พวกเขาตกลงกันว่าจะออกเดินทางเช้าตรู่วันเสาร์ กลับเย็นวันอาทิตย์ และค้างที่บนดอยหนึ่งคืน เมื่อสรุปได้ รวินท์ก็พาเด็กหนุ่มขับรถออกไปบิ๊กซี ไปเลือกซื้อกางเกงในให้เด็กหนุ่มใส่ชั่วคราว เสร็จแล้วก็ซื้อขนมกับน้ำดื่มน้ำอัดลมใส่หลังรถไว้
คืนนั้น หลังกลับจากซื้อของ สองหนุ่มก็ผลัดกันไปอาบน้ำ เก็บกระเป๋าและมานอนบนเตียงเคียงข้างกัน ภายในห้องนอนปิดไฟมืดสนิทแล้ว หากดวงตาของทันตแพทย์หนุ่มยังคงลืมอยู่ เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อตอนเย็นมาก พอมีภูพิงค์มาอยู่ใกล้ๆ ก็ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องที่เป็นกังวลอยู่ไปเสียหมด เขาชำเลืองมองเด็กหนุ่มเป็นระยะๆ
“หาโอกาสแต๊ะอั๋งผมอยู่รึไง ไม่หลับไม่นอนสักทีอะ”
“มีส่วนไหนน่าแต๊ะอั๋งบ้างวะ ช่วยแนะนำหน่อยเหอะ”
“ก็แหม... พี่อยากจับส่วนไหนของผมมากสุดล่ะ”
“ปาก”
“จ้องแต่จะถอนฟันผมอะดิ”
“แสนรู้เนอะ” รวินท์หัวเราะพลางพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนที่นอนอยู่ข้างกัน เขาเอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “พิงค์ ขอบใจนะที่มา”
เด็กหนุ่มยิ้มรับ “ไม่เป็นไร ไม่ได้มาฟรี ได้กางเกงในมาตั้งสามตัว” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะคนที่นอนอยู่ข้างกันบ้าง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือลงมากุมหัวไหล่ไว้ “ผมบอกแล้วไงว่าถ้าพี่มีอะไรให้ช่วย ก็เรียกผมได้เสมอ”
“อือ ซึ้งเลยว่ะ”
“แล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยังล่ะ”
ไม่มีคำถามถึงสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องขับรถมาจากเชียงใหม่ เพราะภูพิงค์ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด เขาก็แค่เป็นห่วง เลยมาดูอาการก็เท่านั้น
ทันตแพทย์หนุ่มพยักหน้าหงึกๆ “ดีแล้ว”
“งั้นก็นอนเอาแรงกัน พรุ่งนี้จะได้เที่ยวให้คลานไปเลย”
“ถ้าเอาแรงๆ ก็คงคลานตั้งแต่คืนนี้แล้วแหละว่ะ”
“เว้ย ไอ้พี่วิน!” ภูพิงค์ถีบเจ้าของเตียงไปจนเกือบตกเตียง ต่างคนต่างหัวเราะเสียงดังจนกระทั่งหอบฮั่กๆ แล้วสักพักพวกเขาก็เงียบไป
รวินท์ยังคงนอนหันหน้าเข้าหาเด็กหนุ่ม พยายามข่มตาให้หลับลง หากภายในใจเอาแต่คิดถึงเรื่องของตัวเขากับคนที่นอนข้างกันเสียอย่างนั้น
เมื่อภูพิงค์มาถึงที่นี่ มาอยู่ข้างๆ กัน ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจก็ดูเหมือนจะทุเลาลงไปได้ เขากลับมายิ้มและหัวเราะได้อีกครั้ง
นึกๆ ไปแล้วถ้าหากภูพิงค์คิดอะไรกับเขาบ้างจริงๆ ก็คงดี เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาแค่รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกัน แต่ภูพิงค์คงไม่ได้สนใจเขาแบบนั้น
น่าเสียดาย ที่พวกเขาเป็นได้แค่เพื่อนกัน
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่นานก็เริ่มจะสะลึมสะลือ แต่พอใกล้จะหลับทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกว่ามีมืออุ่นๆ ไล้สัมผัสแก้มตนอย่างแผ่วเบา เขาปรือตาขึ้นมอง ทว่าเจ้าของมือนั้นพลิกตัวหันหลังให้เขาไปแล้ว เขาจึงปิดตาลงอีกครั้ง ไม่นานก็หลับสนิทไป
*TBC*น่ารักบั่บเน้จะไม่ให้พี่ใจอ่อนได้ไงเนี้ยะะะะ
หรือที่จริงพี่หมอก็อ่อนไปหมดแย้วกันน้าาาา 55555555
ส่วนเรื่องของหมอเต้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะคะ เราเริ่มต้นปีใหม่กันแบบเจ้มจ้นขึ้นจิ๊ดดดดดนุง (จิ๊ดเดียวเจงๆ) 5555555
ตอนหน้าเราไปเที่ยวน้ำตกกันก่อนดีฝ่า เชิญคนอ่านขึ้นรถแดงตามสองหนุ่มมาเร้ย ชิดในล่วยๆๆๆ ค่า 
ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า 
ปล. ฮัสกี้อาจไม่กล่าวถึงการเรียนของเด็กๆ วิดวะมากนัก เน้นแต่กิจกรรม นั่นก็เพราะในเรื่องนี้กิจกรรมเป็นตัวเชื่อมโยงน้องพิงค์กับพี่หมอเข้าหากันน่ะค่ะ ขอให้เข้าใจฮัสกี้นิดนึงน้าาาา ปล.อีกที ขอแทรกเรื่องกลองสะบัดชัยเล็กน้อยเผื่อมีใครสนใจค่ะ
กลองสะบัดชัยเป็นการแสดงศิลปะพื้นบ้านล้านนา สมัยก่อนใช้ตีปลุกใจก่อนออกรบนะคะ ลักษณะการตีกลองก็เลยเป็นท่าทางที่ใช้ในการต่อสู้ การเตะต่อยจับดาบอะไรแบบนี้ เอามาผสมกับการฟ้อนรำ ดูแล้วแบบว่าทั้งอ่อนช้อยและแข็งขันไปด้วยเลย พอมโนว่าคนที่มีหลายบุคลิคโคตรๆ อย่างน้องพิงค์มาตีแล้ว ฮัสกี้ว่าเท่ดียยยย์ มันฟินค่อดๆ เห็นด้วยมั้ยล่าาา 555555 คลิปตีกลองสะบัดชัยค่ะ