Rain
เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาเพราะฝน
-BlackQueen-
ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งที่ควรจะผ่านพ้นช่วงเวลาหน้าฝนมาแล้วแท้ๆ ผมสะบัดหัวที่เปียกชุ่มสองสามทีขณะที่เข้ามาหลบฝนหน้าร้านสะดวกซื้อคู่บ้านคู่เมืองอย่างเซเว่น-อีเลฟเว่น
"ตกหนักจนมองไม่เห็นทางเลยเนอะ" อยู่ๆผู้ชายที่ยืนอยู่ก่อนแล้วก็พูดขึ้นมา ผมเหลือบตาไปมองพร้อมกับคำถามในใจ ..มึงเป็นใครวะ เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันเกือบทุกซี่แสดงความเป็นมิตรออกมา ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าชุดที่เขาใส่คือชุดนักศึกษาที่เดียวกับผม และมันเปียกปอนไม่ต่างกัน
"อืม ขี่รถต่อไม่ได้เลย" ผมตอบกลับไปอย่างเสียมิได้ ในเมื่ออีกฝ่ายรอคำตอบเหมือนหมารอคำชมขนาดนั้นแล้ว
"น้ำจะท่วมอีกไหมนะ" เขาพึมพำขณะที่ขยับเข้ามาใกล้ผมเพื่อเปิดทางให้คนอื่นได้เข้าร่มมาหลบฝนด้วย
ผมเดินออกมาจากเซเว่นพร้อมกับถุงอาหารประทังชีวิตถุงใหญ่ แล้วก็บังเอิญเจอไอ้หน้ายิ้มคนนั้นอีกครั้ง วันนี้เขาใส่ชุดลำลองเป็นเสื้อยืดสีกรมกับกางเกงขาสั้นสไตล์เด็กหอกำลังป้อนไส้กรอกให้กับเจ้าถิ่นอย่างพี่หมาที่ชื่อสิงโต
"ซื้อเยอะจัง" เขาทัก ผมเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ปกติคงแปลได้ว่า 'เสือกจัง'
"เพื่อนฝากซื้อด้วยน่ะ" แล้วผมก็ต้องตอบคำถามนั้นอย่างเสียมิได้อีกแล้ว เมื่ออีกฝ่ายจ้องมองอย่างรอคอย
"อ่อ ทำไมยังใส่ชุดนักศึกษาล่ะ มีเรียนวันนี้ด้วยเหรอ" เป็นอีกครั้งที่ผมอยากจะถอนหายใจแรงๆแล้วบอกว่า 'เสือกจังวะ' แต่ไอ้หน้าซื่อๆกับยิ้มโง่ๆนั่นก็ทำให้ผมยอมตอบอย่างผู้ได้รับการอบรมมารยาทมา
"ยังไม่ได้กลับห้องตั้งแต่เมื่อวาน"
"โห เหนื่อยแย่เลยดิ พักบ้างนะ" พอพูดจบพร้อมกับพี่สิงโตงาบไส้กรอกคำสุดท้ายหมดไป เขาก็ลุกเดินไปที่ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ฟีโน่ของเขาแล้วหันมายิ้มให้ผม "แล้วเจอกัน ไปล่ะ"
หลังจากวันนั้นมาพวกเราก็จะบังเอิญเจอกันที่เดิมนี้อยู่บ่อยๆ บทสนทนาเริ่มยาวขึ้น รู้จักกันมากขึ้น สนิทสนมกันมากขึ้น จนกระทั่งมันพัฒนาไปไกลมากกว่าแค่คนรู้จักกันหน้าเซเว่น
เราตกลงคบหากันหลังที่เจอกันในวันฝนตกนั้นสองปี ในช่วงแรกๆผมก็ยังไม่แน่ใจเพราะไม่เคยชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่เวลาและรอยยิ้มของเขาช่วยให้ผมตัดสินใจได้ เรากลายเป็นคู่รักวัยรุ่นทั่วๆไป เขาย้ายออกจากหอในมาอยู่กับผม มีทะเลาะกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ผ่านเรื่องดีร้ายไปด้วยกัน ค่อยๆโตไปด้วยกัน
"เอาอันนี้ด้วยดิ" เขาคว้ากล่องถุงยางมาวางรวมกับของกินที่ผมมักจะซื้อไปตุนไว้บนเคาน์เตอร์จ่ายเงิน พนักงานมองหน้าเราด้วยสีหน้าที่ออกจะเหยียดหยัน ผมพยายามไม่ใส่ใจเหมือนกับที่ผ่านๆมา จริงๆผมควรจะชินได้แล้ว แต่ในใจลึกๆผมก็ยังรู้สึกแย่ แย่จนอยากจะกระชากพนักงานนั่นมาต่อยให้คว่ำ
"มองกันขนาดนี้เลยเหรอครับ" กลายเป็นเขาที่พูดออกไป และมันทำให้ผมประหลาดใจมากจริงๆที่คนเรียบง่ายอย่างเขาไปหาเรื่องใครก่อน
"นี่มันปีไหนแล้วครับพี่ โลกเปิดกว้างแล้ว พี่ก็น่าจะเปิดหูเปิดตาตามชาวบ้านเขาบ้างนะครับ" ถ้อยคำเจ็บแสบที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากผู้ชายคนนี้ดาเมจแรงมากถึงขนาดที่พนักงานหน้าเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาหันหน้ามามองผมแล้วยิ้มร่าอย่างเจ้าตัวชอบทำเสมอ "เย็นนี้ไปดูหนังกันนะที่รัก"
บางทีอาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มเจิดจ้าของเขา หรืออาจจะเพราะความกล้าที่จะแสดงจุดยืนของตัวเองโดยไม่สนสายตาใคร หรืออาจจะเพราะเป็นนิสัยแปลกประหลาดนั่น ผมจึงกล้าที่จะตอบรับออกไปด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกัน
"ไปสิ"
พวกเราเดินผ่านช่วงเวลาต่อจากนั้นมาอีกสองปีเต็ม ผมเหลือเวลาเรียนอีกหนึ่งปี ในขณะที่เขาจบการศึกษาและเข้าสู่ช่วงวัยของการทำงานแล้ว เรายังอยู่ด้วยกัน อาจจะไกลจากที่ทำงานเขาอยู่บ้าง แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร
"ที่รัก เอาน้ำอะไร" เขาหันมาถามผมที่กำลังง่วนอยู่กับการเลือกขนมโซเดียมสูง
"อะไรก็ได้" ผมตอบส่งๆไป ผมเดาว่าเขาคงยิ้มแล้วส่ายหัวขณะที่คว้าขวดชาเขียวรสดั้งเดิมที่ผมชอบ
"แก ดูนั่นดิ น่ารักเนอะ"
"ไหนๆ"
"นั่นไง คนใส่สูทกับนักศึกษาอ่ะ"
"เออ น่ารักดี เสี่ยกับเด็กเสี่ยงี้"
"ชู่ว์ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก"
ผมทำเป็นหูทวนลมกับบทสนทนาและเสียงหัวเราะคิกคักน่ารำคาญนั่น ผมไม่ชอบเลยจริงๆกับการตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น ทั้งที่ผมกับเขาก็แค่คู่รักคู่หนึ่งท่ามกลางประชากรหลายล้านคู่บนโลกใบนี้ ผมเห็นพวกสาวๆที่กรี๊ดกร๊าดคู่รักเกย์กันมาบ้าง และบางคู่เขาก็ชอบ แต่ไม่ใช่กับผม ผมไม่ชอบ ผมอยากมีความรักที่เรียบง่ายและเป็นส่วนตัว
"อย่าคิดมากนะ" เขาบอกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมสงบลงเช่นเคย
"แล้วคืนนี้นอนไหน" ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ในขณะที่จ่ายเงินไปด้วย
"คอนโดรุ่นพี่ที่ทำงานน่ะ ไม่ต้องหึงนะ ไม่นอกใจหรอก" ผมสามารถเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้ทันที รอยยิ้มเล็กๆกับดวงตาที่หยีลงเล็กน้อย
"ใครจะไปหึง แล้วกลับเมื่อไหร่" ผมรู้สึกเขินแต่ก็อายเกินกว่าจะยอมรับ เลยได้แต่เฉไฉไปเรื่องอื่น
"พรุ่งนี้เช้าแหละมั้ง นี่กินไรยัง"
"กำลังซื้อเซเว่นเนี่ย"
"เซเว่นอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่ำๆไปกินร้านนั้นกันไหม"
"ร้านไหน"
"ร้านที่เคยไปกินด้วยกันตอนนั้นไง"
"อ่อ ก็ได้" เราเงียบกันไปพักหนึ่งก่อนผมจะรู้สึกตัวว่าควรวางสาย "งั้นก็แค่นี้นะ รีบกลับมาล่ะ"
ผมตัดสายไปแล้ว แต่แก้มกลับร้อนฉ่า ผมรีบขึ้นคร่อมสกู๊ปปี้ไอของตัวเองแล้วบึ่งกลับหอทันที
"พรุ่งนี้ต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดนะ" เขาบอกตอนที่ยืนรอผมสูบบุหรี่อยู่ข้างเซเว่นเดิมนั้น
"อ่า พรุ่งนี้ก็คงนอนสตูเหมือนเดิมอ่ะ งานเดือด" ผมทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้
"อย่าทิ้งลงพื้นสิ" เขาดุไม่จริงจังนักแล้วก้มลงไปเก็บก้นกรองที่ผมขยี้จนแบนติดพื้นไปทิ้งลงถังขยะ
"กลับกันเถอะ" ผมยื่นมือออกไปพร้อมกับใบหน้าแดงซ่าน ถึงจะคบกันมาหลายปี ทำนู่นทำนี่กันมาหมดแล้ว แต่ผมก็ยังเขินอายเวลาที่จะทำอะไรกุ๊กกิ๊กแบบคู่รักอยู่ดี
"ป่ะ กลับกัน" เขายื่นมือมากุมประสานกับผมแล้วเราก็ออกเดินกลับบ้านของเราด้วยกัน
ผมเดินอย่างเลื่อนลอยมองหากาแฟกระป๋องกับเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อทำให้ตัวเองตาสว่าง
'ของพวกนี้กินบ่อยๆไม่ดีนะ เอานี่ไปด้วย'
พอมาถึงโซนอาหารแช่แข็ง ก็เลือกเอาข้าวผัดกะเพรา อาหารสิ้นคิดของสิ้นคิดอีกที
'วางไว้นั่นเลย เดี๋ยวพาไปกินร้าน'
ขนมขบเคี้ยวที่ผมมักจะขนไปตุนไว้เหมือนกลัวน้ำท่วมดูไม่น่ากินอีกต่อไป
'รสนี้ออกใหม่นะ ลองยัง'
ผมเดินไปหยิบผงซักฟอกถุงใหญ่ แล้วก็เปลี่ยนใจไปหยิบถุงเล็กแทน
'ของยี่ห้อนี้ซักเสื้อขาวดีกว่า เอาถุงใหญ่ไปเลยเนอะ จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ'
ผมวางทุกอย่างลงบนเคาน์เตอร์ พนักงานวันนี้เป็นพี่ผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เธอยิ้มให้ผม และผมพยายามยิ้มตอบ
'ที่รัก ถุงยางหมดแล้ว เอาเป็นอันนี้เนอะ'
'เอาลูกอมเพิ่มด้วย'
'ซื้อทิชชู่ไปเผื่อด้วย ในงานมันร้อนนะ'
'ไส้กรอกถุงนี้ของพี่สิงโต ส่วนอันนี้ของเรา'
'ข้างนอกฝนตกอีกแล้ว'
เรื่องราวมากมายไหลย้อนเข้ามาในหัวผม ทุกที่มีแต่เงาของเขาเต็มไปหมด ผมไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาผมรื้นออกมาจากหางตา พี่พนักงานตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอคงเข้าใจดีว่าเพราะอะไร
ก็ในเมื่อวันนี้...มันเหลือแค่ผมคนเดียว
..END..