,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนพิเศษ หมูกะทะพาเพลิน] [P.12] // {15/09/61}  (อ่าน 104430 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ maekkun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มารอ :mew2:

ออฟไลน์ KawinCa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขิงจักลับใจได้มั้ยไม่รู้ แต่ขิงร้ายมากอะ
สงสารพ่อ สงสารขมิ้น ฮือออ ปล่อยขิงไปก๊อนนน
 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ขิงทำตัวเองอ่ะ แล้วก็แม่ควรได้บทเรียนบ้างนะคะ นั่นลูกนะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไฮท์ มันใช่เวลาไหม สลับตำแหน่งกันไปก่อนก็ได้ 5555
สงสารขมิ้นกับพ่อนะ เป็นคนอื่นไปทันที แล้วขิงก็ไม่แคร์ด้วย

ขิงร้ายได้ขนาดนี้และคิดแบบนี้ เพราะแม่เลยค่ะ ดูสิทิ้งลูกไปเฉยเลย
ขิงมีแผลใหญ่ และใจโบ๋ เพราะต้องเจอกับเรื่องบิดเบี้ยว ใจเลยเบี้ยวตาม

โชคดีนะที่กลอยถามหาขมิ้น แล้วไฮท์ตัดสินใจเล่า
ไม่งั้นขมิ้นอาจเหลือแค่ชื่อ เพราะขิงไม่ยอมปล่อยไว้หรอก

พี่โชมาโหดแบบไม่ให้เสียชื่อ แล้วกลอยไปใส่ไข่อะไรไว้ 55555


ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :m20: ขำพี่ไฮท์
 :เฮ้อ: เหนื่อยแทนน้องขมิ้น
:monkeysad: สงสารพ่อขมิ้น
 :m16: อยากแตะปากไอ้พี่ขิง
 :m31: โกรธสุดคืออิแม่ขิงนี่ล่ะ ใจร้ายที่สุดล่ะ


ออฟไลน์ nixnix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
พ่อลูกสายฮาเหมือนกันเปี๊ยบบบ :m20:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

-24-





        ความเย็นของพัดลมยังไม่หนาวเท่ารังสีโหดที่แผ่ออกมาจากตัวพ่อ สายตาดุบังคับผมไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน พ่อจ้องผมชนิดที่ว่าตาไม่กระพริบเลยทีเดียว

   “พ่อ”

   “เออ กูพ่อมึง เรียกย้ำซะเหมือนกูความจำเสื่อม”

   หน้าเครียดแต่ก็ยังจะตลก

        “ผมก็เล่าให้ฟังหมดทุกเรื่องแล้ว ขึ้นไปนอนได้หรือยัง”

   ที่โรงพักนั้นหลังจากพ่อดีขึ้น ผมก็ถูกลากให้กลับบ้าน โชคดีที่ตอนนั้นด้านนอกไม่มีนักข่าว ไม่งั้นหน้าหนึ่งอาจพาดหัวข่าวว่าพี่ขิงหนีจากการจับกุมก็เป็นได้

   “ถ้ามึงบอกเรื่องพวกนี้ตั้งแต่วันแรกๆ กูคงจะไปรับมึงกลับมาบ้านแล้ว ไม่ปล่อยให้พวกนั้นโขกสับแบบนี้หรอก” พ่อพูดน้ำเสียงจริงจัง “ส่วนมึงก็โง่ทนอยู่ได้ รู้ว่าโดนเขาหลอกแต่ก็ยังเต็มใจให้หลอก” นี่ถ้าไม่ติดว่าสีหน้าพ่อจริงจังละก็ ผมคงต่อประโยคด้วยเพลงไปแล้ว “โง่ได้ใครวะ”

   “ก็ผมลูกพ่อไง”

   “นี่กูด่าตัวเองเหรอเนี่ย”

   แล้วผมก็ขำออกมา ส่วนพ่อตอนแรกก็หลุดขำแต่ก็รีบดึงหน้าเก๊กขรึมใหม่

   “ผมแค่อยากรู้ ว่าพี่ขิงหายไปไหนก็แค่นั้น”

   “รู้แล้วเป็นยังไง พอรู้แล้ว มันช่วยอะไรมึงได้ไหม เกือบโดนจับไปแบบนั้นน่ะ มันคุ้มกับความอยากรู้ของมึงไหมไอ้ขมิ้น” พ่อใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมหลายจึ๊ก “ไอ้ขิงก็เหมือนกัน เป็นพี่ภาษาอะไรทำร้ายน้องตัวเอง สมองมันยังดีอยู่ใช่ไหม พอพูดเรื่องนี้แล้วความดันจะขึ้น”

   “คนแก่ก็เงี้ย ความดันขึ้นบ่อย อูย” โดนพ่อตวัดสายตาโหดใส่เพราะคิดเสียงดังไปหน่อย   

   ย้อนกลับไปตอนมาถึงบ้านใหม่ๆ พ่อดูซึมเศร้ามาก แถมน้ำตายังคลอที่หน่วยตาอยู่ตลอด โคตรรู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นแบบนั้น ก่อนผมจะถูกบังคับให้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบบ้านหลังนั้น พ่อก็ฟังบ้าง ด่าบ้าง เวลาได้ยินว่าแม่พาผมไปทำงานแทนที่จะไปเรียน ผมบอกพ่อทุกเรื่อง ไม่ว่าจะโดนต่อย โดนตีนกี่รอบก็บอก แต่ที่ทำให้พายุความเกรี้ยวกราดทะยานสูง คือเรื่องที่ผมถูกพี่ขิงหลอกให้ไปหา แต่ดันส่งคนมาจับเพื่อจะให้ผมทำงานแทน ส่วนตัวเองก็จะกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดาตามเดิม ความเสียใจและรู้สึกผิดที่ติดตัวมาตั้งแต่อยู่บนโรงพักก็มลายหายสิ้นไปจนหมด

        “ผมว่าพ่อไปพักเถอะ เดี๋ยวป่วยขึ้นมาจะยุ่ง” 

   “ห่วงกูด้วยเหรอมึงน่ะ” มีความประชดทั้งสายตาและน้ำเสียง ผมขยับลุกขึ้นไปกอดพ่อพลางซบหน้าที่ไหล่ “กอดกูทำไมเนี่ย ขนลุก”

   “ผมขอโทษที่ทำอะไรไม่คิด ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

   ไม่รู้เป็นเพราะห่างพ่อไปนานหรือเปล่าถึงทำให้ผมคิดถึงพ่อมาก ถึงขนาดกล้าที่จะกอด หากเป็นเมื่อก่อน แค่จับมือ จับแขนก็ว่าเยอะพอแล้ว

   “ยังคิดจะมีครั้งต่อไปอีกเหรอ แม่มึงก็หนีไปแล้ว พี่มึงก็อยู่ในคุก”

   “พ่อละก็” ถึงกับพูดต่อไม่ได้ แต่ผมก็ยังกอดพ่อไม่ยอมปล่อย “เพิ่งรู้ว่าผมโคตรคิดถึงพ่อเลย ตอนอยู่บ้านนั้นไม่มีใครบ่นเช้าบ่นเย็นให้ฟัง ไม่มีใครทำบ้านรกให้ผมเก็บกวาด ไม่มีใคร...”

   “เหมือนจะดีนะ ไอ้ประโยคที่มึงพูดถึงกูเนี่ย” โดนพ่อใช้มือดันหน้าออกจากไหล่ “ไปนอนไป พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน มีเรื่องที่กูต้องถามจากมึงอีกเยอะ” ถึงกับหัวเราะแห้งเมื่อพ่อเน้นประโยคหลังพร้อมแสยะยิ้ม


   ตายเรื่องไหนดีวะ ไอ้ขมิ้น


   “เออใช่” อยู่ๆ ผมก็ร้องขึ้นจนพ่อสะดุ้ง “ผมมีอะไรจะให้พ่อดู”

   “ของอะไร พรุ่งนี้ค่อยดู” ไม่ได้สนใจในสิ่งที่พ่อถามเพราะผมกำลังค้นหาของสำคัญ ซองสีน้ำตาลถูกเก็บอย่างดีในเป้ถูกเอาออกมาวางบนโต๊ะ “ซองอะไร หรือซองผ้าป่าวะ”

   “ผ้าป่าที่ไหนเขาใช้ซองเอกสารเล่า พ่อถามไม่คิด”

   “อ่าวไอ้นี่”

   “อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ดูนี่ก่อน” ว่าแล้วก็ดึงแผ่นกระดาษออกมาให้พ่อดู คนรับก็มองแบบผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไร “เป็นไง” ถามอย่างตื่นเต้น แต่พ่อกลับตีหน้านิ่ง “พ่อ เป็นไง”

   “ก็โฉนดที่ดิน แล้วมันจะเป็นยังไง”

   “อ่าว พ่อดูดีๆ สิ ตรงนี้ๆ” ชี้ตรงบ้านเลขที่ให้พ่อดู “เป็นไง”

   “เลขที่บ้านมันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” แล้วพ่อก็ทำหน้าคิดหนัก “หรือกูเคยออกแบบบ้านให้เขาวะ”เมื่อเห็นพ่อยังคิดไม่ได้ ผมเลยพลิกด้านหลังให้ดู ช่องตารางบอกรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อเจ้าของโฉนด “ชื่อสุดท้ายนี่เหมือนมึงเลยว่ะไอ้ขมิ้น”

   “ไม่ใช่แค่เหมือนนะ พ่อดูนามสกุลด้วยสิ นามสกุลก็เหมือน”

   “เออว่ะ ใครวะ ใช้ชื่อกับนามสกุลเหมือนมึง”

   อยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อพ่อทำหน้าสงสัย

   “จะใครที่ไหน ก็ผมนี่แหละ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ก็มีผมคนเดียว”

   “ชื่อมึง?” ยิ้มแฉ่งเมื่อพ่อสะบัดหน้ามามอง “ชื่อมึงมีบนโฉนด?”

   “พ่อนี่เข้าใจยากจริง ง่ายๆ เลยนะ ตอนนี้บ้านนี้เป็นของผม บ้านนี้เป็นของเราแล้วไง” บอกพร้อมรอยยิ้มที่กว้าง พ่อตีหน้างงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผุดรอยยิ้มออกมา แต่ก็กลับไปตีหน้างงใหม่

   “มึงเอามาได้ยังไง”

   “ลุงเจ้าของบ้านเขาให้มา คือผมหมายถึงพ่อเลี้ยงพี่ขิงเขาให้ผมมา เขาบอกยกบ้านนี้ให้ผม”

   “ยกให้ทำไม”

   “ผมก็ไม่รู้ อยากจะถาม แต่เขาไปเมืองนอกซะก่อน” ก็ไม่ได้ดีใจมากนักหรอกที่ได้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ “แต่ลุงเขาเขียนโน้ตทิ้งไว้ ว่าไม่อยากให้ผมลำบากเมื่อต้องกลับมาเป็นตัวเอง”

   “ไอ้คนรวยนั่นน่ะหรือวะ ไม่อยากจะเชื่อ”

   “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แล้วก็นี่อีก” ผมยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆ ให้พ่อ “เขาให้ผมไว้เป็นค่าเรียน”

   “เช็คเงินสด ห้าสิบ...บาท”

   “ห้าสิบล้าน ห้าสิบบาทที่ไหน พ่อ!!!!!”

   ไปแล้วครับ พ่อผมเป็นลมไปแล้ว หมดสติไปพร้อมกับมือที่กำเช็คเงินสด ตอนที่ผมเห็นครั้งแรกก็เกือบเป็นลมเหมือนกัน ชีวิตคนธรรมดาแบบผม ตื่นเช้าไปทำงาน ตอนเย็นกลับบ้านนอน ใครเล่าจะคิด ว่าชาตินี้จะจับเงินเป็นล้านกับเขาด้วย ก็คงอย่างที่พี่ขิงว่า หากพี่ขิงไม่ติดหนี้บอล ไม่หนีออกจากบ้าน ชีวิตผมก็คงไม่ได้เจอสิ่งที่ดีแบบนี้ แต่กว่าจะเจอ ต้องผ่านมือผ่านตีนมาก่อน ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ นะครับเนี่ย





***


   หลังจากพี่ขิงถูกจับ อีกวันหน้าหนังสือพิมพ์ก็พาดหัวข่าวหราอย่างที่คิดไว้ พ่อผมขยำหนังสือพิมพ์ทิ้งลงพื้นอย่างหัวเสียก่อนเดินเหยียบออกจากบ้านไป คงเพราะข่าวที่เขียนมันดูเกินจริง อีกทั้งตอนนี้ผู้คนในโลกโซเชียลต่างก็ให้ความสนใจกันมาก โดยเฉพาะประวัติของพี่ขิง ซึ่งนั่น มันทำให้ทุกคนรู้ว่า ไอ้ขมิ้นมีตัวตน เป็นฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันมาก และไม่รู้พวกเขาไปหารูปสมัยเด็กของผมกับพี่ขิงมาจากไหน ถึงขั้นเปรียบเทียบความต่างของหน้าตากันเลยทีเดียว

   มันต้องจริงจังขนาดนี้กันเลยเหรอครับ

   พอพ่อออกไปทำงานได้ไม่นาน หน้าบ้านของผมก็มีรถคุ้นตาวิ่งโฉบเข้ามาจอด ซึ่งข้อความที่คนในรถส่งมาก็คือให้ผมออกไปหาหน่อย คงกลัวพ่อผมละมั้ง คนไม่จริงนี่หว่า

   “พี่มาทำไม” ลากรองเท้าแตะออกไปหา พี่ไฮท์ยืนเท่พิงรถตัวเองอย่างกับพระเอกในซีรี่ย์ชอบทำ ซึ่งมันก็เท่จริงๆ นั่นแหละ

   “พ่อมึงล่ะ” พี่ไฮท์มองลอดผ่านเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งทำให้ผมขำออกมา “ไม่ตลก เมื่อวานพ่อมึงเกือบจะกินหัวกูอยู่แล้ว”

   “ก็ใครให้พี่พูดทะลึ่งตอนนั้นเล่า” นึกแล้วยังขำไม่หาย ตอนพ่อโวยวายลั่นโรงพัก “แล้วพี่มาทำไม วันนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ” สนิทกันถึงขั้นรู้ตารางเรียนแล้วนะครับ ผมเนี่ย

   “อยากเห็นหน้าแฟนก่อนไปเรียน”

   อื่อฮือ พูดแบบนี้กะฆ่าผมให้ตายด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะใช่ไหมครับ ผมพยายามกลั้นยิ้มเขินแต่ก็หลุดออกมาอยู่ดี ก็ใครใช้ให้คนที่ยืนตรงหน้าผมยิ้มหวานมาให้ล่ะ โธ่

   “พูดเลี่ยนแต่เช้าเลยนะคนเรา” ปากว่าไปงั้นแต่ก็ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วผมน่ะ “กินข้าวมาหรือยัง”

   “ยัง รอกินพร้อมมึงนั่นแหละ”

   “เอาจริงๆ สิ อย่าหยอด”

   “พูดจริงๆ กินกับมึงมาตั้งนาน พอไม่เห็นหน้า มันกินไม่ลง”

   “พี่ไฮท์โว๊ย”

   หน้าไอ้ขมิ้นจะละลายเพราะความร้อนแล้วครับ มิน่าพ่อพี่ไฮท์ถึงว่า ลูกชายเขาก็คารมณ์ไม่ต่างกัน เพิ่งจะรู้ว่ามันคือเรื่องจริง
 
   “พ่อมึงล่ะ”

   “ไปทำงาน”

   ระหว่างที่คุยกับพี่ไฮท์ คนในหมู่บ้านที่ผ่านไปมาต่างก็หันมามองหน้าผมกันแทบทุกคน บางคนถึงกับหยุดรถเปิดกระจกเพื่อมองหน้าผม หรือมีอะไรติดหน้าผมวะ

   “เข้าบ้านเถอะ กูรำคาญ” พี่ไฮท์ชักสีหน้าใส่ทุกคนที่ดูผม ก่อนดึงแขนเดินนำผมเข้าบ้าน 

   “พวกเขามองหน้าผมทำไม หรือมีอะไรติดหน้าผม พี่ดูให้หน่อย”

   “ไม่มีอะไรติดหน้ามึงหรอก ที่เขาดูก็เพราะข่าวของไอ้ขิงนั่นแหละ” พูดจบก็ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาขนาดเล็กที่พ่อผมใช้เป็นพี่นอนเวลาเมา “มีคนขุดคุ้ยประวัติเลยรู้ว่ามันมีแฝด”

   “ผมก็เห็นเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจขนาดนี้” โดยเฉพาะคนในหมู่บ้านผมเนี่ย

   “อีกหน่อยคนก็เลิกสนใจเองนั่นแหละ อย่าสนเลย” พี่ไฮท์ว่าอย่างเซ็ง ก่อนมองไปรอบๆ ตัวบ้านอย่างสนใจ “บ้านมึงก็น่าอยู่ดีนะ ต้นไม้เยอะดี”

   “พ่อผมปลูกไว้ เวลาคิดงานไม่ได้ จะได้ออกไปนั่งคุย” พี่ไฮท์ตีหน้ายุ่งแต่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจ พ่อผมเวลาคิดงานไม่ออกก็จะคุยกับสิ่งรอบตัวทุกอย่างเสมอ ดินสอ ปากกา ไม้บรรทัด แม้กระทั่งมดก็เป็นเพื่อนคุยเวลาเครียดได้ “พี่ไฮท์กินข้าวไข่เจียวไหม จะได้ไปเรียนทัน”

   “อืม กินอะไรก็ได้” คนกินอะไรก็ได้ตอนนี้ลุกเดินสำรวจบ้าน “นี่รูปมึงเหรอ”

   “น่ารักป่ะ” เป็นรูปที่ผมชูสองนิ้วตอนพ่อพาไปเที่ยวงานวันเด็ก และเป็นปีเดียวที่ผมได้ไปเที่ยวเพราะพ่อต้องทำงาน

   “น่ารักกว่าตอนนี้อีกว่ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะออกมา ทำซะผมอยากมือลั่นเขวี้ยงไข่ไก่ใส่หน้าเลย “รูปนี้ใครวะ” คำถามของพี่ไฮท์ทำให้ผมละความสนใจจากไข่แผ่นเหลืองในกระทะที่กำลังใกล้จะสุก “ทำไมต้องกอดมึงด้วย” คงจะเป็นรูปตอนผมไปกินเลี้ยงงานรับปริญญาคนรู้จักแน่ 

   “พี่ชายข้างบ้าน”

   “ข้างไหนของบ้าน”

   พูดไม่จบดีก็โดนแทรกเฉย แถมถามเสียงเขียว หน้าก็โหด หรือจะโมโหหิววะ

   “ข้างซ้าย แต่ตอนนี้เขามีลูกสองไปละ” รีบบอกเพราะพี่ไฮท์ทำท่าเหมือนจะออกจากบ้านไปหาเรื่องจริงๆ ไม่ได้อยากคิดไปเองว่าพี่เขาหึงผม แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ “พี่จะกินข้าวโปะไข่เจียว หรือไข่เจียวโปะข้าว”

   “มันต่างกันยังไงวะ”

   “ถ้าอย่างแรก ข้าวอยู่บนไข่ อย่างที่สอง ไข่วางอยู่บนข้าวไง”

   ตีสีหน้ายียวนใส่คนทำหน้างง ก่อนพี่ไฮท์จะทำหน้าตึงเมื่อเห็นผมยิ้ม
 
   “กวนตีนกูเหรอมึง เดี๋ยวจะโดนดี”

   คำว่าจะโดนดีไม่ได้มาแค่ปากเปล่า ขามาถึงก้นผมแล้วด้วย ชอบนักใช้กำลังนี่นะ พี่ไฮท์อยู่กินข้าวไข่เจียวจนหมดจานก่อนจะขับรถไปเรียน ผมยืนยิ้มให้กับความว่างเปล่าหลังท้ายรถหายไปจากสายตา ขับรถมาบ้านผมตั้งไกลเพื่อมากินข้าวไข่เจียวจานเดียว บ้าโคตร แต่แม่ง น่ารักฉิบหาย ผมหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน พอดีกับเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ตอนแรกคิดว่าเป็นพี่ไฮท์โทรมา แต่กลายเป็นเจมส์

   “ว่าไงมึง”

   (ไอ้ขมิ้น พี่ไฮท์ยังอยู่บ้านมึงหรือเปล่า)

   เจมส์รู้ได้ไงวะ ว่าพี่ไฮท์มาบ้านผม

   “เพิ่งขับรถออกไปเมื่อกี้ มีอะไรวะ”

   (เชี่ยไม่ทัน) เจมส์สบถเสียงดังจนผมต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู (กูกะจะให้มึงฝากหนังสือเรียนมากับพี่ไฮท์)

   “หนังสือเรียนอะไร...อ๋อ เล่มที่มึงให้กูยืมใช่ไหม”

   (เออนั่นแหละ วันนี้กูต้องใช้ ทำไงดีวะ)

   ผมเม้มริมฝีปากเมื่อสมองกำลังคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจบอกออกไป

   “เดี๋ยวกูเอาไปให้ มึงต้องใช้กี่โมง” เอาวะ ใส่หมวกปิดหน้าก็ได้ คงไม่มีใครสนใจหรอก “มึงรอกูใต้ตึกนะ เดี๋ยวกูเอาไปให้”

   (ขอบใจนะขมิ้น แต่มันจะไม่เป็นอะไรเหรอ)

   “คงไม่หรอกมั้ง ก็กูไม่ใช่คนโดนจับสักหน่อย สบายๆ” บอกไปงั้นแต่คิ้วผมย่นสุด “เดี๋ยวเจอกัน”

   ว่าแล้วผมก็รีบแต่งตัว มือหยิบหนังสือเรียนของเจมส์ใส่กระเป๋าและไม่ลืมหยิบหมวกแก๊ปไปด้วย ผมขี่มอเตอร์ไซค์ KSR สีดำคู่ใจไปมหาวิทยาลัยที่ทำให้ผมได้เจอโลกใหม่ที่ผมไม่รู้จัก มันทำให้ผมเจอเรื่องที่ดีและเลวร้ายซึ่งผมจะจำไว้ทั้งสองเรื่องนั่นล่ะ 




   ลานจอดรถหน้าตึกยังคงคลาคล่ำไปด้วยรถของนักศึกษา ผมถอดหมวกกันน็อคออกก็รีบหยิบหมวกแก๊ปขึ้นมาสวมเพื่อปิดบังใบหน้า ก่อนจะเดินขึ้นตึกไปหาคนที่นัดไว้ เจมส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะประจำ มันตีหน้ายุ่งเขียนอะไรสักอย่างที่คาดว่าคงเป็นรายงาน ภาพนี้ทำให้ผมยิ้มออกมา เจมส์คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม และผมก็รักมันมาก

   “พี่ขิงหรือเปล่าคะ” อีกไม่กี่ก้าวจะถึงโต๊ะอยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าพร้อมกับสอบถาม แต่แล้วเธอก็ถูกเพื่อนข้างๆ ตีเข้าที่แขนเสียงดัง

   “อีโง่ พี่ขิงเขาโดนจับอยู่ นี่ต้องเป็นพี่ขมิ้น...ใช่ไหมคะ” คิ้วกระตุกเมื่อได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากน้องคณะของพี่ขิง เธอเอียงซ้ายขวาช้อนตามองผม ทั้งที่ผมพยายามหลบ “หนูเห็นตอนพี่ถอดหมวกกันน็อคที่ลานจอดรถเมื่อกี้” อุตส่าห์รีบแล้วนะ ยังมีคนเห็นอีก “พี่เหมือนพี่ขิงมากจริงๆ นะคะ”

   “ตอนนี้ทุกคนในคณะยังคุยกันอยู่เลย ว่าพี่หรือพี่ขิงกันแน่ ที่มาเรียนช่วงหลังๆ นี้”

   “แต่ให้หนูเดา ต้องเป็นพี่แน่เลย เพราะพี่นิสัยดี น่ารัก”

   แทบจะลอยอยู่แล้วครับ

   “ขอบคุณครับ” ยิ้มแห้งๆ ส่งคืนให้น้องเขาไป ก่อนจะได้ยิ้มหวานกลับมา “ขอตัวนะครับ” ต้องรีบชิ่งก่อน ตอนนี้เริ่มมีคนมองแล้ว ผมไม่อยากตอบคำถามเรื่องของพี่ขิงจากความอยากรู้ของทุกคน เดินมาถึงโต๊ะ เจมส์ก็เงยหน้าขึ้นมา ปากมันคาบปลายปากกาเอาไว้

   “อ่าวไอ้ขมิ้น มาถึงเมื่อไหร่”

   “เมื่อกี้” บอกเสร็จก็ส่งหนังสือเรียนคืน “กลับละนะ”

   “อ่าว” ผมพูดจบ เจมส์ก็ร้องออกมาแถมอ้าปากอีก ท่าทางตลกดีแต่ก็น่ารัก “ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย”

   “กูกินมาแล้ว”

   “กูก็กินแล้ว แต่พอเครียดมากๆ ท้องก็ร้องเฉย”

   “คิดถึงกูล่ะสิ”

   “เมื่อวานก็เพิ่งเจอกัน เหม็นขี้หน้าจะตาย”

   พูดแบบนั้นแต่เจมส์มันก็ยิ้มกว้าง นี่ถ้าผมยื่นหน้าไปหอมแก้มมัน ผมจะโดนถีบไหมครับเนี่ย

   “อยู่นี่ๆ เอง” จังหวะที่ผมรอเจมส์เก็บของ เสียงทักก็ดังจากด้านหลัง พอหันไปก็เจอกับคนที่ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่ “ไม่คิดจะทักทายพี่หน่อยเหรอ”

   “ทักทาย” ตอบแบบกวนตีนไป แต่พี่นาวกลับขำซะงั้น “พี่มาทำไมที่นี่”

   “นี่ไม่ใช่มหาลัยมึงซะหน่อย กูจะเดินไปไหนมาไหนก็ได้” เอาแล้วไง โดนมันกวนตีนกลับแล้วไง “พอดีได้ยินว่ามีคนหน้าเหมือนไอ้ขิงมาที่ตึกนี้ กูก็เลยลองมาดูหน้าหน่อย”

   “พอดีผมไม่ได้ชื่อหน่อย ขอตัวนะ”

   “กวนตีนไม่เลิก” คราวนี้โดนจิ้มหัวหลายจึ๊ก “ไอ้ขิงโดนหนักสินะ” พี่นาวสอดตัวนั่งข้างผม มันตีหน้าเครียดเมื่อพูดถึงพี่ชายของผม

   “พี่ได้ไปหาพี่ขิงไหม”

   “ไปเมื่อเช้า แต่เขาเอามันไปฝากขังแล้ว” แววตาทะเล้นเมื่อกี้หม่นแสงลงจนผมสะอึกในใจ ถ้าพี่ขิงสนใจคนๆ นี้ บางทีชีวิตอาจมีความสุขก็ได้ “ถึงแม้มันจะทำกับกูไว้มาก แต่กูก็เกลียดมันไม่ลง”

   “พี่โคตรเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดเยอะ” เจมส์แทรกขึ้นมา ผมหลุดขำออกมาจนโดนถลึงตาใส่

   “กูไม่ใช่คนดีเว้ย แต่ก็ไม่ได้เลวแบบที่พวกมึงใส่ร้าย”

   “พวกเราไม่เคยใส่ร้ายสักหน่อย”

   “ใช่”

   “อ๋อ นี่พวกมึงจะว่ากูเลวงั้นสิ รุมกูเลยนะ”

   ผมมองครึ่งหน้าของคนที่ยิ้มข้างๆ ใบหน้าของพี่นาวยังคงหลงเหลือรอยช้ำอยู่จางๆ ก่อนสะดุ้งเมื่อคนที่ผมนั่งจ้องหันมองมาสบตาเข้าพอดี

   “อะไรพี่”

   “กูต้องถามมากกว่า ว่าจ้องหน้ากูทำไม หรือว่าหลงรักกู”


   “ตีนกูนี่”

   ไม่ใช่เสียงผม แต่มันช่างคุ้นหูซะเหลือเกิน ก่อนจะได้หันไปดู ตัวผมก็ลอยหวือขึ้นจนขาเกี่ยวกับโต๊ะเกือบล้ม ปากเตรียมจะด่าหากไม่ติดที่ใบหน้าพี่ไฮท์บูดบึ้งชนิดที่ว่า...

        หากพูดไม่เข้าหู เบ้าตาอาจมีสี 

   “อะไรของมึงไอ้ไฮท์” พี่นาวถามอย่างไม่เข้าใจพลางลุกขึ้นยืน “มึงไม่เห็นเหรอ ว่าไอ้นี่เกือบล้มน่ะ”

   “กูเห็น”

   “เห็นแล้วก็ยังเสือกทำ”

   เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องชกต่อยมากกว่าสาดคำด่าด้วยปาก ผมก็รีบก้มตัวลูบขาตัวเองราวกับเจ็บปวดมาก พี่ไฮท์รีบละสายตาดุจากคนตรงหน้ามาสนใจผมทันที พอเลิกขากางเกงขึ้น หน้าแข้งผมก็มีรอยช้ำจริงๆ ซึ่งรอดตัวอยากการโกหกไป

   “เจ็บป่ะ” พี่ไฮท์ถามอย่างห่วงใย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงทำให้หัวใจผมทำงานหนักอีกแล้ว “พี่ขอโทษนะ ต่อไปพี่จะระวังมากกว่านี้”

   “เจ็บนิดหน่อย” ตอบแบบนั้น ก่อนเผลอจ้องตาคนห่วงใย “แต่จริงๆ ก็เจ็บมากนั่นแหละ”

   “สรุปมึงเจ็บมากหรือเจ็บน้อยวะ เลือกเอาสักอย่าง” จากน้ำเสียงห่วงใยเริ่มจะเกรี้ยวกราด จนสุดท้ายพี่บิ๊กคงทนไม่ไหวเปิดฉากหัวเราะออกมาคนแรก พลอยทำให้ทุกคนหัวเราะตาม ส่วนผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งไป “สำออยนะมึง”

   “พี่ไม่ไปเรียนเหรอ”

   “ตอนแรกก็รอเรียน แต่พวกที่เพิ่งขึ้นไปบอกเจอแฝดไอ้ขิงอยู่ใต้ตึก กูเลยลงมา” ว่าเสร็จก็ดันให้ผมนั่งลง และพี่ไฮท์ก็นั่งคั่นผมกับพี่นาว “มึงไม่ไปเรียนหรือไง” ตอบผมเสร็จก็หันไปหาเรื่องอีกฝั่ง

   “มี” สั้นๆ แต่ได้ใจความ “งั้นกูไปเรียนก่อน น้อง...ขมิ้นใช่ไหม แล้วเจอกัน...”

   “ถ้ากูไม่ให้เจอ มึงก็ไม่มีทางเจอไอ้นาว รีบๆ ไปห่างๆ ตีนกูได้แล้ว”

   “ไอ้เชี่ยไฮท์”

   “ทำไม”

   เอาอีกแล้วครับ ทะเลาะกันอีกแล้ว ดีที่พี่นาวลุกออกไปก่อน ไม่งั้นอาจมีมวยสดให้ดูจริงๆ

   “พี่จะไปว่าพี่นาวทำไม”

   “ก็มันทำตาเล็กตาน้อยใส่มึง ตาบอดเหรอ”

   นั่น โดนด่าอีกผม

   “ไม่ได้บอด แต่ไม่ได้สนใจ จบปะ”

   พูดจบก็เห็นมุมปากพี่ไฮท์ยกยิ้มนิดๆ

   “ปากดี”

   “นี่ถ้ากูรู้ว่าต้องลงมาเจออะไรแบบนี้ สู้นั่งง่วงอยู่ในห้องดีกว่า” พี่บิ๊กแทรกขึ้นมาพลางทำตาขวาง ก่อนที่เจมส์จะเอาขนมให้ถึงเลิกบ่น

        พูดได้คำเดียวว่า...แหม

   “ตอนกูออกจากบ้านมึงมา มึงไม่เห็นบอกว่าจะมาด้วย” เลิกสนใจโลกสีชมพูของคนตรงหน้า มาสนใจคนข้างตัวผมต่อ พี่ไฮท์ตีหน้ายุ่งทำจริงจัง “หรือแอบมาทำอะไรลับหลังกู”

   “เอาหนังสือมาคืนเจมส์ ตอนแรกมันจะให้ฝากพี่ แต่พี่ขับรถออกมาซะก่อน ผมเลยต้องเอามาให้มันเอง” อธิบายซะยาวเหยียด ดูเหมือนคนฟังจะเข้าใจเพราะพยักหน้าตาม “ว่าแต่ มันรู้ได้ยังไงว่าพี่ไปบ้านผม”

   “ไอ้บิ๊กคงบอกมั้ง” ก็พอเดาออกอยู่เหมือนกัน “แล้วจะกลับหรือยัง”

   “ทำไมเหรอ หรือไม่อยากให้อยู่”

   “ใช่” โคตรใจแป้วเลย หากไม่มีประโยคถัดมาละก็นะ “เพราะมึงอยู่ กูเรียนไม่รู้เรื่อง กลัวคนอื่นจะมายุ่งกับมึง” โดนจิ้มหน้าผากหลายจึ๊กแต่ผมก็ยังยิ้มออกมา “กลับยัง กูจะขึ้นไปเรียนแล้ว”

   “กลับก็กลับ ไล่จริง”

   “หึ”

   ยังไม่ทันได้เอ่ยคำลากับเจมส์ก็ถูกพี่ไฮท์ล็อกคอให้เดิน แล้วพี่แกไม่สนใจสายตาคนที่มองเลย แค่ผมคนเดียวก็มีคนสนใจมากอยู่แล้ว นี่ยังมีพี่ไฮท์อีก สายตาคนใต้ตึกแทบทุกคู่ก็ว่าได้ที่มอง

   “พี่ไฮท์เดินดีๆ” พยายามดึงแขนที่ล็อกคอออก แต่เจ้าของแขนกลับทำหูทวนลม “พี่ไฮท์คนมองเห็นป่ะ”

   “ก็ช่างหัวคนมอง” น้ำเสียงและท่าทางดูไม่สนใจอย่างที่พูด

   “แต่...”

   “คนอื่นจะได้รู้ ว่ากูมีสิทธิ์ทำแบบนี้แค่คนเดียว”

   ผมไม่ตอบโต้หรืออะไรอีกแล้ว เพียงแค่เจอรอยยิ้มสุดเท่ในระยะประชิดก็ทำให้หาเสียงไม่เจอ รู้สึกอิจฉาแฟนพี่ไฮท์จริงๆ ที่ได้คนเพอเฟกแบบนี้...

   นี่ผมไม่ได้อวดตัวเองเลยนะครับเนี่ย (เสียงสูง)   



...TBC

กราบสวีดัด สวัสดีค่าา มาช้าอีกแล้ว (-_-;;) ต้องกราบขอโทษจริงๆ นะคะที่มาล่าช้า เพราะอาการป่วยที่เป็น มันค่อยๆ ไต่ระดับทีละขั้น จนพีคขั้นสุดถึงขนาดนั่งแล้วโลกหมุน เลยเลทมาหลายวัน (กะจะลงช่วง ศ-อา) ต้องขอโทษทุกคนจริงๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ดีทำให้งานล่าช้าไปมาก ขอโทษค่าา ต่อไปจะพยายามรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีกว่านี้ค่ะ (ชูสามนิ้ว)

...

และเรื่องนี้อีกสองตอนก็จะจบแล้วค่ะ ตอนหลักจบ แต่ตอนของพี่ไฮท์กับขิงจะมีอย่างละตอนนะคะ แล้วก็ต่อด้วยตอนพิเศษของคู่รักแป้งเด็ก ซึ่งหากถามหาน้ำตาลในตอนหลักนั้นแทบไม่มี ต้องไปหาในตอนพิเศษค่ะ (นี่ไม่ได้สปอยนะคะเนี่ย)

...

แล้วพบกันค่าาา ช่วงนี้ต้องอัดยาเยอะ เลยมึนๆ เบลอๆ ไปบ้าง ตกหล่นตรงไหนขออภัยด้วยค่า เม้นท์ติได้เลยค่ะ จะได้รีบแก้ไข ขอบพระคุณค่า *กราบร่องอก -..-* (นี่ขนาดเบลอยานะ ถถถ)

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เรื่องคลี่คลาย  พี่ไฮน์ชัดเจน   :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
« ตอบ #279 เมื่อ: 22-05-2018 21:32:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หายไวไวนะไรท์คนเก่ง o13

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ได้มีความสุขจริงๆสักทีนะขมิ้นนน
ปล. รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่ไฮท์เนี่ยเรียกว่าหลงน้องขมิ้นได้มะ

แหม่  หวงซะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ต้องแนะนำพ่อขมิ้นให้รู้จักกับกลอยปะเกรียนซะแล้ว  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
พี่ไฮท์คนขี้หวง :hao3:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
แรกๆ ก็สงสารในความซวยของขมิ้น แต่ตอนนี้หมั่นไส้ จบ คนอวดแฟน เกลียดดดดดดด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่ไฮท์  น่ารัก ขี้หวงแฟน
เลยกอดตอ อวดแฟนซะเลย
จะได้รู้กันไปเลยว่าขมิ้นน่ะแฟนใคร  ฮิ้ววววววว     :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ,,รักนี้ แค่นาย,, [ตอนที่ 24] [P.10] // {22/05/61}
« ตอบ #289 เมื่อ: 23-05-2018 19:51:15 »





ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แอบรอเธออยู่นะจ้ะ.... :mew1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
คิดถึงแล้ว  :call: :call: :call:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ย่องมาเมียงมองหา "คู่รักแป้งเด็ก"

เฮ้อออออออออออ คิดถึง :mew2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 o13

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
-25-



       วันนี้เสียงนาฬิกาบ้านผมดังกว่าทุกที ไม่ใช่เพราะเปลี่ยนถ่านใหม่หรอกนะครับ แต่เพราะความเงียบภายในบ้านต่างหาก นี่ถ้ามดตดก็อาจได้ยินเสียงแน่ๆ

   “พ่อ” ผมเรียกท่ามกลางความเงียบและความตึงเครียด “เลิกทำหน้าเหมือนตัวร้ายในละครสักที” แล้วสิ่งที่ได้คือหน้าโหดๆ นั่นค่อยๆ หันมามองผม พร้อมกับปากที่อ้าพะงาบๆ แต่ได้ใจความว่าเสือก

   “พูดกันดีๆ ก็ได้” เสียงนุ่มพูดขัดจนพ่อต้องหันไปมองตาขวาง “ระวังนะคุณ ตามันจะไหลรวมกัน”

   “จมูกโด่งเป็นสันเขื่อนขนาดนี้ ไหลรวมก็บ้าแล้ว...ขำอะไร” 

   “เปล่า”

   ผมกำลังนั่งมองผู้ชายอายุใกล้ๆ กันแต่อยู่คนละโหมดอารมณ์ ซึ่งพ่อผมนั้น มาแนวตัวร้ายแน่นอน ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามเป็นดั่งเพื่อนพระเอกที่มีความเจ้าเล่ห์แฝงความปากร้ายนิดๆ เป็นคู่ที่ดูสมน้ำสมเนื้อกันมาก และมันก็มากซะจนผมกลัว

   “พี่ว่า พ่อเราจะต่อยกันไหม” ขยับไปถามพี่ไฮท์เบาๆ คนพาพ่อตัวเองมาส่ายหน้าพร้อมส่งยิ้มมาให้ “พี่ก็ไม่คิดจะบอกผมก่อน จะได้เตรียมตัวทัน”

   “พ่อกูเอาอยู่ เชื่อสิ” ความมั่นใจของพี่ไฮท์ไม่ทำให้ผมดีขึ้นเลย “อย่าห่วง”

   “ห่วงสิ โธ่”

   ก่อนเราทั้งคู่จะหยุดคุยกันเมื่อพ่อผมหันมาดุด้วยสายตา



   ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ผมเก็บกวาดบ้านรอจนพ่อกลับมาตอนเย็น และหลังจากพ่อเข้าบ้านมาได้ไม่นาน รถคันสวยก็โฉบมาจอดหน้าบ้าน ตอนแรกผมคิดว่าพี่ไฮท์จะมาคนเดียว ที่ไหนได้ ประตูข้างคนขับเปิดออกพร้อมบุคคลที่เป็นต้นแบบในการเรียนมหาวิทยาลัย คุณหมอสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขน ปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงสแลค ใบหน้ามีรอยยิ้มดูท่าทางสบาย ต่างจากลูกชายที่แต่งตัวสบายๆ ด้วยการสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์แต่สีหน้ากลับเคร่งเครียด และนั่นก็ทำให้ผมเครียดตามไปด้วย หันรีหันขวางอยู่หน้าประตูอย่างคนทำตัวไม่ถูก เหงื่อที่แห้งไปแล้วจากการทำงานบ้านก็ผุดขึ้นมา
จะหัวแตกก็คราวนี้แหละวะไอ้ขมิ้น   

   “พ่อนิสัยยังไง ลูกก็คงเหมือนกัน” อยู่ๆ พ่อผมพูดออกมา ก่อนจะเหลือบตามองผมแล้วสบถเบาๆ “เหมือนกูด่าตัวเองเลยว่ะ” อยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก พ่อทำปั้นหน้าโหดมาก ขนาดพี่ไฮท์ยังนั่งนิ่ง

   “มื้อเย็นนี้ พ่ออยากกินอะไร เดี๋ยวผมออกไปซื้อมาให้ คุณหมอด้วยอยากกินข้าวกับอะไรครับ”  ผมไม่อยากให้บรรยากาศหม่นๆ แบบที่เป็นอยู่ เลยถามออกมา ไม่สนว่าพ่อจะกระแอมจนคอแทบพังยังไง “ทำหมูกระทะไหมง่ายดี”

   “ก็ดีนะ” พ่อพี่ไฮท์ตอบรับ

   “ไม่ดี” แต่พ่อผมขัดออกมา จากที่นั่งตัวตรงก็ค่อยเอนหลังพิงพนักพร้อมยกแขนขึ้นมากอดอก “มีธุระอะไรก็รีบๆ พูดดีกว่า ผมไม่อยากเสียเวลา”

   “นี่ผมกับลูกมารบกวนเวลาคุณหรือครับ”

   “ใช่” พ่อผมตอบเสียงสูง

   “งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนเวลาของคุณดีกว่า” สีหน้าพ่อดูมีชัยชนะนิดๆ หลังจากคุณหมอพูดแบบนั้น แต่ประโยคถัดมาเล่นเอาคนเหนือกว่า สะบัดหน้าไปมองคอแทบเคล็ด “งั้นผมขอพาขมิ้นออกไปหาอะไรทานข้างนอกก็แล้วกัน”

   “ออกไปกินข้างนอกทำไม เปลืองเงิน ทำง่ายๆ กินอยู่บ้านนี่แหละ” พ่อพูดเสียงสะบัด ก็ยังดีที่ไม่ไล่ให้แขกกลับบ้าน

   “แต่ของในตู้เย็นมีแต่น้ำเปล่านะพ่อ”

   “งั้นก็กินน้ำเปล่า...มึงไม่คิดจะซื้ออะไรเข้าบ้านเหรอวะไอ้ขมิ้น” ยิ้มแห้งๆ ส่งให้ไป ที่จริงผมก็คิดจะออกไปหาซื้อของสดเหมือนกัน แต่พอดีพี่ไฮท์มาซะก่อน “งั้นก็ไปซื้ออะไรง่ายๆ หน้าหมู่บ้านก็พอ แล้วก็ซื้อเบียร์มาด้วย” ผมกำลังยื่นมือไปรอรับเงินจากพ่อ ก่อนคุณหมอจะพูดแทรกขึ้นมาทำให้ต้องหันไปมอง

   “เบียร์ไม่ต้องซื้อมานะ อาเอามาด้วย” ว่าแล้วคุณหมอก็สะกิดให้พี่ไฮท์ออกไปเอา คนออกไปตัวเปล่าตอนนี้หอบกล่องเบียร์เข้ามากล่องใหญ่ “ขมิ้นบอกว่าพ่อตัวเองชอบกินเบียร์ อาเลยเอามาฝาก”

   “ก็ดีที่มีของติดมือมา” พ่อพูดลอยๆ ทำเอาผมตาโต แต่คุณหมอกลับยักไหล่ไม่ได้สนใจคำพูดนั้น “มึงซื้อกับแกล้มมาด้วยนะ”

   “ปลาหมึกไหม”

   “เออ เอาที่มันกินได้นั่นแหละ ให้ย่างสุกๆ ด้วย”

   “ผมรู้น่า ว่าพ่อฟันไม่ค่อยดี”

   “ไอ้ลูกเวร ต่อหน้าคนอื่นเนี่ย หัดรักษาหน้าพ่อมึงบ้าง”

        พ่อพูดกัดฟันทำตาโต ทำเอาคนกลั้นขำหลุดออกมาเสียงดัง ซึ่งรวมทั้งผมด้วย พอได้เงินเสร็จ ผมก็เดินออกมานอกบ้านและไม่ลืมจูงมือพี่ไฮท์ออกมาด้วย ถามว่าพ่อนั่งมองเฉยๆ เหรอ...ก็ไม่ อ้าปากเตรียมโวยวาย แต่ดีที่คุณหมอถามเรื่องบ้านขึ้นมาซะก่อน พ่อเลยหันไปโม้เรื่องงานตัวเองแทน





   ผมขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจโดยมีพี่ไฮท์นั่งซ้อนท้าย ซึ่งตอนนี้เริ่มจะชินกับการถูกกอดจากด้านหลัง แต่ที่ไม่ชินคือการถูกคางแหลมๆ วางแถวบ่านี่แหละ ที่สำคัญ คนด้านหลังมันชอบแอบจุ๊บคอผมเนี่ย เล่นเอามือไม้อ่อนไปหมด ขนทั่วตัวลุกเป็นรอบที่พันแล้วมั้งครับ

   “พี่ไฮท์ มันจั๊กจี้เว้ย” ย่นคอหลบแต่ก็ไม่เคยพ้น จะให้พ้นได้ยังไงในเมื่อผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่

   “เหรอ” เสียงลากยาวที่ดังติดใบหูนี่ ไม่ได้เข้าใจจริงๆ แน่

   “พี่ไฮท์ เดี๋ยวรถชนนะเว้ย” ก็ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะพี่แกก็ยังทำอยู่ “ไอ้พี่ไฮท์”

   “แทะเล็มนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้”

   “ไม่ได้ ผมขี่รถอยู่เห็นป่ะ”

   “งั้นตอนไม่ขี่รถก็ได้น่ะสิ ใช่ไหม”

   “นั่นก็ไม่ได้”

   “อะไรวะ”

   “ไม่วะแล้ว”

   กว่าจะถึงตลาดแถวหมู่บ้าน ผมถึงกับปากแห้งน้ำลายแทบหมด แรกๆ เหมือนจะยอมฟัง พอผ่านไปสักพัก พี่ไฮท์มันก็กลับมาแทะเล็มผมอีก แถมหนักกว่าเดิมคือการกัด ไม่รู้ชาติที่แล้วเกิดเป็นยุงหรือเปล่า ทั้งกัด ทั้งดูด ขนาดโดนผมทึ้งหัวก็ยังทำอยู่ คนธรรมดาเขาทำกันแบบนี้เหรอครับ

       ผมจอดรถไว้หน้าตลาด ก่อนเดินวนซื้อกับข้าว โดยปล่อยให้พี่ไฮท์ยืนรอปลาหมึกย่างที่ร้านหน้าตลาด พอซื้อเสร็จก็เดินย้อนกลับไปหา แต่ไม่เห็นพี่ไฮท์เลย ไม่ใช่เพราะหนีหาย แต่เพราะถูกสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเห็นแต่หัวกับหน้าเจื่อนๆ   

   เกิดอะไรขึ้นวะ?

   ผมรีบเดินเข้าไปหาเพราะกลัวพี่ไฮท์ไปหาเรื่องคนอื่น แต่พอเข้าไปใกล้ก็ได้ยินสาวๆ รุมถามชื่อกันเซ็งแซ่ เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงหมู่บ้านผมมีมากมายขนาดนี้ ก่อนเสียงดังโหวกเหวกจะเงียบลงเมื่อทุกคนหันมาเห็นผม

   “นี่มันคนในข่าวใช่ไหม”

        “ขิงหรือขมิ้นอะแก”

   “ก็ต้องคนน้องสิ คนพี่ติดคุกอยู่ไง”

   “ตัวจริงหล่อมากเลยอะ ทำไมฉันไม่เคยเห็น อยู่หมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ”

   “ฉันเคยเจอที่อู่ย่ะ เขาเติมลมรถให้ด้วย”

   “อีดอก ของกูเขาเปลี่ยนยางรถให้ กูยังไม่อวด”

   “นี่ไม่อวดเลยนะมึง”

   และอีกมากมายสารพัดประโยค ผมถอยหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ในเมื่อถูกรุมแทน ยังดีที่พี่ไฮท์เข้ามาดึงผมออกจากกลุ่มคน ไม่อย่างนั้นคงแบนเพราะถูกบีบแน่

   “หน้าซีดเลยนะ” โดนล้อเฉย พี่ไฮท์เปลี่ยนไปขี่แทนโดยดึงแขนผมให้กอดเอวตัวเอง “กอดดีๆ”

   ไม่ได้ตอบโต้นอกจากกอดตามที่บอก กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผมชอบ ลอยออกมาจากเสื้อของพี่ไฮท์ติดปลายจมูกจนต้องอมยิ้ม ตอนไปอาศัยบ้านพี่ไฮท์นั้น ผมเป็นคนดูแลทุกอย่าง งานครัว งานสวนหรือแม้แต่ดูแลหมาอ้วนสองตัว แม้คุณหมอจะห้ามแล้วห้ามอีก แต่เพราะผมไม่อยากอยู่ฟรีๆ มันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ช่วยแบ่งเบาภาระคุณหมอไปได้บ้าง จนรถขี่มาจอดหน้าบ้าน ความกังวลใจที่มีก็พุ่งสูง ไม่รู้ตอนนี้พ่อผมกับพ่อพี่ไฮท์จะตีกันหรือเปล่า ยิ่งอารมณ์ร้อนอยู่ด้วย พ่อผมน่ะ

   “เป็นอะไร” พี่ไฮท์หันมาถาม คงเพราะผมหยุดเดิน

   “กลัว”

   “เรื่อง?”

   กำลังจะอ้าปากตอบ เสียงด้านในก็ดังขัด ผมหันไปมองหน้าพี่ไฮท์ก่อนผมจะรีบวิ่งนำหน้าเข้าไปในบ้าน แล้วสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือ พ่อผมกำลังอ้าปากหัวเราะจนเห็นลิ้นไก่ มือถือแก้วเบียร์ที่หมดไปครึ่งแก้ว แต่ดูที่พื้นแล้วคงผ่านไปหลายขวด

   “อ่าวไอ้ขมิ้น นึกว่าไปช่วยปลาหมึกเกิดลูกซะอีก โคตรนาน” พ่อหันมาทักผม ก่อนจะหันกลับไปคุยกับพ่อพี่ไฮท์ต่ออย่างออกรส

   ไปสนิทถึงขึ้นตบหัว ลูบไหล่กันตอนไหน

   พี่ไฮท์เดินไปนั่งข้างพ่อตัวเอง ส่วนผมเดินแยกไปหลังบ้านเพื่อจัดการของกินที่ซื้อมา ตอนแรกพี่ไฮท์ก็จะเดินตามมาด้วย แต่พอดีโดนพ่อตัวเองกวักมือเรียกไปซะก่อน กับข้าวง่ายๆ ราคาสบายกระเป๋าถูกเทลงจานสามสี่อย่าง และไม่ลืมกับแกล้มเบียร์ที่ตอนนี้คงไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ เพราะคนสั่งดื่มล่วงหน้าไปแล้ว ทันทีที่ผมยกข้าวมาวาง พ่อก็ขยับถุงถั่วทอดที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหน

   “ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เดี๋ยวก็บ่นปวดท้องอีกหรอก”

   “ไอ้นี่ขี้บ่นอีกละ” ไม่ว่าเปล่า ยังเขกหัวผมเป็นของแถม “มึงจะทนฟังมันบ่นแปดเวลาได้เหรอวะ”

   “แปดเวลานี่คืออะไรเหรอครับ...”

   “ก็บ่นตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนกินข้าวเช้า กลังกินข้าวเช้า ก่อนข้าวเที่ยง หลังข้าวเที่ยง ไหนจะสองเวลาหลังข้าวเย็นอีก ก่อนนอนก็ไม่เว้น บางทีตอนนอนมันก็บ่น ไม่รู้ไปเชื้อบ้าคุยกับตัวเองจากที่ไหนมา มึงจะไม่รำคาญเหรอวะ”

   ฮือหือ แกงจืดในมือแทบร่วงเมื่อโดนคำถามของพ่อพุ่งใส่หน้า ส่วนคนถามถึงกับหัวเราะเสียงดัง ผมว่าที่กล้าถามคงเพราะแก้วที่วางข้างๆ แน่ หายไปหลังบ้านแป๊บเดียวไม่รู้ยกไปกี่แก้ว แต่ที่ทำให้ปลาทอดในจานหล่นลงบนโต๊ะ คงจะเป็นคำตอบของพี่ไฮท์นั่นแหละ

   “ไม่หรอกครับ เพราะถ้าบ่นปุ๊บ ผมก็จูบเลย หยุดบ่นแน่นอน”

   “นี่ล่ะ ลูกผม”

   “ลูกมึงก็ห่ามเกิน แต่มันเหมือนกูตอนหนุ่มๆ กูชอบ”

   พ่อหัวเราะจนแทบตกเก้าอี้ คุณหมอตบบ่าลูกชายตัวเองด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูภูมิใจ ส่วนพี่ไฮท์มองตาเยิ้มส่งยิ้มหวานมาให้ผม นี่แหละนะ เขาว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย

   “พูดมากไปแล้ว กินข้าวๆ น้ำลายกระเด็นใส่แกงหมดแล้ว”

   ผมตัดบทด้วยการตักข้าวใส่จานให้ทุกคน วันนี้บ้านผมโคตรคึกคัก คงเพราะมีเพื่อนร่วมโต๊ะเพิ่มอีกสอง แถมยังมีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อีก ปกติแล้ว พ่อผมก็ดื่มคนเดียวอยู่บ่อยๆ เวลาคิดงานไม่ออกมีอยู่ไม่กี่อย่างที่จะทำ ไม่พูดกับดินสอ กระดาษ ก็กินเหล้า กินเบียร์ ส่วนเรื่องบุหรี่นั้น พ่อผมเลิกมานานแล้ว ตั้งแต่ผมสำลักควันสีขาวนั่นจนชัก เลยไม่รู้ว่า การที่ผมขี้โรคตอนเด็ก มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่




   หลังจากจัดการมื้อค่ำเสร็จสรรพ บนโต๊ะก็มีขวดเบียร์วางทันที ผมยกจานเปล่ามาล้างหลังบ้านโดยมีลูกมืออย่างพี่ไฮท์คอยช่วย

   “พี่พาคุณหมอมาทำไม” ระหว่างล้างจานผมก็เริ่มถาม เพราะพี่ไฮท์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบตั้งแต่มาแรกๆ “พี่ไฮท์”

   “ก็แค่อยากพามารู้จักกับพ่อมึง”
 
   “แล้วอะไรอีก?”

   “แค่นั้นแหละ” ผมจ้องหน้าคนข้างๆ อย่างคาดคั้น พี่ไฮท์ยักไหล่ก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผม “มันก็ดีไม่ใช่เหรอ ถ้าพวกเรารู้จักกันไว้ กูไม่อยากคบลูกเขาแบบหลบๆ ซ่อนๆ”

   “เป็นคนชอบเปิดเผยสินะ”

   “เปิดผ้าด้วย ตอนอยู่ด้วยกัน มึงก็เห็นมังกรกูแล้วนี่”

   “มังกรหรือมังกือ เอาดีๆ”

   พี่ไฮท์หน้าบึ้งทันทีที่ผมแกล้งแหย่ จะว่าไป ตอนอยู่บ้านพี่ไฮท์ ผมก็เห็นหมดจริงๆ นั่นแหละ แรกๆ ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันที่เห็น แต่พอเจ้าของห้องพูดขึ้นมาว่า ‘อยู่ห้องตัวเอง ใครเขาอาบน้ำแล้วนุ้งผ้าเช็ดตัวออกมาบ้าง มันก็ต้องเดินโทงๆ ออกมานั่นแหละ’ ก็เอาตามที่เจ้าของห้องสบายใจ

   “ถ้าเจอกูสักยกสองยก ขี้ค้านมึงจะติดใจ”

   “จะบอกว่าตัวเองลีลาเด็ดดวงว่างั้น”

   “แน่นอน ถ้ามึงอยากลอง กูพร้อมทุกเมื่อ”

   “ไอ้พี่ไฮท์โว๊ย”

   จะโวยวายเสียงดังก็ไม่ได้ เลยได้แต่กัดฟันด่าไป เมื่อกี้ก็เอามือที่เป็นฟองน้ำยาล้างจานขยี้หัวผมมาที คราวนี้ดึงมือผมไปจับเป้าตัวเองอีก อยากถีบให้ติดข้างฝาจริงๆ

   เสียงหัวเราะของพ่อผมกับพ่อพี่ไฮท์ดังลั่นบ้านอยู่ตลอด เรื่องที่คุยก็โคตรจะไร้สาระ อย่างเรื่องหมา เรื่องแมว เรื่องงานเครียดๆ ที่ต่างคนต่างเอามาเล่าให้กลายเป็นเรื่องตลก ผมรู้ว่าตอนที่เจอคงจะไม่ใช่เรื่องน่าขำสักเท่าไหร่ อย่างเช่นตอนนี้ ที่พ่อผมเล่าเรื่องของการแก้แบบบ้านที่โดนลูกค้าด่าแล้วด่าอีก ด่าตั้งแต่คนออกแบบยันไปถึงต้นตระกูล

   “พ่อทำไมไม่ต่อยไปสักหมัดวะ” ผมแทบอยากปาถั่วทอดในมือลงพื้นเมื่อได้ยิน อยากเจอหน้าลูกค้าประเภทนี้ พ่อจะกระทืบให้ลืมชื่อตัวเองเลย

   “เพราะลูกค้าคือพระเจ้า” เสียงทุ้มแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าคุณหมอที่ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ “ไม่ว่าจะงานไหนๆ เราก็จะต้องเจอคนประเภทที่ทำให้อารมณ์เสียอยู่ง่ายๆ ถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างที่ทำมาก็จะพังไปหมด”

   “พูดถูกใจกู ชนๆ” แล้วทั้งคู่ก็ยกแก้วขึ้นดื่ม “ตอนกูหนุ่มๆ ก็ใจร้อนใช้อารมณ์แบบที่มึงว่านั่นแหละ แล้วเป็นไง โดนไล่ออก มึงก็เกือบตายเพราะบุหรี่นั่นไง” ใช่ครับ เพราะพ่อผมถูกไล่ออก งานไม่มี เงินก็ไม่มี เครียดหนักถึงขนาดสูบบุหรี่หมดเป็นซองๆ บ้านทั้งหลังมีแต่ควันสีขาวลอยคลุ้งเต็มไปหมด ไม่ให้ผมชักตาตั้งได้ยังไง

   “ตอนผมวัยรุ่นก็ใจร้อนเหมือนกัน ถึงขนาดดักฉุดแม่ของไฮท์มันเชียวนะ” คุณหมอว่าแล้วขำออกมา แต่ผมกับพ่อกลับตั้งใจฟังสุดๆ

   “ฉุดเหมือนในละครเหรอวะ โคตรได้ใจ” พ่อผมตาเป็นประกายเมื่อได้ยิน ส่วนผมมองหน้าคุณหมอกับพี่ไฮท์สลับไปมา


   เหมือนกันตั้งแต่หน้าตายันนิสัยจริงๆ 


   “แต่เพราะความดีแม่ของไฮท์ ทำให้ผมเปลี่ยนตัวเอง ผมอยากประสบความสำเร็จเพื่อเขาจะได้มีอนาคตที่สุขสบาย” คุณหมอยิ้มบางๆ ยามพูดถึงอดีต “ที่ผมเรียนสัตวแพทย์ก็เพราะแม่ไฮท์ชอบช่วยเหลือหมาแมว ผมอยากจบมาเปิดคลินิกให้เขาดูแล”

   “แล้วได้เปิดไหมวะ”

   “หลังจากเรียนจบหลายปีผมก็ได้เปิดคลินิกของตัวเอง มีแม่ของไฮท์ดูแลอย่างที่ผมตั้งใจ แต่ไม่นานเขาก็จากผมไป” คราวนี้พ่อผมเงียบมาก คงเพราะเรื่องเล่าที่ชวนเศร้าของคุณหมอ
 
   “อย่างน้อยก่อนจากไปเขาก็เห็นความสำเร็จของมึง” พ่อผมยื่นมือไปตบบ่าของคุณหมอเบาๆ เป็นการปลอบใจ ก่อนจะทำท่าทางฮึดฮัดเมื่อพูดถึงเรื่องของตัวเองบ้าง “ไม่เหมือนกู โดนทิ้งเพราะจน บัดซบจริงๆ ชนๆ” พ่อชนแก้วแล้วยกดื่มรวดเดียวหมด พี่ไฮท์ก็รีบกุลีกุจอรินให้จนเต็ม พ่อปรายตามองก่อนจะยกดื่มไปครึ่งแก้ว

   “ว่าแต่ คดีของลูกชายคุณเป็นยังไงบ้างครับ” คุณหมอถามทำเอาพ่อชะงัก แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้ายังไง

   “พอดีพ่อเลี้ยงของพี่ขิงเขาส่งทนายมาช่วยน่ะครับ” เป็นผมที่ตอบแทน ตอนแรกที่รู้ผมก็ค่อนข้างตกใจนะ เพราะลุงเจ้าของบ้านดูแค้นพี่ขิงมากที่ทำกับเขาแบบนั้น แต่สุดท้าย ลุงเขาก็ช่วย เพราะรักพี่ขิงเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง “ตอนนี้ก็รออย่างเดียว”

   “คดีใหญ่แบบนี้คงรอดยาก ติดคุกก็สมควรแล้ว” พ่อพูดแทรกขึ้นมาแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด “ไอ้นั่นมันได้เชื้อแม่มัน รักตัวเองจนลืมคนอื่น ชีวิตที่ดีพังลงก็เพราะตัวมันเอง โทษใครไม่ได้ แต่ยังไงซะ มันก็ลูก เกลียดก็ไม่ได้ ทิ้งก็ไม่ได้อีก” แล้วพ่อก็ถอนหายใจออกมาจนผมต้องรีบเทเบียร์ให้ “อะไรของมึง”

   “เครียด กินเบียร์แล้วก็นอน” บอกพร้อมรอยยิ้ม แต่พ่อกลับเขกหัวผมซะแรง ทำเอาคุณหมอกับพี่ไฮท์ตกใจ “เมาทีไรมือหนักทุกที”


   แม้ผมจะเจ็บตัว แต่ทำให้พ่อยิ้มได้ ผมก็โอเค


   เบียร์ในลังใหญ่ค่อยๆ หมดลงทีขวดสองขวด จนตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว แต่สภาพทุกคนยังดีอยู่ ก็ถือว่าคอแข็งกันพอดู และตอนนี้พี่ไฮท์ก็เริ่มเลื้อย แขนยาวๆ พาดมาที่บ่าของผมโดยไม่เกรงกลัวพ่อผมอย่างแต่ก่อน ฉวยโอกาสสินะแบบนี้

   “แล้วเรื่องของขมิ้นล่ะคุณจะว่ายังไง”

   อยู่ๆ คุณหมอก็พูดโพล่งออกมา ทำเอาทุกคนมองอย่างสงสัย

   “เรื่องไอ้ขมิ้น? ถ้ามึงหมายถึงเรื่องเรียนล่ะก็ เอาที่มันอยากเรียนนั่นแหละ ได้เงินเป็นทุนแล้วนี่”

   “ผมหมายถึงเรื่องขมิ้นกับไฮท์ลูกผมต่างหาก” ไม่รู้เพราะคุณหมอเมาหรือเปล่าถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา พ่อผมได้ยินถึงกับหน้าตึงทำตาขวางจนพี่ไฮท์ต้องรีบเอาแขนลง “ผมรู้ว่ามันยากที่จะรับได้ แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ ควรจะยินดีหากลูกมีความสุขไม่ใช่เหรอ”

   “การที่ไอ้ขมิ้นจะมีแฟนก็ไม่ได้อะไรมาก แต่อย่างมึงเนี่ย...” พ่อชี้หน้าพี่ไฮท์พลางทำหน้าเครียด “หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ จะมาเป็นเมียไอ้ขมิ้น คิดภาพไม่ออกเลยว่ะ”

   พรวด เบียร์จากปากของคุณหมอกระจายเต็มโต๊ะทันทีที่ได้ยิน ซึ่งไม่ต่างจากพี่ไฮท์ที่เซเกือบตกเก้าอี้

   “ผมไม่ได้เป็นเมียขมิ้นครับ” พี่ไฮท์รีบแก้ต่างให้ตัวเองหน้าตาตื่น โคตรน่าขำ
 
   “อ่าว ก็ไอ้ขมิ้นไปนอนกับมึงแล้ว มึงก็เป็นเมียมันน่ะสิ” ดูพ่อผมพูดสิครับ ใช้อะไรคิดวะ

   “แค่ไปนอนเฉยๆ ยังไม่ได้กัน” ผมต้องช่วยพูดอีกแรง ไม่รู้พ่อจะคิดไปไกลแค่ไหน “แล้วพ่อก็อย่าเพิ่งมโนไปไกลด้วย”

   “กูไม่ได้มโน ไอ้เด็กแผนกเซลล์มันก็มีเมียเป็นผู้ชาย แถมมารับมาส่งทุกวัน เมียมันตัวใหญ่กว่าอีก กล้ามงี้นึกว่านักยกน้ำหนัก” พ่อพูดไปลูบแขนตัวเองไป

   “พ่อรับได้เหรอ ที่ผมจะคบกับพี่ไฮท์?”

   “ไม่ได้”

   “อ่าว”

   “แต่กูก็ไม่ได้ห้าม มันเรื่องส่วนตัวของมึง ชีวิตของมึง ดีชั่วก็อยู่ที่มึงทำ” โคตรซึ้งกับสิ่งที่พ่อพูด หากไม่มีประโยคถัดมาละก็นะ “พวกมึงเอากันท่าไหนวะ”

   “พ่อ!”

   “กูหมายถึงไปรักกันตอนไหน ไอ้นี่ก็ขี้โวยวายจัง”

   คราวนี้คุณหมอหัวเราะออกมาเสียงดังพลางทำให้พ่อผมหัวเราะไปด้วย ก็คำพูดกำกวมแบบนั้นใครมันจะคิดดีได้วะ ไม่มีหรอก

   “ผมแอบชอบขมิ้นก่อนครับ” พี่ไฮท์ตอบพ่อ แต่สายตากลับมองมาที่ผม ริมฝีปากแดงมีรอยยิ้มหวานส่งมาให้ “ตอนแรกก็เกลียดเพราะคิดว่าเป็นอีกคน แต่พอได้คุย ได้อยู่ใกล้ ผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ ความรู้สึกบางอย่างมันบอกผมว่า ลูกของพ่อคนนี้ต้องทำให้ผมคลั่งมากแน่ๆ”

   “พี่คลั่งยังไง” อดที่จะถามไม่ได้ แม้หน้าเริ่มร้อนเพราะความเขินก็เถอะ

   “ไม่มีมึงกูกินข้าวไม่ลง ไม่ได้ยินเสียงก็นอนไม่หลับ ไม่ได้กอดก็รู้สึกหายใจไม่ออก...”

   แม่งเอ๊ย ไอ้ขมิ้นจะตายแล้วครับ

   ก่อนพี่ไฮท์จะพูดมากไปกว่านี้ก็โดนพ่อผมขัดจนแทบล้มแม้จะนั่งอยู่ก็ตาม

   “กูให้คบได้ แต่ห้ามมีอะไรกัน”

   “หมายความว่ายังไงครับ”

   “ก็หมายความแบบที่พูด จะให้คบได้ แต่มึงห้ามทำอะไรไอ้ขมิ้น”

   “มีกำหนดไหมครับ”

   “จนกว่ามันจะเรียนจบมหาลัย”

   “พ่อเรียนกี่ปีนะ” พี่ไฮท์หันไปถามพ่อตัวเองที่ยกเบียร์ดื่มอยู่เงียบๆ

   “ถ้าเรียนธรรมดาๆ ก็หกปี แล้วเรียนต่ออีกสองปี นี่ก็คิดว่าจะต่อเอกอีก...”

   “พ่อ!”

   “เอ๊า ก็มึงถามว่าพ่อมึงเรียนกี่ปี”

   ผมนั่งขำพี่ไฮท์ที่ตีหน้างอเหมือนเด็กโดนพ่อขัดใจ เลยยื่นมือไปตบบ่าเพื่อปลอบ

   “เอาน่าพี่ อย่างน้อยเราก็ได้คบกัน”

   “มึงไม่เข้าใจกู” มีสะบัดหน้างอนผมด้วยว่ะ

   “พี่ทนไม่ได้เหรอ”

   “กูก็ทนได้ แต่บางทีที่มึงอยู่ใกล้ๆ กลิ่นของมึงจะทำให้กูทนไม่ไหว”

   บางทีพี่ไฮท์ก็พูดตรงเกินไป

   “พี่ไม่เคยดูข่าวเหรอ เขาให้นั่งสมาธิดับความหื่น”

   “นั่งสมาธิดับหื่นบ้าบออะไรกันไม่เห็นรู้”

   “ไม่รู้ก็รู้ไว้สิ”

   “กูไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”

   “พวกมึงออกไปทะเลาะกันข้างนอกไป วงเหล้ากูเสียหมด” โดนพ่อไล่ไม่พอ ยังชนแก้วกับคุณหมออีก “ตามที่ตกลง ถ้าทำไมไม่ได้ มึงก็เลิกยุ่งกับไอ้ขมิ้นซะ”

   “แค่หกปีเอง ทำไมผมจะทำไม่ได้”

   “พี่พูดกัดฟันทำไม”

   “เสือก”

   สาดใส่หน้าผมเต็มๆ แต่มันกลับสร้างเสียงหัวเราะได้รอบวง พี่ไฮท์ยกเบียร์จากขวดดื่มพรวดๆ แทบไม่หยุดหายใจ ดูแล้วคงจะงอนอย่างที่คุณหมอว่าจริงๆ



   เวลาพี่ไฮท์งอนเนี่ย โคตรสาวน้อยเถอะ แต่ก็น่ารักดี ผมชอบ



...TBC

หายไปนานมาก ขออภัยด้วยค่าาา จะจบแล้วอยู่ยังหายไปนานอีก ใช้ไม่ได้เลย
นิยายเรื่อง รักนี้ แค่นาย เหลืออีกตอนเดียวก็จะจบแล้วค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนเกือบสุดท้าย
หากผิดพลาดตรงไหน น้อมรับคำติและจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ

แล้วพบกันตอนสุดท้ายค่าาา >3< 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 22:03:06 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

สงสารพี่ไฮท์ ต้องกลายร่างเป็นท.ทหารอดทน รอออออออีก 6ปี



 :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:  :katai1:





.

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :z1: :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เป็นกำลังใจให้พี่ไฮท์ แค่6ปีเองจิ๊บๆ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
และแล้วสองพ่อก็ได้มาเจอกัน  :z1: แต่เราสงสารพี่ไฮท์อะคงจะเฉาไปอีกนาน  :laugh: :laugh: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด