แจ้งข่าว :♣♣♣ ลำนำกาล ♣♣♣ ตอนพิเศษ @ซองแดง (15/2/61) P.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ้งข่าว :♣♣♣ ลำนำกาล ♣♣♣ ตอนพิเศษ @ซองแดง (15/2/61) P.8  (อ่าน 50381 ครั้ง)

ออฟไลน์ p-n-t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/JiaJia.novels/
บทที่ 7 @เรือนแพ - รู้สึกไม่แน่ใจ

   “ฮ้าด... ชิ้ว”

   คนโดดนำลงน้ำตอนนี้ได้แต่หันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยท่าทางแหยๆ เสียงถอนหายใจยาวหนักหน่วงของคนข้างกาย ยิ่งทำให้กาลหดตัวให้ลีบเล็กลงพลางค่อยๆ ยื่นมือส่งให้พุดที่เหนี่ยวตัวไปคอยท่าอยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว

   “รีบกลับเรือนกันเถิดขอรับ”

   คนพายเรือรีบวาดไม้พายจ้วงเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเสียงจามเริ่มถี่มากขึ้น มือก็ตวัดไม้พายเร็วขึ้นตามไปด้วย แผงอกเปลือยเปล่ากำยำขยับขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวจนเห็นลอนกล้ามเนื้อชัดเจน กาลแอบมองเส้นสายบนตัวของพุดไปก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา

   “ไม่ต้องมายิ้มเลยหนา หากไม่อุตริกระโดดลงแช่น้ำชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ก็มิต้องมานั่งหนาวจนปากสั่นเยี่ยงนี้”

   เจ้าตัวดีฟังคำบ่นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆ ที่เนื้อตัวสั่นระริกจากเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มแนบสนิทไปกับผิวกาย หากยังปากดีโต้เถียงกลับไปด้วยปากคอที่สั่นจนฟันกระทบกันกึกๆ

   “ระ... หรือพี่พุดไม่คิดว่าเย็นสบายดี ด้านบนวิบวับ ด้านล่างชุ่มฉ่ำ ออกจะสนุก”

   “สนุกจนจะจับไข้อยู่แล้วยังมิรู้ตัวอีก เฮ้อ! ทนอีกประเดี๋ยวเถิดเจ้า คงต้องแวะเรือนพี่ ผลัดผ้าก่อนก็แล้วกัน หากรอจนกลับถึงเรือนเศรษฐ์ฯ คงไม่แคล้วได้จับไข้เอาเสียก่อน เยี่ยงไรเรือนพี่ก็ถึงก่อนอยู่แล้ว”

   คนปากสั่นเพราะความหนาวพยักหน้ารับหงึกหงัก เอ่ยถามเสียงกระท่อนกระแท่น

   “พี่พุดอยู่เรือนคนเดียวหรือจ๊ะ”

   คำตอบที่ได้คือการผงกศีรษะรับคำ ทีนี้เองคนช่างเจรจาจึงได้แต่ยิ้มแหย เห็นทีคราวนี้พี่พุดจะโกรธจริงๆ ซะละมัง เขายอมรับว่าผิดก็ได้ที่เล่นเกินเลยไปนิดนึง เมื่อรู้ตัวว่าผิดจึงไม่กล้าซักถามอะไรต่อ ได้แต่นั่งนิ่งๆ ห่อไหล่ พยายามขดตัวป้องกันสายลมที่พัดโชยมา หากร่างกายก็ยังสั่นสะท้านขึ้นมาเป็นระยะ เมื่อลมพัดตกต้องผิวเนื้อ

   พุดพยายามเร่งมือพายเรือให้เร็วที่สุด อยากจะดุความซุกซนของคุณหนูหรือก็ทำได้ไม่เต็มปาก ด้วยตอนที่แช่อยู่ในน้ำตัวเขาก็ใจอ่อนยอมลงให้ เพราะเห็นหน้าตาที่ชื่นบานของคุณหนูแล้วก็หักใจดุไม่ลง ได้แต่ปล่อยให้เธอเล่นสนุกเอาเต็มที่ แล้วดูเอาเถิด ยามนี้มานั่งกอดอกสั่นจนเหมือนลูกนกตกน้ำกระนั้นเชียว

   เสียงจ้วงของไม้พายหยุดลงกลายเป็นการราน้ำ เมื่อมองเห็นเงาตะคุ่มๆ ของเรือนแพอยู่ตรงหน้า พอเทียบเรือลำน้อยเรียบร้อยพุดก็โยนเชือกผูกกับหัวเสาให้แน่นหนา เร่งรีบเหนี่ยวตัวขึ้นไปยืนบนเรือน ก่อนจะส่งมือให้กาลใช้เป็นหลักประคองในการก้าวเดิน พอขึ้นเรือนได้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุดหมุนกายเดินเข้าห้องไปคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่จากในหีบทันที นั่งค้นผ้าอยู่ชั่วครู่ มิได้ยินเสียงเดินตามหลังมาจึงเอะใจรีบเดินออกมาดู

   “คุณหนูขอรับ ไยไม่รีบเข้ามาหรือว่าหนาวจัดจนขาแข็งเสียแล้วกระมัง”

   ความที่ทั้งเร่งพายเรือ เร่งหาผ้าขนหนูทำให้พุดพูดเสียงหอบ หากแต่คนฟังกลับฟังว่าเสียงนั้นช่างห้วนเสียจริง กาลยืนนิ่งไม่กล้าขยับจนรอยหยดน้ำจากชุดที่สวมใส่เปียกชื้นเป็นวงกว้าง มือทั้งสองข้างกำขยำโจงของตนเองแน่น ได้แต่นึกโทษตัวเองในใจว่าไม่น่าเล่นเลย หากพี่พุดโกรธไปจะทำยังไง

   ขณะที่ยืนกังวลนึกโทษตัวเองซ้ำๆ อยู่ในหัว ผ้าขนหนูผืนใหญ่ก็ถูกตวัดห่มคลุมลงบนร่างกายที่สั่นไม่หยุด แอบมองทางหางตาก็เห็นพุดกุลีกุจอห่มผ้าให้โดยไม่สนใจว่าร่างกายตนเองจะเปียกโชกอยู่เหมือนกัน แถมดูท่าจะมีอาการเหนียวตัวเพิ่มขึ้นมาอีก เพราะความที่เร่งจ้ำพาย ทำให้ร่างกายท่อนบนเต็มไปด้วยเหงื่อที่เกาะพราวจนเห็นได้ชัด ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะบนหลังมือคร้าม ส่งผลให้คนที่กำลังดูแลชะงัก พลางมองนิ้วเรียวนิ่งอยู่อย่างนั้น

   แสงไฟวับแวมส่องให้เห็นใบหน้าที่ซีดขาวเพราะความหนาวเย็นเล่นงาน ปากอิ่มที่เคยยั่วเย้าเม้มแน่น ท่าทางคล้ายอยากเอ่ยสิ่งใดแต่มิกล้าพูดออกมา พุดนึกสงสัยอยู่ครามครัน แต่ก็มิได้ซักถามเอาความอันใด เพลานี้ สิ่งที่ต้องทำคือการทำให้ร่างกายของคุณหนูอบอุ่นเสียก่อน คิดได้ดังนั้นจึงเอ่ยปลอบเสียงนุ่มคล้ายกำลังปลอบโยนน้องน้อย

   “หนาวมากหรือเจ้า ทนอีกนิดเถิดหนา เร่งไปผลัดผ้าในห้องของพี่เสียก่อนเถิด ประเดี๋ยวพี่จักชงโกโก้ร้อนให้ พอดีพึ่งได้ปันมาจากบนเรือนเศรษฐ์ฯ เป็นโกโก้นำเข้าจากเบลเยี่ยมที่คุณหนูชอบพอดี อย่ามัวงอแง จะได้รีบมารับประทานของโปรดหนา”

   เสียงปลอบยิ่งอ่อนโยนเท่าไหร่ กาลยิ่งรู้สึกผิดเท่านั้น ได้แต่ลดมือลงจากท่อนแขนของคนปลอบ พูดเสียงเบาเกือบเป็นกระซิบยามออกปาก

   “หนูขอโทษนะจ๊ะ”

   พูดจบก็ไม่รอฟังคำอธิบายใดๆ รีบก้าวเท้ายาวๆ จนเกือบจะเป็นอาการวิ่งเข้าไปในห้องที่พุดชี้ทางบอกเมื่อสักครู่ทันที พอเข้าห้องมาได้ กาลก็ถอนหายใจเฮือกยาว ไม่รู้พี่พุดจะยอมรับคำขอโทษหรือเปล่า ดูท่าทางพี่ก็ไม่ใช่คนขี้ใจน้อยอะไร หวังว่าคงจะหายโกรธยอมอภัยให้น้องคนนี้บ้าง คงแย่แน่ถ้าจะมีชีวิตบนโลกใบนี้โดยที่ไม่มีพี่ชายที่แสนดีคอยช่วยเหลือดูแล

   นับแต่ลืมตามาแล้วพบว่า ตนเองก้าวข้ามมาอยู่ที่เมืองเศรษฐทรัพย์อนันต์ไพศาลนี้ คนที่คอยดูแล คอยตอบคำถามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็คือพี่พุด ทุกครั้งที่มีปัญหาเพียงหันมองไปข้างหลังก็จะพบผู้ชายผิวคร้ามคนนี้คอยส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ และพร้อมยื่นมือช่วยเหลือในทุกเรื่องราวเสมอ ถ้า... ถ้าหากโกรธกันขึ้นมาจริงๆ แค่คิดก็ให้รู้สึกวูบโหวงแปลกๆ แล้ว

   กาลนึกแล้วก็ได้แต่เสียใจที่ตัวเองคิดแต่จะเล่นสนุกโดยไม่ได้ไถ่ถามคนอื่นเลยว่าสนุกไปด้วยหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตก การเคลื่อนไหวร่างกายจึงยิ่งเชื่องช้าไปกันใหญ่ จนเสียงเคาะประตูเร่งดังขึ้น กาลถึงได้รู้ตัวว่าควรออกไปด้านนอกได้แล้ว มือเรียวยาวรีบเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้วใส่ชุดใหม่ที่ถูกเตรียมไว้ให้เป็นพัลวัน เสร็จสรรพก็รีบคว้ากองผ้าเปียกหมุนตัวเตรียมก้าวเท้า แต่ด้วยอารามรีบร้อนจึงสะดุดเข้ากับพรมหน้าตั่งนอนร่างเซถลาลงไปบนฟูกพอดิบพอดี เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งเอามือลูบจมูกป้อยๆ ดีนะที่เป็นที่นอน ถ้าล้มลงไปบนพื้นนี่มีหน้าแหกดั้งหักกันบ้างล่ะ

   กำลังจะก้าวขาลงจากตั่งก็ให้รู้สึกเหมือนคนโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อโจงเปียกน้ำได้ขึ้นไปนอนเด่นเป็นสง่าอยู่บนหมอนของพี่พุดเป็นที่เรียบร้อย!!

   ฮือ... วันนี้ก้าวขาข้างไหนออกจากบ้านวะเนี่ยไอ้กาล ตายๆๆ ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็จะเข้ามาแทรก จากที่พี่เขาอาจจะไม่โกรธ รึว่าโกรธน้อยก็ได้ ทีนี้จะกลายเป็นพี่พุดพ่นไฟไหมล่ะไอ้กาล... ว่าแต่พี่พุดตอนโมโหจัดจะเป็นยังไงนะไม่เคยเห็นสักที เคยเห็นแต่ตอนเป็นวัยรุ่นที่มีเรื่องชกต่อยกันผ่านทางความทรงจำของไอ้คุณหนูกาล โธ่! มันใช่เวลามาคิดไหมเนี่ย

   ต้องรีบกลบเกลื่อนความผิดทำลายหลักฐานก่อน กาลหันรีหันขวางแล้วคว้าเอาผ้าขนหนูที่พุดส่งให้ตนเมื่อสักครู่มากระหน่ำเช็ดๆ ถูๆ ทันทีเพื่อลดรอยเปียกชื้นให้ได้มากที่สุด กำลังออกแรงเช็ดอย่างเมามันหางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างสีฟ้าๆ บริเวณข้างหมอน มือเรียวยาวคว้าหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นผ้าเช็ดหน้าที่ด้านในบรรจุดอกไม้แห้ง ๔ - ๕ ดอกนอนสงบนิ่งอยู่ ผ้าเช็ดหน้าถูกบรรจงพับไว้อย่างเรียบร้อย แสดงว่าเป็นของสำคัญของเจ้าตัวกระมัง จึงต้องนำมาเก็บไว้จนมิดชิดที่ข้างหมอนขนาดนี้

   กำลังพินิจพิจารณาดูห่อผ้าในมืออยู่ดีๆ เสียงประตูห้องที่เปิดออกก็ทำเอากาลสะดุ้งโหยง หันไปมองดูก็พบว่าพุดยืนจ้องตนเขม็ง เสร็จกัน! หลักฐานคามือเลยทีนี้ โดนข้อหาหยิบจับของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่งแล้ว เจ้าตัวดีทำหน้าปูเลี่ยนๆ ยิ่งพุดจ้องมองไม่พูดไม่จาก็ยิ่งร้อนตัว

   “พี่พุด คือ... คือ... หนู”

   ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงจริงๆ ทั้งเล่นพิเรนทร์โดดลงน้ำตอนกลางคืน ทั้งทำหมอนพี่เขาเปียก แล้วนี่ยังมาแอบดูของส่วนตัวเขาอีก กาลเริ่มเบะปาก ได้แต่ก้มหน้าลงสำนึกผิดอย่างเต็มที่

   ภายในห้องนอนที่ไฟสลัวลางบนเตียงกว้าง มีคุณหนูกาลที่แต่งตัวไม่ค่อยจะเรียบร้อย คอเสื้อกว้างเพราะยืมชุดของเขาใส่ ทำให้ไหล่ตกจนเห็นไหปลาร้าวับแวม ส่วนโจงกระเบนนั้นเล่าก็แลดูพันไว้เพียงลวกๆ มิได้พันทบให้สวยงาม มือหนึ่งถือห่อผ้าเช็ดหน้า ส่วนอีกมือหนึ่งกำขยำผ้าเช็ดตัวไว้แน่น เจ้าตัวส่งสายตาตื่นตกใจ ก่อนจะปากเบะแล้วก้มหน้าลงคล้ายรู้สึกผิด พุดมองแล้วก็ให้รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจยิ่งนัก โถ... พ่อคุณ ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเปิดประตูมาเจอคุณหนูเยี่ยงนี้ทุกคืนเลย

   ต่างคนต่างก็คิดไปคนละทาง พุดเหม่อมองจ้องกาลอยู่อย่างนั้นจนฝ่ายถูกจ้องเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัดจึงได้ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา เสียงลมหายใจที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้กาลรู้ว่าพุดเดินเข้ามาแล้วจึงเกร็งตัวรอรับการดุด่าเต็มที่ แต่...ปุ วัตถุอ่อนนุ่มที่แปะลงบนศีรษะทำให้กาลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงของพุดส่งยิ้มมาให้ พลางบรรจงเช็ดผมให้อย่างเบามือ

   “เป็นกระไรไปหืม พี่ได้ยินเสียงตึงตังจึงได้รีบเข้ามาดู เจ็บปวดที่ใดหรือไม่ ไฉนทำตาแดงๆ เยี่ยงนี้”

   แค่ได้ยินเสียงถามไถ่ กาลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูท่าพี่พุดคงโกรธไม่มากอย่างที่คิด ง้อสักหน่อยน่าจะได้ผล คิดได้ดังนั้นจึงส่งยิ้มไปเป็นทัพหน้าอย่างเช่นทุกที แล้วรีบขอโทษพร้อมอธิบายเป็นการใหญ่

   “พี่พุด หนูขอโทษจริงๆ นะจ๊ะ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว จะไม่เล่นแผลงๆ โดดน้ำตอนกลางคืนอย่างนี้อีก พี่พุดอย่าโกรธหนูเลยนะจ๊ะ”

   พุดเลิกคิ้วแปลกใจที่คุณหนูกาลมาขอโทษซะอย่างกับเป็นเรื่องราวใหญ่โต ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้คิดโกรธแต่อย่างใด เห็นทีจะกังวลมากกระมัง เพราะดูจากท่าทางเซื่องซึมแล้วน่าจะวิตกมากอยู่ดอกหนา

   เอ... หรือจะมิได้เพียงเรื่องโดดน้ำ พุดจึงแกล้งถามเสียงเรียบเพื่อทดสอบข้อสันนิษฐานของตนเอง

   “แล้วมีเรื่องกระไรอีก”

   อีกฝ่ายอึกๆ อักๆ ก่อนจะตอบเสียงอุบอิบ

   “กะ... ก็มีทำหมอนพี่เปียก”

   ตาคมตวัดปราดไปทางหมอน แล้วก็เห็นหลักฐานยังวางอยู่ทนโท่ เกือบจะหลุดขำออกมาแล้วเชียว หากแต่จำต้องทำหน้านิ่งต่อไป

   “แล้ว...” พุดเอ่ยนำออกมาเรียบๆ

   “แล้ว.... แล้วหนูหยิบผ้าเช็ดหน้าของพี่พุดมาดูโดยไม่ได้รับอนุญาตจ้ะ”

   ทีนี้เสียงตอบเบาเป็นเสียงแมลงหวี่กันเลยทีเดียว กาลเห็นพุดยังนิ่งจึงละล่ำละลักพูดขอโทษรัวอีกครั้ง พลางเงยหน้าขึ้นมาจับแขนของพุดเขย่าไปมาอย่างร้อนใจ

   “หนูขอโทษน้าพี่พุด นะ... อย่าโกรธหนูเลย หนูผิดไปแล้วจริงๆ”

   “เหตุใดจึงคิดว่าพี่โกรธเล่า พี่ยังมิเคยนึกขึ้งโกรธเจ้าเลยสักครา”

   “ก็ตอนหนูถามพี่ตอนพายเรือกลับมาที่เรือน พี่ก็ถามคำตอบคำ มาถึงปุ๊บ พี่ก็รีบไล่หนูไปเปลี่ยนชุด ไม่ยอมมองหน้าหนูเวลาคุยด้วยอีกต่างหาก แล้วเมื่อกี๊... เมื่อกี๊หนูแอบหยิบดอกไม้ของพี่พุดออกมาดู พี่ก็จ้องหนูใหญ่เลย”

   พุดยังคงไม่พูดอะไรหลังจากที่ฟังคำตอบของกาลจบลง หากกลับดูแลเช็ดผมให้จนเห็นว่าหมาดสนิทดีแล้วจึงทรุดตัวลงนั่งที่ด้านข้าง พลางจ้องมองใบหน้าที่เริ่มกลับมามีสีสัน มิได้ซีดเซียวอย่างเมื่อสักครู่แล้ว ดวงตาเรียวยาวใสแจ๋วเต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิดจนเห็นได้ชัด อาการกัดริมฝีปากนิดๆ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกระวนกระวายเพียงใด พุดยกมือขึ้นใช้นิ้วหัวแม่มือค่อยๆ ไล้เกลี่ยริมฝีปากที่ถูกขบเม้มให้คลายออกจากกันเพราะกลัวจะเกิดเป็นรอยแดง จากนั้นจึงเลื่อนไปจับหัวไหล่ทั้งสองข้างมองสบเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายเพื่อแสดงความจริงจังในคำตอบให้กาลได้รับรู้

   “คุณหนูกาลฟังพี่หนา พี่หาได้โกรธเคืองคุณหนูไม่ ที่ถามคำตอบคำก็เพียงจักเร่งพายเรือให้กลับถึงเรือนเร็วๆ เท่านั้น หากมัวแต่โอภาปราศรัยก็เกรงจะชักช้า แล้วที่เร่งให้เปลี่ยนชุดก็เพราะกลัวคุณหนูจับไข้ไปจักไม่เป็นการดี ส่วนในข้อสุดท้ายนั้น พี่ได้ยินเสียงคล้ายเสียงกระแทกโครมครามใจก็นึกกังวลกลัวคุณหนูจะเป็นลมเป็นแล้งล้มลงจึงได้รีบเปิดประตูเข้ามาดู เมื่อเห็นคุณหนูนั่งอยู่บนฟูกนอนจึงได้มองดูว่ามีบาดแผลตรงที่ใดหรือไม่ อ้อ! ส่วนดอกไม้แห้งที่ว่าก็คือดอกมะลิที่คุณหนูกาลเคยแบ่งให้พี่มาเมื่อครั้งจัดงานวันเกิดอย่างไรล่ะขอรับ จำได้ฤาไม่”

   กาลพยักหน้ารับว่าจำได้ทันที โล่งอกไปที่พี่พุดไม่ได้โกรธตัวเอง แต่นั่งไปสักครู่ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเมื่ออธิบายทุกคำถามหมดแล้ว แต่พี่พุดยังคงจ้องหน้าตนเองไม่ลุกไปไหนสักที แก้มขาวเริ่มขึ้นสีเรื่อ เมื่อโดนมองไม่วางตาในระยะประชิดขนาดนี้

   “พะ... พี่พุด ตอบเสร็จแล้วก็ลุกไปซะทีสิจ๊ะ นั่งมองอะไรอยู่ได้” เสียงใสบ่นอุบอิบ

   “อ้าว! ก็ไหนคุณหนูบอกพี่ว่าพี่ไม่ยอมมองหน้าเวลาพูดเยี่ยงไรเล่า นี่พี่กำลังนั่งจ้องมองเจ้าชดเชยเมื่อครู่อย่างไร”

   ป้าบ! เสียงฟาดลงบนต้นแขนเล่นเอาพุดปล่อยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ ดวงตาพราวระยับจับจ้องทุกอากัปกิริยาของคนที่ประเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า ประเดี๋ยวก็โมโห แต่อาการหน้าแดงแล้วทำเป็นลงไม้ลงมือกลบเกลื่อนเยี่ยงนี้ แถวบ้านพี่เรียกว่า ‘อาย’ หนา พุดคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ส่วนคนที่เป็นฝ่ายลงมือทุบตีกลับกระฟัดกระเฟียดออกไปพร้อมเสียงบ่นอุบอิบในลำคอแว่วๆ ว่า

   “ไอ้พี่พุด แม่ง... กวน...” จนคนโดนด่าได้แต่หัวเราะขลุกขลักในลำคอ

   “ไปนั่งรอพี่ตรงนอกชานหนา พี่ปูผ้ารองนั่งไว้รอท่าแล้ว รอน้ำเดือดอีกสักชั่วเคี้ยวหมากแหลก ประเดี๋ยวจะยกโกโก้ร้อนไปให้ นั่งชมดาวไปพลางๆ นะเจ้า”

   เสียงพุดตะโกนไล่หลังมา แต่อารมณ์ที่โดนแกล้งเมื่อครู่ ทำให้กาลดื้อแพ่งไม่ยอมเดินไปนั่งรอแต่โดยดี กลับเดินสำรวจบริเวณเรือนแพของพุดแทน เรือนแพก็เหมือนเรือนไทยทั่วไป เพียงแต่ยกเรือนทั้งหลังลงมาลอยอยู่บนน้ำเท่านั้น และความที่อยู่บนน้ำนี่เอง ก็ทำให้มีลมโชยพัดให้เย็นชื่นใจตลอดเวลา คงจะดีถ้าหากลมนั้นพัดมาคลายร้อน แต่นี่กาลเพิ่งลงแช่น้ำมาหมาดๆ ทำให้ขนลุกกรูเกรียวไปทั่วทั้งแขน นึกแล้วก็ได้แต่เซ็งร่างกายนี้ก็ตรงเจ็บป่วยง่ายนี่แหละ สมัยยังเป็นเด็กวัดกาล เคยโดดท่าน้ำเล่นโครมๆ ไม่ยักกะเป็นอะไร นี่โดนน้ำนิดเดียว มือเท้าเย็นหน้าซีดปากสั่นอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆ

   กาลเดินกอดอกไหล่ห่อไล่เดินดูรอบๆ บริเวณเรือนของพุด ซึ่งดูแล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อยสมกับตัวเจ้าของดี ข้าวของจัดวางไว้เป็นโซนใครโซนมัน ตู้ โต๊ะ ตั่ง สะอาดหมดจด กาลแอบเอานิ้วลูบดู ฝุ่นสักเม็ดผงยังไม่ระคายมือเลย  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นขลุ่ยซึ่งวางไว้ในตู้โชว์ห้าเหลี่ยมแกะสลักลายไม้วิจิตรบรรจง นึกย้อนไปเมื่อวันแรกที่มาถึงโลกนี้ คลับคล้ายคลับคลาว่าพี่พุดเคยเป่าขลุ่ยให้ฟังนี่นา กาลหยิบขลุ่ยเลานั้นขึ้นมาพลางวิ่งไปซุกตัวบนกองผ้าที่พุดเตรียมไว้ให้เพราะทนความหนาวไม่ไหว

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ p-n-t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/JiaJia.novels/
   กำลังนั่งพิจารณาขลุ่ยอยู่ดีๆ ถ้วยโกโก้ร้อนที่ส่งกลิ่นหอมควันกรุ่นก็ถูกยกมาวางตรงหน้าพร้อมกับเสียงสัพยอกที่ดังขึ้นข้างหู

   “ซนอะไรอีกเล่า ดื่มเสียก่อนเถิดหนา ร่างกายจักได้อบอุ่น ประเดี๋ยวค่อยซนต่อ”

   กาลวางขลุ่ยในมือลงแล้วยื่นไปรับแก้วโกโก้แต่โดยดี สองมือกุมรอบตัวแก้วเพื่อคลายอาการมือเย็น จากนั้นเป่าให้อุ่นแล้วค่อยยกขึ้นจิบ คลื่นความร้อนไหลวาบไปตามลำคอแล้วลงไปสร้างความอบอุ่นในกระเพาะทันที

   “อ่า...”

   เสียงครางพึงพอใจมาพร้อมกับอาการหลับตาพริ้ม น่าหมั่นไส้จนพุดอยากยกมือดีดหน้าผากโค้งมนที่แหงนเงยนั่นดูสักที แต่ที่ทำได้ก็เพียงแต่มองอย่างมันเขี้ยวแค่นั้นเอง ไม่กล้าลงมือหรอก กลัวคุณหนูเธอจะเจ็บตัว

   หลังลดแก้วในมือลง กาลก็ถามคำถามเดียวกับตอนนั่งมาบนเรือทันที

   “พี่พุดอยู่คนเดียวจริงๆ เหรอจ๊ะ”

   ครานี้พุดเปิดปากเล่าเสียยืดยาวว่าอยู่เพียงคนเดียว แยกตัวออกมาอยู่ตั้งกะรุ่นๆ นู่นแน่ะ แล้วพอคุ้นชินกับการอยู่คนเดียวมาตั้งนาน จะให้กลับไปรวมอยู่บนเรือนเศรษฐ์ฯ ก็รู้สึกแปลกๆ เสียแล้ว พุดยังเล่าให้ฟังอีกว่าบ่าวไพร่บนเรือน ใครอยากอยู่ตรงไหน ปลูกเรือนที่ใด ท่านอำนาจท่านตามใจหมด แต่ส่วนมากมักจะอยู่กันแถวเรือนเศรษฐ์ฯ นั่นแหละ มีกระไรก็เรียกขานกันได้ง่าย แต่ตัวพุดเองนั้นชอบอยู่บนเรือนแพ เพราะเย็นสบายดี ลมโชยชื่นใจตลอดเวลา

   “แหม... ถามนิดเดียวตอบซะยาวเลยนะจ๊ะ”

   เรือนกายคร้ามแดดที่กำลังตอบคำถามไปดูต้นไม้ในกระถางน้อยริมระเบียงไปถึงกับชะงักทันควัน ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างฝืนไม่อยู่

   “ตอนไม่พูด แค่พยักหน้าตอบก็ว่าไม่พูดไม่จา พอขยายความให้ก็ว่าตอบซะยาว เอาใจยากจริงหนา”

   คนโดนสัพยอกเริ่มทำตาขวาง พุดจึงรีบวางดอกไม้สีขาวดอกเล็กที่เพิ่งเก็บมาจากกระถางเมื่อครู่ลงตรงหน้ากาลทันที

   “อย่าโกรธเคืองกันเลยหนา พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้น ดอกไม้นี่พี่ให้คุณหนูนะขอรับ ถือเสียว่าเป็นของงอนง้อที่ทำให้เจ้าขุ่นใจได้หรือไม่”

   กาลยกดอกไม้ขึ้นดมทันทีตามความเคยชิน

   “ไม่เห็นจะหอมเลยพี่พุด ตอนหนูให้ดอกมะลิพี่ยังหอมนะ”

   “ดอกไม้นี้ไม่มีกลิ่นหอมดอกเจ้า แต่มีดอกดกตลอดปี มีให้... ตลอดเวลา” ท้ายเสียงกรุ้มกริ่มชวนให้อยากรู้จนกาลต้องออกปากถามว่านี่คือดอกอะไร

   “พุด... ศุภโชคน่ะเจ้า”

   กะ... ก็แค่ชื่อดอกไม้ ทำไมต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ด้วยเล่า!

   กาลมองซ้ายมองขวา มือไม้พันกันเกะกะขึ้นมาทันที ไม่รู้จะวางมืออย่างไร จนเมื่อเห็นขลุ่ยที่ตนหยิบมาจึงรีบเรียกพุดเสียงติดจะสั่นๆ ด้วยความเขิน

   “พะ... พี่พุดจ๋า”

   ฝ่ายถูกเรียกอมยิ้ม ระยะหลังที่คุณหนูกาลความจำเสื่อมมา เธอมิได้วางท่าสูงศักดิ์ แบ่งชั้นวรรณะนายบ่าวอย่างชัดเจนอย่างเมื่อหนหลัง แลมักจะทำหน้าตาสุ้มเสียงออดอ้อนอยู่เนืองๆ ทำให้พุดก็มักจะค่อยๆ ใช้คำพูดราวกับพูดกับน้องน้อยอยู่บ่อยๆ เช่นกัน

   “ทำเสียงเยี่ยงนี้จะออดอ้อนเอาสิ่งใดล่ะเจ้า”

   “พี่พุดเป่าขลุ่ยให้หนูหน่อยสิ”

   แค่กๆๆ พุดสำลักกระอักกระไอจนหน้าแดง กาลตกใจรีบส่งแก้วโกโก้ของตนเองให้พลางลูบหลังลูบไหล่เป็นการใหญ่ หลังจากคลายอาการไอจึงค่อยถามกระท่อนกระแท่น

   “กะ... กระไรนะเจ้า”

   กาลเอียงคอกะพริบตาปริบทำหน้าสงสัย กระไร อะไร? พลันนึกขึ้นได้ หันไปคว้าขลุ่ยส่งให้พุดอย่างรวดเร็ว พุดสูดหายใจเข้า เอาอากาศบริสุทธิ์ไปชะล้างสิ่งอกุศลในสมองอยู่หลายเฮือกจึงค่อยยื่นมือไปรับขลุ่ยจากมือคุณหนูกาลที่ยังทำหน้างงอยู่

   “พี่พุดจะตกใจทำไมจ๊ะ แค่จะขอให้เป่าขลุ่ยให้หนูฟังแค่นี้เอง”

   “เอ่อ... “ พุดเสหลบตากระแอมไอ

   “พี่ไม่ได้เป่านานแล้วน่ะเจ้าเลยกลัวจะไม่ไพเราะเท่าที่ควร วะ... ว่าแต่ อยากฟังเพลงอะไรล่ะขอรับ Moonlight Sonata ของ Beethoven ดีไหม?”

   พุดรีบถามเพื่อเบี่ยงประเด็นทันที กาลก็ถลึงตาตอบกลับทันควัน เพราะเพลงที่พุดเสนอ ไม่ได้เข้ากับคืนเดือนแรมเลยแม้แต่นิดเดียว กาลอยากจะถอนหายใจเป็นภาษาโปรตุเกสจริงๆ ให้ดิ้นตาย คิดได้ไงข้างแรมกับ Moonlight เนี่ยนะ

   “พี่พุดจ๊ะ เราอยู่บนเรือนแพ บรรยากาศโบราณขนาดนี้ หนูขอเพลงที่เข้ากับอารมณ์ความรู้สึก... อืม... ความรู้สึกของพี่พุดก็ได้ พี่ว่าเพลงอะไรดีจ๊ะ”

   เสียงขลุ่ยที่ค่อยๆ แผ่วโหย จากนั้นจึงหวานแหลมดังขึ้น กาลนิ่งฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม มองพุดจรดปากแล้วไล่พรมนิ้วลงบนเลาขลุ่ยพลางนึกชื่นชม ท่านั่งพับเพียบเก็บปลายเท้าเรียบร้อย หลังไหล่ตึงตรงเป็นสง่าหลับตาพริ้ม

   อืม... ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์แฮะพี่พุดเนี่ย เสียงโน้ตที่ไล่สูงต่ำกังวานอยู่เป็นครู่ จวบจนช่วงท้ายของเพลง เสียงขลุ่ยจึงได้ทอดอ่อนแว่วหวานคล้ายเสียงเจือสะอื้น กาลหลับตาซึมซาบทำนองอยู่ในหัวใจเป็นครู่ก่อนจะเอ่ยปาก

   “หวานมากเลยพี่พุด แต่ก็เป็นความหวานแบบเศร้าๆ เนอะ ชื่อเพลงอะไรหรือจ๊ะพี่”

   “ตามความรู้สึกพี่น่ะเจ้า ตรงกับชื่อเพลง ‘แสนคำนึง’ พอดี แต่ตรงเฉพาะชื่อหนา มิเกี่ยวกับเหตุการณ์แต่อย่างใด”

   “เหตุการณ์อะไรจ๊ะ”

   พุดจึงเล่าให้ฟังถึงประเทศสยามช่วงของสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามที่ได้มีคำสั่งห้ามเล่นดนตรีไทย ด้วยเห็นว่าโบราณคร่ำครึ แล้วเพลงไทยต่างๆ บ้างก็ชื่อขึ้นต้นด้วยลาวบ้าง เขมรบ้าง จีนบ้าง นัยว่าชื่อเพลงเหล่านี้สวนทางต่อนโยบายรวมไทยของท่านผู้นำ หลวงประดิษฐ์ไพเราะจึงได้ประพันธ์เพลงแสนคำนึงถ่ายทอดความเสียใจ และเพื่อเป็นการต่อต้านการถูกห้ามเล่นดนตรีไทยออกมา

   “ถึงว่า...” กาลคราง
   “หนูถึงได้รู้สึกว่าเพราะมาก แต่ก็เศร้ามากเหมือนกัน”
   “อย่าเศร้าไปเลยเจ้า พี่เล่นเพลงนี้เพื่อสื่อความรู้สึก แสนคำนึง ต่างหาก มิได้เล่นเพื่อให้คุณหนูเศร้านะขอรับ”

   คำตอบของพุดทำให้ภายในหัวใจของกาลกลับเต้นผิดจังหวะแปลกๆ อาจเพราะคืนนี้มีแต่ดาวพราวระยับไร้แสงจันทร์เลยทำให้ตื่นเต้นหวาดกลัว หรือไม่ก็เพราะลมหนาวที่บาดผิว จึงทำให้หวามในช่องท้องคล้ายอาการเกร็งตัวยามอยู่บนที่สูง กาลพยายามหาเหตุผลมารองรับอาการใจเต้นแรงของตัวเองเต็มที่

   บางครั้งกาลก็ไม่แน่ใจในตัวของตัวเองนัก ว่าทำไมทุกเรื่องที่มีพี่พุดเข้ามาเกี่ยวข้อง เขามักจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด ไม่ว่าจะน้อยใจถ้าพี่พุดจะเอ็นดูไอ้คุณหนูกาลมากกว่า หรือความรู้สึกกลัวพี่เขาจะโกรธเวลาตัวเองทำผิดจนต้องมานั่งขอโทษซ้ำๆ แม้กระทั่งอาการที่ในอกมันเต้นแรงๆ ทุกครั้งที่มีเรื่องมากระทบให้ชวนดีใจ เกิดมา ๑๘ ปี ไอ้กาลเพิ่งจะรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก ได้แต่โทษว่าเป็นเพราะร่างกายของคุณหนูกาลนั่นแหละที่มันอ่อนแอ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักตลอดเวลา

   ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ บรรยากาศต่อจากนั้น ไม่มีคำพูดออกจากปากคนทั้งสองแม้สักคำ ปล่อยให้ความเงียบลอยวนโอบล้อมอยู่รอบตัว นานเป็นครู่กว่าเจ้าของเรือนจะออกปากเตือน

   “ดึกแล้วนะขอรับ น้ำค้างเริ่มลงแรงแล้ว ได้เวลากลับเรือนแล้วกระมัง”

   กาลลุกขึ้นจากกองผ้าห่มนวมอย่างเกียจคร้าน ทำท่าจะเดินไปลงเรือที่พุดจอดไว้ หากแต่มือหนาคว้าข้อมือแล้วบุ้ยใบ้ให้เดินตามออกมาอีกทาง ที่แท้อีกด้านของเรือนแพมีทางเดินลัดเลาะมุ่งสู่เรือนเศรษฐทรัพย์อนันต์ไพศาลอีกทางหนึ่งด้วย กาลเดินตามพุดที่มือหนึ่งคอยจับจูง ส่วนอีกมือคอยยกตะเกียงส่องทาง

   ตลอดทางเดินซ้ายขวาของกาลเป็นต้นไม้เรียงตลอดสองข้างทางสลับสูงต่ำกันไป จากไฟตะเกียงที่วูบวาบ เพียงเห็นเป็นต้นเล็กใหญ่สลับกัน กาลอดดึงมือของพุดแล้วชะลอฝีเท้าลงเพื่อถามไถ่ไม่ได้

   “พี่พุดๆ พี่ปลูกต้นอะไรบ้างอะจ๊ะ รู้แต่ปลูกสลับกันสูงๆ ต่ำๆ เนี่ย”

   แสงจากตะเกียงที่ชูขึ้นสูงเบนมาส่องให้คนช่างสงสัยได้มองเห็นถนัดตา พุ่มเล็กๆ ด้านล่างเป็นต้นบานไม่รู้โรย มีทั้งสีม่วง สีขาว ส่วนต้นที่สูงกว่าและถูกปลูกสลับคั่นไว้คือดอกรักนั่นเอง

   “ต้นรักกับต้นบานไม่รู้โรย?” กาลย่นคิ้ว หันไปถามเพื่อความแน่ใจ

   “อืม... รักไม่รู้โรย”

   ก็แค่ชื่อต้นไม้ ทำไมคนตอบต้องหน้าแดง ท่าทางพี่พุดก็หัวใจทำงานหนักเหมือนกันล่ะมั้ง กาลส่ายหัวงุนงงกำลังจะซักถามต่อก็โดนคนหน้าแดงบีบกระชับมือแล้วพาเดินต่อไป แสงไฟลิบๆ ที่เห็นด้านหน้าทำให้รู้ว่าเดินมาจนเกือบถึงเรือนเศรษฐฯ แล้ว เหลียวหลังกลับไปดูก็เห็นเป็นเส้นทางทอดยาวไปสู่เรือนแพ ความจริงตรงนี้เป็นทางเข้าด้านหน้าของเรือนพี่พุดต่างหากล่ะสิเนี่ย กำลังจะเบนสายตากลับแล้วเชียว ถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นแผ่นป้ายเล็กๆ ตรงหน้าทางเข้าเสียก่อน สงสัยจะเป็นชื่อเรือน อยากรู้จริงว่าเรือนของพี่พุดจะใช้ชื่อว่าเรือนอะไร คิดแล้วก็แย่งตะเกียงมาถือเอง แล้วเดินลิ่วๆ กลับไปยกไฟส่องดูให้หายสงสัยทันที

        รัก   หนอรักแต่เจ้า      ดวงใจ พี่เอย
        ไม่     สร่างจากฤทัย      ท่วมท้น
        รู้     เพียงพี่หลงใหล      ขอใฝ่ ชมชื่น
        โรย     ใส่รักจนล้น              พี่เฝ้า ถนอมกาล

   “อื้อหือ สงสัยจะชอบดอกรักกับดอกบานไม่รู้โรยมากนะจ๊ะเนี่ย ถึงขั้นมีกลอนไว้ให้ต้นไม้เลย”

   พุดยืนนิ่งตกตะลึงได้แต่ทอดถอนใจ เออหนอ พ่อคุณของพี่ฉลาดเฉียบแหลมในทุกเรื่อง ใยเรื่องนี้จึงได้ทึ่มทื่อนักเล่า คิดแล้วก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างแกนๆ ว่าตนเองนั้นรักต้นไม้มาก พลางอธิบายให้รู้ว่าโคลงบทนี้เรียก โคลงกระทู้เดี่ยว หาใช่เรียกคำกลอนไม่ พ่อคนฉลาดก็ก้มหัวพยักหน้ารับว่ารู้เรื่องเสียดิบดี... ทำไมถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่ง่ายๆ เยี่ยงนี้บ้างเล่า!!
   




~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

มาแล้วค่า
ตอนแต่งโคลงบทนี้นี่ 2 พยางค์สุดท้าย เกือบจะกลายเป็น “หิวโหย” ไปแล้วค่ะ  เพราะนักเขียนกำลังหิวอยู่พอดี  :laugh:
อีกอย่างมันก็เหมาะกับน้องกาลดีนะคะ เพราะน้องค่อนข้าง ตะกละ เอ๊ย! เห็นแก่กิน แฮ่ม อ่า... หมายถึง ชอบกินน่ะค่ะ  :m23: 
สำหรับน้องกาลแล้วเรื่องกินเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องพี่พุดก็ยังคงมึนเหมือนเดิม กร๊ากกก วงวารพี่พุดแกนะคะ  :laugh3:
แต่ที่ต้องเปลี่ยนเป็นคำนี้เพราะเกรงใจพี่พุดแกล่ะค่ะ พี่พุดแกต้องคีปคูลต่อไปอยู่ค่ะ
ฝากติดตามให้กำลังใจน้องกาลด้วยนะคะ  :impress2:

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



^-^ Billie กอดดดค่า  :กอด1:
^-^ sirin_chadada น้องกาลยังคงซึนยั่วตบะพี่พุดตลอดเวค่ะ สักวันคงโดนจับกินแน่นอน  :laugh:
^-^ alternative เจอขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวเลยค่ะ ถถถ วงวารพี่พุด  :laugh3:
^-^ ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ช่วงนี้ก็ออกจะหวานๆ หน่อยค่ะ  :-[ :-[
^-^ qq_oo ดีใจที่มีคนรอ มาแล้วค่า  :impress2:
^-^ colorofthewind21 ตอนนี้ยิ่งสงสารพี่พุดเข้าไปใหญ่ค่ะ น้องกาลยังคงไม่รู้เรื่อง  :laugh3:
^-^ badbadsumaru พี่พุดน่าสงสารจริงๆ ค่ะ โดนอ่อยแบบที่คนอ่อยไม่ค่อยจะรู้ตัว  :laugh:
^-^ poppycake น้องกาลยังคงอ่อยอย่างต่อเนื่องค่ะ พี่พุดน่าสงสารสุดๆ  อยากไปรับใช้เรือนเศรษฐฯ จริงๆ ค่ะ แค่เป็นคนกวาดลานบ้านก็ยังดี  :oni1:
^-^ ♥►MAGNOLIA◄♥ อิจในความร่ำรวยของบ้านนี้จริงๆ ค่ะ แค่เป็นข้ารับใช้ก็คงมีกินไปทั้งชาติ เผื่อจะได้สารพัดพลอยมาใช้บ้างค่ะ ตอนนี้ผลัดกันใจเต้นแล้วค่ะ ต... แต่ น้องกาลคิดว่าเพราะร่างกายไม่แข็งแรง ถถถ  :laugh:
^-^ puiiz กอดดดดด  :กอด1:
^-^ maneethewa อื้อหือ เขิลลลลล  :จุ๊บๆ:
^-^ Piima เอร๊ยยยย ขอบคุณค่า รับแทนหนูกาล  :impress2:


:pig4: :pig4:
 :katai5: :katai5: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2017 14:08:06 โดย p-n-t »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เหมือนเป็นโคลงบอกรักเลยอะ แต่หนูกาลก็ยังคงทึ่ม ฮา
นี่ดันคิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจหรือป่วยเสียละมั้ง

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้ยยย

อะไรจะหวานขนาดนี้ มาพี่จ๊ะ พี่จ๋าาา

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น้องกาลคนซื่อ พี่พุดพูดเรื่องนี้ เข้าใจไปเรื่องโน้น โถๆๆ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
55555555 หนูกาลลูกกกก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
สงสารพี่พุดนะขอรับ อดทนไว้นะพี่ฮึบๆๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หนูกาลน่ารักมากๆเอ็นดูสุดๆ พี่พุดคงใจบางแทบทุกตอน  :hao7:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
พี่พุดต้องเข้าใจเด็กโง่นะ

ถ้าอยากพักใจไหล่ฉันว่างเสมอ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ตอนนี้คือสวีทหวานกันทั้งตอนเลยจร้า >\\\\<
แต่กาลของเราก้อยังอึนมึนๆต่อไป โทษร่างกายที่ทำให้หัวใจเต้นแรงซะงั้น!
โครง ก้อสื่อขนาดนี้ ก้อยังไม่รุ้ตัวไปอีก!
วงวารพี่พุดจากใจจริง 555555555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ถ้าจะรวยขนาดนั้น แบ่งมานี่บ้าง 55555

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักจริงๆน้า

ออฟไลน์ Lautenyu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-3
จะให้เข้าใจความในใจกันได้ง่ายๆ ก็จบเร็วนะสิ

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
สนุกดีจ้าาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ p-n-t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/JiaJia.novels/
บทที่ 8 @แม่น้ำเทมส์ - รู้สึกอะไรก็เป็นไปได้

   “หนูกาลๆ ตื่นเถิดหนา วันนี้วันพระ ไหนว่าจะไปช่วยปริกทำขนมไม่ใช่หรือเจ้า”

   แรงเขย่ามาพร้อมกับเสียงเรียกอ่อนหวานที่ชวนให้หลับต่อเสียจริงๆ กาลพลิกหน้าซบลงบนตักของคุณมารตีพลางทำเสียงงัวเงีย

   “ขอหนูนอนต่ออีกหน่อยได้ไหมจ๊ะ” พูดจบก็คว้าเอามือของคุณมารตีมารองหนุนแก้มเตรียมหลับต่อ คนเป็นแม่เห็นแล้วก็ให้เอ็นดูนัก แต่ก็จำต้องหักใจทำเสียงแข็งใส่อีกระลอกเพราะมิเช่นนั้นคงมิทันถวายเพลเป็นแน่ กว่าจะเตรียมอาหารคาวหวาน กว่าจะเดินทาง

   “ไม่ต้องมาออดอ้อนเลยเจ้า ลุกมาเสียแต่โดยดี ถ้ามิอยากโดนแม่หยิกเนื้อเขียวรับอรุณ”

   “คุณแม่อ่า...”

   ใบหน้าที่ซุกซบกลิ้งเกลือกอยู่บนตักของมารดาอย่างเกียจคร้านย่นยู่ ขณะที่ปากอิ่มขอต่อรองอยู่นั้น ดวงตาทั้งคู่ต่างก็สมัครสมานกันปิดสนิท ไม่ยอมเปิดมาดูเสียด้วยซ้ำ คุณมารตีเลยใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด พยักพเยิดให้ปริกลุกไปเปิดผ้าม่านออกให้หมดทุกด้าน ส่งผลให้คนขี้เซาหยีตาทันที

   ท่าทางที่ค่อยๆ หรี่ตาแล้วทำปากเบะ ไม่รอดพ้นสายตาของผู้เป็นแม่แม้แต่น้อย

   “โตแต่ตัวนะเจ้า ไฉนขี้เซาเป็นเด็กๆ เยี่ยงนี้หือ”

   กาลลุกขึ้นนั่งพับเพียบอยู่บนที่นอนพลางโอบเอวมารดาอย่างประจบประแจงทันที

   “เป็นเด็กอย่างนี้ไม่ดีหรือจ๊ะ หนูจะได้อยู่ให้แม่เลี้ยงหนูไปนานๆ”

   “กระบวนการปากหวานนี่คุณหนูกาลชนะเลิศเจ้าค่ะ อ้อนเก่งขนาดนี้ ถ้ามีคนรัก อิฉันว่าคนรักของคุณหนูต้องหลงคุณหนูหัวปักหัวปำแน่ๆ เทียว”

   “ไม่เอาอะจ้ะ หนูจะอยู่เป็นลูกแดงให้คุณแม่กับพี่ปริกเลี้ยง อยู่อ้อนไปนานๆ ดีไหมจ๊ะสาวๆ”

   เพี๊ยะ!

   เสียงฟาดต้นขาโดยฝีมือคุณมารตีทำให้เจ้าตัวดีหยุดพูดเล่นได้ จากนั้นจึงโดนไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะถ้ายังขืนโยกโย้เยี่ยงนี้ ท่าทางขนมที่จะทำไปถวายท่านเจ้าประคุณคงไม่แล้วเป็นแน่

   แม่ปริกจัดเตรียมข้าวของอันประกอบด้วยแป้งถั่วเขียว แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือ หัวกะทิ และน้ำลอยดอกมะลิที่คุณหนูกาลอาสาเก็บให้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน กำลังตระเตรียมพิมพ์ใส่ขนมอยู่ ก็มีอันต้องสะดุ้งจนพิมพ์หลุดมือ เมื่อมีท่านแขนอ้อมมาจากด้านหลังแล้วโอบกอดเข้าให้เต็มรัก

   “จ๊ะเอ๋!”

   “อุ๊ย! หกๆ ตกหมดแล้วพ่อคุณเอ๊ย!”

   นางปริกยกมือทาบอก หัวใจยังเต้นตึ้กๆ ด้วยความตกใจ แต่คนแกล้งกลับหัวเราะจนตายิบหยี แล้วยังมีหน้ามาเอ่ยปลอบทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายลงมือแกล้งคนเขาแท้ๆ

   “โอ๋ๆ น้าพี่ปริก ไหนๆ มาให้หนูเป่าเพี้ยงเรียกขวัญมา”

   แขนเรียวยาวที่โอบเข้ารอบเอวพลางเอนหน้าซบลงบนต้นแขนแล้วยิ้มตาหยีส่งให้ เจอลูกประจบแบบนี้เข้าไปแม่ปริกรึจะกล้าเอ่ยคำว่ากล่าว นอกจากดุไม่ลงแล้วยังลูบศีรษะด้วยความรักใคร่อีกต่างหาก

   “มาๆ เจ้าค่ะ เร่งกวนขนมกันดีกว่า ประเดี๋ยวจะยิ่งสายไปกันใหญ่ ซุบซิบอะไรกันยะพวกหล่อน ตั้งเตาสิยะ แล้วกระทะทองล่ะอยู่ไหน ไม้พายด้วย เอามาเสียให้พร้อมกัน คุณหนูเธออุตส่าห์ลงครัว อย่าได้มัวชักช้า”

   พวกบ่าวสาวๆ คนอื่นต่างปิดปากหัวเราะคิกคักพยักพเยิดให้ดูคนสองมาตรฐานกันใหญ่ คุณหนูกาลทำอะไรก็ดีงามไปเสียทั้งสิ้น ทีพวกตนแค่ป้องปากกระซิบก็โดนแหวเข้าใส่กันเสียแล้ว

   ปริกยังคงบ่นต่อไปอีกสามสี่คำ ก่อนจะจับจูงคุณหนูกาลมานั่งแปะลงหน้าเตา เทน้ำลอยดอกมะลิใส่ลงในแป้งถั่วเขียว คนให้เข้ากัน แล้วจึงกรองเพื่อนำไปกวนต่อไป

   “หนูกวนให้นะจ๊ะพี่ปริก เรื่องกวนหนูว่าหนูถนัดนะ”

   ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่รู้กันหรอกว่าคุณหนูกาลเธอจะกวน... เอ่อ กวนอารมณ์เก่งขนาดนี้ แต่บัดนี้ ปริกเชื่อหมดหัวใจเลยเทียวว่าเรื่องกวนนี่ไว้ใจคุณหนูกาลได้ มืออวบส่งไม้พายให้พร้อมทั้งสอนให้กวนไปทิศทางเดียวกัน ขนมจะเข้ากันได้ดีกว่า แรกๆ ตัวขนมยังใส กาลก็กวนไปคุยหยอกล้อกับแม่ปริกไป จนขนมเริ่มข้นขึ้นก็เกิดอาการเก้ๆ กังๆ ขึ้นมาทันที ปริกกลัวขนมจะไหม้จนต้องเททิ้งทั้งกระทะ จึงฉวยไม้พายมาจัดการต่อเองเป็นอันจบเรื่องราว

   จนมาจะหยอดขนมลงพิมพ์ กาลก็ตักช้าจนน่ากลัวขนมจะเย็นตัวแล้วหยอดไม่ได้ ร้อนถึงบ่าวคนอื่นต้องมาช่วยหยอดให้ทันก่อนขนมเย็นตัวกันเป็นการใหญ่ ขั้นตอนสุดท้ายบีบหน้าลงบนตัวขนมก็ทะลักเละเทะจนแม่ปริกต้องกุมขมับ เพราะของถวายพระถวายเจ้าก็ควรต้องงามงดกันอยู่สักหน่อยกระมัง

   กาลหัวเราะแหะๆ ก่อนยื่นถุงบีบส่งคืนให้แม่ปริกอย่างรู้ตัวดีว่าถ้าฝืนทำต่อไปอาจเกิดโศกนาฏกรรมทางอาหารมากไปกว่านี้ก็ได้ หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวตอนนี้ของกาลก็เลยเป็นการยกจานขนมที่แบ่งออกไว้ไปให้คุณมารตีกับท่านอำนาจชิม

   “เป็นยังไงบ้างจ๊ะ หอมไหม”

   กาลออกปากถาม เมื่อทั้งพ่อและแม่ต่างส่งขนมเข้าปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

   “อร่อยมากจ้ะหนูกาล จริงไหมเจ้าคะคุณพี่” คุณมารตีหันไปจิกตาใส่ผู้เป็นสามีให้รีบตอบคำถามของลูกรัก แน่นอนว่าขนมยังไม่ทันถูกกลืนลงคอ ท่านอำนาจก็พยักหน้ารัวว่าอร่อยเต็มที่

   “อร่อยน่ะมันอร่อยแน่อยู่แล้วล่ะจ้ะ แม่ปริกลงมือเองซะอย่าง หนูถามว่าหอมรึเปล่าต่างหากล่ะจ๊ะ”

   “หือ” ท่านอำนาจเลิกคิ้วพลางพยายามสำรวจว่ามีกลิ่นหอมตามคำบอกของบุตรชายหรือไม่ หลังจากที่กลืนขนมคำสุดท้ายลงคอไปก็รู้สึกถึงความหอมอวลอยู่ในโพรงปากจริงๆ

   “หอมอ่อนๆ ชื่นใจดีนะเจ้า กลิ่นมะลิใช่ฤาไม่”

   กาลรีบฉีกยิ้มพยักหน้ารับทันที พลางเอ่ยปากโอ้อวดฝีมืออันเป็นเอกในครานี้อย่างภาคภูมิใจ

   “คุณพ่อตอบถูกจ้ะ เป็นกลิ่นมะลิจริงๆ น้ำลอยดอกมะลิที่เอามาทำขนมวันนี้น่ะ หนูเป็นคนเด็ดมะลิเองกับมือ ขนมถึงได้หอมขนาดนี้ยังไงล่ะจ๊ะ”

   คนที่นั่งอยู่บนนอกชานต่างอึ้งกันไปเป็นแถวๆ ยิ่งแม่ปริกทั้งทึ่งทั้งขำจนน้ำตาเล็ด เออหนอ ทำกระไรไม่ได้เธอก็ยังภูมิใจที่เธอเป็นคนเด็ดดอกมะลิเองกับมือเอาก็ได้ นี่ถ้าท่านเจ้าประคุณรู้ถึงฝีมือเด็ดดอกมะลิจนทำให้ขนมหอมอร่อย คงจะชื่นชมจนน้ำตาไหลเสียกระมัง

   ส่วนท่านอำนาจเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่บุตรชายถามหาความหอมของขนมก็ได้แต่เลิกคิ้วหัวเราะลั่นเรือน ผิดกับคุณมารตีที่หน้าเจื่อนเพราะอุตส่าห์ออกตัวรับรองกับสามีเสียดิบดีว่าวันนี้ลูกลงครัวทำขนมเอง

   “ไปๆ เร่งเดินทาง ไปถวายเพลเสร็จจักได้กลับมาตระเตรียมข้าวของ งานการยังรออยู่อีกพะเรอเกวียน วันนี้นั่งรถไปแล้วกันนะเจ้าคะคุณพี่ ไปทางเรือน้องเห็นว่าจะเป็นการชักช้าเสียเวลา คุณพี่คิดเห็นประการใดเจ้าคะ”

   ขณะที่ท่านอำนาจเตรียมจะอ้าปากบอก บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็ฉวยหยิบข้าวของเดินลงเรือนไปยังโรงรถข้างเรือนใหญ่ทันที ก็ถ้าคุณมารตีบอกว่านั่งรถเสียอย่าง จะขนของไปทางเรือเพื่ออะไร! บ่าวคนสุดท้ายก้าวลงบันไดเรือนก็ได้ยินเพียงเสียงตอบรับแว่วๆ ตามที่คาดการณ์ดังลอยมาตามลม

   “พี่ก็เห็นพ้องกับแม่รตีเช่นกัน ไปทางเรือน่าจะมิทันท่วงที ไปทางรถตามอย่างที่เจ้าว่าน่ะถูกต้องแล้ว”

*******************************************************************************************

   “กราบนมัสการท่านเจ้าประคุณเจ้าค่ะ”

   คุณมารตีเอ่ยนำพร้อมก้มลงกราบ สามี ลูกและบ่าวด้านหลังล้วนก้มกราบภิกษุแห่งวัดใหญ่กันถ้วนหน้า ท่านเจ้าประคุณรับคำ

   “เจริญพร” ก่อนจะกวาดสายตามองดูญาติโยมที่มาจากเรือนเศรษฐ์ฯ ที่ดูจะมากันครบ ขาดเพียงชายหนุ่มผิวคร้ามที่เคยตามติดเป็นเงาเจ้าเด็กปากดี

   “เจ้าพุดไปไหนเสียเล่า สงสัยฝนฟ้าจะตกผิดฤดูกระมังจึงยอมห่างกายเจ้านายมันได้เยี่ยงนี้”

   “อิฉันใช้ให้ไปเตรียมงานที่ฟากขะโน้นเจ้าค่ะ จักได้เบาใจหน่อยว่ามีคนดูแล” คุณมารตีเป็นฝ่ายตอบ

   “หาไม่พวกคนงานที่จ้างมาคงได้แอบอู้เป็นแน่”

   “อ้อ กระนั้นรึ ข้าก็ลืมไปเสียสิ้นว่าโยมต้องไปที่ฟากโน้นกันทุกปีนี่หนา”

     ริมฝีปากขมุบขมิบที่เห็นทางหางตาแวบๆ ทำให้ท่านเจ้าประคุณอดไม่ได้ที่ต้องหันไปลับฝีปากกับเจ้าตัวดีมันเสียหน่อย
   “มีกระไรรึเจ้ากาล พูดอะไรก็ให้ชัดถ้อยชัดคำ มาทำอุบอิบกระซิบกระซาบ ข้าไม่รู้เรื่อง”

   เจ้าคนโดนเรียกก็ได้แต่สะดุ้ง ส่งยิ้มแหยไปให้ เพราะเมื่อครู่กำลังนึกนินทาอยู่เชียวว่าหลวงตาคนโน้นก็เหมือนกับหลวงตาคนนี้ พอแก่แล้วก็ขี้หลงขี้ลืม แต่ใครจะไปกล้าบอกความจริงกันเล่า คงได้โดนดึงหูยานแน่ ถ้าท่านเจ้าประคุณรู้ว่าโดนนินทา คิดแล้วก็รีบคลานเข่าเข้าไปบีบนวดอย่างประจบประแจงเพื่อแก้สถานการณ์จากการที่กำลังจะโดนดุทันที

   “แหม... หนูกำลังรอ ร้อ รอ ต่างหากล่ะจ๊ะ ว่าเมื่อไหร่ท่านเจ้าประคุณจะชิมขนมของหนูเสียที เนี่ย หนูรีบตื่นตั้งแต่เช้ามาช่วยพี่ปริกทำสุดฝีมือเลยนะจ๊ะ ขนมเนี่ยเหมาะกับผู้สูงอายุเป็นที่สุด”

   ภิกษุชราได้แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ วันนี้ไอ้เจ้ากาลมาแปลก มาทำเป็นออดอ้อนไม่กวนเหมือนดังเก่า ฤามาอยู่ที่นี่นานวันเข้าคงได้รับการกล่อมเกลาไปบ้างแล้วกระมัง ท่านเจ้าประคุณยิ้มออกมาอย่างพึงใจในพฤติกรรมที่ดูท่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นของเจ้ากาล ตาเหลือบลงมองสำรับอาหารที่เพิ่งถูกยกประเคนเมื่อสักครู่ก็เห็นขนมสีสวยหวาน ทั้งสีชมพู สีฟ้า แลดูกระจุ๋มกระจิ๋มอยู่ในพิมพ์ถ้วยพลาสติกใส

   “อืม นี่เรอะขนมที่ว่า เรียกขนมกระไรเล่านี่” ปากเอ่ยถามในขณะที่มือก็หยิบมาพิจารณาไปด้วย

   แม่ปริกรับหน้าที่ตอบทันทีด้วยความภูมิใจ

   “ขนมลืมกลืนเจ้าค่ะท่านเจ้าประคุณ ลองชิมดูสักหน่อยนะเจ้าคะว่ารสชาติถูกปากฤาไม่”

   ขนมรสหวานอ่อนๆ มีรสเค็มของกะทิที่หน้าขนมกลืนแล้วก็ให้ลื่นคอนัก ท่านเจ้าประคุณพยักหน้าเอ่ยชมว่าเข้าทีดีทีเดียว เล่นเอาแม่ปริกถึงกับยิ้มแก้มปริ หลังจากอยู่สนทนากันได้ครู่ใหญ่ ทั้งหมดก็ขอตัวลากลับเรือนเพื่อไปตระเตรียมข้าวของก่อนออกเดินทาง พระภิกษุให้ศีลให้พรให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยเสร็จสรรพต่างก็ทยอยลงจากกุฏิ

   กาลกับแม่ปริกอยู่รั้งท้ายแถวชวนคุยกันหัวเราะกระซิกกระซี้ เมื่อหันมองซ้ายมองขวาไม่มีใครอยู่ใกล้ตัว กาลจึงได้แอบกระซิบกับแม่ปริกด้วยสีหน้ามีเลศนัย

   “พี่ปริกรู้ไหมจ๊ะ ทำไมขนมลืมกลืนถึงเหมาะกับผู้สูงอายุอย่างท่านเจ้าประคุณ”

   “ฮ้าย! คุณหนูกาล” ปรกยกมือทาบอกลากเสียงยาว

   “ประเดี๋ยวท่านเจ้าประคุณได้เอ็ดเสียงเขียว ไปว่าท่านว่าแก่ได้อย่างไรเจ้าคะ”

   “หนูยังไม่ได้พูดเลยนะ พี่ปริกพูดออกมาเองว่าแก่ หนูไม่รู้เรื่อง”

   “แน่ะ!” หาความให้อีปริกแล้วไหมล่ะคุณหนูของบ่าว เอาเถอะๆ อิฉันรับไว้เองก็ได้ ว่าแต่ทำไมลืมกลืนถึงได้เหมาะกับท่านเจ้าประคุณล่ะเจ้าคะคุณหนูกาล”

   “ก็คนแก่ขี้หลงขี้ลืมไงล่ะพี่ปริก รอบที่แล้วก็ลืมนอน รอบนี้ก็ลืมกิน”

   เสียงหัวเราะคิกคักของสองนายบ่าวมีอันต้องชะงักกึกเมื่อมีเสียงตวาดไล่หลังมา

   “เจ้ากาล!”

   จากนั้นก็เป็นการแข่งกันโกยอ้าวแทน โดยมีแม่ปริกที่หุ่นอวบอัดแต่ซอยเท้าได้พลิ้วจนกาลยังตามแทบไม่ทันวิ่งนำอยู่ด้านหน้า ข้อมือบางถูกคว้าหมับเข้าให้โดยมือที่เหี่ยวย่นทว่าแข็งแรงกว่า มองไล่ตามท่อนแขนขึ้นไปจะเห็นสีเหลืองเรืองรองที่รู้สึกเจิดจ้าแสบตามมากกว่าทุกวัน จนเมื่อสบตากับดวงตากระจ่างซึ่งสวนทางกับอายุก็เล่นเอากาลสะดุ้ง เพราะท่านเจ้าประคุณจ้องเขม็งตาเขียวปั้ด

   “แหะๆ นมัสการหลวงตาอีกรอบ แล้วขออนุญาตกราบลาเลยนะจ๊ะ หนูต้องรีบไปช่วยคุณแม่ฉีกใบตองแล้วจ้ะ”

   “เฮ้อ! เอ็งนี่มัน... ไฉนจึงเป็นเด็กที่กวนประสาทข้าเยี่ยงนี้หนอ”

   ท่านเจ้าประคุณแห่งวัดใหญ่ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจยาว พลางระงับอารมณ์ จุดประสงค์ที่แท้จริงเพื่อจะตามมาฝากถ้อยคำสักสองสามคำเพียงเท่านั้น หากดันมาได้ยินเจ้าตัวดีพูดจากระตุ้นต่อมโมโหเอาเสียก่อน แล้วดูหน้าตาตอนถูกจับได้ว่านินทากระทั่งพระกระทั่งเจ้าของมันเข้าเถิดหนา ถ้าเป็นหมาก็เรียกว่าหูลู่หางตกเทียวล่ะ คนมองก็ได้แต่ใจอ่อนแอบยกโทษให้อยู่ร่ำไป

   “เอาเถิด... ไม่ต้องมาทำสายตารู้สึกผิดใส่ข้าเลย มิได้จักมาดุด่าหรอกหนา แค่จะมาเตือนว่าหากเกิดเหตุการณ์อันใด เจ้าจึงรู้จักหัดสงบปากสงบคำไว้เสียจักเป็นการดี อย่าได้เที่ยวยั่วเที่ยวแหย่ไปทั่วเช่นนี้อีก กับตัวข้า กับพ่อแม่แลบ่าวไพร่ของเอ็งอาจไม่ถือสา แต่หากเป็นคนนอกที่มิได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อนก็คงเป็นการไม่งามนัก เข้าใจหรือไม่ ปากเอ็งนี่หนาเจ้ากาล... บทจะดี ปากนี้ก็ช่างฉอเลาะจำนรรจานัก หากบทจะกวนขึ้นมา เฮ้อ... ขนาดข้าถือศีล ๒๒๗ ข้อ ยังเก็บอารมณ์แทบไม่อยู่”

   ภิกษุชราแห่งวัดใหญ่ทอดถอนใจ ดูเอาเถิดว่าตั้งใจมาเจรจาตักเตือนด้วยหวังดี มาได้ยินเจ้ากาลพูดหยอกล้อตนเข้า เส้นเลือดในกายยังพล่านราวน้ำเดือด

   กาลรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ท่านเจ้าประคุณมีให้ จึงก้มลงกราบน้อมรับคำสั่งสอนมาไว้ในใจแล้วลุกขึ้นสวมกอดเข้าที่เอวพลางออดอ้อน

   “หลวงตาสั่งสอน หนูย่อมต้องน้อมนำไปปฏิบัติตามอยู่แล้วจ้ะ แล้วที่พูดเล่นเมื่อกี๊ว่าหลวงตาแก่ก็ไม่จริงเลยสักนิดเดียว เนี่ย แข็งแรงแบบนี้นี่ยังเตะปี๊บดังแน่นอน”

   “เตะเอ็งก็ดังอยู่ดอกนะเจ้ากาล”

   กาลสะดุ้งโหยง กระโดดหนีพลางหัวเราะร่า ก่อนจะหันไปกราบลาท่านเจ้าประคุณอีกคำรบ ทิ้งให้คนสอนยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่าที่พูดไปน่ะมันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรือไม่

   กลับมาถึงที่เรือนเศรษฐทรัพย์อนันต์ไพศาลก็ได้เวลาวุ่นวายเตรียมดอกไม้ หยวกกล้วย ใบตองกันให้อลหม่าน นาทีนี้ไม่มีใครค่อยๆ เยื้อง ค่อยๆ ย่างกันอีกแล้ว ต่างเดินกันเร็วจนสไบปลิวกันเป็นแถบๆ ฝ่ายฉีก ฝ่ายพับ ฝ่ายเย็บ ฝ่ายประกอบ เร่งทำงานประสานกันจนมือเป็นระวิง แน่นอนว่ากาล อดีตเด็กวัดผู้ช่ำชองการพับกระทงใบตองก็กำลังบรรจงประดิดประดอยกระทงเพื่อนำไปลอยขอขมาพระแม่คงคาอยู่เหมือนกัน

   “คุณหนูกาลทำสวยจริงเจ้าค่ะ เมื่อก่อนคุณหนูมิใคร่ชอบลอยกระทงเท่าใดนัก จำได้ว่าแทบจะเขวี้ยงกระทงลงน้ำตอนพาไปลอยน่ะเจ้าค่ะ”

   กาลคันปากยิกๆ อยากจะตอบว่าเทศกาลลอยกระทงนี่ของโปรดเลย ตอนนั้นที่วัดมีการระดมเด็กวัดและชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาช่วยกันทำกระทงใบตองเพื่อหารายได้เข้าวัดสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญ เวลาคนมาซื้อกระทงก็จ่ายตามกำลังศรัทธา แล้วก็นำกระทงไปลอยกันที่ท่าน้ำหน้าวัดนั่นแหละ มันคือเทศกาลแห่งความสุขชัดๆ ไอ้คุณหนูกาลไม่ชอบได้ยังไง ภาพที่แต่ละคนหอบลูกจูงหลานกันเข้ามาที่วัดยังติดตราอยู่ในหัวใจกาลมาจนบัดนี้อยู่เลย

   “เออ... แล้วนี่พี่พุดทำกระทงไปรึยังอะจ๊ะ วิ่งวุ่นทำงานอยู่ทางโน้น ไม่รู้มีใครทำเผื่อพี่เขาบ้างไหม”

   “คุณหนูกาลก็ทำไปเผื่อเจ้าพุดมันสิเจ้าคะ ถ้าเจ้าตัวได้รับกระทงที่คุณหนูตั้งใจทำให้ คงดีใจไม่หยอกเทียว”

   “กลัวว่าจะไม่ทันซะแล้วสิพี่ปริก นู่น... ตาชดมาไล่ต้อนพวกเราเดินทางละ ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนแบ่งของหนูให้พี่พุดลอยก็ได้เนอะ ไปกันเร็วพี่ปริก”

   พูดจบเจ้าตัวก็เดินนำลิ่วๆ ไป ทิ้งให้แม่ปริกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว จนกระทั่งคุณมารตีต้องส่งเสียงกระแอมเตือน จึงได้หันมาเห็นท่านอำนาจกำลังประคองคุณมารตีเดินมา

   “ไม่ต้องลุ้นออกนอกหน้ามากก็ได้กระมังปริก ปล่อยไปตามครรลองที่ควรจะเป็นเถิด”

   “โถ.. อิฉันก็แค่ยิ้มเท่านั้นเองเจ้าค่ะ ไม่ชักนำ หากก็ไม่ขัดขวางตามที่เจ้าพุดเคยออกปากขอไว้นั่นล่ะเจ้าค่ะ”

***************************************************************************************

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ p-n-t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
    • https://www.facebook.com/JiaJia.novels/

   ผลั่วะ!!

   เสียงหมัดที่กระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มจนหน้าหัน เรียกเสียงวี้ดว้ายบนเรือนเศรษฐทรัพย์อนันต์ไพศาลได้เป็นอย่างดี คนโดนต่อยนั่งคุกเข่าก้มหน้านิ่ง ใช้หลังมือปาดเลือดสดๆ ที่ไหลย้อยลงมาตามมุมปากส่งๆ หมัดเดียวยังนับว่าน้อยนักถ้าเทียบกับสิ่งที่เขาพูดออกไปเมื่อสักครู่

   “เอ็ง... เอ็งว่ากระไรนะเจ้าพุด” คุณมารตีครางเสียงสั่น

   ท่านอำนาจแทบจะปราดไปซ้ำให้อีกคำรบ ถ้าไม่ติดว่าคู่ชีวิตหวีดร้องห้ามเสียงหลง พลางยื้อยุดดึงแขนผู้เป็นสามีไว้ พลางส่งสายตาให้ปริกไปช่วยประคองพุดที หากเจ้าตัวก็ดูจะไม่แยแสกับอาการบาดเจ็บ ยังคงคุกเข่าสองมือประนมพูดเสียงเรียบเรื่อยทว่าเสียงยิ่งนิ่งเท่าไหร่ก็เหมือนยิ่งราดน้ำมันลงไปในกองเพลิงโทสะของท่านอำนาจเท่านั้น

   “กระผมเรียนว่า กระผมรักปักใจในตัวคุณหนูกาลเป็นแม่นมั่น หากในชาตินี้มิได้คุณหนูมาชิดเชยก็จักมิขอมีคู่ จึงอยากขอโอกาสท่านอำนาจกับคุณมารตี ให้กระผมได้ดูแลคุณหนูเถิดขอรับ”

   ผลั่ก!!

   รอบนี้เป็นขาของผู้เป็นตาที่กรากเข้ามาฟาดเข้าไปที่กลางลำตัวของผู้เป็นหลานเต็มๆ พุดเจ็บจุกจนตัวงอ แต่ก็ฝืนตัวนั่งหลังตรง เพื่อแสดงความหนักแน่นกับสิ่งที่เอ่ยปากออกไปเมื่อครู่ หากเพียงแค่เจ็บกายยังทนไม่ได้ แล้วต่อไปภายภาคหน้าจะไปดูแลคุณหนูเธอได้อย่างไร ตาชดมือไม้สั่นชี้หน้าหลาน ตวาดด่าด้วยคาดไม่ถึงกับสิ่งที่พุดเอ่ยขอ

   “ไอ้หลานเนรคุณ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เอ็งคิดกระไรของเอ็ง คุณหนูเธอเพิ่งอายุ ๑๒ แถม... แถมเธอยังเป็นผู้ชาย!” พูดจบก็ตวัดตบแก้มของพุดด้วยหลังมือไปอีกหนึ่งฉาด เล่นเอาหลานถึงกับหูลั่นได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหู

   “จะอายุเท่าใด จะเพศไหนก็ไม่เกี่ยว ฉันรักของฉันนี่ตา”

   “คุณหนูไม่มีทางชายตาแลเอ็งเด็ดขาดไอ้พุด เอ็งรีบขอขมาลาโทษคุณมารตีกับท่านอำนาจเสียเถิด เอ็งแค่จงรักภักดีกับนายของเอ็งมากก็เท่านั้น เอ็งเลยคิดว่าเอ็งรักปักใจในตัวคุณหนูกาลเข้าแล้ว”

   หลังจากที่ได้เตะได้ต่อยเพื่อระบายความโกรธเกรี้ยวออกไปบ้างแล้ว ตาชดจึงได้ชี้แจงด้วยอารมณ์ที่เย็นลงบ้าง หวังใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ให้หลานเลิกคิดในสิ่งไม่ควรนี้เสีย แต่ยังไม่ทันจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย อารมณ์โกรธก็ปะทุอีกระลอก เมื่อหลานรักตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆ ของมัน

   “ฉันรักของฉันจริงๆ นะตา ฉันไม่ได้หวังให้คุณหนูชายตาแลมารับรักฉันตอบ ฉันขอแค่โอกาสในการดูแลคุณหนู ได้รับใช้ใกล้ชิดเธอให้เต็มที่ ฉันก็พอใจแล้ว”

   “พอได้แล้วชด!!”

   เสียงตลาดของท่านอำนาจ หยุดยั้งท่อนแขนที่เตรียมจะฟาดลงไปที่ใบหน้าของพุดได้อย่างทันท่วงที ทุกคนบนเรือนเศรษฐ์ฯ ต่างอกใจระทึกกันถ้วนหน้า ได้แต่กลั้นหายใจรอรับคำสั่งจากประมุขของบ้านว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป นานเป็นครู่กว่าท่านอำนาจจะค่อยๆ ทรุดตัวลงบนตั่งที่นอกชานแล้วเริ่มมองพิจารณาร่างที่ช้ำไปด้วยร่องรอยการถูกทำร้ายของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งๆ ที่ก็เจ็บตัวขนาดนี้แล้ว แต่ทำไมถึงยังนั่งคุกเข่าตัวตรงตากแดดอยู่ได้ เมื่อเริ่มสงสัยจึงเริ่มสงบนิ่ง ความโมโหโกรธาเมื่อสักครู่จึงเบาบางลงออกปากเอ่ยถาม

   “เอ็งว่า... เอ็งขอโอกาสดูแล”

   “ขอรับ”

   “ก็ถ้าแค่ดูแล ทุกวันนี้ก็มิใช่ดูแลกันอยู่หรอกหรือ มิใช่คอยรับใช้อยู่แล้วหรือไร ไยต้องมาเอ่ยปากพร่ำบอกว่ารักลูกข้ากระนั้นเล่า”

   พุดเงยหน้าสบตาท่านอำนาจโดยตรง หวังใจให้ความมั่นคงในดวงตาส่งผ่านความรู้สึกทั้งมวลให้ท่านได้รับรู้

   “หากรับใช้ด้วยความเป็นบ่าวหรือจะสู้การดูแลด้วยหัวใจรักเล่าขอรับ”

   นิ่งอึ้งตะลึงกันไปเป็นครู่ กว่าจะมีเสียงหวานใสของคุณมารตีแทรกมา

   “ก็หากเอ็งจะรัก เอ็งก็เก็บความรักของเอ็งไว้ในอก ในเมื่อไม่ได้หวังให้หนูกาลรับรักตอบ แล้วเอ็งจะมาขอโอกาสอันใด ข้ามิเข้าใจเอ็งนักเจ้าพุดเอ๋ย”

   พุดสูดหายใจเข้าปอดลึกยาวระงับความเจ็บปวดที่แล่นริ้วตามชายโครง ก่อนจะค่อยๆ พยายามเรียบเรียงคำพูดเพื่อบอกความประสงค์ของตนเอง

   “กระผมขอโอกาสใช้ความรักที่มีไปดูแลคุณหนูให้เต็มที่ ไม่ต้องสนับสนุน ขอเพียงอย่าขัดขวาง กระผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าจะมิกระทำการอันเกินเลยใดๆ ให้คุณหนูต้องเสื่อมเสีย ต่อไปเบื้องหน้า มิว่าคุณหนูจะรู้สึกเยี่ยงไรกับกระผม ไอ้พุดคนนี้ก็จักดูแลรักมั่นมิแปรเปลี่ยนขอรับ”

******************************************************************************************

   ท่านอำนาจยืนเหม่อมองนอกชานอันว่างเปล่า จากเพลานั้นที่เจ้าพุดขอโอกาส เวลาก็ล่วงผ่านมาถึง ๖ ปีเข้าไปแล้ว นึกๆ แล้วก็ให้สงสารเจ้าพุดอยู่เหมือนกัน แรกๆ เจ้ากาลก็ทำท่าวางปึ่งเข้าใส่ พอความจำเสื่อมมาเจ้าพุดก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย แต่เจ้ากาลกลับไม่รับไม่รู้ใดๆ บ้างเลย เฮ้อ... ก็ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามทางล่ะหนา ได้แต่คอยเอาใจช่วยเจ้าพุดอยู่ลึกๆ เพราะว่าช่างดูแลเอาอกเอาใจได้ไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องแล้วแต่เจ้ากาลนั่นแหละ ที่จะเป็นผู้เลือก ส่วนคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องยอมรับและเข้าข้างลูกอยู่ดี สู้ต่อไปนะพงศ์ปณต!

   “เดินทางกันได้แล้วกระมังเจ้าคะคุณพี่ มัวแต่เหม่อมองสิ่งใดเจ้าคะ ประเดี๋ยวลูกกาลก็คอยแย่”

   ท่านอำนาจโอบภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากพลางยิ้มให้

   “กำลังคิดถึงเจ้าพุดมันน่ะ ป่านนี้เตรียมการไปถึงไหนแล้วก็มิรู้”

   “อยากให้เร่งมือให้เสร็จโดยเร็ว คุณพี่ก็ทักแชทไปบอกสิเจ้าคะ ว่าได้ข่าวว่าจะมีคนสละกระทงของตัวเองให้ลอยด้วยกันได้ ขี้คร้านพอรับทราบจะเร่งทำงานให้แทบไม่ทัน”

   “ช่างเจ้าแผนการจริงๆ หนาเมียพี่ ทำตัวดีๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่จักมีรางวัลให้”

   “จริงนะเจ้าคะ ถ้าเยี่ยงนั้นน้องขอหลายๆ รอบได้ฤาไม่”

   เห็นแววตาเมียรักเป็นประกาย ท่านอำนาจก็อดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวไปเชยชมแก้มงามเสียฟอดใหญ่

   “พี่เคยไม่ตามใจน้องด้วยหรือแม่รตี ขอเพียงเอ่ยปาก กี่รอบพี่ก็จัดให้ได้”

   “เอ่อ... ดะ... เดินทางกะ... กันได้แล้วกระมัง”

   เสียงตะกุกตะกักที่เอ่ยเตือน ทำให้สองผัวเมียรู้สึกตัวว่าเริ่มชักช้ามากแล้ว ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกเดิน ท่านอำนาจกลับรู้สึกเอะใจที่บ่าวคนสนิทอย่างแม่ปริกผู้มีฝีปากคมกล้าที่สุดในเรือนเศรษฐ์ฯ ไฉนจึงพูดจาอ้อมแอ้มได้ถึงเพียงนี้ หน้าตาเล่าก็ติดจะแดงก่ำ ฤาว่าจะได้ไข้เสียแล้ว?

   “เป็นกระไรไปรึแม่ปริก จับไข้ฤาไม่ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยนัก หากไม่สบายก็รีบหามดหมอเสียแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยปละละเลยจนเจ็บหนักไปหนา”

   เฮ้อ... ตัวเองนั่นละต้นเหตุ ยังจักมาให้คนเขาไปหาหยูกยากินอีกนะท่าน! ไม่ได้การล่ะ ยังไงก็ต้องออกปากเตือนกันเสียบ้าง เกิดบ่าวเด็กๆ หรือคุณหนูเธอมาได้ยินถ้อยคำประเภทนี้เอากะเดี๋ยวก็ได้ใจแตกกันพอดี

   “อย่าหาว่าอิฉันสั่งสอนเลยนะเจ้าคะ ทั้งท่านอำนาจ ทั้งคุณรตี อิฉันว่าจักไม่สอดปากแล้วแท้ๆ เทียว แต่หากไม่บอกกล่าวกัน มันก็ไม่ดีแก่ใจน่ะเจ้าค่ะ ไอ้เรื่องในมุ้งประเภทกี่รอบๆ นี่หาได้ควรนำออกมาพูดกันอย่างโจ่งแจ้งถึงเพียงนี้นะเจ้าคะ ลูกเล็กเด็กแดงบนเรือนนี้ก็นับได้หลายหัวอยู่ แม้กระทั่งคุณหนูกาลเอง เธอก็เพิ่งจะเต็ม ๑๘ ไปเมื่อไม่นานนี่เอง หากมาได้ยินถ้อยคำเหล่านี้เข้าไป มันจะไม่งามนะเจ้าคะ”

   สิ้นคำสั่งสอนของแม่ปริก คุณมารตีได้แต่เบิกตาโตแล้วแก้มสองข้างก็แดงปลั่งด้วยความเขินอาย หากแต่ท่านอำนาจกลับหัวเราะเสียงดังลั่นเรือนจนคุณมารตีต้องแอบบิดเข้าให้ที่เอว พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้ซับน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะว่าหัวเราะมากเกินไป ส่วนแม่ปริกนั้นได้แต่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ดูซิดู อุตส่าห์ตักเตือนกันยังมีหน้ามาหัวเราะเต็มที่

   “อย่าเพิ่งโมโหโทโสไป ที่ฉันขำน่ะขำที่แม่ปริกคิดไปถึงไหนต่อไหน ปรกติถึงฉันจะออกปากหยอดแม่รตีเธอก็เป็นไปด้วยคำหวานหูหรอกหนา ไอ้เรื่องพรรค์ที่ว่ามิเคยนำออกมาสู่ที่แจ้งสักครา ส่วนที่แม่ปริกได้ยินเรื่องกี่รอบๆ น่ะ ฉันหมายถึงจักพาแม่รตีเธอไปนั่งชิงช้าสวรรค์เยี่ยงไรเล่า แม่ปริกก็ไปด้วยกันอยู่ทุกปี จำมิได้กระนั้นรึ”

   จบคำแถลงของท่านอำนาจ แม่ปริกถึงกับอายจนหน้าร้อนซู่ไปหมด ได้แต่อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

   “กะ... ก็อิฉันคิดว่า... ว่า...”

   “พอแล้วๆ แม่ปริกนี่ฟังไปฟังมาฉันเองก็เริ่มจะอายไปด้วยแล้วหนา มีอย่างรึ คิดไปถึงเรื่องนั้นได้ ไปๆ เดินทางกันได้แล้วหนา หนูกาลคอยแย่แล้วกระมัง”

   เสียงคุณมารตีตัดบทพลางก้าวเดินนำลงเรือนไปก่อน ทิ้งให้คนคิดไปไกลยืนอายม้วนอยู่อีกเป็นครู่ จึงจะออกเดินตาม

   ราตรีมืดมิด แขวนประดับด้วยพระจันทร์ดวงกลมโตที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ผืนน้ำเบื้องล่างสะท้อนแสงพริบพราว ทั้งจากแสงจันทร์และแสงไฟ มองเห็นคล้ายเป็นแสงสีเงินสลับสีดำตามการเคลื่อนไหวขึ้นลงของระลอกคลื่นบนผิวน้ำ กาลยืนเหม่อมองภาพเบื้องหน้าด้วยความชื่นชม

   “สวยไหมเจ้า” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามดังขึ้นจากทางด้านหลัง ไม่ต้องหันไปมองดูกาลก็รู้ว่าเป็นใครโดยทันที

   “สวยมากเลยพี่พุด”

   “ชมดาวกันมาแล้ว มาชมพระจันทร์บ้างก็เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบนะพี่ว่า”

   เรือนกายสูงที่ซ้อนอยู่ทางด้านหลังเอ่ยชวนคุย พลางแอบมองกระทงที่มือเรียวสวยประคองอยู่ ก็ไหนแม่ปริกบอกว่า...

   “พี่พุดมาเตรียมงานอยู่ที่นี่ตั้งนาน คงไม่ได้ทำกระทงมาลอยด้วยใช่ไหมจ๊ะ ถ้าพี่พุดไม่ถือ เดี๋ยวหนูแบ่งกระทงของหนูให้ลอย เราผลัดกันอธิษฐานเอาก็ได้เนอะพี่เนอะ”

   “พี่มิถือดอก” เสียงพูดคล้ายแลเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ใครจะรู้เล่าว่าในใจนั้นตื่นเต้น หัวใจฟูคับอกสักเพียงไหน

   “คุณหนูทำกระทงสวยเสียจริงขอรับ รับรองว่าคืนนี้กระทงของคุณหนูจะต้องสวยที่สุดบนแม่น้ำแห่งนี้แน่นอน”

   กาลฟังแล้วก็ตื้นตัน ไม่ใช่ตื้นตันที่พุดชมว่าตนทำกระทงสวย แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าในชีวิตจะมีวันนี้ วันที่ได้มาลอยกระทงที่แม่น้ำเทมส์! ถ้าไม่ใช่เศรษฐทรัพย์อนันต์ไพศาลแล้วใครจะกล้าคิด บอกว่าจะไปลอยกระทงที่แม่น้ำคงคายังพอจะเป็นไปได้มากกว่าซะอีก

   ตอนนี้กาลยืนอยู่ที่สุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ แล้วทำไมเราต้องมายืนกันตรงนี้ด้วยล่ะ คำตอบอยู่สูงเสียดฟ้าด้านหลังนี่เอง ก็คุณพ่อต้องพาคุณแม่มานั่งชิงช้าสวรรค์อย่างไรเล่า ลอนดอนอาย อะ รู้จักไหม แล้วเรื่องที่ว่าพี่พุดยุ่งๆ มาเตรียมการก็คือการปิดกั้นบริเวณนี้ทั้งหมด เพื่อความสงบในการขอขมาพระแม่คงคาและการอธิษฐานนั่นเอง

   พุดแตะมือที่แผ่นหลังของกาลแผ่วเบา เพื่อเตือนให้เริ่มจุดธูปเทียนได้แล้ว กาลทำท่าจะยกกระทงให้พุดได้อธิษฐานก่อน แล้วตัวเองจึงค่อยอธิษฐานทีหลัง หากมือคร้ามคว้าจับประคองมือเรียวขาวไว้ทั้งคู่ พลางยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากของทั้งสองคนพร้อมกัน

   “อธิษฐานพร้อมกันนี่แหละหนาไม่เสียเวลาดี หลับตาสิเจ้า”

   อากาศที่อังกฤษนี่ก็แปลกนะ เมื่อกี๊ยังเย็นๆ อยู่เลย แต่พอพี่พุดกุมมือแล้วบอกให้หลับตา ทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกร้อนซู่แปลกๆ โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า กาลรู้สึกว่ายิ่งร้อนกว่าบริเวณอื่นเป็นเท่าตัว

   พอปล่อยกระทงลงบนผิวน้ำเรียบร้อยแล้ว กาลจึงได้มองไปรอบๆ ตัว คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายไปนั่งดื่มด่ำวิวของแม่น้ำยามค่ำคืนกันตามจุดต่างๆ คงรอสองหนุ่มสาวที่ยังสวีทหวานกันไม่เลิกนั่นกระมัง ท่าทางจะยังอีกนาน กาลจึงชวนพุดนั่งรับลมเย็นๆ ระหว่างรอไปพลางๆ

   “ท่าทางจะอีกพักใหญ่เลยนะจ๊ะพี่พุด สองคนข้างบนนั่นน่ะ” กาลชี้นิ้วบุ้ยใบ้ไปด้านหลัง

   “รำลึกความหลังก็เยี่ยงนี้แหละขอรับ มาแต่ละครั้งก็ใช้เวลานานโขอยู่”

   ตาเรียวยาวเป็นประกายขึ้นมาทันที เกาะแขนพุดแจแล้วรีบถามด้วยความสนใจ

   “พ่อกับแม่มีความหลังอะไรกันที่นี่เหรอจ๊ะพี่พุด”

   คนถูกเกาะแขนยังไม่ตอบเรื่องราวโดยทันที แกล้งทำเป็นลูบหลังมือเรียวแผ่ว คล้ายกำลังครุ่นคิดว่าจะเริ่มเล่าจากตรงที่ใดก่อน นานเป็นครู่กว่าจะยอมตัดใจจากสัมผัสนิ่มลื่นแล้วยอมเอื้อนเอ่ยปาก

   “เมื่อครั้งยังรุ่นๆ อยู่ ท่านอำนาจกับคุณมารตีท่านมาเที่ยวเล่นแถวนี้แล้วก็ติดใจทิวทัศน์ที่นี่นัก มองไปทางไหน ชื่นตาชื่นใจ แล้วจู่ๆ คุณมารตีเธอก็ว่าไม่รู้ว่ามองจากด้านบนลงมาจะให้ความรู้สึกยังไง พอท่านอำนาจได้ยินเข้าก็รีบโทรติดต่อวิศวกรทันทีว่าจะมีทางสร้างอะไรที่สูงๆ เพื่อจะมองวิวลงมาจากด้านบนได้บ้าง ท่านอำนาจเคยเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นออกจากเรือนมาก็ไม่ได้หยิบทรัพย์สินมีค่าใดติดตัวมามากนัก ดีที่ท้ายรถพอจะมีเศษก้อนทองคำติดมานิดหน่อย กับควานๆ หาในรถก็เจอสมุดเช็ค จึงเซ็นชื่อไว้แต่ไม่ได้ใส่จำนวนเงินลงไป รีบติดต่อ รีบจ่ายกันน่าดูชม ที่ทำไปก็จะเอาใจคุณมารตีน่ะขอรับ ถึงแม้จะฉุกละหุก แต่ก็ลุล่วงไปจนได้ จากนั้นพอมีเวลาก็มักจะมานั่งเล่นที่นี่กันอยู่เนืองๆ มารำลึกความหลังสมัยยังเป็นหนุ่มเป็นสาวกันขอรับ”

   กาลเลิกแปลกใจละ ถ้าบนโลกนี้จะมีอะไรเป็นของตระกูลเศรษฐทรัพย์อนันต์ไพศาล ได้แต่เหลียวกลับไปมองลอนดอนอายอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงถาม

   “ไม่เห็นมีสัญลักษณ์ SS เลยพี่พุด”

   “มีสิเจ้า หากแต่อยู่ตรงหมุดตรงกึ่งกลางของชิงช้า สลักไว้เพียงตัวเล็กๆ เพียงเท่านั้น ไม่แน่ว่าปีนขึ้นไปก็ยังหาไม่เจอ”

   “จริงอะ? พี่พุดโกหกหนูรึเปล่าจ๊ะ ไม่เห็นจะมี” กาลหัวเราะเสียงใส แกล้งหรี่ตาทำเป็นไม่เชื่อ

   “พี่นี่หนาจะกล้าโกหกคุณหนู” พุดเอ่ยเสียงทุ้ม

   “พี่มิเคยโกหกคุณหนูกาลเลย สิ่งใดที่ตาคุณหนูมองไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริงเสียหน่อยขอรับ ดูอย่างตรงนี้สิ”

   พุดพูดพร้อมกับค่อยๆ จับมือกาลขึ้นมาแตะที่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง กาลใจเต้นตึ้กตั้ก คล้ายจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงได้แต่ก้มหน้าจนคางชิดจรดอก แล้วฟังเสียงทุ้มพร่าของพุดต่อไป

   “คุณหนูกาลมองเห็นไหมขอรับว่าข้างในเป็นอะไร”

   คำตอบที่ได้รับกลับมาเป็นไปตามคาด คุณหนูกาลสั่นหน้าจนเส้นผมที่ระตามกรอบหน้าส่ายไหว พุดใช้นิ้วค่อยๆ ทัดลงที่ใบหูซึ่งเริ่มขึ้นสีแดง แลดูน่ารักน่าแกล้งอย่างแผ่วเบา

   “คุณหนูมองไม่เห็น ใช่ว่าหัวใจของพี่พุดจะไม่มีอยู่จริงเสียหน่อยนะขอรับ”

   

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

 แม่น้ำเทมส์แทบจะกลายเป็นน้ำเชื่อมเลยค่ะ
ทั้งคู่ใหญ่ทั้งคู่เล็ก ไม่มีใครยอมใครเลย
แหมๆ พี่พุดแหมมมมมมมมมมมมมมม
น้องกาลจะเข้าใจพี่อีกไหม ให้ทายค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




^-^ sirin_chadada ไม่เหมือนล่ะค่ะ ใช่เลยยยย พี่พุดอุตส่าห์กลัวน้องจะเจอ อยากจะบอกว่าไม่ต้องกลัวหรอกค่ะพี่พุดดดด น้องมันเอ๋อออออ ถถถ วงวารจริงจัง  :laugh:
^-^ Piima หวานจนแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำเชื่อมค่ะ แต่คนน้องจะรู้บ้างไหม ก็ม่ายยยย  :laugh:
^-^ colorofthewind21 แทบจะไม่เข้าใจอะไรเลยค่ะ ถถถ วงวารพี่พุดมากค่ะ ณ จุดนี้  :hao3:
^-^ badbadsumaru สงสารมากๆ เลยค่ะ ถถถ กลัวน้องจะอ่าน ไงล่ะ น้องได้อ่านแล้วก็ไม่รู้เหมือนเดิม  :hao3:
^-^ puiiz  :กอด1: :pig4: :กอด1:
^-^ Billie  :กอด1: :pig4: :กอด1:
^-^ Snowermyhae นอกจากใจบางแล้วก็ยังเพลียหนักมากด้วยค่ะ  :laugh:
^-^ alternative พี่พุดพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่ค่ะ ถ้าอยากได้พี่พุดต้องแย่งชิงกันเอาค่ะ  :hao3:
^-^ poppycake  หวานกันตลอดดดค่ะ แต่พี่พุดเข้าใจอยู่คนเดียวววว น้องกาลนี่... วงวารพี่พุดด้วยอีกแรง  :laugh:
^-^ •♀NoM!_KunG♀• คนเขียนก็อยากได้เหมือนกันค่ะ ถถถ เราไปปล้นบ้านนี้กันไหมคะ ข้ารับใช้แค่ผ่านการฝึกในหน่วยซีลมาแค่นั้นเอ๊งงงง ปล้นสบ๊ายยยยยยยยยย  :hao7:
^-^ Jthida ขอบคุณจริงๆ น้า กอดดดด  :กอด1:
^-^ Lautenyu ใช่เลยค่ะ แปะมือ แฮ่!  :katai2-1:
^-^ rainiefonnie ดีใจที่ชอบจ้า แวะมาทักทายบ่อยๆ นะจ๊ะ  :กอด1:


แล้วมาให้กำลังพี่พุดกันต่อนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า
[/color]

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สุดยอด เข้าทางพี่พุด
ที่กาลจะใจดี แบ่งกระทงให้พุดลอยด้วย
ได้ลอยกระทงใบเดียวกันกับกาล พุดก็ดีใจสุดๆไปน่ะสิ

ที่แท้พุด เป็นคนจริง กล้าหาญ มาก
ขอโอกาสดูแลกาลมานานแล้ว
ดูแลด้วยใจรัก มันต้องดีกว่าดูแลเฉยๆแน่นอน  :mew1: :mew1: :mew1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เอาใจช่วยพี่พุดนะครับ หวังว่าคุณหนูกาลจะเห็นใจในเร็ววันนะ ^^

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
หวานไปอีกกก ทุกคนเอาใจช่วยพี่พุดกันหมดเลย หนูกาลก็รีบๆรู้สึกตัวนะจ๊ะ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
5555555 หนูกาลเซี้ยวจริงๆ ปวดหัวแทนแม่ปริก
เอาใจช่วยพี่พัดค่ะ ขอให้หนูกาลรู้ตัวเร็วๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอ้า หยอดเข้าไปค่ะพี่พุด แต่เราว่าถ้าพี่ไม่บอกหนูกาลของพี่ไปตรง ๆ ว่า "พี่จีบหนูอยู่นะจ๊ะ" เนี่ยหนูกาลก็จะยังงง ๆ ดีไม่ดีอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจเข้าไปโน่นนะพี่พุด ฮา

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เอ๊าาาาาา นี่พี่พุดออกตัวแรงสุดแล้วนะ เหลืออย่าเดียวที่ต้องทำคือพูดว่า "พี่จีบคุณหนูอยู่หนาจ๊ะ" 55555
แต่พี่พุดคือแมนมาก มีการสู่ขอ(ขั้นแรก)ไว้แล้วด้วย! หล่อชนะเลิศ~~~~~

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
เป็นกำลังใจให้พี่พุดให้เด็กทึ่มเข้าใจความรู้สึกตัวเองเร็วๆ ค่ะ
กับให้กำลังใจนักเขียนให้เขียนได้เร็วๆ ด้วยค่ะ
 :m7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หมันไส้คู่ใหญ่คู่เล็ก

ลอยกระทงในแม่น้ำเทมส์ ระวังถูกปรับนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด