006
จี่เบค่อนหั่นชิ้นบนกระทะเทฟล่อนจนเริ่มมีน้ำมันออกมา เมื่อกรอบดีตักพักไว้ เทน้ำมันส่วนเกินทิ้ง ใช้ที่เหลือเจียวกระเทียมซอย ทุบพริกแห้งลงไปเจียวด้วยกัน นำเส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มสุกแล้วสะเด็ดน้ำลงไปผัดเคล้า ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยป่น จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยเบค่อนกรอบและผงพาร์มีซานชีส เท่านี้โอลิโอเบค่อนพาสต้าก็เป็นอันเสร็จ
ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องเป็นรายการครัวคุณตxxแต่อย่างใด ที่มายืนทำครัวมือเป็นระวิงอยู่นี่คือ…
คือการ ‘จีบ’ ล่ะมั้ง?
หลังการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของผม ตามมาด้วยคำอนุญาตจีบของจอม เจ้าตัวก็บ่นว่าหิว วันนี้บ้านใหญ่ออกต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่ ใช้ให้ผมไปซื้ออะไรให้กินหน่อย ผมจึงเดินลงมาเจอตู้เย็นก็เปิดดู พบว่ามีพวกของทำกินง่ายๆ อย่างขนมปัง ชีส ไข่ เบค่อน แฮม ไส้กรอก รวมถึงนม น้ำผลไม้ และผลไม้สดอยู่พอสมควร เลยถือวิสาสะทำเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ ถือเสียว่าประเดิมจีบละกัน
ไอ้จีบนี่บอกตรงๆ ชีวิตลูกผู้ชายมีแฟนหนึ่งคนถ้วนอย่างผมประสบการณ์เท่ากับศูนย์ แฟนที่ได้มาคือเขามาจีบมาบอกชอบผมก่อน สรุปว่าผมมันก็ไอ้อ่อนดีๆ นี่เอง คงต้องเรียนรู้อีกมาก
จอมมองหน้าผมสลับกับพาสต้าบนโต๊ะไปมา เมื่อถามว่าไปซื้อมาจากไหนแล้วผมตอบว่าทำเอง มันนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะหยิบส้อมม้วนเส้นเข้าปากด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว
สังเกตเห็นว่าตาของมันเบิกกว้างขึ้น มือที่ขยับช้อนส้อมเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ สาวเส้นเขมือบด้วยความเร็วสูงจนเมื่อผมกินไปได้ครึ่งจานของอีกฝ่ายก็หมดเกลี้ยงแล้ว ขนาดว่าผมแบ่งให้จอมมากกว่าเพราะรู้ว่ามันกินจุนะ
“เอาอีกป่ะ” ผมเลื่อนจานของตัวเองให้
“มึงอิ่มแล้วเหรอ”
“อือ”
จอมไม่พูดมาก คว้าอีกไม่ถึงครึ่งจานของผมไปสำเร็จโทษ ผมเลยเดินไปหยิบน้ำเย็นในตู้มารินเพิ่มให้
“ไม่บอกว่ามึงทำอร่อย รู้งี้ไม่ต้องไปซื้อข้างนอกให้เสียเวลา”
แค่คำว่าอร่อย กับรอยยิ้มบนหน้าหล่อๆ นี่ก็ฟินละ อยากกินอะไรบอกมาเหอะ ไอ้ธีจะเปลี่ยนร่างเป็นเชฟกระทะเหล็กให้
“วันหลังกูจะซื้อหมูซื้อไก่มาให้มึงทำ” คำว่าวันหลังของจอมนี่แปลว่าผมยังมาจีบมันถึงบ้านได้เรื่อยๆ ใช่มั้ย
“อยากกินอะไรเดี๋ยวกูซื้อเองดีกว่า ที่จริงวันนั้นที่มึงไปบ้านก็กินหมูทอดที่กูทำไปแล้วนี่”
“ไม่ใช่ป้าพิศทำเหรอ”
“ป้าพิศทอดแต่กูหมักเอง”
“งั้นอยากกินไอ้นั่นอีก อร่อยดี”
“โอเค” ผมยิ้มตอบ รู้สึกผ่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา
ไม่ว่าจอมจะพูดจริง หรือถ่วงเวลาปฏิเสธไม่ให้ผมเสียใจ แต่เท่านี้ผมก็ดีใจมากแล้ว ว่าหลังจากนี้แม้เราสองคนจะเป็นยังไง ความรักของผมครั้งนี้จะมีบทสรุปแบบไหน ก็คงจะไม่เสียความรู้สึกขนาดมองหน้ากันไม่ติด ยังคงเหลือมิตรภาพต่อกันได้ ที่นึกถึงกันขนาดนี้ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณจากใจ
…และช่วยไม่ได้ ที่ผมจะยิ่งนึกรักมันมากขึ้นไปอีก
“ทำหน้ายังงั้นทำไม หลงรักกูล่ะสิ”
“…มึงนี่” หน้ายังงั้นคือยังไงวะ ผมรีบแอบกัดลิ้นตัวเอง “ถามจริง มึงไม่ว่าอะไรเหรอ”
“ว่าอะไรคือ?”
“ก็กูเป็นผู้ชาย แต่มาชอบมึง” เอาเถอะวันนี้ผมใช้ยางอายเต็มโควต้าแล้ว สบโอกาสก็ขอบอกรักให้สะใจไปเลย
จอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองพิจารณาผมหัวจรดเท้า
“มึงเป็นเกย์?”
“ไม่รู้สิ มึงเป็นผู้ชายคนแรกที่กูชอบ” ผมก้มหน้าเก็บกวาดจานชามบนโต๊ะ
“เมื่อก่อน กูเคยเห็นมึงเป็นแฟนกับอ้อม”
“ก็ใช่…ถึงได้บอก” ผมแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้เรื่องของผมด้วย “เคยมีผู้ชายมาจีบมึงป่ะ?”
“เคย” จอมตอบ
“แล้ว?”
“ถ้ามาเล่นๆ กูก็ขำๆ ถ้าถึงเนื้อถึงตัวก็แดกตีน”
ผมหลุบตาดูตีนเบอร์ 46 ของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ น้ำลายฝืดคอขึ้นมา
“มึงเหอะ มีผู้ชายมาจีบมั่งรึเปล่า นอกจากไอ้อาร์ตอ่ะนะ”
“ไม่…” กะจะปฏิเสธแต่หางเสียงแผ่วปลาย จะว่าไปก็…เคยมีนี่หว่า
“กี่คน ตอบ”
“…สองสาม…สี่คน…มั้ง” ทำไมมันต้องเสียงแข็งด้วยวะ
“เอาแน่ๆ”
“ก็สี่แหละ” เท่าที่รู้ตัวนะ
“…”
“แต่กูไม่รู้นะว่ามาจริงหรือเล่น”
“บื้อ!”
เหี้ย! ทีมึงยังไม่รู้ตัวสักนิดว่ากูชอบ เห็นเขารักเขาหลงเข้าหน่อยทำเป็นได้ใจ ปัดโถ่!
ได้แต่สรรเสริญในใจครับ ภายนอกนี่เงียบกริบไม่ต่อล้อต่อเถียงสักคำ โกยจานไปไว้ที่ซิงค์เตรียมล้าง แต่มีมือขยันมาแย่งฟองน้ำไปก่อน
“มึงทำแล้ว เดี๋ยวกูล้างเอง”
ผมถอยออกมาให้เจ้าของบ้านล้างจาน จีบเขาเราก็ไม่ควรขัดใจเขาใช่มั้ย
ย้ายตัวเองมานั่งเล่นกับไอ้แจ๊คบนโซฟา เปิดทีวีดูเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป
…เริ่มง่วง
ตั้งแต่ตัดสินใจจะสารภาพ ผมก็นอนหลับไม่เต็มตามาหลายคืน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบสว่าง อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านนอนไม่หลับ ตอนนี้พอผ่อนคลายแล้วตาแทบจะปิด ดูทัวร์ซอมบี้งาบบุฟเฟ่ต์มนุษย์ไปสัปหงกไป
“กาแฟมั้ยมึง”
ผมสะดุ้งนิดๆ ส่ายหน้าว่าไม่เอา
“ง่วงอ่ะ เดี๋ยวกลับไปนอนบ้านดีกว่า”
“ถ้ามึงกล้าขับรถตอนนี้กูจะเตะให้”
จอม…ตั้งแต่กูบอกว่ารักนี่ดูมึงโหดขึ้นนะ นี่ผมไปปลดปล่อยความ S อะไรของมันเข้ารึเปล่าวะ
“ขึ้นไปนอนข้างบนเลย ไปเปิดแอร์ ไป” มันฉุดผมให้ลุกขึ้น เดินต้อนขึ้นบันได นี่จู่ๆ จะให้หลับนอนเลยเหรอ ขอเล่นตัวอีกนิด…ถุย
จำใจเดินไปถึงห้องนอน ดันตื่นเต้นอีกรอบ คือ…เข้าใจมั้ย เพิ่งสารภาพรักกับเจ้าของห้องไป ให้กูมานอนมันจะหลับลงได้มั้ย เข้าใจกูบ้างงงงงงง
…
ประเมินความเซนสิทีฟของตัวเองสูงเกินไปมาก หัวถึงหมอนปุ๊บสลบปั๊บ หลับยาวจนเลยทุ่ม เซนสิทีฟมากเลยมึง ไอ้ธี
มองขวาผ่านเข้าไปในความมืดก็ต้องผวาอีกรอบ เมื่อเห็นผู้ชายตัวโตนอนหลับอยู่ข้างๆ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ
แสงไฟจากนอกบ้านอาบไล้ใบหน้าซีกหนึ่ง เน้นโหนกแก้มและสันจมูกโด่งให้ยิ่งคมชัด ผมนั่งนิ่งเหม่อมองจอมอย่างลืมตัวอยู่เป็นครู่ ความรู้สึกยังคงกึ่งจริงกึ่งฝัน…
“ถ้าจะลักหลับ กูว่ามันเร็วไปนิด”
ปากมันนี่นะ... ผมปั้นหน้าแทบไม่ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายลืมตา ดวงตาที่ระยับเป็นพิเศษเวลาได้แกล้งคนของมันนี่วอนโดนปล้ำมาก…
“เกรงใจ ยังไม่อยากแดกตีน”
“เล้าโลมหน่อยกูอาจจะยอม”
อ่อยยยยยยยย อ่อยกูเข้าไปปปปป สาสสสส นึกว่ากูไม่กล้าใช่ม้ายยยยยย!!
ผมลุกขึ้นมา ใช้มาตรการรับมือขั้นเด็ดขาด!
…เดินหนีไปฉี่แม่ง…
ครับ…ผมอ่อนครับ ไม่กล้าหาญชาญชัยขนาดนั้นครับ ยอม
เข้าห้องน้ำเสร็จ วักน้ำลูบหน้าลูบตา ลูบผมที่กระดกให้กลับลงมาอีกหน่อย บอกตัวเองว่าเลิกหน้าแดงได้แล้ว นี่มึงไม่ใช่สาวน้อยนะ
ยังดีที่ออกมาแล้วไม่เจอล้ออะไรอีก จอมไม่ยอมกินข้างนอกแต่ชวนไปซื้อของมาทำกินมื้อค่ำกันอีกรอบ สงสัยที่มันว่าอร่อยคงจะพูดจริง คราวนี้ยังไม่มีเวลาหมักเลยทำของง่ายๆ อย่างหมึกผัดไข่เค็ม ผัดบล็อคโครี่ใส่กุ้ง แล้วก็ยำวุ้นเส้นทะเลให้มันกิน ส่วนแกงจืดไชเท้าซื้อมาเพราะไม่มีเวลาต้มให้เปื่อยเอง แต่ก็อร่อยใช้ได้อยู่
ดึกพอสมควร ได้เวลากลับบ้าน จอมเดินออกมาส่ง ก่อนไปยังออกคำสั่งอีกเป็นชุด
“กูเรียนถึงพฤหัสเช้า เที่ยงมารับกูด้วย”
“ก่อนถึงให้บอก จะลงไปรอ ที่จอดตรงนั้นมันหายาก ห้ามช้า กูหิว”
“กับไอ้อาร์ต มึงรีบไปเคลียร์ซะให้เรียบร้อย”
“ขับรถระวังๆ”
ได้แต่รับคำทุกสิ่ง ตลอดทางกลับบ้านปากยังฉีกยิ้มแก้มแทบแตกเหมือนคนไม่เต็มเต็ง อนุญาตให้ใจคิดเข้าข้างตัวเองบ้างสักนิด ว่าอย่างน้อยจอมก็ไม่รังเกียจจริงๆ ตั้งใจกับตัวเองว่า จะไม่เอาแต่กลัวจนปล่อยให้โอกาสผ่านไปเหมือนก่อนอีกแล้ว ครั้งนี้ผมจะขอทุ่มหัวใจให้สุด อย่างที่จะไม่ต้องเสียใจและเสียดายภายหลัง
***
“มึงชอบจอม?” เสียงทุ้มติดแหบนิดๆ ที่ปลายสายถามย้ำ
“อือ”
“เหรอ…” อาร์ตเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็คิดอยู่เหมือนกัน”
ถึงคราวผมอึ้งบ้าง เข้าใจว่าตัวเองเก็บซ่อนได้มิดแล้วเชียวนะ
“มึงรู้ด้วย? ได้ไงอ่ะ?”
“อืม…คงเพราะกูมองมึงมาตลอดมั้ง ก็ไม่ถึงกับรู้หรอก แต่พอจะดูออกว่ามึงดูสนใจเรื่องของจอม”
“…จริงดิ” ไม่รู้จะตอบยังไงให้ดีกว่านี้ สรุปคือแอ๊บแตกมาชาติกว่าแล้ว แถมคนจับได้คือเพื่อนสนิทที่แอบรักตัวเองอีก รู้สึกทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกันยังไงชอบกล
“แล้วจอมตอบมึงว่าไง”
“ไม่ได้ตอบไร แต่บอกว่าถ้าชอบก็ให้จีบมัน”
“จอมว่างั้นเหรอ?”
“อืม”
ปลายสายนิ่งไปนานกว่าเดิม จนผมนึกว่ามันวางไปแล้วเสียอีก จนกระทั่งมันพูดต่อ
“กูดีใจกับมึงด้วย”
“ดีใจอะไร ที่กูไม่โดนจอมกระทืบอ่ะเหรอ” ผมจงใจพูดติดตลก ลดบรรยากาศตึงเครียด ปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังถูกถนอมน้ำใจ… โจทย์นี้ยากเกินไปแล้วครับ
“ที่มันให้โอกาสมึง” อาร์ตหัวเราะแผ่วๆ
“…ขอโทษ”
“ขอโทษกูทำไม”
“ที่กูให้โอกาสมึงไม่ได้” จนปัญญาจะอ้อมค้อม ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ผิดแต่ก็รู้สึกผิดเหลือเกิน
“มึงจีบจอม แล้วกูจีบมึงบ้างไม่ได้เหรอ”
ผมเม้มปาก ต่อให้ผมอ่อนเรื่องความรักยังไง แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าแบบนั้นมีแต่จะหนักใจทุกฝ่าย
“กูล้อเล่น” ปลายสายเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหยอกเย้า “กูรู้ว่ามึงจริงจังกับเรื่องแบบนี้”
“ขอโทษจริงๆ นะ” ผมย้ำ “ทีแรกกูคิดแค่อยากจะให้คำตอบมึง แล้วก็เคลียร์ความรู้สึกตัวเอง ไม่คิดว่า…”
“ถ้า…” อาร์ตเกริ่นแล้วก็เงียบไปอีก
“ถ้า?” ผมกระตุ้นให้มันพูดต่อ
“ถ้าสุดท้ายแล้ว…จอมคบกับมึงไม่ได้… ถึงตอนนั้นมึงให้โอกาสกูบ้างได้มั้ย”
ผมนิ่งคิด ใคร่ครวญอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบ…
“ได้ แต่อย่ารอกูนะ ถ้าระหว่างนี้มึงเจอใคร ก็ลองเปิดใจให้เขาดู”
“โอเค” น้ำเสียงนั้นราวกับโล่งใจ ผมทำเป็นไม่รู้ ทั้งที่จริงทั้งผมทั้งอาร์ตต่างก็รู้ดีว่า มันจะรอผมอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม
…
ปิดจ๊อบไปอีกหนึ่งเรื่อง ผมวางสาย ทิ้งตัวลงนอน ไม่ได้ออกกำลังแต่รู้สึกเหนื่อยชอบกล หยิบมือถือที่คุยจนแบตลดขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาจอม บอกสั้นๆ แค่ว่าเคลียร์กับอาร์ตรู้เรื่องแล้ว
ครู่เดียว ก็มีข้อความตอบกลับสั้นยิ่งกว่าว่า [ดี]
…บางครั้งผมก็หมั่นไส้แม่งจริงๆ พับผ่า!
***
TBC
เนื่องจากทันที่บอร์ดอื่นแล้ว เราจะไม่ได้ลงทุกวันแล้วนะคะ แต่จะพยายามไม่ให้ร้างนานเกินไป ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และทุกคนที่เข้ามาอ่าน แค่ชอบบ้างก็เป็นกำลังใจแล้วค่ะ