(ต่อนะคะ)
“สามเลี้ยวขวาแยกหน้าก็ถึงแล้ว”ลูก้าขยับหน้ามากระซิบข้างใบหู
“...เข้าใจแล้ว”ผมพยักหน้ารับคำพร้อมเลี้ยวรถไปตามทาง
“เลยแล้วนะ”ระหว่างที่ผ่านบ้านเดี่ยวสองชั้นไปลูก้าก็คว้าเอวผมมากอดไว้แน่นจนเกือบเหยียบเบรกไปแล้ว
“เราจอดตรงนั้นเลยไม่ได้มันจะดูน่าสงสัย”ผมหันไปกระซิบบอกก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจออดในดงต้นไม้ข้างทาง
“ไปกันเถอะ”ลูก้าเตรียมจะเดินเข้าไปยังบ้านหลังนั้นทันทีถ้าผมไม่ได้คว้าแขนอีกฝ่ายไว้
“เดี๋ยวก่อน...ต้องโทรบอกปายก่อน”ผมบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย
“ปายคือใคร?”ลูก้าขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน
“กิ๊กผมมั้ง”ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ผมก็ยังมีอารมณ์แหย่อีกฝ่ายเล่น
“กิ๊ก?...ไม่ได้นะสาม...”
(อยู่ไหนสาม)ปลายสายถามขึ้นทันทีที่รับสาย
“บ้านเดี่ยวสองชั้นที่สร้างจากไม้ในซอยของถนนเลี่ยงเมือง...เอางี้ผมจะเปิดจีพีเอส ปายตามมาเองละกัน”ผมไม่มีเวลามารออยู่หรอก ระหว่างที่คุยอยู่พวกนั้นอาจทำการเคลื่อนย้ายสัตว์ไปที่อื่นแล้วก็ได้
(คิดจะลุยเดี่ยวรึไง)
“เปล่า...มีลูก้าอยู่ด้วย”ผมบอกพลางหันไปมองลูก้าที่จ้องมา
(ลูก้า?...อ้อ คนที่ลือกันว่าเป็นลูกนายสินะ)
“ตามนั้นแหละ...แค่นี้ก่อนนะ”
(เดี๋ยวๆ)
“มีอะไรอีก”นี่ผมกำลังรีบนะ
(คงไม่ลืมนะว่าฉันเป็นคนของฝ่ายควบคุม)
“รู้น่า...แล้วยังไง”
(คนของฝ่ายควบคุมนอกจากจะมีหน้าที่จัดการกับปัญหาของสัตว์แล้วเรายังมีหน้าที่จัดการกับอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศูนย์วิจัยด้วย)
“เรื่องนั้นผมรู้ เข้าเรื่องสักที”จะสาธยายเรื่องหน้าที่อีกนานไหม
(ที่จะพูดคือ เหลือพวกนั้นให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานบ้าง)
“หึ...ก็มาให้ทันสิ”ผมหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป
คำพูดของปายเหมือนจะบอกว่าผมสามารถจัดการคนพวกนั้นได้ตามลำพังงั้นแหละ
แน่นอนว่าผมคนเดียวทำไม่ได้แต่ถ้ามีลูก้า...
มันก็ไม่แน่
“ลูก้า...นายต่อสู้เป็นไหม”ผมหันไปถามตามตรง
“เป็นสิ...เก่งด้วย”
“แล้วถ้าเทียบกับพวกที่เราจะไปเจอล่ะ”
“สบายมาก”คำพูดพร้อมรอยยิ้มนั่นทำให้ผมยกยิ้มตาม
“งั้นก็ไปกัน”
“ความจริงให้ผมเข้าไปจัดการคนเดียวก็ได้นะ”ลูก้าบอกระหว่างที่เราเดินผ่ากลุ่มต้นไม้ไปยังบ้านเดี่ยวสองชั้นตรงหน้า
“ไม่ใช่ว่าคู่หูต้องทำงานด้วยกันเหรอ”ผมหันไปถาม
“ก็ใช่อยู่...แต่สามดู...อ่อนแอ”คำสุดท้ายถูกเอ่ยด้วยเสียงอันเบาแต่ก็ไม่อาจเล็ดรอดหูผมไปได้
“ลองดูด้วยตาของนายเองเถอะลูก้าว่าผมอ่อนแออย่างที่พูดรึเปล่า”
จากนั้นพวกเราก็หยุดคุยเมื่อมาถึงริมรั้วไม้ที่มีสายเหล็กเส้นเล็กๆขึงไปตามแนวรั้ว ไม่ต้องลองแตะก็รู้ได้ว่าสายพวกนั้นมีไฟฟ้าไหลผ่านอยู่
“เล่นของอันตรายซะด้วย”มาโดยไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรไว้ถือว่าพลาดมาก
วันนี้เหมือนผมจะพลาดตั้งแต่ปล่อยพวกนั้นให้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว
“รั้วนี่...อันตราย”
“รู้ด้วย?”ผมหันไปถามอย่างสนใจ
“อืม...ความรู้สึกมันบอกว่าอันตราย”
“เหมือนความรู้สึกนายจะเชื่อถือได้นะ”
“เชื่อได้สิโดยเฉพาะกับอะไรที่อันตราย”
“เราต้องหาทางเข้าไปข้างใน...นั่นไหวไหม”ผมถามลูก้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง
เพียงแค่ประโยคเดียวลูก้าก็สามารถเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว
“ผมน่ะไหวแต่สาม...”
“งั้นก็ไปกันเถอะ”ผมไม่อยากฟังคำที่บอกว่าผมทำไม่ได้หรอกนะ
หนทางที่ผมคิดก็ง่ายๆ ถ้ามีรั้วกั้นไม่ให้เข้าไปก็กระโดดข้ามไปก็จบแล้ว
“ไม่มีคนอยู่แถวนี้ กระโดดกันเลย”เมื่อเราขึ้นไปบนต้นไม้ได้ลูก้าก็มองไปยังบ้านหลังนั้นเพื่อดูว่ามีคนอยู่แถวนั้นไหม คำตอบนั้นดังขึ้นพร้อมกับลูก้าที่กระโดดลงไปด้วยท่าทางสบายๆ
ท่าทางแบบนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรถ้าอีกฝ่ายไม่หันกลับมาแล้วกางวงแขนอ้าออกราวกับจะบอกให้ผมกระโดดลงไปตรงนั้นได้เลย ผมสัมผัสได้ถึงคิ้วตัวเองที่กระตุกอย่างไม่พอใจก่อนจะกะจังหวะแล้วกระโดดลงพื้นห่างจากแขนที่ลูก้ากางรอไว้พอสมควร
“อย่ามองว่าผมอ่อนแอลูก้า”ผมเดินไปบอกอีกฝ่ายเบาๆแล้ววิ่งเข้าไปหลบยังมุมหนึ่งของบ้านบริเวณใต้หน้าต่างที่ปิดสนิทอยู่
“สามจะบอกว่าตัวเองเก่งเหรอ”
“เก่งกว่าที่ลูก้าคิดละกัน”ไม่รู้หรอกว่าในความคิดลูก้าผมเป็นยังแต่รับรองเลยว่าถ้าเห็นต้องมองผมใหม่แน่
“ต่อไปจะทำยังไง”
“พวกนั้นอยู่ไหนกันบ้าง”
“แป๊บนึง...มีอยู่ในบ้านประมาณ6คนกับสวนด้านหลังอีก4...ตรงสวนด้านหลังได้กลิ่นสัตว์ด้วย พวกสัตว์น่าจะอยู่บนรถ”
“ในบ้านไม่มีกลิ่นสัตว์เลยเหรอ”
“มี...แต่ไม่ใช่สัตว์ที่มีชีวิตนะ”คำตอบของลูก้าทำให้ผมนิ่งไป
“...นี่พวกนั้น...”ฆ่างั้นเหรอ
“ให้ผมจัดการพวกด้านในไหม”นิ่งไปสักพักลูก้าก็พูดขึ้น
“งั้นผมจะจัดการด้านนอกละกัน”ผมพูดต่อ
“มันอันตรายนะ ตั้ง4คน”
“ของลูก้าตั้ง6คนนี่”
“ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกแต่...”
“ผมก็ไม่เป็นไรลูก้า”ดวงตาสีน้ำตาลของผมหันไปสบกับดวงตาสีเงินอย่างจริงจัง
ผมอยากให้เขาเชื่อในตัวผม
เชื่อว่าผมจะไม่เป็นไร
“...เข้าใจแล้ว แต่เราควรจะช่วยกันดีกว่าไหม”
“หมายถึงให้จัดการทีละที่น่ะเหรอ”
“อืม”
“เข้าท่านะ”ถ้าช่วยกันจัดการน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า
“เริ่มจากข้างนอก”
“ดูเหมือนปีกว่าที่ไม่เจอกันจะเรียนรู้หลายอย่างเลยนะ”ทั้งการคิดและวิเคราะห์ลูก้าต่างทำได้ดีจนน่าตกใจ
“เซโครกับยูทาร์สอนการต่อสู้และการวิเคราะห์สถานการณ์ให้”
“เรียกชื่อตรงๆเลยเหรอ ไม่ดีนะ”
“พวกเขาบอกว่าไม่เป็นไรถ้าจะเรียก”
“งั้นก็ตามใจ”
“ผมไม่ควรเรียกแบบนั้น?”
“ก็ไม่เชิงหรอก แค่คิดว่าอย่างน้อยน่าจะเติมคุณนำหน้าหน่อยน่ะ”ผมบอกไปตามที่คิด
“เข้าใจแล้ว ครั้งหน้าจะเรียกตามที่สามบอก”
“จะทำตามที่ผมบอกจริงเหรอ”
“อืม...ถ้าเป็นสิ่งที่สามพูดผมจะเชื่อ”
“ถ้าชมว่าเด็กดีคงจะไม่ชอบสินะ”ผมพึมพำพร้อมรอยยิ้ม
“ผมโตแล้วนี่”
“ถึงจะโตแล้วก็ยังใช้ได้นะ...เด็กดีลูก้า”ผมบอกเสียงเบาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยน การกระทำผมทำเอาดวงตาสีเงินเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อยปิดลง
“...สาม”
“เอาล่ะ ไปจัดการให้เสร็จแล้วกลับไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า”ถึงเวลาจะเลยเที่ยงไปมากแล้วก็ตามที
“อืม”
จากนั้นผมก็ขยับตัวไปตามผนังจนมาหยุดอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นกลุ่มคนสี่คนที่ยืนเฝ้ารถตู้อยู่ได้ถนัดตา โดยสี่คนนั้นกระจายกันเฝ้ารอบตัวรถ ดูจากรูปร่างทั้งสี่คนล้วนตัวใหญ่กว่าผม
แต่ถ้าแค่ตัวใหญ่กว่าแล้วกลัวก็ไม่ใช่ผมสิ
“ลูก้า”
พุบ
ทันทีที่เรียกลูก้าก็พุ่งตัวไปยังคนแรกที่อยู่ใกล้สุด ชกเพียงแค่ครั้งเดียวอีกฝ่ายก็ทรุดตัวลงโดยไม่มีเสียงเล็ดรอดอย่างที่คิดไว้ ผมเองก็อาศัยจังหวะนั้นวิ่งตามลูก้าไปก่อนที่พวกเราจะแยกกันไปคนละทาง ลูก้าไปจัดการทางหัวรถส่วนผมไปจัดการตรงท้ายรถ
ผมแอบมองอีกหนึ่งให้คนลักลอบค้าสัตว์ที่สูบบุหรี่ด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะตัดสินใจค่อยๆก้าวเข้าไปใช้มือปิดปากอีกฝ่ายจากด้านหลังพร้อมกับเตะไปยังข้อพับขาด้านหลังอย่างแรงจนอีกฝ่ายทรุดลงไป
เพียงแค่นั้นยังไม่พอผมเลยจัดการสับไปยังบริเวณเส้นประสาทหลังต้นคอ ร่างขนาดใหญ่ทรุดลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
แย่ล่ะ
แบบนี้คนที่เหลือต้องตามมา
“เกิดอะไร...เฮ้ย...อั๊ก...”ผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้ส่งเสียงจัดการเตะสูงเข้าใบหน้านั่นอย่างจัง ร่างนั้นเซหงายหลังลงไปผมเองก็พยายามจะเอื้อมมือไปคว้าไว้แต่ไม่ทัน ทว่าลูก้าที่ตามมากลับรับร่างนั้นไว้ได้ทันพอดี
“เฮ้อ...ขอบคุณลูก้า”ผมเอ่ยขอบคุณ
ไม่ค่อยชอบเลยแฮะการทำอะไรเสียงเบานี่
“จัดการได้ง่ายๆเลย”ลูก้าพึมพำโดยที่สายตาจับจ้องไปยังร่างสองร่างที่ถูกจัดการโดยฝีมือผม
“ลูก้าจัดการได้ง่ายกว่าอีก...ไปต่อกัน”
“ได้”
ประตูด้านหลังตัวบ้านถูกผมกับลูก้าแยกกันอยู่คนละฝั่งก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายเคาะประตูสองสามครั้งให้คนข้างในได้ยิน
แกร็ก
“มีอะไร...เฮ้ย...”
ผั๊วะ
ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็จัดการเข่าลอยใส่ท้องชายผิวคล้ำตรงหน้าทีเดียวทรุดตัวลงไปกองกับพื้น พวกที่เหลือด้านในอีก5คนต่างลุกขึ้นเตรียมพร้อมชักอาวุธปืนแต่ด้วยความเร็วของลูก้าสามารถเข้าไปปัดปืนที่อยู่ใกล้ที่สุดจนตกลงพื้นได้โดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
ปัง ปัง
เสียงปืนของคนที่เหลือดังขึ้นติดๆกัน เป้าหมายของอีก4คนที่เหลือตอนนี้คือลูก้า ผมเลยจัดการดึงปืนบริเวณเอวขอองชายบนพื้นขึ้นมาปลดเซฟตี้แล้วเล็งเป้าไป
ปัง ปัง ปัง ปัง
เคร้ง
“เฮ้ย”
เสียงปืน4นัดดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกระบอกปืนที่ตกลงพื้นในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่ผมเล็งไม่ใช่คนแต่เป็นกระบอกปืนที่พวกเขาถืออยู่ทั้ง4กระบอก
“ลูก้า”
“ได้”
ทั้งผมและลูก้าต่างพุ่งเข้าไปจัดการพวกที่เหลือ ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ภายในบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของสัตว์ที่ถูกชำแหละแยกไว้เป็นส่วน
มองแล้วรู้สึกอยากอาเจียนจริงๆ
“สามมีคน...”
แกร็ก
“เฮ้อ...เหมือนฉันจะบอกแล้วนะว่าให้เหลือไว้บ้าง แบบนี้พวกเราจะมาทำไมล่ะ”เสียงจากประตูทางเข้าดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มคนจากฝ่ายควบคุมวิ่งเข้ามาภายใน ส่วนคนที่ยืนทำหน้าเอือมมองดูสภาพของผู้ร้ายนอนแน่นิ่งนั่นคือหัวหน้าหรือปายนั่นเอง
“อยากมาช้าเองทำไมล่ะปาย”ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการมาแบบนี้มันจะช้าไปแล้ว
“นี่เร็วที่สุดแล้ว...รถมันติดนะรู้ไหม”ปายตอบพร้อมยกมือขึ้นเตรียมขยี้เส้นผมสีดำของผมแต่กลับถูกลูก้าที่เดินตามมาจับแขนไว้แน่น
“นายคือปาย?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามดูจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“ใช่...นายคือลูก้าสินะ ฉันไม่คิดว่าตัวเองไปทำอะไรให้นายโกรธจนต้องบีบแขนฉันแน่นแบบนี้นะ”ปายเองก็ดูไม่มีทีท่ากลัวลูก้าเลยสักนิด
“เป็นกิ๊กกับสามเหรอ”
“...”คำถามนั้นทำเอาผมและปายนิ่งค้างไป
ลืมไปเลยว่าเคยแหย่ลูก้าไว้แบบนั้น
“หึ...ถ้าใช่แล้วทำไม”
“เฮ้...ปาย”พูดอะไรน่ะ
“สามเป็นของผม”
“ลูก้า...พูดอะไรน่ะ”ใครไปเป็นของนายกัน
“เหรอ...เท่าที่รู้ไม่ใช่นะเพราะสามเป็นของฉัน”
ตึง
เศษกระจกจากบานประตูที่ปายพิงอยู่แตกกระจายด้วยพละกำลังมหาศาลของลูก้าอย่างง่ายดาย สายตาของลูก้ามองปายด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ผมก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร
“สามไม่ใช่ของนาย”ลูก้าเอ่ยเสียงเย็น
“ก็ไม่ใช่ของนายเหมือนกัน”ปายเองก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกัน
“เดี๋ยวก่อน...หยุดเลย ลูก้ามายืนนี่”ผมพูดแทรกพร้อมดึงแขนลูก้าให้ออกมายืนห่างปายเล็กน้อย
“สาม...”
“ลูก้า...ไม่พอใจอะไร”ผมหันไปถามตามตรง
“หมอนั่นบอกว่าสามเป็นของเขา”ลูก้าไม่ตอบแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแทน
“เฮ้อ...ผมไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้นแหละ ที่พูดว่าเป็นกิ๊กแค่แหย่นายเล่นเท่านั้นเอง”
“...ไม่ได้เป็นของหมอนั่น”
“อืม...แล้วอย่าเรียกว่าหมอนั่น เขาชื่อปายเป็นเพื่อนผม”
“ปาย...จะจำไว้”
“เรียกห้วนๆเลยเหรอ ไม่ดีมั้ง”ผมพยายามปราม
“ไม่เป็นไรสาม ให้เรียกตามที่ถนัดเถอะ”ปายดูจะไม่สนใจสรรพนามที่ใช้เรียกเท่าไหร่
“ตามใจละกัน”
“สาม...”
“อะไรลูก้า”
“ถ้าสามไม่ได้เป็นของเขา...งั้นมาเป็นของผมได้ไหม”
“...วะ...ว่าไงนะ”เสียงที่เอ่ยออกไปช่างสั่นอย่างหน้าอายจริงๆ
พูดอะไรออกมาน่ะลูก้า
นี่ผมฟังผิดไปใช่ไหม
“ผมพูดว่าสามมาเป็นของผมได้ไหม”น้ำเสียงกับดวงตาสีเงินประสานมาอย่างจริงจังจนผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก
สิ่งเดียวที่รู้คือความร้อนจากทั่วร่างกายขึ้นมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าจนร้อนไปหมด
และไอ้หัวใจนี่มันจะเต้นบ้าอะไรนัก!
........................................................................
มาอัพต่อแล้ววว
อาทิตย์หน้าสอบยาวทั้งอาทิตย์เลยอาจไม่ได้มาอัพเรื่องนี้นะคะ
ขอแจ้งไว้ล่วงหน้า
ใครที่อยู่ในช่วงสอบเหมือนกันก็สู้ๆ ทำข้อสอบให้ได้นะคะ
สำหรับตอนนี้เป็นการเปิดฉากการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ เรียกว่าเป็นออเดิฟก็ได้ค่ะ
เราแต่งไปก็รู้สึกตลก ในสายตาของลูก้าคงจะเห็นสามที่ตัวเล็กค่อนข้างอ่อนแอแต่เดี๋ยวต้องมีอึ้งกันบ้าง555
หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับตอนนี้นะคะ
ไว้เจอกันใหม่ค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪
---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---
วันนี้ของเสนอเต่าที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอย่างเต่าแม่น้ำแม่รี่นะคะ
เต่าแม่น้ำแม่รี่กับทรงผมจากธรรมชาติ เต่าแม่น้ำแม่รี่ (Mary River turtle) ตัวนี้มีความพิเศษคือมีสาหร่ายขึ้นตามตัว จนมองแล้วคล้ายมันมีทรงผมสุดเทห์อยู่บนหัว เต่าแม่น้ำแม่รี่ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elusor macrurus เป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำแมรี่ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ตอนนี้เป็นเต่าที่อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากถูกจับไปเป็นสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก
เครดิต : เพจสำรวจโลก
.............................................................