“ลองไปดูประตูเล็กหลังห้องก่อน อาจจะออกได้ แต่มันต้องปีนระเบียงข้างหลังออกไป” เพลิงกัลป์กลับสงบลงอย่างน่าประหลาด ทั้งที่เมื่อกี้ยังหน้าซีดอยู่เลย เขาคว้ามือเล็กของรูมเมทมากุมเอาไว้แล้วพาเดินไปด้านหลังห้อง
เมืองแมนยอมให้อีกคนจูงมือพาไปดูที่ประตูเล็กข้างห้องน้ำที่มีไว้เปิดออกไปตากผ้าข้างหลัง ต้องยอมรับว่าการที่มีมือใครอีกคนเกาะกุมมือของเขาช่วยให้อุ่นใจมากขึ้นไม่น้อย ถึงมันจะดูประหลาดที่ผู้ชายสองคนจะมาจูงมือกันก็ตามที ...แต่นี่เป็นสถานการณ์พิเศษ คงไม่เป็นอะไร
“เปิดไม่ออก” เพลิงกัปล์คราง พยายามกระชากประตูออกอย่างแรง “ปกติประตูนี้ไม่เคยล็อคนี่”
เมืองแมนขยับเข้ามาช่วยดันประตูบ้าง มันคล้ายกับว่าติดล็อคกลอนจากด้านนอกเช่นกัน
“ทำไงดี”
“หน้าต่าง ออกทางหน้าต่าง”
หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว เขากับเพลิงกัลป์ช่วยกันสำรวจหน้าต่างทุกบานในห้อง แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าติดบานเกล็ดกับลูกกรงหมดทุกบานก็ตาม
“ออกไม่ได้ ต้องโทรบอกเพื่อน ให้ใครมาช่วย” เพลิงกัลป์พูด หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก “ฮัลโหล โย่งหรอ กูเอง มึงอยู่ไหนวะ มาช่วยกูหน่อย...อะไรนะ อยู่บนรถทัวร์?” เขาวางสายอย่างหงุดหงิดหลังจากที่เพื่อนบอกว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน
“เต้ย หลับหรือยัง แมนเองนะ” เมืองแมนลองโทรบ้าง “มีเรื่องให้ช่วยหน่อย คือเราติดอยู่ในห้องเปิดประตูออกไม่ได้น่ะ...อืม...ห้องเราเอง”
เสียงที่อ่อนลงของคนข้างๆทำให้เพลิงกัลป์เหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ ...ทีเวลาคุยกับเขาไม่เห็นเคยทำเสียงแบบนี้บ้างเลย ถ้าไม่ทำเสียงแข็งก็เสียงเรียบๆนิ่งไร้ความรู้สึก...เหอะ
“เต้ยบอกจะมาเปิดให้ รอหน่อย” เมืองแมนกดวางสาย
“นี่ถ้าไม่เจอกับตัวคงนึกว่าโม้แน่ๆ” เพลิงกัลป์พูดขึ้น ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่น “แต่ตอนนี้ก็ดูสงบลงแล้วนะ” พูดไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องขึ้นสามครั้ง
ชายหนุ่มสะดุ้ง เหลียวไปมองอย่างตกใจ
“เต้ยมาแล้วหรือเปล่า” เมืองแมนพูดลอยๆ ถึงจะรู้สึกว่ามาเร็วไปก็เถอะ เขาลุกขึ้นเดินไปที่ประตู “เต้ยหรอ อยู่ข้างนอกใช่มั้ย”
...เงียบ
ขนแขนลุกซู่ เมืองแมนถอยกรูดมาชนร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง เพลิงกัลป์ยึดไหล่ของเขาเอาไว้
“เนี่ยแหละ กูเจอแบบนี้มาตั้งแต่สองทุ่ม”
“เป็นกูคงเผ่นไปแล้ว”
“กูรอมึงกลับมาก่อน กลัวกลับมาไม่เจอกูแต่เจอผีแทนจะตกใจหัวโกร๋น”
“.......” เมืองแมนเงยหน้าขึ้นด่าอีกคนแบบไม่มีเสียง เจอแต่ปลายคางที่เริ่มเขียวครึ้มอยู่ในระดับสายตา ไอตัวอุ่นๆจากเนื้อตัวที่แนบชิดแผ่นหลังทำให้เขารู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า “ปล่อยได้แล้ว กูจะไปนั่งรอเต้ย” เขาพูด...ชักรู้สึกว่าเสียงที่ออกมาไม่เหมือนเสียงตัวเองเอาเสียเลย
อีกคนถอยออกห่าง
ทั้งคู่เดินมานั่งบนเก้าอี้ที่มีแค่สองตัวในห้องรวมที่มีไว้กินข้าว เพลิงกัลป์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆดังลอดออกมา ส่วนเมืองแมนนั่งตาสว่างโพลง ทอดสายตามองประตูเขม็ง นึกภาวนาในเต้ยมาถึงเร็วๆเสียที แต่เต้ยก็ไม่มา เขาเลยอาศัยช่วงที่อีกคนหลับ รีบเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวโดยเปิดประตูห้องน้ำแง้มเอาไว้นิดนึง....กลัวเปิดออกไม่ได้แล้วติดอยู่ในห้องน้ำคนเดียว
เพลิงกัลป์สะดุ้งตื่นอีกครั้งหนึ่งตอนที่ได้ยินเสียงคนเคาะประตูหน้าห้อง ไม่แน่ใจว่าตัวเองวูบหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมากแม้ว่าเนื้อตัวจะเมื่อยขบ แขนชาจากการนอนฟุบอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน
หันไปเห็นอีกคนที่นั่งกอดอก เม้มปากแน่น มองประตูสลับกับนาฬิกาแทบจะทุกห้านาทีก็อดสงสารไม่ได้ ดูท่าฝ่ายนั้นจะไม่ยอมงีบพักเลย ...คงจะกลัวเต็มที
“ไอ้เต้ยยังไม่มาอีกเหรอ” เขาเงยหน้าขึ้น อีกฝ่ายหันมามองแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
“โทรไปก็ปิดเครื่อง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“แล้ว...ไม่ง่วงหรือไง นอนพักก่อนดีมั้ย”
“กู...” เมืองแมนอึกอัก “ไม่เป็นไร จะรอเต้ยมา”
...กูว่ามันไม่มาแล้วมั้ง เพลิงกัลป์คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป ตีสองกว่าแล้ว... ใครที่ไหนจะมา แถมติดอยู่ในห้องตัวเอง ไม่ใช่ติดอยู่นอกห้อง เต้ยมันก็คงงงว่าจะให้มาช่วยทำไมดึกๆดื่นๆ นอกจากจะบอกว่าโดนกูปล้ำเอานั่นแหละ บางทีมันอาจจะรีบมา...เพลิงกัลป์คิดในใจเยาะๆ
...มาร่วมวงด้วยน่ะนะ
“ไปนอนในห้องไป” เขาไล่ให้เมืองแมนไปนอนพัก “นั่งนานๆเดี๋ยวก็ปวดหลังหมด ไปนอนบนเตียง” อีกฝ่ายมีท่าทางอิดออด ไม่ยอมขยับตัว “จะให้อุ้มเข้าไปมั้ย” เขาขู่
นั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าไปนอนในห้องนอนของตัวเองที่เปิดประตูห้องค้างเอาไว้ให้ติดต่อกับห้องกินข้าวได้ แน่นอนว่าทั้งห้องเปิดไฟสว่างจ้า
“แล้ว..ไม่ง่วงหรอ” คนที่ล้มตัวลงนอนบนเตียง ห่มผ้าห่มจนถึงคอร้องถามเขาจากในห้อง เพลิงกัลป์หันไปมองแล้วส่ายหน้า
“นอนไปเถอะ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้ห่วง แต่มึงนั่งตรงนั้นแล้วมันเป็นเงาตะคุ่มๆ มันหลอน เข้าใจมั้ย” เมืองแมนพูด ก็แหม...เวลาตาปรือๆแล้วเห็นเงาคนนั่งอยู่มันน่ากลัวจะตายไป
“งั้นก็ปิดประตูห้องสิ”
“ไม่เอา”
“งั้นกูย้ายที่ไปนั่งในห้องกู”
“ไม่ๆ” เมืองแมนปฏิเสธ ยังไงอีกฝ่ายก็ควรจะอยู่ในระยะสายตาของเขา จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน “มึงมานั่งในนี้” เขาพูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย
“อะไรนะ”
“มานั่งตรงนี้” ตรงนี้ของเขาหมายถึงพื้นข้างเตียง
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเท้าสะเอว คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง มองมาที่เขาคล้ายไม่อยากเชื่อ
“ให้นั่งตรงนั้นเนี่ยนะ บ้าหรือเปล่า” เพลิงกัลป์บ่นเสียงดังจนอีกคนหน้าเสียแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อยู่ข้างกัน
“เออไม่เป็นไร...มึงจะนอนตรงไหนก็เรื่องของมึง” แมนไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องตวัดเสียงด้วย
“ก็นอนตรงนี้แหละ แต่ขอหมอนกับผ้ามาปูรองหน่อย แหม...แค่นี้ทำเป็นตาแดงไปได้” คนพูดกลับมาพร้อมกับหมอนและผ้าห่มในมือ เพลิงกัลป์ยิ้มกว้าง มองหน้าเขาล้อๆ
“กูแค่หาว” เมืองแมนหันหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไม่เห็นรูมเมทที่สะบัดผ้าผืนใหญ่ออกปูรองที่พื้นตามด้วยหมอนและผ้าห่มอีกผืน
“พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า” คนที่นอนอยู่ที่พื้นข้างเตียงของเขาพูดขึ้นลอยๆ
“แค่ราวน์ตอนเช้าก็เสร็จ มีอะไร” เมืองแมนตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“จะชวนไปวัด”
“เอาสิ”
“เกือบลืม” จู่ๆคนที่นอนเงียบไปแล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง เมืองแมนหันมามองข้างเตียงอย่างเพลียๆ
“มีอะไรอีก”
“วันนี้มึงเป็นอะไร ตอนเช้าที่มึงเงียบๆไป คุยอะไรก็ถามคำตอบคำ” เพลิงกัลป์เท้าแขนลงกับที่นอนของอีกฝ่าย ทอดสายตาคมเข้มมองมาอย่างค้นหา
“กูต้องถามมึงมากกว่าว่าเมื่อเย็นโทรมาทำไม” เมืองแมนย้อนถามกลับ
“กู..เป็นห่วง กลัวลูกหิว” อีกคนตอบกลับมา
....เป็นห่วงแต่ลูกอย่างเดียวใช่มั้ย...จู่ๆคำถามนี้ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเมืองแมนจนเจ้าตัวตกใจ ทำไมน้ำเสียงในความคิดของเขาถึงได้ปนความน้อยใจพิลึกๆแบบนั้นล่ะ
“มึงอยากได้ลูกคนนี้มากนักเหรอ” เขาพูด “ผู้ชายเจ้าชู้แบบมึงไม่น่าจะเป็นคนที่อยากเก็บเค้าเอาไว้เลยนะ บอกตามตรงว่าตอนแรกกูนึกว่ามึงจะช่วยกูจัดการเด็กคนนี้ออกไปด้วยซ้ำ” เมืองแมนลูบที่หน้าท้องของตัวเอง
“ตอนแรกกูก็อยากกำจัดเหมือนกัน” เพลิงกัลป์ยอมรับออกมา “แต่ว่าพอเห็นหัวใจเขาเต้น...ไม่รู้สิ กูว่ามันก็...บอกไม่ถูกว่ะ แต่กูอยากเห็นหน้าเค้า อยากรู้ว่าหน้าเค้าจะออกมาหล่อเหมือนกูมั้ย หรือว่าจะบี้ๆแบนๆขี้เหร่เหมือนมึง”
คนฟังขมวดคิ้ว จุ๊ปาก
“นี่เราพูดกันดีๆได้ไม่ถึงสองนาทีเลยนะ”
“ขอโทษ” เพลิงกัลป์พูด “แต่กูรู้ว่ากูเห็นแก่ตัวมากที่ขอให้มึงเก็บเขาเอาไว้ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงก็มีเต้ยอยู่แล้วด้วย”
“มึงก็มีตุ๊กตา”
“กูกับตุ๊กตาก็แค่....” คนพูดยักไหล่ “ไม่ได้จริงจังหรอก คนอย่างกูคงจะหาคนอยู่ด้วยยาก”
“รู้เหมือนกันเหรอ”
“รู้สิ กูเป็นคนนิสัยเสีย...ขี้เบื่อ เบื่อง่าย มันรู้สึกแบบ..ไม่รู้มึงเคยเป็นหรือเปล่า รู้สึกเหมือนกับว่ายังไม่เจอคนที่ใช่สักที ทั้งๆที่เราก็เจอคนที่ถูกใจแล้วนะ พอลองคบๆไปก็ไม่ใช่อีก”
“ไม่รู้ กูไม่ใช่คนนิสัยแบบมึง”
“มึงคงเป็นพวกรักจริงหวังแต่งสินะ”
“รักจริง แต่ไม่หวังแต่งหรอก” เมืองแมนพูดแกมหัวเราะ “ใครเค้าจะแต่งกับกู” ความรักของเขาไม่เคยสมหวังอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะหนีมาเลียแผลใจไกลถึงที่นี่เหรอ ...ไม่นึกว่าจะมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้อีก
พิศดูใบหน้าคมที่นั่งเท้าแขนคุยกับเขาอยู่นั้น ตาของเพลิงโรยเพราะความเหนื่อยเพลียผสมกับความง่วง แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงเป็นสง่าเริ่มโอนเอน เมืองแมนถอนหายใจออกมาเบาๆ
....ดีที่เขาไม่เคยคิดจะรักผู้ชายคนนี้ ต่อให้ตั้งท้องลูกของเขาอยู่ก็เถอะ
“อาจจะมีคนที่เหมาะกับมึงอยู่ก็ได้นะ แค่มึงยังไม่เจอเค้า” เพลิงกัลป์พูดงึมงำ “หรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อนกู ช่วยกูเลี้ยงลูกด้วยกัน”
เมืองแมนขยับจะตอบแต่ว่าอีกฝ่ายกลับล้มตัวลงนอน หันหลังให้กับเขา ชายหนุ่มครุ่นคิดต่ออีกพักใหญ่จนผล็อยหลับไปเอง ไม่มีเสียงเคาะประตูมารบกวนอีกเลย
.............................................................................
มาอัพต่อแล้วจร้า
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วมีกำลังใจมาก ส่วนเรื่องที่ให้มาอัพบ่อยๆจะพยายามแล้วกันค่ะ เพราะว่าเราเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกยามว่างจากงานประจำอ่ะนะ ช่วงไหนงานประจำยุ่งๆก็อาจจะต้องห่างหายกันไปบ้าง หวังว่าคงเข้าใจและให้อภัยกันนะคะ
จริงๆตอนนี้ว่าจะอัพเมื่อคืนแต่เขียนไม่จบเพราะกลัวผี5555 เลยเปลี่ยนมาเขียนต่อตอนเช้าแทน เรื่องก็ไปเรื่อยๆนะคะ พระเอกนายเอกจะไม่ได้แบบรักกันจีบกันหวือหวาหรอกนะ เพราะพวกเขาเป็นคนแบบที่ต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าจะรักกันได้ทั้งคู่ แค่ท้องได้นี่ก็อะเมซซิ่งมากแล้ว5555 อาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาความสัมพันธ์กันหน่อยนะคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะรู้ใจตัวเองก่อน
หลายคนอาจจะเริ่มรำคาญความซึน555 แต่บอกเลยว่าเราชอบแนวนี้มากกกกก เวลาเขียนแล้วฟินอ่ะบอกไม่ถูก อายุของตัวละครก็เรียนจบเป็นวัยทำงานแล้ว ความรักในเรื่องนี้ก็จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อย แต่ก็ยังแฝงความสับสนของคนที่เพิ่งเริ่มต้นช่วงชีวิตของวัยผู้ใหญ่จริงๆ แถมยังมีเด็กในท้องให้ต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต เห้ออมมม หนักจาย ไหนจะมีผีอีก มึนงงกันไปจ้า
เจอกันตอนหน้า อย่าเพิ่งหายไปไหน อย่าทิ้งไรท์ไว้กลางทาง ใครเล่นทวิตเตอร์ #แฟนหมอแมน นะจ้ะ
Melenalike.
