ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]  (อ่าน 679017 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เหมือนพี่เต้ จะเริ่มจับความรู้สึกได้แล้ว ว่าพี่วินรู้สึกกับน้องพิงค์ไม่ธรรมดา
ว่าแต่ พี่เต้เองอ่ะ รู้สึกอะไรพิเศษกับเพื่อนสนิทหรือเปล่า น่าสงสัย

ชอบเรื่องนี้มากกกกก รักพี่วินน้องพิงค์มากกกก 
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ กอดแน่น ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ค่อยๆรักกันเบาสินะคะ  :katai2-1: ขอให้เป็นความช้าแต่มั่นคง

ส่วนของหมอเต้ ไม่ว่าทางไหนก็ดูท่าจะเสียความรู้สึกกันทั้งสองฝ่ายแน่เลย :ling2:

ออฟไลน์ peach_p

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่วินนี่นอกจากจะมีไร่อ้อยแล้วยังขี้ลวนลามน้องพิงค์ด้วยอ่ะ แหมมมมๆๆๆๆๆๆ น่าคิดเลยนะคะเนี้ย55555555
ส่วนเรื่องหมอเต้นี่ดูๆแล้วน่าจะมีความลับมากมาย ส่วนตัวเราคิดว่าขวัญอาจจมาปรึกษากับเต้พอนานไปเลยถูกใจอะไรแนวๆนี้มั้ง เราก็เดาไปเรื่อย555555555555555

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
กางเกงในกันผี  o22  :m20:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีโมเม้นท์แบบหวานๆ เรื่อยๆ ทั้งที่เจ้าตัวจะรู้ตัวรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เราฟิน พิงค์แค่มองพี่วินก็รู้แล้วว่าพี่ไม่สบายใจ น่ารักอ่ะ

รอตอนต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ o13

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ขึ้นดอยทั้งทีน่าจะมีโมเม้นหนาวเนื้อห่มเนื้อสักหน่อย 5555  :haun5:
พี่หมอเต้นี่ยังไง เริ่มไม่เข้าใจกับการกระทำของพี่แล้วนะ ฮึ่ยยย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หวาดระแวงหมอเต้นะคะ ถึงไม่ได้หักหลังแต่ทำไมต้องแอบคุยกันแบบนี้ด้วย ก็รู้ว่าพี่วินฝังใจกับขวัญข้าว  :katai1:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เตชิตนี่ยังไงเหนอ...  จะเป็นมาแบบแนวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หรือแนวเพื่อนกูรักมึงหว่ะ  กันนะ?

ออฟไลน์ M_M

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาต่อได้แล้วครับ  รอทุกวันเลย

ออฟไลน์ Khaoggg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบรู้สึกหรอกค่ะว่ารักหรือชอบ
 เอาแค่สนิทแบบนี้ไปเรื่อยๆพอเเล้วค่ะ
เวลาเหงาก็คิดถึง เวลาเหนื่อยก็คิดถึง เวลาที่อีกคนไม่สบายใจก็นึกถึงกันไว้มากๆ
      เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆสักวันหนึ่งพอรู้ตัวก็สายไปละค่ะ  :mc4:
เพราะกว่าจะรู้ก็รักกันมากแคร์กันมากและไม่อยากอยู่ห่างกันไปละอิอิ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
รู้ไหม ว่าฉันนั้นใกล้จะลงแดง?

 :call: :call: :call:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่ากางเกงในกันผีได้  :laugh:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 23 : ซ้อมหนัก


หลังเสร็จจากมื้อเช้า ภูพิงค์ก็ขับรถกลับไปยังบ้านเช่าที่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ โชคดีที่เขากับรวินท์ตื่นมากินมื้อเช้ากันเร็ว อีกฝ่ายจึงเลี่ยงที่จะไม่ตามเตชิตมากินด้วยกันได้

ขณะที่ขับรถไปก็คิดไป ทั้งพี่วินและพี่เต้ดูท่าทางแปลกๆ ทั้งคู่ ไอ้พี่เต้ทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ดูพี่วินจะระแวงเอามากๆ เลย

เมื่อวันก่อนพี่วินพูดถึงเรื่องหักหลัง ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นสาเหตุของความกลุ้มใจทั้งหมด ที่ทำให้พี่วินดูเหี่ยวๆ ไป

ต่อมเสือกเขาก็สั่นสู้อยู่หรอก แต่ยังพอมีความเกรงใจหลงเหลืออยู่นิดหน่อย ได้แต่ปลอบตัวเองว่าถ้าพี่วินอยากให้เขารู้ เดี๋ยวก็คงเล่าให้ฟังเองนั่นล่ะ

เมื่อกลับถึงบ้านเช่า เอากุญแจรถคืนให้ซินดี้และเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาจึงขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของตนไปยังมหาวิทยาลัย พอจอดรถเสร็จ เด็กหนุ่มเดินถือเป้เข้าตึกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงคุ้นเคยของนายกสโมสรนักศึกษาก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาททันที


“พิงค์เอ๊ย~”


ภูพิงค์ทำเป็นหูทวนลมแล้วสับเท้ารัว

นายกสโมฯ วิ่งเข้ามาโอบไหล่ “ไอ้พิงค์!”

“ผมมีเรียนเว้ยพี่ กำลังรีบ”

“อย่ามาตอแหล เมื่อกี้ไอ้ซันเพื่อนมึงยังนั่งเม้าท์อยู่ในห้องกับพวกกูอยู่เลย”

“ผมหิวข้าว ยังไม่ได้กินข้าวเช้า”

“เดี๋ยวพี่พาไปกินก็ได้ มีรอยัลคานิน เหมาะสำหรับมึง”

“สัสพี่ ไม่อร่อย ผมเคยลองแล้ว” เด็กหนุ่มพยายามเบี่ยงตัวออก แต่หนีไม่พ้น “ผมยังไม่ได้ทำการบ้านเลยอ่ะ ต้องรีบไปหาลอก”

“ไม่เป็นไร ไอ้ซันมันทำเสร็จแล้ว เดี๋ยวให้มันทำให้มึงต่อ มึงไม่ต้องหาอะไรมาอ้างละ” พอพูดจบก็จับรุ่นน้องล็อกคอแล้วกึ่งลากกึ่งจูงไปยังห้องที่สมาชิกสโมฯ นั่งสุมหัวกันอยู่

ทันทีที่บานประตูห้องเปิดออก ภูพิงค์ก็เอ่ยทักไอ้ซัน เพื่อนสนิทของตน “แหกขี้ตามาวางแผนทำอะไรกูแต่เช้าเลยล่ะมึง”

“แหม กูความรับผิดชอบสูงเฉยๆ เว้ย พี่เขานัดประชุม กูก็มาไง”

เด็กหนุ่มนั่งลงอย่างเซ็งๆ “อ่ะ มีไรให้ผมรับใช้อีกไม่ทราบ”

“พิงค์ เดี๋ยวเย็นนี้เราจะถ่ายคลิปโฆษณากัน จะได้ลองแต่งหน้าใส่ชุดจริงดูด้วย” อาจารย์เอ่ยขึ้น

“ทำไมเร่งจังครับ ถ่ายคลิปนี่จะเอาแค่ไหนอะ ผมยังฝึกไม่จบเพลงเลยนะจารย์ ซ้อมถึงแค่ใช้หัวศอกเข่าหน้าตีกลองเท่านั้นเอง”

“จะโฆษณาก็ต้องถ่ายไว้แต่เนิ่นๆ หน่อยสิ แล้วนี่เหลือต้องซ้อมอะไรบ้าง”

“ตามที่พ่อครูบอกก็เหลือท่าตีด้วยศอกด้านหลังกับจระเข้ฟาดหางอะครับ ยังไม่ได้ซ้อมทั้งวงด้วย”

“ทำไมเหลือเยอะจังล่ะเนี่ย”

“ผมเพิ่งซ้อมมาอาทิตย์เดียวเองนะจารย์! นี่ไม่ได้แตะกลองมาตั้งหลายปีแล้ว~” เด็กหนุ่มครางเสียงหลง

“ไม่เป็นไร เอาแค่ท่อนสั้นๆ บางท่าก็พอ จะถ่ายคลิปโฆษณา ไม่ใช่มิวสิควิดีโอ แต่คลิปนี่ต้องรีบใช้ลงโฆษณาก่อน”

ภูพิงค์พยักหน้าหงึกหงัก “ครับๆ”

“ขยันซ้อมหน่อยนะพิงค์ นี่งานใหญ่ เป็นหน้าตาของคณะเราเชียวนะ เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาซ้อมกัน มาทำกระทงกัน เราก็หายหัว”

“อ้าว ก็พ่อครูไม่ว่างนี่ครับ”

“แล้วไม่คิดจะซ้อมเลยรึไงยะ!” อาจารย์แว้ดใส่ เพราะชักจะหงุดหงิดที่ไอ้เด็กนี่มันเถียงจั๊ง!

ซันรีบช่วยเพื่อนรักแก้ตัว “จารย์เห็นใจมันเหอะ นานๆ มันจะได้เจอแฟนมันอะ ให้มันไปเจอจะได้มีแรงตีกลอง”

“สัส!” ภูพิงค์หันไปส่งนิ้วกลางให้คนพูดทันที

“อ่อออ...” อาจารย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไปเจอพี่หมอของเรามาสินะ”

เพื่อนที่แสนดีรีบชงต่อ “ใช้คำว่าเจอคงไม่ได้ครับจารย์ เพราะมันเปิดตูดหายหัวไปตั้งกะเย็นวันศุกร์ ผมเพิ่งจะได้เจอมันอีกทีก็วันนี้พร้อมทุกคนในห้องเนี้ยะ”

ทั้งโต๊ะหันขวับ พร้อมใจกันส่งเสียงแซว “เหยยย~ ตกลงมึงกับพี่หมอเอาจริงแล้วเหรอวะ”

“พิษรักแรงหอมแน่ๆ”

ภูพิงค์โวยวาย “เว้ย! เอาจริงอะไรวะ แค่เพื่อนกันเว้ย!”

“พูดงี้ระวังพี่หมอเสียใจนา มึงไปหอมแก้มเขาตั้งสองครั้ง ผิดผีกันขนาดนั้นแล้ว”

“ที่หอมไปก็เพราะใครล่ะวะ” เด็กหนุ่มแก้ตัว แต่ไม่รู้ทำไมเขาชักรู้สึกร้อนๆ บนใบหน้าชอบกล

“ถามจริงเหอะ แก้มพี่หมอนุ่มนิ่มดีมั้ยวะ”

“หมดเรื่องคุยแล้วใช่มะ ผมจะไปเรียนแล้ว ไป! ไอ้ซัน ลุกโว้ย!”

“แหม เกรี้ยวกราดว่ะ”

“ไอ้พิงค์มันเขิน เห็นใจมันนิด”

ภูพิงค์อยากจะล้มโต๊ะ ปิดหูแล้ววิ่งออกจากห้องไป เขาฉุดซันให้ลุกจากที่นั่ง จากนั้นก็ล็อกคอลากอีกฝ่ายออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางก็หันไปเหวี่ยงใส่ไอ้เพื่อนรักที่ขยันหาเรื่องให้เขาสักที ไม่รู้ชาติก่อนมันเป็นเครื่องทำกาแฟหรืออย่างไรถึงได้ชงเก่งนัก “ไอ้สัสซัน มึงอย่าหาเรื่องให้กูนักได้มั้ย กูขอร้อง”

“เรื่องไหนวะ”

“เรื่องพี่วินไงโว้ย”

“เอ๊า นี่งานยี่เป็งก็ไม่ได้มีพี่หมอมาเอี่ยวเลยนะ ยังไม่พอใจอ่อ...”

“กูหมายถึงอย่าชงให้เว่อร์นัก กูกับพี่วินแค่เพื่อนกัน มึงชงกันหนักแบบนี้ ถ้าพี่วินรู้เข้าจะทำให้กูกับพี่เขาเข้าหน้ากันลำบาก”

ซันยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ถามจริงเหอะ มึงยังไม่ชินอีกเหรอวะ กูกับพี่ๆ ก็แซวมึงแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมจู่ๆ เพิ่งจะมาเกรี้ยวกราด แล้วมึงกับพี่หมอก็ถึงกับหอมแก้มกันบนเวทีต่อหน้าสายตาเป็นพันคู่มาแล้ว มึงจะห้ามไม่ให้คนจิ้นได้ยังไงวะ”

ภูพิงค์ชะงัก ก่อนจะขมวดคิ้ว... ก็นั่นน่ะสิ ทำไมเขาเพิ่งจะมาเกรี้ยวกราด?


ทำไม?


ทำไมวะ?


“ถ้ามึงกับพี่หมอคิดอะไรกันจริงๆ มึงจะไม่เกรี้ยวกราดรึไง”

เจอคำถามแบบนี้เข้าไป ภูพิงค์ยิ่งอึ้งหนัก พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “.....”

“เอ้า ใบ้แดกไปเลย”

“ไป... ไปเรียนเหอะ” เด็กหนุ่มเดินนำเพื่อนรักออกไป ระหว่างทางก็ทวนคำถามของซันไปด้วย


ทำไมเขาถึงเกรี้ยวกราดนักวะ?

เพราะเขาไม่อยากให้คนอื่นจิ้นตัวเขากับพี่วิน หรือ... เพราะไม่อยากให้มันเป็นแค่เรื่องจิ้นกันแน่



เมื่อถึงเวลานัดซ้อมหลังเลิกเรียน นักแสดงตีกลองสะบัดชัยทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ในห้องห้องประชุมเล็ก เด็กหนุ่มฝึกซ้อมท่าตีกลองที่จะใช้ถ่ายคลิปกับพ่อครูก่อน พวกนักแสดงในคณะของพ่อครูร่วมด้วยช่วยกันออกความคิดเห็นว่าเขาควรจะตีกลองด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง ด้วยเหตุผลง่ายๆ แต่ชัดเจนว่า เพราะมันดูเท่ดี

กลองสะบัดชัยสมัยก่อนใช้ตีในเวลาออกศึก ไม้ตีกลองในมือเปรียบได้กับดาบ มีการใช้อวัยวะที่ใช้ในการต่อสู้ เช่นศีรษะ ข้อศอก เข่า และเท้า เข้ามาใช้ตีกลองร่วมกับการใช้ไม้ตี แล้วก็ยังใช้ท่าแม่ไม้ที่ใช้ในการต่อสู้เข้ามาผสมผสานด้วย เช่น ตีเข่า ตีศอก และจระเข้ฟาดหาง ทั้งหมดนี้ภูพิงค์เคยเรียนมาหมดแล้ว หากเพราะห่างเหินมานาน เขาจึงต้องใช้เวลาในการรื้อฟื้นสักหน่อย

นักแสดงแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกตีโหม่งกับฉาบให้จังหวะ ครึ่งหนึ่งเป็นนักศึกษา อีกครึ่งเป็นนักแสดงของพ่อครู กลุ่มที่สองมีสองคน ทำหน้าที่แสดงการร่ายรำประกอบการตีฉาบ อันนี้ยากสักหน่อย ถ้าหากไม่เคยฝึกมาก่อนก็จะลำบาก พวกเขาจึงตกลงจะใช้นักแสดงของพ่อครูทั้งสองคน กลุ่มที่สามมีสามคน คนหนึ่งตีกลองสะบัดชัย อีกสองคนช่วยหามกลองไว้ ทั้งสามคนเป็นนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์

หลังจากวอร์มร่างกายเสร็จก็ซ้อมท่าอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะเริ่มซ้อมเข้าวงร่วมกับการตีโหม่งและฉาบ

“เอ้า เตรียมตัวนับ หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง สอง สาม สี่... ห้า หก...” พ่อครูนับจังหวะเสียงดังไปพร้อมกับตบมือให้

เด็กหนุ่มง้างมือที่ถือไม้ตีกลองขึ้น ก่อนจะตีลงไปบนหน้ากลองให้เกิดเป็นเสียงดังกังวาน แล้วยกขาขึ้นสลับกันไปตามจังหวะ ไอ้ตอนตีธรรมดาก็สบายอยู่หรอก แต่ท่าที่จะใช้ถ่ายวิดีโอนี่สิ ทำเขาจังหวะหลุดไปสามสี่รอบแล้ว

“ช้าไป! เอาใหม่! แข็งขันอีก!” พ่อครูร้องบอกเป็นะระยะๆ “อีก! ยังดูแข็งแรงไม่พอ ต้องให้ฮึกเหิมหน่อยสิ! ออกรบนะ ไม่ใช่สาวไหม!”

“ขอผมพักก่อนเถอะครู” ภูพิงค์หอบแฮ่ก

“ยังหนุ่มยังแน่น แค่นี้เหนื่อยแล้วรึ”

“โหย นี่มันท่ายากนะครู ผมหิวข้าวด้วยอ่ะ” เด็กหนุ่มเริ่มจะงอแง หากจะไปกินข้าวแล้วค่อยมาซ้อมต่อก็เกรงว่าจะจุก เขานั่งพักฟังเสียงโหม่งกับฉาบไปชั่วครู่ แล้วลุกขึ้นซ้อมต่อ

“หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง สอง สาม สี่... โดด! หก โอเค! อีกรอบ! เกือบดีแล้ว!”

กว่าจะตีได้อย่างที่พ่อครูพอใจ ภูพิงค์รู้สึกว่าไส้เขาจะไหลลงไปกองที่พื้น นี่แค่ท่าเดียวนะ วันจริงเขาต้องตีทั้งเพลง ถึงจะแค่รอบเดียวไม่กี่นาทีก็เถอะ

“เจ๋งไปเลยว่ะพี่พิงค์ โห ไม่เคยรู้เลยว่าคณะเรามีของดี แรร์ไอเทมอยู่ตรงนี้” เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มาทำหน้าทีตีฉาบกับโหม่งให้จังหวะชมเปาะ “จบงานแสดงพี่ได้แฟนคลับอีกเพียบแน่ พี่หมอคงต้องหึงต้องหวงจนเหนื่อย”

ภูพิงค์คิ้วกระตุก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้นการโดนแซวจริงๆ นี่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงเขาจะไม่ว่าเลยนะ!

ถ้ามันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?

โว้ย! คิดอะไรอีกแล้วเนี่ยกู!


“พิงค์ มาแต่งตัวแต่งหน้าเว้ย เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายแล้ว”

เสียงนั้นเรียกให้เด็กหนุ่มหลุดจากความคิดของตนเองไปได้ เขาวิ่งเข้าไปทางกลุ่มคนที่กวักมือเรียก “ครับ!”

ทีมจัดเสื้อผ้ายิ้มแปล้พร้อมส่งรูปชุดให้เขาดูซึ่งก็มีแค่โจงกระเบนสั้นจุ๊ดจู๋กับผ้าผูกเอว พร้อมกับหยิบผ้าที่จะใช้ทำโจงกระเบนขึ้นมาให้ดูด้วย “ใส่แบบนี้นะ”

เมื่อเห็นชุดที่จะต้องใส่ภูพิงค์ก็ชะงัก จากนั้นก็โวยวายทันที “ฝันไปเหอะว่าผมจะใส่ วาบหวิวฉิบหาย! ถ้าจะให้ใส่แบบนี้แล้วจะวัดตัวไปตั้งมากมายทำไมวะ!”

“แหม ล้อเล่นนิดเดียว ชุดจริงคือชุดนี้ต่างหาก” ทีมจัดเสื้อผ้าหัวเราะคิก แล้วส่งรูปใหม่ให้ดู ก่อนจะช่วยแต่งตัวให้ “โธ่ เสียดายชะมัด นึกว่าจะหลงกล”

“ซิกแพ็กผมเก็บไว้ให้แฟนดูเท่านั้นเว้ย”

“เก็บไว้ให้พี่หมอดูเหรอ~”

ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนวาบขึ้นมาทันที เขาหลบสายตาของทุกคนแล้วเลี่ยงตอบ “เปลี่ยน... เปลี่ยนเสื้อผ้าสักทีเว้ย”

ชุดที่ภูพิงค์จะใส่แสดงเป็นกางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีแดง เสื้อสีครีมแขนกุด มีผ้าผูกเอวสีทองเพื่อให้ดูเด่นเป็นพิเศษเวลาขยับตัว และมีผ้าคาดศีรษะสีเดียวกับกางเกง ในวิดีโอส่วนที่จะถ่ายสำหรับการโฆษณาตีกลองสะบัดชัยจะเน้นถ่ายภูพิงค์คนเดียว ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ จะถ่ายผ่านแวบๆ เท่านั้นจึงไม่ต้องแต่งตัวแต่งหน้าเป็นพิเศษ

“ถ่ายรูปหน่อยพิงค์” ตากล้องตัวดีโผล่หน้าเข้ามาทำหน้าที่

“แต่งหน้าหนาฉิบหาย พี่อย่าทำผมหน้าเทานะเว้ย”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่เกลี่ยให้เรียบ หล่อเด้งแน่นอน เอ๊า หุบปากแล้วเก๊กหล่อหน่อย”

“เก๊กยังไงวะพี่”

ต่ายถอนหายใจ “เอาแค่หุบปากก็ได้”

เมื่อถ่ายรูปเสร็จยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งพัก พ่อครูก็ร้องเรียก “เอ้า มาซ้อมตีอีกสักสองรอบก่อนพิงค์เอ๊ย”

“คร้าบ” เด็กหนุ่มขานรับแล้วรีบวิ่งเข้าไปประจำที่ รอพ่อครูให้สัญญาณแล้วจึงเริ่มตีที่สันกลองเป็นจังหวะที่หนึ่งตามที่ได้ฝึกฝนมา

ทีมอาจารย์และทีมสโมฯ เข้ามาดูการถ่ายทำด้วย พวกเขาได้เห็นภูพิงค์ตีกลองสะบัดชัยเป็นครั้งแรก แต่ละคนยืนมองกันอย่างตะลึง “โอ้โห ไม่น่าเชื่อ หลงให้หนวดบังอยู่เป็นปี ต้องขอบคุณจารย์ที่บังคับมันให้ตัดผมโกนหนวดนะเนี่ย”

“ไอ้พิงค์มันก็มีโหมดเป็นการเป็นงานกับเขาเหมือนกันเนอะ”

“เวลาทำหน้านิ่งๆ ขรึมๆ ก็ดูเท่กับเขาได้ด้วยว่ะ” คำชื่นชมแว่วมาเป็นระยะๆ “หล่อเท่แบบ .jpg กับ .gif ที่แท้จริง”

ภูพิงค์หยุดตีกลองกะทันหันแล้วหันมาโวย “โว้ย! ผมได้ยินนะ!” ก่อนจะโดนพ่อครูเอาไม้เรียวสะกิด

“ยังตีไม่จบเพลง มีสมาธิหน่อย!”

เด็กหนุ่มกระโดดหนีไม้เรียว “เย้ย! ครับๆ”

หลังซ้อมเสร็จก็เริ่มถ่ายจริง พวกเขาไปถ่ายทำกันบนเวที ปิดไฟในห้องทั้งหมดแล้วฉายไฟส่องไปที่กลองเดี่ยวๆ

เสียงฉาบและโหม่งดังขึ้นให้จังหวะ ก่อนภูพิงค์จะเริ่มด้วยการควงไม้ตีกลองในมือแล้วเงื้อขึ้น เมื่อตีลงไปจึงโยกลำตัวเล็กน้อยพร้อมกับยกขาให้เข้ากับจังหวะ

ภายในห้องประชุมเงียบกริบ ทุกสายตาถูกสะกดไว้ด้วยการเคลื่อนไหวและเสียงกลองของเด็กหนุ่มบนเวที พ่อครูเองก็ยิ้มอย่างพอใจ

ตากล้องสโมฯ ซึ่งรับหน้าที่ถ่ายวิดีโอด้วยยังอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้ เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องตีกลองไปครู่ใหญ่ จนเหงื่อโซมกาย “โอเค พอได้”

เสียงดนตรีจบไปพร้อมกับความเท่ของเด็กหนุ่มราวกับปิดสวิตช์ได้ ภูพิงค์หยุดหอบแฮ่ก เขายกมือขึ้นไหว้กลอง ไหว้ครูแล้วเดินไปนั่งอ้าขาอ้าซ่าหอบลิ้นห้อยอยู่บนเก้าอี้

“โว้ย! ไอ้พิงค์ ถ้ามึงเก๊กต่ออีกสักสิบนาทีนี่มึงจะตายเหรอวะ แม่ง พวกกูปรับอารมณ์ไม่ทัน!”

“โหย มันเหนื่อยนะเว้ยพี่ ไม่เชื่อก็ไปลองตีเองสิวะ”

ซันรีบเข้ามาช่วยซับเหงื่อให้เพื่อนรัก พลางแก้ตัวแทน “เห็นใจมันเหอะครับ วันจริงมันต้องเก๊กนานเลยนะ มันคงแทบอกแตกตาย ตอนนี้ก็ปล่อยๆ มันไปบ้าง”

“โห นี่มึงรักกูมากใช่มั้ยเนี่ย”

“เอ้า เช็ดหน้าลบเครื่องสำอางก่อน เช็ดให้เกลี้ยงๆ แล้วค่อยไปล้างหน้า ล้างให้สะอาดด้วยนะเว้ย เดี๋ยวสิวขึ้นจะหล่อไม่เสร็จ” ซันโยนสำลีและขวดน้ำยาล้างเครื่องสำอางให้ “กูเตรียมขนมปังไว้ให้มึงกินรองท้องแล้ว เดี๋ยวล้างหน้าเสร็จมาแดก”

“เออๆ ขอบใจเว้ย”

หลังจากเช็ดหน้าเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าและไปล้างหน้าแล้ว ภูพิงค์ก็ไปนั่งดูคลิปที่ตากล้องถ่ายไว้ พร้อมกับกินขนมปังไปด้วย
“มุมกล้องดีใช่มะ เดี๋ยวไปตัดต่ออีกหน่อย เริ่ดแน่นอน”

“ให้มันจริงเหอะพี่ เอาให้คุ้มที่ผมตีจนลิ้นห้อยด้วยนะ”

“เออ เชื่อมือพี่เถอะน่ะ วันนี้ขอบใจมากนะ พี่ไปก่อนล่ะ” เมื่อได้คลิปสมใจแล้วตากล้องก็เอ่ยลา

ส่วนภูพิงค์ก็นั่งพักอีกสักพัก แล้วค่อยลุกขึ้นไปฝึกซ้อมต่อ


สองวันถัดมา ก่อนที่คลิปโฆษณาขบวนกระทงใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์จะถูกโพสต์ลงเพจของคณะ อาจารย์และสมาชิกสโมสรนักศึกษาก็มานั่งดูคลิปด้วยกันก่อน ในคลิปมีภาพนักศึกษาขณะร่วมกันสร้างกระทงใหญ่ การซ้อมฟ้อนเจิง และปิดท้ายด้วยการตีกลองสะบัดชัยของภูพิงค์

แสงไฟฉาบลงบนตัวนาคทั้งสองข้างของกลองสะบัดชัย ตามมาด้วยภาพของเด็กหนุ่มที่กำลังควงไม้ตีกลองร่ายรำ ก่อนจะตีลงไปบนกลองสะบัดชัยตามจังหวะอย่างแข็งขัน เมื่อแสงไฟสาดมากระทบใบหน้าจึงเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า พอเขาหมุนตัวกระโดดตีกลองด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง เม็ดเหงื่อก็ถูกเหวี่ยงออกไปจากปลายเส้นผมที่เปียกชื้นแบบสโลว์โมชัน ก่อนจะจบคลิปลงด้วยเสียงตึงของกลอง ตามมาด้วยข้อความแจ้งรายละเอียดในงานยี่เป็ง คลิปแค่สั้นๆ แต่สะกดทุกสายตาและความสนใจได้เป็นอย่างดี ภายในห้องเงียบกริบไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

“โอ้โห! ไอ้พิงค์แม่งเท่สุดใจ ไอ้ต่ายก็แม่ง ฝีมือเทพขึ้นทุกที แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงถ่ายออกมาเทพตลอด” ทุกคนในห้องประชุมสโมฯ ชมเปาะ เวลาที่ไอ้ต่ายถ่ายรูปถ่ายคลิปคนอื่นๆ ในชมรมน่ะเหรอ มีแต่รูปหน้าเหี้ยๆ เหี้ยแบบที่เหี้ยเองเห็นแล้วก็ยังไม่อยากรับเป็นญาติ แต่ถ้าเป็นอะไรที่เรียกยอดไลค์ยอดแชร์ได้นะ มันทุ่มสุดตัว ทุกคนถึงกับต้องยกนิ้วให้กันเลย “ขอเชิญสมาชิกทุกคนในห้องยกนิ้วกลางขึ้นเพื่อชื่นชมไอ้ต่ายกันหน่อยครับ!”

ตากล้องสโมฯ ยืนขึ้นค้อมศีรษะรับ “กูเก่งมาก รู้แล้วครับ แต่คำชมกูจะรับไว้ก็ได้”

ภูพิงค์มองรุ่นพี่ด้วยความหมั่นไส้ “ของแบบนี้มันอยู่ที่นายแบบปะวะพี่”

“พูดไรเกรงใจโปรแกรมเป็นสิบที่กูใช้เกลี่ยหน้ามึงให้หล่อเนี้ยบด้วยเว้ย”

“หล่อขนาดนี้ต้องใช้เป็นสิบเลยเหรอวะ!” เด็กหนุ่มชี้หน้าตัวเองพลางเถียงเสียงแข็ง

“แหม กว่าจะหล่อได้แบบนี้ ก็นึกถึงกูที่ไปขอให้จารย์ช่วยพามึงไปกุดหัวด้วยเว้ย”

“แค่ตัดผมกับโกนหนวดป่ะวะ! หัวผมยังอยู่เว้ย! หน้าก็หน้าเดิมเนี่ย!”

“เอาน่ะๆ อย่าเพิ่งพลอดรักกัน โพสต์คลิปได้แล้วโว้ย” นายกสโมฯ ห้ามทัพแบบเซ็งๆ เมื่ออัปคลิปลงเพจแล้วก็รอดูกระแสตอบรับกันต่อสักหน่อย

คลิปนั้นถูกแชร์ต่อไปไวปานความเร็วแสง ยอดวิวขึ้นพรวดๆ ให้ตากล้องสโมฯ ได้ยิ้มหน้าบาน

เมื่อถึงเวลาฝึกซ้อมในช่วงเย็น เด็กหนุ่มก็เอาคลิปไปอวดพ่อครูและคณะด้วย แต่พ่อครูดูแล้วแค่ยิ้มนิดๆ เท่านั้น จากนั้นจึงบอกว่าเวลาแสดงจริงขอให้แสดงได้ดีอย่างในคลิปทีเถอะ 

การฝึกซ้อมสาหัสขึ้นเมื่อเล่นรวมกันทั้งวง นักแสดงที่ตีโหม่งกับฆ้องให้จังหวะน่ะไม่เท่าไหร่ ยืนซ้อมแล้วเหนื่อยก็ยังนั่งตีได้ หากสำหรับภูพิงค์แล้วเขาต้องขยับทุกส่วนของร่างกายตลอดเวลา กว่าจะถึงวันแสดงเขาคงกล้ามขึ้นแน่นไปทั้งตัว

ดีนะที่เขาฝึกความอึดและถึกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อครั้งที่แบกเสลี่ยงขึ้นดอย เรียนจบไปถ้าหางานของวิศวกรทำไม่ได้ก็จะได้ไปรับจ้างแบกกระสอบข้าวสารหรือกระสอบปูนแทน

ภูพิงค์เฝ้ารอดูรีแอคชั่นจากทันตแพทย์หนุ่มอย่างใจจดใจจ่อ แต่นับจากวันที่โพสต์คลิปจนถึงวันศุกร์แล้วไอ้พี่วินก็ยังนิ่งเฉย ไอ้จะส่งข้อความไปขอให้เข้ามาดูในเพจก็ดูจงใจไปสักหน่อย เขาจึงทำได้แค่รอต่อไป

ไม่ว่าคลิปนั้นจะเป็นที่พูดถึงมากเพียงไหน หากถ้าไม่เข้ามาในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คก็คงไม่มีทางรู้ได้ รวินท์เป็นหนึ่งในคนที่ตกข่าว ไม่ได้รู้อะไรเลย จนวันศุกร์ที่เดินทางมาทำคลินิกที่เชียงใหม่ เห็นป้ายโฆษณางานประเพณียี่เป็งก็ยังไม่ได้ฉุกใจคิดอะไร พอถึงวันเสาร์เขาก็โทรศัพท์ไปเรียกเด็กหนุ่มออกมากินข้าวด้วยกัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่มีคนรับสาย

รวินท์นั่งรอเวลาให้คนอ่อนวัยกว่าโทรกลับมา เย็นวันนี้เขาอุตส่าห์ปฏิเสธให้พี่สิงหาไปกินข้าวคนเดียวเพราะจะรอเจออีกฝ่าย หิวรอจนท้องไส้กิ่ว

ภูพิงค์กำลังซ้อมตีกลองอยู่กับวง เขาจึงไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นนอกจากเสียงกลอง ฉาบและโหม่ง พอได้พักจึงเดินออกมาหยิบโทรศัพท์มือถือดู เมื่อเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มโทรเข้ามาก็เผลอยิ้มกว้าง รีบกดโทรศัพท์กลับไป

คนที่ปลายสายกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “โหย กว่าจะโทรมา ผมหิวจะตายแล้วเนี่ย ไปกินข้าวกัน”

รอยยิ้มเจื่อนลงไปเล็กน้อย เพราะเขานึกว่าพี่วินจะโทรมาเรื่องคลิปโฆษณาซะอีก แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็โทรมาเรียกไปกินข้าวด้วยกันล่ะวะ “วันนี้กินไร...”

“พิงค์เอ๊ย” เสียงพ่อครูดังแว่ว ทำให้เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้

“เฮ้ย พี่วิน ผมยังไม่เสร็จงานเลยอะ คงอีกนาน พี่ไปกินก่อนเถอะ”

“อ้าว แย่จังแฮะ”

“ถ้ารอผมพี่คงหิวตายอะ”

“ยุ่งอยู่เหรอวะ เสียงดังจัง”

โหย ไอ้พี่วิน เสียงฆ้องเสียงโหม่งดังขนาดนี้ ช่วยเอะใจหน่อยเหอะว่ะ!

“งั้นไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ”

แล้วอีกฝ่ายก็วางหูไปง่ายๆ

“ไอ้พี่...” ภูพิงค์อ้าปากจะด่า แต่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่แถวนั้นหูผึ่ง เขาจึงกลืนคำด่ากลับลงคอไปก่อน เดี๋ยวด่าในใจเอาก็ได้

แม่งเอ๊ย! ไอ้พี่วินก็คือไอ้พี่วิน ไม่ได้ใส่ใจอะไรเล้ย! ไหนว่าจะปรับปรุงตัวไงวะ!

“พิงค์เอ๊ย มาซ้อมได้แล้วลูก”

“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มรีบวิ่งดุ๊กๆ กลับไปฝึกซ้อมต่อ ทว่าแค่ครู่เดียวพ่อครูก็บอกให้หยุดพักอีกครั้ง เขายืนงง แต่ก็คิดว่าดี เขาจะได้ไม่เหนื่อยมาก

หากคราวนี้พ่อครูถึงกับเดินเข้ามาสะกิดแล้วบอกกับเขาใกล้ๆ “พิงค์เอ๊ย ครูบอกให้ตีกลองให้ดูแข็งแรงแข็งขัน แต่ไม่ต้องทุบเอาโป้มๆ ก็ได้ ไปโกรธใครมา”

เจ้าของชื่อเรียกซึ่งกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่ออยู่หันขวับ แล้วเลิกคิ้วขึ้น “ผมตีแรงไปเหรอครับ”

“ไม่ได้รู้ตัวเลยสินะ ใจเย็นๆ พักก่อน มีอะไรก็ไประบายในส้วม อย่าระบายกับกลอง เดี๋ยวพัง” พ่อครูตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ แล้วเดินหัวเราะไปคุยกับนักแสดงฉาบเล็กสองคนต่อ

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว ยังงงๆ อยู่ว่าตนเองหงุดหงิดเรื่องอะไร เรื่องที่ไอ้พี่วินยังไม่เห็นคลิป หรือเพราะไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกัน คิดไปคิดมาก็สะดุ้งเฮือก


แล้วไอ้พี่วินเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย!


(มีต่อค่ะ)



ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


ฝ่ายทันตแพทย์หนุ่มนั้น เมื่อภูพิงค์ไม่ว่างเขาก็ต้องไปกินข้าวตามลำพัง จะตามไปกินกับพี่สิงหา อีกฝ่ายก็กินจนเสร็จกลับมาคลินิกเรียบร้อยแล้ว ครั้นจะขอให้พี่สิงหาไปกินด้วยก็ละอายใจนิดหน่อย ในเมื่อเขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายไปกินข้าวแบบเหงาๆ เช่นกัน
ช่างแม่ง รีบกินรีบกลับละกัน

รวินท์เลือกไปกินข้าวมันไก่ที่ร้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคลินิกนัก ตอนเดินเข้าร้านไปก็ไม่ได้สังเกตอะไร หลับหูหลับตาไปนั่ง สั่งอาหารแล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน ด้วยความหงุดหงิดจึงกินมันคนเดียวสามจาน ไม่รู้แม่ค้าแกล้งอะไรหรือเปล่า ทำไมจานนึงมันน้อยนักวะ! เห็นเขาเป็นศาลพระภูมิเหรอ!

ขณะตักข้าวใส่ปากไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอรวินท์ชำเลืองมองเห็นว่าเป็นเตชิต เขาก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง แดกอยู่”

“แดกกับใครวะ พี่สิงหาเหรอ”

“แดกคนเดียว” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เขาพยายามทำตัวเป็นปกติที่สุด แม้จะรู้สึกถึงกำแพงที่ตนเองสร้างขึ้นไว้กั้นระหว่างกันก็ตามที “มึงล่ะ แดกไรยัง”

“เพิ่งแดกเมื่อกี้ อาหารโรงบาลก็อร่อยดี ซื้อมาเต็มโต๊ะเลย แล้ว... พี่สิงหาไปไหนวะ”

“พี่สิงหากินเสร็จกลับไปก่อนแล้ว”

“อ่อ มึงอยากกินไรมั้ย เดี๋ยวหิ้วไปฝาก”

“ไม่อะ เดี๋ยวอยากกินไรก็ไปเซนทรัลก็ได้ ขอบใจเว้ย... กูแดกต่อก่อนนะ”

“เออ แล้วกูจะโทรมาใหม่”

“มึงไม่ต้องโทรถี่นักก็ได้ กูไม่ได้เหงาอะไรขนาดนั้น ไปใช้เวลากับที่บ้านเหอะ”

“กูแค่ห่วงมึง”

รวินท์คิ้วกระตุก ห่วงเหี้ยอะไร! ห่วงมากจนต้องปิดบังเขาเรื่องตัวมันกับขวัญข้าวเนี่ยนะ! “ไม่ต้องห่วง กูอยู่คนเดียวได้ วางสายไปได้แล้วโว้ย กูจะแดก”

“อือ” เตชิตตอบกลับมาเสียงเศร้า จากนั้นจึงวางสายไป

ทันตแพทย์หนุ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เขาหันไปสั่งข้าวมันไก่มาเพิ่มอีกจาน แล้วก้มหน้ากินต่อ กินแม่งให้หายโมโห

พอจานที่สี่หมดเกลี้ยงเขาก็เงยหน้าขึ้น กำลังคิดอยู่ในใจว่าจะสั่งต่ออีกจานดีไหม หากเพิ่งสังเกตว่าโต๊ะข้างๆ ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังมีกลุ่มหญิงสาวที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือเต็มไปหมด

ฉิบหาย! เมื่อกี้แดกแบบไม่เกรงใจสายตาใครซะด้วย! รวินท์เหงื่อตก

“พี่วิน~”

“ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปตามเสียงเรียก

“กินน่าอร่อยมากเลยค่า”

รวินท์หัวเราะแหะๆ “ครับ ก็อร่อยจริงๆ”

“ขอไปนั่งถ่ายรูปด้วยแป๊บสิคะ”

“เอาสิ มาๆ” ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มการค้าต้อนรับตามความเคยชิน แถมอ้าแขนออกกว้างเตรียมโอบไหล่สาวๆ เสียด้วย

เมื่อเขาตอบรับ กลุ่มเด็กสาวท่าทางใสๆ ห้าคนก็ถาโถมเข้ามาถ่ายรูปด้วยทันที พอถ่ายเสร็จพวกเธอก็หันไปถาม

“พี่พิงค์ไปไหนล่ะคะ”

“เขาไม่ว่างน่ะ”

เด็กสาวหันไปวี้ดด้วยกันก่อนจึงหันมาตอบ “น่าสงสารพี่วินอะ ต้องมากินคนเดียวเลย”

“นั่นสิ ผมเหงาเลยเนี่ย”

“ไม่เป็นไรน้า เดี๋ยวพวกเรานั่งเป็นเพื่อน พี่วินจะกินอะไรอีกดี”

รวินท์อมยิ้มแล้วส่ายหน้า “แย่จัง ผมอิ่มซะแล้ว ทำไมไม่เรียกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

“ก็เห็นพี่วินกำลังกินอย่างมีความสุขน่ะสิ กินแบบไม่เงยหน้าเลย”

“โห น่าอายชะมัดเลยอะ” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอยพลางหัวเราะแหะๆ

“น่ารักจะตายไปค่า” เด็กสาวพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“ขอถ่ายรูปด้วยบ้างได้มั้ยคะ” เสียงเรียกจากโต๊ะอีกฝั่งดังแทรกขึ้น พวกเธอดูโตกว่าเด็กสาวกลุ่มแรกอยู่ไม่น้อย พอเบียดสาวๆ กลุ่มเดิมออกไปได้ก็ควงแขนทันตแพทย์หนุ่มแล้วถ่ายรูปทันที “คลินิกพี่วินอยู่แถวนี้เหรอคะเนี่ย พอดีเลย พวกเราอะ ปวดฟัน ปวดเหงือก อยากให้พี่วินช่วยดู”

รวินท์ยังไม่ทันได้พูดอะไร เพราะมัวแต่แสกนดูเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่พวกเธอสวมใส่ หากในขณะเดียวกันเด็กสาวกลุ่มแรกก็พูดเสียงแหวขึ้นมา เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของพวกเธอคืน

“นี่ พวกเรามาก่อนนะ”

“ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ออกไปสิ!”

“ยังไม่เสร็จ ดูดีๆ สิป้า! แก่แล้วตาฟ้าฟางรึไง!”

“พวกแกเรียกใครป้าฮะ!” หญิงสาวอีกกลุ่มตวาดเสียงดัง

ทันตแพทย์หนุ่มสะดุ้งโหยง เห็นท่าไม่ค่อยจะดี ถ้าขืนยังมัวแต่นั่งแจกยิ้มต่อไป เขาอาจจะโดนลูกหลงคางเหลืองได้ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นพรวด “อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า วันนี้ทำคลินิกทั้งวัน เหนื่อยจัง” เขารีบเดินไปจ่ายเงินแล้วก้าวฉับๆ ออกจากร้านไป

ระหว่างที่เดินกลับไปยังคลินิก รวินท์ก็หันไปเห็นว่าพวกหญิงสาวทั้งสองกลุ่มและกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้ามาคุยเดินตามมาห่างๆ เขาจึงจำใจต้องเดินเลยคลินิกไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าหากพวกเธอรู้ว่าเขาทำงานที่คลินิกนี้ พวกเธอจะมายืนออกันที่หน้าร้านตอนกลางวัน เดี๋ยวเจ้าของร้านจะด่าเอา เขายังต้องทำงานหาเงินที่คลินิกนี้อยู่นะ

เดินไปไกลแล้วพวกเธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะท้อ แต่ตัวเขาเนี่ยหอบแฮ่กๆ แวบหนึ่งเขานึกถึงภูพิงค์ อยากจะโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ หากอีกฝ่ายก็ไม่ว่างเสียอีก

แย่ชะมัด... ถ้าเป็นช่วงอื่นภูพิงค์คงซิ่งบิ๊กไบค์มาช่วยเขาแล้ว

ขณะที่ทันตแพทย์หนุ่มเดินหมดอาลัยตายอยากไปเรื่อยๆ แซนดี้ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี เขาจอดมอเตอไซค์ถาม “ฮ้าย พ่อหนุ่มสุดหล่อ ดึกๆ เปลี่ยวๆ มาทำอะไรคนเดียวค้า”

รวินท์หันขวับ “แซนดี้! มาพอดีเลย!” แล้วกระโจนเข้าไปหาอีกฝ่าย “ช่วยผมหน่อย เดินมาไกลแล้วเนี่ย พวกเขายังตามมาไม่เลิกเลย” พลางพยักพเยิดไปทางด้านหลัง

แซนดี้ยิ้มพลางหันมองตามไป “เอ๊า... ไม่ชอบเหรอพี่หมอ น่ารักๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลยน้า~”

“ก็น่ารักอยู่ แต่ผมไม่อยากให้คนรู้จักคลินิกที่ผมทำงานมากนัก เดี๋ยวเจ้าของเขาเห็นว่าผมทำให้วุ่นวาย แล้วไม่จ้างผมต่อล่ะซวยเลย”

แซนดี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ “บางทีคนหล่อก็แอบมีกรรมเหมือนกันเว้ยเฮ้ย มาๆ ขึ้นมาซ้อนท้าย เดี๋ยวผมพาขี่ไปหลบที่บ้านก่อนละกัน”

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มพร้อมกับขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอย่างรวดเร็ว “ขอบใจ”


ภายในบ้านเช่ามีเพียงรวินท์กับแซนดี้สองคนเท่านั้น พวกเขานั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ในห้องนั่งเล่น แซนดี้เอาขนมหวานที่ซื้อมาไว้ให้เพื่อนสนิทอีกสี่คนมาให้รวินท์กินไปพลางๆ ก่อน

“เขาไปไหนกันหมดเนี่ย ไปช่วยงานคณะกันหมดเลยเหรอ”

“ใช่พี่ งานใหญ่ก็งี้ คณะนี้แม่งบ้าพลังด้วย”

“อือ...” รวินท์พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันขวับไปทางโทรทัศน์เมื่อได้ยินเสียงเพลงเริ่มต้นรายการตลก แล้วเขากับแซนดี้ก็นั่งหัวเราะท้องแข็งไปด้วยกัน

แต่จนจบรายการแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าสี่หนุ่มจะกลับมา ทันตแพทย์หนุ่มหันมองไปยังนาฬิกาบนผนังพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

“ไม่ต้องรอมันหรอกพี่หมอ นู้น เที่ยงคืนตีหนึ่ง กว่าจะซมซานกลับกันมา”

“งั้นผมกลับก่อนดีกว่า” จะอยู่รอก็เกรงใจอีกฝ่าย เผื่อว่าอยากจะเข้านอน

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง จะไปซื้อของกินไว้ให้ไอ้พวกนั้นกินมื้อดึกด้วยน่ะ เดี๋ยวพวกมันกลับมาอย่างหิวโซสุดแล้วจะงอแง”

“ของกินเหรอ...” รวินท์กัดริมฝีปากเบาๆ “งั้นผมไปซื้อด้วยแล้วแซนดี้ค่อยไปส่งผมได้มั้ย”

“ได้สิค้า ปะๆ ไปกัน”

แล้วทันตแพทย์หนุ่มก็นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของแซนดี้ออกไป พวกเขาไปหยุดซื้ออาหารกันที่ร้านแถวหลังมหาวิทยาลัยนั่นล่ะ มีเป็นสิบๆ ร้านให้เลือก รวินท์ซื้อหมูสะเต๊ะมาสองถุง ถุงเล็กกะว่าจะเอาไปนั่งกินเล่นที่หอ ส่วนถุงใหญ่...

“โห พี่หมอกินจุนะเนี่ย”

“เปล่าๆ ของผมถุงเดียว ผมฝากอีกถุงไว้ให้ เอ่อ... น้องๆ สี่คนด้วยละกัน ทำงานกันเหนื่อยๆ คงจะหิว”

“อ๋อ ฝากให้ไอ้พิงค์”

“เอ้อ... ก็แบ่งๆ กัน”

แซนดี้หรี่ตามอง “แหม พี่หมอใจดีจัง ไม่รู้จะให้มันทำไมเนี่ย”

“ก็พิงค์ช่วยเหลือผมบ่อยๆ”

“อ้อ สรุปให้ไอ้พิงค์”

“นั่นแหละ ก็แบ่งกันไง!” รวินท์เท้ากระตุก ไอ้แก๊งนี้นี่ เขารู้แล้วว่าทำไมถึงคบกันได้ “แล้วคุณซื้อเสร็จยัง”

“เสร็จแล้วค่า!” แซนดี้ยิ้มกรุ้มกริ่ม

หลังจากนั้นแซนดี้ก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาทันตแพทย์หนุ่มไปส่งที่คลินิก ระหว่างทางก็เม้ามอยกันไป

“ทำไมวันนี้ขี่มอไซค์มาได้ล่ะเนี่ย รถคุณไปไหน”

“นี่มอไซค์ของไอ้ดิวน่ะพี่หมอ วันนี้ผมให้พวกมันเอารถไป กลับดึกๆ เหนื่อยๆ ง่วงๆ ขี่มอไซค์อันตราย”

“ใจดีจัง ครั้งก่อนก็ให้พิงค์ยืมรถขับมาหาผม ขอบใจมากนะ”

“ค่า นิดๆ หน่อยๆ น่าพี่หมอ” ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์ก็ขับเข้าไปจอดที่หน้าคลินิก

รวินท์ก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ แล้วหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย“ผมได้ยินจากพี่นิ้งมาอีกที ตึ๋งเล่าว่าที่บ้านคุณช่วยหางานกับที่พักให้เพื่อนเขา ทำให้เพื่อนเขาได้เรียนต่อ แซนดี้นี่น่ารักจริงๆ เลย”

แซนดี้ยกมือขึ้นลูบหมวกกันน็อกที่สวมอยู่อย่างเขินๆ “อะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยๆ กันไปน่ะพี่ ผมโชคดี ก็เลยอยากแบ่งความโชคดีให้คนอื่นบ้าง”

“ขอบใจมากนะ ขี่รถกลับบ้านดีๆ”

“ค่า ช่วงนี้ไอ้พิงค์มันอาจจะไม่ว่างมาเป็นไม้กันหมาให้ มีอะไรให้ช่วยก็โทรเรียกผมได้นะพี่หมอ”

“ขอบใจๆ” รวินท์หัวเราะ เขายืนส่งให้อีกฝ่ายขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป แล้วจึงเดินเข้าไปในคลินิก


ฝ่ายภูพิงค์นั้น หลังจากพ่อครูกับคณะกลับไปสักพักแล้ว เขากับเพื่อนๆ ก็ยังอยู่ฝึกซ้อมกันต่ออีก พอฝึกซ้อมเสร็จก็ไปช่วยเพื่อนอีกกลุ่มเตรียมของตกแต่งรถซึ่งจะทำเป็นเวทีสำหรับการตีกลองต่อ

“ไอ้พิงค์ๆ ดูดิๆ พี่หมอของมึงไง” จู่ๆ รุ่นพี่ในคณะก็ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ดู “ไปกินข้าวมันไก่กับสาวๆ เพียบเลยเว้ย”

คนที่กำลังทาสีบนผืนผ้าหยุดกึก เขาหันไปมองรูปแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปทาสีต่อ “ไม่ใช่ของกู!”

เหอะ พออยู่คนเดียวก็ขี้อ่อยเหมือนเคย

ไหนว่าจะปรับปรุงตัวเองไง! เชื่อถือไม่ได้เลยแม่ง!

“ไอ้พิงค์ ทาเบาๆ ก็ได้ สีกระเด็นเลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย!” เพื่อนที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นโวยวาย

ภูพิงค์เลิกคิ้วขึ้น “โทษๆ”

“มึงไปพักเหอะไอ้พิงค์ เต้นแร้งเต้นกามาตลอดบ่ายแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอวะ มึงจะถึกไปไหนเนี่ย”

“เออ กลับกันเหอะ มึงเริ่มบ่าย แต่กูเนี่ย ทำงานขาขวิดแต่เช้า” ซันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะดูไอ้พิงค์มันหงุดหงิดงุ่นง่านชอบกล เขาเดินไปสะกิดเรียกดิวและขิง จากนั้นก็รีบขับรถกลับไปที่บ้านเช่ากัน

แซนดี้ยังนั่งทำการบ้านอยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่เดิมนั่นล่ะ พอเห็นเพื่อนๆ กลับมาถึงบ้านก็เอ่ยทัก “เฮ้ย ทำไมกลับเร็ววะ”

“เร็วพ่องส์ ห้าทุ่มนี่เร็วเหรอวะ! มีไรกินบ้างอะ”

“ซื้อราดหน้าไว้ให้ในครัว แล้วก็... มีหมูเต๊ะพิเศษของไอ้พิงค์”

“เฮ้ย ทำไมมึงลำเอียงแบบนี้วะ” สามหนุ่มหันไปต่อว่าแซนดี้อย่างพร้อมเพรียง

“กูไม่ได้ลำเอียงโว้ย แต่มีคนเขาฝากมา~” แซนดี้ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “ใครวะ”

“พี่หมอของมึงไง”

เด็กหนุ่มหันขวับ “เจอพี่วินเหรอ”

“เออ เจอพี่หมอหนีสาวอยู่ เห็นว่าอยู่คนเดียวท่าจะไม่รอด กูเลยพามาหลบที่บ้านเนี่ยเป็นชั่วโมง พี่หมอก็ตั้งใจจะรอมึงแหละ แต่ดึกแล้ว กูเลยเพิ่งไปส่งก่อนมึงกลับมาครึ่งชั่วโมงได้”

อยู่คนเดียว? หนีสาว? งั้นไอ้พี่วินคงไม่ได้ไปกินข้าวโปรยปรายกับสาวๆ อาจจะเจอกันที่ร้านนั่นล่ะ แต่ที่สำคัญคือพี่วินมานั่งรอเขาอยู่ในบ้านเช่า แล้วยังซื้อหมูสะเต๊ะไว้ให้ด้วย

ขิงมองหน้าเพื่อนรักแล้วเลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ยๆ ยิ้มว่ะ ยิ้มเว้ย”

“แหม หน้าบูดเป็นตูดหมาตลอดเย็น จู่ๆ ก็ยิ้มได้ว่ะ เหวยยย~ เหวยยย~” หนุ่มๆ อีกสองหน่อร่วมเห่าหอนเสียงขรม

ภูพิงค์ส่งนิ้วกลางให้รายตัว “ไอ้พวกเหี้ย กูเห็นของกินแล้วยิ้ม แปลกตรงไหนวะ”

“อ้อ เหรอ เออๆ จ้าๆ ยิ้มให้ของกินเว้ย”

สามหนุ่มอุ่นอาหารแล้วนั่งกินกันในครัว ส่วนภูพิงค์พออุ่นอาหารเสร็จก็แบ่งหมูสะเต๊ะให้เพื่อน ก่อนจะเอาส่วนที่เหลือมานั่งกินข้างๆ แซนดี้ เขาอยากรู้น่ะแหละว่าอีกฝ่ายกับพี่วินคุยอะไรกัน แต่ไม่อยากถามให้เสียฟอร์ม

“มานั่งแดกอะไรตรงนี้”

“เห็นมึงนั่งคนเดียว เดี๋ยวเหงา”

แซนดี้เบะปากกลอกตามองบน นึกว่าเขามองจุดประสงค์มันไม่ออกเหรอ ขึ้นเป็นไฟแวบๆ บนหน้าผากขนาดนั้น “ไม่ได้คุยอะไรกันเว้ย แค่นั่งดูโทรทัศน์แล้วก็พาไปส่ง”

“พี่วินยังไม่รู้เรื่องกลองสะบัดชัยเหรอวะ”

“รู้ว่ามึงแสดงในงานน่ะเหรอ ยังมั้ง ไม่เห็นพูดถึง”

พอได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ดีที่ยังมีหมูสะเต๊ะอยู่ ทำให้เขาไม่ห่อเหี่ยวมากนัก

แซนดี้ชำเลืองมองอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าพลางนึกในใจ


เห็นมะ ที่กูเคยบอกไว้น่ะ ผิดเพี้ยนซะที่ไหน! เมื่อไหร่จะรู้ตัวกันสักทีโว้ย!


*TBC*


พอไม่ได้เจอกัน มันก็จะเหงาๆ หน่อยแบบเนี้ยยยย

พี่หมอก็ดันไม่ติดโซเชียลเน็ตเวิร์คอี้กกกก สงสารเด็กเขานะคะ อุตส่าห์จะหล่อจะเท่อวดพี่ทั้งที /กอดปลอบน้องพิงค์

ปล. หนูพิงค์เขาว่าเขาจะเก็บซิกแพ็กไว้อวดแฟน แร้วๆๆๆ คุ้นๆ ว่าเพิ่งถอดผ้าอวดใครไปกันนะ เด็กบร้าาาา~

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่ะ  :mew1: ตอนหน้าน้องพิงค์จะออกอาการหนักกว่านี้ บอกเรยยย เกียมจิกหมอน  :impress2:



ออฟไลน์ maybe0111

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #915 เมื่อ18-01-2018 10:50:35 »

เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักที  ลุ้นจนเหนื่อยละนะ55555

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #916 เมื่อ18-01-2018 10:52:07 »

อ่านแล้วนะ

เรื่องของเพื่อนก็ยังไม่เคลียร์เลย

มาเรื่องน้องพิงอีก  :a6:

เหนื่อยแทนพี่วินจริงๆ แล้วสองคนนี้ไม่รู้ใจตัวเองซักที

เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า :3123:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2018 16:53:04 โดย พัดลม »

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #917 เมื่อ18-01-2018 11:00:40 »

ไม่ได้เจอกันก็จะดูเหงาๆหน่อย แอบสงสารพิงค์ พี่หมอนี่ก็ไม่ท่องโซเชียลบ้างเล๊ย น้องมันอยากให้เห็นคลิปแย่และ

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #918 เมื่อ18-01-2018 11:13:20 »

โอ้ยน้องมีความงอลพี่... :เฮ้อ:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #919 เมื่อ18-01-2018 11:17:41 »

นั่นสิ เมื่ไหร่จะรู้ตั๊ววววว วุ้วววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
« ตอบ #919 เมื่อ: 18-01-2018 11:17:41 »





ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #920 เมื่อ18-01-2018 11:20:36 »

ยังคงสงสัย และระแวงหมอเต้

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #921 เมื่อ18-01-2018 11:21:14 »

รอพี่หมอวินเห็นคลิป มีคนเหี่ยวเฉารอพี่เห็นอยู่

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #922 เมื่อ18-01-2018 11:29:33 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #923 เมื่อ18-01-2018 11:33:49 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ SIRINN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #924 เมื่อ18-01-2018 11:41:37 »

ขอบคุณค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ somuch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #925 เมื่อ18-01-2018 12:27:37 »

นุ้งพิงค์ กูดจ๊อบ!!!

ขอกล้ามแน่นๆค่ะน้อง เอาแบบ พี่วินพลิกกลับมมาไม่ได้อีกต่อปรัย หึหึหึ//หัวเราะชั่วร้าย

ชอบค่ะ ชอบ ชอบความรักกันแต่ไม่รู้ตัว อยากอ่านตอนงานยี่เป็งเลยค่ะ แอบลุ้นให้พี่หมอหึงมั่ง

//ปักธงพิงค์วินอย่างเกรี้ยวกราดตามน้องพิงค์

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #926 เมื่อ18-01-2018 12:38:14 »

น้องงอนพี่ง้อสินะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #927 เมื่อ18-01-2018 12:38:54 »

จริงๆๆๆเมื่อไหร่จะร๊ตัวซักที อยากให้เป็นแฟนกันแล้วอะ

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #928 เมื่อ18-01-2018 12:57:27 »

พี่หมอสังเกตบ้างเถอะ อ้ากกกกกกกก

แหมพิงค์อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ยังกับคนเมนมา  :m20:  วันนั้นระวังพี่หมอจะหึงน้ออออออ

มีดล้ามาแล้วไงพี่หมอก็มี
   นี้ยังเชีย วินพิงอยู่ อยากเห็น วิศวะโดนฟัน อิอิ

พี่หมอคิดถึงน้อง ก็สังเกตรอบข้างบ้างซิค้าาาาา. พ่อปลาโลมา5555555

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 23 : ซ้อมหนัก][180118]
«ตอบ #929 เมื่อ18-01-2018 13:11:35 »

ลำพังสองคนอาจไม่ถึงฝั่งต้องให้แม่หมอแซนดี้ช่วยซะมั้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด