...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 457770 ครั้ง)

ออฟไลน์ meawwja

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
โอ๊ยยย ไอ้เฮียนิ

ออฟไลน์ taran

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 325
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

เพิ่งได้ตามเข้ามาอ่าน แต่ก็หลงรักน้องปก นางไม่อ่อนเกินไปแต่ก็ไม่แข็งกระด่าง
กำลังพอดีอะ เหมาะกับเฮีย ชอบเรื่องนี้น่ารัก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทำเป็นคนหัวร้อนไปได้ ยังไงปกก็ชนะอยู่ดี

ปล.พี่เวฟควรจะมีพาร์ทของตัวเองนะคะ

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ tweetpuen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะมีตอนพิเศษอีกไหมน้า

Sent from my SM-N950F using Tapatalk


ออฟไลน์ Malibu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงการอ่อยของน้องปก เข้ามาอ่านรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้55

ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
พระเอกนี่หัวร้อนเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ FordFy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ploybudz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
วันเกิดน้องหรือวันเกิดพี่  :-[

ออฟไลน์ Freezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เฮียเจ๋ง  คือ แม่งเจ๋งจริง  อิอิ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
BY: Dezair
………….
ตอนพิเศษ เมา


   ในปีหนึ่งๆ มีวันฤกษ์ดีมากมาย แต่จะมีอยู่วันหนึ่งที่โหรทุกสำนักฟันธงว่านี่คือวันที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี หากคิดจะจัดงานบุญ งานกุศล จะซื้อบ้าน ออกรถ เปิดร้าน ออกบวช ลาสึก หมั้นเช้า แต่งเย็น กิจกรรมใดๆที่อยากจะพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น ก็ควรจะลงมือในวันนี้!


   ผลคืองานใดๆก็ล้วนมาลงที่ ‘วันฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี’ เจ้าภาพก็ปวดหัวเพราะแย่งตัวแขกกันจ้าละหวั่น แขกก็ปวดหัวเพราะแบ่งร่างไปทุกงานไม่ได้ ต้องเลือกงานอยากไปที่สุด สำคัญสุด สนิทกับเจ้าภาพที่สุด


แต่...แขกบางคนไม่ได้อยากไปสักงาน แต่กลับมีงานสำคัญหลายงาน แถมสนิทกับเจ้าภาพทุกงาน ไม่ไปไม่ได้เลยสักงาน!!


   “เฮียจะเปิดร้านวันเสาร์สิ้นเดือนนี้?!” เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์หันไปร้องถามญาติผู้พี่ที่นั่งกินขนมอยู่ใกล้ๆ


   ชายหนุ่มหน้าตี๋พิมพ์เดียวกันนามว่า ชเยนตร์  ตั้งกาญจนพาณิชย์ พยักหน้าหงึกหงัก


   “ใช่แล้ว เสาร์สิ้นเดือนนี้เลย!” ดอกเตอร์หนุ่มอนาคตไกลแถมยังไฟแรงแปลบปลาบ กลับมาเมืองไทยได้ไม่นานก็ซื้อแฟรนไชน์จากต่างประเทศมาลงทุนทำตลาดในแผ่นดินมาตุภูมิทันที!


แล้วเปิดร้านทั้งที จะแกรนด์โอเพนนิ่งอย่างเงียบๆ ชเยนตร์ก็บอกว่า  ‘คุณยายไม่ยอม’ เลยต้องจัดงานเปิดร้านอย่างอลังการ อลังไม่พอ จำเพาะเจาะจงต้องเปิดกิจการในวันมหาฤกษ์ให้ได้ด้วย!


   “ทำไมเฮียรีบเปิดจังวะ”


   “รีบเปิดอะไร ทุกอย่างพร้อม ก็ต้องเปิดสิ แล้วเสาร์สิ้นเดือนนี้ฤกษ์ดีสุดด้วยนะ”


   เรื่องนั้นเจตน์รู้ เพราะเสาร์สิ้นเดือนนี้ รุ่นพี่ของเขาคนหนึ่งก็จัดงานแต่ง และเขารับนัดไปแล้ว


   “วันนั้นผมต้องไปงานแต่ง” เขาหันไปพูดกับญาติผู้พี่


   “แต่งเย็นไม่ใช่เหรอ เฮียเปิดร้านตอนเช้า เก้าโมงเก้านาที เวลาดี คุณยายดูฤกษ์มาให้แล้ว” ชเยนตร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่เจตน์ไม่ยิ้มไปด้วยแม้แต่นิด แถมยังหน้านิ่วคิ้วขมวด เม้มปากแน่น


...ถูก! ต่อให้งานแต่งมีทั้งวัน แต่เขาก็รับปากว่าจะไปแค่ตอนเย็น ส่วนก่อนหน้านั้นน่ะหรือ?...


...เขาก็ต้องอยู่กับไอ้ปกน่ะสิ!! วันไหนฤกษ์ดีเขาไม่รู้หรอก ที่รู้คือวันเสาร์เป็นวันของเขากับคนรักต่างหาก!!...


แต่...ขืนพูดเรื่องนี้ออกไป เกิดชเยนตร์เอาไปฟ้องอาม่า อาม่าจะมองปกฉัตรไม่ดีไปด้วย เพราะงั้น ถึงเหตุผลนี้จะสำคัญแค่ไหนก็พูดไม่ได้เด็ดขาด!!


เจตน์นิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วก็นึกเหตุผลดีๆออก


   “เฮ้ย! แต่วันนั้นวันเกิดโซ้ยเจ็กไม่ใช่เหรอเฮีย ถ้าเปิดร้านวันนั้น แล้ววันเกิดเจ็กเอาไง”


   ทั้งๆที่คิดว่าชเยนตร์จะต้องเพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน แต่รายนั้นกลับยิ้มกว้างกว่าเดิม แถมโบกมือไปมา


   “ไม่ต้องห่วง! เฮียคุยแล้ว เฮียเปิดร้านตอนเช้า แล้วไปกินเลี้ยงกันที่โรงแรม เจ็กก็เลยจะจัดปาร์ตี้ต่อที่โรงแรมเลย”


   ...ไม่ได้ห่วงเฮีย แต่ห่วงว่าจะไม่ได้อยู่กับไอ้ปกต่างหากล่ะเฮีย!!...


   เจตน์ขยี้ผมอย่างหงุดหงิด


...แม่งเอ๊ย! วันฤกษ์ดีเชี่ยไร กูยุ่งฉิบหายขนาดนี้!...


...เช้าต้องไปงานเฮียชุน กลางวันไปงานวันเกิดเจ็ก เย็นไปงานแต่งรุ่นพี่ แล้วเวลาไหนให้กูได้อยู่กับไอ้ปก?!!!...


   “เฮียเปิดร้านวันอื่นไม่ได้รึไง?!” คนที่รู้ตัวว่าจะต้องวิ่งรอกหลายงานเริ่มพาล แต่ชเยนตร์ไม่ถือสาหน้าตาบูดบึ้งของญาติผู้น้องคนนี้ เพราะรู้เช่นเห็นชาติกันมาแต่เด็ก


   “ไม่ได้ คุณยายให้ซินแสดูให้แล้ว บอกว่าวันนี้ฤกษ์ดีสุด”


   “ยายของเฮียเป็นคนไทยไม่ใช่เหรอ เชื่ออะไรกับซินแสวะ” เจตน์พาลไปถึง ‘คุณยาย’ ของชเยนตร์


   เจ้าของกิจการที่จะจัดงานแกรนด์โอเพนนิ่งตามฤกษ์ของซินแสถึงกับหัวเราะ 


   “ก็คนไทยนั่นแหละ แต่อะไรที่ทำแล้วได้ประโยชน์ คุณยายไม่ถือ” ชเยนตร์ไม่ได้คิดจะนินทา แต่เรื่องของ ‘คุณยาย’ ที่ชื่อ กอบกุล  วงศ์กีรติ นี้ใครๆก็รู้นิสัยใจคอแกดี สิ่งใดที่เรียกว่าผลประโยชน์ ต่อให้วันนี้ไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง แต่ถ้าวันหน้าดูทรงแล้วว่าจะได้ แกกวาดเรียบหมด


“...แล้วอีกอย่าง วันนั้นก็วันเกิดโซ้ยเจ็ก ตอนเช้าเปิดร้านของเฮีย ตอนบ่ายกินเลี้ยงวันเกิดต่อ จองโรงแรมทีเดียว ได้ถึงสองงานไง!” ชเยนตร์ยังคงพรรณนาถึงความดีงามของการจัด 2 งานในวันเดียวกัน ในขณะที่เจตน์ต้องพ่นลมหายใจ พยายามข่มอารมณ์ตามประสา ‘คนโตๆแล้ว’ แล้วลองเจรจาอีกหน


“แต่ตอนเย็น ผมต้องไปงานแต่งรุ่นพี่ที่รู้จักอีกนะเฮีย”


   “ก็ไปสิ งานเลี้ยงวันเกิดเจ็ก เลิกไม่เย็นอยู่แล้ว”


   ชเยนตร์ไม่มีเปลี่ยนใจสักนิด ญาติผู้น้องเลยข่มอารมณ์แบบ ‘คนโตๆแล้ว’ ไม่ไหว


   “ผมหมายถึงว่าทั้งวันจะไม่ได้อยู่กับเมียผมต่างหาก!”


   คราวนี้ญาติผู้พี่หัวเราะอย่างคนไม่คิดมาก แถมแนะนำเหมือนเป็นเรื่องง่าย


   “จะยากอะไร ก็พามางานด้วยสิ”


   เจตน์ได้ยินแล้วก็ถึงกับชะงัก เหมือนเห็นแสงสว่างวาบที่ปลายอุโมงค์


   ...เออ! จริงว่ะ! ในเมื่ออยู่กันเงียบๆสองต่อสองไม่ได้ ก็พามันตะลุยไปด้วยกัน 3 งานซะเลย!...


   “แต่ผมว่าไม่ดี”


ทว่า แสงสว่างปลายอุโมงค์ก็ดับพรึ่บ เมื่อญาติผู้พี่อีกคนที่ชื่อเจียระไนแย้งขึ้นมา


ตี๋ตาเรียวพิมพ์เดียวกันที่นั่งร่วมวงแบบเงียบๆเพราะเอาแต่กดโทรศัพท์ยิกๆมาตั้งแต่ต้น ยอมวางมือจากโทรศัพท์แล้วหันมาจ้องเจตน์


   “มึงจะพาเมี...เอ่อ...แฟนตะลอนๆไปทั่วยังงั้นได้ไง ไม่กลัวเหนื่อยเหรอ”


คนถูกถามกะพริบตาปริบๆ เพราะร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็น ‘เฮียโจ๊ก’ ห่วงใยใคร คราวนี้ทำไมกลัวคนรักของเขาเหนื่อย?


   ทว่า...ปกฉัตรในสายตาของเจตน์ ถึงจะผอมแห้ง แรงน้อย แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอต้องให้เขามานั่งกังวลเรื่องความเหน็ดเหนื่อยสักนิด


“ไม่กลัวอ่ะเฮีย ไอ้ปกไม่ได้เหนื่อยง่ายขนาดนั้น”


เจียระไนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แต่ยังไม่ละความพยายาม


   “แล้วมึงไปงานเฮียชุน มึงก็ต้องช่วยรับแขก แฟนมึงจะไปอยู่ตรงไหน”


   “ก็อยู่ข้างผม ช่วยผมรับแขก”


เจียระไนนิ่งไปอีกรอบ แต่...จะหยุดไม่ได้...


...แฟนกูไม่อยู่ให้พามาด้วย แล้วมึงจะพาแฟนมึงมาอี๋อ๋อตำตากูได้ยังไง!!...


   “มึงคิดให้ดีนะไอ้เจ๋ง งานเลี้ยงวันเกิดเจ็ก มีแต่คนในครอบครัว...”


   “ไอ้ปกก็คนในครอบครัว!” คราวนี้เจตน์เถียงไว จิกตาใส่ด้วย


   “กูไม่ได้บอกว่าแฟนมึงไม่ใช่คนในครอบครัว แต่กูกลัวแฟนมึงจะเขินต่างหาก!”


   “ไอ้ปกไม่ใช่คนขี้อายหรอก”


   คราวนี้เจียระไนเริ่มคิดไม่ออกว่าจะขัดแข้งขัดขาญาติผู้น้องอย่างไรดี    


   อ้างเรื่องปกฉัตรจะเหนื่อยก็แล้ว อ้างเรื่องที่เจตน์ต้องช่วยงานก็แล้ว อ้างเรื่องปกฉัตรจะเขินคนรอบข้างก็แล้ว แต่ไม่รู้เจตน์เอานิสัยดื้อด้านมาจากใคร! ถึงมีข้อโต้แย้งทุกกรณีขนาดนี้!


   เจียระไนคิดไปคิดมาก็เหลืออีกเรื่องที่ยังไม่ได้อ้าง เขาหันไปมองหน้าญาติผู้น้อง หรี่ตาอย่างรู้เท่าทันกันดี


   “มึงอย่าลืมว่าเจ็กดื่มเก่ง มึงไปงานวันเกิดเจ็ก มึงก็ต้องดื่ม เจ็กคงจะปล่อยให้มึงกลับแบบเดินตรงทางหรอก แล้วเมื่อกี้มึงบอกว่าต้องไปงานแต่งต่อใช่มั้ย ไปงานแต่ง มึงคงแดกน้ำเปล่าสินะ ไอ้เจ๋ง”


เจตน์ชะงัก เห็นภาพตามเป็นฉากๆ


คราวนี้เจียระไนยิ้มกริ่มในใจ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า ในขณะที่ปากพูดต่อ


“แล้วมึงเมาทีอย่างกับหมา แน่ใจเหรอว่าอยากให้แฟนมึงเห็น”


   ญาติผู้น้องแทบหยุดหายใจ เจียระไนเห็นอย่างนั้นก็รีบปิดจ็อบด้วยประโยคเด็ด


   “คิดดูดีๆ แฟนมึงจะคิดยังไง ถ้าได้เห็นสภาพมึงตอนเมา!”


   ............................


   ...เมาอย่างกับหมา...


   เรื่องนี้ออกจะเกินความจริงไปหน่อย เจตน์คิดว่าเขาไม่ได้เมาขนาดจะใช้นิยามแบบนั้น แต่ก็ยอมรับว่าถ้าเมื่อไรที่เมา ถึงจะรู้ตัวทุกอย่าง แต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะ ‘ปาก’


   แล้วจะให้ปกฉัตรเห็นสภาพแบบนั้นของเขาจริงหรือ


   ...แน่นอนว่าไม่!...


   เพราะฉะนั้น วันเสาร์ที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี เขาจะต้องไปคนเดียว!!


   สมองและหัวใจของเจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์นั้นกล้าแกร่ง คิดอะไรก็ได้ ตัดสินใจอะไรก็เด็ดขาด แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำให้เรื่องตัดสินใจกลายเป็นความจริงนี่สิ...อีกเรื่องหนึ่ง


   ชายหนุ่มลอบมองคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ปกฉัตรกินข้าวเงียบๆ แม้จะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ แต่ก็ดูรู้ว่าอารมณ์ดี เวลาอย่างนี้ควรเป็นเวลาสำหรับการขออนุญาต...


   ...เอ้ย! ไม่สิวะ! ขออนุญาตอะไร้!!! กูแค่ ‘บอก’ ต่างหาก! ‘บอก’! ไม่ได้ขออนุญาตสักหน่อยน่ะ!!...


   จิตใจของหนุ่มตี๋แซ่ตั้งนั้นแข็งแกร่งจริงๆ บอกตัวเองในใจอย่างเสียงดังว่าเรื่องที่จะพูดเป็นแค่ ‘ประโยคบอกเล่า’ ขออนุญาตคืออะไร? เจตน์ไม่รู้จัก!


ทว่า...ถึงจะคิดว่าเป็นแค่ ‘การบอก’ เฉยๆ ปากกลับไม่เผยอออกจากกันสักนิด เอาแต่เม้มแน่น แถมกลืนน้ำลายซ้ำๆ มือไม้เย็นเฉียบ กำช้อนส้อมจนแทบจะบิดให้งอในอุ้งมือ


   “พี่มีอะไรรึเปล่า” ปกฉัตรเป็นคนเงียบๆ แต่ความรู้สึกไว ถูกคนรักลอบมองบ่อยๆ ก็ชักสงสัยขึ้นมา


เจตน์ชะงัก ขยับตัวนั่งตรงแน่วโดยอัตโนมัติ แล้วกลืนน้ำลายอีกรอบ


   “ค...คือ...” ช้อนส้อมในมือเขี่ยข้าวไปมาจนข้าวออกไปกองขอบจาน ตรงกลางเป็นหลุมว่างคล้ายสมองเขาตอนนี้


   ...ว่าง...โล่ง...คิดอะไรไม่ออก...


   ...เมื่อกี้จะขออนุญาตอะไรนะ เอ้ย! ไม่ใช่ขออนุญาตสิวะ! แค่ ‘บอก’!!...


   “ค...คือ...”


   สมองว่าว่างแล้ว ปากคอยิ่งเพี้ยนหนัก เพราะพูดออกมาไม่เป็นคำ ในขณะที่ปกฉัตรมองคล้ายรอฟัง


ทั้งๆที่ดวงตาสีจางเพียงแค่มองเฉยๆ ไม่ได้คาดคั้น แต่เจตน์กลับรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวเย็นจัด หนาวยะเยือกตั้งแต่หนังหัวจนถึงปลายเท้า แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจอันกล้าแกร่งของหนุ่มแซ่ตั้งก็ยังตะโกนบอกตัวเองอย่างแข็งขัน


...แค่บอกเท่านั้นไอ้เจ๋ง! แค่บอกเท่านั้นเอง!...


   “ค...คือ...ก...กูมาหามึงไม่ได้...หมายถึง...หมายถึง...วันเสาร์สิ้นเดือน...อ...เอ่อ...กู...กูต้องไปงานเลี้ยงตั้งแต่เช้าเลย...ก็เลย...ก็เลยมาไม่ได้...เอ่อ...”


   ทั้งๆที่นอนเรียบเรียงมาทั้งคืนว่าจะเริ่มต้นด้วยรายละเอียดอีเว้นท์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในวันฤกษ์ดีเสาร์สุดท้ายของเดือน แต่พอถึงเวลาจริงๆ สิ่งที่เรียบเรียงไว้กลับแตกกระจายกระเจิดกระเจิง


   แต่...ถึงจะไม่มีรายละเอียดใดๆ แถมเรียงลำดับประโยคแปลกๆ ปกฉัตรก็เป็นคนเข้าใจง่าย เขาเพียงรับคำ


   “ครับ”


   ทว่าความเข้าใจง่ายนี้ ไม่ได้ทำให้เจตน์สบายใจขึ้นเลย ชายหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมรอบตัวยังเย็นจัด แถมในอกยังหนักอึ้ง ทั้งๆที่คนรักก็ไม่ได้มีทีท่าปั้นปึ่งแต่อย่างใด ดูสบายๆด้วยซ้ำ แต่...เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยังมีเรื่องค้างคาใจ


หนุ่มตี๋เม้มปากเงียบไปอึดใจหนึ่ง แล้วพูดอีก


   “ฮ...เฮียชุน...เอ่อ...มึงจำได้มั้ย คนที่เพิ่งจบดอกเตอร์น่ะ...ข...เขาซื้อแฟรนไชน์ไก่ทอดมาจากเกาหลี แล้ว...แล้วต้องเปิดร้าน...เอ่อ...หมายถึงจัดงานโอเพนนิ่ง ทีนี้...ตอนเช้าเลยต้องไปงานร้านเขา แล้ว...แล้ววันนั้นเป็นวันเกิดโซ้ยเจ็ก...ง่า...เจ็กคนที่เป็นหมอ...ตอนบ่ายเลยต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดเจ็กต่อ แล้ว...แล้ว...แล้วตอนเย็น ต้องไปงานแต่งรุ่นพี่...อ่า...รุ่นพี่คนนี้...เอ่อ...เป็นคนที่คณะ...แล้ว...ไอ้ดิษก็ไป...”


   เจ้าของดวงตาสีจางมองคนรักอย่างไม่ติดใจอะไรสักนิด แล้วรับคำสั้นๆ


   “อ้อ ครับ”


   อย่างที่บอกว่าปกฉัตรเป็นคนเข้าใจง่าย เจตน์มาหาไม่ได้ก็คือไม่ได้ เจตน์ต้องไปงานเลี้ยงก็คือต้องไป ไม่ใช่ปัญหา และไม่ใช่เรื่องใหญ่


   แต่...คนต้องไปงานเลี้ยงและมาหาปกฉัตรไม่ได้กลับคิดว่านี่คือปัญหา แถมยังเรื่องใหญ่ขึ้นมากเมื่อคนรักไม่ถามอะไรสักคำ


   “คือ...คือไม่ใช่กูไม่อยากมาหามึงนะ กูต้องไปงานเลี้ยง แล้ว...แล้วก็ไม่ใช่กูไม่อยากพามึงไปงานเลี้ยงนะ ต...แต่กูต้องวิ่งรอกหลายงาน คือ...คือกู...กูต้องดื่มด้วย ต้องชนแก้วกับคนนั้นคนนี้ กู...อ่า...กูกลัวว่าพามึงไปแล้ว...แล้วมึงจะเหงา...”


เจตน์คนโวยวายโผงผาง มาวันนี้พูดอะไรก็เหมือนลิ้นจะพันกันไปหมด ทั้งๆที่ท่องมาทั้งคืน ว่าจะพูดอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก แต่พอถึงเวลาจริงๆ ทุกอย่างที่ท่องมาก็เหมือนกลายเป็นศูนย์ และคนคิดมากคือเขาเอง


   แต่ปกฉัตรเป็นคนเข้าใจง่าย อีกทั้งยังเป็นคนฉลาด การที่เห็นอีกฝ่ายร้อนรนอธิบายด้วยสีหน้ายุ่งยาก ย่อมเข้าใจดีว่าคนรักคิดอย่างไร เขายิ้มจาง หันไปตักผัดพริกแกงใส่จานคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม เพียงเท่านั้น เจตน์ก็เงียบ


   “พี่ขับรถไปเองรึเปล่า”


   “เปล่า...อ่า...กะว่าตอนเช้าจะไปพร้อมอาม่า แล้วตอนไปงานเลี้ยงวันเกิดเจ็กก็จะติดรถใครสักคนไป ตอนเย็นออกไปงานแต่ง ค่อยให้รถไปส่ง ขากลับจากงานแต่งค่อยกลับพร้อมไอ้ดิษ”


เรื่องนี้เจตน์ไม่คิดว่าจะถูกถาม เลยไม่ได้ท่องมา อาศัยตอบตามที่คิดเอาไว้แต่แรก จึงไม่ตะกุกตะกักสักนิด แตกต่างจากตอนขออนุญาตเมื่อครู่ลิบลับ เอ้ย! ไม่ใช่ขออนุญาตสิ! เมื่อกี้คือการบอกต่างหากล่ะ!!


   คนฟังยิ้ม “สบายใจแล้วครับ...กลัวพี่เมาแล้วขับรถ”


   เจตน์นิ่งไป คำว่า ‘สบายใจ’ ของปกฉัตรคล้ายปลดความหนักอึ้งในใจของเขา


   “มึง... ไม่ว่าใช่มั้ย”


   “หือ? ว่าอะไร?”


“ก...ก็...กูต้องไปงานเลี้ยง...แล้ว...แล้วก็ไม่ได้พามึงไปด้วย ก...กู...” ตี๋ตาเรียวไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาไม่กล้าบอกว่าเขาคงต้องดื่มเยอะ และน่าจะเมา และถ้าเขาเมา...เขาก็ไม่อยากให้ปกฉัตรเห็นเขาในสภาพนั้น


...แต่เหตุผลแบบนั้น มันดูไม่เท่เอาซะเลย...


ปกฉัตรไม่รู้เหตุผลข้อนี้ แต่ถึงไม่รู้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ดวงตาสีจางทอดมองคนรักด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยลดลง แม้จะคบหากันมาหลายปีแล้ว


“ทุกคนมีสังคมของตัวเอง ผมก็มี พี่ก็มี เรามีเวลาให้กันได้ทุกวันอยู่แล้ว พี่ไปมีเวลาให้สังคมของพี่บ้าง ไม่เป็นไรหรอกครับ”


   เจตน์มองคนที่ยังยิ้มให้เขา เมื่อได้รับการยืนยันว่าปกฉัตรไม่คิดมากเรื่องนี้ ความกังวลของเขาก็พลอยคลายลง


   ดังนั้น ในวันเสาร์ที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปี เจตน์จึงไม่ได้มาหาปกฉัตร 


บ้านหลังเล็กแม้จะมีคนอยู่แต่ก็ค่อนข้างเงียบ เจ้าของบ้านใช้เวลาตลอดทั้งวันในการทำความสะอาด ตอนเที่ยงแวะไปกินข้าวกับนิศราที่อยู่บ้านข้างๆ ดิษกรก็ไม่อยู่เพราะไปช่วยงานแต่งรุ่นพี่ งานเดียวกับที่เจตน์จะตามไปตอนเย็น


   วันเสาร์กำลังจะผ่านไปกับกิจกรรมที่เรียบง่าย ถึงจะเหงาไปสักหน่อยเพราะไม่มีคนตัวใหญ่แสนอบอุ่นมานั่งให้เบียดอยู่ข้างๆ


แต่...เหงาวันนี้ พรุ่งนี้ก็หายเหงาแล้ว เหงาวันนี้ พรุ่งนี้ก็ได้เจอพี่แล้ว เจอกันพรุ่งนี้ จะคลายเหงาด้วยการกอดพี่แน่นๆเลย...


ปกฉัตรตั้งใจจะรีบเข้านอน จะได้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ แต่...ตอนห้าทุ่มกว่า เสียงกดออดที่หน้าบ้านก็ดังขึ้นรัวๆ


   ร่างโปร่งนึกแปลกใจที่ถูกรบกวนยามวิกาล แต่ไม่ทันจะลุกไปเปิดผ้าม่านดู เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นด้วย เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อดิษกรก็กดรับสาย ยังไม่ทันพูดอะไร ปลายสายก็พูดรัวเร็ว


   ‘ไอ้ปก! เปิดประตูด่วน! เฮียเจ๋งเมาเละตุ้มเป๊ะ!’


   เท่านั้น ปกฉัตรก็วิ่งแน่บออกจากห้องนอนลงมาเปิดประตูให้ดิษกรทันที!


……………………….

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ดิษกรและชายหนุ่มอีกคนช่วยกันหิ้วปีกเจตน์มานอนแหมะบนโซฟาในห้องเอนกประสงค์ของบ้านปกฉัตร ปาดเหงื่อกันไปคนละหลายที ก่อนจะหันมาทางเจ้าของบ้าน


   “เฮียบอกให้กูพาไปส่งคอนโด แต่สภาพนี้ปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่น่าไหว กูเลยพามาหามึงนี่แหละ” ดิษกรบอก ก่อนจะหันไปมองหนุ่มรุ่นพี่ที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา


ตี๋ตาเรียวผิวขาวอย่างลูกหลานคนจีนมาบัดนี้หน้าคอแดงก่ำ ตาปรือปรอยแทบลืมไม่ขึ้น


“ดื่มไปเยอะมากเหรอ” เจ้าของบ้านถาม สีหน้าเป็นห่วง



ถึงพักหลังมานี้เจตน์จะไม่ค่อยดื่มแล้ว แต่ปกฉัตรก็รู้ว่าคนรักดื่มได้มาก และเมายาก แต่ถ้าวันนี้ ถูกหิ้วปีกพามาส่งสภาพแบบนี้ แสดงว่าคงดื่มหนักมาก


   “เห็นว่าเฮียมีงานตั้งแต่เช้า แล้วค่อยมางานแต่ง คงดื่มมาหลายงาน มาเจองานนี้อีก เลยหมดสภาพ แต่ไม่อ้วกหรอกนะ เฮียเป็นพวกอะไรเข้าปากก็คือไม่เอาออกทางปากแล้วน่ะ” ดิษกรพูดแล้วหัวเราะร่วน ปกติกล้าหยอกซะที่ไหน มีช่วงนี้ล่ะไพรม์ไทม์!


   ปกฉัตรถอนหายใจเบาอย่างเป็นห่วง นั่งลงข้างกายคนรัก


สภาพของเจตน์ในเวลานี้เรียกว่าหมดสภาพยังน้อยไป แต่ถึงอย่างนั้น เพราะมีคนมานั่งเบียด คนเมาจนหมดสภาพก็ยังพยายามลืมตาขึ้นมอง


   แม้จะเมาแต่เจตน์ก็มองเห็น ถึงภาพจะเบลอไปบ้าง แต่ก็รู้ว่าคนที่นั่งเบียดเขาอยู่นี่...หน้าตาคุ้นๆ...


   “หน้าเหมือนไอ้ปก...เฮ้ย กูบอกว่าให้ไปส่งกูที่คอนโดไง! กูจะกลับคอนโด!” คนเมาโวยวายลิ้นแข็ง แต่ก็นับว่าฟังรู้เรื่อง เจ้าตัวพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกดิษกรและเพื่อนช่วยกันกดลงนอนบนโซฟาตามเดิม


   “กลับไปอยู่คนเดียวได้ไงล่ะเฮีย เมาขนาดนี้” ดิษกรบ่น พยายามกดแขนสองข้างของรุ่นพี่เอาไว้มั่น ส่วนเพื่อนเขาช่วยกดขา แต่คนเมาก็ยังฤทธิ์มากและแรงเยอะ ดิ้นอึกอักบนโซฟา


   “ไม่ๆ กูจะกลับ กูเจอไอ้ปกไม่ได้”


   ‘ไอ้ปก’ คนที่เจตน์เจอไม่ได้ถึงกับกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง


   อย่าว่าแต่ปกฉัตรงงเลย ดิษกรเองก็งง ถึงเจตน์จะใจร้อน โผงผาง ขี้โวยวายและเอาแต่ใจที่สุดในโลก แต่เรื่องหนึ่งที่ใครๆก็รู้ดีคือทั้งรักทั้งหวงปกฉัตรยิ่งกว่าอะไร ถ้าผูกติดเอวเอาไว้ได้ ก็คงทำแบบไม่สนสายตาใครแน่ๆ


แต่...เจตน์ ตั้งกาญจนพาณิชย์คนนั้น เวลานี้กลับบอกว่า ‘เจอไอ้ปกไม่ได้’


“ปล่อยสิวะ! กูจะกลับคอนโด ปล่อย...” คนเมาแรงเยอะ แต่การขยับตัวไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนเคย ถึงดิ้นรนจะลุก แต่ในเมื่อมีรุ่นน้องตัวใหญ่ยักษ์ 2 คนช่วยกันจับแขนจับขา มีหรือตัวคนเดียวจะสู้ได้


...แต่ถึงแรงสู้ไม่ได้ ปากก็ยังสู้ได้…


“กูบอกให้ปล่อย ปล่อยโว้ยยยย ปล่อย”


เสียงเจตน์นั้นน่าหนวกหู ดิษกรเลยเกิดไอเดียรีบเจรจา


   “เฮ้ย! เฮียเมาแล้ว ไอ้ปกที่ไหน นี่บ้านผมนะเฮีย จะมีไอ้ปกได้ไง”


คนเมานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมามองปกฉัตรที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ


   “แต่ไอ้นี่...หน้าเหมือนปก...” พูดแล้วก็เพ่งมอง แต่สายตาและสติสัมปัญชัญญะของคนเมา มีหรือจะสู้คนไม่เมาอย่างดิษกร


   “เฮียเมาแล้วว่ะ! นี่ไม่ใช่ไอ้ปก นี่น้องผมเอง!” ดิษกรมั่วไปเรื่อย ทั้งๆที่หากเจตน์มีสติสักนิด คงย้อนถามแล้วว่า ‘มึงลูกคนเดียว ไปงอกน้องขึ้นมาตอนไหน’


   แต่ตอนนี้ เจตน์เมา...เมาแบบพูดได้ ฟังรู้เรื่อง แต่คิดอะไรไม่ออก และเชื่อคนง่ายที่สุด...


   “อ้อ...น้องมึง...เออๆ...น้องมึงนี่เอง ไม่ใช่ไอ้ปก...ใช่ๆ ไม่ใช่ไอ้ปก...ไอ้ปกจะอยู่บ้านมึงได้ไง ไม่ได้...กูให้มันไปอยู่ที่ไหนไม่ได้หรอก มันต้องอยู่บ้านกูแหละ...”


   ดูเหมือนคนเมาจะสบายใจแล้ว ว่าไม่ได้อยู่ในบ้านของปกฉัตรแน่ก็หลับตาลง


ดิษกรถึงกับลอบถอนหายใจ ก่อนจะหันไปกระซิบขอตัวกับเจ้าของบ้าน เพราะต้องพาเพื่อนไปส่ง แต่ก่อนจะไป ดิษกรเพื่อนรักของปกฉัตรและเป็นน้องรักของเจตน์ก็เตือนไว้ประโยคหนึ่ง


“เฮียเมาแล้วพูดมากหน่อยนะมึง ถ้าพูดอะไรมากไปก็อย่าคิดเยอะล่ะ ท่องไว้ว่าคนเมาๆ”


พอประตูบ้านปิดลง คราวนี้เจตน์คนเมาเลยตกเป็นภาระขอปกฉัตรแต่เพียงผู้เดียว


   เจ้าของบ้านกลับขึ้นชั้นบนเอาผ้าขนหนูไปชุบน้ำแล้วเข้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวคนรักที่ยังนอนอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์


   เจตน์เมาแต่ไม่ได้หลับ พอรับรู้ถึงสัมผัสเย็นชื้นที่แนบลงกับแก้ม เขาก็ลืมตาขึ้นช้าๆ


   “ชื่อไร...” คำถามของคนเมาทำเอาปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ


   “น้องไอ้ดิษชื่อไร”


   เชื่อแล้วว่าเจตน์เมาจริง กระทั่งเรื่องที่ดิษกรกุขึ้นยังเชื่อเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ปกฉัตรซ่อนรอยยิ้มขำเอาไว้ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “ดี”


   “หือ?”


   “น้องของดิษ...เอ่อ...น้องของพี่ดิษชื่อดี”


   เจตน์พยักหน้าเหมือนรับรู้ ดวงตายังปรือปรอย แต่ไม่ยอมหลับ แล้วก็พูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง


   “มึงหน้าเหมือนเมียกูเลย”


   ผ้าขนหนูชุบน้ำที่เช็ดลงมายังซอกคอชะงักไปอึดใจหนึ่ง แต่คนเมาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ยังพูดต่อ


   “...เมียกูโคตรน่ารัก...ไม่ๆ เขาบอกว่าห้ามเรียกเมียกูว่าเมีย คำว่าเมียมัน feminine เออ...เขาไหนวะ เสือกเรื่องกูกับเมียกูจัง แต่กูไม่เรียกเมียกูว่าเมียก็ได้ ให้มันเป็นผัวก็ได้ กูโอเคทั้งนั้น เพราะมันน่ารัก...ไอ้ปกน่ารัก...”


   ตอนที่ดิษกรเตือนว่าเจตน์เมาแล้วพูดมาก ปกฉัตรไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดมากเรื่องแบบนี้เลย


   “ถ้ามึงเห็นก็ต้องว่าน่ารัก มันน่ารักที่สุดในโลกของกูเลย...”


   คนเมายังพูดต่อไป ในขณะที่ปกฉัตรแม้จะทั้งเขินทั้งขำแต่ก็กลั้นยิ้มเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก ก้มหน้าเช็ดตัวให้อีกฝ่ายต่อไป


   “แต่...” แล้วคนเมาก็ขึ้นต้นด้วยการแย้ง ทำเอาผ้าชุบน้ำที่กำลังเช็ดตามแขนชะงัก “...มันไม่ค่อยยิ้ม ข้าวก็ไม่ค่อยกิน ตัวเท่ามด” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมา เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตะกัน เป็นการบอกขนาด ‘ตัวเท่ามด’


   “ใครที่ไหนจะตัวเท่านั้น” คนเช็ดตัวย้อนเรียบๆ แต่ริมฝีปากเจือรอยยิ้ม


   “เมียกูไง อ่า ผัวกูสิ...ไอ้ปกน่ะตัวเท่านี้ แต่น่ารักเท่าโลก” ตอนพูดว่า ‘ตัวเท่านี้’ เจตน์ยังเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ติดกัน แต่ตอนบอกว่า ‘น่ารักเท่าโลก’ เขากลับอ้า 2 แขนออกกว้าง


ปกฉัตรกลั้นขำ ดึงแขนอีกฝ่ายลงมาเช็ดตัวต่อ


“ทำไงให้มันตัวใหญ่เท่าโลก” คนเมาพูดมากหาเรื่องชวนคุยต่อ


“ไม่มีใครตัวใหญ่เท่าโลก” คนเช็ดตัวตอบ


“ก็ให้ไอ้ปกเป็นคนแรกสิ”


“ตัวใหญ่ขนาดนั้น กินเยอะ เปลืองตังค์นะ”


“ไม่เป็นไร กูจะหาตังค์เก่งๆ กูจะทำกับข้าวให้มันกินทุกวัน”


“ก็ทำทุกวันอยู่แล้วนี่”


“ใช่...ไม่ ม่าย...วันนี้ไม่ได้ทำ ไม่ได้ดูมันกินข้าวด้วย มึงได้ดูมันมั้ย มันกินข้าวเยอะรึเปล่า” คนเมาพูดมากไม่พอยังเฟอะฟะที่สุด เชื่อว่าคนข้างกายในเวลานี้ไม่ใช่ปกฉัตรจริงๆ


“เยอะ”


“รู้ได้ไง มึงได้เจอมันเหรอ กูไม่ได้เจอมันเลย ไม่ดีเลย คนอื่นได้เจอ แต่กูไม่ได้เจอ...”


“พรุ่งนี้ก็เจอ”


“แต่กูอยากเจอ...” พูดแล้วก็ทำหน้าเศร้า เสียงอ่อนระโหย


รู้ทั้งรู้ว่าเวลานี้เจตน์เมา ถึงจะโต้ตอบรู้เรื่อง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีสติมากน้อยแค่ไหน แต่หัวใจคนฟังกลับไหวสั่นอย่างประหลาด โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนั่น


‘...แต่กูอยากเจอ...’


“อยากเจอ แล้วทำไมไม่ไปหาล่ะ”


“ม่าย...ม่ายได้ กูเมา...เฮียโจ๊กบอกกูเมาแล้วเหมือนหมา ไม่เท่” แล้วก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาพนักโซฟา ทำตัวเป็นเด็กๆขี้น้อยใจ ปกฉัตรมองแผ่นหลังคนรักแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู


   “ดีแล้วที่ไม่เจอ ถ้ามันเห็นกูเมาเป็นหมา มันต้องไม่รักกูแน่ๆ” คนเมาบ่นกับพนักพิงเหมือนคุยกันรู้เรื่อง ก่อนจะหันกลับมาจ้องปกฉัตรที่ตนเองคิดว่าเป็นน้องของดิษกรด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่ก็เป็นสายตาเอาเรื่องที่เต็มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล


   “มึงอย่าบอกมันนะว่ากูเมา ห้ามบอกเด็ดขาด ถ้ามันรู้ กูจะไม่เท่อีก”


   ปกฉัตรได้แต่เม้มปากกลั้นรอยยิ้ม แต่ก็ยากเต็มทน คำถามที่ถามกลับไปจึงเจือด้วยเสียงหัวเราะเบา ทว่าเป็นเสียงหัวเราะที่เอ็นดูคนรักตัวใหญ่จับใจ


   “กลัวไม่เท่ด้วยเหรอ”


   “อื้อ...ถ้ากูไม่เท่ เดี๋ยวมันไม่รัก”


   คำพูดของคนเมาเหมือนรถไฟเหาะ ฉุดความรู้สึกของปกฉัตรขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวเอ็นดู เดี๋ยวใจสั่น และตอนนี้...ใจสั่นจนแทบจะเก็บเอาไว้ในอกไม่ไหวอีกแล้ว


ดวงตาสีจางทอดมองคนที่นอนตาลอยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล ได้ยินเสียงพึมพำของเจตน์ดังมาอีกระลอก


“ถ้ามันไม่รัก กูไม่รู้จะทำยังไงเลย กูต้องเท่...ต้องเท่มากๆ มันจะได้รัก...”


ปกฉัตรจับมือคนรักเอาไว้ บีบเบาๆคล้ายจะให้อีกฝ่ายรู้ตัว แม้จะรู้ดีว่าเจตน์ยังเมา และพูดไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะจำได้หรือไม่ แต่ต่อให้พรุ่งนี้ เจตน์จะจำเรื่องในวันนี้ไม่ได้ เขาก็ไม่อยากให้คนรักต้องจมอยู่กับความกลัวเช่นนั้นแม้แต่วินาทีเดียว


   “ไม่ต้องเท่ ก็รัก”


   เจตน์สบตาคนพูด สติและแอลกอฮอลผสมกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรคือเรื่องจริง คนตรงหน้าของเขาหน้าตาเหมือนปกฉัตรอย่างกับแกะ แต่นี่คือน้องของดิษกรที่ชื่อดีต่างหาก


แต่...ก็เหมือนปกฉัตร


แต่...ไอ้ดิษบอกว่าที่นี่คือบ้านของมัน ไม่ใช่บ้านของปกฉัตร


   “มึง...ปก...” เขาพึมพำ สติมีไม่มากพอจะจับต้นชนปลาย อีกฝ่ายยิ้มจาง เป็นรอยยิ้มที่สวยจนเจตน์นึกถึงคนรักของเขาขึ้นมาอีก


   “พี่ปกฝากมาบอก...เขารักพี่นะ รักพี่คนเดียว”


   “อ้อ...” เจตน์ในยามเมานั้นเชื่อคนง่ายอย่างเหลือเชื่อ พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นก็เลิกแคลงใจ หนำซ้ำยังสบายใจจนหลับตาลงด้วย


“กูก็รักมัน...”


เขาพึมพำประโยคสุดท้าย และก่อนที่ฤทธิ์แอลกอฮอลจะพาเข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนสบาย ชายหนุ่มรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นที่แนบลงกับหน้าผากเขา กลิ่นคุ้นเคยลอยปะจมูก ชวนให้คิดถึงเจ้าของกลิ่นนี้


“ปก...” เขาพึมพำแล้วสูดลมหายใจลึกคล้ายจะให้กลิ่นนั้นอบอวลอยู่ในใจ ก่อนจะหลับตาลง...ด้วยหัวใจที่อิ่มเอม


…………………….


   เจตน์หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้ตัวอีกที ภายในห้องก็สว่างด้วยแสงธรรมชาติจากภายนอกแล้ว ถึงอากาศจะเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่แสงจ้าที่ส่องเข้ามาทางรอยแยกของผ้าม่านก็บอกให้รู้ว่าเลยเวลาเช้ามามาก


   แต่...


   ผ้าม่าน?


   ผ้าม่านสีนี้?


   หนุ่มตี๋กะพริบตาปริบๆ สติเริ่มกลับมาทีละน้อย เขาจำได้ว่าเมื่อวานเป็นวันเสาร์ที่ฤกษ์ดีที่สุดในรอบปีจนมีงานซ้อนกัน 3 งาน


   ทั้ง 3 งานล้วนเป็นงานมงคล งานแรกไม่เท่าไร แต่ 2 งานต่อมานี่พ่วงด้วยเครื่องดื่มมึนเมา เขาเริ่มจับแอลกอฮอลแก้วแรกตอนมื้อเที่ยง แล้วจากนั้นก็อย่าถามถึงเครื่องดื่มชนิดอื่น เพราะมีแต่ ‘น้ำหมัก’ หลากชนิดที่ลงท้องเขาเท่านั้น


   เจตน์ดื่มเก่งก็จริง เมายากก็ใช่ แต่เจอสารพัด ไม่ซ้ำชนิด ถ้าไม่เมาก็จะยังไงอยู่ แต่โชคยังดีที่เป็นพวกเมาแล้วมีสติ คือมีสติพอจะพูดคุยออกคำสั่ง และเขาสั่งให้ดิษกรพาเขาไปส่งที่คอนโด


   ใช่! เขาสั่งให้ดิษกรพาไปส่งที่คอนโดของเขา แต่...คอนโดของเขาไม่มีผ้าม่านสีนี้! ไม่มีโซฟาแบบที่ใช้อยู่ตอนนี้! และไม่มีโทรทัศน์แบบนี้!


   ทั้งหมดนี่ ไม่ใช่ของในคอนโดเขา แต่เป็นของในบ้านไอ้ปก!!


   “ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวมั้ย” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอาเจตน์ที่กำลังนั่งตาเหลือกถึงกับสะดุ้งเฮือกหันไปมอง เจ้าของบ้านตัวเป็นๆยืนอยู่ที่ประตู สีหน้าเฉยๆ เหมือนเดิม


   “ป...ปก...” เจตน์คราง หน้าซีดหน้าหด เพราะเมื่อคืนเขาเมาเละสุดๆ!


   ‘...มึงเมาทีอย่างกับหมา แน่ใจเหรอว่าอยากให้แฟนมึงเห็น’


   เสียงของญาติผู้พี่ที่เคยเตือนสติดังขึ้นในมโนสำนึก แต่สถานการณ์จริงในเวลานี้อย่าเรียกว่า ‘แฟนเห็น’ เลย เรียกว่า ‘มาอยู่บ้านแฟนทั้งคืน’ จะถูกที่สุด!!


   “พี่? แฮงค์เหรอ” ปกฉัตรเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ เอาแต่หน้าซีดก็ชักเป็นห่วง จนต้องเดินเข้ามาถาม เจตน์เริ่มรู้สติอีกรอบ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะตอบ


   “ม...ไม่...”


   โชคดีที่เป็นพวกเมาแล้วไม่อ้วก สร่างเมาแล้วไม่แฮงค์ แค่ ‘เมาอย่างกับหมา’ เท่านั้นเอง!!


“งั้นก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน ผมต้มข้าวต้มกุ้งไว้แล้ว”


น้ำเสียงของปกฉัตรไม่ได้ออกคำสั่ง แต่ชายหนุ่มกลับทำตามอย่างว่าง่าย หนำซ้ำตอนเดินผ่านกันที่ประตู หนุ่มตี๋ตัวใหญ่ยังทำตัวลีบสุดๆ


เขาล้างหน้าแปรงฟัน สมองทบทวนว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง สิ่งที่นึกออกเป็นภาพเลือนราง เขาเห็นคนเช็ดตัวให้ ส่วนตัวเขาก็พูดอะไรไปตั้งเยอะ แล้วแต่ละอย่างที่พูดก็...


คิดมาถึงตรงนี้ เจตน์ก็ภาวนาให้ภาพเบลอๆที่ตนเองจำได้ เป็นเพียงเรื่องที่คิดขึ้นเอง ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นสแตนด์อิน เพราะหากว่าเกิดขึ้นจริง กับปกฉัตรตัวจริง เขาก็ไม่รู้ว่าปกฉัตรจะคิดยังไง


พอออกจากห้องน้ำ จะหลบเลี่ยงแอบกลับก็ไม่ได้ เพราะได้เสียงก็อกแก็กมาจากครัว เดาได้ว่าปกฉัตรคงอยู่ในนั้นและเตรียมอาหารไว้ให้เขา สองขาของชายหนุ่มเลยต้องพาหน้าสลดๆไปเสนอให้อีกฝ่ายเห็น ทั้งที่ไม่กล้าสบตาสักนิด


“อ้าว...แล้วทำไมยืนตรงนั้น ข้าวต้มเสร็จแล้วนะ” เสียงของคนรักดังขึ้น ทำเอาคนที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างประตู ต้องก้าวเท้าเข้ามานั่งที่โต๊ะกินข้าว


นี่อาจจะเป็นวันที่เจตน์ทำตัวเงียบที่สุด ทำตัวเล็กลีบที่สุด ยิ่งตอนนั่งลงตรงข้ามปกฉัตร ส่วนสูง 180 เซนกว่าๆของเขาเหมือนกลายเป็น 100 เซนฯ ในบัดดล


   ยิ่งปกฉัตรเงียบ เจตน์ก็ได้แต่กลืนน้ำลายพูดไม่ออก มือจะจับช้อนตักข้าวต้มใส่ปากสักคำยังไม่อยู่ในหัวด้วยซ้ำ


   “กินสิ เดี๋ยวก็หายร้อนหรอก” เป็นฝ่ายเจ้าของบ้านทักขึ้นมาอีก เจตน์เลยหยิบช้อนมาตักเข้าปากหนึ่งคำ แล้วก็เหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกรอบ ร่างโปร่งก็ยังไม่มีทีท่าอะไร เป็นฝ่ายเจตน์ที่ทนไม่ได้ พูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก


   “เอ่อ...คือ...เมื่อคืน...”


   “เมา” คนที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดต่อให้ หลังจากเห็นเจตน์อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ยิ่งพอดวงตาสีจางเหลือบขึ้นมาสบ หนุ่มตี๋ผู้หน้าหดเหลือ 3 เซนฯก็รู้สึกเหมือนอยากจะได้ปี้บอีกสักใบมาคลุมหัว


   “ก...กู...”


   “เมาขนาดนั้น แล้วทำไมยังให้ดิษพาไปส่งคอนโด” เจ้าของบ้านถาม น้ำเสียงไม่ได้คาดคั้น ติดจะเรียบๆเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศด้วยซ้ำ แต่คนมีชนักปักหลังกลับยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่


   “กู...กูไม่กล้ามาเจอมึง...”


   “เพราะรู้ว่าจะเมา กลัวว่าจะไม่เท่ในสายตาผม กลัวว่าผมไม่รักเหรอ”


   เจตน์ใจหายวาบ ภาพเบลอๆที่เขาจำได้ เกิดขึ้นจริงๆด้วย


   ...ไม่ใช่สแตนด์อิน แต่เป็นปกฉัตรตัวจริง ตัวเป็นๆ อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน!…


   “พี่คิดว่าผมรักพี่ เพราะพี่เท่เหรอ”


   ปกฉัตรคนเงียบๆ มาวันนี้ทำไมถามเก่งนักก็ไม่รู้ ส่วนเจตน์คนที่ด่าแต่ละทีมีแต่คนกระเจิง มาวันนี้ด่าไม่ออกสักคำ จะขึ้นเสียงสักแอะยังไม่กล้า


   เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม ทำเอาคนที่เอาแต่ก้มหน้าสำนึกผิดต้องเงยมองเพราะคิดว่าคนรักจะเดินหนี แต่...ผิดคาด


   ร่างโปร่งไม่ได้ลุกเพื่อเดินหนี แต่ลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้เขาต่างหาก


   “ทำไมไม่ตอบเลย ทีเมื่อคืนล่ะพูดไม่หยุด”


   เจตน์กะพริบตาปริบๆ อยากยื่นมือออกไปแตะว่าปกฉัตรที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้เขาคือตัวจริง เขาไม่ได้เมาแล้วคิดไปเอง แต่...นั่นแหละ ไม่กล้า...


   “ว่าไง ทำไมไม่พูดเลย”


   หนุ่มตี๋กลืนน้ำลายอึกใหญ่


   “ช...ใช่...”


   “อะไรคือใช่”


   “ใช่...อย่างที่พูดไปเมื่อคืน...”


   คราวนี้ ฝ่ายคนตั้งคำถามนิ่งไปเล็กน้อย ปกฉัตรเห็นอีกฝ่ายเมาหนักขนาดนั้น ย่อมไม่คิดว่าเจตน์จะจำอะไรได้


   “พี่จำได้?”


   “อืม...” ถึงจะเบลอและมึน ถึงจะเมาจนแทบไม่มีสติ เวลานั้นคิดอะไรไม่ออก ไตร่ตรองอะไรไม่ได้ แต่เขาจำได้ทุกอย่าง


   ปกฉัตรเม้มปากเล็กน้อย รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในอก เพราะเมื่อคืนนี้ เขาเองก็...ทำอะไรหลายอย่างที่เวลาปกติไม่ค่อยทำ


“จำอะไรได้บ้าง?”


   “ก็...จำได้ว่ามีคนหน้าเหมือนมึงมาช่วยเช็ดตัวให้ แล้ว...แล้วก็...คุยกัน...แล้ว...แล้วก็บอกว่า...เอ่อ...รัก...ง่า...แล้ว...แล้วก็...” เจตน์ยกมือขึ้นแตะหน้าผากตนเอง ตำแหน่งที่เขาจำได้ว่ามีสัมผัสอุ่นๆแนบลงมาเมื่อคืนนี้ก่อนที่จะหลับ


   ความเขินแผ่ซ่านในใจของปกฉัตร จนต้องหมุนตัวจะเดินหนี แต่เจตน์ลุกขึ้นดึงแขนคนรักเอาไว้


   “ปก...กู...”


   ร่างสูงไม่รู้จะพูดอะไร เห็นอีกฝ่ายไม่ดิ้นรนหนี ก็ลองก้าวเข้าใกล้ ใกล้...จนอกของเขาเบียดชิดแผ่นหลังของคนรัก ปกฉัตรยังยืนนิ่ง เขาจึงโอบสองแขนรอบเอวเอาไว้ ยิ่งไม่มีทีท่าขัดขืน หนุ่มตี๋ก็ใจชื้น หมุนตัวคนรักให้หันกลับมามองหน้ากัน


   “กู...ขอโทษ...”


   “ขอโทษเรื่องอะไร” ดวงตาสีจางเหลือบขึ้นสบ


     “ขอโทษที่เมา”


   ปกฉัตรส่ายหน้า “พี่จะเมาบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมไม่ได้โกรธเรื่องนั้นสักหน่อย แต่ไม่ชอบที่พี่เมาแล้วจะกลับไปนอนคนเดียว”


   “ก็...กูไม่อยากเป็นภาระของมึง...”


   “แล้วก็กลัวไม่เท่” ปกฉัตรเสริม เจตน์ได้แต่เงียบ ไม่เถียงสักคำ เหตุผลข้อนี้ใหญ่พอๆกับเหตุผลกลัวเป็นภาระ


   “ขอโทษ”


   “คราวหลัง ไม่เอาแบบนี้นะ แล้วก็เลิกคิดว่าถ้าไม่เท่ ผมจะไม่รักด้วย”


   “ครับ...” เจตน์คนโวยวาย กลายร่างเป็นผู้ชายสุภาพนุ่มนวลพูดจาแผ่วเบา ฟังแล้วจั๊กกะจี้ปนเขินจนปกฉัตรต้องหาทางเลี่ยงเพราะขืนปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแล้วกระซิบแบบนี้ หัวใจต้องเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆแน่


   “ปล่อยได้แล้ว จะได้กินข้าว” ใบหน้าขาวมาบัดนี้แดงเรื่อน้อยๆ เห็นอย่างนั้นแล้วยอมปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมแขนก็ไม่ใช่เจตน์แล้ว


   เขาโอบร่างผอมแน่นขึ้นอีก ก้มหน้าลงหา เกลี่ยปลายจมูกกับผิวแก้มเบาๆ ในขณะที่ฝ่ามือร้อนเริ่มลูบไล้แผ่นหลังของคนรัก


   “หิวแล้วเหรอ...” น้ำเสียงของหนุ่มตี๋นั้นแสนเบา


   “...เมื่อวานก็ไม่ได้กอดกัน...” เขากระซิบอีก จากที่ปลายจมูกคลอเคลียอยู่บนผิว กลายเป็นกดริมฝีปากลงจูบแก้มด้วยแล้ว


ริมฝีปากร้อนไล้มายังมุมปาก ทว่าก่อนจะบดเบียดแนบสนิท เจตน์กลับถอยออกมาเล็กน้อย ตาสบตา


   “...ก่อนกินข้าวได้มั้ย” 


   ปกฉัตรทำขำทั้งเขิน ขำเพราะไม่คิดว่าเจตน์จะขอ แต่ก็เขินเพราะเจตน์ขอ


   แต่ในเมื่อกล้าขอ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ


   สองมือของคนถูกขอเลื่อนขึ้นโอบรอบคอคนรัก เพียงแตะท้ายทอยของเจตน์เบาๆ อีกฝ่ายก็ก้มลงหา ให้เขาเป็นฝ่ายกระซิบบนริมฝีปากร้อนนั่นบ้าง


   “ถ้าพี่สัญญา ว่าเมาคราวหน้าแล้วจะกลับมาหาผม...”


   สิ้นประโยคนั้น ร่างของคนพูดก็ถูกรวบตัวจนเท้าลอยจากพื้น พาเดินออกจากห้องครัว แต่เรื่องอะไรเจตน์จะปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ตัว ตอนที่เดินกลับไปที่ห้องเอนกประสงค์ เขาก็เจรจาไปด้วย


“กูเมาเละนะ”


“อื้อ”


“กูเมาแล้วพูดมากนะ”


“อื้อ”


“กูเมา...เหมือนหมานะ” ประโยคนี้ ปกฉัตรหัวเราะ


“ลูกหมาน่ะสิ”


เจตน์หรี่ตามองคนที่เขาอุ้มอยู่ มันเขี้ยวคนจำกัดความการเมาของเขาใหม่ แต่...เมาเป็นลูกหมาก็คงดูดีในสายตาของปกฉัตรมากกว่าเมาเป็นหมานั่นล่ะ


“ถ้ามึงรับได้ กูสัญญาว่าเมาแค่ไหนก็จะกลับมา”


ปกฉัตรยิ้มแทนการตอบรับ


“แต่กูก็สัญญาว่าจะเมาให้น้อยที่สุด จะไม่ทำให้มึงต้องเป็นห่วงอีก”



รอยยิ้มของปกฉัตรแย้มกว้างขึ้นอีก ก่อนจะก้มลงจูบคนที่ยังอุ้มเขาอยู่ ตอนนั้นเองที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาถูกอุ้มนานเกินไปแล้ว จึงผละออกมา


“พี่วางผมลงได้แล้ว จะได้กินข้าว อ๊ะ!” เจตน์วางคนรักลงตามที่ขอ แต่ไม่ได้วางบนพื้น กลับวางลงบนโซฟา แล้วตามคร่อม จนร่างโปร่งต้องเอนตัวลงนอนราบไปกับโซฟาจุดเกิดเหตุ ‘เมาเป็นลูกหมา’ เมื่อคืนนี้


“มึงบอกว่าถ้ากูสัญญา ก็ ‘ก่อนกินข้าว’ ได้”


เจตน์คนไม่เมากลับมาแล้ว ดูได้จากความเจ้าเล่ห์และดวงตาเป็นประกายระยิบระยับของเขา ปกฉัตรหมั่นไส้คนรัก แต่เมื่ออีกฝ่ายก้มลงมามอบจูบดูดดื่ม เขาก็ทำได้เพียงจูบตอบ ตอนที่อีกฝ่ายผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อถอดเสื้อ เป็นช่วงเวลาเดียวที่ได้บ่น


“ผมว่าพี่ตอนเมาน่ารักกว่าตอนนี้เยอะเลย”


...โดยเฉพาะตอนเมาเป็นลูกหมาน่ะ น่ารักน่าเอ็นดูที่สุดแล้ว...



FIN


ก็คือวันสุดท้ายของเดือน แหะๆ

ขอโทษที่มาดึกมากนะคะ วันนี้ยุ่งมากๆ ตั้งแต่เช้า ถ้ามีคำผิดตรงไหน บอกได้เลยนะคะ เดี๋ยวบัวกลับมาแก้ค่ะ

ตอนพิเศษสำหรับเดือนนี้เป็นเฮียเจ๋งกับปก (พร้อมด้วยเอ็กตร้าที่มาทั้งตัวและมาแต่ชื่อ ฮ่าฮ่า) ซึ่งเฮียมาในมาดใหม่ มาดลูกหมาตัวน้อยๆ น่ารักน่าเอ็นดู หวังว่าจะเอ็นดูเฮียเจ๋งกันนะคะ

ส่วนเดือนหน้า น่าจะได้อ่านเรื่องใหม่ และ...เดือนหน้าจะมาเฉลยเซอร์ไพรส์ อิอิ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม การอ่าน การคอมเม้นท์ และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันเดือนหน้าค่ะ (อีกประมาณครึ่งชั่วโมงคือเดือนหน้า ฮ่าฮ่า)


ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เจตน์อย่างน่ารัก...กกกกกก   :กอด1:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
น่ายักกกกกกกก
น่ายักกกกกกกก
น่ายักกกกกกกก
น่ายักกกกกกกก
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เจ้ายู้กหมาาา น่ารักกกกกก

โง้ยย ทั้งขำทั้งเอ็นดูวว กลัวไม่เท่ กลัวเมียไม่รัก ตัวโตเป็นยักษ์เเต่กลัวเมียตัวเท่ามด เอ่ะ! ไม่สิ! กลัวเกลออะไร๊ แค่เกรงใจ!5555555

นังโจ๊กนังคนขี้อิจฉา ดื้อด้าน คลั่งรักเมีย พอกันอิพี่น้องคู่นี้ โอ้ยยย ขำไม่ไหว55555555555555

//ขอบคุณนะคะคุณบัว คิดถึงทุกเรื่องของคุณบัวเลยค่ะ ดีต่อใจทุกเดือนจริงๆค่ะ ชอบมากกกกก ปักหมุดรอเรื่องใหม่เลยค่าา

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หลงเมียไม่มีใครเกิน

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อุแงงง คิดถึงมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สรุปตอนนี้ได้ว่า...
ถ้าโซ่ว่าง ตอน(พิเศษ)นี้ก็คงไม่มี... 555...

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
แหมม โมเม้นท์ลูกหมาของเฮียเจ๋ง
ฟินกันไปจ้าาา

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เมาแล้วเป็นอีกคนเลยนะเฮีย

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอบคุณคุณบัวค่ะ คู่นี้น่ารัก อดขำความขี้อิจฉาของแขกรับเชิญในตอนนี้อย่างโจ๊กไม่ได้  :mew4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เมายังกะลูกหมา  :hao6:
หมดกันคนเท่ของฉัน!!

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เอ็นดู เจตน์ กับน้องปก น่ารักมากๆ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ habanice

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด