พิมพ์หน้านี้ - My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kinsang ที่ 01-01-2018 19:34:37

หัวข้อ: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 01-01-2018 19:34:37
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เรื่องยาว
เหวี่ยง ซบ พบ(รัก)เธอ [จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53572.0)
ความน่ารักชนะทุกอย่าง [จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54065.0)
8 วัน 7 คืน [จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58861.0)
To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว[จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61182.0)
อยากให้เธอฝันยามหนุน [จบแล้ว]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64766.0)
My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม [จบแล้ว] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64895.0)
P H O T O (X) ความลับในภาพถ่าย [จบแล้ว]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67428.0)
เหนือลิขิต [จบแล้ว]  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69628.0)


เรื่องสั้น
★  สองแถวกับสองเรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53650.0)
★  อยากบอกว่าชอบเธอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62434.0)
★  พรหมลิขิตไม่มีอยู่จริง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62866.0)


========================


My Egg

เขาอายุ 17 ปี เพิ่งผ่านวันเกิดมาได้ไม่กี่วัน
เขาสูง 168 เซนติเมตร เตี้ยกว่าผมเจ็ดเซน
เขาเป็นคนผิวขาว แต่ไม่ถึงกับขาวจั๊วะ
เขาเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ชอบทำหน้านิ่ง แถมยังเส้นลึก
เขาไม่ชอบให้ใครสัมผัสตัว โดยเฉพาะคนไม่รู้จัก
เขาชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเข้าสังคม เกลียดความวุ่นวาย
เขาเป็นคนมีเสน่ห์ เหมือนของหวานที่ดึงดูดฝูงผึ้ง
ไม่ว่าใครคนไหน หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก
เขาก็มักจะดึงดูดคนเหล่านั้นเข้ามาหาได้โดยง่ายเสมอ
ดึงดูดได้แม้กระทั่ง...ตัวผมเอง


#ไข่ต้มเพื่อนผม
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< 01/01/2561
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 01-01-2018 19:35:57

00 : เขาคือไข่ต้ม


            ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง

            เขาอายุ 17 ปี เพิ่งผ่านวันเกิดมาได้ไม่กี่วัน ผมให้บัตรขออะไรก็ได้ตามใจซึ่งได้ไอเดียมาจากละครเป็นของขวัญวันเกิด แต่มันไม่เกี่ยวอะไรนัก

            เขาสูง 168 เซนติเมตร เตี้ยกว่าผมเจ็ดเซน อยู่ในวัยกำลังโต แต่ผมคิดว่าเขาต้องสูงขึ้นอีกหลายเซน

            เขาเป็นคนผิวขาว ไม่ถึงกับขาวจั๊วะ แต่ก็ขาวกว่าผมอยู่ดี

            เขาเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ชอบทำหน้านิ่ง เส้นลึกเหมือนใต้ท้องสมุทร แต่เวลายิ้มสดใสเหมือนฟ้าหลังฝนตก

            เขาไม่ชอบให้ใครสัมผัสตัว โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จัก แต่ผมสัมผัสเขาได้เพราะเราเป็นเพื่อนกัน

            เขาชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเข้าสังคม เกลียดความวุ่นวาย แต่ผมก็สามารถเข้ามาในชีวิตเขาได้

            และเขาเป็นคนมีเสน่ห์ เหมือนของหวานที่ดึงดูดฝูงผึ้ง ไม่ว่าใครคนไหน รุ่นพี่รุ่นน้อง ผู้หญิงผู้ชาย หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก เขา...ก็มักจะดึงดูดคนเหล่านั้นเข้ามาหาได้โดยง่ายเสมอ

            อย่างเช่นวันนี้

            "เอาเนื้อมันผสมสามสิบบาทสองชุดครับ" ผมบอกกับแม่ค้าขายหมูทอดระหว่างที่กำลังควานหาเหรียญในกระเป๋ากางเกงไปด้วย ทว่าแรงดึงที่แขนเสื้อทำให้ต้องละทุกสิ่งอย่างแล้วหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

            "อะไรวะ"

            เพื่อนผมไม่ตอบแต่พยักพเยิดหน้าไปด้านหลังอีกทีก่อนขยับมายืนข้างๆ ทำให้ผมเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่หัวเกรียนใส่เสื้อสีเขียวขี้ม้าส่งยิ้มแปลกๆ ให้มันอยู่

            โลกทุกวันนี้แม่งโคตรน่ากลัว

            "กำลังจะไปเรียนกันเหรอ" นายทหารที่อายุน่าจะสามสิบบวกเอ่ยถาม ไม่รู้ถามใคร แต่คนปากไวอย่างผมดันเผลอตอบรับออกไปก่อน

            "ครับ"

            "ไปตอบทำไมเล่า น่ากลัว" แล้วก็โดนไอ้คนที่ตั้งเกราะทำหน้าตึงว่ากลับมา

            "เขาทำอะไรวะ"

            "มันยืนเบียดกูอะ รีบๆ ไปได้ยัง"

            "เออ แป๊บๆ"

            "ได้แล้วจ้ะ หกสิบบาท" แม่ค้าหมูยื่นของมาให้พอดีตอนโดนกระแซะให้รีบไป ผมเลยยื่นเงินให้รับถุงหมูมาก่อนคว้ามือมันก้าวยาวๆ เดินหนี

            เป็นผู้ชายแท้ๆ ยังต้องมากลัวเรื่องแบบนี้ แต่มันก็ไว้ใจใครไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะกับไอ้เพื่อนหน้าตึงคนนี้ ผู้ที่ดึงดูดทุกสรรพสิ่งในโลกเข้าหาตัวเอง ไม่เว้นกระทั่งพวกโรคจิตก็เคยมาแล้ว

            "สรุปว่าไอ้ลุงนั่นทำอะไรมึง" พาเดินมาจนถึงที่ปลอดภัยผมก็ปล่อยก่อนเอ่ยถาม มันขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมตอบอย่างไม่สบอารมณ์

            "มันเอาไอ้นั่นมาถูตูดกู"

            "มึงรู้ได้ไง มโนเปล่า"

            มันถลึงตาใส่ผมทำท่าอ้าปากจะด่าผมเลยต้องรีบขัดขี้นมาก่อน

            "อะๆๆ กูเชื่อมึง ทีนี้เลิกทำหน้าบึ้งได้ยัง ไป เข้าโรงเรียน"

            ผมจัดการมัดถุงหมูทอดใส่กระเป๋า พามันเดินเข้าโรงเรียนแล้วไปหามุมสงบๆ ในโรงอาหารเพื่อนกินมื้อเช้าอย่างข้าวเหนียวหมูทอด เมนูที่ไอ้คนหน้าตึงมันบ่นอยากกินมาหลายวันเพราะเบื่อกับข้าวโรงอาหาร แต่อยู่กันเงียบๆ ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวคนที่แอบชอบมันก็มาทางมาส่องใกล้ๆ อยู่ดี

            อย่างเช่นน้อง ม.3 คนนี้

            "มาอีกแล้ว" เสียงถอนหายใจดังพรืดตามมาหลังจบประโยค มันหันไปมองเด็กผู้ชายตัวสูงโย่งที่นั่งห่างออกไปสองโต๊ะก่อนหันกลับมา หยิบหมูทอดโยนใส่ปากแล้วกัดข้าวเหนียวตาม ท่าทางไม่สบอารมณ์สุดๆ

            น้องคนนี้ตามมันมาสามวันเห็นจะได้ ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมทำอะไรสักที แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีความกล้ามากกว่าปกติ เมื่อน้องเขาพาร่างสูงๆ นั่นเดินมาทางโต๊ะพวกผม

            "เอ่อ...พี่ไข่ต้มครับ"

            "ครับ"

            "คือผมอยากรู้จักพี่ครับ ถ้าผมจะขอ..."

            "ถ้าอยากรู้จักแบบพี่น้อง พี่ว่าน้องคงรู้จักพี่อยู่แล้ว แต่ถ้าอยากรู้จักในสถานะอื่น พี่ว่าอย่าพยายามเลยครับ"

            ถ้าผมเป็นไอ้น้องคนนี้ต้องวิ่งร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านไปแล้วแน่ๆ นับว่าน้องมันเข้มแข็งไม่น้อย แค่เห็นหน้าถมึงทึงของไอ้เพื่อนหน้าตึงความกลัวก็ลงเป็นขีด ไหนจะคำพูดคำจาร้ายกาจ เป็นผมจะไม่ทน

            ไอ้น้องตัวสูงมันคงไม่รู้จะทำยังไงเลยก้มหัวแบบรีบๆ ให้สองทีแล้วเดินจากไป เท่านั้นแหละคนที่เพิ่งทำหน้าตึงอยู่เมื่อกี้ก็เปลี่ยนโหมดแบบกะทันหัน จากแม่ไก่หวงไข่กลายเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อย กะพริบตาปริบๆ มองผม

            มันก็เป็นซะแบบนี้

            "น้องเขาจะโกรธกูป้ะวะ"

            คราวนี้เลยเป็นผมที่ถอนหายใจบ้าง

            "ถ้ากลัวเขาโกรธแล้วจะทำดุใส่เขาทำไม"

            "กูไม่อยากให้ความหวัง"

            "ก็เลยสร้างกำแพงสูงๆ กันทุกคนที่คิดว่าจะมาแอ๊วมึงออกไปว่างั้น"

            "โหมึง ใช้คำว่าแอ๊ว"

            "เปลี่ยนเป็นจีบก็ได้อะ"

            มันคว่ำปากใส่เพราะผมพูดถูก ใครที่เข้าหามันและมีท่าทีว่าจะโยนความรู้สึกเกินญาติเพื่อนพี่น้องมาให้โดนมันปิดประตูใส่หมด ไม่เคยไว้หน้าว่าเป็นใครมาจากไหน และผมยังไม่เคยเห็นมันเปิดใจให้ใครสักที

            "ทำไมไม่ลองคบๆ ดูสักคนวะ"

            "ไม่ได้ชอบนี่หว่า"

            "เลือกมาก แล้วเมื่อไรจะมีแฟน"

            "ก็ไม่ได้อยากมี"

            ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเลิกเถียงกับมัน ตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็นมันมีแฟนเลยสักคน เป็นเพราะนิสัยชอบปิดประตูใส่คนอื่นแบบนี้นี่แหละ

            จนบางที...ผมเองก็กลัวที่จะลองเคาะประตูดูเหมือนกัน



------------ ติดตามตอนต่อไป ------------

 

เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว กับชื่อเรื่องแปลกๆ
ช่วงนี้เบื่องานประจำรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า(55555) เลยอยากหาอะไรที่ไม่ต้องคิดเยอะเขียน
เอาเป็นรักใสๆ วัยมัธยมกำลังดี เพราะฉะนั้นกำหนดลงอาจจะไม่แน่นอนต้องขออภัย
คืออาจจะมาเร็วมากๆ หรือช้ามากๆ นั่นเอง
ยังไงก็ขอฝากไข่ต้มกับน้องพระเอก(ที่ยังไม่รู้ชื่อ) ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 01-01-2018 20:21:42
จะจีบไข่ต้ม :mew2: :mew3:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ImInDragon ที่ 01-01-2018 21:35:11
กรี๊ดดดดดด  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:


่คุณคินซางงงงงง เปิดเรื่องใหม่ เห็นที่ทวิต ๆๆ เอาไว้ค่ะ รอมาก
ไข่ต้ม
ไข่ต้มจ๋า มาเลย เราชอบกิน  :hao6: :hao6: พร้อมสุด ๆ ค่ะ
จะติดตามนะคะ
หลงรักวิธีการเล่าเรื่องของคุณตั้งแต่น้องต้นสนที่รักแล้ว 55555 เราอาจจะแว๊บไปแว๊บมาอีกเว็บหนึ่งสลับก้บเว็บนี้นะ เราเข้าที่ไหนได้ก็อ่านที่นั่นเลย  :mew1: :mew1:


รอค่าาาาาา ปัก ปัก ปัก !
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-01-2018 21:42:30
ไข่ต้มต้องน่ารักมากแน่ๆเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 02-01-2018 15:43:35
ตามค่าาาาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-01-2018 19:08:00
ตามจีบไข่ต้มด้วยคน  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> 00 : เขาคือไข่ต้ม <<< [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 04-01-2018 02:48:12
ลงชื่อติดตามจ้า :a9: :a9:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 07-01-2018 18:17:04


ไข่ฟองที่ 1
น้องยู สาวแว่นสายเปย์


            หากจะพูดถึงหนึ่งในคนที่อาจหาญเข้ามากะเทาะเปลือกไข่ต้มที่แข็งอย่างกับหินแล้วล่ะก็ คนหนึ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากๆ คงจะเป็นน้องยู ม.4 สาวแว่นสายเปย์ที่รักเดียวใจเดียวและเชิดชูไข่ต้มเพื่อนผมอย่างกับรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ มีของมาถวายเช้าเย็น แต่แวบมาแวบไป ไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอหน้าจังๆ เท่าไรนัก เพราะฉะนั้นน้องเขาเลยยังไม่เคยดนปิดประตูใส่หน้าจังๆ เหมือนคนอื่นเขาสักที

            "วันนี้เป็นป๊อกกี้รสกล้วยว่ะ ช่างรู้ใจ"

            เข้ามาในห้องเรียนก็เจอกล่องขนมสีเหลืองวางอยู่บนโต๊ะ เป็นรสที่ไข่ต้มมันชอบกินบ่อยๆ และถ้าหากสังเกตให้ดีสักนิดจะเห็นว่าตรงรอยปะมันถูกเปิดออกนิดหน่อย ผมเดาว่าในกล่องคงมีข้อความที่น้องเขาเขียนซ่อนเอาไว้อยู่

            ไข่ต้มหยิบขนมขึ้นมาเปิดกล่องออกดํด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ มันคงชิน ผมรู้ว่ามันก็ชอบที่มีคนเอาขนมมาให้กินแบบนี้ แต่คนอย่างมันไม่ชอบให้ความหวัง ตัดได้เป็นตัด เพราะมันไม่เคยคิดจะสานความสัมพันธ์กับใครอยู่แล้ว

            "ขอเก็บกล่องไว้อีกแล้วว่ะ" แต่พอได้อ่านข้อความมันก็หันมาทำหน้าเครียดใส่ผมทันที

            ความแปลกอีกอย่างของน้องยูคือชอบเก็บซากของที่ให้ไข่ต้มไว้ทุกชิ้น อย่างครั้งนี้น้องเขาก็ขอกล่องไปเก็บไว้ คราวก่อนให้ลูกอมก็ขอเปลือก แต่คนใจไม้ไส้ระกำอย่างมันไม่เคยยอมทำตามแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยเหลือเศษซากอะไรให้น้องเขาเก็บไปชั่งกิโลขายหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึกเลยสักชิ้น นอกจากครั้งก่อนที่มันได้ลูกอมจากน้องแล้วแกะกินหลังจากคลาดกับน้องได้แป๊บเดียว แต่อนิจจาน้องดันเห็นเลยวิ่งมาขอเปลือกลูกอมไปเก็บ มันก็มัวแต่เอ๋อรับประทาน รู้ตัวอีกทีเปลือกลูกอมก็ถูกขโมยไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

            "แล้วจะให้ป้ะ"

            "มึงก็รู้"

            "เผื่อเปลี่ยนใจไง น้องเขาก็ดูโอเคอยู่นะ"

            "แต่กูไม่ได้ชอบนี่หว่า"

            "งั้นก็รีบๆ บอกน้องเขาไปดิ ไม่ใช่กินขนมเขาฟรีอยู่แบบนี้" โดนว่าเข้าไปมันเลยเปลี่ยนมาทำหน้าบึ้งใส่ผมแทน

            "น้องเขาเคยอยู่รอให้กูบอกมั้ยล่ะ มาแต่ของตัวไม่เคยเจอ วันไหนเจอหน้าก็อย่างกับนินจา เร็วฉิบหาย" เห็นมันทำหน้ายุ่งบ่นเป็นคนแก่ ยัดกระดาษที่น้องยูเขียนโน้ตไว้ใส่กล่องแล้วยัดกล่องขนมใส่กระเป๋านักเรียนอีกที

            "ไม่คิดจะแบ่งเพื่อนกินบ้างเหรอ"

            "น้องเขาให้กู"

            "แหนะทำหวง ชอบก็บอกว่าชอบดิ"

            โดนแซวเรื่องเดิมมันเลยทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม เลิกพูดด้วยโดยการฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียน สร้างเกราะกำบังขึ้นมาเป็นเปลือกไข่บางๆ ที่เคาะเบาๆ ก็แตก

            ก็ยังดีที่เปลือกของผมเปราะบางแบบนี้ มันคงเป็นเปลือกชนิดพิเศษที่สร้างไว้สำหรับเพื่อนสนิท แต่ใครจะรู้ว่าการกะเทาะเปลือกไข่ใบนี้มันยากกว่าคนอื่นหลายเท่า เพราะถึงแม้จะปลอกเปลือกสำเร็จ สิ่งที่เห็นอยู่ด้านใน อาจจะเป็นความว่างเปล่าอันดำมืดก็ได้

 

            ตุ๊กตาหมีตัวที่สอง

            ผมนั่งมองไข่ต้มมองเจ้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่สูงเกินหนึ่งฟุตเห็นจะได้ที่วางอยู่บนโต๊ะเรียนอีกทอด วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ เป็นครั้งที่สองที่มันได้ตุ๊กตาหมีจากน้องยู ส่วนตัวแรกนั้นได้มาตอนปีใหม่ซึ่งตรงกับวันเกิดมันพอดี

            ที่จริงผมเห็นน้องยูหิ้วตุ๊กตาหมีตัวนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว พอเลิกเรียนน้องก็โฉบเอาการ์ดมาให้ บอกใบ้ว่ามีของขวัญให้อีกชิ้น เดินเข้ามาในห้องเรียนก็เจอตุ๊กตาหมีตัวนี้วางอยู่ เพราะรู้ว่าไข่ต้มมันไม่ชอบดอกไม้ แต่โปรดของกินกับของใช้และอื่นๆ ในวันแห่งความรักแบบนี้จะเลือกตุ๊กตาหมีแทนช็อคโกแลตก็เป็นความคิดที่เข้าท่าอยู่เหมือนกัน

            "ท่าทางจะแพง"

            "กูจะเอาไปคืน" พูดจบมันก็ลุกขึ้นคว้าตุ๊กตาหมีพรวดพลาดจะออกจากห้องจนผมต้องรีบคว้าตัวเอาไว้

            "เฮ้ยเดี๋ยว ใจเย็นก่อน คิดดีๆ ค่อยๆ คิด เอาไปคืนเดี๋ยวน้องมันเสียน้ำใจ"

            "แต่ก็ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้ป้ะวะ"

            "แต่มึงจะเอาไปคืนแบบนี้ไม่ได้"

            "แล้วจะให้กูทำไง" แล้วมันก็ทำหน้าเครียดใส่ผมอีกครั้ง

            ผมรู้ว่ามันอยากเคลียร์ปัญหาค้างคานี้ให้จบ ยิ่งปล่อยให้คาราคาซังไปน้องยูเองจะเป็นฝ่ายที่เจ็บยิ่งกว่า เพราะต่อให้พยายามต่อไปยังไงก็ไม่มีทางสมหวัง แม้ว่าทุกอย่างที่ทำมาจะไม่ได้เสียเปล่า น้องยูมีความสุข มันเองก็ใช่ว่าจะทุกข์เสมอไป แต่คนอย่างไอ้ไข่ต้มไม่ชอบอะไรแบบนี้ มันไม่ใช่ดารา ไม่ใช่บุคคลตัวอย่าง ไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์ให้ใคร มันไม่สมควรได้รับความรักเช่นนี้ตอบกลับมา

            ผมรู้...รู้ว่ามันคิดแบบนี้กับน้องยูมาตลอด

            "นั่งรอตรงนี้ก่อน" ผมดันมันให้นั่งเก้าอี้ คนหน้าตึงกอดตุ๊กตาเอาไว้หลวมๆ มองมาอย่างสงสัย

            ผมไม่ตอบอะไรก่อนก้าวออกจากห้องเรียนมายืนอยู่ริมระเบียง กวาดสายตามองหาน้องยู แล้วก็พบว่าเธอยังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะม้าหินอ่อนตรงสวนข้างสนามบาส ผมเลยหันไปกวักมือเรียกไข่ต้มให้เดินมาหา

            "เดี๋ยวกูพามึงไปหาน้องเขาเอง"

 

            ไข่ต้มกับตุ๊กตาหมีดูเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักเรียนที่ยังไม่ยอมกลับบ้าน ถ้าให้ผมเดา คนเหล่านั้นคงคิดว่ามันกำลังจะเอาตุ๊กตาไปให้ใครสักคนพร้อมกับสารภาพรัก และคนคนนั้นก็จะกลายเป็นผู้โชคดีที่สามารถพิชิตใจที่แข็งดั่งเปลือกไข่เหล็กของเพื่อนผมคนนี้ได้ แต่หารู้ไม่ว่า ความจริงมันกลับตาลปัตร เพราะคนที่ได้ตุ๊กตาหมีตัวนี้คืนไป อาจจะวิ่งร้องไห้น้ำตานองหน้ากลับบ้านก็เป็นได้

            ผมเดินนำไข่ต้มมายังโต๊ะม้าหินในสวนข้างสนามบาส น้องยูที่เห็นมันเดินเข้ามาใกล้เริ่มตั้งท่าเตรียมจะหนี ผมเลยรีบพุ่งตัววิ่งคว้าตัวน้องเขาเอาไว้ก่อน ยังไงวันนี้ปัญหาคาราคาซังนี้ต้องจบเพื่อความสงบสุขของไอ้ไข่ต้ม ผมจะไม่ยอมให้น้องยูหนีอีกเป็นอันขาด

            "เดี๋ยวก่อนน้องยู อยู่คุยกับไข่ต้มมันก่อน"

            "คะ...คุยอะไร"

            "ก็คุยกันนี่แหละ อย่าเพิ่งหนี อยู่ฟังมันก่อน"

            พอผมบอกไปแบบนั้นน้องยูก็หน้าแดงแป๊ดขึ้นมาทันที เธอใช้นิ้วดันแว่นแล้วก้มหน้างุดท่าทาเขินอาย เพื่อนในกลุ่มก็พากันจับมือกันส่งกำลังใจให้ ทำตัวเป็นกองเชียร์ได้ไม่รู้สถานการณ์เอาซะเลย

            ไข่ต้มเดินตามมาถึงในไม่ช้า สีหน้านิ่งเรียบติดบึ้งนิดๆ ไม่เปลี่ยนแปลง มันยังกอดตุ๊กตาเอาไว้หลวมๆ มองกลุ่มน้องยูด้วยสายตาเหมือนอยากจะฆ่ามากกว่ามาขอคุย แต่ด้วยความเป็นไข่ต้ม จะถูกคนอื่นมองว่าท่าอุ้มตุ๊กตาด้วยหน้าตึงๆ เหมือนงอนใครอยู่แบบนี้มันดูน่ารักก็ไม่แปลก ขนาดผมยังคิดแบบนั้นเลย

            "พี่ไข่ต้มจะคุยอะไรกับยูเหรอคะ" น้องยูถามด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ปกติก็ไม่ค่อยได้ยินเธอพูดอยู่แล้ว พอมาเจอแบบนี้คงประหม่าน่าดู

            "พี่จะเอาตุ๊กตามาคืน"

            "เอามาคืน?"

            "ครับ เอามาคืน"

            "คืนทำไมล่ะคะ"

            "เพราะพี่ไม่สมควรได้รับมันครับ"

            "ไม่สมควรตรงไหนคะ ก็ยูให้พี่"

            "เอามันคืนไปเถอะครับ แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเอาของอะไรมาให้พี่อีก ทำแบบนั้นไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ เสียเวลาน้องเปล่าๆ"

            ผมต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ไอ้ไข่ต้มเพื่อนผมกำลังท็อปฟอร์มสุดๆ สีหน้า น้ำเสียง อารมณ์มาเต็ม เล่นเอาน้องยูอ้าปากค้างพูดต่อไม่ออก มันเลยใช้จังหวะนี้ยัดตุ๊กตาหมีคืนใส่อ้อมกอดน้องเขา หันหลังเตรียมจะเดินกลับ แต่จะตัดจบดื้อๆ แบบนี้มันไม่สวยเท่าไร ไข่ต้มมันเลยหันกลับไปพูดอีกหนึ่งประโยคให้กับน้องยู

            "อย่ามารักคนอย่างพี่เลยครับ"

            แล้วมันก็ก้าวเร็วๆ จากไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มแห้งให้น้องยูที่เปะปากทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

            "โอ๋ๆ ไม่เป็นไรครับ ทำใจนะ" ปลอบน้องเขาได้เพียงเท่านี้ผมก็รีบสาวเท้าตามไข่ต้มไป

            แล้วสุดท้ายไอ้คนหน้ายักษ์ใจดีก็มานั่งเครียดเหมือนเดิม ส่วนผมก็มีหน้าที่ทำให้มันสบายใจอย่างทุกทีเช่นกัน

            "มึงว่ากูพูดแรงไปมั้ยวะ"

            "ไม่หรอกมึง บอกไปตรงๆ นั่นแหละดีแล้ว"

            ฟังคำปลอบจากผมแล้วมันก็ปั้นหน้าบึ้งใส่ ทำคิ้วผูกโบว์จนอยากจะยืมไปติดบนกล่องของขวัญท่าทางจะสวยดีพิลึก

            "ไหนทีแรกห้ามกูจังวะ กลัวน้องเขาเสียน้ำใจงั้นงี้" แล้วก็โดนมันเล่นซะแล้วไหมล่ะผม

            "เอ้า! ก็เพื่อความสบายใจของมึงไง"

            "ย้อนแย้งนะมึง"

            เรื่องบางเรื่องคนเราก็ต้องทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ผมเห็นใจน้องยูนะ ไม่ได้อยากให้ความรักของน้องจบลงแบบนี้ แต่ตัวผมเองก็หน้าเห็นใจไม่แพ้ใครเหมือนกัน

            "นี่กูอุตส่าห์วิ่งไปจับตัวน้องยูให้เลยนะ"

            "เออๆ"

            ไข่ต้มโบกมือเหมือนจะไล่อะไรสักอย่าง แต่ผมรู้ว่ามันสัญญาณมือแบบนี้คือการปิดหัวข้อสนทนานี้สำหรับมัน จบ เลิกคุย และอย่าพูดให้ได้ยินอีก ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นแปลงร่างจากไข่ต้มเป็นปลาทูทำหน้ายู่ใส่ผมไปอีกหลายชั่วโมง

            "ยังไงก็ขอบใจมึงนะ ช่วยกูตลอดเลย"

            "คนอย่างมึงขาดกูไม่ได้หรอก"

            ช่วงเวลาแบบนี้เป็นโอกาสที่ผมสามารถเยินยอตัวเองได้เต็มที่ ไข่ต้มยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่มันมอบให้ใครไม่บ่อยนัก มีแค่ผมคนเดียวที่เห็น มีแค่ผมคนเดียวที่ได้รับ มีแค่ผม...คนที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมันเท่านั้น

            "กูขาดมึงไม่ได้จริงๆ นั่นแหละเพื่อน"

            และบางที ความภูมิใจในชั่วขณะหนึ่งก็มาพร้อมกับอาการเจ็บแปลบที่หัวใจได้เช่นกัน

 

            ชีวิตไข่ต้มกลับมาสงบสุขอีกครั้งในเช้าหลังวันวาเลนไทน์ หลังจากที่มันระบายเรื่องน้องยูให้ผมฟังเกือบทั้งคืน สงสารบ้างล่ะ กลัวน้องน้อยใจบ้างล่ะ แต่เชื่อเถอะคนอย่างมันไม่มีใครเกลียดลงหรอก อย่างน้อยก็น้องยูแฟนคลับตัวยงของมันคนนี้  เพราะเมื่อเราเดินเข้ามาในห้องเรียนที่ยังมีนักเรียนมาไม่มากนักก็พบมันวางอยู่บนโต๊ะ

            ตุ๊กตาหมีเจ้าปัญหาตัวนั้น

            ไอ้ไข่ต้มเบิกตากว้างรีบปราดเข้าไปในห้องทันทีที่เห็นว่าอะไรวางอยู่ ผมเดินตามไปยืนข้างมัน มองมันหยิบการ์ดที่วางอยู่บนตักตุ๊กตาขึ้นมาเปิดอ่าน แล้วเราก็มองหน้ากันอย่างหมดคำพูด

            'เป็นแค่แฟนคลับก็ได้ค่ะ แต่ช่วยรับเจ้าตัวนี้ไว้ด้วยนะคะ ยูตั้งใจซื้อมาให้พี่ไข่ต้มนะ สัญญาว่าต่อจากนี้จะเป็นแฟนคลับที่ดี'

            ไข่ต้มมองการ์ดในมือสลับกับเจ้าตุ๊กตาหมีหน้าตาน่ารักๆ ดูซื่อบื้อไปเลย สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้แล้วเก็บการ์ดใส่กระเป๋า

            "มึงคงต้องยอมรับเอาไว้แล้วว่ะ"

            "ก็คงต้องอย่างนั้น" ว่าแล้วมันก็ดึงตุ๊กตามากอด ซุกหน้าลงกับขนนุ่มๆ เหมือนเด็กที่เคยมีตุ๊กตาเป็นตัวเอง ลูบหัวจับหูเล่นอยู่แบบนั้น

            มันก็เป็นซะแบบนี้ใครจะไปเกลียดลง...

            จริงไหม


--------------- ติดตามตอนต่อไป ---------------

 
อาจจะสั้นไปนิดเนอะ แต่ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้แหละ แต่ละตอนจะไม่ยาวมาก (และหาสาระไม่ได้นัก)
จริงๆ ก็เหมือนกับไออารี่ของน้องพระเอกที่บันทึกเรื่องราวคนที่เข้ามาในชีวิตไข่ต้มไว้
สุดท้ายจบตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ชื่อของคุณเพื่อนสนิทสักที ให้เล่นทายชื่ออีกดีมั้ย ฮ่าๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า


หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2018 20:19:51
สวัสดีปัใหม่ ๒๕๖๑
แบบนี้ก็ดี เหมือนไดอารี่ที่เพื่อนสนิทบันทึกไว้
แล้วไรท์ จะบอกชื่อเพื่อนสนิทที่แอบชอบไข่ต้มเมิ่อไหร่นะ  :hao3:

ไข่ต้ม ชัดเจนกับน้องยู ดีมาก
บอกไปเลยชัดๆ ว่าไม่คิดกับน้องแบบชอบๆ  ไม่ให้ความหวัง  :katai2-1:
แล้วเรื่องก็เปลี่ยน น้องขอมาเป็นแฟนคลับ  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-01-2018 21:37:51
เปลือกไข่สำหรับคนอื่นว่าแข็งแล้ว กับเพื่อนสนิทนี่ดูท่าจะยากกว่านั้นนะคะ เป็นกำลังใจให้ เผื่อไข่ต้มแอบรักอยู่พอดีถึงไม่ยอมมีแฟน  :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-01-2018 21:54:20
ชอบความชัดเจนของไข่ต้มนะ
ถึงจะปฏิเสธคนอื่นแต่ก็มีห่วงใจเขา เด็กดีๆ
บางทีอาจจะรอคนข้างๆมาบอกชอบก็ได้---(?)
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 08-01-2018 03:02:59
น้องไข่ต้มน่ารักกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ได้อ่านวายมัธยมนานแล้วค่ะรู้สึก555555555 ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 09-01-2018 20:29:25
อาจจะใจตรงกันแต่ไม่กล้าพูดกันทั้งคู่ก็เป็นไปด๊ายยย  :m26: :m26:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 1 : น้องยู สาวแว่นสายเปย์ <<< [07/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 16-01-2018 13:42:41
ที่ไข้ต้มปฏิเสธคนอื่นเพราะรอใคร(?)อยู่รึเปล่า
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 2 : พี่ชายปอร์เช่ <<< [16/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 16-02-2018 19:44:55

ไข่ฟองที่ 2 พี่ชายปอร์เช่


            คนอย่างไข่ต้มมักมีแรงดึงดูดคนแปลกๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนแปลกหน้า กับผู้ชายที่ไม่รู้มาหลงเสน่ห์มันตั้งแต่ตอนไหน

ผมกับไข่ต้มยืนงงเหมือนตอนเรียนคณิตศาสตร์เมื่อจู่ๆ มีรถปอร์เช่คันหรูขับมาจอดหน้าที่ป้ายรถเมล์ตอนกำลังรอรถเมล์กลับกลับบ้าน ก่อนคนขับจะเลื่อนกระจกลง

            ผู้ชายที่คาดว่าน่าจะวัยทำงานเพราะใส่เชิ้ตสีกรมท่าแต่อายุน่าจะไม่เกินสามสิบ เขาหยิบปากกาเขียนอะไรยุกยิกใส่เศษกระดาษ ก่อนหันมามองเราสองคนแล้วถอดแว่นกันแดดออก

            หล่อแฮะ

            "อะไรวะ" ไอ้คนมีเซนส์ขยับมายืนหลบหลังผม มันถามด้วยความระแวงเมื่อผู้ชายคนนั้นยื่นกระดาษมาให้

            เขาพยักหน้าให้ผมหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่เพราะอยู่ด่านหน้าเลยเผลอก้าวเท้าไปหาพร้อมกับยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นนั้น โดยลืมคิดไปเลยว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่ควรไว้ใจ

            ผมก้มตัวเข้าไปกระจกรถที่เขาเปิดไว้ ทีแรกผมคิดว่าเขาอยากถามทางหรือขอความช่วยเหลือ แต่เขากลับชี้นิ้วไปข้างหลัง ไปยังคนที่ยืนทำหน้าตื่นตระหนกอยู่ หลังจากส่งแผ่นกระดาษให้ผมเรียบร้อยเขาก็ยิ้มแล้วขับรถจากไปท่ามกลางความงุนงง

            ป้าบ!

            "มึงตีกูทำไมเนี่ย" ผมยกมือจับต้นแขนที่โดนไอ้ไข่ต้มมันฟาด อยู่ดีๆ เป็นบ้าอะไรมาตีกันเฉย

            "มึงไปคุยอะไรกับเขา"

            "ก็เขาเรียกกูอ่ะ"

            "ใครที่ไหนก็ไม่รู้ น่ากลัว"

            ผมมองไข่ต้มที่ทำหน้าเครียดไม่เลิก มันกอดอกแสดงสีหน้าไม่พอใจระคนเป็นห่วง ผมรู้ว่าที่ทำไปเมื่อกี้มันไม่ปลอดภัย แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นอะไรไง จะเป็นก็เพราะโดนมันทำร้ายร่างกายที่แหละ

            "แล้วมึงไปรับอะไรจากเขามา"

            ผมแบมือที่กำกระดาษของผู้ชายคนนั้นให้ไข่ต้มดู ในนี้มีตัวเลขเขียนไว้ด้วยปากกาดำ ดูๆ ไปมันอาจจะเป็น...

            "เขาใบ้หวยให้เราป้ะวะ"

            "หวยบ้านพ่อมึงสิมีสิบหลัก" ไอ้ไข่ต้มง้างมือทำท่าจะฟาดผมอีกรอบ

            "มุกมั้ยล่ะมึง เอะอะก็ทำร้ายร่างกาย"

            "เขาให้เบอร์มึงทำไมวะ"

            "เปล่า เขาไม่ได้ให้กู" ผมส่ายหน้ารัว ถึงจะเดินไปรับมาแบบงงๆ แต่ผมจำได้แม่นว่าเขาชี้ไปข้างหลัง

            เบอร์โทรศัพท์นี้ ผู้ชายคนนั้นตั้งใจจะให้ไอ้ไข่ต้ม

            มันมองหน้าผมอย่างเข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อแล้วส่ายหน้ารัว คว้ากระดาษที่อยู่ในมือผมไปแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะก่อนโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี

            "ทีหลังมึงห้ามรับของจากคนแปลกหน้าอีก" แล้วมันก็เดินกลับมาชี้หน้าว่าผม

            "โอเคคร้าบ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว"

            "แต่แม่งน่ากลัวจริงๆ เป็นใครที่ไม่รู้ แล้วมันให้เบอร์กูทำไมวะ"

            "ถามจริงหรือแอ๊บ" ผมถามแกมด่า อย่างมันมีคนเข้าหาเป็นล้านรูปแบบมีหรือจะไม่รู้ ขนาดคนคนแก่วัยทำงานยังมีหลงมาเลย

            "ก็อยากคิดเป็นอย่างอื่นบ้างมั้ยวะ"

            "งั้นเขาคงมาขายประกันมั้ง มึงควรไปคุ้ยเบอร์เขากลับมาแล้วช่วยเขาทำมาหากิน"

            "ขับปอร์เช่ขายประกันเลยเนอะ"

            "หรืออาจจะเป็นแมวมองชวนมึงไปเป็นดารา"

            "อืม...น่าคิด"

            "หรือไม่ก็อยากจับมึงไปขาย"

            "จับมึงสิ"

            ผมหัวเราะให้กับคำด่าที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เว้นแต่ตัวคนด่าเองที่ทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม ผมรู้ว่ามันกังวล สังคมที่อยู่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย มันเจอคนแปลกบ่อย ย่อมไม่แปลกที่มันจะกลัว

            "อยู่กับกูมึงไม่ต้องกลัวหรอก" ผมยกมือขึ้นยีผมมันอย่างนึกมันเขี้ยว เกือบจะซึ้งอยู่แล้วถ้าไอ้ไข่ต้มมันไม่ปากเสียขัดขึ้นมา

            "มึงอ่ะตัวดี พาคนแปลกๆ มาหากูตลอด"

            "เอ้า!"

            มันไม่พูดอะไรต่อ อมยิ้มก่อนเดินหนีไปนั่งรอ

            ก็ได้ ผมยอมรับก็ได้ว่าเพราะความเอ๋อเลยพาคนแปลกๆ เข้ามาหามันก็ได้ แต่ผมจะยอมรับผิดโดยการอยู่เคียงข้างมันเอง ผมจะปกป้องมัน ไม่ให้คนแปลกหน้าหน้าไหนเข้ามาทำร้ายไอ้ไข่ต้มเพื่อนผมได้เป็นอันขาด

 

            ปี๊ด!!

            เสียงแตรรถที่ดังอยู่ไม่ไกลทำเอาทั้งผมทั้งไข่ต้มสะดุ้งสุดตัว เราละสายตาจากหน้าจอมือถือที่กำลังสุมหัวดูสิ่งน่าสนใจบนเฟซบุ๊กเงยหน้ามองหาต้นเสียง แล้วก็เจอกับปอร์เช่สีดำคันเดียวกับเมื่อวาน

            ผู้ชายแปลกหน้า(แต่หน้าตาดี)มาอีกแล้ว

            กระจกรถเลื่อนลงเขาก็ชะเง้อหน้ามามองพร้อมกวักมือเรียก ไข่ต้มเกาะแขนผมไว้แน่น สีหน้าหวาดระแวงขั้นสุด แต่พี่คนนั้นก็กวักมือเรียกไม่หยุดเหมือนกัน ดูท่าแล้วจะไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ เสียด้วย

            "เขาเรียกว่ะ"

            "ก็ปล่อยให้เรียกไปดิ มึงห้ามไปนะ"

            "ไม่ไปหาเขาหน่อยเหรอวะ"

            "ไม่เอาเว้ย น่ากลัว เป็นใครก็ไม่รู้ กูตะโกนเรียกพี่ยามดีมั้ย"

            "เขาคงไม่ทำอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวกูไปคุยเอง"

            "มึง"

            ผมแกะมือไข่ต้มออกโดยไม่ฟังคำคัดค้าน ลุกเดินอาดๆ เข้าไปหาพี่ปอร์เช่เพื่อเคลียร์ปัญหาให้รู้เรื่องกันไป ว่าเพราะเหตุใดพี่เขาต้องมายุ่งกับเพื่อนผมด้วย

            "มีอะไรครับพี่"

            "น้องคนนั้นชื่ออะไรเหรอ" พี่เขาบุ้ยปากไปยังคนที่นั่งทำหน้าน่ากลัวอยู่

            "มันชื่อไข่ต้ม พี่มีปัญหาอะไรกับมันเปล่า"

            "ไข่ต้มเหรอ ชื่อน่ารักจัง"

            ผมตีหน้าขรึมใส่เมื่อได้ฟัง ถึงจะหล่อแต่แปลกหน้าแบบนี้เพื่อนผมมันไม่เอาหรอก ผมควรบอกพี่เขาไปเลยดีไหมว่าให้ตัดใจไปซะถ้าคิดจะจีบ

            "สรุปพี่มีปัญหาอะไรป้ะครับ"

            "น้องไข่ต้มมีแฟนหรือยัง"

            หัวคิ้วผมกระตุกกึก โกหกไปเลยดีไหมว่ามันเป็นแฟนผม จะได้เลิกมาวุ่นวายสักที

            "มันอ่ะแฟนผม"

            "โธ่น้อง อย่ามาอำ"

            เอ้า! ไม่เชื่ออีก

            "ผมไม่ได้อำพี่ มันเป็นแฟนผมจริงๆ"

            "งั้นพี่ฝากขนมให้แฟนน้องหน่อยนะ ฝากบอกด้วยว่ามาเป็นแฟนพี่ดีกว่า ขอบคุณครับ"

            พี่เขายื่นกล่องขนมมาให้ ผมเลยรับมาด้วยความลืมตัว แถมยังแสดงความมีมารยาทสมกับเป็นลูกชายป้าสมพรบ้านขนมไทยด้วยการยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนคุณพี่ปอร์เช่จะปิดกระจกแล้วจากไป

            "ทำอะไรของมึงเนี่ย" เสียงไข่ต้มแวดขึ้นมาทันทีเมื่อผมหันกลับไปหาพร้อมกล่องขนมในมือ

            "พี่เขาฝากขนมให้มึงอ่ะ"

            มันทำหน้าตึงคิ้วผูกโบว์ลุกเดินมาหาผม คว้าถุงขนมไปแล้วจ้องอย่างกับจะจับผมกินยังไงยังงั้น

            "นี่มันขนมบ้านมึงไม่ใช่เหรอ"

            ผมชะเง้อไปดูกล่องขนมในถุง ก็ว่าล่ะมันคุ้นๆ พี่เขาก็เป็นลูกค้าร้านขนมของแม่ผมด้วยเหรอ ถึงขั้นซื้อมาฝากด้วยแบบนี้

            "อร่อยนะมึง"

            ไข่ต้มทำหน้าเซ็งใส่ มันเดินตรงไปที่ถังขยะ เร็วกว่าความคิดผมถลาไปคว้าแขนมันไว้ ครั้งนี้มันไม่เหมือนใบใบ้หวยเมื่อวานเว้ย ห้ามทิ้ง!

            "ถ้ามึงเอาทิ้งกูฟ้องแม่สมพรนะ"

            "แล้วมึงไปรับของจากคนแปลกหน้ามาทำไมวะ ถ้ามันใส่ยาขึ้นมาทำไง"

            "ยาเสน่ห์อ่ะเหรอ"

            "เสน่ห์พ่อกู"

            เกิดเดทแอร์ขึ้นมากลางคัน มันใช่เวลามาเล่นไหมเนี่ย

            "กูรู้ว่ามึงอารมณ์ไม่ดีแต่อย่าเพิ่งกวน เอากลับไปเหอะ หรือถ้ามึงอยากทิ้งก็เอาไปทิ้งไกลๆ สายตากู ไม่งั้นกูจะฟ้องว่ามึงทิ้งขนมแม่"

            "ขี้ฟ้องตั้งแต่เมื่อไร"

            "ตอนนี้แหละ เก็บไปก่อนเชื่อกู ไม่มีระเบิดซ่อนอยู่หรอก หรือถ้าเขาคิดจะวางยาคงไม่ถามหรอกว่ามึงมีแฟนมั้ย เพราะเขาจะจีบมึง"

            ไอ้ไข่ต้มกอดอกขมวดคิ้วมองผมไม่เลิก พูดไปแล้วก็ช้ำใจปนอิจฉานิดๆ คนอื่นเข้าหามันแถมยังบอกได้เต็มปากว่าจะจีบ แต่ผมกลับพูดไม่ได้ทั้งที่ใกล้ชิดมันที่สุด โอกาสไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะห่างจริงๆ

            "เขาบอกมึงเหรอว่าจะจีบกู"

            "ก็เออดิ มึงดูไม่ออกเหรอ"

            "ออก"

            "แล้วถามทำไมวะ"

            "แล้วมึงตอบเรื่องแฟนกูไปว่าไง"

            "กูบอกว่ามึงมีแฟนแล้ว" ผมยืดอกอย่างภูมิใจที่อย่างน้อยก็ช่วยเป็นไม้กันหมาให้มันได้

            "แล้วพี่เขาว่าไง"

            "เขาไม่เชื่อว่ะ" ถึงแม้จะไม่สำเร็จก็ตาม

            "เอ้า!"

            "เออน่า มึงก็อยู่ใกล้ๆ กูไว้แล้วกัน"

            "อย่างกับทุกทีไม่ใกล้"

            "งั้นก็ทำตัวให้เหมือนเป็นแฟนกูดิ พี่เขาจะได้คิดว่ามึงเป็นแฟนกู"

            "แฟนมึงเนี่ยนะ" ไข่ต้มทำหน้าตะลึงเหมือนสิ่งที่ผมพูดไม่มีทางเป็นจริงได้ในชาตินี้ มองสีหน้ามันแล้วก็แต่เศร้าแล้วเศร้าอีก

            "ก็แฟนกูเนี่ยแหละ ทำไม ไม่อยากเป็น?"

            "ทำไงวะ มึงก็รู้..." มันเว้นจังหวะเอาไว้ให้ผมคิดตาม ซึ่งผมรู้ดีว่าไข่ต้มมันหมายถึงอะไร ในเมื่อเกิดมาจนอายุสิบเจ็ดปีแล้วมันยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน

            ก็ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างผมกับมัน

            "เออๆ ช่างแม่ง เอาเป็นว่ากูจะปกป้องมึงเอง"

            "โอ้โห ซึ้งจัง"

            "จะซึ้งก็ทำหน้าให้มันเนียนๆ หน่อย" ผมดักทางอย่างไม่จริงจัง ไข่ต้มยิ้มกว้างเดินหนีไปรอรถเหมือนเดิม กับถุงขนมที่วางไว้บนตัก

            มันก็เป็นซะแบบนี้ ต่อหน้าแข็งใส่ ลับหลังกลับอ่อนโยน แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมกลับชอบในจุดนี้ของมัน

            พี่ชายที่ขับปอร์เช่สีดำคันนั้น หวังว่าไข่ต้มเพื่อนผมมันคงไม่เผลอใจตกหลุมรักคนแปลกหน้าหรอกนะ

 

            วันที่สามกับพี่ชายปอร์เซ่ วันนี้พี่เขาก็มาอีกแล้ว จอดรถรออยู่หน้าโรงเรียนสักพักพอไม่เห็นพวกเราก็ขับรถจากไป รอบนี้ไข่ต้มมันวางแผนไว้ เพราะไม่อยากเจอเลยไม่ยอมออกจากโรงเรียน ดักรอจนคนร้ายยอมกลับถึงได้แสดงตัวออกมา

            ด้วยเหตุนี้เองผมเลยต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ตามคำบอกแกมบังคับของไข่ต้มจนเข้าวันที่เจ็ด ปอร์เซ่สีดำคันนั้นยังแวะมาจอดหน้าโรงเรียนเวลาเดิม ผมคิดว่าพี่เขาคงรู้ว่าโดนหลบหน้าแต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงได้มาเฝ้ารอทุกวันแบบนี้

            "กูว่าเราควรเคลียร์ให้มันจบ" ผมโพล่งขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหวตอนเรากำลังแอบส่องพี่เขาจากในโรงเรียน

            ไข่ต้มทำหน้าตึงทันที มันกลัวผมรู้ แต่การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเสมอไป จากที่ผมคุยมาสองครั้งพี่เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก เปิดอกคุยกันตรงๆ น่าจะดีกว่า แต่ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา ผมจะปกป้องไอ้ไข่ต้มเอง

            "จะไปเคลียร์ยังไงวะ"

            "มึงลองเข้าไปคุยกับพี่เขาสักครั้งดิ ปฏิเสธไปตรงๆ พี่เขาคงเข้าใจมากกว่าให้กูเป็นคนพูด"

            มันทำหน้าคิดหนัก ผมเข้าใจว่าการปฏิเสธคนบ่อยๆ มันทำให้ลำบากใจ มันเองก็ผ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ บางคนเข้าใจยอมถอยออกตั้งแต่ถูกปิดประตูใส่ แต่บางคนก็ดื้อดึงอยากลองเคาะประตูดูเผื่อเจ้าของห้องจะใจดียอมเปิดให้ ซึ่งเจ้าของห้องคนนั้นไม่ใช่ไข่ต้มแน่นอน

            "ไปเถอะมึง มีกูอยู่ด้วยไม่ต้องกลัว" ผมยิ้มให้กำลังใจสุดท้ายมันก็ยอมตอบตกลง

            ผมบอกให้ไข่ต้มรอที่ซอยข้างโรงเรียนส่วนผมออกไปเจรจาเบื้องต้นกับพี่ปอร์เซ่ ให้เขาหาที่จอดแล้วลงมาคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว

            หลังจากพี่เขายอมตกลงผมก็กลับมาหาไข่ต้ม พี่เขาเลี้ยวรถเข้ามาจอดในซอย ปล่อยให้รออยู่นานกว่าจะยอมลงจากรถ พร้อมกับของพะรุงพะรังเต็มมือเดินเข้ามาหา

            ไข่ต้มถอยกรูดปลุกวิญญาณบอดี้การ์ดในตัวผมให้กระโดดไปขวางหน้ามันไว้ กางแขนป้องกันจ้องหน้าคนร้ายอย่างเอาเรื่อง ถ้าพี่มันคิดจะทำอะไรแปลกๆ ผมจะถีบให้หงายเลย

            "เฮ้ย ไม่ต้องกลัว" พี่เขาร้องบอก รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าอย่างเป็นมิตรผมเลยยอมลดแขนลง

            "พี่หอบอะไรมาเยอะแยะ" ผมชี้ไปที่ถุงต่างๆ นานาที่พี่เขาถืออยู่

            "ขนมกับพวกของขวัญน่ะ แล้วก็นี่ด้วย"

            พี่เขารวมถุงทั้งหมดไปถือไว้มือเดียว ก่อนหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วยื่นมันมาตรงหน้าผม เอ่อ...ไม่สิ น่าจะยื่นให้ไข่ต้มมากกว่า

            "น้องไข่ต้มช่วยรับด้วยนะครับ จากนี้พี่คงไม่ได้แวะมาอีก ของกับขนมพวกนี้ด้วยนะ ตั้งใจซื้อมาให้จริงๆ"

            ไข่ต้มมองผมสลับกับพี่เขาด้วยความหวาดระแวง แต่สุดท้ายมันก็ยอมออกจากที่กำบังแล้วยื่นมือไปรับซองสีขาวจากพี่เขา

            มันคงไม่ใช่ซองผ้าป่าใช่ไหม

            "ขนมกับของด้วย ช่วยรับหน่อยนะ"

            "จะให้ผมจริงๆ เหรอเยอะขนาดนี้" มันถามด้วยความลังเล อยู่ๆ ใครก็ไม่รู้เอาของตั้งเยอะแยะมาให้ใครจะอยากรับ

            "ก็เราไม่ออกมาเจอพี่มันก็สะสมแบบนี้ไง ช่วยรับหน่อยนะครับ" พี่เขาใช้น้ำเสียงอ้อนวอนเต็มที่ ถ้าเป็นคนอื่นเจอคนหล่อๆ หอบของมาให้แบบนี้คงยอมรับไว้อย่างไม่ลังเล แต่ไข่ต้มก็คือไข่ต้ม ผู้ที่ระแวงและกลัวไปหมดทุกอย่าง

            "รับไปเหอะ" เห็นพี่ปอร์เช่ทำสายตาอ้อนวอนแล้วผมชักสงสาร เลยช่วยพูดกับมันอีกแรง

            "จะดีเหรอวะ"

            "ถ้ากินไม่หมดเดี๋ยวกูช่วย"

            "กูไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เว้ย"

            "รับเถอะครับ" พี่เขายังใช้น้ำเสียงแบบเดิมจนสีหน้าไข่ต้มอ่อนลง แต่ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดเลยนะเว้ย

            "ทำไมต้องเอาให้ผมด้วยล่ะครับ"

            "อ่านจดหมายที่พี่ให้ไปนะ แล้วไข่ต้มจะรู้"

            มันยังคงมีท่าทางลังเล ผมเลยผลักมันให้ไปเผชิญหน้ากับพี่เขา แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ผมจะกระโดดเตะพี่เขาทันที

            "รับนะครับ"

            "เอ่อ...งั้นก็...ขอบคุณครับ" สุดท้ายมันก็ยอมรับของทั้งหมดมาถือไว้

            "ในที่สุดก็ได้คุยกันสักที" พี่เขาว่าแล้วอมยิ้ม

            ดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัยเลยสักนิด แถมยังดูรวยอีกต่างหาก น่าเสียดายที่ต้องอกหัก

            "งั้นพี่ไปก่อนนะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก น้องไข่ต้มอย่าลืมอ่านจดหมายนะครับ" พี่เขาร่ำลาเพียงเท่านี้แล้วขึ้นรถขับจากไป

            ไข่ต้มวางถุงทั้งหลายไว้บนพื้นเปิดจดหมายอ่านทันทีที่คนให้กลับไปแล้ว มันคลี่กระดาษเอสี่ที่พับสามทบออก จดหมายที่เขียนด้วยลายมืออย่างกับเรียงความยาวเกือบเต็มหน้ากระดาษ ผมอ้อมไปยืนซ้อนหลังไข่ต้ม อ่านจดหมายจากพี่ปอร์เช่ไปพร้อมกับมัน

            'ถึงน้องไข่ต้ม

            พี่ชื่อกันต์นะครับ อายุ 26 แล้ว เป็นศิษย์เก่าที่นี่ กลับจากที่ทำงานขับรถผ่านหน้าโรงเรียนทุกวันแล้วก็เจอน้องไข่ต้มนั่งอยู่กับเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ประจำด้วย (ฝากบอกน้องที่หล่อน้อยกว่าพี่ด้วยนะว่าหลอกเรื่องแฟนไม่เนียน)'

            ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างหมั่นไส้เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ บอกว่าไม่เชื่อต่อหน้าผมแล้วยังตามมาว่าในจดหมายอีก

            'พี่ชอบน้องไข่ต้มนะครับ แอบมองทุกวัน น้องน่ารักมากแต่น้องคงไม่ชอบคนแก่แบบพี่ใช่มั้ยครับ ตัดสินใจอยู่นานว่าจะจีบดีมั้ย แต่สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าลองดูสักตั้ง วันนั้นเลยตัดสินใจจอดรถเขียนเบอร์โทรแต่ดันทำน้องกลัวอีก ไม่ไหวเลยเนอะ

            สุดท้ายแล้วครับ วันเสาร์นี้พี่ต้องไปอิตาลี ถูกส่งไปทำงาน คงไม่ได้ขับรถผ่านหน้าโรงเรียนแอบมองน้องไข่ต้มแล้ว ส่วนของขวัญกับขนมพี่ตั้งใจซื้อมาให้เลยนะ ขอบคุณที่น้องทำให้พี่มีความสุขหลังจากเหนื่อยจากการทำงานแทบทุกวัน ได้เห็นหน้าน้องแล้วพี่มีความสุขมากจริงๆ ครับ

            ขอบคุณมากเลยนะ

            ป.ล. kanx91x นี่ไอดีไลน์พี่นะครับ ถ้าอยากคุยก็แอดมาได้นะ คุยกันแบบพี่น้องก็ได้ รอเสมอนะครับ

            ป.ล. 2 ถึงน้องเพื่อนไข่ต้มที่หล่อน้อยกว่าพี่ ดูแลน้องไข่ต้มให้ดีเหมือนเดิมนะ ถ้าไม่อยากเป็นแค่แฟนมโนก็พยายามเข้า สู้ๆ ครับ

            ป.ล. สุดท้าย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ'

            ข้อความในจดหมายจบลงเพียงเท่านี้ อ่านไปก็ซึ้งใจไป แต่ผมติดใจตรง ป.ล.2 อยู่นิดหน่อย ไอ้พี่คนนี้มันกวนใช้ได้เลย

            ผมไม่เคยคิดว่าการได้เห็นหน้าใครสักคนทั้งที่ไม่รู้จักจะทำให้เกิดความชอบได้ แต่ผมเข้าใจพี่กันต์นะ เพราะผมเองก็หายเหนื่อยและรู้สึกดีขึ้นตอนเห็นหน้าไข่ต้มมันเหมือนกัน คล้ายกับเป็นกำลังใจและสิ่งดีๆ ในชีวิต

            ไข่ต้มพับจดหมายเก็บใส่ซองไว้เหมือนเดินหลังอ่านจบ ผมเดาอารมณ์จากสีหน้ามันไม่ค่อยถูก แต่คิดว่ามันคงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร บางทีการได้รับความรักและสิ่งดีๆ จากคนรอบข้างมากเกินไปคงทำให้มันลำบากใจ สิ่งดีๆ ที่มันไม่สามารถตอบแทนให้คนคนนั้นกลับไปได้

            "มึงจะแอดไลน์พี่เขาไปมั้ย"

            "ไม่อ่ะ"

            "แล้วของพวกนี้"

            "ขนกลับดิ จะแบ่งไปมั้ย"

            "มึงเก็บไปเถอะ พี่เขาตั้งใจเอามาให้มึง เดี๋ยวกูช่วยขนไปส่งบ้าน"

            ไข่ต้มไม่ว่าอะไรผมเลยแบ่งถุงบางส่วนมาถือไว้ เดินออกจากซอยแล้วโบกแท็กซี่กลับเพราะไม่สามารถขนของทั้งหมดขึ้นรถเมล์ได้

            แล้วคนที่เข้ามาในชีวิตไข่ต้มเพื่อนผม ก็ได้ผ่านไปอีกคน

 
TBC


ตอนแรกตั้งใจให้เป็นเรื่องที่แต่ละตอนสั้นๆ ไม่เกินห้าหน้าแต่ตอนนี้ดันยาวซะงั้น
ขอโทษที่ดองไว้นานนะคะ เป็นเดือนเลยทีเดียว
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชื่อพระเอกเหมือนเดิม ฮา งั้นเรียกน้องพระเอกไปก่อนแล้วกันเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ เจอกันตอนหน้าน้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 2 : พี่ชายปอร์เช่ <<< [16/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 18-02-2018 06:03:22
เดาว่าน้องชอบพระเอกที่ยังไม่รู้ชื่อแน่เลยย พระเอกก็สู้ๆหน่อยนะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 2 : พี่ชายปอร์เช่ <<< [16/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: paintshinki ที่ 18-02-2018 10:24:52
ไหนๆก็เรียก น้องพระเอกๆ ชื่อเอกดีไหมคะ5555555
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 2 : พี่ชายปอร์เช่ <<< [16/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-02-2018 10:47:06
อยากอ่านพาร์ทน้องไข่ต้มบ้างจัง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 2 : พี่ชายปอร์เช่ <<< [16/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 20-02-2018 00:29:37
อยากปอกเปลือกไข่ อยากจะรู้ข้างในคิดอะไรอยู่น้อออ :m26: :m26:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 2 : พี่ชายปอร์เช่ <<< [16/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 11-03-2018 00:40:38
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วแอบเศร้านิดๆ แต่ละคนผ่านมา แล้วก็ผ่านไป  :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 3 : พี่อ๋องที่เคารพรัก <<< [11/08/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 11-08-2018 20:09:30

ไข่ฟองที่ 3 พี่อ๋องที่เคารพรัก

            เข้าสู่เดือนมีนาคมหลังผ่านการสอบปลายภาคแสนหฤโหดก็มาถึงงานปัจฉิมนิเทศ หลังจากเสร็จพิธีการมอบเกียรติบัตร รางวัลต่างๆ และผูกข้อไม้ข้อมือ เมื่อบ่ายคล้อยก็ถึงเวลาที่รุ่นน้องนับพันคนจะได้ร่วมแสดงความยินดีกับรุ่นพี่ที่จบการศึกษา ทั้งดอกไม้และของขวัญทุกคนต่างมีถือไว้กันคนละอย่างสองอย่าง ผมกับไข่ต้มเองก็ยืนต่อแถวรอรับรุ่นพี่ที่เคารพรักอยู่เช่นกัน

            กุหลาบสีแดงนับสิบดอกอยู่ในมือไข่ต้ม เราไปซื้อมายกช่อที่ตลาดสดกันเมื่อเช้า มันยิ้มพลางชะเง้อมองกลุ่มรุ่นพี่ที่ทยอยเดินมา มองแล้วก็ก้มลงนับดอกกุหลาบในมือ ริมฝีปากแย้มยิ้มสดใส เป็นมุมที่นานๆ ทีจะแสดงออกสู่สาธารณชน

            ไข่ต้มกับกุหลาบแดง จากคนที่คอยเฝ้ามองมาตลอดผมว่ามันเป็นภาพที่สวยงามมากๆ เลยล่ะ สวยแค่ไหนก็ดูได้จากกลุ่มรุ่นน้องที่มาแอบถ่ายรูปมัน จบงานไว้ผมค่อยไปเจรจาขอรูปพวกนั้นทีหลังดีกว่า

            "หยุดยิ้มได้แล้วมึง" ผมเตือน แอบเหล่ไอ้พวกที่กดชัตเตอร์ถ่ายรูปมันไม่หยุด นี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าโดนแอบถ่าย

            ริมฝีปากที่ยกขึ้นเมื่อครู่เหยียดตรงทันทีเมื่อโดนทัก เหมือนผมไปขัดความสุขมันยังไงยังงั้น

            "ทำไมชอบขัดกูจัง"

            "ก็มึงยิ้มอย่างกับจะรอบอกรักใคร แอบชอบรุ่นพี่คนไหนเหรอ"

            "ไม่มีเว้ย" มันแยกเขี้ยวใส่ผม เราตั้งท่าจะเถียงกันอีกยกแต่กลุ่มรุ่นพี่ที่รอมาถึงเสียก่อน ไข่ต้มมันเลยเมินผมหันไปยิ้มแย้มให้พี่อ๋อง รุ่นพี่สุดที่รักของมันแทน

            ในโลกของโรงเรียนที่ไข่ต้มเหมือนจะปิดกั้นทุกอย่างออกจากชีวิต แต่ในบรรดาความสัมพันธ์ที่มันหวาดระแวงเหล่านั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่มันเชื่อใจอยู่ พี่อ๋องเป็นรุ่นพี่เคยอยู่ชมรมเดียวกันเมื่อตอน ม.4 รุ่นพี่ที่มันเป็นฝ่ายเข้าทักก่อนด้วยความเด๋อด๋าก่อนเข้าชมรมใหม่ กลายเป็นคนคุยกันถูกคอจนสนิทสนมมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นใครอีกคนนอกจากผมที่ไข่ต้มมันยอมให้เข้าหาโดยไร้กำแพง คนที่มันเคารพรักมากอีกคนหนึ่ง

            กุหลาบช่อใหญ่ที่ไข่ต้มเตรียมมาถูกมอบให้พี่อ๋องเพียงคนเดียว เสียงโห่แซวจากรุ่นพี่คนอื่นเลยดังตามหลัง แต่มันก็ปิดปากคนพวกนั้นโดยการให้ลูกอมคนละเม็ดและการพูดขอแบบตรงๆ ว่า 'อย่าเสียงดังนะครับ' เป็นการบอกให้รู้ถึงความเคารพรักที่มอบให้อย่างไม่เท่าเทียม

            "ให้พี่คนเดียวเลยเหรอ" พี่อ๋องยิ้มหน้าบานเป็นดอกทานตะวันต้องแสง ผมเห็นว่าพี่มันเป็นคนที่ไข่ต้มมันนับถือหรอกนะถึงได้เปรียบเปรยแบบเอาใจขนาดนี้

            "ใช่ จบไปแล้วก็อย่าลืมน้องคนนี้นะ"

            "ใครจะลืมลง"

            มองทั้งสองคนยิ้มให้กันแล้วผมอยากจะวิ่งหนีไปร้องไห้หลังโรงเรียน ยิ้มของเพื่อนผมว่าหวานเป็นไข่หวานมะพร้าวอ่อนแล้ว ยิ้มพี่อ๋องหวานเสียยิ่งกว่า ยอมรับว่าอิจฉาเพราะมันไม่เคยยิ้มหวานหยดย้อยให้ผมแบบนี้ ถ้าหากผมไม่รู้ว่าไข่ต้มมันนับถือพี่อ๋องแบบพี่ชายแสนคนหนึ่งต้องคิดว่าสองคนนี้เพิ่งตกลงคบกันแน่ๆ

            ดอกกุหลาบในมือผมเกือบเฉาตายเพราะเอาแต่มองไข่ต้มกับพี่อ๋องคุยกัน ผมเบือนหน้าหนี หันไปเจอกลุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักพอดีเลยรีบมอบดอกกุหลาบให้

            ผมปล่อยให้ไข่ต้มยืนคุยกับพี่อ๋อง ส่วนผมก็หันมาเฮฮากับรุ่นพี่อีกกลุ่ม คุยไปก็เหลือบมองมันเป็นระยะ ความจริงผมกับมันก็ไม่ได้ยืนห่างกันนักหรอก แค่สามก้าวเห็นจะได้ แต่เพราะโดยรอบเต็มไปด้วยผู้คนเลยทำให้ผมไม่ได้ยินว่ามันคุยอะไรกับพี่อ๋องบ้าง ละสายตาเพียงแวบเดียว หันไปอีกทีก็เห็นไข่ต้มมันเดินตามหลับพี่เขาหายเข้าไปในฝูงชนเสียแล้ว

 

            ไข่ต้มหายไปกับพี่อ๋องสักสิบห้านาทีได้แล้ว ผมปลีกตัวมานั่งหลบมุมรออยู่ใต้อาคาร แชตไปบอกมันว่ารออยู่ตรงไหน แล้วเฝ้ามองความวุ่นวายกลางสนามที่ดูเหมือนจะยังไม่จบลงง่ายๆ

            ยี่สิบนาทีผ่านไปขณะที่ผมกำลังเบื่อได้ที่ ไอ้ไข่ต้มกับหน้าตาไม่รับแขกก็เดินลิ่วๆ เข้ามาหา มันกระแทกตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม จ้องผมด้วยใบหน้าถมึงทึงเหมือนไปโกรธใครมา แต่คงไม่ใช่ผมแน่ๆ ล่ะที่ทำมันอารมณ์เสีย

            "เป็นอะไร"

            "ไม่โอเคว่ะ"

            "ไม่โอเคอะไรวะ"

            อยู่ดีๆ ก็เปิดประเด็นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเล่นเอาผมงงหนัก สีหน้ามันเหมือนอยากเล่าแต่ก็ไม่อยากเล่า ท่าทางแบบนี้โดนใครจีบมาอีกแหงๆ

            "สรุปเป็นไร ใครมาบอกรัก"

            "มึงรู้ได้ไง"

            นั่นไง เดาถูกอีก

            "เรื่องที่ทำให้มึงอารมณ์เสียจะมีสักกี่เรื่องวะ"

            ไข่ต้มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมรับรู้ได้ว่ามันเครียดจริงๆ แล้วใครที่มาบอกรักมันแล้วถึงทำให้มันเครียดได้มากขนาดนี้ ถ้าให้เดาอีก ก็ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่คนที่หายไปกับมันเมื่อยี่สิบนาที

            "ยังไง รีบๆ เล่ามา"

            "พี่อ๋อง"

            "ฮะ!"

            "พี่อ๋องบอกชอบกู"

            'เหี้ยแล้วไง' ผมอุทานคำนี้ขึ้นในใจแล้วเบิกตาโตแบบตกใจสุดขีดใส่มัน พี่อ๋องที่ไข่ต้มมันเคารพรัก สุดท้ายกลับคิดไม่ซื่อเสียอย่างนั้น

            ไข่ต้มมันเอาแต่จ้องผม ตาเริ่มแดงเหมือนกำลังจะร้องไห้ หรือไม่ก็โกรธมากๆ แต่ไม่รู้จะระบายออกมายังไงให้หายอัดอั้นตันใจ ผมเองก็คิดคำปลอบไม่ออก เข้าใจว่าตอนนี้มันกำลังรู้สึกยังไง จะให้พูดว่า 'ลืมๆ มันไปเถอะ' หรือ 'ให้ลองคบกันดู' ย่อมไม่ใช่ทางออกที่ดี

            "กูไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยว่ะ" เสียงมันเริ่มสั่น พ่นลมหายใจออกแล้วซุกหน้าลงกับฝ่ามือ มันคงไม่ได้ร้องไห้ใช่ไหม

            "มึงอย่าร้องไห้ดิ"

            "กูไม่ได้ร้อง" แล้วมันก็เงยหน้ามองผมด้วยขอบตาแดงๆ

            "แต่มึงกำลังจะร้อง"

            "กูรักพี่เขาแบบพี่ชายอ่ะมึง กูไม่อยากให้เขาคิดอะไรแบบนี้ มันไม่โอเค"

            "แล้วมึงพี่อ๋องไปว่าไง"

            "กูปฏิเสธไปแล้ว"

            "พี่เขาว่าไง"

            "ไม่รู้ กูหนีออกมาก่อน"

            "เอ้า! แล้วมึงหนีออกมาทำไม" ผมพอจะเข้าใจการกระทำของมัน แต่ที่ย้อนถามกลับไปเพราะอยากให้มันลองคิดทบทวนอีกสักนิด ไข่ต้มมันกลัว มันเกลียดการเปลี่ยนแปลง แต่มันหนีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ตลอดหรอกแม้จะสร้างกำแพงป้องกันแน่นหนาแค่ไหนก็ตาม จะกลายเป็นมันเองที่ยังย่ำอยู่ที่เดิม

            "กูรู้สึกไม่ดี กูอึดอัด กูไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้"

            "แต่มึงไม่ควรหนีออกมา ถึงเป็นแฟนกันไม่ได้ก็ยังเป็นพี่น้องกันได้มั้ยวะ"

            ไข่ต้มเงียบไป มันมองผมด้วยแววตาผิดหวัง ผมรู้ว่าประโยคเมื่อกี้นี้ไม่เข้าหูมัน คำพูดผมเหมือนคนที่ไม่เข้าใจในตัวมัน แต่ผมอยากให้มันหัดยอมรับและลดกำแพงของตัวเองลงสักที

            "ความรู้สึกกู กูรู้ว่ามันไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ กูไม่อยากฝืน มึงเข้าใจใช่มั้ย" มันบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

            ทุกอย่างที่มันแสดงออกผมเข้าใจดีที่สุด เพราะผลที่คนอื่นได้รับมันคงไม่ต่างจากที่ผมจะได้รับเท่าไรหากคิดจะลองสารภาพออกไปบ้าง ผมได้เห็นแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไข่ต้มและผ่านไปพร้อมกับความผิดหวัง ซึ่งผมไม่อยากเป็นเหมือนคนเหล่านั้นเลยจริงๆ

            "ไข่ต้ม"

            ระหว่างที่ผมกับเพื่อนสนิทกำลังมึนตึงใส่กันอยู่ต้นเรื่องของบรรยากาศขุ่นมัวครั้งนี้ก็โผล่เข้ามา พี่อ๋องยืนยิ้มแห้งอยู่ตรงหน้าเราสองคน

            "พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ" พี่เขาว่าต่อ พยายามยิ้มแย้มให้สดใสทั้งที่ในใจคงเจ็บอยู่ไม่น้อย

            "มึงคุยกับพี่อ๋องไปแล้วกัน เดี๋ยวกูไปรอที่อื่น" ผมบอกไข่ต้มที่ยังนั่งนิ่งไม่แสดงอาการใด แต่พี่เขากลับขัดขึ้นมาเอง

            "ไม่เป็นไรหรอก อยู่ด้วยนี่แหละ ปล่อยไว้คนเดียวเดี๋ยวก็หนีพี่ไปอีก"

            "จะดีเหรอพี่"

            "เออน่า ยังไงก็รู้เรื่องอยู่แล้วนี่ พี่แค่อยากพูดอะไรต่อจากเมื่อกี้ ไม่นานหรอก"

            "ก็ได้ครับ"

            พี่อ๋องยกยิ้มบางๆ ขยับมายืนตรงหัวโต๊ะระหว่างผมกับไข่ต้ม พี่เขามองเพื่อนสนิทผม แต่มันกลับเอาแต่นั่งก้มหน้า เป็นพฤติกรรมที่ผมเห็นไม่บ่อยนักเวลามีคนมาบอกชอบมัน แต่เพราะเป็นพี่คนที่สนิทและไว้ใจ พี่อ๋องรู้ดีว่าไข่ต้มมันเป็นคนยังไงถึงยังนิ่งสงบอยู่ได้เมื่อเจอปฏิกิริยาต่อต้านแบบนี้ ผมคิดว่ามันคงรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง

            "ช่วยฟังที่พี่จะพูดต่ออีกนิดนะ"

            พี่อ๋องเกริ่นออกมาคล้ายอยากจะดูปฏิกิริยาของไข่ต้มแต่เมื่อมันยังคงนิ่งเฉย พี่เขาเลยหันมายิ้มแห้งกับผมก่อนจะพูดต่อ

            "พี่รู้ว่านิสัยเราเป็นยังไง คิดหนักเหมือนกันนะที่บอกออกมาน่ะ แต่เพราะมันไม่มีเวลาแล้ว พี่จบไปใช่ว่าเราจะได้เจอได้คุยกันบ่อยๆ อีก หรือถ้าเราจะเถียงว่าไม่สารภาพยังสนิทใจที่จะคุยกว่าพี่ก็ไม่เถียง แต่ใจมันอยากบอกน่ะ ไข่ต้มยังเป็นน้องชายที่น่ารักของพี่เสมอนะ แม้เราจะไม่อยากให้พี่เป็นพี่ชายก็ตาม แค่นี้แหละที่อยากพูด" พี่อ๋องร่ายยาวแล้วจบลงที่ตรงนี้ พี่เขายังลอบมองปฏิกิริยาอันนิ่งเฉยของไข่ต้มอยู่ มองอย่างรอคอย แต่เหมือนกับว่าสิ่งที่พูดไปจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

            ผมพยายามใช้เท้าสะกิดเพื่อนรักให้พูดอะไรสักอย่าง หรืออย่างน้อยยอมเงยหน้ามองพี่เขาก็ยังดี สะกิดแรงๆ ไปสองสามที่สุดท้ายแล้วก็ได้ผล แต่เพราะเป็นประโยคต่อมาของพี่อ๋องที่ทำให้มันยอมพูด ไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากผมแต่อย่างใด

            "งั้น...พี่ไปก่อนนะ หวังว่าเราคงได้คุยกันอีก"

            "เดี๋ยวพี่" ไข่ต้มเงยหน้าขึ้นและเรียกรั้ง แววตาที่มันใช้มองพี่เขาทำเอาใจผมชาวาบ

            จุดจบที่มันตัดสินใจไปแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงใช่ไหม ไข่ต้มมันจะไม่เปลี่ยนใจเพียงเพราะกลัวที่จะตัดขาดจากพี่อ๋องจริงๆ ใช่ไหม

            ผม...กลัว

            ใบหน้าพี่อ๋องยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม มองไข่ต้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักเหมือนที่ผ่าน ความรักที่ผมคิดว่าเป็นเพียงพี่น้อง แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่

            "ขอเวลาหน่อย"

            "พูดให้มันเคลียร์ๆ นะ ขอเวลาอะไร"

            "ขอเวลาทำใจให้เป็นเหมือนเดิม เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม"

            ผมลอบถอนหายใจเมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อนสนิท ยอมรับว่าคิดไม่ดี ไม่อยากให้พี่อ๋องสมหวัง ไม่อยากให้มันรับรักจากใครถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ผม แม้ความหวังที่มีจะเลือนลางมากก็ตาม ถ้าไข่ต้มมันแสดงออกบ้างว่าชอบใครหรือมีแววว่าจะหลงรักคนแบบไหนคงจะดีกว่านี้ ได้เห็นความผิดหวังของใครหลายคนบ่อยๆ แบบนี้บางทีผมควรจะตัดใจมันเสียที แต่มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆ เลย

            "พี่จะรอ" รอยยิ้มของพี่อ๋องดูสดใสขึ้นทันทีเมื่อไข่ต้มบอกออกมาแบบนั้น

            "แต่ไม่รับปากนะว่าจะทำได้"

            "พี่ก็จะรอ"

            คำยืนยันอันหนักแน่นของพี่อ๋องให้เพื่อนผมไม่กล้าพูดอะไรต่อ มันใช้ดวงตากลมๆ กับขอบตาแดงๆ มองกลับ ผมเดาว่าพี่เขาคงอยากเข้ามากอดปลอบมันเต็มแก่ ถ้าไม่ติดว่าเข้ามากอดตอนนี้จะโดนมันต่อยสวนกลับไปล่ะก็นะ

            "งั้นพี่ไปก่อนนะ หวังว่าราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเร็ววันนี้" พูดจบพาอ๋องก็หันหลังกลับเดินจากไปเหมือนพระเอกหนัง ดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่ไข่ต้มให้พี่เขายังกอดเอาไว้ตลอดเวลา มันคงเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับพี่เขาแล้ว

            ไข่ต้มมันมองตามพี่อ๋องไปจนสุดสายตา ผมว่าหน้ามันเศร้ากว่าพี่เขาที่โดนหักอกเสียอีก ก็อย่างว่า คนเคยรักกันเหมือนพี่น้อง มาในวันนี้ที่ความสัมพันธ์จบไม่สวยคงยากจะทำใจ แต่มันก็เป็นคนเลือกที่จะจบแบบนี้เอง

            "มึงว่ากูทำถูกมั้ยวะ" มันถามหลังจากเงียบไปสักพัก ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นมันลังเลกับการปฏิเสธเลยสักครั้ง แต่กับพี่ชายคนสำคัญแล้วมันคงอาลัยอาวรณ์น่าดู

            "มันไม่มีถูกผิดหรอก เพราะมันอยู่ที่ใจมึงล้วนๆ"

            "กูใจร้ายมากใช่มั้ย"

            "เพิ่งคิดได้เหรอ"

            "จริงเหรอวะ เอาดีๆ"

            ผมยิ้มให้มัน ไม่ได้ตั้งจะว่าอย่างเดียวเพราะไข่ต้มมันใจร้ายจริงๆ ที่ปฏิเสธทุกคนที่เข้าหาได้อย่างเย็นชา แต่การทำแบบนี้ก็มีข้อดี ในเมื่อไม่มีใจก็ไม่ให้ความหวัง ผมชอบที่มันเป็นแบบนี้ เพราะมันทำให้ผมอยู่เหนือคนอื่นแม้จะเล็กน้อยก็ตาม

            "ทำอย่างที่มึงเคยทำนั่นแหละ จะคบใครสักคนมันก็ต้องเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจสิวะ แต่ถ้ามึงคิดว่าตัวเองใจร้ายแล้วจะลองเปิดใจให้พี่อ๋องดู ถ้าทำแล้วมึงสบายใจขึ้นก็ทำไปเถอะ" ผมนี่มันโคตรพระเอกเลย พูดไปแล้วก็อยากจะตบปากตัวเองแล้วบังคับไอ้ไข่ต้มว่าห้ามเปิดใจให้ใครเด็ดขาด ถ้าผมไม่ได้ใครก็อย่าหวังว่าจะได้ แต่ความเป็นคนดีมันค้ำคอเลยทำได้แค่ยิ้มให้กำลังใจในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง

            ไข่ต้มพยักหน้ารับช้าๆ ผมเดาไม่ว่ามันคิดจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน แต่เล่นถามออกมาขนาดนี้คงติดอยู่ในใจมันไม่น้อย คิดไปแล้วก็เศร้า ถ้ามันมีแฟนจริงๆ ขึ้นมาจะเป็นยังไง ผมจะทำใจได้ไหม แล้วจะทำตัวร่าเริงต่อหน้ามันได้หรือเปล่า หรือบางทีผมควรทำใจกล้าแบบพี่อ๋องบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าผมทำใจไม่ได้แน่ถ้าจะต้องจบไม่สวยอย่างที่พี่เขาเจอ

            "กลับบ้านกัน" ผมเอ่ยชวน อยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรทำ พิธีการต่างๆ จบลงแล้ว การอำลารุ่นพี่ ม.6 ก็เช่นเดียวกัน

 
TBC


หลังจากดองมานาน จะกลับมาแต่งต่อแล้วค่า แต่ไม่สัญญาว่าจะลงได้อย่างต่อเนื่องหรือเปล่า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 3 : พี่อ๋องที่เคารพรัก <<< [11/08/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-08-2018 19:50:45
เชียร์ไข่ต้ม ให้เจอคนที่ใช่เร็วๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 4 น้องซอนย่าฉิบขวบ <<< [09/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 09-09-2018 21:20:24

ไข่ฟองที่ 4 คุณน้องซอนย่าฉิบขวบ


            ปิดเทอมใหญ่มาได้สองสัปดาห์แล้ว วันนี้ว่างจากเรียนพิเศษผมเลยชวนไข่ต้มมันมาเดินเที่ยวเล่น กินข้าวดูหนังตามประสาเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ทำตัวกระหนุงกระหนิงให้คนอื่นเขามองแล้วชวนเข้าใจผิด

            ก็นะ คนอย่างผมก็ทำได้แค่นี้ เพราะไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนั่นก็มโนเอา ใครมันจะไปกล้าทำตัวสนิทสนมเกินเพื่อน จะจับมือมันเดินยังไม่กล้าเลย อย่างมากก็แค่เฉียดกันไปมา ส่วนตอนนี้แค่ได้เดินเกาะแกะโดยที่มันไม่ว่าก็ดีเท่าไรแล้ว

            "แวะกินอะไรก่อนมั้ย หรือจะกลับเลย" ผมถามตอนเราเดินออกมาจากโรงหนัง หลังจากแกล้งตีเนียนไปกอดคอไข่ต้มเม้าท์เรื่องหนังที่เพิ่งดูจบ พอออกมาสู่แสงสว่างก็ถึงเวลาปล่อยตัวเพื่อนรักให้เป็นอิสระ แล้วมันก็รีบตอบกลับมาทันที

            "กินดิ"

            "จะกินไร"

            "อยากกินซูชิ"

            "เดี๋ยวมึง ก่อนเข้าโรงเพิ่งกินปิ้งย่างไป" ผมปราม เวลาแค่สองชั่วโมงที่นั่งดูหนังเฉยๆ จะช่วยย่อยของที่กินไปได้ขนาดนั้นเชียว แถมแต่ละอย่างที่มันกินไปแล้วและอยากกินยังเป็นมื้อหนักทั้งคู่อีก

            "มันก็ย่อยหมดแล้วป้ะวะ"

            "ย่อยเร็วอะไรขนาดนั้น"

            ไข่ต้มยิ้มแฉ่ง จากประสบการณ์แล้วถ้ามันบอกว่าอยากกินอะไรไม่มีทางล้มเลิกง่ายๆ แน่ ว่าแล้วมันก็คว้าข้อมือผมพาเดินลงบันไดเลื่อนไปยังร้านที่มันตั้งใจเอาไว้ทันที

            "ไปกัน"

 

            ผมค่อนข้างชอบที่นี่ มันเป็นห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่ถึงห้าปี ดีไซน์หรู มีโรงหนัง มีร้านอาหารมากมาย คนไม่พลุกพล่าน ของที่ขายดูดีมีระดับ แต่ก็แพงไม่ใช่น้อยจนไม่อยากควักกระเป๋าจ่ายนอกจากของกิน

            ร้านที่ไข่ต้มอยากกินอยู่ที่ชั้นสอง ลากผมลงบันไดเลื่อนมาได้มันก็ปล่อยมือ เปลี่ยนไปหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น แน่นอนว่าผมไม่ยอมหรอก ไม่สนใจกันแบบนี้ต้องวอแวให้ถึงที่สุด

            "ดูอะไรอ่ะ" ผมขยับเข้าไปเบียด ชะเง้อมองหน้าไอจีที่มันกำลังไล่กดไลค์ อารมณ์เหมือนกดไปให้มันเสร็จ รวมถึงรูปตั๋วหนังที่ผมเพิ่งโพสต์และแท็กมันไปด้วย

            "มึงนี่เร็วเนอะ"

            ผมยืดไหล่ทำหน้าภาคภูมิใจ เรื่องแบบนี้ช้าได้ที่ไหน ต้องประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผมกับมันไปไหนมาไหนด้วยกัน ถึงทุกคนจะเข้าใจว่าเที่ยวกันตามประสาเพื่อนก็ตาม

            รูปที่ผมโพสต์เป็นรูปตั๋วหนังอย่างเดียวไม่ติดหน้าคน จริงๆ ก็ติดเสื้อสีขาวของไข่ต้มมันด้วยนิดนึง ให้เห็นแบบวับๆ แวบๆ เพื่อความสนุกอะไรประมาณนั้น ซึ่งคงมีแค่ผมคนเดียวนี่แหละที่สนุก

            สุดทางบันไดเลื่อนไข่ต้มก็เดินนำไปยังร้านอาหารปิ้งย่างเกาหลีที่มันอยากกิน ผมตามไปขนาบข้างมันไม่ห่าง ชวนคุยจนมันเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันมาสนใจผมแทน

            "เออมึง อาทิตย์หน้าไปงานสวีทแอนด์ไอศกรีมกันมั้ย" ผมเริ่มวางแผนเที่ยวในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ช่วงปิดเทอมนี้ไข่ต้มมันลงเรียนภาษาคอร์สเร่งรัดไว้ ได้หยุดแค่เสาร์อาทิตย์ ส่วนผมลงเรียนแค่บางวิชาเวลาว่างเลยเหลือเฟือ

            "มึงนี่ชวนเที่ยวตลอดเลยเนอะ"

            "ปิดเทอมก็ต้องเที่ยวดิวะ เอาแต่เรียนอย่างมึงไม่ได้ เห็นว่ามึงเรียนหนักนะเนี่ยเลยพามาผ่อนคลาย"

            "เหรอ"

            "ซึ้งใจหน่อยดิ"

            "ไม่มีคนอื่นคบอ่ะดิ"

            "พูดอย่างกับมึงมี"

            ผมยิ้มแฉ่งใส่มัน เราสองคนก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่คบใคร ไม่มีใครคบ อยู่กันสองคนเพื่อนตาย แม้ผมไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนก็เถอะ

            "มึงก็อย่าทิ้งกูแล้วกัน" ไข่ต้มบอกผมด้วยสีหน้า แววตา และน้ำเสียงอันเรียบเฉย ผมรู้ว่ามันไม่ชอบเล่นบทซึ้ง แม้คำพูดจะชวนให้ผมซึ้งใจจนอยากร้องไห้ก็ตาม

            อย่างผมน่ะเหรอจะทิ้งมันลง ไม่มีทางอยู่แล้ว

            เดินมาจนเกือบถึงหน้าร้านไข่ต้มมันกลับหยุดเอาดื้อๆ ผมหันมองตามก็เจอกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างเกาะชายเสื้อมันอยู่ เรามองหน้ากันด้วยความงุนงงก่อนหันไปสบตาดวงกลมโตที่มองกลับมา

            เด็กคนนี้เป็นใครกัน แล้วมายืนจับชายเสื้อว่าที่แฟนในอนาคตของผมแบบนี้ได้ยังไง

            "ลูกใครวะ" ไข่ต้มหันมาถาม แล้วผมไปรู้กับมันไหมก็มาด้วยกัน

            "กูจะไปรู้ได้ไง ก็เดินมาพร้อมมึงเนี่ย"

            "ทำไงดีวะ"

            "รีบๆ ไล่ไปดิ"

            "ใจร้ายว่ะมึง"

            "หรือมึงจะเอากลับไปเลี้ยง ลูกใครก็ไม่รู้"

            ไข่ต้มไม่ตอบ แต่นั่งยองๆ ลงตรงหน้าเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้เป็นใครมาจากไหนถึงมาเกาะชายเสื้อมันได้ ผมเดาจากหน้าตาและส่วนสูงแล้วน่าจะไม่เกินสิบขวบ แล้วพ่อแม่เด็กหายไปไหนกัน

            "ว่าไงคับตัวเล็ก พ่อแม่ไปไหน" ไข่ต้มเริ่มเข้าสู่โหมดพ่อพระคุยกับเด็กน้อย พอเจอคนที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยหรือส่อแววจะเข้าหาแบบหวังผลเปลือกไข่ของมันก็บางลงเยอะ ผิดกับผมที่เป็นโรคไม่ค่อยถูกกับเด็กเท่าไร

            "ป๊ากับม้าไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ" เด็กน้อยตอบเจื้อยแจ้วอย่างไม่เข้ากับสถานการณ์ แบบนี้ก็แปลว่า

            "เด็กหลง!"

            ผมกับไข่ต้มโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน เป็นฝ่ายตกใจแทนหนูน้อยที่ยังเอาแต่จ้องไอ้ไข่ต้มตาแป๋ว อย่างกับว่าไม่รู้ตัวว่ากำลังหลงทางยังไงยังงั้น

            "เอาไงดีวะ"

            "พาไปส่งประชาสัมพันธ์ดิ"

            "พวกพี่จะไปไหนกันเหรอคะ" เด็กน้อยถามสวนขึ้นมาตอนพวกผมกำลังปรึกษากันอยู่ ดวงตากลมโตมองมาอย่างสงสัย ท่าทางไม่เหมือนเด็กหลงเลยสักนิด หรือน้องเขาจะเป็นลูกของพนักงานในนี้

            "หนูชื่ออะไรคะ" แล้วไข่ต้มมันก็หันไปสนใจเด็กหลงต่อ มีการเปลี่ยนหางเสียงให้เข้ากับเด็กน้อยด้วย ผมฟังแล้วจั๊กจี้ชอบกล แต่ก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี

            "ซอนย่าค่ะ"

            "แล้วพ่อแม่ไปไหนคะ"

            "ไม่รู้"

            "ซอนย่ามาเที่ยวเหรอ"

            "ใช่ค่ะ แต่ตอนไปเข้าห้องน้ำซอนย่าเดินออกมาก่อน ป๊าม้าไปไหนไม่รู้"

            "งั้นไปรอที่หน้าห้องน้ำมั้ย เผื่อคุณป๊าคุณม้ารออยู่นะ"

            เด็กน้อยส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนเข้ามากอดไข่ต้มเหมือนลูกลิงเกาะแม่ ไอ้คนโดนจู่โจมได้แต่เบิกตาไม่กล้าขยับตัว หันมองผมด้วยสีหน้าตื่นๆ ซึ่งผมว่าเด็กคนนี้ไม่ได้มาแบบธรรมดาแล้วล่ะ

            "พี่ชื่ออะไรคะ"

            "พี่ชื่อไข่ต้มครับ"

            "พี่ว่าเราไปหาคุณพ่อคุณแม่ดีกว่านะ" ผมขัดก่อนอะไรๆ มันจะทะแม่งไปมากกว่านี้ ย่อตัวลงไปบอกน้องซอนย่า แต่สิ่งที่เด็กน้อยตอบกลับทำเอาผมอยากจะหิ้วยัยเด็กนี่ไปทิ้งถังขยะจริงๆ

            "พี่เป็นใครเหรอคะ"

            ไข่ต้มหัวเราะยกใหญ่ ส่วนยัยคนถามมองตาแป๋ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นเด็กผมจะอารมณ์เสียใส่ให้ดู ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มอารมณ์เสียแล้วด้วย

            "เพื่อนพี่เองครับ พี่เขาชื่อ..."

            "ซอนย่าอยากกินไอติม"

            ยัยเด็กแก่แดด ผมขอเรียกว่าอย่างนี้แล้วกัน คุณน้องเธอพูดสวนขึ้นมาก่อนไข่ต้มจะพูดจบ แบบนี้มันประกาศสงครามกันชัดๆ

            "ไม่ได้ครับ ไปหาป๊ากับม้ากันก่อนนะ"

            "งั้นพี่ไข่ต้มไปกับซอนย่านะคะ"

            "พี่ก็จะไปส่งอยู่แล้วไงคะ"

            ยัยเด็กพูดไม่รู้เรื่อง ยัยเด็กแก่แดด ยัยเด็กอ่อยผู้ชาย ผมได้แต่ยืนเท้าเอวทำหน้าเป็นยักษ์มองคุณน้องซอนย่าเกาะแกะไข่ต้ม แล้วมันก็ยอมให้น้องอ้อนอย่างเต็มใจ หารู้ไม่ว่ายัยเด็กนี่มันไม่ธรรมดา เข้าหาอย่างมีเป้าหมายชัดๆ ให้เดาจากรูปการณ์และคำพูดเด็กนี่ต้องหนีพ่อแม่มาหาไอ้ไข่ต้มแน่ๆ

            คุณน้องซอนย่าเกาะติดไข่ต้มไม่ห่างจนเพื่อนผมมันแทบไม่มีเวลามาสนใจผมเลย หันมาคุยด้วยหน่อยก็โดนคุณน้องเธอเรียกให้ไปสนใจ ผมได้แต่เดินตามหลังปล่อยรังสีอำมหิตใส่จนเรามาถึงหน้าทางเข้าห้องน้ำ จุดเกิดเหตุการณ์ที่คุณน้องเธอบอกว่าหลงกับพ่อแม่ตรงนี้

            "ซอนย่าจำเบอร์คุณพ่อคุณแม่ได้มั้ยคะ" ไข่ต้มมันยังใจเย็นถามด้วยความใจดี ใบหน้ายิ้มแย้มสดใส แบบนี้ยัยคุณน้องนี่ก็ยิ่งชอบน่ะสิ

            "จำไม่ได้เลยค่ะ แต่ซอนย่ามีมือถือนะคะ"

            "อ้าว!"

            ผมกับไข่ต้มอุทานขึ้นพร้อมกัน มีมือถือพกไว้แบบนี้จะเรียกว่าหลงกับพ่อแม่ได้เหรอ นี่มันมารยาหญิงชัดๆ ผมล่ะยอมเลย

            "ซอนย่าขอไลน์พี่ไข่ต้มได้มั้ยคะ"

            นั่นไง! ผมบอกแล้วว่ายัยน้องคนนี้ไม่ธรรมดา

            "เอ่อ..."

            ไข่ต้มยิ้มแหย ส่วนผมกำลังแยกเขี้ยวใส่คุณน้องเธออยู่ เป็นเด็กเป็นเล็กมาขอไลน์ผู้ชายแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน โดนเข้าหาแบบมีเป้าหมายแบบนี้ไข่ต้มมันต้องเปิดสวิตช์สร้างกำแพงป้องกันขึ้นมาแน่ๆ เด็กนี่โคตรอันตราย

            โดนเด็กรุกเข้าใส่หน่อยถึงกับไปต่อไม่ถูก เห็นมันไม่ตอบสักทีผมเลยสะกิดไหล่มันแล้วส่ายหน้าเพื่อบอกให้รีบๆ ปฏิเสธไป จะได้พาคุณน้องเธอไปส่งคืนพ่อแม่สักที แล้วคุณพ่อแม่น้องก็นะ ลูกหายไปทั้งคนไม่ตามหากันหน่อยเหรอ หรือเต็มใจปล่อยออกมา ยิ่งนึกก็ยิ่งหงุดหงิด

            "ได้มั้ยคะ ซอนย่าอยากคุยกับพี่ไข่ต้มอีกค่ะ" คุณน้องซอนย่ายังเซ้าซี้ไม่เลิก ไข่ต้มมันเลยหันมายิ้มให้ผมที่ตั้งท่าจะเปิดศึกกับเด็กน้อยอยู่รอมร่อ

            "ไม่เป็นไรหรอกมึง"

            มันว่าแล้วยิ้ม ก่อนขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆ

            "แค่เด็กเอง"

            เออ! ให้มันได้อย่างนี้สิ แค่เด็กเหรอ เด็กผีน่ะสิ!

            ผมกำลังจะอ้าปากห้ามแต่ก็ไม่ทันมัน ไข่ต้มนั่งลงตรงหน้าน้องซอนย่า ทำการแลกไลน์กันโดยมีผมยืนเป็นพยานหรือจะเรียกว่าหัวหลักหัวต่อก็ได้ มองไข่ต้มที่ยังยิ้มสดใสแล้วอยากจะเตะตกบ่อน้ำพุทั้งคู่ พอเห็นว่าเป็นเด็กเลยไม่ระแคะระคาย ไม่ระวังตัวอะไรเลยสินะ

            "ได้ไลน์พี่แล้วทีนี้ก็บอกให้คุณพ่อคุณแม่มารับได้แล้วนะคะ"

            "ค่ะ"

            "หรือจะให้พี่ไปส่ง"

            แล้วจะเสนอตัวเองทำไมเนี่ย!

            ผมเตะก้นมันเบาๆ จนโดนมองตาขวาง แต่พอเห็นว่าผมทำหน้างอแงใส่มันเลยถอนหายใจ ก็มาดูกันว่าระหว่างเพื่อนกับยัยน้องซอนย่า มันจะเลือกใคร

            ระหว่างที่ผมกับเพื่อนสนิทกำลังส่งสายตาใสกันปิ๊งๆ คุณน้องซอนย่าก็พยายามดึงให้ไข่ต้มกลับไปสนใจ มันยิ้มกว้างก่อนลุกขึ้นยืนแล้วจับมือคุณน้องไว้ แล้วทิ้งผมไว้ข้างหลังเหมือนเคย

            "ไปหาป๊ากับม้ากันเถอะ"

            แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนหญิงสาวที่ดูโฉบเฉี่ยวก็พุ่งตรงมาที่เราเสียก่อน

            "น้องซอนย่า หม่าม้าบอกให้รอหน้าร้านไงคะ ทำไมถึงเดินออกมาคนเดียว โทรหาก็ไม่รับ"

            และแล้วคุณแม่ของน้องก็มาเสียที

            "น้องซอนย่าไปเข้าห้องน้ำค่ะ จำทางกลับไม่ได้"

            คำแก้ตัวที่ไม่เหมือนกับที่พวกผมได้ฟังก่อนหน้านี้ทำเอาเรายิ้มแห้ง คุณแม่น้องเองก็เหมือนจะจับไต๋ได้เลยหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรแล้วหันมาขอบคุณพวกผมแทน คงจะไปสั่งสอนกันหลังไมค์ล่ะมั้ง

            "ขอบคุณน้องมากนะคะที่ช่วยดูแลลูกน้า แล้วก็ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่เด็กคนนี้มาวุ่นวาย"

            "ไม่เป็นไรครับ"

            ผมกับไข่ต้มยิ้มแหยจนตาเป็นขีด กำลังบ่นในใจแล้วเชียวว่าเป็นแม่ประสาอะไรดูแลลูกไม่ได้ แต่พอเห็นคุณแม่หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ใจผมมันก็หยุดบ่นทันที

            "อันนี้เป็นบัตรส่วนลดร้านปิ้งย่างเกาหลีตรงนั้นนะ น้าให้เป็นการตอบแทน"

            "ไม่เป็นไรหรอกครับ" ไข่ต้มมันปฏิเสธ ทั้งที่บัตรส่วนลดนั่นเป็นของร้านที่มันอยากกินแท้ๆ

            "เอาไปเถอะจ้ะ" แต่สุดท้ายคุณแม่น้องก็จับยัดใส่มือจนได้

            "ขอบคุณครับ"

            "งั้นน้าไปก่อนนะ"

            "บ๊ายบายค่ะพี่ไข่ต้ม เดี๋ยวซอนย่าไลน์หานะคะ"

            "บ๊ายบายครับ"

            เพื่อนสนิทผมกับคุณน้องซอนย่าโบกมือลากันด้วยความหวานชื่นโดยไม่มีผมอยู่ในสายตา แต่ก็เอาเถอะ คุณน้องได้เจอคุณแม่แล้วนับเป็นเรื่องที่ดีมาก ผมกับไข่ต้มจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่สองคนสักที

            "จะไปกินมั้ยเนี่ย" ผมถามขัดจังหวะตอนที่ไข่ต้มยังมองตามคุณน้องซอนย่าไม่เลิก ยอมรับเลยว่าเสียงขุ่น ขุ่นมาก ไม่พอใจสุดๆ มันเองก็คงรู้สึกได้ถึงได้หันมายิ้มให้

            "กินดิ"

            "งั้นก็รีบๆ ไป"

            "มึงนี่ก็ขี้น้อยใจเนอะ แค่เด็กไม่สนใจแค่นี้"

            "ไม่ได้น้อยใจเว้ย กูโมโห"

            "โมโหเลยเหรอ นั่นเด็กนะ"

            ผมกอดอกมองมันโดยไม่ตอบ เด็กก็โมโห แล้วก็โมโหมันด้วย หรือจริงๆ จะบอกว่าหึงก็ได้ ที่ผ่านมาผมไม่เคยหึงขนาดนี้เพราะทุกคนโดนปิดประตูใส่หมด แต่กลับเด็กคนนี้มันไม่ใช่ ใครจะว่าผมไร้สาระก็ได้ ก็ใจมันรู้สึกจะให้ทำยังไง ผมทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากอิจฉาและหึงเด็กน้อยอยู่แบบนี้

            "ก็แค่เด็กอ่ะมึง" ไข่ต้มพยายามปลอบในเรื่องที่ผมไม่ได้อยากให้ปลอบ และก็รู้ด้วยว่ามันปลอบคนไม่เก่ง

            "เออ"

            "เดี๋ยวเด็กมันก็ลืม มึงต้องทำหน้าตาให้น่าคบกว่านี้หน่อยเด็กจะได้กล้าเข้าหา เนี่ย หยุดทำหน้าบึ้งก่อน" มันพยายามดึงแก้มผมให้ยิ้ม แต่ผมพยายามฝืนไว้เต็มที่ ต้องให้มันง้อมากกว่านี้ถึงจะหายงอน

            "กูไม่ชอบเด็ก"

            "เออเนอะ" แล้วมันก็ปล่อยมือออกเฉยเลย

            ไข่ต้มเอาแต่ยิ้มขณะที่ผมยังบึ้งไม่เลย แม้ความจริงจะอารมณ์ดีขึ้นตั้งแต่ที่มันพยายามดึงแก้มให้ยิ้มแล้วก็ตาม ผมมันก็เป็นแบบนี้แหละ แค่ได้อะไรเล็กๆ น้อยๆ จากมันก็พอใจแล้ว

            "ไปเถอะกูหิว ไปแดกซะ มึงจะได้หายโมโหด้วย" ไข่ต้มเข้ามากอดคอผม ดูจะเกินตัวไปนิดหน่อยเพราะมันเตี้ยกว่า แต่เพราะเป็นมันผมถึงได้ยอม จะกอดไปจนถึงบ้านเลยก็ได้เต็มใจสุดๆ

            บัตรที่คุณแม่ของน้องซอนย่าให้มาได้ใช้ในทันที ไข่ต้มยังอารมณ์ดีไม่เปลี่ยน ยิ้มแย้มแจ่มใสจนสาวๆ โต๊ะข้างๆ พากันแอบมอง ทำเอาผมอยากจะดุให้มันอารมณ์เสียแล้วเลิกยิ้มสักที ดุให้มันเอาแต่ทำหน้าบึ้งคนอื่นๆ จะได้หยุดมอง แต่ก็ลืมไปว่าไม่ว่ามันจะทำหน้ายังไงก็ยังน่ามองอยู่ดี

            ผมกินไปเหล่มองโต๊ะที่แอบมองไข่ต้มไปด้วย แต่ถึงสาวๆ พวกนั้นจะมองให้ตายยังไงเพื่อนผมมันก็ไม่มีทางสนใจอยู่แล้ว พวกเธอคงมองไม่เห็นแต่ผมเห็น กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากภายนอก

            กำแพงสูงที่เพื่อนสนิทอย่างผมก็ไม่สามารถพังมันลงได้


TBC


กลับมาแล้ววววว เหมือนทุกครั้งที่อัพเรื่องนี้ต้องพูดคำนี้เลย เพราะหายไปนานมากกกกก ฮ่าๆๆ
ตอนนี้เกือบได้รู้ชื่อน้องพระเอกแล้วเชียว แต่เราไม่ให้รู้ง่ายๆ หรอกค่ะ มาเดากันเถอะๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 4 น้องซอนย่าฉิบขวบ <<< [09/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 14-09-2018 20:31:40
ท่าทางพระเอกคงไม่ยอมบอกไปอีกนาน  ว่าแต่ว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชื่อ :z3:

รอตอนต่อไปนะคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 15-09-2018 19:01:03

ไข่ฟองที่ 5


            แผนไปเที่ยวงานสวีทแอนด์ไอศกรีมที่ผมชวนไข่ต้มไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนเป็นอันต้องยกเลิก เมื่อโน้ตบุ๊กคู่ใจของมันดันมีปัญหาเกิดอาการงอแงให้เจ้าของหงุดหงิดใจ จนเพื่อนผมมันร้อนใจเพราะจะไม่มีคอมฯ ไว้เล่นเกม ดูหนัง และอีกหลายๆ สิ่งที่มันชอบทำตอนอยู่บ้าน ด้วยเหตุนี้เองแพลนเก่าจึงถูกโยนทิ้งแทนที่ด้วยโปรแกรมใหม่ นั่นคือพาน้องบลูสกายของมันไปซ่อม ซึ่งคนที่มันลากมาด้วยกันก็คือผมนั่นเอง

            เวลาไข่ต้มอยู่บ้านมีสองอย่างหลักๆ ที่มันชอบทำ นั่นคือเล่นเกม ไม่ก็ดูหนัง อ้อ...มีกินด้วยอีกอย่างที่ชอบทำควบคู่กันไป ถ้าผมว่างๆ ก็ชอบมาขลุกอยู่ที่บ้านมัน หรือไม่มันก็ไปหาผมที่บ้าน เพราะบ้านผมขายขนมไทย อันเป็นของหวานที่มันเองก็ชอบเหมือนกัน

            พวกเรามาถึงห้างประจำที่มาใช้บริการบ่อยๆ ในช่วงบ่าย ที่ชั้นสามมีโซนไอทีอยู่ ไข่ต้มมันซื้อโน้ตบุ๊กจากศูนย์ที่นี่ ร้านที่มันพาน้องบลูสกายมาซ่อมก็เป็นร้านที่ลงวินโดวส์ให้ตอนมันซื้อโน้ตบุ๊กนั่นแหละ แล้วก็ดันเป็นร้านที่ผมไม่ค่อยชอบหน้าเจ้าของร้านเสียด้วย เพราะอะไรเหตุผลคงมีไม่มากนัก

            ถ้าพี่หนวดคนนั้นไม่ปากหวานพูดจาอ้อล้อตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอไข่ต้ม ผมคงไม่จำหน้าได้ขึ้นใจแบบนี้

            เดินเข้าโซนไอทีผมก็ชะเง้อมองหาพี่หนวดทันที ร้านพี่เขาอยู่ไม่ไกลนักมองจากทางเดินก็พอเห็น ผมภาวนาให้พี่อ้วนเจ้าของร้านอีกคนอยู่ร้านคนเดียว แต่ก็นั่นแหละ โชคเคยเข้าข้างเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างผมที่ไหน คงไม่มีสักวันหรอกที่ผมจะได้อยู่กับไข่ต้มอย่างสงบสุข แบบไม่มีใครที่พยายามจะปืนกำแพงของเพื่อนผมเข้ามา

            เฮ้อ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

            "สวัสดีครับ มีอะไรให้พี่ช่วยเอ่ย" พี่หนวดเจ้าของร้านถามเสียงอ่อนเสียงหวานเมื่อผมกับไข่ต้มหยุดยืนอยู่หน้าร้าน ก่อนเพื่อนผมจะยกกระเป๋าโน้ตบุ๊กวางบนเคาน์เตอร์ที่เป็นตู้กระจก

            "เครื่องมันอืดอ่ะพี่ โดนไวรัสด้วย อยากลงวินโดวส์ใหม่"

            "ไหน ขอพี่ดูหน่อย"

            ไข่ต้มเปิดกระเป๋าโน้ตบุ๊กก่อนยกน้องบลูสกายให้พี่หนวดจัดการ เหตุผลที่มันตั้งชื่อโน้ตบุ๊กว่าบลูสกายเพราะตัวเครื่องเป็นสีน้ำเงิน ผมมาเป็นเพื่อนมันตอนซื้อแล้วก็เชียร์ให้เอาสีนี้ ไข่ต้มมันก็เชื่อ แถมยังบอกว่าคิดชื่อนี้ได้ตอนมองหน้าผมอีก มีความสุขจนแทบกระอักเลยตอนนั้น แต่ดันโดนขัดความสุขเพราะสายตาแพรวพราวของไอ้พี่หนวดคนนี้แหละ

            หลังจากพี่หนวดดูอาการน้องบลูสกายบวกกับความตั้งใจแรกของไข่ต้มแล้วเป็นอันว่าพี่เขาจะลงวินโดวส์ให้ใหม่ พวกเราเลยออกมาเดินเล่นหาอะไรกินเพื่อรอเวลา ตอนลงมาชั้นสองผ่านร้านปิ้งย่างที่เพิ่งมากินเมื่ออาทิตย์ก่อนผมก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา

            "มึงยังคุยกับน้องซอนย่าอยู่ป้ะ"

            ไข่ต้มเหลือบตามองแล้วอมยิ้ม ดูน่ามันเขี้ยวจนผมอยากจะยื่นมือไปหยิกแก้มมันแรงๆ

            "น้องเค้ามีแฟนใหม่แล้ว"

            "แฟนใหม่?"

            "เออ น้องเค้าบอกว่าขอโทษนะคะพี่ไข่ต้ม ตอนนี้หนูมีแฟนใหม่แล้ว คงคุยต่อกับพี่ไม่ได้เดี๋ยวแฟนจะหึง" พูดเฉยๆ ไม่พอยังทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบ ทั้งที่คุยผ่านตัวหนังสือไม่มีทางได้ยินเสียงแท้ๆ ยิ่งมองยิ่งมันเขี้ยว

            "โคตรแก่แดดเลย"

            "เด็กอะมึง คิดไรมาก"

            "ว่าแต่มึงตกลงเป็นแฟนกับน้องเค้าด้วยเหรอวะ" สิ่งที่มันพูดสะกิดใจผมสุดๆ มีแฟนใหม่ แสดงว่าต้องมีแฟนเก่า งั้นก็แสดงว่ามันน่ะสิที่เป็นแฟนเก่า

            ไข่ต้มมองหน้าผมแล้วหัวเราะ ถึงมันจะเห็นเป็นเรื่องขำๆ แต่ผมจริงจังนะ มันจะเป็นแฟนกับใครผมต้องรู้ดิ

            "ตอบมา มีแฟนทำไมไม่บอกกู"

            "ก็แค่เล่นกับเด็กอ่ะมึง คิดไรมาก น้องเค้าไม่จริงจังอะไรกับกูหรอก"

            "แล้วถ้าเกิดเด็กมันคิดจริงจังขึ้นมาจะทำไง"

            "ไม่หรอกมึง"

            ผมมองมันด้วยสายตาเอือมระอา มันก็เป็นซะแบบนี้ ถ้าเกิดเป็นเรื่องเป็นราวเพราะความคิดเล่นๆ ตัวมันเองนั่นแหละที่จะขำไม่ออก

            "มึงจะคิดมากทำไมวะ กูก็โดนทิ้งแล้วนี่ไง"

            "เออก็ดี หัดโดนปฏิเสธซะบ้าง ทำคนอื่นมาเยอะแล้วนี่"

            "เฮ้ย อย่าว่าเพื่อนดิ"

            ผมใช้สายตาขุ่นเคืองมองหน้ามันโดยไม่พูดอะไร เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ เลยยังยิ้มได้อยู่แบบนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดมีคนที่มันรักจริงๆ บอกปฏิเสธมันขึ้นมาแล้วจะยิ้มไม่ออก ผมไม่ได้อยากแช่งมันหรืออยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ถึงผมจะไม่สมหวัง อย่างน้อยก็ขอให้มันได้สมหวังกับใครสักคนสักที ให้วันข้างหน้าให้ผมได้มองเพียงเห็นรอยยิ้ม ไม่ใช่คราบน้ำตาบนใบหน้าของคนที่ผมรักก็พอ

            โคตรพระเอกเลยผมเนี่ย

            พอไอ้ไข่ต้มโดนทำบึ้งใส่มันก็ทำหน้างอแง ยืนประจันหน้ากับผมแล้วจ้องกลับ ก่อนมันจะยิ้มออกมาแล้วพาเปลี่ยนเรื่อง

            "ไปกินไอติกัน"

            "อยากกินเหรอ"

            ตอนออกมาจากร้านพี่หนวดเรายังไม่ได้ตกลงกันว่าจะกินอะไร เลยคิดว่าจะเดินดูไปเรื่อยๆ เจอร้านไหนอยากกินค่อยแวะ แต่ตั้งแต่เดินมายังไม่เจอร้านไอศกรีมสักร้าน ไข่ต้มมันไปเอาความอยากกินมาจากไหน

            "ก็วันนี้ชวนไปงานไอติมไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ไปงานก็กินที่นี่แทนไง"

            ทำไมมันต้องทำตัวน่ารักแบบนี้ด้วยวะ

            ผมล่ะอยากคว้าไข่ต้มมากอดแรงๆ สักที มันก็เป็นซะแบบนี้แล้วเมื่อไรจะไปตัดใจได้ ขนาดคนไกลตัวยังหลงมาชอบ แล้วนับประสาอะไรกับคนใกล้ตัว กับคนคนนี้ ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งหลงรักมากขึ้นทุกวัน

            "อืม ไปดิ"

 

            เข้ามาในร้านไอศกรีมได้ก็เกิดการถกเถียงกันอยู่สักพักว่าจะกินอะไรแบบไหนดี สุดท้ายเราเลยเลือกสั่งถ้วยใหญ่แล้วกินด้วยกัน เมนูนี้มีห้าลูกห้ารสชาติ ไข่ต้มมันยกหน้าที่ให้ผมเป็นคนเลือกเองทั้งหมดเพื่อเอาใจ อันนี้มันไม่ได้บอก แต่ผมคิดเอาเอง ก็เพราะมันกำลังง้อผมอยู่ไงถึงได้ตามใจขนาดนี้

            "มึงอย่ามั่วแต่พูดดิ ช่วยกูกินด้วย รสลิ้นจี่เนี่ยของมึง แต่จริงๆ ก็ของมึงหมดเลยนะ มึงเลือกเองหมดเลย"

            เพราะผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลยเอาแต่พูดมากไข่ต้มมันเลยเขี่ยไอศกรีมที่เริ่มละลายแล้วมาให้ ถึงจะบอกว่าผมเลือกก็เถอะ แต่รสที่เลือกมาก็ของชอบมันทั้งนั้น

            "กูเลือกของชอบมึงนะเนี่ย"

            "ก็มึงไม่ค่อยช่วยกินอะ กูกินจนเล็บเขียวหมดแล้วเนี่ย หนาว" มันว่าแล้วโชว์มือทั้งสองข้างให้ผมดู ตรงโคนเล็บมันกลายเป็นสีเขียวอมม่วงไปแล้ว โคตรน่ากลัว

            "เล็บเน่าป้ะเนี่ยมึง"

            "เน่าบ้านมึงสิ กูหนาว รีบๆ กิน" ไข่ต้มด่าชักสีหน้า หดมือกลับไปวางบนตัก ดูท่าทางจะหนาวจริงจัง

            "ไหนยื่นมือมาใหม่ดิ๊" ผมแบมือไปตรงหน้ามัน เห็นมันหนาวก็เลยอยากจะช่วย ช่วยแบบมีแผนในใจอยู่นิดหน่อย

            "จะทำอะไร"

            "เร็วๆ"

            ไข่ต้มทำหน้าไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมยกมือมาวางบนมือผมแต่โดยดี ความเย็นจากมือมันแผ่มาถึงผม เย็นมากอย่างกับเอามือไปจุ่มน้ำแข็งมา ผมเองก็เพิ่งเคยเห็นมันเป็นแบบนี้ครั้งแรก เลยจับมือมันไว้แล้วบีบนวดเบาๆ เผื่อความอุ่นจากมือผมจะช่วยให้มันหายหนาวได้บ้าง

            "ดีขึ้นมั้ย"

            มันมองผมบีบนวดมือให้อยู่สักพักโดยไม่ตอบ ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองคนเดียวหรือเปล่าแต่สายตาที่ไข่ต้มมันใช้มองผมดูต่างไปจากทุกที อาจจะซึ้งใจในความเป็นเพื่อนที่แสนดีของผมก็เป็นได้ แต่ปล่อยผมให้มีความสุขได้ไม่นานหรอกมันก็ชักมือกลับไป

            "ไม่เห็นจะหายหนาวเลย" บอกโดยไม่สบตา มันหยิบช้อนเขี่ยไอศกรีมในถ้วยที่ละลายรวมกันจนดูไม่น่ากินแล้ว

            "กอดมั้ยล่ะจะได้หายหนาว" ผมแซวอย่างที่นานๆ ทีจะทำ แล้วก็โดนมันทำหน้าหงุดหงิดเข้าจนได้

            "รีบกินเลยมึง จะได้รีบออกจากร้าน"

            "มันไม่น่ากินแล้วอะ"

            "งั้นก็ไม่ต้องกินแล้ว ไปจ่ายตังค์"

            และแล้วเดทไอศกรีมแสนหวานในจินตนาการของผมก็จบลงเพียงเท่านี้

            ผมจะคิดซะว่าที่ไข่ต้มมันหงุดหงิดเป็นเพราะเขิน แทนการคิดว่าเป็นเพราะผมพูดมากจนไอศกรีมละลายทำให้มันต้องกินคนเดียวจนหนาวเล็บเขียวก็แล้วกัน

 

            เราใช้เวลาอยู่ในร้านไอศกรีมประมาณครึ่งชั่วโมง บวกเวลาเดินเอ้อระเหยอีกนิดหน่อยกลับมาที่ร้านพี่หนวดก็ลงวินโดวส์ใหม่ให้น้องบลูสกายเสร็จพอดี

            ผมยืนประกบข้างไข่ต้มมองมันตรวจเช็กความเรียบร้อยในเครื่องโดยมีพี่หนวดคอยอธิบายว่าลงโปรแกรมอะไรให้บ้าง คนอื่นมองอาจจะเห็นเป็นการคุยกับลูกค้าธรรมดา แต่เพราะสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแพรวพราวของพี่เขาทำให้ผมไม่ไว้ใจ ส่วนไอ้คนโดนมองก็ไม่ได้รู้สึกตัวอะไรเลย

            เช็กเครื่องเสร็จเรียบร้อยไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องก็เป็นอันเสร็จ ไข่ต้มเก็บน้องบลูสกายใส่กระเป๋าโดยมีพี่หนวดคอยช่วย ผมล่ะอยากพามันออกไปจากที่นี่เร็วๆ จะได้ไปให้พ้นจากสายตาที่ผมไม่ชอบสักที แล้วก็จะเป่าหูมันด้วยว่าคราวหน้าไม่ต้องมาร้านนี้อีก แต่โชคชะตามักไม่เคยเข้าข้างผมเสมอ

            "มึง เงินกูไม่พอ เมื่อกี้ลืมกด มึงมีสามร้อยป้ะ" ไข่ต้มหันมาถามหลังจากเปิดดูเงินในกระเป๋าสตางค์ ผมกำลังจะอ้าปากตอบแต่ไอ้พี่หนวดดันพูดแทรกขึ้นมา

            "แปะโป้งไว้ก่อนก็ได้นะ มารอบหน้าค่อยเอามาให้"

            "ไม่ดีกว่าพี่ ไม่รู้จะได้มาอีกตอนไหน ไม่กลัวผมหนีเหรอ"

            "อย่างน้องหนีพี่ไม่พ้นหรอก เดี๋ยวก็ตามตัวเจอ"

            "เก่งขนาดนั้นเลย"

            "ระดับนี้แล้ว"

            บทสนทนาที่เหมือนคุยกันธรรมดาๆ แต่ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ไอ้พี่หนวดต้องคิดอะไรไม่น่าไว้ใจอยู่แน่ๆ เพราะสายตามันฟ้อง ส่วนเพื่อนสนิทผมมันก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย เปลือกไข่ตอนนี้บางชนิดที่ว่าแค่เอานิ้วสะกิดก็แตก คุยเล่นได้อย่างเป็นกันเองเป็นธรรมชาติสุดๆ ไม่รู้เซ็นเซอร์ป้องกันคนรุกรานพื้นที่ในหัวใจของมันเสียตั้งแต่เจอน้องซอนย่าหรือยังไง

            "สรุปมึงมีให้กูยืมมั้ยเนี่ย" แล้วมันก็ใช้ศอกสะกิดถามผมอีกรอบ

            "ไม่พอว่ะ กูเพิ่งจ่ายค่าไอติมไป"

            "งั้นกูไปกดเงินแป๊บนะ"

            "อืม" ผมได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะห้ามมันไปเพื่ออะไร อย่างน้อยปล่อยให้มันไปยังดีกว่าปล่อยให้มันอยู่กับพี่หนวดตามลำพังล่ะวะ

            ผมกับพี่หนวดฉีกยิ้มให้กันแล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ พี่หนวดไปทำงาน ส่วนผมก็นั่งเล่นมือถือระหว่างรอ แต่จับมือถือได้แป๊บเดียวคุณพี่เจ้าของร้านก็มายืนเท้าคางมอง

            ไม่ไปทำการทำงานต่อหรือไงวะพี่!

            "อะไรพี่" ผมเปิดประเด็นก่อนเลย อยู่ดีๆ มามองแล้วยิ้ม จะกวนประสาทกันหรือไง

            "ชอบเพื่อนหรือไงเราน่ะ" แล้วคำถามของไอ้พี่หนวดก็ทำเอาผมชะงักไปชั่วครู่

            อะไรวะ อาการผมมันแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอพี่เขาถึงดูออก แต่จะให้ยอมรับง่ายๆ นั้นไม่มีทางเด็ดขาด กับไอ้พี่หนวดผมก็ถือว่าเป็นศัตรู จะมาหลอกถามกันง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้

            "ชอบอะไรพี่"

            "โธ่น้อง แค่ดูสายตาก็รู้แล้ว"

            "รู้อะไรของพี่"

            "ถ้าจะมองขนาดนี้ต่อยพี่เลยมั้ย" พี่หนวดว่าแล้วหัวเราะ

            สายตาผมตอนนี้คงพร้อมบวกกับพี่เขาจริงๆ นั่นแหละ ผมไม่อยากยอมรับกับสิ่งที่พี่เขาคาดเดาแม้จะเป็นจริงตามนั้น แล้วก็ไม่อยากให้พูดเรื่องนี้ตอนนี้ด้วย ถ้าไข่ต้มมันกลับมาได้ยินจะทำยังไง

            "เออๆ อย่าคิดมาก พี่ก็แซวไปงั้นแหละ เพื่อนน้องอะน่ารักดี ถ้าชอบก็จีบเถอะพี่เอาใจช่วย"

            "พูดมากว่ะพี่"

            "พยายามเข้า" แม้จะปฏิเสธเสียงแข็งขนาดไหนพี่หนวดก็ยังอวยพรให้ด้วยรอยยิ้มที่ผมไม่ได้ต้องการมันสักเท่าไร

            บทสนทนาสั้นๆ ของเราจบลงเพียงเท่านี้เมื่อผมไม่คิดจะต่อปากต่อคำอะไรให้มันยืดเยื้อ พี่หนวดกลับไปทำงานต่อ ส่วนผมก็เล่นมือถือรอจนกระทั่งไข่ต้มกลับมา มันรีบจ่ายเงินแล้วชวนผมกลับ ก่อนจากยังจะมียิ้มให้กันอีก ยิ้มที่ไอ้พี่หนวดไม่ได้มอบให้ไข่ต้มคนเดียว แต่มอบให้ผมคนที่ปั้นหน้าบึ้งใส่พี่เขาด้วย

            เสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนสนิทลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตอนเราเดินไปรอรถที่หน้าห้าง ผมฟังมันแทบไม่รู้เรื่องเพราะในหัวเอาแต่คิดถึงสิ่งที่พี่หนวดพูดเอาไว้ ไม่ใช่ทั้งคำถามและคำอวยพร แต่เป็นประโยคที่บอกให้ผมลองลงมือทำ

            ประโยคนั้นที่เริ่มทำให้สิ่งที่ผมตัดสินใจไปแล้วเกิดความลังเล

            'ถ้าชอบก็จีบเถอะ'

            หรือว่าผมควรคิดเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจังสักที เลิกคิดถึงอนาคตที่ยังไม่เกิด และเปิดเผยสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมา ก่อนจะต้องจมอยู่กับความผิดหวังไปตลอดชีวิต


TBC


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 16-09-2018 20:35:13
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เนื้อเรื่องน่ารักดี วิธีการเล่าก็สบายๆ อ่านเพลินๆดีจัง เป็นกำลังใจให้มาต่อตอนใหม่เร็วๆนะคะ กำลังสนุกเลย ^^
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-09-2018 19:44:22
อ่านเพลินดี
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-09-2018 06:00:23
มีแต่คนยุให้จีบไข่ต้ม...คุณเพื่อนจะเริ่มต้นจีบเมื่อไรเล่ะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-09-2018 12:03:02
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-09-2018 16:52:18
ลองจีบเลย เผื่อไข่ต้มรอให้จีบก่อน
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 5 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [15/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-09-2018 00:06:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 6 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [21/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 21-09-2018 19:14:30

ไข่ฟองที่ 6
เธอคนใจกล้า

          งานอดิเรกบางวันของผมในช่วงปิดเทอมคือการนั่งรถเมล์ไปส่งไข่ต้มที่เรียนพิเศษ แม้จริงๆ จะเรียกว่าส่งไม่ได้ก็เถอะ เพราะส่งมันเสร็จผมก็ไปเข้าคลาสของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งที่เรียนก็ไม่ได้ห่างไกลกันเท่าไร แค่คนละสถานบันคนละชั้น แต่ผมเลิกเร็วกว่ามันหลายชั่วโมง เลิกเรียนบางวันก็รอจนมันเลิกแล้วชวนไปเที่ยวต่อ วันไหนขี้เกียจก็หนีกลับเลย เป็นกิจกรรมที่ทำถี่ๆ ไม่ได้เดี๋ยวมันจะสงสัยเพราะผมมีเรียนแค่อาทิตย์ละวัน อาจจะมีบ้างบางวันที่ผมไม่มีเรียนก็ยังอุตส่าห์แอ๊บว่ามีแล้วเนียนไปส่ง ถามว่าทำไมถึงต้องลงทุนทำอะไรขนาดนี้ คำตอบนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวคือ ก็คนมันรัก ช่วงปิดเทอมใช่ว่าจะได้เจอหน้ากันทุกวัน จะทำให้ความคิดถึงมันลดลงบ้างก็ต้องลงทุนลงแรงกันหน่อย

          วันนี้ผมตื่นแต่เช้าหิ้วขนมไทยจากร้านป้าสมพรนั่งรถเมล์ไปเรียนพิเศษทั้งที่ไม่มีเรียน พอรถใกล้ถึงป้ายหน้าหมู่บ้านของไข่ต้มก็บอกให้มันเตรียมตัว ตอนรถจอดก็คอยชะเง้อมองว่ามันจะขึ้นถูกคันไหม เมื่อเห็นมันเดินขึ้นมาแล้วก็โบกมือเป็นสัญญาณว่านั่งอยู่ตรงไหนของรถ

          "กูเอาขนมป้าสมพรมาฝาก" ไข่ต้มนั่งลงข้างกันปุ๊บผมก็ยื่นถุงขนมให้มัน เป็นขนมไทยแบบรวมมิตรที่แม่ผมจัดใส่กล่องมาให้อย่างละนิดอย่างละหน่อย พิเศษสำหรับว่าที่แฟนของลูกชายโดยเฉพาะ

          "เรียกเหมือนไม่ใช่แม่มึงเลยนะ"

          "เออน่า แดกๆ ไป"

          มันย่นจมูกใส่ผมแล้วยอมรับไปถือไว้แต่โดยดี นั่งได้ไม่นานพี่กระเป๋ารถเมล์ก็เดินเขย่ากระบอกเก็บเงินมาหา ได้เงินจากผู้โดยสารแล้วพี่แกก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมได้มีเวลาอยู่กับไข่ต้มสองต่อสองบนรถเมล์ที่มีคนขึ้นแบบนับหัวได้

          "แป๊บเดียวจะเปิดเทอมอีกแล้วว่ะ เร็วเนอะ" ผมเริ่มหาเรื่องคุย ปกติอยู่กับมันก็ไม่ได้คุยอะไรที่เป็นสาระกันนักหรอก พูดเพ้อเจ้อโม้ไปเรื่อย ขอแค่เป็นเรื่องที่คุยแล้วสนุกก็พอ

          "รีบๆ เปิดเทอมก็ดี กูเบื่อไปเรียนแล้วเนี่ย"

          "ขี้เกียจก็บอก"

          "เออขี้เกียจ ปิดเทอมก็ต้องเรียน เปิดเทอมก็เรียนอีก"

          "จะได้เก่งๆ ไงมึง"

          ไข่ต้มเบ้ปากใส่ผม ที่บ้านมันค่อนข้างเข้มงวดเรื่องเรียน ไม่ได้ถึงขั้นบังคับว่าต้องเรียนอันนั้นอันนี้แต่ให้มันเลือกว่าอยากเรียนอะไรแล้วส่งเสริมในทางนั้น ไข่ต้มมันเลยเลือกเรียนภาษาจีน เพราะตอนเด็กๆ มันชอบดูหนังจีน แล้วก็ชอบฟ่านปิงปิง แม้ตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปชอบฝั่งตะวันตกแล้วก็ตาม

          "เออมึง พ่อกูบอกว่าจะให้ไปต่อมหา'ลัยที่จีนด้วยว่ะ ไม่รู้พูดจริงหรือพูดเล่น" อยู่ดีๆ ไข่ต้มมันก็โพล่งขึ้นมาเหมือนเพิ่งขึ้นนึกขึ้นได้ แถมยังเป็นประโยคชวนช็อคเสียด้วย

          ไปเรียนต่อที่จีนเนี่ยนะ ไม่จริงน่า

          "พูดเล่นล่ะมั้ง" ผมภาวนาให้เป็นอย่างนั้น ไข่ต้มมันต้องเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับผมดิ ถ้ามันไปจีนแล้วผมจะทำไงอะ จะให้ตามไปก็คงไม่มีปัญญา

          "ก็ขอให้เป็นงั้น"

          "มึงไม่อยากไปเหรอ"

          "ไม่อะ กูอยากอยู่กับมึงมากกว่า ถ้ากูไปแล้วใครจะคบมึงอะ"

          "เกือบซึ้งละ" เกือบซึ้งแล้วจริงๆ ถ้ามันไม่พูดประโยคหลังต่อท้าย

          ไข่ต้มยิ้มแฉ่งชอบใจที่เล่นงานผมได้ เปลี่ยนสีหน้าจากจริงจังมาทำหน้าทะเล้นจนผมเดาไม่ถูกว่าที่มันพูดมาเมื่อกี้มีความจริงรวมอยู่มากน้อยแค่ไหน แต่ผมเชื่อมันนะ เชื่อที่มันบอกว่าอยากอยู่กับผม เพราะผมเองก็อยากอยู่กับมันเหมือนกัน ไม่ว่าในอนาคตสถานะของเราจะยังเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป อย่างน้อยขอแค่ได้เป็นเพื่อนกันต่อไปก็ยังดี

          "แล้ววันนี้มึงจะรอกูมั้ย"

          "อยากให้รอมั้ยล่ะ" ผมย้อนถามเลยโดนมันมองค้อนใส่ ถ้ารอผมคงต้องหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาอีกหลายชั่วโมง แต่ก็พร้อมจะรอถ้ามันบอกว่าอยากให้รอ

          "งั้นเรียนเสร็จแล้วรอกินข้าวเที่ยงกับกูก่อนแล้วมึงค่อยกลับ"

          "มึงไม่มีเพื่อนในคลาสเลยเหรอ"

          "ไม่ต้องละ มึงกลับไปก่อนเลย"

          "โหไรอ่ะ แค่หยอกเล่นเฉยๆ เอง ไม่งอนนะครับน้องไข่ต้ม" ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วจิ้มแก้มมันเลยโดนปัดมือทิ้ง แต่ด้วยความเนียนเลยวางมือที่โดนปัดทิ้งลงบนต้นขามันซะเลย ไอ้คนทำงอนก็ไม่ได้สนใจ ผมเลยได้โอกาสวางมือไว้แบบนี้ต่อไป จะไม่เอาออกจนกว่าไข่ต้มมันจะปัดทิ้งอีกรอบ

          "กูก็อยากกินข้าวกับมึงมั้ย" แต่แล้วคำพูดของมันก็ทำเอาผมยิ้มไม่หุบ

          "เออๆ มึงเลิกแล้วโทรมา"

          "เออ"

          ไข่ต้มกระแทกเสียงใส่แต่ปากกลับยิ้ม มันหันหน้าหนีผมแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ถ้าผมเข้าข้างตัวเองกว่านี้ต้องคิดว่ามันชอบผมแล้วกำลังเขินอยู่แน่ๆ แต่เพราะรู้ว่าไม่มีทางเป็นอย่างที่คิดง่ายๆ เลยพยายามไม่เก็บสิ่งดีๆ ที่เพื่อนสนิทคนนี้มอบให้มาตีความหมายให้เกินเลยจนมากเกินไป ให้มันเป็นเพียงความรู้สึกดีๆ ที่เพื่อนมอบให้เพื่อนเท่านั้น

          เห็นไข่ต้มเล่นโทรศัพท์ผมเลยเอนหัวไปซบไหล่แอบดูหน้าไทม์ไลน์ในเฟซบุ๊กของมันด้วยคน มันไม่หวงแถมไม่ผลักหัวผมออก เจออะไรตลกๆ ก็ชวนให้ผมดู หัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ส่วนมือที่ผมวางไว้บนต้นขามันนั้นก็ยังวางอยู่ที่เดิม

          เป็นวันที่ได้กำไรจริงๆ

 

          ประมาณครึ่งชั่วโมงรถเมล์ก็พาเรามาถึงย่านที่เต็มไปด้วยสถานบันสอนพิเศษ ผมยังชวนไข่ต้มคุยไม่หยุดตอนเดินเข้าตึก คิดว่าวันนี้คงไม่มีอะไรมาขัดจังหวะแล้วเชียวแต่ผมดันคิดผิด เพราะคนอย่างไข่ต้มมักดึงดูดผู้คนเข้าหาตัวเองเสมอ

          "เอ่อ...ขอโทษนะคะ"

          เราสองคนหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง แล้วก็พบผู้หญิงคนหนึ่งส่งยิ้มมาให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่มอบให้เพื่อนสนิทผมแค่คนเดียว

          ยังไงกันนะเธอคนนี้ จะเข้ามาถามทางหรือไง เดินไปถามลุงยามตรงนู้นนู่นไป

          "ครับ" ไข่ต้มตอบรับ ไม่ได้ยิ้มแย้มกลับซึ่งนับว่าเป็นการดี กำแพงของมันเริ่มจะทำงานอีกครั้งแล้ว

          "เราขอเบอร์เธอหน่อยดิ" แล้วเธอก็มาพร้อมกับคำขอที่พุ่งกระแทกหน้าแบบไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา

          เธอยังคงยิ้มหวานในขณะที่เพื่อนผมเริ่มก้าวถอยหลังทีละนิด คนตรงๆ แบบนี้ผมล่ะชอบนัก เพราะมันจะทำให้เปลือกไข่บางๆ ของมันเพิ่มความหนาอย่างรวดเร็ว แถมยังปิดประตูลงกลอนอย่างดีเลยด้วย ชนิดที่ว่าไม่มีใครหน้าไหนสามารถสะเดาะกุญแจเข้ามาได้ เธอจงยอมรับความผิดหวังแล้วกลับไปเสียเถิด อย่าเสียเวลาอยู่ตรงนานเลย นี่คือคำเตือน

          "หรือไม่ขอเป็นไอดีไลน์แทนก็ได้ คือเราอยากรู้จักเธออะ"

          แต่ผู้กล้าย่อมไม่มีทางล่าถอยออกไปง่ายๆ

          เธอยังคงยิ้มหวานไม่เปลี่ยนแปลง แต่คนที่ดูเปลี่ยนไปกลับเป็นเพื่อนผมเอง ไข่ต้มมันเอาแต่ยืนนิ่งไม่หือไม่อือใดๆ ทั้งที่ปกติมันต้องตอบปฏิเสธออกไปแล้วถ้าไม่คิดจะสานสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในเชิงที่มันไม่ชอบแบบนี้

          "เธอชื่ออะไรเหรอ"

          เธอคนนี้ยังไม่ละความพยายามง่ายๆ แม้เพื่อนผมจะไม่เล่นด้วย ถามไปก็ยิ้มไป ผมนับถือในความใจกล้าของเธอนะ แต่ตอนนี้พูดได้คำเดียวว่าเสียใจด้วย เมื่อไอ้ไข่ต้มตั้งท่าเตรียมอ้าปากตอบกลับหลังจากที่เงียบมานาน ทว่ามันกลับช้ากว่าความเร็วปากผมไปนิดนึง

          "เพื่อนผมมันมีแฟนแล้ว" ผมเป็นฝ่ายเสนอหน้าตอบแทนเพราะไข่ต้มมันชักช้าไม่ทันใจ ไอ้คนที่โดนใส่ข้อมูลส่วนตัวผิดๆ เลยหันมาถลึงตาใส่ผม

          "ขอโทษนะ เราไม่ได้ถามนาย" แต่เธอคนนี้ก็ร้ายไม่ใช่เล่น

          ผมกับแม่สาวใจกล้าส่งสายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นไข่ต้มมันคงไปเรียนสาย แต่จะให้บอกไปว่าต้องรีบเข้าเรียนนั้นก็ดูเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผมว่ามันไม่ได้ผลในระยะยาวเท่าไร ยังไงซะเธอใจกล้าคนนี้ต้องตามมาตอแยเพื่อนผมอีกแน่นอน แล้วถ้าเธอโผล่มาตอนที่ผมไม่อยู่มันจะไม่เป็นการดี

          "เธอกลับไปดีกว่า พวกเราต้องรีบไปเรียน"

          "เราอยากคุยกับเพื่อนนาย ทำไมนายต้องเข้ามายุ่งด้วย"

          "ก็เพื่อนเรามันไม่อยากคุยกับเธออะ"

          "รู้ได้ไงว่าไม่อยากคุย"

          "ถ้ามันอยากคุยคงตอบเธอไปตั้งแต่คำถามแรกแล้ว"

          เธอถึงกับเงียบไปเมื่อได้ฟังความจริง เจอคนตรงมาผมก็ตรงกลับ ส่วนไอ้คนโดนจีบก็เอาแต่ดึงชายเสื้อผมยิกๆ คงเพราะคิดว่าผมกับเธอคนนี้จะมีเรื่องกันใหญ่โต

          "แต่เมื่อกี้เพื่อนนายกำลังจะตอบ" ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้

          "มึงจะตอบว่าอะไร" ผมเลยโยนคำถามไปให้มันจนโดนถลึงตาใส่อีกรอบ

          ไข่ต้มยังไม่ยอมพูดอะไรเพราะมันคงกำลังนึกคำสวยหรูที่พูดออกไปแล้วอีกฝ่ายจะไม่เจ็บช้ำน้ำใจอยู่ มันก็เป็นแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ ทำใจแข็งปฏิเสธแบบเด็ดขาด แต่กลับนึกสงสารอยู่ในใจ

          "เราขอไลน์ได้หรือเปล่า" เมื่อไข่ต้มมันไม่ยอมพูดสักทีเธอเลยถามออกมาอีกรอล ทั้งใช้เสียงสองและสายตาเหมือนลูกแมวน้อย แสดงออกถึงความสองมาตรฐานให้เห็นกันจะๆ ตอนพูดกับผมสายตาเหมือนอยากจะเอามีดมาสับให้ละเอียดแล้วโยนลงชักโครกยังไงยังงั้น

          "ไม่ได้"

          "เธอมีแฟนแล้วจริงๆ เหรอ"

          ไข่ต้มไม่ตอบคำถามในทันที มันเหลือบมองผม เหตุเพราะผมเป็นคนโกหกแบบนั้นออกไปแล้วมันต้องเล่นตามน้ำเพื่อไม่ให้เสียเรื่อง แต่มันจะรู้ไหมว่าการทำแบบนี้อาจจะทำให้เธอคนนั้นเข้าใจผิด เพราะเป็นผมเองผมก็คิด ถ้าหากถามคำถามนี้กับใครแล้วคนคนนั้นแสดงท่าทางแบบที่ไข่ต้มกำลังทำอยู่

          การที่มันหันมามองผม ก็เหมือนการตอบคำถามของเธอคนนั้นไปแล้ว

          "เรามีแฟนแล้ว"

          เธอหันมาสบตากับผมก่อนจะถอนหายใจออกมาเป็นการประกาศว่ายอมแพ้ นับว่าแผนหลอกว่ามีแฟนยังใช้ได้ผล แม้มันจะดูไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่ผมใช้หลอกพี่กันต์คนขับปอร์เช่แล้วก็ตาม

          "เห็นเธอชอบเดินคนเดียวอะ ไม่คิดว่าจะมีแฟน" เธอว่าเสียงอ่อย สารภาพออกมาแบบนี้แสดงว่าแอบมองมานานแล้วสินะ แล้วทำไมเธอไม่เห็นผมวะ มาด้วยกันออกจะบ่อย

          "โทษทีนะ"

          "ไม่ต้องขอโทษหรอก เราขอโทษที่รบกวน"

          "ไม่เป็นไร"

          "ขอให้คบกันนานๆ แล้วกัน เราไปนะ" เธอยิ้มบางๆ มองไข่ต้มสลับกับผมแล้วทิ้งท้ายไว้ ก่อนเดินนำหน้าเราสองคนไปโดยไม่หันกลับมามองกันอีก

          คำทิ้งท้ายกับสายตาที่ช่วยยืนยันความคิดของผมก่อนหน้านี้

          คำตอบของไข่ต้มที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอเข้าใจผิด

          "มึงว่ามันแปลกๆ ป้ะ" ไข่ต้มถามขึ้นมาไม่ต่างจากที่ผมคาดเดาเอาไว้

          เรื่องที่มันว่าแปลกต้องเป็นเรื่องเดียวกับที่ผมคิดอย่างแน่นอน ถึงอย่างนั้นการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นน่าจะปลอดภัยกับความรู้สึกมากกว่า

          "แปลกอะไร"

          "กูว่าเขาน่าจะเข้าใจอะไรผิด"

          "เข้าใจผิดอะไรวะ"

          ไข่ต้มจ้องผมที่กำลังทำหน้าไขสือไม่เข้าใจในสิ่งที่มันอยากสื่อเขม็ง วางเงินห้าร้อยเลยว่ามันไม่กล้าพูดอะไรที่เสี่ยงต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทแน่นอน แม้การโกหกครั้งนี้กับการเข้าใจผิดของเธอคนนั้นจะคล้ายกับกรณีพี่กันต์ แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป อาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้พูด และความเข้าใจผิดนั้นเกิดจากตัวมันเอง

          "ไม่มีอะไร" แล้วสุดท้ายมันก็เลือกที่จะตอบปฏิเสธ

          "รีบไปเรียนเถอะมึง เดี๋ยวสาย" ผมไม่อยากเซ้าซี้ให้เกิดความรู้สึกอึกอัดเลยตบบ่ามันเบาๆ หนึ่งทีแล้วเดินนำไปที่บันไดเลื่อน

          ความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจจะได้พูดออกมาเมื่อไรผมเองก็ไม่รู้ ทุกครั้งที่มีความกล้าก็มักจะเกิดความกลัว แล้วสุดท้ายก็เลือกที่จะตัดใจ

          ผมคิดไม่ออกเลยว่าถ้าหากวันนั้นมาถึงจริงๆ จะเป็นยังไง มันคงเป็นวันที่ผมกล้าจนบ้า กล้าที่จะสูญเสีย กล้าที่จะตัดใจ และกล้าที่จะยอมให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเดินจากไป

          เป็นความกล้าที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ

 
TBC


มาแบบสั้นๆ แบบจะสั้นไปไหน ฮ่าๆๆๆ เรื่องนี้มันก็จะเรื่อยๆ เอื่อยๆ แบบนี้นะคะ
จริงๆ เราว่ามันเศร้านะ จะจีบก็ไม่กล้า กลัวเสียเพื่อน
เป็นความรักที่อึดอัดมากๆ สงสารน้องพระเอก แม้กระทั่งชื่อคนอ่านก็ยังไม่รู้ TT
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 6 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [21/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-09-2018 21:42:51
 :เฮ้อ:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 6 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [21/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 21-09-2018 23:03:44
ตอนแรกๆ อ่านไปก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อนไข่ต้มคนนี้มีตัวตนจริงรึเปล่า 55555 ไม่รู้ชื่อเพื่อนซักที  :m20:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 6 พี่หนวดคนเจ้าชู้ <<< [21/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-09-2018 23:23:00
ใช่ค่ะ แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้กลัวจะเชียร์พระเอกผิดคนเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 6 เธอคนใจกล้า <<< [21/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 25-09-2018 07:26:45
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 7 ลูกสาวป้าสมพร <<< [29/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 29-09-2018 20:46:50
ไข่ฟองที่ 7
ลูกสาวของป้าสมพร


            ยินดีต้อนรับสู่ร้านขนมไทยป้าสมพร กับเมนูที่พร้อมเสิร์ฟทุกวันไม่ว่าจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ข้าวเหนียวสังขยา เสน่ห์จันทร์ จ่ามงกุฎ และอีกหลายเมนูที่ผมคงไล่ให้ฟังกันไม่หมด พิเศษสุดเฉพาะวันนี้ มาซื้อขนมร้านป้าสมพรจะได้ชมความหล่อของพ่อค้าถึงสองคน ใครพลาดงานนี้จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายอย่างมาก

            "วันนี้มีคนมาช่วยขายด้วยเหรอพี่พร" ลูกค้าประจำที่แวะมาซื้อเกือบทุกวันทักขึ้นทันทีที่เห็นผมนั่งอยู่หน้าร้าน น้าแกถามแม่ผมแต่ตาดันเหลือบมองไข่ต้มคนไม่คุ้นหน้า เพราะแต่ละครั้งที่มันมาส่วนใหญ่เราจะขลุกกับอยู่บนห้องนอนผม ไม่ได้มานั่งหน้าสลอนช่วยขายขนมแบบนี้

            "นานๆ ทีจะมาช่วยขาย วันนี้จะกินอะไรล่ะ"

            พอถูกถามน้าแกเลยเดินไปสั่งขนมกับคุณป้าสมพร ผมเลยมีหน้าที่หยิบขนมใส่ถุงและคิดเงิน ส่วนไข่ต้มเพื่อนรักแค่นั่งยิ้มหวานๆ เรียกลูกค้าก็พอ

            งานขายขนมสำหรับผมเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ผมเลยไม่ค่อยได้แวะมาช่วยที่หน้าร้านนัก งานในครัวก็ไม่ต่างกันเพราะผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ไม่ต้องห่วงว่าร้านขนมป้าสมพรจะไม่มีคนดูแลต่อ ผู้ที่จะสืบทอดกิจการร้านคือพี่สาวของผมเอง ตอนนี้เรียนคหกรรมกำลังจะขึ้นปีสามมั้งถ้าผมจำไม่ผิด มุ่งเน้นด้านการทำอาหารอย่างจริงจัง เหตุนี้ผมจึงรอดตัว

            วันหยุดแบบนี้มีลูกค้าทยอยมาเรื่อยๆ ทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า เมื่อเห็นว่าลูกค้าไม่เยอะมากแม่เลยเดินเข้าไปดูในครัว ทิ้งผมให้อยู่กับลูกจ้างมือใหม่ที่กลายเป็นลูกมือผมอีกที แต่คนอย่างไข่ต้มน่ะมันหัวไว สอนอะไรไปแป๊บเดียวก็จำได้หด แถมมันยังจำราคาขนมได้ทั้งร้านแล้วด้วย แม้ทุกครั้งจะไม่เคยเสียเงินซื้อเลยก็ตาม

            "ถ้ามึงเบื่อบอกกูได้นะ" นั่งหน้าร้านกันมาร่วมชั่วโมงแล้วผมก็กลัวมันจะเบื่อ เห็นหยิบมือถือขึ้นดูตลอดตอนไม่มีลูกค้า

            "ไม่อะ หิวมากกว่า"

            "เดี๋ยว มึงเพิ่งกินข้าวเช้าไป" แล้วข้าวเช้าที่ว่ามันก็กินกับผมที่บ้านผมนี่แหละ เป็นข้าวเช้าตอนตะวันสายโด่ง

            "มึงก็รู้ว่ากูกระเพาะหลุมดำ ยิ่งใช้สมองเยอะๆ ยิ่งหิวเร็ว"

            "มึงไปใช้สมองเยอะตอนไหน"

            "ขายของ จำราคา บวกเลข จ่ายเงินทอน มันก็ต้องใช้สมองนะเว้ย"

            "แต่ไอ้มึงว่ามานี่ใช้เครื่องคิดเลขหมดเลยนะ"

            ไข่ต้มยิ้มแหยเมื่อข้ออ้างที่มันว่ามาใช้ไม่ได้ผล อาจจะถูกอย่างหนึ่งที่มันต้องจำราคา แต่ตอนบวกเลขเวลาคนซื้อเยอะๆ ก็ใช้เครื่องคิดเลขอยู่ดี

            "มึงอยากกินอะไรก็หยิบดิ" ผมเลยบอกให้มันหยิบขนมในถาดกินแทน

            "กินของขายจะดีเหรอวะ"

            "เออ กูอนุญาต"

            มันยิ้มแต่ยังไม่ยอมทำตามที่ผมบอก คนดีอย่างเพื่อนผมมันยังมีความเกรงใจอยู่เล็กๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นคนที่จิตใจดีมาก แม้จะชอบทำหน้านิ่ง และปฏิเสธคนอื่นได้อย่างเลือดเย็นก็ตาม

            "ถ้าบ้านเปิดร้านขายของกินกูว่าต้องเจ๊งแน่ๆ เพราะมึงแดกเองหมด"

            "แดกหมดร้านได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว"

            ผมคิดมุกเสี่ยวได้ในใจ แต่พูดไม่ได้เลยยิ้มกว้างให้ไข่ต้มแทน เพราะถ้าเกิดบอกไปว่า 'มึงไม่ใช่คนเพราะเป็นเทวดาตัวน้อยๆ ผู้น่ารัก' ต้องโดนมันถีบตกเก้าอี้แน่ๆ

            "ไหนใครบ่นหิว" แล้วป้าสมพรที่หายไปในครัวอยู่นานสองนานก็โผล่ออกมา

            ไข่ต้มยิ้มแหย ความจริงแล้วมันออกจะขี้อายกับพวกผู้ใหญ่นิดหน่อย ขนาดอยู่กับครอบครัวผมยังไม่ค่อยกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็น ต่างกับผมเวลาไปบ้านมันที่ช่างจ้อกับผู้ใหญ่มากกว่า ก็นะ คิดอยากจะรวบหัวรวบหางลูกชายเขาก็ต้องเอาใจพ่อแม่ ถึงความฝันที่จะได้ไข่ต้มเป็นแฟนจะริบหรี่มากก็ตาม

            "แม่ทำบัวลอยเสร็จแล้วเหรอ" ผมถามหลังจากได้กลิ่นหอมมาสักพัก ที่ไข่ต้มมันบ่นหิวต้องเป็นเพราะได้กลิ่นเหมือนกันแน่ๆ

            "เสร็จแล้ว แม่ว่าจะมาเรียกไปกินนี่แหละ"

            "ไปมึง"

            แล้วจะรอให้ท้องร้องก็ไปทำไม ผมคว้ามือไข่ต้มเดินเข้าข้างในสวนกับแม่ที่เดินไปนั่งเฝ้าหน้าร้านแทน

 

            บัวลอยมะพร้าวอ่อนหอมกะทิหม้อนี้ทำไว้ขายแต่แม่มักจะแบ่งไว้ให้คนในบ้านกินด้วยเสมอ พี่ที่เป็นลูกจ้างของร้านเลยตักเตรียมไว้ให้สองถ้วยเมื่อรู้ว่าผมกับไข่ต้มจะมากิน

            ผมกับไข่ต้มนั่งประจำหน้าถ้วยบัวลอย มันทำหน้าเคลิ้มตอนสูดกลิ่นหอมๆ ใช้ช้อนคนอยู่สองสามรอบก่อนตักเข้าปาก

            "อร่อยเหมือนเดิม"

            "ลองบอกไม่อร่อยดิ"

            "มึงจะไปฟ้องแม่หรือไง"

            "กูจะไม่ให้มึงมาบ้านอีก"

            ไข่ต้มมันทำหน้าอึ้งใส่ผม แต่ยัง ยังไม่หมด โทษฐานของการบอกว่าขนมป้าสมพรไม่อร่อยยังไม่หมดแค่นี้

            "แล้วมึงก็จะไม่ได้กินขนมป้าสมพรไปอีกตลอดกาล"

            "เพ้อเจ้อละ" มันส่ายหน้าใส่ผมแล้วกลับไปตักบัวลอยกินต่อ

            ก็คงเพ้อเจ้ออย่างที่มันว่าจริงๆ นั่นแหละ อย่างผมน่ะเหรอจะห้ามไม่ให้มันมาหาได้ มีแต่จะชวนมันมามากกว่า แล้วถ้ามันบอกว่าขนมแม่ไม่อร่อยจริงคงทำหน้าโหดใส่สักสามวิ หยิกแก้มที่ดูนุ่มนิ่มของมันเป็นการลงโทษ จากนั้นก็เอาขนมป้าสมพรให้มันกินเหมือนเดิม

            บัวลอยถ้วยเล็กๆ กินแป๊บเดียวก็หมด ผมตักคำสุดท้ายเข้าปากแล้วขโมยตักในถ้วยไข่ต้มมากินตอนมันกำลังเล่นมือถือ ก็กะว่าจะแอบกินไม่ให้มันรู้ตัวแต่ตอนยื่นช้อนไปดันไปชนกับช้อนของมันที่ถือค้างอยู่เหนือถ้วยนิดหน่อยพอดี เลยโดนมันเขวี้ยงค้อนใส่ทางสายตา

            "แย่งกูทำไมเนี่ย"

            "ก็มึงเอาแต่เล่นมือถืออะ เดี๋ยวก็เย็นหมด"

            "กูเพิ่งเช็กไลน์แป๊บเดียวเอง"

            "ไหนคุยกับใคร ขอดูหน่อยดิ๊" ผมชะโงกหน้าไปมอง แต่มันยกโทรศัพท์หนีซึ่งผิดปกติมาก ทุกทีมันไม่เคยหวงผมเลยนี่นา

            "ไม่มีไร"

            "ไม่มีแล้วหลบทำไมวะ มึงมีความลับกับกูเหรอ"

            "ความลับอะไร ไม่มี"

            "งั้นบอกมาว่ามึงคุยกันใคร"

            "เพื่อนในห้อง"

            "กูไม่เชื่อหรอก"

            ผมเอื้อมมือไปจะคว้ามือถือที่ไข่ต้มมันยื่นหนีไปจนสุดแขน ด้วยช่วงตัวที่ยาวกว่าทำให้ผมค่อนข้างได้เปรียบ เกือบจะคว้าได้ถึงแต่คนขี้หวงกลับไม่ยอมง่ายๆ มันลุกจากเก้าอี้ทำท่าจะเดินหนี ผมเลยคว้าเอวมันไว้แล้วดึงให้กลับมานั่งตัก มือหนึ่งกอดมันไว้ส่วนอีมือก็ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน แค่นี้ไข่ต้มมันก็หนีไปไหนไม่พ้นแล้ว

            "เอามาให้กูดู"

            "มึงอย่าทำแบบนี้ดิวะ ถ้าไม่หยุดกูจะโมโหมึงแล้วนะ"

            "ก็มึงปิดบังกูอะ"

            "จะให้กูบอกมึงทุกเรื่องเลยหรือไงวะ"

            "กูเป็นเพื่อนมึงนะ"

            "เพื่อนกันก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้"

            เหมือนมีบางอย่างหล่นกระแทกหัวทำให้ผมนึกคำพูดต่อไม่ออก ผมหยุดมือที่กำลังแย่งมือถือจากมัน ปล่อยแขนที่กอดเอวมันออก ในเมื่อมันไม่อยากให้รู้ผมไม่รู้ก็ได้ ไม่โกรธหรอก อย่างผมน่ะเหรอจะโกรธมันลง ก็แค่ช็อคนิดหน่อยเท่านั้นเอง เหมือนกับว่ากำแพงมันหนาและสูงขึ้น แถมยังมีหนามแหลมยื่นออกมาทำให้ต้องก้าวถอยหลัง เป็นกำแพงที่แม้แต่จะเดินเข้าไปใกล้ก็ยังทำไม่ได้

            ก็แค่ไข่ต้มมันพูดเรื่องจริงทำไมผมถึงได้เจ็บอย่างนี้ก็ไม่รู้

            "มึง"

            ผมหันไปมองมันตามเสียงเรียก ไข่ต้มยังไม่ยอมลุกจากตักผม สีหน้ามันดูไม่ดีเท่าไร ดูตกใจและตื่นตระหนก ผมเลยต้องยิ้ม ยิ้มบอกมันว่าไม่เป็นอะไร เพื่อนคนนี้ไม่ได้คิดอะไรมาก และรอฟังสิ่งที่มันกำลังจะพูด

            แต่...

            "ทำอะไรกันน่ะ"

            ดันมีมารเข้ามาขวางจนได้

            ไข่ต้มรีบลุกออกจากตักผมทันที มันยกมือไหว้บุคคลที่โผล่เข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง สาวอวบผมสีน้ำตาลดัดลอนปลาย เป็นคนที่ผมไม่ค่อยชอบสายตาเธอนักแม้จะมีสายเลือดเดียวกันก็ตาม เพราะสายตาคู่นั้นมักจะมองผมออกไปหมดทุกอย่าง

            เธอคนนี้ก็คือซีอิ๊ว พี่สาวของผมเอง

            ผมไม่ตอบคำถามแถมยังทำหน้าเซ็งใส่ ส่วนไข่ต้มผู้เข้ากับคนได้ยากมากไม่ต้องพูดถึง มันเจอพี่สาวผมแทบนักครั้งได้เลยยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ

            "แม่บอกให้มากินบัวลอย" เมื่อต่างคนต่างพากันเงียบพี่สาวผมเลยพูดขึ้นมาแล้วเดินไปที่หม้อบัวลอย

            "พี่สอบเสร็จแล้วเหรอ"

            "เสร็จแล้ว เดี๋ยวต้องฝึกงานต่อวันหยุดเลยแวะกลับมาบ้านก่อน"

            "อืม"

            "แล้วแกเปิดเทอมเมื่อไร"

            "อาทิตย์หน้า"

            พี่ซีอิ๊วถือถ้วยบัวลอยมานั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับผม เธอยิ้มแบบมีเลศนัยซึ่งผมไม่ชอบเอาซะเลย สงสัยต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยด่วนก่อนที่พี่สาวผมจะพูดอะไรแปลกๆ

            "มึงกินอิ่มยัง"

            ไข่ต้มพยักหน้ารับ มันยังยืนอยู่ท่าเดิม ผมเลยลุกเอาถ้วยไปเก็บจะได้พามันออกไปไกลๆ จากสายตาพี่สาวสักที

             

            เพราะบรรยากาศระหว่างเราสองคนค่อนข้างขมุกขมัวนั่งขายขนมอยู่หน้าร้านได้ไม่นานผมเลยชวนไข่ต้มกลับ มันเองก็พยักหน้ารับโดยไม่คัดค้านใดๆ หลังจากเก็บของเรียบร้อยผมเลยเดินมาส่งมันที่ป้ายรถเมล์ จะได้คุยกันให้ความรู้สึกอึดอัดมันหายไปด้วย

            ผมกำลังคิดคำพูดดีๆ เพื่อเรียกบรรยากาศสดใสกลับมาระหว่างทางที่เราเดินไปป้ายรถเมล์ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดได้คนข้างๆ ก็ชิงตัดหน้าพูดขึ้นมาก่อน

            "กูขอโทษนะ" ไข่ต้มมันเหลือบมองผมแวบหนึ่งแล้วหลบตา แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะแล้ว

            "ขอโทษทำไมวะ กูวุ่นวายเองอะ มึงไม่ต้องคิดมากหรอก"

            "แต่กูคิดไปแล้วว่ะ ถ้ากูโดนมึงพูดแบบนั้นใส่ก็คงน้อยใจเหมือนกัน"

            "กูไม่พูดแบบนั้นใส่มึงหรอก"

            "แต่กูพูดไปแล้วไง"

            "เรื่องเล็กว่ะมึง"

            ไข่ต้มหยุดเดิน มันเอาแต่มองหน้าผม มองชนิดที่ว่าถ้าเกิดไม่รู้จักและชอบมันอยู่ผมคงต่อยมันปากแตกไปแล้ว ผมรู้ว่ามันไม่เชื่อที่ผมพูด ก็ตอนโดนมันพูดประโยคนั้นใส่ผมหน้าเหวอซะขนาดนั้น ถ้ายังเชื่อว่าผมคิดเป็นเรื่องเล็กก็บ้าแล้ว

            "อะ ยอมรับก็ได้ ตอนนั้นก็น้อยใจมึงอยู่หรอก แต่ตอนนี้กูหายแล้ว มึงก็ขอโทษแล้วด้วย กูไม่รู้จะโกรธให้มันได้อะไรขึ้นมา ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันกูเคยโกรธมึงได้กี่นาทีถามหน่อย"

            "มึงเคยโกรธกูด้วยเหรอ" ไข่ต้มย้อนถาม ในความทรงจำของมันไม่มีผมตอนกำลังโกรธเลยเหรอ

            "เคยมั้ง"

            "ไม่เคยเลยต่างหาก"

            ผมมองเพื่อนสนิทอย่างใช้ความคิดว่าเคยมีสักครั้งที่โกรธมันแบบจริงๆ จังๆ บ้างไหม และคำตอบที่ได้คือไม่เลย มีแต่ผมที่คิดในใจว่าโกรธมันงอนมันด้วยเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากลับยังยิ้มเหมือนไม่ได้เป็นอะไร

            "มึงไม่เคยแสดงท่าทางว่าโกรธกูเลย นี่เป็นครั้งแรกที่กูพูดแบบนั้นใส่มึงแล้วมึงก็เงียบ หน้าตามึงดูเจ็บปวดอะ กูเลยรู้สึกไม่ดี"

            "กูดูเจ็บปวดขนาดนั้นเลยเหรอวะ"

            "มึงทำหน้าหงอยอะ ดูผิดหวังในชีวิต"

            "ดราม่าไปละ"

            ผมทำเป็นพูดเล่นแต่ก็จริงอย่างที่ไข่ต้มมันว่า ผมช็อกที่โดนพูดแบบนั้นใส่ เราหยอกกันบ่อย แต่มันไม่เคยพูดกีดกันผมด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบนั้นมาก่อน

            "กูไม่เป็นอะไรแล้ว"

            ผมยิ้มให้มัน เป็นการบอกให้รู้ว่าจิตใจผมสบายดีอย่างที่พูด ความอึดอัดทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นได้หายไปจากความรู้สึกผมแล้ว เพียงแค่มันเอ่ยคำว่าขอโทษ

            เพราะบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงป้ายรถเมล์ จากตรงนี้ถึงบ้านไข่ต้มมันสามารถขึ้นรถได้ทุกสาย พอหยุดยืนอยู่ที่ป้ายก็เห็นรถเมล์วิ่งมาแต่ไกล

            "มึง"

            ผมเลิกคิ้วมอง ดูมันยังห่วงผมไม่เลิกถึงยังทำหน้าตามีอะไรติดค้างอยู่ในใจแบบนี้

            "ตอนนี้กูกำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่ กูว่าจะลองเปิดใจว่ะ รอกูมั่นใจอีกนิดแล้วจะบอกมึงนะว่าเขาเป็นใคร"

            สิ่งที่เพื่อนสนิทพูดทำให้ช็อกยิ่งกว่าเดิมร้อยเท่า ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยายามยิ้มให้มัน ทั้งที่ควรดีใจที่ไข่ต้มมันยอมบอกให้รู้ ควรดีใจที่ในที่สุดมันก็ยอมเปิดใจให้ใครสักคนสักที ควรดีใจที่มันจะมีใครสักคอยอยู่ข้างๆ คอยดูแลกันในสถานะคนรัก ทั้งที่ควรดีใจ แต่ผมกลับเจ็บที่ใจมากมายเหมือนว่ามันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บที่ต้องทนยิ้มแย้มให้มันต่อไปเหมือนไม่คิดอะไร

            "เออ พร้อมเมื่อไรค่อยบอกกูแล้วกัน"

            รถเมล์จอดที่หน้าป้ายพอดี เรายิ้มบางๆ ให้กันและบอกลา

            "กูไปก่อนนะ"

            ผมพยักหน้ารับ ยืนรอจนรถคันที่มันขึ้นขับออกไปถึงได้หันหลังกลับ เดินไปตามทางที่เพิ่งเดินมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

            ทั้งที่พยายามบอกตัวเองมาตลอด แต่พอเวลานี้มาถึงจริงๆ มันกลับยากที่จะทำใจยอมรับได้

            ผมไม่อยากให้มันมีความรัก ไม่อยากให้มันมอบความรู้สึกดีๆ ให้ใครนอกจากผม

            ผมรักมันมากเกินไป เกินกว่าจะยกให้ใครได้จริงๆ

 

            กลับมาที่บ้านอีกทีพี่สาวที่น่าจะขึ้นไปนอนพักบนห้องกลับมานั่งขายขนมอยู่หน้าร้าน พี่ซีอิ๊วยักคิ้วให้ผม แต่เพราะไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยเลยเดินผ่านโดยไม่โต้เถียงใดๆ

            ให้พี่ขายแทนก็ดี ตอนนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย

            "เป็นไรมาอีก" แต่มีหรือที่พี่สาวจอมจุ้นจ้านของผมจะยอมให้ผ่านไปง่ายๆ

            "ยุ่ง"

            "มานี้เลย" พี่ซีอิ๊วตบเก้าอี้ตัวข้างๆ ที่ไข่ต้มมันเคยนั่ง รู้สึกเหมือนโดนตอกย้ำยังไงก็ไม่รู้

            ผมไม่สนใจ หันหลังให้แล้วตั้งใจจะเดินขึ้นห้อง ทว่าคอเสื้อกลับโดนดึงเอาไว้จากด้านหลัง เป็นใครไม่ได้นอกจากพี่สาวผมเอง เลือกจะยุ่งแล้วก็ยุ่งจนรู้เรื่องไปเลยสิน่า

            "จะขึ้นห้อง"

            "จะรีบไปไหนเล่า มาคุยกันก่อน"

            "ใครอยากคุยกับพี่วะ"

            "เดี๋ยวนี้ขึ้นวะ เดี๋ยวจะโดน"

            ไม่ใช่แค่เดี๋ยว พี่ซีอิ๊วเคาะหัวผมดังโป๊กก่อนใช้แรงบังคับฉุดลากให้ผมไปนั่งด้วย ผู้หญิงอะไรแรงโคตรเยอะ ถ้าไม่ใช่พี่สาวผมไม่ยอมง่ายๆ ขนาดนี้หรอกนะ

            "เป็นอะไรไหนเล่าให้ฟังดิ๊ อกหักเหรอ" แล้วพี่สาวผมก็เริ่มสอบปากคำ

            "รู้ดี"

            "แสดงว่าใช่"

            เฮ้อ! นอกจากเบื่อพี่ซีอิ๊วแล้วผมก็เบื่อตัวเองนี่แหละ ชอบทำตัวมีพิรุธตลอด เป็นอาการที่ทุกคนต่างสังเกตเห็นแล้วก็โดนจับได้ง่ายๆ ก็คงมีแค่คนเดียวนั่นแหละที่ไม่เคยจะรู้ตัว แต่ก็ดีแล้วที่มันไม่รู้ ไม่งั้นเราคงไม่ได้เป็นเพื่อนกันจนมาถึงวันนี้

            "ใคร ไข่ต้มน่ะเหรอ"

            พี่แม่งจะรู้ดีเกินไปแล้ว!

            ผมไม่ตอบให้พี่มันพูดเองเออเองคนเดียว ใครมันจะไปยอมรับง่ายๆ ไม่มีทางเด็ดขาด ถ้าผมไม่ได้พูดคำนั้นกับไข่ต้มชาตินี้จะไม่มีวันได้ยินคำว่า 'ผมรักไข่ต้ม' ออกจากปากผมแน่นอน อีกอย่างพี่ซีอิ๊วรู้โลกรู้ ถึงจะไม่สนิทกับเพื่อนผมเท่าไรแต่พี่ต้องเสนอหน้าไปทำให้เพื่อนผมมันเกิดความระแวงและสงสัยอย่างแน่นอน

            "พี่ถามทำไมไม่ตอบ"

            "ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องรู้นี่หว่า"

            "แล้วไข่ต้มต้องรู้มั้ย"

            ผมมองค้อนใส่ บอกให้รู้ว่าไม่ชอบใจอย่างรุนแรง คนอื่นอาจจะเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ แต่ไม่ใช่กับผม

            "ล้อเล่นน่า แค่อยากรู้ว่าน้องพี่เป็นอะไร"

            "ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร"

            "โอเคๆ" พี่ซีอิ๊วยกมือยอมแพ้ ทำหน้าหมั่นไส้ใส่แล้วยื่นมือมาขยี้หัวผมจนยุ่ง ต้องได้แกล้งกันสักทางล่ะพี่สาวคนนี้

            "พอเลยจะขึ้นห้อง" ผมปัดมือพี่ซีอิ๊วออก ปั้นหน้าบึ้งลุกพรวดก้าวยาวๆ หนีขึ้นชั้นบน ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา

            "ชอบไปก็บอกเถอะ!"

            พี่สาวคนนี้มันน่ารำคาญจริงๆ

 
tbc.


รู้ชื่อพี่สาวแล้วพอจะเดาชื่อน้องพระเอกถูกมั้ยคะ
พระเอกเราพี่ชื่อน้า แต่ยังไม่ได้เวลาเฉลย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 7 ลูกสาวป้าสมพร <<< [29/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-09-2018 21:19:13
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 7 ลูกสาวป้าสมพร <<< [29/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 29-09-2018 23:58:32
พี่ชื่อซีอิ๊ว งั้นเดาว่าน้องชื่อแม็กกี้... ก็ไข่ต้มกินกับแม็กกี้อร่อยนี่นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 7 ลูกสาวป้าสมพร <<< [29/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 30-09-2018 09:28:05
นึกว่าจะอุ่นใจว่าไข่ต้มคงไม่มีใครไปเรื่ยๆ
ฮืออออออออออ สงสารพระเอกกกก
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 7 ลูกสาวป้าสมพร <<< [29/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 30-09-2018 10:24:15
พระเอกเรื่องนี้ก็ค่าตัวแพงไม่แพ้อีกเรื่องเลยวุ้ย มาลุ้นดิว่าจะทำยังไงต่อ เฝ้าพวงมะม่วงต่อไปก็อดกินอยู่ดีเน้ออ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 7 ลูกสาวป้าสมพร <<< [29/09/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 04-10-2018 06:02:22
มารอไข่ฟองที่8 อยากรู้ชื่อพระเอกกกกก
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 8 น้องจิมวงโยธวาทิต <<< [06/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 06-10-2018 20:08:22

ไข่ฟองที่ 8
น้องจิมวงโยธวาทิต

            หลังจากผ่านปิดเทอมใหญ่แสนยาวนานในที่สุดผมกับไข่ต้มก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของโรงเรียน เราขึ้น ม.6 แล้ว ไข่ต้มดูเหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย ขณะที่ผมเองก็ตัวโตขึ้นเช่นกัน ห้องเรียนก็ได้อยู่ชั้นสูงขึ้น แต่หวังว่าคนที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตเพื่อนผมจะไม่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

            วันแรกของการเปิดเรียนไม่มีอะไรต้องเคร่งเครียดนัก นั่งฟังอาจารย์สอนแป๊บๆ ก็ถึงเวลาพักกลางวัน ช่วงเวลาแสนวุ่นวายที่ไม่เจอมานาน กับการต้องแย่งชิงโต๊ะกินข่าวกับนักเรียนร่วมพันคน ต้องยืนต่อแถวซื้ออาหาร และที่สำคัญที่สุดคือผมเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี

            ปิดเทอมไปนานมันก็ต้องมีคิดถึงกับข้าวโรงอาหารกันบ้าง ผมตัดสินใจอยู่นานตั้งแต่เดินออกจากห้องเรียนจนถึงโรงอาหารกว่าจะเลือกได้ว่าเที่ยงนี้จะกินอะไร

            "กูกินบะหมี่หมูแดงนะ"

            "เออ กินด้วย"

            ผมคิดไว้ไม่ผิดว่าไข่ต้มมันต้องกินตาม แล้วก็เดาได้ด้วยว่าต่อไปมันจะพูดอะไร

            "เดี๋ยวกูไปซื้อให้ มึงไปจองโต๊ะ"

            "หาโต๊ะแม่งยากกว่ารอต่อแถวซื้ออีก"

            "เออน่า"

            "มึงจะกินน้ำอะไรเดี๋ยวกูซื้อให้"

            "น้ำเปล่า"

            "โอเค มึงก็ถือดีๆ ระวังหกลวกมือ"

            "มึงกินแห้งไม่ใช่เหรอ"

            "เออๆ ลืม"

            ไข่ต้มยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนเดินแยกออกไป ส่วนผมก็ต้องไปหาโต๊ะนั่ง แวะร้านน้ำซื้อน้ำเปล่าสองขวด เดินมาจนเกือบสุดเขตโรงอาหารก็เจอที่ว่าง มันเป็นที่ที่เรามักได้มานั่งกินบ่อยๆ เพราะค่อนข้างเงียบสงบและห่างไกล หลังจากได้ที่แล้วผมก็ไลน์บอกมัน และได้คำตอบกลับมาว่ากำลังจะถึงคิวพอดี

            "แกว่าพี่ไข่ต้มมีแฟนหรือยังวะ"

            ระหว่างที่กำลังนั่งรอบะหมี่หมูแดงโต๊ะข้างหลังก็ทำเอาหูผึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดโต๊ะนั้นมีน้องผู้หญิงนั่งกันแค่สองคน เธอกำลังนินทาเพื่อนผมระยะประชิดโดยไม่คำนึงถึงเลยว่าผมจะได้ยินหรือเปล่า หรือไม่พวกเธออาจจะลืมไปว่าที่แสนไกลตรงนี้มันห่างจากเสียงจอแจ แม้จะคุยกันด้วยน้ำเสียงปกติที่พอให้ได้ยินกันแค่สองคนแต่คนหูดีอย่างผมก็ยังได้ยินอยู่ดี

            "พี่ไข่ต้ม ม.หก อะนะ"

            "เออ นั่นแหละ คนที่น่ารักๆ"

            "ทำไมอะ แกชอบเหรอ"

            "แค่ปลื้มๆ แบบรุ่นพี่ไรงี้ แต่สงสัยว่าพี่เขามีแฟนหรือยังดูเหมือนคนจะจีบเยอะ"

            "อ้าว แฟนพี่เขาไม่ใช่คนที่ตัวติดกันตลอดหรอกเหรอ"

            ประโยคนี้ของน้องเขาทำเอาผมสะดุ้ง อะไรยังไง ในโรงเรียนนี้มีคนคิดว่าผมกับไข่ต้มเป็นแฟนด้วยกันเหรอ ได้ยินแล้วมันก็แอบภูมิใจอยู่เล็กๆ

            "ไม่ใช่เว้ยแก แค่เพื่อนสนิท ไปสืบมาแล้วเรียบร้อย"

            "อ้าวเหรอ ดูเหมาะสมกันดีออก"

            ผมล่ะอยากมอบรางวัลให้น้องคนที่พูดจาเข้าหูคนนี้จริงๆ นอกจากตาถึงแล้วยังฉลาดอีก ยกให้เป็นประโยคดีเด่นของปีการศึกษานี้ไปเลย

            "ว่าแต่พี่เขาชื่ออะไรนะ"

            ถ้าเป็นในละครจากที่นั่งยิ้มคล้ายคนบ้าเจอน้องเขาทักแบบนี้ผมคงชะงักหน้าทิ่มโต๊ะ เสียงนี้ผมจำได้ว่าเป็นของน้องเบอร์สองที่บอกว่าผมกับไข่ต้มเหมาะสมกัน อวยกันมาตั้งนานสองนานดันไม่รู้ชื่อผมซะงั้น เดี๋ยวก็ยึดรางวัลคืนซะเลย เอาเป็นว่าให้น้องอีกคนตอบแทนก็แล้วกัน

            "พี่เขาชื่อ..."

            ชื่อ...

            "จำไม่ได้ว่ะ"

            "เอ้า!"

            ขอบคุณที่ไม่มีใครจำชื่อผมได้สักคน

            "ก็สนใจแต่พี่ไข่ต้มคนเดียวอะ ทำไงได้"

            "เพื่อนเขาก็ต้องสนใจด้วยดิ"

            "เดี๋ยวไปสืบก่อน"

            "รู้แล้วมาบอกด้วย"

            "โอเค"

            แล้วประเด็นเรื่องแฟนของพี่ไข่ต้มคนน่ารักก็จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อไม่มีใครจำชื่อผมได้ พวกเธอลุกจากโต๊ะเดินผ่านหน้าผมเพื่อเอาจานไปเก็บ แล้วดูเหมือนว่าเธอสองคนเพิ่งจะสังเกตเห็นผมล่ะมั้งเลยพากันทำหน้าตื่นก่อนรีบเดินหนีไป แสดงว่าที่นินทากันเมื่อกี้ไม่คิดว่าเจ้าของเรื่องจะนั่งฟังอยู่ด้วยสินะ แต่ไม่เป็นไรผมให้อภัย ยังไงเขาก็ชมไม่ได้ด่า คราวหน้าจำชื่อผมให้ได้ก็พอ

            สองสาวขาเม้าท์ลุกไปได้แป๊บเดียวไข่ต้มก็เดินสวนมาพร้อมบะหมี่หมูแดงสองชาม มันนั่งลงตรงข้ามผม อมยิ้มแล้วดันชามบะหมี่มาให้ ผมก็ดีใจที่มันกลับมาอย่างปลอดภัย แล้วก็โล่งใจที่มันมาไม่ทันได้ยินรุ่นน้องสองคนนั้นพูดถึงมัน

            "กูปรุงให้แล้วนะ เหมือนเดิม"

            "ดีมาก" ผมเลื่อนน้ำไปให้มัน ก่อนหยิบตะเกียบกับช้อนคนบะหมี่ให้เข้ากัน

            ไข่ต้มมันทำผมซึ้งใจตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน เราต่างผ่ายต่างรู้ว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร หรือจะเรียกว่าคนรู้ใจก็ได้ จึงไม่แปลกที่คำว่า 'เหมาะสมกัน' ของน้องคนนั้นจะยังดังก้องอยู่ในหัวผม เพราะบางครั้งเราก็ต้องให้กำลังใจตัวเองถึงจะมีความสุข ถึงความสุขนั้นมันจะไม่ยั่งยืนก็เถอะ

            เวลาที่เราใช้กับเรื่องกินมักจะผ่านไปเร็วเสมอ อยากรีบกินรีบไปก็ส่วนหนึ่ง เพราะชอบกินเลยกินเร็วก็ส่วนหนึ่ง ผ่านไปแค่สิบนาทีบะหมี่หมูแดงก็หมดเกลี้ยง

            "กูจะไปซื้อผลไม้ มึงเอาอะไรมั้ย"

            "ไม่เอาอ่ะ งั้นกูเอาจานไปเก็บให้ เจอกันหน้าโรงอาหาร"

            ตกลงกันได้เราก็เดินแยกกันไปคนละทาง เก็บจานแล้วผมก็มารอมันที่จุดนัดพบ ในใจรู้สึกโหวงๆ บอกไม่ถูกเหมือนจะเกิดเรื่องเลยต้องหันกลับไปมองที่ร้านขายผลไม้เป็นระยะ มองอยู่สองสามรอบแล้วก็พบกับกลุ่มนักเรียนที่ยืนมุงกันอยู่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่มุงซื้อผลไม้แน่ๆ

            ตาซ้ายผมกระตุกถี่ๆ มันบอกให้รีบหันหลังแล้วเดินไปยังจุดที่โดนมุง แล้วก็แจ็กพอตจนได้ เพราะคนที่อยู่กลางวงนั้นคือเพื่อนสนิทผมเอง

            ไอ้ไข่ต้มกำลังยืนกอดอกหน้าตึงเหมือนพร้อมมีเรื่องกับฝ่ายตรงข้ามที่เอาแต่ยิ้ม แต่จริงๆ แล้วผมว่ามันคงอยากหาทางออกมาจากตรงนั้นเร็วๆ มากกว่า

            ผมพยายามแทรกฝูงชนเพื่อเข้าไปกลางวง ส่วนมากที่มุงกันอยู่จะเป็นสาวๆ แต่ที่ทำให้วงมันใหญ่ขึ้นคือคนที่เดินผ่านไปมาแล้วหยุดดู เพราะฉะนั้นต้องรีบจบเรื่องก่อนมันจะกลายเป็นจุดสนใจมากกว่านี้

            "มีอะไรก็รีบพูดมาเลยครับ"

            คนอื่นเห็นหรือเปล่าไม่รู้แต่สำหรับผมไข่ต้มมันกำลังสร้างกำแพงประจำตัวมันขึ้นมา เปลือกไข่ตอนนี้หนาพอที่จะดันทุกคนออกห่าง รวมถึงน้องคนนั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันด้วย

            รุ่นน้องผู้ชายที่อยู่ ม.4

            มองตาก็รู้แล้วว่าน้องคนนั้นอยากพูดอะไร แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมต้องทำอะไรโจ่งแจ้งในที่สาธารณะแบบนี้ ทำตัวเด่นตั้งแต่วันเปิดเทอม และเป็นคนแรกที่เข้ามาอย่างเปิดเผยเหมือนอยากให้คนทั้งโรงเรียนรับรู้ ซึ่งการทำแบบนี้ไม่เป็นการดีเลยสักนิด ผมบอกได้ตั้งแต่น้องยังไม่ทันสารภาพเลยว่า เสียใจด้วยคุณไม่ได้ไปต่อ

            "ผมชอบพี่ครับ" และน้องเขาก็ตอบอย่างไม่ปิดบัง เสียงกองเชียร์ร้องแซวจนผมเห็นแล้วรำคาญ น้องมันมีแบ็คอัพดีนี่เองถึงได้กล้าทำอะไรเปิดเผยแบบนี้

            ผมออกไปยืนข้างไข่ต้ม มันหันมามองแวบหนึ่งแล้วทำหน้าลำบากใจใส่ มันคงรำคาญแต่จะให้พูดแรงๆ ใส่ตอนคนมุงเยอะๆ แบบนี้ไม่ใช่นิสัย ไม่ได้กลัวว่าจะถูกมองไม่ดี แต่กลัวว่าฝั่งตรงข้ามจะอายชาวประชาที่มุงอยู่มากกว่า นี่คือข้อเสียของมันที่ชอบห่วงชาวบ้านมากเกินไปหน่อย แม้ส่วนใหญ่จะโหดใส่ต่อหน้าแล้วไปใจดีอยู่ลับหลังก็ตาม

            "คำตอบล่ะครับ"

            "น้องยังไม่ได้ถามอะไรพี่เลยนะ"

            "โอเคครับ งั้นเอาใหม่"

            น้องเขาหัวเราะเบาๆ ถ้าผมจำไม่ผิดเด็กคนนี้น่าจะชื่อจิม อยู่วงโยธวาทิต ตัวสูงหน้าตาโอเค ชื่อเสียงก็พอใช้ได้ ผมหมายถึงเจ้าชู้ใช้ได้ สายตาแพรวพราวมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องเขาจะสนใจไข่ต้มด้วย หรือไม่บางทีอาจจะเข้ามาหยอกเล่นๆ ตามประสาหนุ่มฮอต ได้ไม่ได้มันก็อีกเรื่อง พอคิดแบบนี้แล้วก็ชักจะมีอารมณ์นิดๆ

            "เป็นแฟนผมนะครับพี่ไข่ต้ม" แล้วคำถามก็ถูกโยนมาให้ตามที่ขอ

            ผมล่ะอยากออกตัวแทนคนข้างๆ จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าไข่ต้มมันดูคันไม้คันมือคันปากอยากจะพูด ซึ่งการให้มันแก้ปัญหาเองย่อมดีที่สุดแล้ว

            "ไม่ได้ครับ"

            "ทำไมล่ะครับ พี่ก็ยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ ลองคบกันก่อนก็ได้"

            "ใครบอกว่าพี่ไม่มีแฟน"

            ผมหันขวับมองหน้าเพื่อนสนิท อย่าบอกนะว่าคราวนี้ก็จะเล่นมุกมีแฟนแล้วอีก ไม่คิดว่าใช้มุกนี้บ่อยไปหน่อยเหรอ

            "งั้นบอกผมหน่อยสิว่าใครแฟนพี่"

            "มันไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องป่าวประกาศ"

            "งั้นก็แสดงว่ายังไม่มี"

            "แค่ไม่เห็นอย่าตัดสินว่ายังไม่มีสิครับ อีกอย่างถึงพี่ไม่มีแฟนก็ไม่เอาน้องเป็นแฟนแน่นอน หมดเรื่องที่ต้องคุยแล้วเนอะ" ไข่ต้มยิ้มส่งท้ายก่อนเดินฝ่าฝูงชนออกมาโดยไม่รอฟังว่าน้องจิมจะพูดอะไรต่อ

            ผมเดินตามมันมาติดๆ ได้ยินเสียงเซ็งแซ่ไล่หลังแต่ฟังไม่ได้ศัพท์ว่าพูดอะไรกัน คงหนีไม่พ้นวิพากษ์วิจารณ์ไปตามความคิดเห็นของตัวเอง

            สำหรับผมคิดว่าครั้งนี้ไข่ต้มทำได้ค่อนข้างดี อย่างน้อยก็น่าจะกันไม่ให้น้องจิมเข้ามาวุ่นวายอีกได้ รวมถึงหลายๆ คนที่คิดจะเข้าหามันในเชิงนี้ แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือกลัวมันโดนเกลียด คนชอบเยอะคนเกลียดก็ย่อมมี คิดว่าสักวันนางอิจฉาต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน แล้วผมก็จะเป็นพระเอกที่คอยปกป้องมันเอง

            เราเลือกที่จะกลับขึ้นห้องเรียนเพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย ไข่ต้มไม่ได้ผลไม้กลับมาเพราะคงถูกขวางไว้ก่อนจะได้ซื้อ มันเลยดูหงุดหงิดมากเป็นเท่าทวีเพราะไม่ได้ของกินอย่างที่ต้องการ

            "เอาไป แก้หงุดหงิด" ผมโยนลูกอมที่ค้นเจอในกระเป๋าให้

            ไข่ต้มรับไว้แล้วแกะกินทันทีทั้งที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่ แล้วหน้ามันจะไม่ตึงแบบนี้ไปทั้งบ่ายเลยหรือไง

            "มึงใช้มุกนี้บ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดหรอก" แม้ไม่อยากจะพูดถึงสักเท่าไรแต่จะปล่อยผ่านไปเลยก็คงไม่ได้ ผมติดใจประเด็นนี้ที่สุด อยากรู้เหมือนกันว่าแฟนที่มันอ้างถึงคือใคร

            "มุกไหน มีแฟนอะนะ"

            "เออ"

            "ก็ไม่ใช่มุกนี่หว่า"

            "ไม่ใช่มุก?"

            "อืม"

            "หมายความว่าไงวะ" ใจผมวูบจนเหมือนจะไม่สามารถคุมสีหน้าให้เป็นปกติได้ ถ้าไม่ใช่มุกแล้วคืออะไร ที่มันพูดคือเรื่องจริงงั้นเหรอ เรื่องที่มันเคยบอกผมกลายเป็นความจริงแล้วอย่างนั้นเหรอ

            "กูไม่ได้จะปิดบังอะไรมึงนะ คือกูเพิ่งตกลงคบกับเขาเมื่อวันก่อนนี้เอง"

            "คนที่มึงบอกว่ากำลังคุยอะนะ"

            ไข่ต้มพยักหน้ารับ ผมจำได้แม่นว่าก่อนหน้านี้มันบอกว่ากำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่ ผมรู้แค่นั้นแล้วก็ดาวน์ไปประมาณหนึ่งวัน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก ผมไม่ได้ลืม แต่ไม่คิดว่าคนคนนั้นจะสามารถทลายกำแพงและพัฒนาความสัมพันธ์กับมันถึงขั้นคบเป็นแฟนได้ ซึ่งผมคิดผิดอย่างมหันต์

            "มึงโกรธป้ะเนี่ย คือกูตั้งใจจะบอกมึงอยู่"

            ผมอยากจะตอบไปว่าโกรธอยู่หรอก แต่ในฐานะอะไรล่ะ ฐานะเพื่อนสนิทที่ถูกปิดบังก็คงพอได้อยู่ แต่จริงๆ แล้วผมเสียใจมากกว่า เสียใจและเจ็บมากๆ ที่อกหัก แต่ต้องฝืนทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร

            "ถ้าจะโกรธคงโกรธที่มึงบอกกูช้านี่แหละ"

            "แต่กูบอกมึงคนแรกเลยนะ"

            "คนแรกที่ไหน ก็รู้พร้อมคนทั้งโรงเรียนเลย"

            "ไม่งอนดิวะ" มันเข้ามาคว้าแขนผมไว้ อย่างน้อยก็พอให้ใจชื้นอยู่บ้างที่มันยังแคร์ความรู้สึกผมอยู่ แม้จะในฐานะเพื่อนสนิทก็ตาม

            "แล้วจะบอกกูได้ยังว่าแฟนมึงเป็นใคร"

            ไข่ต้มยิ้มแหยไม่รู้เขินหรือเป็นอะไร มันปล่อยมือจากผมแล้วกลับมาทำสีหน้าปกติ แต่เพราะอยู่ด้วยกันมานานผมถึงมองออกว่าตอนนี้มันกำลังยิ้ม

            ดวงตาของมันกำลังยิ้มอย่างมีความสุข

            "พี่อ๋อง"


TBC.

 
เปิดตัวแฟนไข่โต้มมมมมม
ส่วนชื่อน้องพระเอกนั้น มีนะคะ แต่ยังไม่ได้เวลาเท่านั้น อย่าเพิ่งเบื่อน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 8 น้องจิมวงโยธวาทิต <<< [06/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-10-2018 23:53:23
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 8 น้องจิมวงโยธวาทิต <<< [06/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-10-2018 09:12:07
เอ้า ไหนว่าไม่ชอบเค้าไงงงง แง้
ระหว่างนี้อยากให้พระเอกมีแฟนด้วยเลย
หรือคนคุยก็ได้
รออย่างเดียวมันท้อ ดิ่งอีก
ค่อยมาคบกันในเวลาที่เหมาะสมก็ได้
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 8 น้องจิมวงโยธวาทิต <<< [06/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 08-10-2018 02:32:47
อ่านละจุกแทนพระเอกเลยอ่ะ ไข่ต้ม ไหนบอกตอนนั้นไม่โอเคไงงงง ฮื่อออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 8 น้องจิมวงโยธวาทิต <<< [06/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 08-10-2018 03:39:11
โถ่ถังกะมังหม้อ สงสารเพื่อนไข่ต้มเลย  :ling2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 8 น้องจิมวงโยธวาทิต <<< [06/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-10-2018 09:51:48
สงสารเพื่อนไข่ต้มอ่ะ โอยยยยยยยยยยย TT
แยกกันเรียนมั้ยมหาลัยไม่ต้องอยู่ด้วยกันแล้ว
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 13-10-2018 22:02:10

ไข่ฟองที่ 9
ที่ปรึกษาซีอิ๊ว


            ผมควรจะดีใจ ใช่ มันควรจะเป็นอย่างนั้น แต่พอรู้ว่าคนที่มันกำลังคุยถึงขั้นได้พัฒนาเป็นแฟนคือใครผมกลับยิ้มไม่ออก ไม่แม้แต่จะพูดแสดงความยินดีเลยด้วยซ้ำ ผมแค่พยักหน้าและรับคำสั้นๆ โดยไม่พูดอะไรอีก ไม่ถามด้วยว่าพี่เขาเป็นยังไงบ้าง ดีกับมันไหม หรือแสดงท่าทีอะไรให้มันทุกข์ใจหรือเปล่า เพราะผมไม่อยากจะรับรู้อะไรเลย

            หลังจากยอมรับสารภาพออกมาไข่ต้มมันดูกังวลกับท่าทางที่ผมแสดงออกไม่น้อย มันไม่ได้พูดหรือถามอะไรแต่สีหน้ามันบอกแบบนั้น ความอึดอัดเข้ามาแทนที่ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้มันไม่อยากพูด เหตุเพราะบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างเราสองคน

            ผมอยากทำตัวให้เป็นปกติเพราะไม่อยากให้มันสงสัย หลังจากพอทำใจได้เลยพยายามชวนมันคุย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ช่วยให้บรรยากาศระหว่างเราดีขึ้นเท่าไร จนในที่สุดไข่ต้มมันก็ถามออกมา

            "มึงไม่ชอบพี่อ๋องเหรอวะ"

            "ทำไมมึงคิดแบบนั้น" สิ่งที่ผมถามกลับไปมันอาจจะดูโง่ไปหน่อย แสดงออกว่าไม่โอเคขนาดนั้นเป็นใครก็ต้องคิด ยังดีที่มันไม่สงสัยไปในทางอื่น

            "มึงดูไม่ชอบใจ"

            "กูเปล่า"

            "แต่แววตามึงบอกแบบนั้น มึงเงียบ มึงทำตัวไม่ปกติ ทำไมวะ ก่อนหน้านี้มึงยังบอกให้กูลองเปิดใจอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้มึงถึงเป็นแบบนี้" ไข่ต้มเริ่มขึ้นเสียงใส่ มันโกรธ แน่ล่ะ ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมมันกลับกลอก เสนอให้มันทำแต่พอเอาเข้าจริงกลับรับไม่ได้

            "กูไม่ได้เป็นอะไร"

            "อย่ามาโกหก" มันบอกอย่างไม่เชื่อ ใช้สายตาเชือดเฉือนที่น้อยครั้งผมจะได้รับ เพราะถ้าไม่โกรธจริงๆ มันไม่มีทางมองผมด้วยสายตาแบบนี้แน่นอน อีกอย่างเราจะมาทะเลาะด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ผมยังไม่อยากโดนเกลียดทั้งที่ยังไม่ได้บอกรักมันเลย

            "จริงๆ นะเว้ย กูก็ช็อกบ้างได้มั้ยล่ะ ใครจะไปคิดว่าเป็นพี่อ๋อง มึงไม่เห็นบอกกูเลย"

            "กูก็บอกมึงไปแล้วไงว่ากำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่"

            "แต่มึงก็ไม่ได้บอกอยู่ดีว่าเป็นใคร"

            "ก็รู้แล้วไงตอนนี้"

            "เออ โอเค กูผิดก็ได้ มึงจะคบใครก็เรื่องของมึง มึงจะบอกกูตอนไหนก็เรื่องของมึง หรือจะเลิกกันเมื่อไรก็เรื่องของมึงเหมือนกัน"

            จากเสียใจกลายเป็นโมโห เป็นบ้าอะไรอารมณ์ผมถึงได้แปรปรวนขนาดนี้ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือคำพูดของผมทำเอาไข่ต้มถึงกับนิ่งไปเลย มันไม่เถียงไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น เงียบและหันหน้าหนี กลับกลายเป็นผมที่รู้สึกผิด อยากจะตบปากตัวเองแรงๆ หลายๆ ครั้งที่พูดอะไรออกไปไม่ทันคิด ตัวเองยังรู้สึกไม่ดีขนาดนี้แล้วคนฟังจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่เพื่อนคนเดียวของมันไม่แม้แต่จะยินดี ซ้ำยังทำให้อะไรๆ ดูเลวร้ายลงไปอีก ผมน่าจะเข้มแข็งกว่านี้ ถ้าผมยิ้มไม่ทำเป็นนิ่งตั้งแต่แรกมันคงจะดีกว่านี้

            สุดท้ายก็ทะเลาะกันจนได้

            ผมกับมันทะเลาะกันไม่บ่อย สนิทกันอยู่สองคนถ้าทะเลาะกันบ่อยๆ จะให้หนีไปอยู่กับใคร เดี๋ยวก็โดนเพื่อนในห้องถามจนเป็นเรื่องใหญ่โต สิ่งที่เราทำจึงเป็นการนิ่งเงียบใส่กัน ให้อารมณ์เย็นลงสักนัด ให้ได้คิดทบทวนกันอีกสักหน่อย เมื่อกลับมาคุยกันอีกจะได้ไม่พูดคำที่จะทำร้ายอีกฝ่ายออกไป แล้วทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิม

            เราจะกลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม

 

            ทั้งคาบบ่ายเราไม่ได้เปิดปากคุยกันสักคำ จนกระทั่งเลิกเรียน ต่างคนต่างเก็บของ เป็นจังหวะที่ได้สบตากันในรอบหลายชั่วโมง แต่รับรู้ได้เลยว่าบรรยากาศอึดอัดก่อนหน้านี้มันได้หายไปแล้ว

            "มึงจะกลับเลยมั้ย" ผมเป็นฝ่ายเปิดปากพูด และได้รับคำตอบเป็นเสียงครางเบาๆ ในลำคอ

            "อืม"

            "กลับพร้อมกันมั้ย"

            "อืม"

            "มึงหายโกรธกูได้แล้ว"

            "อืม"

            "ตอบแบบนี้หายโกรธตรงไหนวะ"

            ไข่ต้มไม่พูดอะไรอีก มันมองผมนิ่งๆ สายตาไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้ ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดี ก็นะ เราสองคนเคยโกรธกันนานที่ไหน โดยเฉพาะผมที่ไม่เคยโกรธมันจริงจังลงเลยสักครั้ง

            "กูขอโทษ อย่าโกรธนานดิ" ผมแบมือไปตรงหน้ามัน เวลาขอคืนดีตอนทะเลาะกันหนักๆ ชอบทำแบบนี้

            "กูขอโทษมึงเหมือนกัน" แล้วมันก็วางมือลงบนมือผม

            ผมบีบมือมันเบาๆ ครั้งหนึ่งก่อนปล่อยออก หัวใจไม่เหี่ยวเฉาเหมือนเดิมเลยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเยอะ แต่เพราะเพิ่งคืนดีเราเลยไม่ยอมยิ้มให้กันเพราะต่างฝ่ายต่างยังไว้ฟอร์มกันอยู่ เดี๋ยวเริ่มคุยไปสักพักก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมเอง

            "เหมือนหมาเลยแม่ง" ไข่ต้มบ่น ถึงอย่างนั้นเวลาผมขอมือแบบนี้มันก็ยอมยกให้ทุกครั้ง

            "เป็นหมาก็น่ารักนะมึง"

            "แต่มึงไม่ใช่เจ้าของกูแน่ๆ"

            "ใช่ซี้" ผมทำเสียงสูงใส่ ถ้าเป็นคนอื่นคงแดกดันต่อไปแล้วว่าไม่ใช่แฟนมันนี่ แต่เพื่อความปลอดภัยของความรู้สึกผมขอเลี่ยงประโยคแบบนั้นดีกว่า พูดไปจะทำให้ปวดใจเปล่าๆ

            "เพราะมึงเป็นหมาเหมือนกู" มันว่าต่อ

            "เออ หมาก็หมา" อย่างน้อยหมาเหมือนกันก็ได้กันเอง แต่ถ้าเป็นเจ้าของที่เป็นคนจะเอาหมามาเป็นเมียไม่ได้เด็ดขาด ฉะนั้นอย่างไอ้พี่คนนั้นที่ไข่ต้มยกให้เป็นเจ้าของไม่มีวันได้กินมันแน่นอน

            พอดีกันแล้วอะไรๆ มันก็ดีไปหมด แม้สถานะที่กำลังคบหากับใครบางคนของเพื่อนสนิทจะทำให้ผมเจ็บปวดใจ แต่ผมขอสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะพยายามไม่นึกถึง จะทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิม จะสนับสนุนความรักของมันเท่าที่จะทำได้แม้จะไม่อยากทำเท่าไรก็ตาม และสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด หากวันไหนใครคนนั้นทำให้ไข่ต้มต้องเสียใจผมจะเคลื่อนไหวแน่ ไม่ใช่ว่าจะไปเอาคืนด้วยการต่อยหน้าแรงๆ ให้ปากแตก แต่ผมจะไม่มีทางปล่อยเพื่อนผมคนนี้ให้หลุดมือไปอีกครั้ง   

            หากวันนั้นมาถึงเมื่อไร มันจะเป็นยังไงก็เป็นกัน

 

            ผมกลับมาถึงร้านขนมป้าสมพรด้วยสภาพอับเฉาไร้ชีวิตชีวาหลังจากแยกกับไข่ต้ม เอาเข้าจริงทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่คิดแต่ในหัวผมกลับมีแต่เรื่องของไข่ต้มกับพี่อ๋อง อยากรู้ว่าสองคนนั้นเวลาคุยกันเป็นยังไง เพื่อนผมมันเขินไหม แล้วเวลามันเขินตอนคุยกับแฟนจะทำยังไง แก้มจะแดงหรือเปล่า จะพูดจาน่ารักให้รู้สึกจั๊กจี้เวลาฟังบ้างไหม พอคิดแบบนั้นแล้วทั้งอิจฉาทั้งเศร้า ทำไมผมถึงโชคร้ายได้เกิดมาเป็นเพื่อนมันด้วยก็ไม่รู้ ดีอย่างเดียวที่ได้ใกล้ชิด แต่กลับคิดเกินเลยไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน

            ตอนนี้เป็นช่วงคนเลิกงานที่ร้านลูกค้าเลยเยอะเป็นพิเศษ ด้วยความเป็นเด็กดีแม้ใจจะบอบช้ำผมเลยเข้าไปช่วยขาย พอลูกค้าซาก็ขอตัวขึ้นห้อง แอบเอาขนมขึ้นมากินด้วยเพราะหิวมาก หิวจนไม่สามารถรอเวลามื้อเย็นได้

            เปิดประตูเข้าห้องได้ผมก็โยนกระเป๋าทิ้งไว้ข้างเตียงแล้วล้มตัวลงนอน ทำตัวเป็นพระเอกซีรีย์รักวัยรุ่นยามอกหัก แต่ทำอารมณ์เศร้าได้ไม่นานโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขัดจังหวะ

            หรือว่าจะเป็นไอ้ไข่ต้ม

            ผมรีบล้วงมือเข้าไปหยิบมือถือในกางเกงขึ้นมาดู แอบดีใจไปแล้วล่วงหน้าแต่พอเห็นชื่อที่โชว์อยู่กลับต้องผิดหวัง นอกจากจะไม่ใช่ไข่ต้มแล้ว ยังเป็นคนที่ผมไม่อยากจะคุยด้วยอีก แน่ล่ะ คนมีแฟนก็ต้องไปคุยกับแฟนอยู่แล้วจะโทรหาเพื่อนสนิทที่เพิ่งแยกกันไม่กี่ชั่วโมงไปทำไม

            มัวแต่ตัดพ้ออยู่ในใจนานจนสายตัด คราวนี้พี่ผมเปลี่ยนจากโทรธรรมดามาเป็นวิดีโอคอล ไม่รู้ว่าอยากเห็นหน้าเศร้าๆ ของน้องชายคนนี้นักหรือไง

            ผมกดรับสายแล้วเงียบใส่ หน้าบวมๆ ของพี่สาวเพราะกินมากไปปรากฏขึ้นบนหน้าจอ พี่ซีอิ๊วยิ้มกว้าง ทั้งที่รู้ว่าผมไม่ค่อยอยากคุยด้วยก็ยังจะโทรมา อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง

            [ไง ทำหน้าบูด]

            "ปกติคุยกับพี่ก็ไม่เคยยิ้มนะ"

            [เหรอ แล้วกลับถึงบ้านนานยัง]

            "เพิ่งถึง"

            [เปิดเทอมวันแรกเป็นไง]

            "ก็ดี"

            พี่ซีอิ๊วหรี่ตาทำหน้าทำตาเหมือนจะจับผิดผม ไม่ทราบว่าเป็นผู้ปกครองหรือไงถึงได้โทรหาเนื่องในโอกาสเปิดเทอมวันแรก ขนาดแม่ยังไม่เห็นถามเลยว่าไปโรงเรียนเป็นยังไง ผม ม.6 แล้วนะ โตแล้ว

            [แต่ดูหน้าเศร้าๆ นะเรา] แล้วก็รู้ดีไปอีก

            ผมไม่ตอบอะไร ใจอยากจะกดตัดสายไปเลยด้วยซ้ำเพราะไม่มีอารมณ์จะคุย แต่เห็นว่าเป็นพี่สาวหรอกถึงได้ยอม อย่างมีน้อยมีคนคอยเป็นห่วงในวันที่รู้สึกแย่มันก็ดี ถึงจะห่วงแบบทีเล่นทีจริงก็เถอะ

            [เป็นอะไรมา โดนใครแกล้ง]

            "ใครจะมาแกล้ง"

            [ก็ไม่แน่ ถ้าโดนแกล้งรีบบอกเลยนะ พี่จะไปจัดการ]

            "พี่ซีอิ๊วเลอะเทอะว่ะ ว่าแต่โทรมาทำไมเนี่ย ถ้าจะถามว่าโรงเรียนเป็นไงก็แค่นี้นะ"

            [คิดถึงไง อยากโทรหาน้องชายบ้างไม่ได้เหรอ]

            "คิดถึงได้จริงใจมาก ขอบคุณครับ"

            ผมประชดแต่พี่สาวคงไม่สำนึก แถมยังยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่ก็เอาเถอะ คุยกับพี่ซีอิ๊วก็สนุกเหมือนประสาทจะกินดี

            พี่ซีอิ๊วยังทำตัวกวนประสาทผมไปเรื่อยจนเบื่อจะฟัง กวนมาผมก็กวนกลับ มีด่ากันบ้างตามประสาพี่น้อง เห็นแบบนี้ถึงผมจะไม่ชอบพี่คนนี้เป็นบางทีแต่ผมก็รักพี่มันนะ อารมณ์แบบทั้งรักทั้งเกลียด

            [แล้วนี่จีบไข่ต้มไปถึงไหนแล้ว] คุยออกนอกทะเลแบบหาไร้สาระไม่เจออยู่ดีๆ พี่ซีอิ๊วก็วกกลับมาเรื่องไอ้ไข่ต้มเสียอย่างนั้น นี่แหละที่ผมเกลียด

            "ไม่ได้จีบ"

            [อย่ามาหลอก ยอมรับได้แล้ว เดี๋ยวก็ได้อกหักจริงๆ หรอก]

            แล้วทำไมต้องมาซ้ำเติม ถึงจะพูดด้วยความไม่รู้ผมก็ถือว่านี่คือการซ้ำเติม ไอ้พี่บ้าเอ้ย!

            [อย่าบอกนะ...]

            "อะไร" ผมสวนขึ้นก่อนพี่ซีอิ๊วจะได้พูดต่อ

            อย่าเชียวนะ อย่าพูดอะไรที่มันกระทบกระเทือนจิตใจออกมาเชียวนะ ไม่งั้นตัดสายทิ้ง และจากนี้ไม่รับสายจากพี่อีก นี่ไม่ใช่การขู่

            พอโดนผมขัดพี่ซีอิ๊วก็ไม่พูดอะไรต่อ ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ แล้วมันยังทำให้หน้าที่บวมอยู่แล้วบานขึ้นไปอีก แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มอบอุ่นที่มักมาถูกจังหวะเสมอ รอยยิ้มที่มอบให้เพื่อปลอบใจน้องชายอย่างผม และเป็นตอนนี้เท่านั้นที่ผมจะสามารถพูดสิ่งอยู่ในใจออกไปได้

            "พี่...ถามไรหน่อยดิ"

            [ว่ามา]

            ความสัมพันธ์ของพี่น้องมักมีความผูกพันที่ตัดไม่ขาด ถึงผมกับพี่จะทะเลาะกันเป็นส่วนใหญ่ และผมก็เกลียดพี่ เกลียดความรู้ดี เกลียดสายตา เกลียดรอยยิ้ม แต่ยังไงคนที่ผมพอจะปรึกษาปัญหาชีวิตได้ก็มีไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นคือพี่ซีอิ๊ว

            "ถ้าเกิดชอบเพื่อนสนิทขึ้นมาจะทำยังไง"

            [ปัญหาโลกแตก] พี่ซีอิ๊วสวนกลับมาทันที ก็เพราะมันเป็นปัญหาโลกแตกนี่ไงผมถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้ เหมือนกับคำถามที่ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน

            ผมพลิกตัวนอนคว่ำหลังจากนอนหงายถือโทรศัพท์ค้างไว้จนเมื่อย เรื่องความรักแสนเศร้าอย่างที่ผมเผชิญอยู่ก็มีคนที่โชคดีอยู่ไม่น้อย เพื่อนสนิทเกิดรักกันขึ้นมาก็มีอยู่มาก แต่โชคดีนั้นมันจะเกิดขึ้นกับผมบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

            [ทำไมไม่ลองสารภาพดูล่ะ]

            "สารภาพไปแล้วจะไม่โดนเกลียดเอาเหรอ เพื่อนคนนี้ไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าหาเชิงชู้สาว ใครมาจีบก็โดนปิดประตูใส่หมด เป็นคนที่มีกำแพงหนามากๆ คนอื่นยังโดนเกลียดได้ง่ายๆ แล้วเพื่อนสนิทที่ดันคิดไม่ซื่อจะเหลือเหรอ"

            [เจองานหนักซะแล้วแฮะ]

            "แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนใจดีนะ เห็นชอบทำหน้าบึ้งเมินใส่คนอื่น ปฏิเสธแบบไร้เยื้อใยแต่เพราะมันไม่อยากให้คนพวกนั้นต้องเสียเวลาเลยทำแบบนั้น แล้วก็เหมือนจะเป็นคนคิดมากอยู่หน่อยๆ ทุกครั้งที่มันปฏิเสธคนอื่นก็กลัวเขาเสียใจ เป็นคนที่โคตรน่ารักเลย"

            ยอมรับแบบไม่ปิดบังเลยว่าผมอวยเพื่อนตัวเอง คนอื่นจะคิดยังไงไม่รู้แต่ผมคิดแบบนี้ รักไปแล้วหลงไปแล้ว ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ว่าดีไปหมด ถ้ามันไม่ทำอะไรโหดร้ายจนเกินจะรับได้

            [แล้วเพื่อนคนนั้นมีท่าทีว่าจะชอบเราบ้างมั้ย]

            "ไม่รู้เหมือนกัน" บอกตามตรงว่าผมดูไม่ออก เราสนิทกัน เป็นห่วงเป็นใยกันเพราะคำว่าเพื่อน ผมเลยไม่กล้าคิด และไม่อยากเข้าข้างตัวเอง แถมตอนนี้มันยังมีคนที่มันชอบแล้วด้วย

            [ถ้าแบบนั้นทำไมไม่ลองเสี่ยงดูไปเลยล่ะ]

            "ตอนแรกก็เคยคิดอยู่ แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว"

            [ทำไมถึงไม่ทัน]

            "เพราะมันมีแฟนแล้ว"

            [อ้าว]

            พี่ซีอิ๊วทำหน้าเหวอ คงนึกไม่ถึงว่าไข่ต้มมันจะมีแฟนแล้วถึงได้ชอบแซวผมอยู่บ่อยๆ

            [ไม่เป็นไรนะ]

            "ไม่เป็นไรที่ไหนล่ะ"

            [ถ้าอยู่ด้วยจะกอดเลยนะเนี่ย]

            "ไม่ต้องเลย" บอกตามตรงผมก็อยากกอดใครสักคนแต่ทำปากแข็งไปงั้น

            พี่ซีอิ๊วส่งยิ้มบางๆ กลับมา นิ่งเงียบเหมือนใช้ความคิดอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มอีกครั้ง เป็นเหมือนกำลังใจที่พยายามจะส่งให้กัน

            [ถ้าเขามีเจ้าของแล้วก็คงต้องตัดใจแล้วล่ะ ค่อยๆ ทำใจไม่ต้องฝืน  รู้ว่ามันยากแต่ก็พยายามเข้านะ]

            "รู้แล้วน่า"

            [แต่ถ้าเขาเลิกกันเมื่อก็รอเสียบได้เลย]

            เรื่องนี้ก็ไม่ต้องบอกเหมือนกัน ส่วนถ้าเข้าไปดามใจแล้วมันจะเอาไม่เอาก็อีกเรื่อง ครั้งนี้ผมขอเดิมพันด้วยความสัมพันธ์ของเรา จะหวานชื่นหรือจะแตกหักคงได้รู้กัน หรือไม่ก็ยังเป็นแบบนี้เหมือนเดิม ไข่ต้มกับพี่อ๋องรักกันยาวนานไม่มีใครเข้าไปแทรกได้ ส่วนผมก็เป็นแค่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อต่อไป

            พี่ซีอิ๊วชวนคุยต่ออีกนิดหน่อยก่อนวางสาย แต่ส่วนหลังจะเรียกว่าคุยก็ไม่ถูกนัก เพราะหลังให้คำปรึกษาเสร็จผมก็โดนกวนประสาทเหมือนเดิม กลับมาเป็นพี่สาวจอมกวนเหมือนเดิม

            ถึงอย่างนั้นผมก็อยากขอบคุณพี่นะ แม้ตอนคุยจะไม่ได้พูดออกไป แต่คนที่เหมือนมีญาณวิเศษกับจิตสัมผัสแปลกๆ ก็เป็นคนที่คอยช่วยเหลือผมอยู่เสมอ

            ขอบคุณนะพี่ซีอิ๊ว ตอนนี้ผมสบายใจขึ้นมากเลย เพราะความกวนประสาทจนน่าหงุดหงิดของพี่แท้ๆ

            ขอบคุณมากนะครับ

 
tbc.

 
แอบรักเพื่อนสนิทมันเศร้าเน้อ ตอนแรกอยากแต่งให้ฮาๆ นะ
แต่พอแอบรักน้องพระเอกดันพาหน่วงซะงั้น
มาเอาใจช่วยพระเอกชื่อแพงกันเถอะค่ะ(ไม่ได้ชือแพงนะ ฮ่าๆๆ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 13-10-2018 23:28:05
จนตอนที่9แล้ว แต่เราก็ยังไม่รู้ชื่อพระเอก  :laugh:  ไข่ต้มนี่ดูน่ารักนุ่มนิ่มมากอ่ะ แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าน่ารักกกก นี่ก็หลงน้องด้วยอีกคนน
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 14-10-2018 01:22:27
สงสารพระเอกกกกกกก
ตกลงชื่อไร เต้าเจี้ยวแน่ๆ555552
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-10-2018 02:11:38
อยากจะจับห่อผ้าแล้วพาหนีไปไกลๆจากเพื่อนสนิทคนนั้น TT
แต่น้องก็คงไม่อยากไปใช่มั้ยคับ  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 14-10-2018 05:12:52
สงสารเจ้าพระเอกของเราจังแฮะ แต่ชะตากรรมคนแอบรักก็ทำได้แค่นี้แหละ 555
ว่าแต่ตอนที่ 9 แล้วก็ยังไม่หลุดชื่อออกมาอีก  :ling1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 14-10-2018 14:14:20
สงสารน้องพระเอกอะคือเป็นคนดีมากๆไม่น่ามาเจอเรื่องแบบนี้ ขอให้มีคนเข้ามาในชีวิตน้องบ้างเผื่อไข่ต้มจะรู้สึก แต่เอาจริงๆก็ไม่อยากให้คู่กับไข่ต้มอะ555555555ให้ไข่ต้มได้โดนปฏิเสธดูบ้าง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-10-2018 19:57:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Iamfew ที่ 14-10-2018 22:50:13
พี่ซีอิ๊ว น้องแม็กกี้หรอ ซอสแม็กกี้กับไข่ต้มอร่อยดี55
 :laugh:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 9 ที่ปรึกษาซีอิ๊ว <<< [13/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 19-10-2018 21:54:54
มารออ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 20-10-2018 19:01:35

ไข่ฟองที่ 10
พี่บำรุงคนขยัน


            ปกติวันหยุดเสาร์อาทิตย์ผมมักจะหาเรื่องชวนไข่ต้มไปเที่ยว อย่างกินข้าว เดินห้าง ดูหนัง กิจกรรมแสนธรรมดาสุดคลาสสิก แต่เมื่อวันหยุดของสัปดาห์แรกหลังเปิดเทอมมาถึงผมกลับไม่กล้าชวนมันเหมือนทุกที เพราะอะไรคงไม่ต้องบอก

            ก็นะ คนมีแฟนแล้วเขาอาจจะอยากใช้เวลาว่างอยู่แฟนมากกว่าเพื่อนอย่างผมก็ได้

            ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียงตั้งแต่ตื่นนอนตอนเก้าโมงเช้า เล่นมือถือ เล่นเกมจนเริ่มเบื่อ ใจอยากจะชวนไข่ต้มออกไปดูหนังแต่ก็ติดเหตุผลตามที่บอก เลยได้แต่กดดูเบอร์มันแล้วก็กดออกไปมาอยู่อย่างนั้น

            ช่วงนี้มีหนังน่าดูเข้าใหม่หลายเรื่อง ผมอยากดูแต่ก็ไม่อยากดูคนเดียว ตีกับความคิดตัวเองอยู่หลายรอบ บ้างก็ให้ทำสิ่งที่อยากทำ บ้างก็ให้หยุดความคิดเรื่องไข่ต้มไปเลย คิดเอาเองเหมือนคนบ้า จนสุดท้ายต้องตัดสินใจลุกจากเตียงก่อนความคิดจะตีกันไปมากกว่านี้

            เอาวะ ก็แค่ดูหนังคนเดียวจะเป็นอะไรไป

 

            ยังไม่ทันจะบ่ายโมงผมก็มาถึงโรงหนัง เป็นการเที่ยวในวันหยุดที่มาถึงห้างโคตรเร็ว เร็วกว่าทุกรอบที่เคยมากับไข่ต้มอีก แถมยังไม่มีการลีลาชักช้าแต่อย่างใด มาถึงก็ตรงไปชั้นโรงหนัง ผมดูรอบมาจากในเว็บแล้ว แค่ไปกดซื้อตั๋วแล้วนั่งรอเวลา

            วันนี้จะดูสักสองเรื่องตามประสาคนโสด

            ผมเดินไปยืนหน้าตู้ซื้อตั๋วโดยมีพี่พนักงานยิ้มหวานให้ กดเลือกรอบเลือกที่นั่งได้แล้วกำลังจะใส่โค้ดลดราคา โทรศัพท์ที่ถือดูโค้ดอยู่ก็มีแชตเด้งขึ้นมาจนเต็มหน้าจอ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงปัดทิ้งด้วยความเกรี้ยวกราด แต่เพราะมันเป็นแชตจากไอ้ไข่ต้ม มือมันเลยจิ้มเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็ว

            Egg : ตื่นยังมึง

            Egg : ทำไมวันนี้เงียบๆ

            Egg : ไม่ชวนกูไปเที่ยวไหนเหรอ

            Egg : หนังน่าดูเยอะมากเลยนะเว้ย

            Egg : ไปดูหนังกันมั้ย

            Egg : เรื่องไรดี

            ผมถลึงตามองข้อความบนหน้าแชตอย่างไม่อยากเชื่อ ช่างแม่งมันแล้วตั๋วหนัง ผมจิ้มออกจากหน้าจอซื้อก่อนเดินหันหลังออกมานั่งที่โซฟาด้านนอก

            ไข่ต้มมันชวนผมดูหนัง

            มันชวนผมดูหนัง!

            ผมยังเอาแต่มองหน้าจอมือถือแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว ร้อยวันพันปีไม่มีหรอกที่มันจะเป็นคนชวน แถมเล่นพิมพ์มาซะเยอะขนาดนี้สงสัยคงกลัวว่าผมจะไม่เห็น แสดงออกชัดเจนว่าอยากดูหนังกับผมมากๆ มากกว่าแฟนตัวเองด้วย

            S : ตื่นแล้ว

            ผมพิมพ์ตอบกลับไปคำเดียวมันก็ขึ้นอ่านทันที ก่อนไข่ต้มมันจะรัวข้อความกลับมาอีกครั้ง

            Egg : วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ

            Egg : ไหนมึงบอกอยากดูเรื่องนั้นไง

            Egg : ไม่เห็นมึงมาชวน

            Egg : ไปดูมั้ย

            Egg : เจอกันบ่ายสาม

            นัดเวลาให้เสร็จสรรพขนาดนี้ทำเอาผมไม่กล้าตอบกลับไปเลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกไปโดนโกรธแน่ๆ ไม่ต้องสืบ เล่นหนีมันมาดูหนังคนเดียวแบบนี้

            S : เออ ได้ๆ

            S : เดี๋ยวกูดูรอบก่อน

            ผมกำลังจะลุกขึ้นไปดูโปรแกรมหนังว่ามีรอบฉายช่วงบ่ายกี่โมงบ้าง แต่ยังไม่ทันเดินไปมันก็ตอบกลับมา

            Egg : มีบ่ายสามสิบห้า

            ไข่ต้มแม่งโคตรเป๊ะ

            Egg : โอเคมั้ยมึง

            S : โอเคๆ

            S : แต่กูอาจจะถึงก่อนนะ

            S : เดี๋ยวซื้อตั๋วไว้ให้

            S : มึงจะออกกี่โมง

            Egg : เดี๋ยวก็ออกแล้วมึง กูเบื่อๆ พอดี

            เวลาโกหกทีไรผมมักจะเกิดอาการเหงื่อตก ยิ่งกับไข่ต้มแล้วด้วยยิ่งไม่ค่อยอยากโกหกมันเพราะไม่อยากโกรธกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

            Egg : งั้นกูจะรีบออก เผื่อทันรอบบ่ายสองห้าสิบ

            S : ไม่ต้องรีบก็ได้ เพิ่งจะบ่ายโมง

            Egg : เผื่อไปกินข้าวด้วยไง กูออกเลยดีกว่า

            เอาแล้วไง ก็บอกว่าไม่ต้องรีบมันก็ยังจะรีบอีก แต่บ่นไปก็เท่านั้น เพราะสิ่งที่ผมจะตอบกลับไปมีเพียงคำตอบเดียว

            S : โอเค

            แล้ววันนี้ผมก็ไม่ต้องดูหนังคนเดียวอีกต่อไป

 

            ผมนั่งรอไข่ต้มอยู่บนชั้นโรงหนัง รอจนมันบอกว่าใกล้ถึงแล้วค่อยโกหกว่าถึงก่อนหน้ามันและซื้อตั๋วไว้รอ แต่ที่จริงผมซื้อตั้งแต่มันบอกว่าจะมาดูด้วยแล้วเพราะกลัวจะได้ที่นั่งไม่ดี จากนั้นก็ลงไปรอมันที่ชั้นสอง จะได้หาอะไรกินกันก่อนหนังฉาย

            ไข่ต้มมันอยากกินอาหารญี่ปุ่น ผมเลยมายืนรอมันหน้าร้าน ไม่นานก็เห็นมันขึ้นบันไดเลื่อนมาด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่พอหันมาเห็นผมปุ๊บริมฝีปากที่เหยียดตรงเมื่อครู่ก็โค้งขึ้นมาทันที

            เราไม่ได้ทักทายอะไรกันเป็นพิเศษ เจอแล้วก็เดินเข้าร้าน ได้ที่นั่งแล้วก็สั่งอาหาร ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟผมเลยยื่นตั๋วหนังให้มัน

            "คนโคตรเยอะเลย ดีนะยังมีที่ว่างตรงกลาง"

            "ดีแล้วมึง" มันบอกแค่นี้ก่อนจะเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินตามราคาตั๋วยื่นให้ผม

            ไข่ต้มมันมองตั๋วในมือเหมือนเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ เห็นแบบนี้แล้วผมอยากจะถามนักว่าวันหยุดแบบนี้มันไม่ไปเที่ยวที่ไหนกับแฟนหรือไงถึงมีเวลาว่างมาอยู่กับผมแบบนี้ แต่ที่ไม่ถามเป็นเพราะในใจผมไม่อยากนึกถึงพี่คนนั้น ไม่อยากรู้ไม่อยากสนใจว่าเขาจะไปเที่ยวที่ไหนด้วยกัน ไม่อยากเห็นพวกมันมีความสุขตอนอยู่กันสองคน

            "เออมึง"

            "มึง"

            ผมกับไข่ต้มทักขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ผมแค่อยากชวนมันคุยเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อมองหน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วดูเหมือนอารมณ์มันจะคนละโซนกับผม เป็นอะไรไปอีกล่ะ ทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนี้

            "อะไร" ผมให้โอกาสมันพูดก่อน ไม่รู้มีเรื่องอะไรไปกระตุ้นต่อมอารมณ์มันหรือเปล่าอยู่ๆ ถึงได้ทำหน้าตึงขึ้นมา

            "มึงซื้อตั๋วตอนไหน" คำถามกับน้ำเสียงทำเอาผมใจไม่ดี แต่ก็ยังทำใจสู้ตีเนียนต่อไป

            "ก่อนมึงมาไง"

            "ก่อนที่ว่าอะกี่โมง"

            "ก็..."

            "บ่ายโมงสิบแปด สรุปมึงมาถึงกี่โมงวะ" มันบอกแล้วชี้เวลาบนตั๋วหนังให้ผมดู

            แม่งเอ๊ย! ลืมไปเลยว่าบนตั๋วมันระบุเวลาซื้อด้วย

            "เอ่อ"

            ผมพูดไม่ออกเลยยิ้มแห้งสู้ไปก่อน แถต่อไปก็ไม่ได้เพราะจำนนต่อหลักฐาน

            "โอเค ยอมรับก็ได้ กูมาถึงที่นี่ก่อนมึงจะชวนอีก"

            "คือยังไง" ไข่ต้มขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม มันเอาแต่จ้องผม ประมาณว่าถ้าคำตอบฟังไม่เข้าท่าได้มีปัญหาแน่ๆ ซึ่งคำตอบของผมนั้นจะไปเอาความเข้าท่ามาจากไหน

            "กูจะมาดูหนัง แต่ไม่ได้ชวนมึง"

            "ทำไมวะ"

            "ก็มึงอาจจะอยากไปเที่ยวกับพี่อ๋องก็ได้นี่หว่า กูไม่อยากกวน"

            "ไม่อยากกวน หรือไม่อยากให้กูมาด้วยกันแน่วะ"

            "ไม่ใช่ กูแค่คิดว่ามึงอาจจะอยากไปเที่ยวกับพี่อ๋อง"

            "ทำไมต้องคิดเอาเอง"

            "กูผิด กูขอโทษ"

            ผมยอมแพ้แต่โดยดี แสดงสีหน้าสำนึกผิดให้มันเห็น แต่มันกลับยังทำหน้าเครียดไม่เลิก

            "มึงคิดว่ากูมีแฟนแล้วจะทิ้งเพื่อนเหรอวะ"

            "ไม่ใช่แบบนั้น"

            เราโดนขัดโดยพนักงานที่เอาอาหารมาเสิร์ฟ ราเมงร้อนๆ กลิ่นหอมฉุย มันร้อนพอๆ กับอารมณ์ไข่ต้มตอนนี้ ความอยากกินก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น ถ้าหากมันเป็นนางร้ายในละครตอนโกรธมันคงยกถ้วยราเมงสาดหน้าผมไปแล้ว

            "ก็อย่างที่กูบอกมึงไปเมื่อกี้ กูคิดแบบนั้นจริงๆ เออ กูอาจจะน้อยใจด้วยนิดๆ ที่มึงมีแฟน แต่ก็นั่นแหละ กูไม่รู้จะพูดอะไรแล้วว่ะ เหตุผลก็มีแค่นี้ ใครจะอยากมาดูหนังคนเดียว" ผมพูดหลังจากพนักงานเสิร์ฟเดินออกไป ก็ได้แต่บอกเหตุผลซ้ำๆ เดิมๆ ถ้ามันไม่หายโกรธก็ไม่รู้จะแก้ตัวอะไรแล้ว จะให้โพล่งออกไปว่า 'กูชอบมึง' 'กูหึง' 'กูไม่อยากรับรู้เรื่องมึงกับพี่อ๋อง' ก็คงไม่ได้

            "มีแฟนก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทิ้งเพื่อนหรือเปล่าวะ"

            ผมไม่เถียง ยอมรับผิด ผิดที่มโนเองด้วยความแรงกล้า ผิดที่โคตรคิดไปเอง ชูสามนิ้วสัญญากับตัวเอง คราวหลังจะไม่คิดอะไรแบบนี้อีกแล้ว

            "มึงยังสำคัญกับกูเหมือนเดิมนะเว้ย อย่าทิ้งกูดิ" มันบอกด้วยสายตาเหมือนลูกหมา ทำให้ผมเข้าใจอย่างสุดซึ้งแล้วว่ามันต้องการอะไร

            ก็มันเป็นแบบนี้ไง ผมถึงตัดใจไม่ได้ ไปไหนไม่รอดสักที

            "โคตรซึ้งเลย" แล้วก็ต้องทำเป็นพูดล้อเล่นกลบเกลื่อนความดีใจ

            "กูจริงจัง"

            "กูก็ซึ้งใจจริงๆ ไง กินได้แล้ว เดี๋ยวมันเย็นไม่อร่อยนะมึง"

            "มึงน่ะแหละทำเสียบรรยากาศ"

            "เอ้า โทษกูอีก" แต่เออ ผมยอมรับผิดก็ได้

            "ทีหลังมึงอย่าคิดแบบนี้อีกนะ กูรู้สึกไม่ดีเลย"

            "เออ"

            "อยากดูหนังต้องชวนกู"

            "เออ"

            "จะไปไหนก็ต้องชวนกู"

            "เออ"

            "จะกินอะไรก็ต้องชวนกู"

            "เออ"

            "ดี" มันตัดจบสั้นๆ แล้วยิ้มบางๆ เป็นการบังคับที่ผมโคตรถูกใจเลย

            จากนี้ผมจะไม่ถามหาแฟนมันแล้ว จะทำไรก็ช่างหัวพี่อ๋องมัน รู้แค่ว่าผมจะชวนไข่ต้มไปกินไปเที่ยวเหมือนเดิม จะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม

            ทำทุกอย่างที่ผมอยากทำ และเคยทำมาตลอด

 

            กว่าหนังจะจบก็เย็นพอดี เราออกมายืนรอรถเมล์ที่หน้าห้าง ตั้งใจจะกลับบ้านเลยเพราะไม่มีโปรแกรมไปไหนต่อ ที่ว่ามานี้หมายถึงไข่ต้มคนเดียวนะ เพราะผมน่ะมี คือแวะไปส่งมันที่บ้านก่อนกลับบ้านตัวเอง

            ผมชวนไข่ต้มคุยเรื่องหนังที่เพิ่งดูจบระหว่างรอ กำลังเม้าท์กันอย่างออกรสออกชาติอยู่ๆ ก็มีผู้ชายวัยทำงานเดินมาหยุดยืนข้างไข่ต้ม บอกเลยว่าผมรู้สึกถึงลางไม่ดี จะมีสักวันไหมที่เราได้อยู่อย่างปกติสุข

            "สวัสดีครับ พี่ชื่อบำรุง เป็นช่างไฟฟ้า อายุยี่สิบห้า ทำงานมาแล้วสองปี เงินเดือนอาจจะยังไม่เยอะมาก แต่พี่เป็นคนขยันมากครับ หัวหน้าคงเห็นแววและประเมินให้คะแนนเยอะๆ เงินเดือนพี่ก็จะเยอะตาม"

            "เอ่อ ครับ" ผมตอบรับอย่างงงๆ ในขณะที่ไข่ต้มมันถอยกรูดมาหลบหลังผมแล้วเรียบร้อย

            "น้องคนนั้นมีแฟนหรือยังครับ" แล้วพี่บำรุงก็ชี้ไปที่ไข่ต้ม

            โดนจีบอีกแล้วเพื่อนผม แถมยังเป็นคนที่โคตรจะแปลกเลยด้วย แปลกที่สุดเท่าที่เคยก็เจอมาก็ว่าได้

            "มีแล้วพี่ อย่าไปยุ่งกับมันเลย"

            "งั้นเหรอครับ น่าเสียดาย" พี่บำรุงทำหน้าเสียดายอย่างปากว่า อีกทั้งยังไม่มีท่าทีคุกคามเหมือนคนอื่น

            "พี่จะจีบมันเหรอ"

            "ครับ อยากรู้จัก น้องน่ารักดี แต่ถ้ามีแฟนแล้วก็ไม่ยุ่งครับ ขอโทษด้วยที่รบกวน" พูดจบพี่บำรุงก็ค้อมหัวให้เล็กน้อยพวกผมเลยต้องรีบก้มหัวตาม ก่อนพี่เขาจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองกันอีก

            เออ ง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ

            ผมกับไข่ต้มมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนจะหัวเราะ มนุษย์เรานี่ก็มีหลากหลายแบบจนตามไม่ทัน บางคนก็ประหลาดอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกได้ กับพี่บำรุงผมว่าพี่เขาก็ดีนะ ง่ายๆ ดี คุยกันรู้เรื่องไม่ต้องอธิบายอะไรให้ปวดหัว แต่มาเร็วไปเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

            พี่บำรุงไปแล้ว รถเมล์ก็มาพอดี ไข่ต้มเดินนำผมไป มันดูสบายใจขึ้นเยอะที่ไม่มีใครเข้ามาทำให้ปวดหัวอีก ลองคิดๆ ดูแล้วเพื่อนผมมีคนเข้าหาเยอะมากทั้งหญิงและชาย แต่เมื่อลองเทียบจำนวนดูแล้วจะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า ผมเองก็คิดว่ามันเหมาะกับผู้ชายนะ ไข่ต้มมันควรเป็นฝ่ายถูกดูแลมากกว่าไปดูแลใคร ไม่ได้หมายความว่ามันดูแลใครไม่ดี แต่เพราะมันเหมาะกับอะไรแบบนั้น มันดูเปราะบางและน่าทะนุถนอม จะให้ไปดูแลพวกผู้หญิงไม่ได้เด็ดขาด

            ด้วยเหตุผลงงๆ นี้ เลยขอสรุปง่ายๆ ว่า ไข่ต้มควรอยู่ในการดูแลของผมในฐานะคนรัก และถ้าหากวันนั้นมาถึงเมื่อไร ผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด

            ขอสัญญากับตัวเอง

 

            ขากลับบ้านไข่ต้มถึงก่อนผม มันลุกผมก็ลุกตาม เพื่อนสนิทผมทำหน้างงใส่ว่าเพราะเหตุใดทั้งที่ยังไม่ถึงบ้านต้องลุกตามมา แต่ไม่ต้องรอให้มันถาม ผมก็ชิงเป็นฝ่ายตอบก่อน

            "เดี๋ยวกูไปส่ง"

            "ส่งไปตรงไหน หน้าประตูรถเหรอ ไม่ต้อง"

            "ส่งทำบ้าอะไรหน้าประตูรถ หน้าบ้านมึงดิ"

            "จะไปทำไมวะ"

            "เออน่า ไปๆ ลงๆ" ประตูรถเปิดพอดีผมเลยดันหลังมันให้รีบเดินลง มัวแต่ยืนเถียงกันเดี๋ยวได้ไปลงป้ายหน้ากันพอดี

            "จะลงมาให้เสียค่ารถเล่นทำไมวะ" ลงมาเหยียบพื้นฟุตบาธได้ไข่ต้มก็บ่นต่อทันที

            "ก็ถือซะว่ากูไถ่โทษที่โกหกมึงแล้วกัน"

            "มึงควรทำอย่างอื่นมากกว่า"

            "ทำอะไร"

            "อย่างเช่นเลี้ยงหนัง"

            "ถ้ารวยเมื่อไรจะเลี้ยงเลย"

            "ชาตินี้กูจะได้ดูหนังฟรีมั้ยเนี่ย"

            "ไม่คิดว่ากูจะรวยได้เลยเหรอ"

            ไข่ต้มไหวไหล่แบบไม่ใส่ใจ ท่าทางน่ารักน่าชังแบบที่น่ามันเขี้ยวมากกว่าน่าโกรธ

            "มึงคอยดูแล้วกัน" ผมทำหน้าหาเรื่องใส่ไข่ต้มมันเลยหัวเราะแล้วเดินหนี

            เราเดินเข้ามาในหมู่บ้านที่เป็นทาวน์โฮมสามชั้นยาวลึกเข้าไปในซอย ที่นี่มีรถสองแถวคันเดียววิ่งเป็นระยะแบบที่นานๆ จะเจอสักที แต่บ้านไข่ต้มอยู่ไม่ลึกมากจึงไม่จำเป็นต้องรอใช้บริการรถสองแถว เดินเข้าซอยมาได้แป๊บเดียวผมก็เห็นบ้านมันอยู่ในระยะสายตา

            "มึง"

            ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ไข่ต้มมันสบตาผมแวบหนึ่งก่อนจะหันหนี พักนี้ไม่รู้ทำไมมันถึงชอบหลบตาผมอยู่บ่อยๆ

            "อะไรวะ เรียกแล้วไม่พูด"

            "ต่อไปนี้ถ้ามึงอยากไปไหน หรืออยากทำอะไร มึงชวนกูได้ตลอดเลยนะ สำหรับมึงอะ กูมีเวลาให้เสมอ" ไข่ต้มมันพูดโดยไม่มองหน้าคนฟัง แต่ก็ดีแล้วที่มันไม่มองจะได้ไม่เห็นว่าตอนนี้ผมพยายามขนาดไหนเพื่อกลั้นยิ้มเอาไว้

            ทั้งที่มันไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ แต่อยู่ๆ ก็อยากทำซึ้งขึ้นมาจนผมเกือบตามอารมณ์ไม่ทัน

            ใจผมอยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศชวนยิ้มนี่โดยการกวนประสาทมันเล่น อย่างเช่นพูดหยอกล้อกลับไป หรือแซวให้มันอาย แต่คิดดูอีกทีบรรยากาศแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ไข่ต้มมันจริงจังและตั้งใจกับเรื่องนี้มาก จะให้มัวทำเป็นเล่นคงไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนมันทุบหัวเอา

            "กูจะชวนมึงคนแรกเลย"

            "ใช้คำว่าคนแรกไม่ได้ดิ มึงต้องชวนกูเพราะถ้ามึงไม่ชวนกูมึงจะได้ดูหนังคนเดียวแบบวันนี้" ก็ว่าจะไม่กวนมันแต่ดันโดนมันกวนกลับมาซะงั้น

            "แล้วถ้าเกิดกูชวนแล้วมึงไม่ว่างอะ"

            "ก็บอกแล้วไงว่าว่างเสมอ"

            "ให้จริง"

            "เออ"

            ผมพยักหนารับส่งๆ ตอบให้ไข่ต้มมันสบายใจไว้ก่อน แม้ก่อนหน้านี้ผมจะคิดว่าจะทำทุกอย่างเหมือนเดิมโดยไม่สนใจพี่อ๋อง แต่เอาเข้าจริง หลังจากนี้ผมคงไม่ได้ชวนมันไปเที่ยวไหนบ่อยๆ เหมือนเมื่อที่ผ่านมา ผมไม่อยากให้มันลำบากใจหากถึงเวลาที่ต้องเลือก แล้วผมก็ไม่อยากเป็นคนที่ทำให้มันกับพี่อ๋องมีปัญหากันในอนาคตด้วย

            เดินมาส่งจนถึงหน้าบ้านผมก็เตรียมบอกลา ตั้งใจไว้แค่นี้ทำสำเร็จแล้วก็ต้องกลับ แต่ไม่มีทางที่ไข่ต้มมันจะยอมให้ผมกลับบ้านไปง่ายๆ

            แน่นอนว่านี่ก็เป็นแผนที่ผมแอบวางไว้ในใจ

            "มึงอยู่กินข้าวก่อนนะแล้วค่อยกลับ"

            "ได้เหรอวะ"

            "ได้ดิ"

            "แม่มึงจะทำกับข้าวเผื่อกูเหรอ"

            "ไม่เผื่อก็มีให้กิน"

            "แน่นะ"

            "เออน่า เข้ามา" แล้วไข่ต้มมันก็คว้าแขนผมดึงเข้าบ้านโดยไม่ให้คัดค้านอะไรอีก
 

tbc.

 
มาเอาใจช่วยน้อง S กันอีกตอบเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-10-2018 19:40:05
ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 20-10-2018 20:30:48
ดูเหมือนไข่ต้มหลอกว่ามีแฟนนะนั่น
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 20-10-2018 21:59:24
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 20-10-2018 22:00:06
อยากให้มีคนมาจีบพ่อพระเอกเราบ้างงง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 20-10-2018 23:14:37
น้องซอสแน่ๆๆๆๆ
เดาออกแล้ววว พี่อ๋องนี่ก็น่าจะตัวหลอกแน่นอน
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-10-2018 00:04:00
ยังไงกันเนี่ยไข่ต้ม  :m28:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 21-10-2018 13:18:35
ยังไงน้าไข่ต้มมม เหมือนไม่รู้ใจตัวเองอ่ะ คนละฟีลกับตอนบอกว่าคบกันกับพี่อ๋องเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 10 พี่บำรุงคนขยัน <<< [20/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-10-2018 20:13:46
น้องไข่ต้มนี่ยังไง ทำแบบนี้เพืรอนจะตัดใจได้มั้ยละ แต่ถ้าแอบรักเพื่อนก็เปิดใจหน่อย
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 27-10-2018 17:56:06

ไข่ฟองที่ 11
น้องเจ้าหญิง


            เป็นอย่างที่ไข่ต้มบอก

            แม้จะมีแฟนแต่เวลาที่มันมีให้เพื่อนก็ยังเหมือนเดิม เราอยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน อาจจะเปลี่ยนไปบ้างที่มันติดโทรศัพท์มากขึ้น แต่ไม่ถึงกับคุยตลอดเวลาจนคนที่อยู่ด้วยรำคาญ ฉะนั้นถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวจะมีแฟนก็ไม่ทำให้ผมเหงาเลย

            ทั้งไม่เหงาแล้วก็ไม่อิจฉาเลยด้วย

            หลังหมดคาบเรียนเข้าสู่ช่วงพักสิบนาทีไข่ต้มมันก็หยิบมือถือขึ้นมา ผมชะเง้อมองด้วยความอยากรู้ พอเห็นว่ามันไม่ว่าเลยเนียนซบไหล่แอบอ่านแชตของมันซะเลย

            Egg : ทำไมตื่นสาย

            Ong : เพิ่งสิบโมงเอง

            Egg : สายแล้ว

            Ong : พักเหรอ หรือแอบเล่น

            Egg : พักสิบนาที

            อ่านแล้วผมก็ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่จอ คนเป็นแฟนกันเค้าคุยกันไร้สาระแบบนี้นี่เอง มันก็เหมือนที่ผมคุยกับเพื่อนนี่แหละ บอกเลยถ้าไม่พาลคิดแบบนี้ไม่ได้นะเนี่ย

            Ong : คอลมั้ย อยากเห็นหน้า ไม่เจอตั้งหลายวัน

            Egg : ก็ไม่ว่างเอง

            Ong : ตอนพี่ว่างเราก็ไม่ว่างไง

            โอ้โห เบะปากแรง เรียกแทนเพื่อนผมว่าเรา น่าเอ็นดูจังเลย

            Egg : ไม่ต้องบ่น

            Ong : ไม่ได้บ่นแค่งอแง คอลนะ

            บอกปุ๊บวิดีโอคอลจากพี่อ๋องก็เด้งขึ้นมาปั๊บ ผมตกใจเลยผละออกจากไหล่ไข่ต้มกลับมานั่งตัวตรง มันเองก็หันมายิ้มแหยให้

            "รับดิ เดี๋ยวหมดเวลา" ผมเนี่ยก็เป็นคนดีไปอีก

            ไข่ต้มหยิบสมอลทอล์คขึ้นมาเสียบก่อนกดรับ ภาพพี่อ๋องที่ยังนอนอยู่บนเตียงปรากฏขึ้นหน้าจอ ผมแอบมองแค่แวบเดียวก่อนทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่จริงๆ ก็อยากรู้ว่าเขาจะคุยอะไรบ้าง ถึงจะเป็นเรื่องไร้สาระก็อยากรู้

            ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำเป็นนอนหลับเพื่อฟังคนเป็นแฟนเขาคุยกัน ได้ยินชัดบ้างไม่ชัดบ้างเพราะไข่ต้มมันพูดเสียงเบา แต่ฟังแล้วก็พอเดาได้ว่าเขาคุยอะไรกัน

            "คณิต"

            อันนี้พี่อ๋องน่าจะถามว่าเรียนอะไรต่อ

            "ใช่ สอนโอเคนะ แต่สั่งการบ้านเยอะมาก"

            อันนี้น่าจะนินทาอาจารย์

            "อยู่ด้วยกันนี่แหละ มันหลับ เมื่อกี้ยังแอบดูที่คุยกันอยู่เลย"

            ส่วนอันนี้นินทาผมชัวร์ๆ

            ผมเงยหน้าหันไปมองก็เห็นว่าไข่ต้มมองมาอยู่ มันอมยิ้มนิดๆ ก่อนหันกลับไป พอได้เข้าไปเอี่ยวในบทสนทนาผมเลยนั่งเท้าคางมองมันซะเลย ฟังแล้วก็เดาต่อไปว่าเขากำลังคุยอะไรกัน

            "สามนาที"

            อันนี้เดาว่าพี่อ๋องคงถามว่าอีกกี่นาทีหมดเวลาพัก

            "ก็หาเวลาว่างมาดิ"

            ไข่ต้มมันยิ้ม พี่อ๋องต้องอ้อนอยากเจอมันแน่ๆ

            ผมยังนั่งเท้าคางมองปฏิกิริยามันต่อไปอย่างไม่ลดละ แต่คราวนี้มันกลับเอาแต่ยิ้มอย่างเดียว มองจอแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น แก้มขาวๆ ค่อยๆ กลายเป็นสีแดง จนลามไปยันหู อาการแบบนี้มัน...เขินนี่หว่า

            พี่อ๋องพูดอะไรกับมันวะ

            เห็นเพื่อนสนิทเกิดอาการเขินที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ทำเอาผมเกือบทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ใจอยากจะชะเง้อมองหน้าจอ หรือไม่ก็แย่งหูฟังมันมาสักข้างให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่เพราะความเป็นคนดีมันค้ำคอผมเลยไม่สามารถทำเรื่องเสียมารยาทแบบนั้นได้

            เป็นคนดีมาก ก็เลยต้องนั่งอดทนอย่างรอคอยแบบนี้ไง

            ไข่ต้มวางสายหลังจากมันเกิดอาการเขินหนักได้ไม่นาน หน้ามันยังแดงอยู่ตอนหันมามองมองผม เวลาเขินมันโคตรน่ารักเลย

            "คุยอะไรกันวะ ทำไมต้องเขิน"

            "เปล่า"

            "เปล่าอะไร หลักฐานยังคาหน้าอยู่เลยเนี่ย" ผมชี้หน้ามัน อาการออกขนาดนี้ยังจะปากหนัก

            "เออ มึงไม่ต้องรู้หรอก"

            "พี่เขาจะทำอะไรมึง"

            "ทำอะไร ไม่ได้ทำ" เสียงสูง โคตรพิรุธเลย ไอ้พี่อ๋องมันจะทำอะไรเพื่อนผมวะ

            ผมจ้องมันอย่างไม่ลดละจนจะกลืนกินมันเข้าไปได้ทั้งตัว แต่คนปากแข็งก็ไม่ยอมคายคำตอบออกมา จ้องนานจนอาจารย์เดินเข้ามาในห้องไข่ต้มมันเลยเลิกเล่นด้วย หันหน้าหนีผมขณะที่ริมฝีปากยังแต้มด้วยรอยยิ้มมีความสุข

            เห็นความรักของเพื่อนไปได้สวยผมก็ดีใจ แต่เป็นความดีใจที่เจือความเศร้าและอิจฉา แม้ผมเองจะเคยทำให้มันยิ้มอย่างมีความสุขมานับครั้งไม่ถ้วนก็เถอะ แต่รอยยิ้มครั้งนั้นกับรอยยิ้มครั้งนี้มันต่างกัน

            ถ้าผมทำให้มันยิ้มเพราะรักแบบคนรักได้บ้างก็คงดี

 

            ความรักนั้นราบรื่นแต่ชีวิตประจำวันกลับไม่ได้สงบสุขเท่าไร

            หลังจากประกาศกร้าวกลางโรงอาหารไปเมื่อวันเปิดเทอมว่ามีแฟนแล้ว เหล่าผู้กล้าที่พยายามเข้าหาไข่ต้มก็แทบจะหายไปเลย หนำซ้ำยังมีหน่วยข่าวลับสืบจนรู้อีกว่าแฟนมันคือพี่อ๋อง ทั้งที่สองคนนี้ไม่ได้สวีตหวานแหววออกสื่อกันเท่าไร ถ้านับโพสต์ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ของไข่ต้มแล้วยังมีหน้าผมเยอะกว่าหน้าแฟนมันอีก

            แต่ถึงอย่างนั้น ผู้กล้าก็คือผู้กล้า คนที่อยากลองฝ่าเหล่าทหารหาญ ทลายกำแพงเพื่อชิงตัวเจ้าชายจากมังกรนั้นยังมีอยู่จริง ซึ่งมังกรง่อยๆ ที่ว่าก็คือพี่อ๋อง ผมไม่มีวันยกให้พี่มันเป็นเจ้าชายอีกคนเด็ดขาด ส่วนทหารหาญที่จะยอมให้ผู้กล้าผ่านเข้ามาได้ก็คือผมเอง เพราะผู้กล้าคนนี้ไม่ใช่ชายหนุ่ม แต่เป็นเจ้าหญิงผู้น่ารักที่ไม่ปักใจเชื่อว่าเจ้าชายจะยอมสิโรราบกับมังกรง่อยโดยง่ายนั่นเอง

            ตอนนี้น้องเจ้าหญิงกับไข่ต้มนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินในสวน หลังจากน้องเขามาดักรอที่หน้าตึกและขอคุยกับเพื่อนผมเป็นการส่วนตัว ผมผู้ที่อยากรู้เรื่องเพื่อนสนิทมากที่สุดจึงเดินตามมาด้วย ยืนรออยู่ด้านนอกเงียบๆ แต่เพราะที่สวนนี้มันเงียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยได้ยินชัดเจนว่าทั้งสองคนคุยอะไร

            ผมแกล้งทำเป็นเล่นมือถือ นานเข้าก็เดินไปนั่งรอที่ม้านั่งอีกตัวโดยเว้นระยะห่างให้ไม่น่าเกลียด เริ่มแรกน้องเจ้าหญิงไม่ได้พูดจารุกหนักหรือเข้าเรื่องตรงประเด็นมากนัก เป็นการแนะนำให้รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม เรียนอยู่ชั้นไหน และชอบในตัวเพื่อนผมยังไงบ้าง จนกระทั่งมาถึงคำถามนี้

            "พี่ไข่ต้มไม่เปลี่ยนใจจริงเหรอคะ" เสียงใสๆ เอ่ยถามอย่างจริงจังและตรงไปตรงมา เธอมีทั้งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเพื่อนผมได้อยู่

            "เปลี่ยนใจเรื่องอะไรครับ"

            "เรื่องแฟน"

            "ทำไมเหรอครับ"

            "พี่ไข่ต้มชอบผู้ชายจริงๆ เหรอคะ"

            "พี่จะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงมันก็ไม่เกี่ยวกับน้องนี่ครับ" มันตอบกลับนิ่งๆ คงนิ่งทั้งสีหน้าและน้ำเสียงตามสไตล์ ถึงผมจะไม่เห็นหน้าก็พอเดาออก

            "เกี่ยวสิคะ"

            บรรยากาศเงียบสนิทเมื่อน้องเจ้าหญิงพูดจบ ไข่ต้มไม่ถามต่อ ผมเลยลองชะเง้อมอง สีหน้ามันนิ่งก็จริง แต่ผมรู้ดีว่ามันคงอยากเอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แบบนี้เต็มที ผิดกับน้องเจ้าหญิงที่เอาแต่ยิ้ม คงคิดว่าจะต้อนเพื่อนผมสำเร็จแต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก

            "จะไม่ถามหน่อยเหรอคะว่าเกี่ยวยังไง"

            "น้องชอบพี่"

            "ตรงประเด็นดีจังเลยค่ะ"

            "แต่พี่ไม่ชอบน้องครับ"

            "ตอบเร็วไปมั้ยคะ"

            "เร็วๆ แหละดีแล้วครับ จะได้ไม่ค้างคา ยุ่งกับคนมีแฟนแล้วมันไม่ดีหรอกนะครับน้อง ผู้ชายคนอื่นในโรงเรียนมีคนที่ดีกว่าพี่เยอะ น้องน่ารักนะ พี่ว่าคนชอบน้องก็คงเยอะเหมือนกัน ลองเปิดใจรับคนอื่นดูนะครับ บางทีอาจจะมีคนดีๆ ที่รักน้องอยู่ใกล้ๆ ตัวก็ได้ ยังไงก็ขอให้สมหวังเร็วๆ พี่ขอตัวนะครับ แล้วก็อย่ามายุ่งกับคนมีแฟนเลย มันบาป" ไข่ต้มมันพูดเหมือนพระกำลังเทศน์ให้ญาติโยมฟัง ก่อนจะเดินหนีออกมาโดนไม่เว้นจังหวะให้น้องเจ้าหญิงได้พูดแทรกแต่อย่างใด แถมยังเดินผ่านผมที่นั่งรอมันอยู่ด้วย

            ผมรีบลุกเดินตามมันไป เข้าใจว่าอยากหนีน้องเจ้าหญิงให้พ้น แต่ไม่สะกิดกันเลยมันก็ออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย

            "ไม่เรียกกูเลย"

            "ไม่เรียกก็เดินตามมาได้หนิ"

            "ง้อหน่อยก็ได้"

            "เดี๋ยวค่อยง้อ เดี๋ยวน้องตามมาทัน"

            "ไม่ตามมาแล้วมั้ง ซึ่งในรสพระธรรมที่มึงสอนอยู่"

            "ไอ้สัด" ด่าผมแต่ปากอมยิ้ม

            "ไม่เอาไม่พูดคำหยาบ"

            "ตอนเย็นไปกินปังเย็นกัน" แล้วอยู่ๆ มันก็ชวนผมเปลี่ยนเรื่องจนเกือบตามอารมณ์ไม่ทัน

            "นึกไงอยากกิน"

            "ก็ง้อไง"

            "ง้อกูอะนะ"

            "เออ"

            "แค่ล้อเล่นมั้ย"

            "ล้อเล่นก็อยากง้อ แต่จริงๆ คืออยากกินปังเย็น ออกคนละครึ่งไม่เลี้ยง โอเคตามนี้" ไข่ต้มมันพูดเองเออเองเสร็จสรรพ แล้วคนอย่างผมจะขัดอะไรได้

            "เออ" ผมพยักหน้ารับไปส่งๆ แต่มันกลับยิ้มกว้างมาให้ ทำเอาใจดวงน้อยๆ พองโตขึ้นมา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้น วันที่มันบอกว่าผมยังเป็นเพื่อนที่สำคัญกับมันเสมอก็เหมือนถูกเอาใจใส่เป็นพิเศษ

            แต่แบบนี้มันก็ดีแล้ว

 

            ไม่รู้ว่าระหว่างปังเย็นกับยิ้มของเพื่อนผมอะไรมันหวานกว่ากัน ปกติไข่ต้มมันไม่ค่อยชอบยิ้มในที่สาธารณะ ไม่ยิ้มให้คนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งคนรู้จักที่ไม่ได้สนิทกันมาก แต่วันนี้มันกลับยิ้มตลอดเวลา ยิ้มหวานๆ ที่ผมหวง เพราะกลัวว่ามันจะไม่ใช่ของผมคนเดียวอีกต่อไป แต่ถึงหวงไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้ยิ้มของมันมีคนที่เป็นเจ้าของเพิ่มมาแล้วอีกคน

            "อารมณ์ดีอะไรนักหนา" ผมถามออกไปอย่างอดไม่ได้

            "แล้วอารมณ์ดีไม่ได้หรือไง"

            "ปกติมึงต้องหน้าบึ้งๆ"

            "กินของหวานแล้วทำให้อารมณ์ดี"

            "เหรอ"

            "อยู่กับมึงก็อารมณ์ดี"

            "ดีเท่าอยู่กับพี่อ๋องหรือเปล่า" ทั้งที่เคยสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามไม่คิดถึงพี่คนนั้น แต่สุดท้ายก็พลั้งปากไปอยู่ดี ผมล่ะอยากจะดูดเอาคำถามเมื่อกี้กลับคืนมา ทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบให้เจ็บเล่นๆ ด้วยก็ไม่รู้

            "มันก็ดีคนละแบบไง มึงคือความสบายใจ เซฟโซนอะ"

            "แล้วอยู่กับพี่อ๋องไม่สบายใจหรือไง"

            "ก็สบายใจ แต่รู้สึกเกร็งๆ มากกว่า"

            "มึงเขิน" ผมฟันธง ไม่มีคำไหนอธิบายคำว่าเกร็งของไข่ต้มได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

            "ก็ใช่แหละ จริงๆ กูก็ยังไม่ชินกับสถานะแฟนนะ ถึงพี่อ๋องจะดูแลกูดีเหมือนเดิม"

            "ถ้าแค่ดูแลดีเหมือนเดิม กูยังดูแลมึงดีกว่าอีก"

            "มีเกทับว่ะ" ไข่ต้มยิ้มล้อ

            ผมไม่สะทกสะท้านมั่นหน้าที่จะยอมรับ เพราะตอนพี่อ๋องยังเรียนอยู่ก็ได้ดูแลไข่ต้มแค่ตอนอยู่ชมรมเดียวกันสมัย ม.สี่ แค่นั้น

            "มึงสำคัญกับกูมากนะ ถึงกูจะมีแฟนมึงก็ยังสำคัญ"

            "ย้ำจนกูเบื่อจะฟังแล้วเนี่ย" เพราะมันเป็นแบบนี้แหละผมเลยตัดใจไม่ลงเสียที

            เพราะยังสำคัญ เพราะผมยังอยากสำคัญกับมันอยู่

            "เบื่อก็ต้องฟัง มึงคือเพื่อนคนสำคัญของกู"

            "เออรู้แล้ว รีบกิน ละลายหมดแล้ว" ผมใช้ช้อนชี้ถ้วยปังเย็นที่วางอยู่กลางโต๊ะ ตัดฉากที่ไข่ต้มมันตั้งใจทำซึ่งเพราะกลัวตัวเองจะร้องไห้เสียก่อน

            คนอย่างผมมันก็เป็นได้แค่นี้ แค่เพื่อนคนสำคัญเท่านั้น

 

            ตั้งแต่โดนไข่ต้มเทศน์ให้ฟังไปวันนั้นน้องเจ้าหญิงก็ไม่มาวอแวไข่ต้มเพื่อนผมอีก ไม่รู้ว่าน้องเขาซาบซึ้งในคำสอน เจอคนที่ชอบจริงๆ หรือเบื่อเพื่อนผมแล้วกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรมันก็ช่วยทำให้ชีวิตผมและเพื่อนสนิทกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง

            ก้าวเข้าสู่เดือนสิงหาคมเด็กมหา'ลัยก็เริ่มเปิดเทอม ไข่ต้มมันเล่าให้ผมฟังว่าพี่อ๋องย้ายไปอยู่หอแล้ว หลังจากนี้คงได้เจอกันแค่วันหยุด ซึ่งความจริงผมก็ไม่ได้อยากรู้ความเคลื่อนไหวพี่มันนักหรอก จะทำอะไร จะเป็นยังไง เรียนหนักไหม รับน้องโหดหรือเปล่า แต่เพราะไข่ต้มมันยิ้มจนตาปิดตอนเล่าเลยยอมฟัง เห็นเพื่อนมีความสุขผมก็สุขไปด้วย แม้จะเป็นความสุขที่เจ็บจี๊ดๆ ก็ตาม

            ฟังจากที่ไข่ต้มเล่าให้ฟังทุกวัน ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพี่อ๋องดูเหมือนจะไปได้ค่อนข้างดี คุยกันทุกวัน ไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง เสียอย่างเดียวตรงที่ไม่ค่อยมีเวลามาเจอกันนัก ซึ่งตรงนี้เพื่อนผมมันไม่ได้เดือดร้อนอะไร ส่วนฝ่ายนั้นผมก็ไม่อาจเดาได้ว่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนบ้างหรือเปล่า

            เห็นเพื่อนสนิทกับแฟนรักกันดีขนาดนี้ ถามว่าผมตัดใจได้หรือยัง ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่ายัง เพราะทุกอย่างระหว่างเรายังคงเป็นเหมือนเดิม มันไม่เว้นระยะห่างออกจากผม ผมเลยไม่รู้ว่าจะเว้นระยะห่างออกจากมันทำไม ขอแค่มันไม่นึกสงสัยอะไรก็พอแล้ว ผมไม่อยากเสียมันไป คิดว่าสักวันเวลาคงช่วยเยียวยาความรู้สึกของผมได้เองล่ะมั้ง สักวันความรู้สึกที่มีให้มันอาจจะลดลงตามกาลเวลาที่ผ่านไป

            โต๊ะเรียนตัวข้างๆ ผมสั่นดังครืดจนผมต้องหยิบมันขึ้นมาเพราะเจ้าของโต๊ะเพิ่งเดินออกไปหาอาจารย์ที่หน้าห้องเมื่อครู่นี้ คาบนี้ห้องผมเรียนวิชาสังคม เป็นหมวดภูมิศาสตร์ที่อาจารย์ให้จับฉลากมาคนละหนึ่งจังหวัด เขียนรายงานเกี่ยวกับภูมิศาสตร์จัดหวัดนั้นๆ และปิดท้ายด้วยการเรียกคำตอบถามทีละคน ซึ่งถัดจากไข่ต้มก็ถึงตาผมพอดี

            โทรศัพท์ในมือยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้อยากอ่าน พยายามเบนสายตาหนีแล้วแต่ทุกครั้งที่มันสั่นผมก็เผลอหันกลับไปมองทุกที ข้อความหวานๆ จากแฟนเพื่อนสนิทเลยไหลเข้ามาเบียดพื้นที่ความรู้เกี่ยวกับจังหวัดสงขลาในหัวผมอย่างช่วยไม่ได้

            รอจนแน่ใจว่าพี่มันจะไม่ส่งไลน์มาจนทำโต๊ะสั่นอีกผมก็วางมือถือไว้ใต้โต๊ะเหมือนเดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่ไข่ต้มเดินกลับมา มันมองตามมือผม คนไม่ผิดเลยต้องรีบแก้ตัว

            "โต๊ะมันสั่น ไม่ได้แอบอ่าน"

            "ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"

            "ก็ดูมึงมอง"

            "ก็มองเฉยๆ ถึงอ่านก็ไม่ได้ว่าอะไร"

            "จริงๆ ก็อ่านไปนิดนึง"

            "เออ มึงไปได้แล้ว" ไข่ต้มมันว่าพลางพยักพเยิดไปที่โต๊ะอาจารย์

            ผมรีบลุกขึ้นก้าวยาวๆ ไปหน้าห้อง ลืมภูมิประเทศของจังหวัดสงขลาที่ต้องออกไปตอบคำถามชั่วขณะเพราะสมองดันไปจำข้อความที่พี่อ๋องส่งหาไข่ต้มแทน มันก็ไม่ได้แปลกนักหรอกที่คนเป็นแฟนกันเขาจะใช้คำเรียกพวกนี้ แต่เห็นแล้วมันก็อดหมั่นไส้ปนเจ็บใจไม่ได้ เพราะผมเองก็อยากใช้คำแบบนี้เรียกมันเหมือนกัน

            ‘เด็กดื้อของพี่’

 
tbc.

 
ไข่ต้มแค่รักเพื่อนเท่า แต่ไม่ได้รักแบบที่เพื่อนรักเท่านั้นเอง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้า
มาลุ้นชื่อน้องพระเอกกันต่อ

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 27-10-2018 22:11:09
อ่านมาก็ไม่รุ้ต้องรู้สึกยังไง จะเศร้าก่ไม่ใช่จะยิ้มก็ไม่สุด รอระหว่างเค้าเลิกกันหรือพระเอกเลิกรักจะดีกว่ากัน ปล.ลุ้นชื่อพระเอกต่อไป เราว่าไม่น้ำปลาก็ซอสล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 27-10-2018 22:24:31
ชื่อซีอิ๊วแน่นอนจังหวะนี้
ทำไมไข่ต้มแปลกๆ กุเรื่องแฟนมาลองใจตัวเอกเรารึเปล่า  :ruready
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 27-10-2018 22:40:16
อ่านกี่ตอนๆก็สงสารพระเอก แงงงงง ก็ยังขอให้น้องเจอคนเข้ามาในชีวิตบ้างก็พอ สุ่ๆๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 27-10-2018 23:03:22
รอนิยายมาอัพ แต่อ่านคอมเม้นท์แล้ว
ไม่กล้าอ่าน กลัวเศร้า

แอบเข้าข้างพระเอก
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 27-10-2018 23:15:12
อ่านไปก็เจ็บจี๊ดๆพร้อมกับพระเอกเลยอ่ะ   :m15:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 11 น้องเจ้าหญิง <<< [28/10/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-10-2018 02:17:04
เขารักกันขนาดนี้อ่ะน้อง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 03-11-2018 20:54:50

ไข่ฟองที่ 12
แฟนเพื่อนสนิท


            "วันนี้กูจะไปหาพี่อ๋องนะ"

            ผมละความสนใจจากไทม์ไลน์อันแสนหน้าเบื่อบนเฟซบุ๊กหันไปมองเพื่อนสนิทที่อยู่ๆ ก็พูดถึงแฟนหนุ่มรุ่นพี่ออกมาในช่วงพักสิบนาทีของคาบบ่าย

            "ไปตอนไหน"

            "เลิกเรียน"

            วิชาต่อไปก็เป็นคาบสุดท้ายของวันนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าที่ไข่ต้มมันทำหน้าเหมือนคิดอะไรสักอย่างมาทั้งวันคือเรื่องนี้ เรื่องที่มันอยากไปหาพี่อ๋อง

            "ไปหาที่ไหน"

            "มหา'ลัยดิ"

            "คนเดียว?"

            "อืม"

            ผมวางมือถือไว้ใต้โต๊ะหันหน้ามาคุยกับไข่ต้มให้เป็นเรื่องเป็นราว ปกติมันเคยอยากไปหาใครที่ไหน ถึงไปก็ชอบลากผมไปด้วยตลอด แต่ตอนนี้กลับอยากไปคนเดียวขึ้นมา ไม่รู้ว่าพี่อ๋องชวนหรือมันคิดจะไปเอง

            "พี่เขาให้ไปหาเหรอ"

            "เปล่าอะ กูอยากไป อยากเจอ"

            รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่หัวใจ ผมเองก็ลืมคิดไปว่าพี่อ๋องไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือคนธรรมดาที่ไข่ต้มมันจะทำเมินไม่สนใจ แต่เป็นคนพิเศษมากๆ สำหรับมัน

            "ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย"

            "ไม่เป็นไร กูบอกไว้เฉยๆ เลิกเรียนกะว่าจะออกไปเลย"

            "มึงไปถูกแน่นะ"

            "มันก็ไม่ได้ไปยากป้ะ"

            "กลัวมึงหลงไง ปกติไม่เห็นเคยไปไหนคนเดียว"

            "เวอร์ไปละ"

            "ยังไงก็รายงานกูด้วยแล้วกัน"

            "รายงานเลยเหรอ"

            "เออ เผื่อมึงหลงไง กูเป็นห่วง"

            "ครับพ่อ" มันรับคำแล้วคำหน้ากวนประสาทใส่ผม ใจนึกอยากจะเขกกะโหลกแรงๆ โทษฐานทำตัวน่ารักเกินไป แต่ก็ทำได้แค่ง้างมือค้างไว้แล้วย่นจมูกใส่มันแทน มองมันนั่งอมยิ้มมีความสุข โดยที่ไม่ต้องเดาให้ยากว่ามันกำลังนึกถึงใคร

            เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองเจ็บหัวใจชะมัด

 

            เลิกเรียนตอนบ่ายสามโมงไข่ต้มมันรีบเก็บของ บอกลาแล้วสะพายกระเป๋าออกจากห้องเรียน ส่วนเพื่อนสนิทดีเด่นอย่างผมก็ได้แต่โบกมือกลับแล้วยิ้มให้ บอกมันให้โชคดีระมัดระวังตัว ดูสายรถเมล์ให้ดีๆ ก่อนขึ้น ใครชวนไปไหนก็ห้ามไป ปิดท้ายด้วยว่าถ้าเจอพี่อ๋องแล้วให้ไลน์มาหา

            ผมนั่งมองจนไข่ต้มมันเดินออกจากประตูแล้วรีบเก็บของตามออกไป ก่อนหน้านี้ผมบอกมันว่าไม่รีบกลับให้มันกลับไปก่อน เพราะไม่อยากส่งมันขึ้นรถที่หน้าโรงเรียน แล้วจะทำให้แผนที่ผมใช้เวลาคิดมาตลอดห้าสิบนาทีต้องพังลง

            แผนที่ผมจะตามมันไปหาพี่อ๋องด้วย

            ผมเดินตามหลังไข่ต้มโดยเว้นระยะห่างไว้พอประมาณ มองมันเดินก้มหน้าก้มตาไม่สนใจใคร ขณะที่ใครหลายคนรอบตัวจับจ้องมาที่มัน แต่กลับไม่มีใครสามารถทะลุกำแพงที่ล้อมรอบตัวเพื่อนผมคนนี้ได้เลย

            เพราะนิสัยไม่ค่อยสนใจใครของไข่ต้มทำให้การสะกดรอยตามของผมเป็นไปอย่างราบรื่น ผมเดินรวมกลุ่มกับนักเรียนคนอื่นจนมาถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน ยืนหลบอยู่ด้านหลังมองไข่ต้มที่ยืนอยู่ด้านหน้า มันคอยชะเง้อมองรถเป็นพักๆ จนกระทั่งคันที่รอมาถึง

            ไข่ต้มขึ้นประตูหน้าผมเลยเดินขึ้นประตูหลัง ป้ายนี้นักเรียนขึ้นเยอะเลยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้ โดยเฉพาะไข่ต้ม ผู้ที่ไม่เคยสนใจสิ่งรอบข้าง ยิ่งมันเปิดเพลงใส่หูฟังปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกแบบนี้ยิ่งไม่ต้องกังวล แต่กลับทำให้ผมเป็นห่วงเพราะความไม่ระวังตัวของมันมากกว่า

            รถวิ่งออกมาไกลขึ้นนักเรียนหลายคนก็เริ่มทยอยลง รถไม่ถึงกับโล่งเพราะมีคนขึ้นลงอยู่ตลอด ไข่ต้มได้ที่นั่งช่วงกลางรถ ผมได้นั่งถัดจากมันสองแถว แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเห็น เพราะขนาดคนที่นั่งข้างๆ มันได้หันไปมองเขาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

            S : ถึงไหนแล้ว

            ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์หามันแกล้งถามถึงสถานการณ์ ทิ้งเวลาสักพักกว่าข้อความจะขึ้นว่าถูกอ่าน พร้อมคำตอบที่เพื่อนสนิทตอบกลับมา

            Egg : ใกล้ถึงแล้ว

            S : ขึ้นรถถูกสายใช่มั้ย

            Egg : ถูกเด้

            S : นึกว่าตื่นเต้นเลยขึ้นผิด

            Egg : แค่ไปหาพี่อ๋อง ทำไมต้องตื่นเต้น

            S : ก็ได้ไปเจอแฟนไง

            พิมพ์เองก็เจ็บเอง อยากจะลบคำว่าแฟนทิ้งแต่คงไม่ทัน เลยได้แต่เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้า อยากรู้ว่าตอนนี้ไข่ต้มมันกำลังทำหน้ายังไง

            Egg : เพิ่งรู้ว่าเจอแฟนต้องตื่นเต้น

            S : นานๆ เจอกันทีไม่ตื่นเต้นเหรอวะ

            Egg : ไม่รู้ดิ ก็อยากเจอนะ แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น

            S : ไร้ความรู้สึกเหรอมึง

            Egg : นั่นก็เกินไป

            ผมนั่งยิ้มให้จอมือถือ ไม่รู้ไข่ต้มจะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า มันจะมีความสุขไหมเวลาที่ได้คุยกับผม แล้วมันจะยิ้มอย่างที่ผมยิ้มบ้างไหม

            S : แล้วมึงตื่นเต้นมั้ยเวลาเจอกู

            Egg : ถามอะไรวะ

            รอยยิ้มผมจางลง มองคำถามของเพื่อนสนิทแล้วได้แต่หัวเราะเยาะตัวเอง นั่นสินะ มันจะตื่นเต้นเวลาได้เจอผมทำไม

            S : ถามเฉยๆ

            Egg : รู้แค่ว่ากูอยากเจอมึงทุกวันก็พอ

            รอยยิ้มที่จางหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง ผมยิ้มให้คนข้างหน้าแม้มันจะไม่เห็น ก็เป็นซะแบบนี้ ชอบทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ แล้วจะให้ผมรู้สึกกับมันแบบเพื่อนธรรมดาได้ยังไง

            Egg : ถึงแล้วว่ะ กูจะลงรถแล้วนะ เดี๋ยวเจอพี่อ๋องแล้วบอกอีกที

            อ่านที่ไข่ต้มส่งมาผมถึงได้มองวิวข้างทาง ใกล้จะถึงมหาวิทยาลัยพี่อ๋องแล้วอย่างที่มันว่า ทั้งที่ก้มหน้าคุยกับผมอยู่ตลอด ทั้งที่เคยมาครั้งแรก แต่มันก็ไม่ลืมสังเกตเส้นทางและป้ายที่ต้องลง

            S : เออๆ โชคดีนะมึง ระวังตัวด้วย

            ข้อความของผมไม่ถูกอ่านเพราะไข่ต้มมันปิดเพลงเก็บหูฟังและเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงนักเรียนแล้วเรียบร้อย มันลุกขึ้นกดกริ่งยืนรอหน้าประตูด้านหน้า รอจนรถจอดสนิทประตูเปิดผมถึงลุกเดินลงประตูหลัง โชคดีที่มีคนอื่นลงด้วยอีกสองคน ไข่ต้มมันมัวแต่หันซ้ายหันขวาแบบคนไม่รู้ทาง ผมเลยรีบแทรกตัวไปกับกลุ่มคนที่ยืนรอรถอยู่ โดยที่มันไม่ทันสังเกตเห็น

            ไข่ต้มหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์หาใครสักคน ซึ่งคงไม่ใช่ผมที่แจ้งเตือนน่าจะยังค้างอยู่บนหน้าจอของมันเพราะยังไม่ได้เปิดอ่าน ส่วนคนที่มันกำลังแชตไปหาเป็นใครนั้นก็คงไม่ต้องเดา

            มือหยุดพิมพ์ยืนมองหน้าจออยู่สักพักไข่ต้มมันก็ยกมือถือขึ้นแนบข้างหู คาดว่าพี่อ๋องคงไม่ตอบมันเลยต้องโทรหา แต่เหมือนว่าจะไม่มีคนรับสาย

            ผมเห็นไข่ต้มกดโทรออกอีกสองรอบแต่ผลก็ยังเหมือนเดิม มันมองมือถือแล้วทำหน้าหงอย เดินกลับมานั่งที่ป้ายรถเมล์ที่ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านนัก สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล มันชัดเจนจนผมรู้สึกไม่ดีไปด้วย แล้วไอ้พี่อ๋องมันเป็นอะไรทำไมถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์กัน

            S : เจอพี่อ๋องยังวะ เงียบเลย

            ผมลองทักไปหา เห็นมันก้มมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือสักพักก่อนข้อความของผมจะถูกอ่าน

            Egg : ยังเลย

            S : ยังไม่ถึงอีกเหรอ

            Egg : ถึงแล้วๆ แต่รอพี่อ๋องออกมาอยู่

            S : เคๆ อย่ากลับดึกแล้วกัน

            สติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนหน้าตายิ้มแย้มมีคำกำกับว่ารับทราบถูกส่งกลับมา แต่หน้าตาไข่ต้มไม่ได้ร่าเริงเหมือนสติ๊กเกอร์ที่ส่งให้ผมเลยสักนิด มันบอกว่ากำลังรอ ทั้งที่โทรหาแล้วพี่อ๋องไม่รับ หรือมันกับพี่เขาอาจจะแชตกันโดยที่ผมไม่ทันสังเกตเห็น ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่เห็นเลยว่าไข่ต้มมันกำลังมีความสุขอยู่

            คำว่ารอที่ผมรับรู้มาไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอน ผ่านมาแล้วสิบห้านาทีหลังจากมาถึง ไข่ต้มยังเอาแต่จ้องมือถือ กดโทรออกเป็นระยะ แล้วถอนหายใจเมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากปลายสาย

            ผมยังยืนมองไข่ต้มอยู่ที่เดิม อยากจะทักไปชวนคุยเป็นเพื่อนแต่ไม่อยากทำให้แจ้งเตือนของผมทำมันดีใจเก้อเพราะกำลังรอใครบางคน คนที่ยังไม่ยอมตอบกลับมา คนที่ปล่อยให้มันรอโดยไม่บอกอะไรเลย

            สามสิบนาที...

            สี่สิบนาที...

            ห้าสิบนาที...

            ความอดทนของผมหมดลงเมื่อยังไม่เห็นวี่แววว่าพี่อ๋องจะโผล่มาหรือไข่ต้มจะขยับไปไหน มันยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม รอด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย สีหน้าที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย

            S : กลับยัง ห้าโมงแล้ว

            ผมทักไปหา ลอบมองปฏิกิริยาที่แสนเฉยชาเมื่อเห็นแจ้งเตือนของผม แล้วข้อความก็ถูกเปิดอ่านในทันที

            Egg : เพิ่งห้าโมง

            S : ทำไมตอบเร็ว

            Egg : ไม่ดีเหรอ

            S : พี่อ๋องไม่ว่า?

            คำถามของผมทำมันเงียบไป ไข่ต้มเอาแต่มองหน้าจออยู่อย่างนั้น นานจนผมอยากจะเดินออกไปหา แต่สุดท้ายมันก็ยอมตอบกลับมา

            Egg : จะกลับแล้ว

            S : มาแล้วไปหาอะไรกินกันมั้ย

            Egg : ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอมึง

            S : กูมาเตะบอลกับพวกไอ้มง หิวโคตร

            Egg : หิวก็ไปกินดิ รอกูอีกนาน

            S : กูรอได้ กินอะไรดี

            Egg : คิดไว้แล้วกัน เดี๋ยวกูลงหน้าสวน แล้วค่อยเดินไปพร้อมกัน

            S : โอเค

            ผมเห็นรอยยิ้มบางๆ ก่อนไข่ต้มจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลุกขึ้นยืน มันดูเหม่อๆ ตอนเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งจนผมนึกเป็นห่วง แต่ก็ทำได้แค่คอยมองดูมันอยู่ไม่ไกล รอจนมันขึ้นรถเมล์ ผมถึงได้โบกแท็กซี่กลับ นึกเป็นห่วงจนอยากจะโทรไปหา แต่ก็ทำได้แค่รอเวลาอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าที่จะได้เจอกันอีก

 

            ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแท็กซี่ก็พาผมมาถึงที่หมาย แซงรถเมล์ที่ไข่ต้มมันถึงตั้งแต่ป้ายที่สอง มีเวลาเหลือเฟือผมเลยวิ่งรอบสวนเล่นให้เหงื่อมันออก ก่อนกลับมานั่งรอมันที่ป้ายรถเมล์ ลองทักไปถามว่าถึงไหน แต่ผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่ได้คำตอบ

            ผมรอคอยโดยไม่ทักไปหาหรือเร่งเร้าอะไรมันอีก ภาพที่เห็นมันนั่งรอคนที่รักด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยยังทำให้ผมรู้สึกแย่จนถึงตอนนี้ จะว่าโกรธพี่อ๋องที่ไม่ออกมาหาก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะผมไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง พี่เขาติดธุระสำคัญที่ไหน คุยอะไรกับเพื่อนผมบ้าง หรือเป็นไข่ต้มเองที่มันดื้อจะรอ ความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้เลยกลายเป็นความอึดอัด จุกจนเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก จนผมไม่รู้ว่าจะทำตัวเป็นปกติตอนเจอไข่ต้มได้หรือเปล่า

            แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะทำตัวยังไงตอนกลับมาเจอผมเหมือนกัน

            ผ่านไปหลายนาทีในที่สุดคนที่รอก็มาถึง ไข่ต้มเดินก้มหน้าลงจากรถ แม้ท่าทางจะดูเหมือนปกติที่มันไม่เคยสนใจใคร หรือสนใจจะมองสิ่งรอบข้าง แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ปกติ ถึงจะไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผมก็รับรู้ได้ เพราะเราคือเพื่อนที่สนิทกันที่สุด

            "เป็นอะไรวะ"

            คำถามของผมโดนเมิน ไข่ต้มยังเอาแต่เดินก้มหน้าตรงหามาผม ถึงอย่างนั้นผมก็ยังสังเกตเห็น จมูกแดง แก้มแดง ใต้ตาช้ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เสียงลมหายใจที่ฟังแล้วรู้สึกติดขัด กับน้ำใสๆ ที่ไหลผ่านแก้ม

            มันกำลังร้องไห้

            ไข่ต้มโผเข้ามาหาโดยที่ยังไม่ยอมพูดอะไร ผมอ้าแขนรับแล้วกอดมันไว้ ลูบหัวลูบหลังเพื่อปลอบประโลม มอบไหล่กว้างๆ นี้ให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวได้พักพิง เพื่อนที่ผมรักที่สุด

            "เพิ่งรู้ว่ามึงขี้แย"

            เสียงสะอื้นเบาลงแต่ไหล่คนในอ้อมกอดยังสั่นเป็นระยะ ผมพยายามไม่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะกลัวว่าจะทำให้ไข่ต้มร้องไห้หนักกว่าเดิม แม้อยากรู้สาเหตุของน้ำตามันมากแค่ไหนก็ตาม

            "กูหิวแล้วนะ"

            "อดทนอีกแป๊บนึง" เสียงติดสะอื้นตอบกลับมา ไข่ต้มคลายอ้อมกอดออก แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากไหล่ผม

            "คิดออกหรือยังว่าจะกินอะไร"

            ไข่ต้มส่ายหน้า อาการแบบนี้มันคงไม่อยากกินอะไร ผมเองก็ไม่ได้หิวตั้งแต่แรกแค่หาเรื่องชวนมันมาเจอกันเฉยๆ เพราะงั้นเปลี่ยนแผนน่าจะดีกว่า

            "กลับบ้านมั้ย เดี๋ยวไปส่ง"

            มันส่ายหน้าตอบอีกครั้ง กลับบ้านไปสภาพนี้มีหวังโดนพ่อแม่เค้นเอาความเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ

            "งั้นบ้านกู"

            คำตอบยังเป็นการส่ายหน้า ไปบ้านผมเจอแม่ผมก็คงโดนถามเหมือนกัน แล้วบ้านไข่ต้มก็จะรู้เรื่องในไม่ช้า

            "งั้นหาซื้อขนมมานั่งกินแถวนี้"

            คราวนี้ไข่ต้มมันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากันให้ผมได้เห็นหน้ามันชัดๆ หน้าแดงกับตาช้ำๆ ทำเอาใจหายจนอยากจะร้องไห้ตาม ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาผมยังไม่เคยเห็นมันร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยเลยสักครั้ง

            ผมช่วยเช็ดน้ำตาที่ยังไม่แห้ง ไล้นิ้วโป้งเบาๆ ที่ใต้ตา อยากก้มลงจูบซับน้ำตาให้แต่ก็ทำได้เพียงในจินตนาการ ถ้าหากคนคนนั้นเป็นผมล่ะก็ ไข่ต้มไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้แน่ ผมจะไม่มีวันทำให้มันเสียใจเด็ดขาด

 

            แซนวิสกับน้ำที่ซื้อมาจากเซเว่นถูกวางทิ้งไว้ไม่มีใครสนใจ ผมพาไข่ต้มเขามานั่งเก้าอี้ในสวน ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่มีคนวิ่งออกกำลังกายบ้างประปราย เรานั่งข้างกัน ผมจับมือมันไว้ พยายามชวนคุยโดยเลี่ยงเรื่องพี่อ๋องที่เป็นสาเหตุของน้ำตาในครั้งนี้

            "ไม่กินวะ เย็นหมดแล้ว" จบเรื่องเตะบอลกับเพื่อนที่ผมแต่งขึ้นมาเล่าให้มันฟังแบบตลกฝืดก็วกเข้าเรื่องของกิน

            "ไม่อยากกิน"

            "ไม่หิวหรือไง"

            "ก็หิว แต่ปากมันไม่อยาก"

            "กินหน่อย นิดนึงก็ได้ อย่าทำให้กูเป็นห่วงดิ"

            ผมงัดไม้เด็ดออกมาแล้วมันก็ได้ผล ไข่ต้มหยิบแซนวิสขึ้นมากิน กินหนึ่งคำแล้วเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ถ้าให้เวลามันสักครึ่งชั่วโมงผมว่าก็คงกินไม่หมด

            "มึง" กินไปคำเดียวมันก็วางแซนวิสที่ถืออยู่ไว้บนตัก เรียกผมโดยไม่หันหน้ามามอง แล้วน้ำตาก็ทำท่าเหมือนจะไหลออกมาอีกครั้ง

            ผมยกมือขึ้นเช็ดหยดน้ำใสที่หางตาเพื่อนสนิทเบาๆ มันไม่ว่าแถมยังหันมายิ้มให้

            "มึงไม่ถามกูเหรอว่าไปหาพี่อ๋องมาเป็นยังไงบ้าง" คำถามของไข่ต้มทำให้น้ำตามันไหลผ่านแก้มลงมา เป็นแบบนี้แล้วจะให้ผมถามได้ยังไง

            "มึงหยุดร้องไห้ให้ได้ก่อนเถอะ"

            "หยุดไม่ได้"

            "งั้นกูก็ไม่ถาม"

            "มึงไม่อยากรู้เหรอ"

            "อยากรู้ แต่กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้"

            ไข่ต้มยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา แววตามีความเศร้าปนสุข มันคือภาพรอยยิ้มที่ผมไม่อยากจดจำที่สุด และเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมเจ็บปวดที่สุด

            "มึงรู้มั้ย กูไปหาพี่อ๋อง แต่กูไม่ได้เจอเขาว่ะ" แล้วสุดท้ายมันก็เล่าออกมา

            ผมพยักหน้ารับ ไม่เอ่ยถามถึงสาเหตุ ไม่ได้ขอให้มันหยุดเล่า ได้แต่ใช้ทิชชูที่ซื้อมาด้วยเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมาเป็นระยะ และรับฟังอย่างตั้งใจ

            "กูคงผิดด้วยแหละที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่กูก็ทักไปบอกพี่อ๋องแล้วนะ บอกว่าจะไปหาถึงพี่เขาจะไม่ได้ตอบกลับมา พอกูไปถึงก็ยังไม่ได้คำตอบ กูโทรหาก็ไม่รับ กูรออยู่เกือบชั่วโมง กูไม่กล้าเข้าไปหาข้างในเพราะกูกลัว กลัวหาไม่เจอ กลัวไปเจอคนเยอะๆ สุดท้ายเลยตัดสินใจขึ้นรถกลับ แล้วพี่อ๋องถึงได้โทรกลับมา"

            เล่ามาถึงตรงนี้น้ำตามันก็ไหลพราก ผมบีบมือมันเพื่อให้กำลังใจ ไม่ขอให้หยุดเล่าเพราะไข่ต้มมันไม่ได้ต้องการแบบนั้น

            "กูไม่ได้โกรธพี่อ๋องเลยนะเพราะรู้ว่ากูเองก็ผิด เขาไม่ได้บอกให้ไปหาก็ยังไป ไปทั้งที่เขาว่างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่กูก็ยังร้องไห้อะมึง น้ำตามันไหลออกมาเอง ยิ่งอ่านไลน์ที่พี่เขาส่งมาขอโทษซ้ำๆ กูก็ยิ่งร้อง ร้องจนคนบนรถหันมามอง ตลกตัวเองว่ะ เป็นบ้าอะไรไม่รู้"

            "ตาบวมหมดแล้ว"

            ผมยังคอยเช็ดน้ำตาให้มัน ความโกรธที่มีอยู่น้อยนิดก่อนหน้านี้หายไปจนหมด ผมไม่รู้ว่าพี่อ๋องติดธุระอะไรถึงไม่ยอมรับสายและออกมาหาไข่ต้มไม่ได้ แต่เรื่องนี้ต่างฝ่ายต่างผิดกันคนละครึ่ง เพราะงั้นก็ถือซะว่าเป็นการเรียนรู้เป็นประสบการณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนย่อมเกิดปัญหาได้ทั้งเล็กและใหญ่ ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากมันเกิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อนผมคนนี้จะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม

            "มึงกับพี่อ๋องเคลียร์กันโอเคแล้วใช่มั้ย" ฟังจากที่ไข่ต้มเล่าปัญหาครั้งนี้ไม่ได้ทะเลาะกันรุนแรง พี่อ๋องขอโทษแล้ว ที่เพื่อนผมร้องไห้เป็นเพราะมันรู้สึกผิด และเสียใจที่ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ นี้ขึ้น

            "เคลียร์แล้ว กูขอโทษพี่อ๋องแล้ว พี่อ๋องก็ขอโทษกูตั้งหลายครั้ง เขาคิดว่ากูโกรธ"

            "ก็ดูมึงร้องไห้ดิ"

            "มันรู้สึกแย่นี่หว่า เพราะกูทำให้พี่อ๋องรู้สึกไม่ดี พี่เขาคิดว่าทำให้กูรอนาน ทั้งที่อยากเจอแต่ก็ไม่ได้เจอ เขากลัวกูคิดว่าเขาไม่อยากเจอกู แต่กูไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ นะ อาจจะน้อยใจนิดหน่อย แต่พอพี่เขาอธิบายเหตุผลว่าติดรับน้องกูก็เข้าใจ กูไปไม่บอกล่วงหน้าเอง"

            อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมไข่ต้มถึงร้องไห้หนักขนาดนี้เป็นเพราะมันโทษตัวเอง แม้ภายนอกจะดูเย็นชาไม่สนใจใคร แต่จริงๆ แล้วมันอ่อนไหวแค่ไหนผมรู้ดี โดยเฉพาะกับคนที่มันยกให้เป็นคนพิเศษ

            "มึงก็เลิกโทษตัวเองได้แล้ว เป็นแบบนี้กูว่าพี่อ๋องจะยิ่งรู้สึกไม่ดี"

            "ไม่ได้อยากคิดเลย"

            "แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วย ถ้าไม่อยากให้พี่อ๋องคอลมาแล้วเห็นตาบวมๆ ของมึง"

            "ก็ไม่ต้องคอล"

            "เป็นคนใจร้ายตั้งแต่เมื่อไร"

            "ตั้งนานแล้ว มึงไม่รู้เหรอ" ทำหน้าทำตาน่าหมั่นไส้ถามกลับจนผมอยากจะบีบจมูกรั้นๆ สักที พอเริ่มหายเศร้าแล้วก็แผลงฤทธิ์เลย

            "ทำเป็นใจร้ายไปงั้น แต่จริงๆ แล้วขี้แย"

            "ทำไมต้องล้อ"

            "หรือไม่จริง"

            "เออ"

            ไข่ต้มกระแทกเสียงใส่ ทำเป็นหน้าบึ้งในทีแรกก่อนแย้มรอยยิ้มบางๆ ตามด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมใจฟูขึ้นมา

            "ขอบคุณมึงมากนะที่อยู่กับกูตลอดเลย"

            "ไม่ต้องมาทำซึ้ง"

            "กอดมึงอุ่นมาก"

            "พอๆ"

            "ตอนเช็ดน้ำตาให้นี่ใจสั่นเลย"

            "ไอ้สัดหยุดพูด"

            "ไหนมากอดทีดิ๊" ไข่ต้มโผเข้ามาหา ผมเลยรีบลุกหนีแกล้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่มันกลบเกลื่อนรอยยิ้มที่พยายามกลั้นเอาไว้

            ก็เป็นซะแบบนี้ พออารมณ์อ่อนไหวแล้วชอบทำตัวน่ารักแบบนี้ จะห้ามไม่ให้เผลอใจให้ได้ยังไง

            "ดีขึ้นแล้วก็กลับบ้าน เอาแซนวิสกลับไปกินด้วย เดี๋ยวกูไปส่ง" ผมคว้ากระเป๋ามาสะพายแล้วโบกมือไล่ ตอนนี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว อยากไปส่งมันให้ถึงบ้านเพราะสภาพแบบนี้ให้กลับเองไม่น่ารอด

            ไข่ต้มไม่ขัดอะไร มันเก็บของกินยัดใส่กระเป๋าลุกขึ้นมายืนข้างผม มอบรอยยิ้มที่แม้จะยังไม่สดใสเต็มที่มาให้ พร้อมกับคำขอบคุณครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้

            เราเดินเคียงข้างไปตามทางในสวนที่ไร้ซึ่งผู้คน มือเราสัมผัสโดนกันเป็นครั้งคราว สัมผัสเพียงเสี้ยววินาทีที่ผมอยากจะยืดมันให้ยาวนานมากกว่านี้ อยากจะคว้ามือมันมาจับไว้แล้วพาเดินกันไปด้วยกัน แต่รู้ว่าดีว่าทำไม่ได้

            สถานะของผม...ทำแบบนั้นไม่ได้


tbc.

 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-11-2018 00:48:33
อ่านแล้วปวดใจจี้ดๆๆๆแทน s เลยอ่ะ
แต่ว่า น้องมันเป็นพระเอกแน่มั้ยอ่ะ ไข่ต้มไม่มีวี่แววจะมองเกินเพื่อนเลย รึอยุ่ใกล้เกินไป ห่างกันไปจะเข้าใจความรุ้สึกแอบรักนี่มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-11-2018 01:18:51
น้องคับบบบบบบบบบบบ
พี่จะช่วยน้องออกมาจากตรงนั้นยังไงดี  :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2018 01:56:44
 o13
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 04-11-2018 10:30:27
คือหาคนมาจีบพระเอกซักคนดิ้ หรือให้น้องเป็นพระรองไปเถอะ แล้วหาคู่ให้ซักคน เห็นละสงสาร
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 04-11-2018 11:59:44
S ซอสแน่นอนชัวร์ ๆๆ 555  เห้ออทำไมรุ้สึกพี่อ๋องมีคนอื่นวะ เราเดาาาาาา แต่อยากให้เป็นจริง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 12 แฟนเพื่อนสนิท <<< [03/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 04-11-2018 22:33:16
เป็นความสัมพันธ์ที่ดีแต่ก็เจ็บอ่ะ สงสารพระเอกเลยอ่ะ เจ็บเป็นพักๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 13 น้องแตงโมเด็กเรียน <<< [10/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 10-11-2018 18:57:35
ไข่ฟองที่ 13
น้องแตงโมเด็กเรียน


            หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้ไข่ต้มเสียน้ำตาครั้งใหญ่มาได้สองอาทิตย์ ชีวิตเพื่อนผมก็ดูจะสงบสุขเป็นพิเศษ มันติดมือถือน้อยลง ทั้งที่ปกติจะเห็นมันคุยกับพี่อ๋องตลอดเวลาที่ว่าง ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้อยากถามถึงแฟนมันนัก ดีเสียอีกที่มันจะได้ใช้เวลาอยู่กับผมมากขึ้น

            ถึงจะอิจฉา แต่ผมไม่ได้อยากให้มันเลิกกับพี่เขาหรอกนะ

            ผมมองไข่ต้มที่กำลังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากด้วยสีหน้าซังกะตาย เป็นการแสดงออกยามปกติเมื่ออยู่ในที่สาธารณะและถูกสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ 

            "น้องโต๊ะข้างหลังมองมึงอะ" ผมบอกหลังจากเห็นน้องเขามองมันตั้งแต่มานั่งที่โต๊ะ

            "แล้ว?"

            "ก็บอกเฉยๆ กูว่าอีกสักพักมันต้องลุกมาหามึง"

            "มึงก็พูดไป เดี๋ยวนี้มีคนเข้ามายุ่งกับกูที่ไหน"

            จริงอย่างที่ไข่ต้มมันว่า เข้ามาวุ่นวายแบบเมื่อก่อนตอนนี้แทบไม่มีแล้ว นอกจากคนนอกโรงเรียนที่ไม่รู้ว่ามันมีแฟน แต่หลายคนก็ยังจ้องจะจีบมันอยู่ดี ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ ผู้หญิงผู้ชาย ไม่ได้สนใจกำแพงที่ล้อมรอบตัวมันอยู่สักนิด ก็นะ เดี๋ยวนี้เปลือกไข่ของมันบางลงเยอะแล้ว

            "แล้วถ้าน้องเขาเข้ามาจริงมึงจะทำไง"

            "ก็คงทำเหมือนทุกที"

            "พี่ไข่ต้มครับ"

            ไข่ต้มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปตามเสียงเรียก ผมไหวไหล่ ก็บอกแล้วว่าน้องมันจ้องจะเข้าหาอยู่ เป็นไงล่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำเลยด้วยซ้ำ

            "ผมชื่อโมนะครับ อยู่ ม.ห้า"

            "อ่า...ครับ"

            มองไข่ต้มพยักหน้ารับแบบส่งๆ ตอนน้องเขาแนะนำตัว เป็นภาพที่ผมเห็นแล้วแอบขำ ไม่รู้ทำไมแทบทุกครั้งที่มีคนเข้าหามันมักจะเปิดด้วยการแนะนำตัวประจำ

            "พี่อ๋องกับพี่ไข่ต้มยังคบกันอยู่หรือเปล่าครับ" คำถามแสนตรงไปตรงมาถูกส่งมาให้ น้องคนนี้ใส่แว่นหนาเตอะเหมือนเด็กเรียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่จะเป็นเด็กเรียนจริงหรือไม่มองจากภายนอกอย่างเดียวย่อมตัดสินไม่ได้

            "ครับ น้องมีอะไรหรือเปล่า"

            "ผมเห็นพี่กับพี่อ๋องไม่ค่อยอัพเดตอะไรกันเลย เลยนึกว่าเลิกกันแล้วน่ะครับ เห็นก่อนหน้านี้เหมือนจะทะเลาะกันด้วย"

            ไอ้น้องคนนี้มันรู้ดีใช่เล่น ทำไข่ต้มมันอึ้งไปเลยกับความใจกล้าและความเถรตรงของน้อง วันที่ไข่ต้มมันร้องไห้พี่อ๋องเองก็โพสต์ขอโทษในไอจี แต่ไร้วี่แววของคุณแฟนเพราะคุยกันส่วนตัวเข้าใจแล้วมันเลยไม่ยอมไปคอมเมนต์ตอบอะไรพี่เขา จนกลายเป็นเรื่องค้างคาของเหล่าผู้ติดตาม เพราะหลังจากเกิดเรื่องวันนั้นคู่นี้ยังไม่เคยโพสต์อะไรถึงกันเลย ต่างฝ่ายต่างห่างหายไปจากโซเชียลเสียเฉยๆ จนคนนอกพากันเข้าใจผิด ผมคิดว่าไม่ได้มีแค่น้องโมแน่ๆ ที่คิดว่ามันกับพี่อ๋องเลิกกัน

            "ยังไม่เลิกครับ"

            "ครับผม"

            ได้รับการยืนยันจากไข่ต้มอีกครั้งน้องโมก็ยิ้มให้ก่อนถอยออกไปโดยไม่ดื้อด้านตื๊อต่อ เพราะคนที่ดูเหมือนจะมีเรื่องคาใจขึ้นมาแทนเห็นทีจะเป็นเพื่อนสนิทผมมากกว่า

            "เหมือนคนเลิกกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ" มันถามผมหน้าตาฉงน

            "แล้วมึงคิดว่าไง"

            "กูถามมึงนะ ไม่ได้ให้มาย้อนกลับ"

            "กูก็ถามตัวมึงเองไงว่าตอนนี้คิดว่าระหว่างมึงกับพี่อ๋องเป็นยังไง เพราะถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิมมึงก็ไม่ต้องไปสนใจคำคนอื่นหรอก พวกนั้นไม่ใช่คนในความสัมพันธ์ของมึงสักหน่อย"

            ไข่ต้มฟังผมพูดตาแป๋ว ไม่รู้ว่าเข้าใจที่พูดไปไหมถึงได้เงียบไม่ยอมตอบอะไรกลับมา สำหรับคนที่ไม่เคยมีแฟนอย่างมัน จะรับรู้หรือเปล่าหากความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนไป

            "เงียบใส่อีก"

            "ไม่รู้ว่ะ"

            "ไม่รู้อะไร"

            "ไม่รู้ว่าเหมือนเดิมหรือเปล่า"

            "สรุปยังไงของมึงเนี่ย" คำพูดคำจาแสนกำกวนของไข่ต้มทำผมเริ่มคิดหนัก แต่เพราะสีหน้ามันดูไม่ได้เป็นทุกข์อะไรเลยทำให้ผมสับสน พูดเหมือนจะมีปัญหาแต่ท่าทางกลับยังดูปกติดี มันคงไม่ได้ปิดบังอะไรผมอยู่ใช่ไหม

            "ก็ไม่ไงหรอก เหมือนเดิมน่ะแหละ"

            "อย่าทำให้เป็นห่วงสิวะ"

            "ก็อยู่ๆ มีคนมาถามว่าเลิกกันหรือยังกูก็สงสัยไง เพราะจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย"

            "เออ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้แบบวันนั้นอีก"

            "อย่าย้ำดิวะ" ไข่ต้มมันว่าแล้วทำหน้าบึ้งใส่ ทักเรื่องนี้หน่อยไม่ได้ทำหน้าเหวี่ยงตลอด

            "โอเคๆ มึงก็ไม่ต้องไปคิดมาก ไม่มีใครรู้ดีเท่ามึงกับพี่อ๋องหรอก"

            "เออ"

            "เส้นอืดเต็มถ้วยแล้ว" ผมชี้ไปที่ชามก๋วยเตี๋ยวของมัน คนห่วงกินเลยกลับไปมุ่งมั่นกับการคีบเส้นเข้าปากอย่างรวดเร็ว

            จัดการมื้อกลางวันเสร็จไข่ต้มมันก็ชวนขึ้นห้องเรียน ผมปวดฉี่เลยแยกมาเข้าห้องน้ำให้มันรออยู่หน้าโรงอาหาร ระหว่างที่กำลังเดินผ่านโต๊ะสาวๆ เพื่อไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังโรงอาหารก็บังเอิญได้ยินเรื่องที่พวกเธอเมาท์กัน

            "พี่ไข่ต้มมีคนไปจีบอีกแล้ว"

            "แตงโม ม.ห้าป้ะ ไม่คิดว่ามันจะชอบเหมือนกัน"

            "ใครๆ ก็ชอบพี่เขามั้ยอะ"

            "ก็พี่ไข่ต้มน่ารัก"

            ขาผมก้าวช้าลงจนเหมือนจะหยุดเดิน แกล้งทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นแอบฟังใกล้ๆ กับโต๊ะน้องเขา แล้วประเด็นที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินก็มีคนพูดขึ้นมา

            "แต่เพื่อนพี่ไข่ต้มก็ดีนะ"

            เหตุการณ์มันคุ้นๆ เป็นอีกครั้งที่ผมบังเอิญได้ยินคนในโรงเรียนพูดถึงไข่ต้มแล้วลามมาเรื่องของผม แล้วไอ้คำว่า ‘ก็ดีนะ’ มันหมายความว่ายังไง

            "กูว่าพี่เขาก็หล่อนะ เหมือนผู้พิทักษ์พี่ไข่ต้มเลย"

            เล่นชมกันแบบนี้ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยทำยังไงดี

            "บางทีก็เหมือนแฟน"

            "เห็นด้วย แต่พี่เขายืนยันว่าเพื่อนว่ะ แอบเสียดาย"

            แล้วมันก็ต้องมีคนขัด บางทีเคมีผมกับไข่ต้มมันอาจจะเข้ากันมากก็ได้ถึงได้มีคนคิดว่าผมกับมันเป็นแฟนกัน อย่างน้อยก็สองคนแล้วที่ผมได้ยินกับหู ถึงคนแรกที่ได้ยินจะบอกแค่ว่าเหมาะสมกันก็เถอะ

            "ว่าแต่เพื่อนพี่ไข่ต้มชื่ออะไรนะ"

            "พี่เขาชื่อ..."

            น้องเขาลากเสียงยาวจนผมลุ้นตามไปด้วย แอบหันไปมองช่วยให้กำลังใจอีกแรง แต่สุดท้ายแล้ว

            "ชื่ออะไรวะ"

            ทั้งกลุ่มพากันถอนหายใจรวมถึงผมด้วย ส่ายหน้าขัดใจเก็บมือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกงก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องน้ำด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ

            คนทั้งโรงเรียนนี้มันจะรู้จักแค่ชื่อไข่ต้มคนเดียวเลยหรือไง

 

            มาเรียนพร้อมกัน นั่งเรียนข้างกัน อยู่ด้วยกันทั้งวัน กลับบ้านพร้อมกัน วันหยุดก็ไปเที่ยวด้วยกัน คงเหลืออีกอย่างเดียวเท่านั้นที่ผมจะกลายเป็นแฝดอินจันกับไข่ต้มคือไปนอนกับมันนี่แหละ พักนี้จะตัวติดกันเกินไปหน่อยแล้ว

            เอาจริงผมคิดว่ามันแปลก แม้การที่ไข่ต้มไม่พูดถึงพี่อ๋องเลยมันเป็นอะไรที่ดีมาก แต่การที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพี่เขาเลยกลับทำให้ผมเป็นห่วง เพราะครั้งก่อนที่มีรุ่นน้องทักเรื่องเลิกกันทำเอามันคิดมากอยู่พอตัว ถึงมันจะยืนยันว่าไม่มีอะไร แต่ผมก็ไม่สบายใจอยู่ดี

            "เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมึงคุยกับพี่อ๋องเลย" แล้วสุดท้ายผมก็ทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว

            ไข่ต้มหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนกลับไปมองวิวทางข้างที่รถกำลังวิ่งผ่าน เราอยู่บนรถเมล์ นั่งข้างกันบนเบาะคู่ช่วงท้ายรถ ไข่ต้มมันชวนไปหาอะไรกินหลังเลิกเรียนแน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธ

            "ก็คุยแต่มึงไม่เห็น"

            "คุยเฉพาะตอนอยู่บ้านอะนะ"

            "อืม ก็คุยดึกๆ พี่อ๋องดูไม่ค่อยว่างกูเลยไม่อยากกวน"

            "เกรงใจแบบนี้ก็ได้เหรอวะ" ผมไม่รู้หรอกว่าคนเป็นแฟนกันเขาคุยกันยังไง ต้องมีเวลาว่างขนาดไหน แต่การบอกว่าไม่อยากกวนไม่ใช่เหตุผลที่เข้าท่าเท่าไรสำหรับผม เพราะถ้าแฟนผมมาบอกว่าไม่คุยเพราะไม่อยากกวนผมจะโกรธ

            ไข่ต้มมันยังไม่ตอบทันที หันมามองหน้ากันอยู่สองสามครั้งแล้วก็เม้มปากเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

            "หรือมีปัญหากันอีก" ผมลองถาม มันทำหน้าเหมือนไม่อยากตอบ แต่สุดท้ายก็ยอมรับ

            "คงใช่มั้ง"

            "ทำไมมั้ง"

            "กูไม่แน่ใจ"

            "เล่าดิ"

            จากมองวิว มองหน้าผม แล้วก็เปลี่ยนไปมองมือตัวเอง ไข่ต้มถอนหายใจเบาๆ ทำเอาผมรู้สึกอึดอัดไปด้วย ไม่อยากเห็นมันเป็นแบบนี้ ไม่อยากเห็นมันทุกข์ใจเรื่องคนที่มันรัก ผมอยากให้มันมีความสุข สุขกับสิ่งที่มันเลือก แม้ผมจะเจ็บทุกครั้งก็ตาม

            "มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูเป็นพวกที่ถ้าไม่รู้สึกด้วยก็จะไม่ยุ่งเลย"

            "รู้ดิ" รู้ดีมากเลยด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ยุ่ง แต่จะปฏิเสธการเข้าหาแบบไร้เยื้อใยและตัดโอกาส เพราะงั้นผมถึงต้องเก็บความรู้สึกที่มีไว้ในใจคนเดียวแบบนี้

            "แต่กับพี่อ๋องกูว่ากูรู้สึกนะเลยลองเปิดใจ ช่วงแรกมันก็ดี อยากเจออยากคุย อยากสละเวลาให้ คิดว่าคนนี้คงใช่แล้วจริงๆ ถึงได้ยอมขนาดนั้น แต่พอมาถึงตอนนี้ บางทีมันอาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้"

            "เพราะเรื่องคราวที่แล้วหรือเปล่า มึงเคลียร์กับพี่อ๋องโอเคแล้วจริงๆ ใช่มั้ย"

            "อาจจะมีส่วน แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะกูเคลียร์กับพี่อ๋องแล้ว มันโอเคแล้วจริงๆ"

            "หรือมึงหมดใจ" ผมเดาสุ่ม ปัญหาคู่รักมันจะมีสักกี่เหตุผลกัน

            "กูไม่ได้เบื่อง่ายขนาดนั้น"

            "แล้วมันยังไง"

            "ใจกูคิดว่ามีแฟนแบบอยู่ห่างๆ กันมันก็ดีนะ ไม่ต้องเจอไม่ต้องคุยกันทุกวันก็ได้ ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันจนเกินไป จะได้มีเวลาคิดถึงกันด้วย แต่พอได้ลองคบกับพี่อ๋องจริงๆ กูอาจจะเข้าใจตัวเองผิดก็ได้ พอยิ่งไม่ได้เจอ ยิ่งห่าง ความรู้สึกมันก็ห่างเหินตามไปด้วย ถึงจะคุยกันทุกวัน แต่เวลาที่พี่อ๋องมีให้กูแม่งโคตรน้อยเลย มันไม่พอว่ะ"

            "แล้วไม่บอกพี่เขาวะ"

            "กูไม่อยากงอแง"

            "คิดไปเองหรือเปล่า บางทีพี่อ๋องอาจจะรอมึงไปงอแงใส่เขาก็ได้" ถ้าเป็นผมก็คงคิดแบบนั้น จะมีสักกี่คนที่จะได้เห็นไข่ต้มแงงอใส่ ผมคนหนึ่งล่ะที่อยากเห็น คนเป็นแฟนอย่างพี่อ๋องต้องอยากเห็นมุมน่ารักๆ ของมันอยู่แล้ว

            "อืม ไว้จะลองดู" แต่บางที ผมก็ไม่ควรแนะนำเลย

            ได้แต่พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้แม้ความคิดฝั่งชั่วจะก่นด่าตัวผมเองอยู่ก็ตาม   

 

            ผมไม่แน่ใจว่าที่บอกว่าจะลองดูของไข่ต้มมันไปลองดูแบบไหน ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพี่อ๋องในสายตาผมถึงไม่ดีขึ้นสักที ล่าสุดผมเห็นพี่อ๋องโพสต์คำคมเศร้าๆ ที่คงไปยืมมาจากเพจในเฟซบุ๊ก ประมาณว่า เหนื่อย อยากพัก ไม่รัก หรืออะไรสักอย่างผมก็จำได้ไม่แม่น พี่เขาไม่แท็กใคร เหมือนบ่นลอยๆ ให้เพื่อนเข้ามาถาม ซึ่งในคนจำนวนมากมายเหล่านั้นไม่มีเพื่อนผมรวมอยู่ด้วย เพราะแบบนี้เลยทำให้ผมยิ่งสงสัย

            ความสัมพันธ์ระหว่างไข่ต้มกับพี่อ๋องยังดีเหมือนเดิมหรือเปล่า

            ด้วยรักและเป็นห่วง เจอหน้าไข่ต้มเช้าวันต่อมาที่โรงอาหารผมก็เลื่อนหารูปที่พี่อ๋องลงในไอจีแล้วยื่นให้เพื่อนสนิทดูทันที เรื่องนี้ต้องมีการสอบสวน

            "อะไร" มันถามกลับ มองโพสต์ของพี่อ๋องที่ผมเปิดให้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปเขาชอบเพ้อกันลงไอจี

            "สรุปมึงกับพี่อ๋องนี่ยังไงวะ"

            "ก็ไม่ไงอะ ปกติ"

            "แล้วที่พี่เขาโพสต์นี่คืออะไร เกี่ยวกับมึงมั้ย"

            "เหนื่อยเรียนมั้ง"

            "ไอ้ ‘ไม่รักก็หยุด’ นี่คือเหนื่อยเรียน"

            ไข่ต้มมองโพสต์ของพี่อ๋องที่ผมยังเปิดค้างไว้ มันเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะยอมพูดออกมาโดยที่สายตายังจับจ้องที่รูปในมือถืออยู่

            "อืม...ก็อาจจะเหนื่อยกับกูด้วยแหละ"

            "คือยังไงวะ ทะเลาะกัน?"

            "อืม ห่างๆ กันแล้ว"

            "เดี๋ยว!" ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำไมอยู่ๆ เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้

            ไข่ต้มมันดูนิ่งไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้เท่าไร ผมไม่แน่ใจว่ามันเก็บอาการหรือรู้สึกอย่างที่แสดงออกจริงๆ กันแน่ จะบอกว่าคุยกับพี่อ๋องและตกลงกันแล้วก็ไม่น่าจะใช่ ไม่อย่างนั้นพี่อ๋องจะโพสต์แบบนั้นทำไม

            "อธิบายมา"

            "ก็ห่างกันไง ไม่มีเวลาให้ก็ห่างกัน"

            "มึงไปงอแงใส่พี่อ๋องท่าไหนวะถึงออกมาเป็นแบบนี้"

            "ก็ตามสไตล์กูอะแหละ"

            ผมถอนหายใจดังเฮือกเมื่อได้ฟังคำตอบ ตามสไตล์มันผมนึกออกแต่ความเด็ดเดี่ยวและใจร้าย ครั้งก่อนที่ผมแนะนำให้ไปงอแงกับพี่อ๋อง คือการงอแงแบบน่ารัก อยากเจอ คิดถึง อยากอยู่ด้วยอะไรประมาณนั้น แต่เหมือนว่ามันจะทำตรงกันข้ามกับที่ผมแนะนำไปเลย

            "มึงไปพูดกับพี่เขาว่าไงวะ"

            ไข่ต้มกดออกจากแอปฯ แถมยังล็อกหน้าจอส่งมือถือคืนให้ผมเสร็จสรรพ มันขมวดคิ้วทำหน้าเครียดก่อนถอนหายใจ แววตาไม่ได้เศร้านัก แต่ดูก็รู้ว่ามันกำลังรู้สึกแย่

            "พอคุยจริงๆ มันก็ไม่อยากงอแงไง กูเลยบอกพี่อ๋องว่าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเจอก็ได้ ไม่ต้องคุยก็ได้ กูโอเคไม่อยากกวน ก็เหมือนจะเข้าใจกันนะ แต่ตอนคุยพี่อ๋องไม่ยอมพูดกับกูตรงๆ ไงว่าไม่ชอบ แล้วก็ไปโพสต์แบบนั้น กูก็ไม่ชอบเหมือนกัน เลยไม่อยากคุย เลยบอกไปว่าช่วงนี้ห่างๆ กันก็ดี"

            "พี่อ๋องยอมเหรอวะ"

            "พี่มันไม่ยอมตอบ กูเลยคิดเอาเองว่ายอม"

            "แบบนี้ไม่ได้นะเว้ย"

            "แล้วจะให้ทำไงวะ"

            "ง้อหน่อยดิ อ้อนพี่มันหน่อย"

            "มันไม่อยากทำว่ะ เอาจริงตอนนี้กูก็บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก อยากคุยมั้ยมันก็เฉยๆ อยากเจอมั้ยก็ไม่ หรือเพราะกูยังโกรธพี่มันอยู่" คิ้วมันขมวดชนกันตลอดเวลาที่พูด ดูเหนื่อยและสับสน

            สารภาพจากใจจริงว่า ในความเป็นห่วงนั้นมีความรู้สึกยินดีโผล่เข้ามาเมื่อคิดว่าไข่ต้มมันอาจจะจบความสัมพันธ์กับพี่อ๋องเร็วๆ นี้ ผมไม่ใช่คนดี แต่พยายามเป็นเพื่อนดีที่สุดแล้วสำหรับมัน ผมสนับสนุนรักครั้งนี้แม้ไม่ได้ยินดีจากใจ ผมให้คำปรึกษา อยู่ข้างมันยามที่มันเศร้า และจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

            "ไปคุยกันให้รู้เรื่องเถอะ ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีกับมึงสองคนเลย เป็นกูโดนแฟนพูดใส่อย่างที่มึงพูดก็คงไม่โอเคเหมือนกัน แต่ก็ผิดที่พี่อ๋องไม่บอกมึงตรงๆ ด้วย ไปคุยกันให้เคลียร์เลยนะ จะเอายังไงต่อก็ตกลงกันเอาเอง กูเชื่อว่าพวกมึงคงไม่เลิกกันง่ายๆ เพราะเรื่องแค่นี้หรอก"

            "เป็นพี่อ้อยพี่ฉอดเหรอมึง" ไข่ต้มมันแซว แต่บอกไว้ตรงนี้ว่าผมจริงจัง

            "ก็เป็นให้มึงได้ทุกอย่างนั่นแหละ"

            ไข่ต้มยิ้มรับไม่พูดอะไรต่อ ไม่ตอบตกลงหรือปฏิเสธคำแนะนำของผม มันลุกจากโต๊ะเดินไปซื้อข้าวราดแกงที่ร้านใกล้ๆ เป็นการหนีออกจากประเด็นที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่

            แต่จากนี้ ผมขอแค่มันไม่หนีจากความจริงที่กำลังเผชิญอยู่ก็ขอ

 
tbc.

 
ใกล้แล้วค่ะ เราใกล้จะได้รู้ชื่อน้อง S แล้ว มาบอกแค่นี้แหละ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 13 น้องแตงโมเด็กเรียน <<< [10/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 11-11-2018 00:33:01
กลายเป็นไปๆๆๆมาๆๆๆๆรำคาญทั้งคู่ไปเลยอะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 13 น้องแตงโมเด็กเรียน <<< [10/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 11-11-2018 10:40:09
อิหยังนิ  ตอนนี้มันอะไรยังไง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 13 น้องแตงโมเด็กเรียน <<< [10/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayuYume ที่ 12-11-2018 18:38:07
อ่านไปก็หน่วงไปคนนึงก็ชอบแต่ไม่อยากบอกเพราะกัวจะเสียเพื่อนไปจนเป็นเพื่อนกันไม่ได้เพราะว่าคดไม่ซื่ออีกคนก็ไม่รู้ว่าชอบพระเอกหรือป่าวแต่ก็ขอหั้ยจบแบบแฮปปี้นะคะ เพราะนี่ก็นึกว่าเป็นแนวสัยๆอ่านมาเรื่อยๆโอ้ยหน่วงจัง  :ling1:
ป.ย.แป้นพัง  :katai4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 13 น้องแตงโมเด็กเรียน <<< [10/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-11-2018 10:50:22
เอายังไงเนี่ยน้องไข่ต้ม
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 13 น้องแตงโมเด็กเรียน <<< [10/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-11-2018 12:03:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่สาวชื่อ ซีอิ๊ว

น้องชาย ตัว S น่าจะชื่อ ซอส มั้ง

ไข่ต้ม คงยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเท่าไร  แต่ที่แน่ ๆ ไม่ได้อินังขังขอบกับพี่อ๋องหรอก

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 14 แฟนเก่า <<< [17/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 17-11-2018 19:23:20

ไข่ฟองที่ 14
แฟนเก่า


            สถานการณ์ย่ำแย่

            ตั้งแต่กลับจากโรงเรียนผมโทรหาไข่ต้มเป็นสิบสายแต่ไม่มีการตอบกลับ มันไม่รับสายผม ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ หากเป็นเวลาปกติผมจะคิดว่ามันดูซีรีส์เพลินจนลืมสนใจเรื่องอื่น แต่สำหรับเวลานี้มันไม่ใช่ เพราะโซเชียลของพี่อ๋องกำลังลุกเป็นไฟ ทำเอาผมร้อนใจจนอยากบุกไปหามันที่บ้าน

            ผมเข้าเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรมสลับกันเพราะมีโซเชียลของพี่อ๋องแค่สองอย่างนี้ กำลังอ่านคอมเมนต์บรรดาเพื่อนพี่เขาที่เข้ามาปลอบมาถามไถ่โดยที่ไม่รู้อะไรเลยเหมือนผม เพราะพี่เขาเองก็ยังเงียบอยู่เช่นกันหลังจากโพสต์เรียกดราม่าเมื่อชั่วโมงก่อน

            เพราะความเป็นห่วงปนอยากรู้พาลให้ผมอยู่ไม่สุข นั่งคิดนอนคิดถึงเพื่อนสนิทว่าป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง กำลังเคลียร์กับพี่อ๋องอยู่หรือว่ายังไง แล้วคุยกันราบรื่นไหม ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า หรือที่มันเงียบไปเป็นเพราะยังไม่รู้เรื่อง ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น และถ้าเกิดเป็นอย่างหลังขึ้นมาผมว่าได้ทะเลาะกันหนักกว่าเดิมแน่

            เชื่อเถอะว่าถึงจะเป็นคนมีเหตุผลแค่ไหน แต่ความรักมักทำให้คนเราเกิดความงี่เง่าได้เสมอ

            ผมนอนแผ่หลากลางเตียง พยายามหาข่าวอัพเดตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทกับแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่ทั้งคู่ยังปิดปากเงียบไม่ออกมาให้ข่าวใดๆ กระทั่งโทรศัพท์ในมือแจ้งเตือน ไลน์จากคนที่รออยู่เด้งขึ้นมาด้านบนของหน้าจอ ผมรีบกดเพื่อเปิดเข้าไปอ่านก่อนที่มันจะหายไป

            Egg : มึง

            ไข่ต้มทักมาสั้นๆ ผมไม่แน่ใจว่ามันแค่เกริ่นเรียกหรืออยากให้ผมตอบเลยยังไม่พิมพ์อะไรกลับไป เผื่อว่ามันมีอะไรอยากจะบอก หรือตอบคำถามของผมที่ถามมันไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมันไม่ได้ปล่อยให้ผมรอนานนัก

            Egg : กูเลิกกับพี่อ๋องแล้วนะ

            แล้วคำตอบของมันก็ทำเอาผมเหมือนถูกสตาฟไว้ นิ้วไม่ขยับ ตาวนอ่านประโยคล่าสุดที่ถูกส่งมาซ้ำๆ

            มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอกับความสัมพันธ์ครั้งนี้

            S : มึงโอเคมั้ยวะ ให้กูไปหามั้ย

            Egg : กูโอเค มึงไม่ต้องมา ดึกแล้ว

            S : กูไปได้

            Egg : ไม่ต้องมา กูโอเคจริงๆ

            S : ไม่ได้ร้องไห้ใช่มั้ย

            Egg : ไม่ร้อง

            S : คอลได้มั้ย

            Egg : กูโอเคจริงๆ เชื่อหน่อยดิ

            Egg : แวะมาบอกมึงแค่นี้แหละ

            Egg : เจอกันพรุ่งนี้ เดี๋ยวเล่าให้ฟังเอง

            S : เดี๋ยวดิมึง อย่าหนี

            ไข่ต้มไม่อ่านที่ผมส่งไป แต่ผมรู้ว่ามันเห็นและเลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำยังไงกับผมในสถานการณ์แบบนี้ ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะโอเคจริงๆ อย่างที่บอกมา มีแฟนคนแรก เลิกกันครั้งแรกยังไงมันต้องเศร้า มันต้องมีน้ำตากันบ้าง ผมล่ะอยากไปหามันชะมัด อยากไปดูให้เห็นกับตาว่ามันยังสบายดีอยู่หรือเปล่า อย่างน้อยมีคนให้กอดตอนร้องไห้ก็ยังดีกว่าอยู่ตัวคนเดียว

            S : กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงโอเค

            S : กูยังรออยู่นะเว้ย ถ้ามันหนักเกินที่ตัวคนเดียวจะรับไหวมึงเรียกกูได้เลยนะ

            S : ไม่อยากให้มึงร้องไห้หนักแบบวันนั้นอีกเข้าใจใช่มั้ย

            S : กอดกูอุ่นนะถ้ามึงต้องการ

            S : แค่บอกมา กูจะรีบไป

            ผมพิมพ์ทิ้งไว้ ไม่นานนักมันก็ขึ้นว่าถูกอ่านแล้ว จ้องมองอย่างรอคอยว่าไข่ต้มจะพิมพ์ตอบกลับมาบ้างไหม แม้จะรู้ว่ามันรับรู้แล้ว แต่ผมอยากให้มันยืนยันกับผมอีกครั้ง

            Egg : รู้แล้วน่า

            แค่นี้แหละที่ผมต้องการ ถ้ามันเรียก ผมก็พร้อมจะไปหามันทันที

 

            หลังจากได้รับคำตอบจากไข่ต้มไม่นานมือถือก็ดังรัวๆ จนตัวผมที่กำลังอาบน้ำอยู่อยากจะรีบพุ่งออกมาดูว่าใครส่งอะไรมา เพราะถ้าหากเป็นไข่ต้มแล้วล่ะก็ ผมก็พร้อมจะใส่เสื้อผ้าแล้วโบกแท็กซี่ไปหามันทันที

            ผมเปิดน้ำล้างฟองสบู่ออกจากตัวแบบรีบๆ มั่นใจว่าล้างออกหมดแล้วก็คว้าผ้าขนหนูมาพันตัว เปิดประตูก้าวออกจากห้องน้ำคว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู แล้วทุกอย่างที่มโนไว้ก่อนหน้านี้ก็พังทลายลงมาไม่เป็นท่า

            ไม่ใช่ไข่ต้ม แต่เป็นพี่ซีอิ๊ว

            ผมวางมือถือไว้เหมือนเดิมเพราะไม่ใช่คนที่รออย่างที่คิด หยิบชุดนอนมาใส่ นั่งเช็ดผมเปิดเพลงฟังเพราะไม่อยากให้ห้องมันเงียบ แต่คนอย่างพี่ซีอิ๊วไม่มีทางยอมให้ตัวเองถูกเมิน พอผมไม่ตอบก็ไลน์มารัวๆ จนเริ่มรำคาญ เลยต้องลุกไปหยิบมือถือมาเปิดอ่าน เพราะถ้ายังไม่ยอมตอบพี่ต้องโทรมาแน่ๆ

            แล้วก็นั่นไง ยังไม่ทันขาดคำ

            พี่ซีอิ๊วโทรมาหาเมื่อผมไม่ยอมตอบกลับไปสักที แล้วก็ไม่รู้ยังไงกันนักพี่คนนี้ถึงได้ชอบโผล่มาเวลาที่ผมมีเรื่องทุกข์ใจเป็นประจำ เหมือนกับต้องการบอกว่าพี่สาวคนนี้รออยู่ตรงนี้นะ เล่ามาได้เลยพร้อมยุ่งเรื่องของน้องชายเสมอ ถามว่าดีไหมผมว่ามันก็ดี ดีมากๆ เลย

            ปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังไม่น่านักผมก็กดรับสายแล้วเงียบใส่ หากเป็นช่วงที่อารมณ์ปกติผมคงถามกลับไปว่า ‘โทรมาทำไม’ เป็นการกวนประสาทพี่สาว แล้วก็จะโดนพี่ซีอิ๊วกวนกลับมาด้วยการบอกรักหรือหยอดเล็กหยอดน้อยให้รู้สึกขนลุกเล่น

            [อย่าเงียบใส่ดิ] เสียงพี่ซีอิ๊วดังผ่านสายมาหลังจากเงียบใส่กันสักพัก พี่คงรู้แล้วว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับผมและเพื่อนสนิท ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้คงไม่ไลน์มาถามจนถึงขั้นต้องโทรมาหาแบบนี้

            "ก็ไม่รู้จะพูดอะไร"

            [คิดว่าแกจะดีใจซะอีก]

            "ไม่ได้เลวขนาดนั้น"

            [แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง]

            "หมายถึงใคร ผมหรือไข่ต้ม"

            [ก็ต้องแกดิ พี่โทรหาแก]

            "ก็อืม...ดีแหละ ไม่ได้เป็นคนอกหักนี่หว่า"

            ความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ผมก็บอกไม่ค่อยถูก ถ้าจะบอกว่าไม่ดีใจเลยก็คงโกหก ไข่ต้มคือความรักของผม ผมเลยดีใจที่ความรักของผมได้เป็นอิสระ แต่ผมเศร้า ผมรู้สึกไม่ดี เพราะความรักของผมคงกำลังเสียใจและเป็นทุกข์ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น อยากให้ความรักของผมได้พบเจอแต่เรื่องราวดีๆ หลุดพ้นจากความทุกข์และความเศร้าทั้งหลาย แต่ความรักของผมคือชีวิตของคนคนหนึ่ง ย่อมไม่มีทางหลุดพ้นจากความรู้สึกต่างๆ ไปได้ ทั้งความสุขและความทุกข์

            [สรุปเลิกกันจริงๆ แล้วใช่มั้ย] พี่ซีอิ๊วถามต่อ ในโซเชียลของทั้งพี่อ๋องและไข่ต้มยังไม่มีใครออกมายืนยันว่าเลิกกันแล้วจริงๆ แต่สถานการณ์ต่างๆ นั้นชวนให้คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ที่จริงผมไม่ควรบอกเรื่องนี้กับพี่ซีอิ๊วเพราะทั้งคู่ยังไม่มีใครออกมาพูดอะไรเลย แต่ก็นั่นแหละ เผลอหลุดปากออกไปซะแล้ว

            "แล้วพี่คิดว่าไง"

            [พี่ไม่ได้ให้แกมาย้อนถาม]

            "ทำไมต้องดุ คิดว่าจะโทรมาปลอบ"

            [ก็กวนตีนไง เป็นคนอกหักเองหรือไงทำไมต้องปลอบ]

            "ก็ลืมไปว่าพี่แค่มาเสือก"

            [พูดอีกก็ถูกอีก] ตอบเสียงชื่นบานอย่างไม่ปิดบังจนผมชักหมั่นไส้ ถ้ารู้ว่าจะโทรมาแค่นี้ผมจะไม่รับสายตั้งแต่แรก อุตส่าห์หลงคิดไปว่าเป็นห่วงน้อง

            พอผมเงียบพี่ก็ไม่ยอมพูดอะไรต่อ ผมอยากปรึกษา มันคือปัญหาที่พี่ซีอิ๊วชอบเข้ามาวุ่นวายเสียทุกครั้ง ทำตัวรู้ดี แนะนำนู่นนั่นนี่ ผมเลยอยากรู้ว่าครั้งนี้พี่จะแนะนำอะไรผมได้บ้าง จะช่วยให้น้องชายคนนี้หลุดพ้นจากความรู้สึกแสนเศร้านี้ได้หรือเปล่า

            "พี่"

            [อะไร]

            "ทำเสียงเหมือนไม่อยากให้ถามเลย"

            [ถ้าไม่อยากให้ถามพี่คงวางไปตั้งแต่แกเงียบใส่แล้ว]

            "อืม"

            [แล้วจะถามอะไร ถ้าเรื่องไข่ต้มพี่เคยบอกแกไปแล้วนี่]

            "ก็นั่นแหละ แต่พอมาคิดดูอีกทีมันจะดีเหรอ"

            ผมจำได้แม่น วันนั้นที่ผมรู้ว่าไข่ต้มคบกับพี่อ๋อง พี่ซีอิ๊วก็โทรหาผมแล้วเราก็คุยกันเรื่องนี้ พี่บอกให้ผมรอเสียบในวันที่เขาเลิกกันซึ่งผมก็คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ ใจผมกลับปฏิเสธ ความคิดฝั่งดีผู้มีคุณธรรมบอกผมว่าไม่ควรทำอย่างนั้นขณะเมื่อเพื่อนกำลังเจ็บ ในฐานะเพื่อนสนิทควรอยู่เคียงข้างไม่ใช่เข้าไปแทนที่ในที่ที่ไม่รู้ว่าเขาอยากให้เราเข้าไปอยู่หรือเปล่า

            [เป็นคนดีอีกละ]

            "ยังไม่อยากเสียเพื่อนไง"

            [เสียเพื่อน แต่อาจจะได้แฟนกลับมาใครจะรู้]

            "ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีดิ"

            [ยังไม่ได้ลองดูเลย แล้วรู้ได้ไงว่ามันยาก]

            "แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้มั้ยวะพี่"

            [แล้วใครบอกให้แกทะเล่อทะล่าเข้าไปตอนนี้]

            "ถ้าช้าเดี๋ยวก็โดนตัดหน้าอีก"

            [ยังไงของแกวะ พี่จะโมโหแล้วนะเนี่ย] พี่ซีอิ๊วแวดใส่ เข้าใจว่าตัวเองผิดที่โลเล แต่ช่วยเห็นใจน้องชายที่จิตใจกำลังอ่อนไหวนิดนึง

            "อย่าเพิ่งอารมณ์เสียดิ"

            [แล้วนี่แกได้คุยกับไข่ต้มบ้างยัง]

            "คุยแล้ว"

            [เป็นไงบ้าง]

            "มันบอกว่าโอเค แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า จะไปหาก็ไม่ยอมให้ไป"

            [ใจมันได้ว่ะ จะออกจากบ้านดึกๆ ดื่นๆ ไปปลอบเขาตอนอกหัก] นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมเบื่อเวลาคุยกับพี่ซีอิ๊ว ถ้าไม่เข้าโหมดจริงจังโดยสมบูรณ์ก็จะเป็นแบบนี้ ได้กวนประสาทผมสักนิดสักหน่อยเป็นสุขใจ

            "จริงจังหน่อยดิพี่"

            [ก็จริงจังอยู่เนี่ย ใครบอกพี่เล่น]

            "ผมนี่แหละ"

            [อะๆ ต่อๆ คือยังไง ไข่ต้มไม่เฮิร์ตเลย]

            "มันว่างั้น เจอกันพรุ่งนี้มันบอกจะเล่าให้ฟัง"

            [เฮิร์ตชัวร์]

            "ก็ว่างั้นแหละ แต่ไม่อยากตื๊อมาก"

            [เชื่อฟังจังนะ เชื่องเป็นหมาเลย]

            "อืม" ผมเบื่อจะต่อปากต่อคำเลยครางรับไปสั้นๆ

            [ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันก็สังเกตอาการเพื่อนดีๆ แล้วกัน ช่วงอกหักนี่แหละที่สุดของความอ่อนไหว จะพูดจะปลอบอะไรก็คิดดีๆ พี่ยังเชียร์แกให้ได้กันอยู่นะ อย่าบุ่มบ่าม อย่ารีบร้อน อย่ากลัว]

            "รู้แล้ว" ปากตอบไปงั้นแต่ใจผมก็ยังกลัวอยู่ดี เชื่อเถอะว่าพรุ่งนี้ผมไม่มีทางทำอะไรนอกจากฟังเรื่องที่ไข่ต้มมันเล่าอย่างตั้งใจ

            [แต่ถ้ากลัวจะเสียเพื่อน...]

            แต่พี่ซีอิ๊วก็คือพี่ซีอิ๊ว คนที่เหมือนจะรู้ทันความคิดผมไปหมดเสียทุกอย่าง

            [ก็ลองทำให้ตัวเองมั่นใจสิว่าอีกคนมีแววว่าจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า]

            "ทำยังไงอะ"

            [คิดเองบ้างดิ]

            "เอ้า!"

            [สู้ๆ นะไอ้น้องรัก ไว้ว่างๆ จะโทรมาอัพเดตข่าวสาร แค่นี้แหละ] แล้วพี่ซีอิ๊วก็วางสายไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกจากผมสักคำ

            พี่มันก็เป็นซะแบบนี้ จะให้ผมญาติดีด้วยตลอดเวลาได้ยังไง

            พอไม่มีคนกวนใจผมก็เริ่มจมดิ่งกับความคิดตัวเองอีกครั้ง เก็บเอาคำพูดของพี่ซีอิ๊วมาคิด เริ่มวางแผนในหัวว่าพรุ่งนี้จะทำยังไงตอนเจอไข่ต้ม คำปลอบใจ คำถาม หรือแม้แต่การกระทำที่จะแสดงออกไป กับอีกหนึ่งโจทย์ที่อยากทำให้สำเร็จ คือการสร้างความมั่นใจให้ตัวเองโดยทำให้อีกฝ่ายแสดงความรู้สึกออกมา

            พี่ซีอิ๊วจะรู้บ้างไหมว่าการทำแบบนั้นมันยากขนาดไหน กับเพื่อนสนิทของผมที่มีกำแพงหนาคอยปกป้องตัวเองตลอดเวลา 

 

            เพราะไข่ต้มเป็นคนดังของโรงเรียน วันต่อมาข่าวการเลิกกันของมันกับพี่อ๋องจึงกลายเป็นที่พูดถึงในกลุ่มคนที่ชอบมัน สายตาหลายคู่จับจ้องยามมันเดินผ่าน กระซิบกระซาบกันจนผมรู้สึกหงุดหงิดแทน แต่กับคนที่ชอบสร้างกำแพงปกป้องตัวเองจากสิ่งภายนอกนั้น ผมคิดว่ามันคงไม่รู้ตัว หรือจะบอกว่าไม่สนใจจะรับรู้ก็คงใช่

            เช้านี้ผมพาไข่ต้มไปซื้อข้าวเหนียวหมูทอดที่ข้างโรงเรียน ก่อนเราจะไปนั่งหลบสายตาผู้คนอยู่ด้านในสุดของโรงอาหาร เพื่อรอฟังเรื่องที่มันจะเล่า

            ผมนั่งมองไข่ต้มหยิบหมูทอดเข้าปากก่อนกินเข้าเหนียวตาม ท่าทางดูไม่เหมือนคนอกหักที่ควรจะเศร้าหนักจนกินอะไรไม่ลงเลยสักนิด ตาไม่ช้ำ หน้าตาสดใสไม่หมองคล้ำแม้แววตายังมีความเศร้าซ่อนอยู่ ผมมั่นใจว่าเมื่อคืนมันไม่ได้ร้องไห้ แต่ไม่มั่นใจว่าสภาพจิตใจมันจะดีเหมือนสภาพภายนอกอย่างที่ผมเห็นหรือเปล่า

            "ไม่กินเหรอ มองกูอยู่นั่น"

            โดนมันทักผมเลยหยิบหมูทอดกินบ้าง ไข่ต้มหลุดยิ้มบางๆ ก่อนมันจะพูดต่อ

            "มึงดูเครียดกว่ากูอีก"

            "เครียดเรื่องมึงนั่นแหละ"

            "บอกแล้วไงว่ากูโอเค"

            "แล้วใจมึงอะ โอเคหรือเปล่า"

            "โอเคดิ" ไข่ต้มตอบทันที มันพยักหน้าก่อนจะยิ้ม สีหน้าสดใสของมันช่วยลดความกังวลใจของผมลงได้ ผมเชื่อแล้วว่ามันไม่เป็นอะไรจริงๆ

            "แล้วมึงจะเล่าให้กูฟังได้ยัง"

            "ที่แท้ก็ทีมรอเสือกเหรอมึง"

            "ก็มึงบอกจะเล่าให้กูฟังไง"

            ผมมองหน้าไข่ต้มนิ่งๆ มองมันยิ้มเหมือนอยากจะหยอกล้อผมเล่น แต่บอกตามตรงว่าผมไม่มีอารมณ์จะเล่นกับมันเลยตอนนี้ อารมณ์หน่วงเหมือนเป็นคนอกหักเสียเอง ทำร่าเริงไม่ออกก็เพราะมันนี่แหละ

            "เป็นห่วง" เหตุเพราะเป็นห่วงเพื่อนสนิทมากเกินไป

            "เออ รู้แล้ว" ไข่ต้มตอบรับแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม มันยังกินไปพูดไปดูสบายอารมณ์ ทำเอาผมอยากรู้เลยว่าตอนนี้ฝั่งพี่อ๋องจะเป็นยังไงบ้าง

            "มึงไม่เสียใจเลยเหรอ"

            "เสียใจดิ แฟนคนแรกของกูเลยนะ"

            "แล้วทำไมปล่อยมือกันง่ายจังวะ" ผมไม่รู้ บางทีผมอาจจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพี่อ๋องเลยด้วยซ้ำ แต่ไข่ต้มยังคงยิ้ม ยิ้มแบบเศร้าๆ เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาของผม

            "มึงอาจจะมองว่าจบเร็ว ซึ่งมันก็จริงแหละ มึงรู้มั้ย กูก็สงสัยตัวเองเหมือนกันนะว่ากูหมดใจจริงๆ หรือเพราะความจริงกูไม่ได้รักพี่อ๋องตั้งแต่แรกอยู่แล้วกันแน่ กูเป็นคนถูกบอกเลิกด้วยซ้ำ แต่กลับคิดว่าดีแล้ว มันไม่มีความสุขว่ะ"

            "เพราะความห่างหรือเปล่า"

            "ก็อย่างที่กูเคยบอกนั่นแหละ"

            ความห่างอาจจะทำให้มันคิดถึงแต่ก็เปล่า ผมจำได้ว่าไข่ต้มมันเคยบอกไว้ประมาณนี้ แล้วถ้าคนคนนั้นเป็นผมเองล่ะ ความใกล้ชิดพอจะทำให้มันมีใจให้บ้างไหม

            "เมื่อวานทะเลาะกันมั้ย"

            "ทะเลาะดิ เลิกกันเลยนะ เพราะกูดูไม่แคร์ไม่สนใจพี่อ๋องก็เลยน้อยใจนั่นแหละ กูรู้กูผิด แต่ในเมื่อความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมก็เลยไม่อยากฝืน ที่พี่อ๋องบอกเลิกกูก็เพราะโมโห"

            "แล้วถ้าพี่อ๋องมาขอคืนดี"

            "คงไม่แล้วว่ะ"

            "ใจร้ายอีกแล้วนะมึงเนี่ย"

            "ถ้าใจดีแล้วไม่มีความสุข กูก็ขอใจร้ายไปเรื่อยๆ แบบนี้ดีกว่า"

            "ใจร้ายไปเรื่อยๆ แล้วมีความสุขเหรอวะ"

            "สุขไม่มาก แต่กูสบายใจนะ"

            "งั้นก็ขอให้มึงเจอคนที่อยากใจดีด้วยเร็วๆ แล้วกัน"

            ไข่ต้มยิ้มรับ มันเข้มแข็งกว่าที่ผมคิดไว้มาก มากจนไม่คิดว่าสถานการณ์จะออกมาเป็นแบบนี้ ผมเตรียมใจมาฟังเรื่องราวของมัน คิดว่ามันต้องร้องไห้ ต้องให้กอดปลอบ แต่ความเป็นจริงมันสวนทางกับที่ผมคิด เหมือนกับว่ากำแพงของมันจะหนาขึ้นกว่าเดิม จากนี้มันคงไม่เปิดใจรับใครเข้าไปง่ายๆ อีก

            "มึงอะรีบกิน ไม่ต้องมาเศร้าแทนกู" ไข่ต้มมันว่า ชีนิ้วมาที่หมูทอดของผมที่ยังไม่ลดลงเลย

            "เป็นห่วงมึงจนกินอะไรไม่ลงไง"

            "เออ รู้แล้ว ขอบใจมึงมากนะ" มันว่าแล้วยิ้มกว้างมาให้

            "อืม"

            "มึงคือคนที่กูใจดีด้วยที่สุดแล้วนะ รู้ตัวไว้"

            ผมเงยหน้ามองคนพูดที่มองสบตากลับมา มือถือหมูทอดค้างไว้เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคแบบนี้ออกจากปากเพื่อนสนิท

            ไข่ต้มมันจะรู้บ้างไหมว่าผมตีความสิ่งที่มันพูดว่ายังไง แน่นอนผมว่าคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ในเมื่อเราเพิ่งพูดถึงเรื่องใจดีใจร้ายในประเด็นความรักของคนรัก แต่กับผม ความหมายที่มันอยากสื่อถึงย่อมหนีไม่พ้นความรักของเพื่อนสนิท

            "ใครบอก มึงอะโคตรใจร้ายกับกูเลย" ผมตั้งใจพูด ไม่ได้หลุดปาก ไข่ต้มมันเลยถลึงตาใส่อย่างไม่ยอม

            "กูไปใจร้ายกับมึงตอนไหน"

            "หยอกเล่นได้มั้ยล่ะ" แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี

            ไข่ต้มมันไม่ว่าอะไรต่อ ชี้ให้ผมรีบกินอย่างเดียวเพราะมันกินของตัวเองใกล้หมดแล้ว เรากินไปคุยไปจนกระทั่งเข้าแถว โดยพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงประเด็นอ่อนไหวกันอีก


tbc.

 
เดี๋ยวก็ได้รู้ชื่อน้องพระเอกแล้ว ใจเย็นๆ น้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 14 แฟนเก่า <<< [17/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-11-2018 20:03:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

คนเล่าเรื่องคือ "พระเอก" จริง ๆ ใช่มะ

ถ้างั้นก็เดาได้ว่าสุดท้ายใครได้ไข่ต้มไปครองอ่ะจิ  อิอิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 14 แฟนเก่า <<< [17/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 19-11-2018 03:20:56
ซอสสู้ๆ เมื่อไหร่ไข่ต้มจะรู้ใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 14 แฟนเก่า <<< [17/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 09:40:11
จะได้รู้ชื่ออยู่แล้วเชียว
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 14 แฟนเก่า <<< [17/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-11-2018 22:05:42
ลุ้นเอาต่อไป เอาใจช่วยพ่อพระเอกไร้ชื่อละกัน แต่นะไข่ต้มเพราะความไม่รุ้หรือไม่คิดอะไร อ้อยเค้ายุ่นั่นแหล่ะ แบบนี้พรัเอกของพี่จะไปไหนรอด
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 24-11-2018 20:15:06

ไข่ฟองที่ 15
แฟนเก่าที่ไม่อยากเป็นแฟนเก่า


            คนรักกันย่อมมีงอนง้อ อดีตคนรักก็ย่อมมีการขอคืนดี กับรักครั้งนี้ผมคิดไว้แล้วว่าพี่อ๋องคงไม่ยอมปล่อยไข่ต้มไปง่ายๆ แม้จะเป็นฝ่ายบอกเลิกเองก็ตาม

            การกลับมาเยี่ยมเยียนโรงเรียนของศิษย์เก่าคนดังสร้างความฮือฮาให้เหล่ารุ่นน้องไม่น้อย ขนาดผมกับไข่ต้มที่อยู่บนห้องเรียนยังรู้ข่าว เพื่อนในห้องที่ยังไม่กลับบ้านก็มองมาที่มันเป็นยะระ

            "พี่อ๋องมา"

            "อืม รู้แล้ว ไลน์มาบอกอยู่"

            "ไม่ได้บล็อกเหรอ"

            "เปล่าอะ"

            "ยังคุยอยู่?"

            "ไม่ได้คุย แค่ไม่ได้บล็อก"

            ผมพยักหน้ารับ เหลือบมองไข่ต้มที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปไหน เราเลิกเรียนแล้ว เก็บของเสร็จแล้ว แต่ยังนั่งเล่นมือถือกันอยู่ ตอนแรกที่ผมไม่ถามเพราะคิดว่ามันเพลินกับการเล่นเกม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่

            "มึงไม่ไปหาพี่อ๋องเหรอ"

            "ไม่อะ"

            "ทำไมวะ เขามาหามึงนะ"

            "กูไม่อยากเจอนี่หว่า"

            "แล้วมึงตอบไลน์พี่เขาไปยัง"

            "ไม่ได้ตอบ"

            "ถ้าไม่อยากเจอก็บอกไปดิวะ พี่เขาจะได้ไม่ต้องรอ"

            "มาขนาดนี้แล้วเขาก็คงจะตื๊อเจอกูให้ได้นั่นแหละ"

            "งั้นก็ไปเจอ ไปคุยให้รู้เรื่อง"

            ไข่ต้มมันเงียบใส่ สำหรับมันอาจจะคิดว่าเคลียร์กันแล้ว คุยกันเข้าใจแล้ว แต่กับฝ่ายที่ยังไม่ยอมจบผมคิดว่าเขาคงไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ ไม่อย่างนั้นพี่อ๋องคงไม่บุกมาหามันถึงที่นี่

            "กูไม่ได้บอกให้มึงกลับไปหาพี่เขานะ แค่ไปคุยอีกครั้งให้รู้เรื่อง คุยต่อหน้า อย่าหนี แล้วก็เคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบ จะได้ไม่มีค้างคาอะไรอีก" ผมบอกมันอีกครั้ง

            คนฟังยังเอาแต่เขี่ยเกมในมือถือที่ดูไม่ได้มีสมาธิเล่นเท่าไรนัก ส่วนผมก็ทำได้เพียงแค่รอให้มันตัดสินใจเองว่าจะเลือกแก้ปัญหาแบบไหน จะพุ่งเข้าชนหรือหนีต่อไปเรื่อยๆ แต่บางสถานการณ์ก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก

            "ไข่ต้ม พี่อ๋องมาหา"

            เรามองไปตามต้นเสียงของเพื่อนในห้องที่ตะโกนบอกตรงหน้าประตู เห็นพี่อ๋องเดินผ่านประตูเข้ามาไข่ต้มมันก็ถอนหายใจเบาๆ มันไม่ได้คิดจะหนี แค่นั่งรอเฉยๆ ให้พี่เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหา ส่วนผมที่กลายเป็นส่วนเกินก็ต้องออกไปจากที่นี่ เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ทยอยกันออกจากห้องตอนเห็นพี่อ๋องเดินเข้ามา

            "กูไปรอหน้าห้องนะ" ผมบอกมันก่อนหยิบกระเป๋าลุกจากโต๊ะ ก้มหัวทักทายพี่อ๋องแล้วเดินสวนออกมานอกห้อง นั่งที่ระเบียงหันหน้าไปทางสนามโดยไม่ได้สนใจคนในห้องว่าเขาจะทำอะไรหรือพูดคุยอะไรกัน

            เวลาของคนรอมันช่างยาวนาน ผมออกมาจากห้องได้ไม่ถึงห้านาทีแต่เหมือนกับว่านั่งอยู่ตรงนี้มาเป็นชั่วโมง มองคนที่กำลังเล่นกีฬาอยู่ในสนามสลับกับเพื่อนที่เดินสวนไปมาหน้าห้องด้วยความน่าเบื่อหน่าย หลายคนดูจะสนใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในห้อง บางคนก็ไปแอบดูอยู่ข้างประตูโดยไม่ได้สนใจหัวผมที่เป็นเพื่อนสนิทไข่ต้มนัก นักเรียนชั้นอื่นที่รู้ข่าวก็มีมาด้อมๆ มองๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เคยเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเพื่อนผมทั้งนั้น

            "ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ"

            "อ่า...ครับ" ผมพยักหน้ารับให้รุ่นน้องสาวแว่น ก่อนเธอจะนั่งลงข้างผมด้วยกิริยาท่าทางแสนจะเรียบร้อย

            น้องยูแฟนคลับเบอร์หนึ่งของไข่ต้มส่งรอยยิ้มแห้งๆ มาให้ผม เธอเองก็คงติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดอยู่เหมือนกัน

            "มาเกาะติดสถานการณ์กับเขาด้วยเหรอเรา" ไหนๆ น้องก็มานั่งข้างๆ ผมเลยชวนคุย สารภาพเลยว่าในบรรดาคนที่เข้าหาไข่ต้มผมชอบน้องยูที่สุด

            "เป็นห่วงค่ะ ก็เลยแวะมา ยูซื้อขนมมาให้พี่ไข่ต้มด้วย" น้องยูบอกพร้อมกับชูถุงกระดาษในมือให้ผมดู ผมก็เดาไม่ออกหรอกว่าในนั้นมีอะไร แต่ถ้าเป็นของกินน้องคงไม่ขอซากกลับไปเก็บไว้อีกใช่ไหม

            "คงอีกสักพักกว่ามันจะออกมา รอก่อนแล้วกัน"

            "ค่ะ" น้องยูพยักหน้ารับแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ เรานั่งเงียบๆ มองความคึกคักหน้าห้องที่ค่อยๆ ลดลงเพราะเวลาที่ผ่านเลยไป

            ผมได้ยินคนที่ยืนดูตรงประตูพูดกันว่าไข่ต้มกับพี่อ๋องแค่นั่งคุยกันเฉยๆ สีหน้าเพื่อนผมดูปกติดี ขณะที่อดีตแฟนรุ่นพี่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก กระทั่งผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้พี่อ๋องก็เดินออกมาจากห้อง

            พี่อ๋องยิ้มเหนื่อยๆ ให้ผมก่อนเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร ไม่นานนักเพื่อนผมก็เดินตามออกมา คนที่มุงดูอยู่เลยพากันเดินกระจัดกระจายสลายตัว เหลือเพียงน้องยูที่รีบลุกเดินไปหามันแล้วยื่นถุงกระดาษให้ แต่เพื่อนผมกลับไม่ยอมยื่นมือมารับสักที

            "อะไรครับ" ไข่ต้มถาม

            "ช็อกโกแลตค่ะ"

            "ให้พี่ทำไมครับ"

            "ด้วยความเป็นห่วงค่ะ ในฐานะแฟนคลับ กินของหวานจะได้ไม่เครียด"

            "ขอบคุณครับ"

            เมื่อไข่ต้มยอมยื่นมือไปรับถุงกระดาษมาถือไว้น้องยูก็เดินก้มหน้างุดๆ จากไปในทันที เป็นห่วง แต่ไม่ยอมรอฟังอาการคนอกหักเลยว่าเป็นยังไงบ้าง

            ผมลุกขึ้นยืนขณะที่ไข่ต้มเดินเข้ามาหา กำลังจะอ้าปากถามมันก็ขัดขึ้นเสียก่อน

            "เดินไปคุยไปมั้ย"

            ได้แต่พยักหน้ารับโดยไม่ขัดอะไร เราเดินไปตามระเบียงที่ยังมีนักเรียนอยู่ประปราย ตรงไปยังบันไดโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ ผมเข้าใจมันนะ เห็นคนที่มามุงดูรอยุ่งเรื่องของมันแล้วรู้สึกรำคาญอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว หาที่สงบๆ คุยกันแบบส่วนตัวย่อมดีกว่า

 

            เราเดินออกห่างจากโรงเรียนตั้งใจจะเดินคุยกันเรื่อยๆ หมดเรื่องจะพูดเมื่อไรค่อยโบกรถเมล์กลับบ้าน ตอนเดินออกมาจากโรงเรียนผมเห็นพี่อ๋องยังอยู่คุยกับกลุ่มรุ่นน้องที่สนิท พอเห็นไข่ต้มเดินผ่านก็พากันมองมาทั้งกลุ่มแต่เพื่อนผมมันไม่ได้สนใจ ผิดกับผมที่อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่ดีกลัวว่าจะเกิดเรื่องน่าปวดหัวตามมา แต่บางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง

            "กูคุยกับพี่อ๋องเคลียร์แล้วนะ พี่เขามาขอคืนดี แต่กูบอกไปแล้วว่ายังไงก็ไม่กลับไป" เดินออกมาไกลจากโรงเรียนพอสมควรไข่ต้มมันก็พูดขึ้นมา ผมไม่ได้ถามซักไซ้อะไรมากเพราะอยากให้มันเล่าเมื่อพร้อม และจะฟังเท่าที่มันอยากให้รู้

            "จบด้วยดีใช่มั้ย"

            "คิดว่านะ พี่อ๋องบอกว่าเข้าใจ ขอกลับไปคุยแบบพี่น้องเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกกูมันไม่เหมือนเดิมแล้วเลยให้ไม่ได้ หน้าพี่อ๋องโคตรแย่อะมึง ถึงจะบอกว่าเข้าใจๆ ก็เถอะ แต่ดูก็รู้ว่าไม่โอเค กูก็พยายามพูดถนอมน้ำใจที่สุดแล้วนะ แม่งโคตรรู้สึกแย่ สุดท้ายเลยตกลงว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก"

            สิ่งที่ได้ฟังทำให้ผมยิ่งเป็นห่วง เพราะเป็นไข่ต้มผมเลยยิ่งหวงมากขึ้นเป็นสิบเท่า มันเป็นคนใจร้าย ปฏิเสธคนได้แบบไร้เยื้อใย พี่อ๋องเองก็โดนมันปฏิเสธถึงสองครั้ง ถึงจะบอกว่าพูดดีๆ ถนอมน้ำใจ หรือจะบอกว่าพี่อ๋องรู้นิสัยมันอยู่แล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังกลัวว่าพี่เขาจะคิดอะไรไม่ดี รักมากแค้นมาก ใจคนยากจะหยั่งรู้

            "มึงไม่ได้พูดอะไรให้พี่อ๋องโกรธใช่มั้ย" ผมถามด้วยความเป็นห่วง รู้สึกผิดขึ้นมาที่ตอนนั้นไม่ยอมมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเอง

            "กูว่าคงจะเสียใจมากมากกว่า พี่อ๋องเกือบร้องไห้ตอนขอร้องกู กูก็รู้สึกแย่นะ เสียใจ แล้วก็เสียดายด้วย แต่ไม่อยากฝืนว่ะ ถึงกลับไปคบต่อยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว"

            "กูเป็นห่วงมึงนะ กลัวพี่เขาคิดอะไรบ้าๆ แล้วทำร้ายมึง"

            "คิดมากว่ะ"

            "ก็ห่วงไง"

            "ความรู้สึกระหว่างกูกับพี่อ๋องไม่ได้มากมายจนทำให้พี่เขาทำร้ายกูหรอก กูกับพี่มันสนิทกันมากมึงก็รู้ กูรู้ว่านิสัยพี่เขาเป็นยังไง และพี่เขาก็เข้าใจนิสัยกูดี กูเชื่อใจเขา กูผิดด้วยที่ทำพลาดเองมันเลยจบลงแบบนี้ แต่ตอนนี้เราจบกันด้วยดีแล้วจริงๆ กูว่าเรื่องนี้เวลาช่วยได้นะ ในวันข้างหน้ากูกับพี่อ๋องอาจจะกลับมาคุยกันเป็นปกติก็ได้ ถ้ามันมีโอกาสนั้นน่ะนะ" ไข่ต้มยืนยันหนักแน่น มันพูดด้วยความมั่นใจกับความเชื่อใจระหว่างมันกับพี่อ๋องที่มีให้กัน

            ผมเองก็จะเชื่อมันด้วยเหมือนกัน

            ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากคนใกล้ชิดจนสุดท้ายกลับถูกตัดขาดจนไม่หลงเหลืออะไร เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง ความกลัวทำให้ใจผมเริ่มลังเลอีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะต้องตัดขาดจากกัน กลัวว่าสักวันจะไม่มีกันและกันอีกต่อไป ความกลัวมันทำให้ความกล้าเริ่มลดลงเรื่อยๆ

            "มึงรีบกลับบ้านมั้ย"

            เดินมาถึงป้ายรถเมล์ที่สามจากโรงเรียนไข่ต้มมันก็ถามขึ้นมา ผมส่ายหน้า อย่างผมไม่มีธุระอะไรต้องรีบกลับบ้านอยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกป้าสมพรบังคับให้ไปช่วยขายขนม

            "งั้นไปบ้านกูนะ อยู่กับกูหน่อย ไม่อยากอยู่คนเดียวว่ะ"

            คำขอนี้ผมไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยด้วยซ้ำ พยักหน้าตกลงแล้วยิ้มล้อคนที่ทำเป็นเข้มแข็งไม่รู้สึกอะไร เก็บอาการเก่ง แสดงเก่งเหลือเกิน

            "จะช่วยกอดปลอบให้ก็ได้ ร้องไห้ก็ได้ไม่ว่า"

            "ไม่ร้องเว้ย ใครจะร้อง แค่จะชวนไปดูหนัง"

            "เหรอ"

            "เออ" ไข่ต้มกระแทกเสียงใส่ มันเม้มริมฝีปากแน่นมองสบตากับผมที่ยังยิ้มล้อไม่เลิก

            พูดออกมาบ้างก็ได้ พูดออกมาว่าต้องการอะไร แค่บอก ผมก็พร้อมทำทุกอย่างให้มันได้เสมอ

            "อืม กอดกูหน่อย"

            ผมยกมือยีผมมันอย่างนึกมันเขี้ยว ก็แค่นี้แหละ จะยอมยกไหล่ให้เป็นที่ซับน้ำตาทั้งคืนเลยก็ได้

            น้ำตาที่เสียให้กับคนที่มันรัก คนคนนั้นที่ไม่ใช่ผม

 

            กลับมาถึงบ้านเพื่อนสนิทผมก็ถูกแม่เรียกไปร่วมมื้ออาหารเย็นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กินข้าวเสร็จไข่ต้มมันก็ลากผมขึ้นห้องนอน บอกอย่างคนเอาแต่ใจว่าอยากดูหนัง ซึ่งผมไม่คิดจะขัดอะไรมันอยู่แล้ว นั่งมองมันเปิดโน้ตบุ๊กเลือกหนังที่อยากดู ก่อนจะจบที่เรื่อง Lights Out

            เออ หนังผีไปอีก

            "จะดูเรื่องนี้จริงเหรอวะ" ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ไข่ต้มมันก็ตอบเสียงหนักแน่นกลับมา

            "เรื่องนี้แหละ ไม่อยากเศร้า" ปากตอบขณะที่มือกำลังสาละวนกับการต่อสายโน้ตบุ๊กกับจอทีวี

            "แต่กูว่าน่าจะเศร้าหนักกว่าเดิม"

            "หนังผีมึงจะเศร้าทำไมล่ะ ไม่กลัวไม่ใช่เหรอ"

            "แต่มึงกลัว" ใช่ ไข่ต้มมันกลัวผี แถมมันยังปฏิเสธทุกครั้งที่ผมชวนดูหนังผีด้วย

            "ก็แค่อยากดู ปิดไฟนะ" มันไม่รอให้ผมตอบ เปิดไฟหัวเตียงก่อนเดินไปปิดไฟเพดาน ปืนขึ้นเตียงแล้วเรียกให้ผมมานั่งข้างๆ ปิดท้ายด้วยการดึงผ้าห่มมาคลุมขา พร้อมๆ กับหนังที่เข้าสู่เนื้อเรื่องพอดี

            เพิ่งรู้วันนี้ว่าคนอกหักอยากดูหนังผี

            ผมจำได้ว่าตอนที่เรื่อง Lights Out เข้าโรงไข่ต้มมันเคยบอกว่าน่าสนใจ แต่ชวนยังไงมันก็ไม่ยอมไปดูด้วย ผมที่ไม่เคยดูหนังในโรงคนเดียวเลยยอมตัดใจแล้วมาดูคนเดียวหลังจากออกแผ่น ขนาดผมไม่กลัวผียังมีสะดุ้งเป็นพักๆ ส่วนไอ้คนกลัวผีคงปิดตาดูทั้งเรื่องแน่ๆ

            ไข่ต้มนั่งเบียดผมจนอยากจะดึงมานั่งตักให้มันรู้แล้วรู้รอด มันกอดหมอนไว้แน่นพร้อมซุกหน้าหนีฉากน่ากลัวตลอดเวลา ส่วนสายตาผมก็สนใจคนข้างๆ มากกว่าสิ่งที่ฉายบนหน้าจอ จนกระทั่งคนถูกมองหันมาสบตากัน

            "มองกูทำไม ดูหนังดิ"

            "กูเคยดูแล้วไง ดูมึงสนุกกว่า"

            "กวนตีน"

            ผมไม่เถียงอะไรกลับ แกล้งหยอกมันไปอย่างนั้น พอเห็นมันไม่ว่าอะไรต่อยกแขนขึ้นดันหัวมันให้เอนมาซบไหล่โดยที่มันเองไม่ขัดขืนแต่อย่างใด มือลูบผมมันเบาๆ ละความสนใจจากหนังที่กำลังเล่นอยู่อย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้ผมมีคนที่ต้องสนใจมากกว่า

            คนที่ใช้ไหล่ผมเป็นที่พักพึงหลับตาลง แม้ไฟในห้องไม่ได้เปิดจนสว่างแต่ผมก็ยังเห็นน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงนั้นคู่นั้น เมื่อมือผมช่วยเช็ดมันออก สองแขนของคนที่กำลังเสียน้ำตาก็โอบกอดผมไว้ ไร้เสียงสะอื้น ไร้คำพูดใดๆ ผ่านไปเนินนาน นิ่งสงบ และเข้าสู่นิทราในที่สุด

            ผมปล่อยให้ไข่ต้มนั่งหลับซบไหล่ตัวเองโดยไม่คิดจะปลุก เพราะกลัวว่าตื่นมาแล้วมันจะงอแงท่ามาก ผมอยากให้มันพัก แม้ท่านอนตอนนี้จะไม่ได้สบายนัก แต่มันคงพักด้วยความอุ่นใจเมื่อมีผมอยู่ข้างๆ ผมที่เป็นเพื่อนคนที่มันรักที่สุด

            เมื่อไข่ต้มหลับผมเลยถูกทิ้งให้ดูหนังผีคนเดียว มือยังคอยลูบผมมันอยู่เรื่อยๆ แม้สายตาจะมองสลับระหว่างจอทีวีกับคนข้างๆ ฉากน่ากลัวโผล่มาจะสะดุ้งแรงก็ไม่ได้เพราะกลัวคนที่ซบไหล่อยู่จะตื่น สุดท้ายเลยเลือกพักสายตาไว้ที่ใบหน้ายามหลับใหลของเพื่อนสนิทแทน

            มือหนึ่งคอยลูบผม ส่วนอีกมือผมจับมือไข่ต้มที่กอดตัวผมไว้ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมาจะครบหกปีนับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทำอะไรแบบนี้ ผมเคยกอดมันตอนร้องไห้ไม่บ่อย ทุกครั้งมักเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ดี แต่ครั้งนี้กลับเป็นการกอดที่ผมมีความสุขที่สุด แม้คนในอ้อมกอดจะเศร้าแค่ไหนก็ตาม

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ จนกระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทั้งผมทั้งคนหลับก็พากันสะดุ้ง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่ตามมา

            "ทำอะไรกันอยู่เด็กๆ สามทุ่มแล้วนะลูก"

            "สามทุ่มแล้วเหรอ" ไข่ต้มถามหน้าตาตื่นก่อนมาคว้ามือถือมากดดูเวลา ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว

            "งั้นมั้ง"

            "ทำไมมึงไม่ปลุกกูอะ หลับยาวเลย"

            "มึงเมื่อยมั้ย หน้าเป็นรอยเสื้อเลย" ผมยกมือขึ้นแตะแก้มมันที่เป็นรอยยับ แล้วก็โดนทำหน้างอใส่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อแม่ก็เรียกอีกรอบ

            "ไข่ต้ม"

            "ครับ" เจ้าของชื่อขานรับก่อนลุกไปเปิดไฟแล้วเปิดประตู ผมเลยลุกตามไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลังมัน

            "ทำอะไรกันอยู่ ดึกแล้วนะ"

            "ดูหนังอะแม่ แต่เผลอหลับ"

            "งั้นก็ไปอาบน้ำท่าอาบน้ำนอนซะ แล้วเราล่ะยังไง จะค้างที่นี่เลยมั้ย" บอกไข่ต้มแล้วแม่ก็มองเลยมาที่ผม ไข่ต้มมันหันกลับมามองตาม แต่ผมไม่สามารถให้คำตอบแม่ได้เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง

            "เดี๋ยวจะกลับแล้วครับ"

            "ค้างก็ได้นะ" แล้วไข่ต้มมันก็เสนอขึ้นมา

            ผมยังไม่ได้ตอบอะไรเพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาค้างตั้งแต่แรก มันเป็นอะไรค่อนข้างแปลกที่เราไม่เคยอยู่ค้างบ้านกันละกันเลยทั้งที่ไปเที่ยวเล่นกันออกจะบ่อย แต่ไม่ต้องรอให้ผมตอบตกลงแม่ก็เป็นคนสรุปเสียเอง

            "ถ้างั้นก็อย่าลืมบอกที่บ้านด้วยนะ"

            "ครับ" ได้รับคำตอบจากผมแม่ก็ยิ้มให้ก่อนเดินจากไป

            และแล้วคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่ผมได้นอนค้างบ้านเพื่อนสนิท

 

            หนังผีที่เล่นไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ถูกปิดเมื่อไม่มีใครสนใจจะดูต่อ เราสลับกันอาบน้ำ ไข่ต้มมันหาชุดให้ผมใส่ แม้มันจะตัวเล็กกว่าผมแต่ไซส์เสื้อผ้าเราไม่ได้ต่างกันมากนักผมเลยใส่ชุดมันได้พอดี

            หากคิดว่าได้นอนด้วยกันแล้วผมจะฉวยโอกาสตักตวงความสุขเล็กๆ น้อยๆ จากไข่ต้มได้ล่ะก็คิดผิดถนัด แม้จะเป็นลูกคนเดียว นอนคนเดียว แต่เตียงมันกว้างขนาดหกฟุต มีหมอนหนุนหมอนข้างสองชุด แถมมันยังหาผ้าห่มมาให้ผมอีกผืนเพราะกลัวจะแย่งกันห่ม แม้อยากจะปฏิเสธใจจะขาดว่าห่มผืนเดียวกันก็ได้ แต่ก็ต้องรับน้ำใจมันไว้อยู่ดี

            กว่าจะอาบน้ำจัดเตรียมนู่นนั่นนี่เสร็จก็สี่ทุ่มกว่า ผมเห็นไข่ต้มมันเหนื่อยๆ เลยไล่ให้รีบนอน เพื่อนผมก็สุดแสนจะว่าง่ายไม่เถียงไม่ขัดใดๆ สักคำ ล้มตัวลงนอนแทบจะชิดขอบเตียงอีกฝั่งได้ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเกือบมิดหัว ไม่มีการบอกฝันดงฝันดีอะไรทั้งนั้น

            ก็แน่ล่ะ เพื่อนที่ไหนเข้าจะบอกฝันดีกันก่อนนอน

            ผมเดินไปปิดไฟก่อนล้มตัวนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาไข่ต้มที่ถึงแม้มันจะหันหน้ามาทางผมแต่ก็มองไม่เห็นหน้ามันอยู่ดี เกิดความลังเลอยู่ในใจว่าควรจะพูดคำที่ไม่เคยพูดออกไปดีไหม แต่ในเมื่ออยากจะเลื่อนสถานะแล้ว ก็ควรเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ก่อน

            ถึงกลัวว่าหากสารภาพไปแล้วจะโดนตัดขาดความสัมพันธ์ แต่ใจผมมันยังสู้อยู่ แม้จะน้อยนิดก็ตาม

            "ฝันดีนะมึง"

            ผ้าห่มที่คลุมจะแทบมิดหัวถูกดึงลงช้าๆ จนเห็นหน้าคนที่นอนอยู่ข้างๆ เพราะไฟหัวเตียงยังไม่ปิดผมเลยได้เห็นรอยยิ้มที่เพื่อนสนิทมอบให้

            "ฝันดี"

            ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่ฝันดี...ของเรา


tbc.

 
น้อง S ก็คือพระเอกนะคะ เป็นพระเอกจริงๆ ตอนหน้าเฉลยชื่อแล้ว
ขออภัยที่ชื่อพระเอกแพงเสียเหลือเกิน
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 24-11-2018 20:27:26
ต้องชื่อซอสเป็นแน่แท้  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-11-2018 20:33:00
ดีใจตอนหน้าได้รู้ชื่อพระเอกแล้ว
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 24-11-2018 20:37:57
น้องพระเอกคงชื่อแม้กกี้ เข้ากันดีกับไข่ต้ม เอ๊ะ หรือจะชื่อนํ้าปลา :hao7:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-11-2018 02:39:41
สู้เขาลูกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-11-2018 04:14:12
 :mew3:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 25-11-2018 20:23:26
อยากรู้น้องพระเอกชื่ออะไรจ้ะ เราขอเดาว่าชื่อโชยุ 5555 ติดตามนะคะ ชอบบรรยากาศความหน่วงของเรื่องนี้จัง  นักเขียนอย่ารีบร้อนเกินไปนะคะ เรายังอยากเห็นพัฒนาการเปิดใจของไข่ต้มก่อน  คุณพระเอกอย่าเพิ่งสารภาพรักเลยนะคะ  กลัวไข่ต้มหนีไป
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-11-2018 00:34:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

S = Sauce  หรือเปล่า?

เพราะ...ไข่ต้มต้องกินคู่กับซอส  อิอิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 15 ไม่อยากเป็นแฟนเก่า <<< [24/11/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-11-2018 22:07:00
ลุ้นกว่าว่าจะรักตอบมั่ย คือพระเอกชื่ออะไรเนี่ยะแหล่ะ  :pigha2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 01-12-2018 19:50:44
ไข่ฟองที่ 16
ตัว S ของผม


            เพราะเป็นวันหยุดเลยสามารถนอนตื่นสายได้เท่าที่ต้องการ แม้จะตื่นเป็นรอบที่สามของเช้าวันใหม่ผมก็ยังทำตัวขี้เกียจไม่ยอมลุกออกจากเตียง นอนมองเพื่อนสนิทที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง เปลือกตาปิดสนิท ริมฝีปากเผยอนิดๆ ที่สำคัญคือมือข้างหนึ่งของผมโดนคนหลับจับเอาไว้ เลยกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ยังนอนติดเตียงแม้ใกล้จะสิบโมงอยู่แล้วแบบนี้

            ปกติไข่ต้มมันไม่ใช่คนขี้เซา หลับลึก หรือนอนกินบ้านกินเมืองเท่าไรนัก แต่เพราะเรื่องเครียดๆ ที่เจอมาตลอดหลายวัน ไหนจะร้องไห้เมื่อคืนอีก มันเลยหลับยาวแบบไม่สนใจท้องฟ้าหรือพระอาทิตย์ใดๆ

            ผมลูบหลังมือมันที่วางอยู่บนมือผมเบาๆ ใจอยากจะลองเกลี่ยผมด้านหน้าที่ยาวปรกหน้าผากออกแล้วจูบอรุณสวัสดิ์ที่ขมับสักที แต่ถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าผมทำแบบนั้นคงไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน

            นอนตะแคงให้ผมมองหน้าอยู่นานไข่ต้มมันก็พลิกตัวไปอีกฝั่ง มือที่จับอยู่หลุดออกจากกัน ผมเลยขยับเข้าไปใกล้ ก้มลงมองหน้าคนหลับจากด้านหลัง แต่แล้วอยู่ๆ มันก็ลืมตาขึ้นมาเสียอย่างนั้น

            เราสบตากันโดยที่ไม่มีใครสะดุ้งหรือผละออกห่าง ไม่ใช่ว่าผมไม่ตกใจแต่ยังทำใจสู้ ก็แค่แอบมองเพื่อนสนิทตอนหลับไม่เห็นจะมีอะไรน่าสงสัยตรงไหน

            "กว่าจะตื่น" ผมบอกก่อนขยับตัวออกมา ไข่ต้มพลิกตัวนอนหงาย ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ก่อนจะได้ยินเสียงอู้อี้ตอบกลับมา

            "ยังง่วงอยู่เลย"

            "ก็นอนไปดิ"

            "มึงตื่นนานยัง"

            "สักพัก"

            "จะกลับบ้านแล้วเหรอ"

            "อยากให้กลับมั้ยล่ะ"

            ผ้าห่มถูกเปิดออก ไข่ต้มจ้องกลับมาด้วยใบหน้างัวเงียของมัน กับคำพูดที่ชวนให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

            "อยู่กับกูก่อน"

            "เออ ก็อยู่นี่ไง อกหักแล้วต้องงอแงขนาดนี้เลยเหรอวะ"

            "ช่วงอ่อนไหว"

            "เออ"

            เป็นแบบนี้แล้วผมล่ะอยากให้มันอ่อนไหวบ่อยๆ หรือถ้าจะให้ดีมาอ่อนไหวกับผมก็ได้

            "แล้วยังไง จะนอนเปื่อยอยู่แบบนี้ทั้งวันเลย"

            "เดี๋ยวจะลุกแล้ว หิว"

            "นี่คือเหตุผลที่ทำให้มึงตื่น"

            "กูฝันว่าได้กินมาม่าหม้อไฟ" ไข่ต้มมันตอบไม่ตรงคำถาม แถมยังเล่าความฝันของมันให้ผมฟังแทน ฟังแล้วก็ชักจะหิวตาม

            "งั้นวันนี้ไปกินกันมั้ย" ผมชวน วันนี้อยากตามใจมันเต็มที่ เรียกว่าเป็นโครงการสานฝันให้เพื่อนรักก็ได้

            "ไปๆ"

            "งั้นก็ลุกไปอาบน้ำ"

            "มึงอาบก่อนเลย"

            ผมยังไม่ยอมลุกแม้จะโดนเจ้าของห้องไล่ แล้วอยู่ๆ ก็มีความคิดชั่วๆ แวบเข้ามาในหัวและอยากลองทำดู ผมว่าเพื่อนกันจะแกล้งกันเล่นแบบนี้มันก็คงไม่แปลกเท่าไรหรอก

            "งั้นไปอาบด้วยกัน"

            "บ้าเหรอ"

            "ไปเลย ลุก"

            ผมไม่รอให้ไข่ต้มที่กำลังทำหน้าตาตื่นเถียงอีก จับแขนมันลากลงจากเตียงขณะที่มันก็พยายามฝืนเอาไว้ เราไม่ได้จริงจังถึงขนาดออกแรงเต็มที่ มันคือการหยอกล้อเล่นกันที่สุดท้ายได้เสียงหัวเราะกลับมา แต่ที่ว่าอยากอาบน้ำด้วยกันผมคิดจริงนะ

            ถ้าทำได้สำเร็จก็คงจะดี

            ห้องน้ำที่เล็กอยู่แล้วยิ่งแคบไปกันใหญ่เมื่อเรายืนแปรงฟันข้างกันหน้าอ่างล้างหน้า เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมเพิ่งเคยได้สัมผัส แอบมองเพื่อนสนิทที่แอบชอบในกระจก สบตากันก่อนจะโดนแยกเขี้ยวใส่ ผมเลยยิงฟันให้มันดูบ้าง สีฟันหน้าแข่งกับมันไปเลย

            แปรงฟันเสร็จก็ล้างหน้าต่อ ผมบีบโฟมล้างหน้าใส่มือ ถูๆ จนเป็นฟองก่อนแนบมือสองข้างกับแก้มคนข้างๆ ไข่ต้มมันทำท่าจะหันหน้าหนีแต่ผมจับคางบังคับมันไว้ พร้อมทั้งพูดขู่

            "อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็เข้าตา"

            "จะเข้าเพราะมึงนี่แหละ" มันเถียงทั้งที่ยังหลับตา ยืนนิ่งให้ผมลูบมือบนใบหน้าโดยไม่ขัดขืน ช่วงอ่อนไหวนี่ทำตัวว่าง่ายจริงๆ

            "ไปล้างน้ำออกเอง" ถูฟองจนทั่วหน้าผมก็สละตัวเองออกจากหน้าที่ เปิดก๊อกให้ไข่ต้มมันกวักน้ำล้างฟองออกเอง

            "นี่มึงจะอยู่อาบน้ำด้วยกันจริงดิ" ล้างหน้าเสร็จมันก็ถาม อยากจะยืนยันความตั้งใจอันแน่วแน่อยู่หรอก แต่กลัวไข่ต้มมันคิดมากเลยต้องปฏิเสธทำตัวเป็นคนดี

            "มึงอาบก่อนเลย" บอกมันแล้วผมก็เดินออกมา

 

            ผมตั้งใจจะทำให้วันนี้เป็นวันพักผ่อนสำหรับไข่ต้ม ให้มันหยุดคิดเรื่องหนักสมอง ได้กินของที่ชอบ ทำอะไรที่อยากทำ ลืมวันแย่ๆ และเริ่มต้นวันใหม่กับผม

            คนที่ยังอยู่ข้างมันเสมอ

            เราเดินเข้าร้านที่ไข่ต้มบอกว่าได้กินในฝันแล้วผมก็ชวนมันมา แต่กว่าจะมาถึงก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า ทันทีที่ของมาเสิร์ฟเราก็ช่วยกันจัดการจนหม้อไฟสำหรับสองถึงสามคนหมดอย่างรวดเร็ว

            อาหารมื้อหลักจบลงเราก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่อยากทำอย่างต่อไปขณะที่ก้าวไปตามทางเรื่อยๆ เหมือนทุกพื้นที่ในที่แห่งนี้มีความทรงจำของเราสองคนซ่อนอยู่ ภาพในวันวานที่เคยอยู่ด้วยกัน สถานที่เหล่านี้ทำให้ชวนนึกถึง ผมมองร้านอาหารที่เราเคยมากิน นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุการณ์แปลกๆ ที่เคยพบเจอ อาจจะร้ายบ้างดีบ้าง แต่มันก็เป็นอดีตที่ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง

            "กินชาไข่มุกมั้ย" เดินมาเจอร้านชาเจ้าโปรดไข่ต้มมันก็ชวน

            ผมส่ายหน้าเพราะไม่ได้ชอบกินชาเหมือนมันนัก หม้อไฟที่กินเมื่อกี้ก็อิ่มพุงแทบแตก เลยมายืนรออยู่หน้าร้านแทน

            เพราะวันหยุดคนเลยค่อนข้างเยอะ รออยู่สามคิวกว่าไข่ต้มจะได้ชานมไข่มุกแล้วเดินกลับมาหาผมที่ยืนรออยู่ มันชูแก้วให้ผมดูแล้วยิ้ม แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันอยากสื่ออะไร

            แค่ได้กินชาไข่มุกต้องอวดกันด้วย

            "อะไร" ผมถาม ไข่ต้มมันอมยิ้มก่อนตอบ

            "ได้พุดดิ้งมาด้วย" มันบอกพลางเขย่าแก้ว ทำให้เห็นก้อนพุดดิ้งไข่สีเหลืองที่อยู่ก้นแก้วซึ่งโดนไข่มุกสีดำกลบจนเกือบมิด

            "สั่งด้วยเหรอ"

            "เปล่า"

            "เขาทำให้ผิด?"

            "เขาแถมให้"

            "ทำไมแถม" ปากถามแต่สายตาผมมองไปหาพนักงานในร้านแล้ว

            "ไม่รู้ดิ รู้ว่าได้แถมก็ตอนดูดแล้วมันติดมาเมื่อกี้"

            "เดี๋ยวนะ"

            ผมรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ ไข่ต้มมันหันกลับไปที่ร้าน พนักงานสาวในร้านที่ว่างจากงานแล้วก็หันมามองมันเช่นกัน แล้วสองคนนี้ก็ยิ้มให้กัน มันคืออะไร หรือออร่าความโสดมันทำงาน แล้วกำแพงล่ะหายไปไหน เปลือกไข่หนาๆ ล่ะไม่มีแล้วเหรอ

            "มึงไปอ่อยอะไรเขา" ผมถามอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเห็นรอยยิ้มของเพื่อนสนิทที่มอบให้คนแปลกหน้า

            "อ่อยอะไร"

            "มึงอ่อยให้เขาชอบใช่มั้ย เขาเลยแถมให้"

            "บ้านมึงสิ คนนี้กูเคยซื้อกับเขาบ่อยแล้วเถอะ เขาเลยจำกูได้มั้ง เลอะเทอะนะมึง" มันว่าแล้วดูดชาในมือสบายใจเฉิบ ส่วนผมก็ร้อนใจไปสิ ศัตรูอีกคนอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ทำไมผมไม่รู้ เพราะผมไม่เคยยืนเฝ้าตอนมันซื้อใช่มั้ย แถมมาในคราบพนักงานร้านชาร้านโปรดอีก ล่อด้วยของกินแบบนี้อันตรายมาก

            "ไปเหอะ" แล้วผมก็คว้ามือมันเดินหนีไปจากหน้าร้าน

 

            ที่ชั้นสามของห้างมีโซนเกมที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ผมชวนไข่ต้มเข้าไปด้วยกัน เราเดินดูรอบๆ เพื่อเป็นการสำรวจ ที่นี่ต้องแลกเหรียญสำหรับหยอดตู้เกมเลยต้องเลือกก่อนว่าจะเล่นอะไรและแลกเหรียญเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนผมมันจะเพลิดเพลินกับการดูคนอื่นเล่นมากกว่า ถึงได้หยุดดูมันทุกเกมที่มีคนเล่นอยู่

            "เล่นมั้ย"

            "ไม่เอาอะ"

            แต่พอถามกลับได้คำตอบแบบนี้

            ไม่อยากเล่นก็ไม่เล่นผมไม่ตื๊อ เดินวนจนรอบโซนสุดท้ายมาจบที่เกมตกปลา ไข่ต้มมันหยอดตู้แลกเหรียญไปยี่สิบบาทได้มาสองเหรียญ เราเลือกนั่งข้างกันที่บ่อใหญ่ ยอดเหรียญแล้วก็เริ่มเหวี่ยงเบ็ดแข่งกันว่าใครจะตกได้เยอะกว่า

            บรรยากาศรอบข้างช่างวุ่นวายแต่ผมกำลังจินตนาการว่าเรากำลังนั่งอยู่ริมน้ำที่ไหนสักแห่งเพียงสองคน แข่งกันตกปลาให้ได้เยอะที่สุดโดยมีอะไรสักอย่างเป็นเดิมพัน คิดไปแล้วมันก็น่าสนุกดี

            "แข่งกันมั้ย ใครแพ้ต้องทำอะไรสักอย่าง" ผมเสนอ หันมองคนข้างๆ ที่ไม่ยอมละสายตามามองผมเลย จริงจังแค่ไหนคิดดู

            "ทำอะไร"

            "อย่างเช่นเลี้ยงข้าว"

            "ธรรมดาไป"

            "แล้วจะทำอะไร"

            "ของขวัญ"

            "ของขวัญอะไร"

            "ให้ของขวัญ ให้อะไรก็ได้หนึ่งอย่าง"

            "เอางี้เลย"

            "เอางี้แหละ"

            เป็นเดิมพันที่น่าสนใจจนไฟในตัวผมลุกโชน แต่จะว่าไปแล้วถ้าพูดถึงของขวัญผมเองก็อยากให้อะไรสักอย่างไข่ต้มมันเหมือนกัน กับวันที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่แบบนี้ หรือผมควรจะแกล้งแพ้ดี

            เหวี่ยงเบ็ดไปมั่วๆ ไม่ได้เล็งตัวไหนเป็นพิเศษ หรือพูดให้ถูกก็คือกะไม่ให้โดนปลาตัวไหนเลย แต่ทำไมเบ็ดผมมันถึงลากแต่ปลาตัวใหญ่ๆ คะแนนสูงๆ มาได้ก็ไม่รู้ หมดเวลาจบเกมดันกลายเป็นผมเสียอย่างนั้นที่ชนะ

            แต่เป็นผู้ชนะก็ดี ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะได้อะไรเป็นของขวัญ

 

            ผมถูกสั่งให้นั่งรออยู่ที่ศูนย์อาหารขณะที่ไข่ต้มมันไปหาซื้อของขวัญอย่างกับคิดล่วงหน้ามาแล้วว่าจะซื้ออะไร ใจผมอยากจะสะกดรอยตามไปดู มันตื่นเต้นจนในหัวคิดอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด ของขวัญจะเป็นอะไร หรือมันจะนึกเล่นมุกเอาฮาแกล้งผมหรือเปล่า

            รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงไข่ต้มก็เดินอมยิ้มกลับมา ในมือไม่ได้ถืออะไร ผมคิดว่ามันคงเก็บใส่กระเป๋าซ่อนเอาไว้ แต่จะซ่อนทำไมในเมื่อยังไงก็ต้องให้ผมอยู่ดี

            "ซื้ออะไรมา"

            "แป๊บนึงดิ" ไข่ต้มนั่งลงข้างผมแทนที่จะนั่งฝั่งตรงข้าม มันยังอมยิ้มไม่เลิก ก่อนเปิดประเป๋าหยิบถุงผ้าใบเล็กๆ ออกมาสองถุง แต่ผมก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดีว่าคืออะไร

            "อะไรวะ"

            "ยื่นแขนมา"

            "ระแวงนะเนี่ย"

            "ก็บอกให้ยื่นมา"

            ผมยอมยื่นแขนไปตรงหน้าตามที่มันบอก เพราะถ้ารอให้พูดรอบที่สามอาจจะเจ็บตัวเอาได้ สายตาจับจ้องที่มือขาวๆ ของมันซึ่งกำลังหยิบบางอย่างออกมาจากถุงผ้า

            สร้อยข้อมือ

            ไข่ต้มใส่สร้อยข้อมือเชือกถักสีน้ำตาลเข้มที่มีตัวอัลฟาเบตอยู่ตรงกลางที่ข้อมือข้างขวาซึ่งผมยื่นไปให้ ก่อนมันจะหยิบอีกเส้นที่เป็นสีฟ้าออกมาใส่ให้ตัวเอง เป็นของขวัญที่ผมคาดไม่ถึงเลยจริงๆ

            "สร้อยข้อมือคู่?" ผมแกล้งถามตอนยกข้อมือตัวเองขึ้นมอง เห็นตัว S ที่อยู่กลางเส้นริมฝีปากมันก็ยกยิ้มขึ้นมาเอง แต่คำตอบของคนข้างๆ กลับทำให้รอยยิ้มของผมหุบลงช้าๆ

            "เปล่า แค่คิดว่าสวยดีเลยซื้อมาใส่ด้วย"

            ทำไมต้องดับฝันกันด้วยก็ไม่รู้

            "แล้วทำไมของมึงเป็นตัว E" เห็นตัวอักษรบนสร้อยข้อมือมันแล้วก็นึกสงสัย ของผมมันก็ตรงชื่ออยู่หรอก แต่ของไข่ต้มมันไม่ควรเป็นตัว E

            "ก็ Egg ไง ไข่"

            "แต่ไข่ต้มมันต้องตัว K หรือเปล่าวะ ถ้าจะเปลี่ยนเป็นอังกฤษเลยก็ Boiled Egg"

            "เออลืม แต่ไม่เป็นไรหรอกกูเข้าใจของกู มึงก็เข้าใจด้วย"

            "เออ" ผมยิ้มขำกับความเด๋อด๋าของเพื่อนสนิท ไข่ต้มมันคงชินกับคำว่า Egg มากกว่า เพราะชื่อแอคเคาต์ต่างๆ ของมันมักมีคำนี้รวมอยู่ด้วยเสมอ

            "แต่ชื่อมึงตรงนะ ซอส ภาษาอังกฤษก็ S-a-u-c-e เป็นตัว S" ไข่ต้มมันคว้าข้อมือผมไปดูพร้อมทั้งสะกดชื่อภาษาอังกฤษให้ฟังเสร็จสรรพเหมือนกลัวผมไม่เชื่อ

            "เออเก่งครับ สะกดชื่อเพื่อนถูก" ผมดึงแขนกลับมา ไข่ต้มมันเลยชี้ที่สร้อยข้อมือพร้อมพูดแกมบังคับ

            "ใส่ด้วยนะ กูต้องเห็นมันทุกวัน"

            "รับทราบแล้วครับ ที่จริงมึงแกล้งแพ้เกมเพราะอยากให้ของขวัญกูใช่มั้ยล่ะ"

            "ก็คงงั้นมั้ง"

            ผมนิ่งเมื่อได้ฟัง เพราะไม่คิดว่าคำถามที่ถามออกไปเล่นๆ จะได้คำตอบนี้กลับมา

            ไข่ต้มมองของขวัญที่อยู่บนข้อมือผมแล้วยิ้ม ก่อนคำสารภาพที่เหมือนกำปั้นหนักๆ จะซัดเข้าที่หน้าผมจนน็อกไปอีกรอบ

            "กูอยากตอบแทนมึงด้วยอะไรสักอย่าง ขอบคุณที่อยู่ข้างกูมาตลอด"

            ไหนว่าไม่ชอบทำซึ้ง แต่ช่วงนี้ชักจะพาบรรยากาศซึ้งๆ มาหากันบ่อยเสียเหลือเกิน

            "ขอบคุณมึงเหมือนกัน จะดูแลอย่างดี" ผมยกข้อมือขึ้นสื่อถึงสิ่งที่รับปาก

            ไม่ใช่เพียงแค่ของขวัญชิ้นนี้หรอกที่ผมจะดูแล แต่รวมถึงตัวคนให้ด้วยที่ผมจะดูแลเป็นอย่างดีเหมือนเดิม

 

tbc.

 
มาเฉลยแล้ว ขอโทษที่ให้รอเสียนาน เดาถูกกันหลายคนเลย
มาช่วยลุ้นความรักของน้องกันต่อเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

 
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-12-2018 20:05:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 01-12-2018 20:57:20
ดีใจที่ได้รู้ชื่อน้องพระเอกละค่ะ 55
โอ้ยย ความรักไม่คืบหน้าเลย สงสารซอส
ยังไงก็สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-12-2018 21:28:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุต้ะ   เดาชื่อพระเอกถูกด้วย  อิอิ

ป.ล. แต่ทำไมซื้อหวยไม่ถูกฟระ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 01-12-2018 22:15:18
ค่อยๆเป็น
ค่อยๆไปมันก็ดี

แต่ตอนนี่ลุ้นแทนน้องซอสจนเยี่ยวเล็ดแล้ว

ว่าแต่น้องซอส ไม่ฮอตบ้างเหรอ
ให้ไข่ต้มได้หึงบ้าง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 01-12-2018 22:32:07
ได้แต่สงสัยว่าทำไมตัวเราเก่งจัง
ทายถูกคนแรกๆเลย
ต้องมีรางวัลซะแล้ว :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-12-2018 01:00:28
ซื้อมาใส่คู่แค่สวยจริงๆน่ะเหรอไข่ต้ม
ในที่สุดก็รู้ชื่อพ่อพระเอกซักที
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-12-2018 11:45:06
เชียร์น้องซอส
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 02-12-2018 19:34:04
ว่าล่ะต้องซอส ฮี่ๆๆๆ โห เรานี่เก่งจริงไม่ 555
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 16 ตัว S ของผม <<< [01/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-12-2018 22:24:50
ได้รุ้ชื่อมาอย่างนึง ต้องลุ้นกันต่อไปว่าเมื่อไหร่จะได้ใจมา
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 08-12-2018 20:45:24

ไข่ฟองที่ 17
คนที่โกรธแค้น


            สร้อยข้อมือคู่แทนคำขอบคุณ ของขวัญที่เพื่อนสนิทมอบให้แก่กัน ขึ้นชื่อว่าสร้อยข้อมือคู่ แต่กลับกลายเป็นผมที่ใส่มันเพียงคนเดียว เหตุเพราะคิดเอาเองนั่นแหละว่ามันคือสร้อยข้อมือคู่

            ผมทอดถอนหายใจเมื่อมองข้อมือทั้งข้างของไข่ต้มที่มีเพียงนาฬิกาเรือนโปรดเท่านั้นที่มันใส่มา ก่อนก้มมองข้อมือตัวเองที่มีสร้อยข้อมือสีน้ำตาลร้อยอักษรตัว S ใส่อยู่ ผมยังจำสีหน้าของเพื่อนสนิทตอนเห็นเจ้าสร้อยข้อมือตอนเช้าได้ดี รอยยิ้มกว้างกับท่าทางดีใจเหมือนเด็กๆ แต่เมื่อย้อนถามกลับไปว่าทำไมมันถึงไม่ใส่มา กลับได้คำตอบสั้นๆ ว่า 'ลืม'

            มันน่าน้อยใจจริงๆ

            หลังจากได้หยุดพักทำใจสองวันอาการไข่ต้มก็ดีขึ้นตามลำดับ แม้ก่อนหน้านี้อาการมันจะไม่ได้แย่อะไรนักก็ตาม ดีเกินไปจนได้ยินคำด่าว่าเสียๆ หายๆ ลอยมาเข้าหู แต่คนโดนมันไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร ผิดกับผมที่อยากรู้นักว่าใครมันเป็นคนพูด

            'ไม่เห็นจะเสียใจเลย'

            'เป็นฝ่ายทิ้งพี่อ๋องนี่นะ'

            'หน้าด้านหน้าทน'

            'ทำคนอื่นเสียใจยังทำตัวร่าเริงอยู่ได้'

            มันน่าโมโหตรงที่คนพวกนี้พูดออกมาโดยที่ไม่รู้ความจริงอะไรเลย เพราะเลิกรากับเงียบๆ ไม่ได้แถลงข่าวแบบพวกคนดังให้คนอื่นๆ รู้เลยทำให้หลายคนคิดว่าคนที่เสียใจมากกว่าคือคนที่เจ็บกว่า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เพื่อนผมอยากป่าวประกาศบอกใครต่อใครอยู่ดี

            "เหม่ออะไร"

            ผมเห็นไข่ต้มมันเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง มองวิวเดิมๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก แต่ผมก็มักทำแบบมันเวลาที่อยากคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

            "ไม่ได้เหม่อ"

            "คิดอะไรอยู่"

            "เรื่อยๆ"

            "ไม่ได้คิดถึงคนนั้นใช่มั้ย"

            "ไม่มีอะไรให้คิดถึงแล้ว"

            ผมชะโงกหน้าไปมอง ตั้งใจจะจับผิด แต่ไข่ต้มมันดันหันกลับมาจนต้องรีบขยับออกห่าง ไม่อย่างนั้นได้เกิดฉากโรแมนติกขึ้นแน่ๆ ซึ่งผมคิดว่ามันคงยังไม่พร้อมสำหรับอะไรแบบนั้นกับเพื่อนสนิทหรอก

            "อะไรของมึง" มันขมวดคิ้วถาม

            "เปล่า"

            "ถ้าโดนด่ากูไม่เกี่ยวนะ"

            "องอาจเห็นที่ไหน"

            แน่นอนว่าทุกคำพูดของพวกเราคือการกระซิบ ผมมองอาจารย์คณิตที่กำลังจดยุกยิกบนกระดานพร้อมกับพูดไปด้วย เสียงของแกดังพอที่จะกลบเสียงของพวกเราได้ อีกอย่างไม่ใช่แค่ผมกับไข่ต้มที่กำลังเมินการสอนของอาจารย์อยู่ตอนนี้ ไอ้คนที่นั่งหน้าห้องนั่นแหละตัวดี สัปหงกกันไปแล้ว

            ผมกำลังจะอ้าปากพูดต่ออาจารย์ก็หันกลับมา เลยต้องรีบทำตัวเป็นเด็กตั้งใจเรียน ตามองกระดานฟังสิ่งที่อาจารย์กำลังพูด ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้ที่ไหลเข้าหัวมีเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เห็นจะได้

            ไข่ต้มมันยิ้มขำตอนเห็นผมทำเป็นตั้งใจเรียน หันมายักคิ้วให้ ทำหน้าทำตาน่ามันเขี้ยวจนอยากหยิกแก้มแรงๆ ไม่รู้ทำไมหลังจากเป็นอิสระจากพี่อ๋องผมถึงได้รู้สึกว่ามันน่ารักขึ้นมากขนาดนี้ ไม่ใช่ที่หน้าตา แต่เป็นที่การกระทำ

            มองรอยยิ้มของมันแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าหยุดทำตัวน่ารักสักทีจะได้ไหม เพราะแค่นี้ก็หนีออกจากหลุมที่เผลอตกลงไปเองไม่ได้อยู่แล้ว

            "มองกระดานดิ มองกูทำไม"

            "ก็มึงน่ารัก"

            แล้วสุดท้ายก็หลุดพูดออกไปจนได้

            ไข่ต้มมองแล้วกะพริบตาปริบๆ ส่วนผมยังทำใจสู้ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนคำชมที่พูดออกไปเมื่อกี้นี้เป็นคำธรรมดาทั่วไปที่เราคุ้นเคยกัน ทั้งที่ปกติผมไม่เคยพูดกับมันแบบนี้สักครั้งเดียว

            "อยู่ดีๆ ก็ชม" ไข่ต้มมันบ่นก่อนหันกลับไปมองอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง นับว่าปฏิกิริยาตอบกลับที่ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก มันคงแปลกใจ แต่ผมไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมอยู่ดี

            แม้สิ่งที่อาจารย์สอนจะไม่ค่อยเข้าหัวนัก แต่ผมกลับมีความสุขกับคาบเรียนคณิตศาสตร์พื้นฐานมากกว่าครั้งไหน อารมณ์หงุดหงิดกับคำพูดที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น เพราะมีใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มของคนข้างๆ เข้ามาแทนที่ เพียงแค่นี้ก็ทำให้โลกของผมสดใสขึ้นได้แล้ว

            ก่อนหน้านี้ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าหากพี่อ๋องทำไข่ต้มเสียใจเมื่อไรผมจะแย่งหัวใจของมันกลับมา แม้ระหว่างทางจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่หลายครั้ง ทั้งลังเล ทั้งกลัว แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปกับความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้

            นับจากนี้ผมจะจีบเพื่อนสนิท จีบแบบเปิดเผยตัวแสดงความรู้สึกให้อีกฝ่ายรู้ สารภาพออกไปเมื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองจนเต็มเปี่ยม และเตรียมใจยอมรับคำตอบที่จะได้กลับมา

            ไม่ว่าสุขหรือเศร้าผมก็จะยอมรับมัน

 

            มีคนชอบมาก คนที่ไม่ชอบก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา ตั้งแต่ไข่ต้มเลิกกับพี่อ๋องคนที่อยากลองกะเทาะเปลือกไข่ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนเดิม รวมถึงคนที่เข้ามากวนประสาทก็มีมากเช่นกัน แต่มีผมอยู่ด้วยทั้งคนไอ้พวกคิดไม่ดีทั้งหลายจะไม่มีวันได้เข้าใกล้ไข่ต้มเด็ดขาด ซึ่งจริงๆ แล้ว คนที่เข้ามาดีผมก็ไม่ยอมให้เข้ามาเช่นกัน

            หวงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นร้อยเป็นพันเท่าบอกไว้ตรงนี้

            "พี่ไข่ต้มครับ"

            แล้วก็นั่นแหละ โสดยังไม่ถึงสัปดาห์ก็มีคนเข้ามาหาเสียแล้ว

            เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ไข่ต้มไม่ได้มีท่าทีกีดกันหรือจ้องจะปิดประตูใส่เหมือนแต่ก่อน มันทำเพียงรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร แต่คนที่ตั้งกำแพงใส่กลับกลายเป็นผมเสียอย่างนั้น

            "ครับ" ผมตอบรับแทนคนถูกเรียก แต่คนเรียกก็ดูไม่ได้สนใจอะไรนัก

            "ผมชื่อแม็กนะครับ อยู่ ม.สี่ ถ้าอยากจะทำความรู้จักกับพี่ได้มั้ยครับ"

            "ไม่ได้ครับ" คนตอบเป็นผมไม่ใช่คนถูกถาม

            ไข่ต้มมันหันขวับมามองรวมถึงน้องแม็กอะไรนี่ด้วย หน้าตาดูงงงวยว่าผมเป็นใครทำไมถึงกล้ามาปฏิเสธแทนเจ้าตัวที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่สนใจ

            "ผมถามพี่ไข่ต้มครับ"

            "พี่ก็ตอบแทนแล้วไงครับ ตอนนี้มันยังไม่พร้อมเปิดรับใคร ขอเวลาให้มันได้ทำใจบ้างเถอะน้อง คนเพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่ถึงอาทิตย์ ตอนนี้มันเร็วไป"

            "ผมนี้ไงครับจะช่วยทำให้พี่ไข่ต้มดีขึ้นเอง"

            "หน้าที่นั้นปล่อยให้เป็นของพี่เองครับ เพื่อนพี่ พี่ดูแลเองได้"

            น้องแม็กหันไปทำหน้าขอความเห็นจากไข่ต้มหลังจากเถียงกับผมไม่สำเร็จ รอบนี้ผมไม่ได้เตี๊ยมกับเพื่อนรักไว้เลยไม่รู้ว่ามันจะเล่นด้วยหรือเปล่า แต่เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้ ผมดูออกนะว่ามันกำลังกลั้นขำอยู่

            หลังจากอกหักครั้งแรกในชีวิตดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไปเยอะเลย

            "ก็ตามนั้นครับน้อง"

            แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือมันยังปฏิเสธคนที่พยายามเข้าหาอยู่ดี

            "ขอตัวนะครับ" ผมรีบตัดจบ คว้าแขนไข่ต้มเดินหนีออกจากโรงเรียนเพราะเราโดนดักไว้ตอนกำลังจะกลับบ้านพอดี

            ผมปล่อยแขนไข่ต้มตอนออกมาถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน มันอมยิ้มเหมือนไม่ใช่คนเก่าที่มักทำหน้าบึ้งเวลามีคนเข้าหา กลับกลายเป็นผมที่หน้าบึ้งแทน

            "หวงเก่ง" มันว่า

            "ก็มึงไม่เห็นหวงตัวเองเหมือนแต่ก่อน"

            "น้องเขายังไม่ทันทำอะไรเลย"

            "ปกติยังไม่ทันทำอะไรมึงก็เตรียมหนีแล้วเถอะ"

            "ขนาดนั้นเลย"

            "เออ"

            ไข่ต้มยิ้มจนตาหยีเหมือนชอบใจที่โดนผมว่า ทำเหมือนกับไม่รู้ตัวว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นยังไง แต่ผมรู้ว่ามันแค่แกล้งไขสือเฉยๆ

            "ก็แค่อยากลองเปลี่ยนตัวเองดู มองอะไรให้มันกว้างขึ้น ใช้เวลาตัดสินอะไรให้นานขึ้น เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นบ้าง"

            "หมายถึงอะไรที่มึงอยากให้ดีขึ้น"

            "สิ่งรอบตัว บางทีมันอาจจะมีสิ่งดีๆ ที่กูเผลอมองข้ามไปก็ได้"

            ‘รวมถึงตัวกูด้วยใช่มั้ย’ ผมอยากจะถามออกไปแบบนี้ แต่เพราะไม่รู้ว่าประโยคที่คิดจะถูกเพื่อนสนิทตีความไปแบบไหน เลยทำได้แค่เก็บมันไว้ในใจ และถามถึงสิ่งที่ไม่เจาะจงออกไปแทน

            "แล้วเจอหรือยังสิ่งที่มึงคิดว่ามองข้ามไป"

            "สักวันคงได้เจอ"

            ผมไม่ถามอะไรต่อ พยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่น

 

            ถูกคนมองเป็นเรื่องปกติของไข่ต้ม ถูกใครต่อใครเข้าหาก็เป็นเรื่องปกติของมันเหมือนกัน แต่นานๆ ทีจะเห็นคนที่เกลียดมันออกมาแสดงตัว

            ไข่ต้มคิดมากไหมไม่รู้เพราะมันไม่เคยพูดอะไรให้ผมฟังเกี่ยวกับคนประเภทนี้ เป็นความเข้าใจโดยธรรมชาติว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด เวลาเห็นคนที่แสดงความเห็นไม่ดีก็เลยมักจะปล่อยผ่าน แล้วเรื่องทุกอย่างก็จะผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนที่ผ่านมา

            "ยังไม่เลิกอ่านอีก" ผมแทบจะดึงโทรศัพท์ออกจากมือไข่ต้มเพราะเห็นมันยังอ่านคอมเมนต์แย่ๆ ใต้โพสต์ในไอจีไม่เลิก

            "ก็ดูมันไล่เมนต์ทุกอันเลย เหมือนโกรธแค้นกูมาจากไหน"

            "ลบไปดิ"

            "ช่างมัน"

            "รอให้แฟนคลับมึงมาถล่มมันเหรอ"

            "งั้นมั้ง"

            "ร้าย"

            ไข่ต้มหัวเราะ ผมรู้ว่ามันพูดเล่นไม่ได้คิดจริงจัง เอาเข้าจริงขนาดบรรดาคนที่ชอบมันยังไม่ค่อยมาคอมเมนต์อะไรเลย มีแต่ยอดไลค์ที่เกือบแตะหลักพัน ผมหมายถึงแอคเคาต์ที่มันเปิดสาธารณะที่นานทีปีหนมันจะลงรูปสักที ส่วนแอคเคาต์ส่วนตัวมีแต่เพื่อนๆ เท่านั้นที่ติดตาม

            "อิ่มยัง เดี๋ยวเอาจานไปเก็บให้" เห็นมันยังเอาแต่สนใจโทรศัพท์ผมเลยดึงจานข้าวที่กินหมดแล้วมาซ้อนกับของตัวเอง ตั้งใจจะทำคะแนนนิดๆ หน่อยๆ

            "เดี๋ยวกูเก็บเอง" แล้วมันก็ทำท่าจะดึงกลับไป

            "ไปรอข้างหน้าไป" พูดจบผมโบกมือไล่ไข่ต้มก่อนลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ

            เหลือเวลาอีกสิบห้านาที่จะหมดเวลาพักเที่ยง วันนี้อาจารย์ปล่อยช้าห้านาที กว่าจะลงมาถึงโรงอาหาร กว่าจะหาโต๊ะได้ก็กินเวลาไปหลายนาที แถมไข่ต้มมันยังหมกมุ่นอยู่กับแอคเคาต์ของใครไม่รู้ที่คอมมเนต์ป่วนมันตั้งแต่เช้า เวลาที่ใช้ในโรงอาหารเลยมากกว่าทุกวัน

            จากโรงอาหารเราเดินตัดผ่านอาคารหอประชุมเพื่อขึ้นตึกเรียน ใต้อาคารนั้นถูกจัดเป็นมุมพักผ่อน โต๊ะไม้ทุกตัวถูกจับจองโดยกลุ่มที่มีสมาชิกเยอะๆ ซื้อของมานั่งกินพูดคุยกันเสียงดัง และเมื่อเราเดินผ่าน เสียงจากใครสักคนในนั้นก็ดังขึ้นมา

            "คิดว่าหน้าตาดีนักหรือไงวะ"

            ถึงไม่อยากใส่ใจแต่ก็อดไม่ได้ต้องหันไปมอง ผมจะไม่ติดใจอะไรเลยถ้าประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่เหมือนกับคอมเมนต์แย่ๆ ใต้โพสต์ไอจีของไข่ต้มมัน แล้วก็คงไม่มีใครเสียสติพอจะตะโกนขึ้นมาเหมือนอยากจะบอกให้คนทั้งโรงเรียนได้ยินแบบนี้

            "มึง"

            ไข่ต้มมันเรียกเมื่อผมยังมองหาตัวการไม่เลิก กล้าตะโกนแต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวแบบนี้ไม่แน่จริงนี่หว่า

            "ไปมึง"

            มันบอกอีกครั้งพร้อมกับเข้ามาคว้าแขนผมให้รีบเดินไปด้วยกัน ไข่ต้มมันไม่อยากมีเรื่องผมรู้ดี แต่อยู่ดีๆ ก็โดนด่าแบบนี้มันเลยอดโมโหไม่ได้

            ผมหงุดหงิด แสดงออกทางสีหน้าให้คนข้างๆ รู้เลยว่าหงุดหงิดแค่ไหน จนเราเดินเข้าตัวอาคารไข่ต้มมันถึงได้หันมาขมวดคิ้วใส่ผม

            "มึงไม่ต้องไปสนใจพวกมันหรอก"

            "แต่มันด่ามึงนะ"

            "ช่างมัน"

            "ไม่ได้ดิ กูอยากรู้ว่ามันเป็นใคร ปากดีแต่ไม่กล้าแสดงตัว"

            "ปล่อยมัน กูไม่เล่นด้วยเดี๋ยวแม่งก็เลิกเอง"

            ที่ผ่านมาวิธีแบบนี้มักได้ผลเสมอ สำหรับคนที่เข้าหาหมายจะสานความสัมพันธ์คือการปฏิเสธแบบเด็ดขาด ส่วนคนส่วนน้อยที่เข้าหาด้วยเจตนาไม่ดีจะถูกทำเหมือนคนเหล่านั้นไม่มีตัวตน และสุดท้ายคนพวกนั้นจะหายไปเอง ทว่าครั้งนี้ผมกลับรู้สึกต่างไปจากที่ผ่านมา มันอาจจะเป็นลางบอกเหตุหรือตัวผมเองที่คิดมาก ผมกลัว กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ

            อย่างน้อยก็อยากรู้ว่าคนที่กำลังคิดไม่ดีอยู่ตอนนี้มันเป็นใคร

 

            สายเรียกเข้าจากเพื่อนสนิทดังขึ้นหลังจากแยกกันได้ชั่วโมงกว่า ผมทิ้งการบ้านวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานที่ทำอยู่ คว้ามือถือขึ้นมากดรับทันที

            "ไงมึง"

            [ถึงบ้านแล้วเหรอ]

            "ก็เออดิ"

            [เหรอ...อืม]

            "มึงเป็นอะไรป้ะเนี่ย"

            แปลก แปลกมาก แปลกแบบสุดๆ อยู่ๆ โทรมาทำเสียงหงอยๆ ซึมๆ ใส่ผม แบบนี้มันไม่ปกติ

            [ก็นิดหน่อย]

            "ใครทำอะไรมึง" ผมหยิบสมอลทอล์กมาเสียบ จะได้เปิดเข้าไอจีดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับมันหรือเปล่า

            [ก็นิดหน่อย]

            "แล้วไอ้นิดหน่อยของมึงนี่คืออะไร" ผมชักจะหงุดหงิดเลยเผลอขึ้นเสียง กดเข้าไอจีแอคเคาต์ที่ไม่ได้ล็อกซึ่งโดนก่อกวนอยู่ช่วงนี้เห็นว่ายังปกติดีเลยเข้าแอคเคาต์ส่วนตัวอีกอัน ไข่ต้มมันไม่ได้โพสต์อะไรใหม่ ยกเว้นสตอรี่ไอจี

            [มึงออกจากบ้านตอนนี้ได้มั้ย] มันถามตอนผมกดเข้าไปดูสตอรี่ไอจีของมันพอดี แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง พร้อมกับอารมณ์เดือดดาลของผม

            "มึงอยู่ไหน"

            [ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน]

            "นั่งรอกูอยู่ตรงนั้นห้ามไปไหน"

            [อืม]

            "แม่ง" ผมสบถใส่มือถือก่อนกดวางสาย หยิบกระเป๋าสตางค์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงก่อนรีบออกจากห้อง

            แล้วลางสังหรณ์ไม่ดีของผมมันก็เกิดขึ้นจริงจนได้

 

            จากบ้านผมถึงบ้านไข่ต้มใช้เวลาไม่กี่นาที ผมโบกวินหน้าปากซอย ความหงุดหงิดไม่ได้ลดน้อยลงเลยจนกระทั่งมาถึง ไข่ต้มมันยังนั่งรอตรงที่เดิมตามที่บอก เพิ่มเติมคือรอยฟกช้ำบนใบหน้าที่ทำให้ผมอารมณ์เสียมากกว่าเดิม

            "ใครทำอะไรมึง"

            ภาพรอยช้ำที่ข้อมือ กับข้อความที่บอกว่า ‘พอใจแล้วใช่มั้ย’ ทำให้ผมเดาเหตุการณ์ได้ไม่ยากนัก ไข่ต้มโดนใครบางคนทำร้าย แต่ที่ผมคิดไม่ถึงคือหน้าตามันจะเป็นแบบนี้ด้วย

            "คนเมื่อตอนกลางวัน" มันตอบเสียงเรียบ ดูไม่ทุกข์ร้อนเหมือนผมเลยสักนิด

            "ใคร"

            "กูเคลียร์แล้ว แค่เรียกมึงมาทำแผลให้เฉยๆ กลับบ้านสภาพนี้แม่ด่ากูแน่"

            "กูก็จะด่ามึงด้วย"

            "ทำแผลให้ก่อนแล้วค่อยด่า"

            ผมยืนนิ่งไม่พูดอะไร โกรธจนอยากไปลากคอไอ้คนทำมาซัดกันอีกสักยก แต่ต้องระงับสติอารมณ์เอาไว้เพราะยังไม่รู้ที่มาที่ไปว่าสรุปเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่

            "เดี๋ยวเล่าให้ฟังน่า ไม่ต้องห่วง"

 

            ผมไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลที่ร้านยาซอยข้างๆ ก่อนลากไข่ต้มกลับบ้านมันหลังจากโทรเช็กเรียบร้อยแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่น่าจะถึงบ้านในเวลาอันใกล้นี้ เพราะไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครผมเลยไม่รู้วิธีทำแผลที่ถูกต้องนัก เปิดเน็ตดูไปพลาง ปากก็บ่นไปพลาง กลายเป็นว่าทั้งบ้านมีเสียงผมพูดอยู่คนเดียว เพราะคนเจ็บเอาแต่นั่งเงียบไม่ร้องสักแอะจนผมชักสงสัยว่าแผลพวกนี้มันของจริงหรือเปล่า

            บนหน้าไข่ต้มมีแผลทั้งหมดสองจุด คือรอยช้ำที่มุมปากกับโหนกแก้ม ส่วนข้อมือนั้นเป็นรอยแดงเหมือนถูกบีบอย่างแรง มันเป็นคนขาวรอยพวกนี้เลยเห็นได้ชัด ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่มันต้องมาเจออะไรแบบนี้

            "จะเล่าให้กูฟังได้ยัง" ทำแผลเสร็จผมก็ทวงทันที

            "เจ็บปาก"

            "อย่ามาลีลา"

            "ขอเรียบเรียงแป๊บนึง"

            "อย่าลีลา" ผมย้ำอีกครั้งด้วยเสียงจริงจัง อยากให้มันรู้ว่าห่วงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

            "ก็อย่างที่บอกก่อนหน้านี้นั่นแหละ กูไม่รู้ว่ามันตามกูมา ดักรออยู่ หรือว่ายังไง แต่ตอนลงรถกำลังจะเดินเข้าหมู่บ้านมันก็มาขวางกูไว้บอกมีเรื่องจะคุย..."

            "แล้วมึงก็ไปกับมัน"

            "เออ"

            "โง่หรือโง่วะ" ผมอดไม่ได้ที่จะด่า ถึงไข่ต้มมันจะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ก่อกวนมันช่วงนี้ แต่โดนดักหน้าไว้ขนาดนั้นแถมยังอยู่ตัวคนเดียวมันสมควรที่ไหน ทั้งที่เมื่อก่อนถ้าเกิดเรื่องแบบนี้มันต้องเดินหนีแล้วด้วยซ้ำ

            "จะด่าหรือจะฟัง"

            "ก็มึงมันน่าด่า"

            "มึงด่ากูไปตั้งเยอะแล้วไง"

            "ปกติมึงไม่ชอบวุ่นวายกับคนไม่รู้จักไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมครั้งนี้ไม่เดินหนี"

            "กูอยากรู้ว่ามันจะเอายังไง"

            "ไหนบอกช่างมันไง"

            "ขอโทษ พลาดไปแล้ว" พอมันบอกเสียงอ่อยผมก็หมดคำจะด่า ยิ่งเห็นรอยช้ำกับแววตาสำนึกผิดของมันยิ่งโกรธไม่ลง

            ก็เป็นแบบนี้ทุกที

            "แล้วไงต่อ"

            "ก็ต่อยกัน"

            "ต่อยกัน?"

            "มันพากูไปซอยข้างบ้านหลังใหญ่ๆ ที่มันเงียบๆ อะ มันด่ากูเหมือนที่แม่งเมนต์ในไอจีกับตะโกนด่านั่นแหละ แต่กูเงียบใส่ มันเลยเข้ามาต่อย แต่กูสู้นะ แลกกันไปหลายหมัดอยู่ สภาพเลยออกมาไม่ต่างกัน หน้ามันก็มีแผลเหมือนกูนี่แหละ"

            "แล้วสรุปว่ามันเป็นบ้าอะไร โกรธอะไร มึงได้ถามมั้ย"

            "กูไม่บอกได้มั้ย คือมันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ บอกไปมึงก็คิดเยอะอีก"

            "เล่ามาขนาดนี้แล้วกูไม่คิดเลยดิ" ผมประชด ไข่ต้มมันเลยยิ้มแหย

            "แต่ตอนนี้กูเคลียร์จบแล้วนะ ต่างคนต่างอยู่ ถ้ากูบอกมึงห้ามไปหาเรื่องใครอีก ได้มั้ย"

            ผมล่ะเกลียดแววตาตอนขอร้องที่เหมือนลูกแมวของมันชะมัด

            "อืม"

            เอ่ยรับปากไปแล้วแต่ไข่ต้มมันยังดูลังเลที่จะบอก ความจริงผมมีคำตอบไว้ในใจแต่ยังไม่กล้าปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ จากคอมเมนต์หลายๆ อันกับคำที่มันตะโกนด่า เหมือนโกรธแค้นแทนใครมากกว่าจะเป็นตัวเอง

            "น้องมันอยู่ ม.ห้า เป็นหลานพี่อ๋อง"

            นั่นไง ผมว่าแล้ว

            "แต่มึงห้ามไปหาเรื่องพี่อ๋องนะเว้ย"

            "เห็นกูเป็นคนชอบมีเรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ"

            "ก็มึงดูโกรธ"

            "ก็ต้องโกรธมั้ยวะ เพื่อนโดนต่อย แต่ที่กูโกรธเพราะเป็นห่วงมึงนั่นแหละ ตัวแค่นี้จะไปสู้ใครได้"

            "ตัวกูไม่ได้เล็กนะ ทำไมกูจะสู้ไม่ได้"

            "ถ้าสู้ได้หน้าจะเป็นแบบนี้เหรอ" ผมจิ้มที่รอยช้ำตรงมุมปากจนมันสะดุ้ง

            "อย่าจิ้มเด้"

            "หงุดหงิดมึงอะ"

            "กูขอโทษ แต่จบแล้วจริงๆ ไม่มีอีกแล้ว" ไข่ต้มบอกตาละห้อย แสดงสีหน้าเก่งจริงๆ เวลาอยู่กับผมเนี่ย

            ผมหมดคำจะด่า หมดคำจะบ่นมันแล้ว เลิกมองหน้ามันแล้วเก็บยาต่างๆ ใส่ถุงมัดปากเอาไว้ แต่คนห่วงก็คือห่วง เป็นแบบนี้แล้วจะบอกพ่อกับแม่ว่ายังไง

            "แล้วมึงจะบอกพ่อกับแม่ว่าไง"

            "บอกว่ามีเรื่องชกต่อย พ่อแม่กูต้องภูมิใจแน่ๆ มีลูกเป็นนักสู้"

            "ตลกเหรอ"

            "งั้นมึงช่วยกูคิดหน่อย"

            "ชนโต๊ะ ชนตู้ ชนขอบเตียง"

            "มึงเห็นกูเตี้ยขนาดนั้นเลยเหรอ เขาคงไม่เชื่อหรอก"

            สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเมื่อคิดห้าข้ออ้างดีๆ ไม่ออก รอยบนหน้าไข่ต้มดูยังไงก็รู้ว่าไปมีเรื่องมา ยกเว้นจะปกปิดรอยด้วยการแต่งหน้า แต่บอกเลยว่าผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

            "งั้นก็บอกไปตามความจริง" ในเมื่อคิดไม่ออกทางที่เหลือคือพูดความจริง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดที่ต้องพูดออกไป

            "จะดีเหรอวะ"

            "กูจะอยู่กับมึงเอง ไม่ต้องห่วง"

            ไข่ต้มยังดูลังเล ครั้งแรกกับความผิดที่ไม่เคยก่อย่อมกลัวว่าจะทำให้คนที่รักผิดหวัง แน่นอนว่าการพูดความจริงต้องดีกว่าการโกหก เรื่องชกต่อยก็เป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาของเด็กผู้ชายที่ผมคิดว่าผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจ

            "กูจะโดนแม่ตีมั้ยวะ"

            "มึงห่วงแค่นี้เองเหรอ" สีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสนิทเกือบทำผมหลุดขำ เป็นเด็กประถมหรือไงถึงได้กลัวโดนแม่ตีเวลาทำผิด

            "ก็เปล่า แต่กูไม่อยากเจ็บอีกรอบ"

            "ถึงมึงโดนตีกูก็จะคอยเป็นกำลังใจเอง"

            "ขอบคุณ ช่วยได้มาก"

            ผมหลุดขำกับการประชดชันทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของมัน

            ทุกคำพูดทุกการกระทำที่แสดงออกมาจากความรู้สึกในใจล้วนๆ แต่ผมไม่รู้ว่าการกระทำที่ไข่ต้มคุ้นเคยดีจะทำให้มันรู้สึกถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า บางอย่างในสายตาของผมจะทำให้ตัวมันที่พยายามมองสิ่งรอบตัวให้กว้างขึ้นมองเห็นบ้างไหม

            ถ้ามันรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างก็คงจะดี

 
tbc.

 
วิถีลูกผู้ชาย?
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-12-2018 21:16:11
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-12-2018 22:23:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหตุผลของความไม่ชอบและเกิดชกต่อย ช่างไร้สาระมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 08-12-2018 23:17:23
อยากให้ไข่ต้มรู้ตัวซักทีว่ามองข้ามความรู้สึกซอสไป  :hao5: :sad4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-12-2018 02:47:21
น้องพูดเหมือนจะรู้
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: manU007 ที่ 09-12-2018 09:04:23
สงสารซอส ความรู้สึกของคนแอบชอบเพื่อนสนิทนี่มันไม่ง่ายเลย จะพูดไปก็กลัวเสียเพื่อน บางทีก็อยากให้ซอสลงเอยกับคนอื่นที่ไม่ใช่ไข่ต้มนะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 09-12-2018 17:44:53
โครตเข้าใจความรู้สึกซอสเลย บอกไปรับได้ก็โอเค แต่ถ้ารับไม่ได้จบทุกอย่างเลย แม้แต่คำว่าเพื่อนไม่เหลืออีกเลย
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-12-2018 17:59:41
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 10-12-2018 22:42:59
ซอสนี่พระเอกจริงเหรอเมื่อไหร่จะมีคนมาจีบซอสบ้าง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 17 คนที่โกรธแค้น <<< [08/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-12-2018 23:13:00
อยากเห็นไข่ต้มหึงซอสแล้ว
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 15-12-2018 20:46:25
ไข่ฟองที่ 18
คนที่นายง้อ


            การสารภาพความจริงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนักสำหรับครอบครัวของไข่ต้ม ผมนั่งอยู่ข้างๆ ตอนมันเล่าสาเหตุของรอยฟกช้ำบนหน้าให้พ่อแม่ฟัง พวกท่านดูตกใจในทีแรก แต่ยังรับฟังอย่างเข้าใจไม่ได้โวยวายหรือตื่นตระหนกอย่างไร้เหตุผล ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อฟังจบ แม้เรื่องที่เล่าจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ตาม

            วันนี้ไข่ต้มใส่มาร์กมาโรงเรียนแกล้งทำเป็นป่วยเพื่อปิดบังรอยช้ำบนใบหน้าแม้มันจะไม่ได้สาหัสอะไรนัก ทำเอาเหล่าแฟนคลับพากันเป็นกังวลอีกว่าพี่ไข่ต้มของน้องๆ ป่วยเป็นอะไรมา ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนตาดีสังเกตเห็นรอยช้ำที่โหนกแก้ม หรือแม้กระทั่งตอนกินข้าวที่ต้องถอดมาร์กออก

            ผมรู้ว่าไข่ต้มไม่ชอบสายตาที่ถูกมอง ไหนจะเสียงซุบซิบนินทาอีก แต่มันยังคงทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าหากไม่มีใครสักคนหาญกล้าเข้ามาถาม มันก็คงไม่พูดอะไรอย่างแน่นอน ที่สำคัญสตอรี่ไอจีที่มันลงในแอคเคาต์ส่วนตัวก็ถูกลบไปแล้วด้วย

            ใจผมอยากจะชวนไข่ต้มขึ้นห้องเรียนเร็วๆ แต่เห็นมันค่อยๆ ตักข้าวเข้าปากแล้วก็พอเข้าใจว่ายังเจ็บอยู่ เลยยิ่งพาลให้รู้สึกโมโหคนที่ทำให้หน้ามันมีแผลแบบนี้ เป็นเพื่อนกันมาเกือบหกปีเห็นมันเจ็บตัวมากสุดก็แค่หกล้มหัวเข่าถลอก

            "จ้องกูอีกละ"

            โดนทักแต่ผมยังไม่เลิกจ้อง กินข้าวหมดได้สักพักเลยไม่รู้จะวางสายตาไว้ที่ไหนเลยเลือกวางไว้ที่คนนั่งฝั่งตรงข้ามแทน

            "มึงกินช้า"

            "กูเจ็บปาก"

            "กินไปอย่าพูดมาก"

            "มึงก็อย่าจ้องมาก"

            "มีปัญหาอะไรกับแค่กูมองเนี่ย"

            ค้อนถูกส่งมาให้แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น ไข่ต้มมันไม่เถียงแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ส่วนผมก็นั่งมองมันต่อไปเรื่อยๆ มองหน้าแล้วหงุดหงิดกับรอยช้ำก็เปลี่ยนมามองที่ข้อมือแทน ไม่อยากจะอวดว่าวันนี้มันใส่สร้อยข้อมือมาด้วย ใส่มาเองโดยที่ผมไม่ได้บังคับ อยากรู้นักว่าจะมีคนเห็นแล้วจับไปเป็นประเด็นบ้างไหม

            ใช้เวลาอยู่นานกว่าไข่ต้มมันจะกินข้าวหมด เราเดินเอาจานไปเก็บด้วยกัน ก่อนเดินผ่านอาคารหอประชุมเพื่อขึ้นห้องเรียน แน่นอนว่าต้องผ่านโถงใต้อาคารที่เป็นจุดพักผ่อน แล้วก็ได้ยินใครบางคนตะโกนขึ้นมา

            "ขอโทษ"

            ผมรีบมองหาว่าใครมันเป็นคนตะโกน คนที่อยู่ตรงนั้นเองก็ดูงงงวย แต่มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลุ่มน้อง ม.ห้าที่ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าหลานพี่อ๋องคือคนไหน

            "เหมือนกัน" ไข่ต้มมันบอกกลับไป ก่อนพยักหน้าให้ผมเดินตาม

            ได้ยินคำขอโทษแล้วแม้จะไม่เห็นตัวการผมก็จะเชื่อว่าเรื่องมันจบลงแล้วจริงๆ อย่างที่เพื่อนบอก จบทั้งตัวพี่อ๋องเองและญาติสนิทมิตรสหายของพี่เขา จะได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคนโดยไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีก

 

            ถ้าหากพูดถึงบรรดาแฟนคลับของไข่ต้มคนแรกที่ผมนึกถึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องยูผู้น่ารักแถมยังสายเปย์ ก็นะ รอยช้ำบนใบหน้าของมันเป็นที่พูดถึงของคนในโรงเรียนขนาดนี้ แฟนคลับอันดับหนึ่งอย่างน้องยูจะรู้เรื่องและเป็นกังวลก็ไม่แปลก เพราะอย่างนั้นผมเลยเห็นน้องเขามายืนด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าอาคารตอนหลังเลิกเรียนแบบนี้

            "น้องยูมาหา"

            ไข่ต้มพยักหน้า ให้เดา ผมว่าถ้าน้องเขาไม่เดินเข้ามาทักมันก็คงเดินผ่านเลยไปเหมือนทุกที แต่รุ่นพี่สุดที่รักเจ็บตัวมาแบบนี้น้องเขาไม่มีทางปล่อยมันไปง่ายๆ หรอก

            "พี่ไข่ต้มคะ"

            เจ้าของชื่อหยุดฝีเท้าตรงหน้าคนเรียกพอดี น้องยูเงยหน้ามองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ที่จริงผมเองก็เพิ่งสังเกตว่าไข่ต้มมันสูงกว่าน้องยูเยอะขนาดนี้ มันก็คงจะโตขึ้นนั่นแหละ ถึงอย่างนั้นก็ยังตัวเล็กกว่าผมอยู่ดี

            "หายเจ็บหรือยังคะ"

            "ยังเจ็บนิดหน่อยครับ"

            "นี่ค่ะ" แล้วน้องยูก็ยื่นถุงกระดาษมาให้ ข้างในคงไม่พ้นของโปรดไข่ต้มอีกตามเคย

            "ขอบคุณครับ" เพื่อนผมรับมาก่อนเปิดดูว่าข้างในเป็นอะไร ไม่ตั้งท่าปฏิเสธเหมือนแต่ก่อนตามความตั้งใจใหม่ของมันที่จะเปิดใจ เปิดรับผู้คนรอบตัว และมองโลกให้กว้างขึ้น

            "แล้วก็..."

            "พี่ไม่คืนซากให้นะ"

            "ไม่ใช่ค่ะ" น้องยูรีบโบกมือแล้วยิ้มเขิน ไข่ต้มมันก็ช่างแซวจนผมยังเกือบหลุดขำ

            น้องยูยืนยิ้มเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ไข่ต้มมันก็ยืนรอไม่ทำตัวรีบร้อนเหมือนแต่ก่อน เป็นแบบนี้ผมว่าคนต้องชอบมันมากขึ้นแน่ๆ มนุษย์ย่อมแพ้ความใส่ใจ สำหรับตัวน้องยูนั้นไม่ต้องพูดถึง รุ่นพี่คนโปรดเปลี่ยนตัวเองยอมคุยด้วยขนาดนี้คงหนีไปไหนไม่รอดแล้ว นอกเสียจากกาลเวลาจะทำให้ความรู้สึกชื่นชมที่มีนั้นลดน้อยลงไปเอง

            "หายเร็วๆ นะคะ"

            "ขอบคุณครับ พี่ไปนะ" บอกด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้รับจากคนที่ชื่นชมสักคน

            น้องยูยิ้มกว้างมองตามไข่ต้มไม่วางตา จนน้องเขาหันมาเห็นผมที่ยังมองอยู่เลยก้มหัวให้หนึ่งทีก่อนจะเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนพากันดี๊ด๊าตามประสาเด็กผู้หญิง

            เราออกมารอรถเมล์ที่ป้ายหน้าโรงเรียนเหมือนอย่างเคย ไข่ต้มมันเปิดถุงในมือดูอีกรอบผมเลยแอบมองด้วย เดาจากตัวอักษรกับลักษณะกล่องผมว่าน่าจะเป็นขนมของฝากจากญี่ปุ่น งานนี้ของอิมพอร์ตก็มา หรือไม่น้องยูก็คงสั่งมาจากร้านออนไลน์

            ผมหันไปมองดูรถเมล์ขณะที่ไข่ต้มมันยังรื้อดูขนมในถุงไม่เลิก แต่เมื่อหันกลับมาอีกทีก็เจอมันมองมาอยู่ ระดับสายตาเราไม่ห่างกันมาก ผมเลยลองยกมือเทียบส่วนสูงระหว่างมันกับผม ดูเหมือนว่าจะมันจะโตตามมาติดๆ

            "มึงสูงเท่าไรแล้ววะ"

            "ร้อยเจ็ดสิบเอ็ด" มันพูดด้วยความภาคภูมิใจ แค่เก้าเดือนสูงขึ้นตั้งสามเซน แต่เสียใจด้วยที่ผมก็สูงขึ้นสามเซนเหมือนกัน

            "กูร้อยเจ็ดสิบแปด"

            "ก็ว่าล่ะตามมึงไม่ทันสักที"

            "ตัวแค่นี้ก็พอมึงอะ"

            "กูก็อยากสูงกว่านี้มั้ย"

            "อย่าสูงกว่ากูเลย"

            ไข่ต้มขมวดคิ้วใส่ เห็นหน้ามันแล้วผมก็กลืนมุกเสี่ยวๆ ที่ตั้งใจจะหยอดมันเล่นลงคอทันที กลัวว่าพูดจาประเจิดประเจ้อไปมันจะตั้งตัวไม่ทันแล้วทำให้บรรยากาศระหว่างเราเปลี่ยนไป เพราะงั้นผมจะแสดงออกทางการกระทำให้มากกว่าเดิมแทนก็แล้วกัน

            "รถมาแล้ว"

            ขอบคุณที่รถเมล์มาตอนนี้ เพราะถ้าเกิดไข่ต้มมันถามขึ้นมาบอกตามตรงว่าผมคิดมุกแก้ทางไม่ทันแน่ๆ นอกจากทำเนียนๆ ลืมๆ มันไป

            รถเมล์ตอนบ่ายสามโมงยังมีที่ว่างให้จับจองเหลือเฟือ เราเลือกนั่งเบาะคู่ใกล้กับประตู ผมนั่งข้างหน้าต่างไข่ต้มนั่งข้างทางเดินเพราะบ้านมันถึงก่อน แต่ยังไงวันนี้ผมก็จะหาเรื่องลงพร้อมมันอยู่ดี

            "กูไปบ้านมึงนะ"

            "ไปทำไม" มันรีบถามกลับทำผมใจแป้วนิดหน่อย ที่จริงมันต้องตอบว่า ‘ก็ไปดิ’ หรือแค่ ‘อืม’ ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลเลยด้วยซ้ำ แค่เพื่อนอยากเที่ยวบ้านเพื่อนเอง

            "ทำแผล"

            "มันจะหายแล้วมั้ย"

            "ตอนเที่ยงยังบอกเจ็บอยู่เลย"

            "ก็นี่มันบ่ายแล้วไง"

            "หมดประโยชน์แล้วใช่มั้ยกูเนี่ย" ผมตัดพ้อ แกล้งแสดงไปงั้น รู้ว่ายังไงไข่ต้มมันก็ไม่ห้ามที่ผมจะไปบ้านมันหรอก

            "เป็นบ้าอะไรของมึงอีก"

            "ยังไม่อยากกลับบ้าน"

            "ก็บอกมาดิว่ายังไม่อยากกลับ กูไม่ได้หวงมึงสักหน่อย จะไปก็ไป"

            "จะทำแผลให้มึงด้วยไง"

            "แล้วแต่" ไข่ต้มเปิดโหมดขี้เกียจเถียง แต่ผมเห็นนะว่ามันแอบยิ้มอยู่

            รถวิ่งช้าๆ ไปตามเส้นทางเหมือนคนขับกลัวว่าถ้าเหยียบเกินแปดสิบแล้วจะจอดป้ายไม่ทัน ซึ่งผมว่ามันก็ดี ไม่ต้องรีบแข่งกันเหมือนกลัวชีวิตจะอยู่รอดปลอดภัยถึงวันพรุ่งนี้ อีกอย่างการได้นั่งรถกินลมชมวิวกับคนที่ชอบมันก็โรแมนติกไม่หยอก ถึงจะเจอมลพิษบ้างก็ไม่เป็นไรผมทนไหว เอาไว้วันหลังชวนมันขึ้นรถปรับอากาศน่าจะดีกว่า

            หลังลงจากรถเมล์เห็นเซเว่นที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเพื่อนสนิทผมก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ เลยรีบสะกิดก่อนที่มันจะเดินเข้าซอย

            "หิวอะมึง ไปซื้ออะไรกินกัน"

            ผมชี้ไปที่เซเว่น ไข่ต้มเลยชูถุงขนมในมือให้ดูว่าความหิวของผมสามารถดับได้ด้วยขนมถุงใหญ่ของน้องยู

            "มีแต่ขนม"

            "แล้วมึงจะกินอะไร"

            "มาม่า"

            "ที่บ้านกูมี ไข่ก็มี"

            "มีรสอะไรบ้าง"

            "ต้นตำรับ ต้มยำกุ้ง หมูสับ"

            "กูอยากกินมาม่าเผ็ดเกาหลี"

            "เห็นใจปากกูด้วย"

            "ไหนว่าไม่เจ็บแล้ว"

            เจอผมยอกย้อนมันเลยถลึงตาใส่อย่างคนเอาเรื่อง แต่สำหรับผมมันดูน่ารักมากกว่า

            "นี่ไง ก็กินมาม่าเผ็ดแล้วแก้เผ็ดด้วยขนมน้องยู ไปมึง" ไม่รอให้มันเถียงอีกผมก็กอดคอลากไข่ต้มให้เดินไปด้วยกัน

            เดินผ่านประตูเข้ามาผมก็ตรงไปที่ชั้นขายบะหมี่กึ่งสำหรับรูป ส่วนไข่ต้มมันเดินหายไปอีกฝั่ง เดี๋ยวนี้มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลายยี่ห้อหลากหลายชนิด รสชาติใหม่ๆ หน้าตาแปลกๆ ก็เยอะ แต่ผมยังยืนยันความตั้งใจเดิม หยิบซัมยังฮอตชิกเก้นราเมงมาสองห่อ เอาแบบเผ็ดคูณสองไปเลย

            "แค่เผ็ดธรรมดาก็ไม่ไหวแล้วมั้ย" เสียงเพื่อนสนิทดังขึ้นตอนผมคว้าซัมยังสองห่อมาถือไว้ในมือ เหลือบมองคนข้างๆ เห็นมันถือนมเปรี้ยวรสผลไม้รวมขวดใหญ่

            "ยังไม่เคยลองไง"

            "ก็แค่เผ็ดกว่าเดิม"

            "เลยต้องลองไงว่าจะเผ็ดขนาดไหน"

            "เออๆ เอาอะไรอีกมั้ย"

            "ไม่อะ แค่นี้พอ"

            ได้ของคนละอย่างตามที่ต้องการแล้วก็ไปจ่ายเงิน มื้อนี้ผมเลี้ยงเองเพราะเป็นคนชวน นมเปรี้ยวขวดใหญ่ขวดนั้นป๋าก็จ่ายให้ด้วยเหมือนกัน

            กลับมาถึงบ้านเราก็ทิ้งกระเป๋าไว้ที่โซฟา หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้องซัมยังทั้งสองห่อเข้าครัว เปิดน้ำใส่กระทะตั้งเตาเป็นอันดับแรก วันนี้กว่าพ่อแม่ไข่ต้มจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็คงตะวันตกดินพอดี เพราะงั้นเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังนั้นมีเหลือเฟือ

            "ต้มห่อเดียวก็พอมั้ง" ไข่ต้มขอความเห็นขณะฉีกซองเพื่อใส่เส้นลงไปในกระทะที่น้ำกำลังเดือดปุดๆ

            "อิ่มเหรอ"

            "เผ็ดขนาดนี้จะกินเอาอิ่มเลยเหรอ เอาแค่หายอยากก็พอมั้ง เดี๋ยวกินขนมแก้เผ็ดตามอีก"

            ถามแค่คำเดียวใส่มาเป็นชุด

            ผมพยักหน้ารับตามใจเจ้าของบ้านที่รับหน้าที่เข้าครัวเอง ไข่ต้มหย่อนเส้นลงในกระทะ ถือตะหลิวมองเส้นสีเหลืองที่ลอยอยู่ในน้ำเดือด เป็นอีกมุมหนึ่งของมันที่ผมเห็นไม่บ่อยนัก เข้าครัวทำอาหาร ถึงอาหารที่ว่าจะเป็นแค่การต้มมาม่าก็เถอะ

            "เส้นอันนี้มันต้องต้มนานๆ ใช่มั้ย" มันหันมาถาม

            "อืม ต้มนานกว่าปกตินิดนึง" ผมเดินไปยืนซ้อนหลังมัน จงใจก้มลงมองกระทะผ่านไหล่พ่อครัวที่รีบหันหน้าหนีทันที แต่มันยังคงพูดต่อไม่ได้ดันตัวผมออกหรือขยับออกห่างแต่อย่างใด

            "คราวที่แล้วเส้นแข็ง"

            "แม่งกินไม่ได้ต้องเอามาผัดรอบสอง"

            "แล้วก็กินไม่หมดอยู่ดี"

            เราย้อนรำลึกถึงความหลังที่นานมาแล้วตอนลองกินมาม่าเผ็ดครั้งแรกช่วงที่มันฮิตใหม่ๆ ตอนนั้นทำกินกันที่บ้านผม ผมเป็นคนต้ม เพราะกะความสุกของเส้นไม่ถูกเลยใช้เวลาปกติที่เคยต้มมาม่ากิน ผมชอบเส้นกรอบๆ แต่พอมาต้มซัมยังกลายเป็นเส้นแข็งเกินไปกินไม่ได้เสียอย่างนั้น เป็นความทรงจำที่ตลกดี

            ผมหัวเราะออกจมูกแล้วลมหายใจมันไปโดนคนข้างหน้าหรือยังไงก็ไม่ทราบอยู่ๆ ไข่ต้มถึงสะดุ้ง มันหันขวับมามอง ผมเลยกะพริบตาใส่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วจู่ๆ ก็โดนไล่ให้ถอยออกห่างๆ เสียอย่างนั้น

            "ไปไกลๆ เลย"

            "อยู่ๆ ก็ไล่"

            "จะเทน้ำออก"

            "เส้นได้แล้วเหรอ"

            "ได้แล้วมั้ง เดี๋ยวผัดให้มันแห้งอีก"

            ผมยอมถอยออกห่างตามคำขอ มองไข่ต้มยกกระทะไปเทน้ำต้มทิ้งในอ่างแล้วกลับมาตั้งเตาเหมือนเดิม ก่อนจะฉีกเครื่องปรุงใส่ลงไป เพื่อนผมมันชอบกินมาม่าแห้งแบบที่ใส่เครื่องลงไปตอนผัดมากกว่าต้มเส้นให้สุกแล้วมาคลุกเครื่องทีหลัง ส่วนตัวผมกินยังไงก็ได้ไม่เกี่ยง ขอแค่ครั้งนี้ให้เส้นสุกก็พอ

            ยืนอยู่หน้าเตาหลายนาทีกว่าเมนูมาม่าเผ็ดกาหลีจะเสร็จเรียบร้อย ผมจัดโต๊ะรอระหว่างไข่ต้มมันไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพราะร้อนจนเหงื่อออก ผมอยากอาสาเช็ดให้นะ แต่เสนอตัวไม่ทัน เห็นอีกทีมันก็เดินลิ่วหายไปแล้ว

            ขนมนมเนยวางล้อมจานมาม่าที่ส่งกลิ่นเตือนว่าฉันร้อนแรงนะจ๊ะระวังตัวไว้ให้ดี ได้อุปกรณ์การกินมาอยู่ในมือผมก็ม้วนเส้นเข้าปากคนแรก ความเผ็ดร้อนไม่ได้รุนแรงนักเมื่อแรกสัมผัส แต่เมื่อกินต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะเริ่มออกอาการ

            เสียงซี้ดซ้าดดังมาเป็นระยะขณะที่เส้นในจานพร่องลงเรื่อยๆ ไข่ต้มยอมแพ้แล้ว มันหน้าแดงเหงื่อตกนั่งกระดกนมเปรี้ยวใส่น้ำแข็ง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทิ้งผมให้ต่อสู้เพียงลำพัง เยลลี่ ช็อกโกแลต  พิสตาชิโอ ถูกแกะยัดใส่ปากผมเพื่อบรรเทาความเผ็ด แต่มันลืมไปหรือเปล่าว่าไอ้ถั่วนี่มันเป็นรสวาซาบิ

            ตาผมเหลือก ยกมืออุดปากวิ่งไปคายถั่วพิสตาชิโอที่มันป้อนใส่ปากแทบไม่ทัน ตอนเดินกลับมาไข่ต้มมันยังทำหน้างงใส่อีกว่าผมเป็นอะไร เลยหยิบแก้วนมเปรี้ยวของมันมากระดกรวดเดียวหมดเป็นการแก้แค้น

            "เป็นอะไรวะ"

            "กูเกลียดวาซาบิ" ใช้คำว่าไม่ชอบมันยังน้อยไปสำหรับพืชชนิดนี้

            "วาซาบิเหรอวะ เฮ้ย! ขอโทษ" มันรีบหยิบซองมาดู ทำหน้าตาตื่นรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่

            ความฉุนของวาซาบิไม่ได้ติดอยู่นานนัก พอคายออกก็จบเรื่อง แต่ก็ทำเอาหมดอารมณ์จะกินมาม่าเผ็ดที่เหลืออยู่ไปเลย ผมรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

            "หายยัง" เพื่อนสนิทเอ่ยถามสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

            "อืม"

            "ขอโทษ กูลืมดู ไม่ได้จะแกล้งจริงๆ นะ"

            "เออ รู้"

            "รู้ก็อย่าทำหน้าบึ้งดิ"

            "ไม่ได้บึ้ง แค่เผ็ด" แล้วก็ไม่ได้โกรธอะไรมันด้วย แต่พอเห็นคนทำหน้าหงอยๆ เลยอยากจะลองทำหน้าบึ้งต่อไปดูอีกสักหน่อย ถ้าไม่ถูกง้อค่อยเลิกบึ้ง

            ไข่ต้มมันเอาแต่จ้องหน้าผม มองเหมือนลูกหมาที่พยายามส่งสายตาถามเจ้าของว่าทำไมไม่ลูบหัวมันสักที ถึงมันจะน่ารักมากผมก็ต้องอดใจเอาไว้ เดี๋ยวมันรู้ว่าบึ้งไม่จริง

            "สรุปงอน?"

            "ไม่ได้งอน"

            "ก็เห็นอยู่ว่างอน"

            "งั้นก็ง้อดิ"

            "เอาแบบนี้เลยเหรอ" ถามกลับเหมือนไม่อยากเชื่อว่าผมจะเล่นวิธีนี้

            ผมไหวไหล่ หยิบเยลลี่ขึ้นมากินแก้เผ็ดระหว่างรอให้มันเลือกว่าจะทำยังไง ไข่ต้มมันง้อผมไม่บ่อยนักหรอก โดยเฉพาะกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ส่วนใหญ่เราจะเงียบใส่กันแล้วรอเวลาเพื่อให้อะไรๆ มันดีขึ้นเอง

            "อย่างมึงต้องง้อยังไงวะ" ถามกลับมาพร้อมรอยยิ้มแบบนี้มันคงรู้แล้วว่าผมแกล้ง

            "คิดเอาเองดิ"

            ไข่ต้มทำปากคว่ำใส่พลางพยักหน้า ผมเห็นความไม่น่าไว้ใจฉายอยู่ในแววตา ส่วนสายตาลูกหมาเมื่อกี้นี้ลืมมันไปได้เลย

            คนที่นั่งข้างๆ ขยับเข้ามาใกล้ ไข่ต้มยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกแทบจะชนกับผม สัมผัสจากลมหายใจของมันทำเอาผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่ว่ากลัวหรือเขิน แต่กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้มากกว่า มันจะรู้บ้างไหมว่าปากแดงๆ หลังกินของเผ็ดแบบนี้มันน่าจูบแค่ไหน

            ลมอ่อนๆ ปะทะที่ริมฝีปากของผมก่อนเพื่อนสนิทจะถอยกลับไปนั่งที่เดิม ผมกะพริบตาปริบๆ มองมันอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้มันทำอะไร ง้อยังไงของมัน

            "หายเผ็ดยัง" ไข่ต้มถามซ้ำอีกครั้ง ถ้าตาผมไม่พร่าเหมือนว่าแก้มมันจะแดงกว่าเมื่อกี้ ทั้งที่น่าจะหายเผ็ดตั้งนานแล้ว

            "หายตั้งนานแล้วมั้ย"

            "หมายถึงเผ็ดมาม่า"

            "เกือบๆ"

            "งั้นไม่ต้องกินแล้วนะ"

            พูดจบมันก็ยกจานมาม่าเผ็ดที่เหลืออยู่นิดหน่อยไปเททิ้ง ดูก็รู้ว่าตั้งใจหนีจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ กับการง้อที่ผมยังงงอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

            หลังจากอิ่มท้องเราก็นั่งทำการบ้านโดยไม่มีใครพูดถึงเรื่องการงอนง้อกันอีก ผมอยู่รอจนพ่อกับแม่ไข่ต้มกลับมาถึงขอตัวกลับ มันเดินไปส่งผมที่ป้ายรหน้าหมู่บ้าน น่าเสียดายที่รถเมล์ดันมาตอนเราเดินถึงป้ายพอดีเลยไม่ได้ร่ำลาอะไรกันนัก แค่โบกมือลากันก็เท่านั้น

 
tbc.


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-12-2018 21:11:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-12-2018 21:31:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง้อยังไงอ่ะ?  มองไม่ทัน  เห็นแค่เอาหน้าไปใกล้ ๆ แล้วหลังจากนั้นหล่ะคืออะไร?
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-12-2018 22:06:57
ไข่ต้มเริ่มมองเห็นอะไรๆในตัวเพื่อนรักแล้วใช่ม้ายยยยย
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-12-2018 22:36:57
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 15-12-2018 22:58:20
อั้ยยยยย น้องไข่ต้มมีเขินแล้วอ่าเดี๊ยวนี้ เริ่มพัฒนาแล้ววว
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 16-12-2018 01:36:25
มีคนมาจีบซอสดูบ้าง รับรองรู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-12-2018 09:44:16
นี่เค้าง้อกันแล้วใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 18 คนที่นายง้อ <<< [15/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-12-2018 11:03:12
ง้อแบบนี้อีกทีสิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 23-12-2018 08:25:08

ไข่ฟองที่ 19
รุ่นน้องที่อยากปรบมือให้


            เสียงเรียกเข้าดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนนาฬิกาปลุกผมจะดังเสียอีก พอคว้ามือถือมาดูก็ทำเอาอยากจะกดตัดสาย บอกตามตรงถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทสุดที่รักโทรมาในเวลาเช้าขนาดนี้ผมก็ไม่อยากรับสายใครทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ ไข่ต้มมันไม่ตื่นเวลานี้หรอก แถมคนที่โทรมาเนี่ยถ้าไม่รับก็คงโทรมาอีกเรื่อยๆ นอกเสียจากว่าผมจะปิดเครื่องหนีไปซะ

            [ถ้าพี่ไม่โทรมาก็ไม่คิดจะโทรหากันบ้างเลยใช่มั้ย] เสียงสดใสของพี่ซีอิ๊วดังผ่านสายเมื่อผมกดรับ นี่มันเพิ่งจะหกโมงเช้าเองนะ ไม่รู้จะรีบตื่นไปไหน

            ผมพยายามตั้งสติสลัดความง่วงเหงาหาวนอนออกไป กำลังจะถามกลับไปว่าโทรมามีธุระอะไรพี่ก็ดันถามแทรกขึ้นมาเสียก่อน

            [เป็นไงบ้างล่ะกับเพื่อนคนนั้น หลังเลิกกับแฟนแล้วเป็นไง]

            "ก็ไม่ยังไง"

            [ใช่ซี้ สมหวังแล้วพี่ก็หมดประโยชน์]

            ผมว่าประโยคแบบนี้มันคุ้นๆ แต่ก็ช่างเถอะ

            "สมหวังอะไรล่ะ"

            [ยังไม่จีบอีกเหรอ]

            "ก็จะจีบอยู่"

            [จีบยังไง]

            "วุ่นวายนะพี่"

            [หมดประโยชน์จริงๆ ใช่มั้ยฉัน]

            ผมยืดแขนบิดขี้เกียจก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคง ฟังพี่ซีอิ๊วที่ยังตัดพ้อไม่เลิก แต่เอาจริงๆ ผมยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เรียกว่าจีบได้หรือเปล่า

            "ก็เริ่มจากสร้างความมั่นใจไง"

            [เล่ามาซิ]

            "ไม่เล่า"

            [พี่เป็นที่ปรึกษาแกนะ] เมื่อกี้ตัดพ้อตอนนี้เปลี่ยนเป็นขู่ แบบนี้เขาเรียกทวงบุญคุณนะพี่

            "ก็แสดงตัวมากกว่าเดิม หวงมากกว่าเดิม ถึงเนื้อถึงตัวมากกว่าเดิม ประมาณนั้น" เป็นความมากกว่าเดิมที่ผมเพิ่มขึ้นมานิดๆ หน่อยๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะมากพอหรือเปล่า

            [แล้วท่าทีเพื่อนคนนั้นเป็นไง]

            "ก็เหมือนเดิม...มั้ง" บอกตามตรงว่าผมเองไม่ได้มั่นใจนัก พอผมเริ่มใกล้ ก็เหมือนกับว่าไข่ต้มมันจะทำแบบเดียวกันผม คล้ายกับรู้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่บางทีก็เหมือนไม่รู้

            [มั่นใจหน่อยดิ]

            "ก็เพื่อนไงพี่ เพื่อนสนิท ต้องคิดเยอะๆ หน่อย"

            [คิดว่าไม่ได้อยากเป็นเพื่อนใช่มั้ย]

            "ก็เออ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ได้ก็อยากเป็นเพื่อนต่อไปไง"

            [งั้นก็เชิญเป็นเพื่อนต่อไป]

            "พี่แม่ง"

            [บางทีน่ะคิดน้อยๆ บ้างก็ได้ อะไรๆ มันอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอก]

            "ก็หวังให้มันเป็นงั้น"

            [สู้ๆ นะน้อง พี่ไม่กวนละ ไปนอนต่อไป] เข้าโหมดที่ปรึกษาได้แป๊บเดียวพี่ซีอิ๊วก็ตัดจบวางสายไม่เปิดโอกาสให้ผมได้บ่นอะไรทั้งสิ้น อีกอย่างโทรมาปลุกก่อนเวลาตื่นนอนปกติไม่กี่นาทีแบบนี้ใครมันจะไปนอนต่อได้

            งั้นก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเลยแล้วกัน

 

            เพราะโดนพี่ซีอิ๊วปลุกแต่เช้าผมเลยโทรไปกวนไข่ต้มแต่เช้าบ้าง มันทำเสียงงอแงนิดหน่อยตอนผมชวนไปกินโจ๊กที่ตลาดแต่สุดท้ายก็ยอมตกลง นัดเจอกันเจ็ดโมงเช้าที่สีแยก ร้านโจ๊กอยู่ตรงปากซอยเข้าตลาด ถ้าจำไม่ผิดเราเคยมากินด้วยกันบ่อยๆ ช่วง ม.สาม หลังจากนั้นก็นานๆ มาครั้ง

            ผมมาถึงก่อนเวลานัดไม่กี่นาที ยืนรอแป๊บเดียวไข่ต้มมันก็เดินทำหน้าง่วงมาหา รอยช้ำบนหน้ามันหายไปแล้วหลังจากผ่านมาสามวัน กลับมาเป็นพี่ไข่ต้มคนหน้ามนของน้องๆ เหมือนเดิม

            "นึกยังไงอยากกินโจ๊ก" เดินมาถึงตัวผมปุ๊บมันก็โยนคำถามมาให้

            "นึกถึงวันเก่าๆ"

            ไข่ต้มมันขมวดคิ้วใส่ทันทีที่ผมตอบ มันคือมุกจีบเพื่อนสนิท หวังว่ามันคงจะเข้าใจ

            "ในโรงอาหารก็มี"

            "ก็บอกว่านึกถึงวันเก่าๆ"

            มันปรายตามองเหมือนอยากจะถามว่าผมยังสบายดีอยู่ไหม หรือตื่นเช้าเกินจนระบบความคิดรวนไปหมดแล้ว

            "ก็แค่อยากกินกับมึงอะ แค่นี้ไม่ได้ไง"

            "ยังไม่แค่ว่าอะไรเลย แค่ถาม"

            "สายตามึงเหมือนด่ากูไง"

            "เหรอๆ"

            เห็นมันทำหน้าทำตาน่ามันเขี้ยวผมเลยยื่นมือไปจับแก้มมันอย่างอดใจไม่ไหว จับแล้วดึงจนมันยืดออกมา แล้วก็เพิ่งรู้ว่าแก้มเพื่อนมันนิ่มขนาดนี้ จะว่าไปแล้วก็เหมือนโมจิ น่ากัดชะมัด

            "เล่นอะไรของมึงเนี่ย เจ็บ" มันปัดมือผมออกแล้วลูบแก้มยกใหญ่

            "มันเขี้ยวมึงว่ะ"

            "เป็นบ้าเหรอ"

            "ขอจับอีกทีดิ" ว่าแล้วผมก็ยื่นมือไปหมายจะจับแก้มนิ่มๆ ของเพื่อนอีกสักรอบ ไข่ต้มมันรีบเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะเดินหนีไปยังซอยร้านโจ๊ก แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาเหวี่ยงค้อนใส่ผมอีก

            ชอบทำหน้าทำตาแบบนี้ไงมันถึงได้น่าหยิกแก้มแรงๆ อีกสักที

            ระหว่างมื้อเช้าเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก ต่างคนต่างตั้งใจกิน มันแย่งตับในถ้วยผมไปด้วยแต่ผมไม่ว่าอะไรหรอก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เสียสละให้มันได้เสมอ รวมถึงขิงที่ผมไม่ชอบด้วยเหมือนกัน

            "มึงไม่สั่งแค่ข้าวกับหมูไปเลยวะถ้าจะไม่กินทุกอย่างขนาดนี้" มันว่าตอนผมตักขิงให้

            "ลืมบอกตอนสั่ง"

            "กูก็นึกว่ามึงกินขิงได้แล้ว"

            "ขิงกับกูเป็นศัตรูกัน"

            "วาซาบิก็ด้วย"

            "เออ พูดแล้วก็เคือง"

            เราสบตากันก่อนจะหลบตาแล้วก็เงียบไปสักพัก ตักโจ๊กขึ้นมาเป่า ส่งเข้าปากแล้วตักคำใหม่ อย่างกับว่าเรื่องถั่วพิสตาชิโอเคลือบวาซาบินั่นเป็นเหตุการณ์ที่ห้ามพูดถึง ทั้งที่ผมยังงงๆ อยู่เลยว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่จริงแค่ไข่ต้มมันง้อด้วยการเป่าลมใส่ปากผมแค่นั้น แต่พอนึกถึงแล้วมันก็รู้สึกวูบวาบแปลกๆ

            สิ้นสุดมื้อเช้าเราก็เดินจากสี่แยกไปโรงเรียน ระยะทางสองป้ายรถเมล์ซึ่งไม่ถือว่าไกลนัก เทียบเวลากับการนั่งรถเมล์แล้วต่างกันไม่เท่าไร เราเดินไปตามทางเท้าขนาบข้างกับท้องถนนที่การจราจรที่ติดขัด มลพิษเยอะไปสักหน่อยแต่ยังหลงเหลือบรรยากาศสดชื่นยามเช้าอยู่บ้าง

            "ไม่ได้เดินไปโรงเรียนนานแล้วเนอะ" ออกจากร้านโจ๊กได้ไม่เท่าไรไข่ต้มมันก็พูดชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ขึ้นมา

            "ปกติมาตลาดมึงชอบชวนขึ้นรถเมล์ตลอด" ไม่ใช่ว่าพักหลังมาตลาดไม่บ่อย เพียงแค่ไม่ได้กินโจ๊ก แล้วก็ไม่ได้เดินทอดน่องแบบนี้ด้วยกันก็เท่านั้น

            "ก็มันสายแล้วนี่หว่า"

            "กลัวอะไรแค่สาย"

            "กูเคยสายแล้วแม่งให้ท่อง ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก"

            แค่มันเกริ่นมาผมก็หลุดหัวเราะ นึกถึงเรื่องนี้กี่ทีก็ขำ มีอย่างที่ไหนเด็ก ม.ห้าท่องพยัญชนะไทยสี่สิบสี่ตัวไม่ได้ จนคนอื่นเขาท่องได้โดนปล่อยขึ้นห้องเรียนหมดแล้ว

            "อย่าขำเด้!"

            "ก็มึงเอ๋ออะ"

            "ต.เต่า แล้วกูข้ามไป ท.ทหาร ลืม ถ.ถุง จากนั้นก็แบล็งไปเลย"

            "แล้วตอนนี้ท่องได้ยัง"

            "ไม่รู้ ช่างแม่งอย่าไปพูดถึง แค่อ่านออกทั้งหมดก็พอ"

            "ได้เหรอวะ"

            "เออ"

            ผมหัวเราะ ไข่ต้มมันก็ยิ้ม มือที่แกว่งอยู่ข้างๆ กันสัมผัสกันไปมาอยู่หลายทีจนผมอยากจะคว้ามือนั้นมาจับไว้ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่ในใจยังมีความกลัวซ่อนอยู่อยู่ดี งั้นถ้าหากเริ่มต้นจากอะไรเล็กๆ น้อยๆ ล่ะ เพียงแค่หนึ่งในห้านิ้วนั้น ผมยังจะพอมีโอกาสอยู่มั้ย

            ไข่ต้มมันยังพูดเรื่องบทลงโทษสำหรับคนมาสายไม่เลิก มือของเรายังปัดผ่านกันไปมาอยู่ซ้ำๆ เช่นกัน จนกระทั่งผมใช้นิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วก้อยของมันไว้ ริมฝีปากที่ขยับพูดด้วยรอยยิ้มก็หยุดลง กลายเป็นสายตาที่ผมเดาความหมายไม่ออกหันมามองกันแทน

            เหมือนกับว่าภาพที่เห็นตรงหน้ามันช้าลง ริมฝีปากที่เคยยิ้มค่อยๆ เหยียดตรง สายตาคู่นั้นที่หันมองมา เปลือกตาที่มีแพรขนตายาวกะพริบช้าๆ ก่อนริมฝีปากนั้นจะเม้มเข้าหากัน และใบหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดจะหันกลับไป

            ผมไม่ได้ปล่อยนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันอยู่ ภาพในความรู้สึกกลับมาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วปกติอีกครั้งเมื่อเพื่อนสนิทไม่ได้พูดอะไรหรือสะบัดมือผมออก เราเพียงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่เหลืออีกไม่ไกลนัก

            "ถ้ามึงไม่ชอบ..."

            "ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย" คนข้างๆ ขัดขึ้นทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ ไข่ต้มไม่ได้หันมามอง มันยังทำหน้านิ่งจนผมเดาอะไรไม่ออก แม้ในใจจะร่าเริงสุดขีดอยู่ก็ตาม

            ผมไม่กล้าพูดอะไร ยอมรับเลยว่าป๊อด ทั้งที่โอกาสมากองอยู่ตรงหน้าแล้วก็ยังไม่กล้า กลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วผลลัพธ์จะออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดไว้ ไข่ต้มมันเพิ่งเลิกกับพี่อ๋องได้ไม่ถึงเดือน แม้มันบอกว่าจะลองเปิดใจรับอะไรใหม่ๆ แต่สิ่งที่มันพูดถึงจะรวมถึงสถานะเพื่อนสนิทอย่างผมด้วยหรือเปล่า ผมอยากได้ความมั่นใจเพิ่มอีกสักนิด

 

            ไม่รู้ทำไมถึงเป็นผมทุกทีที่มักได้ยินใครต่อใครพูดคุยกันถึงไข่ต้มมัน วันนี้หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จเพื่อนผมถูกอาจารย์กักตักไว้ เห็นว่าจะคุยเรื่องงานกีฬาของเทอมหน้าที่มันมักถูกขอให้ทำหน้าใดหน้าที่หนึ่งในขบวนพาเหรดของโรงเรียนเสมอ อย่างปีที่แล้วมันได้เป็นดรัมเมเยอร์ไม้สาม ส่วนปีนี้มีการคัดเลือกไปแล้วตั้งแต่เปิดภาคเรียนมันเลยรอดตัวไป ด้วยเหตุนี้ผมเลยเดินมารออยู่ใกล้ๆ กับบันไดทางขึ้นหอประชุม ข้างๆ พื้นที่พักผ่อนของคนเพื่อนเยอะนั่นแหละ

            "มึงเห็นสร้อยข้อมือพี่ไข่ต้มป้ะ"

            เพื่อแอบฟังบทสนทนาของรุ่นน้องผู้หญิงที่บังเอิญได้ยินเข้าพอดี

            "อันสีฟ้าอะนะ"

            "เออ อันนั้นแหละ กูเห็นใส่มาสักพักแล้ว"

            ประเด็นของถกเถียงวันนี้เป็นเรื่องสร้อยข้อมือ อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีประเด็นรอยฟกช้ำปริศนามาแทนที่ทำให้ประเด็นนี้ถูกลืมเลือนไป

            "แล้วไงอะ ก็แค่สร้อยข้อมือ"

            "เพื่อนพี่ไข่ต้มก็ใส่ไง แต่เป็นสีน้ำตาล"

            "แล้วยังไงวะ"

            "กูว่ามันเป็นสร้อยข้อมือคู่"

            น้องคนนี้ตาถึงแฮะ ดูออกแม้กระทั่งว่าเป็นสร้อยข้อมือคู่ จินตนาการล้ำเลิศเหมือนผมไม่มีผิด แต่เชื่อเถอะว่ามันต้องมีคนขัด ก็เพื่อนน้องเขานั่นแหละ

            "สีก็คนละสี มันสร้อยข้อมือคู่ยังไงอะ"

            "ก็แบบไง มันเป็นแบบเดียวกัน มีตัวอักษรชื่อใส่ไว้ด้วย"

            "แค่เนี้ย"

            "ก็แค่เนี้ยแหละ มึงว่าพี่สองคนเขาแอบคบกันหรือเปล่าวะ"

            การตั้งข้อสันนิษฐานของน้องเขาทำเอาผมยิ้มกว้าง อย่างน้อยน้องก็เป็นคนที่สามแล้วที่คิดว่าผมกับไข่ต้มเหมาะสมที่จะคบกันได้

            "พี่ไข่ต้มกับเพื่อนเขาเนี่ยนะ"

            "เออ พี่ไข่ต้มกับพี่ซอสอะ"

            ให้ตายเถอะ ผมอยากจะเดินเข้าไปปรบมือตรงหน้าน้องเขาจริงๆ นอกจากจะเชียร์ผมแล้วยังจำชื่อผมได้อีก

            "ไม่น่าใช่มั้ง"

            "แต่กูว่าใช่"

            แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไข่ต้มมันก็โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง แล้วจังหวะก็ดันพอเหมาะพอเจาะพอดีกับที่น้องเขาพูดขึ้นมาอีกรอบ เล่นเอาผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง

            "กูว่าพี่ซอสกับพี่ไข่ต้มคบกันอยู่ ถ้าจริงเลี้ยงหมูกระทะมื้อนึงเลยเอา"

            "กูจะได้กินมั้ยเนี่ย"

            "มึงรอดูเลย"

            ผมเหลือบมองเพื่อนสนิทหลังได้ฟังและคิดว่ามันก็คงได้ยินเหมือนกัน ไข่ต้มเม้มปากแต่ยังทำหน้านิ่ง เดาอารมณ์ไม่ถูกว่ามันจะคิดยังไงกับสิ่งที่ได้ยินกันแน่ ผมเลยเลือกที่จะถามเรื่องที่มันโดนอาจารย์เรียกไว้แทน

            "อาจารย์ว่าไงบ้าง"

            "เขาจะให้กูถือป้ายโรงเรียน ขอคำตอบตอนเปิดเทอม"

            "แล้วมึงว่าไง"

            "ก็รับข้อเสนอไว้ก่อนนั่นแหละ กูอ้างเรื่องอ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วนะ แต่อาจารย์เขาอยากให้กูเป็นจริงๆ เลยลองเอามาคิดดูก่อน ปีสุดท้ายแล้วด้วย"

            ผมพยักหน้ารับ ไม่สนับสนุนหรือคัดค้านเพราะอยากให้มันทำในสิ่งที่ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง ก่อนจะชวนมันขึ้นห้องและทำเป็นเมินเฉยเรื่องที่สาวๆ พูดถึง แต่ถ้าจะให้ดีไข่ต้มมันควรช่วยเหลือน้องคนนั้นนะ

            เพื่อหมูกระทะหนึ่งมื้อ


tbc.

 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า


หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 23-12-2018 09:39:49
ดูท่าทีไข่ต้มไม่ออกเลย ซอสจะต้องเสียใจมั้ย  :ling3: :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-12-2018 11:39:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไข่ต้ม  เซอร์วิสน้องหน่อย 

#อยากให้น้องได้อิ่มหมูกะทะหนึ่งมื้อจัง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 23-12-2018 12:00:43
หมูกะทะหนึ่งมื้อเลยนะไข่ต้มมมม
ช่วยน้องหน่อยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-12-2018 21:02:37
ยังไงไข่ต้มยังไงๆดี ชอบๆกันเถ้ออออ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 24-12-2018 00:14:01
ก็ยังหวังว่าจะมีคนแอบชอบซอสบ้าง55555เผื่อไข่ต้มจะรู้ตัว งิงิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-12-2018 16:32:29
แหน๊  :hao3:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 19 <<< [23/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 26-12-2018 19:30:39
 :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 29-12-2018 18:55:20

ไข่ฟองที่ 20
เพื่อนที่รู้ใจ


            เข้าสู่กลางเดือนกันยายนก็ใกล้ถึงฤดูกาลสอบปลายภาค ผมต้องเคลียร์งานทั้งหมดส่งภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเหลือแค่งานวิชาการงานอาชีพที่อาจารย์ให้ทำโคมไฟส่งวันสุดท้ายของการเรียนการสอน หรือก็คือภายในวันศุกร์หน้า ด้วยเหตุนี้ผมจึงมายืนอยู่หน้าหมู่บ้านไข่ต้มในช่วงสายของวันเสาร์

            ผมถือถุงใบใหญ่เดินเข้าซอย แดดช่วงสิบโมงทำอะไรผมไม่ได้นักเพราะวันนี้ตัวผมสดใสยิ่งกว่าพระอาทิตย์ที่กำลังสาดแสงเสียอีก ได้เจอได้อยู่ใกล้คนที่ชอบย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา

            แม่ของไข่ต้มเป็นคนลงมาเปิดประตูเมื่อผมกดกริ่งที่หน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่จะออกไปตลาดเพื่อซื้อของเข้าบ้านรวมถึงมื้อกลางวันสำหรับผมกับลูกชายพอดี ส่วนคุณพ่อนั้นออกไปทำโอทีวันเสาร์ อย่างกับฟ้าเป็นใจอยากให้เราอยู่ด้วยกันตามลำพังยังไงยังงั้น

            พื้นที่ห้องนั่งเล่นหน้าโซฟาตัวใหญ่ถูกจับจองสำหรับทำงาน โครงไม้สำเร็จรูปที่เหมือนกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ กับฐานโคมไฟที่เป็นแบบสำเร็จรูปเหมือนกันวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปูรองไว้ สิ่งที่เราต้องทำคือวาดอะไรสักอย่างลงบนโครงไม้ที่มีช่องตรงกลางซึ่งรอยด้ายขัดกันไปมาทั้งสี่ด้าน พูดง่ายๆ ก็คือสร้างลวดลายให้กับโคมไฟไม้นั่นเอง

            ดินสอ ยางลบ สีโปสเตอร์ จานสี พู่กันกับแก้วน้ำ อุปกรณ์สำหรับสร้างสรรค์ผลงานชิ้นสุดท้ายของ ม.หกเทอมหนึ่งวางกองอยู่ตรงกลางให้เลือกใช้ ไข่ต้มมันคิดมากตั้งแต่ตอนอาจารย์สั่งงาน บ่นให้ผมฟังว่าไม่รู้จะวาดอะไรอยู่หลายรอบ จนตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะยังคิดไม่ออก

            "มึงจะวาดอะไร"

            "รอดูเอง"

            "หวงว่ะ งั้นช่วยกูคิดหน่อยดิ"

            "วาดอะไรที่มึงชอบอะ อย่างเช่นขนม"

            "ฝีมือวาดรูปกูไม่ได้ดีขนาดนั้นไง"

            "ลองดูก่อน"

            "ถ้างั้นขนมอะไรดี"

            "มึงชอบกินขนมอะไรที่สุด" ผมถามเพราะตัวผมเองก็ไม่มั่นใจในคำตอบนัก ไข่ต้มมันกินขนมหลายอย่าง แล้วก็ชอบแทบทุกอย่าง

            "เยอะว่ะ"

            "งั้นก็วาดมันหมดนั่นแหละ"

            ไข่ต้มมันทำหน้าคิดหนักกับสิ่งที่ผมเสนอ และเชื่อเถอะว่ามันไม่น่าจะทำตามข้อเสนอนี้ แล้วจะมีอะไรอีกที่เหมาะสมกับมันนอกจากขนม ถ้านึกถึงสิ่งที่เพื่อนสนิทให้ความสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งก็คงจะเป็น...

            "ภาษาจีน"

            "อักษรจีน"

            มันพูดขึ้นหลังผมเพียงเสี้ยววินาที ไข่ต้มมันเรียนภาษาจีนตั้งแต่ ม.ต้น จนตอนนี้ใกล้จะถึงระดับสูงแล้ว เราไม่ได้เรียนศิลป์ภาษาจีน มันใช้วิธีลงคอร์สเรียนภาษาหรือไม่ก็บินไปเรียนที่จีนบ้างช่วงปิดเทอม เพราะงั้นให้มันเขียนอักษรจีนคงง่ายกว่าวาดรูปขนมเป็นไหนๆ

            หลังคิดได้แล้วว่าจะวาดอะไรเราก็เริ่มลงมือ รอบตัวมีขนมกับน้ำอัดลมที่ผมซื้อมาไว้กินระหว่างทำงาน ผมวาดไปก็แอบมองไข่ต้มไป หลังจากทาสีรองพื้นเสร็จแล้วมันก็ดูตั้งอกตั้งใจกับการเขียนอักษรจีนให้ออกมาสวยๆ แต่ติดตรงที่ผมอ่านไม่ออกว่าตัวอักษรพวกนั้นแปลว่าอะไร

            "มึงเขียนคำว่าอะไรอะ" ผมวางงานตัวเองลงก่อนขยับไปนั่งข้างๆ มันวางพู่กันลงแล้วหันมายิ้มให้

            "ไม่บอก" นี่คือการเอาคืนใช่ไหม

            "ของกูพอวาดเสร็จเดี๋ยวมึงก็ดูออกไง แต่ของมึงอะกูอ่านไม่ออก"

            "จดไว้แล้วไปหาความหมายเอาดิ"

            ผมมองโครงไม้ทั้งสี่ด้านที่ไข่ต้มเขียนอักษรไว้ด้านล่างซึ่งมีพื้นที่เยอะที่สุด แต่ละด้านมีอักษรหนึ่งตัว แค่เห็นผมก็รู้สึกตาลายแล้ว และไม่คิดว่าจะหาความหมายของคำทั้งหมดเจอง่ายๆ ด้วย

            "งั้นเอางี้ ส่งงานเสร็จแล้วมาแลกกัน" ไข่ต้มเสนอ มันคงรู้ว่าคนอย่างผมไม่มีทางจดอักษรพวกนี้แล้วไปหาคำแปลได้แน่ๆ แต่ถึงให้ตัวต้นฉบับมาเลยก็ใช่ว่าผมจะหาความหมายได้

            "แปลให้เลยง่ายกว่ามั้ย"

            "ใช้ความพยายามหน่อยดิ"

            "อย่างกับจะให้กูไขรหัสปริศนาอะไรงั้นแหละ"

            "คงงั้นมั้ง"

            ไข่ต้มยิ้มตอนเราสบตากัน แล้วอยู่ๆ ใจผมก็เต้นแรงขึ้นมา คำพูดทีเล่นทีจริงของมันทำเอาผมอยากรู้ตอนนี้เลยว่าอักษรพวกนั้นแปลว่าอะไร มันอยากจะบอกอะไรผม สำคัญมากไหม หรือเกี่ยวกับอะไร อยากรู้จนอยากแกล้งจั๊กจี้ให้มันยอมเฉลย แต่ถ้าทำแบบนั้นหลังจากรู้คำตอบแล้วสภาพศพผมคงไม่สวยนัก

            "จะไม่บอกจริงดิ" ผมยังไม่หยุดตื๊อ เผื่อคนใจร้ายจะยอมใจดีขึ้นมาสักครั้ง

            "ไม่"

            "อย่างบังคับให้กูต้องลงมือนะ" พูดดีๆ ไม่ฟังก็ต้องขู่ แต่มันดูไม่ได้ผลเลยสำหรับเพื่อนสนิทคนนี้

            "จะทำอะไร"

            "เดี๋ยวก็รู้"

            ขู่ไม่กลัวก็ต้องลงมือ ผมคว้าตัวมันมากอดก่อนลากขึ้นมานั่งตักบนโซฟากันมันดิ้นไปเตะงานพัง ไข่ต้มร้องโวยวายเสียงดังลั่น ที่จริงเสียงมันก็แหลมใช้ได้ ถ้าเกิดมันนึกพิเรนทร์หันมาตะโกนอัดหูผมขึ้นมามีหวังหูดับแน่ๆ แต่ถ้ามันคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ ผมคงจะโดนมันหอมแก้มฟอดใหญ่เหมือนกัน ซึ่งมันก็คุ้มค่าดี

            ออกแรงดิ้นอยู่สักพักแล้วอยู่ๆ มันก็หยุดดิ้นจนผมแปลกใจ มันอาจจะเหนื่อยหรืออาจจะงงที่ผมไม่ทำอะไรสักทีก็ได้

            "จะทำอะไรของมึงเนี่ย" น้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กๆ ผมเลยกระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้ววางคางเกยไหล่มันไว้

            "แค่อยากกอดมึง"

            "ช่วงนี้เป็นบ้าบ่อยนะมึง"

            "ก็คงงั้น"

            มันเงียบ ผมเลยเงียบตาม ทิ้งเวลาอยู่หลายวินาทีไข่ต้มก็พูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากมัน

            "อยากกอดขอดีๆ ก็ได้มั้ย"

            "ถ้ากูขอมึงจะให้กอดเหรอ"

            "ก็...เออ" น้ำเสียงยังกระแทกกระทั้นไม่เปลี่ยน แต่เชื่อเถอะว่าถ้าขอกอดดีๆ มันคงไม่ยอมปีนขึ้นมานั่งตักผมแบบนี้หรอก

            เมื่อเห็นว่าคนบนตักไม่ดิ้นรนที่จะลุกหนีผมเลยคลายวงแขนออก กอดมันไว้หลวมๆ คางยังวางไว้ที่เดิม จับมือมันข้างหนึ่งมาวางบนมืออีกข้างของผม กุมมือนั้นไว้แล้วเอ่ยคำถามออกไป มันคือความกล้าทั้งหมดที่ผมมี

            "มึงว่าระหว่างเราจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมั้ย"

            เกิดความเงียบอยู่เกือบนาที ไข่ต้มมันนิ่งจนเดาอะไรไม่ถูก ทำเอาผมเกือบจะคลายอ้อมกอดออกและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามผลของการกระทำและความรู้สึก แต่สุดท้ายมันก็ตอบออกมา

            "ถ้าคิดจะเปลี่ยนก็คงเปลี่ยน"

            "อึดอัดมั้ย"

            คนในอ้อมกอดส่ายหน้า

            "รู้สึกไม่ดีบ้างหรือเปล่า"

            คำตอบคือการส่ายหน้าอีกครั้ง

            เมื่อผมปล่อยมือออกไข่ต้มมันก็ลุกไปนั่งที่เดิม มันไม่พูดอะไรขณะคว้างานที่ทำค้างไว้มาถือ แต่ตามันกลับมองงานของผมที่วางทิ้งไว้ข้างๆ กัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยังนั่งนิ่งบนโซฟา

            "มึงทำแบบที่มึงอยากทำนั่นแหละ กูจะทำแบบที่กูอยากทำเหมือนกัน"

            ผมขยับลงมานั่งข้างๆ มองลึกเข้าไปในแววตาที่แทบจะไม่สั่นไหวเลยสักนิด พอเป็นเรื่องของตัวเองผมกลับมองไม่ออกเลยว่าความรู้สึกของคนตรงหน้าเป็นยังไง จุดจบของความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็เช่นกัน

            "กูจะจีบมึงนะ" แต่ในเมื่อลงสนามแล้วผมก็จะทำมันให้สุดความสามารถที่มี

            ไข่ต้มไม่พูดอะไร มันเม้มปากก่อนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันกำลังกลั้นยิ้ม แถมหูมันยังแดงแบบปิดไม่มิด ทำเอาไฟความหวังอันริบหรี่ลุกโชนขึ้นมา

            สำหรับผมปฏิกิริยาตอบกลับของคนที่คิดจะกะเทาะเปลือกไข่คราวนี้ไม่ได้แย่นัก ผมอาจจะโชคดีที่เข้ามาหลังจากที่มันเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันค่อนข้างเสี่ยง สุดท้ายผมอาจจะจบไม่สวยเหมือนพี่อ๋อง แต่ตราบใดที่มันรู้ความจริงแล้วยังไม่ไล่ผมไปไหน ผมก็จะอยู่ข้างมันเสมอ

            อยู่ตรงนี้ตลอดไป

            "มึงลงสีสวยๆ นะ อย่าลืมว่าตรวจแล้วมาแลกกัน" มันบอกตอนมองไปที่งานของผมอีกรอบ

            "รู้แล้ว"

            ก็งานนี้ผมตั้งใจวาดให้มันอยู่แล้ว ถึงไม่ขอแลกผมก็จะให้อยู่ดี

            รูปไข่อีสเตอร์สีสันสดใสที่วางอยู่บนทุ่งหญ้าสีเขียว

 

            โคมไฟที่มีตัวอักษรจีนทั้งสี่ด้านตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องผมหลังจากอาจารย์ตรวจและให้คะแนนเรียบร้อย ผมกับไข่ต้มแลกโคมไฟกันหลังหมดคาบ ถือเป็นการสิ้นสุดการเรียนการสอนเข้าสู่ช่วงการสอบภายปลายเต็มตัว ตารางสอบของห้องผมคือวันจันทร์ พุธ และศุกร์ สอบวันเว้นวันแบบนี้มีเวลาอ่านหนังสือได้อย่างสบายๆ

            แต่ก็นั่นแหละ

            สมาธิในการอ่านหนังสือของผมมีไม่เต็มร้อยเพราะอักษรจีนบนโคมไฟที่ไม่รู้ความหมายยังกวนใจผมอยู่ เพื่อนในห้องที่รู้ภาษาจีนนอกจากไข่ต้มก็ไม่มี พ่อกับแม่ผมก็ไม่รู้ เจ้าของโคมไฟก็ไม่ยอมปริปากบอก เลยลองขีดๆ เขียนๆ ลงในแอปทรานสเลตดู ใช้เวลาสลับคำอยู่นานก่อนจะได้ออกมาสี่ประโยคตามคำทั้งสี่ด้านของโคมไฟ

            ‘ที่หันของใกล้ชิด’

            ที่หันกับใกล้ชิดมันเป็นใครผมไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นตัดทิ้งไปเลยได้

            ‘โพสต์ที่ใกล้ชิด’

            อันนี้ยังพอมีความหมายอยู่บ้าง

            ‘เพื่อนที่ดี’

            ประโยคนี้ความหมายดีแฮะ

            ‘เปิดผกผันของโม’

            ส่วนอันนี้ยิ่งงงไปกันใหญ่

            แปลครบทั้งสี่ประโยคแล้วคงไม่ต้องบอกว่าผมจะเลือกเชื่อประโยคไหน ในเมื่อมีประโยคที่อ่านรู้เรื่องอยู่แค่ประโยคเดียวเท่านั้น

            莫逆之交 คือเพื่อนที่ดีอย่างนั้นเหรอ

            ความหมายดีนะ แต่รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่หัวใจ

 

            S : เพื่อนที่ดี

            หลังจากรู้ความหมายของอักษรที่ไข่ต้มเขียนผมก็ส่งไลน์ไปหามัน รอนานนับชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับมา จนผมอ่านหนังสือสลับกับพักงีบสายตาไปหลายรอบ กว่าแจ้งเตือนจะดังก็ตอนใกล้หกโมงเย็น

            Egg : รู้แล้วเหรอ

            S : กว่าจะตอบ

            ผมคว้ามือถือมาพิมพ์ตอบกลับทันที ถ้าตอบช้าเดี๋ยวมันหายตัวไปอีก จะโทรไปคุยก็เกรงใจ

            Egg : ก็อ่านหนังสือ

            S : พักบ้าง

            Egg : พักอยู่

            Egg : แล้วมึงรู้คำตอบได้ไง

            S : กูเกิลทรานสิครับ ถามได้

            Egg : เออ เก่งๆ

            พิมพ์ชมมาเหมือนผมเป็นเด็กน้อยอะไรแบบนั้น ให้เดามันคงยิ้มหรือไม่ก็หัวเราะผมอยู่แน่ๆ

            Egg : แต่ถ้าแปลให้สวยๆ จะแปลว่าเพื่อนสนิทที่รู้ใจ อ่านว่า โม่ นี้ จื้อ เจียว มันเป็นสุภาษิต กูว่าเหมาะกับมึงดี

            S : ก็คงเหมาะดี

            พิมพ์ตอบกลับไปแล้วก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล สำหรับคนที่บอกความรู้สึกของตัวเองไปแล้วพอเห็นอะไรแบบนี้เหมือนมีแววจะอกหักยังไม่รู้

            เพื่อนสนิทที่รู้ใจ...หรือว่านี่คือคำตอบของมัน

            ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ

            Egg : เป็นอะไร

            S : เปล่า

            Egg : เปล่าอะไร หน้ามึงหงอยผ่านตัวหนังสือเลย

            S : ขนาดนั้นเลย

            Egg : ทำไมอะ

            Egg : มันไม่ดีเหรอ เป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจมันไม่ดีเหรอ

            S : มึงก็รู้

            จากที่คิดว่าจะอวดที่แปลอักษรจีนได้ กลับกลายเป็นผมที่ทำบรรยากาศพังเสียอย่างนั้น งี่เง่าไม่เข้าเรื่อง ไม่ชอบตัวเองที่มีความคิดด้านลบแบบนี้เลย

            เพราะบรรยากาศดีๆ ที่ผมทำพังทำให้หน้าแชตไร้ความเคลื่อนไหวอยู่สักพัก ผมได้แต่จ้องมองมันอยู่อย่างนั้นเพราะคิดไม่ออกว่าจะพิมพ์อะไรลงไปเพื่อดึงบรรยากาศดีๆ กลับมา แต่ก่อนที่ผมจะคิดได้ไข่ต้มมันก็ตอบกลับมาก่อน แล้วอารมณ์หม่นหมองที่ผมสร้างขึ้นเองเมื่อครู่มันก็หายไปเสียอย่างนั้น

            Egg : กูเขียนก่อนมึงจะพูดคำนั้นนะ

            Egg : อย่าให้ด่า

            S : อย่าด่าเลย แค่นี้ก็ใจแป้วแล้ว

            Egg : คิดเยอะว่ะมึง

            Egg : กูไปกินข้าวก่อนนะ ค่อยคุย

            S : เดี๋ยวๆๆๆๆ

            ผมรีบเบรกก่อนไข่ต้มมันจะโยนมือถือออกนอกโลก เป็นที่รู้กันว่าช่วงอ่านหนังสือสอบมันแทบไม่แตะโทรศัพท์ คำว่าค่อยคุยของมันอาจจะวันพรุ่งนี้เลยก็ได้ ผมเลยรีบพิมพ์เรื่องที่อยากขอลงไปให้เร็วที่สุด

            S : พรุ่งนี้ไปอ่านหนังสือกับมึงได้มั้ย

            Egg : ไม่ต้องมาหรอก

            S : งั้นวันอังคาร

            Egg : ไม่ต้องมา

            S : พฤหัส

            Egg : ไม่ต้อง

            ปกติเราไม่เคยอ่านหนังสือด้วยกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างอ่านแล้วค่อยมาทบทวนกันอีกตอนเช้าก่อนเข้าห้องสอบ แต่เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมชวน เลยอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงได้ปฏิเสธแบบเด็ดขาดขนาดนี้

            S : แค่อ่านหนังสือด้วยกันเอง

            Egg : เดี๋ยวมึงกวนกู

            S : กูจะกวนอะไรมึง

            Egg : เดี๋ยวไม่มีสมาธิ ไม่ต้องมาหรอก

            Egg : ไปกินข้าวแล้วนะ

            Egg : เดี๋ยวมาคุยใหม่

            ตัดจบแค่นี้แล้วไข่ต้มมันก็ไม่อ่านข้อความของผมอีก สงสัยปามือถือออกนอกโลกแล้วเรียบร้อย

            อยากไปอ่านหนังสือด้วยกันแค่นี้ก็ไม่ได้ คนที่ชื่อไข่ต้มนี่มันใจร้ายชะมัด

 
tbc.

 
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า ขอให้ปี 2562 เป็นปีที่ดีกับทุกคนนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-12-2018 19:08:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหมๆๆๆๆ น้องซอส  คิดเข้าข้างตัวเองบ้างก็ได้นะ

"เพื่อนสนิทที่รู้ใจ" มันอาจกลายเป็น "...ที่รู้ใจ" ก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2018 19:28:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 29-12-2018 21:41:21
เขินตอนนั่งตักกันน
ซอสก็ใช้ได่นี่นา
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 30-12-2018 08:33:37
อ่านละจี๊ดเลย อย่างนี้ซอสพอมีความหวังบ้างมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 30-12-2018 11:49:13
เป็นเรื่องที่กว่าพระเอกจะจีบก็ปาไปแล้ว20ตอน กว่าน้องซอสจะรวบรวมความกล้านี้ได้ สู้ๆนะเจ้าซอส
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-12-2018 03:10:37
พยายามเข้านะซอสสสสส
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 31-12-2018 22:27:40
 :-[ :-[ :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 20 เพื่อนที่รู้ใจ <<< [29/12/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-01-2019 11:23:30
น่าจะมีความหวังอยุ่มั่งละนะ ที่ไม่ให้ไปอ่านหนังสือด้วยกันเพราะเขินใช่ป่าว เลารุ้ :o8:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 05-01-2019 18:21:34

ไข่ฟองที่ 21
แก้มเพื่อนมันหอม


            สัปดาห์แห่งการสอบผ่านพ้นไปอย่างไม่ยากเย็นนัก หลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเพื่อนๆ ห้องชวนกันไปกินหมูกระทะเพื่อเป็นการฉลอง ผมกับไข่ต้มก็ไปกับเขาด้วย รวมแล้วได้สมาชิกสิบเจ็ดคนครึ่งห้องเรียนพอดี

            หลังจากตกลงกันเรียบร้อยพวกเราก็แยกย้ายกันกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน และนัดรวมพลอีกครั้งตอนหกโมงเย็น ร้านหมูกระทะสถานที่นัดหมายอยู่ห่างจากโรงเรียนสองป้ายรถเมล์ อยู่คนละทางกับทางกลับบ้านผมกับไข่ต้ม ผมกับมันเลยนัดเจอกันบนรถเมล์อย่างที่เคยทำบ่อยๆ

            มาถึงร้านหมูกระทะตามเวลานัดเพื่อนๆ ก็มารวมตัวกันใกล้ครบแล้ว โต๊ะพวกเรากินพื้นริมฝั่งริมซ้ายของร้าน เป็นโต๊ะที่ยาวที่สุดในบรรดาลูกค้าทั้งหมด ด้วยความคึกคะนองของเด็กวัยรุ่นเกือบยี่สิบคนจึงทำให้เสียงดังกว่าโต๊ะอื่น แต่ไม่ได้โหวกเหวกโวยวายจนน่ารำคาญนัก

            จุดเด่นอย่างหนึ่งของร้านนี้คือมีวงดนตรีสด แต่จะขึ้นเล่นช่วงสองทุ่มถึงสี่ทุ่มเท่านั้น พอเขาเปิดโอกาสให้ขอเพลงพวกเพื่อนผมมันก็ยกไม้ยกมือตะโกนกันเสียงดังลั่น พี่สาวนักร้องแสนใจดีก็ยอมร้องเพลงที่พวกมันขอเสียด้วย

            "เพลงนี้ของน้องๆ โต๊ะซ้ายมือนะจ๊ะ เพื่อเป็นการฉลองสอบเสร็จ มา!"

            อินโทรเพลงเต่างอยดังขึ้น ไอ้คนที่ขอเพลงก็ลุกขึ้นโชว์สเต็ป ก่อนมันจะค่อยๆ เพิ่มเลเวล เต้นเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต สร้างความคึกครื้นและเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่นั่งข้างๆ ผม แต่โต๊ะอื่นอาจจะรำคาญเราก็ได้

            "อยากเต้นอะดิ" ผมแซวไข่ต้ม มันกำลังเคี้ยวหมูไปหัวเราะไปจนตาปิด ก่อนจะหันมาแก้ตัว

            "กูเต้นเป็นที่ไหน ไอ้โจ้เต้นฮาดี"

            "เหรอ"

            "หรือมึงอยากแข่งเต้นกับมัน"

            "ถ้ามึงบอกว่าชอบคนตลก กูจะเต้นให้ฮากว่ามันอีก"

            "เอาจริงดิ"

            "เออ แต่ต้องกูชอบด้วย"

            ตอนเสนอออกไปทีแรกผมเห็นไข่ต้มมันยิ้มร้าย แต่พอยื่นข้อเสนอมันก็ดูลังเลขึ้นมาทันที พอแกล้งหยอดว่าให้ชอบกลับมันมักจะเงียบใส่แบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่ช่วงนี้เจอบ่อยจนเริ่มชิน ความจริงผมควรเลิกคิดมากกับท่าทางแบบนี้ของมันได้แล้ว แค่เดินหน้าจีบตามความตั้งใจของตัวเองก็พอ แต่ก็ยังทำเป็นไม่สนใจไม่ได้สักที

            "เงียบเลย"

            "กูไม่ได้ชอบคนตลกอะไรไง"

            "จริงเหรอ"

            "ช่วงนี้มึงกวนตีนขึ้นเยอะเลยนะ"

            มันน่าจะเป็นคารมที่ออกมาตามธรรมชาติมากกว่า ปกติผมไม่ใช่คนกวนประสาทอะไร อาจจะมีบ้างตอนอยากแกล้งมัน ซึ่งก็คือตอนนี้ เวลาไข่ต้มมันแสดงสีหน้าอื่นๆ นอกจากทำหน้านิ่งแล้วน่ามองจะตาย

            "กูก็เหมือนเดิม"

            "เหมือนเดิมจริงเหรอ"

            แล้วก็ดูเหมือนว่าผมจะโดนเอาคืน โอเค มันไม่เหมือนเดิมหรอก เพราะความรู้สึกผมมันเปลี่ยนไปมานานแล้ว

            "เป็นแบบที่มึงเป็นนั่นแหละดีแล้ว" ไข่ต้มยกยิ้มหลังพูดจบก่อนมันจะหันไปสนใจหมูบนเตาที่ย่างไว้จนสุกพอดี ขณะที่เพลงเต่างอยของเพื่อนผมก็จบลงแล้วเช่นกัน

            กินอิ่มจนพุงกาง เลยสามทุ่มมาได้นิดหน่อยพวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน ชวนกันคุยเรื่องสัพเพเหระจนเพื่อนลงกันหมดเหลือแค่ผมกับไข่ต้มที่บ้านอยู่ไกลว่าคนอื่น

            "กูไปส่งนะ" ใกล้ถึงบ้านผมก็รีบเสนอตัว แน่นอนว่าต้องโดนปฏิเสธ

            "ไม่ต้องหรอกมึง เสียเวลา"

            "กูไปส่งนะ"

            ไข่ต้มมองผมอย่างหมดคำจะเถียง ที่จริงประโยคที่ผมพูดไปคือประโยคบอกเล่าไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะงั้นมันจึงไม่มีสิทธิ์ตอบกลับไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น รู้ไว้แค่ว่าผมจะไปส่งมันที่บ้านก็พอ

            ผมนั่งเลยบ้านจนมันไปจอดที่ป้ายหน้าหมู่บ้านทาวน์เฮ้าส์สามั้นซึ่งไม่ได้ไกลจากบ้านผมนัก ผมเดินตามไข่ต้มลงจากรถ มันเดินนำไปยังซอยหมู่บ้าน ก่อนจะหันมามองเมื่อไม่เห็นผมเดินตามไป

            "จะส่งแค่นี้เหรอ" มันทำหน้าสงสัย

            เปล่าหรอก ใครจะนั่งรถเลยบ้านเพื่อมาส่งมันแค่ตรงนี้ ผมแค่คิดกำลังอะไรอยู่นิดหน่อย

            "เปล่า"

            "ก็มาดิ"

            ไข่ต้มพยักหน้าเรียก ผมก้าวไปยืนตรงหน้ามันก่อนยื่นมือไปข้างหน้า เห็นมันมองหน้าผมสลับกับมือผมก็ได้แต่คิดว่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อไหม แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากขอ

            "ไม่ได้เหรอ" ถามออกไปเพราะความนิ่งเฉยที่คนตรงหน้าแสดงออก ไข่ต้มมันยิ้มก่อนหันหลังกลับแล้วเดินต่อ แต่ก้าวได้แค่ไม่กี่ก้าวมันก็หันกลับมาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามเมื่อผมไม่ยอมเดินตามไป

            "ไม่ไปส่งแล้วเหรอ"

            "เปล่า"

            ก็นะ โดนปฏิเสธต่อหน้าแบบนี้จะให้ผมทำตัวร่าเริงยังไงไหว ขอเวลายืนเรียกกำลังใจสักหนึ่งนาที

            "แค่นี้หงอย" มันว่า มุมปากยังยกยิ้มน้อยๆ เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ใจร้ายชะมัด

            "แล้วกูควรรู้สึกยังไงดี"

            คำถามนี้คงไปสะกิดใจคนฟังรอยยิ้มนั้นถึงได้หายไป ไข่ต้มมองผมนิ่ง มันทำหน้าครุ่นคิดแบบหลายๆ ครั้งที่ผมเคยเห็นเวลามันปฏิเสธใครสักคน คิด...ว่าคนคนนั้นจะรู้สึกยังไง

            "ครั้งแรกที่มึงแอบเนียนเกี่ยวก้อยกูอะ มึงทำยังไง"

            เงียบอยู่ชั่วอึดใจมันก็ย้อนถามกลับมา มันทำให้ผมนึกย้อนไปถึงวันนั้นกับความกล้าที่ผมมี แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไข่ต้มมันก็พูดต่อ

            "เคยบอกแล้วไงว่าให้ทำสิ่งที่อยากทำ"

            "แล้วมึงก็จะทำสิ่งที่มึงอยากทำเหมือนกัน เมื่อกี้ก็เท่ากับมึงไม่อยากให้กูจับมือไง" ผมเถียง เหมือนพลังด้านลบแผ่อยู่รอบตัว ขณะที่คนตรงหน้ากลับยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มที่คิดว่าตัวเองชนะ แต่เป็นยิ้มที่...นึกเอ็นดูใครสักคนมากกว่า ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองน่ะนะ

            "มึงทำตัวน่าแกล้งอะ"

            "แกล้งแรงไปนะ"

            "กล้าๆ หน่อยดิ กูไม่ยอมวางมือบนมือมึงก็แค่คว้ามือกูไป ถ้ากูสะบัดก็แค่คว้าไปจับอีก" ไข่ต้มมันพูดพลางทำท่าประกอบ จริงจังเหมือนครูกำลังสอนลูกศิษย์ หรือก็คือเฉลยให้ผมรู้นั่นแหละว่าควรทำยังไงกับมันถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก     "แล้วถ้ามึงสะบัดออกอีกล่ะ"

            "ต่อยท้องลากลงข้างทางแม่ง"

            "ได้เหรอ กูทำจริงนะ"

            "ล้อเล่นมั้ยเล่า" มันโพล่งออกมาเสียงดัง ทำเอาผมหลุดขำ แต่ถึงคิดจริงผมก็ไม่ทำแบบนั้นกับมันหรอก

            ความเงียบกลับมาอีกครั้งเมื่อเราต่างยืนสบตากันนิ่งๆ เป็นการคุยกันที่เว้นระยะห่างมากที่สุดตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา หากอยู่ในที่ที่ผู้คนพลุกพล่านกว่านี้เราคงเหมือนคนบ้าที่ยืนตะโกนคุยกัน แต่เพราะเวลาสามทุ่มกว่าของที่นี่มีเพียงเสียงรถวิ่งผ่านไปมาบนท้องถนนเท่านั้น แม้พูดด้วยน้ำเสียงปกติก็ยังได้ยินชัดเจน

            "มึงเคยกล้ากับกูกว่านี้นะ" ไข่ต้มกอดอกเอียงคอ เหมือนอยากจะเอาเรื่องที่อยู่ๆ ผมก็กลายเป็นคนขี้ขลาดขึ้นมา ทั้งที่จริงๆ ผมขี้ขลาดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว

            "กูแคร์ความรู้สึกมึงไง" มันคือความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างขี้ขลาดแบบหลบซ่อน กับขี้ขลาดแบบเปิดเผย เพราะผมรู้ว่ามันเป็นคนยังไง ผมถึงไม่อยากทำอะไรให้มันลำบากใจมาก

            "งั้นก็แคร์ความรู้สึกตัวเองบ้าง ถ้ามหา’ลัยไม่ได้เรียนที่เดียวกันก็เหลือเวลาแค่เทอมเดียวเองนะ แคร์กูได้แต่อย่าให้ตัวมึงเองเจ็บ"

            "มึงก็อย่าทำให้กูเจ็บนักสิ"

            ความเงียบคือคำตอบ ผมเข้าใจว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มันห้ามกันไม่ได้ อยู่ๆ จะให้เพื่อนสนิทที่คบกันมาเกือบหกปีเลื่อนสถานะมาเป็นคนรักก็เช่นเดียวกัน เรื่องของความรู้สึกมันบังคับไม่ได้

            "งั้นกูถามได้มั้ย" ผมโยนให้มันอีกหนึ่งคำถาม เผื่อว่าอนาคตจะสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น

            "..."

            "ชอบกูบ้างหรือยัง"

            ความเงียบชั่วอึดใจกลับมาอีกครั้ง ไข่ต้มเม้มปาก มันก้มหน้าลงสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมคำตอบ

            "กูไม่เคยเกลียดมึงเลยนะ ตอนนี้ก็เหมือนกัน"

            "ตอบไม่ตรงคำถามเลยว่ะ"

            "อย่างน้อยก็ไม่เท่าเดิม"

            "อะไรไม่เท่าเดิม"

            "ความรู้สึกที่มีให้มึง"

            หัวใจที่ห่อเหี่ยวเริ่มกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้งเมื่อได้ฟังประโยคนี้ ผมยิ้ม แต่ไข่ต้มมันไม่ยิ้ม ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปผมว่ามันกำลังกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้อยู่ ไม่ปิดประตูใส่แต่ก็ใช่ว่าจะยอมออกมาพบง่ายๆ ต้องก้าวผ่านประตูเข้าไปแล้วตามหาให้เจอ

            "เข้าบ้านเถอะ" ผมเดินเข้าไปหา จับมือมันไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน

            ไร้การดิ้นรนขัดขืน รับรู้ได้ถึงแรงบีบเบาๆ จากอีกฝ่ายที่กระชับกลับมา ระหว่างเรามีเพียงความเงียบเมื่อไม่มีใครคิดจะพูดอะไร ก้าวเดินช้าๆ ไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย มีแสงไฟ และท้องฟ้าที่มืดสนิทมองไม่เห็นดาวสักดวงเป็นเพื่อน แต่ถึงแม้ไม่มีดาว ผมก็ชอบบรรยากาศที่เป็นอยู่ตอนนี้มากอยู่ดี

            ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ผมอยากให้บ้านไข่ต้มอยู่ไกลกว่านี้อีกสักนิด เราจะได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้อีกสักหน่อย

            "กูไปแล้วนะ"

            "ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอ"

            "ไม่ดีกว่า" ไฟในบ้านเปิดสว่าง พ่อแม่มันคงกลับมาแล้ว ถ้าผมเข้าไปน่าจะไม่ได้กลับออกมาง่ายๆ

            "งั้นกลับดีๆ"

            ผมพยักหน้ารับ ยังไม่ยอมถอยออกมา หันมองซ้ายแลขวาดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ก่อนหันกลับไปสบตาเพื่อนสนิทที่จ้องมองด้วยความสงสัย

            ต่อไปให้สะกดจิตตัวเองไว้เสมอว่าจงทำในสิ่งที่อยากทำ อย่ากลัว และอย่าลังเล

            ความกล้าจงสถิตแก่ตัวผมด้วย

            ผมก้าวเข้าไปประชิดตัวคนที่ยืนติดรั้วบ้าน เอียงหน้าโน้มตัวเข้าไปหาเล็กน้อยแล้วกดจมูกลงบนแก้มนุ่มๆ ที่เคยจับเมื่อครั้งก่อนแล้วรีบผละออกมา บอกลา และหันหลังก้าวเดินออกไปตามทางที่เดินมาอย่างรวดเร็ว

            รอบข้างเงียบสนิทอยู่สักพักกว่าจะได้เสียงเปิดประตูรั้ว ผมยิ้มอย่างอดไม่ได้ หน้าตอนไข่ต้มตกใจมันก็น่ารักดีอยู่หรอก ตาเบิกกว้าง ปากเผยอนิดๆ แต่ก็กลัวจะโดนประทุษร้ายกลับมาเหมือนกัน ยังดีที่ไหวตัวหลบออกมาก่อนมันจะหายตกใจตามแบบฉบับคนใจกล้าที่ขี้ขลาด 

            แล้วก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าแก้มเพื่อนมันหอมแบบนี้นี่เอง

 

            หลังสอบเสร็จมีเวลาหยุดพักหนึ่งสัปดาห์ก่อนประกาศผลสอบ แทนที่เป็นวันหยุดจะได้นอนตื่นสายกลับกลายเป็นว่าเมื่อคืนผมดันนอนไม่หลับ ส่วนเหตุผลนั้นแน่นอนว่ามาจากการกระทำอันหาญกล้าของตัวเองหน้าบ้านเพื่อนสนิท แล้วที่เลวร้ายกว่านั้นคือหลังจากเกิดเรื่องเรายังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย

            ไม่ใช่โดนมันโกรธจนตัดเพื่อนตัดฝูงไปแล้วหรอกนะ

            หลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืนจนหกโมงเช้า หยิบมือถือที่ไร้แจ้งเตือนใดๆ ขึ้นมาดูแล้ววางไว้ที่เดิม แม้ปกติเราไม่ได้คุยแชตกันบ่อยเท่าไรก็เถอะ ยกเว้นช่วงหลังที่ผมเปิดเผยความรู้สึกออกไปถึงได้บอกฝันดีกันก่อนนอนทุกคืน แต่เมื่อคืนกลับเงียบสนิทไร้การตอบรับใดๆ

            จิตใจผมเริ่มกลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้งเมื่อความคิดด้านลบเริ่มทำงาน อยากส่งไปบอกอรุณสวัสดิ์ แต่การไม่อ่านไม่ตอบตั้งแต่เมื่อคืนมันทำให้ความกล้าของผมเหือดหายไปหมด

            หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จผมก็ลงมากินข้าวเช้าก่อนช่วยแม่เปิดร้าน ยกถาดขนมไปวาง หยิบจับนู่นนี่แล้วแต่จะใช้ ป้าสมพรแกเลยดูแปลกใจเป็นอย่างมากที่วันนี้ลูกชายสุดที่รักตื่นมาช่วยงานแต่เช้า ทั้งที่ปกติวันหยุดกว่าจะเห็นหัวก็เลยสิบโมงไปแล้วนู่น

            ช่วยจัดร้านจนเสร็จก็ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าต่อเลย วันหยุดลูกค้าค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่เปิดร้านมีลูกค้าพลัดกันเข้าร้านเรื่อยๆ จนผมแทบไม่มีเวลาว่างทำอย่างอื่น พอได้นั่งพักยาวๆ ตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์ถือมือขึ้นมาเล่นถึงเพิ่งรู้ตัวว่าลืมมันเอาไว้บนห้อง

            กำลังหันไปเรียกหาคนมาขายแทนลูกค้าคนใหม่ก็มาพาพอดี ผมเห็นงาลางๆ ที่หางตา แต่เมื่อหันกลับไปมองกลับทำเอาเกือบพูดไม่ออก

            "อ้าว"

            เห็นเพื่อนสนิทยืนอยู่หน้าร้านผมก็ได้แต่อุทานออกไปแบบนั้นเพราะยังนึกคำทักทายไม่ทัน ไข่ต้มมันยืนมองผมนิ่งๆ อยู่หน้าร้าน สีหน้าเรียบเฉยแต่ผมมองออกว่ามันกำลังอารมณ์ไม่ดี แล้วก็ไม่ต้องเดาด้วยว่าต้นเหตุมาจากผมแน่ๆ

            "โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับวะ" ถามผมแล้วคิ้วขมวดแน่น แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรลูกค้าก็เข้ามาพอดีผมเลยกวักมือเรียกมันให้เข้ามานั่งด้วยกันข้างใน

            ผมขายของ ไข่ต้มมันก็เดินหน้าตึงมายืนข้างๆ แต่ไม่ได้ยืนเฉยๆ เพราะมันช่วยหยิบถุงมาใส่ขนมให้ แถมคิดเงินทอนให้เสร็จสรรพ รู้หน้าที่ตามประสาคนที่จะได้เข้ามาดองเป็นครอบครัวเดียวกันกับป้าสมพรร้านขนมไทย

            "กูลืมเอามือถือลงมา ช่วยงานร้านแต่เช้า ลูกค้าก็เยอะเลยไม่มีเวลาขึ้นไปดู ขอโทษ" หลังจากเคลียร์ลูกค้าหมดผมก็รีบอธิบาย

            "อืม" มันครางรับเบาๆ ยังไม่ทันได้ถามที่มาที่ไปว่าทำไมถึงมาโผล่หน้าร้านผมในเวลาเกือบเที่ยงแบบนี้แม่ผมก็เดินออกมา ไข่ต้มรีบยกมือไหว้ ป้าสมพรแกเลยทำหน้าแปลกใจเป็นหนที่สองของวัน

            "ไม่บอกว่าเพื่อนจะมา" รับไหว้ไข่ต้มแล้วแม่ก็หันมาขมวดคิ้วใส่ผม อยากจะเถียงอยู่หรอกว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมา

            "ลืมอะแม่"

            "แล้วกินข้าวหรือยังล่ะลูก"

            "ว่าจะออกไปกินข้างนอกกันครับ"

            ผมหันขวับไปมองคนพูดที่ไม่เตี๊ยมอะไรกันก่อนสักนิด สภาพพ่อค้าเสื้อยืดกางเกงบอลของผมไม่พร้อมออกไปไหนทั้งนั้น

            "แล้วจะไปกันกี่โมง" แม่ผมถามต่อ

            "ก็..." ไข่ต้มมันเลยเหลือบมามอง ผมเลยตอบให้เอง

            "เดี๋ยวจะไปแล้วแม่"

            "สภาพนี้?" แม่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้แหละที่ผมจะได้โอกาสชิ่ง

            "งั้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะแม่" พูดจบผมก็คว้าแขนไข่ต้มให้เดินตามมา

            ปิดประตูห้องนอนผมก็ปล่อยมือมันออก ไข่ต้มเดินไปนั่งบนเตียง ผมรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาดู ทั้งไลน์ทั้งมิสคอลค้างเต็มหน้าจอ หันไปมองเจ้าของแจ้งเตือนทั้งหมดที่มองกลับมานิ่งๆ แล้วก็ได้แต่ยิ้มแหยให้

            "มึงอยากกินอะไร" ผมถามเข้าเรื่อง ไข่ต้มบอกป้าสมพรว่าจะออกไปกินข้าว ในไลน์มันก็ชวนผมก็ข้าวเหมือนกัน

            "ตอนนี้ไม่อยากกิน"

            "โกรธ"

            "ก็นิดหน่อย มันหงุดหงิดนะเว้ยติดต่อไม่ได้เนี่ย" เริ่มขึ้นเสียงขนาดนี้ผมว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่นิดหน่อยแล้วก็ได้

            "ขอโทษ ก็มันลืมนี่หว่า เดี๋ยวเลี้ยงข้าวก็ได้"

            "ก็บอกว่าไม่อยากกินแล้ว"

            "ไม่อยากกินแต่มาหาถึงบ้านเลยเนี่ยนะ"

            "จะมาต่อยปากมึง"

            "อย่ารุนแรงกับกูนักเลย" ผมเดินไปนั่งข้างมัน ทำหน้าตาสำนึกผิดเต็มที่เผื่อคนใจร้ายจะสงสาร

            ไข่ต้มมันเอาแต่จ้องหน้าผมไม่ตอบอะไร ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน มองอยู่สักพักแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนละสายตาไปมองที่อื่น

            "กูมาเพราะห่วงมึงนี่แหละ เมื่อคืนกูแกล้งแรง มึงก็เล่นแรงกลับ มันเหมือนยังค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้ เช้ามามึงเมินใส่กูอีก"

            "กูไม่ได้เมิน"

            "ก็นั่นแหละ" มันหันมาขมวดคิ้วใส่ผม แต่ผมกลับห้ามรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุผลที่เพื่อนคนนี้มาอยู่ที่นี่

            "ที่จริงกูก็คิดมากนะ เมื่อคืนบอกฝันดีแล้วมึงไม่ตอบ กลัวมึงโกรธ"

            "ส่งมาเกือบเที่ยงคืนกูก็นอนแล้วมั้ย"

            "ก็นั่นแหละ" ผมเลียนแบบคำพูดมัน ไข่ต้มมันเลยแยกเขี้ยวใส่

            บทสนทนาหยุดลงอีกครั้งแต่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศรอบตัวเราแย่ลง ไข่ต้มมองมือตัวเองที่วางอยู่บนตัก ผมก็มองมันอีกที มีความคิดหลายอย่างเกิดขึ้นในหัว หลายคำถามที่อยากถาม และหลายคำตอบที่อยากได้ยิน เพราะเรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้ผมจึงมั่นใจว่าเรื่องในอดีตไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายนัก และมันก็ช่วยเพิ่มความกล้าให้แก่ผม

            "มึงไม่ได้โกรธใช่มั้ย"

            "เรื่อง?"

            "ที่หอมแก้ม"

            "อ่า..."

            ไข่ต้มลากเสียงยาว มันเขินไม่บ่อย แต่ตอนนี้ผมเห็นมันกำลังเขิน มันไม่ยอมสบตาผมตรงๆ แล้วก็ไม่ยอมตอบคำถามสักที

            "ไม่ตอบ"

            "ไม่ได้โกรธ"

            "แสดงว่าทำอีกได้"

            "ก็...ไม่ได้ห้าม"

            ได้ฟังประโยคที่เป็นเหมือนคำอนุญาตผมก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนคนไม่ทันตั้งแต่เผลอเอนตัวหลบ ไข่ต้มไม่ได้หนี มันยังนั่งอยู่ที่เดิม สบตาผมแล้วเม้มปาก ก่อนจะพูดอีกประโยคที่ชวนให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมา

            "กับมึงมันก็ไม่ได้แย่"

            "อะไรไม่ได้แย่"

            "ตัวมึง สัมผัสของมะ...ไอ้เหี้ย! เดี๋ยว!"

            พูดมาขนาดนี้แล้วใครมันจะไปอดใจไหว ผมไม่ได้ทำอะไรรุนแรง ก็แค่กระโจนเข้าไปกอดจนมันหงายหลังล้มลงนอน โดยที่ตัวผมทับมันอยู่ด้านบน

            ตอนนี้ใจผมมันฟูจนคับอกไปหมดแล้ว

            "มึงแม่งน่ารักว่ะ"

            "ไอ้สัด! ลุกเดี๋ยวนี้เลย" ปากโวยวายมือดันตัวผมออกแบบไม่ได้จริงจังนัก เป็นการยืนยันว่าสัมผัสจากผมมันไม่ได้แย่จริงๆ ไม่งั้นโดนถีบตกเตียงไปแล้ว

            "ไหนบอกไม่ได้แย่ไง"

            "กูจะเปลี่ยนคำพูดเพราะมึงเล่นแบบนี้นี่แหละ"

            ผมลุกขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียงโดยไม่ต้องรอให้มันขู่ซ้ำ ไข่ต้มรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้ายุ่ง ผมหน้าม้าก็ยุ่งชี้โด่เด่เสียทรง ผมยื่นมือไปช่วยจัดทรงมันให้เข้าที่ เห็นหน้าแดงๆ ที่ปั้นบึ้งยอมให้ผมทำตามใจแล้วมันก็อดยิ้มไม่ได้ หน้าแดงๆ ที่ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินอยู่กันแน่

            "เปลี่ยนชุดดิ จะได้รีบไป"

            ผมไม่ได้ตอบอะไร เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกมาแล้วก็เปลี่ยนมันตรงนั้น ไข่ต้มมันก็นั่งเท้าคางมอง รอจนผมแต่งตัวจัดกระเป๋าเสร็จก็ก้าวลงจากเตียงเดินนำออกจากห้องไป

 
tbc.

 
สวัสดีปีใหม่อีกรอบ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า


หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 05-01-2019 19:57:52
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-01-2019 20:26:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องซอสมีลุ้น  อิอิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 05-01-2019 21:19:55
ไข่ต้มทำดีมากลูก
ซอสก็รุกเลยยยย เอาให้สมที่รอคอยมานาน
 :hao6:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-01-2019 23:08:17
ใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้ลูก ไข่ต้มจะได้กลายเป็นไขตุ๋นอ่อนนุ่มกลืนง่าย  :hao6:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-01-2019 02:34:56
นายซอสพัฒนาแล้วๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 06-01-2019 22:47:23
หูยย น่ารักมากเลย ไข่ต้มเริ่มเปิดใจแล้วว   :mew4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 21 แก้มเพื่อนมันหอม <<< [05/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 07-01-2019 07:53:46
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 22 คนที่มีความสุข <<< [12/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 12-01-2019 19:40:50

ไข่ฟองที่ 22
คนที่มีความสุข

            ปิดเทอมนี้ไข่ต้มไม่ได้ลงเรียนภาษาจีนแต่มันมานั่งติววิชาสามัญกับผมที่เริ่มเรียนมาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วแทน หลังจากผ่าน ม.หกมาหนึ่งเทอมเราก็ต่างจริงจังกับเรื่องเรียนต่อ ผมมีคณะที่อยากเข้าอยู่ในใจแล้ว มีโอกาสทั้งหมดห้ารอบ ซึ่งมันต้องได้สักรอบนั่นแหละ ส่วนไข่ต้มมันยังไม่พูดถึงเรื่องนี้เท่าไร

            หลังเรียนเสร็จผมก็ชวนไข่ต้มไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน เป็นกิจวัตรที่ต้องทำทุกวันที่มีเรียน ตอนกลับบ้านก็แวะไปส่งแล้วหาเรื่องอยู่ด้วยกันจนเย็นย่ำค่ำมืด ไม่ดูหนังก็เล่นเกม หรือบางวันก็สลบเหมือดกันที่โซฟาห้องนั่งเล่นจนแม่ไข่ต้มมันกลับมา วันนี้ก็เช่นเดียวกัน

            กลับมาถึงบ้านไข่ต้มมันก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา กระเป๋ายังคล้องอยู่ที่แขน ถุงเท้าก็ยังไม่ถอด ผมช่วยดึงกระเป๋าออกให้แต่คนที่นอนอยู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุก เลยนั่งลงบนพื้นข้างโซฟามองเพื่อนสนิทที่นอนคว่ำหน้าหันเข้าหาพนักพิง

            หากถามว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราพัฒนาไปถึงขั้นไหน สำหรับผมนั้นหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งการกระทำและความความรู้สึก เหลือเพียงรอให้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเต็มเติมจนเท่ากันก็เท่านั้น

            "จะนอนเลยเหรอ"

            ได้ยินคำถามจากผมไข่ต้มมันก็หันหน้ามาหา ผมจงใจนั่งพิงโซฟาเพื่อทำให้ระยะห่างน้อยลง แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อปลายจมูกผมเกือบโดนหน้าผากคนที่นอนอยู่พอดี

            ไข่ต้มไม่ได้ตกใจหรือขยับออกห่างกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น มันคงชินแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้ ใกล้กันบ่อยจนกลายเป็นความคุ้นเคย

            "มึงอยากทำอะไรล่ะ" ถามพลางใช้ศอกยันตัวเองไว้คล้ายกับอยากมองคู่สนทนาให้ถนัด ตามันปรอยเหมือนพร้อมจะหลับได้ทุกเวลา

            "อยากอยู่กับมึง"

            "ตอนนี้ก็อยู่ไง"

            "ง่วงมาเหรอวะ"

            "อืม"

            "งั้นกูนอนกอดมึงได้มั้ย"

            "ถ้ากูบอกว่าไม่ได้"

            "กูก็จะกอด"

            ผมดึงไข่ต้มลงมาข้างล่างเพราะบนโซฟาพื้นที่ไม่กว้างพอสำหรับผู้ชายที่ตัวไม่ได้เล็กตั้งสองคน มันไม่ได้ขัดขืน ยอมให้ผมนอนกอดก่ายเอาขาพาดเหมือนเป็นหมอนข้างบนพื้นเย็นๆ แข็งๆ ไม่ได้โรแมนติกอะไรมากนักแต่ความสุขที่มีก็มากพอ

            หลังผมพิงโซฟาส่วนไข่ต้มพิงอกผมอีกที ผมหนุนหมอนส่วนมันมีแขนผมให้หนุน กดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมที่ยังได้กลิ่นหอมของชมพูไปหนึ่งที แล้วกระชับกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

            "มึง" ผมลองเรียกออกไปเพราะไม่แน่ใจว่ามันหลับไปหรือยัง

            "อะไร"

            "ตอนนี้ความรู้สึกของมึงเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนแล้ววะ" อยู่ๆ ผมก็นึกอยากถาม อยากรู้ความคืบหน้า อยากรู้ผลของการแสดงออกระหว่างกันว่าในความรู้สึกมันต่างไปจากเดิมมากไหม

            "ก็เพิ่มตลอด"

            "ตอนนี้กี่เปอร์เซ็นต์"

            "ไม่รู้ว่ะ"

            "ไม่รู้ได้ไง"

            "ปกติกูไม่เคยวัดความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ เป็นเปอร์เซ็นต์มั้ง มีแค่รู้สึกกับไม่รู้สึก"

            ผมไม่แปลกใจกับคำตอบนัก ไม่รู้สึกก็ตัดทิ้ง ถ้ารู้สึกก็สานต่อ แม้คนที่ถูกจัดอยู่ในส่วนที่ไม่รู้สึกจะมีมากมายก่ายกองก็ตาม รวมถึงแฟนเก่าอย่างพี่อ๋องก็เหมือนกัน แต่สำหรับพี่อ๋องนั้นจัดอยู่ในหมวดคนพิเศษขึ้นมานิดหน่อย เพราะเป็นคนที่เคยไม่รู้สึกก่อนจะเปลี่ยนเป็นรู้สึก แล้วกลับสู่ความไม่รู้สึกอีกครั้ง

            "แล้วกูล่ะ" เป็นคำตอบที่รู้อยู่ก็ยังอยากจะถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง

            "ยอมขนาดนี้คงไม่รู้สึกมั้ง"

            "แล้วรู้สึกมากพอจะเลิกเป็นเพื่อนกันได้ยัง"

            ความเงียบเข้ามาแทนที่จนผมอยากเห็นนักว่าคนที่นอนหันหลังกำลังทำหน้ายังไง ขมวดคิ้วหรือยิ้ม อยากรู้เร็วๆ ว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน เป็นแสงสว่างนำทางให้ไปต่อ หรือเป็นสายลมที่พัดแสงเทียบจนดับ

            "ขอเวลาอีกนิดได้มั้ย"

            "อืม" ผมทำได้เพียงตอบรับ อย่างน้อยทางข้างหน้าก็ไม่ได้มืดสนิทจนไม่ได้สามารถเดินต่อไปได้

            "กูถามอะไรมึงหน่อยดิ" แล้วมันก็เป็นฝ่ายถามผมกลับบ้าง

            "ยากเกินไม่ตอบ"

            "มันไม่ยากหรอก"

            "ว่ามา"

            "มึงเริ่มชอบกูตั้งแต่เมื่อไร"

            คำถามไม่ยากอย่างที่มันว่า หากวัดระดับความยากง่ายแล้วก็เหมือนเอาข้อสอบคณิตศาสตร์ของเด็ก ป.หนึ่งมาให้เด็ก ม.หกทำ มันเป็นเรื่องผมตอบได้และอยากบอกให้มันรู้มานานแล้ว

            "เริ่มชอบจำไม่ได้ แต่มั่นใจว่าชอบแน่ๆ ตอน ม.สี่"

            "นานแล้วนี่หว่า" คำตอบของผมชวนตกใจจนมันพลิกตัวกลับมาหา

            "เออ นานแล้ว"

            "กูช็อก ทำไมไม่เคยรู้ตัว"

            "เพราะมึงมันโง่" ผมหลอกด่า แต่แปลกที่มันไม่ด่ากลับ เพราะมันน่าจะรู้คำตอบที่ทำให้มองไม่เห็นความรู้สึกพิเศษของผมอยู่แล้ว

            "ทำไมถึงชอบวะ"

            "แล้วมึงคิดว่าที่คนอื่นๆ ชอบมึงเพราะอะไร"

            "หน้าตาดี"

            "เออ ก็ถูก"

            ถ้าเป็นคนอื่นตอบผมคงหมั่นไส้ แต่เพราะเป็นเพื่อนคนนี้เลยเถียงอะไรไม่ได้ ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกใจมันที่หน้าตาเหมือนกัน

            "แล้วอย่างอื่นล่ะ" ผมถามต่อให้ไข่ต้มมันลองเดา

            "เอาจริงก็นึกไม่ค่อยออกมาเพราะนิสัยกูก็ไม่ได้ดีเท่าไร เพราะใกล้ชิดเหรอ"

            "ก็ใช่"

            "แล้วอะไรอีกอะ"

            "เดามาดิ"

            "ไม่รู้แล้ว" มันโวยวายทำขมวดคิ้วใส่

            ความจริงข้อดีของเพื่อนผมคนนี้ไม่ได้มากมายอะไรนักหรอก คนที่ชอบมันส่วนใหญ่ก็เพราะหน้าตา ถ้าสนิทหน่อยก็ตกหลุมเพราะใกล้ชิดหรือพูดคุยกันถูกคอ แฟนเก่าของมันกับผมก็รวมอยู่ในกลุ่มหลังด้วย ซึ่งเหตุผลจริงๆ ของการชอบใครสักคนมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย

            เพราะชอบก็คือชอบ

            "ก็แค่ชอบ อยากเห็นหน้า อยากคุย อยากอยู่ใกล้ๆ รู้มั้ย มึงเป็นความสุขของกูนะ" บอกผ่านน้ำเสียง สื่อสารผ่านทางสายตา อยากให้รับรู้ว่าความรู้สึกที่มีมันมากแค่ไหน

            เห็นเลือดฝาดบนแก้มคนที่นอนหนุนแขนอยู่ผมก็หลุดยิ้ม แม้ไม่มีคำพูดใดๆ กลับมาก็ทำให้ผมสุขใจมากแล้ว หากไม่รู้สึกย่อมไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา แต่เพราะรู้สึกถึงได้มีอาการ

            "แค่นี้เขิน"

            "ให้กูเขินหน่อยเถอะ"

            "ทำเหมือนไม่เคยโดนบอกรัก"

            คราวนี้ไข่ต้มมันไม่ยอมนิ่งเฉย ประเคนมะเหงกให้ผมกลางหน้าผากเสียงดังป๊อก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง ทำหน้านิ่งทั้งที่หน้ากับหูยังแดงอยู่

            "ไม่นอนแล้วเหรอ"

            "ไปนอนบนห้อง พื้นแข็ง" พูดจบมันก็ลุกขึ้นยืน หอบกระเป๋าเดินดุ่มๆ ตรงไปที่บันได แล้วผมจะนอนต่อไปทำไม รีบหอบกระเป๋าเดินตามไปอย่าได้เสียเวลา

            จะกอดไม่ปล่อยจนกว่าแม่จะกลับมาเลยคอยดู

 

            แรงสะดุ้งจากคนในอ้อมกอดทำผมสะดุ้งตื่น ไข่ต้มลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาเบาๆ ด้วยความงัวเงีย ก่อนจะลุกเดินโซเซไปที่หน้าต่างอย่างคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา

            "แม่มาแล้ว" มันหันกลับมาบอก เงยหน้ามองนาฬิกาติดผนังที่บอกเวลาใกล้หนึ่งทุ่ม ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

            พอรู้ว่าแม่กลับมาผมถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ แล้วก็นึกขำที่ไข่ต้มมันยังอุตส่าห์ได้ยินอย่างกับตั้งนาฬิกาปลุกในฝันไว้ว่าแม่จะกลับมาตอนไหน หรือไม่ก็นอนหลับแบบกังวลตลอดเวลาว่าแม่จะเข้ามาเห็นฉากไม่เหมาะไม่ควร พอได้ยินเสียงรถเลยสะดุ้งตื่นทันที

            "ลุกไปล้างหน้า" ออกมาจากห้องน้ำพร้อมมาขนหนูผืนเล็กในมือมันก็ชี้นิ้วสั่ง

            ผมรีบลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแบบลวกๆ ออกมายังเห็นไข่ต้มมันถือผ้าขนหนูอยู่ก็เอาหน้าเข้าซับน้ำออกทั้งแบบนั้น เลยโดนมันมองตาขวางเข้าให้

            "เช็ดดีๆ"

            "เช็ดให้หน่อย" ยื่นหน้าไปให้ทั้งที่หยดน้ำคงหายไปหมดแล้ว แต่คนใจดีก็ยังยอมเช็ดให้

            "เริ่มเยอะนะมึง" เช็ดไปก็บ่นไป

            อ้อยอิ่งหลังจากตื่นนอนได้แป๊บเดียวคุณแม่ที่ถอยรถเข้าบ้านเสร็จเรียบร้อยก็ตะโกนเรียก ไข่ต้มรีบลากผมลงไปข้างล่าง ผมยกมือไหว้ตอนแม่หันมายิ้มให้เหมือนรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอผมอยู่ที่นี่

            "อยู่กินข้าวก่อนนะ แม่ซื้อเป็ดย่างเกลือมา" แม่ชูเป็ดย่างที่ซื้อมาให้ดู บอกเป็นนัยๆ ว่าห้ามผมปฏิเสธ

            ช่วยกันจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยพ่อก็กลับมาพอดี เราสี่คนนั่งประจำที่ บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป หรือไม่ก็เกี่ยวกับการเรียนวันนี้ ซึ่งผมกับไข่ต้มก็มักจะตอบเหมือนเดิม

            "เราอยากเข้าคณะอะไรนะ วิศวะใช่มั้ย"

            "ใช่ครับ" ผมพยักหน้าตอบคำถามของแม่ที่ยังจำคณะที่ผมอยากเรียนได้แม้เคยบอกไว้นานแล้ว

            "แบบนี้ก็ต้องแยกกันแล้วสิ"

            "ให้แยกเถอะแม่ อยู่ด้วยกันมาตั้งหกปี เบื่อขี้หน้าแล้ว" ไข่ต้มมันพูดกลั้วหัวเราะติดตลก พูดจบก็หันมามองเหมือนอยากจะเช็กสีหน้าของผมว่ารู้สึกยังไงกับคำพูดของมันงั้นแหละ

            "เพื่อนเสียใจแย่"

            "ผมก็เบื่อมันเหมือนกันครับแม่"

            พ่อกับแม่หัวเราะครื้นกับคำพูดของผม ส่วนไข่ต้มมันหันมาขยับปากว่า 'เหรอ' ใส่ ทำหน้าทำตากวนประสาทจนอยากจะหยิกแก้มแรงๆ

            "แล้วลูกเลือกได้หรือยังว่าจะเรียนที่ไหน" พ่อถามไข่ต้มขึ้นมาบ้าง

            "ยังเลยพ่อ หาอยู่ ดูไปเรื่อยๆ"

            "อย่าให้นานนักล่ะ"

            "รู้แล้วครับ"

            พ่อไม่ได้ว่าอะไรแม่เลยชวนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น กินไปคุยไปกว่าอาหารมื้อนี้จะสิ้นสุดก็ล่วงเลยมาจนสองทุ่มกว่า ผมเลยขอตัวกลับเพราะป้าสมพรเองก็โทรตาม ส่วนเจ้าของบ้านก็อาสาออกมาส่งเหมือนเคย

            ครั้งนี้ไข่ต้มมันปั่นจักรยานออกมาส่ง เพราะผมบอกว่ามันดึกแล้วไม่อยากให้ออกมามันเลยเข็นจักรยานคันเก่าเก็บออกมาประชดผม มันปั่นผมซ้อน ปั่นก๊อกๆ แก๊กๆ เสียงดังเหมือนจะพังได้ตลอดเวลาแค่แป๊บเดียวก็มาถึงป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน มันจอดรถไว้ข้างๆ ก่อนมานั่งรอด้วยกัน

            ระหว่างมื้ออาหารผมติดใจหนึ่งคำถามจากพ่อที่ถามไข่ต้มเรื่องเรียนต่อ ผมเองก็อยากรู้เรื่องนี้ มันไม่เคยพูดถึงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แต่ผมยังอยากรู้เสมอว่าเส้นทางในอนาคตของเราจะเป็นยังไง อย่างน้อยก็อยากเตรียมใจไว้ล่วงหน้าว่าต้องห่างกันแค่ไหน

            "มึงยังไม่เลือกอีกเหรอว่าจะเรียนต่อที่ไหน"

            "ก็ดูไปเรื่อยๆ"

            "เรื่อยๆ นี่คือยังไง หมายถึงมหา'ลัย"

            "ก็ประมาณนั้น"

            "แล้วคณะอะ เอกจีน?"

            "อืม"

            "มันก็มีหลายที่ล่ะนะ แต่มึงเลือกเป้าหมายสักที่ก็ดี กูจะได้รู้ว่าเราต้องห่างกันแค่ไหน"

            "รู้แล้วครับ มึงเป็นพ่อกูอีกคนเหรอ"

            "ก็ห่วงไง มึงดูเลื่อนลอยอะ"

            "ติดที่ไหนก็เรียนที่นั่นแหละ"

            "งั้นต้องติดที่เดียวกับกู"

            "อย่างกับเลือกได้"

            "ต้องเลือกได้ดิวะ"

            "เออน่า รอกูมั่นใจอะไรบางอย่างแล้วก็ตัดสินใจได้เอง"

            "มั่นใจอะไรวะ เรื่องกูเหรอ" ผมแกล้งถาม ไม่ได้หวังว่าคำตอบจะคือใช่ แต่สายตาของไข่ต้มตอบผมล่วงหน้าก่อนมันจะพูดออกมาเสียอีก

            "เรื่องมึงนั่นแหละ"

            ผมยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ใจ หัวใจพองโตเหมือนโดนบอกรัก แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง มันรอตัดสินใจเรื่องเรียนต่อเพราะผมเชียวนะ ถึงความสมหวังกับผิดหวังจะมีความเป็นไปได้เท่ากันก็เถอะ แต่ผมก็ดีใจ

            "รถมาแล้ว"

            มัวแต่ซาบซึ้งใจ ยังไม่ทันได้บอกให้ไข่ต้มเลือกทางเดินที่มันต้องการจะดีกว่ารถเมล์ก็มา ผมน่ะรอคันต่อไปได้แต่เพื่อนสนิทดูเหมือนจะไม่อยากให้รอ มันกระทุ้งศอกใส่ผมแถมยังลุกขึ้นไปโบกรถให้เสร็จสรรพ บริการดีน่าประทับใจ

            ก้าวขึ้นรถแล้วผมถึงได้โบกมือลาคนที่ยืนยิ้มหวานอยู่ตรงป้ายรถเมล์ เดินไปนั่งแถวหลังสุดมองไข่ต้มปั่นจักรยานกลับเข้าหมู่บ้าน แล้วความสุขของผมก็จบไปอีกหนึ่งวัน

 

            นอกจากบ้านที่เรียนพิเศษ ห้าง แล้วก็บ้านไข่ต้มแล้ว บ้านผมก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ช่วงปิดเทอม บางวันไข่ต้มมันแวะมาช่วยขายขนม แล้วก็ขลุกอยู่ด้วยกันจนค่ำมืด เรียกว่าไม่มีวันไหนไม่ได้เจอกันเลยก็ว่าได้

            มาช่วยขายบ่อยจนชำนาญงานลูกค้าประจำก็จำมันได้บ้างแล้ว แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่มาซื้อขนมทีไรต้องแซวไข่ต้มมันทุกที ตามประสาคนหน้าตาดีที่ถูกตาต้องใจใครต่อใคร แม้ป้าคนนี้จะมีลูกชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมก็ตาม

            "สุดหล่อของพี่มาอีกแล้ว" เดินมาหน้าร้านเห็นไข่ต้มปุ๊บป้าแกก็ยิ้มหวานมาให้ แม้จะฟังแล้วขัดหูนิดหน่อยตรงที่ป้าแกแทนตัวเองว่าพี่นี่แหละ กับผมล่ะไม่เคยมีหรอกพูดเพราะแบบนี้

            "วันนี้เอาอะไรดีครับ" ส่วนพ่อค้าหน้ามนก็รู้หน้าที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนโดนแซวแบบนี้ไข่ต้มมันคงเดินหนีเข้าไปหลบข้างในแล้ว

            "เอาน้องไข่ต้มได้มั้ยจ๊ะ"

            "ไม่ได้หรอกป้า"

            "ฉันไม่ได้ถามแก"

            เนี่ย สองมาตรฐานชัดๆ เอาจริงหน้าตาผมก็ไม่ได้แย่นะ อาจจะเป็นรองไข่ต้มมันนิดหน่อย แต่ทำไมชอบถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมตลอด

            "ร้านขนมนะป้า ไม่ได้ให้มาเต๊าะพ่อค้า"

            "ซอส แกอย่าเยอะ หยอดนิดหยอดหน่อย เพื่อนแกน่ากินกว่าขนมอีก"

            "โห ป้าสมพรขึ้นเลยงี้ โมโหแล้ว ไม่ขายๆ"

            "เดี๋ยวๆ ไอ้เด็กบ้านี่" ป้าแกทำท่าจะเดินเข้ามาตีผม ส่วนตัวการที่ทำให้เกิดการปะทะคารมครั้งนี้กลับนั่งขำคิกคักเสียอย่างนั้น

            "ป้าจะเอาอะไรบ้างครับ" ขำเสร็จไข่ต้มมันก็เริ่มขายของ ดีแล้ว รีบๆ ขาย ป้าแกจะได้รีบๆ ไป

            "อย่าเรียกป้าสิจ๊ะ พี่ก็พอ"

            "อ่าครับ พี่จะเอาอะไรบ้าง ผมจะได้ตักให้"

            "เนี่ยซอส ดูไว้ หัดทำตัวน่ารักเหมือนเพื่อนบ้าง พี่เอา..." ว่าผมเสร็จป้าแกก็หันไปชี้ขนมที่จะซื้อให้ไข่ต้มเป็นคนหยิบให้ ต้องได้เสียดสีผมสักนิดหน่อยแล้วขนมป้าสมพรจะอร่อยขึ้นอีกเท่าตัว

            ลูกค้าขาประจำจากไปแล้วแต่พ่อค้าพาร์ทไทม์ยังอมยิ้มไม่เลิก ดูไข่ต้มมันจะอารมณ์ดีเหลือเกินกับการถูกสาวรุ่นเดียวกับแม่จีบ หรือจริงๆ แล้วสเป็กมันเป็นแบบนี้ผมเองก็ชักไม่แน่ใจ

            "ยิ้มค้างเลย อย่าบอกนะว่าชอบแนวนี้"

            "ก็เกินไปมั้ย รุ่นแม่เลยนะ"

            "ป้าแกรวยนะ"

            "มึงดูสนับสนุนจังเลยเนอะ" มันว่าแกมประชดแต่สายตากลับจริงจังจนน่าขนลุก ทำเอาผมไม่กล้าพูดเล่นต่อเลย

            "ล้อเล่นครับล้อเล่น แต่มึงดูเปิดรับขึ้นเยอะเลยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทำหน้าบึ้งแล้วก็หนีอย่างเดียว"

            "ก็เขาเป็นผู้ใหญ่มั้ยล่ะ ลูกค้ามึงด้วย จะให้หนีได้ไง"

            "แสดงว่าถ้าไม่ใช่คนแก่จะทำเหมือนเดิม?"

            "ไม่อะ กูว่าแบบนั้นไม่โอเค มาลองนึกย้อนกลับไปกูยังไม่ค่อยชอบตัวเองเลย"

            "แล้วจะทำยังไง"

            "ก็รับฟังเขาหน่อย แล้วก็บอกไปตรงๆ"

            "บอกว่าอะไร"

            สารภาพเลยว่าผมหลอกถาม ส่วนคนโดนหลอกก็เหมือนจะรู้ตัวเหมือนกัน ไข่ต้มมันอมยิ้มน้อยๆ ทำท่าลังเลว่าจะตอบหรือไม่ตอบดี แต่ผมคิดว่ามันคงรู้วิธีทำให้ผมหนีออกจากหลุมรักของมันไม่รอด

            "บอกว่ามีคนที่อยู่ในใจแล้ว"

            "กูเหรอ"

            "ป้าสมพรมั้ง"

            "แสดงว่ามึงชอบคนแก่จริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย เสียใจ"

            เพราะใจกำลังฟูเลยเผลอเล่นใหญ่ไปหน่อย ไข่ต้มมันง้างมือเตรียมจะทุบผมแล้ว โชคดีที่มีลูกค้าเข้ามาช่วยชีวิตเสียก่อน

            นั่งเฝ้าร้านตั้งแต่ช่วงบ่ายพอแดดหมดก็ได้เวลาปิดร้าน ป้าสมพรให้ค่าแรงพนักงานพาร์ทไทม์คนพิเศษเป็นขนมกล่องใหญ่ที่จัดไว้ให้ไข่ต้มเอาไปฝากที่บ้านด้วย เราไม่ต้องช่วยเก็บของเพราะแม่ผมโบกมือไล่ให้เดินไปส่งไข่ต้มก่อนฟ้าจะมืด ใจจริงผมอยากจะนั่งรถเมล์ไปส่งมันที่บ้านเลยด้วยซ้ำแต่มันไม่ยอม นึกแล้วก็อยากได้มอเตอร์ไซด์สักคัน แต่แม่ไม่ซื้อให้นี่สิ เงินเก็บที่มีก็น้อยนิดเหลือเกิน

            "กลับดีๆ นะมึง ถึงแล้วบอกกูด้วย" เห็นรถมเล์กำลังจะเข้าป้ายผมเลยสั่งมันไว้ล่วงหน้า

            "ไปบอกคนขับรถนู่น"

            "งั้นกูต้องขึ้นไปด้วยใช่มั้ย"

            "กูพลาดเอง ขอโทษ" ไข่ต้มมันทำหน้าสำนึกผิดจริงจัง

            "เออ ถึงแล้วอย่าลืมบอก"

            "รู้แล้ว" มันยิ้มให้จังหวะเดียวกับที่รถจอดป้ายพอดี

            เราโบกมือลากัน ยิ้มให้กัน ผมยืนมองรถเมล์คันนั้นวิ่งออกจากป้ายไปจนลับตาถึงได้หันหลังกลับ ใบหน้ายามยิ้มของเพื่อนสนิทยังลอยค้างอยู่ในความทรงจำ มันคอยย้ำเตือนผมทุกครั้งว่าช่วงเวลานี้มีความสุขมากแค่ไหน

            จากนี้ผมขอแค่ความสุขนี้ยังคงอยู่ต่อไปก็พอ

 
tbc.

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 22 คนที่มีความสุข <<< [12/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-01-2019 20:52:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีพัฒนาการที่ดีนะ

ป.ล. ไข่ต้มต้องกินคู่กับซอสถึงจะอร่อยเข้ากั๊น ๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 22 คนที่มีความสุข <<< [12/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 12-01-2019 23:27:22
น้องไ่ข่ งื้ออออออ :hao7:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 22 คนที่มีความสุข <<< [12/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-01-2019 03:50:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 22 คนที่มีความสุข <<< [12/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-01-2019 04:38:44
พัฒนาใหญ่แล้วนายคนนี้  o7
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 19-01-2019 17:44:37

ไข่ฟองที่ 23
วันพิเศษของผม


            คงไม่แปลกอะไรนักหากผมจะตั้งความหวังจากใครสักคนเมื่อวันพิเศษวนมาถึง

            อีกสามนาที่จะถึงวันเกิดผม วันที่ยี่สิบเอ็ดตุลาคม เป็นวันเกิดครั้งแรกที่ผมรู้สึกตื่นเต้นที่สุดในรอบหกปีนับตั้งแต่เข้าเรียนชั้นมัธยมมา แม้ตัวจะนอนเหยียดยาวบนเตียงห่มห้าคลุมถึงอก แต่ตายังสว่างแม้จะใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้วก็ตาม มือหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะอย่างรอคอย รอให้เวลาก้าวเข้าสู่วันต่อไป

            ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที

            ผมนอนมองตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ถือค้างไว้ ใจเต้นไม่เป็นส่ำจนกระทั่งตัวเลขเปลี่ยนเป็นเลขศูนย์สี่ตัว วันที่บนหน้าจอขยับเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวเลข หากแต่ทุกอย่างยังคงสงบนิ่งไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ จากใครสักคน

            ไม่เป็นไร...ผมบอกกับตัวเองและยังยิ้มด้วยใจที่เต้นเป็นจังหวะเดิม อาจจะช้าไปสักนาทีสองนาที บางทีสัญญาณอินเตอร์เน็ตอาจจะมีปัญหาก็เป็นได้

            เที่ยงคืนสิบนาที

            หรือบางทีผมคิดว่าอินเตอร์ของใครคนนั้นอาจจะโดนตัดไปแล้วก็เป็นได้

            เสียงหัวใจเบาลงจนกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ ผมถอนหายใจอย่างปลงตก วางมือถือไว้บนโต๊ะข้างเตียง นึกน้อยใจในความสำคัญของตัวเองที่เหมือนจะมีไม่มากพอสำหรับใครบางคน ทั้งที่คิดว่าวันเกิดปีนี้ไม่เหมือนทุกปีแท้ๆ มันมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป แต่คงมีผมที่คิดไปเองคนเดียวว่ามันพิเศษ

            ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงล้มเลิกการรอคอย คนคนนั้นไม่ได้อวยพรคนแรกก็ไม่เป็นไรหรอก บางทีสิ่งพิเศษที่สุดอาจจะเป็นคนที่มาเป็นคนสุดท้ายก็ได้ แค่ไม่เผลอไผลลืมไปก็พอ

            หลับตาลงทั้งที่ยังมีความน้อยใจอยู่เต็มอก พยายามเลิกคิดเลิกนึกถึงเลิกหวังทุกๆ อย่าง แต่แล้วเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น

            ผมรีบคว้ามือถือขึ้นมาดู แล้วปากมันก็ยิ้มขึ้นมาทั้งที่ยังมีความน้อยใจหลงเหลืออยู่

            แม้ไม่ใช่นาทีแรกก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคนที่รอก็ยังเป็นคนแรกที่มาอวยพรในวันพิเศษของผม

            Egg : สุขสันต์วันเกิดนะมึง อายุนำกูไปหนึ่งตัวเลขแล้วนะ ขอให้จากนี้ไปมีแต่วันดีๆ เป็นปีที่ดี ให้พบแต่ความสุขในทุกๆ วัน ขอบคุณมึงมากนะที่อยู่ข้างกูมาเสมอ และกูจะอยู่ข้างมึงตลอดไป

            Egg : ตั้งใจจะส่งให้เที่ยงคืนเป๊ะเลยนะแต่เผลอหลับ

            Egg : ขอโทษ

            Egg : เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปหา เอาของขวัญไปให้

            ผมอ่านข้อความที่ส่งมาด้วยจิตใจที่เบิกบาน แม้ไข่ต้มมันจะเผลอหลับแต่ยังมีความตั้งใจ เพราะฉะนั้นผมให้อภัยก็ได้

            S : ขอบคุณนะมึง

            S : รอของขวัญ

            แค่รอข้อความอวยพรยังตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าผมตื่นเต้นกับของขวัญจากเพื่อนสนิทขนาดไหน

            Egg : ยังไม่นอนอีก

            S : รอมึงไง

            Egg : ถ้ากูหลับยันเช้าก็จะรอยันเช้าเลย

            S : กูรอสิบนาทีแรก เมื่อกี้กำลังจะหลับพอดี โทษทีบอกไม่หมด

            Egg : งั้นไปนอนไป

            S : ไล่กันเฉย

            Egg : ก็มึงบอกกำลังจะหลับ

            S : ตอนนี้ตาสว่างแล้วไง รับผิดชอบด้วย

            Egg : แบบนี้ก็ได้เหรอ

            ผมนอนยิ้มค้างให้หน้าจอมือถือ มีความสุขจนอยากรู้ว่าไข่ต้มมันจะมีความสุขเหมือนผมไหม

            S : คอลได้มั้ย อยากเห็นหน้า

            Egg : เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปหาแล้วไง

            S : อยากเห็นตอนนี้ วันเกิดกูนะ ตามใจหน่อยดิ

            Egg : งั้นแป๊บนึง

            ผมหยิบสมอล์ทอล์คที่กองอยู่บนโต๊ะมาเสียบรอ เงียบไปไม่ถึงนาทีไข่ต้มมันก็วิดีโอคอลมา ผมรีบกดรับ แล้วความมืดสลัวก็โชว์บนหน้าจอ

            "ไม่เปิดไฟวะ" ผมถาม ก่อนมันจะว่ากลับมา

            [มึงก็ไม่เปิด]

            สรุปคือวิดีโอคอลกันก็มองไม่เห็นหน้ากันอยู่ดีเพราะปิดไฟคุย

            ทั้งที่ตอนกลางวันก็ได้เจอกัน และอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ก็จะได้เจอกันอีก แต่เราก็ยังสามารถหาเรื่องมาคุยกันได้ไม่หยุดปาก มันไม่ได้ตลกจนสร้างเสียงหัวเราะได้ตลอด หากแต่เป็นเรื่องราวระหว่างเราที่พบเจอมาและชวนให้ยิ้มได้ เรื่องธรรมดาๆ กับคนที่ทำให้วันพิเศษของผมพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก

 

            ผมจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนหลับไปตอนไหน แต่มั่นใจว่าเราหลับคาสายกันทั้งคู่ เวลาน่าจะตีสองโดยประมาณ โทรศัพท์มือถือที่ชาร์ตแบตเตอรี่ไว้จนเต็มแบตเกือบหมดเมื่อตื่นขึ้นมาดู และแน่นอนว่าผมตื่นสาย ไม่สายสิ เรียกว่าตื่นเที่ยงเลยจะดีกว่า

            นั่งงัวเงียอยู่บนเตียงสักพักผมก็ลุกไปอาบน้ำ ก่อนเดินหิวโซลงไปหาแม่ข้างล่าง เลยโดนป้าสมพรบ่นไปหนึ่งชุดที่ปลุกให้ไปใส่บาตรแต่ผมไม่ยอมตื่น เอาเป็นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมตื่นมาใส่บาตรซ่อมให้แล้วกัน

            มื้อเช้ากับเที่ยงของผมวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่แม่ซื้อไว้ให้ แม้ป้าสมพรแกจะทำขนมไทยขายเป็นอาชีพแต่นานๆ ทีถึงจะทำกับข้าวให้ลูกกิน ทำอาหารครั้งล่าสุดเมื่อไรผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน

            ระหว่างกินมื้อเที่ยงผมก็เปิดไลน์ส่งไปอรุณสวัสดิ์เพื่อนรักที่ไม่รู้ว่าป่านนี้ตื่นหรือยัง พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำแบบนี้มันทุกคืน

            วางมือถือบนโต๊ะเปลี่ยนมาจับช้อนส้อม ยังไม่ทันได้ม้วนเส้นเข้าปากข้อความจากไข่ต้มก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ผมเลยต้องวางส้อมแล้วหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าระหว่างเพื่อนสนิทกับปากท้องอะไรสำคัญกว่ากัน

            Egg : เดี๋ยวไปบ่ายๆ นะ เพิ่งตื่น

            S : ใกล้ถึงก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวออกไปรับ

            Egg : จะมาทำไม

            S : ก็อยากไป

            Egg : ไม่ต้อง เจอกันที่บ้าน ไปอาบน้ำละ

            ตอบผมกลับมาแค่นี้แล้วไข่ต้มมันก็หายไปเลย ผมส่งอะไรไปหาก็ไม่อ่านอีก แค่อยากเดินไปรับก็ไม่ได้

 

            หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จผมก็มานั่งทำหน้าที่อยู่หน้าร้านกับลูกจ้างอีกคน วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไร ขายไปเล่นมือถือไป พยายามหลอกถามไข่ต้มว่าถึงไหนแต่มันไม่ยอมตอบ จนเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นมันยืนอยู่หน้าร้านแล้ว มาพร้อมกับถุงของขวัญในเวลาบ่ายสองสี่สิบนาที

            ผมบอกลาหน้าร้านพาไข่ต้มขึ้นห้อง ใจเต้นตุบๆ แอบมองถุงใบโตที่มันหิ้วมาด้วย แต่พอมองดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร ซึ่งความจริงผมน่าจะดูออกตั้งแต่เห็นมันยืนอยู่หน้าร้านแล้วด้วยซ้ำ

            กล่องสี่เหลี่ยมแบบนี้เค้กแน่ๆ

            ไข่ต้มวางกล่องเค้กบนโต๊ะเขียนหนังสือ มันหันมายิ้มให้ก่อนจะเอ่ยถาม

            "ได้เป่าเค้กหรือยัง"

            "ยัง" ผมส่ายหน้า ตื่นนอนแล้วก็ลงไปกินข้าว จากนั้นก็นั่งขายขนมต่อ อ้อ โดนแม่บ่นที่ไม่ยอมตื่นไปใส่บาตรเมื่อเช้าด้วย

            ไข่ต้มพยักหน้ารับก่อนจัดการเปิดกล่องเค้กเอาเทียนเลขหนึ่งกับเลขแปดปักไว้ตรงกลาง จุดไฟแล้วยกเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มขนาดหนึ่งปอนด์มาตรงหน้าผม

            "ลืมปิดไฟว่ะ" บอกเองแล้วก็ขำเอง

            มันเดินไปปิดไฟก่อนเดินกลับมายืนตรงหน้าผมเหมือนเดิม แสงจากเทียนสองเล่มสว่างอยู่ตรงกลางระหว่างเรา คนถือเค้กยิ้มหวาน เจ้าของวันเกิดอย่างผมเลยยิ้มตามไปด้วย เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เป่าเค้กวันเกิดด้วยกันแบบนี้

            "อธิษฐานก่อนเป่านะมึง"

            ผมหลับตาอธิษฐานตามที่ไข่ต้มบอก...ขอแค่ให้ทุกวันนับจากนี้ไม่โหดร้ายเกินไป และมีคนตรงหน้าคอยอยู่ข้างๆ กันไปเรื่อยๆ ก็พอ

            เมื่อลืมตาขึ้นผมก็เป่าเทียนทั้งสองเล่มดับในครั้งเดียว แต่แสงสว่างที่หายไปไม่ได้ทำให้ห้องมืดสนิท ผมยังมองเห็นรอยยิ้มของคนที่ถือเค้กอยู่ได้ชัดเจน

            "กินเค้กก่อน" ไข่ต้มหมุนตัวจะเดินกลับไปที่โต๊ะแต่ผมจับไหล่เอาไว้ มันเลยหันกลับมามองอย่างงงๆ

            "ไม่เปิดไฟก่อนอะ"

            "มึงไปเปิดให้หน่อยดิ"

            "งั้นเดี๋ยวกินก่อนค่อยเปิด"

            ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกล้าหาญได้ขนาดนี้ มือที่จับไหล่เพื่อนสนิทไว้ปล่อยออกก่อนดันเค้กขึ้นจนเปื้อนคางคนถือ ไข่ต้มอ้าปากเตรียมจะโวยวายที่โดนแกล้ง แต่ต้องอึ้งอีกรอบเมื่อผมใช้นิ้วปาดหน้าเค้กป้ายปากมัน

            "ไอ้สัด เลอะเทอะ" มันว่าแต่ทำอะไรผมไม่ได้เพราะมือยังถือเค้กอยู่

            "ขอของขวัญหน่อย"

            "ก็เดี๋ยวจะให้ไง"

            "จะเอาตอนนี้"

            ไม่รอให้คนตรงหน้าเถียงอะไรต่อผมก็จับมือไข่ต้มที่ถือเค้กทั้งสองข้างไว้ก่อนขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วเลียเนื้อครีมที่เลอะอยู่ตรงปาก ผมไม่รู้ว่ามันอึ้งจนสติหลุดไปแล้วหรือเปล่าถึงได้ยืนตัวแข็งขนาดนี้ แต่ในเมื่อไม่ห้ามก็ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องหยุด

            ผมแนบริมฝีปากลงไปหลังจากเลียเนื้อครีมจนหมด จูบเนิบนาบแบบค่อยเป็นค่อยไป สารภาพตามตรงว่าผมเองก็ยังไม่เคยจูบใครเหมือนกัน ตั้งใจเก็บจูบแรกไว้ให้เพื่อนสนิทคนนี้โดยเฉพาะ และผมภูมิใจมากที่ทำสำเร็จ

            ผละริมฝีปากออกแล้วแต่ผมยังอ้อยอิ่งไม่ถอยห่างออกมาจากเดิมนัก ขยับเข้ามาใกล้กันขนาดนี้ป่านนี้เสื้อเราสองคนคงเลอะเค้กหมดแล้วล่ะมั้ง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรใส่ใจ

            "อีกครั้งได้มั้ย" ถามออกไปด้วยความโลภมาก เมื่อได้ครั้งหนึ่งแล้วย่อมไม่เคยพอ

            "วางเค้กก่อน" แม้คำตอบไม่ตรงคำถามแต่มันก็คือการอนุญาต ผมปล่อยมือให้ไข่ต้มมันเอาเค้กไปวาง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เนื้อเค้กเปื้อนเสื้อเราทั้งคู่

            ผมเดินตามไปยืนซ้อนหลัง พอไข่ต้มหันกลับมาก็เท้าแขนกับโต๊ะเพื่อขังมันไว้ คนถูกจู่โจมไม่ว่าอะไร แต่น่าเสียดายที่ผมมองไม่เห็นว่าตอนนี้หน้ามันแดงอยู่หรือเปล่า หรือผมควรจะเดินไปเปิดไฟก่อนดี

            "จูบแรกของกูเลยนะ" บอกอย่างภาคภูมิใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

            "กูควรดีใจมั้ย"

            "จะโพสต์ไอจีก็ได้ไม่ว่า"

            ไข่ต้มไม่เถียงต่อเพราะผมไม่เปิดโอกาสให้เถียง รวบกอดมันไว้แล้วกดจูบอีกครั้ง ไม่ได้ลึกซึ้งกว่าครั้งแรก แต่หอมหวานไม่แพ้จูบติดรสช็อกโกแลตแบบครั้งแรกเลย

            จูบที่ผมตั้งใจขโมยเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง

 

            เพราะทำเค้กเปื้อนเสื้อเราเลยต้องเปลี่ยนเสื้อกันทั้งคู่ ไข่ต้มมันทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมประมาณสองวินาทีหลังจากเปิดไฟแล้วเห็นเสื้อสีขาวเปื้อนเป็นรอยสีน้ำตาลเข้ม ก่อนสีหน้าหงุดหงิดนั้นจะเปลี่ยนนิ่งเฉยอย่างคนที่พยายามเก็บอาการเขินอายแทน

            ผมไม่ได้ถามหรอกว่าจูบครั้งแรกของเรามันดีไหมหรือทำมันอึดอัดหรือเปล่า ผมรู้ตัวแล้วว่ามันเป็นคำถามที่โง่มากสำหรับคนนิสัยแบบไข่ต้ม เพราะถ้ามันรู้สึกแย่คงไม่ยอมให้ผมจูบเป็นครั้งที่สองแน่ๆ

            เค้กที่ถูกทารุณจนเละไม่เป็นก้อนถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ผมกับไข่ต้มนั่งอยู่บนเตียงหลังจากเปลี่ยนเสื้อเสร็จ เตรียมตัวสำหรับพิธีมอบของขวัญวันเกิดที่แท้จริง

            ไข่ต้มยื่นกล่องสีดำขนาดเท่าการ์ดมาให้ มันเบามากจนผมเดาไม่ออกเลยว่าข้างในจะเป็นอะไร ของขวัญอะไรบ้างที่มีขนาดประมาณนี้หรือของอะไรที่พอจะยัดลงไปในกล่องนี้ได้กัน

            "เปิดได้มั้ย"

            "แล้วแต่มึงดิ"

            "งั้นกูเปิดเลยนะ"

            "อืม"

            ผมค่อยๆ ดึงฝากล่องออกด้วยความตื่นเต้น ข้างในเป็นกระดาษการ์ดสีขาวที่เขียนข้อความด้วยลายมือเอาไว้ ผมคว่ำกล่องใส่มือเพื่อจะดูการ์ดทั้งหมด แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ไม่สามารถหุบยิ้มได้

            "ลอกกูนี่หว่า" ผมว่า จำได้ว่าวันเกิดมันเมื่อปีใหม่ผมให้บัตรขออะไรก็ได้แต่มันยังไม่ได้ใช้เลย

            "ลอกแต่ก็พิเศษกว่านะเว้ย มึงให้ใบเดียว ของกูตั้งหลายใบ"

            "ก็พิเศษจริงแหละ"

            จะว่าไปของขวัญของไข่ต้มก็ไม่ได้เหมือนของขวัญที่ผมให้มันเสียทีเดียว ของขวัญชิ้นนี้เป็นบัตรอนุญาตให้ผมทำอะไรบางอย่างที่ไข่ต้มรู้ว่าผมอยากทำกับมัน มีหลากหลายการกระทำ รวมกันประมาณยี่สิบใบได้

            "ใช้อันนี้เลยได้มั้ย" ผมชูการ์ดที่เขียนเหมือนกันสี่ใบให้มันดู แต่ไข่ต้มมันกลับดึงไปสองใบเสียอย่างนั้น

            "อันนี้ต้องยึดสองใบ"

            "ได้ไงวะ"

            "ก็มึงทำไปแล้วสองครั้ง"

            "ไม่นับดิ!" ไม่โวยวายไม่ได้หรอกแบบนี้ มีอย่างที่ไหนมายึดบัตรอนุญาตให้จูบของผม

            ไข่ต้มยิ้มขำ มันไม่ยอมคืนการ์ดให้ผมแล้ววางแอบๆ ไว้ข้างตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่ทำให้ผมตั้งใจฟังตามไปด้วย

            "มึงอะชอบขอก่อนเวลาจะทำอะไร ทั้งที่กูก็บอกไปแล้วว่าทำให้ในสิ่งที่อยากทำแต่มึงก็ขาดความมั่นใจทุกที กูเลยเขียนสิ่งที่คิดว่ามึงอยากจะทำใส่การ์ดให้ จะได้ยื่นการ์ดให้แทนไม่ต้องขอเพราะกูอนุญาตแล้ว แต่จริงๆ กูว่าไอ้การ์ดพวกนี้มันก็ไม่ได้จำเป็นเท่าไรหรอก"

            มีแต่คำว่าน่ารักลอยเต็มหัวผมไปหมดกับการพูดถึงที่มาของของขวัญชิ้นนี้ ผมหยุดยิ้มไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากหยุดยิ้มด้วย อยากให้ไข่ต้มมันรู้ว่าผมดีใจที่ได้ของขวัญชิ้นนี้จากมันขนาดไหน แม้มันจะบอกว่าไม่จำเป็นก็เถอะ

            "กูจะใช้ให้ครบเลย ขอการ์ดจูบสองอันคืนด้วย"

            "ก็บอกว่าจริงๆ มันก็ไม่ได้จำเป็นไง"

            "ถ้างั้นการ์ดอันนี้ก็เก็บไว้ใช้ทีหลังแล้วกัน" ผมชูการ์ดจูบอีกสองใบในมือให้ไข่ต้มดูแล้วเก็บใส่กล่องรวมกับการ์ดอื่นๆ ก่อนลุกเอาไปเก็บใส่ลิ้นชักข้างเตียงไว้อย่างดี

            ขากลับมาที่เตียงผมก็แวะตัดเค้กชิ้นเล็กๆ ใส่กล่องกระดาษที่ฉีกมาทำเป็นจาน ไข่ต้มมองตามและคงเข้าใจดีว่าผมจะทำอะไร

            "กินเค้กกัน" ผมตักเค้กป้อนไข่ต้ม ให้กินดีๆ หนึ่งคำ พอคำต่อมาก็แกล้งทำเลอะแก้มมันเลยโดนทำหน้าดุใส่ แต่เมื่อผมวางเค้กไว้แล้วขยับเข้าไปใกล้คนตรงหน้าก็ค่อยๆ หลับตาลง

            สัมผัสครั้งที่สามของรสช็อกโกแลต

            ของขวัญวันเกิดปีที่ดีที่สุดของผม

 

            การ์ดอนุญาตที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมพกติดตัวไว้ตลอดเวลา แม้จะได้ใช้บ้างไม่ได้ใช้บ้าง ส่วนมากครั้งที่ได้ใช้มักเป็นตอนที่ผมอยากแกล้งไข่ต้มมากกว่า เพราะเวลาหยิบการ์ดพวกนี้ออกมาทีไรมันชอบทำนิ่งใส่ เป็นอาการที่ดูยังไงก็รู้ว่ากำลังซ่อนอาการเขิน

            ผ่านวันเกิดผมมาเหลืออีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมสอง เป็นช่วงปิดเทอมหนึ่งเดือนที่เราได้เจอกันบ่อยมากเลยก็ว่าได้ บ่อยกว่าทุกปิดเทอมที่ผ่านมา มันจึงพิเศษกว่าปิดเทอมครั้งไหนๆ

            "มึง" ผมเรียกไข่ต้มที่กำลังใส่รองเท้าก่อนยื่นการ์ดขออนุญาตจับมือให้มัน

            เจ้าของชื่อทำหน้านิ่งใส่ตอนรับการ์ดใบนั้นไป ก่อนจะวางมือลงบนมือของผม จับประสานไว้ และก้าวเดินไปพร้อมกัน

            วันนี้ไม่มีเรียนพิเศษแต่ผมยังแวะมาหาไข่ต้มที่บ้านด้วยเหตุผลเดียวคืออยากเจอ อยู่ด้วยกันจนพ่อกับแม่มันกลับมาผมถึงได้ขอตัวกลับ เจ้าของบ้านเดินออกมาส่ง ผมเลยใช้โอกาสนี้ใช้การ์ดขออนุญาตแม้มันเคยบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ตาม แต่ไหนๆ ให้มาแล้วไม่ใช้ก็เสียของเปล่าๆ

            ผมแกว่งมือที่จับกันไว้เบาๆ ไปตามจังหวะการเดิน มีความสุขมากจนอยากให้ทุกคนบนโลกนี้ได้รับรู้ น่าเสียดายที่แถวนี้มีคนเดินผ่านไปมาไม่มากนัก

            "มีมึงความสุขมั้ย" ผมถาม ไข่ต้มมันหันมาเลิกคิ้วใส่

            "อยู่ๆ ก็ถาม"

            "กูอยากรู้"

            "ก็ต้องมีดิ"

            "มากมั้ย"

            "อืม"

            "มากพอหรือยัง"

            แม้ใจจะคิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ดีแล้ว แต่ผมก็ยังกลัว กลัวว่าความสุขจะหายไป กลัวว่าถ้าไม่ชัดเจนสักที่จะมีใครมาพรากมันไปจากผมอีก ถึงได้ถามย้ำมันอยู่บ่อยๆ

            ไข่ต้มอมยิ้ม มันบีบมือผมเบาๆ ก่อนคลายออก แล้วก็เป็นคนออกแรงแกว่งมือเสียเอง

            ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดกับคำถามข้อนี้อีกเหมือนเคย ถึงอย่างนั้นการแสดงออกแทนคำพูดมันก็ช่วยให้ผมอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง

            คนที่เคยปิดประตูใส่ทุกคนที่พยายามเข้าหา คนที่เคยปฏิเสธทุกคำสารภาพอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีการให้โอกาส คนที่ไม่เคยสนใจทุกอย่างรอบตัว คนคนนั้นที่กำลังยืนอยู่ข้างผม จับมือผมและเดินไปด้วยกัน ผมที่ได้โอกาสมากกว่าใครทุกคนที่เคยผ่านเข้ามา ต้องบอกตัวเองให้จำเอาไว้ว่าผมคือคนที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็แค่ทนรออีกนิดจะเป็นไรไป

            รอเวลาที่เพื่อนคนนี้จะพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง

            เดินมาถึงป้ายรถเมล์ผมก็ปล่อยมือไข่ต้มออก ยืนรอได้ไม่นานรถเมล์ก็มา ผมวางมือบนหัวมันแล้วบอกลา

            "เดินกลับบ้านดีๆ"

            "ถึงบ้านแล้วบอกด้วย"

            "อืม"

            ยีผมมันเบาๆ ก่อนผละไปขึ้นรถที่มาจอดเทียบป้ายพอดี ไข่ต้มทำหน้ายุ่งตอนจัดทรงผมใหม่ แต่เมื่อเงยหน้ามาเห็นผมยิ้มให้มันก็ยิ้มตอบ ก่อนยกมือโบกลาขณะที่รถเมล์เคลื่อนออกจากป้ายพอดี

 
tbc.


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-01-2019 21:24:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

อั๊ยยยย  เขาจูจุ๊บกัน  อิอิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 19-01-2019 21:52:15
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 19-01-2019 22:57:14
แง้ จูบกันแล้ววว
อย่าเพิ่งแยกกันเลย้นาาา.อยู่แบบนี้ไปนานๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-01-2019 02:03:05
ใกล้จะได้คำตอบแล้วรึยังนะะะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-01-2019 09:12:13
ก้าวหน้าๆความกวังใกล้เปนจริงแล้ว อีกนิดนึง
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 23 วันพิเศษของผม <<< [19/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 20-01-2019 12:41:05
รอดูพัฒนาการต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 26-01-2019 19:51:57

ไข่ฟองที่ 24
น้องแตงโมคนเดิม


            ปิดเทอมผ่านพ้นไปเหมือนกะพริบตาไม่กี่ครั้งเวลาก็ไหลผ่านไปหนึ่งเดือน เมื่อเปิดเทอมสองก็เข้าสู่ช่วงกีฬาสี ไข่ต้มตอบตกลงคำขอของอาจารย์ยอมเป็นคนถือป้ายโรงเรียนนำขบวนพาเหรด มีการประชุมคณะสีตามตารางเรียนที่ถูกจัดให้เป็นทุกเย็นวันศุกร์ วันนี้จึงเป็นวันแรกที่คณะสีนิลุบล หรือสีฟ้าได้มาเจอกันครั้งแรกในรอบปีการศึกษา

            หน้าที่ดูแลน้องๆ รวมถึงตำแหน่งประธานสีเป็นของ ม.ห้า พี่ ม.หกอย่างพวกผมกลายเป็นที่ปรึกษาหรือประสานงานเล็กๆ น้อยๆ เพราะต้องทุ่มเวลาให้กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบมากกว่ามุ่งเน้นด้านกิจกรรม แต่คนที่ชอบทำกิจกรรมมากกว่าและเสนอตัวช่วยทุกอย่างก็มี ซึ่งไม่ใช่ผมแน่นอน

            วันแรกของการเข้าประชุมคณะสีเป็นการเลือกตัวแทนเพื่อจัดการในด้านต่างๆ หาเชียร์ลีดเดอร์ สแตนเชียร์ นักกีฬา และคนเดินพาเหรด เป็นความวุ่นวายที่ชวนให้ปวดหัวไม่น้อย ต้องมีบังคับขู่เข็ญกันบ้างถึงจะมีคนยอมทำ อีกหนึ่งความยากของคนที่ทำหน้าที่ควบคุม

            น้อง ม.ห้าที่ทำหน้าที่หานักกีฬามาเดินวนเวียนแถวกลุ่มเด็ก ม.หก หลังจากเปิดรับให้น้องๆ ลงชื่อสมัครกีฬาที่อยากเล่นไปเมื่อครู่ แต่ดูเหมือนว่ารายชื่อจะยังขาดบางรายการ

            "ขาดอะไร"

            เพื่อนผมที่มันประธานสีปีที่แล้วเรียกน้องมาถาม มันน้องก็ส่งกระดาษรายชื่อให้ดู แล้วคำถามก็ถูกส่งมาให้ผม

            "ซอส มึงลงเปตองมั้ย"

            เปตองเป็นกีฬาที่ ม.หกได้เรียนเมื่อเทอมที่แล้ว แถมผมยังโยนแม่นอันดับต้นๆ ของห้องเสียด้วย แต่ผมคงไม่ตอบตกลงหรอกถ้าคนข้างๆ ไม่พูดขึ้นมา

            "ลงดิ เดี๋ยวกูไปเชียร์" จะได้เวลาโชว์ความเก่งกาจให้คนที่ชอบได้ดูก็คราวนี้ แม้มันจะเป็นของเคยๆ ก็เถอะ

            "เอาดิ"

            "มีกู มึง แล้วก็ไอ้เหม โอเคนะ"

            "เออ" ผมตะโกนตอบกลับไป

            สงสัยคงต้องหาเวลาไปฝึกซ้อมเยอะๆ เสียแล้ว ถ้าได้เหรียญทองผมจะเอาให้คนที่บอกจะไปเชียร์

            โรแมนติกเป็นบ้า

 

            หลังจากประชุมเชียร์ครั้งแรกสัปดาห์ต่อมาตารางแข่งขันกีฬาทุกประเภทก็ประกาศ การแข่งขันรายการเล็กๆ ที่คนไม่ค่อยสนใจจะจัดแข่งตั้งแต่รอบแรกถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนวันงานกีฬาสี ส่วนรายการใหญ่ๆ นั้นแข่งรอบชิงชนะเลิศวันงาน ซึ่งกีฬาที่ผมลงแข่งนั้นรวมอยู่ในกลุ่มแรก

            รอบแรกสีฟ้าของผมเจอกับสีเหลือง ได้ข่าวว่าเป็น ม.หกเหมือนกันที่ลงแข่ง ก็แน่ล่ะ เรียนพร้อมกันทั้งชั้นปีเมื่อเทอมที่แล้ว จะมีใครเชี่ยวชาญกว่า ม.หกได้อีก กีฬาชนิดนี้แม้ไม่ได้ออกแรงเยอะแต่ต้องใช้สมาธิกับความแม่นยำสูง จะเรียกว่าศึกแห่งศักดิ์ศรีของ ม.หกเลยก็ว่าได้

            แต่ถึงจะบอกว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี เรื่องนี้คงมีผมคิดเองเออเองให้เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ไปคนเดียว เพราะเอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้คิดจริงจังเท่าไร พักเที่ยงวันพฤหัสบดีนี้จะถึงวันที่ต้องแข่งแล้ว หรือก็คือเหลือเวลาอีกสองวัน แต่พวกผมยังไม่ได้นัดซ้อมกันสักครั้งเลยเดียว

            "ไม่ซ้อมเหรอ" ไข่ต้มถามหลังการเรียนการสอนคาบสุดท้ายจบลง มันทำหน้าสงสัยขณะมองผมเก็บของใส่กระเป๋า

            "ไอ้ประธานมันนัดเจอวันแข่งเลย"

            "มั่นใจอะไรขนาดนั้น"

            "ไม่ได้มั่นใจ ขี้เกียจมากกว่า"

            "แพ้ตั้งแต่รอบแรกจะด่าให้"

            "เครียดกว่าคนแข่งอีกมึงเนี่ย" ผมดึงแก้มคนทำหน้าบึ้งอย่างนึกมันเขี้ยว ไข่ต้มปัดมือผมออก ทำขมวดคิ้วใส่ไม่เลิก

            "สีเหลืองนี่ห้องสี่ใช่มั้ย ได้ข่าวว่าเก่ง"

            "ห้องห้าเถอะ ห้องสี่สีเขียว" ผมเถียง พอรู้มาเหมือนกันว่าห้องสี่ที่อยู่สีเขียวฝีมือร้ายกาจพอสมควร แต่ผมก็เก่งไง ไม่กลัว

            "อ้าวเหรอ" แล้วคนที่จำผิดก็ทำหน้าสบายใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

            "นี่มึงกลัวแค่ห้องสี่เหรอ ดูถูกฝีมือห้องอื่นว่ะ"

            "ก็เห็นมีแต่คนบอกว่าเก่ง ไม่อยากให้มึงแพ้ตั้งแต่รอบแรกไง"

            "เป็นห่วงด้วย"

            "อายห้องอื่นเขา"

            "ปากแข็ง"

            "เหรอ แข็งเหรอ" ถามแล้วยิ้มกวนประสาท ไข่ต้มมันรู้ว่าผมไม่ทำตัวประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะที่เต็มไปด้วยผู้คนแบบนี้แน่ๆ เลยกล้าพูด แต่ในห้องนี้ก็เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจก็ได้มั้ง

            "แข็งมั้ยนะ ขอพิสูจน์อีกทีได้มั้ย" ผมแกล้งขยับเข้าไปใกล้ไข่ต้มมันก็ถอยออกห่างพร้อมกับส่งสายตาขู่

            แกล้งคนได้สำเร็จผมก็ถอยออกมา เพื่อนในห้องไม่มีใครสักคนที่สนใจเรา เลิกเรียนแล้วก็ทยอยกันเก็บของออกจากห้อง ไม่รีบไปเรียนพิเศษต่อก็คงไปดูแข่งบาสเกตบอลชายรอบแรกที่สีฟ้าเจอกับสีชมพู สีตัวเองแข่งทั้งทีผมว่าจะชวนไข่ต้มไปเชียร์อยู่เหมือนกัน

            "มึงรีบกลับมั้ย"

            "ไม่อะ มึงจะไปไหน"

            "จะชวนไปดูบาส"

            "สีอะไรแข่ง"

            "ก็สีเราไง"

            "อ๋อ อืม ไปดิ" มันพยักหน้ารับถี่ๆ ก่อนเราจะเดินลงจากอาคารพร้อมกัน

 

            ข้างสนามบาสเต็มไปด้วยกองเชียร์ที่ไม่ใช่เฉพาะคนของสีฟ้ากับสีชมพู คนเยอะจนผมเกือบจะถอดใจกลับเพราะไข่ต้มมันคงไม่เบียดใครเข้าไปดู แต่โชคดีที่เพื่อนในห้องผมมันนั่งจับกลุ่มกันอยู่ใกล้ๆ ที่พักนักกีฬาสีฟ้าพวกมันเลยชวนให้ไปนั่งด้วยกัน

            ผมมองสำรวจนักกีฬาของทั้งสองสีที่มีคละเคล้ากันไปหลายชั้นปี คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็มีอยู่เยอะ ทั้งคนดังของโรงเรียน นักกีฬาโรงเรียน รวมถึงคนที่หาญกล้าเคยเข้ามาลองกะเทาะเปลือกไข่ก็ด้วย

            การแข่งขันระหว่างสีฟ้ากับสีชมพูเริ่มขึ้นและเป็นไปอย่างสูสี และถ้ามองไม่ผิดล่ะก็ผมว่าน้อง ม.ห้าที่อยู่สีเดียวกันมันกำลังเล่นโชว์ออฟให้ใครบางคนดูอยู่แน่ๆ สายตาหลังเลนส์แว่นของน้องมันมองมาที่กลุ่ม ม.หกบ่อยๆ ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าน้องมันกำลังมองใครถ้าไม่ใช่คนที่นั่งข้างผม เพราะน้องคนนี้มันเคยจีบไข่ต้มเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ผมดันจำชื่อไม่ได้นี่สิ

            "มีคนมองมึง"

            "อืม" คนข้างๆ ครางรับทันทีที่ผมบอก รู้ตัวเสียด้วย

            "น้องมันเคยจีบมึง"

            "แค่จะจีบ" คำตอบของเพื่อนสนิททำผมแปลกใจ ไม่คิดว่ามันจะจำรายละเอียดได้ ถึงขนาดรู้ว่าน้องเขายังไม่ทันได้จีบ แต่ก็ลืมคิดไป ในโรงเรียนนี้เคยมีใครได้จีบมันบ้างนอกจากผม

            "ชื่ออะไรนะกูจำไม่ได้" ผมแกล้งถาม แล้วมันก็ตอบได้อย่างง่ายดายเหมือนเป็นญาติน้องเขายังไงยังงั้น

            "โม"

            "มีความใส่ใจ"

            "เข้ามาถามว่ากูเลิกกับแฟนหรือยัง ใครจะจำไม่ได้วะ"

            "อ๋อ น้องมันเล่นดีนะ" คำอธิบายของมันทำให้ผมนึกออกทันที แล้วก็ต้องรีบเบี่ยงออกจากประเด็นแฟนเก่าเพราะผมไม่อยากให้ไข่ต้มมันนึกถึงเท่าไร

            "อืม ก็ดี"

            เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อเพราะการแข่งขันในสนามกำลังดุเดือด ทั้งสองสีผลัดกันรุกผลัดกันรับ สลับกันทำแต้มไม่ได้ทิ้งห่างกันนัก ทำเอากองเชียร์ของทั้งสองฝั่งหายใจไม่ทั่วท้อง แต่คะแนนของสีฟ้าที่ขึ้นนำเพียงน้อยนิดไม่ได้ทำให้ผมหนักใจเท่าฟอร์มการเล่นของไอ้น้องโมอะไรนั่น เล่นดีมากเหมือนรอเวลานี้มานาน สายตาน้องมันยังมองมาที่ไข่ต้มบ่อยๆ ไม่รู้ได้สบตากันไปกี่ครั้งน้องมันถึงได้มีพลังกายพลังใจเต็มเปี่ยมขนาดนี้

            ก่อนที่จะได้ระลึกถึงวีรกรรมอันหาญกล้าของน้องมันตอนเข้ามาจีบไข่ต้มผมไม่ได้กังวลอะไรเลยสักนิด แต่พอรู้ว่าเป็นคนที่เข้ามาทักเรื่องพี่อ๋องอยู่ๆ ก็คิดมากขึ้นมาเสียอย่างนั้น ตอนนั้นน้องมันยอมถอยเพราะไข่ต้มยืนยันว่ามันกับพี่อ๋องยังไม่เลิกกัน แล้วถ้าหากเป็นตอนนี้ล่ะ ตอนนี้ที่ตำแหน่งคนสำคัญมันว่างแล้ว น้องมันยังคิดจะเข้าหาอยู่อีกหรือเปล่า ซึ่งเปอร์เซ็นต์ที่ผมคิดไว้ว่าน้องมันจะเข้าหานั้นเกินร้อยเปอร์เซ็นต์

            การแข่งขันจบลงโดยที่สีฟ้าสามารถเอาชนะสีชมพูได้เพียงห้าคะแนน นักกีฬากลับเข้าข้างสนาม คนดูแยกย้าย ผมรีบชวนไข่ต้มกลับ แต่กลับช้ากว่าน้องโมที่วิ่งเข้ามาหาเพื่อนผมทันทีที่การแข่งขันจบ

            "พี่ไข่ต้มครับ"

            "ครับ" เจ้าของชื่อยืนประจันหน้ากับคนเรียก น้องโมยิ้มหวาน แต่คงไม่ได้ดีใจเพราะแข่งชนะเพียงอย่างเดียวแน่นอน

            "พี่จำผมได้มั้ย"

            "ได้ครับ"

            ก็ปากหมาหาว่าพี่เลิกกับแฟนทำไมจะจำไม่ได้...อันนี้ผมเติมให้เองในใจ

            "พี่สบายดีนะ" ไอ้น้องโมมันเริ่มถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาคนที่เคยเจอกันครั้งสองครั้ง

            "ครับ สบายดี"

            "อ่า...ผมจะเริ่มไงดี คือครั้งก่อนพี่จำได้มั้ยที่ผมถามพี่เรื่องแฟน"

            เคยเป็นคนตรงประเด็นยังไงก็ยังคงเป็นแบบนั้น น้องมันเลิกยิ้มแล้วทำหน้าจริงจังแทน ส่วนเพื่อนสนิทผมยังนิ่งเหมือนเดิม

            "ถ้างั้นตอนนี้ผมจีบพี่ได้หรือยังครับ" คำถามของน้องมันชวนให้คนที่บังเอิญได้ยินหยุดมอง รวมถึงเพื่อนๆ ห้องผมที่ยังไม่ได้เดินไปไหนไกลตั้งแต่เห็นน้องโมมันเข้ามาหา จนกลายเป็นว่ามีผู้คนรุมล้อมเป็นจุดสนใจไปเสียอย่างนั้น

            สารภาพตามตรงเลยว่าผมเริ่มใจไม่ดี แม้จะพิเศษกว่าคนอื่นแต่สถานะของผมยังไม่ชัดเจนและยังมีคำว่า ‘เพื่อนสนิท’ กำกับไว้อยู่ เพราะไม่ใช่คนที่ถูกเรียกว่า ‘แฟน’ ย่อมไม่ผิดหากไข่ต้มจะเปิดโอกาสให้ใครคนอื่นได้เหมือนกัน รู้ว่าคิดมากไป แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ

            ผมได้แต่ยืนรอนิ่งๆ ให้คนสองคนตัดสินเรื่องความรู้สึกกันเอาเอง ไข่ต้มไม่ได้หันมามองผม ไม่ได้หันมาขอความเห็นหรือขอความช่วยเหลือเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็น ผมทำได้เพียงยืนหลบอยู่ด้านหลัง และรอรับฟังเหมือนคนอื่นๆ เท่านั้น

            "พี่คงห้ามไม่ให้จีบไม่ได้หรอกครับ แต่พี่มีคนในใจอยู่แล้ว คิดว่าน้องคงเข้าใจนะว่าพี่หมายความว่ายังไง" ทิ้งจังหวะให้พอได้ลุ้นก่อนไข่ต้มจะตอบออกไป สีหน้าน้องมันดูแปลกใจ รวมถึงทุกคนที่อยู่ตรงนี้ด้วย

            "เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ เพิ่งเดือนกว่าๆ เอง" น้องโมพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่ฟังดูแล้วไม่ใช่ความหมายที่ดีเท่าไรนัก กับเวลาไม่ถึงสองเดือนที่เพิ่งเลิกกับคนเก่าแล้วมีคนใหม่

            "ถ้าน้องคิดว่าตัวเองเข้ามาเร็วแล้วก็ยังมีคนที่เร็วกว่าน้องล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ไปก่อนนะ" ตัดจบเพียงเท่านี้ไข่ต้มมันก็หันมาพยักหน้าเรียกผมก่อนเดินแหวกฝูงชนออกมา

            ผมเดินไปขนาบข้างมันก่อนหันไปมองข้างหลัง ไทมุงสลายตัวแล้ว น้องโมก็ดูไม่ได้หัวเสียกับการถูกปฏิเสธเท่าไรนัก เหมือนแค่อยากเข้ามาลองเมื่อมีโอกาส แต่เมื่อไม่ได้ก็ไม่ดื้อด้านเช่นเดียวกับครั้งก่อน ซึ่งมันช่วยตกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าผมวิตกจริตแค่ไหน รู้สึกโมโหที่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลย

            "เครียดอะไร" เดินมาถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนผมก็โดนไข่ต้มกระทุ้งศอกใส่ แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมาสักพักแล้ว

            "เปล่า"

            "คิดว่าเชื่อมั้ย"

            "ไม่"

            "เป็นอะไร เรื่องเมื่อกี้?"

            "อืม แค่คิดอะไรนิดหน่อย" เดาถูกขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว แต่ผมไม่อยากเล่าเลยเดี๋ยวโดนมันว่าอีก

            "เรื่องกู หรือน้องโม"

            "ทั้งสอง"

            "เมื่อไรจะเลิกคิดมาก" ไข่ต้มกระทุ้งศอกใส่สีข้างผมอีกรอบ

            "ไม่ได้อยากคิด"

            "งั้นก็เลิกคิด เดี๋ยววันนี้กูไปส่ง" มันเอามือมาแตะหลังมือผมหนึ่งครั้งพร้อมกับยิ้มหวานให้ รู้ดีว่าทำยังไงแล้วผมจะรู้สึกดีขึ้น

            ผมไม่ตอบอะไรเพราะไข่ต้มมันไม่ได้ขออนุญาตเพียงบอกให้ฟังว่าจะทำอะไรหลังจากนี้ ซึ่งผมไม่ขัดความต้องการมันอยู่แล้ว เราสบตากันอยู่สักพักก่อนจะหันหนี ไม่อยากแสดงออกชัดเจนให้คนอื่นรู้ว่าระหว่างเราเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ไม่เชิงว่าไม่พร้อมเปิดเผยแต่ผมไม่อยากให้ใครมองไข่ต้มไม่ดี ก็อย่างที่ไอ้น้องโมพูดก่อนหน้านี้ มันคงจะเร็วเกินไปถ้าไข่ต้มจะเริ่มใหม่กับใครสักคน และที่สำคัญคนคนนั้นดันเป็นเพื่อนสนิทตัวเอง

 

            ผมทิ้งไข่ต้มไว้บนห้องหลังกลับมาถึงบ้าน เพราะลืมเสบียงเลยต้องเดินลงไปเอาอีกรอบ พอกลับขึ้นมาไข่ต้มมันก็รีบชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่บนเตียง ผมไม่ได้แต่เปิดเสียงแต่สัญลักษณ์บนหน้าจอก็ทำให้รู้ว่ามีคนโทรมา

            พี่ซีอิ๊ว

            กดตัดสายทันทีแบบไม่ต้องคิดเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร แต่ยังไม่ทันวางมือถือลงพี่ซีอิ๊วก็โทรมาอีกรอบ ผมก็ลืมไปเลยว่าคนอย่างพี่สาวคนนี้ขี้ตื๊อขนาดไหน ถ้าไม่รับไม่ตอบก็จะโทรมันอยู่อย่างนั้น ไม่งั้นก็ต้องปิดเครื่องหนี บอกตามตรงว่าผมไม่อยากรับสายพี่ตอนไข่ต้มอยู่เลย

            "รับดิ เดี๋ยวกูออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้"

            "ไม่ต้อง" ผมรีบเรียกไว้ก่อนไข่ต้มมันจะเดินออกไปนอกห้องจริงๆ แล้วกดรับสายจากพี่ที่ต้องบ่นผมตั้งแต่คำแรกแน่ๆ

            [ตัดสายพี่ทำไมฮะ!] หน้าพี่ซีอิ๊วโชว์ขึ้นหน้าจอพร้อมกับประโยคที่ผมคิดเอาไว้ โทรเฉยๆ ไม่ได้ถึงกับวิดีโอคอลมาเลย

            "ก็ไม่สะดวกรับไง" ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ กดเปิดกล้อง ตั้งมือถือพิงชั้นใส่ของเล็กๆ ไว้ ตั้งใจไม่หันกล้องเข้าหาคนที่นั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียง

            [ทำอะไรถึงไม่สะดวก พี่ไลน์หาแกเป็นสิบไม่เห็นตอบ]

            "ก็ไม่เห็นไงถึงไม่ได้ตอบ เพิ่งกลับมาถึงบ้างเอง"

            [เออ แล้วยังไง เรื่องเพื่อนคนนั้นไปถึงไหนแล้ว]

            เรื่องที่พี่จะโทรมาวุ่นวายผมย่อมหนีไม่พ้นเรื่องไข่ต้มอยู่แล้ว ผมรู้ดีถึงไม่ค่อยอยากรับ แม้ไม่ได้อยากปิดบังไข่ต้มมันก็เถอะ แต่มาพูดถึงตอนเจ้าตัวนั่งอยู่ด้วยแบบนี้มันก็แปลกๆ ไง หยิบสมอลทอล์กมาเสียบตอนนี้ทันไหม

            "ก็ปกติดี"

            [ปกติยังไงล่ะ จีบไปถึงไหนแล้ว]

            "ก็ไกลแล้วมั้ง"

            [ไกลยังไง ตอบมันให้รู้เรื่องหน่อย]

            ผมไม่กล้าหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงเลยจริงๆ เพราะกลัวพี่ซีอิ๊วรู้ว่ามีใครอยู่ในห้องแล้วพูดมากกว่าเดิม

            "ก็ดีนั่นแหละ ก็ไปเรื่อยๆ อืม...ก็ดี" จะถามอะไรมาผมก็ตอบได้เพียงเท่านี้แหละ พี่ซีอิ๊วยังทำหน้าไม่พอใจในคำตอบ ส่วนอีกคนในห้องกลับขำออกมาเสียอย่างนั้น ขำออกเสียงด้วย

            ผมเหลือบมองคนบนเตียงที่นั่งเอามือปิดปาก ตาหยีเป็นสระอิเพราะยังยิ้มอยู่ แล้วคนหูดีอย่างพี่ซีอิ๊วก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ นั่นจนได้

            [เสียงใคร]

            "เสียงใครล่ะ"

            [เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียง แกอยู่กับใคร]

            ผมเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วถอนหายใจ หันมองไข่ต้มที่ขยับปากพูดว่า ‘ก็บอกไปดิ’ แบบไม่มีเสียงก่อนหันกลับมามองหน้าจออีกรอบ พี่ซีอิ๊วกำลังรอคำตอบอยู่

            [แอบซุกใครไว้]

            "ไข่ต้มไง"

            [เดี๋ยวๆๆ ไหน]

            พี่ซีอิ๊วทำท่าชะเง้อมองหา ผมเลยหันกล้องไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วเสียงแหลมๆ ของพี่ก็ดังออกมา

            [ทำไมแกไม่บอกพี่!]

            "ก็บอกแล้วนี่ไง" ผมหันกล้องกลับมาวางที่เดิม กอดอกมองพี่สาวที่ดูจะอึ้งแค่ตอนแรก ส่วนตอนนี้รอยยิ้มชั่วร้ายเริ่มปรากฏออกมาแล้ว

            [แบบนี้แสดงว่าคืบหน้ามาไกลแล้วสินะ]

            "ก็...เออ"

            [เก่งมากน้องพี่ งั้นพี่ไม่กวนแล้ว]

            ผมพยักหน้าให้พี่สาวที่กำลังยิ้มหวานผ่านหน้าจอ แล้วก็รู้สึกถึงลางไม่ดีแปลกๆ คนอย่างพี่ซีอิ๊วไม่น่าจะยอมถอยไปง่ายๆ หรือผมควรจะรีบกดตัดสายไปเลยดี แต่ผมกลับช้ากว่าพี่ไปนิดนึง

            [ยังไงก็ฝากน้องชายพี่ด้วยนะไข่ต้ม ซอสมันเป็นคนดีน้า ถึงจะดูซื่อบื้อไปหน่อยแต่รักใครรักจริง ตั้งแต่เกิดมายัง...] ผมชิงกดตัดสายก่อนพี่จะสาธยายจบ ขายน้องชายให้คนที่น้องชอบมันก็ดี แต่บางทีก็ออกจะน่าอายไปหน่อย

            ไข่ต้มหันมองผมแล้วอมยิ้มไม่เลิก อย่างน้อยก็ขอบคุณมันที่ไม่พูดล้อเลียนให้ผมรู้สึกเขินอายไปมากกว่านี้

            ผมเดินไปนั่งข้างเพื่อนสนิทบนเตียงก่อนหยิบการ์ดอนุญาตออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้ เป็นการ์ดที่ผมเตรียมใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตั้งแต่อยู่บนรถ ไข่ต้มยังยิ้มไม่เลิกกระทั่งตอนอ่านคำอนุญาตบนการ์ด ก่อนมันจะขยับมานั่งบนตักผมแล้วเอนหลังพิงเหมือนผมเป็นเก้าอี้ประจำตัว

            บนการ์ดอนุญาตแค่นั่งตักแต่ผมอดใจไม่ไหวเลยหอมแก้มนิ่มๆ ไปอีกหนึ่งฟอด ยกแขนโอบกอดมันไว้ไหวหลวมๆ วางคางเกยบนไหล่ แล้วก็อยากจะหยุดเวลามันไว้ตรงนี้

            "มึงยังไม่ใช้ของขวัญที่กูให้ไปเลย" มองการ์ดอนุญาตให้นั่งตักในมือไข่ต้มก็ชวนให้นึกถึงของขวัญที่ผมให้มันไป ของขวัญของมันผมใช้จนจะหมดกล่องอยู่แล้ว แต่ของขวัญของผมแค่ใบเดียวมันยังไม่ใช้ขออะไรจากผมเลย

            "อืม ยังเก็บไว้อยู่"

            "ไม่ใช้เหรอ จะถึงวันเกิดมึงอีกรอบแล้วนะ ไม่มีอะไรอยากขอจากกูเลยเหรอ"

            "มีดิ มีอยู่แล้ว กูตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ตอนไหน"

            "คำขอจะยากมั้ยวะ"

            "ทำไม กลัวทำไม่ได้?"

            "กูทำได้หมดนั่นแหละ แต่อย่าใจร้ายมากก็พอ" ผมกระชับกอด กดจมูกลงที่สันกรามของคนบนตักแล้วค้างอยู่อย่างนั้น

            ไข่ต้มไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่บอกใบ้อะไรทั้งสิ้นว่าสิ่งที่มันอยากขอคืออะไร ความยากง่ายอยู่ที่ระดับไหน หรือว่ามีโอกาสที่ผมจะทำไม่ได้บ้างหรือเปล่า มันแค่อยู่เฉยๆ ปล่อยให้ผมกอด ให้ผมหอม ให้ผมจูบ ปล่อยให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ และมันก็ตอบสนองในแบบที่มันอยากทำเหมือนกัน

            ถ้าหากคำขอของของขวัญชิ้นนั้นคือขอให้ผมกอดมันไว้แบบนี้ตลอดไปก็คงดี

 
tbc.

 
ขอบคุณทุกคนที่เข้าอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-01-2019 21:25:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่ซีอิ๊ว  เป็นพี่ที่สุดยอดมาก  555
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 26-01-2019 22:48:14
ตอนนี้ไข่ต้มน่ารักจัง o18
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-01-2019 22:05:14
ขอเปนแฟนมั้ยล่ะ ลุ้นนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 29-01-2019 07:11:52
 :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 29-01-2019 08:45:32
งื้ออออ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 24 น้องแตงโมคนเดิม <<< [26/01/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-01-2019 16:13:43
ซอสอย่าคิดมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 25 ผู้หญิงห้องสี่ <<< [02/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 02-02-2019 20:32:12

ไข่ฟองที่ 25
ผู้หญิงห้องสี่


            วันพฤหัสบดีมาถึงพร้อมกับการแข่งขันเปตองรอบแรก วันนี้มีแข่งสองคู่ คือสีฟ้ากับสีชมพู และสีเขียวกับที่เหลือง คู่ที่แพ้จะได้ชิงที่สามในสัปดาห์หน้า ส่วนคู่ที่ชนะจะได้ชิงชนะเลิศในสัปดาห์ถัดไป

            ผมกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนมาเตรียมตัวรอที่สนามก่อนเที่ยงสิบห้านาทีหลังกินข้าวเสร็จ ไข่ต้มมันอยู่ตามประกบผมไม่ห่าง ทำตัวเหมือนเป็นนักกีฬาอีกคน นั่งดูผมวอร์มก่อนการแข่งขัน ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าท็อปฟอร์มมากๆ

            ลูกโลหะที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางแปดเซนติเมตรลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกบนพื้นหินและหยุดอยู่ห่างจากลูกเป้าเพียงหนึ่งฝ่ามือ ผมหันไปยักคิ้วให้คนมาเชียร์ ไข่ต้มมันนั่งเท้าคางมองนิ่งๆ แต่ผมรู้ว่ามันกำลังภูมิใจในตัวผมอยู่

            เราฝึกซ้อมได้ราวห้านาทีก็ได้เวลาเริ่มการแข่งขัน เพราะเป็นกีฬาที่คนไม่ค่อยให้ความสนใจคนดูจึงไม่มากนัก นับหัวแล้วมีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ คนที่มาก็เป็นเพื่อนนักกีฬากันทั้งนั้น

            การแข่งขันดำเนินไปอย่างเนิบนาบไม่เร่งรีบ เป็นพื้นที่แสนสงบที่แทบจะไร้เสียงใดนอกจากเสียงลูกโลหะกระแทกเม็ดหิน ไม่ก็เสียงโลหะกระแทกกันเอง สองรอบจบไปด้วยความรวดเร็วซึ่งสี่ฟ้านำอยู่สามต่อศูนย์ เกมนี้กำหนดผู้ชนะอยู่ที่สิบเอ็ดคะแนน ถ้าสีฟ้ายังทำแต้มได้ดีแบบนี้ต่อเรื่อยๆ ย่อมชนะได้ไม่ยาก

            รอบที่สามสีฟ้าได้เป็นฝ่ายโยนลูกเป้าและเริ่มเล่นก่อนเหมือนเคย ไอ้เหมโยนคุมโซนได้ค่อนข้างดี สีชมพูพยายามจะตีลูกของมันออกไปแต่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก โยนถึงสามลูกกว่าจะใกล้ลูกเป้ามากกว่าสีฟ้าแล้วสลับฝั่ง บอกเลยว่างานนี้พวกผมเล่นสบายสุดๆ จบรอบที่เก้าคะแนนสีฟ้าก็ถึงสิบเอ็ดพอดี

            สนามที่หนึ่งชัยชนะตกเป็นของสีฟ้าด้วยสกอร์เก้าต่อสอง ส่วนอีกสนามชัยชนะเป็นของสีเขียว

            หลังแข่งเสร็จเราต้องรีบขึ้นเรียนคาบบ่าย ผมกับเพื่อนร่วมทีมต่างยิ้มแย้มสดใสอารมณ์ดีที่สามารถคว้าชัยชนะรอบแรกมาได้ เราพูดถึงการฝึกซ้อมสำหรับรอบต่อไปตอนเดินออกจากสนาม ซึ่งจริงๆ แล้วก็พูดเพราะกำลังคึกคะนองที่เพิ่งชนะมาก็เท่านั้น พอถึงตอนที่ต้องนัดกันซ้อมจริงๆ ก็คงยกเลิกเหมือนเดิม ตามคอนเซ็ปต์แข่งเพื่อความสนุก อย่าไปจริงจังกับชัยชนะให้มากนัก

            กับเพื่อนสนิทที่ตามมาเชียร์ก็ดูดีใจกับชัยชนะของสีไม่แพ้กัน ไข่ต้มยิ้มอารมณ์ดี ออกปากชมทีมว่าเก่งอยู่หลายครั้ง จนผมอยากโลภมากขอรางวัลสำหรับชัยชนะครั้งนี้ดูสักหน่อย

            "ไปห้องน้ำกัน" ดูนาฬิกาแล้วยังเหลือเวลาอีกห้านาที ผมลากไข่ต้มออกจากกลุ่มเพื่อน พวกมันหันมามองและคงรับรู้จากคำพูดเมื่อกี้แล้วว่าผมจะไปไหน

            ห้องน้ำช่วงใกล้หมดเวลาพักแบบนี้แทบไม่มีนักเรียนหลงเหลืออยู่แล้ว ผมจูงมือไข่ต้มเข้าห้องด้านในสุด มันทำหน้าตกใจวูบหนึ่งแล้วก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าผมต้องการอะไรเมื่อประตูห้องน้ำถูกล็อก

            "ขอรางวัลหน่อย"

            "ต้องตอนนี้เลยเหรอ"

            "พาเข้ามาแล้วก็ต้องตอนนี้แล้ว"

            "อยากได้อะไร"

            "เท่าที่มึงให้ได้"

            ผมยืนนิ่งรอรับรางวัลที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะให้อะไร ไข่ต้มมันขยับเข้ามาใกล้ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนแตะกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของผม ค้างไว้ชั่วครู่แล้วผละออก ไม่ได้ล่วงเกินลึกซึ้ง แต่ยังหอมหวานเหมือนเคย แม้กลิ่นในห้องน้ำจะไม่ค่อยดีเท่าไรก็เถอะ

            "เอาไปแค่นี้ก่อน ถ้าได้ที่หนึ่งค่อยว่ากัน" พูดจบมันก็เปิดประตูเดินหนีออกไป พร้อมกับเสียงออดหมดเวลาพักดังขึ้น

            รางวัลสำหรับที่หนึ่ง ยังไงผมก็ต้องได้มันมาอย่างแน่นอน

 

            การฝึกซ้อมกิจกรรมเกี่ยวกับงานกีฬาและการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ในรอบคัดเลือกดำเนินไปตามแบบแผน ในวันประชุมคณะสีครั้งที่สองก็เริ่มเห็นสิ่งต่างๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น

            ผมนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ ในห้องที่กำลังคุยกันเรื่องคอนเซ็ปต์สำหรับสแตนด์เชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ร่วมกับน้อง ม.ห้า ส่วนไข่ต้มถูกเรียกตัวไปแม้หน้าที่ถือป้ายโรงเรียนของมันไม่จำเป็นต้องฝึกซ้อมมากก็ตาม ในวงสนทนาผมไม่ได้มีบทบาทมากนักเพราะเป็นฝ่ายรับฟังว่าพวกมันจะทำอะไรกันมากกว่า ที่เหลือคือรอเป็นผู้ถูกใช้แรงงานเท่าที่จะช่วยไหว

            คอนเซ็ปต์ของคณะสีนิลุบลในปีนี้คือใต้มหาสมุทร ฝ่ายศิลป์กำลังเสนอความคิดว่าจะตกแต่งสแตนเชียร์กันแบบไหน ดูเคร่งเครียดจริงจังจนผมอยากพาตัวเองออกจากตรงนี้เพราะดูไม่มีประโยชน์กับเขาเท่าไรนัก เลยชวนไอ้ประธานกับไอ้เหมไปซ้อมเปตองกันเสียเลย

            ที่สนามเปตองยังคงเป็นสถานที่เงียบสงบ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่ หน้าตาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นคู่แข่งที่จะได้เจอกันรอบชิงชนะเลิศนี่เอง

            พวกผมเดินผ่านเด็กห้องสี่จับจองสนามที่อยู่ถัดมา เราไม่ได้ทักทายกัน ไม่ใช่เพราะเป็นคู่แข่งแต่เพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แค่รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันก็เท่านั้น

            การซ้อมของทีมผมไม่ได้เคร่งเครียดจริงจังนัก ความจริงก็ไม่ได้ต่างจากเวลาโยนเล่นกันปกติเท่าไร สนามข้างๆ เองก็เช่นเดียวกัน ได้ยินเสียงด่าเสียงหัวเราะดังมาเป็นพักๆ บางทีผมก็เผลอหันไปมอง แล้วก็มีคนคนหนึ่งที่บังเอิญหันมาสบตากับผมทุกที

            ผู้หญิงห้องสี่ที่ผมคุ้นหน้าดีแต่ไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร

            "ขี้เกียจแล้วว่ะ" ซ้อมได้ไม่กี่นาทีไอ้ประธานมันก็อู้ เดินหนีไปนั่งที่ม้านั่งข้างสนาม แล้วก็พาลทำเอาขี้เกียจกันทั้งทีม

            เมื่อขี้เกียจซ้อมพวกผมก็นั่งดูสีเขียวซ้อมแทน ฝีมือเก่งกาจตามที่เขาลือ เห็นแล้วก็ฮึกเหิมอยากเอาชนะให้ได้ แต่ตอนนี้มันขี้เกียจเกินจะลุกไปโยนลูกโลหะหนักๆ ได้อีก

            ผมหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไข่ต้มไลน์มาหาเมื่อห้านาทีก่อน มันบอกว่าซ้อมเสร็จแล้วกำลังกลับไปจุดรวมคณะสี ผมเลยชวนไอ้ประธานกับไอ้เหมกลับ แต่มันขอนั่งดูสีเขียวเล่นก่อน สุดท้ายเลยต้องกลับออกมาคนเดียว

            หลังเลี้ยวออกมจากสนามที่อยู่หลังอาคารผมก็เพิ่งสังเกตว่าผู้หญิงห้องสี่เดินตามออกมาด้วย เธอเดินไม่ห่างผมนัก เมื่อหันไปมองก็ได้รับรอยยิ้มกลับมา ไม่รู้เธอยิ้มให้ผมหรือใครข้างหลังผมหรือเปล่า เลยยิ้มบางๆ กลับไปเป็นมารยาท แล้วเธอก็เหมือนว่าจะเดินเข้ามาหาผม

            "มึง" เสียงที่คุ้นเคยเรียกผมให้ไปมอง เป็นไข่ต้มที่กำลังเดินเข้ามาหา

            ผมหันไปมองผู้หญิงห้องสี่ที่เหมือนจะเดินมาหาผมแต่ตอนนี้เธอกลับหายตัวไปแล้ว เมื่อหันกลับมาอีกทีไข่ต้มก็เข้ามาประชิดตัวพอดี สีหน้ามันดูสงสัย แล้วผมก็เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้ตอบไลน์มันเลย

            "ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ" มันถาม คาดว่ามันน่าจะเดินกลับไปถึงคณะสีแล้วแต่ไม่เจอผม อาจจะถามเพื่อนแล้วรู้ว่าผมอยู่สนามเปตองเลยตามมา

            "อืม ขี้เกียจแล้ว เจอสีเขียวกำลังซ้อมอยู่ด้วย"

            "ซ้อมด้วยกัน?"

            "แยกกันดิ ตอนนี้ไอ้ประธานกับไอ้เหมกำลังศึกษาศัตรูอยู่"

            "แล้วมึงออกมาทำไม"

            "ออกมาหามึงนี่แหละ กลัวมึงเหงาไม่มีคนอยู่ด้วย"

            "ไปซ้อมต่อไป" ไข่ต้มโบกมือไล่ ผมเลยคว้ามือมันไว้แล้วลากกลับไปที่จุดรวมคณะสี

            "เดี๋ยวก็หมดเวลาแล้ว ไปนั่งจู๋จี๋กับมึงดีกว่า"

            "จู๋จี๋แม่มึงสิ"

            "ป้าสมพรอะนะ"

            มันแยกเขี้ยวใส่คงเพราะไม่รู้ด่ายังไงต่อ ผมเองก็จับแขนมันไว้ไม่ยอมปล่อย พาเดินกลับไปที่จุดรวมพล มีสายตาหลายคู่มองมาที่เราแต่ผมไม่ได้สนใจ มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่ผมกับเพื่อนสนิทจะเดินลากแขนกันไปไหนมาไหนแบบนี้ อีกอย่างจะมีสักกี่คนที่คิดว่าความสัมพันธ์ของสองเราเกินกว่าคำว่าเพื่อน ถ้าคนพวกนั้นจะคิดกันจริงจังก็คงคิดกันไปนานแล้ว

 

            ตลอดสัปดาห์ชีวิตวนเวียนอยู่กับการตามดูการแข่งขันกีฬา ผมชวนไข่ต้มไปดูรายการใหญ่ๆ ที่สีฟ้าลงแข่ง แพ้บ้างชนะบ้างตามกลไกของการแข่งขัน สีฟ้าไม่ใช่เจ้าแห่งกีฬา เราตั้งใจมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะแต่เมื่อความสามารถไม่ถึงก็ยอมรับความจริง ผมคิดว่าสีฟ้าทุกคนควรคิดแบบนี้ จะได้ไม่ต้องมาโกรธแค้นกันทีหลัง แม้มันจะเป็นปกติของงานกีฬาสีที่จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างก็เถอะ

            เย็นนี้หลังการแข่งขันฟุตซอลชายจบลงเกือบจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น เมื่อเกมจบแต่นักกีฬาไม่จบ เป็นการแข่งขันระหว่างสีฟ้ากับสีเขียว ผมเห็นรุ่นน้องนักกีฬาจ้องจะพุ่งใส่กันตั้งแต่อยู่ในสนาม ยังดีที่พวกมันยับยั้งห้ามอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้ กระทั่งเกมจบหมาในปากแต่ละคนก็ตื่น แถมคึกคะนองยิ่งกว่าตอนแข่งเสียอีก เป็นเหตุให้เกือบเกิดการทะเลาะวิวาท ยังดีที่พวกเพื่อนผมมันล็อกตัวน้องๆ เอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นโดนปรับแพ้บวกหักคะแนนสีกันหมดแน่

            ผมกับเพื่อนๆ นั่งล้อมวงปรับความเข้าใจกับน้องๆ กันก่อนแยกย้ายกันกลับ เกมนี้เราชนะมาด้วยความยากลำบาก มีการถกเถียงกันบ้างแต่ทุกคนก็ยอมเข้าใจโดยดี

            วันนี้ไข่ต้มไม่ได้อยู่ดูการแข่งกับผมด้วยเพราะแม่มันมารับไปตั้งแต่ตอนเลิกเรียน เห็นว่าน้ามันเพิ่งคลอดลูกเมื่อวาน วันนี้เลยไปเยี่ยมดูหน้าลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยก่อนจะออกจากโรงพยาบาลเสียก่อน

            เดินออกจากสนามผ่านกลุ่ม ม.หก สีเขียวผมก็เจอสาวห้องสี่คนนั้นอีกครั้ง เธอยิ้มให้ แต่ผมไม่ได้ยิ้มตอบ ถ้าไม่แกล้งโง่เกินไปต้องรู้ตัวอยู่แล้วว่ารอยยิ้มนั้นหมายความยังไง คงไม่มีใครที่อยู่ๆ ก็ยิ้มให้คนที่ไม่รู้จักหรอก

            ผมพยายามทำตัวเฉยๆ ระหว่างเดินผ่านเธอ แต่แล้วเสียงเรียกก็ดังขึ้น

            "ซอส"

            ทั้งเพื่อนผม ทั้งเด็กห้องสี่ต่างหันมามองเราเป็นจุดเดียวกัน เมื่อเธอคนนั้นเดินมาหาผม

            ผมไม่ได้ตอบอะไร แค่มองและถามเธอทางสายตาว่ามีอะไรหรือเปล่า บอกตามตรงว่าผมไม่เคยปฏิเสธใครมาก่อน ไม่ได้เชี่ยวชาญเหมือนคนใกล้ตัวที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน และไม่รู้จะปฏิเสธยังไงให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกแย่น้อยที่สุด

            บางทีก็พอจะเข้าใจความรู้สึกไข่ต้มขึ้นมาบ้างแล้ว

            "เราชื่อปุยนะ"

            "อ๋อ...อืม"

            "ขอไลน์ซอสหน่อยดิ" ตรงประเด็นและตรงไปตรงมา

            ทั้งเพื่อนห้องผมและห้องสี่พากันร้องแซวเสียงดังกระหึ่ม เธอคนตรงหน้าผมไม่ได้มีอาการเขินอายเท่าไร กลายเป็นผมเองที่ทำตัวไม่ถูก ผมไม่ใช่คนที่มีภาพลักษณ์เป็นรุ่นพี่สุดฮอตหรือหนุ่มในฝันที่มีผู้หญิงรุมล้อมเยอะๆ ไม่ใช่คนที่ดูหยิ่งผยองหรือเก่งกล้าจะปฏิเสธใครต่อใคร อีกอย่างปุยเป็นผู้หญิงคนแรกที่เข้ามาขอไลน์ผม แถมขอต่อหน้าเพื่อนเกือบครึ่งห้องอีก แต่ถ้านับสองห้องรวมกันจะเท่ากับห้องหนึ่งเต็มๆ เลยด้วยซ้ำ

            ลำบากใจกับการปฏิเสธชะมัด

            "ให้ไปดิ" เพื่อนผมมันใช้ศอกสะกิดเร่ง แต่ผมไม่อยากให้ไง

            "โทษทีนะ เราให้ไม่ได้ว่ะ" พูดจบผมก็เดินหนีออกมาเลย ได้ยินเสียงคนโห่แซวตามหลังมา คงจะมีคนด่าผมบ้างล่ะ แต่เพราะผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ร้าวฉานขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี แม้อะไรๆ มันจะยังไม่ชัดเจนก็เถอะ

            "ทำไมไม่ให้วะ" เพื่อนที่เดินตามมาเข้ามากอดคอ น้ำเสียงมันเสียดายกว่าผมอีก

            "ไม่อยากให้"

            "นั่นปุยเลยนะมึง"

            "แล้วไงวะ" ผมเพิ่งเห็นเธอเมื่อสัปดาห์ก่อน โด่งดังยังไงผมไม่รู้หรอก

            "ออกจะน่ารัก"

            "ก็กูไม่ได้ชอบ"

            "หยิ่งตามไข่ต้มเหรอมึงเนี่ย"

            "อย่าพาดพิง" บอกตามตรงว่าผมไม่ปลื้มคำพูดเมื่อกี้เท่าไร

            "แค่แซวเล่นมั้ย แล้วมึงชอบใคร หรือมีแฟนอยู่แล้ววะ"

            "เรื่องของกูมั้ย"

            "แม่งมีแฟนอยู่แล้วแน่เลย" มันปล่อยมือที่กอดคอผมออก ทำเป็นชี้หน้าเหมือนจะคาดคั้น แล้วเพื่อนคนอื่นก็ถามขึ้นมาแทน

            "ใครแฟนมึงวะ"

            "ไม่มี"

            "มีหวงเว้ย" ส่วนไอ้นี่ก็แซวไม่เลิก

            ผมส่ายหน้าทำหงุดหงิดใส่ พวกมันหัวเราะแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ ได้แซวจนพอใจก็จบ สนิทกันในระดับหนึ่งก็จริงแต่ไม่ใช่เพื่อนที่รู้ใจเหมือนกับใครอีกคน ผมขอสัญญากับตัวเองเลยว่าแม้จะได้เลื่อนสถานะแล้วผมก็จะไม่บอกเพื่อนในห้องเด็ดขาด

            อยู่ๆ ก็อยากเก็บเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ ให้รู้เฉพาะแค่คนสองคนก็พอ

 

            หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยผมก็ไลน์ไปหาไข่ต้มตอนใกล้สี่ทุ่ม ปล่อยให้รออยู่ไม่นานมันก็วิดีโอคอลกลับมา คุยเจื้อยแจ้วพูดถึงลูกของน้าที่เพิ่งคลอด บอกว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้ม แม่มันบอกว่าน้องเหมือนพ่อแต่มันกลับดูไม่ออกว่าเหมือนใคร ด้วยเหตุผลที่ผมรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก

            [เด็กแรกเกิดหน้าตามันก็เหมือนกันหมดมั้ยวะ เพิ่งจะสองวัน]

            "มึงแม่งไม่มีจินตนาการเลย"

            ไข่ต้มขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งใส่ ผมก็ว่ามันไปอย่างนั้นแหละ ความจริงผมก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่าเด็กแรกเกิดที่เขาบอกว่าเหมือนพ่อเหมือนแม่มันเหมือนยังไง

            [มึงแยกออกเหรอ]

            "ไม่อะ"

            [แล้วทำเป็นพูด]

            คนในจอว่ากระแทกเสียงใส่อารมณ์สุดๆ แต่กลับดูน่ารักน่ามองจนต้องยิ้ม

            [แล้วแข่งฟุตซอลเป็นไง เห็นในเฟซบอกเกือบมีเรื่อง] เล่าเรื่องตัวเองจบแล้วมันก็โยนมาให้ผมเล่าบ้าง

            "ก็เกือบต่อยกัน น้องมันอารมณ์ร้อน โดนพูดจากวนตีนใส่มันเลยขึ้น ยังดีไม่ต่อยกันในสนาม แต่ถ้าพวกไอ้ประธานล็อกตัวไว้ไม่ทันน่าจะมีมวยอยู่"

            [อดอยู่ในเหตุการณ์เลย]

            "ชอบความรุนแรงเหรอวะ"

            [น่าตื่นเต้นดี]

            "ตลกละ"

            ถึงคราวไข่ต้มมันหัวเราะบ้าง ผมก็ลืมไปเลยว่ามันเคยผ่านเรื่องชกต่อยมาแล้ว ถ้าน้องต่อยกันจริงมันก็คอยยืนสั่งเป็นโค้ชได้เลย

            เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนเย็นจะไม่นึกถึงผู้หญิงห้องสี่ก็คงไม่ได้ หลังจากผมปฏิเสธที่เธอเข้ามาขอไลน์ไปกลายเป็นว่าเธอแอดเฟซบุ๊กมาแทน แต่ผมไม่ได้กดรับ มานึกๆ ดูแล้วก็สงสัยว่าอยู่ๆ เธอมาพิศวาสผมได้ยังไง อยู่โรงเรียนนี้ตั้งหกปีเพิ่งจะมาชอบผมแบบนี้น่ะเหรอ หรือเธอเพิ่งจะเห็นผม หรือบางทีผมอาจจะหล่อขึ้น แต่จะเพราะอะไรก็ช่างมันเถอะ

            "คิดถึงมึงว่ะ" ผมพูดแทรกขึ้นมาจนคนที่กำลังบ่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยหยุดพูดแล้วจ้องหน้าจออยู่เฉยๆ

            [อารมณ์ไหน]

            "อารมณ์คิดถึง อยากกอด"

            [มาหาดิ]

            "กูไปจริงนะ" อย่าท้าคนอย่างผม บอกเลยว่าพร้อมเสมอ

            [แม่มึงให้มาเหรอ]

            "ไม่ให้ว่ะ" แต่ป้าสมพรนี่แหละปัญหา ถ้ารู้ว่าผมหนีออกจากบ้านดึกๆ ดื่นๆ โดนทุบหัวแน่

            [ไม่แน่จริงนี่หว่า]

            "พรุ่งนี้มึงโดนแน่" ผมคาดโทษเอาไว้ก่อน แต่ลงโทษยังไงค่อยดูสถานการณ์อีกที

            ไข่ต้มยิ้มกว้าง มันดูมีความสุขมาก ยิ้มทั้งตาและปากจนคนมองอย่างผมมีความสุขไปด้วย สุขที่ทำให้มันยิ้ม และสุขที่เราได้ยิ้มด้วยกัน

            [คิดถึงมึงเหมือนกัน]

            และความสุขจากคำพูดที่มันตั้งใจมอบให้ผม

            "มึงทำกูอยากไปหาจริงๆ นะเนี่ย ช่างป้าสมพรแม่ง"

            [เดี๋ยวแม่ก็ไล่มึงออกจากบ้าน]

            "กูไปอยู่บ้านมึงก็ได้"

            [ถามกูยัง]

            "กูรู้มึงยอม"

            คนในจอไม่ตอบเอาแต่อมยิ้ม ผมรู้ว่ามันยอม ยังไงมันก็ยอม ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองแต่ผมรู้สึกได้ว่ามันชอบกอดของผม ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้กอดบ่อยๆ หรอก

            เราคุยกันอีกร่วมชั่วโมงจนไข่ต้มมันบ่นง่วงผมถึงได้บอกฝันดีแล้ววางสาย ปิดไฟ ทิ้งตัวลงนอน แล้วหลับตา นึกถึงแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุข หลับฝันถึงเพื่อนสนิท สร้างเรื่องราวตามที่ใจอยากให้เป็น

            และสักวันความฝันที่มีความสุขของผมต้องกลายเป็นจริงขึ้นมา

 
tbc.


อีกสามตอนก็จบแล้วน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 25 ผู้หญิงห้องสี่ <<< [02/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-02-2019 20:50:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

อีกสามตอนจบ 

ยัยน้องปุยโผล่หน้ามาทำไมไม่ทราบจ๊ะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 25 ผู้หญิงห้องสี่ <<< [02/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-02-2019 21:50:44
ห๊ะ อีกสามตอนจบ แล้วจะส่งน้องปุนมาทำม้ายยยยย ร้าวฉานครั้งสุดท้ายงี้เหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 25 ผู้หญิงห้องสี่ <<< [02/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 03-02-2019 23:15:29
น้องปุยมาช้าไป ถ้ามาเร็วกว่านี้สัก6-7 ตอน
เราอาจจะเชียร์เพระาตอนนั้นหน่วงใจมาก
ตอนนี้น้องต้องพักเนาะ ผิดเวลาไปหมดด55555
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 25 ผู้หญิงห้องสี่ <<< [02/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 07-02-2019 17:57:46
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 25 ผู้หญิงห้องสี่ <<< [02/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 08-02-2019 17:33:11
น้องปุยมาในวันที่สาย
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 26 <<< [09/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 09-02-2019 19:34:19

ไข่ฟองที่ 26
เธอคนช่างตื๊อ

            เดินขึ้นบันไดเลี้ยวผ่านมุมเสามาขาผมก็ชะงักเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้อง ถ้าหากเป็นเวลาปกติผมคงไม่สนใจแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ผิดห้องก็ตาม แต่เพราะเป็นคู่กรณีที่เพิ่งมีประเด็นกันเมื่อวาน แล้ววันนี้เธอก็มานั่งอยู่หน้าห้องเรียนผม แม้ไม่อยากสนใจยังไงก็คงถูกเรียกให้ไปสนใจอยู่ดี

            "เป็นไรวะ" พอผมชะงักคนข้างๆ ก็หยุดตาม ไข่ต้มหันมองหน้าผมสลับกับทางข้างหน้าแล้วทำหน้าสงสัย

            "เปล่า" ผมก้าวต่อ แต่ถึงจะปฏิเสธไปก็ไม่ทำให้ไข่ต้มเลิกสงสัยอยู่ดี เมื่อเธอคนนั้นเห็นผมแล้วหันมายิ้มให้

            "รู้จักเหรอ"

            "ก็นิดหน่อย"

            เมื่อเราเดินมาถึงหน้าห้องปุยก็ลุกมายืนขวางหน้าผมไว้ เธอยังคงยิ้ม ขณะที่ผมอยากจะเดินหนี ก่อนที่เธอจะเอ่ยประโยคชวนให้ผมลำบากใจออกมา

            "ทำไมไม่รับแอดเราอะ"

            ผมไม่คิดเลยว่าปุยจะเป็นคนดื้อด้านขนาดนี้ ที่ผมปฏิเสธไปเมื่อวานน่าจะทำให้เธอคิดได้แล้วว่าผมไม่อยากสานสัมพันธ์ด้วย รวมถึงที่ไม่รับแอดเฟซบุ๊กก็เช่นเดียวกัน แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และดูเหมือนว่าการเข้าหาของเธอจะทำให้เพื่อนสนิทผมไม่พอใจเท่าไร

            "กูเข้าห้องก่อนนะ" ไข่ต้มบอกก่อนจะเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับสาวห้องสี่เพียงลำพัง ทั้งที่ผมอยากให้มันอยู่ด้วยกันจะได้ฟังคำปฏิเสธของผมที่จะพูดกับเธอให้ชัดๆ แท้ๆ

            "ก็เราไม่อยากรับ"

            "อย่าใจร้ายนักดิ"

            "เราลบคำขอเธอไปแล้ว โอเคนะ ไม่ต้องแอดมาแล้ว"

            "ซอสยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ งั้นก็ให้เราจีบดิ"

            "จีบไม่ติดหรอก ไม่ต้องพยายาม" พูดจบผมก็เดินเข้าห้องไม่เปิดโอกาสให้เธอได้วอแวอะไรอีก สวมบทเป็นคนใจร้ายแบบไข่ต้มมันบ้าง แต่ท่าทางคู่ต่อสู้ของผมจะไม่ใช่คนที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ เลย

            ยังดีที่ปุยไม่ได้เดินตามผมเข้ามาในห้องไม่อย่างนั้นผมคงปวดหัวแน่ๆ ไข่ต้มมันนั่งประจำที่ตัวเองแล้ว หน้านิ่งจนเกือบบึ้ง รอบตัวแผ่รังสีน่ากลัวออกมา เป็นบรรยากาศในโหมดใหม่ที่ผมเพิ่งเคยสัมผัส

            เขาเรียกว่าอะไรนะ...โหมดหึงหวงใช่หรือเปล่า

            ผมนั่งลงข้างไข่ต้ม ตั้งใจว่าจะยังไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เผื่อว่ามันอยากรู้แล้วถามขึ้นมาเอง แต่หลังจากสังเกตอาการมาสองสามนาทีมันกลับยังนิ่ง กลายเป็นผมเสียเองที่คันปากยิบๆ อยากอธิบาย

            "เมื่อกี้มันไม่มีอะไรนะ"

            ลองเกริ่นออกไปเพื่อดูปฏิกิริยา ไข่ต้มพยักหน้ารับ ไม่หันมองไม่ถามต่อ สถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีเท่าไร

            "โกรธกูหรือเปล่า" ลองเปลี่ยนเป็นคำถามบ้าง คราวนี้มันตอบ แต่ไม่หันมามองผมอยู่ดี ทำเป็นวุ่นวายกับการจัดหนังสือใส่ใต้โต๊ะ

            "ทำไมกูต้องโกรธ"

            "กูขอโทษที่ไม่ได้เล่าให้มึงฟังตั้งแต่เมื่อวาน คนนั้นชื่อปุย เขามาขอไลน์กู แต่กูไม่ได้ให้นะ แอดเฟซมากูก็ไม่ได้รับ เมื่อกี้ก็ปฏิเสธไปแล้ว เชื่อกูนะ มันไม่มีอะไรจริงๆ" ผมชิงสารภาพแม้มันจะไม่ได้ถาม ถึงตอนนี้จะยังอยู่ในสถานะเพื่อนสนิทควบตำแหน่งคนคุยเราก็ไม่ควรมีอะไรปิดบังต่อกัน ผมไม่อยากให้มันคิดมาก แต่ดูเหมือนมันจะคิดไปแล้ว

            "ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"

            "มึงนิ่งอะ กูใจไม่ดี"

            "ก็กูไม่รู้จะพูดอะไร"

            "ไม่สงสัยเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"

            "ไม่ต้องถามก็รู้แล้วเถอะ"

            ไข่ต้มมันผ่านประสบการณ์แบบนี้มาเยอะ ต่างกับผมที่ประสบการณ์ยังน้อยนิด แต่ไม่ว่าใครได้ยินเธอถามผมแบบนั้นก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังจีบผมอยู่

            "ไม่มีอะไรจริงๆ นะ" ผมยืนยันอีกรอบ คราวนี้ไข่ต้มหันมาจ้องผม

            "รู้แล้ว"

            "ก็กลัวคิดมาก"

            มันไม่ตอบอะไร ไม่บอกด้วยว่าคิดยังไงรู้สึกแบบไหน แต่แสดงอาการออกมาขนาดนี้อย่างน้อยก็ช่วยย้ำให้รู้ว่าผมยังสำคัญ และส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเพื่อนสนิทคนนี้ขนาดไหน

            เพิ่งจะโดนคนที่ชอบหึงเป็นครั้งแรก ถึงจะแปลกก็เถอะ แต่ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

 

            หากจะประมาณความดื้อด้านของปุย ผมให้เธอไปเลยร้อยคะแนนเต็ม เพราะไม่ว่าจะโดนปฏิเสธไปกี่ครั้งเธอก็ไม่เคยเข็ดหลาบ ขยันโผล่หน้ามาให้ผมเห็น บ้างก็เอาของมาให้ มาเซ้าซี้จะเอาไลน์ จนผมถอนหายใจใส่ไปหลายครั้ง คงไม่มีใครเหมาะกับประโยค ‘ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก’ เท่าเธออีกแล้ว แต่ตื๊อไปมันก็เท่านั้น บอกเลยว่าไร้ประโยชน์

            ผมไม่ใช่คนชอบพูดจาหยาบคายใส่คนอื่น ไม่ชอบตะหวาดแรงๆ เวลาโมโห หรือใช้กำลังตัดสินเป็นปัญหา โดยเฉพาะกับผู้หญิง แต่ปุยกำลังจะทำให้ผมหมดความอดทน เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธไปยังไงเธอก็ยังไม่ยอมถอยอยู่ดี

            ข้าวกลางวันของผมเกือบจะหมดความอร่อยเมื่อเห็นปุยเดินส่งยิ้มหวานมาให้แต่ไกล ผมชักสีหน้าใส่ตั้งแต่เธอยังเดินมาไม่ถึง ไข่ต้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ดูออก

            วันที่สามแล้วที่เธอโผล่มาหาผมตอนพักกลางวัน มานั่งคุยบ้าง ซื้อขนมมาให้บ้าง แน่นอนว่าผมไม่ได้รับไว้ แต่เธอก็มักจะชิ่งหนีไปก่อนและวางขนมทั้งหลายทิ้งไว้เป็นการบังคับให้ผมรับไป หรือไม่ก็เอาไปทิ้งเองถ้าไม่อยากกิน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน

            "เราซื้อขนมมาให้" ปุยยืนอยู่หัวโต๊ะ วางเยลลี่รสผลไม้ตรงหน้าผมแล้วยิ้มหวาน

            "ไม่กิน เอากลับไปเถอะ"

            "ไม่ชอบเหรอ แล้วซอสชอบกินอะไรอะ ถามไม่เคยตอบ"

            "ก็ไม่อยากตอบไง ไม่อยากคุย"

            "แต่ตอนนี้ก็ตอบอยู่นะ"

            พูดมาขนาดนี้ผมก็ทำให้ได้ เหมือนเป็นการเสนอแนะว่าควรรับมือกับคนช่างตื๊อยังไง ก็แค่ง่ายๆ คือทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนซะ

            "ไปเถอะมึง" เห็นไข่ต้มกินข้าวหมดพอดีผมก็ชวนขึ้นห้อง ลุกเดินหนีเธอออกมา ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียก ขนมที่ให้ก็ไม่รับไว้ ไม่พูดไม่คุยไม่ตอบรับอะไรทั้งสิ้น

            หนีคนช่างตื๊อออกมาจากโรงอาหารได้ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนเดินผ่านโถงใต้อาคารหอประชุมได้ยินรุ่นน้องผู้หญิงพูดชื่อผมกับเพื่อนสนิทผ่านหูแว่วๆ เรื่องคนมาจีบ แต่ไม่มีเวลาจะสนใจฟัง ต้องรีบเดินออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเผื่อเธอคนนั้นตามมาจะได้หนีทัน

            ตั้งแต่ที่ปุยเริ่มเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผมก็คอยสังเกตอาการไข่ต้มตลอด เราไม่ได้พูดคุยเรื่องเธอเป็นจริงเป็นจังอีกเลยตั้งแต่วันที่มันรู้เรื่อง มันยังคงนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ ไม่หงุดหงิดใส่ ไม่เคยบอกว่าหึง ผมรู้ว่ามันพยายามเก็บอาการ ผมเองก็กำลังพยายามดันเธอออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุดเช่นกัน แต่ไม่รู้เมื่อไรผมจะสลัดเธอคนนี้หลุดสักที

 

            วันนี้สีฟ้ามีแข่งวอลเลย์บอลหญิงกับสีเขียว อย่างกับเป็นสีคู่รักคู่แค้นที่ทำไมรู้ทำไมถึงได้วนเวียนมาเจอกันบ่อยนัก ผมไม่ได้ชวนไข่ต้มไปดูเหมือนทุกทีเพราะเกรงว่าจะบังเอิญเจอคนที่ไม่อยากเจอ หลังจากเลิกเรียนแล้วเลยรีบตรงกลับบ้าน แน่นอนว่าเป็นบ้านเพื่อนสนิทไม่ใช่บ้านผม

            ทาวน์โฮมหลังใหญ่ในยามที่ไม่มีใครอยู่นอกจากเราสองคนเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมโปรดปราน เราแวะเซเว่นซื้อขนมกลับมากินด้วยกันระหว่างทำการบ้านภาษาอังกฤษ แต่ก็ทำไปเล่นไปไม่เสร็จสักที

            "ขี้เกียจแล้วว่ะ" ผมเอนลงนอนหนุนตักคนที่นั่งข้างๆ วันนี้เราจับจองพื้นที่หน้าโซฟา นั่งพื้นใช้โต๊ะเล็กแทนโต๊ะเขียนหนังสือ รอบตัวเราที่เต็มไปด้วยน้ำกับขนม

            "ยังไม่ถึงครึ่งเลยมึง" เจ้าของตักว่า มันหยุดเขียนก้มลงหน้ามองผม วิวดีจนไม่อยากจะลุกเลยจริงๆ

            "ที่จริงอาจารย์ไม่ควรให้การบ้าน ม.หก แล้วหรือเปล่าวะ เด็กต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือ"

            "พูดอย่างกับมึงอ่าน"

            "กูอ่านนะ โคตรตั้งใจอ่านเลย"

            "ทำไมกูไม่เคยเห็น"

            "อยู่กับกูตลอดเวลาเหรอ"

            "ก็ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันสองทุ่มอะ แถมตอนสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนด้วย" ไข่ต้มตอบด้วยสีหน้าของผู้ชนะ

            "เออว่ะ" ผมก็ลืมคิดไปเสียสนิทว่าทุกวันนี้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนสนิทคนนี้มากขนาดไหน เรียกว่าแทบจะตัวติดกันตลอดเวลายังได้ แต่ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบจริงๆ นะ อย่างน้อยก็วันละครึ่งชั่วโมง

            "รีบลุกขึ้นมาทำต่อเลย"

            "ขอนอนอีกแป๊บนึง" ผมพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาหน้าท้องเจ้าของตักแล้วยกแขนกอดเอวไว้ ไข่ต้มไม่ว่าอะไร มันเริ่มทำการบ้านต่อ ปล่อยให้ผมยึดตักเป็นหมอนได้ตามใจ

            เมื่อได้อยู่เงียบๆ ผมก็เริ่มหยิบเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาคิด ซึ่งเรื่องที่กำลังกวนใจผมมากที่สุดตอนนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงช่างตื๊อคนนั้น ผมอยากรู้ว่าตอนนี้ไข่ต้มมันคิดยังไง ถึงเราจะทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่อาการนิ่งเฉยของมันทำให้ผมคิดมากเสียทุกครั้ง

            "มึง"

            "หืม" เสียงครางตอบกลับมาเมื่อผมเรียก

            ผมพลิกตัวนอนหงาย มองไข่ต้มที่ยังตั้งใจทำการบ้าน แต่เมื่อมันรู้ตัวว่าถูกมองมือที่กำลังเขียนยุกยิกก็หยุดลง สายตาที่มีแววสงสัยก้มมองผม

            "เรียกแล้วก็เงียบ"

            "มึงคิดมากเรื่องปุยอยู่มั้ย"

            "ก็คิด แต่ไม่ได้มากอะไร"

            ผมมองตามันสักพักหลังฟังคำตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเพื่อคุยกันดีๆ ผมอยากรู้ว่ามันพูดจริงไหม ไม่ได้คิดมากอะไรจริงหรือเปล่า

            "กูไม่เคยเจอคนแบบนี้เลยว่ะ หรือกูใจร้ายไม่พอวะ ทำไมไม่เลิกตื๊อสักที" จะบอกว่านี่เป็นการระบายก็คงได้ ไข่ต้มหัวเราะออกจมูก มันยิ้ม สีหน้าดูผ่อนคลาย อย่างกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเป็นหนังตลก

            "กูเองก็ไม่เคยเจอใครตื๊อเก่งแบบนี้เหมือนกัน แต่กูเข้าใจนะ มึงไม่ต้องคิดมาก มึงกังวลเรื่องอะไรกูก็รู้ กูมีคนเข้ามาจีบได้แล้วทำไมมึงจะมีบ้างไม่ได้ บอกตามตรงกูก็ไม่ค่อยชอบใจหรอก ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยเห็นมึงโดนจีบสักครั้ง มันเลยไม่ชินมั้ง ทุกครั้งที่เห็นคนชื่อปุยเข้าหามึงกูเลยพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ หน้ามันเลยบึ้งไปเอง พอเจอกับตัวแบบนี้กูก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกมึงแล้ว ที่ผ่านมามึงทนได้ไงวะที่มีคนเข้าหากูเยอะขนาดนั้น เจ็บมากไหม"

            น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยที่เอ่ยถามในประโยคสุดท้ายทำเอาผมบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก มันเหมือนมีไอแห่งความสุขลอยอบอวลอยู่รอบๆ ตัวผมตอนที่ฟังไข่ต้มพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ผมยิ้ม แต่ไม่ใช่รอยยิ้มกว้าง เป็นความสุขที่มีความทุกข์มาถ่วงเอาไว้เมื่อความทรงจำเก่าๆ และความรู้สึกเจ็บปวดในอดีตถูกดึงขึ้นมาให้นึกถึง ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มของผมก็ยังไม่จางหายไปไหน

            มันคือความทุกข์ที่อบอวลไปด้วยความสุข...ประมาณนั้นล่ะมั้ง

            "มันก็เจ็บนะ แต่กูก็มีความสุขที่ได้เป็นคนที่อยู่ข้างๆ มึง"

            ไข่ต้มโผเข้ามากอด ซุกหน้าเข้าที่อกผมแล้วกอดไว้แน่น อยู่ๆ ก็แปลงร่างเป็นแมวขี้อ้อนจนผมเกือบตั้งตัวไม่ทัน ก็มันชอบทำตัวน่ารักแบบนี้ จะไม่ให้หลงรักได้ยังไง

            "ขอบคุณที่อยู่กับกูนะ" มันบอกเสียงอู้อี้ ผมรวบตัวมันแล้วดึงขึ้นมานั่งบนตัก วางคางเกยหัวมันไว้ มีความสุขจนแทบสำลักออกมา

            "ขอบคุณที่มึงยังอยู่กับกูเหมือนกัน มึงรู้มั้ย ตอนกูตัดสินใจบอกความรู้สึกออกไปแม่งโคตรกลัวเลย กลัวว่าจะเป็นเหมือนคนอื่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมึงแล้วก็ผ่านไป กลัวว่าจะต้องตัดขาดจากมึง"

            "ตอนนี้กูก็อยู่กับมึงแล้วไง ไม่ต้องกลัวแล้ว"

            "อืม"

            ผมฝังจมูกที่ข้างขมับไข่ต้มเบาๆ แล้วก็ต้องคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเมื่อคนบนตักขยับตัว มันเงยหน้าขึ้นสบตากับผมไม่ได้ลุกหนี ก่อนพูดเสียงอ่อยที่ชวนให้ผมอมยิ้มอีกครั้ง

            "กูขอโทษนะที่ช่วงนี้ชอบทำหน้าบึ้งใส่มึง"

            "เข้าใจว่าหึง ไม่ต้องคิดมาก"

            "หมั่นไส้ว่ะ"

            "กูยินดีให้มึงหึงนะ"

            "แต่กูไม่อยากหึงเลยว่ะ มันเหนื่อย"

            "งั้นแค่หวงก็ได้"

            "มันต่างกันตรงไหน"

            หน้ายุ่งๆ คิ้วผูกโบว์ของเพื่อนสนิทชวนให้ผมหัวเราะ เป็นโหมดเครียดแบบน่ารัก ที่อยากจะจับมาฟัดแรงๆ

            "มึงไม่ต้องหึงไม่ต้องหวงกูหรอก สัญญาเลยว่าจะไม่ไปไหน ไม่ปันใจให้ใครเด็ดขาด"

            คิ้วผูกโบว์หายไปเมื่อรอยยิ้มกว้างเข้ามาแทนที่ เราต่างขยับใบหน้าเข้าใกล้กันเมื่อรู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างต้องการอะไร แค่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะได้สัมผัสเสียงแจ้งเตือนจากมือถือใครสักคนก็ดังขึ้นรัวๆ แล้วเราก็สะดุ้งขยับออกห่างจากกันโดยอัตโนมัติ ผมกับมันมองมือถือสองเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อหาว่าแจ้งเตือนนั้นเป็นของใคร ซึ่งหวยออกที่เครื่องของผม ไข่ต้มพยักพเยิดให้เปิดดู มันขยับไปนั่งหน้าสมุดจับปากกาทำท่าจะทำการบ้านต่อ

            ใครกันช่างเข้ามาขัดได้ถูกจังหวะจริงๆ

            ผมหยิบมือถือมาดู มีข้อความจากคนที่ผมไม่รู้จักรัวมาหลายข้อความ แต่เมื่อตั้งใจอ่านชื่อแล้วก็ทายถูกได้ไม่ยาก มีไม่กี่คนหรอกที่โหยหายอยากได้ช่องทางติดต่อผมช่วงนี้ แล้วก็ทำสำเร็จเสียด้วย

            ผมไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีไหนถึงได้ไลน์ผมมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปิดช่องทางการติดต่อนี้กับเธอ ก็แค่ไม่คุยไม่ตอบ แล้วบล็อกไปซะก็สิ้นเรื่อง

            อย่าให้รู้นะว่าเพื่อนในห้องหรือคนรู้จักคนไหนมันขายไลน์ผม ส่วนจะจัดการวิธีไหนเดี๋ยวค่อยคิดอีกที

            "กูบล็อกแล้วนะ" ผมโชว์มือถือให้ไข่ต้มดู ตอนแรกมันทำหน้างงใส่ แต่หลังจากมองหน้าจอสักพักมันก็ยิ้มออกมา

            ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนต้องการความชัดเจนและความสบายใจ มันไม่มีความสุขหรอกที่ต้องคอยระแวงกันตลอดเวลา และผมอยากเป็นความสบายใจของมัน

            "เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ"

            "อะไรถึงไหน" ไข่ต้มทำหน้างง ไม่รู้แกล้งหรืองงจริงๆ แต่ผมไม่ปล่อยให้สิ่งที่โดนขัดเมื่อครู่จบลงอย่างค้างคาแน่นอน

            "เหมือนเมื่อกี้จะถึงประมาณนี้ใช่ป้ะวะ" ผมขยับเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราเกือบแตะกัน ไข่ต้มมันผงะเล็กน้อยเพราะตกใจที่อยู่ๆ ผมก็พุ่งเข้าไปหา แต่เมื่อรู้จุดประสงค์ก็ไม่มีการต่อต้านใดๆ อีก

            เป็นจูบครั้งที่เท่าไรของเราแล้วไม่รู้ ลิ้นผมได้รับรสหวาน คงจะเป็นนมข้นที่ไข่ต้มราดขนมปังกินก่อนหน้านี้ ไม่รู้มันกินยังไงถึงได้เลอะเทอะไปทั่ว จูบกี่ครั้งก็ยังหวานเหมือนเดิม

            "หวาน"

            "จะพูดทำไมเล่า"

            "มึงกินนมเลอะ"

            ไข่ต้มทำท่าจะยกมือเช็ดปากแต่ผมคว้ามือมันไว้ ไม่ปล่อยให้มันเช็ดเองหรอก

            "เดี๋ยวกูเช็ดให้"

            จะเช็ดให้ด้วยปากจนกว่าจะเกลี้ยงเลย

 

            ผ่านมาสองสัปดาห์หลังจากการแข่งรอบคัดเลือกในวันนี้การแข่งรอบชิงชนะเลิศของเปตองชายก็มาถึง แต่ถึงแม้จะเป็นรอบชิงชนะเลิศคนที่มาเชียร์ก็บังซบเซาเหมือนเดิม รวมตัวนักกีฬากับเพื่อนนักกีฬาแล้วมีอยู่สิบกว่าคนเท่านั้น

            รอบชิงชนะเลิศวันนี้สีฟ้าแข่งกับสีเขียว คู่รักคู่แค้นที่จับฉลากเจอกันในกีฬาเกือบทุกประเภท หรือถ้าไม่เจอรอบแรกก็มักเจอกันรอบชิง และแน่นอนว่าแข่งกับสีเขียวแม่สาวช่างตื๊ออย่างปุยต้องมาเชียร์ด้วย แต่จะเชียร์สีตัวเองหรือจะคิดกบฏนั้นผมไม่ได้สนใจ สิ่งเดียวที่ผมสนใจคือต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้แค่นั้น

            "ซอส สู้ๆ นะ" แต่ก็นั่นแหละ ถึงผมไม่สนใจเธอก็ชอบทำให้เป็นจุดสนใจอยู่ดี พวกผู้ชายเลยโห่แซวอย่างพร้อมเพรียงกัน

            ผมทำเมิน ไม่มอง ไม่ตอบอะไรกลับไป เพราะผมได้รับกำลังใจมาเกินพอแล้วจากคนที่นั่งเชียร์อยู่ มากจนไม่สามารถรับกำลังจากใครได้อีก โดยเฉพาะจากเธอช่างตื๊อคนนั้น

            หลักจากวอร์มเสร็จก็ได้เวลาเริ่มการแข่งขัน บรรยากาศในการแข่งค่อนข้างตึงเครียด สีเขียวได้เป็นฝ่ายเริ่มเกมก่อนจากการเสี่ยงทาย โยนลูกโลหะคุมโซนอยู่ใกล้กับลูกเป้า ไอ้เหมเป็นคนโยนคนแรกของทีม มันตีลูกของสีเขียวได้แต่ลูกของมันกลับกระเด็นออกมาและอยู่ห่างจากลูกเป้ามากกว่าสีเขียว ทำให้เราต้องเป็นฝ่ายโยนต่อ

            สนามเปตองยังคงเงียบสงบไม่ว่าตะเป็นการแข่งขันรอบไหน ฝีมือการโยนของห้องสี่แม่นยำและเก่งกาจอย่างที่ใครๆ ล่ำลือ สร้างความกดดันให้กับทีมผมเป็นอย่างมาก ขนาดผู้ชมอย่างไข่ต้มยังนั่งขมวดคิ้วหน้าดำคร่ำเครียด ประเมินจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วทีมผมมีโอกาสแพ้สูงมากทีเดียว

            ในรอบชิงชนะเลิศผู้ชนะต้องทำแต้มให้ถึงสิบสามคะแนน ตอนนี้ผ่านมาแล้วเจ็ดรอบสกอร์อยู่ที่สามต่อเจ็ด โดยสีเขียวเป็นฝ่ายนำ ผมพยายามตีลูกของฝ่ายตรงข้ามให้ออกห่างจากลูกเป้าแต่ก็โดนตีโต้กลับมาได้เสมอ เป็นเกมที่รับมากยาก ทำเอาสมาชิกในทีมเครียดไปตามๆ  กัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสีเขียวมันเก่งจริงๆ

            หลังจากยื้อกันอยู่ถึงสิบสี่รอในที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของสีเขียว ด้วยคะแนนสิบสามต่อหก สารภาพเลยว่าผมเซ็งมาก เซ็งโคตรๆ เพราะนอกจากจะคว้าเหรียญทองมาให้เพื่อนสนิทไม่ได้แล้วยังชวดของรางวัลอีกต่างหาก เลยได้แต่เดินคอตกกลับไปหา หากแต่เป็นรอยยิ้มที่อีกส่งกลับมาแทน

            "เก่งแล้วมึง" ไข่ต้มพูดปลอบ ตอนแข่งมันทำหน้าเคร่งเครียดมาก ต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง จนผมเริ่มคิดแล้วว่าหรือมันเครียดเพราะเรื่องของรางวัลที่จะให้ผมกันแน่

            "เก่งตรงไหนวะ แพ้เนี่ย เซ็ง"

            "ที่สองก็ดีแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก"

            "ต้องคิดดิ อดได้รางวัลเลยนะ"

            ไข่ต้มเกือบหลุดขำ มันยังคงมองผมด้วยรอยยิ้ม เหมือนมองคนที่งอแงเวลาโดนขัดใจ

            "ที่สองก็มีรางวัล"

            "พูดแล้วนะ"

            "เออ"

            พอได้ยินแบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

            เพราะมัวแต่สนใจเพื่อนสนิทผมเลยไม่ทันสังเกตว่าปุยเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวก็ตอนที่เธอเอ่ยเรียก ผมกับไข่ต้มหันมองพร้อมกัน แล้วก็เห็นเธอยืนส่งยิ้มหวานมาให้ผมพร้อมกับขวดน้ำในมือ

            "เราซื้อน้ำมาให้" พูดจบเธอก็ยื่นขวดน้ำมาตรงหน้าผม

            ผมมองซ้ายมองขวาหาตัวช่วยเพราะไม่อยากรับน้ำใจจากเธอ ก่อนจะคว้าขวดที่มีน้ำเหลืออยู่ก้นขวดจากมือไข่ต้มมาโชว์ให้เธอดู

            "ไม่เป็นไร เรามีแล้ว"

            "จะไปแย่งของเพื่อนทำไม"

            "นี่ขวดน้ำเรา"

            "แต่มันจะหมดแล้วอะ เอาของเราไปกินเถอะ"

            "ไม่เป็นไรไม่อยากได้ แล้วก็เลิกยุ่งกับเราเถอะ ไปมึง" ผมรีบตัดบทแล้วชวนไข่ต้มเดินหลบออกมา แต่คนช่างตื๊ออย่างเธอไม่ยอมง่ายๆ เดินอ้อมมาขวางหน้าผมไว้ ขณะที่คนอื่นๆ เริ่มหันมาสนใจพวกเรา

            "ทำไมต้องหนีเราขนาดนี้ด้วยอะ เราไม่ดีต้องไหน"

            "ไม่ดีตรงที่เราไม่ได้ชอบเธอไง"

            "ไม่ชอบก็ลองศึกษากันดูก่อนไม่ได้เหรอ เรามองซอสมานานแล้วนะ มั่นใจแล้วว่าไม่มีแฟนแน่ๆ ถึงได้ตัดสินใจจีบ เราชอบซอสจริงๆ" เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอทำหน้าเศร้า มันดูน่าสงสารก็จริงแต่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของผมได้อยู่ดี

            "ไม่มีแฟนก็ใช่ว่าไม่มีคนที่ชอบ"

            "ใครที่ซอสชอบ"

            "มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องบอก เราไม่ได้ชอบเธอ เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว" น้ำเสียงหนักแน่นที่บอกปฏิเสธทำเสียงจ้อกแจ้กจอแจโดยรอบเงียบลง ผมไม่ได้สนใจสายตาคนอื่น เลือกที่จะหันหนีสีหน้าอันเศร้าสร้อยของผู้หญิงตรงหน้าด้วยการเดินหลบออกมา คำพูดกระทบกระทั่งต่างๆ ก็ไม่ได้สนใจฟัง ให้มันจบแบบนี้นี่แหละดีที่สุด

            ไข่ต้มเดินตามมาโดยไม่พูดอะไร ผมไม่ได้อารมณ์เสีย แค่รู้สึกไม่ค่อยดีนักที่ทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด แม้มันจะเป็นเรื่องปกติของความรัก ผมเองก็เจ็บมาไม่ใช่น้อย จะมีสักกี่คนกันที่สมหวังไปเสียทุกอย่าง ถ้ามี...คนคนนั้นคงจะเป็นคนที่โชคดีเรื่องความรักที่สุดในโลกแล้วล่ะมั้ง

            หลังแข่งเสร็จก็ต้องเรียนต่อ เป็นการเรียนที่ผมไม่มีสมาธิเลยเพราะอารมณ์ไม่คงที่ตลอดคายบ่าย แข่งแพ้ว่าเซ็งแล้ว ยิ่งไอ้ประธานเอาเรื่องที่ผมปฏิเสธปุยมาพูดในห้องยิ่งชวนให้หงุดหงิด แต่เพราะไม่อยากทะเลาะเลยทำเป็นนิ่งใส่ ไข่ต้มเองก็พยายามพูดให้ผมใจเย็น มันแอบกุมมือผมใต้โต๊ะ นับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลพอสมควร จนกระทั่งเลิกเรียน ประโยคที่มันพูดออกมาก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของผมหายไปจนหมดสิ้น

            "เดี๋ยวพาไปเอารางวัลกัน"

 

            ผมคีบเนื้อหมูร้อนๆ จากเตาจุ่มลงถ้วยน้ำจิ้มก่อนใส่ปากแล้วตามด้วยข้าวสวย มีความสุขสุดๆ เมื่อได้กินของอร่อยตอนหิวโหย ที่สำคัญคือได้กินกับคนที่ชอบ และที่สำคัญกว่านั้นคือมื้อนี้กินฟรีไม่เสียสักบาทเดียว

            แข่งรอบแรกชนะได้จูบเป็นรางวัล แต่พอแพ้รอบชิงรางวัลกลับกลายเป็นข้าวเย็นหนึ่งมื้อที่ดูจะหาความเชื่อมโยงไม่ได้สักเท่าไร ไม่ใช่ว่าผมไม่พอใจนะ ไข่ต้มมันให้อะไรผมก็ดีใจทั้งนั้น เพียงแค่นึกสงสัยว่าถ้าเกิดได้ที่หนึ่งขึ้นมารางวัลที่ได้จะเป็นอะไร

            "ถ้ากูชนะมึงตั้งใจจะให้อะไร" สงสัยมากจนต้องถาม ถ้าพูดถึงสัมผัสทางร่างกายการจูบคือสิ่งที่มากที่สุดสำหรับสถานะของเราตอนนี้ อีกอย่างเราจูบกันบ่อยจนผมไม่คิดว่ามันจะเป็นรางวัลที่น่าตื่นเต้นแล้ว แม้ทุกครั้งที่จูบกันผมจะตื่นเต้นและมีความสุขมากก็ตาม

            "อะไรก็ได้ที่มึงอยากได้"

            "อะไรก็ได้จริงดิ"

            "เคยคิดไว้แบบนั้น"

            "ไม่กลัวกูขออะไรที่มึงให้ไม่ได้เหรอ"

            "มึงไม่ขออะไรแบบนั้นหรอก" แล้วไข่ต้มมันก็รู้ความคิดผมไปหมดเสียทุกอย่าง ถ้าถามว่าผมอยากได้อะไรจากมันที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นความรัก หรือไม่ก็สถานะที่ชัดเจนกว่าตอนนี้ แต่ผมรู้ดีว่ามันยังไม่พร้อมถึงไม่บอก รางวัลที่ขออาจจะเปลี่ยนเป็นข้าวสักมื้อเหมือนตอนนี้ก็ได้

            "กูรอฟังคำนั้นจากมึงเสมอนะ อยากฟังเร็วๆ ด้วย"

            "แล้วตอนนี้มันไม่ดีเหรอวะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ" คำถามนี้ชวนให้รู้สึกวูบโหวง ใจผมล่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม แต่ยังทำเป็นยิ้มสู้ ความหมายของคำถามนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย

            "ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ย ตอบได้เลยว่ากูมีความสุขมาก แต่ทุกความสัมพันธ์มันต้องการความชัดเจน กูก็ต้องการความชัดเจนเหมือนกัน คำตอบของมึงน่ะกูรอได้นะ แต่บางทีคนรอมันก็เหนื่อย"

            หน้าไข่ต้มเจื่อนลง ผมไม่ได้อยากทำให้เสียบรรยากาศ แต่ความจริงมันก็เป็นความผิดของเราทั้งคู่ ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย

            "ตอนนี้กูก็มีความสุขมากนะ กูมีบางอย่างที่กำลังตัดสินใจ กูอยากให้มันผ่านไปก่อน ไม่ได้อยากให้มึงเหนื่อยเลย"

            ความคิดของมนุษย์นั้นซับซ้อน บางอย่างก็ยากที่จะเข้าใจ กับความรักก็เช่นกัน ทั้งที่มีความสุขแต่กลับให้สถานะที่ชัดเจนไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าไข่ต้มกำลังรออะไร แต่รับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นต้องสำคัญมากสำหรับมัน

            "ถ้าอยากให้กูหายเหนื่อยขอแค่กอดแน่นๆ ก็พอ" มันได้ผลเมื่อผมพยายามดึงบรรยากาศดีๆ กลับมา ไข่ต้มยิ้มออก พร้อมกับคำตอบที่ผมคิดว่ามันคือรางวัลมากกว่าข้าวฟรีมื้อนี้อีก

            "ให้กอดทั้งคืนเลย"

            "พูดแล้วนะ"

            "เออ"

            "บ้านมึงหรือบ้านกู"

            "แล้วแต่มึง"

            "งั้นกินเสร็จไปบ้านกูก่อน ขอเวลาเก็บเสื้อผ้าห้านาที"

            คนฟังหัวเราะชอบใจ เห็นมันยิ้มได้ผมก็มีความสุขแล้ว

 
tbc.

 
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 26 <<< [09/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-02-2019 23:10:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 26 <<< [09/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 10-02-2019 06:57:24
อ้าวว ไข่ต้มดหมือนมีอะไรในใจซะงั้น ฮือ ใกล้จะจบม.6แล้วดัวย ความสัมพันธ์จะเป็นยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 26 <<< [09/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-02-2019 21:52:32
ไข่ต้มคิดเรื่องอะไรอี๊ก จะมาม่ามั้ย ลุ้นกว่าซอสแล้วเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 16-02-2019 20:03:37

ไข่ฟองที่ 27
ไข่ต้มไม่ใช่เพื่อนผม


            วันเวลาเดินทางมาถึงวันกีฬาสีซึ่งโรงเรียนผมจัดขึ้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนก่อนสอบกลางภาค เป็นอีกปีที่ผมมาโรงเรียนแต่เช้า ตั้งใจมาเฝ้าคนที่เป็นส่วนหนึ่งในขบวนพาเหรดโดยเฉพาะ แม้ไข่ต้มมันจะพยายามไล่ผมให้กลับไปนอนก็ตาม

            "ปีที่แล้วเราก็มานั่งเฝ้าป้ะ ถ้าจำไม่ผิด" พี่ช่างแต่งหน้าที่เป็นสาวประเภทสองถามขึ้นระหว่างแต่งหล่อให้เพื่อนผมอยู่ ปีที่แล้วพี่เขาก็มา เป็นศิษย์เก่าที่จบไปสี่ห้าปีเห็นจะได้ แต่ยังมาช่วยงานโรงเรียนอยู่เรื่อยๆ ตามที่ถูกจ้างวาน

            "พี่จำผมได้ด้วยเหรอ"

            "ได้ดิ เป็นคนเดียวที่ไม่เกี่ยวอะไรแล้วมานั่งหาวอยู่เนี่ย"

            "เพราะผมหล่อก็บอก"

            "จ้ะหล่อจ้ะ" พี่เขายิ้มพลางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนกลับไปตั้งใจกับการแต่งตาให้ไข่ต้มมัน

            ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วก็หาวอีกรอบ เป็นจังหวะที่พี่ช่างแต่งหน้ากำลังหันไปหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าเครื่องสำอางพอดีไข่ต้มเลยลืมตามอง ผมยิ้มให้มัน มันก็ยิ้มตอบ เลยเปิดกล้องมือถือว่าจะแอบถ่ายรูปสักหน่อย แต่ดันลืมปิดเสียงเสียนี่

            แชะ!

            "แน่ะ มีแอบถ่าย" เป็นพี่ช่างแต่งหน้าที่หันมาแซว

            ผมแค่ยิ้มแหยให้โดยไม่ตอบอะไรแล้วพี่เขาก็หันไปตั้งใจกับการแต่งหน้าให้เพื่อนผมเหมือนเดิม แต่พี่เขาคงจะเบื่อล่ะมั้งถึงได้เริ่มชวนผมคุยอีกครั้ง

            "ว่าแต่น้องชื่ออะไรนะ"

            "ซอสครับ"

            "ซอสอะไร แม็กกี้ป้ะ กินกับไข่ต้มอร่อยเลยนี่"

            พี่เขารู้ชื่อไข่ต้มอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าพี่เขาตั้งใจพูดหรือหลุดออกมาเองเพราะประโยคเมื่อครู่ทำเอาเราอึ้งทั้งคู่ ผมไม่กล้าพูดต่อแม้จะเห็นด้วยอย่างมาก ขณะที่ไข่ต้มมันยังทำเป็นนิ่งอยู่ นั่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เริ่มแต่งหน้าแล้ว

            "คบกันมากี่ปีแล้วล่ะ"

            "ครับ?" คำถามของพี่เขากำกวมจนต้องขอฟังซ้ำเพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่แค่ผมที่อาจจะเข้าใจความหมายของคำถามผิด ไข่ต้มเองก็ด้วย

            "เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ คบกันกี่ปีแล้ว"

            เกิดอาการอ้ำอึ้งระหว่างสองเรา ถ้าเป็นปีที่แล้วคงตอบได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ในตอนที่ทุกอย่างยังคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้ทำให้ไม่มีใครพูดไม่กล้าพูดอะไร อีกอย่างคือผมไม่อยากพูดด้วยว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน

            "ไม่ตอบอีก เขินล่ะสิ แสดงว่าเพิ่งคบกันใช่มั้ย พี่เข้าใจๆ" และเมื่อเราเงียบพี่เขาก็คิดเองเออเองเสร็จสรรพ

            ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรเมื่อพี่ช่างแต่งหน้าเข้าใจผิดไปแบบนั้น ไข่ต้มยังนั่งหลบตาให้พี่เขาแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้า ขณะที่ผมกำลังลังเลว่าควรจะถามสิ่งที่คิดออกไปดีไหม ว่าเพราะอะไรพี่เขาถึงได้คิดแบบนั้น

            แบบว่า...ทำไมถึงคิดว่าเราเป็นแฟนกัน ทั้งที่ผมก็แค่มานั่งเฝ้าเพื่อนเฉยๆ

            แต่ก็ช่างมันเถอะ

 

            แปดโมงตรงพาเหรดก็จัดขบวนพร้อมที่กลางสนาม เส้นทางการเดินคือถนนหน้าโรงเรียนระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร เดินออกทางประตูหลังวนเข้าซอยก่อนออกสู่ถนนใหญ่แล้วเข้าทางประตูหน้า เป็นการสร้างความติดขัดให้กับการจราจรช่วงเช้าได้ดียิ่งนัก

            เพราะไม่ได้มีส่วนร่วมในขบวนพาเหรดผมเลยต้องรออยู่ที่สแตนเชียร์กับเพื่อนๆ ในคณะสี ไข่ต้มอยู่ชุดสูทสีขาวขลิบน้ำเงินตามสีของโรงเรียน เดินต่อหลังวงโยธวาทิตนำหน้าขบวนธง เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาแฟนคลับได้เป็นอย่างดี

            พาเหรดทยอยกันเดินออกจากโรงเรียน เมื่อสิ้นสุดขบวนสุดท้ายของสีเหลืองโรงเรียนก็กลับสู่ความสงบชั่วครู่ เพื่อรอเวลาที่ขบวนพาเหรดจะวนกลับเข้าโรงเรียนอีกครั้ง และเริ่มพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

            เสียงดนตรีของวงโยธวาทิตแว่วมาไม่นานขบวนพาเหรดก็ทยอยกันเดินเข้ามา ฝ่ายโสตฯ ถือกล้องเดินถ่ายรูปกันขวักไขว่ ท่านผู้อำนวยการกล่าวเปิดงานก่อนพาเหรดจะสลายตัวกลับสีใครสีมัน ปิดท้ายด้วยการแสดงเปิดงานที่หลายคนรอคอย

            ผมไม่ได้สนใจดูการแสดงเท่าไรนัก เพราะความสนใจทั้งหมดอยู่ที่เพื่อนสนิท หลังจากเข้ามาข้างสนามไข่ต้มมันก็โดนน้องๆ รุมล้อมอยู่ข้างสแตนเชียร์ มีคนรอต่อแถวถ่ายรูปตามประสาคนดังของโรงเรียน บางคนระหว่างรอไข่ต้มหันมาขอถ่ายรูปผมก็มี

            การแสดงสำหรับพิธีเปิดจบลงแล้ว และงานกีฬาสีก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ละสแตนด์เริ่มส่งเสียง สนามถูกเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในกีฬาประเภทต่างๆ หากแต่ไข่ต้มมันยังถูกรุ่นน้องรุมล้อมไม่จบไม่สิ้นจนสตาฟสีผมตะโกนด่า

            เด็กกลุ่มผู้หญิงแตกหือวิ่งกลับไปสีตัวเอง เหลือเพียงน้องคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับถุงกระดาษในมือ เจ้าประจำที่ขาดไม่ได้

            "ขนมค่ะ วันนี้พี่ไข่ต้มหล่อมากๆ เลย ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ" น้องยูยื่นถุงกระดาษมาให้พร้อมเอ่ยขออย่างมีมารยาท ไข่ต้มยิ้มรับก่อนพยักหน้า

            "ครับ"

            ผมรับมือถือจากน้องยูมาทำหน้าที่ตากล้องให้เป็นกรณีพิเศษ ถ่ายให้ไปสองรูป พอส่งมือถือคืนปุ๊บน้องก็วิ่งกลับสีตัวเองปั๊บ ไม่รู้ได้เช็กรูปที่ผมถ่ายให้ไปแล้วหรือยัง

            "กูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ"

            "จะเปลี่ยนเลยเหรอ"

            จบภารกิจแล้วมันก็ตั้งท่าจะสลัดคราบคนถือป้ายโรงเรียนทิ้งทันที แต่ผมยังไม่มีรูปคู่กับมันเลย

            "ถ่ายรูปด้วยกันค่อยเปลี่ยน" ผมขยับไปยืนข้างไข่ต้มเปิดกล้องหน้าแล้วชูไปด้านหน้า รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย เพราะเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปคู่กันนัก

            กล้องสดไม่ผ่านแอปพลิเคชันใดๆ ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม ตั้งท่าพร้อม นิ้วโป้งกดปุ่มด้านข้างแต่หน้าจอดันล็อกเสียอย่างนั้น

            "เล่นอะไรของมึง" ไข่ต้มหันมาเลิกคิ้วใส่ผม แต่ผมไม่ได้เล่นมันแค่ผิดพลาด

            "กดผิดๆ"

            "กดเพิ่มลดเสียงดิ ล็อกหน้าจอทำไม"

            "กูไม่ค่อยได้ถ่ายรูปนี่หว่า เอาใหม่ๆ" สารภาพตามตรงว่าเขิน เหมือนผมเป็นรุ่นน้องที่แอบชอบแล้วมาขอถ่ายรูปมัน ทำเอาอยากรู้เลยว่าเวลาน้องๆ ได้ถ่ายรูปกับคนที่ชอบจะเขินกันบ้างไหม

            เทคสองกับการถ่ายรูปคู่ ผมยิ้มให้ดูดีที่สุดเท่าที่หน้าตาจะอำนวย ไข่ต้มอมยิ้มน้อยๆ ตามแบบฉบับของมัน รอบนี้ผมไม่พลาด ส่งกระแสจิตไปที่นิ้วชี้เป็นอย่างดี เก็บนิ้วโป้งเอาไว้ด้านหลังไม่ให้เข้าใกล้ปุ่มล็อกหน้าจอกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก

            แชะ!

            เสียงชัตเตอร์ดังพร้อมกับรูปถ่ายที่ถูกเก็บเข้าอัลบั้ม รูปคู่รูปแรกในรอบปี

 

            งานกีฬาสีวันแรกหมดไปกับการไล่ดูการแข่งขันกีฬาต่างๆ ในรอบชิงชนะเลิศ และตามคุมไข่ต้มตอนมีเพื่อนๆ น้องๆ มาขอถ่ายรูป ก่อนเราจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจบงาน

            วันที่สองของงานเป็นการประกวดกองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ แต่ละสีทุ่มกันสุดตัว ใส่กันสุดฤทธิ์ อลังการงานสร้างตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นไฮไลท์ของงานที่หลายคนตั้งตารอ จนเมื่อการแข่งขันทุกอย่างจบลงก็ถึงช่วงประกาศรางวัลต่างๆ และมอบเหรียญ มันคือช่วงเวลาที่ผมรอคอย แม้การแข่งขันเปตองของผมจะจบไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วก็ตาม

            ชื่อของสีฟ้าถูกประกาศให้ไปยืนบนแท่นรับรางวัลหมายเลขสอง อาจารย์ที่เป็นตัวแทนคล้องเหรียญให้นักกีฬาทีละคน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหนึ่งภาพก็เป็นอันเสร็จพิธีที่แสนเรียบง่าย

            ผมเดินกลับมาข้างสแตนด์สีฟ้า ถอดเหรียญที่เพิ่งได้รับมอบมาคล้องคอไข่ต้ม เหรียญที่ตั้งใจมอบให้

            "ทำไมไม่เก็บไว้อะ"

            "กูตั้งใจให้มึงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เสียดายที่ไม่ใช่เหรียญทอง"

            "ก็บอกให้ตั้งใจซ้อม"

            "ผิดไปแล้วครับ แก้ตัวไม่ได้ด้วย ปีสุดท้ายแล้ว"

            "แต่เหรียญเงินก็ดีแล้ว" มันบอกแล้วอมยิ้มบางๆ มือลูบเหรียญเงินของผมเบาๆ อย่างกับเป็นของล้ำค่า

            "วันนี้กูไปบ้านมึงนะ"

            คนตรงหน้าผมพยักหน้ารับอนุญาตคำขอ ไม่ถามไม่สงสัยว่าอยากจะไปทำไม เหตุผลคือเพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติของเราไปแล้ว

            สำหรับตอนนี้บ้านมันก็เหมือนบ้านของผม

 

            แม้งานกีฬาสีวันนี้เราสองคนจะไม่ได้ใช้พลังงานกันเท่าไร แต่สำหรับผู้ชายวัยกำลังโตย่อมขาดของกินไม่ได้ เราแวะเซเว่นกันหลังลงจากรถ หยิบทุกอย่างที่อยากกินใส่ตะกร้า กินรองท้องก่อนแม่ไข่ต้มจะกลับมาพร้อมอาหารเย็นมื้อใหญ่

            บริเวณโซฟาหน้าทีวีถูกจับจองสำหรับสุมของกินทุกอย่างไว้เหมือนอย่างเคย เราเปิดหนังดู เป็นหนังญี่ปุ่นชื่อว่า Biri Gal ที่ผมเคยเห็นคนแนะนำผ่านโซเชียลมาบ้างแต่ยังไม่มีโอกาสได้ดู พอเมื่อกี้ไข่ต้มมันเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นเพื่อนแชร์มาเลยชวนผมดู ช่างเข้ากับบรรยากาศการสอบอันเคร่งเครียดของเด็ก ม.หก จริงๆ

            หนังเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของเด็กสาวที่ไม่ค่อยฉลาดนัก เพราะความรู้ของเธออยู่แค่ระดับชั้นประถม จนได้มาเรียนพิเศษกับอาจารย์ท่านหนึ่งเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง และสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของญี่ปุ่นได้ในที่สุด เป็นเรื่องที่ดูแล้วสร้างกำลังใจในการอ่านหนังสือให้ผมได้ดีทีเดียว แต่จะมีอารมณ์ฮึดถึงตอนไหนอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

            "กูก็ต้องติดวิศวะให้ได้ เดี๋ยวแพ้ซายากะ" ผมให้สัญญากับตัวเองหลังหนังจบ

            "อย่างมึงติดอยู่แล้ว"

            "แล้วมึงอะ"

            "กูทำไม" ไข่ต้มเลิกคิ้วสงสัย ท่าทางมันดูไม่ปกติทุกครั้งที่ผมถามเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อ และมักจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง จนความความสงสัยของผมถึงขีดจำกัด ผมอยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ยอมบอกมาให้ชัดๆ สักที เป็นไปไม่ได้หรอกที่เด็กเรียนอย่างมันจะยังไม่ตัดสินใจเรื่องเรียนต่อ

            "ตกลงมึงจะเรียนไหนกันแน่วะ"

            "กูบอกแล้วไงว่าติดที่ไหนก็เรียนที่นั่น"

            "ขอความจริง"

            "ก็...นี่แหละความจริง" เสียงของมันแผ่วลง ยิ่งย้ำให้รู้ว่าสิ่งที่มันยืนยันนั่นแหละไม่ใช่ความจริง

            "ไข่ต้ม" ไม่บ่อยที่ผมเรียกชื่อมัน เราใช้สรรพนามมึงกูแทนตัวจนแทบลืมชื่อเล่นกันไปแล้ว และมันเองก็น่าจะรู้ว่าการที่ผมเรียกชื่อมันนั้นเป็นเพราะอะไร

            ไข่ต้มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ มันจ้องตาผม สีหน้าไม่ค่อยดีนัก แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเรื่องที่มันพยายามปิดไว้คงเป็นข่าวร้าย ผมพยายามนึกถึงทุกครั้งที่เราเคยคุยกันเรื่องเรียนต่อ แล้วก็นึกถึงครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วที่มันเคยพูดถึง กับสถานที่ที่ผมไม่อยากให้มันไปเลย

            "พ่อกูอยากให้ไปเรียนที่จีน"

            และความจริงก็มักทำร้ายจิตใจกันเสมอ

            ผมยังนึกไม่ออกว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงดี แม้จะมีเค้าลางอยู่บ้างแต่พอคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตกลับทำใจไม่ได้ ระยะทางที่เตรียมใจไว้ไม่ได้ไกลขนาดนี้

            "พอกูบอกแล้วมึงก็เครียดแบบนี้ไงเลยยังไม่อยากบอก"

            "ตั้งจีนเลยนะ ให้เวลากูทำใจหน่อย"

            "อย่าเพิ่งเครียดดิ กูยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป แค่บอกว่าพ่อกูอยากให้ไป"

            "คือยังไง"

            ผมชักสับสน ไข่ต้มถอนหายใจอีกครั้งแล้วจ้องหน้าผมเขม็งเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ผมตั้งใจฟัง

            "ฟังกู แล้วอย่าเพิ่งคิดอะไรทั้งนั้น พ่อกูอยากให้ไปเรียนต่อที่จีน แต่กูไม่อยากไป เพราะมึงนั่นแหละ"

            "เพราะกู"

            "อย่าเพิ่งแทรก"

            "ครับ"

            "เออ นั่นแหละ ที่ยังไม่ตอบรับมึงก็ด้วย กูอยากให้ทุกอย่างมันลงตัวก่อนจะได้ไม่รู้สึกค้างคา กูคุยกับพ่อไว้ว่าถ้าสอบติดที่ไทยก็จะไม่ไป แต่จะไปเรียนระยะสั้นช่วงปิดเทอมแทน และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่กูวางแผนไว้ ถ้าตอนนั้นมึงยังอยากคบกับกูอยู่ กูจะตอบรับมึง"

            เรื่องราวอยู่เหนือการคาดการณ์ของผมทั้งหมด จากที่เครียดในทีแรกตอนนี้เริ่มยิ้มออก กลายเป็นไข่ต้มที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว แถมยังจ้องผมไม่เลิกด้วย

            "เข้าใจที่กูพูดมั้ยเนี่ย"

            "เข้าใจ"

            "ก็ตามนั้นแหละ"

            "แล้วทำไมเป็นแฟนกันก่อนมึงไปจีนไม่ได้วะ"

            "ไหนบอกเข้าใจไง" มันเริ่มทำหน้างอแงตั้งแต่ยังไม่ทันได้ฟังผมอธิบาย

            "ทีนี้มึงฟังกูบ้าง"

            ไข่ต้มยังทำหน้างอจ้องผมไม่เลิก ผมเข้าใจมันนะ กับแฟนคนก่อนก็มีปัญหากันเรื่องระยะห่าง พออยู่ไกลกันความรู้สึกก็ห่างกันไปด้วย ใช่ว่าผมไม่กลัวจะเป็นแบบนั้น แต่ผมไม่ใช่พี่อ๋องสักหน่อย ความรู้สึกที่มีต่อกันก็เช่นกัน มันไม่เปราะบางขาดง่ายแบบนั้นหรอก

            "กูรู้มึงกลัว แต่ถ้าถามเรื่องความรู้สึกของกู กูตอบได้เลยว่ามันไม่มีทางเปลี่ยนไปง่ายๆ แน่นอน กูรักมึงมากี่ปีทั้งที่มึงไม่เคยรู้ตัวเลย ความรู้สึกที่กูมีให้มึงมันมากพอ ลบทิ้งไม่ได้ง่ายๆ หรอก ถึงจะห่างกันกูก็ไม่เปลี่ยน มึงรู้มั้ยว่ากูทำใจเรื่องที่เราอาจจะต้องเรียนคนละที่กันไว้แล้ว เพราะงั้นเป็นแฟนกูนะ"

            "เดี๋ยว!" ไข่ต้มรีบยกมือขึ้นทำท่าปางห้ามญาติ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันเท่าไร แต่จุดหมายที่ตั้งใจก็คือขอมันเป็นแฟนนั่นแหละ

            "มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ"

            "กูยังไม่ได้ตอบตกลงเลย"

            "ก็เรื่องของมึงอะ แต่มึงเป็นแฟนกู"

            "ไอ้ซอส"

            "อะไร"

            "ขอแบบจริงจัง"

            "ตอนนี้ก็จริงจังที่สุดในชีวิตกูแล้ว กูอยากเป็นแฟนกับมึงมากไม่รู้เหรอ"

            "รู้"

            "ก็ตามนั้น"

            "มึงแม่ง" ไข่ต้มยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิกแม้แก้มจะมีเลือดฝาดนิดๆ คงเลือกไม่ถูกว่าจะหงุดหงิดหรือเขินก่อนดี

            "ให้มึงเป็นแฟนกูก่อนก็ได้ แล้วกูค่อยเป็นแฟนมึงตอนมึงพร้อม"

            "ได้เหรอวะ"

            "ถ้ายอมรับก็ได้หมดอะ"

            ไข่ต้มถอนหายใจดังเฮือก มันทำหน้าเหนื่อยใจแบบคนหมดปัญญาจะเถียง แต่สักพักก็กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง แล้วก็เล่าเรื่องที่ทำให้ผมรู้สาเหตุความกลัวของมันอีกข้อ

            "พี่ที่กูรู้จักแฟนเขาไปทำงานที่จีนสามเดือน แต่แฟนพี่เขาไปยังไม่ทันครบสามเดือนเลยก็เลิกกันแล้ว"

            "มันก็อยู่ที่ตัวคนหรือเปล่าวะ แฟนพี่มึงไม่มั่นคงเอง หรือมึงจะทิ้งกู"

            "ไม่ใช่แบบนั้น"

            "งั้นก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร"

            "แล้วถ้ากูต้องไปเรียนมหา’ลัยที่นู่นอะ"

            "มึงอยากอยู่กับกูมั้ย"

            "อยากดิ"

            "งั้นมึงไม่มีทางได้เรียนที่นู่นหรอก เชื่อในตัวเองหน่อยดิ"

            เราสบตากัน ผมส่งความเชื่อมั่นทั้งหมดที่มีไปให้มัน ในเมื่อคิดว่าทำได้ก็ต้องทำได้ ดูอย่างซายากะยังทำสำเร็จได้เลย แล้วคนที่มีต้นทุนดีกว่าตั้งเยอะอย่างมันจะทำไม่ได้งั้นเหรอ ผมไม่เชื่อแบบนั้นหรอก

            "มึงได้ไปจีนแค่ไม่กี่เดือนแน่ๆ เชื่อกู" ผมยกมือวางบนหัวมันแล้วยีผมเบาๆ

            "อืม"

            "เรียนระยะสั้นมันสามเดือนป้ะ ถ้านี้กูรอได้ ชิลๆ"

            "อยากรอสามเดือนจริงๆ เหรอ"

            คำพูดกำกวมของคนตรงหน้าชวนให้คิดเยอะ ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ใจเริ่มเต้นแรงเพราะสมองตีความประโยคข้างต้นไปในทางที่ดีมากกว่า

            "อะไร พูดให้มันเข้าใจหน่อย"

            "เป็นแฟนกูนะ" ผมถลึงตาใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อนัก เมื่อกี้ยังพยายามปฏิเสธอยู่เลย แล้วตอนนี้กลับมาขอเป็นแฟนเสียอย่างนั้น นี่ผมหูฝาดไปหรือเปล่า

            "พูดอีกทีดิ๊"

            "มึงก็เป็นแฟนกูแล้วเหมือนกัน เราเป็นแฟนกัน โอเคนะ จบ เลิก" มันขึ้นเสียง พูดแล้วโบกมือไปมาตรงหน้าเหมือนกำลังปัดแมลงอะไรสักอย่าง

            แต่เดี๋ยวก่อน!

            "เลิกไม่ได้นะเว้ย เพิ่งคบ อย่าเพิ่งเลิก"

            "ตลกเหรอ"

            "ก็กลัวมึงเครียด"

            "จะเครียดเพราะมุกมึงนี่แหละ"

            ผมหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี เสร็จแล้วก็นั่งมองหน้าแฟนหมาดๆ ที่อยู่ๆ มันก็ดูน่ารักขึ้นมาเป็นกอง คนโดนจ้องเลยเหยียดขามาจนเท้าเกือบยันเข้าหน้าผม แต่ไม่เป็นไรหรอกผมไม่โกรธ เข้าใจว่ากำลังเขิน ตอนนี้ก็ทำเป็นใช้กำลังไปงั้น เดี๋ยวสักพักก็ยอมให้ผมกอดอยู่ดี

            ต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘ไข่ต้มเพื่อนผม’ ไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็น ‘ไข่ต้มแฟนผม’ ต่างหาก

 

tbc.


ในที่สุด!!!! ตอนหน้าจบแล้วน้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-02-2019 20:32:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว  อิอิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 16-02-2019 20:32:58
ดู๊ดูกว่าไข่ต้มจะเป็นแฟนผม
ตอนหน้าจบ  :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-02-2019 21:43:04
เป็นแฟนกันแล้ว :mc4:
ลุ้นตั้งนานว่าไข่ต้มมีอะไรไม่ตกลงซะที
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2019 04:27:59
ลุ้น​แล้ว​ลุ้น​อีก​
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-02-2019 05:10:58
จะมีอะไรตามมาไหมเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-02-2019 12:39:23
เป็นแฟนกันแล้ววว
อย่ามีอะไรมาอีกเลยนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองที่ 27 <<< [16/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-02-2019 08:38:16
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: kinsang ที่ 23-02-2019 18:24:05

ไข่ฟองสุดท้าย
เขายังคงเป็นไข่ต้ม


            ตั้งแต่ที่ตกลงเลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทเป็นแฟนดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เรายังดูแลกันเหมือนเดิม ปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม ไม่มีใครรู้หรือสังเกตเห็น มีบ้างที่ได้ยินพวกรุ่นน้องพูดถึง แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีบางคนซึ่งเป็นส่วนที่น้อยมากคิดว่าเรากำลังคบกันอยู่ บางทีผมก็คิดอยากป่าวประกาศให้ทุกคนรู้นะ น้องที่เคยพนันกันเรื่องหมูกระทะจะได้เลี้ยงเพื่อนสักที แต่พอคิดดูอีกทีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

            ช่วงนี้เหล่านักเรียน ม.หก ต้มกำลังเคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบต่างๆ ทั้ง GAT/PAT O-NET  และ 9 วิชาสามัญ หลังจากสาหัสไปกับการสอบกลางภาคเมื่อต้นเดือนหลังจบงานกีฬาสี และตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการยื่นคะแนน TCAS รอบแรกกันอยู่ ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าผมไม่คิดว่าตัวเองจะติดตั้งแต่รอบนี้ มันเป็นไปได้ยากมาก

 

            วันเวลาอันแสนยาวนานวนเวียนมาบรรจบในวันสำคัญอีกครั้ง วันนี้เป็นวันปีใหม่ และเป็นเกิดครบรอบสิบแปดปีของไข่ต้ม น่าเสียดายที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น ผมต้องอยู่กับครอบครัว ไข่ต้มเองก็เหมือนกัน แต่ผมเป็นคนแรกที่โทรไปสวัสดีปีใหม่และอวยพรวันเกิดมันนะ กดโทรตอนเที่ยงคืนพอดีเลยด้วย แม้ปลายสายจะรับตอนเที่ยงคืนหนึ่งนาทีก็ตาม

            พูดถึงวันเกิดก็ต้องนึกถึงของขวัญ ปีนี้ผมก็มีของขวัญให้ไข่ต้มเหมือนเคย แม้ของขวัญที่ผมให้ปีที่แล้วมันจะยังไม่ใช้เลยก็เถอะ ปีนี้เราเริ่มต้นด้วยการกินข้าวดูหนัง ก่อนจะไปจบที่ห้องนอนของเจ้าของวันเกิด กับเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม เหตุการณ์คุ้นๆ เหมือนเคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน

            ผมถือเค้กขนาดหนึ่งปอนด์ยืนอยู่กลางห้องที่ปิดไฟ มีแสงสว่างจากเทียนสองเล่มรูปเลขหนึ่งกับเลขแปด เจ้าของวันเกิดยืนอยู่ตรงหน้าผม กำลังหลับตาอธิษฐาน ก่อนลืมตาแล้วเป่าเทียนเบาๆ แสงสว่างก็หายไป อาจจะต่างกับงานครั้งที่แล้วนิดหน่อยตรงที่เจ้าของห้องรีบเดินไปเปิดไฟทันทีเมื่อเทียนดับ

            "รีบเปิดไฟทำไมวะ" ผมแซว ไข่ต้มหันมาถลึงตาใส่ ชี้ให้ผมเอาเค้กไปวางบนโต๊ะ แต่คำตอบของมันก็ชวนให้ยิ้ม

            "เดี๋ยวเสื้อเลอะ"

            "เลอะก็ซัก"

            "ให้มันเลอะแค่ปากก็พอ"

            "เอางั้นก็ได้"

            ผมรู้ว่าไข่ต้มมันไม่ได้หมายความว่าให้ทำตามที่บอกเดี๋ยวนี้ แต่ทำไงได้เมื่อร่างกายดันตอบสนองไว วางเค้กบนโต๊ะแล้วก็ปาดเนื้อเค้กเดินเข้าไปหาเจ้าของวันเกิด มันอ้าปากจะด่า ผมเลยยื่นนิ้วเข้าปากมันเสียเลย คนที่กำลังตกใจดูดเนื้อเค้กอย่างลืมตัว พอดึงนิ้วออกมาผมก็ประกบริมฝีปากไปแทน

            ปกติผมไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่กลับติดใจรถหวานปนขมของเค้กช็อกโกแลตไปแล้ว หรือจะเป็นรสหวานของนมข้นก็ดี ความหอมหวานของมันชวนให้หลง พาอารมณ์เตลิดทุกครั้งที่ได้ลิ้มรส และลึกซึ้งขึ้นทุกขณะที่ได้ลิ้มลอง

            รสหวานของเค้กช็อกโกแลตหมดไปแล้ว แต่ความหวานของเจ้าของวันเกิดยังไม่จางหายไป เราจูบกันนานขึ้นทุกครั้ง โหยหากันมากขึ้นทุกรอบ ปากแดงเจ่อเมื่อผละออกจากกัน ผมอยากจะต่ออีกสักนิด แต่โดนไข่ต้มดีดหน้าผากบอกให้พอ พร้อมกับทวงของขวัญวันเกิด

            "ไหนของขวัญ"

            "ก็จูบเมื่อกี้ไง"

            "ไม่นับ"

            ผมก็ล้อเล่นมันไปอย่างนั้น จูบนับเป็นของขวัญไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นแสดงความรักโดยปกติของเราอยู่แล้ว

            "กูอยากให้การ์ดมึงอีกใบ แต่ของปีที่แล้วมึงยังไม่ได้ใช้เลย"

            "ก็ยังไม่ถึงเวลาที่อยากใช้นี่หว่า"

            "แล้วมึงตั้งใจจะใช้ตอนไหน" มันคือเรื่องที่ผมอยากรู้มากๆ ไข่ต้มบอกว่าคิดไว้แล้วว่าอยากใช้ตอนไหน แต่ผ่านมาหนึ่งปีแล้วก็ยังไม่ใช้สักที

            "กูจะใช้ตอนไปจีน"

            "ทำไมวะ"

            "กูจะขอให้มึงรอ ก็ตั้งใจไว้แบบนั้น หมายถึงถ้าตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ยังไงก็ยังจะขอให้มึงรออยู่ดี"

            "งั้นก็ไม่ต้องใช้หรอก เพราะยังไงกูก็รอมึงอยู่แล้ว" คำขอพวกนี้มันไม่จำเป็นเลยสักนิด 

            ไข่ต้มย่นจมูกใส่ตอนผมยื่นบัตรขออะไรก็ได้ใบที่สองให้ ของขวัญวันเกิดที่อาจจะธรรมดาไปสักนิดแต่ผมชอบมันนะ เรียบง่ายและตรงความต้องการ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเดาใจมัน แต่ถ้าให้เดา นอกจากของกินแล้วไข่ต้มมันก็ชอบของขวัญชิ้นนี้จากผมนี่แหละ

            "ขอบคุณนะ" รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าที่ผมชอบเมื่อรับของขวัญไปถือไว้ ไข่ต้มเก็บมันเข้าลิ้นชักที่ในนั้นคงจะมีของขวัญของปีที่แล้วเก็บเอาไว้อยู่

            เรานั่งกินเค้กด้วยกันโดยไม่ทำให้เลอะเสื้อผ้าเหมือนวันเกิดของผม ตัดแบ่งไว้ให้พ่อกับแม่ด้วยครึ่งปอนด์ แต่ถึงไม่ทำเค้กเลอะเสื้อผ้าผมก็ทำอย่างอื่นเลอะตัวไข่ต้มอยู่ดี วันเกิดครบสิบแปดปีทั้งทีมันก็ต้องมีอะไรพัฒนาไปบ้าง ความสัมพันธ์ทางใจก็ส่วนหนึ่ง ความสัมพันธ์ทางร่างกายก็ต้องควบคู่กันไป

            เอาเป็นว่าผมจะนับความสุขสมที่มอบให้ครั้งนี้เป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นก็แล้วกัน

            สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนรัก

 

            โชคร้ายที่ TCAS รอบแรกเราไม่ติดกันทั้งคู่ แต่ไข่ต้มติดรอบสองทำให้มันได้ไปเรียนภาษาที่จีนสามเดือนแทนการไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยตามความต้องการของพ่อมัน ส่วนผมผู้ซึ่งผิดหวังจากทั้งสองรอบก็ต้องไปพยายามต่อไปกับอีกสามรอบที่เหลือ กับคำขอจากการ์ดขออะไรก็ได้ที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดไข่ต้มทั้งสองใบซึ่งมันให้ผมก่อนจะเดินทาง

            ‘มึงต้องติดมหา’ลัยเดียวกับกูนะ’

            ยากยิ่งกว่าบอกรักเพื่อนสนิทก็คำขอนี้แหละ แต่ผมก็สัญญาแล้วว่าจะทำให้ได้ และผมต้องทำได้

            ผมมองบัตรขออะไรก็ได้ทั้งสองใบที่ถูกใช้พร้อมกันระหว่างนั่งรถกลับจากสนามบินแล้วยิ้มขำกับตัวเอง เมื่อลองมองย้อนกลับไปในวันวานแล้วมีเรื่องให้นึกถึงมากมาย เรื่องในอดีตที่เคยเศร้ากลับทำให้ยิ้มได้ในวันนี้ ผมคิดว่าเพราะตัวเองเข้มแข็งขึ้นถึงได้มองอดีตให้กลายเป็นเรื่องตลกได้ อีกอย่างมันยังช่วยตอกย้ำให้ระลึกไว้เสมอว่ากว่าจะผ่านอดีตแสนเศร้ามาได้นั้นต้องพยายามมากแค่ไหน

            กาลเวลามักทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ภายในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมีหลายอย่างในชีวิตผมที่เปลี่ยนแปลงไป หากจะพูดโดยรวมก็คือการก้าวไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ได้พบเจออะไรใหม่ๆ เรียนรู้ที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ก้าวไปในเส้นทางที่ทอดยาวไม่รู้จบ

            สำหรับไข่ต้มเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม แม้วันนี้สถานะของเราจะขยับขึ้นมาอีกขั้นแต่ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เราต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน ผมอยากขอบคุณมันอีกครั้งที่พยายามเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง จนกลายเป็นไข่ต้มคนใหม่ในตอนนี้ แต่วันนี้คงได้พูดแค่กับบัตรสองใบในมือเท่านั้น

            "ขอบคุณมึงมากนะ"

            เอาไว้มันกลับมาเมื่อไรผมจะบอกต่อหน้าอีกครั้งก็แล้วกัน
 

End


ไข่ฟองสุดท้ายแล้ว ยาวนานมากๆ จำได้ว่าลงตอนแรกสิ้นปี 60
ลงได้สี่ตอนแล้วก็ดองยาวๆ กันเลยทีเดียว
ที่จริง เราตั้งใจว่าจะให้ความสัมพันธ์จบลงแค่คำว่าเพื่อนแล้วค่ะ
ตามชื่อเรื่อง ไข่ต้มเพื่อนผม ก็ต้องเป็นเพื่อนอะไรประมาณนั้น
แต่มันก็เศร้าไปหน่อย สงสารน้องพระเอก โดนรังแกเยอะเหลือเกิน
จะปล่อยให้อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่ออีกก็ใจร้ายเกินไปหน่อย
อาจจะจบแบบค้างๆ คาๆ ไปหน่อยนะคะ
เราตั้งใจให้เรื่องราวจบแค่ช่วงมัธยม เลยสิ้นสุดแค่ตรงนี้
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับเอเวอร์วายค่ะ วางแผงประมาณเดือนพฤษภาคม
มีตอนพิเศษหกตอน ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกันมาอย่างยาวนาน
เจอกันเรื่องใหม่ ตอนนี้มีสองเรื่องค่ะที่ลงไว้
จากจันทร์ลืมศุกร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68262.0) แนวลึกลับ สยองขวัญหน่อยๆ
เหนือลิขิต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69628.0) ฟีลกู๊ด แฟนตาซี
ขอบคุณมากค่า

หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2019 18:32:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

จบแล้วอ่ะ  แทงคิ้วหลาย
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 23-02-2019 20:43:05
แง้ จบแล้วเหรอ
ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ชอบซอสมากกกกกกก รักพระเอกแบบเน้
จะรอรวมเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-02-2019 22:45:15
จบแล้ว อยากรุ้ตอนไข่ต้มกลับมา แงๆ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-02-2019 00:46:35
ซอสทำได้  :a2:
อยากเห็นตอนโตมากกว่านี้  :hao5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 24-02-2019 05:03:09
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 24-02-2019 11:54:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 24-02-2019 12:25:27
ดีใจที่อย่างน้อยไม่จบแบบเพื่อนนะคะ  :hao5:
แบบนั้นจะสวสารซอสมากๆเลย
หวังว่าตอนโตไปเค้ายังรักกันนะคะ รอตอนพิเศษ อิอิ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-02-2019 14:34:07
ดีใจที่อย่างน้อยไม่จบแบบเพื่อนนะคะ  :hao5:
แบบนั้นจะสวสารซอสมากๆเลย
หวังว่าตอนโตไปเค้ายังรักกันนะคะ รอตอนพิเศษ อิอิ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ  :mew1:

เหมือนใจ........ :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณไรท์ มากๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-03-2019 11:53:41
สนุกมากค่ะ เราอ่านรวดเดียววางไม่ลง ปกติไม่ชอบแนวเพื่อนๆ แต่อันนี้ชอบมากกก ชอบความลุ้นชื่อพระเอก ชอบความลุ้นว่าใครจะเป็นคนที่ผ่านมาชอบไข่ต้มอีก ตัวละครสองตัวเป็นอะไรที่น่ารักมากๆในความรู้สึกเรา เหมือนทั้งคู่มีแต่ความจริงใจแล้วก็มีความรักแบบปรารถนาดีให้กันทั้งคู่ ไม่เคยผิดหวังกับนิยายคุณคินซังเลยค่ะ จะติดตามงานใหม่ต่อไปเรื่อยๆ เลยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 03-03-2019 20:34:32
กว่าจะรู้ชื่อพระเอกคือผ่านมาครึ่งเรื่องแล้ว555 ตอนแรกนึกว่าขื่อเอส(S)ด้วยล่ะ  :laugh:
เรื่องนี้ละมุนดีแต่นุ้งไข่ต้มต้องกล้ากว่านี้นะลูกก อ่านแล้วคิดถึงหนังเรื่องเฟรนโซนเลย
#ไข่ต้มต้องกินกับซอส  :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-03-2019 15:51:48
รู้ว่าพระเอกชื่อซอสก็คือตอนที่ 17 55555
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-03-2019 22:21:47
ดีใจกับซอสด้วยที่สมหวัง  :L2:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 06-03-2019 19:08:40
สนุกมากกกกก อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 07-03-2019 22:18:48
ถ้าจบแบบพ่อพระเอกไร้คู่เราก็โอเคนะ เพราะไข่ต้มไม่มีวี่แววการเปลี่ยนจากเพื่อนรักกลายเป็นรักเพื่อนเลย
แต่ก็ดีที่พ่อพระเอกเรามีคนรักคนหลง ไม่ใจร้ายกับเขาเกินไป 55555
ว่าแล้วก็อยากอ่านช่วงหลังจากนี้มาก อยากรู้ว่าความสัมพันธ์เขาจะเป็นยังไงเมื่อเข้าสู่วัยที่เป็นผู้ใหญ่ ยิ่งเวลาเปลี่ยน อายุมากขึ้น การแสดงออกทางกาย หรือทางความรู้สึกย่อมมีอะไรเปลี่ยนไปแน่นอน
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 10-03-2019 22:15:10
นึกว่าจะมี nc18+++ อิอิ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: pond_sn ที่ 12-03-2019 20:28:05
ขอบคุณค่า่
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 14-03-2019 06:20:33
ดีใจกับซอส แอบรักแล้วได้รับรักตอบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: MsMin ที่ 18-03-2019 04:03:01
น่ารักดี ขอบคุณนะคะ
แม้จะหวังให้มีncเล็กน้อยตอนจบ แต่ก็พอใจละ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 19-03-2019 10:53:30
น่ารักดีครับ ......................... ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 20-03-2019 09:35:35
น่ารักดีนะ ลุ้นๆว่าจะจะสมหวังมั้ย
เดาชื่อซอสถูกด้วยล่ะ อิอิ

บวกจ้า^^
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Enzetsune ที่ 04-04-2019 07:10:19
อ๊อยย อ่านรวดจนจบเลยงับ แรก ๆ ยอมรับเลยว่าสงสารซอส
คือไข่ต้มปิดตัวเองม๊ากกก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมามันก็ทำให้น้องเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้นอ่าเน๊อะ
ชอบความค่อย ๆ พัฒนา ชอบเรื่องที่ไม่ได้เน้นดราม่าปวดตับ ฟีลกู๊ดมากเลยงับ
อ่านแบ้วก็นึกถึงช่วงมัธยมที่ผ่านมานานแส๊นนาน 555555 ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 01-05-2019 12:07:17
ช่วงต้นดรื่องถึงเกือบจะท้ายเรื่องลุ้นกับพระเอกหนักมา หน่วงแทนพระเอกเลยตอนรู้ว่าไข่ต้มคบกัพี่อ๋อง แต่พอเลิกปุ๊ป ก็เอาใจช่วยจีบให้ติด แล้วก็สมหวังจนได้
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 09-06-2019 13:04:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 15-06-2019 23:48:39
จบแล้ววววว อ่านรวดเดียวจบเลย
ความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปเรื่อยๆ จากเพื่อนสนิทไปเป็นแฟน
น่ารักจริงๆ ขอบคุณซอสที่มั่นคง ในที่สุดก็สมหวังแล้วน้าา
ต้องเป็นคู่ที่น่าอิจฉาสุดแน่ เพราะรู้ใจกันไปหมดทุกอย่างจริงๆ
ขอบคุณคนแต่งนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 15-10-2019 22:39:06
ขอบคุณนิยายดีๆน่ะครับ
เนื้อเรื่องลุ้นมากว่าจะเป็นยังไงต่อ ไข่ต้มกับซอส ชอบตรงที่กว่าจะเฉลยชื่อพระเอกทำให้เราอ่าน
แล้วเราก็ยังคิดเลยว่า เอ่อเน้อ เรายังไม่รู้ชื่อพระเอกเลย
เป็นกำลังใจให้ในการเขียนนิยายดีๆให้พวกเราอ่านกันน่ะคัรบ
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 23-10-2019 22:23:47
ซอสคือสุดยอดมากที่อดทนได้ขนาดนี้ ยอมอยู่เคียงข้างเค้าตลอดทั้งตอนยังไม่มีแฟนหรือตอนที่มีแฟนแล้ว ไข่ต้มก็ฮอตเหลือเกิน มีคนเข้ามาจีบตลอด ก็คนมันน่ารักอ่ะเนอะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม &gt;&gt;&gt; ไข่ฟองสุดท้าย &lt;&lt;&lt; [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 06-11-2019 23:01:12
รู้สึกไม่ชอบตอนพี่อ๋องอ่ะ ทำเราเศร้าไปหลายตอนเลย
นายซอสดีใจด้วยน้าาา นายไข่ต้มได้เป็นแฟนสักที

ปล.นิยายสนุกทุกเรื่องเลย แต่ติดที่ปมดราม่ามันทำให้อ่านช่วงฟินๆมันให้ความรู้สึกไม่ฟินอ่ะ แบบหน่วงจนไม่แฮปปี้ รู้สึกขัดใจนิดหน่อย แต่ก็ตามอ่านทุกเรื่องน้าาา เก่งมากคนเขียน เป็นกำลังใจให้จ้าาา


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 18-03-2020 08:14:13
โอ้ยยย เขินมากกก เคยอ่านเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วแล้วกลับมาอ่านอีกรอบ ชอบคนแบบไข่ต้มมาก ตรงๆดี อิจฉาจังเลยยย ส่วนซอสสงสารมาก เสียดายตอนแรกเดาชื่อไว้ว่าน้ำพริกตาแดงเพราะเห็นพ่อกินกับไข่ต้ม แต่ไม่ใช่แหละ ถ้าใช่จะพีคเกิน5555555 ตอนอ่านช่วงแรกๆอึดอัดแทนซอสมาก แบบไม่ไหว ต้องออกแอพมาหายใจละเข้ามาอ่านต่อ ดีใจที่อ่านจนจบ สนุกมากครับ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: allmysecret ที่ 22-03-2020 02:53:36
อยากให้มีภาคต่อ อยากเห็นอนาคตของน้อง อยากมีซอสเป็นของตัวเองมากกกกก
หัวข้อ: Re: My Egg #ไข่ต้มเพื่อนผม >>> ไข่ฟองสุดท้าย <<< [23/02/2562]
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 10-02-2023 10:29:52
น่ารักมากกก