ลงคริสต์มาส ว่าจะลง 24 แต่ลืม
พบกันอีกทีหลังปีใหม่นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า
012
“กูอยากซิ่ว” เสียงต่อคร่ำครวญเป็นรอบที่เจ็ดของวัน
“มึงก็พูดงี้ตั้งแต่ปี 1 นี่จะขึ้นปี 4 ละ ซิ่วเหี้ยไร” หวานขัด
“ทำไมกูต้องเรียนคนละสายกับพวกมึงด้วยวะ” เมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ กองหนังสือรวมฎีกาสูงท่วมหัว
ผมกวาดสายตามองเหล่านิสิตกฎหมายที่หมดสภาพจากการคร่ำเคร่งมาทั้งวัน ก่อนก้มหน้าแปะโพสต์อิตบนหน้าหนังสือที่ต้องการถ่ายเอกสารต่อไป หมดนี่กี่ร้อยวะ
มือถือผมสั่นครืดคราดเป็นระยะ เพราะไม่กี่นาทีก่อนโพสต์สเตตัสบนเฟซบุ๊กเลยมีคนกระหน่ำกดไลค์
“ดูช่วงหลังมึงสนิทกับจอมเนอะ” หวานสไลด์หน้าจอมือถือแล้วเปรยขึ้น ทำให้ผมเงยหน้ามอง “ก็เห็นมาไลค์มาเม้นต์มึงแทบทุกอันเลย”
ถึงกับต้องยกมือถือขึ้นมาดูบ้าง สเตตัสล่าสุดที่ผมโพสต์รูปเพื่อนทั้งสามคุกเข่าอ้อนวอนขอชีทสรุปในมือผม แล้วแคปชั่นว่า ‘โหยหาความรักความเมตตา’ มีเพื่อนไลค์เพียบ หนึ่งในนั้นคือจอม แถมคอมเม้นต์อีกว่า [กูก็ด้วย]
ผมหน้าร้อนนิดๆ แต่ดีที่คอมเมนต์กลมกลืนไปกับคนที่บอกว่าอยากได้ชีทด้วยอีกหลายคน เลยไม่เป็นที่สะดุดตานัก
“ก็สนิทอยู่ บ้านกูกับบ้านจอมใกล้กันด้วยแหละ” ผมตอบเกลื่อนๆ ไป
“ไอ้นี่แม่งน่าหมั่นไส้ รูปโปรไฟล์เล็กนิดเดียวยังดูรู้ว่าหล่อ” ต่อก้มดูมือถือบ้างแล้วว่าขำๆ “วันก่อนในไลน์รุ่นสาธิตยังมีใครไม่รู้โผล่มาถามหามัน แต่ปอยมันเห็นว่าไม่ใช่เพื่อนเลยเด้งออกกรุ๊ปไปแล้วมั้ง”
อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ แฮะ ไม่ค่อยอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนจากโรงเรียนเท่าไหร่ ข้อความมันเยอะเกิน แถมเป็นคุยเล่น 90%
“ก็เฟซมันตั้งไพรเวทไว้นี่ เห็นรูปมันลงเพจคิวต์บอยโคตรบ่อย บ่อยกว่าไอ้ธีอีก”
“หะ กู?”
หวานทำหน้าเหม็นเบื่อ
“มึงเคยรู้อะไรกับเขาบ้าง”
อ้าว โดนด่าอีก ก็พอรู้นะว่าโดนถ่ายไปลง แค่ไม่รู้ว่าบ่อยแค่ไหน ผมประกาศไว้นานแล้วว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนโรงเรียนหรือมหา’ลัย ผมขอไม่รับเฟรนด์เพราะมันเยอะเกิน แต่แก้ปัญหาด้วยการเปิดปุ่มติดตามไว้ หลังจากนั้น…ก็ไม่ได้สังเกตแฮะว่าใครตามเท่าไหร่
ว่าแต่ทำไมถึงคิดไม่ได้ก่อนหน้านี้นะว่าอย่างจอมต้องมีคนแอบถ่ายรูปไปลงเพจจำพวกคิวต์บอย หรือหนุ่มหล่อบอกต่อด้วย บ่อยแน่ๆ รู้งี้น่าจะเนียนๆ เข้าไปเซฟไว้ก็ดี
คิดไปคิดมา ลังเลอีกนิดหน่อย ตัดสินใจทำการอุกอาจด้วยการแชตไปขอมัน
[อยากได้รูปมึงอ่ะ]
[เพื่อ?] คนออนอยู่ตอบกลับทันที
[ก็แค่อยากได้]
[เอาแบบปกติหรือนุ่งน้อยห่มน้อย] แก้ผ้ามาเลยถ้าแน่จริง ปัดโถ่
[เอาที่ไม่กวนตีน]
[แลกกัน]
ไอ้เหี้ย เขิน
“ยิ้มปากจะถึงหูละ เขาให้มาอ่านหนังสือไม่ใช่มาแชตจีบสาว” นิคเงยหน้ามาแขวะ จีบหนุ่มว่ะ ไม่ใช่สาว
“จะเอามั้ยสรุปข้อสอบกูเนี่ย” ผมพยายามหุบยิ้ม แต่มันยาก เลยขู่มันแก้กระดาก
อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ได้แต่กระพุ่มมือไหว้แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านต่อ
ลองเลื่อนดูรูปตัวเองในแกลเลอรี่ว่ามีรูปไหนพอใช้ได้ ผมแทบไม่ได้เซลฟี่แต่มีรูปที่คนอื่นถ่ายแล้วส่งมาให้อยู่บ้าง เลยเลือกรูปที่คิดว่าดีส่งไปให้มันรูปนึง
[นี่ใครถ่ายให้]
[พี่ที่รู้จัก ทำไมเหรอ] หรือว่ามันไม่ชอบ
[ก็น่ารักดี แต่อยากได้รูปเซลฟี่]
กวาดสายตามองผองเพื่อนและบรรยากาศในห้องสมุดที่ไม่เหมาะสมแก่การลั้นลาออกนอกหน้าด้วยประการทั้งปวง
[ไว้ถึงบ้านก่อน]
[ไลฟ์มั้ย ครางชื่อจอมหน่อยครัช]
[ชั่วมาก]
[555555] จอมพิมพ์เสียงหัวเราะ ก่อนจะส่งรูปมาให้รูปนึง
เป็นรูปมันในชุดลำลอง ถ่ายเซลฟี่หน้าลานบ่อน้ำธรรมชาติที่มีควันขาวลอยเลียด เบื้องหลังมีแสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยส่องทะลุม่านหมอกหนาทึบจนเป็นสีทองเรืองรอง เงาจากต้นไม้และโขดหินเตี้ยทั้งใกล้ไกลเข้มชัด เกิดเป็นเส้นสีแสงเงาที่งดงามเหมือนฝัน แต่นั่นก็ไม่เจิดจ้าเท่ารอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาที่ปกติคมเฉียงโค้งลงเล็กน้อย แววตาพราวระยับ ส่งผ่านความรู้สึกดีๆ มากมาย มาถึงคนรับ
[มาดูสถานที่ถ่ายทำโปรเจคต์] มันว่า
ผมเหม่อมองรูปนั้นอยู่นาน พอจะเข้าใจแล้วว่ารูปที่ถ่ายตัวเองความรู้สึกมันคนละแบบกับรูปที่มีคนอื่นตั้งใจถ่ายให้เลย ราวกับว่าคนในรูปอยู่ใกล้ชิดเราแค่เพียงข้างกาย มองตรงมาที่เรา เปิดเผยแง่มุมหนึ่งที่เป็นส่วนตัวให้เราได้รับรู้
[น่าจะถ่ายจริงตอนมึงสอบเสร็จพอดี]
ผมอดใจยิ้มหวานไม่ได้อีกครั้งเมื่อเห็นอีกประโยคถัดมา
[ไว้มาด้วยกัน]
***
TBC