...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 457475 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ติซซี่! หล่อนหายเงียบไปแล้วนึกว่าจะไปลับ อยู่ดีๆ พอมีเรื่อง

แบบนี้ละโผล่มาได้จังหวะจริงๆ นะ แหม มีการบอกสุ่มเบอร์โทร

สุ่มแม่นจังเลยนะทั้งเบอร์โจ๊ก เบอร์เจ๋งเนี่ย อิจฉา!

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :hao5: ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ปกกกกก ปกร้ายว่ะ ร้ายมากน้อง  :laugh:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ถถถถถถ เจ๋งผู้เป็นช้างเท้าหน้า  :hao7:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ดิษน่ารักอะ ไม่ค่อยเข้ากะตัวโตๆ นั่นเลยลูกเอ้ย ถถถ แต่ยังไงก็น่ารักอะนะ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากกกกกก ชอบความอ้อยเก่งของปกแล้วเฮียไม่รู้ เห็นปากร้ายปากเสียอย่างนี้แต่พอเป็นแฟนกับปกแล้วเฮียเค้าก็มีความละมุนเหมือนกัน :m3:   ขอบคุณนะคะ :L2:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยย อยากหาคู่ให้ดิษกรสักคนจรืงๆ5555555
เฮียเจ๋งคนซึนจอมโวยวาย มีหรือจะลูกอ้อนของปกได้
โอ้ยยย น่ารักกกก ชอบมากกกกก คิดถึง~

ขอบคุณนะคะ ชอบนิยายของคุณบัวมากกกกกถึงมากที่สุดดดดด กลับมาอ่านที่ไรเหมือนได้ฮีลตัวเอง
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ จะติดตามผลงานตลอดไปเลยค่ะ รัก  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2019 13:38:29 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
………………….
ตอนพิเศษ วันเกิด


เครื่องปรับอากาศปล่อยไอเย็นฉ่ำอย่างเงียบๆไปทั่วทั้งห้องนอน สำหรับคนตัวใหญ่ขี้ร้อนอย่างเจตน์ย่อมสบายเนื้อสบายตัวดี แต่...สำหรับอีกคน ดูเหมือนอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสจะเป็นต้นเหตุให้ต้องขยับตัวเข้าหาไออุ่น


เจตน์ยังไม่หลับ พอรู้ตัวว่ากำลังถูกเบียดจึงปรือตาขึ้นข้างหนึ่ง ภายในห้องนั้นมืดสลัวแต่เพียงชั่วครู่เขาก็มองเห็นเงาลางของคนรักที่ซุกตัวเข้าหา ปกฉัตรไม่ใช่คนช่างพูด ดังนั้นการกระทำแบบนี้จึงเกิดขึ้นเงียบๆ


...แต่...แม่งเงียบแบบแปลกๆเปล่าวะ?...


ท่ามกลางความมืดสลัว หนุ่มตี๋เห็นศีรษะกลมๆซุกอยู่กับแขนของเขา จากนั้น...ถึงได้รับรู้สัมผัสอุ่นๆที่แนบลงกับต้นแขน


...จูบ?...


เจตน์รู้ในทันทีว่าคนที่ซุกหน้าและเบียดตัวเข้าหาฝากรอยจูบลงกับต้นแขนของเขา


“เป็นไรของมึง” คนไม่โรแมนติกย่อมไม่เข้าใจ แถมยังเป็นคนโผงผางคิดอะไรก็ถาม เลยกลายเป็นคำถามที่ฟังดูแล้วท้าตีท้าต่อยด้วยซ้ำ


ทว่าปกฉัตรไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใครตอบ หนำซ้ำยังเบี่ยงประเด็นเก่ง


“ง่วง...” เสียงตอบนั้นแสนเบาแถมยังแนบหน้าผากลงกับตำแหน่งจูบเมื่อครู่นี้อีก


เจตน์ขมวดคิ้วฉับ ทั้งงงทั้งง่วง


...คนง่วงที่ไหนมาจูบต้นแขนกันยังงี้วะ...


แต่ถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ ปกฉัตรเป็นมนุษย์ที่เดาใจยากที่สุดในโลกของเจตน์เลย


“ง่วงก็นอนดีๆ”


“นี่แหละ ดีแล้ว”


ดวงตาเรียวจับจ้องคนที่ซุกหัวกลมๆลงกับต้นแขนของเขาอีก ไม่เข้าใจว่าวันนี้ปกฉัตรเป็นอะไร แต่เห็นซุกแล้วเงียบ เขาก็ไม่ได้กวน ความง่วงทำให้ชายหนุ่มเชื้อสายจีนพักความสงสัยเอาไว้แค่นั้นแล้วหลับตาลง เพียงครู่เดียวก็หลับสนิท ไม่รู้แม้แต่นิดว่าคนที่ซุกหน้าลงกับต้นแขนของเขา กลับเงยขึ้นมองด้วยแววตาอ่อนโยน แล้วยืดใบหน้าเข้าหาก่อนจะจูบเบาๆที่ปลายคาง


วันนี้...ปกฉัตรอ้อนเป็นพิเศษ แต่ ‘พี่’ ไม่รู้อะไรบ้างเลย


...................................


เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เจตน์จำได้ว่าตั้งแต่ตื่นลงมาข้างล่างเพื่อทำอาหารเช้า เขายังไม่ได้ออกไปเปิดประตูรั้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่สามารถบุกมาถึงประตูหน้าบ้านได้โดยไม่ต้องผ่านการกดออดจากประตูใหญ่


ดิษกร เพื่อนบ้านหลังติดกันของปกฉัตรเอง


“สงสัยดิษมา เดี๋ยวผมไปเปิดเอง” เจ้าของบ้านร่างผอมที่ช่วยยกถ้วยข้าวต้มมาวางบนโต๊ะหันไปบอกคนที่ถือหม้อตามมา ดูท่าแล้วเจตน์จะต้องหาทางมาเติมข้าวต้มใส่ถ้วยเพิ่มแน่ๆ


“พี่...ผมไม่เอาเพิ่มแล้วนะ กินไม่หมด”


“กูจะเพิ่มปลา ไม่ได้เพิ่มข้าว!” พ่อครัวประจำวันเถียงขวับ ปกฉัตรก็จนใจจะพูดอะไรอีกได้แต่หมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไปเปิดประตูบ้าน ยอมปล่อยให้เจตน์ตักเนื้อปลาใส่ถ้วยเพิ่มตามสบาย


“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทู้ยู! แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูน้องปก...” เสียงอวยพรเป็นเพลงดังแว่วๆ ทำเอาพ่อครัวที่กำลังแอบตักข้าวเพิ่มใส่ถ้วยของปกฉัตรถึงกับชะงัก เจตน์วางหม้อลงกับโต๊ะ แล้วเดินตามออกไปดูที่หน้าประตู คนที่สบตาเขาเป็นคนแรกคือรุ่นน้องร่วมคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีอย่างดิษกร


“เอ้า! เฮีย อยู่ด้วยเหรอ” รุ่นน้องตัวใหญ่ทักทายพร้อมรอยยิ้มแฉ่ง เจตน์พยักหน้าสั้นๆ เพิ่งสังเกตว่านอกจากเสียงเพลงอวยพรเมื่อครู่แล้ว ในมือของดิษกรยังมีเค้กพร้อมเทียนปักอยู่ด้วย


“วันเกิดใคร” เขาถาม ก้าวเท้าไปหยุดอยู่ข้างคนรัก


“ผมเอง” ปกฉัตรหันมาบอก ทั้งเสียงทั้งหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ทว่าคนเพิ่งรู้ถึงกับกะพริบตาปริบๆ


“วันเกิดมึง?”


“อื้อ แต่ไม่ใช่วันนี้หรอก” เจ้าของวันเกิดเสริม เจตน์เกือบจะสบายใจอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่ว่าดิษกรพูดต่อ


“เมื่อวานน่ะเฮีย เมื่อวานวันเกิดไอ้ปก”


ดวงตาเรียวของหนุ่มเชื้อสายจีนเบิกโพลงเป็นไข่ห่าน หันขวับมาเฉ่งคนรักทันที


“อะไรนะ?! มึงเกิดเมื่อวาน?! ทำไมกูไม่รู้?!!!”


ทั้งๆที่เมื่อวานอยู่ด้วยกันแทบทั้งวัน แต่ปกฉัตรไม่พูดไม่บอกสักคำ


“อ้าว…ก็…” ส่วนเจ้าของวันเกิดก็หาเหตุผลไม่ได้ พอเหลือบตาไปมองดิษกรเพื่อหาตัวช่วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะรายนั้นหันไปวางเค้กลงกับโต๊ะใกล้ๆ แล้วยิ้มแห้ง


“ล...ลืมเลย อานิศบอกว่าให้ช่วยตากผ้าให้ด้วย เอ่อ...ปก...มึงกินเค้กไปก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยไปกินข้าวบ้านกูกัน อานิศจะกลับมาทำให้กิน ไปก่อนนะเฮีย” แล้วดิษกรเพื่อนบ้านผู้ไม่เคยเป็นทัพหน้าใดๆ ก็รีบเผ่นออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว


ภายในบ้านของปกฉัตรคราวนี้เลยเหลือเพียงเค้กวันเกิดที่ยังคงมีเทียนปัก เจ้าของวันเกิดเมื่อวาน และผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของแฟนตัวเอง


   และผู้ชายคนนั้นคือเจตน์เอง!!!


“เอ่อ...ผมไม่ได้คิดว่ามันสำคัญเท่าไร ก็เลยไม่ได้บอก” ปกฉัตรเห็นว่าอย่างน้อยเจตน์ก็มาอยู่กับเขาทั้งวันแล้ว นั่นน่าจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เจตน์ให้ แถมตอนกลางคืนพอเขาขอให้ค้าง อีกฝ่ายก็ยินดีอีกต่างหาก


“วันเกิดมึงไม่สำคัญได้ไง?! แล้วนี่ทำไมกูไม่รู้วะเนี่ย?!!” ประโยคหลังนั่นคนเป็นพี่บ่นตัวเองล้วนๆ ทั้งๆที่เป็นคนจู้จี้จุกจิกและเจ้ากี้เจ้าการ แต่เรื่องวันเกิดกลับมองข้ามไปหน้าตาเฉย


สัมผัสอุ่นๆแตะเบาๆที่ต้นแขน ดวงตาเรียวตวัดมองถึงได้เห็นว่าเจ้าของวันเกิดเมื่อวานวางศีรษะลงกับไหล่ของเขา


“แค่พี่อยู่ด้วยก็พอแล้ว” 


ที่เมื่อวานปกฉัตรขอให้ค้างด้วยกัน ก็อาจจะเพราะเป็นวันเกิด เจตน์น่าจะฉุกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงอ้อนเขาผิดปกติ แต่...เขากลับไม่สงสัยเลย...


“กูก็อยู่ด้วยแล้วนี่ไง” เจตน์ไม่เห็นว่าการที่เขาอยู่กับปกฉัตรจะเป็นเรื่องพิเศษในวันพิเศษอย่างวันเกิดเลยสักนิด ในเมื่อเขาก็อยู่กับปกฉัตรในทุกๆวันอยู่แล้ว เรื่องที่ควรจะพิเศษมันน่าจะเป็นการพาไปเลี้ยงข้าวร้านอร่อยที่ปกฉัตรอยากทาน หรือซื้อของขวัญสักชิ้นที่ปกฉัตรอยากได้ แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้น...ไม่มีเลย! เพราะเจตน์ไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของคนรัก!


…เนี่ย!! คิดแล้วมันน่าเจ็บใจ!! ทำไมกูไม่ถาม ไม่สงสัย ไอ้ปกไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ แต่กูเสือกลืมคิดถึงวันเกิดมันไปเฉยเลย!!!


“แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะครับ” ทว่าสำหรับปกฉัตร ไม่มีร้านไหนที่เขาอยากทาน ไม่มีของขวัญอะไรที่เขาอยากได้ สิ่งเดียวในเวลานี้ที่เป้นของขวัญที่จับต้องได้และอยู่ข้างกายคือผู้ชายตัวใหญ่หน้าหงิกที่ยืนอยู่กับเขาต่างหาก


เจตน์หันมามองคนที่ยังคงยิ้มน้อยๆให้เขา ปกฉัตรแทบจะไม่เรียกร้องอะไรจากเขาเลย เขารู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ขาดเหลืออะไร ไม่ฟุ้งเฟ้ออยากได้ของมีราคา อะไรมีก็ใช้ อะไรไม่มีก็ไม่อยาก สิ่งเดียวที่ปกฉัตรน่าจะอยากได้ที่สุดคือ...ครอบครัว

แต่...ทุกครอบครัวล้วนมีเงื่อนไข และเงื่อนไขของแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกัน ครอบครัวของปกฉัตรก็เช่นกัน เงื่อนไขสำคัญของครอบครัวนี้คือรักกัน...แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน


“เมื่อวานได้โทรหาพ่อแม่ไหม”


เจ้าของวันเกิดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า


“โทรแล้ว พ่อกับแม่อวยพรด้วย แต่ได้คุยกับแป๊บเดียว” เพราะบิดามารดาของปกฉัตรทำงานที่ต่างประเทศ นอกจากเวลาจะไม่ตรงกันแล้ว ยามได้คุยทางโทรศัพท์ บางครั้งก็สั้นจนแทบทดแทนความคิดถึงไม่ได้


ดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าที่ดูนิ่งเฉย แต่จะมีใครสักกี่คนมองเห็นความเศร้าสร้อยภายใต้คำว่าไม่เป็นไร ปกฉัตรอายุเท่านี้ แต่วันสำคัญกลับไม่มีบุพการีเคียงข้าง


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวกูพาออกไปข้างนอก”


ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงที่จู่ๆก็ถูกสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้า


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” คนสั่งย้ำอีกครั้ง


“ตอนนี้เหรอ แต่ข้าวต้ม...” ร่างโปร่งคิดถึงอาหารเช้าที่พ่อครัวหน้าหงิกคนนี้อุตส่าห์ทำให้


“กูเก็บเอง มึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป” เจตน์พูดแล้วก็ช้อนถาดเค้กถือเข้าห้องครัว ปกฉัตรงง แต่รู้ดีว่าขืนยังยืนอยู่ที่เดิมให้คนรักออกมาเห็น เขาคงถูกด่าแน่นอน


แต่...พอขึ้นมาถึงห้องนอน ก็ได้แต่หยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเพราะไม่รู้ว่าควรจะแต่งตัวอย่างไรดี


‘พาออกไปข้างนอก’


…หมายถึงพาไปไหนล่ะ…


…ต้องแต่งตัวแบบไหน…


เจ้าตัวยืนคิดอยู่พักหนึ่ง ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา เจตน์เห็นคนรักยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมเลยต้องก้าวเท้าฉับๆเข้ามาหา


“ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ต้องให้กูทำให้ทุกเรื่องเลยรึไงวะ?!” ดุแต่ปาก ส่วนมือเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงยีนส์สีเข้มออกมาหนึ่งตัวก่อนจะส่งให้


“ผมไม่รู้ว่าพี่จะพาไปไหน”


ร่างสูงนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากเรียบๆ


“พาไปกินข้าวกับอาม่า”


“อาม่า?”


“วันเกิดก็ต้องไปกินข้าวกับพ่อแม่ไง แต่พ่อแม่มึงไม่อยู่เมืองไทย งั้นก็ไปกินข้าวกับอาม่ากู แทนกันได้”


เป็นผู้ชายทื่อๆที่ไม่รู้ว่าคนรักเกิดวันไหน แถมยังรู้ช้าไปหนึ่งวัน ของขวัญก็ไม่มีให้ แต่เป็นผู้ชายทื่อๆที่อยากให้ปกฉัตรมีความสุขและมีรอยยิ้มในทุกๆวัน โดยเฉพาะวันสำคัญแบบนี้


...อยากให้มันมีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าจะย้อนหลังก็เถอะ...


ปกฉัตรมองคนตัวสูงกว่าที่ยังถือเสื้อผ้ายื่นมาให้ เขาไม่ได้เอื้อมมือออกไปรับ แต่กลับสอดสองแขนเข้าโอบรอบลำตัวหนาแล้วพาร่างตัวเองเข้ากอดอีกฝ่ายแนบแน่น


“เฮ้ย! เดี๋ยวเสื้อมึงยับ” คนถูกกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวร้องลั่น ชูมือข้างที่ถือเสื้อผ้าเอาไว้สูง กลายเป็นเปิดโอกาสให้ปกฉัตรกอดได้แนบสนิทยิ่งกว่าเดิม


“ไอ้ปก!!” เจตน์ดุไปอีกที แต่คนกอดก็กอดอยู่อย่างนั้น แถมยังรัดแน่นราวกับจะไม่ปล่อยเขาไปไหน


หรือต่อให้ปล่อยเขาไป เจตน์ก็ไม่คิดจะไปไหนอีกแล้ว เขาอยู่ตรงนี้ และจะอยู่ต่อไป ถึงวันนี้จะทำให้ปกฉัตรยิ้มหรือหัวเราะทั้งวันไม่ได้ แต่เขาก็ตั้งใจจะทำให้ดีมากกว่าเมื่อวาน


“กู...มีให้มึงได้แค่นี้แหละ ไม่มีของขวัญอะไรให้นะ” เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน จนบางครั้งเจตน์ก็ลืมที่จะเรียนรู้เรื่องอื่นๆของคนรักที่เขายังไม่รู้


“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”


“กูขอโทษที่ไม่เคยถามมึงเลย ว่ามึงเกิดวันไหน”


คราวนี้คนกอดยอมเงยหน้ามอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นดูชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำกว่าเคย เจตน์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายซาบซึ้งอะไร ในเมื่อเขาลืมถามวันเกิดด้วยซ้ำ


“บอกแล้วไงว่าไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”


“แต่มึงสำคัญ”


ปกฉัตรรู้สึกเหมือนลำคอตีบตันพูดไม่ออก เจตน์กำลังทำให้เขาหลงระเริงไปกับความเอาใจใส่มากขึ้นทุกวัน หากวันหนึ่งเจตน์ไม่อยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร


...ไม่สิ พี่บอกว่าอย่าไปคิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิด วันนี้ที่พี่อยู่ตรงนี้สำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น...


“ขอบคุณนะครับ”


และเพราะอีกฝ่ายยังอยู่ตรงนี้ อยู่ให้กอด อยู่ให้รัก ปกฉัตรจึงไม่ใช่แค่มอบความรู้สึกด้วยคำพูด แต่ยืดใบหน้าขึ้นไปแตะริมฝีปากลงกับปลายคางอีกฝ่ายเบาๆ เป็นจูบนุ่มนวลที่ทำให้เจตน์คิดถึงรอยจูบที่ต้นแขนของเขาเมื่อคืน


“ที่เมื่อคืนอ้อนกู ก็เพราะเป็นวันเกิดใช่ไหม” หนุ่มตี๋ถาม ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก สองแขนที่ชูสูงเพื่อไม่ให้เสื้อยับเมื่อครู่นี้ ไม่ได้สนใจความยับของเสื้อผ้าแล้ว เพราะแม้จะยังถืออยู่ เขาก็ยังโอบร่างผอมได้


ไม่มีคำตอบจากคนไม่ค่อยพูด แต่ดวงตาเป็นประกายพอจะให้คำตอบได้ดี


...เห็นแล้วมันเขี้ยว ใครว่าปกฉัตรเป็นคนซื่อๆกัน...


...เล่ห์เหลี่ยมซ่อนอยู่ในดวงตาเยอะเชียวล่ะ...


ร่างสูงก้มลงหา หยอกล้อริมฝีปากเจ้าของสัมผัสนุ่มนวลทั้งเมื่อคืนและเมื่อครู่ พลางกระซิบ


“ถ้าเมื่อคืนบอกกูแต่แรก กูจะไม่นอนเฉยๆเลย”


ปกฉัตรหัวเราะเบาๆ


“นอนเฉยๆแหละดีแล้ว อื้อ...” ถูกดูดริมฝีปากล่างแรงๆ เจ้าตัวก็ได้แต่ประท้วง ก่อนจะถูกครอบครองทั้งริมฝีปากจนพูดไม่ได้อีก


กลีบปากเบียดชิดแทบไม่มีช่องว่าง หนำซ้ำยังยาวนาน จนต้องส่งเสียงครวญเพื่อขออากาศ


“พี่...ต้องไปหาอาม่าไม่ใช่เหรอ” ริมฝีปากปกฉัตรนั้นช้ำแดงและบวมเจ่อ เจตน์ยิ่งอดไม่ไหวต้องดูดแรงๆอีกที


“ไปสิ”


“ปล่อยก่อน...”


“คืนนี้อ้อนกูอีกไหม”


คนถูกถามหัวเราะเบาๆ แล้วถอยห่างออกมาแย่งเสื้อผ้าจากมือเจตน์เดินหนีไปที่ห้องน้ำ แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะหายลับเข้าไปหลังบานประตู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับเหลือบกลับมามองเขาอีกครั้ง


“ถ้ากลับมาเร็วนะ...”


นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ปกฉัตรจะรีบปิดประตู เจตน์วิ่งตามไปไม่ทัน ได้แต่มุ่งมั่นกับตัวเองว่าพาปกฉัตรไปหาอาม่าเพื่อทานข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อ แล้วจะรีบกลับบ้านให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย!


 ..........................


ทานข้าวกับอาม่าแล้ว หลานรักแสนดีอย่างเจตน์กำลังจะขอตัวพาคนรักกลับ แต่ญาติผู้ใหญ่แห่งตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์ดูจะไม่เข้าใจ


“วันเกิด ต้องทำบุญด้วย ไปไหว้พระกับม่านะ” ปกฉัตรยิ้มรับ ตื้นตันที่ได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ในครอบครัวของเจตน์ขนาดนี้ แต่อีกคนดูจะเริ่มหน้ามุ่ยขึ้นเรื่อยๆ


“แล้วเจ๋งเป็นอะไร ทำไมทำหน้าหงิก ไม่อยากไปก็รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวม่าพาปกไปทำบุญแล้วจะพากลับมาเอง”


“ไม่ได้ไม่อยากไปซะหน่อย”


...แค่อยากกลับบ้านแล้ว...


อยากกลับไปกอดใครบางคนที่ทำตาระยิบระยับเวลามองมาที่เขา คนที่ก่อนออกจากบ้านมาที่นี่ทิ้งประโยคว่า ‘ถ้ากลับมาเร็วนะ...’ เอาไว้ขยี้หัวใจเจตน์เล่น


“งั้นก็ทำหน้าให้มันดีๆ วันเกิดของปกเป็นวันดี เป็นวันมงคล ทำหน้าหงิกอยู่ได้ ม่าขอโทษนะปก ม่าคิดว่าเลี้ยงเจ๋งมาดีแล้วนะ แต่ทำไมโตมาทำหน้าหงิกเก่งก็ไม่รู้”


ปกฉัตรยิ้มลูบมือเหี่ยวย่นของหญิงชราอย่างเอาใจ


“พี่เจ๋งเป็นคนดีครับอาม่า” 


คนหน้าหงิกได้ยินแบบนั้นก็ชักจะหงิกต่อไปไม่ไหว หัวคิ้วคลายลงอย่างรวดเร็ว แล้วรู้สึกว่ากระดูกสันหลังและต้นคอจะยืดสูงขึ้นอีกหน่อย เดิมทีสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร การยืดรอบนี้น่าจะเพิ่มความสูงไปได้อีกห้าเซนติเมตร


หญิงชราเหลือบไปมองหลานชายที่เลี้ยงมาเองกับมือ รายนั้นไม่ได้ทำหน้าหงิก แต่ตีสีหน้านิ่งเหมือนไม่รู้ไม่ได้ยินอะไร แต่ที่รู้ๆคืออกผายไหล่ผึ่งเห็นแล้วมันเขี้ยวนัก 


“ชอบฟังมั้ย เวลาปกพูดแบบนี้”


หลานชายปากร้าย ขี้หงุดหงิดไม่ยอมตอบ แถมไม่หันมอง แต่ที่แน่ๆมือไม้เกาอกยุกยิก


“ม่าถามว่าชอบมั้ย” หญิงชราถามซ้ำ เจตน์หันมามองทำหน้าตาหงุดหงิดหัวใจเล็กน้อยที่ถูกตื้อให้ตอบ ก่อนจะยอมพยักหน้าสั้นๆเหมือนถูกบังคับ


“ชอบให้ปกพูด แล้วไม่คิดเหรอว่าปกก็ชอบให้เจ๋งพูดเหมือนกัน”


คราวนี้คนทำหน้าหงุดหงิดถึงกับชะงัก ดูท่าอาม่าจะเล่นงานหลานรักฉลองวันเกิดให้ปกฉัตรซะแล้ว


“มันขี้อายน่ะม่า! ไม่อยากฟังหรอก!” เจตน์อ้างคนรักล้วนๆ หญิงชราเหลือบไปมองปกฉัตรที่ยิ้มน้อยๆเหมือนไม่ถือสากับการยกเขาเป็นข้ออ้าง


“เอาเถอะ ตามใจเจ๋ง แต่ม่าขอบอกว่าวันมงคลเราก็ต้องทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าเจ๋งไม่อยากพูดดีๆก็แล้วแต่เจ๋ง” แล้วหญิงชราก็เลิกตอแย หันไปชักชวนจับจูงหนุ่มร่างผอมโปร่งผู้ไม่ค่อยพูดลงจากตึกไปขึ้นรถ แน่นอนว่ามีหลานชายตัวดีปากหนักมองตามแล้วได้แต่ขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดหัวใจ


‘…ไม่คิดเหรอว่าปกก็ชอบให้เจ๋งพูดเหมือนกัน’


‘…วันมงคลเราก็ต้องทำแต่สิ่งดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ แต่ถ้าเจ๋งไม่อยากพูดดีๆก็แล้วแต่เจ๋ง’


…พูดดีๆแม่งพูดยังไงวะเนี่ย?!!!...


……………….


   วัดจีนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงคือจุดหมายปลายทาง อาม่า ปกฉัตรและเจตน์ให้คนขับรถจอดส่งที่หน้าวัดแล้วขับเลยไปหาที่จอดที่อื่นเนื่องจากการจราจรละแวกนั้นค่อนข้างแออัด


   ทันทีที่ก้าวเข้าสู่อาณาเขตวัด อาม่าก็สถาปนาตัวเองเป็นไกด์ท้องถิ่น จัดแจงพาซื้อธูปเทียนและของไหว้ แล้วพาไปไหว้สักการะพระพุทธรูปและเทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์


   ควันธูปโขมง มีผู้คนประปราย และเงียบสงบ เจ้าของวันเกิดเมื่อวานนี้พนมมือถือธูปแล้วหลับตาอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง พอลืมตาขึ้นก็พบว่าเจตน์กำลังยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ


   “จะปักธูปให้” หนุ่มตี๋พูดเรียบๆ ไม่ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ปกฉัตรส่งธูปในมือให้แต่โดยดี มองผู้ชายตัวใหญ่บรรจงปักธูปในกระถาง แล้วถอยออกมายกมือไหว้ก่อนจะตบมือลงกับศีรษะ 2-3 ที เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนข้างกาย แต่พอเจตน์หันมา เขาก็รีบเม้มปากเกลี่ยรอยยิ้มให้หายไป


   “ทำแบบนี้ด้วย สิ่งดีๆจะได้เข้าหาตัว” มือใหญ่เอื้อมมาตบเบาๆที่หน้าผากให้ ปกฉัตรยิ้ม ยกมือขึ้นตบทับลงบนมือของเจตน์บนหน้าผากของตนเองอีกทีหนึ่ง


   ...ขอให้สิ่งดีๆเข้าหาตัว ขอให้สิ่งดีๆอยู่กับตัว…


สิ่งดีๆ...ก็คือเจ้าของมือนี้...


   แน่นอนว่าความนัยของการกระทำนี้ เจตน์เองก็รับรู้ เขามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หากปกฉัตรอยากจะได้สิ่งดีๆสักอย่างในวันนี้ เจตน์ก็คิดว่า...บางทีอาจจะเป็น...คำพูดดีๆจากเขา


   “สุขสันต์วันเกิด...”


   “ขอให้ปีนี้มีความสุขมากๆ...” เป็นประโยคสั้นๆที่แสนเบาจากคนชอบโหวกเหวกโวยวาย ปกฉัตรไม่รู้ว่าความอบอุ่นจากที่ไหนแทรกซึมผ่านเข้ามาในหัวใจ แต่มันทำให้เขายิ้มอย่างดีใจ


   “ขอบคุณครับ พี่” มือขาวข้างหนึ่งกุมชายเสื้อคนรักเอาไว้ ราวกับเป็นสะพานสื่อความรู้สึก หากอยู่ในที่มิดชิดลับตาคน เขาคงโผเข้ากอดตอบแทนความแสนดีของเจตน์ไปแล้ว แต่...ในเมื่อตอนนี้อยู่ในวัด อย่างน้อยก็ขอแค่ได้บอกให้ผู้ชายคนนี้รับรู้ ว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนกับ ‘สิ่งดีๆ’ ที่เจตน์มอบให้


   ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรต่อ ดูเจ้าตัวจะเขินกับการอวยพรแบบไม่กรรโชกโฮกฮาก ได้แต่พยักหน้าสั้นๆ แล้วพาเดินไปไหว้เทพศักดิ์สิทธิ์องค์อื่น ปกฉัตรวางถาดของไหว้ลงบนโต๊ะหน้ารูปปั้นเทพเจ้าสามองค์ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบกายเพราะไม่เห็นอาม่า เขากำลังจะหันไปถามเจตน์ที่ยืนอยู่ข้างกัน แต่หญิงชราเดินเลี้ยวพ้นมุมเสามาเสียก่อน


   “ปก...” อาม่าเดินเข้ามาหา ก่อนจะส่งถุงแดงซองเล็กๆ มีน้ำเต้าองค์น้อยขนาดจิ๋วเท่าหัวแม่มืออยู่ในนั้น


   “อาม่าให้ เก็บเอาไว้ในกระเป๋านะ”


   “ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งยกมือไหว้แล้วรับมา แม้เป็นของเล็กน้อย แต่ความปรารถนาดีของหญิงชราทำให้เขาอิ่มเอม


   “ขอให้ปีนี้มีแต่เรื่องดีๆ” คำอวยพรจากผู้ใหญ่ที่แม้ไม่ใช่ญาติตามสายเลือด แต่ก็ทำให้ปกฉัตรดีใจ เขายิ้มรับอย่างเต็มตื้นหันมองคนรักที่ยืนข้างกายแล้วก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณเจตน์ที่พาเขามาหาอาม่าในวันนี้


   ต่อให้จะบอกว่าวันเกิดไม่ใช่วันสำคัญอะไร แต่เมื่อมีคนสำคัญให้ความสำคัญและใส่ใจ จากวันเกิดที่ไม่สำคัญก็กลายเป็นวันเกิดที่พิเศษกว่าวันไหนๆ


   ...วันเกิด...


...เป็นวันที่พิเศษจริงๆ...

………………………..

   หลังจากทำบุญแล้ว อาม่าชักชวนให้ปกฉัตรอยู่ทานข้าวมื้อเที่ยงด้วยกัน แน่นอนว่าเจตน์ขวางทุกรูปแบบ เพราะอาม่าบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เจตน์เองก็เลยคิดถึงแต่เรื่อง ‘มงคล’ ระหว่างตนเองและปกฉัตรล้วนๆ


   ชายหนุ่มกลับไปเอารถที่อาคารตั้งกาญจนพาณิชย์พร้อมด้วยการทำใจแข็งปฏิเสธไม่อยู่ทานข้าวเที่ยงกับอาม่า จากนั้นก็พาปกฉัตรกลับบ้าน ทว่าตอนที่คิดว่าจะได้ใช้วันมงคลไปกับเรื่องมงคลแน่แล้ว ไอ้หนุ่มข้างบ้านที่ชื่อดิษกรก็ชะโงกหน้าข้ามรั้วมารั้งเอาไว้


   “เฮีย ไอ้ปก แวะมาที่นี่หน่อยเร้ว!” เจตน์ไม่อยากแวะเลยให้ตาย แต่ปกฉัตรนี่สิ เพื่อนเรียกก็พร้อมจะไปตามเพื่อนซะงั้น!


   “มีอะไรเหรอ ดิษ”


   “มาช่วยกูหน่อย กูทำจานแตก เดี๋ยวอานิศกลับมาเห็น กูโดนด่า” ดิษกรเพื่อนรักร่างใหญ่แต่ทำหน้าตาเหมือนหมาน้อย ร้องขอความช่วยเหลือ เจตน์แทบจะกรอกตา 360 องศา ปากกำลังจะด่ารุ่นน้องร่วมคณะที่แค่จานแตกก็ต้องเรียกปกฉัตรไปช่วย แต่...ไอ้คนถูกขอความช่วยเหลือนี่สิ...เดินออกจากบ้านไปบ้านหลังข้างๆเรียบร้อย!


   เห็นแล้วอยากด่าปกฉัตรแทนดิษกรเหลือเกิน! โอ๋เพื่อนไม่มีใครเกินก็มันนี่ล่ะ!


   …ไม่สิ...อาม่าบอกว่าวันนี้วันมงคล ต้องพูดแต่สิ่งดีๆ...


   ...แต่จริงๆแล้ววันมงคลของไอ้ปกคือเมื่อวานเปล่าวะ? เมื่อวานที่แม่งไม่บอกกูไง!!!...


   “เฮีย เข้ามาก่อนสิ รออยู่ตรงนั้นร้อนออกนะ” ไอ้คนข้างบ้านชวนเจตน์ที่พยายามยืนระงับอารมณ์ หนุ่มตี๋จำต้องยอมเดินตามไปยังบ้านดิษกรด้วย


ทว่า...ทันทีที่เจ้าของบ้านเปิดประตูเดินนำ ตามหลังด้วยปกฉัตร เสียงปุ้งปั้งก็ดังขึ้น สายรุ้งหลากสีพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงใส่ศีรษะเจ้าของวันเกิดเมื่อวานนี้


   ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องตาโตเมื่อพบว่าคนที่ดึงพลุกระดาษปล่อยสายรุ้งคือบุพการีของเขาเอง


“พ่อ! แม่!” ปกฉัตรร้องออกมาอย่างดีใจ พุ่งตัวเข้ากอดบิดามารดาที่ยืนยิ้มอ้าสองแขนรอรับ สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันแนบแน่น มีนิศราและดิษกรยืนใกล้ๆ ตบมือยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เจตน์เลยต้องปรบมือไปด้วยทั้งๆที่ไม่อินกับเรื่องเซอร์ไพรส์เท่าไร


แต่...เห็นมันยิ้มเต็มหน้าแบบนั้นแล้วก็...อินก็ได้วะ...


คนที่ตอนแรกว่าไม่อิน ตบมือเสียงดังกว่าใครเพื่อนทีเดียว


“พ่อกับแม่กลับมาเมื่อไร ทำไมผมไม่รู้” ปกฉัตรดีใจจนน้ำตารื้น ในขณะที่คนเป็นแม่ยิ้มกว้าง


“รู้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิจ๊ะ” คราวนี้ร่างโปร่งเลยหันกลับไปมองดิษกร ที่ชวนเขามาบ้านหลังนี้โดยมีข้ออ้างเรื่องจานแตก


“ไหนว่าจานแตกไงล่ะ”


เพื่อนรักร่างใหญ่หัวเราะแหะๆแล้วเกาหัวแก้เขิน “ก็ไม่รู้จะอ้างอะไรนี่หว่า”


   “แล้วพ่อกับแม่จะมาอยู่กี่วันครับ คราวนี้กลับมาได้นานรึเปล่า” คนเป็นลูกหน้าตาสดใสและมีความหวัง แน่นอนว่าใครอีกคนก็หวังเช่นกัน แต่เห็นทีจะหวังคนละอย่างกับปกฉัตร


   “7 วันนานพอไหม” มารดาย้อนถามทำตาระยิบระยับ


   “จริงเหรอครับ?!” เจ้าของวันเกิดดีใจออกนอกหน้า แต่เจตน์ใจหายวาบ ทว่า...พอมองสีหน้าของคนรักที่มักไม่ค่อยแสดงออก แต่เวลานี้กลับยิ้มแย้มอย่างมีความสุข หัวใจที่หายไปก็บอกเสียงแผ่วๆกับตัวเองว่า ‘ดีแล้ว’


   ...เห็นมันยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้ว...


...จะใจดำอยากให้พ่อแม่มันกลับเร็วๆได้ไงล่ะ...


   หนุ่มตี๋ไม่ท้วงใดๆ เขารู้ว่าปกฉัตรขาดอะไรและอยากได้อะไร หากนี่จะเป็นหนึ่งในคำอธิษฐานที่มันอยากได้ เขาก็ยินดีให้เวลาส่วนหนึ่งของปกฉัตรเป็นของครอบครัว


   “พ่อกับแม่ซื้อของขวัญมาให้ปกด้วยนะ มาๆ”


สองแม่ลูกจับจูงกันเข้าไปในบ้าน มีนิศราและดิษกรเดินตาม เจตน์กำลังจะก้าวแต่บิดาของปกฉัตรหันมาตบไหล่เขาเสียก่อน


   “ดิษบอกว่าเจ๋งพาปกไปทานข้าวกับอาม่า ขอบใจมากนะ” หนุ่มตาเรียวเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มรับ


   “ผม...แค่อยากทำให้ปกมีความสุข”


   “พูดแบบนี้แสดงว่ารู้ว่าความสุขของปกคืออะไร”


   “ผมรู้ว่าน้องขาดอะไร ถึงผมจะเติมให้ทุกอย่างไม่ได้ แต่ผมจะพยายาม”


ความจริงจังของเจตน์นั้นฉายชัด ไม่ใช่แค่คำพูดแต่เป็นการกระทำ ดิลกเข้าใจถ่องแท้ว่าทำไมปกฉัตรถึงเลือกคนนี้


   “พยายามได้ดีมากแล้ว...” ชายวัยกลางคนชมพลางยิ้มจาง เจตน์รู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มแบบนี้เหลือเกิน แน่ล่ะว่าเป็นรอยยิ้มจางๆที่ปกฉัตรได้มา รวมทั้ง...วิธีการพูดเนิบๆแต่มีนัยสำคัญด้วย


   “...พยายามต่อไปนะ” บิดาของปกฉัตรพูดต่อ ก่อนจะหมุนตัวเดินตามเสียงรื่นเริงเข้าไปในบ้าน ทิ้งเจตน์ให้ยืนกะพริบตาปริบๆมองตาม


   ‘พยายามได้ดีมากแล้ว...’


   ‘...พยายามต่อไปนะ’


   เหมือนจะชมในตอนแรก แต่ตอนท้ายคล้ายจะบอกว่าที่พยายามมานั้น...ยังไม่พอ และจงพยายามต่อไปเพื่อลูกชายของท่านจะได้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป


   ชายหนุ่มจะทักท้วงก็ไม่ถนัดปาก เพราะนอกจากบิดาของคนรักจะเดินหายเข้าไปด้านในแล้ว เขาเองก็อยากให้ปกฉัตรมีความสุขมากขึ้นในทุกๆวันเช่นกัน เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ...ก้มหน้าก้มตาพยายามต่อไปจริงๆนั่นแหละ...

…………….


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8



บิดาและมารดาของปกฉัตรอยู่ประเทศไทย 7 วันเต็มสมกับเป็นเซอร์ไพรส์ชิ้นใหญ่ให้ลูกชายเพียงคนเดียว แน่นอนว่าตอนกลับ ดิลกยังคงมอบธรรมประจำใจให้เจตน์ถือครองก่อนจะแยกจากกันที่สนามบิน


   ‘พยายามเข้านะ’


   เจตน์อยากจะบอกเหลือเกินว่า ‘ครับ คุณพ่อ ผมจะพยายามต่อไปเพื่อให้ลูกของคุณพ่อมีความสุขยิ่งๆขึ้นไปนะครับ’  แต่ก็เกรงว่าเดี๋ยวเขาจะรู้กันทั้งสนามบินว่าพ่อตาลูกเขยมีข้อตกลงอะไรร่วมกัน สุดท้ายเลยได้แต่ยิ้มรับเงียบๆ และ...ก้มหน้าก้มตาพยายามต่อไปนั่นเอง


   และความพยายามอย่างแรกสุด...ก็คือพาปกฉัตรกลับบ้านอย่างสบาย


   จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเข้ากรุงเทพ รถเยอะแค่ไหน ปกฉัตรก็นั่งสบายอยู่ข้างกาย ส่วนผู้ชายที่ชื่อเจตน์ก็ตะบี้ตะบันขับรถแข่งกับรถบรรทุกเข้าไป


   รถหรูเข้าสู่อาณาเขตกรุงเทพฯแล้ว อีกไม่ไกลจะถึงคอนโดของเจตน์ แต่...ไม่มีเรื่องให้แวะ เพราะต้องไปส่งคนข้างกายที่บ้านก่อน


   ทว่าจู่ๆ คนที่นั่งเงียบๆก็เอ่ยปากขึ้นมา


   “พี่...พ่อกับแม่ฝากของฝากไว้ให้ด้วยนะ”


   “อือ เดี๋ยวกูไปส่งมึงแล้วค่อยเอากลับ”


   “ผมหิ้วมาด้วยแล้ว มันจะละลายรึเปล่า เป็น...ชอคโกแลต”


   “อ้าวเหรอ...งั้น...แวะเก็บคอนโดกูก่อนมั้ย”


   “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ปกฉัตรรับคำ เจตน์ตบไฟเลี้ยวเตรียมเข้าซ้าย ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างกายที่มักพูดจาเรียบๆจะมีประกายตาวิบวับแค่ไหนยามมองถุงกระดาษที่วางอยู่บนตักตนเอง


   นัยน์ตาสีน้ำตาลจางมองกล่องของฝากในถุงที่มารดาให้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และเขาอุตส่าห์หิ้วขึ้นรถมาในวันนี้ด้วย


   ...แน่นอนว่าเหตุผลที่หิ้วมาด้วยมีเพียงอย่างเดียว คือจะใช้เป็นข้ออ้างในการแวะคอนโดของ ‘พี่’...


   ...ส่วนเรื่องกลัวละลายน่ะหรือ...


   ...คุ้กกี้ชอคโกแลตที่ไหน ละลายได้กันเล่า...

……………………

   ตอนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน 2 คน และปกฉัตรเอาแต่ก้มหน้าก้มตาส่งข้อความคุยกับบิดามารดาที่กำลังรอขึ้นเครื่อง เจตน์เพิ่งนึกออกก็ตอนที่เห็นเงาสะท้อนบนกระจกลิฟต์ที่มีเพียงเขาและคนรัก


   เขา...ยังไม่ได้ให้ของขวัญปกฉัตรเลย นับตั้งแต่วันที่ไปหาอาม่าด้วยกัน


   วันนั้น ก่อนจะออกจากบ้าน ปกฉัตรรับปากว่า ‘ถ้ากลับมาเร็วนะ...’ ซึ่งวันนั้นก็กลับเร็ว แต่บุพการีของปกฉัตรมาเสียก่อน เรื่องที่ติดค้างกันเอาไว้ก็เลย...ค้างยาวมา 7 วันแล้ว


   ชายหนุ่มเกร็งคอจนเส้นเอ็นขึ้น พยายามท่องสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว แม้จะอยากให้ของขวัญย้อนหลังแค่ไหน แต่...ทายาทแซ่ตั้งอย่างเขาก็ควรมีชั้นเชิงบ้าง


   ...ใช่! ตั้งกาญจนพาณิชย์ทำธุรกิจมาจนวันนี้เป็นปึกแผ่นก็เพราะเรามีสมองและสองมือ! เรามีทั้งชั้นเชิงและความพยายาม! วันนี้! แซ่ตั้งรุ่นที่สามอย่าง เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์คนนี้! จะไม่ทำให้บรรพบุรุษผิดหวังเรื่องชั้นเชิงแน่นอน!...


   เจ้าของห้องเปิดประตูให้ปกฉัตรเข้าก่อน ร่างผอมโปร่งเดินนำเข้าไป ก้มลงถอดรองเท้าที่หน้าตู้เก็บรองเท้า


วูบแรก...เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์ทำเป็นเมินสะโพกกลมได้รูปใต้กางเกงยีนส์สีเข้มนั่น แล้วรีบถอดรองเท้าลวกๆ ก็พอดีกับที่ปกฉัตรหันไปสวมสลิปเปอร์เดินเลี้ยวไปยังห้องครัว


วูบสอง...เจตน์  ตั้งกาญจนพาณิชย์เมินแผ่นอกขาวที่เห็นรำไรจากการขยับคอเสื้อเชิ้ต


ปกฉัตร ไม่ได้แต่งตัวโป๊เปลือย เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็แค่เสื้อเชิ้ตสีสุภาพเนื้อนิ่มกับกางเกงยีนส์ขายาว เหมาะสมกับการไปส่งพ่อแม่ที่สนามบิน แถมไอ้ความวับๆแวมๆนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาอกุศลของเจตน์เอง มีหรือจะเห็น


…อ่ะ! ยอมรับก็ได้ว่าตั้งใจจ้อง! ตั้งใจเห็น! แต่จะดูแค่ตา มือไม่ต้อง เพราะต้องมีชั้นเชิงเว้ย!!...


เจตน์ท่องเอาไว้ในใจ แต่ตอนที่กำลังจะเดินผ่านครัวไปอย่างเข้มแข็ง เสียงเรียกก็ลอยออกมา


“พี่...”


เท้าชะงัก สายตาที่พยายามมองตรงไปยังชุดโซฟาและโทรทัศน์หันขวับมองตามเสียงเรียกทันที


...เฮ้ย! ชั้นเชิงสิวะ ชั้นเชิง!…


โชคดียังมีสติ เจตน์ดึงขาตัวเองเอาไว้แล้วตอกแน่นอยู่ที่หน้าประตูครัว อีกมือหนึ่งจับกำแพงเอาไว้ หากมีกระจกสักบาน รับรองว่าต้องได้เห็นหนุ่มตี๋พิมพ์นิยมสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยืนเท้ากำแพงเท่ๆ


แต่ใครจะรู้...เบื้องหลังท่านี้เกิดจากการใช้มือยึดตัวเองไม่ให้ก้าวเท้าตามเสียงเรียกต่างหาก


...ท่องไว้ไอ้เจ๋ง ชั้นเชิง …


ปกฉัตรหันกลับมามอง หน้าซื่อๆตาใสๆ


“ผมจำได้ว่าพี่มีนมข้น แต่หาไม่เจอ...”


...น...นมข้น...


นอกจากสายตาของเจตน์จะอกุศลแล้ว สมองของเจตน์ก็ไม่ได้น้อยหน้าสายตาแต่อย่างใด คนถามถามถึงนมข้น แต่คนถูกถามคิดไกลไปถึงอย่างอื่นที่คล้ายนมข้นแต่ทดแทนกันไม่ได้


“พี่...” เสียงเรียกดังขึ้นอีก พร้อมกับเดินเข้าหา เจตน์กะพริบตาปริบๆ พอก้มลงมองคนที่มาหยุดอยู่ตรงหน้า เสื้อเชิ้ตที่ติดกระดุมทุกเม็ดยกเว้นเม็ดบน ก็ทำให้สายตาของหนุ่มตี๋หยุดชะงักอยู่ที่แอ่งไหปลาร้าจนต้องสูดลมหายใจลึกๆแล้ว


“พี่...เป็นอะไรรึเปล่า”


“ป...เปล่า...” ตอบแล้วก็รีบเดินเลี่ยงเข้าห้องครัว ตอนที่เดินมาหยุดอยู่หน้าตู้เย็น ก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าตอนแรกอุตส่าห์ท่องคำว่าชั้นเชิงแทบตายเพื่อปักเท้าเอาไว้นอกครัว ตอนนี้อย่าว่าแต่สะกดคำว่าชั้นเชิงเลย เพราะเท้าก้าวมาถึงหน้าตู้เย็นแล้วเรียบร้อย!


...ช่างมันวะ! แค่หานมข้นให้! มันจะเสียชั้นเชิงสักเท่าไรเชียว!...


“มึงจะเอานมข้นไปทำอะไร” ปากถามในขณะที่มือควานหา


“ผมอยากกินขนมปัง” ว่าแล้วก็โบ้ยไปที่ขนมปังแผ่นที่วางอยู่มุมหนึ่ง เจตน์หยิบขวดนมข้นออกมาแล้วมองตามมือขาว ก่อนจะหันมาถาม


“ปิ้งด้วยมั้ย”


ปกฉัตรพยักหน้ารับ เจ้าของห้องเลยหิ้วถุงขนมปังแผ่นและนมข้นเดินไปเปิดเคาท์เตอร์ครัวหยิบเครื่องปิ้งขนมปังออกมา แต่แน่นอนว่าคนใจดีแต่ปากไม่ค่อยดีย่อมไม่ทำอย่างเดียว เพราะปากก็บ่นไปด้วย


“เมื่อเช้ากูบอกให้มึงกินเยอะๆ ก็ไม่กิน”


ปกฉัตรยังคงทานข้าวน้อยเสมอต้นเสมอปลาย แถมเมื่อเช้าดูจะน้อยกว่าเดิมอีก อาจจะเพราะตระหนักว่าเป็นมื้อสุดท้ายที่ได้ทานกับพ่อแม่


“ก็...เมื่อเช้าไม่ค่อยหิว” ร่างผอมเดินมายืนข้างๆคนใจดีที่ช่วยจัดการปิ้งขนมปังให้ เจตน์เหลือบมองเล็กน้อย เห็นสีหน้าหม่นหมองของคนข้างกายแล้วก็พลอยใจหาย มือใหญ่โอบไหล่แล้วดึงร่างของปกฉัตรเข้ามาชิดราวกับเป็นการปลอบประโลม


“เดี๋ยวพ่อแม่มึงเขาก็กลับมาอีก หรือไม่งั้นเราก็ไปหา”


ปกฉัตรเหลือบสายตาขึ้นมองคนกอด เจตน์เป็นคนใจดีที่พูดดีๆไม่ค่อยเป็น เรื่องพูดจาหวานหูหรือทำอะไรแผ่วเบาย่อมเป็นเรื่องห่างไกลจากวิถีชีวิต แต่ถ้าเป็นเรื่องความจริงใจและความรู้สึกแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายมีให้เขาเกินร้อยด้วยซ้ำ


    ดวงตาสีจางจับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มเชื้อสายจีน สายตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและดีใจที่วันนี้คนคนนี้ยังคงทำอย่างที่พูด อยู่ข้างกายไม่ไปไหน กอดเขาเอาไว้ในวันที่อ่อนแอ และพร้อมจะเดินหน้าหาวันที่สดใสไปด้วยกัน


ดวงตาเรียวเหลือบลงมองเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้อง กำลังจะอ้าปากถามว่ามองอะไรนักหนา ก็กลายเป็นว่าคนจ้องยืดใบหน้าขึ้นมาจูบเบาๆที่มุมปากของเขาแล้ว


“ขอบคุณนะครับ” เป็นคำขอบคุณแผ่วเบาที่มาพร้อมกับสัมผัสนุ่มนวล แม้แต่คนกระด้าง ทำอะไรปึงปังเสียงดังก็ยังหวั่นไหวไปกับรสสัมผัสนั้นจนจุดยิ้มที่ริมฝีปาก แต่...แม้จะเรียนรู้ความอ่อนโยน คนอย่างเจตน์ก็ทำอะไรเบาๆไม่เป็นอยู่ดี เขาตวัดร่างเจ้าของจูบขึ้นมาวางบนเคาท์เตอร์อีกตัว แล้วแทรกกายเข้ากลางหว่างขา สองแขนโอบรอบเอวอย่างรวดเร็ว ปกฉัตรอุทานเสียงเบาด้วยความตกใจ รีบดันอกอีกฝ่ายออกห่างก่อนที่จะใกล้ชิดกันมากไปกว่านี้


ทว่า...แรงของเขาหรือจะสู้แรงของหนุ่มตี๋ตัวใหญ่ได้ เพราะสองมือดันออกได้แค่อก แต่ใบหน้าของเจตน์ยื่นเข้ามาแทบชิด


“กูให้ขอบคุณใหม่อีกที”


ปกฉัตรรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รางวัลขอบคุณด้วยการจูบที่มุมปากนั้นไม่ใช่สิ่งที่เจตน์พอใจ แต่...ของแบบนี้ขอกันง่ายๆ แล้วจะให้กันง่ายๆอย่างนั้นหรือ...ไม่มีทาง


“พี่...ปิ้งขนมปังอยู่นะ...” ร่างโปร่งท้วงแล้วบุ้ยหน้าไปยังเครื่องปิ้งขนมปังที่ยังทำงานอย่างเชื่องช้า นึกขอบใจตัวเองที่ชอบทานขนมปังปิ้งที่ไม่เกรียมมากนัก เครื่องปิ้งไฟฟ้าจึงถูกตั้งให้ใช้ไฟอ่อนและใช้เวลานานกว่าปกติ ซึ่งมันดีสำหรับการอ้อล้อกันและกันอย่างนี้พอดี


ทว่าไม่มีเสียงตอบโต้จากคนที่ยังยืนอยู่กลางหว่างขาเขา พอปกฉัตรหันกลับมาก็พบว่าเจตน์ยังมองเขาอยู่ ไม่ใช่มองอย่างคาดคั้น แต่มองอย่างต้องการ


แล้วในเมื่อคนรักต้องการ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ แม้จะกระดากอายแต่สองมือยื่นออกไปประคองใบหน้าของเจตน์เอาไว้ ยื่นหน้าเข้าใกล้ ก่อนจะแตะริมฝีปากของตนลงกับริมฝีปากที่มีรอยยิ้มจางนั่น


ทุกอย่างเชื่องช้าและอ่อนหวาน เนื้อนิ่มบดเบียดคลึงเคล้าอย่างอ่อนโยน จูบย้ำทีละจุดบนริมฝีปากของร่างสูง ก่อนจะเป็นฝ่ายไล้ปลายลิ้นลงกับริมฝีปากล่างอย่างนุ่มนวลราวกับขออนุญาต เป็นบทจูบที่สุภาพเหมือนถูกหยอกล้อด้วยขนนกพริ้ว แล้วแบบนี้มีหรือเจตน์จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายล่วงล้ำปลายลิ้นเข้ามาในปากของเขา


ปลายลิ้นเกี่ยวกวัดกันและกัน ฉุดรั้งความหวามไหวให้พุ่งสูงจนต้องเบียดร่างเข้าแนบชิด ปลายนิ้วของปกฉัตรฉอนไชเข้าสู่กลุ่มผมดกดำของคนรัก ในขณะที่สองมือของเจตน์นวดคลึงอยู่กับบั้นเอวเล็ก


เสียงจูบดูดดื่มดังก้องอยู่ในห้องครัวอึดใจใหญ่ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายปกฉัตรถอนริมฝีปากออกห่าง มันชุ่มชื้นและแดงช้ำเพราะบดเบียดเป็นเวลานาน เจตน์จับจ้องใบหน้าแดงเรื่อของคนรักด้วยความรักใคร่ร้อนแรงจนไม่กล้าสบตา


ปกฉัตรคนซื่อที่ใครต่อใครก็พากันมองเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนบริสุทธิ์ นอกจากเจตน์แล้วก็คงไม่มีใครรู้ว่าปกฉัตรคนนั้นคือคนเดียวกับคนเมื่อครู่นี้ที่เป็นฝ่ายจูบก่อน


“เก่ง...” คำชมจากคนถูกจูบยิ่งทำให้เขินหนัก ดันคนพูดให้ออกห่างเพื่อจะลงจากเคาท์เตอร์ แต่เจตน์ไม่ปล่อย เมื่อครู่นี้เป็นคำขอบคุณของปกฉัตรที่มีให้ ตอนนี้ถือเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลัง 8 วันที่ปกฉัตรยังไม่ได้รับจากเขา


ใบหน้าของหนุ่มตี๋ก้มลงใกล้ แต่ก่อนจะทำอะไร เสียงประท้วงก็ดังเบาๆจากคนที่กำลังถูกล่วงล้ำเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต


“พี่...ขนมปัง...” ปกฉัตรท้วง มองเลยไปยังเครื่องปิ้งขนมปังที่ทำหน้าที่ของมันเสร็จแล้ว ขนมปังถูกปิ้งได้ที่จนส่งกลิ่นหอมฉุย แต่...ดูเหมือนจะหมดโอกาสได้กิน เพราะเสียงหัวเราะของเจตน์ดังขึ้นเบาๆ ดวงตาเรียวพราวระยับยามมองใบหน้าแดงก่ำ


“กูมีอย่างอื่นอร่อยกว่าขนมปังปิ้งอีก...” สายตากรุ้มกริ่มของเจตน์แฝงนัยเฉลยว่าอะไรที่อร่อยกว่าขนมปังปิ้ง แม้ปกฉัตรจะซื่อเพียงใด แต่มีหรือจะไม่รู้ว่าคืออะไร ใบหน้าที่เคยขาวซีดกลับแดงก่ำยิ่งกว่าเก่าแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่หลบเลี่ยงเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าลงหา


ชั้นเชิงที่ทายาทแซ่ตั้งท่องมาอย่างดีถูกทิ้งอย่างไม่ใยดีไว้เบื้องหลัง แต่จะถือว่าเจ๊ากับปกฉัตรก็แล้วกัน เพราะรายนั้นก็ต้องทิ้งขนมปังปิ้งที่อยากกินเอาไว้อย่างนั้น แล้วมากินอย่างอื่นที่อร่อยกว่า


ทว่า...เจตน์หารู้ไม่...ปกฉัตรไม่ได้อยากกินขนมปัง แต่ตั้งใจจะกิน ‘อย่างอื่น’ ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก

……………………

   มือขาวลูบไล้ท่อนเนื้อร้อนผ่าวอย่างเนิบนาบ แม้จะใช้เพียงสัมผัสของฝ่ามือเพียงอย่างเดียว ปกฉัตรก็พอจะคะเนอารมณ์ของคนรักได้แล้ว เขาไม่กล้าก้มลงมองอาวุธร้ายที่แข็งขืน หนำซ้ำยังต้องเอียงคอแหงนเงยให้เจ้าของแก่นกายที่อยู่ในมือซุกไซ้ซอกคอตามแต่จะพอใจอีกด้วย


   เสียงคำรามอย่างพึงใจของเจตน์ดังกระหึ่ม ดูดเนื้ออ่อนข้างซอกคอเจ้าของสัมผัสที่ชวนสยิวซ่านอย่างมันเขี้ยว


   “อื้อ! เจ็บ!” ปกฉัตรร้องเบาๆ ร่างสูงยอมถอนใบหน้าออกจากซอกคอ ทว่าสีหน้าไม่มีสำนึกผิดสักนิด เขาแสยะยิ้ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความกระหายยามจับจ้องคนที่ถูกจับนั่งอยู่บนเคาท์เตอร์


   ปกฉัตรยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้น แม้ว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตจะถูกมือเขาปลดออกไปหมดทุกเม็ดแล้วก็ตาม แผ่นอกรำไรใต้สาบเสื้อที่แยกออกจากกัน ยิ่งเห็นเจตน์ก็ยิ่งกระสันจนต้องเลียปาก ดึงเสื้อยืดของตัวเองออกทางศีรษะ ร่างกายของเขาพร้อมรบ สายตาของเขาก็ร้อนแรง แน่นอนว่าปกฉัตรเห็นทุกสัญญานว่าอย่างไรเสียก็ไม่รอด แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ยังออกปากเหมือนขอความเห็นใจ


   “ถุงยาง...อื้อ!...” เจตน์จู่โจมซุกไซ้ซอกคอที่แดงเถือกนั่นอีกครั้ง มือใหญ่ดึงทึ้งกระดุมกางเกงยีนส์ของปกฉัตรจนหลุดออกจากกัน แล้วล้วงมือลงหาสะโพกนิ่ม


   “พ...พี่...อื้อ...ถ...ถุงยาง...”


   “ในนี้ไม่มี” แม้จะมัวเมากับผิวเนื้อที่กำลังดูดดึง และเมามันกับการบีบขย้ำเนื้อสะโพก แต่เจตน์ก็ยังมีใจยอมตอบคำขอ...ซึ่ง...เป็นการตอบเหมือนปฏิเสธไปในที


   ปกฉัตรดันอกคนรักออกพยายามดึงรั้งสติของอีกฝ่ายเอาไว้ ขืนปล่อยให้ทำตามอำเภอใจ ไม่ฉุดอารมณ์เอาไว้ บทหนักเป็นต้องตกลงที่เขาทั้งตอนนี้และหลังจากนี้แน่


   เจตน์ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอขาวอีกหน มองสีหน้าวอนขอของอีกฝ่ายวูบเดียวก็ฉวยเอาร่างคนรักขึ้นอุ้มกระเตงพาออกไปยังชุดโซฟาหน้าโทรทัศน์ เขาโยนร่างผอมลงนอนบนโซฟา ปกฉัตรยังไม่ทันมีสติขยับตัวลุก เจตน์ก็ดึงกางเกงของเขาแล้วรูดออกทางปลายเท้าโยนข้ามโซฟาทิ้งไปแล้ว


   ร่างที่นอนหงายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตที่พยายามใช้มือรวบสาบเสื้อมาปกปิดผิวเนื้อ แต่เบื้องล่างนั้นล่อนจ้อนเหลือเพียงชั้นในติดตัว เจตน์นั่งลงบนโซฟา ดึงร่างของคนรักเข้ามาใกล้ กระชากชั้นในรูดออกไปทางปลายเท้าอีกตัว ปกฉัตรไม่ทันได้ร้องด้วยความตกใจ ก็กลายเป็นต้องร้องหวีดเมื่ออีกฝ่ายก้มลงฝังหน้ากับแก่นกายของเขาแล้ว


   “พ...พี่...อ๊ะ...อ๊ะ...” มือหนึ่งขยุ้มศีรษะคนรักเพราะถูกริมฝีปากร้อนฉุดอารมณ์อย่างรุนแรง อีกมือคว้าเอาหมอนอิงได้ก็ตวัดมันมากอดแนบอก แล้วขย้ำไปตามอารมณ์เพริศ


   โพรงปากของเจตน์ร้อนผ่าว ลิ้นสากตวัดเลียลากขึ้นลง นำพาอารมณ์ของปกฉัตรให้พุ่งทะยานจนสมองขาวโพลน ไม่รู้ตัวสักนิดว่าสะโพกที่ตอนแรกพยายามกระถดหนีกลายเป็นขยับตอบรับตามจังหวะของเจตน์ตั้งแต่เมื่อไร แต่ดูเหมือนยิ่งตอบสนองมากเท่าไร คนปรนเปรอก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น


   ทว่า...วินาทีต่อมาทุกอย่างก็หยุดชะงัก


   “อื้อ!” ปกฉัตรรู้สึกถึงความเย็นซ่านจู่โจมมาที่กลางลำตัวเมื่อจู่ๆริมฝีปากร้อนถอดถอนออกไป เจตน์ลุกขึ้นนั่ง มองมาที่เขาด้วยสายตาพอใจที่เห็นร่างขาวซีดแดงเห่อไปทั้งตัว


   “พ...พี่...อ๊ะ!” ไม่ทันทำความเข้าใจกับอะไรทั้งสิ้น ร่างของปกฉัตรก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นมานั่งคร่อมตักเจตน์ที่ขยับตัวนั่งพิงพนักโซฟา ร่างผอมสะดุ้งโหยงเมื่อความร้อนผ่าวของเขาแตะเข้ากับความต้องการที่แข็งแกร่งของเจตน์


   ซองพลาสติกสี่เหลี่ยมถูกยื่นมาตรงหน้า


   “ใส่ให้หน่อย” ดวงตาเรียวนั้นร้อนแรงยามเอ่ยปาก ปกฉัตรเบิกตาโพลงด้วยความอาย แต่ความต้องการในเวลานี้พลิกความอายของเขาให้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้ว เพราะร่างโปร่งรับซองในมือเจตน์มาฉีกออก


   แม้จะเงอะงะงุ่มง่ามด้วยความกระดากแต่เมื่อมือขาวค่อยๆรูดถุงยางลงตามความยาว มันกลับยิ่งสร้างความรัญจวนจนได้ยินเสียงครางด้วยความพอใจ


   “ยกสะโพกขึ้น” คำขอถัดมาทำเอาคนที่คิดว่าทุกอย่างน่าจะจบแล้ว ถึงกับเบิกตาโตกว่าเดิม


   “เร็ว ยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงมา”


ปกฉัตรสั่นหน้ารัว แต่มือใหญ่ฉวยเอาแก่นกายของเขาเป็นตัวประกัน นิ้วโป้งบดบี้ลงกับส่วนหัวฉ่ำเยิ้มจนคนที่คิดจะหนีถึงกับสะท้านเฮือกด้วยความต้องการ เสียงครางดังผะแผ่ว ทั้งพอใจกับสัมผัสจากมือหยาบและทั้งทรมานกับอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นอยู่ในร่าง


   “ปก...ยกสะโพกขึ้น...” ราวกับถูกควบคุมด้วยความกระสันและเสียงทุ้ม สะโพกขาวยอมยกขึ้นอย่างช้าๆ เจตน์จ้องความแข็งขืนของตัวเองตาเป็นมัน มือหนึ่งบดบี้ความต้องการของคนรักเพื่อกระตุ้นความต้องการ มืออีกข้างช่วยจับเอวของปกฉัตรให้อยู่ในจุดที่ถูกที่ถูกทาง แล้วค่อยๆกดเอวคนรักลงหาแก่นกายของเขา


   “อ่า...” ร่างสูงครางต่ำ แค่สัมผัสกับปากทางร้อน อารมณ์ของเขาก็พุ่งพล่านแล้ว ร่างของปกฉัตรสั่นระริก ทั้งๆที่ผ่านความร้อนแรงของกันและกันมาไม่รู้กี่หน แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังไม่คุ้นเคยอยู่ดี และจุดนั้นยิ่งสร้างความกระหายให้กับเจตน์


   เขาบังคับกดสะโพกกลมลงอีก ชำแรกช่องทางร้อนของคนรักด้วยความต้องการที่ตั้งชัน ชายหนุ่มเงยหน้ามองคนที่กอดคอเขาเอาไว้ สีหน้าของปกฉัตรในเวลานี้ทั้งสุขสมทั้งทรมาน หลับตาขมวดคิ้วมุ่นกัดริมฝีปากด้วยความอึดอัดคับแน่น เจตน์เองก็ทรมานไม่ต่างกัน หากทุกการเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเนิบนาบอยู่แบบนี้ เขาคงอกแตกตาย


   “ปก...” เจ้าของชื่อยอมลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของปกฉัตรชุ่มชื้นด้วยหยาดน้ำคลอ


   “...ที่รัก...” น้อยจนแทบนับครั้งได้ที่คนโหวกเหวกโวยวายอย่างเจน์จะพูดด้วยเสียงเบาแผ่วอย่างนี้ หนำซ้ำยังเป็นคำหวานหูที่ไม่น่าจะพูดอีกด้วย ปกฉัตรตกใจแต่เมื่อจับจ้องดวงตาเรียวคู่นั้น แววรักใคร่ที่ถ่ายทอดให้รับรู้ก็ยิ่งทำให้หัวใจเต้นถี่กว่าเดิม


   ร่างโปร่งก้มลงหา มอบสัมผัสลงกับริมฝีปากของคนรัก ความร้อนแรงของอารมณ์ดูจะสู้ความรุนแรงของความรู้สึกในเวลานี้ไม่ได้เลย รสจูบดูดดื่มนั้นราวกับคำบอกรัก ยิ่งประกบปากดูดดื่มกันและกันมากเท่าไร ก็เหมือนยิ่งเปิดใจให้ต่างคนต่างได้รับรู้ความรู้สึกของกันและกันมากเท่านั้น


   รสจูบราวกับคำปลอบประโลมให้ผ่อนคลายความอึดอัดคับแน่นตลอดการเดินทางที่แสนยาวนาน เมื่อทุกอย่างแนบสนิท ริมฝีปากของทั้งคู่จึงได้ผละออกจากกัน


   เจตน์คำรามในคออย่างพอใจ มือใหญ่นวดคลึงเนินเนื้อสองข้างด้วยความมันเขี้ยว ร่างของปกฉัตรสั่นระริก ทั้งอึดอัดและเสียวซ่านจนน่าสงสาร จนร่างสูงต้องจูบแก้มอย่างเอาใจ


   “เก่งมาก...ที่รัก...โอ้ว...” เขาครางต่ำเมื่อภายในตอดรัดเขาถี่ยิบขึ้นมาทันที ดูเหมือนร่างกายของปกฉัตรจะมีปฏิกิริยากับบางคำเป็นพิเศษ หนุ่มตี๋ที่แม้จะถูกไฟตัณหาครอบงำแต่ก็มีแววเล่นสนุก


   “...ที่รัก...ซี้ด...” เขาลองเรียกซ้ำอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ความแข็งขืนของเขาถูกตอดรัดเป็นพิเศษ เจตน์หัวเราะเบาๆ ดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าแดงก่ำของคนรักที่ดูท่าจะตื่นตระหนกกับร่างกายของตัวเองเช่นกัน


   “ชอบคำนี้เหรอ...”


   “ม...ไม่...อ๊ะ! อย่า...อย่าเพิ่งขยับ...อื้อ!” สองมือพยายามดันหน้าท้องของคนข้างล่างเอาไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเลยสักนิดเพราะแม้จะนั่งอยู่ใต้ร่างของเขา เจตน์ก็ยังกระทุ้งถี่ๆจนเขาสะดุ้งเฮือกๆ


   “ที่รัก...อู้ว...”


   “ม...ไม่...อื้อ...”


   “ที่รัก...โอ้ว...”


   “ย...อย่า...เรียก...อ๊า...”


   “ที่รัก...ดี...อ่า...ซี้ด...ขยับเร็ว...โอ้ว...” ยิ่งเห็นปกฉัตรดิ้นพล่าน ตอบสนองต่อคำเรียกพิเศษนี้ เจตน์ก็ยิ่งได้ใจ เขากระทุ้งถี่ๆสั้นๆ เรียกที่รักซ้ำๆยิ่งทำเอาช่องทางรัดรึงหนักหน่วง จากตอนแรกที่เป็นฝ่ายเขาขยับสวนจากข้างล่าง ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นปกฉัตรขยับสะโพกตอบสนองเสียเอง มือใหญ่บีบขย้ำเนื้อสะโพกจนแทบปลิ้น ฝังใบหน้าลงกับแผ่นอก ดูดดึงขบเม้มยอดอกของคนเขยื้อนไหวเหนือร่างตนเพื่อดึงอารมณ์ปกฉัตรให้ยิ่งทะยาน


   เบื้องล่างร้อนฉ่าเพราะแรงเสียดสีจนแทบลุกไหม้ ภายในตอดรัวราวกับเนื้อร้อนของเจตน์เป็นอาหารรสเลิศ เสียงครางกระเซ่าไม่รู้ของใครเป็นของใคร แต่ยิ่งเจตน์เรียกปกฉัตรว่าที่รักมากเท่าไร ร่างผอมก็ยิ่งกระแทกสะโพกลงหาความแข็งแกร่งถี่ยิบมากขึ้นเท่านั้น


   “ดี! อ้า! ดี! แรงกว่านี้ ซี้ด ที่รัก! ขย่มลงมา โอ้ว!...” ปกฉัตรไม่รู้ตัวว่าร่างกายของเขาเร่าร้อนเพียงใด เสียงครางของเจตน์ไม่ต่างจากเสียงเชียร์ คำบางคำมีอิทธิพลเหนือหัวใจ ร่างผอมขยับขย่ม เนื้อสะโพกกระแทกกับหน้าขาจนเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อ มันหยาบโลน...ทว่าถึงใจ


   “อื้อ! พี่...พี่...อ๊ะ! อ๊ะ!...ไม่ไหว...อื้อ!!!!!” ก่อนที่แรงเฮือกสุดท้ายจะหมดลง เจตน์ก็คว้าศีรษะคนรักให้ก้มลงมอบจูบดูดดื่มกับเขาอีกครั้ง มืออีกข้างกดสะโพกลงรับแรงกระแทกสวนลึกสุดใจ ปกฉัตรสะดุ้งเฮือก ตาเบิกโพลงกับความอึดอัดคับแน่น ท่อนร้อนกระแทกลึกจนสะท้านวาบ ฉุดกระชากอารมณ์ให้ทะลักทะลายความเหนียวข้นออกมาจนหมดสิ้น อารมณ์ที่กระซ่านกระเซ็นยิ่งทำให้ภายในตอดรัดถี่ยิบ สองมือของเจตน์ขยุ้มสะโพกกลมจับบังคับให้สวนกระแทกกับแก่นกายของเขาอีกไม่กี่ครั้งก็กดร่างปกฉัตรลงรับการเติมเต็มสุดความยาวอีกที


   เสียงของเจตน์ครางกระหึ่มเมื่ออารมณ์ถูกปลดปล่อย ก่อนจะปล่อยให้ปกฉัตรทรุดลงพิงกับอกเขาแต่โดยดี


   สองร่างยังกอดเกี่ยว หัวใจยังเต้นถี่ ในขณะที่ต่างคนต่างหอบหายใจโกยอากาศหลังจากกิจกรรมเรียกเหงื่อที่ยาวนาน เจตน์ก้มลงมองคนที่วางหน้าผากลงกับไหล่ของเขา ก่อนจะจูบเบาๆที่ข้างแก้มอย่างรักใคร่


   “...แฮปปี้เบิร์ธเดย์ย้อนหลัง” ปกฉัตรลืมตา แหงนหน้าขึ้นมองเล็กน้อยเหมือนจะค้อนอยู่ในที


   “นี่ของขวัญของพี่เหรอ...” เจตน์หัวเราะเบาๆ ดูจากท่วงท่าของพวกเขาแล้ว คล้ายปกฉัตรเป็นของขวัญของเขาอย่างไรชอบกล


   “ไม่ชอบรึไง” คำถามนี้ตอบยาก...ยากเสียจนปกฉัตรต้องซุกหน้าลงกับลาดไหล่หนาตามเดิม


   “ปก...”


เจ้าของชื่อไม่เงยมอง คงคิดว่าอาจถูกแกล้ง แต่ถึงอย่างนั้นเจตน์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจฟังอยู่


“...มึงเป็นของขวัญของกูนะ...”


“...ขอบคุณที่เกิดมา...”


“...ขอบคุณที่อยู่มาจนวันนี้ ให้กูได้เจอ...” 


การเกิดมาและมีอยู่ของใครสักคนอาจจะเป็นที่รับรู้ของคนรอบข้างไม่กี่สิบกี่ร้อยคน ปกฉัตรคนเงียบๆอาจจะเป็นหนึ่งในคนประเภทนั้น เกิดมาและมีอยู่ โดยมีคนรู้จักเพียงหยิบมือ...แต่...หนึ่งในคนรู้จักเพียงหยิบมือนั้น กลับ...ขอบคุณการเกิดมาและมีอยู่ของเขา


   ร่างโปร่งยอมเงยหน้าขึ้นมาจากลาดไหล่ ดวงตาเรียวของเจตน์ยังมองตรงมาที่เขาด้วยประกายแรงกล้าของความรู้สึกมากล้นที่จริงจังและจริงใจ หากจะบอกว่าของขวัญที่มีค่าที่สุดในปีนี้คือการได้พบหน้าพ่อแม่ ของขวัญอีกชิ้นที่มีค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือปีนี้เป็นปีแรกที่เจตน์อยู่กับเขา


   การมีอยู่ของเจตน์...ก็เป็นของขวัญวันเกิดของเขาเหมือนกัน


   นัยน์ตาสีจางนั้นชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำคลอ จนเจตน์ต้องไล้นิ้วโป้งที่หางตาให้อย่างแผ่วเบา จูบซับที่ผิวแก้มข้างละที เกลี่ยปลายจมูกอย่างอ้อยอิ่งแล้วจบที่ริมฝีปากแดงฉ่ำ รสจูบครั้งนี้เต็มไปด้วยความรักจากหัวใจ เป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังที่ไม่รู้ว่าปกฉัตรจะรู้ตัวไหมว่าเจ้าของจูบนี้ตั้งใจจูบอย่างละมุนละไมที่สุดเท่าที่จะทำได้


   เพื่อขอบคุณ...


ขอบคุณ...ที่เกิดมา


   ขอบคุณ...ที่ผ่านความสุขและอดทนกับความเศร้ามาจนถึงวันนี้


   ขอบคุณ...ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต


   และขอบคุณ...ที่ให้ ‘พี่’ ได้รัก ‘ปก’


   FIN

   จริงๆวันนี้ไม่ใช่วันเกิดปก แต่เกิดเพราะบัวสอบเสร็จค่ะ ฮ่าฮ่า แล้วก็ไม่ได้ลงสเปเรื่องนี้มานานแล้ว ก็เลยเอาซะหน่อย

   ตอนแรกจะแกล้งเฮียเจ๋งแล้วค่ะ ให้เป็นหมีอดน้ำผึ้งแบบตอนหลัก แต่เห็นแก่ความรักและความจริงใจที่เฮียมีให้ปกเสมอ แม้ว่าเฮียจะปากไม่ค่อยตรงกับใจก็ตาม ก็เลย...อะ! เซอร์วิสเฮียก็ด้ายยยยย

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงเฮียเจ๋งและปก (ไม่กล้าเรียกพี่ เพราะคำว่าพี่มีให้ปกเรียกคนเดียว ฮิ้ววววว) ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   เจอกันวันพฤหัสกับระบบอุปถัมภ์ค่ะ

ออฟไลน์ tkaekaa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :mew1: :mew1:ใน ขอบคุณมากๆสำหระบตอนพิเศษที่ยาวมากๆ ฟินสุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ขอบฟ้าสีจาง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงความไม่ใสของน้องปก แล้วก็ความไม่ทันน้องของนังเฮีย  ฮือออออ แต่พี่เค้าไม่กากแล้วนะคะ  :haun4:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
พี่เจ๋งนี่มันนน น่านัก  :haun4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อิพี่ไม่อดแล้วจ้าา ซาบซ่านจับใจ อิอิ
อยากให้อิพี่โจ๊กคนดีของซอโซ่ได้แบบนี้บ้าง

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ รักทั้งปก เฮียเจ๋ง และนายดิษ 555555 ขอบคุณสำหรับสเปนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ดีใจกับเฮีย

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
เนี่ยเฮีย เห็นมั้ยว่าพูดดีๆ หวานๆ ก็ได้รางวัลเยอะๆ น้องชอบออก อิอิ

ชอบความรักของครอบครัว แม้ต่างมีเงื่อนไขในการพบเจอ แต่ความรักไม่ลดลงเลย น่ารักจัง

คนรัก...เป็นของขวัญของกันเสมอ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 o13 o13​ ดีใจ​มาก​ๆ​

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แดดดี้เจ๋ง ก้อมีมุมหวานๆนะ   :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณที่รักน้องไม่แพ้ที่น้องรักนะเฮียเจ๋งดีใจแทนน้องปกจริงๆเป็นคนเถื่อนที่รักน้องโคตรๆละมุนสุดๆค่ะ อิจฉาน้องปกมากนะคะ

ออฟไลน์ Luxfern

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึงเจ๋งปกที้สุดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
แอบขำกับเสียงครางเฮียเจ๋ง ที่รักโอ้ว 55555555555555555555
ตลกเฮียที่เป็นคนคิดเยอะ พยายามเข้านะ 55555

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ดีใจกับเฮียด้วย ถึงต้องรอ 7-8 วันก็ตาม 55555 ร้ายทั้งคู่


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ช่วงแรกๆน้องก็แอบร้าย แต่พอจบกลายเป็นคนพี่พาหวานซะน้ำตาลเรียกพี่ เขิน  :o8:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pighaun:  :haun4: ของขวัญ หรรษา

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แบบนี่น่าจะเป็นของขวัญของเฮียหรือเปล้า ไม่ว่ายังไง เฮียก็มีแต่ได้กับได้ 5555

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ดีงามพระรามแปดมากๆเลยค่าาาาาาา

 :hao5:

 :pig4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เฮียพูดหวานก็เป็น...
ที่รัก... หว๊านหวานจังเฮีย 5555555

คิดถึงน้องปกและเฮียที่สุดเลย  :mew1:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ย้อนหลังวันเกิด 8วัน โอ๊ยย เฮียยย

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอบคุณคุณบัวค่า :mew1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เป็นตอนพิเศษที่ดีต่อใจ

 :hao6: :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด