Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6  (อ่าน 20770 ครั้ง)

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม











 :mew1:
สวัสดีค่ะ Z4 ค่ะ

เราเพิ่งเคยลงนิยายที่นี่เป็นเรื่องแรก แต่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เคยแต่งค่ะ แค่ว่าเว้นไปนานแล้วและเรื่องนี้แต่งค้างไว้ไม่จบ จู่ๆ ก็เกิดอยากสานต่อมันขึ้นมา หากแวะเข้ามาอ่านแล้วอยากติชมก็ยินดีค่ะ หากมีสิ่งใดที่เราทำผิดพลาดหรือมีสิ่งใดที่อยากจะแนะนำเรื่องการลงนิยายที่บอร์ดนี้ ก็ยินดีมากเช่นกันค่ะ

สำหรับเรื่องนี้เราเขียนโดยมีธีมว่า Love is hard ความรักนั้นยาก ถ้าแค่มีใจให้กันแต่ไม่บอก ก็ต้องคลาดกัน หรือได้บอกได้คบกันแล้ว แต่ไม่ปรับตัวเข้าหากันเลย ก็ไปไม่รอด ความรักเกิดขึ้นง่ายดายแต่สุขสมหวังได้ยาก ต้องอาศัยความเข้าใจ ไว้ใจ เคารพ ห่วงใย ซื่อสัตย์ ถึงจะประคับประคองให้ตลอดรอดฝั่งได้

พล็อตหลักของเรื่องนี้ก็ตามชื่อเลยค่ะ คือรักแรกแอบหลงรัก แล้วหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร กรุณาเอาใจช่วยตัวเอกทั้งสองด้วยนะคะ

ป.ล. ตอนที่ลงจะสั้นบ้างยาวบ้างนะคะ เพราะลงตามความเหมาะสมในการตัดตอน ไม่ได้กำหนดความยาวค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2018 13:11:59 โดย Z4 »

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [บทนำ : Love at first sight]
«ตอบ #1 เมื่อ16-11-2017 15:33:36 »


Love at first sight


ใครบางคนบอกเอาไว้ว่า เราอาจมีรักได้หลายครั้ง แต่ชั่วชีวิตนี้เราจะมีรักแท้ได้แค่ครั้งเดียว
ผมไม่รู้ว่าคำกล่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ใจก็คือ คนเราสามารถมีรักแรกได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต

สำหรับผม มันเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่เคยจากไปไหน เป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลือเกินที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลยว่าความรักจะเกิดขึ้นเมื่อไร กับใคร เวลาไหน ด้วยเหตุอันใด

อาจจะเพราะอย่างนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่เรียกว่า...ความรัก ที่ทำให้หัวใจสุขล้นและเจ็บปวดเจียนตายได้ในเวลาเดียวกัน

ความรักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังเด็กเหลือเกิน เด็กจนไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่านี่คือความรัก แต่ต่อมาเมื่อรู้แน่แก่ใจแล้วมันกลับกลายเป็นความขมในอกที่ตัวเองมีรักซึ่งผิดเพี้ยนไปจากสังคม กระนั้นผมก็ยังไม่อาจตัดใจได้ และเฝ้ารักเขาอยู่เรื่อยมา บางครั้งกระหน่ำรุนแรงในความรู้สึกดั่งพายุฝน บางครั้งเป็นเพียงสายลมบางเบา เมื่อวันเวลาผ่านไปผมแปลกใจที่มันเนิ่นนานกว่าที่คิด พร้อมๆ กับโลกของผมที่กว้างขึ้น โตขึ้น เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนผมเริ่มจะมั่นใจแล้วว่า

นี่คือรักแรก และอาจเป็นรักชั่วชีวิตของผม...

......

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ผมซึ่งเพิ่งเข้าชั้นประถมเดินสวนกับเขาในวันธรรมดาวันหนึ่ง อาจเป็นแรงดึงดูดที่ใครเรียกว่าพรหมลิขิต ผมรู้แค่ว่ามองเขาจนเหลียวหลัง ตั้งแต่นั้นภาพของเขาก็ไม่เคยห่างหายไปจากความคิดของผมอีกเลย

รักแรกพบ… ช่างรวดเร็วและง่ายดายจนน่าขำ

ผมซึ่งยังไม่ประสาคิดเพียงว่า หมอนี่เท่จัง แม้เขาจะยังเป็นเด็กผมสั้นเกรียนแต่ก็เริ่มฉายแววหล่อแล้ว ผมนึกอิจฉาและชื่นชมในเวลาเดียวกัน คิดแค่ว่าทำยังไงนะเราถึงจะได้รู้จักเขา ทำยังไงถึงจะอยู่ในสายตาเขา ได้เล่นกับเขา เพราะเราอยู่คนละห้องกัน

รายละเอียดนั้นจำไม่ได้แล้ว แต่มั่นใจว่าช่วงหนึ่งตัวเองเคยพยายามใช้เวลาทุกเย็นเล่นอะไรก็ตามที่มีเขาเล่นอยู่ด้วย จะพูดไป เขาก็เป็นคนโดดเด่นและเป็นผู้นำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว รอบกายเขามักรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงอยู่เสมอ

แล้วรู้สึกตัวว่ารักเมื่อไรน่ะหรือ บางทีอาจจะเป็นช่วงประถมปลาย มีเกมกีฬาสีที่โรงเรียนและอาจารย์ถ่ายรูปไว้ ให้พวกเราสั่งอัดเป็นที่ระลึกได้ ผมแอบจดเลขรูปที่มีเขาอยู่ไปหลายใบ ส่วนรูปตัวเองแทบไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ

ช่วงนั้นจนถึงม.ต้น เป็นช่วงที่ผมรู้สึกสับสน เพราะรู้แล้วว่า ในสังคมนี้ผู้ชายรักผู้ชายมันเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงผมจดจำความทุกข์ไม่ได้มากเท่าไร เพราะผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่มีวันแสดงออกให้ใครรู้ แค่สุขใจที่ได้แอบรักเขาเงียบๆ เท่านั้น

ตอนประมาณม.2 ผมบังเอิญได้สนิทสนมกับเพื่อนสนิทของเขาอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นผมจึงได้เข้ากลุ่มและเที่ยวกับพวกเขาบ้าง รู้สึกมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับเขาขนาดนั้น แต่เพราะความในใจทำให้รู้สึกอึดอัดไปพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งความสนใจของผมไม่ค่อยเหมือนพวกเขาเท่าไร กลุ่มนั้นชอบเตะบอล ออกไปเที่ยวห้าง เล่นเกมเซ็นเตอร์ บางทีก็พากันไปเล่นเกมที่บ้านเขาซึ่งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ไกลจากห้างนั้นนัก ตอนเล่นก็สนุกหรอก แต่ขากลับนี่สิ บางวันดึกจนโดนพ่อดุ ที่บ้านโทรตาม โดยรสนิยมผมชอบอ่านหนังสือมากกว่าเล่นเกม และแต่เดิมผมก็มีกลุ่มเพื่อนอยู่แล้วด้วย ไม่นานจึงห่างออกมาโดยปริยาย

ช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมช่างแสนสั้น แต่ผมก็พอใจแล้ว

ไม่นาน ผมมีแฟนคนแรก ที่ทำให้ผมทั้งรู้สึกผิดและโล่งอก รู้สึกผิดที่เรายังมีคนอื่นอยู่ในใจ แต่ก็โล่งอกที่ผมชอบผู้หญิงได้ นอกจากเขาผมยังไม่เคยชอบใครที่เป็นผู้ชายอีกเลย คิดแล้วก็ประหลาดอยู่เหมือนกัน

ผมรักแฟนผมด้วยใจที่บริสุทธิ์ แต่เพราะความไม่ไว้วางใจทำให้เราคบกันได้แค่ปีกว่าเท่านั้น จึงรู้สึกเข็ดและเหนื่อยกับความรักอยู่บ้าง ต่อจากนั้นจึงไม่ได้คบใครเป็นแฟนอีก กิ๊กกันไปเรื่อยเปื่อยสองสามหน แน่นอนว่าขนาดผู้ชายธรรมดาอย่างผมยังมีแฟน เขาซึ่งหล่อเหลากว่าผมมากนักย่อมต้องมีเหมือนกัน ผมรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย แต่อาจเพราะคาดไว้แล้วจึงทำใจได้อย่างรวดเร็ว ยังไงผมก็ไม่ได้หวังให้เขามาคบกับผมอยู่แล้ว

โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนมีชื่อและใช้ระบบเลื่อนชั้นจนจบม.ปลายผมจึงได้เรียนที่เดียวกับเขา 12 ปีเต็ม แต่ถึงอย่างนั้นเรากลับไม่เคยได้อยู่ห้องเดียวกันเลย อาจเป็นเพราะฟ้าลงโทษที่ผมคิดเกินเพื่อนกับเขาล่ะมั้ง...ว่าไปนั่น ผมเรียนหนังสือได้ค่อนข้างดี เขาก็เหมือนกัน แต่เราเรียนกันคนละสาย สำหรับมัธยมปลายมีการเรียนการสอนที่เปลี่ยนไปเยอะ ทำให้ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องอื่นเท่าไรนัก แค่ยุ่งเรื่องของตัวเอง ตามบทเรียนให้ทัน กิจกรรมก็ห้ามขาด แค่นี้ก็ปวดหัวแล้ว

ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ผมจดจำได้แม่น คือในคาบเรียนตามสาย มีอยู่วิชาหนึ่งที่ผมจะได้ย้ายห้องและได้นั่งโต๊ะของเขาโดยบังเอิญ ช่องใต้โต๊ะนั้นรกมากจนน่ากลัวจะมีงูโผล่ออกมา ผมเลยจัดให้ใหม่ทุกครั้ง เป็นความสุขเล็กๆ ที่ผมได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว

แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างนั่งเรียนอยู่เขาก็กลับเข้ามาเอาของพอดี ผมตกใจมากเพราะเท่ากับเขารู้แล้วว่าผมเป็นคนจัดของให้ ได้แต่ทำหน้าเฉยๆ ระหว่างที่เขาก้มหยิบอะไรใกล้ขา ผมจำได้ว่าใจเต้นแรงและมั่นใจไปอีกขั้นว่าความรู้สึกที่ผมมีให้เขาเป็นแบบชู้สาวจริงๆ ผมหมายถึง...ต้องการสัมผัส คงเข้าใจนะครับ

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ทุกอย่างเหมือนเดิม จนกระทั่งวันที่เราจบการศึกษาและร่ำลากันไป ผมติดที่หนึ่ง เขาติดอีกที่หนึ่ง คิดในใจว่า รักข้างเดียวอันยาวนานของผมคงจบลงเพียงเท่านี้...

...

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 04:15:05 โดย Z4 »

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [บทนำ : Love at first sight]
«ตอบ #2 เมื่อ17-11-2017 14:35:40 »

001 : Begin


วันนั้นเมื่อเดือนธันวาคมเริ่มต้นอย่างธรรมดา ผมเลิกเรียนคาบบ่ายแล้วก็ข้ามมาฝั่งศูนย์การค้า ระหว่างทางเกิดปวดห้องน้ำขึ้นมาเลยแวะห้างใกล้ๆ พอทำธุระเสร็จก็เดินออก

ในตอนนั้นเอง สายตามองเห็นชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงใหญ่ที่จำได้ในทันทีทันใดว่าคือใคร ผมตกใจในความบังเอิญจนทำอะไรไม่ถูก เราสบตากันระหว่างที่เดินเข้าใกล้กันทุกขณะ คิดไม่ตกว่าควรทักทายหรือเปล่า

ผมกับเขาเดินสวนกันไปแล้วสองสามก้าว แต่อาจเพราะเห็นว่าเขายังมองผมจนเหลียวหลังเช่นกันจึงตัดสินใจหยุด ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออกว่าเป็นใคร แล้วเดินเข้าไปพูดคุย

“ไง” เราทักกัน

“มาทำอะไรเนี่ย” ผมถาม เพราะที่นี่ไม่ได้ใกล้มหา’ลัยมันเลย แต่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ชุดนิสิต

“นัดเพื่อนไว้ แล้วมึงล่ะ” มันยกมือเสยผมที่ยาวระบ่ากว้าง หน้ายังหล่อจัดเหมือนเดิม ผิวขาวแบบเชื้อสายจีน ตาคม จมูกโด่งปลายงุ้มนิดๆ ริมฝีปากบางได้รูป คอยาวแต่หนา สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ สูงเซอร์ โคตรเท่ ผมไม่ได้เตี้ย แต่มันสูงกว่าผมสักสิบเซ็นต์ได้ รูปร่างที่สมาร์ทมากๆ แบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชอบแอบมองมันบ่อยๆ

“มาคุยงาน ส่งเอกสาร”

“นัดอาจารย์ไว้เหรอ” มันเลิกคิ้ว คงสงสัยว่ามาคุยเรื่องรายงานอะไรกลางห้าง

“เปล่า งานพิเศษ” ผมขยับแฟ้มที่หนีบไว้เป็นเชิงอธิบาย “นัดที่แมค แต่ปวดฉี่เลยมาห้องน้ำ”

“ขยันโคตร แล้วเป็นไง ไม่ได้เจอเลย ยังคุยกะใครอยู่มั้ย”

“ก็เจอตั้งหลายคน ในเฟสก็เรื่อยๆ แต่ที่ยังอยู่กลุ่มเดียวกันก็มีไอ้ต่อ ไอ้เม ไอ้หวาน”

“มึงเรียนนิติใช่ป่ะ”

ผมแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าพวกรุ่นผมเรียนด้วยกันมาตั้ง 12 ปี ต่อให้ไม่สนิทก็ยังต้องรู้ข่าวคราวกันบ้างจนได้

“อือ แล้วมึงอ่ะ” ถามไปยังงั้น ผมรู้ว่ามันเอนท์ติดวารสารฯ ภาคอินเตอร์ แถมได้เป็นเดือนตอนปี 1 ด้วย

“วารสารอินเตอร์ว่ะ”

“อือ...เดี๋ยวกูไปละ มึงไปห้องน้ำเหอะจอม ไว้เจอกัน” รู้สึกเริ่มจะหมดเรื่องพูด ผมเลยเป็นฝ่ายตัดบทเพราะได้เวลานัดคุยงานแล้วด้วย

“เออ ไปนะ” มันโบกมือส่งๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมหันหลังออกเดินด้วยรอยยิ้ม รู้สึกดีใจที่บังเอิญเจอมัน ใครจะว่าผมเว่อร์ก็ตาม แต่ทั้งที่ไม่รู้วันเวลาหรือสถานที่ กลับได้มาเจอคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างไม่คาดหมายนี่มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เล็กๆ เลยนะ พร้อมกันนั้นความรู้สึกหวานปะแล่มในใจ ความทรงจำเก่าๆ กับความรู้สึกที่ไม่เคยหายไปก็โถมทับผมเหมือนคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง สะท้านจนตัวเกือบสั่น...

นี่ผมยังรักมันอยู่จริงๆ...

...

แต่ปาฎิหาริย์ของผมกลับไม่จบอยู่เพียงแค่นั้น ตอนนี้ผมเงยหน้าจากมือถือกับเฟรนช์ฟรายแมคและมองเห็นหน้าหล่อๆ ของผู้ชายที่ชื่อจอมเดช คนที่ทำให้ผมใจเต้นอีกครั้ง

“ยังไม่กลับอีกเหรอมึงอ่ะ” มันพูดพร้อมกับเลื่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

“เออ...กลับตอนนี้รถมันติด สักสองทุ่มค่อยออก” ผมพูดตามความจริง

“แล้วกลับไง”

“บีทีเอส” ผมมองมันที่หยิบมันฝรั่งชืดๆ กินด้วยความงงผสมดีใจ “แล้วไหนเพื่อนมึง”

“ดูหนังเสร็จก็แยกย้ายแล้ว แต่กูหิวเลยว่าจะหาอะไรกิน” มันเคี้ยวพร้อมมองหน้าผมสักพัก “มึงกินไรยังธี ไปกินกัน ป่ะ”
นี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจจะอิ่มแล้ว แต่อันที่จริงก็กินแค่เฟรนช์ฟรายกับกาแฟนี่แหละ ผมไม่ค่อยชอบกินฟาสต์ฟู้ดเท่าไร แต่ซื้อเพื่อจะได้นั่ง

“จะกินไร” ผมกวาดเก็บข้าวของทั้งหมดลงเป้

“กูอยากกินอาหารญี่ปุ่น” ว่าแล้วก็เดินนำลิ่วๆ ส่วนผมก็ตามมันไปอย่างใจง่าย

และยังแปลกใจในความโชคดีของตัวเองไม่หาย...

...

อาหารทยอยวางเต็มโต๊ะ ผมชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจอมก็ชอบ สั่งปลาดิบมาเป็นเรือเลย แต่ก็อีก นอกจากเรื่องที่ว่าผมแอบรักมันแล้ว นอกนั้นผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนักหรอก ไม่ใช่ไม่อยากรู้ แต่ไม่อยากหมกมุ่นกับมันให้มากเกินไปกว่าที่เป็นอยู่

“ว่าแต่มึงทำงานอะไร” มันถาม

“รับแปลเอกสารทางกฎหมาย ไม่แอดวานซ์นะ ทั่วไป”

“แปลอังกฤษ-ไทย?”

“อือ ไทย-อังกฤษก็รับ จริงๆ กูทำผ่านเวบนอก แต่ถ้าลูกค้าไทยก็มีนัดมาตรวจงานบ้าง เหมือนวันนี้ รายละเอียดมันต้องเป๊ะไง”

“เงินดีเหรอ”

“แล้วแต่ความขยัน แต่ถ้านับต่อคำก็ดี”

“เออ ดีๆ งั้นมื้อนี้มึงเลี้ยง...กูล้อเล่น” มันขำที่ผมอ้าปากค้าง ก็เล่นสั่งมาซะเยอะดันจะให้ผมจ่าย บอกก่อนว่าบ้านผมมีฐานะนะ แต่มันน่ะโคตรรวย ตอนสมัยมัธยมผมใส่แท็ก แต่มันใส่โรเล็กซ์ คิดดูละกัน

“เชี่ย กูทำงานหาเงิน ค่าขนมก็ไม่มี มึงสิควรจะเลี้ยง” ผมว่าไม่จริงจังนัก กะหารอยู่แล้ว คีบของกินเข้าปากไปเรื่อย

“ทำไมไม่มี โดนพ่อแม่ทิ้งแล้วเหรอ” ปากสวยๆ ทำไมยิ้มได้เลวแบบนี้

“ยังอุปการะอยู่เว้ย แต่พอบอกแม่ว่าแปลงานได้ตัง แม่กูก็บอกว่างั้นค่าขนมจากนี้จะไม่ให้แล้ว เฉยเลยว่ะ ซวยฉิบหาย”  ผมส่ายหน้า “ยังจ่ายค่าเทอมให้กูก็กราบละ”

จอมหัวเราะขำอย่างเดียว ก่อนก้มหน้าก้มตากิน แล้วยังสั่งกุ้งเทมปุระเพิ่มอีก มันกินเก่งชะมัดเลยแฮะ

“ธี...มึงยังใช้เบอร์เดิมอยู่ป่ะ” จู่ๆ มันก็ถามตอนใกล้กินเสร็จ

“เบอร์เดิมคือเบอร์ไหน ตอนนี้กูใช้...”

มันควักไอโฟนขึ้นมายิงเบอร์ให้ผม 9 หลังสามตัว เบอร์สวยซะ ผมก็เมมไว้ในมือถือตัวเองเหมือนกัน

สุดท้ายเมื่อจบมื้อ ค่าอาหารก็หารกัน ผมคิดว่ากำลังจะขอตัวมันก็พูดขึ้นมาก่อน

“ติดรถกูดิ เดี๋ยวไปส่ง”

ผมคิดอยู่แป๊บนึง บ้านมันอยู่ห่างบ้านผมไม่มาก ไปทางเดียวกัน แต่ต่ออีกสักประมาณ 15-20 นาที ยังไงก็ต้องผ่านซอยผมก่อนอยู่แล้ว

“ก็ดี ขอบใจ”

ผมเดินตามมันไป ได้นั่งบีเอ็มซีรี่ยส์ 3 เสียด้วย พลางคิดเป็นรอบที่สิบว่าวันนี้ช่างเป็นวันดีของผมจริงๆ


***


“ธี มึงเป็นไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่สนใจเพื่อนฝูง” ไอ้ต่อแทรกตัวนั่งเบียดผมที่โต๊ะ ออกปากแซวทันที

“กูอารมณ์ดีไม่ได้รึไง”

“แน้ มีแฟนแล้วเหรอมึงอ่ะ” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์กระแซะไหล่ผมเสียแรง ทำให้คนอื่นพลอยหันมาสนใจด้วย

“อะไรธี มึงเป็นผู้ชายสาธารณะของรุ่นเรา ห้ามมีแฟนเว้ย” หวานแทรก ชื่อหวานก็จริงแต่ตัวมันโคตรห้าว สาวหนึ่งเดียวในกลุ่มจากโรงเรียนเก่าเรา

“สัส ได้ยินทีไรกูนึกถึงส้วมทุกที” ผมส่ายหน้าขำๆ ไม่รู้เริ่มต้นเพราะอะไร ตั้งแต่ตอนรับน้องปีหนึ่งรุ่นพี่ผู้หญิงชอบเข้ามาจับแขน เข้ามาหยิกแก้ม ผมก็แค่ยิ้มๆ พวกพี่ๆ เห็นผมชิลเลยเกิดการแย่งตู่ว่าเป็นแฟนคนนู้นเป็นแฟนคนนี้ ไอ้ผมก็ยิ้มรับมุกไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีได้เป็นผู้ชายสาธารณะไปซะแล้ว วันไหนพี่ๆ อยากควงก็จะเข้ามานั่งกระแซะ ให้กินข้าวกินน้ำเป็นเพื่อน ควงเดินไปซื้อนู่นนี่บวกใช้แรงงานช่วยถือของนิดหน่อย หรือเป็นลูกมือยามทำกิจกรรม แต่ไม่มีอะไรเกินเลย คลายเครียดกันล้วนๆ

ผมไม่ใช่คนหล่อขนาดดารา สูงก็กลางๆ รูปร่างก็กลางๆ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่ผิวขาวหน่อย พวกผู้หญิงชอบบอกว่าผมหน้าใส หน้าเฉยๆ ขรึม แต่เวลายิ้มแล้วหวาน ที่สำคัญผมเป็นคนนิ่งๆ ง่ายๆ ใจเย็น ไม่รุ่มร่าม ไม่หยาบคาย ที่จริงผมคิดว่าตัวเองเป็นคนน่าเบื่อ ไม่หวือหวาโลดโผน แถมยังชอบอ่านการ์ตูน เล่นเนท วาดรูป ถ่ายภาพ สะสมฟิกเกอร์ อยู่กับบ้าน อย่างที่เขาเรียกว่าโอตาคุล่ะมั้ง แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คนไร้มนุษยสัมพันธ์ ถ้าให้เข้ากลุ่มเฮฮาผมก็ทำได้ ให้เป็นผู้นำหรือผู้ตามผมก็ทำได้ แค่จะทำหรือเปล่าเท่านั้นแหละ

“แล้วตกลงใคร โบว์ สาวนิเทศที่ชอบยิ้มให้มึงบ่อยๆ ใช่ป่ะ” นิค เพื่อนอีกคน มันยังไม่จบประเด็น

“กูยังไม่ได้บอกเลยว่ามีแฟน กูแค่อารมณ์ดีเฉยๆ ไปกันใหญ่แล้วพวกมึง” ก็แค่อารมณ์ดีที่ได้เจอ ได้กินข้าว ได้นั่งรถ แถมได้เบอร์จอมเท่านั้นเอง

“ไอ้เหี้ยแม่งเขินอ่ะดิ ระวังไว้ กูจะล้วงลับตับแตกมึง” ไอ้ต่อหันไปหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่ม ผมก็ปล่อยมันไป

“เออ เมื่อวานกูเจอจอมด้วย จอมเดชน่ะ” ต่อ เม หวาน เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันกับผม พวกมันรู้จักจอมอยู่แล้ว

“อ๋อ ได้ข่าวว่ามันไปรุ่งนี่ อดีตเดือน สาวๆ ตรึม” ไอ้เมว่า เห็นชื่อเมแต่มันเป็นผู้ชายนะครับ ชื่อจริงคือ เมธี “แล้วมันมาทำไรอ่ะ”

“ดูหนัง”

“หรือว่ามาหาแฟนเก่ามัน” เมพูดถึงเกลคนที่จอมเคยคบด้วยสมัยมัธยม เกลเป็นลูกเสี้ยว สวยระดับนางฟ้า ผิวขาว ปากแดง ผมสีน้ำตาล นามสกุลดัง ตอนนี้เรียนอยู่อักษรที่นี่ ผมคิดถึงแล้วแปลบๆ ในใจนิดหน่อย แต่เคยคิดว่าสองคนนี้เหมาะสมกันมาก ได้ข่าวว่าเลิกกันก่อนจะเข้ามหา’ลัยได้ไม่นาน

“ไม่รู้สิ แต่กูไม่เห็นเกลนะ”

“โอ๊ย หล่อเลือกได้ ควงสาวใหม่มาเที่ยวมากกว่า” ต่อโบกไม้โบกมือ

“ไอ้อินเตอร์นี่มันปิดเทอมเปิดเทอมไม่เหมือนคอร์สปกติใช่ป่าววะ” อืม...คงเพราะปิดเทอมรึเปล่าถึงใส่ชุดลำลองออกมาเที่ยวเล่นได้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน “น่าจะใช่นะ สงสัยแม่งปิดกลางภาค” หวานถามเองตอบเองเสร็จสรรพ

หลังจากหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ผมเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ยังสุขใจไม่หายกับเรื่องบังเอิญเมื่อวานนี้ที่จะกลายมาเป็นคอเลคชั่นหนึ่งในความทรงจำดีๆ ของผมอย่างแน่นอน


***


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังไม่อยากกลับเร็วเลยกะจะดูหนังสักเรื่อง ผมเดินทอดน่องยืนดูโปสเตอร์หน้าหนังที่น่าสนใจไปเรื่อยเปื่อย กำลังคิดว่าจะเป็นหนังที่กำลังฮิตดี หรือหนังสารคดีที่มีฉายเฉพาะที่นี่ดี ผมไม่ใช่ฮิปสเตอร์แต่อย่างใด แค่พอดีรู้ว่าโรงใหญ่ที่นี่เก็บโรงฉายบางส่วนไว้ฉายหนังสารคดีกับหนังนอกกระแสด้วย ถ้าสนใจก็อยากอุดหนุน เขาจะได้ลงทุนเอาเข้ามาอีก หนังแนวนี้หลายเรื่องสนุกและไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด

“เฮ้ย ธี” เสียงทุ้มดังแทบชิดหูพร้อมกับมือที่ตบลงมาบนบ่าไม่แรงนักแต่เล่นเอาสะดุ้ง ผมหันขวับไปหาต้นเสียงแล้วพบว่าเป็นคนเดียวคนเดิมที่ทำให้ใจผมสั่นได้ตลอดเวลา

“เป็นไร ตกใจเหรอ” มันยิ้มซะผมตาแทบพร่า

“ตกใจดิ จู่ๆ ก็โผล่มา” ผมว่าพลางดึงหูฟังออกจากหู มัวแต่ฟังเพลงเลยไม่ได้สังเกตว่ามันย่องมาประชิดตัวขนาดนี้

“ทำไรอยู่ ไม่เห็นตอบ” จอมพยักเพยิดมาที่มือถือของผม

“หือ” ผมหยิบมากดดูแชต มีข้อความของมันจริงๆ ด้วย ถามว่าผมอยู่ที่ไหน ผมตั้งไม่ให้มันส่งเสียงเตือนเลยไม่รู้ “โทษที ปิดเสียงไว้น่ะ”

“เออ ดีนะที่บังเอิญเจอไอ้เม มันบอกว่าสงสัยอยู่แถวนี้เลยมาดู แล้วนี่จะดูหนังเหรอ”

“อือ ก็ถ้ามีอะไรน่าดู...”

“เรื่องนี้มึงดูยัง” ยังไม่ทันพูดจบมันก็ชี้โปสเตอร์หนังสารคดีที่ผมลังเลอยู่เมื่อกี้

“ยังอ่ะ”

“ดูป่ะ”

อืม...ถามง่ายแต่ตอบยากจัง ไม่ใช่ไม่ดีใจนะแต่ตั้งตัวไม่ติด

“มึงว่างเหรอ” ผมตอบด้วยคำถาม วันนี้มันก็ใส่ชุดลำลองอีกแล้ว เสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ฟอก ลากรองเท้าแตะ แค่นี้ทำไมยังดูหล่อนักก็ไม่รู้

“กูปิดเทอม” มันยกนาฬิกาขึ้นดู “ไปดูรอบกัน”

ผมที่ยังงงนิดๆ โดนคว้าแขนลากไปซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว มันคิดไว ทำไว แถมมือไวจริงๆ ให้ตายเหอะ

“มึงมาคนเดียวเหรอ” ผมถามเมื่อเราซื้อตั๋วเสร็จแล้ว กำลังลงมาซื้อกาแฟกินฆ่าเวลารอรอบฉาย

“อือ...” เหมือนมันจะพูดอะไรต่อแต่ก็เงียบไป ผมเหลือบตามองแต่มันก็หันไปทางอื่น “ดูหนังเสร็จอยากกินไรมึงคิดด้วย”

พูดยังงี้แปลว่าจะไปกินข้าวด้วยกันอีกใช่มั้ย ผมถึงกับต้องแอบกัดปากกัดลิ้นตัวเองไม่ให้เผลอยิ้มกว้างออกมา

สารภาพตามตรงว่าดูหนังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ไอร้อนจากศอกที่แตะกันเบาๆ ทำเอาผมเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหน ทำทีพิงเบาะลึกๆ เพื่อจะได้เหลือบมองเงาร่างข้างกาย มันกินน้ำแก้วเดียวกับผมด้วย เขินชะมัด จะรู้บ้างมั้ยว่าที่ผมทำตัวเป็นปกตินั้นมันเสแสร้งทั้งเพ อยู่กับมันผมไม่เคยเป็นปกติ ไม่เคยไม่รู้สึก ไม่เคยไม่ลิ้มรสบางสิ่งซึ่งหวานซ่านและขมปร่าในเวลาเดียวกัน...

ถ้าพูดได้ ผมอยากบอกมันว่าอย่าใกล้ชิดกันนักจะได้มั้ย...หัวใจไม่รักดีมันจะลอยขึ้นฟ้าทุกครั้ง ทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายมีแต่ต้องตกลงมาตาย ก็ยังคอยแต่จะโผบินขึ้นไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...


***

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 21:59:47 โดย Z4 »

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [002]
«ตอบ #3 เมื่อ18-11-2017 16:35:03 »

002


นับจากวันนั้นผมก็ได้แชตกับจอมผ่านเฟสบุ๊คหรือไม่ก็ไลน์ตลอด นัดเจอแทบจะวันเว้นวัน อย่างเมื่อวานเพิ่งไปซื้อของด้วยกันวันนี้ก็กำลังนั่งรอมันอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไมจอมถึงได้เกิดอยากมาเป็นเพื่อนกับผมเอาตอนนี้ และผมก็ไม่คิดถามหาคำตอบ สิ่งที่ผมอยากทำก็คือใช้เวลานี้ที่มันยังอยู่ใกล้ผม ยังไม่เบื่อผม ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรติดค้างให้เสียใจภายหลัง

ความรู้สึกของผมมันยังอยู่ที่เก่า เพียงแค่พองฟูกว่าเดิม กระนั้นก็คงไม่อาจหาญพอจะบอกความรู้สึกนี้ออกไปให้มันรับรู้ ผมไม่อยากให้เราต้องลำบากใจจนเข้าหน้ากันไม่ติด แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากเกินกว่าที่ผมนึกฝันไว้ตั้งร้อยเท่าพันเท่าแล้ว

หลายวันมานี้ผมเริ่มเข้าใจว่าจอมเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากที่เคยรู้จักมันในช่วงสั้นๆ เมื่อหลายปีก่อน คงเพราะโตขึ้นล่ะมั้ง มันยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม ลองตัดสินใจอะไรแล้วจะลงมือทำทันที แถมไม่ค่อยปรึกษาคนที่โดนหนีบไปด้วยเลย แต่ถ้าคัดค้านจริงๆ อย่างมีเหตุผลมันก็ยอมฟังเหมือนกัน หรือหลายๆ ครั้งก็ให้ผมเป็นคนเลือก เป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่ต้องตามมันฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อน

นอกจากนี้ผมยังได้เห็นความคล้ายและแตกต่างของเราชัดเจนกว่าเดิม ผมเคยคิดว่าเราตรงข้ามกันค่อนข้างมาก เตรียมไว้ว่าคงต้องฝืนใจหลายเรื่อง แต่ที่จริงแล้วรสนิยมหลายๆ อย่างกลับคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเพลงที่ฟัง หนังที่ดู การ์ตูนที่อ่าน อาหารที่ชอบ ทำให้ผมชักติดใจที่ได้ออกไปไหนมาไหนกับมันเข้าเสียแล้ว

หวั่นไหวใจสั่นก็เหนื่อยอยู่หรอกแต่ที่เหนื่อยกว่าคือการหักห้ามใจ พยายามเตือนตัวเองว่าผมเป็นใครและมันเป็นใคร เราคบกันได้ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ไม่ควรคิดฟุ้งซ่านไปไกลกว่านี้ ผมเคยคิดว่าตัวเองระงับความรู้สึกได้ดี แอบรักมันมาตั้งหลายปีก็อยู่ได้ไม่เห็นทุกข์ร้อน แต่นั่นเป็นเพราะเรามีระยะห่างระหว่างกัน ไม่ได้สนิทสนม ไม่ได้...ก่อให้เกิดความหวัง เหมือนกับตอนนี้…
 
“มาแล้ว รับหน่อย ร้อน” จอมเดินเข้ามาพร้อมชามก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ยื่นให้ผมชามนึง

เมื่อครู่ผมบอกว่ากำลังรอ ลืมบอกไปว่ารออยู่ที่บ้านมันน่ะล่ะ หมู่นี้บางวันมันจะรับผมมานั่งเล่นนอนเล่น โดยเฉพาะวันหยุดอย่างนี้ มันว่าขี้เกียจไปที่อื่น คนเยอะ บ้านของจอมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรย่านคนมีเงิน หลังนี้ที่เล็กกว่ามันอยู่คนเดียว ส่วนของครอบครัวอยู่หลังใหญ่หน้าหมู่บ้าน ถึงจะบอกว่าหลังเล็กก็สองชั้นครึ่งมีสนามหญ้า มันปรับชั้นล่างทั้งชั้นเป็นห้องโฮมเธียเตอร์ มีบาร์เครื่องดื่ม กับแบ่งส่วนวางโต๊ะบิลเลียด มีโต๊ะปิคนิคและเตาบาร์บีคิวกลางแจ้ง พร้อมสำหรับสังสรรค์ ส่วนชั้นลอยที่ผมกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่นี้เป็นห้องเล่นเกมของมัน

“เอาชาเขียวหรือเป็บซี่”

“เป็บซี่”

มันยื่นแก้วมาให้ แถมเลื่อนชามลูกชิ้นลวกพูนชามมาให้อีก

“แดกไป อร่อยนะเนี่ย”

“อือ ขอบใจ” ดูมัน กระทั่งกินยังบังคับ แต่ก็อร่อยจริงๆ นั่นแหละ อุตส่าห์ไปซื้อมาให้ก็น่าขอบคุณนะ

“ทำงานเสร็จยัง”

“อีกนิดนึง” วันนี้ผมต้องส่งงานแปลอังกฤษ แต่ความจำเป็นแค่นี้ขวางอะไรจอมไม่ได้อยู่แล้ว สรุปคือผมต้องแบกโน้ตบุ๊คมานั่งทำที่บ้านมันตามบัญชา ในขณะที่มันนอนเล่นเกมสบายใจเฉิบแถมหันมาเร่งให้ไปเล่นเป็นเพื่อนเป็นระยะตั้งแต่เช้าแล้ว
ที่บอกว่ามันดีขึ้นขอถอนคำพูดยังทันมั้ยนี่

จอมยักไหล่แล้วโกยลูกชิ้นใส่ชามก๋วยเตี๋ยวเปล่าไปนั่งกินหน้าจอ เล่นเกมต่อ มีไอ้แจ็ค ไซบีเรียนฮัสกี้วัยกำลังโตหมอบอยู่ปลายเท้า ไม่ใช่ว่ามันสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอะไรหรอกนะ แต่เพราะได้วิ่งเล่นกับพวกผมตั้งแต่เช้าจนเหนื่อยต่างหาก ขนาดหนีขึ้นมาทำงานก่อนจอมก็ยังเล่นกับมันต่อจนต้องขึ้นไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัวไปหมด เลี้ยงหมาตัวโตผมว่าต้องใช้พลังงานมากเลยนะเนี่ย

ผมรีบกินให้เสร็จแล้วนั่งอ่านทวนทุกอย่างรอบสุดท้าย ตรวจทานก่อนส่งไม่ลืมที่จะเช็คว่าข้อความเซฟแล้วเป็นระยะ ใครที่เคยคอมพ์แฮงค์ระหว่างทำงานคงเข้าใจความเจ็บปวดได้ดี

“เสร็จยังงงง” แม่ง...

“มึงจะถามกูทุกห้านาทีเลยรึไงฮะ”

“ก็เสร็จยังล่ะ”

“เออๆ เสร็จแล้ว แม่งเร่งกูจริง” ผมกดส่งงาน ถอดเก็บแว่นสายตาแล้วเดินไปหามันอย่างเคืองๆ นิดหน่อย มีการยิ้มหน้าเป็นใส่อีกนะ กูโมโหมึงนะเนี่ย

“โอ๋ ไม่โกรธๆ อ่ะ” มันง้อส่งๆ ก่อนโยนจอยมาให้ แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากยอมเล่นเป็นเพื่อนมัน แค่ยิ้มก่อนหน้านี้ความขุ่นใจใดๆ ก็ปลิวหายไปกับสายลมแล้ว

ผมนี่อ่อนชะมัด


***


มือหนึ่งเล่นเกม มือหนึ่งกินขนม เท้าก็เกาพุงไอ้แจ๊คที่นอนเลื้อยมาหาผมเพราะเจ้านายมันไม่ยอมเล่นด้วย เผลอแป๊บเดียวก็ค่ำแล้ว จอมพาผมเดินไปบ้านใหญ่ไปกินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ปกติจอมจะอยู่คนเดียวแต่เดินไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านแทบทุกวัน ผมว่าก็น่ารักดีนะ บ้านผมเสียอีกทีแทบไม่เคยกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย

ไม่ใช่ว่าห่างเหินหรือขาดความอบอุ่น แต่เป็นวิถีในแบบของเรามากกว่า คุณพ่อผมเป็นข้าราชการ ส่วนคุณแม่เป็นเจ้าของกิจการสถาบันเสริมความงาม พี่ก็เป็นหมอ น้องๆ ผมก็ติดเพื่อน มีผมนี่แหละอยู่ติดบ้านที่สุด ซึ่งระยะหลังนี้ก็ดันโดนลากออกมาบ่อย ชีวิตของแต่ละคนทำให้มาเจอกันยาก แต่เราก็พยายามมากินข้าวด้วยกันอาทิตย์ละหนเป็นประจำ   

ขากลับมันไม่ได้เอารถออกเหมือนทุกที เดินขึ้นห้องนอนไปเปิดแผ่นหนังดูเฉย ตกลงยังไง วันนี้จะให้ผมกลับบ้านเองเหรอ ก็ได้อ่ะนะ

“คืนนี้มึงค้างนี่นะ” มือที่กำลังจะเก็บของเข้าเป้หยุดชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่มันชวนให้ผมค้างด้วย

ผมไม่รู้จะตอบว่าไง ไม่เอา...ทำไมไม่เอาล่ะ ถ้าปฏิเสธมันจะพิลึกไปหน่อยรึเปล่า จะเอางานมาอ้างมันก็ดันรู้อีกว่าผมทำเสร็จแล้ว แต่ถ้านอน...ก็แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากผมหัวใจวายตายด้วยความฟุ้งซ่านของตัวเองเท่านั้นเอง

ดูเหมือนจอมจะถือเอาความเงียบเป็นคำตอบรับ มันหันมาเรียกให้ไปดูหนังด้วยกัน เป็นอันว่าคำพูดคัดค้านก็ไม่ได้เอ่ยออกไปแม้สักครึ่งคำ เอาวะ ตายเป็นตาย



กำลังดูหนังช่วงใกล้จบเพลินๆ จู่ๆ ก็ต้องตกใจเกือบสะดุ้งที่มีมือมาแตะคาง ผมหันขวับทันที

“คางมึงเป็นไรทำไมแดงๆ”

“...กูเป็นสิว มึงอย่าจิ้ม” ผมปัดมือมันออก อยู่กันสองคนบ่อยครั้งแล้วก็จริงแต่ก็ยังไม่เคยชินกับสัมผัสเสียที

“เดี๋ยวกูบีบให้” ไม่พูดเปล่า ขยับเข้ามาทำท่าจะจับให้ผมยื่นหน้าไปให้มัน

“ไม่เอา มันไม่มีหัว แต่เจ็บ โอ๊ย! ไอ้เชี่ย” มันแกล้งจิ้มซ้ำแถมโถมมาล็อคคอ ผมก็คว้าหมอนอิงทุบสู้ เอาตีนยันด้วย ไอ้หมีป่านี่ ตัวก็ใหญ่แรงก็เยอะ “กูบอกว่าอย่า จากสิวแม่งจะเป็นฝีแล้ว ไอ้ห่า!”

จอมหัวเราะชอบใจใหญ่

“ก็เห็นมึงหน้าใส มีสิวกับเขาด้วยเหรอ” พูดไม่ดูตัวเองเลย มันก็หน้าใสเหมือนกัน เคยเห็นมีสิวผดนิดหน่อยที่หน้าผากเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง

“เห็นกูหมดหล่อแล้วสะใจเหรอ ออกไปเลยมึงอ่ะ หนัก”

“อื้อหือ ชมตัวเองก็ได้” มันยอมขยับออกไป ล้วงน้ำแข็งเกล็ดก้นแก้วดีดใส่หน้าผมด้วย ไอ้นี่

“เออ ไม่มีใครชมเหมือนมึงนี่ กูก็ต้องชมตัวเอง มีไรป่ะ”

“อย่างมึงเหรอ หล่อก็เรียกได้ แต่กูว่า...” มันหรี่ตาทำหน้าชั่วร้ายแล้วพูดค้างไว้

“ทำไม พูดมา”

“น่ารักมากกว่า”

“...” ผมอึ้งหาคำโต้ตอบไม่ออก รู้นะว่ามันพูดเล่นแต่ก็อดเขินไม่ได้ อ่อยคนเก่งนักนะมึง

ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ หนีเลยละกัน

“แม่ง กูไปอาบน้ำแล้ว”

จอมยักไหล่กวนๆ ก่อนจะเดินไปหาเสื้อกับกางเกงนอนให้

ผมเดินเข้าไปอาบน้ำที่จงใจปรับให้เย็นนิดหน่อย เมื่อกี้เราเผลอแสดงสีหน้าอะไรออกไปให้มันรู้หรือเปล่านะ ความคิดกังวลล้านแปดแล่นเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่ที่จู่โจมเข้ามาไม่แพ้กันคือความใกล้ชิดที่ชักจะมากจนใจแทบรับไม่ไหว แค่โดนกอดคอเข้าหน่อยหัวใจก็เต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย...

แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสุข ผมปล่อยให้ริมฝีปากแย้มยิ้มออกมาเต็มที่ ก็รู้หรอกนะว่าจะไม่ได้รับการตอบสนองไปตลอดชีวิต ทว่าทำอย่างไรได้ ผมยอมแพ้ให้มันตั้งนานมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อเราได้พบกันเป็นครั้งแรก...


***

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2017 10:43:15 โดย Z4 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love after first sight [002]
«ตอบ #4 เมื่อ18-11-2017 19:41:59 »

อย่าลืมแปะกฏนะ
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [003]
«ตอบ #5 เมื่อ19-11-2017 12:50:50 »

003


ถ้าใครคาดหวังว่าตกดึกจะมีแตะแขนแตะไหล่อารมณ์สปาร์คไฟลุกพรึ่บพรั่บเสียตัว ขอบอกว่าเพ้อเจ้อ ก็นอนธรรมดา เตียงมันกว้างแถมมีหมาตัวเท่าลูกหมีนอนกั้นอีก ไม่มีมู้ดเมิ้ดอะไรให้สร้างหรอก ผมตาค้างนิดหน่อยเพราะแปลกที่ กว่าจะได้หลับจริงคือดึกมาก ตื่นสายซะ 10 โมงเลย จอมไม่อยู่ ไม่รู้เดินไปกินข้าวเช้าที่บ้านใหญ่หรือเปล่า จะปลุกสักหน่อยก็ไม่ได้ คือหิว

เปิดโทรศัพท์ดู มีข้อความของมันส่งมา

[ถ้าตื่นแล้วก็ลงมากินข้าวซะ มีโจ๊กหมูข้างล่าง นวลเอามาส่ง อุ่นเอาเองนะ] นวลคือเด็กแม่บ้าน ทุกวันจะมาส่งอาหารเช้าแล้วปัดกวาดเช็ดถูบ้านหลังนี้ เสร็จงานก็กลับบ้านใหญ่

ยังดีที่นึกถึง ผมเดินเมาขี้ตาไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนลงไปที่โต๊ะกินข้าวข้างล่าง มองไม่เห็นจอม เลยเอาโจ๊กหมูใส่เครื่องในเข้าไมโครเวฟตามที่มันบอก พร้อมกดแชตไปหา ถามว่าอยู่ไหน

[อยู่บ้านแม่ เดี๋ยวกลับ]

ผมตอบรับรู้ไป ตักโจ๊กเข้าปากโดยมีเจ้าแจ็คเดินเอาคางมาเกยขา เลยแยกหมูสับก้อนกับเครื่องในบางชิ้นไว้ รอกินเสร็จก่อนค่อยให้ มันจะได้ไม่เสียนิสัย

[กลางวันนัดเพื่อน ไปด้วยกัน] จอมส่งข้อความมาอีก

[ไม่มีเสื้อใส่] เมื่อคืนนี้ค้างกะทันหัน เสื้อนอนยังต้องยืมมันเลย เสื้อผ้าของผมก็ยังไม่ได้ซัก จะเอาของมันอีกก็ต่างกันเยอะ ไม่ไหวมั้ง

คราวนี้จอมไม่ตอบกลับ ผมเลยนั่งกินโจ๊กต่อ เสร็จก็พอดีมันเดินกลับมา หิ้วองุ่นที่บ้านใหญ่แบ่งมายื่นให้ผมพวงนึง ที่เหลือเก็บใส่ตู้เย็น

"เดี๋ยวไปซื้อที่ห้าง เสื้ออ่ะ" ห้างที่ว่าก็ที่อยู่ติดหมู่บ้านมันนี่แหละ ที่ผมเคยมาเล่นเกมกับมันเมื่อก่อนนู้น

เห็นว่ามันจะเอาตามนั้นให้ได้ ผมก็ไม่มีอะไรจะขัด วันนี้ก็ว่างอยู่แล้วด้วย

...

ไม่นานเราสองคนก็มายืนเลือกเสื้อผ้ากันอยู่บนห้างสรรพสินค้า โดยที่ผมสวมยีนส์ของตัวเองแต่เสื้อยืดยังเป็นตัวเดิมที่ใส่นอนเมื่อคืน ดูซอมซ่อเหมือนเด็กรับใช้ติดตามคุณชาย ซึ่งก็คือไอ้จอมที่แต่งตัวพร้อม เสื้อเชิ้ตมีแบรนด์แขนสั้นสีเขียวทหารโชว์กล้ามต้นแขนล่ำๆ มีอินทรธนูที่ไหล่ เน้นช่วงบ่ากว้างที่ตั้งตรงดูสมาร์ทมาก เข้ากับยีนส์สีซีดมีรอยขาดแบบจงใจอาร์ต รองเท้าโอนิซึกะรุ่นลิมิเต็ด บวกกับน้ำหอมกลิ่นสะอาดและหน้าตาที่หล่อโคตะระของมัน เรียกสายตาให้สาวแท้สาวเทียมเหลียวมองคอแทบหัก

หมั่นไส้ บ่องตง แต่ก็หล่อ ...ยอม

ผมเลือกตัวที่ชอบออกมาสองสามตัว กะจะลองก่อนค่อยซื้อ ไม่ชอบใส่เสื้อใหม่ที่ยังไม่ได้ซักเอาเสียเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ สุดท้ายก็ได้เชิ้ตขาวลายน้ำเงินมาตัวนึง สไตล์พับแขน มีลูกเล่นที่ช่วงพับนิดหน่อย ผมออกมาสะกิดพนักงานที่แอบมองคนตัวสูงจนแทบลืมลูกค้าอย่างผมไปแล้วให้หันมาสนใจกันบ้าง

"มีตังเปล่ามึง ไม่มีเอาที่กูก่อนก็ได้"

"ไม่ต้องหรอกเสี่ย กูมี" ผมยิ้มขำ หยิบแพลตินั่มการ์ดให้พนักงานไปคิดเงิน ส่วนกระเป๋าสตางค์โดนมือใหญ่คว้าไปสำรวจหน้าตาเฉย

"บัตรแพลตเต็มกระเป๋า ไหนว่าแม่ตัดเงิน"

"ก็ไม่ให้เงิน แต่ให้วงเงินไง กูเป็นเด็กดี แม่รักกู" ผมหยิบกระเป๋าคืน บัตรที่เห็นก็พ่วงของแม่ทั้งนั้นล่ะครับ ที่ว่าตัดค่าขนมคือเรื่องจริง แต่แม่ให้บัตรมาใช้แทน ใช้ได้เดือนละเท่าไรเรามีข้อตกลงกัน ผมเป็นคนมีวินัยการใช้เงินมากที่สุดในหมู่พี่น้อง เลยได้ถือหลายใบ ไว้ใช้แล้วแต่กรณี ส่วนใหญ่ก็สำหรับจ่ายแทนแม่เวลาแม่ติดธุระ นอกนั้นพี่น้องผมได้อย่างมากก็สองใบ

"นัดเพื่อนมึงไว้ที่ไหน" ผมถาม เซ็นบิลแล้วก็รับถุงเสื้อเน่าตัวเก่ามา กะจะซักค่อยคืนแต่เจ้าของเสื้อบอกไม่ต้อง แย่งถุงไปถือเองเรียบร้อย

มันบอกชื่อห้างใหญ่กลางเมืองเป็นจุดหมาย

"เสร็จสักกี่โมงอ่ะ ดึกมั้ย"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ขากลับกูก็ไปส่งมึงอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงน่า"

ผมเออออเดินตามมันไปขึ้นรถ จอมเลือกขึ้นทางด่วน ทำให้ไม่ต้องเจอรถติดเท่าไรนัก มาถึงก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงได้

"หิวแล้ว หาไรกินก่อนเหอะ" คนตัวใหญ่อนามัยผิดหน้าตา กินข้าวโคตรเป็นเวลา เที่ยงปุ๊บหิวปั๊บ

"แล้วนัดกันรึเปล่าว่าจะเอาร้านไหน"

"แคร์ทำไม เลือกร้านก่อนแล้วให้มันตามมากินกันทีหลัง"

คำตอบสมเป็นคุณชายมาก... มันพาผมเดินเข้าร้านหมูทอดญี่ปุ่นชื่อดัง เปิดเมนูสั่งทันที ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เพราะกินมื้อเช้าสาย ก็เลยสั่งชุดข้าวไก่ทอด ส่วนอีกคนสั่งชุดหมูทอดกุ้งทอดพิเศษใหญ่เบิ้ม

ระหว่างรออาหารเห็นจอมแชตหาเพื่อน คงบอกว่ารออยู่ที่ไหน เริ่มกินกันไปได้แค่คำสองคำเพื่อนๆ มันก็มากันแล้ว
คนที่มาเป็นผู้ชาย 3 หญิงอีก 2 หน้าตาดีกันทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ชายผมหยักศกตัดอันเดอร์คัทตัวสูงข้างหลัง ที่ผมคุ้นหน้าชอบกล

“แดกไม่รอเลย ห่า กูอยากแดกสปาเก็ตตี้ เลือกร้านไม่ทันมึงอีกละ” คนที่ดูขาวตี๋ เกาหลีหน่อยๆ ไถลตัวเข้ามาถองจอม ก่อนมองมาทางผมแล้วยิ้มกว้าง “หวัดดีค้าบ ชื่อโจ้นะ”

พอโจ้แนะนำตัวที่เหลือก็ขานบ้าง ผู้ชายหน้าไทยๆ หล่อคมคือเอก ผู้หญิงที่มาด้วย คนหนึ่งขาวจั๊วะ น่ารักใสๆ เป็นแฟนโจ้ชื่อน้ำ อีกคนเป็นเพื่อนน้ำชื่อพราว สวยเหมือนแขกขาว ส่วนคนตัวสูงชื่ออาร์ต

“เราธี” อยากแนะนำตัวมากกว่านี้แต่เอะใจเสียก่อน “เอ๊ะ อาร์ตเหรอ ใช่จิตรินหรือเปล่า”

ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มดีใจมาให้ผม พลางขยับเข้ามานั่งใกล้แล้วตีไหล่เบาๆ

“นึกว่าจำไม่ได้แล้ว ไม่เจอนานมาก”

หากยังจำได้ เพื่อนสนิทของจอมที่ผมเคยสนิทด้วยช่วงม.2 ก็คือมันนี่แหละครับ โอ้โห บอกเลยว่าตะลึง จำแทบไม่ได้ คือมันหน้าตาดีตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ผมหยักศก นัยน์ตาโศก ริมฝีปากอิ่ม มีไฝเสน่ห์ที่แก้มขวา เสียแต่เตี้ยไปหน่อย เตี้ยกว่าผมอีก เจอกันอีกทีคือสูงเกือบเท่าจอมแน่ะ เสริมให้ดูหล่อออร่าจับอย่างกับนายแบบ

อาร์ตออกจากโรงเรียนไปตอนม.3 ตามแม่มันไปเรียนที่อเมริกา ตอนจะไปมันคงเสียใจเลยไม่ลา เพื่อนๆ เพิ่งรู้เอาตอนเปิดเทอมม.ปลาย ตอนนั้นผมก็นอยด์บ้างนะที่มันไม่บอก แต่เป็นช่วงที่เราห่างกันไปบ้างแล้ว เลยได้แต่อวยพรให้มันโชคดี ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก

“คือมึงแหละเปลี่ยนไปมาก สูงขึ้นเยอะมากกกก ไปอยู่โน่นแล้วกลายพันธุ์เหรอวะ”

“พ่อง” แหม่…นักเรียนนอกนี่ด่าไทยชัดเหลือเกิน

“สัส แล้วกลับมาเมื่อไหร่ ตอนไปก็ไม่ลา กลับมาก็ไม่บอกอีก แม่งไม่เห็นกูเป็นเพื่อนแล้วใช่มั้ย”

ผมแกล้งตีหน้าเข้ม นึกว่ามันจะหัวเราะเลวใส่ แต่เปล่าเลย มันหน้าจ๋อยลงสนิท แม้แต่ยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ผมเลยต้องรีบบอกมัน

“เฮ้ย มึงอย่าซึมดิ เอาจริง กูไม่โกรธเลยนะ เป็นห่วงเฉยๆ”

“เออ… เอาไว้กูค่อยคุยกับมึงทีหลังนะ” อาร์ตสีหน้าดีขึ้น พวกเราหันมาสั่งอาหารกัน ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ

ผมทำความรู้จักกับเพื่อนที่เหลือ ทุกคนเรียนอินเตอร์หมด อาร์ต เอก และ โจ้ เรียนคณะเดียวกับจอม มีน้ำกับพราวที่เรียนคณะอื่น ผมตกใจอีกครั้งที่มันกลับมาเรียนเมืองไทยได้ตั้งสามปีแล้ว แต่เพื่อนผมไม่มีใครรู้เรื่องเลย เฮ้อ ไอ้ตกใจก็เรื่องนึง แต่ผมคงไม่ไปไล่เบี้ยมันหรอก แปลกอะไรถ้าคนเคยเป็นเพื่อนวัยเด็กจะไม่สนิทกันเหมือนเดิมอีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงมันเป็นของธรรมดา

“ไม่เคยได้ยินไอ้จอมพูดถึงธีเลย นึกว่าเพิ่งรู้จักกันเสียอีก” เอกคุยกับผม หลังสวาปามส่วนของตัวเองหมดด้วยความเร็วที่น่าส่งไปแข่งทีวีแชมเปี้ยน

“เดิมก็ไม่ค่อยสนิทหรอก เพิ่งมาคุยกันอีกทีไม่นานมานี้ บังเอิญเจอน่ะ”

“ถึงว่า เสียดาย ถ้ารู้จักกันเร็วกว่านี้คงได้ไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันละ แต่ไม่เป็นไร ทริปหน้าเดี๋ยวชวน”

“ขอบใจ ไม่รู้ว่างตรงกันรึเปล่าอ่ะสิ แต่ถ้าไปได้ก็เอา” ผมยิ้ม

“อุ๊ย ธียิ้มน่ารักอ่ะ มีเขี้ยวเล็กๆ ด้วย” น้ำส่งเสียงแซว

“เกรงใจแฟนบ้างมั้ย พูดยังงี้ เดี๊ยะ!” โจ้แกล้งโบกอากาศเฉียดหัวแฟนสาว

“หึงเหรอ โอ๋ๆ”

ผมดูคู่รักหยอกกันไปมาแล้วต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม น่ารักดีนะคู่นี้ เหลือบมองพราวที่เงียบกว่าใครเพื่อนแล้วต้องสะดุดเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป้าหมายการจับจ้องของเธอชัดเจนว่าคงเป็นจอม ที่ก็ไม่รู้อิ่มเกินหรือไง ไม่ค่อยพูดค่อยจา นั่งหล่อทำมิวสิคอยู่ได้คนเดียว

ฝ่ายนั้นหันมาสบตาพอดี ผมจึงส่งยิ้มขอบคุณไปให้ เข้าใจแล้วว่าจอมคงอยากเซอร์ไพรส์ผมกับอาร์ตด้วยการพามาเจอกัน ถึงได้ลากผมมาด้วยวันนี้ แต่มันดันส่งสายตากวนตีนกลับมา เป็นไรของแม่งวะ ถ้าให้เดาสงสัยรำคาญพราว ผมจำได้ว่ากลุ่มเพื่อนมันมีแต่ชายล้วนมาตลอด น้ำเป็นแฟนโจ้ เข้าใจได้ แต่พราวมาแบบไม่เก็บอาการ ไอ้หล่อมันคงเซ็งมั้ง

ก่อนที่บรรยากาศจะกร่อยทุกคนก็กินเสร็จพอดี เลยเดินออกจากร้านแบบไร้จุดหมาย แวะเดินดูโน่นซื้อนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่คนที่ได้ของเยอะก็คือสองสาวนั่นแหละ แยกแป๊บเดียวได้ของมาทีละถุงสองถุง ยิ่งเดินยิ่งเพิ่ม ผมนี่นับถือสกิลการชอปของเพศแม่เลยจริงๆ

สักพัก น้ำกับโจ้ก็ขอแยกตัวไป พราวที่ตามน้ำมาเลยต้องไปด้วยแบบเสียไม่ได้ คล้อยหลังแป๊บเดียวเอกถึงกับหลุดหัวเราะ
“พราวแม่งเอาจริงว่ะ ตามมึงไม่เลิกเลยไอ้จอม”

มันส่งเสียงเฮอะตอบ ท่าทางรำคาญเต็มแก่

“มึงบอกโจ้ด้วย ถ้ามียังงี้อีกก็ไม่ต้องพาแฟนมันมาเลย”

“ใจเย็นๆ พราวก็สวยดีนี่หว่า ไม่ชอบขนาดนั้นเลย”

“ตามเกิน ไม่ชอบ ขืนคบคงมาก้าวก่ายชีวิตแม่งทุกเรื่อง”

“เออๆ” เอกถอนใจ “แล้วนี่เอาไงต่อ จะไปไหน หรือจะกลับ”

“จะกลับแล้ว เย็นกว่านี้เดี๋ยวรถติด” จอมหันมาพยักหน้าให้ผม

“ขอกูซื้อการ์ตูนก่อนได้ป่ะ”

“กูไปด้วย” อาร์ตเดินตามมา เอกเลยขอตัวกลับบ้านไป

ผมเลือกหนังสือออกใหม่ ส่วนอาร์ตยกชุดการ์ตูนที่จบแล้วเรื่องหนึ่งตามคำแนะนำของผม รู้สึกเหมือนได้กลับไปในสมัยที่เรายังสนิทกัน ผมกับอาร์ตเคยถูกคอกันมาก ไม่รู้เมื่อไรที่เราเริ่มห่างเหินกันไป ผมพบว่ามันก็ยังเหมือนเดิม ยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด สบตาเวลาคุยกัน ดวงตาเชื่อมโศกกับขนตายาวงอนที่เคยทำให้มันหน้าหวานตอนเด็ก กลายเป็นเสน่ห์ชนิดที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนละลายได้ไปแล้ว

“กลับไง ไปส่งมั้ย”

“ไม่เป็นไร กูมากับจอม”

เหลือบมองคนที่ไม่ได้เร่ง แต่หน้าตึงขึ้นทุกทีแล้วต้องลอบกลืนน้ำลาย

“แอดเฟสไปแล้วนะ อย่าลืมกดรับ เมมเบอร์กูรึยัง”

“เมมแล้ว ไว้คุยกัน”

ผมโบกมือ ตอนเดินแยกมาเห็นมันยืนส่งอยู่สักพัก นิสัยนี้ก็ทำตั้งแต่เมื่อก่อนเหมือนกัน ผมยิ้มบางๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับความเย็นที่เข้ามาแนบ…เรียกว่าโปะ หรืออีกทีก็แทบฟาดแก้มดีกว่า

“แดกไป 1 แถม 1 มันเหลือ”

ผมรับแก้วกาแฟปั่นจากจอมพร้อมบอกขอบใจ ผมติดกาแฟ อย่างน้อยต้องกินวันละแก้ว ชอบกาแฟเย็นปั่นเป็นพิเศษ เพราะกินได้จนหมด ไม่เหมือนกาแฟเย็นธรรมดาที่จะเหลือน้ำแข็ง

“อร่อยดี ซื้อมาตอนไหน”

“ตอนรอมึง นาน!”

ไม่น่าถาม โดนด่าอีก ผมยิ้มแหะๆ ขอโทษ วันนี้จอมต้องอารมณ์ไม่ดีหลายเรื่อง ก็น่าเห็นใจนะ

ออกมาจากห้าง รถยังไม่ติดแต่ก็เริ่มหนาแน่น ผมสังเกตอาการคนขับ กลัวจะหงุดหงิดกว่าเดิม แต่ดูจากสีหน้าและการเคาะนิ้วเข้ากับจังหวะเพลงทางวิทยุ บ่งบอกว่ามันผ่อนคลายลงแล้ว ผมจึงคลายอาการเกร็งลงบ้าง เอนพิงพนักเบาะ รับแอร์เย็นฉ่ำ ดูดกาแฟอย่างเป็นสุขไปตลอดทาง…


***


พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เมื่อบีเอ็ม 325d สีน้ำเงินคันงามจอดเทียบหน้าประตูบ้าน ผมหันไปถามสารถีกิตติมศักดิ์ด้วยคำถามเดิมๆ

“แวะป่ะ”

“อือ” มันรับคำแล้วปลดเข็มขัดนิรภัย

เกือบอุทาน… คือทุกครั้งที่มาส่งมักจะเป็นขากลับจากบ้านจอม อยู่กันมาทั้งวันแล้วที่ชวนตามมารยาทเลยไม่เคยตอบรับ วันนี้เกิดจะเข้าบ้านผมซะงั้น แต่คิดอีกทีมันอาจจะปวดห้องน้ำก็ได้ ผมรีบนำมันเข้าบ้าน

นอกจากแม่บ้านแล้ว คนอื่นยังไม่กลับตามคาด ผมขอให้ป้าพิศเอาขนมกับน้ำขึ้นไปให้ ก่อนนำจอมขึ้นไปยังชั้น 3

“บ้านมึงแปลกดีว่ะ”

ผมเข้าใจว่าหมายถึงอะไร บ้านผมเป็นอาคารสี่เหลี่ยมสูง 5 ชั้น มีลิฟท์เล็กหนึ่งตัว ดูเหมือนอพาร์ตเม้นต์ขนาดย่อมมากกว่า

“เมื่อก่อนก็บ้านธรรมดาแหละ แต่พอแม่เห็นว่าพวกกูเริ่มโตแล้วก็ทำบ้านใหม่เป็นแบบนี้ ชั้นล่างเป็นครัวกับรับแขก ชั้นสองพ่อกับแม่อยู่ กูกับพี่ทัตอยู่ชั้น 3 ชั้น 4 นั่นของไอ้ทศไอ้ธาม น้องกู ส่วนชั้น 5 ดาดฟ้าเป็นที่รวมสังสรรค์”

เมื่อลิฟท์เปิดออกก็เห็นห้องนั่งเล่นตรงกลางมีชุดโฮมเธียเตอร์ ชั้นวางหนังสือกับแผ่นหนังสูงจรดเพดานมีบันไดพาดกับเครื่องดนตรีตั้งอยู่มุมหนึ่ง กั้นห้องใหญ่ไว้ทั้งสองฟาก

“ห้องกูด้านนี้ อีกฝั่งของพี่ทัต แต่ตอนนี้ห้องว่าง ไปเป็นหมอใช้ทุนอยู่”

ผมนำจอมเข้าห้อง เปิดไฟ เปิดแอร์ พอเห็นห้องผมชัดๆ ดูคนข้างหลังจะอึ้งนิดหน่อย เมื่อเจอกับตู้โชว์กระจกสูงเกือบท่วมหัวอยู่กลางทางเดิน 2 ตู้ ติดผนังอีก 2 ตู้ เต็มไปด้วยฟิกเกอร์ของสะสมราวกับร้านขายของเล่น ยังไม่นับตู้กับชั้นด้านในถัดไปแถวเตียงนอนอีก

“นี่ของมึงหมดเลย?” จอมถาม ชะโงกหน้าดูฟิกเกอร์สาวน้อยเวทมนต์อย่างสนอกสนใจ

ผมพยักหน้า เดินไปวางของบนโต๊ะเตี้ย ก่อนกลับมาเปิดไฟตู้เพิ่ม

“มึงดูการ์ตูนผู้หญิงด้วยเหรอ” ไอ้หล่อทำหน้าประหลาด กึ่งขำกึ่งงง

“ไม่ใช่การ์ตูนผู้หญิงหรอก ถ้ามึงได้ดูนะ โคตรดาร์ค”

“แล้วที่เหมือนวงนักร้องนี่อ่ะ เกาหลี?”

“อนิเมไอด้อลญี่ปุ่น”

“มีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ”

“ผู้ชายดูอนิเมไอด้อล ผู้หญิงดูอนิเมกีฬา มึงไม่เข้าใจหรอก” ผมหัวเราะ ปล่อยให้มันงงเล่นโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม ความชอบพวกนี้มันเฉพาะทาง เอาไว้มันอยากรู้ค่อยแนะนำก็แล้วกัน

จอมก้มๆ เงยๆ ดูฟิกเกอร์ที่มันรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างอีกสักพักก็หมดความสนใจ เดินมาหย่อนก้นนั่ง พอดีกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมส่งเสียงตอบรับ

“คุณธีกับเพื่อนจะอยู่ทานอาหารเย็นมั้ยคะ” ป้าพิศถาม พลางเดินถือถาดของว่างเข้ามา เป็นฝรั่งเฉาะเรียบร้อยกับเค้กมะพร้าว พร้อมน้ำผลไม้ขวดและแก้วใส่น้ำแข็ง 2 แก้ว

“เอาไง” ผมถามคนข้างๆ

“กินครับ” จอมหันไปตอบป้าพิศ

“มีกับข้าวเมือง พอทานได้มั้ยคะ มีไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แกงหัวปลี ถ้าไม่ได้ยังไงเดี๋ยวป้าทำเพิ่มให้ วันนี้คุณท่านกับคุณนายไปงานแต่งค่ะ ไม่กลับมาทานด้วย” ประโยคหลังหันมาพูดกับผม

“น่าจะได้ครับ ถ้าไม่เผ็ดมาก”

“ป้าพิศทอดหมูที่ธีหมักไว้วันก่อนเพิ่มละกัน แล้วผัดผักเพิ่มสักจานนึง” ผมไม่แน่ใจว่าจอมจะกินได้ เลยสั่งเผื่อ

“ได้ค่ะ ข้าวมีทั้งข้าวนึ่งและข้าวสวยนะคะ ของหวานมีเฉาก๊วย คุณนายซื้อมาเยอะ บอกให้ช่วยทานด้วยค่ะ”

“งั้นให้ใครไปซื้อน้ำแข็งเกล็ดไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวสักทุ่มธีลงไปกิน”

ป้าพิศรับคำแล้วลงไปจัดการตามสั่ง ผมเปิดน้ำผลไม้เทใส่แก้วให้จอมกับตัวเอง

“แม่กูเป็นคนเหนือน่ะ ที่บ้านเลยมีกับข้าวเหนือขึ้นโต๊ะบ่อย”

“จริงดิ นอกจากแคปหมู ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม นอกนั้นแทบไม่เคยกินเลยว่ะ”

“ยังดีวันนี้เบสิค ถ้าโชคไม่ดีมึงอาจเจอลาบหมูดิบ สมองหมู ถั่วเน่า อึ่งย่าง ก็เป็นได้”

“พูดจริงเปล่าเนี่ย” จอมหรี่ตาทำหน้าปุเลี่ยนเมื่อเห็นผมพยักหน้ารับหนักแน่น ไม่ได้โกหกนะ ยิ่งกว่านี้ก็มี ผมกินมาตั้งแต่เด็กจนชินแล้ว อร่อยเสียอีก

ระหว่างรอ ผมแกะการ์ตูนใหม่ที่เพิ่งซื้อมาออกอ่าน ส่วนจอมก็รื้อเอาการ์ตูนจากชั้นปลายเตียงของผมออกมาอ่านบ้าง นั่งกันไปสักพักมือถือบนโต๊ะก็สั่นครืด ผมเปิดดูแล้วก็ต้องยิ้ม ละมือมาพิมพ์ตอบ

“ใคร?” จอมเงยหน้าขึ้นมาถาม

“อาร์ตแชตมา”

“ยังคุยกันไม่พออีกเหรอ”

เหลือบตามองมัน รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าโดนค่อนเอานิดหน่อย แต่คนพูดก็ดูจะไม่ต้องการคำตอบ ก้มหน้าอ่านการ์ตูน ไม่ต่อความอะไรอีก

ผมยักไหล่ พิมพ์แชตต่อ อาร์ตบอกว่ากำลังเริ่มอ่านการ์ตูนที่ซื้อวันนี้ แล้วถามว่าไว้นัดเจอกันอีกได้มั้ย อยากคุยกันยาวๆ สบายๆ ซึ่งผมตอบตกลงไปเพราะอยากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบมันเหมือนกัน แต่ยังไม่ตกลงวัน ก็หมู่นี้เวลาว่างแทบทั้งหมดของผมใช้ไปกับจอม ขืนไม่ถามมันก่อนอาจจะโดนเหวี่ยงใส่เอาได้ง่ายๆ



หลังอาหารค่ำ ผมเดินออกมาส่งจอมหน้าบ้าน แบ่งเฉาก๊วยเจ้าอร่อยให้มันไปด้วย แม่ซื้อเยอะเกินตลอด มีคนช่วยกินก็ดี

“ก่อนหยุดยาวไปไหนป่ะ” ผมถาม

“ยังไม่รู้ ทำไมเหรอ”

“อาร์ตจะนัด” ผมตอบตามตรง

“ต้องเตรียมตัวกลับหอ ยังไม่ได้จัดของเลย นี่หลังปีใหม่พวกกูก็เปิดเทอมสองละ จะนัดไปไหนอีก”

“…” จู่ๆ ก็ดูอารมณ์เสียอีกละ งงกับมันจัง

“ตกลงว่าไง”

“อะไรว่าไง”

“จะนัดกับไอ้อาร์ตรึเปล่า” คิ้วเข้มขมวดนิดๆ

“อือ แต่ยังไม่รู้วันไหน มันบอกว่าก่อนปีใหม่แหละดีแล้ว”

จอมไม่พูดอะไร ผมขยับจะชวนไปด้วยกัน แต่ก็ลังเลเพราะอาร์ตพูดเหมือนอยากคุยกับผมสองคนมากกว่า ไม่ทันไรคนใจร้อนก็ปิดประตูสตาร์ทรถ ขับออกไปฉิวเสียแล้ว

เหม่อมองรถสีน้ำเงินที่ขับห่างออกไป ในใจพลันรู้สึกวูบโหวงขึ้นมา สงสัยเหลือเกินว่าเมื่อต้องกลับสู่ชีวิตเรียนตามปกติ ไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นด้วยกันดังเช่นเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาแล้ว ระยะห่างของเราจะกลับไปเป็นคนไกลจนแทบแปลกหน้าอีกครั้งหรือเปล่า ช่วงเวลาแห่งความสุขของผมถึงคราวต้องจบลงแล้วหรือยัง …ไม่รู้คำตอบเลยจริงๆ


***

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 22:21:47 โดย Z4 »

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: Love after first sight [003]
«ตอบ #6 เมื่อ19-11-2017 13:23:56 »

คือหึงใช่ม่ะ จริงๆก็ชอบเขาใช่หรือเปล่า
นายไม่น่าจะแอบรักข้างเดียวหรอกธี---

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [002]
«ตอบ #7 เมื่อ19-11-2017 13:28:05 »

อย่าลืมแปะกฏนะ
 :L2: :pig4:

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [004] 20/11/60
«ตอบ #8 เมื่อ20-11-2017 17:20:50 »

004


ผมสะดุ้งนิดๆ เมื่อเมนูเล่มใหญ่โบกไปมาตรงหน้า

“เฮ้ย เหม่อเชียว เป็นอะไร”

“…ไม่มีอะไร แค่ง่วงนิดหน่อย” ผมแก้ตัว หันไปสั่งคาร์โบนาร่าซอสไข่ปลากับพนักงานที่ยืนด้านข้าง รอออร์เดอร์มาพักหนึ่งแล้ว ดีที่ร้านนี้เงียบและเป็นส่วนตัว รับลูกค้าน้อย ไม่งั้นคงมีหน้าตึงกันบ้าง

“นอนดึกล่ะสิ ทำอะไรอยู่ อ่านการ์ตูนเพลิน?” อาร์ตถามยิ้มๆ สั่งอาหารเพิ่มสองสามอย่างก่อนเปิดขวดรินน้ำให้ผม

“อือ ก็ประมาณนั้น”

“เอากาแฟป่ะ”

“ยังก่อน เดี๋ยวกินข้าวไม่ลง”

อาร์ตพยักหน้า เราสองคนนั่งรออาหารที่สั่ง พลางคุยเรื่องนู้นนี้เรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา ความเป็นเพื่อนนี่ก็แปลก ขอแค่ถูกคอกัน คุยกันแป๊บเดียวก็ต่อติด ผมรู้สึกเหมือนเราสองคนไม่เคยแยกกันเลย จะพูดคุย รับส่งมุก ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ยังคงรู้ใจกันดีเหมือนเมื่อก่อน เวลาอยู่กับอาร์ตผมรู้สึกสบายใจเสมอ

ฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องที่อเมริกาให้ฟังไปกินนั่นนี่ไปจนอิ่ม ส่วนผมก็โดนซักถามเรื่องของตัวเองบ้างแต่ก็ไม่มีอะไรจะเล่า อย่างที่บอกว่าชีวิตผมง่ายๆ ไม่ตื่นเต้น อยู่กับสิ่งที่ชอบ ที่สนใจไปเรื่อยเปื่อย สโลว์ไลฟ์

“ตอนที่จอมโพสต์รูปว่าอยู่กับมึง กูก็ตามไปเจอเฟสแล้วแหละ แต่ไม่กล้าแอด”

“ทำไมอ่ะ แอดมายังไงกูก็ต้องรับ” ผมอัพรูปขนมน่ากินที่ตกแต่งจานเข้ากับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าตรงหน้าขึ้นอินสตาแกรม ก่อนลงมือเอาส้อมจ้วง

“ก็…ไม่รู้สิ ไม่เจอตั้งหลายปี ดูมึงมีความสุขดีอยู่แล้ว”

“พูดแปลกๆ ทำยังกะมึงจะมาทวงหนี้ให้กูไม่มีความสุขงั้นแหละ” ผมหัวเราะ เห็นมันยิ้มเฝื่อนเลยอดชะงักไม่ได้ “เอ่อ… อย่าบอกนะว่ามาทวงจริง?”

“เปล่า…” อาร์ตก้มหน้าพลิกไอโฟนในมือไปมาเล่น นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่

ผมวางส้อม มองมันตรงๆ ด้วยสีหน้าที่คิดว่าดูเป็นมิตรผู้แสนดีมากที่สุด

“เอาจริงๆ มึงมีอะไร พูดมาเลย กูพร้อมฟัง”

ฝั่งตรงข้ามยกมือใหญ่เสยผม เสมองไปทางอื่น พูดงึมงำเกือบไม่ได้ยิน

“มึงไม่พร้อมหรอก”

“ตั้งแต่คบกันมา มึงเห็นกูใจแคบ?” ผมรักษาความจริงจังเอาไว้ ในหัวคิดถึงความเป็นไปได้มากมายถึงเรื่องที่มันจะบอก มาฟีลนี้คงเคยทำอะไรผิดต่อผมแน่ๆ เดาว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องที่มันไปเรียนต่อไม่บอก ชัวร์

คิ้วเข้มขมวด ดวงตาโศกมองผมด้วยความรู้สึกที่บอกได้ไม่หมด คล้ายว่าหนักใจมาก

“งั้นกูพูดนะ”

“ว่ามา”

“เอาจริงนะ”

“มีไรบอกเลย โลด”

“เสียใจทีหลังไม่รู้ด้วยนะ”

“กูจะประสาทเสียมากถ้ามึงไม่พูด” บอกตรงๆ บิ้วท์จนกูอยากรู้มวากกกก

“…มึงสัญญาก่อนว่าจะฟังให้จบ แล้วจะไม่โกรธ”

อื้อหือ มามุกนี้ ผมหยุดคิดใคร่ครวญ สักพักจึงพยักหน้า

“สัญญาว่าจะฟังให้จบ แล้วเรื่องอะไรที่กูอาจจะโกรธ กูจะพยายามอภัยให้มึง โอเคมั้ย”

อาร์ตดูจะยอมรับได้ในที่สุด มันสูดหายใจเฮือกใหญ่ นิ้วมือประสานกันแน่นวางอยู่บนโต๊ะ

“ตอนม.ต้น กูชอบมึง”

เปิดประโยคมาก็เจอหมัดน็อคเลยครับ รู้สึกเลยว่าปากผมกระตุกในมุมที่ต้องดูประหลาดมาก

“ชอบ…คือ…”

“ไม่ได้ชอบแบบเพื่อน”

โอเค ชัดเจน

“ตอนที่มึงคบอ้อม กูเฮิร์ตมาก ทั้งเสียใจ น้อยใจ เจ็บใจ แต่ที่ยิ่งกว่า คือกูกลัว...” อาร์ตสบตาผม ยิ้มเศร้าๆ “กลัวที่ตัวเองชอบผู้ชาย กลัวจะทำร้ายมึง”

ผมอึ้ง สมองมันตื้อๆ คิดอะไรไม่ทัน ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองส่งผลกระทบต่อมันมากขนาดนั้น

“ตอนนั้นแม่กูกลับมาเยี่ยม คงเห็นว่ากูไม่มีความสุข เลยชวนไปเรียนไฮสคูล กูไม่รู้จะทำไง คิดว่าอยู่ไกลจากมึงคงจะดีขึ้น คงจะลืมมึงได้ กูเลยไปไม่บอก ขอโทษนะ”

ได้แต่ส่ายหน้า อาร์ตไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเลย

“แล้วมึง…ดีขึ้นมั้ย”

อาร์ตก้มหน้ามองแก้วเครื่องดื่มที่พร่องไปเกินครึ่งอยู่เป็นนานสองนาน จึงค่อยเอ่ย

“ก็คิดว่าใช่ คิดว่าใช่มาตั้งหลายปี”

เรามองหน้ากันเหมือนคนเพิ่งพบเจอเป็นครั้งแรก สิ่งเล็กน้อยที่เคยมองข้ามไปวนกลับมาฉายซ้ำวูบวาบในหัวไม่หยุด แววตาเชื่อมหวานที่มันใช้มองผมเสมอ ทำไมถึงไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อนนะ

“จนมาเจอมึงอีกครั้ง มึงแม่ง… โคตรเหมือนเดิม คำพูด สายตา รอยยิ้ม ยังชอบคิดว่าตัวเองธรรมดา ทั้งที่มึงโคตรพิเศษ ทั้งหมดที่เป็นมึง ที่กูรักมาก ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วจะให้กูเปลี่ยนใจยังไงไหว” น้ำเสียงมันสั่นนิดๆ ยกมือขึ้นขยี้ตาแรงๆ เหมือนพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ทำผมปวดใจตามไปด้วย

“ธี…ตอนนี้ กูก็ยังรักมึง”


***


ยกแขนก่ายหน้าผากมองเหม่อพิจารณาลายครอบไฟบนเพดานเหมือนมีอะไรน่าสนใจหนักหนา ผมนอนหายใจทิ้งบนเตียงตัวเอง ครุ่นคิดถึงอดีตและปัจจุบันเหมือนพยายามจะบรรลุ แต่คิดแล้วคิดอีกก็ได้แต่บรรลัย

บอกตรงๆ ว่ายิ่งกว่าช็อค ทั้งเรื่องที่อาร์ตชอบผม ทั้งเรื่องที่ตัวเองงี่เง่า เพื่อนสนิทประสาอะไรไม่เคยรู้ใจมันอย่างที่คุยเลย ไหนจะเรื่องที่อาร์ตบอกกับผม… บอกว่าจอมก็รู้แล้ว เรื่องความรู้สึกของมัน

คงไม่ใช่ว่าที่จอมดึงผมให้ไปนั่นมานี่ด้วยคืออยากเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้ผมกับอาร์ตหรอกนะ… จะขำไม่ออก คนที่แอบชอบเชียร์ให้เราไปรักกับคนอื่นนี่ แค่คิดก็โคตรเจ็บ

ผมเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ควานหามือถือ กดแชทหาจอม แต่พิมพ์…แล้วลบ พิมพ์แล้วลบ จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้จะเปิดประเด็นอีท่าไหนดี สุดท้ายได้แต่ทิ้งตัวหงายหลังนอนก่ายหน้าผากท่าเก่า

เรื่องเมื่อวันก่อนกับอาร์ตจบลงที่ว่า ผมขอเวลาคิดก่อน แต่ก็ย้ำไปด้วยว่าผมไม่โกรธ ไม่รังเกียจอะไรมันทั้งสิ้น

จะไปรังเกียจอะไร ตัวผมเองก็ชอบจอมไม่ใช่หรือไง …แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้บอก

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับอาร์ต ถ้าถามว่าชอบหรือเกลียด คำตอบคือชอบแน่นอน แต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยมองมันในฐานะอื่นเลย แล้วไม่รู้ด้วยว่าควรจะเริ่มมองในฐานะอื่นดีมั้ย

ถ้าผมเปิดโอกาสให้อาร์ต ก็เท่ากับผมปิดโอกาสตัวเองกับจอม

ใช่ แม้ว่าโอกาสนั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่ไม่ว่ายังไงในหัวใจของผมก็ยังคงมีความหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่ ต่อให้มันริบหรี่อับแสงยังไงก็เหอะ

เพราะฉะนั้นปัญหาด้านความรู้สึกของผมตอนนี้ อย่างแรกคือจะตัดใจ หรือจะเกาะเกี่ยวความหวังนั้นไว้ ส่วนลำดับต่อมาจึงเป็น จะตอบรับ หรือปฏิเสธ

อาร์ตรักผม ผมรักจอม จอมรักใครสักคน คิดแล้วก็สับสนสิ้นดี หัวใจมักวิ่งสวนทางกันเสมอ ยากเย็นอะไรอย่างนี้หนอ

“พี่ธี!”

จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผัวะโดยไม่มีการเคาะล่วงหน้า ขัดเวลาดราม่าความรักของผมจนกระเจิดกระเจิง

“มีไร บอกกี่หนแล้วว่าให้เคาะห้อง” ผมบอกทศเซ็งๆ

นายทศวิน น้องผม ตั้งแต่ติดวิศวะปีนี้มันก็แทบไม่กลับบ้าน เห็นว่าเป็นขวัญใจพี่ว้ากตั้งแต่ไปรับน้องด้วยกัน อยากปั้นให้มันเป็นทายาทอสูร เข้าทางน้องผมที่มันชอบเฮฮาปาร์ตี้ลุยๆ ห่ามๆ พอดี นี่ก็ไปค้างห้องเพื่อนห้องพี่แทบทุกวัน มันว่าสะดวกดี

“คืนนี้ไปเคาท์ดาวน์กันป่ะ”

วันนี้คือวันสิ้นปีแล้วนี่นา ผมไม่ค่อยได้ไปไหนช่วงนี้หรอก เกลียดคนแออัด ทำตัวฮิคคิคลอดวันหยุด

“ที่ไหนอ่ะ ใครไปมั่ง”

“ที่สวนอาหารแถวม. อาหารดี ดนตรีเพราะ มีคาราโอเกะ” ทศโฆษณาเสร็จสรรพ “มีพี่ๆ เพื่อนๆ ทศ แล้วก็ไอ้ธาม”

“จะพาน้องไปกินเหล้าอ่ะดิ เดี๋ยวแม่ด่านะมึง”

“ก็เนี่ย เลยมาชวน กะเมาอ่ะ หาคนพากลับบ้าน” ทศพุ่งร่างควายๆ ของมันมาบีบนวดแขนผม ทำเสียงออดอ้อนอย่างตอแหลที่สุด เป็นน้องนุ่งตัวแม่งใหญ่เกินพี่ ชอบไปยกเวทเล่นกล้ามตลอด มันว่าเท่ของมัน

“นิสัย! หาคนเลี้ยงด้วยว่างั้น” ผมดักคอ บ้านนี้เป็นพี่ต้องเลี้ยงน้อง ตลอด

“รักน้องเปล่าล่ะ”

“เออๆ ไม่ต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อย ทุเรศ” ในที่สุดก็ตัดสินใจไป ดีเหมือนกัน พักสมองไปคิดเรื่องอื่นบ้าง



สองทุ่ม ผมพาน้องสองคนออกจากบ้านมาแถวมหา’ลัยของทศ ซึ่งอยู่ใกล้กว่าที่เรียนของคนอื่นทั้งหมด ถนนโล่งมากถึงมากที่สุด แต่ที่จอดรถในสวนอาหารหายาก ท่าทางจะมีชื่อพอตัวเพราะเห็นคนแน่นขนัด วนรถอยู่สองรอบกว่าจะได้ช่องจอด

“ไปห้องเกะใหญ่กัน ร้านนี้ของรุ่นพี่ทศเอง จองไว้แล้ว”

“รีบเลยนะมึง” ธามแซว มันอ่อนกว่าทศปีเดียวเลยสนิทกัน ไม่ยอมเรียกพี่เหมือนคนอื่น

“พูดมากเดี๋ยวอดแดก”

ทศแกล้งเอาแขนพาดคอธามหนักๆ เดินกึ่งลากไปจนถึงห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวที่มีทั้งเวทีเล็กและคาราโอเกะ เปิดประตูกระจกไปเจอแต่เด็กวิศวะชายล้วน บางคนหนวดเคราเฟิ้มดูแก่กว่าอายุจริงมาก ทศไล่สวัสดีรุ่นพี่เสียครบคน ก่อนจะหันมาแนะนำผมกับธาม

“ตามสบายนะพี่ กันเองๆ” ป๊อบที่ถูกแนะนำว่าเป็นพี่รหัสไอ้ทศปรี่เข้ามาพร้อมวิสกี้โซดาสองแก้ว ประเดิมค่ำคืนก่อนเลย
ผมขอบคุณแล้วรับมาจิบ มือเปิดเมนูหาอะไรกินรองท้องเสียหน่อย ตอนนี้ยังไม่มีใครร้องคาราโอเกะ แต่เสียงดนตรีก็ดังพอสมควร ต้องตะเบ็งเสียงสั่งพนักงาน สงสัยพวกนี้ว้ากจนชิน

อาหารมาแร้งก็ลง แต่กินยังไม่อิ่มดีธามก็เริ่มปลิ้น ผมเลยยัดเนื้อปลาเผาให้มันกิน เรียกมากินข้าวเบาเหล้าลงก่อน คืนนี้ยังอีกยาว ร้านนี้เน้นของทะเล อาหารอร่อย กุ้งแช่น้ำปลากับหอยแครงลวกมาจานที่สิบได้แล้วมั้ง สั่งกันรอบห้อง ผมนั่งละเลียดแกะกุ้งแกะปูใส่จานให้น้องวัยกำลังกินกำลังนอนสวาปาม ส่วนทศขึ้นไปร้องเกะเรียบร้อยแล้ว

สั่งน้ำอัดลมมากินสลับบ้าง ต้องเป็นสารถีเลยเพลาน้ำเมา ผมเดินไปล้างมือรอบหนึ่ง ก่อนเปิดมือถือ ตอบข้อความสวัสดีปีใหม่ที่บางคนใจร้อนรีบแท็กเสียตั้งแต่ตอนนี้ อดไม่ได้ต้องเปิดเช็คข้อความ แต่ก็ไม่มีจากคนที่หายหน้าไปเลยตั้งแต่วันนั้น

ได้แต่ถอนใจ...



งานสังสรรค์ดำเนินต่อไปอย่างครึกครื้น จนอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเข้าปีใหม่แล้ว ผมอยู่ปี 3 ถือว่าเป็นรุ่นพี่หลายๆ คนในที่นี้เลยไม่ค่อยมีการปีนเกลียวกันเท่าไร ส่วนธามก็เข้ากับคนง่าย งานนี้จึงถือว่าสนุกพอสมควรเลย ผมเรียกทศมาถ่ายรูปรวมสามพี่น้อง แล้วส่งไปอวยพรพี่ทัตที่ยุ่งเป็นเท่าตัวในช่วงเทศกาลแบบนี้ กับอีกรูปจงใจเลี่ยงขวดเหล้า เช็ดหน้าน้องๆ ให้ดูเมาน้อยหน่อย แล้วส่งเข้าไลน์กรุ๊ปของครอบครัว อวยพรพ่อกับแม่

“ปายๆ สองคนตามมา ออกปายข้างนอกกาน” ทศเริ่มติดอ้อแอ้ โอบไหล่ผมกับธามเดินตามกลุ่มพรรคพวกที่ทยอยลุกกัน

“ไปไหนอ่ะ เลิกแล้วเหรอ” ผมถาม

“ย้างงงง ไปเคาท์ดาวน์ไง ดูพุล พี่พีทบอกว่าจะขึ้นทางลานว่างด้านหลังอ่ะ”

สรุปคือให้ออกมายืนตรงที่โล่งด้านนอกเพื่อรอดูพุลที่ทางสวนอาหารตระเตรียมไว้ฉลองนาทีข้ามปีนั่นเอง ดีแฮะ

เครื่องดื่มยังตามมาแจกจ่ายให้ถือกันคนละแก้ว รอนาทีสำคัญ ผมเปิดมือถืออีกครั้ง คิดคำอวยพรเอาไว้มากมาย สุดท้ายก็มีแค่ ‘Happy New Year’ ที่เตรียมจะส่งถึงจอมเป็นคนแรกของปี

เสียงรอบข้างเริ่มนับเวลาถอยหลัง 10-9-8… ใจของผมอธิษฐานเรื่องดีๆ อวยพรให้คนที่เป็นรักแรกของผมเสมอมา 3-2-1…

[HNY สวัสดีปีใหม่]

แทบจะพร้อมกันกับข้อความของผม ข้อความของจอมก็เด้งขึ้นมา ในวินาทีเดียวกัน แสงเป็นลำพุ่งทะยานขึ้นฟ้า แตกออกเป็นสีสันแพรวพราวละลานตา เสียงพลุดังปึงปังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ส่งบรรยากาศการเฉลิมฉลองและความยินดี สะท้อนสะท้านมาถึงหัวใจของผม

เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ระบายด้วยแสงไฟอันงดงาม ผมยิ้มด้วยหัวใจที่ชื่นบาน…


***

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 03:58:35 โดย Z4 »

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Love after first sight [004] 20/11/60
«ตอบ #9 เมื่อ20-11-2017 22:15:54 »

เขียนดีค่ะ ชอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love after first sight [004] 20/11/60
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-11-2017 22:15:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [005] 21/11/60
«ตอบ #10 เมื่อ21-11-2017 16:30:00 »

005


ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวรถมินิคูเปอร์เอสสีส้มดำเข้าหมู่บ้านที่คุ้นเคยมาตลอดเดือนกว่า แลกบัตรกับรปภ.ด้านหน้า แล้วขับมาจอดหน้าบ้านจอม

มือของผมชื้นเหงื่อเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป

หลังจากทบทวนตัวเองพันแปดร้อยตลบ ทางออกเดียวที่ผมคิดว่าดีที่สุดกับทุกฝ่ายคือ บอกความจริงกับอาร์ต…

บอกว่าผมชอบจอม

หลายครั้งที่ผมคิดจะบอก แต่ก็ต้องยั้งไว้ เพราะผมคิดว่าถ้าจะมีใครสักคนที่ควรรับรู้ถึงความรู้สึกของผมเป็นคนแรก คนนั้นก็ควรจะเป็นจอม ไม่ใช่ใครอื่น

ก่อนจะบอกความจริงกับอาร์ต ผมควรบอกความจริงกับจอม

คิดว่าดีแล้ว สมควรแล้ว แต่พอถึงเวลานี้จริงๆ ผมโคตรอยากกลับบ้าน อยากไม่สบาย รถติด รถเสีย รถหาย เป็นห่าอะไรก็ได้ นึกด่าตัวเองว่ามึงจะทำทำไม จะเสี่ยงสูญเสียมิตรภาพและความรู้สึกดีๆ ไปเพื่ออะไร เป็นแบบนี้ เก็บไว้ในใจแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่มีใครบังคับให้พูดเสียหน่อย

แต่อีกใจของผมมันบอกว่าถึงเวลาแล้ว พอแล้วกับการหลอกตัวเอง ผมชอบจอม ผมอยากให้มันรับรู้ ถึงมันจะรังเกียจ จะเกลียดผม แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ความรู้สึกของผมเป็นอากาศธาตุ ไม่เคยมีตัวตน ในเมื่อจอมไม่เคยเป็นของผม แล้วคนเราจะสูญเสียสิ่งที่ไม่เคยมีได้ยังไง

สองด้านความคิดต่อยตีกันอยู่ในหัวเหมือนคนบ้า

เนิ่นนาน ผมลงจากรถในที่สุด ผลักประตูบ้านเข้าไปแล้วลงกลอนให้ ก่อนหน้านี้ผมบอกมันแล้วว่าจะมาหา พอเปิดประตูกระจกไอ้แจ๊คก็รีบวิ่งเข้ามากระโดดใส่ ผมกอดหลังลูบหัวมันไปสองสามที ไม่แน่ว่าจากนี้ไปอาจจะไม่มีโอกาสเล่นด้วยกันอีกแล้ว

เดินมาถึงชั้นลอย เปิดประตูเข้าไปก็เห็นจอมใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดกางเกงสามส่วน นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา มีนิตยสารรถปิดหน้า ท่าทางเหมือนหลับอยู่

“จอม” ผมลองเรียกเบาๆ

“อือ” มันตอบ ปัดหนังสือลงข้างตัว ปรือตามองผม “กี่โมงแล้ววะ”

“จะบ่ายสอง”

มันพยักหน้า ลุกขึ้นหาวหวอดหนึ่งที ผมมองทุกอิริยาบถอย่างจะจดจำไว้ ก่อนเดินไปทรุดตัวนั่งตรงพื้นหน้าโซฟา มุมนี้ เวลาคุยกันผมจะได้ไม่ต้องสบตามันตลอดเวลา

“ทำไม มีไร” ดูเหมือนจอมจะรับรู้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป มันหันมามองผม

“ก็มีแหละ แต่ทำใจแป๊บ”

ก่อนมาก็เตรียมตัวตั้งมากมาย จะเปิดประเด็นยังไง พูดแบบไหน เป็นขั้นเป็นตอน เอาเข้าจริงอย่าว่าแต่เริ่มเรื่อง จะพูดยังหาเสียงตัวเองไม่ค่อยเจอ นึกไม่ออกแล้วว่าควรจะพูดว่ายังไง

“อะไรของมึง” มันบ่น แต่ก็รอเงียบๆ เปิดมือถือเช็คนั่นนี่ไปตามเรื่อง

“วันนี้กูขับรถมา”

เรื่องที่โพล่งออกมาเหมือนไม่เกี่ยวกันเลย อย่าว่าแต่จอมอึ้ง ผมก็อึ้งตัวเอง

“แล้ว?” เป็นผมก็คงงง จะมาอวดรถหรือไง

“ปกติ กูขับรถไปมหา’ลัยเองตลอด”

“…”

“ตั้งแต่บังเอิญเจอมึง กูก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียน” ผมสูดลมหายใจลึก พยายามไม่มองหน้า จะได้ไม่ปอดแหกขึ้นมาเสียก่อน
จอมยังไม่พูดอะไร มาถึงขนาดนี้ผมว่ามันคงเดาได้แล้วล่ะ

“กูอยากกลับกับมึง ใช้เวลากับมึง เพราะ…เพราะกูชอบมึง”

หูของผมอื้ออึงลั่นเปรี๊ยะ ใจเต้นแรงเพราะความเครียด อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแท้ๆ แต่แผ่นหลังกลับอุ่นวาบเหมือนมีเหงื่อซึม ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ จะเสียใจภายหลังยังไงก็เรียกคำกลับคืนมาไม่ได้อีกแล้ว

สิ่งที่ตามมาคือความเงียบที่น่าอึดอัด ผมแทบจะกลั้นใจตายไปเดี๋ยวนี้จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก แต่ก็ไม่อาจเป็นอย่างต้องการ ผมยังต้องทนต่อไป

“ไอ้อาร์ตบอกแล้วใช่มั้ย ว่ามันชอบมึง” จอมเปิดปากในที่สุด

ผมเหลือบตามองหน้าที่ยังไม่เปลี่ยนสีของคนข้างตัวทีนึง ก่อนพยักหน้า

“มึงจะตอบมันว่าไง”

“กูจะบอกว่าชอบมึงอยู่” ผมเริ่มโล่งใจได้เล็กน้อย ลองถามแบบนี้อย่างน้อยถึงจอมจะปฏิเสธผมก็คงไม่ถึงขั้นโกรธเกลียด “ก็คิดจะตอบมันหลายหนแล้ว แต่ก่อนจะบอกอาร์ต กูว่ากูควรบอกมึงก่อน”

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แม่ง…กูขอเถอะ อย่าเงียบได้มั้ย ใจไม่ดีเลย

ได้แต่บ่นในใจ ความจริงคือแค่หายใจแรงยังมิกล้า แค่ระยะเวลาสั้นๆ ผมขึ้นลงปากเหวไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนิ้วแข็งๆ ยื่นมาจับบิดคางให้เงยสบตา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้หรือเปล่า แต่ถ้าผมตาไม่ฝาด ดูเหมือนจอมจะกำลัง…ยิ้ม?

“มึงชอบกู?”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

‘ตั้งแต่แรกพบ’ อยากตอบความจริงออกไป แต่เลือกที่จะบอกเพียง “…นานแล้ว”

“นานแค่ไหน”

“…สมัยเรียนสาธิต” จะต้องคาดคั้นกันให้ได้เลยใช่มั้ย หน้าผมร้อนจนแทบจะทอดไข่สุก ตอบแม่งกำกวมไปก่อน

จอมทำเสียงอืมในคอ สายตาคมคู่นั้นยังไม่ละไป ผมพยายามหลุบตาหนีแต่นิ้วที่คางบีบแน่นขึ้นอย่างไม่ยินยอม

ก่อนมาผมเคยคาดเดาจุดจบของการสารภาพรักครั้งนี้ไว้สารพัด ตั้งแต่โดนหาว่าล้อเล่น ตอบปฏิเสธอ้อมๆ ตรงๆ ฮาร์ดคอร์ ไปจนถึงออกแม่ไม้มวยไทย แต่ให้ตายยังไงผมก็นึกไปไม่ถึงคำตอบจริงจากปากจอมตอนนี้แน่ๆ

“ถ้าชอบกู มึงก็จีบกูสิ”

…!


***

TBC

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Love after first sight [005] 21/11/60
«ตอบ #11 เมื่อ21-11-2017 17:31:05 »

มีบอกให้จีบ  แบบนี้มีใจด้วยแน่เลย

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Love after first sight [005] 21/11/60
«ตอบ #12 เมื่อ21-11-2017 18:17:05 »

จีบเลยๆๆๆๆๆ
จีบแล้วถ้าจอมไม่รับเป็นแฟนจะขโมยธีไปซ่อนนะเออ

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [Special J] 22/11/60
«ตอบ #13 เมื่อ22-11-2017 18:14:40 »

Special J



Jom's

ผมจอมเดช กอบเกียรติชัย ชีวิตของผมเรียกได้ว่าสมบูรณ์พร้อม ผมมีครอบครัวที่ดี มีฐานะร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาดี และรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ตั้งแต่เล็กจนโต แทบไม่เคยมีคำว่า ‘ไม่ได้’

ผมรู้ดีว่ามีคนอยากคบหากับผมมากมาย ตั้งแต่เด็กผมก็กลายเป็นศูนย์รวมของเพื่อน หรือที่เรียกว่าหัวโจกนั่นแหละ แต่คุณรู้มั้ยว่า คนที่ผมสนใจอยากคบหาด้วยก่อน มีน้อยยิ่งกว่าน้อย และในจำนวนอันน้อยนิดนั้น มีคนเพียงคนเดียว…ที่ปฏิเสธผม

ธีรภัทร หรือที่คุณรู้จักในนาม ธี ถ้าให้ผมจัดประเภท มันต้องอยู่ในกลุ่ม ‘เด็กดี’ เพราะมันมักจะเป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกเสมอ ตั้งแต่หัวหน้าห้อง ถือพาน นำสวด เป็นตัวแทนกล่าว เชิญธง ยันขึ้นเวทีในวันสำคัญต่างๆ ทั้งโขน ร้องเพลง เล่นดนตรี แสดงละคร จนถึงเป็นผู้มีชื่อขึ้นรับรางวัลน้อยใหญ่มากมายตลอดระยะเวลาหลายปีที่เรียนด้วยกันมา เพราะฉะนั้นต่อให้ไม่สนใจยังไงแต่ถ้าใครจำมันไม่ได้ก็แปลก

มันไม่ใช่คนที่เรียนเก่งที่สุด แต่ก็อยู่ระดับทอปๆ เสมอ ไม่ใช่คนเล่นกีฬาเก่งที่สุด แต่ได้เป็นตัวแทนแข่งทีมหลายประเภท ไม่ใช่หัวโจก แต่ไม่เคยขาดเพื่อน ไม่ใช่คนหล่อจัด (เหมือนผม) แต่รูปลักษณ์หมดจด มีเสน่ห์ชวนมอง เป็นตัวแสดงนำทั้งละครทั้งโขนบ่อยๆ

ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก เบื่อด้วยซ้ำไป แต่กลับมองออกทุกครั้งว่าธีอยู่ตำแหน่งไหนทั้งที่ยังสวมหัวโขน มือของมันสวยมาก นิ้วยาวเรียวไม่ปูดโปนเป็นข้อ เวลามันร่ายรำด้วยแขนขาเรียวเล็ก แผ่นหลังตั้งตรง ผมรู้สึกว่าสวยงามอย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่เคยเรียนห้องเดียวกับธี และไม่เคยทำกิจกรรมอะไรนอกจากเตะบอลฆ่าเวลากับไปเล่นเกมที่ห้าง วงจรชีวิตของมันและผมจึงแทบไม่เคยโคจรมาเจอกันเลย ถ้าถามความรู้สึกที่ผมมีต่อมัน คงเป็นคำว่า ‘สนใจ’ เหมือนกับที่คนอื่นก็สนใจ ผมว่ามันเป็นคนที่มีความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง ผิดกับเพื่อนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ไม่แคร์โลก มันถ่อมตัว มีน้ำใจให้กับทุกคน ชอบทำกิจกรรมกลุ่ม แต่หลายครั้งก็ทำอะไรคนเดียว ธีมีเพื่อนเยอะ แต่ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันสนิทกับใคร อาจจะเพราะแบบนั้น ทำให้ลึกๆ แล้วใครต่อใครก็อยากจะลองสนิทกับมันให้มากขึ้น

คงรวมถึงผมด้วย...

จนกระทั่งวันหนึ่งตอนขึ้นม.2 ใหม่ๆ ไอ้อาร์ตเพื่อนสนิทของผมอยู่ห้องเดียวกับมัน พวกมันสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็วจนอาร์ตเริ่มหายไปจากกลุ่มผม ทั้งเวลาพักและหลังเลิกเรียน มันเอาแต่ขลุกอยู่กับธี เว้นแต่อีกฝ่ายจะไปทำกิจกรรมตามประสาเด็กดีของมันโน่น ถึงได้โผล่หัวมาเจอกันบ้าง

หงุดหงิด

ไม่รู้สิ คงเพราะเหมือนถูกแย่งเพื่อนมั้ง

เลิกเรียนวันหนึ่ง ผมหมายมั่นว่าจะต้องลากไอ้อาร์ตเพื่อนเลวไปด้วยกันให้ได้ จัดการพาพวกไปดักล็อคคอใต้ตึก จับแยกจากซี้ใหม่มัน ไอ้ธีหันมามองแบบอึ้งๆ ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงว่าให้อาร์ตไปกับพวกผม

จะง่ายขนาดนั้นได้ไง ผมเรียกมันมาทันที กึ่งบังคับให้มันไปด้วย โดยมีไอ้อาร์ตออกแอคติ้งโวยวายว่าไม่มีธีมันไม่ไป แม่ง... ตัวจะติดกันอะไรนักหนา

มันอิดออดอยู่สองสามคำ ก่อนจะยอมมาด้วย ไม่รู้มันกลัวโดนต่อยรึเปล่า พวกผมก็เพื่อนร่วมชั้นนะเว้ย ใครจะไปทำ แกล้งขู่มันไปงั้นแหละ

ดูก็รู้ว่าธีไม่คุ้นกับเกมเซ็นเตอร์ แต่มันก็เดินไปแลกเหรียญนั่งเล่นด้วยแต่โดยดี พอเห็นมันนั่งข้างๆ อารมณ์ขุ่นมัวเหมือนจะจางหายไป แต่ได้ไม่นานเท่าไรเพราะไอ้บ้านี่เอาแต่ดูนาฬิกาแล้วบอกจะกลับแล้วท่าเดียว ผมยื้อเตะถ่วงมันไปสามสี่รอบ จนจะค่ำแล้วนั่นแหละถึงปล่อยให้มันกลับ ไอ้เด็กดีเอ้ย

หลังจากวันนั้นผมก็ลากธีมาอีก ยกโขยงพาไปเตะบอลบ้าง เล่นเกมที่บ้านบ้าง เดินห้างบ้าง นึกว่าชวนมันเข้ากลุ่มได้แล้ว ต่อจากนี้มันคงตามผมไปเฮไหนเฮนั่นเหมือนเพื่อนที่เหลือ ที่ไหนได้พอเริ่มตายใจแม่งก็เฟดตัวหายไป อยู่กับเพื่อนกลุ่มอื่น ทำกิจกรรมอีกตามเคย ประมาทความอินดี้ของมันเกินไปจริงๆ

บอกตรงๆ โคตรเสียเซลฟ์ ไม่เคยมีใครปฏิเสธจะอยู่กลุ่มผมมาก่อนเลยนะเว้ย เพราะรวมแต่ตัวทอปหล่อร้าย ไม่เจ๋งจริงอยู่ไม่ได้ มีแต่คนอยากเข้าไม่ได้เข้า ไอ้ธีโดนชวนเข้าเสือกอยากออก ไอ้เหี้ยอาร์ตก็ตามมันต้อยๆ ผมก็มีศักดิ์ศรีนะ เรื่องอะไรจะไปตื้อแม่งอีก เออ ไม่อยากคบก็ไม่ต้องคบ

ช่วงนั้นเลยพาลเมินไอ้อาร์ตไปด้วย รู้อยู่หรอกว่าช่วงม. 3 ที่มันเริ่มกลับเข้ากลุ่มบ้างแล้วมันดูเงียบไป แต่ผมก็เด็กไง เรื่องของตัวเองมีอยู่เต็มหัว เรื่องของคนอื่น ถึงจะเป็นเพื่อนก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น จนกระทั่งใกล้ปิดเทอมแหละ มันถึงมาหาผมที่บ้าน มาบอกว่าจะตามแม่ที่เปิดร้านอาหารไปเรียนต่อที่อเมริกา

ผมไม่รู้จะมีปฏิกิริยายังไง ใจหายก็มีบ้างแต่ไปเรียนต่างประเทศมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายนี่นา แล้วเดี๋ยวนี้วิธีติดต่อกันก็แสนจะง่าย ผมหยอกให้มันหายเครียด ซึ่งก็พอจะได้ผลอยู่บ้าง นึกถึงเพื่อนสนิทของมันอีกคนเลยลองเลียบเคียงว่าบอกใครบ้างหรือยัง มันเงียบไปพักใหญ่ บอกว่ามันไม่อยากจากลาให้เอิกเกริก ไม่ชอบให้ใครต่อใครมาอำลาอาลัยมัน เลยจะไม่บอกใคร บอกแต่ผมกับเพื่อนอีกสองสามคน ซึ่งธีไม่ใช่หนึ่งในนั้น ทำให้ผมแปลกใจมาก แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร

เปิดเทอมใหม่ ข่าวอาร์ตไปเรียนนอกก็ถูกบอกต่อกันให้แซ่ด ผมเห็นธีมันซึมๆ ไปพักนึงเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเรื่องเรียนและกิจกรรมอันมากมายของมันก็กลับมาทำให้ชีวิตมันเดินต่อไปเหมือนเดิม จับกลุ่มกับเพื่อนตามสายเรียน มีแฟน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง

เรียนจบ จากกันไปสามปี ได้เจอมันอีกครั้ง ผมจำได้แต่ไกล สูงขึ้น ขาวขึ้น ผมหน้ายาวนิดหน่อย หน้าเรียวคม เครื่องหน้าชัดกว่าเดิม ดูหล่อขึ้นอีกโข

มันสิดันทำท่าไม่แน่ใจเหมือนจำผมไม่ได้ น่าเตะฉิบหาย

ผมทักมัน คุยกันแค่สั้นๆ มันก็ขอตัว ผมนัดเพื่อนดูหนัง ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเลยต้องไปตามนัด

แต่พอออกจากโรงได้ไม่ทันไร เกิดอยากขอตัวแยกจากกลุ่มออกมาเดินเตร็ดเตร่เสียเฉยๆ ทำเป็นเรื่อยเปื่อยแต่ความจริงในใจก็สอดส่ายสายตามองหาใครอยู่ รู้แค่เมื่อสองชั่วโมงกว่าที่แล้วมันว่าจะไปแมค ป่านนี้คงไม่อยู่แล้ว ใจคิดแต่ขามันก้าวไปไม่ฟังเสียง แต่ก็เห็นคนที่กำลังเล่นมือถือไปกินเฟรนช์ฟรายไปแทบจะในทันที

ผมมองมันอยู่พักนึง คิดถึงความทรงจำเก่าๆ ที่ก่อนหน้านี้ลืมเลือนไปบ้างแล้วขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจก้าวไปหา ‘เพื่อน’ คนเดียวที่เคยปฏิเสธผม

ครั้งนี้… ผมอยากรู้จักมันให้มากกว่าเดิมจริงๆ


***
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2017 23:00:44 โดย Z4 »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Love after first sight [Special J] 22/11/60
«ตอบ #14 เมื่อ22-11-2017 20:02:22 »

เชรดโต้ววววว
จอมคิดกับธีแค่เพื่อน แถมอยากเอาชนะนิดๆ ด้วย
งามงดแล้วงานนี้

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight [006] 23/11/60
«ตอบ #15 เมื่อ23-11-2017 21:37:07 »

006


จี่เบค่อนหั่นชิ้นบนกระทะเทฟล่อนจนเริ่มมีน้ำมันออกมา เมื่อกรอบดีตักพักไว้ เทน้ำมันส่วนเกินทิ้ง ใช้ที่เหลือเจียวกระเทียมซอย ทุบพริกแห้งลงไปเจียวด้วยกัน นำเส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มสุกแล้วสะเด็ดน้ำลงไปผัดเคล้า ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยป่น จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยเบค่อนกรอบและผงพาร์มีซานชีส เท่านี้โอลิโอเบค่อนพาสต้าก็เป็นอันเสร็จ

ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องเป็นรายการครัวคุณตxxแต่อย่างใด ที่มายืนทำครัวมือเป็นระวิงอยู่นี่คือ…

คือการ ‘จีบ’ ล่ะมั้ง?

หลังการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของผม ตามมาด้วยคำอนุญาตจีบของจอม เจ้าตัวก็บ่นว่าหิว วันนี้บ้านใหญ่ออกต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่ ใช้ให้ผมไปซื้ออะไรให้กินหน่อย ผมจึงเดินลงมาเจอตู้เย็นก็เปิดดู พบว่ามีพวกของทำกินง่ายๆ อย่างขนมปัง ชีส ไข่ เบค่อน แฮม ไส้กรอก รวมถึงนม น้ำผลไม้ และผลไม้สดอยู่พอสมควร เลยถือวิสาสะทำเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ ถือเสียว่าประเดิมจีบละกัน

ไอ้จีบนี่บอกตรงๆ ชีวิตลูกผู้ชายมีแฟนหนึ่งคนถ้วนอย่างผมประสบการณ์เท่ากับศูนย์ แฟนที่ได้มาคือเขามาจีบมาบอกชอบผมก่อน สรุปว่าผมมันก็ไอ้อ่อนดีๆ นี่เอง คงต้องเรียนรู้อีกมาก

จอมมองหน้าผมสลับกับพาสต้าบนโต๊ะไปมา เมื่อถามว่าไปซื้อมาจากไหนแล้วผมตอบว่าทำเอง มันนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะหยิบส้อมม้วนเส้นเข้าปากด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว

สังเกตเห็นว่าตาของมันเบิกกว้างขึ้น มือที่ขยับช้อนส้อมเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ สาวเส้นเขมือบด้วยความเร็วสูงจนเมื่อผมกินไปได้ครึ่งจานของอีกฝ่ายก็หมดเกลี้ยงแล้ว ขนาดว่าผมแบ่งให้จอมมากกว่าเพราะรู้ว่ามันกินจุนะ

“เอาอีกป่ะ” ผมเลื่อนจานของตัวเองให้

“มึงอิ่มแล้วเหรอ”

“อือ”

จอมไม่พูดมาก คว้าอีกไม่ถึงครึ่งจานของผมไปสำเร็จโทษ ผมเลยเดินไปหยิบน้ำเย็นในตู้มารินเพิ่มให้

“ไม่บอกว่ามึงทำอร่อย รู้งี้ไม่ต้องไปซื้อข้างนอกให้เสียเวลา”

แค่คำว่าอร่อย กับรอยยิ้มบนหน้าหล่อๆ นี่ก็ฟินละ อยากกินอะไรบอกมาเหอะ ไอ้ธีจะเปลี่ยนร่างเป็นเชฟกระทะเหล็กให้

“วันหลังกูจะซื้อหมูซื้อไก่มาให้มึงทำ” คำว่าวันหลังของจอมนี่แปลว่าผมยังมาจีบมันถึงบ้านได้เรื่อยๆ ใช่มั้ย

“อยากกินอะไรเดี๋ยวกูซื้อเองดีกว่า ที่จริงวันนั้นที่มึงไปบ้านก็กินหมูทอดที่กูทำไปแล้วนี่”

“ไม่ใช่ป้าพิศทำเหรอ”

“ป้าพิศทอดแต่กูหมักเอง”

“งั้นอยากกินไอ้นั่นอีก อร่อยดี”

“โอเค” ผมยิ้มตอบ รู้สึกผ่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา

ไม่ว่าจอมจะพูดจริง หรือถ่วงเวลาปฏิเสธไม่ให้ผมเสียใจ แต่เท่านี้ผมก็ดีใจมากแล้ว ว่าหลังจากนี้แม้เราสองคนจะเป็นยังไง ความรักของผมครั้งนี้จะมีบทสรุปแบบไหน ก็คงจะไม่เสียความรู้สึกขนาดมองหน้ากันไม่ติด ยังคงเหลือมิตรภาพต่อกันได้ ที่นึกถึงกันขนาดนี้ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณจากใจ

…และช่วยไม่ได้ ที่ผมจะยิ่งนึกรักมันมากขึ้นไปอีก

“ทำหน้ายังงั้นทำไม หลงรักกูล่ะสิ”

“…มึงนี่” หน้ายังงั้นคือยังไงวะ ผมรีบแอบกัดลิ้นตัวเอง “ถามจริง มึงไม่ว่าอะไรเหรอ”

“ว่าอะไรคือ?”

“ก็กูเป็นผู้ชาย แต่มาชอบมึง” เอาเถอะวันนี้ผมใช้ยางอายเต็มโควต้าแล้ว สบโอกาสก็ขอบอกรักให้สะใจไปเลย

จอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองพิจารณาผมหัวจรดเท้า

“มึงเป็นเกย์?”

“ไม่รู้สิ มึงเป็นผู้ชายคนแรกที่กูชอบ” ผมก้มหน้าเก็บกวาดจานชามบนโต๊ะ

“เมื่อก่อน กูเคยเห็นมึงเป็นแฟนกับอ้อม”

“ก็ใช่…ถึงได้บอก” ผมแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้เรื่องของผมด้วย “เคยมีผู้ชายมาจีบมึงป่ะ?”

“เคย” จอมตอบ

“แล้ว?”

“ถ้ามาเล่นๆ กูก็ขำๆ ถ้าถึงเนื้อถึงตัวก็แดกตีน”

ผมหลุบตาดูตีนเบอร์ 46 ของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ น้ำลายฝืดคอขึ้นมา

“มึงเหอะ มีผู้ชายมาจีบมั่งรึเปล่า นอกจากไอ้อาร์ตอ่ะนะ”

“ไม่…” กะจะปฏิเสธแต่หางเสียงแผ่วปลาย จะว่าไปก็…เคยมีนี่หว่า

“กี่คน ตอบ”

“…สองสาม…สี่คน…มั้ง” ทำไมมันต้องเสียงแข็งด้วยวะ

“เอาแน่ๆ”

“ก็สี่แหละ” เท่าที่รู้ตัวนะ

“…”

“แต่กูไม่รู้นะว่ามาจริงหรือเล่น”

“บื้อ!”

เหี้ย! ทีมึงยังไม่รู้ตัวสักนิดว่ากูชอบ เห็นเขารักเขาหลงเข้าหน่อยทำเป็นได้ใจ ปัดโถ่!

ได้แต่สรรเสริญในใจครับ ภายนอกนี่เงียบกริบไม่ต่อล้อต่อเถียงสักคำ โกยจานไปไว้ที่ซิงค์เตรียมล้าง แต่มีมือขยันมาแย่งฟองน้ำไปก่อน

“มึงทำแล้ว เดี๋ยวกูล้างเอง”

ผมถอยออกมาให้เจ้าของบ้านล้างจาน จีบเขาเราก็ไม่ควรขัดใจเขาใช่มั้ย

ย้ายตัวเองมานั่งเล่นกับไอ้แจ๊คบนโซฟา เปิดทีวีดูเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป

…เริ่มง่วง

ตั้งแต่ตัดสินใจจะสารภาพ ผมก็นอนหลับไม่เต็มตามาหลายคืน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบสว่าง อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านนอนไม่หลับ ตอนนี้พอผ่อนคลายแล้วตาแทบจะปิด ดูทัวร์ซอมบี้งาบบุฟเฟ่ต์มนุษย์ไปสัปหงกไป

“กาแฟมั้ยมึง”

ผมสะดุ้งนิดๆ ส่ายหน้าว่าไม่เอา

“ง่วงอ่ะ เดี๋ยวกลับไปนอนบ้านดีกว่า”

“ถ้ามึงกล้าขับรถตอนนี้กูจะเตะให้”

จอม…ตั้งแต่กูบอกว่ารักนี่ดูมึงโหดขึ้นนะ นี่ผมไปปลดปล่อยความ S อะไรของมันเข้ารึเปล่าวะ

“ขึ้นไปนอนข้างบนเลย ไปเปิดแอร์ ไป” มันฉุดผมให้ลุกขึ้น เดินต้อนขึ้นบันได นี่จู่ๆ จะให้หลับนอนเลยเหรอ ขอเล่นตัวอีกนิด…ถุย

จำใจเดินไปถึงห้องนอน ดันตื่นเต้นอีกรอบ คือ…เข้าใจมั้ย เพิ่งสารภาพรักกับเจ้าของห้องไป ให้กูมานอนมันจะหลับลงได้มั้ย เข้าใจกูบ้างงงงงงง



ประเมินความเซนสิทีฟของตัวเองสูงเกินไปมาก หัวถึงหมอนปุ๊บสลบปั๊บ หลับยาวจนเลยทุ่ม เซนสิทีฟมากเลยมึง ไอ้ธี

มองขวาผ่านเข้าไปในความมืดก็ต้องผวาอีกรอบ เมื่อเห็นผู้ชายตัวโตนอนหลับอยู่ข้างๆ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ
แสงไฟจากนอกบ้านอาบไล้ใบหน้าซีกหนึ่ง เน้นโหนกแก้มและสันจมูกโด่งให้ยิ่งคมชัด ผมนั่งนิ่งเหม่อมองจอมอย่างลืมตัวอยู่เป็นครู่ ความรู้สึกยังคงกึ่งจริงกึ่งฝัน…

“ถ้าจะลักหลับ กูว่ามันเร็วไปนิด”

ปากมันนี่นะ... ผมปั้นหน้าแทบไม่ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายลืมตา ดวงตาที่ระยับเป็นพิเศษเวลาได้แกล้งคนของมันนี่วอนโดนปล้ำมาก…

“เกรงใจ ยังไม่อยากแดกตีน”

“เล้าโลมหน่อยกูอาจจะยอม”

อ่อยยยยยยยย อ่อยกูเข้าไปปปปป สาสสสส นึกว่ากูไม่กล้าใช่ม้ายยยยยย!!

ผมลุกขึ้นมา ใช้มาตรการรับมือขั้นเด็ดขาด!

…เดินหนีไปฉี่แม่ง…

ครับ…ผมอ่อนครับ ไม่กล้าหาญชาญชัยขนาดนั้นครับ ยอม

เข้าห้องน้ำเสร็จ วักน้ำลูบหน้าลูบตา ลูบผมที่กระดกให้กลับลงมาอีกหน่อย บอกตัวเองว่าเลิกหน้าแดงได้แล้ว นี่มึงไม่ใช่สาวน้อยนะ

ยังดีที่ออกมาแล้วไม่เจอล้ออะไรอีก จอมไม่ยอมกินข้างนอกแต่ชวนไปซื้อของมาทำกินมื้อค่ำกันอีกรอบ สงสัยที่มันว่าอร่อยคงจะพูดจริง คราวนี้ยังไม่มีเวลาหมักเลยทำของง่ายๆ อย่างหมึกผัดไข่เค็ม ผัดบล็อคโครี่ใส่กุ้ง แล้วก็ยำวุ้นเส้นทะเลให้มันกิน ส่วนแกงจืดไชเท้าซื้อมาเพราะไม่มีเวลาต้มให้เปื่อยเอง แต่ก็อร่อยใช้ได้อยู่

ดึกพอสมควร ได้เวลากลับบ้าน จอมเดินออกมาส่ง ก่อนไปยังออกคำสั่งอีกเป็นชุด

“กูเรียนถึงพฤหัสเช้า เที่ยงมารับกูด้วย”

“ก่อนถึงให้บอก จะลงไปรอ ที่จอดตรงนั้นมันหายาก ห้ามช้า กูหิว”

“กับไอ้อาร์ต มึงรีบไปเคลียร์ซะให้เรียบร้อย”

“ขับรถระวังๆ”

ได้แต่รับคำทุกสิ่ง ตลอดทางกลับบ้านปากยังฉีกยิ้มแก้มแทบแตกเหมือนคนไม่เต็มเต็ง อนุญาตให้ใจคิดเข้าข้างตัวเองบ้างสักนิด ว่าอย่างน้อยจอมก็ไม่รังเกียจจริงๆ ตั้งใจกับตัวเองว่า จะไม่เอาแต่กลัวจนปล่อยให้โอกาสผ่านไปเหมือนก่อนอีกแล้ว ครั้งนี้ผมจะขอทุ่มหัวใจให้สุด อย่างที่จะไม่ต้องเสียใจและเสียดายภายหลัง


***


“มึงชอบจอม?” เสียงทุ้มติดแหบนิดๆ ที่ปลายสายถามย้ำ

“อือ”

“เหรอ…” อาร์ตเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็คิดอยู่เหมือนกัน”

ถึงคราวผมอึ้งบ้าง เข้าใจว่าตัวเองเก็บซ่อนได้มิดแล้วเชียวนะ

“มึงรู้ด้วย? ได้ไงอ่ะ?”

“อืม…คงเพราะกูมองมึงมาตลอดมั้ง ก็ไม่ถึงกับรู้หรอก แต่พอจะดูออกว่ามึงดูสนใจเรื่องของจอม”

“…จริงดิ” ไม่รู้จะตอบยังไงให้ดีกว่านี้ สรุปคือแอ๊บแตกมาชาติกว่าแล้ว แถมคนจับได้คือเพื่อนสนิทที่แอบรักตัวเองอีก รู้สึกทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกันยังไงชอบกล

“แล้วจอมตอบมึงว่าไง”

“ไม่ได้ตอบไร แต่บอกว่าถ้าชอบก็ให้จีบมัน”

“จอมว่างั้นเหรอ?”

“อืม”

ปลายสายนิ่งไปนานกว่าเดิม จนผมนึกว่ามันวางไปแล้วเสียอีก จนกระทั่งมันพูดต่อ

“กูดีใจกับมึงด้วย”

“ดีใจอะไร ที่กูไม่โดนจอมกระทืบอ่ะเหรอ” ผมจงใจพูดติดตลก ลดบรรยากาศตึงเครียด ปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังถูกถนอมน้ำใจ… โจทย์นี้ยากเกินไปแล้วครับ

“ที่มันให้โอกาสมึง” อาร์ตหัวเราะแผ่วๆ

“…ขอโทษ”

“ขอโทษกูทำไม”

“ที่กูให้โอกาสมึงไม่ได้” จนปัญญาจะอ้อมค้อม ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ผิดแต่ก็รู้สึกผิดเหลือเกิน

“มึงจีบจอม แล้วกูจีบมึงบ้างไม่ได้เหรอ”

ผมเม้มปาก ต่อให้ผมอ่อนเรื่องความรักยังไง แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าแบบนั้นมีแต่จะหนักใจทุกฝ่าย

“กูล้อเล่น” ปลายสายเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหยอกเย้า “กูรู้ว่ามึงจริงจังกับเรื่องแบบนี้”

“ขอโทษจริงๆ นะ” ผมย้ำ “ทีแรกกูคิดแค่อยากจะให้คำตอบมึง แล้วก็เคลียร์ความรู้สึกตัวเอง ไม่คิดว่า…”

“ถ้า…” อาร์ตเกริ่นแล้วก็เงียบไปอีก

“ถ้า?” ผมกระตุ้นให้มันพูดต่อ

“ถ้าสุดท้ายแล้ว…จอมคบกับมึงไม่ได้… ถึงตอนนั้นมึงให้โอกาสกูบ้างได้มั้ย”

ผมนิ่งคิด ใคร่ครวญอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบ…

“ได้ แต่อย่ารอกูนะ ถ้าระหว่างนี้มึงเจอใคร ก็ลองเปิดใจให้เขาดู”

“โอเค” น้ำเสียงนั้นราวกับโล่งใจ ผมทำเป็นไม่รู้ ทั้งที่จริงทั้งผมทั้งอาร์ตต่างก็รู้ดีว่า มันจะรอผมอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม



ปิดจ๊อบไปอีกหนึ่งเรื่อง ผมวางสาย ทิ้งตัวลงนอน ไม่ได้ออกกำลังแต่รู้สึกเหนื่อยชอบกล หยิบมือถือที่คุยจนแบตลดขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาจอม บอกสั้นๆ แค่ว่าเคลียร์กับอาร์ตรู้เรื่องแล้ว

ครู่เดียว ก็มีข้อความตอบกลับสั้นยิ่งกว่าว่า [ดี]

…บางครั้งผมก็หมั่นไส้แม่งจริงๆ พับผ่า!


***

TBC

เนื่องจากทันที่บอร์ดอื่นแล้ว เราจะไม่ได้ลงทุกวันแล้วนะคะ แต่จะพยายามไม่ให้ร้างนานเกินไป ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และทุกคนที่เข้ามาอ่าน แค่ชอบบ้างก็เป็นกำลังใจแล้วค่ะ  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2018 22:32:57 โดย Z4 »

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [006] 23/11/60
«ตอบ #16 เมื่อ27-11-2017 13:44:57 »

แอบสงสารอาร์ต สนุกมากค่ะ รอๆ

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #17 เมื่อ28-11-2017 12:20:27 »

007



จากบ้านของผมไปมหา’ลัยของจอม ระยะทางไม่ได้ใกล้กันเลย ยังดีที่มีทางด่วนไปลงได้ไม่ยากนัก ทำให้ใช้เวลาเดินทางไปถึงประมาณชั่วโมงเศษเท่านั้นในวันที่รถไม่ติด จอมอยู่หอพักเวลาเปิดเทอม ศุกร์-อาทิตย์ถึงจะอยู่บ้าน วันนี้เป็นวันพฤหัสฯ ผมจึงมารับมันตามสัญญา รู้สึกเขินปนอารมณ์ดีตั้งแต่เช้าแล้ว โชคดีที่ตารางเรียนว่างวันนี้พอดี ซ้ำเป็นเดือนที่ค่อนข้างชิล... ก่อนจะเจอนรกเดือนหน้าอะนะ

วิทยาเขตที่นี่กว้างมาก ผมเคยมาแค่ไม่กี่ครั้ง มาหาเพื่อน หารุ่นพี่บางครั้งตอนเข้ามหา’ลัยใหม่ๆ เพราะเคยหวังจะเจอจอมบ้าง แต่ก็ไม่พบสักครั้ง ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาตามจีบมันถึงที่

ผมขับไปจนถึงอาคารเรียนที่จอมส่งพิกัดมาให้ล่วงหน้า แล้วข้อความไปบอกมันว่ามาถึงแล้ว

ไม่นานนักก็เห็นร่างสูงใหญ่ขวัญใจสาวๆ เดินฝ่าแดดเปรี้ยงมาแต่ไกล ข้างกายมีเอกกับเพื่อนอีกคนที่ผมไม่รู้จักมาด้วย จอมหันมองปราดเดียวก็เห็นเจ้าลูกรักสีส้มดำสะดุดตาของผม มันโบกมือลาเพื่อนแล้วตรงมาเปิดประตูรถสอดตัวนั่งทันที มือนึงขยับคอเสื้อพัดใหญ่

“ร้อนฉิบหาย นี่หน้าหนาวจริงดิ”

ผมออกรถพลางปัดแอร์ไปทางคนบ่น กลิ่นเหงื่อผสมน้ำหอมจางๆ ทำให้ใจเต้นเล็กน้อยแต่ต้องตีหน้าเฉยไว้ก่อน

“มึงก็รู้ที่นี่บราซิล”

“ตลกละ”

“ผมมึงยาวไปป่ะ ตัดมั้ยจะได้ไม่ร้อน” ผมเห็นมันสวมที่คาดผมอันบางพร้อมรวบจุกเล็กๆ ที่ท้ายทอย ดูน่ารักพิลึก

“กูไม่ชอบตอนมันเริ่มยาวครึ่งๆ กลางๆ หรือจะไถดีวะ”

“แล้วแต่ หนังหน้าดีตัดทรงอะไรก็ได้หมดมั้ง” ผมขับตามทางที่มันชี้ มองซ้ายขวาก่อนออกถนนใหญ่

จอมหยุดกึก หันมามองผมพร้อมยกยิ้มมุมปาก เอ๊ะ เมื่อกี้ผมตอบอะไรมันไปวะ…

คุณพระ! นี่ผมเผลอชมว่ามันหล่อนี่หว่า!

“…ไปทางไหนต่อ บอกทางด้วย” ผมถามแก้เขิน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“วนไปฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวกูไปเอาของที่หอก่อน” จอมไม่เซ้าซี้ มันชี้ไปทางหมู่ตึกหอพักนอก ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ขับแป๊บเดียวก็มาถึงแล้ว

จอดรถได้ จอมก็นำทางผมขึ้นไปบนห้อง หอพักมันน่าอยู่ไม่เลว ดูใหม่และน่าจะปลอดภัย ห้องของจอมอยู่ชั้น 3 หัวมุม มันไขกุญแจแบบกันขโมยเข้าไป

ห้องนั้นสำหรับอยู่ 2 คน มีโต๊ะ ตู้ เตียง หน้าตาเหมือนกันอย่างละ 2 ชุด มีห้องอาบน้ำ เครื่องปรับอากาศ สิ่งอำนวยความสะดวกก็ดูจะพร้อม ทั้งกาน้ำร้อน ไมโครเวฟ ตู้เย็นเล็ก พัดลม อย่างว่า บ้านจอมคงไม่ปล่อยให้ลำบากหรอก

“นั่งก่อน มีน้ำมีขนมในตู้ อยากกินอะไรก็กินเลย” จอมหันไปจัดการกับถุงเสื้อผ้าใช้แล้วขนาดใหญ่ โกยผ้าห่มยัดลงไปด้วย คงเอากลับไปให้ที่บ้านซัก

ผมนั่งบนเตียง มองสำรวจโน่นนี่ไปเรื่อย ห้องมันรกพอตัวเลย กองชีทอะไรก็เต็ม พอไม่มีแม่บ้านนี่ดูไม่จืด อดนึกถึงช่องใต้โต๊ะรกๆ ของมันสมัยมัธยมขึ้นมาไม่ได้

“ขำไร” แน่ะ เห็นอีก

“ห้องรก” ผมยิ้มตอบ

มันยกมือเสยผมเก้อๆ แก้ตัวอุบอิบ

“ก็ของเยอะ แต่ไม่มีขยะสดนะ กูไม่ชอบให้มดขึ้น”

“อือ”

“ว่างก็มาช่วยจัดสิ” จู่ๆ จอมก็หันกลับมามองผม “เคยช่วยจัดโต๊ะไม่ใช่เหรอ”

เข้าตัว! ไม่นึกว่ามันจะจำได้

“เคยเหรอ” ผมเฉไฉ “ เออ แล้วรูมเมทมึงอ่ะ ให้ช่วยสิ”

“เฮอะ ไอ้โจ้เนี่ยนะ พึ่งพาไรได้” มันหันกลับไปยัดของลงกระเป๋ากีฬาใบใหญ่ “ที่ไม่อยู่ทำรกก็ถือว่าช่วยละ ช่วงนี้มันไปอยู่กับน้ำไม่ค่อยกลับห้อง”

อ้อ สรุปว่ารูมเมทจอมคือโจ้นี่เอง

“เออ พวกไอ้ธันย์ ไอ้ต้นมันก็อยู่หอนี้นะ แต่ชั้น 5 แล้วก็พวกผู้หญิงอ่ะ ตาล มีน อะไรก็อยู่ อาคารไหนจำไม่ได้ว่ะ”

จอมพูดถึงเพื่อนที่โรงเรียนเก่า ธันย์กับต้นนี่ซี้เก่ามันเลย

“ไม่เจอนานเลย แล้วทำไมวันก่อนไม่เห็นมาด้วย”

“กูเรียนไม่เหมือนพวกมันอ่ะ เลยไม่ค่อยเจอใครอยู่คนเดียว คนอื่นเขาเจอกันหมดแหละ”

มิน่า เวลารวมตัวเจอเพื่อนเก่าผมถึงไม่เคยเจอจอมเลย ในเมื่อคลาสเรียนมันไม่เหมือนภาคปกติ ไม่แปลกใจแล้วทำไมถึงลากผมไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ช่วงหลังนี้

“เหงาอ่ะดิ” มีมุมน่ารักเหมือนกันนะผู้ชายตัวเท่าควายเนี่ย

จอมกลอกตาพ่นลมออกจมูกไม่ตอบคำ เดินมาเตะขาผมไม่แรงนัก

“เสร็จแล้ว ไป หิว”

จะบ่ายโมงแล้ว คุณชายออกอาการงอแง ผมเลยต้องรีบช่วยขนของตามลงมา พอดีเดินสวนกับสาวสวยหน้าคุ้นๆ

“กลับแล้วเหรอจอม” ไม่ใช่ใครที่ไหน พราวเจ้าเก่านี่เอง

“อือ ไปนะ”

“เราติดรถไปลงห้างได้เปล่า พอดีจะไปซื้อสายชาร์จใหม่ อันเก่าเปื่อยเรากลัวไหม้”

“เราไปรถธี”

ผมขยับจะบอกว่าไปส่งได้ แต่รู้สึกถึงศอกที่ถองมาในมุมอับสายตาเสียก่อน จึงต้องเงียบแล้วทำตัวแล้งน้ำใจ

“เหรอ…” พราวมองมาที่ผมซึ่งเลี่ยงไม่สบตาด้วย แล้วพยายามปั้นหน้ายิ้ม “งั้นไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ”

จอมพยักหน้าส่งๆ แล้วรีบเดินไปขึ้นรถผม เอาของกองเบาะหลังเสียเต็ม ราวกับจะแสดงให้เห็นว่าไม่มีที่จริงๆ ผมส่งยิ้มเจื่อนให้พราวที่มองมาไม่เลิกแล้วรีบออกรถ กดดันโคตร

“จริงๆ ให้เขาติดรถมาก็ได้นะ” ออกมาได้สักพักแต่ยังรู้สึกผิดเล็กๆ แฮะ

“ไม่ต้องเลยนะ” คนนั่งข้างหันมาเขม่น “มึงไม่เข้าใจหรอกว่าเขาเป็นไง”

“ขนาดนั้น”

จอมหันมามองผมแบบเอือมๆ เหมือนจะบอกว่าโดนรูปลักษณ์หลอกเข้าให้แล้ว

“มึงรู้ป่ะ พราวไม่ได้อยู่หอนี้ แต่ไม่กี่วันก่อนตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มาเขาก็ไปขอแลกหรือไปขออยู่กับใครเนี่ยแหละ แล้วหาเรื่องมาเคาะห้องกู ไม่ก็ทำเป็นบังเอิญเจอกูเกือบทุกวัน”

เหยด สตอลเกอร์ตัวแม่ ผมทำตาโตมองมัน

“ไม่ต้องพูดถึงไลน์กับเฟซเลย คือรำคาญมากอ่ะ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงกูคงหักหน้าแรงๆ ไปแล้ว ตอนนี้คืออดทนสุดๆ”

โอเค กระจ่าง ถ้าแบบนี้ต่อให้สวยเท่านางฟ้านางสวรรค์ก็คงไม่ไหวจริงๆ

“ใจเย็นนะ เสน่ห์แรงต้องทำใจว่ะมึง” ผมตบไหล่หยอกให้มันหายเครียด

เห็นจากหางตาว่าคิ้วเข้มเลิกขึ้น หันหน้ามาจ้องผมอยู่เป็นครู่

“อะไร” ผมหักเลี้ยวเข้าห้าง วนขึ้นอาคารจอดรถ

“วันนี้มึงชมกูหล่อสองรอบละนะ”

“หะ” ผมงงกับความไม่มีปี่มีขลุ่ยของมัน ความมืดที่สายตายังปรับไม่ทันทำให้ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบไหนอยู่ “เมื่อกี้กูบอกแค่เสน่ห์แรงไม่ใช่เหรอ”

“ก็ความหมายเดียวกัน”

“…ไม่เหมือนชัดๆ คนละคำพูดกันเลย” ผมหน้าร้อนขึ้นมา พยายามหาที่จอดรถก่อนที่จะมือไม้สั่นขับไปเสยใครเข้า

“หรือว่าไม่หล่อ”

“มึงเชื่อมโยงอะไรของมึงเนี่ย แล้วมาคาดคั้นกูเพื่อ!” เห็นที่ว่างแล้วว้อย ผมรีบเต๊าะไฟโชว์พริ้วถอยหลังเข้าซองอย่างไว

“ตกลงไม่ได้ชมกูหรือไง”

ยัง…ยังไม่จบ โอ๊ย ช่างแม่งละยางอาย ผมดับเครื่อง หันไปสบตาคนข้างๆ แต่เจอเข้ากับประกายวิบวับสนุกสนานที่ได้แกล้งคนของมันเข้าเต็มๆ จนต้องเสมองปลายคางได้รูปแทน

“กูจีบมึง ก็ต้องชมมึง จบมั้ย”

พูดจบไม่รอให้มันตอบ รีบปลดเข็มขัดนิรภัยหนีลงจากรถ นี่จอมเดชหรืออาลีวะ วนๆ ไปวนๆ มา ต่อยเข้ากูตลอด

พ่อหนุ่มรูปหล่อเนื้อหอมเสด็จลงมาจากรถอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้เพราะมีคนชมหรือแค่สนุกที่ได้แกล้ง แต่ก็เอาเหอะ จีบเขาก็ต้องยอมให้เขาไว้ก่อน ผมกดล็อครีโมทแล้วเดินชะลอ รอตามก้นคนนำ อยากกินอะไรให้เลือกเองก็แล้วกัน



จอมเลือกร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่ผมไม่เคยมากิน เลยยกหน้าที่สั่งให้มันโดยปริยาย สาวเสิร์ฟทีแรกเดินลากขาท่าทางซังกะตาย แต่พอเห็นหน้าจอมชัดๆ ก็มีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ทั้งเตา น้ำ อาหาร ถูกส่งขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็วจนโต๊ะข้างเคียงที่มาก่อนค้อนควัก

ของมา ต่างคนต่างเริ่มลงมือย่าง ไปๆ มาๆ เป็นผมย่างคนเดียว ส่วนจอมรับหน้าที่กินกองเนื้อหมูไก่ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช่ว่ามันกินแรง แต่ผมทำเองไวกว่า ปกติน้องๆ ที่บ้านกินดุจะตาย เพื่อไม่ให้มันทะเลาะกันเลยต้องฝึกวิชาปิ้งย่างขั้นสูง บนเตาแทบไม่มีพื้นที่เสียเปล่า ยกชิ้นสุกออกคีบวางชิ้นใหม่ต่อเนื่องไม่หลุดจังหวะ ปิ้งพลิกส่งขึ้นจานสุกพอดีทุกชิ้น

เมื่อพอใจกับกองเนื้อที่พูนสูง ก็ได้เวลาปิ้งเบค่อนที่ต้องใช้เวลากว่าจะเกรียม ผมแผ่เบค่อนจนเต็มเตา ก่อนคีบอาหารเข้าปากตัวเองบ้าง ส่วนจอมท่าทางยังกินได้เรื่อยๆ มันยกมือสั่งของเพิ่มอีกนิดหน่อย ส่งยิ้มตบท้าย สาวเสิร์ฟก็แย่งกันมารับออร์เดอร์ เก็บจาน เติมน้ำ เติมน้ำจิ้ม ขาแทบขวิด

เมื่อพยาธิในท้องได้รับการปรนเปรอ ก็เริ่มสนทนาสัพเพเหระกันบ้าง จอมบอกว่าร้านอาหารในห้างนี้มันกินเกือบทุกร้านแล้ว มีพวกบุฟเฟ่ต์ที่มากินกับเพื่อนบ่อยหน่อยเพราะกินได้เยอะแต่ไม่แพง

“กูไม่ค่อยได้กินพวกปิ้งย่างหรือสุกี้กับเพื่อนหรอก ไปกินกับน้องมากกว่า”

“ทำไมอ่ะ”

“กูทนไม่ได้เวลาเห็นคนปิ้งดิบไป สุกไป หรือสุกี้งี้เททุกอย่างลงหม้อพรวดเดียว เนื้อมันก็สุกเกินดิวะ ยังมีหมู ไก่ ปลา กุ้ง ปลาหมึก มันใช้เวลาสุกพร้อมกันที่ไหน ดูละเครียด”

“ที่มึงนั่งปิ้งรัวๆ นี่คือกลัวกูทำไม่อร่อยว่างั้น” จอมว่าขำๆ

“ประมาณนั้น ถ้ามากับที่บ้านกูก็เป็นคนทำเหมือนกัน” ผมรับพลางพลิกเบค่อน จัดสรรเนื้อที่ให้เนื้อชุดใหม่ลงเตาบ้าง

“เออ ดี งั้นต่อไปยกหน้าที่นี้ให้มึงเลย กูไม่แย่ง”

ให้ตลอดไปเลยหรือเปล่า… ประโยคนี้คิดแค่ในใจครับ มือยังคงพลิกเนื้อต่อไป

“กินเสร็จแล้วดูหนังมะ”

จอมชอบดูหนัง คงเพราะที่มันเรียนด้านนี้และอยากสร้างหนัง ว่างเมื่อไหร่จะต้องหาหนังดู ทั้งโรง แผ่น ซีรี่ยส์ก็ชอบดูขนาดสมัครสมาชิกรายปีทางเนตไว้เลย แต่มันชอบฝรั่งมากกว่าเอเชีย ผมเลยชวนมันดูแนวญี่ปุ่นบ้าง ก็เห็นชอบอยู่หลายเรื่องนะ

“เอาสิ ยังมีเรื่องไหนไม่ได้ดูเหรอ”

อีกฝ่ายบอกชื่ออนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ผมแปลกใจนิดๆ ที่มันสนใจเรื่องนี้

“ไม่น่าใช่แนวมึงเลยอ่ะ”

“มึงชอบไม่ใช่เหรอ”

“…”

“…”

“อือ ชอบ”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายถามว่าชอบอะไร ตะเกียบในมือก็ขยับคีบส่งเบค่อนไปกองตรงจานกลาง แม้ภายนอกจะไม่ได้แสดงออก แต่ภายในผมกรี๊ดจนแต๋วแตก

จอมแม่ง…เล่นขี้โกง ผมจีบมันแท้ๆ แต่โดนหยอดครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกับมันเป็นฝ่ายจีบผมแน่ะ ไม่รู้บ้างเลยว่าคำพูดของมันแค่นี้ก็ทำให้ผมคิดเตลิดเปิดเปิงไปไกลได้แล้ว

มึงมีอิทธิพลกับกูขนาดไหนรู้มั้ยจอม…


***

TBC

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #18 เมื่อ28-11-2017 19:34:36 »

สำหรับธีคือหวานขึ้นเรื่อยๆ
แต่จอมเหมือนจะยังกั๊กๆ เห็นธีเป็นของตายอยู่ ไว้เรียกใช้เวลาตัวเองอยากให้มาเฉยๆ
ยังไม่รักแต่กั๊กอยากเอาชนะว่างั้น

หวานนี่ขอโหวตเป็นนางร้ายล่วงหน้าได้มั้ย
ท่าทางจะโรคจิตแหง
ไม่แน่ว่าอาจจะคิดหาวิธีทำร้ายธีแล้วด้วยซ้ำ
ถึงตอนนั้นธีนอนเป็นผัก จอมได้น้ำตาตกแน่

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #19 เมื่อ28-11-2017 22:57:51 »

 :กอด1:
 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
« ตอบ #19 เมื่อ: 28-11-2017 22:57:51 »





ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #20 เมื่อ28-11-2017 23:25:50 »

ตามมาจนทัน...ค้างเลย  :ling1: :ling1: 

:hao5: :hao5:  :serius2: :a5:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #21 เมื่อ28-11-2017 23:53:44 »

ชอบอ่ะ
รีบมากๆๆต่อนะะะะ

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #22 เมื่อ29-11-2017 20:34:26 »

เรื่องนี้คงไม่มีชิงรักหักสวาท หรือมีตัวร้ายกรี๊ดๆ แบบละครนะคะ 555 เราเชื่อว่าทุกคนคือตัวเอกในเรื่องราวของตัวเอง  สำหรับเรื่องนี้จะค่อนข้างเรียบๆ ออกตลกนิดหน่อย ดราม่าถ้ามีก็คงไม่หนักค่ะ พูดถึงความละเอียดอ่อนของความรักแบบวัยรุ่นตอนปลาย เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น และประคับประคองความสัมพันธ์ให้ตลอดรอดฝั่ง สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง หากผู้อ่านติดตามไปพร้อมๆ กันก็จะดีใจมากค่ะ

ตอนหน้าลงวันศุกร์นะคะ  ขอบคุณค่า :mew1:

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #23 เมื่อ29-11-2017 22:38:16 »

ชอบมากเลยอ่า ทั้งสำนวน ภาษา นิสัยธีเวลาเล่าเรื่อง แบบโอ้ยหลงธีมาก นี่มันนายเอกในฝันชัดๆ
นิ่งๆคอยสังเกตอารมณ์คนอื่น ใจเย็นใช้ชีวิตแบบมีสติ แต่ถ้าถึงเวลาก็พร้อมจะดับเครื่องชน
มีสกิลพ่อศรีเรือน โอ้ย อิจจอมมากๆ คือจอมนี่ก็ดูชอบธีอยู่นะ แต่เก๊กน่าดูตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า
แต่ว่าคนนิสัยแบบจอม ถ้าได้เป็นแฟนจริงต้องตามติดธีแบบเช้าถึงเย็นถึงแน่ๆเลย หึงทุกสิ่งรอบตัว 555  :hao7:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #24 เมื่อ29-11-2017 23:30:49 »

ฮือออชอบบบ ชอบการดำเนินเรื่องชอบตัวละครชอบภาษาฮืออชอบหมดเลยย เป็นกำลังให้คนเขียนเด้อ :katai5:

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
«ตอบ #25 เมื่อ01-12-2017 13:06:23 »

ชอบมากเลยอ่า ทั้งสำนวน ภาษา นิสัยธีเวลาเล่าเรื่อง แบบโอ้ยหลงธีมาก นี่มันนายเอกในฝันชัดๆ
นิ่งๆคอยสังเกตอารมณ์คนอื่น ใจเย็นใช้ชีวิตแบบมีสติ แต่ถ้าถึงเวลาก็พร้อมจะดับเครื่องชน
มีสกิลพ่อศรีเรือน โอ้ย อิจจอมมากๆ คือจอมนี่ก็ดูชอบธีอยู่นะ แต่เก๊กน่าดูตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า
แต่ว่าคนนิสัยแบบจอม ถ้าได้เป็นแฟนจริงต้องตามติดธีแบบเช้าถึงเย็นถึงแน่ๆเลย หึงทุกสิ่งรอบตัว 555  :hao7:

คุณ FiZZ อ่านขาดมากค่ะ 555 จอมนี่เหมือนกับ...ก่อนหน้านี้มีเค้กวางอยู่แต่ไม่ใช่ของตัวเองเลยไม่คิดจะทำอะไร วันหนึ่งมีคนบอกว่า อันนี้กินได้นะ ก็เริ่มจะอยากกินขึ้นมา 555555



008


ประมาณเดือนหนึ่งแล้วที่ผมเทียวรับเทียวส่งจอมทุกปลายสัปดาห์ แน่นอนว่าออกนอกหน้าขนาดนี้ย่อมเป็นที่สังเกต โดยเฉพาะเพื่อนๆ กลุ่มที่สนิทกับจอม ผมคิดว่าพวกนั้นน่าจะพอรู้ว่าทำไมผมถึงมาหาจอมบ่อยขนาดนี้ แต่ไม่มีใครถามตรงๆ หรือแสดงอาการอะไรนอกจากความเป็นมิตร ผมจึงพอจะเลี้ยงผิวหน้าให้หนาได้อยู่

เรื่องเขินอายไม่ใช่เรื่องใหญ่ เมื่อเทียบกับความจริงที่ว่าอาร์ตก็เรียนที่นี่ คณะนี้ แถมยังคงสนิทอยู่ในกลุ่มจอมด้วย

รู้สึกผิดโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดอีกแล้ว…

ผมเคยเลียบเคียงกับทั้งสองฝ่าย ว่าต้องการให้ผมหลบเลี่ยงมั้ย แต่ต่างคนต่างตอบว่าไม่ต้อง ผมก็เลยได้แต่แข็งใจ

ทว่าอาร์ตก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิม มันยังเข้ามาพูดคุย ทักทาย โดยรักษาระยะอย่างพอเหมาะพอควร  ไม่ทำให้ผมต้องลำบากใจเลยสักนิด ไม่ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของมันจะเป็นอย่างไร ผมก็รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ผมรู้ว่าการที่ต้องทำตัวปกติทั้งที่ความจริงตรงกันข้ามมันยากเย็นแค่ไหน

“ไงมึง รอจอมเหรอ” คิดถึงก็มาพอดี อาร์ต เอก และโจ้เดินมาด้วยกันเป็นกลุ่ม โดดเด่นอย่างกับบอยแบนด์

“อือ พวกมึงควิซเสร็จแล้วเหรอ”

“ทำไม่ได้เลยออกเร็ว” อาร์ตว่าติดตลก นั่งลงบนม้านั่งฝั่งเดียวกัน

“เดี๋ยวซื้อน้ำหน่อย เอาไรป่ะ” เอกถามเพื่อนอย่างมีน้ำใจ

“ไม่เอาอ่ะ มีกาแฟแล้ว” ผมตอบพลางชูแก้วให้ดู

“กูเอาชานมไข่มุก”

“ตังด้วยสัสโจ้ อย่าเนียน”

“เออๆ อาร์ตเอาไร”

“กูเอากาแฟเย็นหวานน้อย ขอบใจว่ะ” อาร์ตตบแบงค์ร้อยใส่มือเอก

“เดี๋ยวกูไปด้วยดีกว่า จะเอาผลไม้”

โจ้ลุกขึ้นคล้องคอเอกเดินไปซื้อของ ที่โต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับอาร์ต

“ขับรถมาตั้งไกล ไม่เหนื่อยเหรอวะ” คนตัวสูงชวนคุย

“เหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็ชินละ รถไม่ติดก็ไม่น่าเบื่อเท่าไหร่”

“ทำไมมึงดูว่างจัง” อีกฝ่ายหัวเราะแซว

“อัดตอนเทอมหนึ่งไปเยอะอ่ะ ฮ่าๆ ตารางเรียนกูมันเดี๋ยวว่างเดี๋ยวเรียนหนัก สลับกัน” ที่จริงไม่ใช่หรอก เดือนนี้ผมไม่ว่างเท่าไหร่ แต่วันนี้ยังไงก็อยากมาให้ได้…

“เรียนนิติฯ มันไม่ใช่ว่าต้องท่องเยอะๆ เหรอวะ”

“กูเรียนด้วยความเข้าใจไง ไม่ใช่ท่องจำ” ผมแกล้งยืดอกโอ่ และได้รับเสียงโห่ตามคาด

”คร้าบๆ รู้แล้วว่าเก่ง”

“ฮ่าๆ ล้อเล่น ก็ต้องท่องด้วยแหละ แต่มันสำคัญที่ความเข้าใจในหลักการ เอาว่าถ้ามึงเข้าใจองค์ประกอบและจุดประสงค์ของข้อกฎหมายนั้นๆ ก็ไม่ยาก…มาก…มั้ง”

“แค่ฟังก็ปวดหัวละ” อาร์ตยกศอกเท้าแขน เอียงตัวมาทางผม อีกมือเสยจัดทรงผมตามความเคยชิน เพราะผมมันหยักศกก็เลยติดนิสัยชอบจัดทรง ตอนเด็กๆ คนอื่นชอบหาว่ามันขี้เก๊ก แต่ตอนนี้ทุกมุมของโรงอาหารมีแต่สายตาระทดระทวยมองมา บ่งบอกรุนแรงว่าอยากได้คนนี้เป็นพ่อของลูก

และนั่น…มีสาวสวยสองคนเดินมาทางนี้พร้อมกับห่อของขวัญสีแดงๆ ในมือ

“ขอโทษนะคะ พี่อาร์ตใช่มั้ย” หนึ่งในนั้นยิ้มขวยเขิน ใบหน้าขาวเนียนจิ้มลิ้ม ผมเป็นลอนอ่อนสีน้ำตาล ชุดลำลองที่ดูสุภาพแต่เข้ารูปอวดสัดส่วนโค้งเว้า กลิ่นน้ำหอมรวยรินจนผมยังเผลอมองแวบสองแวบ

“ครับ”

“หนูชื่อนีน่าเรียนสินสาดนะคะ” เธอหมายถึงศิลปศาสตร์ “เห็นพี่อาร์ตมานานแล้วแต่ไม่กล้าทักอ่ะค่ะ แต่วันนี้อยากให้ของขวัญ รับหน่อยได้มั้ยคะ”

ของขวัญที่ห่อมาเสียสวยงามกับกุหลาบแดงหนึ่งดอก ครับ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ บรรยากาศโดยรอบมีสีแดง สีชมพู ดอกไม้ ลูกโป่ง และหัวใจฟรุ้งฟริ้งเพิ่มขึ้นมาสามร้อยเปอร์เซนต์ผิดกับทุกที  และเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงทิ้งเพื่อนและตำราไว้ที่ห้องสมุดเพื่อดิ้นรนมาหาจอมให้ได้

อาร์ตยังไม่รับของขวัญ แต่ยิ้มหวานแล้วบอกออกไปว่า…

“ขอบคุณน้องมากครับ แต่พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง”

เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด…อังกอร์!

ขอโทษครับ ผมเกิดอิมเมจแบบนั้นขึ้นมากะทันหัน ตอนแรกสาวๆ ทั้งสองยังคิดตามไม่ทัน แต่พอตั้งตัวติดรอยยิ้มก็แข็งค้าง หน้าจากขาวๆ เทาเหมือนปลาตาย

ของขวัญที่ยกอยู่กลางอากาศเกิดเคว้งคว้างไม่มีที่ไปขึ้นมา กระอักกระอ่วนไม่รู้จะเดินหน้าหรือกลับหลัง จนในที่สุดอาร์ตเลยยกมือแตะกล่องแล้วดันกลับคืนเจ้าของอย่างสุภาพ

“ยังไงก็ขอบคุณมากครับ”

เพราะการปฏิบัติที่ดูนุ่มนวลและคุ้นชินชนิดบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ทำให้บรรยากาศอึดอัดจางหายไปอย่างรวดเร็ว น้องนีน่ามองของขวัญสลับกับหน้าอาร์ตด้วยความรู้สึกเสียดาย ก่อนจะยื่นกุหลาบแดงให้

“งั้นพี่อาร์ตช่วยรับดอกไม้หน่อยนะคะ”

คราวนี้อาร์ตไม่ปฏิเสธ ค้อมหัวยิ้มรับมาด้วยท่าทีเต็มใจ

มองดูสองคนนั้นหันหลังจากไป ผมอดทึ่งไม่ได้

“นับถือมึงว่ะ”

“ก็แค่ไม่อยากให้เสียเวลา” อาร์ตตอบง่ายๆ แต่ความจริงแล้ว กว่าจะยอมรับในรสนิยมของตัวเองจนเปิดเผยได้มันคงไม่มีอะไรง่ายเลย

“ฮั่นแน่! เห็นนะจ๊ะ คนบาปหักอกสาว” โจ้ถือน้ำและผลไม้กลับมายิ้มล้อเลียนอย่างเริงร่า

“ไม่รู้จักบอกให้น้องเขาเปลี่ยนใจหันมามองเพื่อนฝูงบ้างว้า เบอร์โทรไอดีไลน์รู้จักขอเผื่อเพื่อนบ้างมั้ย เพื่อนไม่มีสาวตกถึงท้องเลยนะเฮีย” เอกแกล้งว่า เข้ามาตบหลังบีบไหล่ด้วยท่าทางโอเวอร์

“ง่อยเอง อดแดกเว้ย” อาร์ตดึงแก้วกาแฟมาดูดพลางทำท่าไล่แมลงวัน

“เออ จำไว้ หนุ่มที่ไหนน่ารักขอเบอร์มึงอีกกูจะแจกเบอร์ปีเตอร์แทน” ปีเตอร์คืออาจารย์ภาคอินเตอร์สุดโหดเจ้าของคลาสที่ควิซรับวาเลนไทน์นั่นเอง

อาร์ตเหลือบมองผมด้วยท่าทีลุกลน เหมือนจะแก้ตัวนิดๆ

“กูไม่ได้สนใจเหอะ”

“หราาาาาา” โจ้กระดกลิ้นเสียเศษฝรั่งกระเด็น “เฮ้ยจอม ทางนี้ๆ”

ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่วันนี้แต่งกายด้วยชุดนิสิตเรียบร้อยผิดหูผิดตา ผมที่เคยยาวของมันตัดสั้นตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว หลังไถสูง ด้านหน้ายาวกลางๆ ปัดเสยข้าง หล่อเหลายิ่งกว่าดารา แต่สารร่างตอนนี้พะรุงพะรังด้วยทั้งถุง กล่อง ช่อดอกไม้ เต็มมือเต็มไม้ไปหมด

“ตัวจริงเรื่องปิ้งย่างมาแล้ว นึกว่าจะนั่งทำควิซจนหมดเวลา ที่แท้คือโดนทึ้งอยู่นะครัช” โจ้แซวทั้งที่ยังเคี้ยวเต็มปาก

“ก็พวกเหี้ยมันไม่รอกู โดนดัก ชิ่งโคตรลำบากเลย” จอมโยนของในมือลงบนโต๊ะ ส่งสายตาให้ผมขยับ พอได้ช่องว่างมันก็กระแทกตัวนั่งแทรกระหว่างผมกับอาร์ต

“หล่ออย่า’รมณ์เสียดิ ปีนึงมีหนเดียวก็ต้องคืนกำไรสู่สังคมบ้าง”

“ปล่อยมึงคืนสู่ป่าแทนได้มั้ย” จอมหรี่ตา แกะถุงข้าวของที่ได้มาสำรวจคร่าวๆ แยกของที่กินได้ออกมา “ที่แดกได้ก็เอาไป แบ่งๆ กันแดก”

“มียาเสน่ห์ยัดไส้มาป่าววะ” เอกยื่นมือมาหยิบถุงคุกกี้ไปดม

“แดกอยู่ทุกปีอย่าเรื่องมาก พวกมึงไม่ตายหรอกกูรู้”

เอกยักไหล่ ตีมือโจ้ที่เข้ามาแย่ง

“มึงรอของน้ำไป เห็นใจคนโสดด้วย”

“ของแฟนกินเมื่อไหร่ก็ได้ ของคนอื่นสิเร้าใจ” โจ้ไม่ฟังเสียง โยนฝรั่งที่กินค้างไว้ลงถุง แล้วแย่งช็อคโกแล็ตแท่งยี่ห้อดังไปแกะกิน “อีกอย่างน้ำไม่ทำอะไรให้กูแดกร้อก เพราะรู้ว่ากูจะแดกอย่างอื่น”

“หมั่นไส้ โคตรเหี้ย อันเฟรนด์แม่ง” คู่หูบ่นเสียงอู้เพราะปากชักไม่ว่าง เนื่องจากยัดทั้งคัพเค้กและคุกกี้กินสลับคำ “อันอี้ไอ้อะอ่อย”

“ไม่อร่อยแม่งยังแดกเบอร์นี้” อาร์ตส่ายหัว เลือกป๊อกกี้ญี่ปุ่นรสช็อคโกแลตอัลมอนด์ออกมากล่องนึง ยื่นมาให้ผม เมื่อก่อนนี้ตอนเด็กๆ เคยบอกมันว่าชอบ ไม่นึกว่าจะยังจำได้

จอมหลุบตามองมือที่ยื่นผ่านหน้านิ่งๆ ก่อนหยิบกล่องทาร์ตช็อคโกแล็ตเซมิสวีตแบรนด์นอกยี่ห้อหนึ่งจากถุงที่เมื่อครู่ไม่ได้เปิดมาให้ผมเช่นกัน เป็นของอร่อยที่ผมติดใจอยู่ในช่วงนี้ แวะซุปเปอร์ทีไรเป็นต้องหยิบเพราะรสไม่หวานมากและชอบขอบทาร์ตที่เป็นดาร์คช็อคโกแล็ตคุกกี้ด้วย

ยังไม่ทันได้รับของใคร มือที่ยื่นป็อกกี้มาก็หดกลับแล้วแกะกินเอง ผมจึงรับทาร์ตช็อคโกแล็ตมากล่องเดียว

ก็เหมือนกับที่ผมเลือกแคร์ได้แค่คนเดียว…

“ไปเหอะ เดี๋ยวรถติด” จอมลุกขึ้น หยิบเฉพาะของขวัญที่เป็นกล่องกับดอกไม้ไป

ผมพยักหน้ารับ พลางบอกลาทุกคน มองอาร์ตที่ยังส่งยิ้มโบกมือด้วยท่าทางเป็นปกติแวบหนึ่ง แล้วรีบเดินตามคนที่นำลิ่วไปติดๆ

จอมเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ โยนของทั้งหมดไว้ด้านหลัง ก่อนจะเห็นถุงกระดาษสีขาวผูกริบบิ้นแดงตรงเบาะ

“นี่อะไร”

“แกะดูสิ” ผมสตาร์ทรถ ไม่ตอบคำถามตรงๆ

คนตัวใหญ่แทรกตัวลงนั่ง หยิบถุงมาแก้ริบบิ้นออกแล้วเปิดดู สีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มาตลอดเริ่มผ่อนคลาย ยิ้มบางที่มุมปาก เลิกคิ้วน้อยๆ

“ของกู?”

ในถุงไม่มีการ์ดอะไร แต่มีบราวนี่อยู่หนึ่งกล่อง สูตรดาร์คช็อคโกแล็ตที่ใช้น้ำตาลทรายแดงแทนน้ำตาลทรายขาว เพิ่มกาแฟผงกับวานิลลาเล็กน้อยเป็นรสแฝง และใส่ช็อคโกแล็ตอย่างดีเต็มพิกัดจนเนื้อฉ่ำหนึบ ผิวหน้ากรอบแตกเป็นรอยยับน่าชม พิเศษไม่มีขายที่ไหนในโลก เพราะ…ผมทำเอง

“อือ ให้” นอนตีสองเพราะสิ่งนี้ แอบอบดึกๆ ดื่นๆ อยู่คนเดียว นอกจากใส่ช็อคโกแล็ตเต็มพิกัดแล้ว ความรักก็จัดเต็มด้วย อ๋อยยย…เขินอ่ะ

เมื่อครู่ของที่คนอื่นให้มาจอมไม่แม้แต่จะแล แต่ตอนนี้กลับแกะบราวนี่ในมือกินคำโตทันที
 
“อร่อย”

ผมออกรถด้วยด้วยความรู้สึกหวานในอกยิ่งกว่ารสช็อคโกแล็ต ห้ามรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลย

“ที่จริงฝีมือแบบมึง เปิดร้านได้สบายเลยนะ”

“พูดเหมือนแม่กูเลย แต่ไม่เอาหรอก”

“…”

“ไม่ได้อยากทำให้คนอื่นทุกคน ให้แค่เฉพาะบางคน”

ถึงเสียงจะงึมงำไปนิด แต่เชื่อว่าจอมได้ยินชัดเจน ก็ฟังเสียงหัวเราะหึๆ นี่สิ

“ทาร์ตที่ให้เมื่อกี้ กูก็ไม่ได้รับมาจากคนอื่นนะ”

คำพูดถัดมาทำให้นอกจากหุบยิ้มไม่ลงแล้ว หัวใจก็แทบจะโลดออกมานอกอกด้วย ถ้าหากผมเผลอหักรถแฉลบลงข้างทาง พวกคุณคงรู้ใช่ไหมครับ ว่าเป็นความผิดของใคร

“ของกู ให้”


***

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2017 19:11:35 โดย Z4 »

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
«ตอบ #26 เมื่อ01-12-2017 16:11:24 »

นายจอมมมม

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
«ตอบ #27 เมื่อ01-12-2017 19:04:43 »

โอ้ยยย อ่อยกันไปอ่อยกันมาไม่มีโกง จอมคนขี้หวง ธีดีขนาดนี่รีบๆรับเป็นแฟนเร็วเข้าาา  :katai2-1:
แล้วก็สลับกัน จากธีตามจอมไปเป็นจอมคอยตามตูดธีแทน 555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
«ตอบ #28 เมื่อ02-12-2017 08:38:02 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
«ตอบ #29 เมื่อ04-12-2017 08:40:12 »

เขินๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด