Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6  (อ่าน 20768 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [012] 25/12/60 p.2
«ตอบ #60 เมื่อ25-12-2017 12:54:58 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #61 เมื่อ01-01-2018 18:18:05 »

HNY ค่า ขอให้ทุกท่านมีความสุขทั้งกายใจตลอดปีใหม่นี้นะคะ


013

แอร์เย็นและรถตู้ที่วิ่งฉิวบนถนนรวมกับเสียงเพลงเบาๆ ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปพักใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนใกล้ถึงจังหวัดตากแล้ว ผมผงกหัวดูเพื่อนร่วมทางที่เงียบสนิทเข้าเฝ้าพระอินทร์ไม่ต่างกันเพราะออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อเลี่ยงการจราจรติดขัด

“น้ากิตยังไหวมั้ยครับ ง่วงมั้ย” ผมชะโงกหน้าถามคนขับรถเบาๆ

“สบายครับคุณธี นอนต่ออีกนิดก็ได้นะครับ เดี๋ยวแวะกินของอร่อยที่ตากกัน”

ผมพยักหน้ารับ มองไปยังคนตัวสูงข้างที่นั่งคนขับซึ่งหันมาสบตา

“ไม่ง่วงเหรอ” ผมถาม อาร์ตอาสานั่งหน้าเผื่อเปลี่ยนขับกับน้ากิต

“งีบแล้ว ตื่นก่อนแป๊บนึง” มันว่าพลางบิดขี้เกียจ ก่อนหันกลับไปมองถนน

ตอนนี้ผมกับจอม อาร์ต เอก โจ้ และเพื่อนที่ผมเพิ่งรู้จักอีก 2 คนกำลังมุ่งหน้าไปยังจังหวัดลำปาง เพื่อถ่ายทำสารคดีโปรเจคต์ในวิชาหนึ่งของคณะวารสารฯ ภาคอินเตอร์ พอแม่ทราบว่าผมจะไปลำปางเลยบอกให้เอารถตู้และน้ากิตคนขับรถมา ไม่ต้องเดินทางเองให้เสียเวลา บ้านพักก็มีอยู่แล้วด้วย งานนี้ผมเลยติดสอยห้อยตามกลุ่มของจอมมาได้แบบไม่ต้องเกรงใจนัก กลับได้รับคำขอบคุณจากทุกคนเสียอีกที่ผมช่วยประหยัดค่าเดินทางและที่พักให้ได้เยอะเลย

ผมมองคนที่ยังหลับอยู่ข้างกาย จอมกอดอกเอียงศีรษะมาใกล้ ดวงตายังหลับพริ้มราวกับเด็กว่าง่าย ผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อย ดูท่าช่วงที่ผ่านมาจะโปรเจคต์เยอะเช่นเคย ไม่เจอตัวเป็นๆ ตั้งเดือน คิดถึงจัง

กำลังมองเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวใหญ่โงกซบลงมาที่ไหล่ผมจริงๆ คล้ายสัปหงก แต่มือที่เลื่อนมาประสานนิ้วแล้วคลึงเบาๆ บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าแกล้งหลับอีกแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่ามีตามองทะลุหรือไง แอบมองตอนหลับทีไรเป็นต้องรู้ตัวทุกที

ดวงตาแพรวพราวที่ช้อนมองในระยะประชิดทำผมใจเต้นผิดจังหวะ จอมบีบมือเบาๆ อีกครั้งหนึ่งก่อนขยับนั่งตรงตามปกติ แต่ยังหันมาสบตาพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก โอ๊ย หัวใจเต้นแรงจนเจ็บแล้วเนี่ย ถ้าไม่มีใครอยู่จะจับจูบแม่งให้เข็ด

ห้าวหาญในความคิดอีกแล้วผม ความจริงทำได้แค่ยิ้มเขินจนคล้ายปัญญาอ่อน อะแฮ่ม ก็คนมันกำลังอินเลิฟ ไม่ว่ากันเนอะ

“ถึงไหนแล้ววะ” โจ้ขยี้ตางึมงำ

“ใกล้ถึงตากแล้ว เดี๋ยวแวะกินข้าวกัน” ผมตอบ

“โห หลับยาวเลยกู ที่นั่งรถมึงสบายดีอ่ะ”

รถตู้ที่บ้านผมใส่เบาะใหม่ให้นั่งสบายทุกที่นั่ง โดยเฉพาะคู่หน้าที่ผมกับจอมนั่งอยู่ เพราะสมาชิกครอบครัวค่อนข้างเยอะเลยแต่งรถตู้ไว้สำหรับเดินทาง นอกจากนั่งสบายยังมีทีวี เครื่องเล่นแผ่น เครื่องเสียงครบครัน

“ได้ยินเสียงมึงกรนตั้งแต่ยังไม่พ้นนครสวรรค์ละ ไม่สบายได้ไง” เอกแซะตามประสา ทั้งที่ตัวเองพกทั้งหมอนรองคอและผ้าห่ม หลับสบายกว่าเขาเพื่อน

“มึงไม่กรนเลยเนอะ ทำตัวสบายยิ่งกว่าอยู่บ้าน” เพื่อนซี้เบะปากใส่

“เขาเรียกเตรียมพร้อม”

ต่อปากต่อคำกันไป อีกสองคนที่เหลือเลยตื่นตาม เป็นเพื่อนทำโปรเจคต์กลุ่มเดียวกันกับพวกจอมที่ผมไม่เคยเจอ คนหนึ่งคือเคนนี่ ลูกครึ่งอเมริกันร่างใหญ่ผมสีน้ำตาลทองเปลือกตาหนาดูง่วงงุนตลอดเวลา อีกคนเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในทริปชื่อลิน ฟังว่าที่มารวมกลุ่มด้วยเพราะเป็นเพื่อนเคนนี่ตั้งแต่เด็ก กับอีกเหตุผลคือเรียนเก่งเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น เลยเป็นที่แย่งตัวของทุกกลุ่ม

“Where are we now?” ลินถามเป็นภาษาอังกฤษ จอมบอกว่าเธอเป็นคนไทยก็จริงแต่เรียนอินเตอร์มาตลอดเลยมีความเป็นฝรั่งสูง ทำงานด้วยแล้วสบายใจเพราะไม่ค่อยถือสาเรื่องหญิงชายให้ยุ่งยากในยามต้องออกภาคสนามแบบนี้

“ถึงตากแล้ว” เอกตอบด้วยภาษาเดียวกัน เวลาพูดกับเคนนี่หรือลินเพื่อนๆ มักใช้ภาษาอังกฤษ ถึงจะฟังไทยออกแต่แบบนี้สะดวกกว่า

“อีกนานมั้ยกว่าจะถึงลำปาง”

“สักสองชั่วโมงได้ แต่เดี๋ยวเราแวะกินกลางวันก่อน”

“โอเค ดีเลย”

ลินยิ้มตอบ แม้จะไม่ได้สวยเด่นแต่มีบุคลิกของผู้หญิงเก่ง ท่าทางกระฉับกระเฉง แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และรองเท้ากีฬา พร้อมทำงาน ผมเห็นเธอเป็นฝ่ายดูแลเคนนี่ที่เหมือนหมีจำศีลราวกับพี่สาวดูแลน้องชาย ท่าทางคงสนิทกันมาก

ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าร้านอาหารบรรยากาศดีริมน้ำปิง ทุกคนจึงลงไปยืดเส้นยืดสาย บ้างก็ควักมือถือออกมาถ่ายรูปลงโซเชียลไปตามเรื่องตามราว ผมแจ้งจำนวนที่นั่ง ก่อนเด็กในร้านจะเชิญไปที่โต๊ะ

เพราะเคยมากินทุกครั้งที่เดินทางไปลำปางด้วยรถยนต์ ผมจึงสั่งอาหารขึ้นชื่อของที่นี่สองสามอย่างไปก่อน ที่เหลือพอทุกคนทยอยเดินเข้ามาครบก็สั่งเพิ่มกันอีกจนน่ากลัวจะเหลือ

“น้องธีใช่มั้ยลูก” เพิ่งสั่งเสร็จก็มีเสียงทัก พบว่าเป็นคุณน้านวลจันทร์ ข้าราชการในพื้นที่ เคยเป็นลูกน้องของพ่อผมและรู้จักพวกเราสี่พี่น้องมาตั้งแต่เด็ก

“สวัสดีครับ” ผมลุกขึ้นไหว้

“สวัสดีค่ะ คุณแม่ไม่มาด้วยเหรอ”

“ธีมากับเพื่อนครับ” ว่าแล้วจึงหันไปแนะนำสมาชิกคร่าวๆ

“สวัสดีค่า ไม่ต้องลุกลูก ตามสบาย” น้านวลจันทร์ยิ้มแย้มรับไหว้ “แล้วคุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ สบายดี?”

“สบายดีครับ คุณน้าล่ะครับ”

“น้าก็เรื่อยๆ จ้ะ จะไปลำปางเหรอลูก”

“ครับ พาเพื่อนไปเที่ยว” ที่จริงไปทำงาน แต่ขี้เกียจลงรายละเอียด

น้านวลจันทร์ชวนคุยอีกสักพักก็ขอตัว ผมจึงไหว้ส่ง แล้วนั่งลงอีกครั้ง แต่คราวนี้เพื่อนร่วมทางบางคนหันมามองด้วยสายตาทึ่งแปลกๆ

“โห เพิ่งรู้ว่าบ้านมึงไม่ธรรมดา งี้จอมไม่…โอ๊ย! เหี้ย!” โจ้กุมหัวที่โดนคนข้างๆ ตบเข้าอย่างจัง

เอกตีหน้ายักษ์ถลึงตาบุ้ยใบ้ไปทางน้ากิตที่นั่งท้ายโต๊ะ โจ้ที่คิดจะด่าเลยหุบปากลงอย่างเรียบร้อย ผมที่ตื่นตระหนกไปแวบหนึ่งก็ค่อยสงบตาม โชคดีที่เอกรอบคอบซ้ำมือไว ผมไม่ปิดเรื่องจอมกับเพื่อนก็จริงแต่ให้คนที่บ้านรู้มันเป็นอีกเรื่อง

“มึงชอบพล่ามตอนหิว อดทนหน่อยเดี๋ยวอาหารก็มา ดื่มน้ำไปไป๊” เอกเปิดขวดน้ำให้

“เออ…คอแห้งว่ะ” โจ้ยิ้มแหย ยกมือขอโทษขอโพย ผมเลยส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรให้ ส่วนจอมก็หรี่ตาคาดโทษคนปากไวไว้

ดีที่ครู่เดียวอาหารก็ทยอยเสิร์ฟ มีทั้งขาหมูเยอรมัน สเต็กจิ้มแจ่ว แกงคั่วหอยขม ปลาทับทิมทอด สลัดผลไม้กุ้งทอด และอีกเยอะแยะ แต่ละคนเริ่มจ้วงกันอย่างกับไม่เคยแวะกินอาหารเช้าที่นครสวรรค์มาก่อนเลย รวมมิตรสายแข็งสินะ

“อร่อยทุกอย่างเลย ขาหมูนี่ก็สุดยอด” โจ้กลับมาเริงร่า แนะนำเพื่อนๆ ให้ลอง

ผมตักเนื้อปลาทับทิมทอดแยกก้างใส่จานให้จอมด้วยความเคยชิน มันชอบกินปลาแต่ไม่ชอบคัดก้างเอง และได้รับของตอบแทนเป็นสเต็กหมูราดน้ำจิ้มแจ่วมานอนในจานเสร็จสรรพ

“เออ ตกลงได้พักบ้านมึงใช่มั้ย” อาร์ตถาม มือเลื่อนต้มยำแบ่งใส่ถ้วยเล็กมาให้

“ให้พวกมึงไปดูกันเองละกันว่าพักได้มั้ย ค่อยตัดสินใจ”

เพราะทีแรกตั้งใจไว้ว่าจะไปพักบ้านญาติผมที่เพิ่งสร้างใหม่ไม่นานและหลังใหญ่เพียงพอรับแขกหลายคน แต่พอทุกคนรู้ว่าบ้านแม่ผมเป็นเรือนเก่าคลาสสิคที่สร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำท่าอยากลองพักกัน ที่จริงผมก็ไม่ติดขัดอะไรหรอกเพราะบ้านก็ได้รับการรีโนเวทแล้ว อาศัยอยู่ได้ไม่ผุพัง แต่จะอย่างไรก็คงของเดิมไว้มาก ซ้ำไม่มีคนอยู่อีก

เรื่องความสะอาดไม่มีปัญหาเพราะมีญาติมาช่วยทำความสะอาดอาทิตย์ละหน ที่ขาดคือสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย เนตก็ไม่มี จานดาวเทียมก็ไม่มี ไม่รู้พวกมันจะอยู่กันได้หรือเปล่า เลยกะให้ไปดูสถานที่จริงก่อนค่อยว่ากัน

“เสียดายว่ะอยู่ได้ถึงแค่วันอาทิตย์เอง อยากเที่ยว อยากอยู่ยาวถึงสงกรานต์” โจ้เบะปากทำหน้าท้อ

“คิดเรื่องงานก่อนครับเพื่อน ค่อยเที่ยว ตากล้องอย่างมึงห้ามอู้ที่สุด” คนนั่งติดกันรีบดับฝัน

“รู้วววววววว ขอกูมโนแป๊บนึงไม่ได้ง่ะ”

“มึงดูหน้าลินด้วย”

สาวหนึ่งเดียวในกลุ่มแสร้งตีหน้าแยกเขี้ยวขู่ คนที่งอแงเมื่อครู่จึงค่อยสงบลงได้

กินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อ โดยใช้เวลาอีกราว 2 ชั่วโมงเพื่อไปยังจุดหมาย แม่ผมเป็นคนลำปาง ญาติฝ่ายแม่ส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น อีกทั้งแม่ผมก็กลับมาเยี่ยมบ้านทุกปี ผมจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่เพราะต้องมาเป็นเพื่อนแม่เกือบทุกครั้ง

ถึงตัวเมืองไม่นานก็เลี้ยวเข้าบ้านที่อยู่แถวนาก่วม รถตู้คันใหญ่ผ่านประตูรั้วเหล็กดัดเข้าไปตีวงโค้งตามวงเวียนที่ใจกลางเป็นสระน้ำพุล้อมด้วยพุ่มกุหลาบ ก่อนจะจอดหน้าบ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้น ด้านนอกทาสีเขียวไข่กาอ่อนๆ ทำให้ดูไม่ทึบทึมจนเกินไป

“ถึงละ ยังไม่ต้องเอาของลงก็ได้นะไปสำรวจบ้านก่อน เผื่อเปลี่ยนใจ” ผมเปิดประตูลงรถเดินนำ เห็นว่ากลอนบ้านไม่ได้ลงไว้ คงมีญาติที่ดูแลมาเปิดให้

เมื่อเปิดประตูบานพับเก่าเข้าไป ภายในบ้านยังคงสีไม้เดิมซึ่งค่อนข้างเข้ม มองไปด้านในมีโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ขนาด 6 ที่นั่ง ติดผนังคือตู้กับข้าวรุ่นโบราณ กับตู้เย็นรุ่นบรรพบุรุษที่ใช้งานไม่ได้แล้วกลายเป็นแค่ของตกแต่ง โป๊ะไฟเป็นโคมแก้วดั้งเดิม และมีพัดลมเพดานซึ่งจริงๆ เป็นของใหม่ที่ทำเลียนของเก่า ตรงกลางบ้านติดผนังฝั่งในมียกพื้นสูงประมาณเข่ากว้างพอให้นอนเล่นได้เป็นสิบคน ใช้เป็นทั้งที่กินข้าวหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย
 
“โห วินเทจสัด น่าถ่ายรูป” วิญญาณตากล้องของโจ้ทำงาน ควักกล้องใหญ่ขึ้นมาถ่ายมุมนั้นมุมนี่

“ออกไปตรงด้านนี้เป็นห้องครัว เชื่อมต่อไปลานด้านหลัง ไม่มีอะไร ไปดูห้องนอนก่อนละกัน” ผมเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นสอง

เพราะเป็นห้องนอนจึงปรับปรุงมากหน่อย มีทั้งหมด 3 ห้อง เตียงเป็นโครงเดิมแต่ฟูกรุ่นใหม่ มีแอร์ มีการเดินสายไฟต่อปลั๊กใหม่ ทั้งหมดยังไม่ทิ้งกลิ่นอายเก่าก่อนแต่ใช้งานสะดวกสบายขึ้น

“ติดแอร์แล้วแต่ผนังกับพื้นยังเดิมๆ เรือนไม้มันมีช่องอะไรบ้างแมลงเลยเข้ามาได้ ต้องใช้ไอ้นี่”

ไอ้นี่ที่ว่าคือมุ้งสีขาวที่ตลบอยู่เหนือเตียง ยามกางลงจะล้อมเตียงแต่ละหลังรอบทุกด้าน เป็นที่สนอกสนใจมาก โดยเฉพาะเด็กอินเตอร์แท้ทั้งสอง

“จะลำบากนิดนึงที่ห้องน้ำ มันอยู่ข้างนอกอ่ะ”

ผมเปิดประตูบานหนึ่งออกไป ด้านนอกคือระเบียงกว้างยื่นออกไปเป็นรูปตัว U มีรั้วเหล็กดัดลายเถาอ่อนช้อยกั้นล้อม ตกแต่งด้วยไม้กระถางและโอ่งดินเผาสวยงาม มองลงไปเห็นซุ้มพวงแสดที่ชั้นล่าง ซ้ายมือคือน้ำพุและกอกุหลาบที่อยู่ปากทางเข้า บนระเบียงฝั่งขวาเป็นห้องน้ำใหญ่ที่มีทั้งสุขา อ่างอาบน้ำทรงถังไม้ และฝักบัว พิเศษหน่อยคือ ห้องน้ำนี้ไม่มีหลังคา

“ชอบอ่ะ อยู่หลังนี้เหอะ” ลินดูจะชอบอกชอบใจ ถึงไม่มีหลังคาแต่ล้อมผนังไม้ มิดชิดดีอยู่

“นั่นสิ น่าอยู่ดี” เอกพยักหน้า

“ถามอีกคำเดียว” โจ้ยกมือขึ้นหวาดๆ “ไม่มีผีใช่ป่ะ”

“มีชัวร์” อาร์ตแกล้งตอบก่อน

“ไม่อาว ไม่เล่น บ้านเก่างี้ก็ต้องกลัวบ้างอ่ะ”

“ไหนบอกว่าชอบของเก่า อยากถ่ายรูป”

“ถ่ายภาพกลางวันกับนอนค้างกลางคืนไม่เหมือนกันป่าววะ”

“ไม่ต้องเถียงกัน” ผมตัดบท “ไม่รู้ว่ามีมั้ย แต่กูไม่เคยเจอ”

“คนอื่นเคยเจอ?” โจ้ยังดูหวาดระแวง

“ไม่เคยถามสักที อยากรู้มั้ยจะถามแม่กับญาติๆ ให้”

“ไม่ต้องๆ ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ”

“สรุปจะพักที่นี่มั้ย มีสองห้องเล็ก หนึ่งห้องใหญ่ คงแบ่งกันอยู่ได้ แต่จะไปดูบ้านน้ากูก่อนก็ได้ ทางนั้นเป็นบ้านใหญ่สร้างใหม่ 3 ชั้น 7 ห้องนอน” ผมชี้ไปทางด้านหลัง มองลอดหน้าต่างอีกฝั่งไปจะเห็นบ้านที่ว่าอยู่แค่ระยะเดินถึง บ้านที่นี่ญาติๆ ทุกคนอยู่รั้วเดียวกัน ปันสรรที่ดินตามส่วน สร้างบ้านตามชอบใจ แต่ยังช่วยดูแลกันใกล้ชิดอยู่

“ไม่ต้องหรอกกูว่า พักกันเองไม่ต้องเกรงใจผู้ใหญ่ด้วย พวกกูมีเวลาไม่กี่วันอาจจะต้องนอนดึกตื่นเช้า คุยงานกันอีก เดี๋ยวรบกวนเขาเปล่าๆ”

จอมออกความเห็น ทุกคนจึงเห็นดีตามนั้น ต่างพากันลงไปเอาสัมภาระขึ้นมาเก็บ ผมเดินไปขอรหัสไวไฟกับน้าชายที่อยู่บ้านใกล้กันที่สุดมาให้พวกจอมใช้ทำงาน พอกลับมาก็พบว่าแบ่งห้องกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยลินนอนกับเคนนี่ เอก โจ้ อาร์ต นอนห้องใหญ่ ผมกับจอมนอนอีกห้องที่เหลือ ส่วนน้ากิตนอนห้องเล็กชั้นล่างที่ปกติเคยใช้อยู่แล้ว

จอมนั่งปลายเตียง รื้อค้นเสื้อผ้าจากเป้ออกมากอง รวมถึงดึงแมคบุ๊คออกมาวางบนโต๊ะข้างหัวเตียง เสียบปลั๊กชาร์จไฟ ผมเดินเข้าไปหยิบเสื้อกองนั้นมาใส่ไม้แขวนเข้าตู้ให้ แต่แล้วก็ต้องสะดุดเมื่อคนตัวสูงสอดมือเข้ามากอดเอวจากด้านหลัง ดึงตัวผมไปแนบชิด

“คิดถึงว่ะ” คำง่ายๆ แต่สะท้านหัวใจกระซิบแผ่วริมหู ตามมาด้วยจูบร้อนๆ ที่ท้ายทอย ไล่ระเรื่อยมาข้างแก้ม ก่อนจบลงที่ริมฝีปาก

ผมหันเงยใบหน้าให้รับการรุกรานได้ถนัดขึ้น หลับตารับรสจูบที่เชื่องช้า ลิ้นร้อนและเล็มแค่เพียงปลายลิ้นราวกับชิมของหวาน ก่อนจะแทรกเปิดปากของผมให้เผยอกว้าง เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ตวัดเลียไปถึงเนื้ออ่อนบนเพดานปากที่ไวสัมผัส พัวพันจนลมหายใจเริ่มติดขัดถึงได้ยอมปล่อยด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง

“อยากฟัดมึง”

ไม่ใช่ไม่อยากนะ แต่ว่า…

“นี่ห้องนอนพ่อแม่กู”

จอมทำท่าคอตกทันทีที่ได้ยิน

“แลกห้องกับลินทันป่ะ”

ผมอดหัวเราะไม่ได้ หมุนตัวกลับ เอื้อมมือไปขยี้หัวมัน

“อย่าทะลึ่ง มาทำงาน จำได้มั้ย”

“แต่มึงว่างนี่”

สีหน้าออดอ้อนที่ไม่แสดงให้เห็นบ่อยนักทำให้ผมต้องเอียงคอยิ้ม

“ทำตัวดีๆ เดี๋ยวให้รางวัล”

หมาป่าหูตั้งทันทีที่ได้ยิน ทำท่าจะกดจูบเข้ามาอีกครั้ง เลยต้องรีบปราม

“พอก่อน ยังสว่างอยู่เลย เดี๋ยวปากบวม” ตั้งแต่คบกับจอมผมถึงเพิ่งรู้ว่าปากตัวเองเจ่อบวมง่าย ถูกจูบหนักหน่อยทีไรขึ้นสีจัดทุกที มีพิรุธโคตร ดีที่อาการนั้นหายเร็ว จวนตัวจริงๆ อมน้ำแข็งหน่อยก็หาย

“โอเค” หมาใหญ่คลายมืออย่างว่าง่าย “กลางคืนค่อยจัดเต็ม”

“…”


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2018 10:45:57 โดย Z4 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #62 เมื่อ01-01-2018 18:57:51 »

 :L2: :L1: :pig4:

รู้สึกเหมือนเห็นหางโผล่ :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2018 19:50:57 โดย Billie »

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #63 เมื่อ01-01-2018 20:50:58 »

เหมือนเห็นหู้ตั้งๆ กับหางเป็นพวงส่ายไหวๆ รอรางวัลตอนกลางคืนยังไงก็ไม่รู้ ฮาาาา

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #64 เมื่อ02-01-2018 10:25:16 »

น่ารักกก

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #65 เมื่อ02-01-2018 13:58:23 »

ขอบคุณค่ะ  ธีร์สายเปย์  อิอิ

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #66 เมื่อ02-01-2018 14:08:59 »

HNY 2018 นะคะ รอจอมจัดเต็มค่ะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #67 เมื่อ03-01-2018 17:56:49 »

เรื่องนี้น่ารักอ่าาาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
«ตอบ #68 เมื่อ06-01-2018 08:06:11 »

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑

โอย..........อยากอ่านต่อแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
เรื่องน่ารักมากกกกกก  :mew1: :mew1:

จอม ธี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ธี น่ารักมากกกกกกกกกก
จอม ไม่น่าอดใจไหวนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #69 เมื่อ07-01-2018 15:38:34 »


014



เก็บของแล้วทุกคนก็เริ่มคุยงานทันที โดยใช้ห้องโถงใหญ่สุดปีกชั้นบนของบ้านเป็นห้องประชุม ภายในห้องมีหิ้งพระขนาดกลางชิดผนังมุมหนึ่ง โทรทัศน์และเครื่องเล่นบลูเรย์อีกมุมหนึ่ง นอกนั้นเป็นพื้นไม้สักเก่าขัดมันโล่งกว้าง ใช้เพียงเบาะนวมเตี้ยและบีนแบ็กหลายใบสำหรับนั่งพักผ่อน ห้องนี้เป็นห้องที่ผมชอบที่สุดเพราะแสงเข้าถึงสามด้าน หน้าต่างแคบยาวที่กรุโดยรอบเป็นกระจกสีที่ใช้มาแต่เดิม วินเทจของแท้ ทั้งสวยและคลาสสิค

จอมและเพื่อนทุกคนดูจริงจังมาก ฟังว่าโปรเจคต์ของคณะนี้จะเสมือนการทำงานจริง บ้างก็เป็นถ่ายทำสารคดี สัมภาษณ์นิตยสาร ทำรายการ หรือโฆษณาอะไรเทือกนั้น แล้วแต่อาจารย์จะสั่ง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ได้แต่ช่วยเป็นกำลังใจ

รู้ตัวว่าเป็นคนเดียวที่ว่าง เลยอาศัยช่วงที่ยังไม่เย็นมากเดินไปที่บ้านน้าชายอีกรอบ ขอยืมมอเตอร์ไซค์เวสป้าคันเก่ามา ขับออกไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินเล่น แวะซื้อน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แคบหมู ไส้อั่ว และข้าวซอยเจ้าประจำกลับมา โดยใช้เงินกองกลางที่ทุกคนให้ไว้ ผมจัดแจงหิ้วของทั้งหมดเข้าบ้าน เรียงอาหารเครื่องดื่มเข้าตู้เย็นในครัว ครัวที่นี่เป็นเรือนแยก และเป็นส่วนเดียวของบ้านที่รีโนเวทจนไม่เหลือเค้าเดิม เครื่องครัวทุกอย่างจึงเป็นของใหม่ทันสมัยทั้งหมด 

“พี่ธี มาแอ่วแล้วกา” เสียงใสทักทายผ่านช่องหน้าต่าง เห็นสาวน้อยผมเปียร่างบางในชุดลำลองขาสั้นส่งยิ้มให้แต่ไกล

“หวัดดีจ้ะฝ้าย” ผมทักญาติผู้น้อง ฝ้ายเป็นลูกสาวน้าปานที่ผมตั้งใจไปพักด้วยตอนแรก

“ไหนแม่ว่าพี่ธีจะค้างบ้านฝ้าย” เธอถอดรองเท้าเดินเข้ามาช่วยจัดของในครัว

“มากันเยอะ กวนเปล่าๆ บ้านนี้ก็อยู่ได้ เพื่อนพี่ชอบ”

“รอเก้อเลยเหอะ นี่แม่ให้มาเรียก บอกว่ายังไงเย็นนี้ให้ชวนเพื่อนพี่มากินข้าวด้วยกัน ทำกับข้าวเยอะมาก”

“เอาสิ ดีเลย เก็บข้าวซอยไว้กินตอนเช้า” ผมรับด้วยความยินดี คิดถึงฝีมือทำอาหารของน้าปาน

“มีตำขนุน แกงหยวก ยำไก่ใส่หัวปลี ของที่พี่ธีชอบทั้งนั้นเลย แอ็บอ่องออก็มี”

อดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินรายการสุดท้าย ไม่รู้คณะนี้จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอของจริง

“ขอบคุณน้าปานมาก สักทุ่มนึงพี่เดินไปหานะ”

“จ้ะพี่ พาเพื่อนหล่อๆ มาด้วยนะ”

“ทะลึ่งนะเรา เดี๋ยวพ่อเราตีตาย” ผมหยอกขำๆ

ฝ้ายยู่ปาก โบกไม้โบกมือ ก่อนเดินกึ่งวิ่งกลับบ้าน

ผมเดินกลับขึ้นไปชั้นสอง เอากระติกใส่น้ำแข็งเกล็ด น้ำหวานสองสามอย่างและขนมติดมือไปให้พวกน้้นที่ยังคุยกันไม่จบ

“กราบคุณธี ได้พึ่งใบบุญแท้ๆ” โจ้พนมมือกราบแบบแอคติ้งตามประสา

“ผีเรือนไทยเข้าสิงมึงเหรอ” เอกกระเถิบก้นออกห่าง

“ปากอัปมงคล ห้ามทักเรื่องผีเว้ย” คนกลัวผีรีบเคาะพื้นไม้แก้เคล็ดแบบฝรั่ง

“เย็นนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องกินละนะ” ผมเปลี่ยนเรื่องห้ามทัพ “น้ากูทำเลี้ยง รับรองรสชาติ แต่เป็นอาหารเหนือเลยนะ ไหวเปล่า”

ทุกคนเฮรับว่าไหว อยากกินอาหารพื้นเมืองอยู่แล้ว ก่อนคุยงานกันต่อ ผมเห็นลินทำสตอรี่บอร์ดออกมาแบบจริงจังดูมืออาชีพมาก จับใจความได้ว่าพวกนี้คิดจะทำสารคดีเกี่ยวกับของดีจังหวัดลำปาง โดยคราวก่อนจอมกับโจ้และอาร์ตขึ้นมาดูมาติดต่อสถานที่จริงและถ่ายภาพฟุตเทจบางส่วนไว้แล้ว ภาพที่จอมส่งมาให้ผมก็ถ่ายตรงบ่อน้ำร้อนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนนั่นเอง

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวยังจะไปถ่ายที่โรงงานเซรามิกกับร้านของช่างฝีมือที่ทำรถม้าจิ๋วด้วย เพราะฉะนั้นภายในเวลาสามวันต้องได้ครบเรื่องและห้ามพลาด ไม่งั้นมาถ่ายซ่อมอีกคงไม่ขำ

“ให้น้ากิตพาไปตามนี้ มีติดขัดอะไรมั้ย” เมื่อสรุปงานกันได้แล้ว จอมก็หันมาถามผม

“ตามสบาย เที่ยวนี้มาเพื่อช่วยงานพวกมึงเลย จะไปไหนเวลาไหนได้หมด”

“โอเค ขอบใจว่ะ งั้นเดี๋ยวเราไปกินข้าวเหอะ ค่อยมาเตรียมอุปกรณ์”

พรรคพวกทุกคนพยักหน้ารับ ลุกยืดแข้งยืดขา พากันเดินออกทางหลังบ้าน

เพราะทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนชินทาง ทางเดินกรวดแคบๆ จึงค่อนข้างมืด ผมเดินช้าหน่อย ใช้มือถือส่องแทนไฟฉาย  ได้ยินเสียงโจ้อืออาในลำคอเมื่อผ่านดงกล้วยหรือต้นมะขามสูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านครึ้ม ท่าทางจะกลัวผีมากจริงๆ

เดินแค่สองสามนาทีก็ถึงบ้านน้าปาน ได้ยินเสียงเจ้านิลเห่าเสียงขรม นำฝูงสุนัขตัวไม่เบาวิ่งมาทางนี้ถึง 4-5 ตัว ลินชะงักฝีเท้าก่อนเพื่อน

“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกันให้” ผมหันไปปลอบให้เธอสบายใจ หมาที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านบริเวณใหญ่แบบนี้ค่อนข้างดุ แต่ผมคุ้นเคยกับพวกมันดีอยู่

“นิล หยุด!” ผมดุจ่าฝูงที่ชื่อนิล เป็นสปิตซ์พันธุ์ผสมตัวใหญ่สีดำเมี่ยมสมชื่อ เสียงเห่าในฝูงยังดังแต่หางกระดิกและไม่แยกเขี้ยวขู่แล้ว นิลเข้ามากระโดดเกาะผมด้วยความดีใจ

“เดินตามมาเลย ไม่กัดแล้ว” ผมบอกเพื่อนๆ แล้วเดินต้อนหมาให้นำอยู่ห่างหน่อย จนเดินขึ้นบ้านน้าปานได้ในที่สุด

“น้าปาน สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ น้าปานเป็นน้องสาวของแม่ผม นับเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุด

“ไหว้พระเถอะลูก เข้ามาๆ ปิดมุ้งลวดด้วยนะ เดี๋ยวยุงกัด” น้าปานรับไหว้ผมและเพื่อนทุกคน ก่อนเดินเข้ามากอดและหอมแก้มผม “น้าชัยทำลาบให้ธีด้วยนะ ไปล้างมือแล้วนั่งรอเลยลูก เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

“ลำบากที่ไหนกัน ฝ้ายเอ๊ย ยกน้ำให้พี่ๆ เขาหน่อย” เธอหันไปเรียกลูกสาว

“จ้าแม่” ฝ้ายยกแก้วน้ำใส่ถาดออกมาหลายใบ วางใกล้กระติกน้ำแข็ง

“ตั้งที่โต๊ะข้างเถอะฝ้าย เดี๋ยวพวกพี่ทำเอง พวกมึงนี่ฝ้าย น้องกู” ผมขานชื่อแนะนำให้ทั้งฝ้ายและน้าปานรู้จัก

ญาติผู้น้องผมถึงกับตาโตเมื่อเห็นหนุ่มหล่อพร้อมกันหลายชีวิต โดยเฉพาะสายตาหยุดที่จอมกับอาร์ตนานเป็นพิเศษจนน้าปานต้องแอบหยิกแขนลูกสาว

เพิ่งนั่งลงที่โต๊ะอาหาร น้าชัยสามีน้าปานก็ยกจานลาบมาวางบนโต๊ะ พวกเราสวัสดีและแนะนำตัวกันอีกรอบก่อนลงมือกิน ผมกวาดตามองบนโต๊ะที่จัดเต็ม มีไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู น้ำพริกอ่องกับผักสด ตำขนุน แกงหยวกใส่วุ้นเส้น ยำไก่ใส่หัวปลี ไข่เจียวไข่มดแดง ปลาดุกย่างหลายตัว แกงฮังเล และของที่แอดวานซ์จนผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะกินได้อย่างลาบดิบและแอ็บอ่องออ

“ไม่รู้กินได้มั้ย วันนี้ทำไม่เผ็ดมาก ลองดูนะลูก” น้าปานว่าพลางส่งกระติ๊บข้าวเหนียวเล็กแจกจ่ายให้ทุกคน

“ถ้าไม่ถนัดใช้ช้อนส้อมก็ได้นะ” ผมบอกลินกับเคนนี่ คนอื่นไม่เป็นห่วงเท่าไหร่ กลัวแค่สองคนนี้จะคัลเจอร์ช็อค

“โอเค กินได้” ลินยิ้มตอบ ตักหมูในแกงฮังเลกับปลาดุกย่างให้เคนนี่ก่อน นัยว่ากินง่ายสุดแล้วในบรรดาของทั้งหมด

คนอื่นๆ ชอบลองของแปลกกันอยู่แล้ว กินกันไปชมคนทำไปจนตัวแทบลอย ผมเลยวางใจ กินตามสบายบ้าง

“ธี อันห่อๆ คืออะไรอ่ะ กินมั่งดิ” โจ้ชี้ของในจานผมซึ่งเป็นใบตองห่อสิ่งที่ดูนิ่มๆ สีเหลืองอ่อน หอมน่ากิน คนเหนือในโต๊ะฮาครืนขึ้นมาทันที

“เอาแต๊กา นี่แอ๊บอ่องออ ลำหนา” น้าชัยหัวเราะเสียงดัง หยิบห่อใบตองส่งให้โจ้อย่างใจดี

โจ้คลี่ออกดูเห็นของที่หน้าตาคล้ายห่อหมก ส่งกลิ่นหอมเครื่องเทศ เนื้อดูมีส่วนนิ่มๆ คล้ายไขมัน นึกไม่ออกว่าคืออะไรจึงส่งให้เอกกับอาร์ตที่นั่งขนาบข้างช่วยดู

“อย่าแกล้งหลานสิ” น้าปานปรามไม่จริงจังนัก “อ่องออคือสมองหมูลูก ปรุงรสรวมกับหมูสับห่อใบตองย่างไฟ ลองกินดูก็ได้ อร่อยนะ ธีชอบมากเลย”

ผมอดขำไม่ได้เมื่อเห็นแก๊งค์เด็กอินเตอร์ทำหน้าเหวอ

“แกะแล้วต้องกิน” ผมแกล้งว่า “เอานี่ด้วยมะ ลาบหมูดิบ”

โจ้มองเนื้อดิบเคล้าเลือดสีแดงก่ำดูน่ากลัวกับห่อสมองหมูในมือแล้วทำหน้าจะร้องไห้ เอกทนดูไม่ไหวเลยแย่งไปถือเอง ลังเลพักหนึ่ง ก่อนลองชิมเข้าไปจริงๆ

“เป็นไงวะ” อาร์ตทำท่าอยากรู้

“…อร่อยว่ะ ผิดคาด” เอกตักกินอีกคำ ดูเหมือนจะติดใจ “หอมมาก เนื้อมันครีมๆ แบบครีมชีส แต่ไม่เปรี้ยวนะ เค็มๆ”

“จริงอ่ะ”

“จริง ลองดิ”

คณะผู้มาเยือนกล้าๆ กลัวๆ สุดท้ายก็ลองชิมกันทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเคนนี่ ยังลองลาบดิบกันคนละหน่อยด้วย ปรากฏว่าคนกินได้มากคือเอก โจ้ และลิน ส่วนจอมกับอาร์ตบอกว่าอร่อยดี แต่ลาบค่อนข้างเผ็ดเลยกินมากไม่ได้

“ยอดๆ จะอี้เป็นคนเมียงได้ละ อยู่ลำปางสบายละ” น้าชัยชอบใจ เปิดเบียร์ชงเหล้าให้เพิ่ม วงเลยครึกครื้นขึ้นไปอีก

ผมเริ่มอิ่มเลยไม่เติมข้าว เปลี่ยนไปกินแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มแกล้มเบียร์ มีความสุขชะมัด

“ธีชอบแคบหมูโขบแบบนี้นี่ เดี๋ยวก่อนกลับน้าปานซื้อให้อีก เอาไปกินที่บ้านนะ”

“ขอบคุณครับ ธีหาซื้อแบบนี้เองไม่ได้เลย เมื่อเย็นแวะไปก็หมด”

“เจ้านี้เขามีน้อย ขายดี เดี๋ยวนี้ต้องโทรสั่ง” น้าปานอธิบาย

“คืออะไรเหรอ ทำไมต่างจากแคบหมูทั่วไปอ่ะ” จอมถาม ดูจะชอบเหมือนกัน

“เขาทำแคบหมูชิ้นใหญ่แบบโบราณใช้หนังอ่อนทอดไม่พองมาก เนื้อละเอียดไม่แข็ง ไม่พองจนไม่ได้รสชาติแถมหืนเร็วเหมือนที่เขาทำขายทั่วไป กินแล้วติดฟันนิดหน่อยแบบนี้แหละ” ผมว่า

“อร่อยกว่าแคบหมูกระด้างจืดๆ ในกรุงเยอะจ้ะพี่ ไว้ให้แม่โทรสัง ฝ้ายจะขี่รถไปเอาให้จ้ะ” ฝ้ายเสนอตัว ท่าทางปลื้มคนหล่ออย่างจอมและอาร์ตอยู่ไม่น้อย เดาว่าแอบแชตกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนมาพักใหญ่แล้วเพราะพิมพ์มือถือไม่หยุดเลย

“ทีงี้ขยันเชียวนะ” น้าปานมองค้อนไม่จริงจังนัก

“ก็ปิดเทอม ว่างๆ อ่ะ” เสียงใสอุบอิบแก้ตัว

“ว่างอะไร ปีหน้าก็จะเอนท์แล้ว บอกให้ขยันเรียนพิเศษ ดูพี่ๆ ทุกคนสิ เก่งๆ เรียนที่ดีๆ กันทั้งนั้น”

“ค่าาาาาา” ฝ้ายลากเสียงอ่อนยอมแพ้ น้าปานจึงค่อยเพลาเสียงบ่น

 


 
ไม่ได้อยู่ดึกนักเพราะต้องออกทริปแต่เช้า พวกเราไหว้ขอบคุณครอบครัวน้าปานอีกครั้ง ผมแวะบอกนัดหมายเวลากับน้ากิตที่ตั้งวงดื่มกินกับคนงานอยู่แถวนั้น ก่อนจะเดินกลับบ้านพัก ลินกับเอกขอแยกตัวไปอาบน้ำก่อน โดยเอกใช้ห้องน้ำเล็กชั้นล่าง สมาชิกที่เหลือเลยช่วยกันตระเตรียมของที่จะต้องนำไปพรุ่งนี้ทั้งหมด เอามากองรวมไว้ที่ห้องโถงเพื่อเช็คให้รอบคอบว่าไม่ลืมอะไรจริงๆ

“จอม เล่นมือถือนะ” ผมผลัดใช้ห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อย เลยมาเรียกให้จอมไปอาบบ้าง

“เอาดิ” มันยื่นให้ก่อนคว้าเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเดินออกไป

ผมกดเลขปลดล็อคหน้าจอและเข้าเกมที่ผมนึกสนุกชวนมันเล่น แต่เพราะจอมไม่ค่อยมีเวลาเอาเข้าจริงก็แทบไม่ได้เข้าเกมเลย ครั้นจะทิ้งก็เสียดายเพราะไอดีจอมดวงดี ชอบเปิดได้ไอเท็มหายากอยู่เรื่อย สุดท้ายเลยกลายเป็นผมเล่นทั้งสองไอดี ลองอาชีพใหม่ก็ไม่เลวเหมือนกัน

เปิดมือถือตัวเองขึ้นมาอีกจอ นอนเล่นทั้งสองเครื่องควบกันไป ทำเควสต์อยู่เพลินๆ ก็รู้สึกได้ว่าม่านมุ้งด้านบนถูกตลบลงมา ตามด้วยน้ำหนักที่โถมทับจนผมที่กินมาอิ่มๆ แทบจุกแอ้ก

“นี่มึงนึกว่าตัวเองเบามากช่ะ?” นิสัยแบบนี้มีแต่มันนี่แหละ

จอมหัวเราะสะใจ ก่อนยอมเท้าแขนช่วยพยุงน้ำหนักแต่ยังไม่ลุกออกไปจากหลังผม

“สนใจกูด้วยดิ”

“ก็สนใจอยู่ตลอด”

“เล่นเกมอยู่เห็นๆ” ไม่พูดเปล่ามันก้มลงใช้ฟันคมๆ งับบ่าผมเหมือนหมาแทะ

โดนกวนแบบนี้เลยต้องรีบปิดเกม กะจะเก็บเวลให้เสียหน่อย

“อ่ะ พอใจยัง ลุกหน่อย หนัก”

“แป๊บ ยังไม่เสร็จ”

“ทำไรอยู่?” ผมงง หันไปมองคนบนหลัง

“รอลวนลามมึง”

ว่าแล้วมือทั้งสองข้างก็จับหนุบหนับนัวเนียผสมขยำขยี้ไปตามเนื้อตัวผม ทั้งจั๊กจี๋ทั้งเสียววูบจนอดร้องออกมาเบาๆ ไม่ได้ นี่คือหื่นเล่นหรือเอาจริงฟะ จอมนี่บทจะรุกมันก็รุกเสียจนผมตั้งตัวไม่ติด

“ทะลึ่งละ” ผมไม่กล้าเสียงดังเพราะผนังไม้เก่าเก็บเสียงไม่ดีเท่าไร ได้แต่ดีดดิ้นพลางไล่คว้าจับมือปลาหมึกของอีกฝ่ายไว้

ดิ้นไปดิ้นมาสุดท้ายกลายเป็นผมนอนหงายโดยมีจอมนอนก่ายทับแทบทั้งตัว มันแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขา ทำให้หน้าท้องและสะโพกของเราแนบชิดกัน กลายเป็นท่วงท่าน่าหวาดเสียวไปเสียแล้ว

ผมอดเกร็งไม่ได้เมื่ออะไรต่อมิอะไรมันสนิทสนมเสียจนความร้อนเริ่มจะก่อตัว ยิ่งขยับก็ยิ่งเสียดสี ครั้นจะอยู่เฉยก็อึดอัดจนปากคอเริ่มแห้ง

ลิ้นที่แลบเลียริมฝีปากเพื่อคลายอาการแห้งผากกลับคล้ายเป็นสัญญาณให้คนที่ทาบทับฉวยโอกาสฉกจุมพิต เรียวลิ้นที่ทั้งนุ่มและร้อนตวัดแทรกให้ผมต้องเปิดปากรับ ซอนเข้ารัดรึงกึ่งหยอกเย้ากึ่งรุกไล่ สัมผัสฉ่ำชื้นคลุกเคล้าราวกับจะช่วยคลายความกระหาย แต่กลับได้ผลเป็นตรงกันข้าม เหมือนต่างกำลังลิ้มรสผลไม้ที่หอมหวาน ยิ่งได้รับยิ่งปรารถนา

มือที่ผ่าวร้อนและสากนิดๆ แทรกชายเสื้อยืดตัวหลวมเข้ามาลูบไล้ผิวเนื้อผ่านสีข้างอย่างไม่เร็วไม่ช้า ส่งความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ทำให้ขนลุกเกรียว ผมเผลอแอ่นหลังสะดุ้งเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเพราะปลายนิ้วโป้งที่คลึงหยอกยอดอกอย่างย่ามใจ พานให้ท่อนล่างบดเบียดกันจนความเสียวซ่านแล่นปราดจากท้องน้อย เสียงที่หลุดจากลำคอถูกอีกฝ่ายกลืนกินจนกลายเป็นเสียงครางอู้ที่ชวนสะท้านอารมณ์

ม่านมุ้งล้อมรอบเตียงดูคล้ายหมอกควัน กั้นแสงในห้องให้สลัวลง สติเริ่มพร่ามัวคล้ายมึนเมา ยิ่งกว่าฤทธิ์เบียร์สองขวดที่ดื่มไปเมื่อค่ำเสียอีก

ผมยกแขนทั้งสองข้างก่ายกอดแผ่นหลังกว้าง ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งจงใจขยับเบียดกลางลำตัวเบาๆ ทำให้จุมพิตยิ่งรุกเร้าดุดัน กลีบปากล่างของผมถูกดูดและขบจนรู้สึกเจ็บนิดๆ ก่อนที่จอมจะยอมผละออก เอ่ยเสียงพร่า

“แม่ง…ลูกชายกูตั้งหมดแล้ว”

“มึงเริ่ม” ผมหอบหายใจ

“ไม่หยุดยั่วกูปล้ำ”

ใครยั่วใครนะ ขออีกที

“ไม่ใช่ว่า…คิดจะทำก็ทำได้เลยซะหน่อย” ผมกลืนน้ำลาย บอกเสียงอ่อน เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ถ้าจะทำจริงๆ มันก็ต้องเตรียมอะไรตั้งหลายอย่าง

“อืม… มึงอย่าพูดเสียงกระเส่าได้ป่ะ นี่แข็งกว่าเดิมละนะ”

ไอ้เลว เสียงมันระทวยเองเฟ้ย ก็ลองโดนปล้ำจูบเสียขนาดนี้

“กูก็ด้วยเหอะ” ใช่มันมีอารมณ์คนเดียวเสียเมื่อไร

จอมยกตัวขึ้นเล็กน้อย ก้มมองส่วนที่กำลังแสดงความคึกคัก

“มือได้มะ”

“หะ?”

ไม่พูดพร่ำ มือใหญ่คว้าหมับเข้าตรงจุด เล่นเอาผมเกือบร้อง ส่วนที่แข็งไม่เต็มที่เมื่อครู่ตั้งสู้มือขึ้นมาทันทีเมื่อโดนคลึงปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้า และต้องยกมือขึ้นจิกไหล่คนตรงหน้าเมื่อถูกสอดเข้าสัมผัสเนื้อแท้โดยตรง

กางเกงนอนที่ผมสวมถูกดึงลงจนหมิ่นสะโพก อากาศเย็นตัดกับฝ่ามือร้อนที่เข้ากอบกุมทำให้ต้องครางเสียงหนึ่ง ผมกัดริมฝีปากเมื่อจอมขยับนั่ง ตามมาด้วยสิ่งที่แข็งและร้อนยิ่งกว่านาบเข้ารวม รวบเราทั้งคู่ไว้ในอุ้งมือ ขยับรูดเนิบช้า

“อา…” ผมหอบอย่างกลั้นเสียงครางไว้ไม่อยู่ เมื่ออีกฝ่ายดึงมือหนึ่งของผมลงไปร่วมเกาะกุมและขยับเป็นจังหวะ

เสียงคุย เสียงคนขยับในห้องด้านข้างดังแว่วผ่านผนังชวนให้สะดุ้งเกรง ผมจึงยันกายขึ้นเล็กน้อย ใช้มือข้างว่างดึงลำคอหนาให้โน้มลงมาช่วยจูบปิดกั้นเสียงที่อาจเล็ดรอดให้ใครได้ยิน

ลิ้นอ่อนนุ่มพัวพัน แรงดูดเม้ม ฟันขบครูดเนื้ออ่อน ทั้งหมดเร่งร้อนหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวะขยับมือเบื้องล่าง ผมแทรกนิ้วเข้าระหว่างกลุ่มผมดำสนิท เส้นผมที่ค่อนข้างหนาตัดกับความคันยุบยิบที่ฝ่ามือเพราะตอผมที่ไถสั้นตรงท้ายทอย เกิดเป็นความสยิวอีกอย่างที่ยิ่งเพิ่มทบให้รู้สึกร้อนรุ่ม

จอมเลื่อนริมฝีปากไปที่ข้างแก้มของผม ระเรื่อยไปขบที่ติ่งหู ระรานไม่เว้นแม้แต่ช่องหู ทั้งจั๊กจี๋และเสียวซ่านจนต้องหดคอหลบ ทว่ากลับยิ่งทำให้คนนิสัยไม่ดีกลั่นแกล้งมากขึ้น

ลมหายใจที่แยกแยะไม่ออกว่าของใครหอบถี่เมื่อจุดสูงสุดงวดกระชั้นเข้ามา สะโพกที่ทาบทับโยกเป็นจังหวะเข้ากับการขยับของมือ ทำให้ยิ่งเพริดไปกับความสุขสม มือทั้งสองชื้นแฉะไปด้วยหยาดน้ำจากส่วนปลาย ความลื่นและเสียงที่ชวนให้หน้าแดงย้ำรอยรสสัมผัสให้ยิ่งชัดเจน

“อ๊ะ…อือ!” ผมแหงนเงยหน้า เสียวเกร็งจนต้องจิกนิ้วเท้า ก่อนจะปลดปล่อยออกมาเมื่ออดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

ฟันคมขบกัดเข้าที่ลำคอของผม ตามด้วยการดูดเม้มจนน่าจะเป็นรอย จอมครางเสียงต่ำเมื่อถึงจุดสูงสุดบ้าง ในขณะที่ผมยังชาและพร่าเบลอด้วยความซ่านเสียว ได้แต่นอนหอบหนัก ในหูยังก้องเสียงหัวใจที่เต้นระรัว

เรากอดกันนิ่งอยู่แบบนั้นพักหนึ่งเพราะอ่อนระทวยเกินกว่าจะขยับตัว ชั่วครู่จอมจึงลุกออก คว้าเสื้อตัวเก่าที่เคยสวมก่อนผลัดเป็นชุดนอนขึ้นมาเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนให้ทั้งผมทั้งมัน

“เลอะเตียงนิดนึงอ่ะ”

เตียง… ห้องนอนแม่… โอ๊ยยยย นี่ทำอะไรลงไปวะกู ผมยกมือปิดหน้า

“...มึงก็หื่นกามไม่ปรึกษากูเลย”

“ให้อดกว่านี้ก็ฤๅษีแล้ว” จอมดึงมือผมออกแล้วก้มลงมาเลียปากที่เจ่อช้ำเบาๆ “มึงก็อยากกูรู้”

มองรอยยิ้มสมใจแล้วหมั่นไส้มากกกกก เออ ก็อยาก แต่ช่วยบอกให้กูเตรียมพร้อมมากกว่านี้ได้มั้ยยยย

ผมเท้าศอกยันตัวลุก มองสภาพตัวเองแล้วกระดากระคนปลงสังเวช เสื้อยืดถูกเลิกขึ้นมาถึงอกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ กางเกงก็จะหลุดมิหลุดแหล่ แถมคนทำยังมีหน้ามาจ้องด้วยสายตาลวนลามอย่างไม่คิดปิดบัง จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบเอง

สุดท้ายคืนนี้ เราสองคนก็ต้องย่องลับๆ ล่อๆ ออกไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อกันอีกรอบถึงจะกลับมานอนได้ แต่โชคดีที่ตอนน้้นนอนเล่นเกมยังไม่ทันดึงผ้าคลุมเตียงออก ผ้าผืนที่เลอะคราบขุ่นจึงดึงออกไปรอซักได้ง่ายดาย มีเตียงสะอาดให้นอน และรู้สึกผิดกับบุพการีน้อยลงนิดนึง

เมื่อปิดไฟนอนอย่างสงบได้ก็แทบจะหลับลึกด้วยความเพลียในทันที ก่อนสติสัมปชัญญะจะดับลงผมจบความคิดลงที่ว่า การที่จอมจะเกิดอารมณ์กับผู้ชายอย่างผมได้หรือไม่นั้น คงไม่ต้องไปสงสัยอะไรอีกแล้ว เอาเวลาไปห่วงตัวเองว่าจะโดนกินรวบหัวจรดหางภายในวันสองวันนี้หรือเปล่าเสียก่อนเถอะ!
 


***
 
TBC


ตรงอู้คำเมืองต้องการซับกันมั้ยอ่ะ 555 ใส่แค่นิดเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2018 17:19:51 โดย Z4 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
« ตอบ #69 เมื่อ: 07-01-2018 15:38:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #70 เมื่อ07-01-2018 16:14:59 »

ฉากนี้มันเซ็กซี่ขยี้ใจมากกกกกกกกกก  เลือดพุงจ้า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #71 เมื่อ07-01-2018 18:27:39 »

คำเมือง ไม่ได้ยากเกินเข้าใจนะ  :mew1:
ลำปางน่าอยู่ เงียบๆ อาหารอร่อย
ไส้อั่ว ที่ตลาดเย็นใกล้วงเวียนไก่ อร่อยมากๆ  :katai2-1:

อุทธยานแจ้ซ้อน มีทั้งน้ำแร่ร้อนและน้ำตก แช่ได้ในบรเวณใกล้ๆกัน
จอม ธี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม  :-[
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #72 เมื่อ07-01-2018 21:40:24 »

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #73 เมื่อ07-01-2018 21:50:23 »

ไปเที่ยวมาแปปเดียว ธีเกือบเสียตัวคืออะไรรรร 555 จอมมาเร็วเคลมเร็วมากๆ พอรุกทีเหมือนติดเทอร์โบเลยอ่ะ
คำเมืองเราก็แปลไม่ออกค่ะ เดาเอาตามบริบท แต่ไม่ต้องมีซับก็ได้นะ พอแปลมั่วๆได้อยู่

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #74 เมื่อ07-01-2018 23:49:05 »

 :L2: :L1: :pig4:

ชอบความเข้ากันได้ดี

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #75 เมื่อ08-01-2018 08:42:08 »

ชอบมากตรงที่เวลามีอะไรก็พูดกันตรงๆ เข้าหาถามกันตรงๆ อยากก็ว่ากันตรงๆไม่มีอ้อมค้อม 5555555555555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #76 เมื่อ08-01-2018 16:00:02 »

ชอบๆๆ มาต่ออีกนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #77 เมื่อ08-01-2018 21:39:54 »

ขอบคุณค่ะ  ร้อนแรงมากกกก  อิอิ

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #78 เมื่อ08-01-2018 22:17:17 »

 :L2:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #79 เมื่อ10-01-2018 17:26:16 »

ติดตามจ้า  :กอด1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
« ตอบ #79 เมื่อ: 10-01-2018 17:26:16 »





ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
«ตอบ #80 เมื่อ13-01-2018 03:03:08 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #81 เมื่อ15-01-2018 15:35:02 »

Jom's


ยามเช้าเรามายืนอยู่ที่วัดพระธาตุดอยพระฌาณ เพื่อเริ่มถ่ายทำสารคดี แดดยังไม่จัด คนไม่เยอะ เหมาะแก่การเก็บภาพมาก โจ้ใช้กล้อง DSLR ในโหมดบันทึกภาพเคลื่อนไหวไล่ถ่ายตามจุดต่างๆ เรื่องอื่นมันอาจเพี้ยนๆ แต่เรื่องถ่ายภาพนี่ต้องยกให้ นอกจากสวยยังมีมุมมองที่แปลกตาอีกด้วย

ผมคอยกำกับให้มันเก็บภาพตามสตอรี่บอร์ดของลิน ต่อจากนั้นจึงจะเป็นคิวอาร์ตซึ่งรับหน้าที่เป็นพิธีกรแนะนำจุดเที่ยวชมที่น่าสนใจ เอกจะตัดต่อภาพและใส่เอฟเฟ็คต์ต่างๆ ส่วนเคนนี่ทำเรื่องซาวน์

เหลือบมองคนทำหน้าที่ฝ่ายเสบียงและสนับสนุนที่กำลังปิดปากหาวแล้วก็รู้สึกคึกคักนิดหน่อยอย่างกับคนเพิ่งเคยมีแฟน ยิ่งเห็นริมฝีปากแดงเรื่อที่ยังเจ่อนิดๆ ใจผมก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปไกล คิดถึงผิวเนื้อขาวเนียนมือ ลำตัวที่เพรียวบางแต่มีกล้ามเนื้อ ไม่ผอมอย่างที่คิด เอวสอบกับยอดอกเล็กๆ ที่น่าดูดให้ล้ม ยามปกติธีดูสุภาพเรียบร้อยแต่สีหน้าตอนมีอารมณ์นี่เซ็กซี่อย่าบอกใคร ดวงตาฉ่ำเยิ้ม รสจูบเร่าร้อน เสียงหอบกระเส่า แค่คิดก็...

ผมกลืนน้ำลาย หันหน้าไปมององค์พระอารามเพื่อสงบจิตใจ ห้ามตั้งตอนนี้เด็ดขาดนะลูกรัก

“จอมๆ”

ผมหันไปมองคนเรียกที่ยืนประชิด เอกหนีบแผ่นรีเฟล็คและถือไมค์ลอยเตรียมพร้อมอยู่

“มีไร”

“เรามาทำงาน”

“บอกกูเพื่อ?”

“เตือนไว้ เผื่อมึงนึกว่ามาฮันนีมูน” เอกทำท่าป้องปาก ลดเสียงลงให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่สีหน้าล้อเลียนวอนโดนตีนมาก

“ควาย เดี๋ยวโดนเตะ” ผมเก้อเขินนิดหน่อย แสดงออกมากไปมั้ยวะ

“แหม รอยไซ้นี่ถึงกกหู ยุงดุเฉพาะห้องมึงหรา”

“…” เถียงไม่ออก ขนาดธีเลือกใส่เสื้อคอปกปิดแล้วก็ยังเห็นนิดหน่อยอยู่ดีถ้าตั้งใจมอง ต้องจำไว้ว่าคราวหน้าควรทำรอยให้ต่ำกว่านี้

“ตลกมึงว่ะ ปกติเห็นคบกับใครได้พักเดียวก็เริ่มรำคาญ ทีกับธีนี่แทบจะสิงเขาอยู่ละ”

“มึงสังเกตเยอะไปป่ะ” นี่มันมองผมหรือมองธีวะ

เอกหัวเราะออกเสียง

“เออ เว้ย กลายเป็นผัวขี้หึงซะงั้น กูล่ะเชื่อ”

ยังไม่ได้เป็นผัวเว้ย อยากอยู่เหมือนกัน

“มึงไปช่วยเมียมึงไป” ผมชี้ไปทางโจ้ที่ตอนนี้สุมหัวกับเคนนี่และอาร์ต ดูท่าทางจะทำอะไรบางอย่าง

“ถุยๆ เสนียดจังไรมาก ให้กูเอาไอ้โจ้เป็นเมียกูยอมแบให้ไอ้อาร์ตยังดีซะกว่า” เอกเบะปากรังเกียจแรง ก่อนหันไปมองตาม “มันเอาบันไดมาทำอะไรวะ”

ดูท่าโจ้จะอยากได้ภาพมุมสูงตรงบันไดพญานาคที่เป็นจุดเด่นของวัดแห่งนี้ ไม่รู้มันไปเอาบันไดลิงที่ทำจากไม้ไผ่มาจากไหน เก่าจนไม่น่าวางใจ เห็นอาร์ตกับเคนนี่ช่วยกันจับบันใดตั้งฉาก ส่วนโจ้ค่อยๆ คืบปีนขึ้นไป เราจึงรีบวิ่งไปดู

“ทำเหี้ยไรเนี่ย มึงกลัวความสูงไม่ใช่เรอะ เดี๋ยวก็ตกมาหัวร้างข้างแตกพอดี” เอกบ่นลูกน้อยของมันตามเคย

“อย่าทักดิวะ! กูสั่น” โจ้ขาสั่นพั่บ แต่ฝืนปีนขึ้นไปจนได้ มันเกาะนิ่งแบบทำใจครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ จัดท่าหยิบกล้องออกมาถ่ายอย่างทุลักทุเล ยื่นออกไป กวาดแพนแบบพาโนราม่าช้าๆ

ผมกับเอกเข้าไปช่วยจับอีกแรง เงียบรอมันถ่ายให้เสร็จจะได้ไม่เสียสมาธิ

โจ้ถ่ายแล้วเช็คภาพ ถ่ายอีก เช็คอีก หลายรอบก็ยังส่ายหัว

“มือกูสั่นอ่ะ”

“เปลี่ยนมั้ย เดี๋ยวกูทำแทน” ผมบอก

โจ้เซ็งที่โรคกลัวความสูงทำให้ถ่ายคลิปไม่ได้ดังใจ ยอมลงมาเปลี่ยนในที่สุด

ทว่าปัญหาเกิดเมื่อผมก้าวขึ้นไปได้ไม่กี่ก้าว บันไดไม้ไผ่เก่าคร่ำคร่าก็ลั่นเปรี๊ยะเหมือนจะแตก จนต้องรีบกระโดดลงมาทันที

“เวร ตัวหนักอ่ะมึง คนอื่นดิ๊” โจ้มองเอกที่ผอมสูงใกล้เคียงกับมัน

“มึงก็รู้กูมือไม่นิ่ง ยืนถ่ายรูปบนพื้นมือก็สั่นละ ขึ้นไปจะช่วยไรได้มั้ย”

ลองหันไปมองอาร์ต ก็หนักพอกับผม หุ่นหมีอย่างเคนนี่ยิ่งไม่ได้ใหญ่

ทุกคนเริ่มมองหาตัวช่วยอื่น ลิน? ไม่ไหว จะให้ผู้หญิงมาเสี่ยงปีนแบบนี้ได้ไง สุดท้ายเหมือนสายตาทุกคู่จะไปจบที่ธีโดยไม่ได้นัดหมาย

ธีเห็นทุกคนมอง มันเลยลุกออกจากศาลารับลมแล้วเดินมาหา

“มีไรเหรอ”

เอกเล่าปัญหาให้ฟังอย่างกระชับ

“พอไหวมั้ย ที่เบาพอจะขึ้นไปได้ก็เหลือมึงนี่แหละ”

“ได้ ลองดู” มันรับคำง่ายๆ เปิดดูคลิปที่โจ้ถ่ายไว้พร้อมฟังคำอธิบายเรื่องมุมที่อยากให้ถ่ายแค่รอบเดียวก็เข้าใจ จากนั้นจึงจัดแจงปีนขึ้นบันไดไปอย่างคล่องแคล่ว พวกผมรีบช่วยกับจับยึดฐาน เสียงไผ่เก่าดังเอี๊ยดอ๊าด แต่ไม่ลั่นจนน่ากลัวเหมือนก่อนหน้า ออกจะเบาแรงกว่าตอนโจ้ขึ้นไปด้วย

ธีปีนขึ้นไปถึงยอดอย่างสบายๆ สอดขาข้างหนึ่งเกี่ยวขั้นบันได เหยียดหลังตรง ปรับท่าให้มั่น แล้วยกมือกวาดถ่ายด้วยความใจเย็นและสงบนิ่ง ท่วงท่าสง่างามผิดกับท่าเป็ดปีกหักของไอ้โจ้ลิบลับ มันดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนยื่นกลับให้เจ้าของกล้องเช็ค

“แขนคนหรือโรบอทวะ” โจ้ดูแล้วต้องทึ่งกับสกิลมือนิ่งของอีกฝ่าย เงยหน้ายิ้มร่า “โอเคแล้ว ลงมาได้เลย”

คนข้างบนไต่ข้ามขั้นลงมา ผมค่อยหายใจทั่วท้อง ถึงจะรู้ว่าธีร่างกายแข็งแรง มีทักษะด้านกีฬาเยี่ยม แต่ก็อดห่วงมันไม่ได้ ในจังหวะเดียวกันสีหน้าโล่งอกของอาร์ตที่จับอยู่อีกฝั่งก็เข้าตาผมพอดี พอมันเห็นว่าผมมองอยู่ก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปทางอื่น

ความรู้สึกผิดระคนอึดอัดที่กดไว้ถูกกวนตะกอนให้ฟุ้งขึ้นมาจนได้ แม้ผมจะทำเป็นไม่แคร์ แต่ความจริงไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้สึกอะไร ในเมื่ออาร์ตก็เป็นเพื่อนสนิทของผมเหมือนกัน

ผมรู้ว่าอาร์ตยังรักธีอยู่แถมรักมาก่อนตั้งนาน จึงไม่คิดและไม่มีสิทธิ์จะบอกให้มันเลิก เพราะเรื่องของความรู้สึกบังคับกันไม่ได้  ส่วนตัวผมเอง แม้จะเห็นใจมัน แต่ความรักไม่มีคำว่าก่อนหรือหลัง ดังนั้นตราบใดที่ธีรักผม เลือกผม ผมก็จะไม่ถอยให้ใครทั้งนั้น 

อีกอย่าง ด้วยความเข้าใจที่ผมมีต่ออาร์ต มันก็คงอยากให้ทั้งธีและผมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าจะมานั่งเกรงใจหรือสงสารมันเช่นกัน

ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป เข้าโหมดทำงาน เมื่อครู่เสียเวลามากไปหน่อย พระอาทิตย์ขึ้นสูงทุกทีแล้ว ต้องรีบถ่ายให้เสร็จตอนที่แสงยังสวย

เพื่อนทุกคนแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ผมเห็นธีส่งทิชชู่เปียกให้อาร์ตเช็ดมือ เพราะต้องรับบทเป็นพิธีกร วันนี้อาร์ตจึงเซ็ตผมอย่างดี ได้ลินแต่งหน้าให้บางๆ แม้จะสวมแค่เชิ้ตกับยีนส์ง่ายๆ แต่ก็ดูหล่อเป็นพิเศษ

 ความเห็นอกเห็นใจเมื่อครู่กระเด็นเข้าซอกหลืบไปจนเกลี้ยง คิดแค่อยากจับให้สองคนนี้แยกกันยืนคนละซีกโลก

อาจจะแสดงออกทางแววตามากไปหน่อย ธีเลยเดินมาทางผม ดึงทิชชู่เปียกให้บ้าง

“ตั้งใจทำงาน” มันยิ้มว่า ถอดหมวกที่ตัวเองสวมอยู่มาสวมให้ผม ก่อนกลับไปนั่งรอตรงศาลาในร่มที่เดิม

ครับ กำลังใจมาเต็ม ผมเรียกวิญญาณผู้กำกับเข้าร่าง สั่งงานและให้อาร์ตกับโจ้ซักซ้อมรอบหนึ่งก่อนถ่ายจริง ปรึกษาลินเพื่อช่วยกันแก้ไขบทพูดที่แปร่งบางจุด กับปรับเปลี่ยนมุมอีกเล็กน้อยให้เหมาะสมกับสภาพแสงและหลีกเลี่ยงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง การถ่ายทำในช่วงเช้าก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด



“คัท” ผมร้องบอกเมื่อซีนสุดท้ายที่นี่จบลง “เก็บของเลย ไปต่อกัน”

สิ้นเสียง ทุกคนก็รีบเก็บของคนละมือละไม้ เพื่อไปยังสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ในอำเภอแม่ทะเหมือนกัน วันนี้ต้องถ่ายทำศูนย์หัตถกรรมทอผ้าอีกสองที่ แกะสลักอีกหนึ่งที่ ตอนเย็นไปถ่ายช็อตในเมือง ต้องรักษาเวลาให้ดี

พวกผมวางแพลนไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงเช้าในแต่ละวันถ่ายทำสถานที่กลางแจ้ง หรือที่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงคนพลุกพล่านวุ่นว่ายอย่างเช่นตลาดสด ส่วนช่วงสายถึงเย็นจะไปถ่ายทำโรงงาน ร้านแกะสลัก ศูนย์หัตถกรรมทอผ้า สถานที่ในร่มทั้งหลาย กับถ่ายช็อตกลางคืนและร้านอาหารบ้างเล็กน้อยซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะได้ใช้ เพราะต้องตัดต่อคลิปให้พอดีเวลาที่มีจำกัด แต่ก็จะถ่ายเผื่อเอาไว้ก่อน แม้หัวข้อจะเป็นสารคดีแต่พวกเราตั้งใจทำเป็นคลิปสไตล์ยูทูบเบอร์ที่ได้ความรู้แบบไม่น่าเบื่อและมีอารมณ์ขันสอดแทรก เข้ากับยุคสมัย จึงต้องการตัดต่อภาพที่น่าสนใจเข้าไปเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นวันทั้งวันก็เป็นแบบนี้ ขนของขึ้นลงรถตู้ ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งพวกเราได้นัดหมายและขออนุญาตถ่ายทำไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ่ายทำที่หนึ่งเสร็จก็ไปอีกที่ แม้กระทั่งข้าวกลางวันยังไม่มีเวลาแวะกินให้ดีๆ แต่ก็ได้ธีช่วยเตรียมข้าวเหนียวกับหมูทอดไว้ให้ เป็นหมูทอดที่ผมไม่เคยเห็นที่กรุงเทพ สีออกแดง รสชาติเหมือนลูกครึ่งหมูสามชั้นกับกากหมูหอมๆ กรอบๆ อร่อยมาก แล้วยังมีผัดขนมจีนในห่อใบตองที่ธีบอกว่าคนที่นี่เรียกผัดหมี่ขนมเส้น ใช้ซีอิ๊วดำกับน้ำอ้อยปรุงรสอย่างง่ายๆ โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว และผักชี กินแกล้มแคบหมู เป็นอันว่าเปรมไปอีกมื้อ

“น้ำป่ะ”

ได้น้ำเย็นๆ จากขวดที่เก็บไว้ในกระติกน้ำแข็งใบใหญ่มาเปิดดื่มเหมือนต่อชีวิต อากาศเดือนเมษายนร้อนจนตับจะแตกตาย ขนาดขึ้นมาเมืองเหนือยังไม่ช่วย ซ้ำยังรู้สึกว่าแดดเผาผิวยิ่งกว่าตอนอยู่กรุงเทพอีกต่างหาก

“มีมึงมาด้วยนี่ดีโคตร” ผมมองธีด้วยความซาบซึ้ง

“ให้ช่วยไรอีกมั้ยอ่ะ” ธีนั่งลงตรงท้ายพื้นรถตู้ที่เปิดประตูไว้ ดึงทิชชู่เปียกมาเช็ดมือ ตอนนี้พวกเราพักเบรคหลังกินข้าว ให้ได้แยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ดื่มน้ำ กินขนมอะไรบ้าง

“ช่วยเป็นเมียกูที”

“…มึงต้องหยุดหื่นกามบ้าง” มันทำสายตาว่างเปล่า

“จีบกูแล้วต้องรับผิดชอบ คืนนี้จัดอีกมะ”

“กูไปนอนห้องอื่นนะ”

“พูดเล่น”

“หราาาา”

โธ่ แหงอยู่แล้วว่าพูดจริง อย่าให้มีโอกาส จับทำเมียแน่นอน ถ้าไม่ใช่ว่ากะมาทำงานเลยไม่ทันได้เตรียมอะไรให้พร้อมคงปล้ำจริงไม่ใช้สแตนด์อินตั้งแต่เมื่อคืนละ ทำไมผมต้องเป็นคนขยันเรียนขนาดนี้ด้วยวะ

“เกลียดรอยยิ้มมึงมาก” ออร่าผมคงชั่วร้ายมากไปหน่อยธีเลยทำหน้าไม่เชื่อถือ ยกมือกระดิกนิ้วเรียก “ยื่นหน้ามาหน่อยซิ”

อะไรวะ คุณว่าที่เมีย นี่จะต่อยกันเลยเหรอ แต่ถามว่าทำตามสั่งมั้ย…ก็ทำ

มือเรียวขาวไม่ได้ต่อยลงมาแต่ดึงทิชชู่เปียกมาเช็ดหน้าเช็ดคอให้ผม ตามด้วยละเลงป้ายครีมกันแดดเสียทั่ว

“ยื่นแขนมาด้วย” ตรงแขนมันใช้แบบสเปรย์พ่น เย็นๆ ดีแฮะ ไม่เหนียวด้วย

“มึงก็ใช้ด้วยดิ กูชอบขาวๆ”

ดวงตาคล้ายแมวหรี่มองผมแบบระอา แต่ก็ยอมพ่นสเปรย์กันแดดใส่ตัวเองแต่โดยดี น้อยครั้งที่มันจะขัดใจผมแม้กระทั่งเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แขนเสื้อถูกถลกขึ้นจนเห็นต้นแขนขาวจั๊วะ น่ารักน่าแดกชะมัด

“เค้าก็อยากขาวอ่ะตัววววว ทาครีมกันแดดให้เค้าบ้างจิ อั๊ยยยย” หมาในปากโจ้ส่งเสียงแซว ไม่พอยังสไลด์ตัวเข้ามานั่งเกาะแกะเบียดธีเสียแนบชิด

“ไสตูดออกไปเลย” ผมเอาตีนเขี่ยมันออก

“หวงเหรอ ชิ ไอ้คนได้ใหม่ลืมเก่า กูนอนกะมึงมาตั้ง 3 ปี ตอนนี้ทำมาเฉดหัวกู” โจ้ยกมือปาดน้ำตาตอแหลป้อยๆ

ห่าราก เป็นแค่รูมเมทว้อย ไม่ต้องพูดจาชวนอ้วกได้มั้ย ไอ้ฉิบหาย

“กูจะจับมึงมัดตากแดดบนหลังคารถ”

มีเหรอที่มันจะกลัว ลอยหน้าลอยตาหัวเราะกวนส้นเท้า เอาลูกชิ้นปิ้งจากไหนไม่รู้มานั่งกินเป็นก้างขวางคอ

“มันอิจฉา โทรคุยกะเมียเมียก็ไม่คุยด้วย บอกไม่ว่าง ติดสอบ” เอกกับอาร์ตเดินตามมาแฉ

“จอมไม่ยุติธรรมกะกู”

“ทำยังกะน้ำจะมาได้ อย่าเพ้อเจ้อครับมึง แดกให้เสร็จแล้วทำงานเข้า”

โจ้เบะปาก แต่ก็หยุดกวนตีน เพราะหน้าที่ตากล้องคืองานที่หนักสุดสำหรับโปรเจคต์นี้จริงๆ มันยัดลูกชิ้นเข้าปากแล้วลากอีกสองคนไปถ่ายทำช่วงที่มีบทพิธีกรพูดกับสัมภาษณ์ต่อ

เคนนี่หยิบกล้องสำรองไปช่วยเก็บภาพสถานที่และชิ้นงานหัตถกรรมต่างๆ แบ่งเบาภาระให้โจ้ ผมเลยเอาเมมโมรี่การ์ดที่ใช้ในครึ่งวันเช้ามาดูดไฟล์ลงเครื่องรอในระหว่างนั้น ทำแบ็คอัพและช่วยกันเช็คภาพคร่าวๆ รอบหนึ่งกับลิน เผื่อมีปัญหาจะได้แก้ทัน

“ภาพสวยดีนี่” ธีให้น้ากิตล็อครถ แล้วตามมานั่งลงข้างๆ ตรงโต๊ะม้าหินใต้ร่มไม้

“ช็อตที่วัดดีมากเลย ค่อยคุ้มที่ลงแรง” ผมยิ้มให้มัน “บวกกับภาพที่มาถ่ายทำคราวก่อนก็ไม่น่าขาดอะไรแล้ว เหลือแค่คิดว่าจะยัดลงไปให้สวยๆ ยังไงดี”

“นี่งานคณะมึงต้องลงทุนขนาดนี้ตลอดเลยเหรอ”

“ไม่หรอก งานเล็กบ้างใหญ่บ้าง โปรเจคต์นี้น่าจะเป็นทริปที่เดินทางไกลสุดแล้ว ที่เหลือคงทำในกรุงเทพนั่นแหละ ส่วนปีหน้าก็ต้องทำธีสิสแล้วไง”

“อ๋อ ยังงี้กลุ่มอื่นเขาก็ไปถ่ายทำที่จังหวัดอื่นใช่มะ”

“ใช่ รอบนี้แล้วแต่เลือก จริงๆ เอาจังหวัดใกล้ๆ ก็ได้ แต่ถ้าลงทุนเดินทางไกลหน่อยงานก็มีแววว่าจะได้งานน่าสนใจ คะแนนก็จะสูงตามไปด้วย โปรเจคต์นี้กลุ่มกูมั่นใจเลยว่าคะแนนนำ เพราะได้มึงช่วยด้วยเลยได้ถ่ายทำในที่ๆ มายากถ้าไม่มีรถ แค่จำนวนภาพก็กินขาดละ”

ลินชูนิ้วโป้งสนับสนุนคำพูดผม ถ้าไม่ใช่มีแววทอปลินไม่มีทางรวมกลุ่มด้วยแน่เพราะเธอหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

ธียิ้มรับเป็นเชิงเข้าใจ แล้วนั่งดูไปเงียบๆ บางทีว่างนักก็หยิบมือถือมาเล่นเกมไปตามเรื่องราว ตั้งแต่คบกันมามันเคยเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น ต้องรอผมตั้งกี่ครั้งกี่หนก็ไม่เคยทำท่าเบื่อหน่ายให้เห็น

ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างที่พวกเราลุยงานภาคสนามต่อ ธียังคอยช่วยทำนั่นนี่โดยที่ไม่ต้องร้องขอ แจกน้ำบ้าง ขนมบ้าง ถือรีเฟล็ค กางร่ม หยิบอุปกรณ์ เก็บเศษขยะ จิปาถะสารพัด กระตือรือร้นแต่ไม่ยุ่มย่ามจนเกินพอดี ทำให้ผมทั้งสบายใจและมีกำลังใจ ให้พูดแบบไม่ต้องอวย การถ่ายทำโปรเจคต์ครั้งนี้ถือว่าสุขสบายสะดวกโยธินที่สุดเท่าที่จะเป็นได้แล้ว

ไม่รู้เพราะใจผมลำเอียงหรือเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ทุกครั้ง แค่มีมันอยู่ผมก็รู้สึกว่าทุกอย่างต้องเป็นไปได้ด้วยดี คงเพราะธีเป็นคนมีความสามารถ พึ่งพาได้ และที่สำคัญคือใจเย็นเป็นน้ำ เหมือนอย่างเมื่อเช้าตอนที่พวกผมเจออุปสรรค มันก็เข้ามาช่วยแก้ไขอย่างง่ายดาย เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว หลายต่อหลายครั้งที่ผมหงุดหงิด ใจร้อน มีปัญหา อารมณ์เสีย แค่ได้เล่าให้มันฟัง ปรึกษาสักสองสามคำ แค่นั้นก็จะรู้สึกว่าปัญหาของเรามันไม่ได้แก้ยากอย่างที่คิด

คนที่ทำให้ใจของผมรู้สึกสงบ และมีความสุขทุกครั้งที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ได้ ก็มีแต่ธีเท่านั้น…

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรักมัน หวงมัน มากกว่าคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต กลายเป็นคนขี้หึงทั้งที่ไม่เคยเป็นเหมือนที่เอกว่านั่นแหละ  จนบางครั้งราวกับไม่ใช่ตัวเอง แต่กลับไม่รู้สึกเกลียดความเปลี่ยนแปลงนี้

…เพราะผมชอบชีวิตที่มีธีอยู่ด้วยมากกว่าแบบเดิมตั้งไม่รู้เท่าไร…
 

***
TBC



ลงช้าไปนิด ช่วงนี้งานยุ่งค่า แงงงง  :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2018 00:04:31 โดย Z4 »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #82 เมื่อ15-01-2018 18:12:09 »

ชอบจ้า ธีน่ารักเนอะ  อเนกประสงค์มาก  อิอิ กำลังใจที่ดีของจอม  จอมหื่นไปนะ  อิอิ  ถนอมธีด้วยจ้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #83 เมื่อ16-01-2018 02:26:40 »

เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #84 เมื่อ16-01-2018 09:44:40 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #85 เมื่อ16-01-2018 10:40:31 »

จ้าาา ไม่ได้อวยจ้าาาา แต่ยังไงเราก็หมั่นไส้จอมอ่ะนะ ฮาาาา

เพราะเราก็ว่าธีดีมากจริงๆนั่นแหละ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #86 เมื่อ16-01-2018 11:02:18 »

…เพราะผมชอบชีวิตที่มีธีอยู่ด้วยมากกว่าแบบเดิมตั้งไม่รู้เท่าไร…

ชอบความรู้สึกนี้

 :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
«ตอบ #87 เมื่อ16-01-2018 19:04:29 »

ยื่นบัตรเชิญเข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าให้จอมค่ะ ดูทรงแล้วหนีไม่พ้น 555
ธีก็สารพัดประโยชน์ไปอีก นี่แฟนรึโดเรมอน ชอบเวลาหมั่นไส้จอมแต่ก็ทำตามใจจอม น่าร้ากกกก

ออฟไลน์ Z4

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
«ตอบ #88 เมื่อ19-01-2018 22:56:34 »

ธีความสามารถเยอะมากค่ะ เหมือนที่เคยกล่าวถึงในพาร์ทของจอมว่าเป็นนักเรียนดีเด่น ทำกิจกรรมสารพัดอย่าง แต่คนรอบตัวอาจจะสุดกว่านิด เช่นพี่ทัตเรียนเก่งกว่าหน่อย ทศหล่อกว่าหน่อย อะไรแบบนี้ เลยชอบนึกว่าตัวเองธรรมดา ทั้งที่รวมข้อดีไว้เยอะมากแล้ว 5555 ส่วนจอมไม่กลัวธีเลยยยยยย แค่เกรงใจ จริงๆ นะ  :hao3:



016


เกือบ 5 โมงเย็น เมื่อกลับมาถึงบ้านผมค่อยโล่ง ขนาดแค่ช่วยทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง ไม่ต้องพูดถึงคณะทำงานที่งอมกลับมาทุกคน พวกจอมตกลงกันว่าจะกลับเข้าที่พักมาจัดการอุปกรณ์และพักผ่อนสักหน่อย ค่อยออกไปหาอะไรกินตอนหัวค่ำพร้อมเก็บภาพบรรยากาศในตัวเมืองตอนกลางคืนไปด้วย

จอมที่ทนร้อนมาทั้งวันรีบพุ่งไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว ออกมานอนแผ่หลาตากแอร์บนเตียงอย่างหมดท่า ทำเอาผมรู้สึกขำ

“หมดแรงแล้วเหรอ เพิ่งวันแรกเองนะ”

“ขอกูพักแป๊บ ต่อได้อีกหลายยกแน่นอน” มันพูดจาสองแง่สองง่ามใส่

“วนเข้าใต้สะดือตลอดอ่ะ”

ผมกลอกตามองบน กระเถิบตัวขึ้นเตียงอีกฝั่ง จัดหมอนหนุนหลังนั่งเอนกายเหยียดพักขาบ้าง แต่สักพักก็รู้สึกหนักเพราะมีใครบ้างคนไถตัวมานอนหนุนตัก
 
ดูจอมที่หลับตา ทำท่าหมดแรง ผมเลยยื่นมือไปนวดคลึงที่ขมับให้ เห็นหัวคิ้วเข้มผ่อนคลายออกคล้ายว่าสบาย จึงขยับมือนวดไปยังบริเวณต้นคอและบ่าที่แข็งตึง หวังช่วยคลายความเมื่อยล้า บีบไล่ขึ้นลงช้าๆ ซ้ำไปมา

มือข้างหนึ่งคว้ากุมมือผมเอาไว้หลวมๆ ดึงไปจรดจูบด้วยท่าทีรักใคร่จนผมทั้งใจเต้นทั้งเขินอาย รู้สึกหวานล้ำในอกอย่างบอกไม่ถูก ความชิดใกล้ระหว่างเราเพิ่มขึ้นจนสนิทใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ หากเมื่อสามสี่เดือนก่อนมีใครมาบอกผมว่าจะได้ลงเอยแบบนี้กับจอม ไม่ว่าจะพูดอย่างไรผมคงไม่มีทางเชื่อแน่ๆ

“จะหลับเหรอ นอนดีๆ ก่อนสิ” ผมช้อนคออีกฝ่ายให้หนุนหมอน กลัวถ้าต้องเปลี่ยนท่ามันจะสะดุ้งตื่นทีหลัง

“นอนด้วยกัน” จอมปรือตามอง

“เดี๋ยวมา นอนก่อนเถอะ”

“ไปไหน” มันยังไม่ยอมง่ายๆ

“น้าปานเรียกไปเอากับข้าว จะทำไว้ให้กินกลางวันพรุ่งนี้ไง”

อีกฝ่ายทำปากยื่นไม่พอใจ แต่ก็ยอมปล่อยมือ ผมลุกออกจากห้อง ปิดประตูอย่างเบาเสียง ลงไปสวมรองเท้าแตะที่ชั้นล่าง เมื่อบ่ายน้าปานส่งไลน์มาบอกว่าทอดปลาทูไว้หลายตัว ถึงบ้านแล้วให้แวะเอาด้วย ผมจึงตั้งใจจะเดินไปหา

ทว่าเพิ่งออกประตูหลังบ้านก็เจอฝ้ายที่ยกจานปลาทูใบใหญ่มาให้พอดี มีฝูงเจ้านิลเดินตามส่งเสียงงี้ดง้าดกระโดดเกาะแกะอยากกินจนเจ้าของต้องส่งเสียงปรามพลางชูจานขึ้นสูงอย่างทุลักทุเล ผมเลยรีบไปรับมาถือไว้

“ขอบคุณมากเลยฝ้าย อุตส่าห์เอามาส่ง” ผมวางจานใบใหญ่บนเคาท์เตอร์ครัว เห็นปลาทูทอดตัวอ้วนเนื้อละเอียดเงาเป็นมันขนาดกำลังกินตั้งสิบกว่าตัว แค่ดูก็รู้ว่าต้องอร่อยแน่นอน

“ไม่เป็นไรจ้ะ ฝ้ายเห็นรถตู้มาจอดพอดีเลยบอกแม่ว่าจะมาส่งให้ นี่แม่ว่าคืนนี้มีน้ำเงี้ยวนะ พาเพื่อนมากินอีกก็ได้”

“คืนนี้พวกเพื่อนพี่จะต้องออกไปเก็บภาพในเมืองอ่ะสิ เดี๋ยวแวะกินกันเอง ไม่ต้องห่วงหรอก”

ผมล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดแล้วเริ่มแกะเนื้อปลา คัดก้างออกอย่างละเอียด เตรียมทำเสบียงสำหรับกลางวันพรุ่งนี้

“งั้นเก็บไว้กินตอนเช้ามั้ยจ๊ะ เดี๋ยวให้น้ากิตยกมาไว้หม้อนึง พี่ธีก็รู้ว่าแม่เขาทำเยอะ ไว้เลี้ยงคนงานด้วย”

ฝ้ายล้างมือแล้วมาช่วยผมอีกแรง น้าชัยพ่อของฝ้ายเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่แกทำบ้านเสียใหญ่โตก็เพราะเผื่อรับแขกและให้ลูกน้องมาพัก น้าปานจึงมักทำกับข้าวมื้อใหญ่เลี้ยงคนอยู่บ่อยครั้ง

“งั้นก็ขอบคุณมาก ไม่ได้น้าปานนี่แย่เลย”

“ชมฝ้ายด้วยสิ โธ่” เธอหัวเราะกระเซ้า “แล้วนี่พี่ธีแกะเนื้อปลาจะทำอะไรเหรอ”

“พรุ่งนี้ว่าจะทำข้าวบ่ายให้พวกนี้กินกัน เห็นเขาทำงานง่วนทั้งวันไม่มีเวลาแวะกินที่ไหน ดีที่ตอนเช้าพี่เกิดอยากกินหมูทอดยายคำ เลยให้น้ากิตซื้อมาสำรองไว้ กลายเป็นช่วยชีวิตเลย”

“ข้าวบ่ายเหรอ ฝ้ายก็อยากกิน ขอกินก่อนได้มั้ยอ่ะ” ฝ้ายทำตาโต

ผมหัวเราะ แต่ก็หยิบข้าวเหนียวที่เหลือจากมื้อกลางวันออกมาห่อหนึ่ง ข้าวยังนิ่มดี อุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟแค่แป๊บเดียวก็ใช้ได้ จากนั้นจัดแจงทาน้ำมันหมูที่มือ บีบนวดข้าวแผ่เป็นแผ่น ทาน้ำมันหมูและเกลือสมุทรป่นหยาบบางๆ บี้เนื้อปลาทูทอดที่แกะแล้วลงไปเป็นไส้ ห่อข้าวเหนียวหุ้มแค่พอแน่น แบ่งให้ทั้งญาติผู้น้องและตัวเองคนละปั้น

“อื้อหือ ลำขนาดดดด อิๆ” ฝ้ายถือกินอย่างอร่อย “เฮ้อ กึ๊ดเติงแม่อุ้ยเนอะอ้ายเนอะ”

ผมกินข้าวบ่ายในมือ ลูกหลานที่นี่เคยคุ้นกับรสชาตินี้ดีเพราะคุณยายของผมเคยทำให้กินมาแล้วทุกคน ผมก็คิดถึงท่านแต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว

“ไม่เอา ไม่พูดละ แกะปลาต่อดีกว่า” ฝ้ายกินเสร็จแล้วรีบล้างมือ ปลุกปลอบตัวเองให้สดชื่น

“แกะดีๆ ระวังก้างเล็กนะ กินข้าวบ่ายถ้ามีก้างนี่ติดคอแย่เลย” ผมก็เปลี่ยนเรื่องเช่นกัน ไม่อยากเศร้าตอนนี้

“จ้ะ จัดให้” สองมือเล็กแกะคัดก้างออกอย่างชำนาญ ถึงอย่างไรก็ต้องช่วยน้าปานทำกับข้าวบ่อยๆ เหมือนกัน

ร่วมแรงกันไม่นานนักปลาทูทอดสดใหม่ทั้งหมดก็ถูกแกะแยกเนื้อเอาลงกล่องเสร็จเรียบร้อย ผมเก็บหัวปลาที่แกะเนื้อออกแล้วแยกไว้ต่างหาก จะไปทอดซ้ำให้กรอบ กินเล่นหรือเป็นกับแกล้มอร่อยนักแล

“มีแค่นี้น้อยไปมั้ยจ๊ะ เอาผักสดด้วยมั้ยพี่ธี”

“จริงๆ กะทอดชะอมไข่กับทำน้ำพริกกะปิแล้วก็น้ำพริกหนุ่มไปแกล้มด้วย ผักสดอีกสักหน่อย แต่บางคนลิ้นฝรั่ง ไม่รู้กินชะอมได้มั้ย สงสัยพี่ต้องทอดมะเขือชุบไข่แทน”

“ก็ดีนะพี่ น่าอร่อย” ฝ้ายเว้นจังหวะพักหนึ่ง “เออ พี่ธี เพื่อนพี่เขาจะไปถ่ายอะไรเหรอคืนนี้”

“เห็นว่าจะถ่ายร้านรวงบรรยากาศในเมืองทั่วไป ร้านอาหารอะไรพวกนี้ พี่ก็ไม่ค่อยรู้อ่ะ ทำไมเหรอ” เก็บปลาเข้าตู้เย็นแล้ว ผมเลยหันไปกวาดเศษก้างทิ้งลงถัง ก่อนล้างมือสองรอบเพื่อให้กลิ่นคาวปลาที่ติดแน่นจางลง

“ฝ้ายกวนอะไรหน่อยสิ” ดวงตากลมโตหลุกหลิกอย่างมีความในใจ “ขอฝ้ายตามพวกพี่ไปด้วยได้มั้ยอ่ะ”

“หา?” ผมประหลาดใจ “ไปทำไม คนเขาไปทำงาน”

“รู้ ไม่กวนหรอกจ้ะ แค่ตามไปด้วยเอง ให้นำทางอะไรก็ได้นะ”

ผมมองท่าออเซาะแล้วชักสงสัย ท่าทางจะมีอะไรที่น้องสาวคนนี้งุบงิบปิดบังไว้แน่ๆ

“บอกมาก่อนว่าทำไมไม่งั้นไม่ให้ไป”

“พี่ธีอ่า…” ฝ้ายละล้าละลัง

“อย่าบอกนะว่าแอบชอบใครเลยจะตามไป” ในกลุ่มก็ไม่ค่อยจะโสดกันเสียด้วย

“โห ม่ายช่ายยยย ก็เมื่อคืนอ่ะ ฝ้ายไปโม้ให้เพื่อนฟังไง ว่าเพื่อนพี่ธีหล่อมากกกก หล่อกว่าดาราเกาหลีที่พวกมันชอบอีก เถียงกันไปเถียงกันมามันเลยท้าจะให้ฝ้ายพาไปดักแอบดูอ่ะ ถ้าบอกว่าไม่ได้มันต้องหาว่าฝ้ายขี้จุ๊แน่เลย”

ใบหน้าจิ้มลิ้มช้อนมองตาละห้อย ทั้งรู้สึกผิดทั้งขอร้อง

ผมพอจะเข้าใจ เด็กวัยรุ่นอย่างฝ้ายบางทีก็ต้องการรักษาหน้าในเรื่องไร้สาระเหล่านี้ เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยเป็น

“พี่โกรธนะเนี่ย” ผมขมวดคิ้วว่า แสร้งทำฉุนเฉียว “ทีพี่ชายหล่อๆ อย่างพี่ไม่เห็นจะพาเพื่อนมาดูหน้าบ้างเลย ปัดโถ้ะ”

ฝ้ายค่อยยิ้มออก หัวเราะเกาะแขนประจบ

“ทำไมจะไม่เคย แต่รูปพี่ธีหาง่ายนี่ แค่เข้าไลน์ครอบครัวก็แชร์ไปอวดได้ละ นี่ฝ้ายอวดหมดแหละ พี่ทัต พี่ทศ พี่ธาม อย่าให้นับเลยว่าสาวๆ อยากมาเป็นพี่สะใภ้ฝ้ายกี่คน”

“หึๆ เอาเถอะ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะไปกันเองก่อนเพราะพี่ไม่รู้ว่าเขาจะยุ่งกันแค่ไหน ถ้าเห็นว่าพอมีจังหวะให้เจอได้พรุ่งนี้พี่จะขอพาฝ้ายไปด้วย แต่ไม่รับปากนะ”

“เย้ พี่ธีน่ารักที่สุดเลยยย เดี๋ยวฝ้ายไปเอามะเขือกับผักสดมาให้นะจ๊ะ” ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดกลับบ้านไปเตรียมของติดสินบนเสร็จสรรพ

ผมส่ายหน้าเอ็นดู คำขอร้องไม่ได้มากมายอะไร คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง…

 
***
TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2018 00:31:12 โดย Z4 »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
«ตอบ #89 เมื่อ19-01-2018 23:03:27 »

ขอบคุณค่ะ  ติดตามจ้า
ธีเก่งจังนะ  ทำได้หลายอย่างมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด