ตอนที่ ๕๓
“ไอติมละลายหมดแล้ว เล่นอะไรของนายอยู่ได้” ติ๊กมองดูไอติมที่ค่อยๆละลายอยู่ในถ้วย โดยที่น้ำหยดกินไปเพียงไม่กี่คำ แล้วก็เอาช้อนจิ้มๆก้อนไอติมจนละลายเกือบหมดก้อน
น้ำหยดไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้ม ติ๊กมองดูรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วรู้สึกว่ามันขัดกันอยู่กับแววตาที่เศร้าหมองของเพื่อนเสียเหลือเกิน
“วันนี้หมูมันเป็นอะไร ถึงได้พูดแบบนั้นออกมาได้ ถ้านายไม่ห้ามไว้ได้มีชกกันมั่ง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งแย่สิ” น้ำหยดยิ้ม ... พยายามยิ้มในความรู้สึกของติ๊ก “มันจะเหมือนว่าโกรธหมูที่พูดเรื่องระหว่างนายกับเรา”
“แล้วนายไม่โกรธหรือไง ที่มันพูดถึงเพื่อนที่หอ๕แบบนั้น”
“โกรธทำไมล่ะ เรื่องเหลวไหล”
“ก็จริงของนาย” ติ๊กตักไอติมเข้าปาก “แล้วเรื่องที่มันว่านายไปมีอะไรกับคนอื่นนอกจากมันล่ะ ทำไมนายไม่พูดอะไรมั่ง ว่ามันไม่จริง”
“จะว่าอะไรได้ล่ะ” น้ำหยดยิ้มเศร้าๆ “มันเรื่องจริงนี่นา ใครว่าไม่จริง” ติ๊กฟังแล้วก็รู้ว่าน้ำหยดหมายถึง ‘รุ่นพี่’ ที่เคยเล่าให้เขาฟัง
“แต่ที่หมูมันพูด เหมือนกับว่านายมีคนอื่นอีกหลายคน แล้วยังพาลมาถึงเราอีก อยากรู้นักถ้ามันรู้ว่าคนที่เป็นคนอื่นจริงๆแล้วคือมันน่ะ จะทำหน้ายังไง” ติ๊กพูดอย่างหมั่นไส้
“ให้เค้าเข้าใจอย่างตอนนี้ก็ดีไปอย่าง” น้ำหยดก้มหน้ามองถ้วยไอติมตรงหน้า “เรื่องราวมันจะได้ง่ายขึ้น”
“เรื่องของนายกับพี่คนนั้นน่ะเหรอ”
“อื้อ” น้ำหยดรับคำ ใบหน้าเริ่มเป็นสีแดงเรื่อ แต่เพียงแว่บเดียว แววตาที่สดชื่นก็เปลี่ยนเป็นความกังวล “แต่ที่นายพูดกับหมูน่ะ นายไม่น่าพูดให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาอีกเลยนะ”
“ทำไม” ติ๊กเหยียดปาก สีหน้าแสดงความสะใจ “ดีแล้วให้มันคิดอะไรซะบ้าง ป่านนี้คงกำลังคิดอยู่มั๊งว่ามันเป็นแบบไหนกันแน่”
หมูกำลังนั่งคิดอยู่จริงๆกับประโยคที่ติ๊กพูดใส่เขา ก่อนที่จะออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำหยด หลังจากที่มีปากเสียงกันเล็กน้อย กับการที่เขาพูดในทำนองว่า ติ๊กกับน้ำหยดมีความสัมพันธ์กัน ในแบบเดียวกับตัวเขาและน้ำหยด
... งั้นถามนายหน่อย ที่นายกำลังโมโหเนี่ย เพราะนายรักน้ำจนโกรธและเสียใจที่น้ำไปมีอะไรกับคนอื่น หรือว่านายรู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่นายไม่ได้เป็นเจ้าของน้ำเพียงคนเดียวอย่างที่นายคิดกันแน่ ...
“รักงั้นเหรอ ... ก็คงเกือบไป ดีที่รู้ตัวซะก่อน” พูดพลางมองคนที่กำลังยิ้มเยาะเขาอยู่ในกระจกเงา
....................................................
..........................
“หน้านั้นน่ะอ่านยังไม่จบอีกเหรอ” ติ๊กชะโงกหน้าเข้าไปใกล้น้ำหยดที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
น้ำหยดหันไปยิ้มบางๆให้ ติ๊กนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆจ้องหน้าน้ำหยดเขม็ง สายตาเหมือนจะค้นหาความจริงบางอย่างจากสายตาของคนตรงหน้า จนน้ำหยดต้องหลบสายตาไปยังหนังสือตรงหน้าอีกครั้ง
“น้ำ” ติ๊กเรียกเบาๆ แต่น้ำหยดยังคงทำเหมือนสนใจอยู่กับหนังสือตรงหน้า “ถามจริงๆเหอะ นายแน่ใจเหรอว่าไม่ได้รักหมู”
น้ำหยดนิ่งไปชั่วครู่ ติ๊กมองเห็นความสับสนอยู่ในสีหน้าและแววตา
“นายเก็บอะไรไว้มากเกินไปรึเปล่า อะไรๆมันถึงได้ไม่แจ่มชัดซะที” ติ๊กพูดด้วยสายตาเป็นห่วง
“แต่ตอนี้มันชัดแล้ว” น้ำหยดตอบ “ไม่ว่าเรารู้สึกกับหมูยังไง มันก็ผ่านไปแล้ว” ดวงตาของคนพูดเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ
“นายรักหมูใช่มั๊ย” ติ๊กถามอีกครั้ง
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ที่ผ่านมาหมูเค้าก็ดีกับเรามากนะ อย่างน้อยเค้าก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึง เราคิดว่ามันน่าจะจบลงดีกว่านี้” น้ำหยดพูดพลางหันไปมองเพื่อน ด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“แล้วนายจะทำยังไงกับไอ้หมูมันต่อล่ะ”
น้ำหยดก้มลงมองหนังสือตรงหน้าอีก สักพักก็เงยหน้าขึ้นมา
“เราไปข้างนอกหน่อยนะ ถ้าง่วงนายก็อาบน้ำนอนไปก่อนเลยก็ได้” น้ำหยดบอกติ๊ก
“ไปไหน นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้วนะ” ติ๊กถามพลางมองตามน้ำหยดที่เดินไปหยิบรองเท้า
“ริมบึง”
“ไปยังไง” ติ๊กถามอีก แต่น้ำหยดเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูลง
จักรยานเสือหมอบสีแดงไม่ได้เป็นที่แปลกตาสำหรับเขาเลย ในพื้นที่มหาวิทยาลัยมีคนใช้จักรยานแบบนี้อยู่บ้าง แต่คนที่ถีบรถอยู่นั่นต่างหากที่ทำให้เขาแปลกใจ ร่างที่ค่อนข้างตรง แขนข้างหนึ่งที่ยืดตึงจับอยู่ตรงข้อต่อรถ ส่วนแขนอีกข้างปล่อยตามสบายอยู่ข้างตัว มองแล้วอาจจะดูอันตรายไปหน่อยสำหรับการขี่จักรยานเสือหมอบในยามค่ำคืน
“มองไรวะ” อ้วนถามคนข้างๆ แล้วมองตาม “อ้าว พี่น้ำนี่หว่า แล้วเอาเสือหมอบใครมาขี่วะ”
ชื่อนั้นทำให้ชมพู่กับมิตรที่นั่งอยู่ด้วย หันไปมองตามเงาร่างที่มุ่งไปทางด้านหลังของมหาวิทยาลัย
“แอบไปหาใครล่ะสิ” ชมพู่พูดอย่างหมั่นไส้ หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง “อ้าว นั่นต้อยนี่ มันตามไปแล้ว”
พูดแล้วก็มองตามรถจักรยานอีกคัน ที่กำลังตามเสือหมอบคันหน้าไปอย่างห่างๆ โดยมีสายตาของหมูที่แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ต้อยมองดูน้ำหยดจอดเสือหมอบไว้แล้วลอคล้อรถ เดินไปนั่งอยู่ใต้ต้นชมพูพันทิพย์ริมบึงต้นเดิม เวลาผ่านไปนานพอสมควร จู่ๆเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน เหมือนจะเดินออกมาจากหลังต้นชมพูพันทิพย์ ร่างขาวสูง ใบหน้าคมคายหันมามองหน้าเขานิ่ง ต้อยสามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้อย่างชัดเจนจนเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะถึงแม้แสงจันทร์จะส่องสว่าง แต่ไม่น่าจะมากพอที่จะเห็นอะไรได้ชัดเจนขนาดนั้น ร่างนั้นก็หันเดินเข้าไปหาน้ำหยด นิ่งอยู่สักพัก ก็นั่งลงทางด้านข้าง โดยหันหน้าเข้าหาน้ำหยด ทั้งสองคนเหมือนจะคุยอะไรกันอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนที่คนคนนั้นจะเอื้อมมือจับใปวางไว้บนแก้มของน้ำหยด สักพักก็เคลื่อนใบหน้าเข้าแนบชิดใบหน้าของ จากที่เห็นทำให้ต้อยรู้ว่า ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ทำให้อดคิดถึงคำพูดของหมูเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้
“นี่พี่เค้ามีคนอื่นจริงๆเหรอวะ” ต้องรำพึงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหันตัวรถจักรยานกลับไปทางที่มา แล้วถีบรถจักรยานออกไปจากบริเวณนั้น