ตอนที่ ๕๔
น้ำหยดจอดรถจักรยานเสือหมอบไว้บนพื้นหญ้า ลึกเข้ามาจากบริเวณถนนสายหลักพอสมควร เดินไปนั่งลงใต้ต้นชมพูพันทิพย์ เหม่อมองผิวน้ำในบึงใหญ่แน่วนิ่ง สักพักก็ถอนหายใจยาว
“ไม่สบายใจอะไรเหรอครับ” เสียงทุ้มห้าวที่คุ้นหูดังขึ้น พร้อมกับร่างของคนคนหนึ่งนั่งลงบนพื้นหญ้า เยื้องไปทางด้านซ้ายมือ เรือนร่างที่สูงใหญ่หันหน้ามาทางน้ำหยด ดวงตาโตดำขลับที่อยู่บนวงหน้ารูปไข่มองหน้าน้ำหยดแน่วนิ่ง ริมฝีปากได้รูปเกือบเป็นรูปกระจับ สีแดงราวกับเชอรี่สีสด แย้มยิ้มน้อยๆรับกับแววตาที่ส่งประกายแวววาว
น้ำหยดนิ่งเงียบ จ้องมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบด้วยความตกใจและแปลกใจระคนกัน จนคนตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาเบาๆ
“ดูจ้องหน้าพี่เข้าสิ ทำไมครับ หน้าตาพี่น่าตกใจมากเลยเหรอ”
“ครับ” น้ำหยดตอบรับ สายตายังคงจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้น
“พี่คงไม่น่าเกลียดเกินไปใช่มั๊ยครับ” สายตาคนพูดส่งประกายแวววาว จนน้ำหยดรู้สึกเขิน
“ใครว่า” น้ำหยดพูดพลางก้มหน้าลง สายตาไล่ลงมายังคอแข็งแรง เลยไปยังไหล่กว้าง ก่อนจะก้มมองดูพื้นหญ้าด้วยความเขินอาย “พี่ดูดีจนผมตกใจตะหาก พี่ดูดีจนผมแปลกใจว่ามาสนใจคนที่ดูธรรมดาอย่างผมได้ยังไง” พูดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมสันอีกครั้ง ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“ใครว่าธรรมดา น้ำไม่รู้ตัวเองเลยเหรอครับ ว่าตัวเองดูดีขนาดไหน” พูดแล้วมือใหญ่แข็งแรงก็เอื้อมไปวางไว้บนแก้มน้ำหยด “ยิ่งได้เห็นชัดๆ พี่ยิ่งคิดว่าพี่มองคนไม่ผิดเลย”
ใบหน้าคมสันเคลื่อนเข้ามาใกล้จนจมูกแตะลงที่หน้าผาก และริมฝีปากจูบลงเบาๆที่คิ้ว น้ำหยดหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากนั้นไล่ลงมาที่เปลือกตา เคลื่อนไปที่กกหูก่อนจะกระซิบแผ่วเบา
“น้ำที่รักของพี่ อย่าทิ้งพี่นะครับ”
พูดจบริมฝีปากก็เคลื่อนไปประกบกับริมฝีปากบางของน้ำหยดแนบแน่น แขนอีกข้างหนนึ่งยกขึ้นมาโอบไหล่ของน้ำหยดไว้ แล้วขยับตัวเข้าไปกอดน้ำหยดไว้แนบแน่น
“น้ำสอบเสร็จวันไหนครับ” เสียงทุ้มห้าวพูดกับคนที่ตนนั่งโอบกอดไว้ทางด้านหลัง
“วันพุธครับ แต่น้ำคงกลับบ้านวันอาทิตย์สายๆหน่อย เพราะวันเสาร์อาจารย์ที่ปรึกษา ท่านจะทำบาร์บีคิวเลี้ยงพวกน้ำ”
“อาจารย์ของน้ำใจดีจังนะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางบีบมือที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่โตเบาๆ “ก่อนกลับบ้านอย่าลืมทำสิ่งที่พี่ขอร้องไว้นะครับ แล้วพอน้ำสอบเสร็จพี่จะไปหาที่ห้องอีก ก่อนที่น้ำจะกลับบ้าน”
“ครับ” น้ำหยดรับคำ รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกกับอ้อมกอด และสัมผัสอันอ่อนโยนจากมือที่กุมมือตนอยู่ และจมูกคมสันกับลมหายใจแผ่วๆที่วนอยู่บริเวณขมับ
........................................................................
..........................................
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเรามารับกลับบ้าน” ติ๊กหันกลับไปพูดกับน้ำหยด เมื่อเดินมาถึงรถที่จอดไว้
“ไม่ต้องหรอก ลำบากเปล่าๆ” น้ำหยดพูดยิ้มๆ “เรากลับเองได้ ไว้เจอกันที่กรุงเทพฯ”
“เอาน่า ... คราวนี้เราขอ ให้เรามารับแล้วกัน” ติ๊กพูดแล้วก็หันไปไขกุญแจประตูรถ
“อย่าดีกว่า เพราะพอเข้ากรุงเทพฯแล้ว เรามีที่ที่เราต้องไปก่อนกลับบ้าน” น้ำหยดพูดพลางมองตามติ๊กที่เข้าไปนั่งในรถ พร้อมกับสตาร์ทรถ
“อ้าว อย่างนั้นก็ยิ่งดีดิ๊ ให้เรามารับจะได้ไปไหนต่อได้สะดวกไง เอาเป็นว่าเรามารับวันอาทิตย์สายๆหน่อยแล้วกัน รอเรานะ ไปหล่ะ”
ยังไม่ทันที่น้ำหยดจะพูดอะไรต่อ ติ๊กก็ปิดประตูรถ แล้วขับรถออกไปจากบริเวณหอชาย๙ น้ำหยดมองตามรถสปอร์ตสีแดงที่ค่อยๆห่างออกไป พลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วหันตัวเพื่อเดินกลับเข้าไปในหอพัก สายตาก็พบกับคนที่เหมือนจะยืนอยู่ตรนั้นได้ครู่ใหญ่ กำลังจ้องมองมาพอดี น้ำหยดจึงเดินเข้าไปหา
“กลับบ้านเหรอ” น้ำหยดทักทาย เมื่อเห็นว่าเป้ที่สะพายอยู่บนไหล่ของหมู เหมือนจะมีของบรรจุอยู่มากผิดจากที่เคย
“หน้าตาสดชื่นดีนี่ เมื่อคืนคงมีความสุขกันมากล่ะสิ”
ไม่รอดูว่าน้ำหยดมีท่าทางอย่างไร หรือจะตอบว่าอะไร หมูเหยียดริมฝีปากเหมือนจะยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้น้ำหยดยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งอยู่สักครู่ ก็ถอนหายใจยาว แล้วเดินกลับเข้าหอพักไป
........................................................................
..........................................
“อ้าว ต้อย” น้ำหยดที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะใกล้ๆชั้นหนังสือ ยิ้มทักคนที่ขยับเก้าอี้แล้วนั่งทางด้านตรงข้ามของโต๊ะ “ยังไม่กลับบ้านเหรอ สอบเสร็จกันแล้วนี่นา”
“อีก ๒-๓ วันค่อยกลับพี่” ต้อยตอบพลางจ้องมองน้ำหยดแน่วนิ่ง แววตาแสดงถึงความไม่สบายใจอย่างปิดไม่มิด
“มีเรื่องอะไรเหรอ หน้าตาไม่สบายเลย”
ต้องมองดูใบหน้าที่แสดงความห่วงใยของคนที่ถามนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“เรื่องของหมูล่ะสิ” น้ำหยดถามอีกครั้ง ใบหน้าหมองลงถนัดใจ
“ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมกำลังไม่สบายใจเรื่องของหมูมัน”
“หมูกับต้อยสนิทกันมากนี่ มานั่งจ้องพี่แบบนี้จะเป็นเรื่องคนอื่นได้ยังไง หมูคงพูดอะไรให้ต้อยฟังบ้างสินะ” น้ำหยดพูดแล้วก็ปิดหนังสือที่อ่านอยู่ลง
“ก็มีบ้าง” ต้อยพูดแล้วมองดูคนตรงหน้าอย่างเต็มตา รอยยิ้มน้อยๆยังคงระบายอยู่บนใบหน้า แต่แววตากลับเศร้าหมอง จนต้อยอดเสียใจไม่ได้ “ที่จริงผมก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกตอนที่มันบอกว่าพี่มีคนอื่น แต่เมื่อคืนผมเห็นกับตา ที่ริมบึง”
น้ำหยดก้มหน้านิ่งไปสักพัก แล้วเงยหน้าขึ้นมา
“ถ้าต้อยเห็นแล้ว พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอก”
“แล้วที่ผ่านมา แปลว่าพี่หลอกหมูมันเหรอ” ต้อยถามพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของน้ำหยด ต้อยมองเห็นแววปวดร้าวและเสียใจวูบขึ้นมาแว่บหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปรกติ