(ต่อค่าาา)
วันรุ่งขึ้นกิจวัตรเดิมๆก็กลับมา...ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัว ลงไปกินมื้อเช้าก่อนจะพาลูก้าไปฝากไว้กับดาวเหมือนอย่างทุกวัน ลูก้าเองก็ดูไม่ค่อยอยากอยู่กับดาวนัก...ความจริงก็ไม่ใช่แค่ดาวคนเดียว
“ด๊อกเตอร์!”เสียงตะโกนของพี่พลทำเอามือที่กำลังหยดสารบางอย่างลงในยีนที่ถูกตัดต่อชะงัก
“อย่าตะโกนเสียงดังสิพี่”
“จะไม่ให้ตะโกนได้ยังไง...น้ำยานั่นมันเป็นกรดนะ”ทันทีที่ได้ยินประโยคนั่นดวงตาสีน้ำตาลของผมก็เบิกกว้างผ่านเลนส์แว่นก้มลงไปมองสิ่งที่ถืออยู่
และก็เป็นอย่างที่พี่พลว่า น้ำยาหรือสารที่อยู่ในมือผมตอนนี้ออกฤทธิ์เป็นกรดซึ่งถ้าหยดลงไปในยีนได้เกิดการแตกตัวจนเละไม่เป็นท่าแน่
นี่ผมพลาดอะไรง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน
“...โทษที”ผมบอกเสียงเบา
ทั้งที่อยากรีบทำงานให้เสร็จจะได้ไปอยู่กับลูก้าแต่กลับทำงานได้ช้าลงซะอย่างงั้น
“คงเหนื่อยเกินไปละมั้ง...นอกจากจะทำงานหนักยังต้องเลี้ยงเด็กด้วยนี่”
“การเลี้ยงลูก้าไม่ถือเป็นงานหรอกพี่พล”ผมตอบไปตามความจริง ทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะเป็นเด็กเลยทำให้ทุกอย่างดูสดใสไปหมด
นี่ถ้าได้เห็นรอยยิ้มของลูก้าคงจะดีกว่านี้แน่ๆ
“พูดแบบนี้แปลว่าหลงเต็มที่เลยล่ะสิ”พี่พลล้อพร้อมรอยยิ้ม
“นั่นสินะ...”
อ๊อด อ๊อด อ๊อด
เสียงสัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นขัดบรรยากาศเงียบๆในห้องทดลอง เสียงนั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในตื่นตระหนกอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าสัญญาณสีแดงพร้อมเสียงนั่นหมายถึงการที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่นอกบ่อเพาะเลี้ยงหรือบ่อพักดูแล
เซนเซอร์นี้จะถูกติดตั้งรอบศูนย์วิจัยทั้งบนบกไปจนถึงในทะเลในรัศมีห่างจากท่าเรือประมาณ200กิโลเมตร เมื่อมีสิ่งมีชีวิตไม่ทราบชนิดผ่านเข้ามาในระยะก็จะทำการเตือนเป็นลำดับขั้น ยิ่งเข้ามาใกล้สัญญาณก็จะเปลี่ยนไป อย่างสีแดงนี่หมายถึงเข้ามาใกล้ในระยะของศูนย์วิจัยแห่งนี้
อย่างที่เคยบอกไปว่าศูนย์วิจัยและเพาะพันธ์สัตว์ทะเลมีอยู่หลายตึก ในแต่ละตึกก็จะมีสัญญาณดังขึ้นถ้ามีอะไรเข้าใกล้ในระยะที่กำหนดไว้ การที่สัญญาณดังที่นี่แปลว่า...
“สัญญาณดังเหรอ...ไม่ได้ยินมานานนึกว่าเสียแล้วซะอีก”ยุพึมพำเสียงเบาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดูเหมือนว่ายุจะไม่ได้ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่
“เกิดอะไรขึ้น?”ผู้ช่วยคนหนึ่งเริ่มตะโกนด้วยใบหน้าตื่นตกใจ
“ทำไมสัญญาณอยู่ๆถึงเป็นสีแดงเลยล่ะ?”ผู้ช่วยอีกคนก็ตกใจไม่แพ้กัน
คำถามนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วแน่น อย่างที่อีกฝ่ายว่า...ทำไมอยู่ๆสัญญาณถึงเป็นสีแดงเลยล่ะ
ถ้ามีอะไรหลุดเข้ามาสัญญาณก็น่าจะเริ่มจากสีเดียว เหลือง ส้มแล้วค่อยมาแดง ไม่ใช่อยู่ๆมาแดงเลยแบบนี้
ทำเหมือนกับอยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นงั้นแหละ
“อยู่ๆปรากฏขึ้นงั้นเหรอ?”ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวพร้อมกับร่างของสิ่งมีชีวิตสีฟ้าลายแดงที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียวตั้งแต่เมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว
“พี่พล...กล้องวงจร!”ผมตะโกนบอกให้พี่พลจัดการเปิดกล้องวงจรที่ติดตั้งอยู่รอบๆ
“ได้”พี่พลรีบทำตามที่ผมสั่ง คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ด้านหน้าถูกใช้อย่างคล่องแคล่วเพียงไม่กี่วินาทีภาพของหาดทรายติดกับสะพานยาวใกล้บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่า4เมตรที่พยายามขยับครีบไปมาบนฝืนทรายโดยมีกลุ่มคนที่ถอยห่างอยู่รอบๆ
ครืดดด ครืดดด
“ครับ...ดาวเหรอ...ด๊อกเตอร์”พี่พลรับโทรศัพท์ไม่นานก็เรียกผมเสียงเครียด
“รู้แล้ว...บอกดาวว่าเดี๋ยวผมไป”พูดจบผมก็รีบวิ่งออกจากห้องทดลองทันที ที่ดาวโทรหาพี่พลคงเพราะโทรหาผมไม่ติด...จะติดก็แปลกแล้วเพราะผมลืมเอาโทรศัพท์ลงมาจากห้อง
ตอนนี้เรื่องโทรศัพท์ช่างมันเถอะ
ที่น่ากังวลกว่าคือลูก้าที่อยู่ในร่างมนุษย์มาเกือบเดือนอยู่ๆก็กลับร่างไดโนเสาร์
เมื่อเช้าทุกอย่างก็ดูปกติทั้งอาบน้ำหรือกินข้าว
สัญญาณที่บ่งบอกว่าจะกลับร่างก็ไม่มี
แล้วอยู่ๆกลับร่างได้ยังไง
หรือว่ามีอะไรที่ผมมองข้ามไป
งื๊ดดดด~
เสียงครางสูงที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปยังบริเวณที่กลุ่มคนมุงกันอยู่ หนึ่งในคนที่มุงหันมาเจอผมที่วิ่งไปก็หันไปสะกิดคนด้านข้าง คนที่ว่าคือพี่จันนั่นเอง ส่วนดาวก็ยืนอยู่ถัดไปอีกที
“พี่จัน หัวหน้ามาแล้ว”
“น้องสาม”พี่จันหันมาตามที่ผู้หญิงข้างๆบอก
“เกิดอะไรขึ้น...ที่อยู่ตรงนั้นคือลูก้าสินะ”ผมไม่รอช้ารีบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทันที
“ใช่แล้ว...ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พี่กับดาวกำลังจะพาลูก้าไปเดินเล่นตามบ่อเขาก็ล้มลงไปบนพื้นก่อนจะกลายร่างเป็นแบบนี้”
“งั้น...”
งี๊ดดดด~
เสียงครางสูงร้องดังขัดคำพูดผม ดวงตาสีเงินขนาดใหญ่หันมามองยังร่างของผมด้วยแววตาเหมือนกำลังตื่นตะหนก เพียงแค่เห็นดวงตานั่นผมก็จ้ำอ้าวตรงเข้าไปหาลูก้าในร่างไดโนเสาร์ทันที
“เดี๋ยวค่ะหัวหน้า เข้าไปแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนทำร้ายหรอก”ดาวรั้งแขนพร้อมกับเอ่ยเตือน
ที่ทุกคนถอยออกห่างเป็นเพราะกลัวโดนทำร้ายเองสินะ
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไงแต่สำหรับผม...
“ลูก้าไม่ทำร้ายผมหรอก...ไม่มีทาง”ความมั่นใจที่มีมันมาจากไหนก็ทราบ ที่รู้แน่ๆคือผมเชื่อว่าลูก้าไม่มีทางทำร้ายผมแน่
“แต่ว่า...”
“ให้ผมจัดการเอง”ผมตัดการสนทนาแล้วก้าวมาอยู่ตรงหน้าของไดโนเสาร์ตัวยาวสีฟ้าลายแดง ขนาดตัวที่เห็นคร่าวๆคาดว่าน่าจะยาวเกิน3เมตรแน่
ภายในเวลาไม่ถึงเดือนกลับโตขึ้นถึงขนาดนี้เชียว
“ลูก้า”ผมเรียกไดโนเสาร์เสียงเบา
งื๊ดดดด~
งี๊ดดดด~
เสียงครางยาวหลายๆครั้งนั่นราวกับลูก้ากำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่างเพียงแต่ด้วยภาษาที่ต่างกันทำให้ไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะบอกได้
“ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ”ท่าทางของลูก้ากำลังตระหนกและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่แพ้คนที่อยู่รอบๆ ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือการช่วยให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
ผมยื่นมือออกไปยังส่วนปากเรียวสีฟ้าที่อ้าออกจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคมอยู่ภายในช้าๆ ลูก้าที่เห็นก็ขยับส่วนปากเข้ามาจนสามารถวางมือบนเรียวปากนั้นได้สำเร็จท่ามกลางเสียงซีดปากอย่างตื่นเต้นของคนที่มุงอยู่
“ดีมาก...เด็กดี”ผมลูบไปตามเรียวปากยาวไล่ไปจนถึงส่วนหัวพร้อมก้าวขาเข้าไปใกล้ลูก้ามากขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสของผิวหนังดูลื่นกว่าไดโนเสาร์บกอย่างพวกไทรเซอรราท๊อปอยู่มาก ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะสัตว์ที่อยู่ในน้ำจำเป็นต้องมีผิวแบบนี้เพื่อใช้ต้านแรงดันและกระแสน้ำ
งี๊ดดดด~
“ร้อนสินะ...ผิวแห้งหมดแล้ว”ร่างกายของลูก้าตอนนี้มีผิวที่เหมาะกับการอยู่ใต้น้ำ พอมาอยู่บนบกแถมยังอยู่ภายใต้แสงแดดยามบ่ายก็ยิ่งทำให้ความชุ่มชื้นถูกระเหยไปอย่างรวดเร็ว
งี๊ดดดด~
ส่วนหัวเรียวขยับขึ้นลงเพื่อบอกว่าสิ่งที่ผมพูดถูกต้อง ครีบสีฟ้าด้านหน้าปัดป่ายไปมาพยายามจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่ก็ไม่มีทีท่าจะขยับได้ อาจเพราะไม่ได้อยู่ในร่างนี้มานานเลยทำให้ไม่ชินกับน้ำหนักของร่าง
“พยายามเข้าลูก้า...ขึ้นมาบนไม้นี่ก็จะเคลื่อนที่ได้ง่ายๆแล้ว”ด้านบนของสะพานถูกสร้างมาจากไม้และเคลือบจนเงาทำให้เคลื่อนที่ได้ง่ายกว่าทราย
งี๊ดดดด
ลูก้าครางตอบรับคำพูดก่อนจะพยายามดันตัวเองมาข้างหน้าอีกครั้ง
“ทุกคนมาช่วยกันดันลูก้าหน่อย”ผมตะโกนบอกคนที่ยืนมุงอยู่รอบๆ
“...”คำตอบที่ผมได้คือความเงียบ ใบหน้าของทุกคนดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
กลัวสินะ
กลัวว่าลูก้าจะทำร้าย
ให้ตายสิ...
“ฮึบ...ผมจะช่วยดันเอง”ตะโกนบอกลูก้าเสร็จก็วิ่งไปตรงครีบด้านหลังแล้วออกแรงดันเต็มแรง ด้วยน้ำหนักอันแตกต่างนี้ก็เหมือนกับผมพยายามผลักตู้เย็นสองประตัวด้วยตัวคนเดียว แน่นอนว่าไม่เขยื่อนสักนิด
งี๊ดดดด~
“สู้สิลูก้า”ผมให้กำลังใจ ถ้าวิธีนี้ไม่ไหวหรือผมควรจะไปหาอะไรมายกตัวลูก้าดีนะ
แต่กว่าจะหาได้ กว่าจะเอามา ลุก้าจะทนไม่ไหวเอาน่ะสิ
“ไปช่วยกันเถอะ”เสียงของพี่จันดังขึ้นก่อนจะวิ่งไปช่วยดันลูก้าอีกข้าง
“เดี๋ยวสิพี่จัน...หัวหน้าแน่ใจนะคะว่าลูก้าจะไม่ทำร้ายเรา”ดาวเดินตัวสั่นๆมาหาผม
“แน่นอน”ผมพยักหน้าตอบทันที
ผมไม่คิดว่าลูก้าจะทำร้ายคนที่คิดจะช่วยเขาหรอกนะ
“ขะ...เข้าใจแล้วค่ะ”เมื่อตัดสินใจได้ดาวก็เข้ามาช่วยผมดันอีกแรง
พอมีพี่จันกับดาวเข้ามาช่วยคนอื่นๆที่มุ่งอยู่ก็เริ่มหันไปปรึกษาคนข้างๆว่าจะทำยังไงดี ไม่นานทุกคนก็เข้ามาช่วยดันตัวของลูก้าโดยแบ่งเป็นสองฝั่ง
“อย่าไปโดนตรงเกราะกลางหลังกับส่วนหางนะ”ผมตะโกนเตือนทุกคน สองส่วนที่ว่ามีพิษร้ายแรงอยู่ ส่วนหลังที่เหมือนเป็นเกราะยาวลงมาตั้งแต่งส่วนหลังไปจนถึงหาง สีของเกราะนั่นเข้มกว่าสีของร่างกกายอยู่เล็กน้อย...หนามเล็กๆที่ขึ้นอยู่ตามเกราะนั้นมีเพียงสองแถวที่เป็นสีแดงซึ่งบริเวณนั้นแหละที่มีพิษอยู่
ร่างของลูก้าในร่างไดโนเสาร์นั้นมีลักษณะเด่นคือมีลำตัวที่ค่อนข้างหนากับส่วนลำคอที่ยาวแต่ไม่ได้มากเท่าอีลาสโมซอรัสที่มีลำตัวยาว14เมตรซึ่งแค่ความยาวของคอก็มากกว่า5เมตรแล้ว
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะ...ดันทีเดียวให้ขึ้นเลย...ลูก้า”
งี๊ดดดด~
การร่วมใจกันของทุกคนช่วยให้ลูก้าสามารถขึ้นไปบนสะพานไม้ได้ในที่สุด พอสำเร็จพวกเขาก็ทิ้งตัวลงบนทราบพร้อมเสียงหอบกันถ้วนหน้า
“ขอบคุณทุกคนมาก”ผมพูดเสียงดัง
ถ้าไม่ได้ทุกคนผมคงต้องหาวิธีอื่นซึ่งอาจไม่ทันเวลา
ถึงจะขึ้นมาได้สำเร็จแต่การจะไปยังบ่อที่129นั่นไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย
แปลว่าต้องใช้เจ้านั่นสินะ
“พี่จันเตรียมเจ้านั่นที”
“เจ้านั่น?...อ้อ...เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้วนี่นะ”พี่จันเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการให้ทำโดยไม่ต้องอธิบาย ตรงหัวสะพานมีแผงควบคุมอยู่เพียงป้อนบางอย่างลงไปสะพานไม้ตรงหน้าก็ถูกแยกออกก่อนที่แผ่นโลหะขนาดใหญ่จะขึ้นมาซ้อนทับ
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นโลหะแต่เป็นโลหะที่ถูกสร้างให้มีการระบายอาการดีเยี่ยมทำให้ไม่ร้อนแถมยังสามารถรับน้ำหนักได้หลายตัน ถ้าถามว่าเจ้านี่เอาไว้ทำอะไรคำตอบคือไว้ขนของหรือใช้เดินทางไปยังบ่อต่างๆโดยไม่ต้องเหนื่อยกับการปั่นจักรยานหรือเดิน
เพียงแค่ขึ้นไปก็สามารถควบคุมให้แผ่นโลหะเคลื่อนที่ไปตามต้องการได้
“เอ้า น้องสาม”พี่จันตะโกนแล้วโยนที่ควบคุมมาให้ ขอเสียของเจ้านี่คือสามารถใช้ได้แค่ทีละครั้งเท่านั้น ถ้ามีคำกำลังใช้อยู่ต่อให้กดเรียกไปก็ใช้ไม่ได้
“ขอบคุณครับ...ลูก้าขึ้นมาบนนี้”ผมหันไปบอกลูก้าก่อนจะเดินขึ้นมาบนแผ่นโลหะเป็นตัวอย่าง
ลูก้ามองแผ่นด้านล่างอย่างไม่ไหวใจนัก ปลายจมูกเรียวขยับเข้ามาดม ไม่นานก็ค่อนขึ้นมาด้านบน เมื่อทุกอย่างพร้อมผมก็จัดการเคลื่อนที่แผ่นโลหะไปยังจุดหมายยังบ่อที่129
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรๆ”ผมหันไปบอกไดโนเสาร์ด้านข้างที่ดูจะตกใจกับการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนี้
ปกติผมไม่ค่อยได้ใช้เจ้านี่นักเพราะการได้ขยับตัวหรือออกกำลังกายทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่า
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ่อที่129
“ลงไปเลยลูก้า”ผมพูดพลางชี้ไปยังบ่อตรงหน้า
ตู้ม!!
งี๊ดดดด~
ร่างขนาดยักษ์ที่กระโดดลงไปในน้ำทะเลม้วนตัวใต้น้ำก่อนจะกระโดดตัวลอยขึ้นเหนือน้ำ เสียงครางนั้นดูร่าเริงขึ้น ไดโนเสาร์ยาวกว่า4เมตรว่ายวนรอบบ่อที่กว้างหลายร้อยเมตรในเวลาไม่กี่วินาที...ส่วนหางที่แตกแขนงออกเป็นเส้นๆดูงดงามจนไม่อาจละสายตาได้
ลูก้าในน้ำนั่นเหมือนกำลังยิ้มอยู่
ทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกรึเปล่าแต่ผมก็หุบยิ้มของตัวเองไม่ได้จริงๆ
............................................................................................
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่รอกันมานานในที่สุดก็มาอัพต่อแล้ววว
ตอนนี้ยาวมากพูดเลยกว่าจะแต่งจบเลยใช้เวลาไปพอสมควร แต่รับรองว่าได้อ่านจุใจแน่นอนค่า
สำหรับตอนนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนซึ่งทำให้เราแต่งค่อนข้างยากและมีที่แก้ไขอยู่หลายรอบ
ลูกก้าในตอนนี้จะแสดงความเป็นเด็กออกมา ในความเป็นเด็กอาจทำให้ลูกค้าเหมือนเป็นเด็กไม่ค่อยมีความเคารพผู้ใหญ่นัก เรียกสามแบบห้วนๆแถมยังทำเหมือนเมินคำพูดของคนอื่น
การที่เราแต่งออกมาแบบนี้ส่วนหนึ่งคือจะแสดงถึงความดื้อรั้นแบบเด็กๆตามวัย อีกอย่างคือเราอยากให้ลูก้าเรียกชื่อสามแบบห้วนๆเนื่องจากถ้าให้เรียกพี่หรือเรียกคุณฟังแล้วดูห่างเกินสำหรับเรา สำหรับต่างประเทศเองการเรียกชื่อห้วนๆก็ไม่ใช่เรื่องไม่เคารพหรือมารยาทเพราะมีการแสดงความเคารพอย่างอื่นนอกจากคำพูดอีกมาก
ดูเหมือนเราจะพูดเยอะไปแล้ว 555
ดีใจที่ทุกคนยังคงติดตามซีรี่ย์Jurassicอยู่นะคะ
จะพยายามแต่งให้ดีที่สุด
และจะปรับให้คนอ่านเห็นภาพมากที่สุดค่ะ
ขอบคุณทุกๆกำลังนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
บ๊ายบาย
---มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์---
วันนี้ขอนำเสนอ แองคิโลซอรัส หนึ่งในสายพันธุ์ที่ผสมอยู่ในตัวของลูก้าซึ่งเป็นส่วนของเกราะกระดองด้านหลังที่จะช่วยในการป้องกันตัวยามถูกศัตรูจู่โจม
แองคิโลซอรัส (อังกฤษ: Ankylosaurus) เป็นไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในสกุล แองคิโลซอร์ (อังกฤษ: ankylosaurid) อาศัยอยู่ในยุคครีเตเชียส ในทวีปอเมริกาเหนือ โครงกระดูกของ แองคิโลซอรัส ยังไม่สมบูรณ์ แองคิโลซอรัส เป็นไดโนเสาร์ที่มีลักษณะในแบบสกุล แองคิโลซอร์ที่มีน้ำหนักตัวหนักมีเกราะแข็งหุ้มทั่วทั้งตัว และมีลูกตุ้มขนาดใหญ่(ลักษณะคล้ายกับรังผึ้ง)สำหรับไว้ป้องกันตัวจากนักล่าในยุคนั้นอย่าง ไทรันโนซอรัส และ ทาร์โบซอรัส ที่บริเวณหาง
ความยาวของ แองคิโลซอรัส ประมาณ6.25 (20ฟุต) - 9เมตร (30 ฟุต) ความสูงถึงสะโพก1.7 แมตร (5.5 ฟุต) มีน้ำหนักตัว 6 ตัน มีรูปร่างลำตัวที่กว้างมาก ขาหลังยาวกว่าขาหน้า มีกระดูกยื่นออกมาจากร่างกายเป็นเกราะป้องกันตัวชั้นดี กินพืชเป็นอาหาร มีฟันขนาดเล็กไว้สำหรับบดเคี้ยวพืช ปากมีลักษณะคล้ายนกแก้ว
เครดิต :
https://th.wikipedia.org/wiki/แองคิโลซอรัส
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪