*-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86  (อ่าน 632071 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
นิยายสนุกมาก เป็นกลจ ให้คนเขียน
มาต่อไวๆนะ รออ่าน
รอลุ้นหมอแมน กับหมอเพลิง
เมื่อไหร่จะตัดตุ๊กตาออกไปซะทีหมอเพลิง

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
คุณตุ๊กนี่ร้ายไม่เบานะคะ

ว่าที่คุณแม่กับว่าที่คุณพ่อก็อะไรไม่รู้
หึงกันไปหึงกันมาก็ทำซึน
ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองสักที
บ้าบออออ
รอเรื่องนี้ตลอดนะคะ ขอบคุณที่มาต่อ
ดีใจมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราตามอ่านเรื่องนี้ตลอดนะ แต่ผู้เขียนมาลงไม่บ่อย
บวกกับเนื้อเรื่องที่ค่อยๆ เดินไปแบบเรื่อยๆ
เลยอาจทำให้คนตามอ่านซาๆ ไป
คิดว่าถ้าผู้เขียนมีการลงตอนใหม่บ่อยกว่านี้ อาจไม่ถึงกับกำหนดตายตัวว่าวันไหน แต่ประมาณว่าลงสัปดาห์ละสองวัน คนอ่านจะได้รู้สึกว่าเรื่องเดินเร็วขึ้น เห็นพัฒนาการมากขึ้น แฟนที่ตามอ่านจะได้เป็นกอบเป็นกำขึ้นหน่อย ไม่งั้นเรื่องที่เดินช้า ไม่หวือหวา มันจะยิ่งชวนให้คิดว่าน่าเบื่อนะ ทั้งๆ ที่เรารู้สึกเรื่องก็แหวกแนวดี ไม่ใช่ตบจูบ แต่พอลงไม่บ่อยเราก็จะดองไว้สักสองตอนค่อยมาอ่าน เพราะพอเดาได้ว่าเรื่องยังเดินไปไม่ถึงไหน อ่านควบสองตอนจะได้อะไรหน่อย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รักหมอ รอเรื่องนี้นะ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ น่าสนใจดี มีผีหลอกต่างๆ  :hao6:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นี่แหละค่ะ mpreg แบบที่เรารอคอย การท้องสำหรับผู้ชายมันควรเป็นเรื่องแปลกประหลาดสิไม่ใช่ยอมรับกันได้ง่ายๆเหมือนผู้หญิงท้อง แต่ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นหมอเพลิง ตกลงจะยังไงกันแน่คะคุณหมอนี่ว่ามีพันธะเรื่องตุ๊กตาแล้วเหมือนจะยังมีเรื่องคู่หมายที่พ่อกับแม่หมายตาไว้ให้อีกนะ แล้วแบบนี้หมอแมนจะทำยังไงละ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆเราว่าหมอแมนพร้อมเทแล้วจะยอมเลี้ยงลูกคนเดียวอะ

ปล.1 เบื่อตุ๊กตาเล็กน้อย ไหนบอกให้หมอเพลิงพูดตรงๆไง พอเขาจะพูดดันมาบอกว่าไม่อยากฟัง เพื่อออ
ปล.2 คูมผีสาวหายไปนานแล้วนะ ออกมาช่วยเฉลยปมได้แล้วนะคะ นี่ขี้เกียจเดาแล้วเนี่ย ฮาา

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
รออยู่นะคะ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ชอบ เป็นนิยายที่มีความสมจริงอยู่มาก แต่.... ช่วยมาต่อเร็วๆด้วยเถอะค่ะ!

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หมอเพลิง!!!! :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Internal Love

ตอนที่ 11

Words may lie, but actions will always tell the truth.

 

 

 

 

 

            “หมอคะ คนไข้ arrest ค่ะ”

            เสียงคุณพยาบาลตะโกนเข้ามาจากข้างนอกวอร์ดทำให้นายแพทย์สองคนที่กำลังสบตากันด้วยความรู้สึกยากจะบรรยายนั้นเปลี่ยนอิริยาบถทันที  เพลิงกัลป์แทบจะกระโจนออกไปหาคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้น  เช่นเดียวกับเมืองแมนถ้าไม่ติดตรงที่มือแข็งคว้าไหล่ของเขาเอาไว้เสียก่อน

            “นั่งรอตรงนี้แหละ  ไม่ต้องไปดู”   เสียงห้าวพูดห้วนจัดก่อนที่เจ้าตัวจะผลุบออกไป

            เมืองแมนเม้มปากแน่น  แล้วก็เดินเร็วๆตามออกมาด้วยอีกคน

            ...เขาไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องทำตามคำสั่งผู้ชายคนนั้น...

            ที่หน้าวอร์ดศัลยกรรม  เพลิงกัลป์กำลังขึ้นปั้มหัวใจคนไข้อยู่ก่อนแล้วพร้อมกับพูดสั่งการคุณพยาบาลไปด้วย  พอเมืองแมนไปถึง  เขาก็รีบปราดเข้าไปช่วยเพื่อนทันที

            “ช่วยฟังปอดให้หน่อย”  เพลิงกัลป์พอเห็นเขาก็ตะโกนบอก  เมืองแมนเหลียวซ้ายขวามองหาสเต็ทโตสโคป  คุณพยาบาลรีบผละออกไปเพื่อไปหยิบมาให้แต่เขาดันเหลือบไปเห็นสเต็ทอีกอันหนึ่งวางทิ้งเอาไว้ที่หัวเตียงอยู่ก่อนแล้ว

            ชายหนุ่มคว้าขึ้นมาสวมหูแล้วฟังปอด

            “เท่ากันดีนะ  นี่กี่นาทีแล้วครับ”  เขาหันไปถามพยาบาลแล้วช่วยดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ปรากฏที่เครื่องช็อคไฟฟ้า 

            “ครบแล้วค่ะ เปลี่ยนคนปั้ม”

            เพลิงกัลป์ขยับลงมาจากเตียงเพื่อเปลี่ยนให้คนอื่นขึ้นไปปั้มหัวใจคนไข้แทน  ดวงตาคมดุเปลี่ยนเป็นถลึงตาใส่เมืองแมนเมื่อเห็นอีกคนขยับตัว

            “มึงไม่ต้องปั้ม  ช่วยไปคุยกับญาติให้หน่อย”  ประโยคหลังเสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย  แต่กระนั้นก็ยังสร้างความไม่พอใจให้กับคนฟังอยู่ดี 

            “อย่ามาสั่ง”

            “ไม่ได้สั่ง  แต่ขอร้อง”  เพลิงกัลป์ตอบ  “อย่าให้กูต้องห่วงหน้าพะวงหลังได้มั้ย”

            “ยังคลำชีพจรไม่ได้เลยค่ะหมอเพลิง”  คุณพยาบาลหันมาบอก

            เพลิงกัลป์ไม่ได้สนใจรูมเมทอีก  เขาหันไปสนใจความเป็นความตายของคนไข้ตรงหน้าแทน  เมืองแมนกัดริมฝีปากอย่างแรงเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนและใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือดของคนไข้ที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง...นี่เขามัวแต่คิดตั้งแง่เอาชนะอีกคนในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ...แย่จริงๆ

            เมืองแมนหมุนตัวเดินแหวกผ้าม่านที่รูดปิดความชุลมุนวุ่นวายด้านในเอาไว้   เจอญาติที่เป็นลูกสาวสองคนยืนกอดกันร้องไห้อยู่ข้างหน้าม่าน  ชายหนุ่มใช้เวลาคุยอาการและพูดปลอบใจญาติอยู่พักใหญ่  ในใจก็ตุ้มๆต่อมๆเกรงว่าคนไข้อาจจะเสียชีวิต

            “คลำชีพจรได้แล้ว   ช่วยวัดความดันโลหิตกับคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้ทีครับ”  เสียงเพลิงกัลป์ดังออกมาจากข้างในม่าน

            เมืองแมนลอบถอนหายใจยาว  พอดีกับที่เพื่อนเดินออกมาจากในม่าน

            “ชีพจรของคนไข้กลับมาเต้นแล้วนะครับ  แต่ว่ายังมีโอกาสที่หัวใจจะหยุดเต้นได้อีก  ตอนนี้หมอกำลังช่วยเหลือเต็มที่...”  เมืองแมนค่อยๆถอยออกมาให้เพื่อนได้คุยกับญาติแทน  ตัวเขากลับเข้าไปดูคนไข้ที่หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง

            กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย  ย้ายคนไข้เข้าวอร์ดไอซียูได้สำเร็จพระอาทิตย์ก็ขึ้นพอดี  เมืองแมนเกือบจะได้ยินเสียงไก่ขันทีเดียว  เขาเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง

            “อย่านั่งทิ้งตัวแบบนั้นสิ  มันกระเทือน”  คนที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น 

            “ประสาท”   เขาสวนกลับไป

            “เออ”  อีกฝ่ายรับคำแล้วเงียบไป  สีหน้าเหนื่อยอ่อนของเจ้าตัวทำให้เมืองแมนนิ่งไปครู่

            “เหลืออีกชั่วโมงกว่าๆจะลงเวร  ไปนอนสิ  เดี๋ยวดูวอร์ดเอง”   เขาพูดลอยๆ

            ดวงตาคมเข้มเหลือบมองเขา

            “ไม่ล่ะ   ไม่ง่วง...แต่หิว”

            “งั้นไปหาอะไรกินกันดีมั้ย”  เมืองแมนลุกขึ้นยืน  ท้องของเขาร้องประท้วงมาตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแล้ว  เพราะมัวแต่วุ่นวายกับเคสหนักเลยต้องทำเป็นลืมๆเอาไว้ก่อน...  “ป่านนี้น้ำเต้าหู้น่าจะมาขายแล้ว  ลองไปดูกันมั้ยล่ะ”  ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ  ร่างโปร่งบางก็ออกเดินนำไปก่อน

            เพลิงกัลป์ยิ้มมุมปาก  เดินตามหลังออกไปเงียบๆ

            “น้ำเต้าหู้สองถุง  หวานน้อย”  เมืองแมนสั่งเผื่อให้เขาด้วยเรียบร้อย  เจ้าตัวถือถุงใส่ปาท่องโก๋เอาไว้ในมือแล้ว  ในปากก็เคี้ยวอยู่ด้วยอีกตัวหนึ่ง  “เอาอะไรอีกมั้ย”

            เพลิงกัลป์ส่ายหน้า

            “จะอิ่มเหรอ  กินแทนข้าวเช้าไปเลย  เอาไข่กระทะมั้ย  ร้านข้างๆเขามาตั้งขายแล้ว”  เมืองแมนพยักพเยิดไปทางร้านรถเข็นข้างๆที่เริ่มเปิดกระทะ   ส่งกลิ่นหอมน่ากินไปทั่วบริเวณหน้าโรงพยาบาล

            “อยากกินก็ซื้อมาเลย”

            “งั้นเอาสองนะ”

            เพลิงกัลป์พยักหน้า   เขานั่งจิบน้ำเต้าหู้ทอดสายตามองคนที่นั่งตรงข้ามซัดไข่กระทะเข้าปากด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยเหลือเกิน  ริมฝีปากสีสดนั้นขยับขึ้นลงเคี้ยวหยุบหยับตลอดเวลา

            “ไม่กินล่ะ  เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อย”

            “เห็นมึงกินก็อิ่มแล้ว”  เพลิงกัลป์หลุดปากออกไป

            “จะบอกว่ากูกินอุบาทว์ใช่มั้ย”

            เพลิงกัลป์ไม่ตอบกลับยักไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาท  เมืองแมนเบ้ปากแล้วก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารทุกอย่างตรงหน้าจนเรียบวุธ

            “คิดตังค์ด้วยครับ  ..กูเลี้ยงเอง”  เมืองแมนรีบบอก  “เป็นค่าที่มึงอยู่เวรแทนกูไง”

            “มึงเลี้ยงกูด้วยน้ำเต้าหู้ถุงละห้าบาทกับไข่กระทะสิบห้าบาทเนี่ยนะ”  อีกฝ่ายพูดแกมหัวเราะ  “คุ้มจริงๆ”

            “งั้นเวรหน้ามึงก็ไม่ต้องอยู่แทนกู  กูอยู่ของกูเองได้”

            คนฟังมองหน้า

            “เรื่องอะไร  ต่อให้มึงไม่เลี้ยงกูสักบาท  กูก็จะบังคับให้มึงขายเวรให้กูอยู่ดี”

            “ทุ่มเทจริงนะ”  หางเสียงของคนพูดมีแววเยาะ

            “ลูกกูทั้งคน  ไม่งั้นกูไม่ทำหรอก”

            เมืองแมนเงียบไป  แม้แต่ตอนที่เดินกลับเข้ามาภายในโรงพยาบาลแล้วก็ตาม  ชายหนุ่มเดินก้มหน้านิดๆราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ 

            “จะกลับไปอาบน้ำที่แฟลตหรือเปล่า”  เพลิงกัลป์ถาม  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้า

            “อืม”

            “กลับด้วยกัน  กูเอารถมา”

            รถของเขาจอดอยู่ที่หน้าอาคารผู้ป่วย  คนนั่งแทบจะไม่พูดเลยจนเขาเริ่มจะสงสัยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า           

            “อาหารไม่ย่อยหรอ  ทำไมเงียบ”

            “เปล่า...เวียนหัวนิดหน่อย”  อีกคนตอบกลับมาทว่าเขาเริ่มดูออกแล้วว่าตอนนี้ฝ่ายนั้นเพียงแค่ตอบปัดเพื่อปิดบังความจริงอย่างอื่น

            รูมเมทของเขาก้าวลงจากรถแล้วเดินเรื่อยๆไปที่แฟลต  ขณะที่เพลิงกัลป์ไปวนหาที่จอดรถเหมาะๆในร่ม  พอกลับมาถึงห้องก็พบว่าอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวก่อนแล้ว

            สเต็ทโตสโคปสีชมพูอ่อนซีดวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะกินข้าว  เพลิงกัลป์หยิบขึ้นมาดูแล้วตะโกนถามคนในห้องน้ำ

            “มึงหยิบสเต็ทที่วอร์ดติดมาหรอ”

            “อืม...ดันห้อยติดคอมาน่ะ  เดี๋ยวค่อยเอาไปคืน”  เสียงอีกฝ่ายตอบกลับมาจากห้องน้ำ

            ชายหนุ่มเลยวางทิ้งเอาไว้ที่เดิม ไม่ได้สนใจอะไรอีก  เขาเข้าห้องไปนอนรออีกคนอาบน้ำจนเผลอหลับไป  มาได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องก็เลยสะดุ้งตื่น

            “กี่โมงแล้ววะเนี่ย”  คุณหมอหนุ่มอุทาน  คว้านาฬิกาขึ้นมาดู  ...แปดโมงกว่า  เขาเกือบจะไปทำงานสายแล้ว  “แมน...เสร็จแล้วไปก่อนได้เลยนะ”  เขาตะโกนบอกรูมเมท  พลางคว้าผ้าเช็ดตัวเปิดประตูห้องออกมา

            ไม่มีเสียงตอบรับจากรูมเมท  เดาว่าอีกฝ่ายอาจจะออกไปจากห้องแล้วเมื่อกี้

            เขาเลยรีบวิ่งผ่านน้ำแล้วแต่งตัวไปทำงาน  ใช้เวลาอยู่บนวอร์ดจนถึงสี่โมงเย็น  มัวแต่วุ่นวายกับเคสหนักๆจนตกเย็น  ชายหนุ่มก็ไม่มีแรงแม้แต่จะไปกินข้าวกับคนรักเหมือนเคย

            “วันนี้ผมอยากพักครับ”  เขากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

            “เมื่อวานเพลิงก็ไม่ได้อยู่เวรนี่คะ  หรือว่าวันนี้วอร์ดยุ่งหรอ”

            “ครับ  วันนี้ยุ่งๆ”  เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่มาช่วยอยู่เวรแทนใครบางคนให้หญิงสาวฟัง  “หรือว่าตุ๊กตาจะทานข้าวแกงโรงอาหารกับผม  ดีมั้ยครับ”

            “ไม่ล่ะค่ะ”  เธอปฏิเสธตามที่เขาคาดไว้  “งั้นเพลิงก็นอนพักไปก่อนแล้วกันนะคะ  เดี๋ยวตุ๊กตาไปกินข้าวกับพวกหวานก็ได้ค่ะ  แล้วค่ำๆจะแวะไปหาที่ห้องนะ”

            “ได้ครับ”  เพลิงกัลป์รับคำ

            เขาแวะซื้อข้าวกล่องจากร้านป้าเจ้าประจำในโรงอาหารของโรงพยาบาลกลับไปกินที่แฟลต   นึกสงสัยว่ารูมเมทของเขาเย็นนี้จะกินอะไรไปแล้วหรือยัง

            ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก

            “ฮัลโหล...กินอะไรหรือยัง”

            “ออกมากินข้าวกับเต้ย”  ฝ่ายนั้นตอบกลับมา

            “อ้อ”

            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “ไม่มี”

            “งั้นบาย”   ปลายสายกดวางไปแล้ว  แต่เพลิงกัลป์ยังมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ราวกับจะเพ่งให้เห็นอีกคนที่อยู่ปลายทาง  ...ไปกินที่ไหน  กินอะไรกันไม่ทราบ...

            เขาก็แค่อยากรู้ว่า ‘ลูก’ ของเขาจะได้รับสารอาหารครบห้าหมู่มั้ย... ก็แค่นั้น

            ชายหนุ่มกลับมาที่แฟลต  ฝืนตักอาหารในกล่องเข้าปากได้ไม่กี่คำก็ต้องเลิก  รู้สึกคลื่นไส้ยังไงชอบกลคงเป็นเพราะว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ  เขาอาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน

            เป็นวันแรกที่เขาจะเข้านอนตั้งแต่หนึ่งทุ่ม

            เพลิงกัลป์หลับไปแล้วตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้องหลายครั้ง  ตามด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย  นึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนมากวนตอนที่กำลังนอนหลับอยู่

            เขาลุกจากเตียง  เปิดประตูห้องออกมายังห้องกินข้าว  เสียงเคาะประตูหน้าห้องแฟลตยังดังอยู่พร้อมกับเสียงพูดของหญิงสาว

            “เพลิงคะ  หลับแล้วเหรอ  ตุ๊กตามาหาค่ะ...เพลิงคะ”

            เขาเปิดประตูห้องออก  เจอหญิงสาวคนรักยืนอยู่คนเดียวพร้อมกับถุงใส่ของเต็มมือ

            “นอนแล้วเหรอคะ  นอนเร็วจัง...ตุ๊กตาซื้อขนมกับน้ำผลไม้มาฝากเพลิงค่ะ  ขอเข้าไปเก็บหน่อยนะคะ”  เธอพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน

            “ขอบคุณมากครับ  ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

            “ก็เห็นเพลิงบ่นเหนื่อยๆ  ตุ๊กตาก็เลยซื้อของกินมาให้น่ะค่ะ”  ชายหนุ่มรับถุงมาถือเอาไว้  ไม่ขยับถอยจากกรอบประตูเพื่อให้หญิงสาวเข้าไปในห้อง

            “แมนอยู่หรอคะ”  เธอถาม  ...เหตุผลเดียวที่เพลิงกัลป์จะไม่ให้เธอเข้าห้องก็คือ...เกรงใจรูมเมท

            “อืม”  ชายหนุ่มตอบตัดรำคาญ  “ตุ๊กตารีบกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว   พรุ่งนี้คุณอยู่เวรเด็กไม่ใช่เหรอครับ” 

            “ใช่ค่ะ”  เธอตอบ  ท่าทางหงอยลงไปจนน่าสงสาร  “ถ้างั้น...ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”

            เพลิงกัลป์พยักหน้า

            เขาถอยกลับเข้ามาในห้อง  เอาของที่ตุ๊กตาซื้อมาไปแช่ในตู้เย็นเอาไว้  อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ยังไม่ได้พูดกับตุ๊กตาให้เป็นเรื่องเป็นราว...ถึงความสัมพันธ์ของเราที่เขาอยากจะจบลง

            มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าต่อจากนี้เขาจะต้องคอยดูแล ‘ลูก’ ของเขาพร้อมกับหญิงสาวไปด้วย  ในเมื่อหัวใจของเขาเลือกลูกแล้ว  ก็คงต้องยอมปล่อยเธอไป  แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายอยู่ลึกๆก็ตาม  ถึงอย่างไรตุ๊กตาก็เป็นผู้หญิงที่สวยน่ารัก  เวลาอยู่ด้วยก็ช่วยให้เขาสดชื่นขึ้นไม่น้อย

            เมื่อเทียบกับ...แม่ของลูก  คนที่เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะลองชอบเลยด้วยซ้ำนั้น   คนที่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง...ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก  เรื่องของเขากับเมืองแมนคงเป็นไปไม่ได้     

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง

            ชายหนุ่มเม้มปาก  คิดในใจว่าคงเป็นหญิงสาวที่ไม่ยอมกลับบ้านเป็นแน่...ก็ดีเหมือนกันจะได้คุยกันให้รู้เรื่องกันไป   เขาเดินไปเปิดประตู

            ไม่มีใครอยู่ที่หน้าห้องของเขา

            ............................................................................

            เมืองแมนรู้สึกกระวนกระวายใจแปลกๆ  ตั้งแต่ที่มีคนโทรเข้ามาถามถึงเรื่องอาหารมื้อเย็น  ก็ฝ่ายนั้นดูพูดน้อยกว่าปกติไปหลายเท่า  ไม่ได้โวยวายเรื่องที่เขาออกมากินข้าวกับเต้ยเลยด้วยซ้ำ

            ผิดปกติจริงๆ

            นึกอยากโทรกลับไปเหมือนกันแต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้

            เขาจะโทรกลับไปเพื่ออะไร...คนๆนั้นก็แค่เป็นห่วงสิ่งมีชีวิตในท้องของเขาก็แค่นั้นแหละ

            “วันนี้แมนดูเหนื่อยๆนะ  เวรเมื่อคืนหนักใช่มั้ย  ได้ยินพยาบาลบอก”

            “หนักอยู่”           เขาตอบ

            “เห็นว่าตามเพลิงมาช่วยด้วยเหรอ”  คนตรงข้ามเขายังติดใจถามไม่เลิก

            “อืม...มันมาช่วย”  เมืองแมนไม่ได้ขยายความต่อ

          “มีน้ำใจดีจังเลยนะ”   อีกฝ่ายพูด  บอกไม่ได้ว่าพูดจริงหรือประชด  “แล้วนี่คงง่วงแย่ล่ะสิ  เงียบตั้งแต่มาแล้ว”  ฝ่ายนั้นพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  ต่างจากใครอีกคนที่เอาแต่ตะคอกแล้วก็ออกคำสั่งเสียงห้วนๆกับเขาราวกับฟ้ากับเหว

            “นิดหน่อย  เต้ยอิ่มหรือยัง”

            “อิ่มแล้ว   เรากลับกันดีกว่า  แมนจะได้พัก”  เต้ยเรียกบริกรมาเก็บเงิน

            พวกเขากลับมาถึงแฟลตเกือบสี่ทุ่มกว่า  เต้ยมาส่งเขาแล้วก็กลับไปนอนที่บ้าน  เมืองแมนเดินมาหยุดหน้าห้องพักของตน  กำลังจะก้มลงล้วงกระเป๋าหากุญแจห้องก็ได้ยินเสียงกุกกักกับเสียงฝีเท้าข้างใน

            “เปิดประตูให้หน่อย...มึงอยู่ข้างในใช่มั้ย”  เขาเคาะประตูเรียก 

            เสียงฝีเท้าหยุดเดิน  แต่กลับไม่มีใครมาเปิดประตูให้เขา

            เมืองแมนขมวดคิ้ว   รู้สึกว่าอีกฝ่ายชักจะกวนกันมากไปล่ะ  อยู่หลังประตูแค่นี้เองทำไมไม่ยอมเปิดให้...ชายหนุ่มก้มลงควานหากุญแจในกระเป๋า

            ...ดูเหมือนว่าเขาจะลืมกุญแจห้อง

            “เพลิง...เปิดประตูให้กูหน่อย  กูลืมกุญแจ”

            เงียบ...

            เขาเคาะประตูแรงขึ้น  แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหารูมเมทแทน

            “ฮัลโหล  เปิดประตูห้องให้หน่อย”   เขากรอกเสียงลงไปอย่างหงุดหงิด

            “มึงกลับมาแล้วหรอ”  เสียงอีกฝ่ายดูดีอกดีใจกว่าปกติมาก  “อยู่หน้าห้องใช่มั้ย”

            “อืม”  เขารับคำ  อีกฝ่ายก็ยังถามย้ำมาอีกสองรอบจนเขาชักรำคาญ  “เออ  ยืนขาแข็งอยู่หน้าห้องเนี่ย  มาเปิดประตูให้หน่อย  เร็วๆ”

            คราวนี้เขาได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องจากด้านใน  ตามด้วยประตูหน้าห้องพักถูกเปิดออก  ชายหนุ่มตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาทำเอาเมืองแมนชะงักไปครู่

            “เกิดอะไรขึ้น”   เขาถามอย่างตกใจที่เห็นอีกฝ่ายหน้าซีด  แถมยังเหลียวมองไปที่ระเบียงนอกห้องลอกแลก

            “เข้ามาในห้องก่อน”   อีกฝ่ายตอบ  แทบจะดึงเขาเข้าไปในห้อง  มือสากๆคู่นั้นเย็นเฉียบ   “ปิดประตูให้สนิทด้วย  เมื่อกี้มึงเดินมาเห็นใครมั้ย”

            “ใคร?”  เขาถามกลับงงๆ  ยังจับต้นชนปลายไม่ติด

            “มีคน...มาเคาะประตูหน้าห้อง  ตั้งแต่สองทุ่ม  เคาะไม่เลิกมาสักพักแล้ว  แต่พอกูเปิดประตูออกไปดู  กลับไม่มีใครเลย”  เพลิงกัลป์พูด

            “ใครมาแกล้งหรือเปล่า”  เมืองแมนตอบ   เริ่มรู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศในห้องพักมันเย็นๆอับๆยังไงชอบกล  “มึงประสาทไปเอง”

            “ตอนแรกกูก็คิดว่าอย่างนั้นนะ  แต่ตอนหลังกูว่ามันชักไม่ใช่แล้วล่ะ”  อีกฝ่ายกระซิบ  มองไปรอบห้องอย่างหวาดๆ  “กูว่ามันแปลกๆ  ไฟระเบียงจู่ๆก็มาเสียวันนี้อีก  เมื่อวานยังเปิดติดอยู่เลย”

            “คิดมากไปเอง  บางทีลมแรงประตูมันก็สั่นเหมือนมีคนมาเคาะนั่นแหละ”  เมืองแมนพูด  ทั้งที่ข้างนอกห้องเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด  ใบไม้นิ่งไม่ไหวติง

            มันเงียบมาก...เงียบราวกับมีแค่พวกเขาสองคนอาศัยอยู่ที่แฟลตนี้

            “แมน...คืนนี้ไปนอนห้องคลอดกันก่อนดีมั้ย”  รูมเมทของเขาพูดเสียงเบาทำลายความเงียบ  “กูว่ามันยังไงไม่รู้  บอกไม่ถูก”   ความรู้สึกตระครั่นตระครอ  ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวทำให้เพลิงกัลป์นึกอยากเผ่นออกจากที่นี่  อย่างน้อยไปตั้งหลักรอให้เช้าก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

            “วันนี้หวานอยู่เวร  น่าจะนอนไม่ได้”  เพื่อนอินเทิร์นที่อยู่เวรเป็นผู้หญิง   จะให้พวกเขาไปนอนร่วมห้องด้วยก็น่าเกลียด   และพวกเธอก็คงไม่ยอมด้วย “วันนี้เวรศัลย์ก็เป็นแพท  เวรเด็กเป็นมุ่ย  สาวๆหมดเลย  เราคงไปขอนอนด้วยไม่ได้”

            “งั้นไปนอนห้องไอ้โย่งได้มั้ย”

            “มันกลับบ้าน”

            “งั้นเก็บของ ไปนอนโรงแรม”  เพลิงกัลป์โพล่งออกมา

            “มึงใจเย็นๆก่อน  ตั้งแต่มานี่กูยังไม่เห็นจะมีอะไรเลย”  เมืองแมนพูด  “ห้องนี้เราก็อยู่กันมาหลายอาทิตย์แล้ว  ไม่เห็นเจออะไร  มึงนอนไม่พอแล้วหลอนไปเองหรือเปล่า  ไหนดูซิ”  ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นแตะซอกคอของคนที่ตัวสูงกว่า  “ตัวรุมๆ  จะไม่สบายหรือเปล่า”

            “จะไม่สบายเพราะโดนผีหลอกเนี่ยแหละ  ...กูไปเก็บของก่อนนะ”    พูดจบเพลิงกัลป์ก็ผลุบหายเข้าไปในห้อง  ก่อนจะกลับมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและกุญแจรถ  “เอ้า...ยืนเฉยๆอยู่ทำไม  ไปเก็บของสิ”

            “กระต่ายตื่นตูมชะมัด  ไม่เห็นมีอะไร”

            “หนอย...ทีอย่างนี้ล่ะพูดได้  สมัยก่อนมาเคาะเรียกให้กูช่วยทุกวันลืมแล้วหรือ”

            เมืองแมนหน้าแดง  ไม่พูดอะไรอีก  รีบเข้าไปในห้องเก็บข้าวของที่จำเป็นออกมาบ้าง  ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เจออะไรที่ว่า แต่ก็ไม่อยากโดนทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียวเหมือนกัน

            หิ้วกระเป๋าเดินออกมาจากห้อง  เขาก็เห็นรูมเมทกำลังสาละวนทำอะไรอยู่ที่หน้าประตู

            “เสร็จแล้ว  ไปกัน”

            “เปิดไม่ออกว่ะ”  เพลิงกัลป์หันมาบอกเขา  “เหมือนลูกบิดมันติดหรือไงไม่รู้  หมุนไม่ได้  จะดันก็ดันไม่ออก”  ชายหนุ่มเขย่าประตูอย่างแรงเสียงดังปึงปังแต่ประตูบานนั้นก็ยังล็อคอยู่เหมือนเดิม

            เมืองแมนเดินเข้าไปดูบ้าง  เขาจับลูกบิดประตูแล้วลองบิดดู...มันล็อคราวกับถูกล็อคเอาไว้จากด้านนอก  ไม่ว่าจะหมุนทางไหนก็ติดหมด

            “เมื่อกี้ยังเปิดเข้ามาได้อยู่เลย   มึงเผลอใส่กลอนตรงไหนหรือเปล่า”  ชายหนุ่มทั้งสองช่วยกันสำรวจประตูก็พบว่าไม่ได้ใส่กลอนคาเอาไว้ตรงไหน   เมืองแมนเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่าง...ข้างนอกก็ไม่เห็นมีใคร

            “หรือว่า...ผี”  คนที่ต้องเปิดไฟนอนทุกคืนเริ่มขวัญผวาบ้างแล้ว  เมืองแมนถอยมายืนชิดกับเพื่อนโดยไม่รู้ตัว  “เราเจอดีหรือเปล่าวะ”  เขายกมือขึ้นพนมกลางอก   พูดเสียงสั่น  “ผมไม่ได้ตั้งใจลบหลู่นะครับ  ถ้าผมทำอะไรผิดไป  ผมขอโทษด้วย”

            คราวนี้ประตูสั่นอย่างแรงทั้งๆที่เพลิงกัลป์ไม่ได้แตะต้อง

            มือของเมืองแมนเย็นเฉียบ  หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2018 14:09:14 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk







            “ลองไปดูประตูเล็กหลังห้องก่อน  อาจจะออกได้  แต่มันต้องปีนระเบียงข้างหลังออกไป”  เพลิงกัลป์กลับสงบลงอย่างน่าประหลาด  ทั้งที่เมื่อกี้ยังหน้าซีดอยู่เลย   เขาคว้ามือเล็กของรูมเมทมากุมเอาไว้แล้วพาเดินไปด้านหลังห้อง

            เมืองแมนยอมให้อีกคนจูงมือพาไปดูที่ประตูเล็กข้างห้องน้ำที่มีไว้เปิดออกไปตากผ้าข้างหลัง  ต้องยอมรับว่าการที่มีมือใครอีกคนเกาะกุมมือของเขาช่วยให้อุ่นใจมากขึ้นไม่น้อย   ถึงมันจะดูประหลาดที่ผู้ชายสองคนจะมาจูงมือกันก็ตามที   ...แต่นี่เป็นสถานการณ์พิเศษ  คงไม่เป็นอะไร

            “เปิดไม่ออก”  เพลิงกัปล์คราง  พยายามกระชากประตูออกอย่างแรง  “ปกติประตูนี้ไม่เคยล็อคนี่”

            เมืองแมนขยับเข้ามาช่วยดันประตูบ้าง  มันคล้ายกับว่าติดล็อคกลอนจากด้านนอกเช่นกัน

            “ทำไงดี”

            “หน้าต่าง  ออกทางหน้าต่าง”

            หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรง  นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว  เขากับเพลิงกัลป์ช่วยกันสำรวจหน้าต่างทุกบานในห้อง  แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าติดบานเกล็ดกับลูกกรงหมดทุกบานก็ตาม

            “ออกไม่ได้  ต้องโทรบอกเพื่อน  ให้ใครมาช่วย”  เพลิงกัลป์พูด  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก  “ฮัลโหล  โย่งหรอ  กูเอง  มึงอยู่ไหนวะ  มาช่วยกูหน่อย...อะไรนะ  อยู่บนรถทัวร์?”   เขาวางสายอย่างหงุดหงิดหลังจากที่เพื่อนบอกว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน         

            “เต้ย  หลับหรือยัง  แมนเองนะ”  เมืองแมนลองโทรบ้าง  “มีเรื่องให้ช่วยหน่อย   คือเราติดอยู่ในห้องเปิดประตูออกไม่ได้น่ะ...อืม...ห้องเราเอง”

            เสียงที่อ่อนลงของคนข้างๆทำให้เพลิงกัลป์เหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ  ...ทีเวลาคุยกับเขาไม่เห็นเคยทำเสียงแบบนี้บ้างเลย  ถ้าไม่ทำเสียงแข็งก็เสียงเรียบๆนิ่งไร้ความรู้สึก...เหอะ

            “เต้ยบอกจะมาเปิดให้  รอหน่อย”   เมืองแมนกดวางสาย

            “นี่ถ้าไม่เจอกับตัวคงนึกว่าโม้แน่ๆ”  เพลิงกัลป์พูดขึ้น  ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่น  “แต่ตอนนี้ก็ดูสงบลงแล้วนะ”  พูดไม่ทันขาดคำ  ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องขึ้นสามครั้ง

            ชายหนุ่มสะดุ้ง  เหลียวไปมองอย่างตกใจ

            “เต้ยมาแล้วหรือเปล่า”  เมืองแมนพูดลอยๆ  ถึงจะรู้สึกว่ามาเร็วไปก็เถอะ  เขาลุกขึ้นเดินไปที่ประตู  “เต้ยหรอ   อยู่ข้างนอกใช่มั้ย”

            ...เงียบ

            ขนแขนลุกซู่  เมืองแมนถอยกรูดมาชนร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง   เพลิงกัลป์ยึดไหล่ของเขาเอาไว้

            “เนี่ยแหละ  กูเจอแบบนี้มาตั้งแต่สองทุ่ม”

            “เป็นกูคงเผ่นไปแล้ว”

            “กูรอมึงกลับมาก่อน  กลัวกลับมาไม่เจอกูแต่เจอผีแทนจะตกใจหัวโกร๋น”

            “.......”  เมืองแมนเงยหน้าขึ้นด่าอีกคนแบบไม่มีเสียง  เจอแต่ปลายคางที่เริ่มเขียวครึ้มอยู่ในระดับสายตา  ไอตัวอุ่นๆจากเนื้อตัวที่แนบชิดแผ่นหลังทำให้เขารู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า   “ปล่อยได้แล้ว  กูจะไปนั่งรอเต้ย”  เขาพูด...ชักรู้สึกว่าเสียงที่ออกมาไม่เหมือนเสียงตัวเองเอาเสียเลย

            อีกคนถอยออกห่าง

            ทั้งคู่เดินมานั่งบนเก้าอี้ที่มีแค่สองตัวในห้องรวมที่มีไว้กินข้าว  เพลิงกัลป์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ  ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆดังลอดออกมา  ส่วนเมืองแมนนั่งตาสว่างโพลง  ทอดสายตามองประตูเขม็ง  นึกภาวนาในเต้ยมาถึงเร็วๆเสียที   แต่เต้ยก็ไม่มา  เขาเลยอาศัยช่วงที่อีกคนหลับ  รีบเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวโดยเปิดประตูห้องน้ำแง้มเอาไว้นิดนึง....กลัวเปิดออกไม่ได้แล้วติดอยู่ในห้องน้ำคนเดียว

            เพลิงกัลป์สะดุ้งตื่นอีกครั้งหนึ่งตอนที่ได้ยินเสียงคนเคาะประตูหน้าห้อง  ไม่แน่ใจว่าตัวเองวูบหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว   แต่ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมากแม้ว่าเนื้อตัวจะเมื่อยขบ แขนชาจากการนอนฟุบอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน

            หันไปเห็นอีกคนที่นั่งกอดอก เม้มปากแน่น  มองประตูสลับกับนาฬิกาแทบจะทุกห้านาทีก็อดสงสารไม่ได้  ดูท่าฝ่ายนั้นจะไม่ยอมงีบพักเลย  ...คงจะกลัวเต็มที

            “ไอ้เต้ยยังไม่มาอีกเหรอ”  เขาเงยหน้าขึ้น   อีกฝ่ายหันมามองแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ

            “โทรไปก็ปิดเครื่อง  ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

            “แล้ว...ไม่ง่วงหรือไง  นอนพักก่อนดีมั้ย”

            “กู...”  เมืองแมนอึกอัก  “ไม่เป็นไร  จะรอเต้ยมา”

            ...กูว่ามันไม่มาแล้วมั้ง   เพลิงกัลป์คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป  ตีสองกว่าแล้ว... ใครที่ไหนจะมา   แถมติดอยู่ในห้องตัวเอง  ไม่ใช่ติดอยู่นอกห้อง  เต้ยมันก็คงงงว่าจะให้มาช่วยทำไมดึกๆดื่นๆ   นอกจากจะบอกว่าโดนกูปล้ำเอานั่นแหละ  บางทีมันอาจจะรีบมา...เพลิงกัลป์คิดในใจเยาะๆ

            ...มาร่วมวงด้วยน่ะนะ

            “ไปนอนในห้องไป”  เขาไล่ให้เมืองแมนไปนอนพัก  “นั่งนานๆเดี๋ยวก็ปวดหลังหมด  ไปนอนบนเตียง”  อีกฝ่ายมีท่าทางอิดออด  ไม่ยอมขยับตัว  “จะให้อุ้มเข้าไปมั้ย”  เขาขู่

            นั่นแหละ  เจ้าตัวถึงได้ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้  เดินเข้าไปนอนในห้องนอนของตัวเองที่เปิดประตูห้องค้างเอาไว้ให้ติดต่อกับห้องกินข้าวได้  แน่นอนว่าทั้งห้องเปิดไฟสว่างจ้า

            “แล้ว..ไม่ง่วงหรอ”  คนที่ล้มตัวลงนอนบนเตียง  ห่มผ้าห่มจนถึงคอร้องถามเขาจากในห้อง  เพลิงกัลป์หันไปมองแล้วส่ายหน้า

            “นอนไปเถอะ  ไม่ต้องห่วง”

            “ไม่ได้ห่วง  แต่มึงนั่งตรงนั้นแล้วมันเป็นเงาตะคุ่มๆ มันหลอน  เข้าใจมั้ย”   เมืองแมนพูด  ก็แหม...เวลาตาปรือๆแล้วเห็นเงาคนนั่งอยู่มันน่ากลัวจะตายไป

            “งั้นก็ปิดประตูห้องสิ”

            “ไม่เอา”

            “งั้นกูย้ายที่ไปนั่งในห้องกู”

            “ไม่ๆ”  เมืองแมนปฏิเสธ  ยังไงอีกฝ่ายก็ควรจะอยู่ในระยะสายตาของเขา  จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน  “มึงมานั่งในนี้”   เขาพูดโดยไม่สบตาอีกฝ่าย

            “อะไรนะ”

            “มานั่งตรงนี้”  ตรงนี้ของเขาหมายถึงพื้นข้างเตียง

            ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นเท้าสะเอว  คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง  มองมาที่เขาคล้ายไม่อยากเชื่อ

            “ให้นั่งตรงนั้นเนี่ยนะ  บ้าหรือเปล่า”  เพลิงกัลป์บ่นเสียงดังจนอีกคนหน้าเสียแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อยู่ข้างกัน

            “เออไม่เป็นไร...มึงจะนอนตรงไหนก็เรื่องของมึง”  แมนไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องตวัดเสียงด้วย

            “ก็นอนตรงนี้แหละ  แต่ขอหมอนกับผ้ามาปูรองหน่อย  แหม...แค่นี้ทำเป็นตาแดงไปได้”  คนพูดกลับมาพร้อมกับหมอนและผ้าห่มในมือ  เพลิงกัลป์ยิ้มกว้าง  มองหน้าเขาล้อๆ

            “กูแค่หาว”  เมืองแมนหันหน้าไปทางอื่น  ทำเป็นไม่เห็นรูมเมทที่สะบัดผ้าผืนใหญ่ออกปูรองที่พื้นตามด้วยหมอนและผ้าห่มอีกผืน

            “พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า”  คนที่นอนอยู่ที่พื้นข้างเตียงของเขาพูดขึ้นลอยๆ

            “แค่ราวน์ตอนเช้าก็เสร็จ   มีอะไร”  เมืองแมนตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่

            “จะชวนไปวัด”

            “เอาสิ”

            “เกือบลืม”  จู่ๆคนที่นอนเงียบไปแล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง  เมืองแมนหันมามองข้างเตียงอย่างเพลียๆ

            “มีอะไรอีก”

            “วันนี้มึงเป็นอะไร  ตอนเช้าที่มึงเงียบๆไป  คุยอะไรก็ถามคำตอบคำ”   เพลิงกัลป์เท้าแขนลงกับที่นอนของอีกฝ่าย  ทอดสายตาคมเข้มมองมาอย่างค้นหา

            “กูต้องถามมึงมากกว่าว่าเมื่อเย็นโทรมาทำไม”   เมืองแมนย้อนถามกลับ

            “กู..เป็นห่วง  กลัวลูกหิว”  อีกคนตอบกลับมา

            ....เป็นห่วงแต่ลูกอย่างเดียวใช่มั้ย...จู่ๆคำถามนี้ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเมืองแมนจนเจ้าตัวตกใจ   ทำไมน้ำเสียงในความคิดของเขาถึงได้ปนความน้อยใจพิลึกๆแบบนั้นล่ะ

            “มึงอยากได้ลูกคนนี้มากนักเหรอ”   เขาพูด  “ผู้ชายเจ้าชู้แบบมึงไม่น่าจะเป็นคนที่อยากเก็บเค้าเอาไว้เลยนะ  บอกตามตรงว่าตอนแรกกูนึกว่ามึงจะช่วยกูจัดการเด็กคนนี้ออกไปด้วยซ้ำ”  เมืองแมนลูบที่หน้าท้องของตัวเอง

            “ตอนแรกกูก็อยากกำจัดเหมือนกัน”  เพลิงกัลป์ยอมรับออกมา  “แต่ว่าพอเห็นหัวใจเขาเต้น...ไม่รู้สิ  กูว่ามันก็...บอกไม่ถูกว่ะ  แต่กูอยากเห็นหน้าเค้า  อยากรู้ว่าหน้าเค้าจะออกมาหล่อเหมือนกูมั้ย  หรือว่าจะบี้ๆแบนๆขี้เหร่เหมือนมึง”

            คนฟังขมวดคิ้ว  จุ๊ปาก

            “นี่เราพูดกันดีๆได้ไม่ถึงสองนาทีเลยนะ”

            “ขอโทษ”  เพลิงกัลป์พูด  “แต่กูรู้ว่ากูเห็นแก่ตัวมากที่ขอให้มึงเก็บเขาเอาไว้  ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน  มึงก็มีเต้ยอยู่แล้วด้วย”

            “มึงก็มีตุ๊กตา”

            “กูกับตุ๊กตาก็แค่....”  คนพูดยักไหล่  “ไม่ได้จริงจังหรอก   คนอย่างกูคงจะหาคนอยู่ด้วยยาก”

            “รู้เหมือนกันเหรอ”

            “รู้สิ  กูเป็นคนนิสัยเสีย...ขี้เบื่อ  เบื่อง่าย  มันรู้สึกแบบ..ไม่รู้มึงเคยเป็นหรือเปล่า  รู้สึกเหมือนกับว่ายังไม่เจอคนที่ใช่สักที  ทั้งๆที่เราก็เจอคนที่ถูกใจแล้วนะ  พอลองคบๆไปก็ไม่ใช่อีก”

            “ไม่รู้  กูไม่ใช่คนนิสัยแบบมึง”

            “มึงคงเป็นพวกรักจริงหวังแต่งสินะ”

            “รักจริง  แต่ไม่หวังแต่งหรอก”  เมืองแมนพูดแกมหัวเราะ  “ใครเค้าจะแต่งกับกู”  ความรักของเขาไม่เคยสมหวังอยู่แล้ว  ไม่อย่างนั้นจะหนีมาเลียแผลใจไกลถึงที่นี่เหรอ ...ไม่นึกว่าจะมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้อีก 

            พิศดูใบหน้าคมที่นั่งเท้าแขนคุยกับเขาอยู่นั้น  ตาของเพลิงโรยเพราะความเหนื่อยเพลียผสมกับความง่วง  แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงเป็นสง่าเริ่มโอนเอน   เมืองแมนถอนหายใจออกมาเบาๆ

            ....ดีที่เขาไม่เคยคิดจะรักผู้ชายคนนี้  ต่อให้ตั้งท้องลูกของเขาอยู่ก็เถอะ

            “อาจจะมีคนที่เหมาะกับมึงอยู่ก็ได้นะ  แค่มึงยังไม่เจอเค้า”  เพลิงกัลป์พูดงึมงำ  “หรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อนกู  ช่วยกูเลี้ยงลูกด้วยกัน”

            เมืองแมนขยับจะตอบแต่ว่าอีกฝ่ายกลับล้มตัวลงนอน  หันหลังให้กับเขา  ชายหนุ่มครุ่นคิดต่ออีกพักใหญ่จนผล็อยหลับไปเอง  ไม่มีเสียงเคาะประตูมารบกวนอีกเลย

            .............................................................................

            มาอัพต่อแล้วจร้า

            ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ  อ่านแล้วมีกำลังใจมาก  ส่วนเรื่องที่ให้มาอัพบ่อยๆจะพยายามแล้วกันค่ะ  เพราะว่าเราเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกยามว่างจากงานประจำอ่ะนะ  ช่วงไหนงานประจำยุ่งๆก็อาจจะต้องห่างหายกันไปบ้าง  หวังว่าคงเข้าใจและให้อภัยกันนะคะ

            จริงๆตอนนี้ว่าจะอัพเมื่อคืนแต่เขียนไม่จบเพราะกลัวผี5555  เลยเปลี่ยนมาเขียนต่อตอนเช้าแทน  เรื่องก็ไปเรื่อยๆนะคะ   พระเอกนายเอกจะไม่ได้แบบรักกันจีบกันหวือหวาหรอกนะ เพราะพวกเขาเป็นคนแบบที่ต่างฝ่ายต่างไม่คิดว่าจะรักกันได้ทั้งคู่   แค่ท้องได้นี่ก็อะเมซซิ่งมากแล้ว5555  อาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาความสัมพันธ์กันหน่อยนะคะ  ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะรู้ใจตัวเองก่อน   

            หลายคนอาจจะเริ่มรำคาญความซึน555  แต่บอกเลยว่าเราชอบแนวนี้มากกกกก  เวลาเขียนแล้วฟินอ่ะบอกไม่ถูก   อายุของตัวละครก็เรียนจบเป็นวัยทำงานแล้ว  ความรักในเรื่องนี้ก็จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อย  แต่ก็ยังแฝงความสับสนของคนที่เพิ่งเริ่มต้นช่วงชีวิตของวัยผู้ใหญ่จริงๆ แถมยังมีเด็กในท้องให้ต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต  เห้ออมมม  หนักจาย  ไหนจะมีผีอีก  มึนงงกันไปจ้า

            เจอกันตอนหน้า  อย่าเพิ่งหายไปไหน  อย่าทิ้งไรท์ไว้กลางทาง   ใครเล่นทวิตเตอร์ #แฟนหมอแมน  นะจ้ะ

            Melenalike.

 :katai2-1:

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
"สิ่ง" ที่คุณยังไม่รู้ว่าใคร กลับมาแล้วค่ะ
ตามต่อค่าาา

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ คุณจัตวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เข้าโหมดโรแมนติก

ออฟไลน์ zsutos

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลุ้นทุกตอนว่าเมื่อไหร่เพลิงจะพูดกับตุ๊กตา

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
“จะบอกว่ากูกินอุบาศก์ใช่มั้ย”
มีคำผิดนิดหนึ่งนะ อุบาศก์ -> อุบาทว์

ชอบนะ แบบเรื่อยๆ เรียงๆ ชอบวัยทำงาน แบบใสๆ วัยเรียนมีให้อ่านเยอะแล้ว
มาติดตามตลอด คอยกด F5 รัวๆๆ ที่ิเข้ามา รู้สึกเราจะจิตไปแล้ว อิอิอิ
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
นึกว่ามาเกิดแล้ว
เกิดอะไรขึ้นอีกนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ดีนะที่อ่านตอนกลางวันไม่ใช่ตอนตีสองตีสามตามปกติ ไม่งั้นละมีหลอน  :ling3:  :ling3:  :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pamazier24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ชอบมากที่สุดเลยเรื่องนี้ ทั้งหลอน ทั้งซึน 555 มาต่อไวๆนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สงสัยผีจะช่วยให้รักกันมากขึ้น ค่อยๆใกล้ชิด ค่อยๆเรียนรู้ใจตัวเอง

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สรุปว่าใครมาเคาะประตู ...

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
สเตธโธสโคปที่เอามาของผีหรือเปล่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รู้ละ  ........เขามาพร้อมกับสเต็ทโตสโคป สีชมพูซีดๆอันนั้น
ที่แมนคว้าติดมือ คล้องคอมาที่ห้องนี่แหละ

เขา.....คงสร้างความใกล้ชิดระหว่างเพลิงกับแมน
เพราะแมน ทำตัวปลีกวิเวกตลอด

เพลิง ก็สารภาพความไม่ดีให้แมนรู้ ที่คบๆมาถูกตา ถูกใจแต่ไม่ใช่
สงสัยแมน คนที่ไม่ถูกตา ไม่ถูกใจ แต่ใช่สินะ ก็เป็นแม่ของลูกด้วย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ฮือออ วันนี้มาแบบจัดเต็มความหลอนมากค่ะ ที่น่าสงสัยอีกอย่างก็เรื่องเสต็ทฯนี่แหละ คิดว่าต้องเป็นของคูมผีสาวแน่ๆ แล้วเมื่อไหร่หมอเพลิงกับหมอแมนจะเข้าใจกันดีๆสักทีนะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณผีมาอีกแล้ววว

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หรือนี่จะเป็นผีลิขิตที่ทำให้สองคนนี้ใกล้ชิดกัน 555555

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ชอบนะคะ  ถ้าลองคุยกันดีๆนี่ น่าจะกลายเป็นคนที่ใช่ของกันและกันเลยหล่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด