดี๋ยว!" ไข่ต้มรีบยกมือขึ้นทำท่าปางห้ามญาติ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันเท่าไร แต่จุดหมายที่ตั้งใจก็คือขอมันเป็นแฟนนั่นแหละ

            "มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ"

            "กูยังไม่ได้ตอบตกลงเลย"

            "ก็เรื่องของมึงอะ แต่มึงเป็นแฟนกู"

            "ไอ้ซอส"

            "อะไร"

            "ขอแบบจริงจัง"

            "ตอนนี้ก็จริงจังที่สุดในชีวิตกูแล้ว กูอยากเป็นแฟนกับมึงมากไม่รู้เหรอ"

            "รู้"

            "ก็ตามนั้น"

            "มึงแม่ง" ไข่ต้มยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิกแม้แก้มจะมีเลือดฝาดนิดๆ คงเลือกไม่ถูกว่าจะหงุดหงิดหรือเขินก่อนดี

            "ให้มึงเป็นแฟนกูก่อนก็ได้ แล้วกูค่อยเป็นแฟนมึงตอนมึงพร้อม"

            "ได้เหรอวะ"

            "ถ้ายอมรับก็ได้หมดอะ"

            ไข่ต้มถอนหายใจดังเฮือก มันทำหน้าเหนื่อยใจแบบคนหมดปัญญาจะเถียง แต่สักพักก็กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง แล้วก็เล่าเรื่องที่ทำให้ผมรู้สาเหตุความกลัวของมันอีกข้อ

            "พี่ที่กูรู้จักแฟนเขาไปทำงานที่จีนสามเดือน แต่แฟนพี่เขาไปยังไม่ทันครบสามเดือนเลยก็เลิกกันแล้ว"

            "มันก็อยู่ที่ตัวคนหรือเปล่าวะ แฟนพี่มึงไม่มั่นคงเอง หรือมึงจะทิ้งกู"

            "ไม่ใช่แบบนั้น"

            "งั้นก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร"

            "แล้วถ้ากูต้องไปเรียนมหา’ลัยที่นู่นอะ"

            "มึงอยากอยู่กับกูมั้ย"

            "อยากดิ"

            "งั้นมึงไม่มีทางได้เรียนที่นู่นหรอก เชื่อในตัวเองหน่อยดิ"

            เราสบตากัน ผมส่งความเชื่อมั่นทั้งหมดที่มีไปให้มัน ในเมื่อคิดว่าทำได้ก็ต้องทำได้ ดูอย่างซายากะยังทำสำเร็จได้เลย แล้วคนที่มีต้นทุนดีกว่าตั้งเยอะอย่างมันจะทำไม่ได้งั้นเหรอ ผมไม่เชื่อแบบนั้นหรอก

            "มึงได้ไปจีนแค่ไม่กี่เดือนแน่ๆ เชื่อกู" ผมยกมือวางบนหัวมันแล้วยีผมเบาๆ

            "อืม"

            "เรียนระยะสั้นมันสามเดือนป้ะ ถ้านี้กูรอได้ ชิลๆ"

            "อยากรอสามเดือนจริงๆ เหรอ"

            คำพูดกำกวมของคนตรงหน้าชวนให้คิดเยอะ ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ใจเริ่มเต้นแรงเพราะสมองตีความประโยคข้างต้นไปในทางที่ดีมากกว่า

            "อะไร พูดให้มันเข้าใจหน่อย"

            "เป็นแฟนกูนะ" ผมถลึงตาใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อนัก เมื่อกี้ยังพยายามปฏิเสธอยู่เลย แล้วตอนนี้กลับมาขอเป็นแฟนเสียอย่างนั้น นี่ผมหูฝาดไปหรือเปล่า

            "พูดอีกทีดิ๊"

            "มึงก็เป็นแฟนกูแล้วเหมือนกัน เราเป็นแฟนกัน โอเคนะ จบ เลิก" มันขึ้นเสียง พูดแล้วโบกมือไปมาตรงหน้าเหมือนกำลังปัดแมลงอะไรสักอย่าง

            แต่เดี๋ยวก่อน!

            "เลิกไม่ได้นะเว้ย เพิ่งคบ อย่าเพิ่งเลิก"

            "ตลกเหรอ"

            "ก็กลัวมึงเครียด"

            "จะเครียดเพราะมุกมึงนี่แหละ"

            ผมหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี เสร็จแล้วก็นั่งมองหน้าแฟนหมาดๆ ที่อยู่ๆ มันก็ดูน่ารักขึ้นมาเป็นกอง คนโดนจ้องเลยเหยียดขามาจนเท้าเกือบยันเข้าหน้าผม แต่ไม่เป็นไรหรอกผมไม่โกรธ เข้าใจว่ากำลังเขิน ตอนนี้ก็ทำเป็นใช้กำลังไปงั้น เดี๋ยวสักพักก็ยอมให้ผมกอดอยู่ดี

            ต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘ไข่ต้มเพื่อนผม’ ไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็น ‘ไข่ต้มแฟนผม’ ต่างหาก

 

tbc.


ในที่สุด!!!! ตอนหน้าจบแล้วน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว  อิอิ

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
ดู๊ดูกว่าไข่ต้มจะเป็นแฟนผม
ตอนหน้าจบ  :a6: :a6:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นแฟนกันแล้ว :mc4:
ลุ้นตั้งนานว่าไข่ต้มมีอะไรไม่ตกลงซะที

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ลุ้น​แล้ว​ลุ้น​อีก​

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จะมีอะไรตามมาไหมเนี่ย  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นแฟนกันแล้ววว
อย่ามีอะไรมาอีกเลยนะ  :hao5:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ไข่ฟองสุดท้าย
เขายังคงเป็นไข่ต้ม


            ตั้งแต่ที่ตกลงเลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทเป็นแฟนดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เรายังดูแลกันเหมือนเดิม ปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม ไม่มีใครรู้หรือสังเกตเห็น มีบ้างที่ได้ยินพวกรุ่นน้องพูดถึง แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีบางคนซึ่งเป็นส่วนที่น้อยมากคิดว่าเรากำลังคบกันอยู่ บางทีผมก็คิดอยากป่าวประกาศให้ทุกคนรู้นะ น้องที่เคยพนันกันเรื่องหมูกระทะจะได้เลี้ยงเพื่อนสักที แต่พอคิดดูอีกทีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

            ช่วงนี้เหล่านักเรียน ม.หก ต้มกำลังเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบต่างๆ ทั้ง GAT/PAT O-NET  และ 9 วิชาสามัญ หลังจากสาหัสไปกับการสอบกลางภาคเมื่อต้นเดือนหลังจบงานกีฬาสี และตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการยื่นคะแนน TCAS รอบแรกกันอยู่ ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าผมไม่คิดว่าตัวเองจะติดตั้งแต่รอบนี้ มันเป็นไปได้ยากมาก

 

            วันเวลาอันแสนยาวนานวนเวียนมาบรรจบในวันสำคัญอีกครั้ง วันนี้เป็นวันปีใหม่ และเป็นเกิดครบรอบสิบแปดปีของไข่ต้ม น่าเสียดายที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น ผมต้องอยู่กับครอบครัว ไข่ต้มเองก็เหมือนกัน แต่ผมเป็นคนแรกที่โทรไปสวัสดีปีใหม่และอวยพรวันเกิดมันนะ กดโทรตอนเที่ยงคืนพอดีเลยด้วย แม้ปลายสายจะรับตอนเที่ยงคืนหนึ่งนาทีก็ตาม

            พูดถึงวันเกิดก็ต้องนึกถึงของขวัญ ปีนี้ผมก็มีของขวัญให้ไข่ต้มเหมือนเคย แม้ของขวัญที่ผมให้ปีที่แล้วมันจะยังไม่ใช้เลยก็เถอะ ปีนี้เราเริ่มต้นด้วยการกินข้าวดูหนัง ก่อนจะไปจบที่ห้องนอนของเจ้าของวันเกิด กับเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม เหตุการณ์คุ้นๆ เหมือนเคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน

            ผมถือเค้กขนาดหนึ่งปอนด์ยืนอยู่กลางห้องที่ปิดไฟ มีแสงสว่างจากเทียนสองเล่มรูปเลขหนึ่งกับเลขแปด เจ้าของวันเกิดยืนอยู่ตรงหน้าผม กำลังหลับตาอธิษฐาน ก่อนลืมตาแล้วเป่าเทียนเบาๆ แสงสว่างก็หายไป อาจจะต่างกับงานครั้งที่แล้วนิดหน่อยตรงที่เจ้าของห้องรีบเดินไปเปิดไฟทันทีเมื่อเทียนดับ

            "รีบเปิดไฟทำไมวะ" ผมแซว ไข่ต้มหันมาถลึงตาใส่ ชี้ให้ผมเอาเค้กไปวางบนโต๊ะ แต่คำตอบของมันก็ชวนให้ยิ้ม

            "เดี๋ยวเสื้อเลอะ"

            "เลอะก็ซัก"

            "ให้มันเลอะแค่ปากก็พอ"

            "เอางั้นก็ได้"

            ผมรู้ว่าไข่ต้มมันไม่ได้หมายความว่าให้ทำตามที่บอกเดี๋ยวนี้ แต่ทำไงได้เมื่อร่างกายดันตอบสนองไว วางเค้กบนโต๊ะแล้วก็ปาดเนื้อเค้กเดินเข้าไปหาเจ้าของวันเกิด มันอ้าปากจะด่า ผมเลยยื่นนิ้วเข้าปากมันเสียเลย คนที่กำลังตกใจดูดเนื้อเค้กอย่างลืมตัว พอดึงนิ้วออกมาผมก็ประกบริมฝีปากไปแทน

            ปกติผมไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่กลับติดใจรถหวานปนขมของเค้กช็อกโกแลตไปแล้ว หรือจะเป็นรสหวานของนมข้นก็ดี ความหอมหวานของมันชวนให้หลง พาอารมณ์เตลิดทุกครั้งที่ได้ลิ้มรส และลึกซึ้งขึ้นทุกขณะที่ได้ลิ้มลอง

            รสหวานของเค้กช็อกโกแลตหมดไปแล้ว แต่ความหวานของเจ้าของวันเกิดยังไม่จางหายไป เราจูบกันนานขึ้นทุกครั้ง โหยหากันมากขึ้นทุกรอบ ปากแดงเจ่อเมื่อผละออกจากกัน ผมอยากจะต่ออีกสักนิด แต่โดนไข่ต้มดีดหน้าผากบอกให้พอ พร้อมกับทวงของขวัญวันเกิด

            "ไหนของขวัญ"

            "ก็จูบเมื่อกี้ไง"

            "ไม่นับ"

            ผมก็ล้อเล่นมันไปอย่างนั้น จูบนับเป็นของขวัญไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นแสดงความรักโดยปกติของเราอยู่แล้ว

            "กูอยากให้การ์ดมึงอีกใบ แต่ของปีที่แล้วมึงยังไม่ได้ใช้เลย"

            "ก็ยังไม่ถึงเวลาที่อยากใช้นี่หว่า"

            "แล้วมึงตั้งใจจะใช้ตอนไหน" มันคือเรื่องที่ผมอยากรู้มากๆ ไข่ต้มบอกว่าคิดไว้แล้วว่าอยากใช้ตอนไหน แต่ผ่านมาหนึ่งปีแล้วก็ยังไม่ใช้สักที

            "กูจะใช้ตอนไปจีน"

            "ทำไมวะ"

            "กูจะขอให้มึงรอ ก็ตั้งใจไว้แบบนั้น หมายถึงถ้าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ยังไงก็ยังจะขอให้มึงรออยู่ดี"

            "งั้นก็ไม่ต้องใช้หรอก เพราะยังไงกูก็รอมึงอยู่แล้ว" คำขอพวกนี้มันไม่จำเป็นเลยสักนิด 

            ไข่ต้มย่นจมูกใส่ตอนผมยื่นบัตรขออะไรก็ได้ใบที่สองให้ ของขวัญวันเกิดที่อาจจะธรรมดาไปสักนิดแต่ผมชอบมันนะ เรียบง่ายและตรงความต้องการ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเดาใจมัน แต่ถ้าให้เดา นอกจากของกินแล้วไข่ต้มมันก็ชอบของขวัญชิ้นนี้จากผมนี่แหละ

            "ขอบคุณนะ" รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าที่ผมชอบเมื่อรับของขวัญไปถือไว้ ไข่ต้มเก็บมันเข้าลิ้นชักที่ในนั้นคงจะมีของขวัญของปีที่แล้วเก็บเอาไว้อยู่

            เรานั่งกินเค้กด้วยกันโดยไม่ทำให้เลอะเสื้อผ้าเหมือนวันเกิดของผม ตัดแบ่งไว้ให้พ่อกับแม่ด้วยครึ่งปอนด์ แต่ถึงไม่ทำเค้กเลอะเสื้อผ้าผมก็ทำอย่างอื่นเลอะตัวไข่ต้มอยู่ดี วันเกิดครบสิบแปดปีทั้งทีมันก็ต้องมีอะไรพัฒนาไปบ้าง ความสัมพันธ์ทางใจก็ส่วนหนึ่ง ความสัมพันธ์ทางร่างกายก็ต้องควบคู่กันไป

            เอาเป็นว่าผมจะนับความสุขสมที่มอบให้ครั้งนี้เป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นก็แล้วกัน

            สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก

 

            โชคร้ายที่ TCAS รอบแรกเราไม่ติดกันทั้งคู่ แต่ไข่ต้มติดรอบสองทำให้มันได้ไปเรียนภาษาที่จีนสามเดือนแทนการไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยตามความต้องการของพ่อมัน ส่วนผมผู้ซึ่งผิดหวังจากทั้งสองรอบก็ต้องไปพยายามต่อไปกับอีกสามรอบที่เหลือ กับคำขอจากการ์ดขออะไรก็ได้ที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดไข่ต้มทั้งสองใบซึ่งมันให้ผมก่อนจะเดินทาง

            ‘มึงต้องติดมหา’ลัยเดียวกับกูนะ’

            ยากยิ่งกว่าบอกรักเพื่อนสนิทก็คำขอนี้แหละ แต่ผมก็สัญญาแล้วว่าจะทำให้ได้ และผมต้องทำได้

            ผมมองบัตรขออะไรก็ได้ทั้งสองใบที่ถูกใช้พร้อมกันระหว่างนั่งรถกลับจากสนามบินแล้วยิ้มขำกับตัวเอง เมื่อลองมองย้อนกลับไปในวันวานแล้วมีเรื่องให้นึกถึงมากมาย เรื่องในอดีตที่เคยเศร้ากลับทำให้ยิ้มได้ในวันนี้ ผมคิดว่าเพราะตัวเองเข้มแข็งขึ้นถึงได้มองอดีตให้กลายเป็นเรื่องตลกได้ อีกอย่างมันยังช่วยตอกย้ำให้ระลึกไว้เสมอว่ากว่าจะผ่านอดีตแสนเศร้ามาได้นั้นต้องพยายามมากแค่ไหน

            กาลเวลามักทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ภายในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมีหลายอย่างในชีวิตผมที่เปลี่ยนแปลงไป หากจะพูดโดยรวมก็คือการก้าวไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ได้พบเจออะไรใหม่ๆ เรียนรู้ที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ก้าวไปในเส้นทางที่ทอดยาวไม่รู้จบ

            สำหรับไข่ต้มเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม แม้วันนี้สถานะของเราจะขยับขึ้นมาอีกขั้นแต่ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เราต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน ผมอยากขอบคุณมันอีกครั้งที่พยายามเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง จนกลายเป็นไข่ต้มคนใหม่ในตอนนี้ แต่วันนี้คงได้พูดแค่กับบัตรสองใบในมือเท่านั้น

            "ขอบคุณมึงมากนะ"

            เอาไว้มันกลับมาเมื่อไรผมจะบอกต่อหน้าอีกครั้งก็แล้วกัน
 

End


ไข่ฟองสุดท้ายแล้ว ยาวนานมากๆ จำได้ว่าลงตอนแรกสิ้นปี 60
ลงได้สี่ตอนแล้วก็ดองยาวๆ กันเลยทีเดียว
ที่จริง เราตั้งใจว่าจะให้ความสัมพันธ์จบลงแค่คำว่าเพื่อนแล้วค่ะ
ตามชื่อเรื่อง ไข่ต้มเพื่อนผม ก็ต้องเป็นเพื่อนอะไรประมาณนั้น
แต่มันก็เศร้าไปหน่อย สงสารน้องพระเอก โดนรังแกเยอะเหลือเกิน
จะปล่อยให้อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่ออีกก็ใจร้ายเกินไปหน่อย
อาจจะจบแบบค้างๆ คาๆ ไปหน่อยนะคะ
เราตั้งใจให้เรื่องราวจบแค่ช่วงมัธยม เลยสิ้นสุดแค่ตรงนี้
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับเอเวอร์วายค่ะ วางแผงประมาณเดือนพฤษภาคม
มีตอนพิเศษหกตอน ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกันมาอย่างยาวนาน
เจอกันเรื่องใหม่ ตอนนี้มีสองเรื่องค่ะที่ลงไว้
จากจันทร์ลืมศุกร์ แนวลึกลับ สยองขวัญหน่อยๆ
เหนือลิขิต ฟีลกู๊ด แฟนตาซี
ขอบคุณมากค่า


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จบแล้วอ่ะ  แทงคิ้วหลาย

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
แง้ จบแล้วเหรอ
ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ชอบซอสมากกกกกกก รักพระเอกแบบเน้
จะรอรวมเล่มนะคะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จบแล้ว อยากรุ้ตอนไข่ต้มกลับมา แงๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ซอสทำได้  :a2:
อยากเห็นตอนโตมากกว่านี้  :hao5:
 :pig4:

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดีใจที่อย่างน้อยไม่จบแบบเพื่อนนะคะ  :hao5:
แบบนั้นจะสวสารซอสมากๆเลย
หวังว่าตอนโตไปเค้ายังรักกันนะคะ รอตอนพิเศษ อิอิ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจที่อย่างน้อยไม่จบแบบเพื่อนนะคะ  :hao5:
แบบนั้นจะสวสารซอสมากๆเลย
หวังว่าตอนโตไปเค้ายังรักกันนะคะ รอตอนพิเศษ อิอิ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :mew1:

เหมือนใจ........ :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณไรท์ มากๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สนุกมากค่ะ เราอ่านรวดเดียววางไม่ลง ปกติไม่ชอบแนวเพื่อนๆ แต่อันนี้ชอบมากกก ชอบความลุ้นชื่อพระเอก ชอบความลุ้นว่าใครจะเป็นคนที่ผ่านมาชอบไข่ต้มอีก ตัวละครสองตัวเป็นอะไรที่น่ารักมากๆในความรู้สึกเรา เหมือนทั้งคู่มีแต่ความจริงใจแล้วก็มีความรักแบบปรารถนาดีให้กันทั้งคู่ ไม่เคยผิดหวังกับนิยายคุณคินซังเลยค่ะ จะติดตามงานใหม่ต่อไปเรื่อยๆ เลยนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ abc_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กว่าจะรู้ชื่อพระเอกคือผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว555 ตอนแรกนึกว่าขื่อเอส(S)ด้วยล่ะ  :laugh:
เรื่องนี้ละมุนดีแต่นุ้งไข่ต้มต้องกล้ากว่านี้นะลูกก อ่านแล้วคิดถึงหนังเรื่องเฟรนโซนเลย
#ไข่ต้มต้องกินกับซอส  :pig4:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
รู้ว่าพระเอกชื่อซอสก็คือตอนที่ 17 55555

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ดีใจกับซอสด้วยที่สมหวัง  :L2:

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 730
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สนุกมากกกกก อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ถ้าจบแบบพ่อพระเอกไร้คู่เราก็โอเคนะ เพราะไข่ต้มไม่มีวี่แววการเปลี่ยนจากเพื่อนรักกลายเป็นรักเพื่อนเลย
แต่ก็ดีที่พ่อพระเอกเรามีคนรักคนหลง ไม่ใจร้ายกับเขาเกินไป 55555
ว่าแล้วก็อยากอ่านช่วงหลังจากนี้มาก อยากรู้ว่าความสัมพันธ์เขาจะเป็นยังไงเมื่อเข้าสู่วัยที่เป็นผู้ใหญ่ ยิ่งเวลาเปลี่ยน อายุมากขึ้น การแสดงออกทางกาย หรือทางความรู้สึกย่อมมีอะไรเปลี่ยนไปแน่นอน

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
นึกว่าจะมี nc18+++ อิอิ

ออฟไลน์ pond_sn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณค่า่

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดีใจกับซอส แอบรักแล้วได้รับรักตอบ :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด