บัวหลงจันทร์ ๐๖
วันนี้เป็นวันแรกที่สายหยุดได้เข้าวังหลวงมารับใช้พระชายาบัวงาม
“พี่สายหยุด”พระสุระเสียงหวานเอ่ยเรียกคนสนิทคนใหม่ที่พระภัสดาประทานให้
“พระเจ้าค่ะพระชายา”
“ข้าใคร่อยากไปเดินเล่นที่สวนพฤกษา พี่สายหยุดไปเป็นเพื่อนข้าทีจักได้ไหมจ๊ะ”
“พระเจ้าค่ะ”
เจ้าบัวงามเสด็จประพาสสวนพฤกษาโดยมีคนสนิทอย่างสายหยุดเดินตาม พร้อมพระพี่เลี้ยง แลขบวนข้าหลวงสาวที่ตามถวายงานรับใช้ ดูท่าจักทรงโปรดสวนพฤกษาของศศิมณฑลเป็นพิเศษ พระพักตร์งามแต่งแต้มรอยยิ้มน่ามอง พระหัตถ์บางลูบกลีบบุบผาเบาๆราวกับกลัวช้ำ จรดพระนาสิกสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ พลางยกพระโอษฐ์สรวลบางๆ
“ทูลพระชายา ฝ่าบาทเสด็จเพคะ”เสียงพระพี่เลี้ยงสาวดังขึ้นเรียกให้พระวรกายบอบบางหันมองขบวนเสด็จของพระภัสดา
“ถวายพระพรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”ยอบกายหมอบกราบ
“ลุกเถิดเจ้าบัว”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
“พี่กลับตำหนักหลวงไปมิเจอเจ้า ข้าหลวงบอกว่าเจ้ามาเดินเล่นที่สวนพฤกษาจึงได้ตามมา”
“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเหงาใคร่อยากเดินเล่น จึงชวนพี่สายหยุดออกมาที่สวนพฤกษาพระเจ้าค่ะ”เมื่อพระบิดา พระมารดา แลพระเชษฐาเสด็จกลับภุมริกาไปแล้ว พระภัสดาก็ต้องทรงงาน เจ้าบัวงามจึงเหงามิใช่น้อย ยังดีที่มีสายหยุดให้คุยด้วยคลายเหงา
“พี่มิโกรธน้องดอก เพียงแต่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น นึกว่าเมียหายเสียแล้ว”ตรัสเย้า
“ฝ่าบาท”ก้มพระพักตร์ ปรางขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
“หึหึหึ”
“.....”ช้อนนัยน์ตากวางขึ้นมองพระพักตร์งามขององค์จันทร์ พระเสโทผุดซึมเต็มพระนลาฏ เห็นดังนั้นจึงหยิบซับพระพักตร์สีขาวสะอาด อบกลิ่นบุหงารำไปจนหอมฟุ้งที่เหน็บตรงชายพกขึ้นซับหยาดพระเสโทให้พระภัสดา องค์จันทร์ชะงักก่อนจักก้มพระพักตร์ลงให้น้องน้อยซับพระเสโทให้ได้ถนัดขึ้น พระโอษฐ์ยกแย้มยิ้มพึงพระทัย
“ขอบใจหนา”
“มิได้พระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ”พระสรวลน้อยๆ ปลายพระดัชนีเกลี่ยปรางแดงระเรื่อ พระโอษฐ์แนบเบาๆที่ขมับน้องก่อนจักผละออก พระหัตถ์กุมมือเล็กพาเจ้าบัวเดินเล่นชมดอกไม้
“เอ้อ สายหยุด เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัวซนกระไรให้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”ตรัสเย้าทั้งเมีย แลสายหยุด
“มิได้พระเจ้าค่ะ พระชายามิได้ซุกซนอันใดพระเจ้าค่ะ”
“ฮะๆๆๆ เยี่ยงนั้นหรือ เป็นเด็กดีมากเจ้า”พระสรวลเสียงดัง ก่อนจักก้มพระพักตร์ลงมากระซิบชมติดใบหูเล็ก
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
สองพระองค์จับมือกับเดินชมสวนพฤกษา โดยมีสายหยุด องครักษ์เหมเดินตามเสด็จคู่กัน
“พี่เหม”สายหยุดเอ่ยเสียงสั่นเมื่อมือน้อยถูกกอบกุม
“หึหึ ขอพี่จับมือหน่อยหนาเจ้า”
“จ้ะ”ก้มหน้าซ่อนริ้วแดงๆที่พาดผ่านแก้มใส
ในสวนพฤกษาที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของบุบผานานาชนิด ตะวันยามเย็นคล้อยลงดิน คนเป็นนายจับมือกันเดินนำหน้า ตามด้วยองครักษ์หลวง แลคนสนิทของพระชายาที่จับมือกันเดินตาม
.
.
.
ภายในห้องบรรทมตำหนักหลวง องค์จันทร์ประทับนั่งบนขอบพระแท่นบรรทม ทอดพระเนตรเจ้าบัวงามที่นั่งพับเพียบบรรจงออกแรงนวดพระชงฆ์ให้พระองค์อย่างตั้งอกตั้งใจ
“ทรงเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันทำพระองค์เจ็บหรือไม่พระเจ้าค่ะ”
“มิเจ็บดอกเจ้า กำลังสบายเทียว”
“พระเจ้าค่ะ”ยิ้มน้อยๆให้พระทัยสั่น
ก๊อกๆๆ
“ทูลฝ่าบาท แลพระชายา หม่อมฉันนำโอสถ แลพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกามาถวายเพคะ”
“เข้ามา”พระสุระเสียงทุ้มสั่ง
“ขอบใจหนา”เจ้าบัวเอ่ยพลางยิ้มให้ข้าหลวงสาว
“มิได้เพคะพระชายา”หมอบกราบก่อนจะคลานออกจากห้องบรรทม
“พอแล้วล่ะเจ้าบัว...ขอบใจหนา”ตรัสพลางลูบผมนุ่ม
“มิได้พระเจ้าค่ะ”เอ่ยเสียงหวานก่อนจักลุกขึ้นล้างมือในอ่างทองเหลืองที่มุมห้อง ร่างบางเดินกลับมาจัดเตรียมพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกาให้พระภัสดา
“.....”ทอดพระเนตรเมียรักเพลินพระเนตร
“ทรงเสวยพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกาสักหน่อยหนาพระเจ้าค่ะ จักได้บรรทมสบาย”ถวายจอกพระสุธารสชาลอยดอกมัลลิกาหอมกรุ่นให้
“เจ้าก็ดื่มโอสถเถิด”รับจอกจากมือบางมา แลพยักพระพักตร์ให้เจ้าบัวดื่มโอสถสีดำกลิ่นฉุนในถ้วย
“พระเจ้าค่ะ”ยกถ้วยขึ้นจรดริมฝีปากบาง ค่อยๆจิบจนหมดถ้วย
“เป็นอย่างไรบ้างน้อง”
“มิเป็นไรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทจักทรงรับพระสุธารสชาอีกหรือไม่พระเจ้าค่ะ”
“อืม เอามาให้พี่อีกจอกก็พอ”
“พระเจ้าค่ะ”วางถ้วยโอสถ แลรินพระสุธารสชาในกาดินเผาลวดลายสวยงามใส่จอกให้พระภัสดา
“ขอบใจหนา”รับจอกจากมือเล็กมาเป่าไล่ความร้อน ก่อนจะกระดกเข้าพระโอษฐ์ พระหัตถ์รั้งท้ายทอยเจ้าบัวประกบพระโอษฐ์ป้อนพระสุธารสชาให้น้องน้อย กลิ่นหอมของดอกมัลลิกาอบอวลทั้งพระโอษฐ์
“อึก อือ ฮื้อ”เจ้าบัวหลับตากลืนพระสุธารสชาที่พระภัสดาป้อนให้จนหมด พระชิวหาเกี่ยวพันกันไปมา เล็บเล็กจิกบนพระอังสะเปลือยจนทิ้งรอยไว้ องค์จันทร์เอียงพระพักตร์บดจูบน้องตะกรุมตะกรามจนพระเขฬะซึมเลอะขอบพระโอษฐ์ พระหัตถ์เลื่อนลงปลดผ้าแถบสีขาวลายดอกของเจ้าบัวโยนทิ้งมิใยดี มือน้อยผลักพระวรกายกำยำออกเมื่อพระดัชนีบดบี้ยอดถันตน
“ฝ่าบาท อื้อ ไม่หนาพระเจ้าค่ะ”
“ทำไมเล่าเจ้าบัว”ตรัสถามพลางซุกไซร้ซอกคอขาว
“อื้อ”กายบางถูกผลักให้นอนหงายบนพระยี่ภู่ แล้วจักปฏิเสธห้ามปรามได้อย่างไร จำต้องถวายตัวรับใช้พระภัสดาในค่ำนี้
“อ่า เจ้าบัวงาม”
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา”เสียงหวานครางเครือให้ข้าหลวงที่เฝ้าพระทวารหน้าม้าน
.
.
.
รุ่งอรุณมาเยือน ตะวันสาดแสงวันใหม่
จ๋อม
เสียงน้ำในสระสรงกระเพื่อมเมื่อพระวรกายสูงใหญ่ขยับโอบกอดกายขาวของเมีย ปลายพระนาสิกไล้ตามขอบหน้าหวาน
“ฝ่าบาท..พอแล้วหนาพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักเข้าประชุมกับเหล่าขุนนางมิทันหนาพระเจ้าค่ะ”เสียงหวานสั่นเอ่ยเตือนพลางเอียงใบหน้าหลบพระนาสิกซุกซน
“ฟู่ว...หากเป็นไปได้พี่ใคร่อยากอยู่กับเจ้าทั้งวันทั้งคืน”ถอนพระปัสสาสะซบพระพักตร์กับซอกคอขาวของเจ้าบัว
“.....”เจ้าบัวหน้าม้านด้วยความเขินอาย
“.....”
“...รีบสรงน้ำเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจักมิทันการ”
“จ้ะๆ”
.
.
.
เมื่อองค์จันทร์เสด็จไปที่ท้องพระโรงเพื่อร่วมประชุมหารือกับเหล่าขุนนาง เจ้าบัวงามก็เสด็จเข้าเฝ้าพระสัสสุ
“เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าบัวงาม สบายกาย สบายใจดีใช่ไหมลูก”
“พระเจ้าค่ะพระมารดา”
“พระมารดากระไรกันลูก เรียกแม่สิเจ้า”
“...พระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”
“หึหึ...แม่ได้ยินว่าเจ้าจันทร์ให้สายหยุดมาเป็นคนสนิทเจ้าหรือ”
“พระเจ้าค่ะ มีพี่สายหยุดเป็นเพื่อน หม่อมฉันคลายเหงาได้มากเทียวพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ ดีแล้ว ตอนเจ้าจันทร์เด็กๆก็มีเจ้าเหม แลสายหยุดนั่นแลเป็นเพื่อนเล่น”
“พระเจ้าค่ะ”
เจ้าบัวงามทรงอยู่พูดคุยกับพระมารดาศศิธรอยู่จนสายจึงได้ลากลับตำหนักหลวงให้พระสัสสุได้พักผ่อน ระหว่างทางหรือก็พบกับบุตรสาวขุนนางสองคนจับกลุ่มนินทาเบื้องสูงอย่างมิเกรงกลัวอาญา
“มิรู้ว่าฝ่าบาททรงดำริกระไรอยู่ถึงได้ให้นังบ้านนอกสายหยุดมาเป็นคนสนิทของพระชายา”
“ได้ยินว่าฝ่าบาททรงต้องใจนังบ้านนอกสายหยุดเสียก่อนที่จักแต่งตั้งพระชายาอีกหนาเจ้า”
“หรือจักทรงใคร่อยากให้นังบ้านนอกสายหยุดถวายตัวให้”
“ว้าย แต่งตั้งพระชายามิทันถึงสิบวันจักทรงมีสนมแล้วหรือ คิกๆๆ”
“หากจักทรงมีสนมจริงก็น่าจักทรงเลือกบุตรขุนนางหนา มิน่าเลือกนังบ้านนอกขี้ครอกสายหยุดเสียเลย”
“นั่นสิ จักสงสารก็แต่พระชายา...”
“มิต้องสงสารข้าดอกแม่ ข้ามีกระไรให้พวกเจ้ามาสงสารเวทนาดอกหรือ”ทรงดำเนินไปขวางหน้าสองสาว นัยน์ตากวางจิกมองให้รู้ว่าทรงมิพอพระทัยแค่ไหน
“พะ พระชายา”
“...พระชายา”
สองสาวหน้าซีดทรุดกายหมอบกราบแทบพระบาทบาง
“บอกได้หรือไม่ว่าข้ามีอันใดให้พวกเจ้ามาสมเพชเวทนา สงสารข้าดอกหรือ”พระสุระเสียงหวานเอ่ยแข็งห้วนอย่างทีเหล่าข้าหลวง แลสายหยุดมิเคยได้ยิน นัยน์ตากวางจดจ้องบุตรสาวขุนนางมิวางตา
“ขะ ขอประทานอภัยเพคะ พระชายา”
“ขอประทานอภัยเพคะ”
“ครานี้ข้าจักถือว่ามิได้ยินเรื่องที่พวกเจ้านินทาฝ่าบาท แลข้า แต่อย่าให้มีครั้งต่อไป”
“.....”
“.....”
“พวกเจ้าคงมิอยากให้เรื่องนี้ถึงพระเนตร พระกรรณฝ่าบาทกระมัง”
“พะ เพคะ”ปรายพระเนตรมองสตรีสองนาง ก่อนจักเรียกคนสนิทให้ออกเดิน
“พี่สายหยุด”
“พระเจ้าค่ะพระชายา”
“ไปกันเถิด”
“พระเจ้าค่ะ”
หลังจากที่กลับมาตำหนักหลวง พระชายาคนงาม ก็มาประทับนั่งให้คนสนิทอย่างสายหยุดสอนแกะสลักผลฟักเหลืองใส่เครื่องเคียงถวายพระภัสดา ด้วยเนื่องจากตอนเป็นเจ้าน้อยภุมริกาก็ได้ร่ำเรียนวิชาแกะผักผลไม้จากพระมารดามาบ้างแล้ว จึงมิใช่เรื่องยากที่จักแกะผลฟักเหลืองให้มีลวดลายสวยงาม
“พี่สายหยุด”
“พระเจ้าค่ะ”
“พี่สายหยุดมิต้องไปฟังที่บุตรีขุนนางสองคนนั้นพูดดอกหนาจ๊ะ”
“....”
“มิจำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจดอก ฝ่าบาทท่าน...ทรงไว้ใจพี่สายหยุดมากถึงได้เลือกให้พี่สายหยุดมาเป็นคนสนิทคอยดูแลข้า เพราะฉะนั้นพี่สายหยุดมิต้องไปฟังดอกหนาจ๊ะ”
“ขอบพระทัยพระชายาพระเจ้าค่ะ ที่ทรงเมตตาปกป้องหม่อมฉัน”
“พี่สายหยุดเป็นคนสนิทของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องคนของข้า”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
“ข้าใคร่อยากลงห้องเครื่องทำพระกายาหารค่ำถวายพระภัสดา พี่สายหยุดช่วยเตรียมให้ข้าได้ไหมจ๊ะ”
“พระเจ้าค่ะ...เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจักลงไปที่ห้องเครื่องจัดเตรียมให้หนาพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ ขอบใจหนาจ๊ะ”
“มิได้พระเจ้าค่ะ”
.
.
.
พระกายาหารค่ำวันนี้ เจ้าบัวงามทรงลงห้องเครื่องทำแกงรัญจวน ยำทวาย แลแสร้งว่ากุ้งถวายพระภัสดา แลพระสัสสุ องค์จันทร์ทรงแย้มพระโอษฐ์ปลื้มพระทัยที่เมียลงห้องเครื่องทำอาหารถวาย
“เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ อาหารที่หม่อมฉันทำทรงถูกพระทัยพระองค์หรือไม่พระเจ้าค่ะ”
“ยิ่งกว่าถูกใจเสียอีกเจ้าบัวงาม”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ยิ้มเต็มดวงหน้าให้องค์จันทร์พระทัยสั่น
“ป้อนพี่หน่อยสิเจ้าบัว”
“พระเจ้าค่ะ”ปรนนิบัติพระภัสดามิมีขาดตกบกพร่อง
.
.
.
“เจ้าบัวงาม”
“พระเจ้าค่ะฝ่าบาท”ขานรับพระภัสดาเสียงหวาน
“วันพรุ่งพี่จักออกว่าราชการนอกวังหลวง เจ้าใคร่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาหรือไม่”
“นอกวังหลวงหรือพระเจ้าค่ะ...ฝ่าบาทเสด็จทรงงาน หากหม่อมฉันตามไปคงจักเกะกะพระองค์หนาพระเจ้าค่ะ”คราแรกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเด็กๆ แต่เมื่อคิดได้ว่าหากไปคงจักเกะกะพระภัสดาจึงได้เอ่ยเสียงอ่อย
“เกะกะกระไรกันเจ้าบัวงาม ตัวเจ้าหรือก็นิดเดียว หึหึ”
“หม่อมฉันเกรงว่าจักไปรบกวนพระองค์หนาสิพระเจ้าค่ะ”
“มิกวนดอก อย่ากังวลไปเลยหนาน้อง...พี่ใคร่อยากพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”
“แลตอนที่อยู่ภุมริกา น้องได้เคยออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงบ้างหรือไม่”
“เคยพระเจ้าค่ะ หม่อมฉัน แลภุชงค์เคยตามเสด็จ เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านออกตรวจตราความเป็นอยู่ของประชาชน...หากแต่ต้องปลอมเป็นชาวบ้านไปหนาพระเจ้าค่ะ คิกๆ”เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่องค์จันทร์ทรงได้ยินเมียพูดยาว แลพูดด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นนี้
“ปลอมเป็นชาวบ้านงั้นหรือ?”
“พระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ยามออกตรวจตราความเป็นอยู่ของประชาชนมักจักปลอมเป็นชาวบ้าน เสด็จพ่อท่านว่าหากปลอมเป็นชาวบ้านจักได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวบ้านจริงๆ มิใช่เห็นแค่สิ่งที่ขุนนางใคร่ให้เห็นพระเจ้าค่ะ”
“อืม...เยี่ยงนั้นวันพรุ่งพี่จักลองปลอมเป็นชาวบ้านออกตรวจราชการบ้างดีหรือไม่”
“หา...”
“เห็นทีคงต้องให้เจ้าช่วยแนะนำเสียแล้วเจ้าบัว”
“เอ่อ..พระเจ้าค่ะ”
.
.
.
รุ่งเช้ามาเยือน ทั้งสองพระองค์ต่างตื่นบรรทมเตรียมพระวรกายเพื่อออกตรวจตราความเป็นอยู่ของชาวบ้านนอกวังหลวง
“พี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าบัว ดูคล้ายหนุ่มชาวบ้านหรือไม่”องค์จันทร์ทรงสวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีดำเขม่า แลโจงกระเบนสีดินแดง
“.....”นัยน์ตากวางช้อนมองพระวรกายสูงใหญ่ของพระภัสดา จักต้องตอบว่าอย่างไรดี แม้นทรงอยู่ในชุดชาวบ้านเช่นนี้ หากแต่ทรงรูปงามราวกับรุกขเทวดามิเปลี่ยน
“ว่าอย่างไรเจ้าบัว”
“ทรงรูปงามมากพระเจ้าค่ะ”
“ฮะๆๆ”ทรงพระสรวล แลดำเนินเข้ากอดร่างน้อยของเมีย เจ้าบัวงามวันนี้นุ่งเสื้อแขนยาวคอกลมเฉกเช่นเดียวกับพระภัสดาสีม่วงดอกตะแบกเผยลำคอระหงขาวผ่อง แลโจงกระเบนสีลูกหว้า กระนั้นชุดชาวบ้านก็มิสามารถทำให้ความงามของพระชายาลดลงแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท”ดวงหน้างามก้มงุดเมื่อถูกกกกอดจากด้านหลัง
“เจ้างามเหลือเกินเจ้าบัวของข้า”ตรัสแลไล้พระนาสิกกับใบหูเล็ก กดจูบประทับรอยอุ่นที่ลำคอขาว
“ฝะ ฝ่าบาท”
“หึหึหึ ไปเถิด พี่ว่าจักเข้าเฝ้าเสด็จแม่ท่านก่อนจึงค่อยออกจากวังหลวง”
“พระเจ้าค่ะ”
.
.
.
หลังจากที่เข้าเฝ้าพระพันปีแล้ว ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยองครักษ์ประจำพระองค์ขององค์จันทร์ แลคนสนิทของพระชายาก็เดินทางออกจากวังหลวง
“ประเดี๋ยวเราจักลงเกี้ยวที่หลังตลาด แลค่อยเดินไปหนาน้อง”
“พระเจ้าค่ะ”
“แลก็จับมือพี่ให้แน่นๆหนา ประเดี๋ยวจักหลงเอา”
“..ฝ่าบาท หม่อมฉันมิใช่เด็กหนาพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ อย่าอยู่ไกลสายตาพี่ก็แล้วกันเจ้าบัวงาม”
“พระเจ้าค่ะ”
เมื่อมาถึงตลาดเจ้าบัวงามก็แทบจักปลดพระหัตถ์พระภัสดา แลวิ่งเข้าใส่ร้านรวงที่ตั้งเรียงรายมากมายอยู่สองข้างทาง นัยน์ตากวางพราวระยับ ริมฝีปากบางยกยิ้มสะกดทุกสายตาที่มองมา พระขนงขององค์จันทร์กระตุกวูบยามทอดพระเนตรเหล่าชายฉกรรจ์ที่จ้องมองดอกบัวงามของพระองค์มิวางตา
“เจ้าบัว”
“พระเจ้าค่ะ”
“...มิมีกระไร”หากจักบอกให้เมียหุบยิ้มคงจักเกินไป
“..พระเจ้าค่ะ”นัยน์ตากวางฉายแววฉงน ทอดมองพระพักตร์งามของพระภัสดาที่เรียบตึง แลก็เกิดคำถามขึ้นในใจ หม่อมฉันทำการใดให้พระองค์มิพอพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ....
พระหัตถ์ใหญ่จับจูงน้องน้อยให้เดินตาม พระเนตรคมดุกวาดตวัดจ้องชายหนุ่มที่ริอาจเมียงมองชายาตนราวราชสีห์มองเหยื่อ หากแต่มือเล็กที่พยายามขืนออกจากพระหัตถ์ทำเอาองค์จันทร์พลั้งเผลอตวัดพระเนตรคมดุใส่เจ้าบัวงามจนน้องน้อยสะดุ้งเฮือก
“หมะ หม่อมฉันเจ็บมือพระเจ้าค่ะ”
ด้วยแรงหึงหวงหรืออย่างไรองค์จันทร์จึงเผลอบีบมือเจ้าบัวจนเจ็บร้าวไปหมด เมื่อได้สติจึงรีบปล่อยมือเล็ก เจ้าบัวประคองมือตนคลึงเบาคลายความเจ็บร้าว ดวงหน้าหวานก้มงุด
“พี่ขอโทษเจ้าบัว”
“มิได้พระเจ้าค่ะ”เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ให้พี่ดูหน่อยหนาเจ้า”ประคองมือเล็กขึ้นทอดพระเนตร มือเล็กขาวผ่องมีริ้วรอยพระองคุลีสีแดงช้ำพาดอยู่
“.....”
“เจ็บมากไหมเจ้า พี่ขอโทษหนา”
“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงเสด็จตรวจตราความเป็นอยู่ของชาวบ้านเถิดพระเจ้าค่ะ อย่าทรงกังวลกับหม่อมฉันเลยหนาพระเจ้าค่ะ”
“.....”
“.....”
“...เฮ้อ พี่ขอโทษหนาเจ้าบัว มาเจ้า..พี่จักพาเดินชมหนาคนดี”ปะเหลาะคนงามด้วยพระสุระเสียงทุ้มนุ่มพลางกอบกุมมือบางเบาๆจับจูงอย่างเอาอกเอาใจ
“.....”
“ใคร่อยากกินขนมหรือไม่เจ้าบัวพี่จักให้เจ้าเหมไปซื้อให้”ก้มพระพักตร์กระซิบถามน้อง
“...ขนมน่ากินนักพระเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นขนมมากมายตรงหน้าความขุ่นเคืองน้อยอกน้อยใจเมื่อครู่ก็หายไป
“เช่นนั้นพี่จักให้เจ้าเหมไปซื้อให้”
“หม่อมฉันใคร่อยากกินขนมพันตองพระเจ้าค่ะ”
“จ้ะ...ไอ้เหม”
“พะย่ะค่ะ”
“ไปซื้อขนมพันตองให้เจ้าบัวที”
“พะย่ะค่ะ”
“ประเดี๋ยวจ้ะเหม...พี่สายหยุดใคร่อยากกินกระไรหรือไม่จ๊ะ”
“เอ่อ..มิได้พระเจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นเหมซื้อขนมพันตองมาให้พี่สายหยุดด้วยหนาจ๊ะ”
“พะย่ะค่ะ”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะพระชายา”
“มิเป็นไรดอกจ้ะพี่สายหยุด”
เมื่อองครักษ์เหมนำขนมถวายแด่พระชายา เจ้าบัวจึงรับมาป้อนให้พระภัสดาก่อนตนจึงค่อยกินทีหลัง
“เป็นอย่างไรพระเจ้าค่ะฝ่าบาท”
“หอมหวาน รสดีเทียว...น้องลองกินดูสิเจ้าบัว”
“พระเจ้าค่ะ”ริมฝีปากบางค่อยๆอ้ารับขนมที่พระภัสดาป้อนให้ ความหอมของกะทิ แลความหวานของไส้มะพร้าวทำเอาเจ้าบัวงามอมยิ้มอย่างพึงใจ
“ชอบหรือไม่เจ้า”
“พระเจ้าค่ะฝ่าบาท”
“เช่นนั้นพี่จักให้ห้องเครื่องทำใส่สำรับให้เจ้าหนา”
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”