END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]  (อ่าน 68307 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่คิดว่านายจะเหงาและโดดเดี่ยวขนาดนี้  :ling3:

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กอดน้องนายนะลูก :กอด1:

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ีฮืิอออออ เราน้ำตาไหลเลยยยย นายทำไมน่าสงสารขนาดนั้นนน พี่ปั้นช่วยน้องด้วยนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
น้องนาย ฮือ หนูต้องโดดเดี่ยวขนาดไหนเนี่ย อ่านแล้วจะร้องไห้เลย
ไม่เป็นไรแล้วนะ ตอนนี้มีพี่ปั้นอยู่ด้วยแล้ว ต่อจากนี้เข้มแข็งขึ้นนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
สงสารนายจากนี้มีพี่ปั้นแล้วไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
น้องนายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ เพราะต่อไปนี้จะมีพี่ปั้นอยู่ข้างๆน้องนายเองน้า :กอด1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เศร้าเลย เสียน้ำตาไปเลยด้วยครับ,,,

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ฮื้ออออออ ชอบคำอธิษฐานของปั้น ขอให้ความเศร้าไม่พานายไปไหน ในวันแย่ๆดีใจกับนายด้วยที่มีคนอยู่ข้าง มีคนที่เป็นแสงสว่างให้ รักน่ยเพิ่มเกือบเท่าๆปั้นเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อิชั้นว่านายชานนท์นี่กำลังจะเข้ามาสร้างปัญหาอะไรให้คู่นี้มั้ยนะ

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Act 16 : เรา...กับคำสัญญา



            ...ถ้าการตัดสินใจเป็นสิ่งที่ยากแล้ว การไม่ตัดสินใจเลยคงเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า...



                “นาย”



                (ครั..)



                “นายอยู่ไหน”



                (แกร๊ก....อยู่บนรถครับ พึ่งจะจอดรถเสร็จพอดี)



                “เอ่อ อ๋อ...เอ้อ นาย เราลืมชีทไว้ที่รถนายรึเปล่า”



                (ชีทอะไรนะครับ)



                “ชีทที่เขียนว่า Grammatical…น่ะ นายดูให้เราหน่อย”



                (ได้ครับ พี่ปั้นรอแป๊บนึง เอ ไม่เห็นมีเลยนะพี่ปั้น ลืมไว้ไหนรึเปล่า)



                “ไม่มีหรอ สงสัยเราเอามาแล้วล่ะ คงอยู่ซักที่ในกองหนังสือ”



                (หาดีๆ สิครับ แล้วรีบใช้รึเปล่า)



                “อ๋อ ไม่ รีบๆ รีบ ไม่ๆๆ ไม่รีบ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”



                (พี่ปั้นเป็นอะไรรึเปล่าครับ ผมช่วยอะไรได้ไหม)



                “ไม่ๆๆ เราไม่เป็นไร อ้อ แล้วนายจอดรถเอ่อ...ที่ไหน แบบว่าจะไปไหนรึเปล่า”



                (ผมจอดรถใต้หอนี่เอง ไม่ได้จะไปไหนครับ)



                “อ้อ ดีๆๆ ขึ้นห้องซะนะ ทำการบ้าน อ่านหนังสือแล้วก็นอนเลยนะ อย่าออกไปไหนล่ะดึกแล้ว”



                (พี่ปั้น...)



                “โอ๊ะ เราเจอชีทแล้วไปอ่านหนังสือก่อนนะ...ตรู๊ด”



                ฟู่



                โอเค วิธีแกล้งลืมชีทที่คิดไว้ก็เนียนใช้ได้



                อย่างน้อยก็รู้ว่านายกลับถึงหอพักแล้ว



                แล้วพรุ่งนี้จะใช้เหตุผลอะไรโทรไปดีนะ...



                อืม…



                โทรไปถามวิธีทำข้าวห่อไข่น่าจะเวิร์ค



                “ใช้ได้ๆ”



                เราพยักหน้ากับตัวเองแล้วลิสต์หัวข้อการพูดคุยในครั้งต่อไปลงบนสมุดโน้ต แต่จู่ๆ ก็มีคนชะโงกหน้าข้ามไหล่เรามาโดยไม่ทันตั้งตัว   



                “โทรไปถามวิธีทำข้าวห่อไข่...นี่แกคิดว่าเนียนแล้วหรอปั้น”



                 “เฮ้ยชมพู่! อย่าอ่านของเรานะ”



                และเป็นความไม่ตั้งตัวที่ทำให้เราตกใจสุดๆ ด้วย



                “โอ๊ยยย ปั้น”



                คนที่ขยับมายืนข้างๆ โต๊ะร้องเสียงสูงพร้อมกับเท้าเอว ...ทำไมต้องมองเราแบบนั้นด้วย สมุดโน้ตเรามีความลับนะ ชมพู่จะมาแอบมองไม่ได้… เรากอดสมุดโน้ตเล่มสีเทาไว้แนบอกแล้วเอนตัวไปอีกทาง ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าข้อความบนหน้ากระดาษคงไม่หลุดรอดสายตาของชมพู่ไปได้



                “แกไม่ต้องทำหน้าระแวงฉันได้ไหม แกคิดอะไรฉันก็รู้หมดนั่นแหละย่ะ”



                “เราคิดอยู่ในหัวแล้วชมพู่จะรู้ได้ยังไง”



                ชมพู่วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวนั่งตรงข้ามเรา “ฉันเป็นเพื่อนแกมากี่ปี ไอ้ที่ทำอยู่เนี่ยแกคิดว่าเนียนแล้วหรอ”



                “ก็เนียนนะ นายไม่เห็นจะสงสัยเลย แต่เดี๋ยวนะ!...ชมพู่หลอกถามเราหรอ”



                “แกพูดออกมาเองต่างหากเหอะ” ชมพู่กลอกตามองฝ้าเพดานก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มๆ ถูๆ เราถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้ววางสมุดโน้ตไว้บนโต๊ะช้าๆ ในหัวก็คิดกลับไปมา…เราไม่เนียนตรงไหน



                ...แต่ว่านะ



                ชมพู่จับไต๋เราได้ตั้งหนึ่งคนแหน่ะ ถ้างั้นนายสงสัยไหมนะ ว่าที่เราโทรไปทุกวันเพราะอะไร...



                “เราไม่เนียนหรอ”



                “ยังจะถาม นี่...ฉันจะ describe ให้แกฟัง ช่วงนี้ใกล้สอบ และ…ฉันสังเกตว่าแกไม่มีสมาธิ พอสองทุ่มทีไร แกก็ต้องหยิบสมุดกับมือถือขึ้นมา แล้วก็กดเบอร์โทรออกที่มีแค่เบอร์เดียวของแก พูดตามที่จดไว้แค่สองสามประโยคแล้วก็รีบวาง จากนั้นก็จดอะไรซักอย่างลงในสมุด พอวันต่อมาก็ทำแบบเดิม เวลาเดิม ทำแบบนี้มาทั้งอาทิตย์ ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว ถ้าจะให้สรุปอะนะ...” ชมพู่พูดยาวเหยียดแล้วก็จบด้วยการยื่นมือมายืดแก้มเราตามคำพูด



                “ปั้น แก น่ะ มี พิรุธ มากกกกกก”



                “เจ็บๆๆๆ”



                หลังจากที่ชมพู่ไว้ชีวิตเราแล้ว เราก็ถูแก้มตัวเองเป็นการใหญ่ ...มือหนักชะมัดเลย...



                “อยากคุยทำไมไม่บอกตรงๆ ล่ะ นายมันอาจจะดีใจก็ได้นะ”



                เราชะงักกึก ก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นเพราะความอาย



                “เปล่านะๆๆ เรา เราไม่...ยอมรับก็ได้” เราพูดประโยคท้ายเสียงอ่อย เมื่อสู้สายตาคาดคั้นของคนตรงหน้าไม่ไหว เราจึงหลุบตาต่ำ แกล้งมองกระดาษบนโต๊ะไปเรื่อย ชมพู่คว่ำหน้าจอโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะซึ่งตอนนี้มีชีทวางไว้มุมหนึ่ง และชมพู่ดูจะไม่สนใจกระดาษพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย



                “ว่ามา...” ชมพู่พูดพร้อมกับจ้องตาเรานิ่ง เธอประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้านหน้า ถ้ามีโคมไฟอยู่ตรงนี้ เราจะเหมือนนักโทษชายเข้าไปใหญ่



                “ว่ามา...” เธอพูดอีกครั้ง เราที่คิดอะไรนอกเรื่องแวบนึงถึงกับทำตาโต



                …ว่าอะไร...



                “ฉันเบื่อจะกลอกตาใส่แกแล้วนะ อยากปรึกษาอะไรฉันไหม เล่าให้ฟังได้ เรื่องที่แกคิดมากอยู่ตอนนี้น่ะ” เพราะประโยคนั้น หน้าของนายก็ลอยกลับเข้ามาอยู่ในหัวเหมือนเดิม



                หลายวันที่ผ่านมาเราเอาแต่คิดเรื่องนาย คิดมากจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เราไม่อยากให้นายอยู่คนเดียวเลย แต่เพราะเราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เราก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง อีกอย่างเราก็ลดความกังวลเกี่ยวกับนายไม่ได้ จึงต้องคอยโทรถามอยู่แบบนี้



                “อ่า...คือ...ก็...ที่เราโทรไปหานายเพราะว่า...เรา...เรา...เป็นห่วงนาย...น่ะชมพู่” ในที่สุดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจก็ได้ระบายออกมา



                “นายเป็นอะไร ไม่สบายหรอ” ชมพู่ก็ถามขึ้นด้วยความตกใจ



                “ก็..ไม่สบาย” เรากัดริมฝีปากตัวเอง ไม่กล้าพูดอะไรออกมามากนัก แต่ดูเหมือนว่าชมพู่จะเข้าใจได้เองโดยไม่ต้องอธิบายใดๆ



                “ความไม่สบายของคนเรามีอยู่สองอย่างนะปั้น ไม่สบายกายกับไม่สบายใจ”



                “...”



                “ฉันเดาว่านายคงเป็นอย่างหลัง...ไม่งั้นปั้นเพื่อนฉันคงไม่กังวลขนาดนี้ เอ้าๆ ไม่ต้องมาทำตาแดงใส่ฉัน”



                ...ชมพู่เป็นคนที่เข้าใจเราที่สุดเลย...



                “นายเข้มแข็งมาก เพราะงั้นเราเลยไม่กล้าที่จะบอกตรงๆ” คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาสงสารตัวเองหรอก อีกอย่างเรื่องความรู้สึกเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ยิ่งกับนายด้วยแล้ว...



                “เข้าใจล่ะ แกคงไม่อยากให้เขารู้สึกว่าที่แกทำอยู่คือสงสารเขาใช่ไหม”



                อื้อๆ ใช่ๆ ...ชมพู่วววว ชมพู่เข้าใจเราที่สุดอีกแล้ว...



                “เราถึงโทรไปถามเรื่องบ้าๆ บอๆ อยู่แบบนี้ไง” แค่หนึ่งนาทีก็ยังดี ให้เรารู้ว่าเขายังโอเคก็สบายใจแล้ว



                “ถ้านายรู้ว่าแกแคร์มันขนาดนี้คงดีใจตายเลย”



                “ชมพูว่าไงนะ”



                “เปล่าๆ ฉันพึมพำกับตัวเอง ปั้น...ฉันว่าจริงๆ เรื่องนี้น่ะมันง่ายนิดเดียว แต่แกน่ะคิดมากไป บางทีนายมันจะอาจจะรอให้แกพูดเรื่องบ้าๆ บอๆ อยู่ก็ได้นะ ถ้าคนที่ชอบอยากคุยกับเราจะเรื่องไร้สาระหรือไม่ไร้สาระ เขาก็ยินดีฟังทั้งนั้นแหละ”



                “...”



                “ไม่จำเป็นต้องคอยถามว่าสบายใจขึ้นรึยัง แค่เป็นแก...นายมันก็ดีใจที่สุดแล้ว”



                “อย่างนั้นหรอ...”



                ...ถ้าเป็นเรางั้นหรอ...



                “เราคิดมากก็เพราะตอนที่นายเศร้ามากๆ น่ะยังเป็นภาพติดตาเราอยู่เลย...” เราก้มหน้าลงเล็กน้อย พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ทุกภาพและทุกคำพูดของนายก็หวนกลับมาอีกครั้ง เราถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับที่ชมพู่ที่เท้าคาง พร้อมกับอมยิ้มที่มุมปากมองเรา



                “เอ่อ เรา...เราหมายถึงว่า...ใครเห็นนายก็อดสงสารไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” เราละล่ำละลักบอก หน้าร้อนจนรู้สึกได้ ปกติชมพู่คงจะเอ่ยล้อแต่ครั้งนี้ชมพู่กลับหัวเราะน้อยๆ



                “ไม่มีใครเห็นนายอ่อนแอหรอกปั้น”



                “ทำไมล่ะ”



                “ก็คนเข้มแข็งอย่างนายน่ะอ่อนแอกับแกคนเดียวไง”



                “...”



                “ไม่ต้องมาทำเขิน ไอ้หมาปั้นหัดมีความรักเอ๊ย”



                ...ชมพู่! พูดไม่เพราะเลย...

 





                เมื่อเราตกผลึกความคิดได้ มันก็ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีสมาธิอ่านหนังสือมากขึ้นอีกด้วยเพราะเรื่องที่กังวลและกวนใจได้หายไปแล้ว



                “เมื่อวันก่อนเราบอกแม่ว่า ‘แม่ลองทำข้าวห่อไข่ให้หน่อย’ แม่ส่งรูปมาให้เราแต่ว่าดูยังไงก็เหมือนข้าวไข่เจียวเลย สุดท้ายพ่อก็ต้องกินจนหมดจาน แม่ถ่ายรูปพ่อตอนเคี้ยวมาด้วยนะ ขำพ่อมากเลย หน้าพ่องี้บูดเบี้ยวเชียว”



                (หึหึ)



                “นายขำพ่อเราหรอ” เราหุบยิ้มเมื่อปลายสายส่งเสียงหัวเราะมา ...พ่อเรา เราขำได้คนเดียว...



                (ฮ่าๆ เปล่าครับ ผมขำคนที่เนียนโทรมาขอสูตรข้าวห่อไข่เมื่ออาทิตย์ก่อนต่างหาก)



                “เราไม่ได้เนียนนะ เราอยากรู้จริงๆ” หลังจากที่คุยกับชมพู่เราก็เริ่มที่จะกล้าพูดมากขึ้น และก็เป็นที่มาของเรื่องราวประจำวันที่มักจะเล่าให้เขาฟังมากกว่าแต่ก่อน



                (ปากแข็ง)



                “เราไม่ได้ปากแข็ง”



                (โอเคครับ จริงๆ ก็ปากไม่แข็งหรอกพี่ปั้นน่ะ อะแฮ่ม แต่พี่ปั้นรู้ไหม ที่พี่ปั้นโทรมาหาถามสองสามประโยคก็วางเนี่ย ทำร้ายจิตใจผมมากเลยนะ)



                “...ทำไมอย่างนั้น” เราใจแกว่งกลัวว่าความเป็นห่วงเราจะทำร้ายจิตใจเขาจริงๆ



                (คิดอะไรอยู่ครับ ที่บอกว่าทำร้ายจิตใจเพราะพี่ปั้นน่ะมาส่งเสียงข้างๆ หูแป๊บๆ แล้วก็วางไม่คิดว่าผมจะคิดถึงพี่ปั้นบ้างหรอ)



                อะ...



                “คิด...คิดถึงอะไรกันล่ะ เราแค่เป็นห่วงนายเท่านั้นเอง”



                (รู้ครับ ถึงได้โทรมาถามหาชีทบ้างล่ะ ถามว่าฝนตกไหมบ้างล่ะ แต่ว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ นะครับ จะเป็นจริงๆ ก็ถ้าอาทิตย์นี้เรายังไม่เจอกันอีก ผมตายแน่ๆ เลย)



                ดูเหมือนว่านายจะกลับมาเป็นนายคนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะมั้ง จะว่าไปตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันสองอาทิตย์กว่าแล้วล่ะเพราะเราอยู่ที่หอตลอดเลย เราโทรหานายบ้าง นายโทรหาเราบ้าง เว้นแต่ตอนอ่านหนังสือสอบหนักๆ เขาก็ส่งข้อความมาบ้าง ถ้าเราว่างก็ตอบกลับ ไม่มีอะไรมาก จนตอนนี้เขาสอบเสร็จแล้ว ถึงมีเวลามาวอแวเราทั้งวัน เหลือแต่เรานี่เเหละ ทนทุกข์ทรมานกับข้อมูลจนหัวเเทบระเบิด



                (พี่ปั้นเหลืออีกวิชานึงใช่ไหม เลิกสอบแล้ว ผมไปรับนะ)



                “ไม่ต้องหรอก แดมบอกว่าวันพรุ่งนี้นายกับเพื่อนจะไปดื่มกันนี่ กว่าจะเลิกก็คงดึก นายพักผ่อนไปเถอะ เรากลับเองได้”



                (เชี่ยแดม! แดมมันแอบคุยกับพี่ปั้นหรอครับ)



                “ก็ไม่ได้แอบนะ แดมก็ทักมาบ้างนะ ส่วนมากก็คุยเรื่องนาย”



                (พี่ปั้น!)



                “ทำไมต้องทำเสียงดุใส่เราด้วย” แดมเป็นสายลับให้เราเลยนะ เราให้แดมช่วยดูแลนายอีกแรง ช่วงที่นายไม่สบาย



                (แต่ผมอยากไปรับพี่ปั้น)



                “ไม่เป็นไร นายไปดื่มกับเพื่อนๆ เถอะ”



                (ทำไมครับ หรือพี่ปั้นให้คนอื่นมารับแทนผม)



                เราว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่แล้ว เรารีบพูดต่อก่อนที่คนปลายสายจะไม่สบอารมณ์มากกว่านี้ “ไม่มีใครหรืออะไรทั้งนั้นแหละ”



                (แล้วทำไม...)



                “นายอย่าดื้อกับเรา”



                (พี่ปั้นดื้อก่อน เราตกลงกันว่าไงครับ ผมต้องมารับพี่ปั้นกลับบ้านไม่ใช่หรอ)



                “ครั้งนี้เราขอกลับเองนะ ครั้งเดียวเอง น่า...อย่าหงุดหงิดเลย”



                (แต่ผมอยากให้พี่ปั้นอยู่กับผมวันศุกร์ด้วยนี้นี่ ขึ้นรถตู้มันอันตรายพี่ปั้นก็รู้...)



                “แล้วใครบอกว่าเราจะไม่อยู่กับนายล่ะ ที่เราไม่ให้นายมารับน่ะ...” นายไม่ฟังเราเลย เอาแต่บ่นไม่หยุด



                (ครั้งก่อนเป็นไงล่ะ ไม่เอาแล้วนะพี่ปะ...)



                “เราจะไปหานายเอง เลิกบ่นได้แล้ว”



                (พี่...พี่ปั้นจะมาหาผมจริงๆ หรอครับ) ฟังจากน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจปนดีใจของเขาเเล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เขาคงไม่มั่นใจว่าเราจะไปตามนัดรึเปล่าน่ะสิ ...แต่ครั้งนี้น่ะไม่เหมือนเดิมหรอกนะ... เรายิ้มกว้างก่อนจะตอบออกไป



                “อื้อ”



                (ให้จริงเถอะ ไม่ให้ผมไปรับ งั้นวันศุกร์นี้ก็อยู่กับผมทั้งวันทั้งคืนเลยแล้วกัน)



                “อืม...”



                (อืมคืออะไรครับพี่ปั้น ผมจริงจังนะ)



                “อืมก็คืออืมไง ไปดีกว่า ได้เวลานัดอ่านหนังสือกับชมพู่แล้ว”



                (พี่ปั้น เดี๋ยวก่อนครับ...)



                “...”



                (...ผมจะรอนะครับ)



                …ต้องรอสิ เพราะเรามีอะไรจะบอกนาย...





 

                เรากับชมพู่เดินคุยกันขณะเดินลงจากห้องประชุมชั้นสองซึ่งเป็นสถานที่สอบตลอดทั้งภาคเช้า วันนี้เป็นวันศุกร์...วันที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความเครียดซึ่งสะสมมาทั้งสัปดาห์ เราสองคนเข้าใจข้อนั้นและมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ



                “กลับบ้านเลยไหม” เราถามขึ้นเมื่อรองเท้าผ้าใบของเราและชมพู่แตะพื้นชั้นล่างของห้องประชุม



                “คงเย็นๆ น่ะ วันนี้ฉันต้องพาไอ้เด็กในปกครองทั้งหลายไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสสอบเสร็จพร้อมกัน” เราพยักหน้าหงึกหงักพลางคิดว่าทีมบาสมหาลัยเนี่ย เขารักกันดีจังเลยน้า



                “ผู้จัดการดูเเลขนาดนี้ น้องๆ รักตายเลย”



                ชมพู่เบะปากขณะที่เราได้แต่ยิ้มขำ ไม่ทันจะเอ่ยล้อต่อ ชมพูก็พยักพเยิดหน้าไปด้านหน้าสองสามที



                 “พี่ปั้นนนนนนนนนน”



                 ตุ้บๆ



                “พี่ปั้นคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ”



                ตุ้บๆ



                ...นะ...นี่มันอะไรกันเนี่ย…



                เราอยู่ในวงล้อมของนักบาสมหาลัยมากกว่าสี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพวกน้องเจ็มอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศ ตัวสูงเป็นตึก แถมด้วยเป็นกำแพงปิดทางจนเราหันหน้าไปไหนไม่ได้



                “เอ่อ หวัดดีทุกคน” เราแก้ประหม่าด้วยการโบกมือขวาไปมาคล้ายหุ่นยนต์ ตรงหน้าเรามีฟุน เหน็ง แล้วก็กี้ที่มีท่าทาง เอ่อ...โศกเศร้า



                “ฮือออ เจอพี่ปั้นหลังสอบวิชาโหด เหมือนกับได้ต่อชีวิตที่ขาดไปเเล้วให้มีลมหายใจ”



                “ไอ้สัด พูดเว่อร์ พี่ปั้นครับ พี่ปั้นมาได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ”



                “เหนื่อยมากเลยครับพี่ปั้น ไม่อยากจะเรียนหนังสือแล้วว”             



   “ดูท่า...พวกมันจะรักแกมากกว่านะปั้น” เราได้ยินเสียงอื้ออึงมาทุกทิศทาง จนหูอื้อตาลายไปหมด

             

                “ปั้นแกไหวไหมเนี่ย พวกแกหลีกไป๊! ยังอีก ทำไมเจอหน้าปั้นเเล้วผลสอบจะออกมาดีหรอ”



                “ถึงไม่ออกมาดี แต่พี่ปั้นก็ทำให้พวกเราไม่จมอยู่กับความเศร้า”



                “ใช่ ผู้จัดการไม่เข้าใจหรอก”



                “แต่ฉันเลี้ยงหมูกระทะพวกแกนะ แค่หมูกับเบียร์เข้าปากพวกแกก็ยิ้มร่าเป็นบ้าแล้ว”



                “ผู้จัดการ! เรื่องหมูกระทะกับการได้เจอพี่ปั้นมันเทียบกันไม่ได้นะครับ”



                “โอ๊ยยยยยย ไอ้พวกเว่อร์”



                “ทุกคน…” เราพยายามจะเอ่ยขัด



                “พี่ปั้นไปด้วยกันนะครับ” เจ็มหันมาถาม ก่อนที่คนอื่นๆ จะรอคำตอบด้วยเช่นกัน เรามีแผนหลังสอบของเราแล้วนี่นา อย่ามองกันแบบนั้นเลย



                “เอ่อ...คือว่า...” 



                “ปั้นไม่ไปหรอก” ชมพู่แทรกตัวมาบังเรา ก่อนวาดแขนมาโอบไหล่เราไว้



                “ทำไมอ่าครับบบ”



                “ตอบไปสิปั้นว่าแกจะไปไหน” ชมพู่ยิ้มล้อๆ เพราะแบบนั้นน้องๆ นักบาสจึงมองเราตาไม่กะพริบ บางคนก็มองอย่างมีความหวัง



                 ...ขอโทษนะ...



                “วันนี้เราจะไปหานายน่ะ”



                นักบาสของศิลปากรร้องโห่เสียงดังจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามองกันหลายคน และที่ดังสุดคงจะเป็นกี้ คนที่มีประเด็นกับนายเมื่อครั้งก่อน เรายิ้มเชิงขอโทษทุกคนอีกครั้ง ก่อนลาชมพู่ และขอแหวกทางออกจากวงล้อมนั่น เดินออกมาไม่ไกลพอที่จะได้ยินเสียงดังตามหลัง



                “นี่พวกเราต้องเสียประชากรศิลปากรที่น่ารักให้กับมออื่นอีกแล้วหรอวะ...”



                จากนั้นเสียงโหยหวนก็ดังขึ้น



                “พี่ปั้นนนนนนนนน อย่าไปเลยครับบบบบบ”

               





                เรากลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายโมงกว่า ใจตุ้มๆ ต่อมๆ กับการขับรถของโชเฟอร์รถตู้อยู่ไม่นานก็ถึงโดยสวัสดิภาพ แต่ในใจกลับคิดว่าเราไม่ชอบการนั่งรถตู้เหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้ต้องโทษนายคนเดียวเท่านั้น นายนิสัยไม่ดีเลย ทำให้เราเคยชินกับการมารับเราได้ยังไง



                …เราพูดถึงเขากี่ครั้งแล้วเนี่ยวันนี้...



                โทรศัพท์บนโต๊ะอาหารดังขึ้น เราจึงละมือจากการเตรียมอาหารแล้วหันไปเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน ก่อนจะกดรับโทรศัพท์



                Rrrrr Rrrrr



                “ว่าไงแดม”



                (พี่ปั้นถึงบ้านรึยังครับ)



                “ถึงแล้ว”



                (ฟู่ โล่งอกไปที)



                “มีอะไรรึเปล่าแดม”



                (ก็ไอ้นายอะดิพี่ปั้น เมื่อคืนด่าผมใหญ่เลย หาว่าผมจะแย่งพี่ปั้นไปจากมัน พอผมกับไอ้เอ็มเจช่วยกันพูดจน มันก็ถามหาพี่ปั้นทุกสิบนาที กว่าจะหลอกล่อมันไปนอนเนี่ยไม่ใช่เรื่องง่าย)



                “นายดื่มหนักขนาดนั้นเลยหรอ”



                (แฮ่ๆ ไอ้เอ็มเจกับผมมอมมันเองครับ)



                “แดม!”



                (นี่ผมช่วยพี่ปั้นเลยนะ ไม่งั้นมันตื่นแต่เช้าไปรอรับพี่ปั้นที่ศิลปากรแล้ว ว่าแต่พี่ปั้นจะมาหามันจริงๆ ใช่ไหมครับ)



                “จริงสิ”



                (ดูท่าว่าวันเกิดไอ้นายปีนี้มันคงมีความสุขมากนะครับ แล้วพี่ปั้นจะเข้ามาประมาณกี่โมงครับ)



                เพราะเป็นวันเกิดนาย จึงไม่แปลกที่เขาจะคะยั้นคะยอขอมารับเราโดยที่ไม่ยอมบอกอะไรเลย และเพราะเป็นวันเกิดนาย เราจึงอยากจะทำอะไรให้มนุษย์คนที่แอบเศร้าอยู่คนเดียวมีความสุขบ้าง



                “เราคิดว่าไม่เกินบ่ายสี่โมง เรากำลังรีบทำข้าวห่อไข่ให้...”



                (นั่นแน่ มีอาหารทำเองด้วย) เสียงวิดวิ้วดังลอยมา เราเดาว่าต้องเป็นเอ็มเจอย่างไม่ต้องสงสัย



                “ก็...ก็...เราอยากลองทำดู”



                (ไม่แซวก็ได้ เขินอยู่แน่เลย กริ้ววว)



                “เราจะฟ้องนายแน่” เราพูดเสียงนิ่ง กลบเกลื่อนความร้อนที่กระจายอยู่ทั่วแก้ม



                (ชะอุ้ย ไม่ล้อแล้วว โธ่ งั้นพี่ปั้นรีบมานะครับ ผมกับไอ้เอ็มเจกลับก่อนล่ะ ถ้าพี่ปั้นมาถึง ไอ้นายคงจะทำหน้าหล่อรอพี่ปั้นอยู่แหงๆ)



                “จะบ้ารึไง”



                (งั้นพี่ปั้นบอกมันว่า ‘รักนะจุ๊บๆ’ ด้วยนะครับ)



                “ได้” เรารับปาก แดมคงอยากจะแสดงความรักให้กับเพื่อนในวันเกิ...



                (ฮ่าๆๆๆ)



                เรามองจอที่ดับไปอย่างมึนๆ ก่อนจะที่หัวจะสว่างวาบ เดี๋ยวนะ...



                ....นี่แดมหลอกเราบอกรักนายหรอ...



                เราย่นจมูกก่อนจะคว่ำหน้าจอลงกับโต๊ะอาหาร เลิกสนใจแดมสายลับต่อไป



                …นาย วันนี้วันเกิดนาย เราจะทำของโปรดให้นายกินเอง!...

               





                เรายิ้มเมื่อความพยายามของเราเป็นผลอยู่ตรงหน้า ข้าวห่อไข่หน้าตาธรรมดาแต่ดูดีกว่าที่เราคิดไว้มากนัก เราเบนสายตามองขวดโหลในถุงแล้วอดยิ้มไม่ได้



                ...หวังว่าคนรับจะยิ้มเหมือนกันนะ...



                จะสี่โมงครึ่งแล้วหรอ



                เราตกใจเมื่อเหลือบมองนาฬิกาที่ห้องรับแขก เอื้อมมือคว้ามือถือขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีหลายสายที่ไม่ได้รับ รวมถึงข้อความของเจ้าของวันเกิดที่ดูเหมือนว่าจะพึ่งตื่นด้วย เราเลือกที่จะส่งข้อความกลับไปมากกว่าการโทรกลับ



                Nine Naay
                ถึงบ้านรึยังครับ
                ตอบผมหน่อย
                ผมเป็นห่วง
                อยู่ตรงไหนแล้ว
                ให้ผมไปรับไหม
                พี่ปั้น

read Khaopun
เราถึงบ้านแล้ว
กำลังจะไปนาย
แต่อาจจะช้าหน่อย
วันนี้วันศุกร์นี่

            Nine Naay
            พี่ปั้น
            ผมเอาแต่ใจตัวเองเกินไปไหมครับ
            ถ้าพี่ปั้นเหนื่อย
            เราเจอกันวันหลังก็ได้

read Khaopun
ไม่ ก็เราสัญญากับนายแล้ว

                Nine Naay
                ที่บอกว่าจะอยู่กับผมทั้งวันทั้งคืนนั่นหรอครับ



                …เด็กคนนี้นี่...



                เราก้มลงมัดเชือกรองเท้าของตัวเอง แล้วก็คว้าถุงกระดาษที่บรรจุความรู้สึกของเราอยู่ในนั้นขึ้นมา เรามองดูประโยคสุดท้ายบนจอที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปพักใหญ่แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง


read Khaopun

ก็สัญญาที่ว่าเราจะไปหานายไง



___________

ขอร้องไห้ให้กับความคิดถึงงงงง
คิดถึงทุกคนมากจริงๆ
หายไปนานเเถมยังมาสั้นอีก
ต้องขอโทษทุกคนด้วยใจจริง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
#คิดถึงเสมอ


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แงงง กลับมาแล้วว รอนานมาก
ทำไมดูมีความจะดราม่า กลัวใจจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2018 14:55:23 โดย villevia »

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
 คิดถึงพี่ปั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :ling1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะพี่ปั้นนนน เราชอบความรุมล้อมของทีมบาสมาก มีความฮาเร็มหนุ่มหล่อ  :hao7:

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ดูแลตัวเองด้วยนะคะพี่ปั้น คืนนี้ยาวๆไปค่าาา :o8:

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มนต์รักข้าวห่อไข่รึเปล่าน๊าตอนหน้า :hao3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :-[



โถๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Act 17 : เขา...กับคำสารภาพสีขาว



            ก็สัญญาที่ว่าเราจะไปหานายไง



                ดีใจ--นายดีใจจนควบคุมจังหวะหัวใจไม่อยู่ ก็พี่ปั้นน่ารัก น่ารักจนเขาแทบจะบ้า เขาเผลอจ้องข้อความล่าสุด...จ้องอยู่แบบนั้นจนหน้าจอดับไป คล้ายกับว่าเขาจะบันทึกทุกตัวอักษรเอาไว้ในสมอง



                ...พี่ปั้นจะมาหาเขา...



                นายกุมหัวใจที่เต้นรัวของตัวเองไว้แน่น ขยุ้มเสื้อแรงๆ จนเกิดรอยยับยู่ยี่ ก่อนจะค่อยๆ ลดระดับความดีใจลง เขาโดนพี่ปั้นแอคแทคด้วยคำพูดง่ายๆ ซื่อๆ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ยังไม่เคยชิน



                ถ้าพี่ปั้นอยู่ตรงหน้าตอนนี้นายอยากจะจับพี่ปั้นมากอดไว้ซะให้เข็ด ให้ดิ้นจากเขาไปไหนไม่ได้เลย มันเขี้ยวชะมัด และแน่นอนว่าพี่ปั้นต้องร้องโวยวายแบบที่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อนแน่ๆ แค่คิดนายก็แทบหุบยิ้มไม่ได้แล้ว เพราะคนที่เขาคิดถึงอยู่ตอนนี้ และเป็นคนที่เขาอยากเจอนักหนากำลังมาที่นี่ มาหาเขา!



                “เวรแล้ว”



                เขาดีดตัวขึ้น มือขวากระชากผ้าห่มผืนบางออกจากตักอย่างรวดเร็ว นายก้มมองตัวเองแล้วก็พบว่าเขาใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อคืนหรือเมื่อเช้าเขานอนไปนอนไหนก็ไม่รู้ เพื่อนตัวดีอย่างไอ้แดมกับไอ้เอ็มเจที่นอนก่ายกันค่อนคืนก็หายตัวไปแล้ว พวกมันทิ้งภาระความรกรุงรังให้กับห้องของเขาอยู่ตรงหน้าทีวี ขวด แก้วน้ำ รวมถึงจานที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงพื้น นายขยี้ผมตัวเองแรงๆ อย่างนึกโทษตัวเองที่เผลอดื่มจนไม่มีสติ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย



                เขาเดินออกจากห้องน้ำแปดนาทีให้หลัง นายใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมอย่างบ้าคลั่ง แล้วหันไปมองนาฬิกาบนผนัง จากบ้านพี่ปั้นถึงห้องเขาใช้เวลาไม่นานนักแต่เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์พี่ปั้นอาจจะถึงห้องเขาเกือบหกโมงโดยประมาณ เมื่อครั้งก่อนที่ติดต่อเขาไม่ได้ พี่ปั้นถามเขาเรื่องที่อยู่อย่างละเอียด เพราะพี่ปั้นทำหน้าอ้อนแบบไม่รู้ตัวขนาดนั้นเขาถึงบอกไปอย่างไม่ต้องคิดอะไรเลย แถมยังไปบอกลุงยามด้านล่างว่าถ้ามีคนน่ารักๆ มาถามถึงเขาให้เข้าหอมาได้เลย แม้ว่าหอเขาจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ต่ำมากก็เถอะ



                ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆ กับการปล่อยให้พี่ปั้นต้องเดินทางคนเดียว แต่ในใจลึกๆ เขาก็กลับดีใจที่พี่ปั้นเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง



                เขาจะ...คิดเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม



                นายลงมือเก็บกวาดห้องได้ไม่นาน เขาก็ต้องขมวดคิ้ว พี่ปั้นมาช้าเกินไปรึเปล่า ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเวลาพึ่งผ่านไปได้เพียงครึ่งชั่วโมง ทำไมนะเขารู้สึกนานเหมือนผ่านมาหนึ่งวันแล้ว นายจ้องหน้าจอมือถือ...เขาเป็นคนรอที่ไม่อยากเร่งรัดพี่ปั้น พี่ปั้นมาหาเขาแค่นี้ก็ดีมากแล้ว



                ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างเริ่มทอแสงสีส้ม นายเหม่อมองด้วยความสนใจ พลางคิดไปถึงวันเกิดที่ผ่านมาๆ นายมักจะนอนโง่ๆ เล่นเกมให้พ้นผ่านไปวันๆ หนึ่ง หรือไม่ก็ออกไปกินเบียร์นั่งคุยกับเพื่อนหรือรุ่นพี่ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ วันเกิดเขาไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก แต่...ครั้งนี้เขาอยากให้มันสำคัญขึ้นมา เขาอมยิ้มกับตัวเองกับความคิดตัวเอง



                “บ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้นาย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็หยุดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ



                เขาอยากมีพี่ปั้นให้คิดถึงแบบนี้ตลอดไป



                ก๊อกๆ



                นายดีดตัวออกจากโซฟาอย่างแรงเหมือนกับว่าที่เท้านั้นติดขดลวดสปริงไว้ เขาสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้อง คนที่พึ่งตื่นสะบัดหน้าสองสามทีแล้วเรียบเรียงความคิด



                “เผลอหลับไปตอนไหนวะ”



                แสงสีส้มนอกหน้าต่างหายไปแล้ว และท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีครามเข้ม เขาเผลอขมวดคิ้วเมื่อมองนาฬิกาอีกครั้ง ทุ่มครึ่งแล้วหรอ! ...นานเกินไปแล้วนะพี่ปั้น... เพราะแบบนั้นเขาจึงก้าวเท้าไปเปิดประตูอย่างเร็ว ยื่นมือขวากระชากประตูออกอย่างแรง



                “พี่ปั้นทำไมมาช้...”



                นายลดมือจากลูกบิด ประตูที่แง้มออกเผยให้คนที่ยืนอยู่หลังประตูชัดๆ



                และ...



                คนๆ นั้นไม่ใช่คนที่เขารอ



                “พี่ชา...”

               









                กึก!



                “เบียร์หน่อยไหม”



                คนตรงหน้าวางกระป๋องเบียร์ตรงราวระเบียงด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ ลมเย็นพัดเอื่อยๆ พาดผ่านผิวไปมา เวลานี้อากาศกำลังดีไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนวันที่ผ่านๆ มา แต่นั่นไม่ได้ทำให้นายข่มความร้อนใจของเขาได้เลย



                “ไม่ดีกว่าพี่” เขาปฏิเสธเสียงเรียบ พลางเบนสายตามองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือของอีกฝ่าย ไม่สนใจกระป๋องเบียร์ที่ตั้งท้าลมอยู่แบบนั้น



                “อะไรวะ เมื่อก่อนกูชวนแดกมึงไม่เคยปฏิเสธนี่ เอาหน่อยดิ วันเกิดมึงจะไม่ได้แดกได้ไง” ชาคว้าหมับที่กระป๋องก่อนจะยัดมันใส่มือเขา นายชะงักเพราะคำว่าวันเกิด เขายื่นมือออกไปอย่างเสียมิได้ พี่ชาหันมามองนายด้วยสายตาเศร้า ซึ่งเขาไม่รู้ว่านั่นหมายความว่าอะไร แต่ที่รู้ๆ คือเขานี่แย่ชะมัด ไม่รักษาน้ำใจของพี่ชาเอาซะเลย แสดงท่าทีเย็นชาใส่ทั้งๆ ที่รุ่นพี่คนนี้จำวันเกิดของเขาได้ทุกปี



                “ก็ได้พี่”



                “มึงเป็นอะไรไอ้สัด” ท้ายประโยค ชาพูดด้วยเสียงยานคาง ประกอบกับหน้าแดงๆ ทำให้นายรู้ว่าคนที่มาพร้อมกับถุงร้านสะดวกซื้อคนนี้คงจะดื่มมาก่อนหน้านี้แล้ว



                “ไม่ได้เป็นอะไรครับ แต่ขอบคุณว่ะพี่...ที่นึกถึงผม”



                “หึ กูก็นึกถึงมึงตลอดแหละ มีแต่มึงที่นึกถึงแต่ไอ้...” พี่ชาพลิกตัวเท้าศอกทั้งสองข้างระเบียงเก่าๆ หันหน้าเข้ามามองผ้าม่านสีเทาที่ไหวเพราะแรงลม



                “อะไรนะพี่”



                “ช่างเหอะ เออ กูมีเค้กให้มึงด้วยนะ ซื้อที่เซเว่นว่ะ” พี่ชายิ้มมุมปากแล้วเดินนำเขาเข้ามาในห้อง



                “พี่ชา จริงๆ ไม่ต้องก็ได้นะพี่” เขาแปลกใจเล็กน้อย โตจนป่านนี้แล้ว นายไม่ต้องการเค้กเหมือนเด็กๆ อีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพี่ชาจะไม่คิดแบบนั้น



                “เหอะน่า... วันเกิดมึงทั้งทีจะมาอยู่ในห้องเงียบๆ คนเดียวได้ไงวะ” พี่ชาเอ่ยพลางมองเขานิ่ง ทั้งเขาและพี่ชานั่งอยู่บนโซฟาแคบๆ สองที่นั่ง รุ่นพี่ตัวสูงเกือบเท่าเขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่ม นายได้ยินเสียงน้ำเหลือก้นกระป๋องเล็กน้อย คงเป็นเพราะพี่ชายกดื่มจนเกือบหมด รุ่นพี่คณะวางลงกระป๋องเบียร์บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาก่อนจะจัดการกับถุงพลาสติกข้างๆ กัน



                และเพราะนั่งตรงนี้ นายถึงเห็นนาฬิกากลางห้องชัดเจน



                ....สองทุ่ม? พี่ปั้น!?!...



                นายตกใจจนเกือบจะลุกพรวดแต่คนข้างๆ กดบ่าเขาไว้อย่างรวดเร็วเช่นกัน และตอนนั้นเองเขาถึงรู้ว่า เปลวไฟจากเทียนเล่มเล็กๆ อยู่ตรงหน้าเขานี่เอง



                “เป่าเทียน อึก มึงเป่าเทียนสิ”



                “พี่เมาแล้วนะ”



                “กูไม่ได้...เมา ไอ้ห่า เบียร์สี่ห้ากระป๋องทำอะไรกูไม่ได้หรอก เร็วววว เป่า! เทียนหยดลงเค้กหมดแล้วเนี่ย” พี่ชาถือเค้กไว้บนฝ่ามือซ้ายที่เริ่มโงนเงนไปมาเล็กน้อย ส่วนมือขวาก็จับไหล่เขาแน่น แสงไฟสะท้อนอยู่ในตาของเขาและพี่ชาไหวไปมา นายพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว



                “มองทำไมเป่าดิวะ อ๋อ เออ...กูลืมร้องเพลง ทำไมไอ้เอ็มเจกับไอ้แดมไม่เห็นมาร้องเพลงเลย กูร้องเองก็ได้ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู้ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู้..ยู....”



                เขามองหน้าพี่ชานิ่งตัดสินใจพูดออกมาแม้จะรู้ว่ามันฟังดูแย่



                “พี่ชา...ผมขอโทษ ผมต้องไป” ในหัวเขามีแต่หน้าพี่ปั้นเต็มไปหมด เขาต้องไปหาพี่ปั้นตอนนี้ เวลานี้ นายหวังว่ารุ่นพี่จะเข้าใจ



                แต่ว่าพี่ชากลับไม่เข้าใจ...



                “ทำไมวะ มึงจะไปหาปั้นหรือไง!” รุ่นพี่ตะโกนลั่น เค้กที่อยู่บนฝ่ามือตกลงบนพื้น จนเปลวไฟที่โดนแรงของกระแทกจากเค้กดับลง เขาหันไปมองหน้าพี่ชาด้วยความตกใจแล้วพบว่าพี่ชากัดริมฝีปากคล้ายกับว่ากลั้นความรู้สึกบางอย่างอยู่



                “ผมขอโทษจริงๆ พี่” นายเข้าใจเมื่อกี้นี้เอง... ว่าสายตาของพี่ชาหมายถึงอะไร เขารีบลุกขึ้นยืนคว้ากุญแจรถบนโต๊ะ พลางมองซ้ายขวาหาโทรศัพท์ของตัวเอง



                “หาไอ้นี่หรอ” พี่ชาชูมือถือของเขาขึ้น รุ่นพี่มองหน้าจอสีดำสนิทแล้วแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดเสียงเบา “มันไม่มาหรอก”



                “ขอให้ผมเถอะครับ ผมเป็นห่วงพี่ปั้น”



                ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อพี่ปั้นต่อหน้าพี่ชา เขาไม่อยากมองพี่ชาแย่ไปกว่านี้เพราะรู้เรื่องการกระทำในอดีต นายบอกตัวเองเสมอว่ามันไม่เกี่ยวกัน เพราะพี่ชาก็เป็นรุ่นพี่ที่ดีสำหรับเขาและเพื่อน แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ เขาเป็นห่วงพี่ปั้นจนแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว



                 “ห่วงปั้น? กูไม่เข้าใจทำไมมึงถึงชอบวิ่งตามคนที่ไม่สนใจใครอย่างมันด้วยวะ”



                “ขอ ให้ ผม ” นายกัดฟันพร้อมกับกำหมัดแน่นทันที แค่ได้ฟังประโยคนั้นนายจึงรู้สึกถึงความโกรธของตัวเองที่สูงขึ้น พี่ชาไม่มีสิทธิ์ว่าพี่ปั้น พี่ชาไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเห็นตัวจริงของพี่ปั้นเลยแม้แต่น้อย มีแต่พี่ชาที่คอยทำร้ายความรู้สึกพี่ปั้นซ้ำๆ



                “มึงโกรธหรอ หึ ใช่สิ ก็กูไม่ใช่ปั้นนี่นะ อึก” พี่ชาที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนคนที่เขาเคยรู้จัก แววตาสีน้ำตาลดูตัดพ้อผสมน้อยใจยามเมื่อจ้องมองเขา



                “พอเถอะพี่ชา” เขาข่มความรู้สึกไว้ข้างใน เผลอกำหมัดแน่นขึ้นเพื่อระบายอารมณ์ แม้ว่าจะเป็นห่วงพี่ปั้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากให้พี่ชาคิดอะไรไปมากกว่านี้แล้วเช่นกัน



                “พี่เมามากแล้ว พี่จะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ผมจะต้องออกไปหา...”



                “กูไม่ได้เมา! มึงจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” ไม่ทันได้พูดจนจบ พี่ชาก็ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อเขา ใบหน้าและแววตาแดงก่ำ พี่ชาแรงเยอะพอสมควรทั้งๆ ที่ขาทั้งสองข้างเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่แล้วแท้ๆ นายจับข้อมือของรุ่นพี่ตัวเองไว้แน่น เป็นการบอกกลายๆ ว่าเขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว และนั่นเองทำให้ชานนท์เกร็งตัวอย่างโกรธจัด



                ...กูก็ไม่อยากเสแสร้งอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน!...



                “ทำไม! กูแตะต้องไม่ได้เลยหรอวะ  กูจะบอกให้มึงตาสว่างนะว่าไอ้คนนั้นของมึงน่ะมันไม่ได้ใส่ใจมึงเลยซักนิด”



                “พอเถอะพี่ชา”



                “หึ คนอย่างมันนะ..คนที่มึงชอบน่ะมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาดเท่านั้นแหละ”



                “บอกให้หยุดพูดไงวะ!!”



                “กูไม่หยุด! ไอ้ปั้นมันเห็นแก่ตัว กูถามหน่อยมันชอบมึงบ้างรึยังหรือปล่อยให้มึงตามดูแลแบบนี้!”



                “พี่ปั้นจะรู้สึกยังไงกับผมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่วะ!!” นายตะโกนลั่น มือทั้งสองข้างบีบข้อมือชานนท์แน่น ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองหลงรักพี่ปั้น เขาไม่เคยคิดเรียกร้องอะไร เพราะพี่ปั้นคือคนสำคัญ จะไหนฐานะอะไร หรือต้องรอนานแค่ไหนเขาก็ยอมทั้งนั้น



                “อึก ก็เพราะ เพราะกูเป็นพี่มึงไง! แม่ง...เพราะคนที่อยู่ข้างๆ มึงก็คือกู แต่มึงไม่เคยรู้อะไรเลย! แค่กูที่มาก่อน...ไม่ใช่ไอ้ปั้น ฮึก ทำไมต้องเป็นมัน...ทำไมไม่ใช่กูที่ชอบมึงมาตลอ...” พี่ชาตะโกนลั่นไม่แพ้กัน มือที่จับคอเสื้อเขาเริ่มสั่น และไร้เรี่ยวแรง พอๆ กับน้ำเสียงของชานนท์ที่เริ่มขาดห้วง พี่ชาซบหน้ากับไหล่ของเขา นายยืนนิ่ง ทุกอย่างในสมองเริ่มสับสน เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่ออกมาจากปากพี่ชาอย่างแผ่วเบา ภาพเก่าๆ ก็ฉายซ้ำในความทรงจำ ...พี่ชา...รุ่นพี่ที่ดูแลเขา คอยช่วยเหลือตลอดมา...



                “อย่าชอบผมเลย” ...อย่าชอบเขาเลย ความรักทั้งหมดเขามีไว้ให้คนๆ เดียวไปแล้ว... นายเอ่ยคำขอของเขาออกมาอย่างยากลำบาก เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์พี่น้องต้องจบลงแบบนี้ เขามองหน้ารุ่นพี่ด้วยความเห็นใจแต่เพราะความรู้สึกเป็นสิ่งบังคับใครไม่ได้ พี่ชาชะงัก แววตาฉายแววตกใจแวบหนึ่ง ก่อนเงยหน้ามามองเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด



                “กูชอบมึง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำขอของรุ่นน้อง “...ถึงมึง อึก จะพูดยังไงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้” ชานนท์เม้มริมฝีปากแน่น ในใจเขาร้าวไปหมดเมื่อเห็นสายตาที่นายมองมาที่เขา ชานนท์รู้ว่าทันทีที่เขาพูดสามคำสั้นๆ นี้ออกไปสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือนายไม่ได้คิดกับเขาเหมือนที่เขาคิดกับนาย



                ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือฤทธิ์ความเสียใจกันแน่ที่ทำให้ชานนท์เก็บความรู้สึกต่อไปไม่ไหว



                “กูชอบมึง!!” ชานนท์พูดจนแทบเป็นเสียงตะโกน ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขารู้ดีว่าการปฏิเสธที่เจ็บปวดกำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า...แต่เขาอยากลองเสี่ยง



                คนตรงหน้าเขายืนนิ่ง



                และหลังจากนั้นคำตอบที่ชัดเจนดังก้องในห้องแคบๆ นี้



                 “ผมขอโทษ...นอกจากพี่ปั้นแล้วผมคงไม่รักใครอีก”



                เขารู้ว่ามันฟังดูโหดร้าย แต่ถึงอย่างนั้น...



                กึก! กึก กึก



                จู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างชนกับประตูห้อง นายหันขวับไปที่หน้าประตูทันที ...พี่ปั้น!?... เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อย พี่ชาก็ปล่อยมือที่จับเสื้อเขาไว้คล้ายหมดเรี่ยวแรง เขาเอ่ยขอโทษอีกครั้งแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปกระชากประตูอย่างแรง



                ...ที่ตรงนั้นไม่มีใครเลย... มีเพียงถุงกระดาษที่บรรจุกล่องข้าวห่อไข่กับขวดโหลที่เต็มไปด้วยกระดาษรูปดาวห้อยอยู่ตรงลูกบิดประตู



                เพียงเท่านั้นหัวใจเขาก็ถูกบีบรัดอย่างรุนแรง



                “พี่ปั้น!” เขาตะโกนอย่างร้อนรน คว้าถุงนั้นแล้วก้าวขาไปด้านหน้า



                จากนั้นก็เริ่มออกวิ่ง…

 

                สายลมจากระเบียงที่เปิดไว้พัดเข้ามาในห้องเอื่อยๆ ชานนท์ค่อยๆ ทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นกระเบื้องเย็นๆ ในห้องของรุ่นน้องที่เขาก็แทบไม่รู้ตัวว่าความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้เปลี่ยนเป็นชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาหันมองก้อนเค้กที่ถูกทิ้งให้เย็นชืดหมดความหวานอยู่ตรงนั้น เทียนวันเกิดตรงกลางจมหายไปกับเนื้อเค้กเหมือนกับใจเขา

 

               “ถ้ากูบอกมึงเร็วกว่านี้ อึก...คนที่มึงรอ...”



                ในห้องที่เงียบสนิทไม่มีคำตอบให้เขา ชานนท์ยิ้มแล้วมองเค้กก้อนนั้น



                “...จะเป็นกูบ้างได้ไหมวะ”

 









                ตุบ! ตุบ! ตุบ!

 

               นายวิ่งมาตามโถงทางเดินชั้นหนึ่งของหอพักก่อนจะวิ่งผ่านลุงยามที่เอาแต่จ้องโทรศัพท์มายังลานจอดรถ เสียงฝีเท้าและเสียงหัวใจเต้นดังผสานกัน ระหว่างทางไม่มีวินาทีไหนเลยที่เขาจะไม่มองหาพี่ปั้น แต่ว่าทำไม ทั้งๆ ที่ห่างกันไม่กี่นาทีแต่ที่นี่กลับ...



                ...ไม่มี

                ไม่มีพี่ปั้น...



                “พี่ปั้น!”



                 นายวิ่งหาจนทั่ว เขาควานหาโทรศัพท์ทั่วกระเป๋ากางเกง แล้วก็พบว่าพี่ชายังไม่ได้คืนให้แก่เขา เขาเท้าเอวด้วยมือซ้าย อกกระเพื่อมด้วยความเหนื่อยหอบ สมองขาวโพลนขณะเดียวกันหัวใจก็วูบโหวงอย่างหาสาเหตุไม่ได้



                “อยู่ไหน พี่ปั้นอยู่ที่ไหนครับ”



                นายพึมพำพลางกวาดสายตาไปรอบๆ เขากลับมายืนตรงหน้าหอพักอีกครั้ง เขามั่นใจว่าพี่ปั้นยังไม่ได้ไปไหนไกล แต่เมื่อมองรอบๆ แล้วไม่พบใครเลย นายกำหมัดแน่นระบายอารมณ์อีกครั้งหนึ่งก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ลุงยามเพื่อขอยืมโทรศัพท์ แต่แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งกอดเข่าอยู่บนชิงช้าขึ้นสนิมข้างหอพัก ข้างๆ กันเป็นกระถางต้นไม้ใหญ่ที่เกือบจะบังร่างคนๆ นั้นจนมิด



                นายรู้สึกร้อนที่กระบอกตา เมื่อพี่ปั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แววตาเศร้าสร้อยที่มองมาทำให้เขาหายใจไม่ออก เขาเห็นแค่นั้นจึงได้แต่เรียกชื่ออีกคนด้วยเสียงแผ่วเบาเท่านั้นเอง



                “พี่ปั้น...”

               







                เอี๊ยด อ๊าด เอี๊ยด อ๊าด



                ผ่านมากว่าสิบนาทีที่พี่ปั้นไม่พูดอะไรเลย และเขาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ดูเหมือนว่าพี่ปั้นมีหลายเรื่องให้คิด นายลอบมองพี่ปั้นด้วยความกลัว กลัวว่าเอ่ยคำใดซักคำ พี่ปั้นจะหายไป...จากเขา



                “ขอโทษนะครับพี่ปั้น” เขาเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงชิงช้าไหว ...เป็นเพราะเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป และนั่นทำให้คนข้างๆ หันหน้ามามองเขาอย่างแปลกใจ



                “ขอโทษเราทำไม”



                “ผมเสียใจ แค่ปกป้องพี่ปั้นจากคำพูดคนอื่นยังทำไม่ได้เลย” เขาเชื่อว่าพี่ปั้นได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น พี่ปั้นถึงได้นิ่งไปแบบนี้ แววตาของพี่ปั้นเหมือนกับวันที่ได้เจอพี่ชาอีกครั้ง



                “เราต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอโทษ เราเห็นแก่ตัวจริงๆ นั่นแหละ ไม่แปลกที่ชานนท์จะพูดแบบนั้น” ข้าวปั้นในตอนนี้สับสนเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา กี่ครั้งแล้วที่คำพูดและการกระทำของชานนท์มักจะทำร้ายเขาเสมอไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง



                “พี่ปั้น! อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว” นายเผลอพูดเสียงดัง แต่ถึงอย่างนั้นพี่ปั้นเห็นแล้วก็ยิ้มบางๆ เป็นยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาชาวาบ



                “เราไม่เป็นไร”



                “พี่ปั้น...”



                หยดน้ำตาร่วงผล็อยยามเมื่อเขายื่นมือไปกุมหน้าพี่ปั้นไว้ น้ำตาของพี่ปั้นหยดลงบนหลังมือ มันร้อนซึมเข้าไปในใจของเขา นายทนเห็นพี่ปั้นร้องไห้ไม่ได้ เขาจึงรั้งต้นคอพี่ปั้นให้ซบกับบ่าตัวเอง



                “พี่ปั้นไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่เป็นผมเองที่ยืนยันที่จะรอ ผมรอได้ครับ พี่ปั้นไม่ต้องรีบ ผมบอกแล้วไงครับกว่าจะถึงวันนั้นผมจะเป็นคนที่ชอบพี่ปั้นซ้ำๆ เอง พี่ปั้นเป็นพี่ปั้น ผมก็เป็นผมเหมือนเดิม...”



                พี่ปั้นปล่อยให้น้ำตาไหลบนบ่าเขาเงียบๆ พี่ปั้นผละออกจากกอดก่อนจะเงยหน้าสบตาเขา



                “นายรู้ไหม...เพราะนายเป็นแบบนี้ บางทีเราก็ชะล่าใจ นึกชอบความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนแบบนี้  แต่มาวันนี้... ตอนที่ชานนท์บอกชอบนาย เราถึงรู้สึกตัว นายไม่จำเป็นต้องรอคนขี้ขลาดอย่างเราเลย นายจะไม่รอเราแล้วก็ได้...อุ๊บ”



                เขาโกรธและอยากลงโทษพี่ปั้นทันทีที่ได้ยินคำนั้น ไวเท่าความคิดนายยื่นมือไปยึดท้ายทอยพี่ปั้นไว้ เอียงหน้าแล้วทาบริมฝีปากลงบนกลีบปากสีแดงนั้นอย่างรวดเร็ว พี่ปั้นยกมือดันหน้าอกของเขา และไม่นานมือทั้งสองข้างก็เปลี่ยนมาจับเสื้อเขาแทน



                “อย่าพูดทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจสิครับ ผมเจ็บนะ” นายกระซิบชิดริมฝีปากพี่ปั้นหลังจากถอนจูบ ดวงตาโตช้ำของข้าวปั้นสั่นไหวเมื่อได้ยินคำว่าเจ็บ



                “เราขอโทษ...”



                ทั้งนายและข้าวปั้นสบตากันอยู่แบบนั้น เพราะไม่เหลือใคร นายถึงกลัวว่าพี่ปั้นจะปล่อยมือจากเขา เขารู้สึกได้ว่าที่ผ่านมาพี่ปั้นหวั่นไหวกับเขา พี่ปั้นเปิดใจให้เขากว่าใครคนอื่น มีเขาคนเดียวที่เห็นพี่ปั้นแบบที่คนอื่นไม่เห็น ทุกอย่างทำให้เขามั่นใจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...ตอนนี้เขากลับเริ่มกลัวซะแล้ว



                “พี่ปั้นครับ อย่าผลักไสผมเลย” นายไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอ้อนวอนอีกคนผ่านสีหน้าแบบไหน และกลายเป็นนายเองที่โถมตัวกอดข้าวปั้นแน่น เขาปฏิเสธพี่ชาอย่างไร้เยื่อใยแต่กลับขอร้องความรักจากพี่ปั้น



                “นาย...”



                เขากอดพี่ปั้นแน่นขึ้น “ถ้าพี่ปั้นไม่ต้องการให้ผมอยู่ใกล้ๆ พี่ปั้นแล้วจริงๆ ผมจะไปเอง”



                “...”



                “คนอื่นจะคิดยังไงกับผมก็ช่าง แต่ผมมีแค่พี่ปั้นคนเดียว อยากดูแลพี่ปั้นแค่คนเดียว ให้ผมรอพี่ปั้นนะครับ” เป็นเขาบ้างที่อยากจะเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้นนอกจากพี่ปั้นอย่างที่พูด



                “นายทำให้เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้นนะรู้ไหม” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ฝ่ามือที่เล็กกว่ายกขึ้นมากอดปลอบเขาเบาๆ เขาจึงตอบกลับไปด้วยเสียงหนักแน่น



                “ถ้าอย่างนั้น...ผมยอม”



                เนิ่นนานทีเดียวที่พี่ปั้นและเขากอดซับความรู้สึกกันอยู่แบบนั้น ข้างๆ หอพักในเวลานี้เงียบสนิท มีเพียงเสียงรถราจากถนนข้างนอกกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของชิงช้าเท่านั้น



                “นาย” ข้าวปั้นเรียกอีกคน ขณะผละออกจากอ้อมกอดของนายอีกครั้ง แววตาแน่วแน่ของพี่ปั้นพาลให้ใจเขากระตุบวูบ หรือว่านี่จะเป็นกอดสุดท้ายจากพี่ปั้น



                เขาหยุดความคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ เขาพาลโกรธตัวเองที่ไม่รีบออกไปหาพี่ปั้น เขาพาลโกรธพี่ชาที่ทำให้เรื่องยุ่งยากไปใหญ่ เขาพาลโกรธทุกอย่างที่ทำให้พี่ปั้นจะไปจากเขา



                “สุขสันต์วันเกิดนะ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่นายที่ทำให้นายเกิดมาบนโลกใบนี้”



                พี่ปั้นยิ้ม... แสงไฟนีออนข้างทางสาดแสงเข้ามาจนเขาเห็นเพียงเสี้ยวรอยยิ้มพี่ปั้นเท่านั้น นายชะงักพร้อมกับดวงตาที่สั่นไหว พี่ปั้นรู้...



                “...”



                “เราทำข้าวห่อไข่มาแล้วแต่มันคงเย็นหมด เรารีบมากแต่รถติดเกินไป เพราะว่าเป็นวันสำคัญของนาย เราพยายามแล้วแต่ก็มาช้าจนได้ แย่จังเนอะ”



                ...ไม่ครับ ไม่เลย...



                นายพูดในใจ เขาปิดกลั้นอารมณ์กลัวที่พุ่งทะยานของตัวเอง



                “เราพูดไม่ค่อยเก่ง ทำอะไรก็ไม่เก่ง แต่ขอบคุณนะ...เวลาอยู่กับนายเราก็เป็นตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”



                “...”



                “เราตั้งใจมาที่นี่เพื่อบอกกับนายว่า...”



                ดวงตาแดงช้ำของคนพูดมองมาที่เขาด้วยความมั่นคง และซื่อตรงแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นราวกับลูกตุ้มนาฬิกาบนหอคอยสูงที่หยุดเคลื่อนไหว



                “เราชอบนายมาแล้วหนึ่งพันครั้ง”



                “...”



                วินาทีนั้นเองลูกตุ้มนาฬิกาบนหอคอยสูงแกว่งไปมาอีกครั้ง เสียงของของมันดังเหง่งหง่างกังวานใสในใจของเขา







------
คิดถึงทุกคนมากค่ะ
ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ ส่วนเราคิดมากกว่าจะลงประหนึ่งคนบ้า
มาบอกความรู้สึกกันได้ที่ แท็ก #เรากับเขา
ปล.เพจเฟซบุ๊กพึ่งตัดสินใจทำค่ะ เสิร์ชJaevin ก็จะพบกัน มาเป็นคนเเรกของเพจกันค่ะ 55
ปล.สองขอฝากพื้นที่บอกว่าใครที่รอน้องเขากับคุณชาย รอเราก่อนนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2018 21:24:20 โดย jaevin »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พีคอ่ะที่ชาชอบนาย ถ้าในมุมของชาก็เจ็บปวดนะรักเค้าแต่เค้ารักคนอื่น
แต่นั่นแหละความรักมันบังคับกันไม่ได้ อีกอย่างชาเลิกว่าปั้นได้แล้ววววววว  :katai1:

พี่ปั้นบอกชอบนายแล้ว ประทับใจพี่ปั้น

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่ปั้นบอกน้องแล้วดีใจแทนปั้นปอบสงสารชานนท์แต่ไม่รักคือไม่รักถึงจะบอกช้าเร็วแค่ไหนก็คือไม่รักเปิดใจมองคนอื่นนะชานนท์อย่าว่าปั้นและอย่าสร้างปัญหาให้เขาสองคน

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ฮรืออ ดีใจแทนนายเลยอ่ะ นายไม่ต้องรอแล้วนะ พี่ปั้นเตียมใจนายแค่ไหนเนี่ยกว่าจะบอกชอบได้ และสุดท้ายพี่ปั้นยังน่ารักน่าบีบเหมือนเดิมเลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z3:



แอร้ยยยยยยยยย ชอบๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
จะคนมาก่อนมาหลัง คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่หรอกนะพี่ชา ทำใจเหอะ
ดูเหมือนจะมีคนเป็นลม ยาดมไหมน้องนาย 5555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พีคตรงพี่ชานี่แหล่ะ  :a5:

ชอบคำสารภาพรักของพี่ปั่นจังงงง พับดาวมาด้วย น่ารักจังเลยค่าา อยากจับกิน นุ่มนิ่มมากๆ  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด