Rain..เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาเพราะฝน [ตอนพิเศษ Rain Drop] 30.03.20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Rain..เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาเพราะฝน [ตอนพิเศษ Rain Drop] 30.03.20  (อ่าน 12136 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fufufeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หน่วงดีแท้เลยค่ะ ฮือออออออ :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Fufufeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จากแบบไหนก็เศร้าอยู่ดี แงงงงงงงงง :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Marine.blackqueen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Rain Drop
เรื่องราวมันจบลงไปกลางฝน
-BlackQueen-



          วันนั้น ย้อนไปตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่ง ผมเป็นเด็กติดบ้านมาก การออกมาอยู่หอจึงเป็นสิ่งแปลกใหม่ขั้นสุด ผมไม่ชินกับการอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เวลาว่างผมจึงใช้มันไปกับการขี่รถวนในรั้วมหา'ลัย แอบไปงีบใต้ต้นไม้บ้าง ข้างสระน้ำตามสวนหย่อมบ้าง แล้วก่อนจะกลับหอ ผมจะแวะซื้อของกินที่เซเว่นเป็นประจำ



          กิจวัตรประจำวันของผมก็วนลูปอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งวันที่ฝนเทลงมาอย่างไม่มีเค้าลางเตือนล่วงหน้าใดๆ ผมจอดรถแล้วเดินเข้าไปหลบใต้หลังคา ตัวเปียกโชกไปหมด



          อากาศที่ปลอดโปร่งถูกแทนที่ด้วยม่านฝนเม็ดใหญ่ที่ตกกระแทกพื้น ละอองน้ำกระจายไปทั่ว ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่ กลิ่นไอดินกับความชื้นที่น่าโหยหา ถึงแม้ว่าที่กลางเมืองแห่งนี้กลิ่นจะจางมากก็ตาม มันก็ยังทำให้ผมรู้สึกดีอยู่ดี... ผมชอบฝน



          ไม่นานคนก็หนาตาขึ้นบนพื้นที่เล็กๆ นี้ ทุกคนต่างมาหลบฝน ทุกคนดูหงุดหงิดและเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาและมือถือกันแทบทุกนาที มันดูน่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับผม



          จนกระทั่งเขาเดินเขามา ความแตกต่างที่น่าสนใจ เขาใส่ชุดนักศึกษาแบบเดียวกับผม เขาสะบัดผมเปียกชุ่มแล้วเสยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก เขายืนสงบนิ่งมองน้ำที่ไหลลงจากหลังคาเป็นสายลงสู่ถนน



          "ตกหนักจนมองไม่เห็นทางเลยเนอะ" ผมทักออกไป ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมแค่อยากจะคุยกับเขาเท่านั้นเอง



          "อืม ขี่รถต่อไม่ได้เลย" เขาชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะตอบเรียบๆ



          "น้ำจะท่วมอีกไหมนะ" ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ




          ผมบังเอิญเจอเขาอีกครั้งในสถานที่เดิม ผมกำลังป้อนไส้กรอกให้หมาพันธุ์โกลเด้นผสมที่ชื่อพี่สิงโตอยู่ ผมให้พี่แกประจำจนสนิทกันแล้วครับ ทุกวันนี้เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้เลย ถูกเขี่ยขาตลอด



          “ซื้อเยอะจัง” ผมทักคนที่หิ้วของเต็มสองมือ เขาเลิกคิ้วขึ้นงงๆ คงจำผมไม่ได้ล่ะมั้ง



          “เพื่อนฝากซื้อด้วยน่ะ” แต่เขาก็ยอมตอบผมนะ



          “อ่อ ทำไมยังใส่ชุดนักศึกษาล่ะ มีเรียนวันนี้ด้วยเหรอ” ผมไม่ได้ถามเพราะเขายังใส่ชุดนักศึกษายับย่นอยู่บนตัวทั้งที่เป็นวันหยุดหรอก ผมรู้ว่าหลายๆ คนต้องเข้าไปทำงานในมหา’ลัย แต่เป็นเพราะผมไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไรต่างหาก



          "ยังไม่ได้กลับห้องตั้งแต่เมื่อวาน" เขาทำหน้าตึงแต่ก็ยอมตอบด้วยเสียงราบเรียบอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา



          “โห เหนื่อยแย่เลยดิ พักบ้างนะ” ผมบอกเขา ก่อนจะรีบชิ่งหนีขึ้นฟีโน่สีฟ้าของตัวเองแล้วบึ่งกลับหอทันที



          ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกอยากคุยกับเขานัก อยากรู้จักเหรอ หรืออยากเป็นเพื่อนด้วย แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็คงตื่นเต้นที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่มากไปหน่อย ก็ไอ้ก้อนเนื้อในอกมันดันเต้นตุบตับแรงขึ้นมากว่าปกตินี่น่า




          ผมเจอเขาที่เดิมอีกแล้ว หน้าเซเว่น แต่วันนี้เขาใส่ชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มและรองเท้าแตะ เขาดูเหมือนเพิ่งตื่นนอนเลย แต่ในถุงพลาสติกสีขุ่นกลับมีเครื่องดื่มชูกำลังอยู่ตั้งครึ่งโหล ผมเผลอคิดเล่นๆ ว่าต้องโด๊ปไปกี่ขวดหัวใจเขาถึงจะเต้นแรงเท่ากับผมตอนนี้กันนะ



          “สิงโตล่ะ” คราวนี้เขาเป็นคนเริ่มพูดก่อน ไม่อยากเชื่อเลย แต่ก็รู้สึกดีเป็นบ้า



          “วันนี้คงกลับบ้านมั้ง” ผมตอบ มองซ้ายขวาเผื่อว่าจะเห็นเงาเจ้าสี่ขาสีปอนตัวนั้น เผื่อว่าจะได้มีเรื่องให้คุยกับเขามากกว่านี้หน่อย



          “มันมีบ้านด้วยเหรอ” เป็นเขาที่ต่อบทสนทนา ลักกี้เป็นบ้า



          “มีสิ ร้านขายไก่ทอดตรงโน้น” ผมชี้ไปทางหัวมุมซอยที่ถัดจากร้านค้าสะดวกซื้อที่เราอยู่ไปสองคูหา ร้านไม่ได้อยู่ตรงหัวมุมครับ ต้องเลยไปอีกนิดหน่อย



          “เหรอ นึกว่าหมาจร” เขาพูดเบาๆ ไม่ได้ดูสนใจอะไรมากมาย ผมไม่อยากให้มันจบตรงนี้เลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเขาตรงดิ่งไปสตาร์ทเครื่องรถมอเตอร์ไซต์สกู๊ปปี้ไอของเขาแล้วบิดผ่านไปโดยไม่มีการบอกลาสักคำ




          เรายังบังเอิญเจอกันที่เดิมบ่อยๆ พูดคุยกันจากเล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น ผมกับเขากลายเป็นคนรู้จัก กลายเป็นเพื่อน แล้วก็กลายเป็นแฟนกันตอนที่เรากำลังขึ้นปีสาม ผมเป็นฝ่ายบอกว่าชอบออกไป แต่เขากลับเป็นคนให้สถานะที่ชัดเจนระหว่างเรา



          “งั้นจะคบกันไหม” หลังจากที่ผมบอกว่าชอบเขาไปหนึ่งอาทิตย์ นี่คือสิ่งที่เขาถามกลับมา



          “อะไรนะ”



          “คบกันไหม” ผมไม่เชื่อหูตัวเองเลยสักนิด แบบมันค่อนข้างจะน่าตกใจอยู่ ผมดีใจนะ แต่มันประหลาดใจมากกว่า ผมชอบเขา แต่เขาไม่เคยบอกว่าเขาคิดกับผมแบบไหน พอผมถามไป เขาก็ตอบกลับมาแค่..



          “ไม่รู้ว่าชอบรึเปล่า แต่ไม่ได้เกลียด ตอนอยู่ด้วยกันมันก็..ไม่แย่”



          “แน่ใจแล้วเหรอ” ผมถามย้ำ กุมมือเขาไว้ตั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดซ้ำอีกรอบ ก่อนจะมองสบตาผมอย่างจริงจัง ถึงคำตอบของเขาจะแผ่วเบา แต่มันก็ชัดเจนในความคลุมเครืออยู่เหมือนกัน



          “ไม่แน่ใจ แต่อยากลองดู”

          ถ้าเขาไม่ชอบผมเลยสักนิด เขาจะกล้าเสี่ยงลองทั้งที่ไม่แน่ใจงั้นเหรอครับ




          “บุหรี่ด้วยเหรอ” ผมถามเสียงอ่อน เมื่อเห็นซองลายน่ากลัววางปนกับของอย่างอื่นบนเคาน์เตอร์จ่ายเงิน เขาสูบบุหรี่ สูบมาสักพักแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะตกลงคบหากัน แต่ตอนนั้นยังไม่ติด ส่วนตอนนี้ผมกลับได้กลิ่นติดตัวเขาอยู่ตลอดเลย



          “อืม หมดพอดี” เขาตอบแค่นั้น ผมได้แต่พยักหน้ารับไปตามนั้น ผมไม่มีความตั้งใจที่จะบังคับให้เขาเลิกสูบหรอกนะ แค่เป็นห่วงสุขภาพของเขาเท่านั้นเอง



          ผมมองเขาพ่นควันสีเทาออกมา ส่วนผมนั่งดมกลิ่นเหม็นไหม้เฝื่อนๆ อยู่ข้างๆ บนระเบียงเล็กๆ ของห้องเช่าของเขา ซึ่งตอนนี้ต้องเรียกว่าของเรา



          เขานั่งยองลงมาให้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน คีบมวนบุหรี่มาแนบริมฝีปาก สูบเอานิโคติดเผาไหม้ก้อนใหญ่เข้าไป



          ชั่วขณะหนึ่งผมคิดว่าเขาจะโน้มตัวมาจูบผม แต่เปล่า เขาพ่นควันมือสองนั้นใส่หน้าจนผมสำลักไอออกมา แล้วเขาก็หัวเราะ เขี้ยวของเขาโชว์ให้เห็นเวลาที่เจ้าตัวอ้าปาก และผมชอบมันมากเกินกว่าจะติดใจเอาความ




          สองปีหลังจากที่เราอยู่ในสถานะแฟนของกันและกัน ผมก็เรียนจบก่อน เพราะคณะผมเรียนสี่ปี ส่วนเขาเรียนห้า เรายังคงอยู่ด้วยกันที่หอใกล้มหา’ลัยที่เดิม มันไกลจากที่ทำงานผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร ผมอยากอยู่กับเขา ค่อยไว้ไปหาที่ใหม่กันตอนเขาทำงานแล้วเอา



          “ได้นอนบ้างรึยัง” ผมตื่นมาตอนเช้ามืดเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน เห็นเขาซดกาแฟกระป๋องแล้วโยนทิ้งไม่ตรงถังเลยเดินเข้าไปเก็บทิ้งดีๆ ให้



          “หื่อ” เขาครางตอบในคอ ผมเดินไปโอบเขาจากด้านหลัง วางคางเกยไหล่มองเลยไปถึงมือที่กำลังแปะชิ้นส่วนเข้าไปยังโมเดลรูปร่างแปลกตาตรงหน้า นึกอยากปิดตาแล้วลากเขาไปนอนบนเตียง กอดเอาไว้ไม่ให้ลุกไปทำอะไรต่อได้อีก แต่ผมก็ทำได้แค่นึกในใจ



          ผมกดจมูกกับปากลงแนบลาดไหล่ที่เปลือยเปล่าของเขาทีหนึ่งก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแปรงฟัน ออกมาอีกทีในชุดทำงาน



          เขาหันมายิ้มอ่อนแรงให้ผมก่อนที่จะออกจากห้อง ผมยิ้มตอบ อยากให้เขาไปนอนเสียเดี๋ยวนั้นเลยจริงๆ ให้ตายสิ




          ผมกอดเขาเอาไว้เพราะพรุ่งนี้ผมต้องออกเดินทางแต่เช้าไปทำงานที่ต่างจังหวัดสามวันสองคืน ในขณะที่เขาเองก็บอกว่าจะไปค้างที่สตูฯของคณะเพื่อปั่นธีสิสจบของเขากับเพื่อนๆ ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน



          “จะกลับมาตอนไหน” เขาถาม ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นก่อนจะตอบ



          “วันศุกร์”



          “ตอนไหนล่ะ”



          “น่าจะถึงบ่ายๆ” ผมฝังจมูกลงบนคอของเขา สูดกลิ่นที่ทำให้ใจสงบได้มากกว่ากลิ่นฝนเข้าปอดแรงๆ



          “อืม” เขาตอบกลับมาเพียงเท่านั้น ผมเลยหยอดกลับไปนิดหน่อย



          “คิดถึงล่ะสิ”



          “ก็...” เขาเว้นช่วงไปเพื่อหลิกตัวกลับมาหาผม ยกแขนขึ้นพาดเอวกอดผมกลับ “นิดนึง”



          “แต่นี่คิดถึงมากเลยนะ” เขาหัวเราะเมื่อผมพูดอย่างนั้น ผมเลยหัวเราะตาม



          “เว่อร์”



          “พูดจริงนะ”



          “รู้” หลังจากนั้นเขาก็จูบผม จูบอ่อนโยนที่อ้อยอิ่งกินเวลาและวาบวามจนรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น

          แต่ถ้าผมต้องตายด้วยจูบของเขา ผมก็ยินดีนะ




          ผมมาถึงที่หมายในตอนหัวค่ำกับรุ่นพี่ที่ทำงานที่ค่อนข้างสนิทกันถึงขั้นเคยไปค้างด้วยตอนที่ทำโอทีจนดึกดื่น ห้องที่ถูกจองไว้เป็นห้องเตียงแฝดห้องเดียว ผมเลยหลบออกมาที่ระเบียงเล็กๆ ที่มองเห็นทะเลไกลๆ เพื่อคุยโทรศัพท์



          “ถึงแล้วเหรอ” ปลายสายถามมาทันทีที่รับโทรศัพท์



          “อื้อ ห้องที่พักมองเห็นทะเลด้วย แต่ไกลมากเลย” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ มาตามสาย



          “ก็ไปทำงานไม่ได้ไปเล่นน้ำ” ผมยิ้ม และอยู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้



          “ไว้คราวหน้ามาด้วยกันนะ มาพักผ่อน” ผมคิดขึ้นมาได้ว่าผมกับเขายังไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ ด้วยกันเลย



          “สองคนเหรอ” ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่แม้จะไม่เห็นหน้า



          “สองคนสิ”



          “อืม ขอคิดดูก่อนนะ”



          “อย่าคิดนานล่ะ”



          “ไม่นานหรอก” ผมหัวเราะ กำลังจะพูดแต่เขาพูดต่อเสียก่อน “รอได้รึเปล่า”



          ผมพรูลมหายใจยาวๆ ออกมา รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่เขาพูดอะไรแบบนี้ อาจจะเพราะปกติเขาไม่พูดล่ะมั้ง



          “ได้อยู่แล้ว นานแค่ไหนก็รอ” ผมบอกไปตามที่คิดจริงๆ




          คืนสุดท้ายของการทำงานที่ต่างจังหวัด ผมใกล้จะได้กลับไปหาเขาแล้ว ผมเลยอารมณ์ดีสุดๆ พี่ที่มาด้วยกันก็เหมือนกัน เขาขับรถไปพลางผิวปากไปด้วย ถึงแม้ว่าฟ้าข้างนอกมันจะไม่เป็นใจเลยก็ตาม



          “อารมณ์ดีเชียวนะ” คนขับรถที่อารมณ์ดีไม่ต่างกันหันมาแซวผมยิ้มๆ



          “พี่ก็ด้วยแหละ” ผมตอบ รู้สึกว่าต้องเปล่งเสียงดังกว่าปกติเพื่อแข่งกับเสียงฝนที่ซัดสาดอยู่ข้างนอก



          “แน่นอน จะได้กลับไปนอนเล่นเกมที่ห้องแล้ว” เขาบอก ก่อนจะถาม “มึงล่ะ อารมณ์ดีอะไร”



          “ผมจะได้กลับไปนอนกอดแฟนที่ห้องไง” พี่เขาหัวเราะกับคำตอบผมอย่างชอบใจ ผมเองก็ยิ้มกว้างเต็มหน้า รู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ จนแทบรอวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว



          ผมจำได้ว่าเส้นทางที่เราผ่านมาเมื่อตอนกลางวันนั้นมองเห็นทะเล แต่ตอนนี้มองออกไปกลับเห็นเพียงความมืดมิดที่มีม่านฝนปกคลุมจนเป็นฝ้าขาว พี่เขาชะลอความเร็วลงเพราะวิสัยทัศน์เบื้องหน้าไม่ดีเลยสักนิด ไฟตัดหมอกที่เปิดไว้ยังทะลุมวลน้ำไปได้แค่ไม่กี่เมตร



          “ไม่คิดว่าจะตกหนักขนาดนี้เลยนะเนี่ย” พี่เขาพึมพำ



          “เอาไงดีพี่ จอดข้างทางก่อนมั้ย” ผมเสนอ



          “อืม แต่จอดกลางถนนคงไม่ดี ผ่านตรงนี้ไปกูจำได้ว่ามีไหล่ทางให้จอดได้อยู่” ผมพยักหน้าขณะที่พี่เคลื่อนรถต่อไปด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก แต่ก็ต้องเหยียบคันเร่งเพื่อฝ่าน้ำหนักของฝนที่กระหน่ำลงมา



          รถของพวกผมคลานมาใกล้ถึงที่หมายแล้วครับ เห็นแสงไฟท้ายรถสีแดงเป็นวงเล็กๆ อยู่ข้างทางเป็นสัญญาณว่ามีรถคันอื่นจอดอยู่ก่อนแล้ว พี่ที่ขับรถอยู่ตีไฟเลี้ยวเตรียมหักพวกมาลัยเข้าจอดตาม แต่อยู่ๆ ภาพตรงหน้ามันก็สว่างวาบขึ้นมา



          ทุกอย่างเหมือนเป็นภาพสโลว์ ผมเห็นแสงไฟสูงสว่างจ้าจากหน้ารถคันอื่นสาดแยงเข้ามา มันสาดผ่านเม็ดฝนจนเห็นเงาหยดน้ำเล็กๆ กระจายไปทั่ว แล้วหน้ารถอีกคันก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะห่างที่ลดลง แล้วผมก็รับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่เข้าปะทะ มันแรงมาพอที่ผมจะเด้งไปชนกับคอนโซลด้านหน้าแล้วเข็มขัดนิรภัยก็เหวี่ยงผมกลับไปชนเบาะจนจุกอีกครั้ง



          โลกของผมกำลังหมุน ไม่รู้ว่าหมุนเพราะหัวผมกระแทกหรือรถมันเหวี่ยงอยู่กันแน่ แต่จะทางไหนผมก็ไม่คิดว่ามันสำคัญทั้งนั้นแหละ



          ตอนนี้ในหัวผมมันปรากฏหน้าพ่อกับแม่ขึ้นมาชัดเจนมาก ผมรู้สึกผิดถ้าต้องจากพวกเขาไปก่อน แล้วก็มีอีกใบหน้าหนึ่งโผล่เข้ามาในใจ และความรู้สึกครั้งนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกผิด แต่เป็นความเสียใจต่างหาก



          ผมอยากโทรศัพท์ต่อสายตรงหาเขาในตอนนี้เลย อยากพูดกับเขา อยากบอกกับเขา



          จริงๆ แล้วผมอาจจะอยากไปอยู่ตรงหน้าเขามากกว่า อยากเจอ อยากกอด อยากสัมผัส 



          แรงกระแทกอีกระรอกรุนแรงไม่เท่าครั้งก่อน แต่ผมรู้สึกได้ว่าเรากำลังไถลไปตามถนนเปียกลื่นอย่างไร้แรงต้าน ในหูผมอื้ออึงไปหมด มันได้ยินแต่เสียงของฝน



          ผมชอบเสียงฝนเพราะมันทำให้ผมสงบใจได้ แต่ตอนนี้มันตรงกันข้ามเลย



          ใบหน้าของผมชุ่ม และกลิ่นคาวคลุ้งในปากก็บอกผมว่ามันไม่ใช่น้ำ ผมยกมือขึ้นมาปาดมันออกจากหน้าอย่างยากลำบาก มือผมสั่นระริก ผมมองรอบข้างไม่เห็นเพราะความพร่าเลือนจากเลือดที่ไหลเข้าตา



          ในตอนนั้นอยู่ๆ ผมก็คิดถึงตอนที่เขาพ่นควันใส่หน้าขึ้นมา มันเป็นควันบางเบาแต่ก็ทำผมแสบตาไปหมด ภาพตรงหน้าพร่าเลือน แต่สัมผัสร้อนผ่าวบนริมฝีปากกลับชัดเจน



          ผมน่าจะขอให้เขาเลิกบุหรี่ตั้งแต่ตอนนั้น ผมเริ่มคิดอะไรบ้าๆ ออกมาแล้ว แต่ผมน่าจะทำแบบนั้นจริงๆ เพราะผมกลัวว่าถ้าวันนึงในอนาคตที่ไกลกว่านี้เขาจะล้มป่วยลง แล้วไม่มีผมคอยดูแล



          แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมคงกำลังจะเป็นบ้า ที่อีกใจกลับคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะถ้าหากว่าเขาเลิกไปแล้ว แต่กลับมาสูบอีกครั้งเพราะผมแล้วล่ะก็ มันคงเจ็บปวดกว่าเดิมหลายเท่าเลย



          แรงกระแทกอีกครั้ง เราหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีแรงกดทับจากรถอีกคันที่ไหลมาด้วยกันพุ่งเข้าใส่ซ้ำ หูผมกลับมาได้ยินเสียงแล้ว มันเป็นเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของเหล็กที่ถูกบิดจนฉีกขาด แล้วผมก็รู้สึกเหมือนกำลังลอยคว้าง



          หูของผมกลับไปอื้ออึงอีกครั้ง ดวงตาพร่าเลือนนั้นเห็นเพียงความมืดที่มีแสงสลัวสาดแทงเข้ามา



          แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน และเห็นภาพได้แจ่มแจ้ง



          ผมเห็นเขา ในชุดนักศึกษาเปียกแฉะ กำลังหลบฝนอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ผมก็มองเห็นเขาเพียงคนเดียว



          ภาพมันซ้อนทับกับครั้งแรกที่เราพบกัน แต่ต่างกันตรงที่ผมยืนอยู่เคียงข้างเขา มือเราประสานกันแน่น ผมเห็นแววตาที่หันมาสบ รอยยิ้มร้ายกาจตรงมุมปากที่ยกขึ้นนิดๆ กับเสียงราบเรียบเอ่ยถาม



          ‘รอได้รึเปล่า’



          ได้ ได้อยู่แล้ว ผมตอบในใจ



          แต่ก็รู้ว่าจริงๆ แล้วผมทำไม่ได้หรอก





          อา.. ผมอยากบอกเขาว่าผมรักเขา

          รักมากจริงๆ





...END...



สวัสดีค่ะ สองปีกว่าๆ จากที่เขียนเรื่อง Rain..เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาเพราะฝน ไป ภาษาสำนวนก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเลย ไม่รู้ว่าจะยังคงให้บรรยากาศแบบเดิมได้รึเปล่านะคะ
แต่ Rain Drop..เรื่องราวมันจบลงไปกลางฝน เรื่องนี้ก็เป็นพล็อตที่รีนคิดเอาไว้ตั้งแต่ตอนนู้นแล้วล่ะค่ะ แต่เพิ่งมาเขียนเอาตอนนี้ แง้
ยังมีคนตามหรือคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้างรึเปล่ารีนก็ไม่รู้นะคะ แต่ก็รู้สึกว่าอยากจะเติมมันออกมาให้เต็มสักทีเนอะ ถึงจะใช้เวลาเนิ่นนานเหลือเกินก็ตาม ยังไงก็หวังว่าตอนนี้จะช่วยไขข้อข้องใจของทุกคนได้นะคะ

ขอบคุณที่เดินมาด้วยกันจนถึงวันนี้ค่ะ เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จที่สุดของรีนเลยก็ว่าได้

แล้วก็ขอขายของนิดนึงเนอะ ตอนนี้รีนกำลังเขียนเรื่องยาวอยู่ด้วยนามปากกาใหม่ February Sea อยู่ค่ะ
เป็นดราม่าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเดินเรื่องยาวๆ เกือบ 20 ปี ยังไงก็แวะไปให้กำลังใจกันได้นะคะ ที่ Ashtray ขี้เถ้ากับการเผาไหม้

และสำหรับเรื่องนี้ก็ขอขอบคุณอีกครั้งจากใจค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อ่าว..ววววววววววว  :sad3: :sad3: :sad3: ว่าแต่เค้าจากเป็น หรือจาก... :confuse: :confuse: :confuse:

ได้คำตอบแล้ว... :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
อ่านแรกๆ ดีจังเลยอ่ะ
พบกันคืนฝนตก ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์
แต่พออ่านจบน้ำตาไหลเลยจ้าา  :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด