END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]  (อ่าน 68080 ครั้ง)

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หนูปล่อยให้ผู้ชายลวนลามแบบนี้ได้ไงนะข้าวปั้น มันน่าจับตีก้นนัก ฮื่ยยยยยย หมั่นเขี้ยว น่ารักงี้ไม่ให้นายหวงได้ไง
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กรี๊ดตัวจริงเค้ามาเเล้ววว

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Act 8: เรา...กับสัญญาณไฟสีเขียว



                “นี่ฉันมานั่งผิดที่รึเปล่าเนี่ย ทำไมมันอึมครึมแบบนี้” ชมพู่เอ่ยขึ้นระหว่างที่บรรยากาศเฮฮากำลังดำเนินไปอย่างสนุกสนาน  อ่า...ยกเว้นตรงที่เรานั่งแล้วกัน มันอึมครึมอย่างที่ชมพู่ว่าจริงๆ นั่นแหละ เราหลบสายตาเขาที่นั่งตรงข้ามเราด้วยการตักอาหารมาใส่จานตัวเอง



                ...กินไปสิ จะมองเราทำไมกัน...



                “เออนาย ว่าแต่แกหายไปตั้งนานดูตัวสูงขึ้นนะ อ้อ...นี่รู้จักไว้สิ นี่เพื่อนรักพี่ ข้าวปั้น ปั้นนี่นาย...”



                ดูเหมือนตอนอยู่นอกสนามทุกคนจะพอรู้จักกันมาบ้าง พวกเขาพูดคุยกันอย่างไม่เคอะเขิน แต่เวลาอยู่ในสนามนี่คนละแบบกันเลยนะเนี่ย  เรามัวแต่คิด พอชมพู่เอื้อมมือมาโอบไหล่ เราจึงเงยหน้าขึ้นมองคนที่ชมพู่แนะนำให้รู้จัก



                “อ่า...”



                เขาพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย สายตาเขามองมาที่ไหล่เราก่อนจะเสมองอาหาร พึมพำอะไรคนเดียวเบาๆ



                “นานไปแล้วครับ”



                “ว่าไงนะ”  ชมพู่เลิกคิ้ว แต่เขาส่ายหน้าก่อนจะมองมาที่กลางโต๊ะ



                “พี่พู่ส่งทิชชู่มาให้หน่อยครับ”



                “อ๋อ เออๆ อะนี่...” ชมพู่เอามือออกจากไหล่เราแล้วหยิบทิชชู่ส่งให้นาย ก่อนจะหันไปหาน้องๆ “แล้วนี่พวกแกเป็นอะไรกันนั่งเงียบเป็นเป่าสาก”



                เพราะโต๊ะที่ร้านอาหารต่อกันยาว เราห้าหกคนก็เลยต้องมานั่งรวมกันอีกฝั่งของโต๊ะ  และดูเหมือนเขาจะมานั่งผิดฝั่งด้วยเพราะด้านข้างของเขาคือฟุนกับเหน็ง เพื่อนๆ มธ.ของเขานั่งตรงกลางเยื้องไปทางหัวโต๊ะทางนู้นกันหมด นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้บรรยากาศมันกร่อยสนิทแบบนี้ เรามาทำอะไรที่นี่...ที่เรานั่งอยู่ท่ามกลางนักกีฬาบาสมหาลัยเหล่านี้ก็เพราะชมพู่และโค้ชบังคับเราให้มาด้วย พวกเขาอยากตอบแทนที่เราไปช่วยทีม



                “ไม่มีอะไรคร้าบบบบบ” กี้ ฟุน เหน็ง ประสานเสียงตอบ โดยที่ชมพู่หรี่ตามองอย่างสงสัย



                “พวกมึงกุ้งผัดผงหรี่อร่อยชิบเป๋ง เชี่ยเจ็มแดกๆ”



                “หรี่หน้ามึงดิไอ้กี้”



                “สาดดดด”



                ถึงจะทำตัวเฮฮาแบบนั้นก็เถอะ เรารู้ว่าพวกเขาสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถาม ก็พวกน้องๆ น่ะเหมือนมีเครื่องหมายคำถามแปะไว้บนหน้าผากซะขนาดนั้น เหตุการณ์ข้างสนามก่อนหน้านี้ไม่มีใครพูดถึงอีก โดยเฉพาะกี้ที่นั่งหัวโต๊ะก็ไม่ค่อยคุยกับเราเท่าไหร่ ตอนที่นายดึงมือเราไปกี้ดูหัวเสียไม่น้อย เราหันไปมองน้องๆ ไม่นานก็รู้สึกว่ามีใครจ้องอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นนายแน่นอน 



                ...บรรยากาศอึดอัดจนอยากกลับบ้านแล้ว...



                “ปั้นแล้วแกจะขยุกขยิกทำไมเนี่ย อยากกลับบ้านหรอ”



                ...ใช่ๆ ชมพู่รู้ได้ไง... เรากำลังจะพยักหน้าแต่จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น เขาแก้มแดงปลั่ง เดินเซถลามากอดคอนาย และเป็นเวลาเดียวกับที่นายถามเราพอดี



                “อยากกลับรึยังครับ?”



                “ไอ้นายยยย กินหน่อยดิว้า โค้ชพี่กิมอนุญาตแล้วเนี่ยยยย” น้องคนที่มาใหม่ส่งเสียงยานคาง หยิบแก้วที่มีน้ำสีส้มจางๆ ที่ติดมือมาแนบริมฝีปากนาย



                “งานนี้โนแอลกอฮอล์นะ เมาได้ไงเนี่ย” ชมพู่เอ่ยขึ้นบ้าง เมื่อจุดรวมตัวตรงนี้มีพวกโค้ชมองมาขำๆ พวกเจ็มก็มองอย่างสนใจอยากจะร่วมวงด้วย



                “มันเมาโค้กพี่”



                เพื่อนอีกคนตะโกนมา กี้เลยปาก้อนกระดาษทิชชู่ใส่พลางทำเสียงโห่ในลำคอ โห่เพราะเสียดายแหงๆ เพราะน้ำสีส้มนั่นคงเป็นโค้กที่ผสมน้ำเปล่า



                “เสียดายเลยอะโค้ช โนแอลโนฟันนะคร้าบ” น้องเหน็งพูดเสียงดังจนทุกคนหัวเราะกันใหญ่ก่อนจะหันไปคุยกันตามเดิม



                “เอ..คนนี้หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอกันแถวๆ แถวไหนวะนาย ที่มึงไปบ่อยๆ อ่า...” จู่ๆ น้องผู้ชายหน้าตี๋ชะโงกตัวข้ามโต๊ะมาจ้องหน้าเรา จนนายต้องรีบดึงเอวเขาไว้ เรามองมือนายแล้วรู้สึกแปลกๆ ในใจ



                ...ทำไมต้องจับแน่นขนาดนั้นด้วย...



                “ใช่ไหมมึง...แถวเซ็นนน...โอ๊ย บีบท้องกูทำไมเนี่ยยยย”



                “ไอ้แดม เอาเอ็มเจไปเก็บดิ๊” ไม่รอให้พูดจบ นายรีบเรียกเพื่อนอีกคนทันที



                “เอ็มเจนี่ลูกครึ่งอะไรวะ หน้ามันออกจะตี๋” เหน็งถามขึ้นบ้างหลังจากที่ยกแก้วโค้กขึ้นดื่ม เป็นคำพูดแรกที่เขาเอ่ยขึ้นกับนายหลังจากผ่านเหตุการณ์กระอักกระอ่วนหลังเกมจบ               



                “ไม่ใช่ลูกครึ่งหรอกเว้ย เอ็มย่อมาจากมะลิชื่อแม่มัน ส่วนเจมาจากจีรนันท์ชื่อพ่อ พวกกูเลยเรียกมันว่าเอ็มเจ เรียกทีมาทั้งพ่อทั้งแม่” น้องแดมตัวสูงเดินมารับตัวเพื่อนจากนายเป็นคำตอบแทน เขากลั้นหัวเราะจนหน้าแดง



                “ไอ้สัด ฮ่าๆๆ” เจ็มสบถขำเป็นคนแรก ดูท่าเขาจะคลายความผิดหวังลงมามากแล้ว



                “ฮ่าๆ”



                “พวกมึงนี่ตลกว่ะ” กี้ส่ายหน้า ร่วมวงหัวเราะกับพวกน้องเจ็มและชมพู่ เราก็ยิ้มตามน้อยๆ ตัวใหญ่เหมือนกับยักษ์เมาโค้กหรอเนี่ย



                “พี่พู่คร้าบบ นักบาสมธ.ทางนี้อยากรู้ว่าคนที่นั่งๆ ข้างพี่ชื่ออะไรอะคร้าบบบ” ตอนน้องแดมลากน้องเอ็มเจกลับที่นั่ง ก็มีเสียงล้งเล้งดังมาจากหัวโต๊ะอีกฝั่ง คำถามนั่นทำเอาชมพู่เกือบจะสำลักน้ำ



                เราหันมองด้านขวาของชมพู่ก็เห็นเจ็มแล้วเราก็หันไปมองคนที่ถามอีกที



                ...อยากรู้ชื่อเจ็มทำไมไม่ถามเพื่อนล่ะ...



                “ถามทำไมคะน้อง” ชมพู่ตะโกนถาม



                “โค้ชศิลปากรบอกว่าอยากรู้ชื่อให้ถามพี่พู่อะครับ”



                “ปั้นแกสลับที่ฉันมา” ว่าแล้วชมพู่ฉุดเราลุกขึ้น



                ...เฮ้ๆ ขอหยิบจานข้าวเราก่อน...



                “แล้วนี่พวกแกไม่ปกป้องพี่ปั้นของพวกแกแล้วหรอ” ชมพู่ถามน้องๆ หลังจากที่สลับที่นั่งกับเรา



                พวกเขาสี่คนมองหน้ากันเงียบๆ ก่อนที่กี้ยักไหล่กวนๆ ส่งไปให้ชมพู่



                “พี่ปั้นเขามีคนปกป้องแล้วครับ” น้องฟุนป้องปากพูดขึ้นเบาๆ ส่วนเราก็ขมวดคิ้ว หมายความว่าไง เราสบตากับนายแวบนึงและพบว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว เอ่อ ...ต้มยำนี้ก็อร่อยเหมือนกัน...



                “อะไรของพวกแกเนี่ย”



                “แข่งบาสมาหลายที พึ่งรู้ว่าสตาฟศิลปากรนี่น่ารักไม่หยอกเลยนะครับ”



                “เชี่ยกรพูดไรวะ” น้องแดมร้อง หันมามองทางฝั่งเราหวาดๆ ไม่รู้ว่ามองใครแต่คนๆ นั้นทำให้แดมรีบอุดปากเพื่อนทันที เขาโวยวายใหญ่ สะบัดมือแดมทิ้งแล้วพูดต่อ



                “จริงๆ แล้ว อย่างพี่คนนี้เขาไม่เรียกน่ารักเว้ย ต้องงี้ๆ เดี๋ยวนี้เขามีคำเรียก อ้อๆๆ ผู้ชายสายละมุน”



                “งั้นกูก็เป็นได้ดิ นี่ๆ กูโจ๋ นิปปอนบอย ผู้ชายสายละมุด” อีกคนก็ตะโกนขึ้นบ้าง พวกเขาหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน



                “ไอ้เชี่ย ได้กลิ่นมาเลย”



                “ฮ่าๆๆๆ”



                “ตกลงชื่ออะไรนะครับ”



                “ทีมมศกไม่บอกหรอกเว้ย!!!” น้องเจ็มพูดเสียงดัง เพื่อนในทีมศิลปากรก็โห่กันใหญ่ บางคนไขว้แขนเป็นรูปกากบาท แล้วทางนั้นก็ทำเสียงเสียดาย สุดท้ายก็ยอมแพ้ในทีมเวิร์คไม่เซ้าซี้ถามอีก พอทุกคนจบประเด็นนี้ เราเลยหันมาถามเจ็มที่นั่งข้างเรา



                “น้องเจ็ม เขาอยากรู้ชื่อทำไมไม่บอกเขาไปล่ะ”



                เจ็มเลิกคิ้ว อ้าปากค้างน้อยๆ มองเราด้วยสายตาอึ้งๆ



                “โอ๊ยพี่ปั้นนนน” น้องฟุนกับน้องเหน็งลากเสียงยาว



                “อยากเอ็นดูแต่กลัวโดนต่อยอะ” ส่วนนี่น้องกี้



                “ปั้นเอ๊ยยยยยย” แล้วนี่ชมพู่



                ทำไมทุกคนต้องทำเสียงแบบนี้กันหมดนะ



                ...แล้วนายจะส่ายหน้าใส่เราทำไมเนี่ย...

 







                เราออกมารับโทรศัพท์ที่ห้องน้ำด้านหลังร้านอาหาร นี่ก็เกือบจะทุ่มแล้วตั้งแต่ออกจากมหาลัยมา แม่เราโทรมาถามว่าจะกลับบ้านรึเปล่า เราไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี จะกลับก่อนก็เกรงใจผู้ใหญ่ ดูแล้วคงไม่ได้กลับแหงๆ เฮ้อ อยากกลับบ้านเราต้องการกลับไปอยู่ในโซนปลอดภัยของเรา...



                “พี่ปั้น”



                “แม่เดี๋ยวปั้นโทรบอกอีกที ถ้าดึกก็ไม่กลับครับ ครับ ครับแม่ หวัดดีครับ”



                “คุณน้าหรอครับ”



                “อ๋อ อืม...”



                เราว่าระหว่างเรากับเขามีอะไรแปลกๆ ก็ตั้งแต่ที่เขาลากเราออกมาไม่พูดไม่จาแถมยังต่อว่าเราเรื่องกี้จนเถียงไม่ทัน ทำเอาเรากลืนคำขอบคุณลงคอไปจนหมด ไม่ทันได้คุยอะไรกัน โค้ชมธ.ก็ตะโกนบอกให้นายรีบไปเปลี่ยนชุด เราก็เลยต้องจบบทสนทนาระหว่างกันด้วยบรรยากาศมืดครึ้มเหมือนฝนจะตกไว้แบบนั้น



                “เอ่อ...มาเข้าห้องน้ำหรอ” เราชี้ไปด้านข้าง เขาปรายสายตามองตามเล็กน้อย เขาคงจะคิดว่าคำถามเราไม่เข้าท่าเอาซะเลย



                “มาตามพี่ปั้นนั่นแหละ เดี๋ยวก็มีคนมาจับตัวพี่ปั้นอีก” เราขมวดคิ้วน้ำเสียงเจ้าเด็กนี่เหมือนประชดชอบกล แถมยังห้วนไม่น่าฟังอีกด้วย



                “จับอะไร”



                “ขนาดคนเยอะแยะมันยังจับ ที่มืดแบบนี้มีหวังโดนลากไปไหนต่อไหน” และเราพึ่งรู้ว่ามันไม่ได้แค่เหมือนพูดประชดหรอก



                “นาย! นายดุเราตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ เราไปทำอะไรให้นายดุนักหนาหรอ”



                “พี่ปั้นให้ไอ้กี้จับตัวได้ไง ไม่ระวังตัวเลย ดูท่าทางมันก็รู้ แล้วไหนบอกว่าจะนั่งดูเฉยๆ ไม่ใช่หรอครับ หันมาอีกทีพี่ปั้นก็มาเป็นสตาฟแถมให้มันเข้าใกล้ขนาดนั้น ถ้าผมไม่เข้าไปป่านนี้มันจับทั่วตัวพี่ปั้นแล้วใครจะรู้” ทำไมยิ่งเขาพูดเสียงเขายิ่งเพิ่มระดับขึ้น และเขายิ่งพูด เราก็เหมือนจะตัวเล็กลง...เล็กลง...



                “ก็...นั่น น้องเขาเล่นเฉยๆ มั้ง” เราพูดอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตาเขา เราคิดว่ากี้ไม่ได้คิดอะไรนี่ แถมน้องๆ ทีมบาสก็ดูเป็นขี้เล่นและ เอ่อ... เขาแทบจะถลึงตามองเราแล้ว



                “มันไม่เล่นแน่นอนครับ เพราะที่ผมเห็นมันคือการลวนลาม มือมันวน...แม่ง...” เขาสบถในลำคอเสียงเบา



                พอทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาบวกกับคำพูดของนาย เรายิ่งตัวเล็กลงไปอีก  “...ตอนนั้นเราก็อึดอัดแต่ก็ไม่รู้จะบอกยังไง เราผิดเอง”



                ...นายจะกลายเป็นยักษ์แล้วนะ...



                 “งั้นรู้รึยังว่าทำไมผมต้องดุ”



                เราเงยหน้ามองเขา มองแบบไม่กระพริบตาเลยด้วย



                เขาถอนหายใจก่อนจะพูดเสียงอ่อนลง “ถ้าพี่ปั้นยังไม่ปฏิเสธคนแบบนี้พี่ปั้นจะแย่เอานะครับ”



                “งั้นเราต้องปฏิเสธนายได้ด้วยใช่ไหม?



                “ยกเว้นผมคนเดียว เพราะผมไม่เคยคิดร้ายกับพี่ปั้น”



                เขายังเป็นจอมเผด็จการเหมือนเดิม



                “นายน่ะตัวร้ายเลย”



                “ว่าไงนะครับ”



                “เปล่าๆ เออ แล้วเรื่องกลับบ้าน เราไม่รบกวนนายหรอก เราจะนอนที่หอ...”



                “...” สายตาคมกริบส่งมาให้ เหมือนกับว่าเราพูดอะไรผิดนักหนา ทำไมวันนี้เขาไม่เหมือนนายคนเดิมเลยนะ กลับมาเร็วๆ เถอะ เราไม่ชิน



                “เอ่อ...ก็...”



                “ผมไปส่งพี่ปั้นเอง กว่าจะเลิก รถคงหมดแล้วล่ะ”



                “แล้วนายจะส่งเราได้ยังไง”



                “ผมยืมรถเอ็มเจมา มันเมาโค้กคงขับรถกลับไม่ได้ แล้วอีกอย่างเกมนี้ผมชนะ ผมขอรางวัลกับพี่ปั้นแล้วนี่”



                “เราไม่เห็นรู้เรื่อง”



                “เฉไฉเก่งจริงๆ เล้ยย คนอะไร” เขาย่นจมูกก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวเราแรงๆ



                “เราพี่นายนะ! เราพี่!” เราป้องกันการโดนทำร้ายแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ “ปล่อยหัวเรานะเว้ย”



                “โอ๊ะ...พี่ปั้นพูดเว้ยได้ด้วยหรอ หึหึ”



                “โอ๊ยยย พอแล้วยอมแล้วๆๆ ถ้านายไม่ลำบากเรากลับด้วยก็ได้ ปล่อยยย”



                ขณะที่เรากำลังต่อสู้กับเขาอยู่นั้น เสียงชมพู่ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เราตกใจออกแรงผลักนายไป แต่แน่นอนว่าด้วยแรงเยอะๆ อย่างเราเนี่ยทำให้เขาถอยหลังไปครึ่งก้าวเท่านั้น



                “ปั้น! เข้าห้องน้ำนานจัง”



                “แม่พี่ปั้นมาตามแล้วน่ะ” นายพูดขำๆ ก่อนจะขยับตัวห่างจากเรา



                ...ดีมาก...



                “ปั้น!”



                “เราอยู่นี่”



                “บอกแม่ว่าไง ตกลงนอนที่หอใช่ไหม อีกซักพักก็เลิกแล้วเดี๋ยวฉันไปส่ง อ้าว นายมาทำอะไรตรงนี้”



                “อ๋อมาเข้าห้องน้ำครับ”



                ...เข้าตรงไหน นายยืนอยู่ตรงนี้ มั่ว!...



                “แล้วแกมองน้องทำไมแบบนั้นปั้น”



                “เปล่าๆ”



                “ตกลงยังไง” ชมพู่ถามอีก เราเหลือบมองเขาที่ใช้มือจิ้มอกตัวเองสองสามที



            “กลับกับผม” เขาพูดไม่ออกเสียง



            ...รู้แล้วน่า ย้ำอยู่ได้ อยากไปส่งมากใช่ไหม ด้ายย...



                นั่นเราคิดแต่ที่เราตอบออกไปคือ “ชมพู่คือเราว่าจะกลับบ้าน...”



                “ให้ฉันขับรถไปส่งที่บ้านใช่ไหม?”



                “เอ่อ ไม่ๆ พอดีเราจะกลับกับเขาน่ะ”



                “หือ เขาไหน?”



                “นายน่ะ” เราชี้ไปทางเขา ชมพู่ขมวดคิ้วฉับ



                “นาย?” เธอชี้ตามถามเสียงสูง “นาย มธ.คนนี้อะนะ?”



                “ใช่ เขา...คือ...บนรถเมล์...” เราอ้ำอึ้งบอกแค่นั้น เเละชมพู่ก็เหมือนจะเข้าใจทุกอย่างในภายในสองวินาที



                “เฮ้ย! นาย? นาย! นี่แกเป็นคนบนรถเมล์นั่นหรอ!!” ชมพู่ร้อง เราพยักหน้าหงึกหงัก เพื่อนเราเบิกตาคู่สวยขึ้นก่อนจะยิ้มเหี้ยม



                 “ปั้นแกเข้าไปข้างในก่อนฉันมีเรื่องจะคุยกับ ‘นาย’ นี่ซักหน่อย” ชมพู่ปราดสายตาไปมองนาย เราชักกลัวขึ้นมาตงิดๆ



                เราเดินมาที่ทางเข้าร้านอาหารงงๆ แต่ก็ไม่วายหันไปถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ “เอ่อ คือ...ให้เราไป...ก่อน”



                “เข้าไปเดี๋ยวนี้ ส่วนนาย มานี่เลย!” ชมพู่พูดเสียงดัง เราตกใจรีบเดินเข้ามาทันที ได้ยินเสียงแว่วๆ จากคนที่ขอความช่วยเหลือเบาๆ เท่านั้น               



                “โอ๊ย พี่พู่อย่าดึงหูผม...พี่ปั้นช่วยด้วยครับ”



                “แกรู้ไหมว่าแกทำให้ปั้นของฉันคิดมาก เอ๊ะ ที่กลับมาเล่นบาส ไม่ใช่เพราะอยากเจอปั้นหรอกนะ ไม่คิดว่าเล้ย...คนที่มาจีบปั้นจะเป็นแก...ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ แล้วนี่แกจะพาปั้นกลับอีกหรอ...”



                “โอ๊ยๆๆ”



               





                “ปั้น กลับถึงบ้านแล้วบอกฉันด้วยนะ ห้ามลืม เข้าใจมั้ย”



                เราจะได้กลับบ้านแล้ววว หลังจากลาทุกคนเสร็จ นายก็พาเรามาที่รถ เขาบอกว่าเพื่อนๆ เขาจะกลับไปกลับรถของมหาลัย ส่วนเขาจะตามไปที่มอทีหลัง มีเพื่อนบางคนของเขาขอติดรถมาด้วย แต่นายปฏิเสธเสียงแข็ง ขนาดเอ็มเจที่เป็นเพื่อนเขายังไม่ใยดีเลย เขาหายไปคุยกับชมพู่ตั้งนานสองนาน กลับมาชมพู่ก็อนุญาตให้เรากลับกับนายได้ ชมพู่บนว่าโลกมันกลมจนชักอยากจะให้โลกแบน ชมพู่รู้จักกับนายมาก่อน เธอถึงยอมให้นายไปส่ง



                ดังนั้นตอนนี้ชมพู่จึงมาส่งเราที่รถ นายประจำอยู่ที่คนขับ ส่วนเราก็นั่งในรถแล้วเพียงแต่เปิดกระจกคุยกับชมพู่ที่มองมาด้วยสายตาเป็นห่วง



                “เข้าใจไหม?”



                “โอเค ชมพู่บอกเราหลายทีแล้ว”



                “เออ บอกหลายทีก็อย่าลืม แล้วแก...นาย อย่าลืมที่คุยกับฉันล่ะ” ชมพู่มองผ่านเราไป



                “ไม่ลืมครับ”



                “ลืมอะไรกันหรอ”



                “ผู้ใหญ่คุยกันเด็กอยู่เงียบๆ”



                ...ก็อยากรู้มั่ง...



                “ไม่ยุติธรรม” เราบ่นอยู่คนเดียว อีกอย่างนะ...นายต่างหากที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่



                “หึหึ”



                “นาย แกหยุดมองเพื่อนฉันด้วยสายตาแบบนั้น สต็อป!” ชมพู่ยื่นมือเข้ามาบังหน้าเราไว้



                “พี่พู่มืดขนาดนี้ยังเห็นอีก”



                “ย่ะ ต่อให้มืดฉันก็เห็นสายตาแกชัดเจน...เออ แล้วก็...ขอบใจเรื่องไอ้กี้ ฉันจะเตือนมันเอง”



                “ฝากด้วยครับ ไปแล้วนะครับ”



                “อืม ขับรถระวัง”



                “ไม่ต้องเป็นห่วงครับเพราะพี่ปั้นอยู่ด้วย ผมขับระวังมากกว่าเดิมแน่นอน”



                “รีบไปได้แล้ว”



                “ชมพู่ถึงบ้านก็บอกเราด้วยนะ เจอกันวันจันทร์”



                นายเลื่อนกระจกปิดชมพู่เลยถอยห่างจากรถ และรถของเอ็มเจที่ในรถไม่มีเอ็มเจก็เคลื่อนตัวออกจากร้านอาหาร ในรถเงียบกริบจนเราทำตัวไม่ถูก เราเหลือบมองหน้าคนขับเล็กน้อย เราว่าเราควรจะพูดอะไรทำลายบรรยากาศเกร็งนี้ลงซักหน่อย



                “นาย”



                “ครับ?”



                “นายเหมือนพ่อเราเลย”



                ...ตุ๊ดตู่ นี่เราพูดอะไรออกไป...



                “แค่กๆ อะไร...ว่าอะไรนะครับ”



                “ไม่ใช่ๆๆ เราหมายถึงว่า เอ่อ...ก็ตอนที่เรามาเรียนที่นี่แรกๆ พ่อขับรถมารับ เราเหมือนได้เป็นเด็กอีกครั้งนึง มีพ่อมารับกลับบ้าน” เป็นเรื่องชวนคุยที่แย่ที่สุดเลยปั้นเอ๊ย



                “แล้วผมก็เลยเหมือนพ่อพี่ปั้นที่พาพี่ปั้นกลับบ้านหรอครับ” เขาทอดสายตามองพร้อมกับยิ้มบางๆ คล้ายกับว่าเอ็นดูหรืออะไรบางอย่างที่เราอธิบายไม่ได้



                “....”



                “มองใหญ่เลย ถ้าผมเหมือนพ่อพี่ปั้น แสดงว่าพ่อพี่ปั้นมีซิกแพ็คแบบผมใช่ไหมครับ”



                “จะบ้าหรอ พ่อเราไม่มีหรอก พ่อเรามีวันแพ็ค”



                “ฮ่าๆ งั้นผมเป็นผู้ชายคนสองที่พาพี่ปั้นไปส่งที่บ้านใช่มั้ยครับ” เขายิ้ม สายตาดูคาดหวังกับคำตอบ เรานึกสนุกในใจ



                “เปล่าหรอก นับจากพ่อแล้วก็มีคนขับรถตู้ กับคนขับรถเมล์ที่พาเราไปส่งที่บ้านอะ...อุ๊บ ฮ่าๆ ขอโทษ...เราขำหน้านาย”



                “พี่ปั้นเนี่ย...จริงๆ เลย ไอ้คำพูดตัดเยื่อใยจนผมหมดมู้ดเนี่ย”



                “ฮะๆๆ ไม่ไหว เราปวดท้อง” เขาปรายตามอง ขบเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว เรากลั้นขำ แล้วหันไปมองข้างทางแทน ตอนนี้ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท มีแต่แสงไฟจากริมทางกับรถเท่านั้นที่พอจะทำให้รู้สึกไม่น่ากลัว



                “เราไม่เคยกลับดึกขนาดนี้เลย”



                “ดีแล้วครับ พี่ปั้นต้องกลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดิน”



                “นายชอบพูดแบบนี้ แวมไพร์จะออกมาหรือไง”



                เขาส่ายหน้าเบาๆ ไม่ตอบอะไรจนเราได้แต่สงสัยเงียบๆ เราพูดอะไรผิดรึเปล่า



                และเพราะมันเงียบเกินไป เราเลยต้องกลายเป็นคนพูดมาก ซึ่งบอกเลยว่า...นั่นไม่ใช่เรานะ...



                “นายหายโกรธเราแล้วใช่ไหม?” เราถามขึ้นเมื่อเขาชะลอรถรอสัญญาณไฟจราจร เรามองเห็นไฟแดงกับเลขวินาทีที่นับถอยหลังอยู่ไกลๆ แต่ที่เราถามน่ะ...อ่า...เชื่อเถอะเราแค่หาเรื่องคุย ไม่ได้ติดใจกับเรื่องนี้จริงๆ นะ



                “โกรธอะไรครับ” เขาหันมองมอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย แสงไฟจากบริเวณสี่แยกทำให้เห็นใบหน้าเขาชัดเจน



                “ก็เรื่องเมื่อตอนบ่าย..” เราหลบตา เสมองเลขทะเบียนรถของคันข้างหน้า ใบหน้าบึ้งตึงในตอนนั้นไม่เหมาะกับเขาเลยซักนิด



                “...พี่ปั้น”



                “หือ?”



                “จริงๆ แล้วจะว่าโกรธมันก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอกนะครับ”



                “นายไม่ได้โกรธอย่างเดียวหรอ” เราเลิกคิ้ว หันกลับมามองอย่างสนใจ



                “มันเป็นอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไป...แบบว่า ถ้าจะเรียกให้ถูกก็...”



                “...”



                “...หึงหรือหวงอะไรทำนองนี้แหละครับ”



                “อะ...”



                ...นี่มัน...



                “พี่ปั้น...แก้มแดงจัง”



                ...ใครใช้ให้นายพูดพร้อมกับยิ้มแบบนั้นกัน...



                เราทำเป็นไม่สนใจความร้อนตรงบริเวณแก้มหรือใจที่เต้นผิดจังหวะของตัวเอง เงยหน้ามองแสงสีเขียวที่สะท้อนเข้ามาในรถ และรีบเปลี่ยนเรื่องให้เร็วที่สุด 



                “เขียวแล้ว”



                “หึหึ” เขาหัวเราะ ยื่นนิ้วชี้มาเคาะที่แก้มเราสองสามที “ไม่เห็นเขียวเลย...”



                “...”



                “ก็เห็นยังแดงเหมือนเดิม”



                ...เราหมายถึงไฟเขียวแล้วต่างหาก เจ้าเด็กบ้า...





___________

-ทำไมเเกรมาช้าเยี่ยงนี้-
ขออภัยทุกคนที่รอค่ะติดภารกิจเร่งด่วน
ปกติจะลงคุณชายก่อนเเต่ตอนนี้ไม่ทันล้าวว
คิดถึงทุกคนเเละคิดถึงพี่ปั้นด้วย
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
เข้าไปติดเเท็ก #เรากับเขา ได้ที่ทวิตเตอร์
เลิฟ ♡
ปล.ส่วนมากทุกคนเรียกพี่ปั้นว่าพี่ปั้น55 มีความเอ็นดู
 :L1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ 。Atlas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่ปั้นเหมือนมาร์ชเมลโล่ นุ่มฟูจังเลยค่ะ
น่ารักโดยธรรมชาติ มึน ๆ เด๋อ ๆ 555555
ไม่แปลกที่ใคร ๆ ก็เอ็นดู  :-[


นายนี่ก็ดูท่าจะขี้หึง ขนาดชมพู่ที่เป็นผู้หญิงและเป็นเพื่อนปั้นยังจะหึง กลัวแล้วว
เข้าข่ายโหดกับทุกคน แต่ละมุนกับเธอแค่คนเดียว -////-

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
อยากมีพี่ปั้นเป็นของตัวเอง ฮรือออ คนอะไรน่ารักก อยากเอากลับบ้านน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ปั้นหวั่นไหวขนาดนี้ก็คบเลยค่าาา  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ปั้นน่ารักก เขาถามชื่อพี่ปั้นไม่ใช่ชื่อน้องเจ็ม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
พี่ปั้นนนนนนนนนนนนนนรร
น่ารักมากกก อยากลักกลับบ้านนนน //////

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่ปั้นใสซื่อ 555

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คบกัน คบกัน คบกัน :hao7:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่ปั้นน่ารักมาก

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ใสมากกกกกปั้นเอ๊ย

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คนซื่่ออออออ  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ 0%

  • 0percent.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เขินก็ตรงเอานิ้วชี้มาเคาะเเก้มพี่ปั้นเนี่ยเเหล่ะ น่ารักกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เอ็นดูพี่ปั้น น่ารักกก

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Act 9: เรา...กับร่มสีน้ำเงิน


                (น้องนักศึกษารหัส 0557XXXX ใช่ไหมคะ?)



                “ใช่ครับ”



                (โทรจากหอสมุดนะคะ ที่น้องจองหนังสือไว้น่ะค่ะ)



                “อ๋อครับ”



                (พี่จะแจ้งว่าหนังสือที่ขอรับวันนี้ยังไม่ได้นะคะ)



                “ยังไม่ได้หรอครับ คือผมต้องใช้เสาร์อาทิตย์นี้...”



                (งั้น...เอางี้ ถ้าน้องรีบใช้ น้องไปขอรับเองที่ท่าพระแล้วกันที่จะโทรบอกเจ้าหน้าที่ให้ แบบนั้นจะเร็วกว่า)



                “อ่าครับ...”



                เพราะแบบนี้ เราถึงมาเยือนท่าพระ เราเคยมาครั้งแรกก็ตอนที่ชมพู่พามาเมื่อปีก่อน หลังจากเลิกเรียนคลาสเช้าเราก็ออกเดินทางทันที



                “เรียบร้อยแล้วค่ะ”



                “ขอบคุณมากครับ”



                ...เร็วแฮะ...



                เราเกาหางคิ้วเบาๆ ยืนมองหนังสือในมืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกมาหน้ามหาลัย ท่าพระเป็นที่ที่มีชีวิตมาก เรารู้สึกว่ามองทางไหนก็สวยแล้วก็มีเอกลักษณ์ กำแพงสีขาวสองฝั่งสะอาดตา พระราชวัง วัดที่รายรอบก็สวยแล้วก็มีเสน่ห์ ชาวต่างชาติทั้งเอเชีย ยุโรป เดินกันขวักไขว่ เรามองไปตรงหน้าแล้วตัดสินใจจะเดินเที่ยวรอบๆ ก่อนกลับบ้าน



                เราไม่ค่อยได้ไปไหนอยู่แล้ว อย่างที่รู้ๆ กัน วงจรชีวิตเราน่าเบื่อกว่าวงจรชีวิตยุงซะอีก



                “คุณป้าครับซื้อโดนัทถุงนึงครับ”



                “ได้จ้า ห้าสิบบาทจ๊ะ”



                ...ได้ขนมแล้ว แม่คงจะชอบ...



                “Hey you”



                เราเดินแกว่งถุงขนมข้ามถนนมาก็หันซ้ายหันขวา เหมือนจะมีคนเรียกเรานะ คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาหาเราที่ยืนอยู่คนเดียวคือผู้หญิงชาวต่างชาติคนหนึ่ง เราเดาว่าน่าจะเป็นคนจีน เธอสวมชุดกระโปรงยาวลายดอกสีฟ้าอ่อนและสวมหมวกสานใบใหญ่



                “sorry”



                “อะ...ครั... yeah?”



                “sorry can you take photo for I?” เธอแก้มแดงเล็กน้อยคงเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทย “photo photo” เธอพูดอีกครั้งพร้อมทำท่ากดชัตเตอร์ พยายามอธิบายคำขอด้วยท่าทาง



                “sure” เรารับกล้องดิจิตอลมาก่อนจะเดินตามเธอไปไม่ไกล ที่ตรงนั้นมีกลุ่มคนจีนยืนอยู่สามคน ทั้งหมดเป็นผู้ชาย เราถ่ายให้พวกเขาสองสามภาพแล้วส่งคืน



                “thank you thank you”



                เรายิ้มรับ กำลังจะตอบว่าไม่เป็นไร แต่เพื่อนผู้ชายคนนึงของเธอชี้มาที่เราแล้วพูดอะไรบางอย่าง ผู้หญิงเจ้าของกล้องเลยพยายามบอกเราเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเธอคงจะพูดไม่ค่อยเก่ง เราเลยขมวดคิ้วเล็กน้อย



                “selfie!” เธอร้องขึ้นเหมือนพึ่งนึกออก เพื่อนของเธอก็สำทับ “Yes! Yes! you selfie with us”



                พอเราพยักหน้าแบบมึนๆ พวกเขาก็ดันเรามาอยู่ตรงกลางแล้วก็นับหนึ่งสองสาม เราเลยหันไปมองกล้อง



                แชะ! แชะ!



                “thank you! You so cute!”



                พวกเขาทิ้งท้ายแล้วโบกมือเดินจากไปอย่างรวดเร็ว



                ...เรางง...



                จู่ๆ ก็มีเพลงนี้ขึ้นมาในหัวเรา



                ‘ฉันมาทำอะไรที่นี่’



                เกาแก้มตัวเองแก้เก้อสองสามทีแล้วเราก็หมุนตัวกลับ แต่ตอนที่จะหมุนตัวนั้นเราเห็นผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งโบกมือมาทางนี้อยู่ไกลๆ



                “เฮ้! เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้!” เอ่อ...แถมยังตะโกนดังมากด้วย



                เราสะดุ้งโหยง อย่าบอกนะว่ามีคนเรียกอีก เรียกใครไม่รู้หวังว่าคงไม่ใช่เรา เรารีบเดินจ้ำมาด้านหน้าให้พ้นรัศมีเสียงนั่น แต่ก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ตามมา เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเป็นอาชญากร เรารีบเดินเลียบทางฟุตปาธแคบๆ ผ่านร้านริมทางที่ขายพวกพระเครื่อง แต่เสียงเรียกก็ไม่หยุดซักที แถมยังดังชัดขึ้นอีกต่างหาก



                “พี่! หยุดก่อน!”



                ตุบ ตุบ ตุบ



                คราวนี้ไม่ใช่ต่างชาติแต่เป็นคนไทยซะด้วย ...ช่วยด้วยครับ เราโดนตามล่า...



                หมับ!



                “พี่! แฮ่กๆ หยุด แฮ่ก ก่อน”



                ทันทีที่ใครคนนั้นยืนมือมาแตะที่ไหล่ เราก็ตัวแข็งทื่อเหมือนเป็นเสาหินอายุพันปี อา...โคตรเว่อร์เลยเรา... เราสะบัดหัวแล้วตัดสินใจเงียบๆ เอาน่า อย่างน้อยร้านรวงก็เยอะออกขนาดนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราจะตะโกนลั่นเลย เขาคนนั้นวางมือไว้ที่ไหล่เรา ก้มหน้าหายใจเสียงดังฮืดฮาด หัวใจเราสูบฉีดแรงจนเจ็บไปหมด ความตื่นกลัววิ่งวนไปทั่วร่างกาย



                มันเหมือนภาพสโลโมชั่นแบบคูณสิบหก ขณะที่เราหันไปช้าๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นช้าๆ เช่นเดียวกัน เสียงที่เปล่งออกมาขาดห้วง



                “พี่...จะ..รีบ...ไป...ตาม...ควาย...ที่...ไหน”



                “...!!!”



                “แฮ่กๆ...หรอ”



                “...เอ่อ...”


[ ต่อด้านล่างค่ะ]             

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
[ต่อจากด้านบนค่ะ]


                “มาพี่ นั่งร้านนี้รอไอ้นายก่อน เดี๋ยวมันมาหา” เราเดินตามเจ้าของแผ่นหลังหนาๆ เข้ามาในร้านกาแฟบริเวณท่ามหาราช เขาเลือกที่นั่งริมหน้าต่างแล้วกระแทกตัวนั่งอย่างแรง มือทั้งสองข้างก็กระพือเสื้อไปด้วย หลังจากที่พนักงานมารับออเดอร์เราเลยถามเขาออกไป



                “ทิชชู่ไหม?”



                “ดีเลยครับ”



                “...นี่ทิชชู่”               



                “ใจพี่ ข้างนอกแม่งร้อนสัดๆ โทษครับพี่ คงไม่ชินกับคำหยาบ”



                “อ่า ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วเรารอนายคนเดียวก็ได้นะ เอ่อ แบบว่าถ้าเอ็มเจมีธุระก็...”



                “ไม่ได้ครับพี่ ไอ้นายสั่งไว้” เขาส่ายหน้ารัวๆ เหมือนว่าชื่อนาย มาจากคำว่าเจ้านายสำหรับเขา “พี่ ผมอยากกินไอติม ผมขอไปสั่งเพิ่มนะ พี่เอาป้ะ...ผมเลี้ยงติม ร้อนแบบเนี้ยกินติมแม่งเท่นะพี่”



                เราได้แต่มองค้าง เมื่อคนที่ถามเราไม่ยักจะรอฟังคำตอบ เดินลิ่วไปนู้นแล้ว



                ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 14.17 นาที นายข้าวปั้นที่หนีการไล่ล่าพบว่า...คนที่เรียกเขาคือเอ็มเจ นักบาสของมธ. และเขาก็เป็นเพื่อนต่างคณะของนายด้วย เขาตามเรามาทำไม นั่นคือสิ่งที่เราถามออกไปหลังจากนั้น



            “แป๊บพี่ หายใจแป๊บ...เออคือ...ผมไปกินข้าวกับพี่รหัสอยู่ทางนู้น แล้วเผอิญเจอพี่ถ่ายรูปให้ใครนะ...”



            “นักท่องเที่ยว”



            “เออ นั่นแหละๆ พวกตี๋ๆ อะ ผมคุ้นหน้าเลยแอบถ่ายรูปพี่ส่งไปถามไอ้นายว่าใช่พี่เปล่า แล้วไอ้เหี้ยนายก็บอกให้ผมรีบมาหาพี่ทันที เพราะมันโทรออกไม่ได้จารย์สอนอยู่ แต่เสือกพิมพ์ไลน์ได้”



            “อ๋อ...”



            “แล้วทีนี้พี่ มันฝากมาบอกว่าให้พี่รอมันก่อน อย่าพึ่งกลับ แต่มันกลัวพี่กลับก่อนไงเลยให้ผมมาอยู่กับพี่ก่อน เชี่ยนี่กวนตีนเนอะพี่ แม่งขู่ผมด้วยถ้าผมไม่มามันจะเอาขอบย้วยของผมไปทิ้ง งงๆ ทำหน้างง ขอบย้วยคือเกงในผมเอง ผมก็ดันกลัว ไอ้นายมันพูดจริงทำจริง”



            “อ่า....”



            “เฮ้ย แล้วพี่เป็นไร จำผมไม่ได้หรอ เอ็มเจอะพี่ เอ็มเจ!”



            ...เอ็มเจ เรากำลังปรับตัวกับคำไม่สุภาพของเอ็มเจอยู่...


               







                “นี่ค่ะ ชาเขียวเย็น  ชานมเย็น แล้วก็ไอศกรีมหกลูกกับท็อปปิ้งสี่อย่างนะคะ”



                “มาแล้วพี่ๆๆ ชาเขียวของพี่ ช้อนอะพี่ถือเร็ว..เดี๋ยวๆ ผมขอถ่ายรูปก่อน”



                “....”



                “เอาแจกันดอกไม้นี่เข้ามาในเฟรมด้วยดีกว่า เนอะพี่ จะได้ฮิปเตอร์ๆ”           



                แชะ!



                “เหยดดด เฮ้ย มุมไม่สวย ถ่ายไงวะ พี่รอแป๊บอีกสองรูปพี่”



                เอ็มเจนี่ดูมีคาแร็กเตอร์ดีนะ เราแอบคิดแล้วขำอยู่ในใจ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ้าง พอกดเปิดก็เห็นข้อความของนายขึ้นมาบนจอเป็นอย่างแรก ต้องบอกว่านอกจากเขากับชมพู่แล้วเราก็ไม่มีใครคุยด้วยหรอก เขาบอกให้เรารอก่อนพร้อมกับการอ้อนวอนผ่านสติ๊กเกอร์ เราพึ่งจะได้จับมือถือเพราะงั้นสติ๊กเกอร์ที่เขาส่งมาก็เด้งขึ้นมารัวๆ แถมยังบ่นใหญ่เลยว่ามาทำไมไม่บอก เราก็ลืมไปเลยว่าเขาเรียนอยู่แถวนี้



               
Khaopun
                รู้แล้ว เราอยู่กับน้องเอ็มเจ



                เราส่งกลับไป ไม่นานก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว เราดูดน้ำไปด้วยเลื่อนมืออ่านสเตตัสเพื่อนไปด้วย ไม่กี่วิหลังจากนั้น เอ็มเจก็ถามขึ้น ขอวงเล็บว่าเขากินไอติมไปแล้วด้วยสองลูกและมือซ้ายยังคงจับมือถืออยู่



                “พี่ คุยกับไอ้นายหรอ”



                “หือ..” เราเลิกคิ้วแต่ตายังจ้องมือถือ อ่านข่าวที่แม่แท็กมาให้เหมือนเดิม โห อะไรเนี่ย ขโมยอีกแล้ว



                “ก็เนี่ย มันส่งไลน์มาด่าผมเนี่ย ไอ้นี่มันบ้าพี่ บอกให้ผมมาอยู่เป็นพี่เสือกหวงซะงั้น อยากโดดเรียนก็บอกเหอะ ผมไม่ตอบมันหรอก”



                “เอ็มเจว่าอะไรนะ”



                “ไม่มีไรพี่ พี่ชิมรสนี้ ร้านเขาทำเองชีสไรเนี่ยอร่อยดี”



                เอ็มเจเลื่อนจานไอศกรีมมาตรงหน้าเรา คะยั้นคะยอให้ตัก เราก็เลยชิมเป็นมารยาท นิดเดียวนะ ไม่ชิมเยอะ ...โอ๊ะ อร่อยจริงด้วย...



                “ไงพี่ ทำตาว้าวเลย อร่อยใช่ได้เนอะ เอาอีกๆๆ ลูกนี้พี่หวานๆ เปรี้ยวๆ อะ”



                “เออ เอ็มเจ ขอบคุณมากนะที่ให้ยืมรถ”



                “เรื่องนั้นไอ้นายบอกผมแล้ว ไม่เป็นไรพี่ ชิมนี่ก่อน เป็นไงดีป้ะ” เขาเลื่อนมาอีก ดูท่าจะสนุกกับการพรีเซ้นท์ไอศกรีมให้เราลองชิม ชิมก็ได้ เดี๋ยวน้องเสียน้ำใจ



                ...หือ...



                “ตาว้าวอีกแล้ว”



                เราจะถามเอ็มเจว่าตาว้าวมันเป็นยังไง แต่เขาก็ชี้ที่ไอศกรีมอีกลูกนึง “อัลมอนต์พี่ คราวนี้ขอตาว้าวด้วยนะ”



                ...นี่มัน...



                “...อร่อยจริงด้วย...”



                แชะ!



                “ขออนุญาตส่งไปกวนตีนไอ้นายนะพี่ ฮ่าๆ เชี่ยนาย ตาลุกเป็นไฟแน่ กินอีกดิพี่”



                “พอแล้ว ขอบคุณมาก เราชิมหลายรสแล้ว”



                “โห่ ไรอะ...มาผมจัดการต่อเอง”



                เรามองเอ็มเจที่จัดการไอศกรีมแบบที่เขาว่าไม่นานก็มีเสียงแจ้งเตือนมาที่ไลน์เรา นายนั่นเอง ไม่ใช่ใครที่ไหน



            Nine naay
               เมื่อไหร่จะเลิกกกกกกกกกกก
               กินไอติมอร่อยไหมพี่ปั้น

         read Khaopun
                ไปเรียนหนังสือก็เรียนสิ
                หรือว่าหิว
อยากกินไอติมหรอ

            Nine naay
                ไม่ครับ
                อยากกระทืบไอ้เอ็มเจ
                พี่ปั้นนั่งตรงข้ามมันใช่มั้ย

             
read Khaopun
                ใช่
            Nine naay
                ดีครับ อยู่ห่างมันไว้นะ มันเป็นโรคบ้า

             
read Khaopun
                นายมั่วแล้ว

            Nine naay
                จริงๆ นะครับ ใกล้เกินสองฟุตเดี๋ยวเชื้อแพร่กระจาย



                เราเหลือบมองคนที่กินท็อปปิ้งจนเกลี้ยงแล้วไม่รู้ตัวเลยว่าเราค่อยขยับตัวชิดพนักพิงตั้งแต่เมื่อไหร่ ...ขอโทษนะเอ็มเจ...



                “พี่...ไม่กินแน่นะ...เดี๋ยวๆ เชี่ยนายบอกไรแปลกๆ กับพี่ป้ะเนี่ย ทำไมผมรู้สึกตงิดใจ”



                “เปล่าๆ”



                “แน่นา...เคๆ พี่ พี่จะทำงานก็ได้ ผมนั่งเล่นมือถือตรงนี้ไม่กวน เดี๋ยวไอ้นายก็เลิกแล้ว แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจผม ผมร้อนอยากหาที่นั่งพักเหมือนกัน”



                เราพยักหน้า หยิบหนังสือที่ยืมมาเมื่อกี้เปิดอ่าน ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศแล้วกัน หลังจากนั้นเราก็จมดิ่งอยู่ในจักรวาลของตัวหนังสือ

               

                ผลัวะ!



                “เฮ้ยเชี่ยไรวะ”



                “สัดเอ็มเจ ลืมชีทไว้ที่กูไอ้ห่า”



                “เอ้า พี่ชา ขอบใจว่ะพี่ แล้วรู้ได้ไงผมอยู่นี่”



                “เช็คอินแผ่หลาขนาดนั้น เชี่ย แทนที่กูจะได้กลับบ้านมึงนะมึงง”



                “ผมขอโทษษษษษ มาๆ กินไรมั้ยเลี้ยงง”



                “ไม่อะ แล้วมึงมากับใครเนี่ย”



                “พี่ผมเอง”



                “พี่อะไรทำไมกูไม่รู้จัก แหนะ ที่รีบวิ่งมานี่...อย่าบอกนะว่าแฟน”



                “เชี่ยพี่ชาไม่ใช่เว้ย อย่าให้ไอ้นายได้ยินเลยนะ”



                “ไรของมึง ไม่ต้องมาโวยวายกลบเกลื่อน ไอ้นี่ น้องกูแมนหน่อยดิวะ”



                “โอ๊ยยยยย ปล่อยผม บีบคางกูทำไมเนี่ยเชี่ยพี่ชา”



                กึก!



                เราสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เอ็มเจชนโต๊ะจนขาโต๊ะเลื่อนมาชนเรา เรากำลังจะเงยหน้าขึ้นแต่สายตาเหลือบไปเห็นแจกันเอียงกะเท่เร่จะหล่นจากขอบโต๊ะ



                “เฮ้ยพี่!! แจกันจะหล่น!”



                “เฮ้ยยยย!!”           



                หมับ หมับ



                เรายื่นมือไปคว้าด้วยอารามตกใจ พร้อมๆ กับคนมาใหม่ที่ยื่นมือออกไปรับแจกันเช่นเดียวกับเรา



                คนๆ นั้นสบตาเรานิ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มวูบไหวไปเพียงนิดเดียว และ...เป็นเราที่เบิกตากว้าง



                “....ชานนท์”



                “ปั้น”

               




                “พี่ปั้น...”



                ...แปลกจัง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ร้อนออกขนาดนั้น...



                “โอ้โห มาแล้วพี่ปั้น คราวนี้พี่ปั้นลองข้าวหน้าหมูทงคัสซึดู ชิมก่อนถ้าไม่อร่อย กินข้าวหน้าเนื้อเหมือนเดิม”



                ...ตอนนี้กลับมืดครึ้มเหมือนฝนจะตกซะอย่างนั้น...



                “พี่ปั้น?”



                “หือ..”



                “เหม่ออะไรครับ ข้าวมาแล้ว”



                “อ๋อ...อืม”



                “เอ็มเจมันทำอะไรพี่ปั้นรึเปล่า ทำไมซึมๆ”



                “เราซึมหรอ?”



                “ไหนยิ้มให้ผมดูหน่อยครับ”



                เราฉีกยิ้มแต่เขากลับส่ายหน้า พึมพำว่าใช้ไม่ได้ๆ 



                “ยิ้มจากตรงนี้สิครับ” เขาชี้ไปที่อกด้านซ้าย เราเข้าใจที่เขาบอก



                ...เราไม่ควรทำให้เขามาอึดอัดเพราะเรา...



                “ตรงนี้หรอ...ใจเราไม่มีปากนะ”



                “โห เล่นงี้เลย”



                “กินเถอะ ว่าแต่ทำไมเราต้องมาเจอนายทุกอาทิตย์เลยเนี่ย ไม่เบื่อบ้างหรอ”



                เขาตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเม้มปาก  “ไม่ครับ พี่ปั้นไม่มีสิทธิ์เบื่อผมด้วย”



                “เอาแต่ใจจริงๆ เลยนะนายน่ะ”



                “...”



                “เป็นอะไร หมูทงคัสซึนี่ก็อร่อยดีนะ นาย?”



                “อยู่กับผมมันน่าเบื่อหรอครับ” เขาวางช้อน เสตามองนอกร้านก่อนจะหันมาสบตาเรา



                “เฮ้ย เราไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”



                “ก็พี่ปั้นเอาแต่คิดอะไรไม่รู้ ผมชวนคุยพี่ปั้นก็ไม่ตอบ จนผมอยากจะกระชากอะไรที่พี่ปั้นคิดอยู่ออกมาซะเดี๋ยวนี้”



                เขาบ่นหน้าบึ้ง แต่เรากลับอมยิ้มบางๆ เราต่างหากที่น่าเบื่อ



               “คนอย่างมึงก็อยู่คนเดียวไปเถอะปั้น น่าเบื่อ”



                ...ไม่คิดดิปั้น...



                เราเผลอสะบัดหัว ไล่เสียงที่โผล่ขึ้นมาในเวลาแบบนี้ ทั้งๆ ที่เราเก็บไว้ลึกที่สุดเเล้วเเท้ๆ นายที่ขมวดคิ้วมองเราก็ถามขึ้นทันที



                “มีอะไรอยากระบายไหมครับ”



                “ไม่มีอะไร กินข้าวเถอะ ไม่กินเราแย่งนะ” เรายื่นช้อนไปด้านหน้าประกอบคำพูด แต่เขามองเรานิ่ง



                “ผมน่ะ เป็นห่วงพี่ปั้นนะ” เขาสบตาเรา แววตาที่จริงใจและจริงจังนั้นทำให้เรารู้สึกผิด



                “...ขอบใจนะนาย เราไม่เป็นอะไร เฮ้อ วันนี้แม่ต้องงอนเราอีกแน่เลย วันศุกร์ทีไรเราไม่ได้กินข้าวที่บ้านทู้กที” เรายิ้ม เป็นยิ้มที่มาจากใจที่เขาบอก เขาเลยหลุดยิ้มออกมานิดหน่อย



                “อะไรกัน พี่ปั้นกินไอติมกับไอ้เอ็มเจได้ พี่ปั้นต้องกินข้าวกับผมได้ มาท่าพระทั้งทีไม่บอกผมนี่มันน่านัก”



                “คิดจะมาก็มาเลยนี่นา”



                “ถ้าไอ้เอ็มเจไม่ไปเห็นเนี่ย ผมต้องไปรอพี่ปั้นเก้อเลยใช่ไหม”



                “นาย...” เราพูดเสียงเรียบ เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเราก็พูดต่อ “กับการเรียนนายตั้งใจแบบนี้มั้งไหม”



                “อะ...พี่ปั้นโคตรร้าย”



                “ฮ่าๆๆ หน้านายเวลาเหวอนี่ตลกจริงๆ นะ”



                “อย่าให้เอาคืนนะเว้ยพี่ปั้น”



                “เฮ้ย อย่าแย่งหมูเราดิ”



                แล้วศึกชิงหมูก็ดำเนินต่อไป แน่นอนว่าเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามนี้

               





                ตอนนี้ห้าโมงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเราจะอยู่ด้านนอกนานขนาดนี้ ถ้าเป็นปกติเวลาที่กลับจากมอก็จะรีบพุ่งตัวกลับบ้านเหมือนโอเอซิสที่ต้องการน้ำ จะว่าไปตั้งแต่เรารู้จักนาย คลังสมองของเราก็เพิ่มชื่อคนเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ทีมบาสศิลปากร เพื่อนนาย อย่างเอ็มเจ กับแดม ที่เขามักจะเล่าวีรกรรมฮาๆ ของเพื่อนให้เราฟัง



                “แล้วเอ็มเจนะพี่ มันบ้ามาก ตอนแบ็คแพ็คไปเชียงใหม่ มันบอกว่าจะไม่จ้างลูกหาบ โอ้โห ตอนขึ้นอัพรูปลงอินสตราแกรมอย่างหล่อ ลงมาแทบคลานเป็นหมาเลย พี่ปั้นเคยไปรึยัง”



                เราส่ายหน้าเป็นคำตอบ



                “ไว้ไปกันนะครับ”



                ...ไว้ไปกันหรอ เป็นคำพูดที่ดีจังนะ...



                “รถเมล์มาแล้วพี่ปั้น”



                “โอเค เราไปก่อนนะ”



                “ใครจะให้พี่ปั้นกลับคนเดียว ไปครับ ผมจะไปส่ง” นายจอมเผด็จการกลับมาอีกครั้ง เขาดันหลังเราขึ้นรถเมล์ก่อนที่ตัวเองจะตามมา ไม่เปิดโอกาสให้เราตอบอะไรทั้งนั้น



                “คนโคตรแน่น พี่ปั้นยืนไหวไหมครับ”



                “สบายมาก”



                เราตอบพร้อมกับกระชับมือที่จับเชือกด้านบนไว้ ...เย็นวันศุกร์นี่นา วันศุกร์ก็คือวันสุขนี่เนอะ เรามองก้มมองผ่านหน้าต่างดูอากาศแล้วก็คิดว่าฝนต้องตกแหงๆ ร่มก็ไม่มีด้วย



                “เพื่อนผมนะพอวันศุกร์มันดีใจใหญ่เลย” เขาหันมาพูดกับเรา มาลำบากเพราะเราไหมเนี่ย แทนที่จะกลับบ้านไปก็ไม่ไป ดื้อจริงๆ และเราบ่นเขาไปเรียบร้อย เขาถึงพาเราคุยเรื่องอื่น



                “ก็แน่สิ เรียนมาทั้งอาทิตย์ วันศุกร์ก็ต้องปลดปล่อย ทำไมทำหน้างั้นอะ นายไม่ดีใจหรอ”



                “ดีใจที่เจอพี่ปั้น แต่วันศุกร์เย็นเนี่ยเวลามันสั้นนะครับ”



                “เราต้องเขินใช่ไหม”



                เขาทอดสายตามองเราท่ามกลางผู้โดยสารที่เบียดเสียด “เพราะเวลาที่ผมเจอพี่ปั้นมันสั้น ผมเลยอยากให้พี่ปั้นรู้ว่ามีคนเป็นห่วงพี่ปั้นอยู่อีกหนึ่งคนนะครับ พี่ปั้นเอาแต่ฟังผม ผมก็อยากฟังพี่ปั้นบ้าง”



                แปลกจัง...เสียงเครื่องยนต์ เสียงกระเป๋ารถเมล์ ดังวุ่นวายอยู่รอบๆ แต่เรากลับได้ยินคำพูดของเขาทุกคำ



                “คราวนี้ผมมีเวลาฟังมากกว่าห้านาทีแน่นอน”



                "นาย...เรา......"



                นาทีนั้นเราตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป แต่นั่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่รถเมล์จอดป้ายที่เราต้องลงพอดีพร้อมกับเสียงเปิดประตู และเป็นเวลาเดียวกับฝนเม็ดแรกก็กระทบหน้าต่างรถพอดี ความพอดีนั้นทำให้ทุกอย่างกลืนเสียงเราไป



                เราบอกลาเขาเร็วๆ แล้วรีบเบียดคนที่แออัดตรงหน้าประตูด้วยกลัวว่าจะไม่ทัน จากฝนเม็ดแรกที่กระทบข้างแก้มแล้วก็มีเม็ดที่สองที่สามตามมา ป้ายรถเมล์ที่เรายืนอยู่ตอนนี้มีคนเข้ามาหลบฝนมากมาย จนเราถูกเบียดออกไปด้านนอก



                วันนี้เราปั่นป่วนเพราะเจอชานนท์ หรือเพราะตัวเราเองกันแน่นะ เราเงยหน้ามองฟ้าสีเทาเข้มแล้วจู่ๆ ร่มสีน้ำเงินก็มาบังการมองเห็น ซึ่งมาพร้อมกับเจ้าของเสียงเรียกเราว่าพี่ปั้นมาตลอดหลายอาทิตย์



                “พี่ปั้น! ยืนตากฝนทำไมครับ แล้วรีบลงมาทำไมเนี่ย ไม่รอผมก่อน”



                ทั้งๆ ที่มีร่มอยู่เหนือศีรษะแต่ไหล่นายเปียกไปแล้วครึ่งนึง เขาไม่รอให้เราตอบกลับคว้าข้อมือเราเข้ามาหลบที่ชายคาของเซเว่นหน้าปากซอย



                “บอกแล้วไงว่าผมจะมาส่ง”



                “ขอโทษ เรานึกว่ามาส่งแค่นี้”



                “มืดแล้วผมจะส่งถึงหน้าบ้านเลย”



                “แต่ฝนตกนะ รถติดกว่านายจะถึงบ้าน”



                “ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ...ไปครับ รีบเข้าบ้านก่อนที่มันจะตกหนักกว่านี้” เขาคว้าไหล่เราให้เข้ามาอยู่ในร่ม ออกคำสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดว่าให้กอดกระเป๋าไว้ ทั้งๆ ที่มีร่มแท้ๆ แต่เรากลับเปียกไม่เท่ากัน เราเหลือบมองความอุ่นวาบที่หัวไหล่ด้านขวาของตัวเอง



                ระหว่างเดินเข้ามานั้นไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก ถนนสีดำเคลือบแอ่งน้ำนั้นมีแสงไฟสีส้มสะท้อนลงมา



                “พี่ปั้น...พูดว่าอะไรนะครับ ก่อนจะลงรถ...”



                ภายใต้ร่มสีน้ำเงินนี้เราสองคนเหมือนจะอยู่ใกล้มากขึ้น เราเงยหน้ามองเขา ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ



                “นาย เราน่ะ...ไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้หรอกนะ” เราเริ่มต้น รู้สึกว่าเขาชะลอฝีเท้าลงคล้ายกับว่าจะทำให้ระยะทางยาวขึ้น คล้ายกับว่าเขากำลังรอให้เราพูด



                “...”



                “ที่เราไม่มีเพื่อนซักคนก็คงเป็นเพราะแบบนี้ ปั้นเนี่ย ไม่เหมือนที่คิดไว้เลยนะ ใครๆ ก็ชอบพูดแบบนั้น”



                “...”



                “เราไม่อยากให้ใครมาคาดหวังกับเรา เพราะเราน่าเบื่อแล้วก็จืดชืด นอกเหนือจากนั้นเรากลัว...พวกเขาผิดหวัง”



                “...”



                “...ผิดหวังที่ได้มารู้จักกับเรา”



                ความเงียบของเขากับเสียงฝนตก มันทำให้เราใจแกว่ง ความรู้สึกวูบโหวงวิ่งวนอยู่ในอก เเต่ถึงอย่างนั้นเเล้วเรากลับพูดต่อ



                “สมัยเรียนม.ต้น เรามีเพื่อนคนนึง ตัวสูงพอๆ กัน เลยได้ยืนเข้าแถวใกล้กัน หลังจากนั้นเราก็คุยกันมากขึ้น เพื่อนคนนั้นบอกเราว่าชอบเรา อยากเป็นเพื่อนกับเรา เขาพาเราไปรู้จักกับคนอื่นในห้อง แต่พอเวลาผ่านไปซักพัก เราก็โดนทิ้งให้อยู่คนเดียว ยืนอยู่นอกกลุ่ม มองเพื่อนเล่นกัน ไม่รู้ว่าจะไปแทรกตรงไหน เราอยากรู้...”



                “...”



                “อยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เราเลยถาม เขาบอกว่าเราน่าเบื่อ อุตส่าห์มาคุยด้วย แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดี สมแล้วที่เราอยู่คนเดียว เราขอโทษถ้าเราทำอะไรผิด เราขอร้องเขาว่าทำยังไง ถ้าเราอยากกลับเป็นเพื่อนเขาเหมือนเดิม เขาให้เราไปทำนู่นทำนี่ น่าขำที่เราทำหมดแต่ที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะ เราเคยโดนขังอยู่ในห้องดนตรี เราร้องให้คนช่วย สุดท้ายก็เลิกร้อง”



                “...”



                “...เพราะร้องให้ตาย ข้างนอกก็ไม่มีใครอยู่ดี”



                “...”



                ไม่รู้ว่าถึงหน้าบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเล่าให้เขาฟัง คนที่ชอบคิดในใจเเบบเราเนี่ยนะ ทั้งหมดนี้คงเป็นส่วนลึกๆ ของเราที่หวังว่าเขาจะไม่เหมือนเพื่อนคนนั้น ถ้าเป็นแบบนั้น...เราสูดลมหายใจเข้า เงยหน้าสบตากับเขาที่มองเราด้วยความรู้สึกหลากหลาย



                “เพราะงั้นถ้านายรู้จักเราจริงๆ แล้ว นายอาจจะผิดหวัง นายอาจจะไม่...”



                “พี่ปั้น” เขาเรียกเราด้วยเสียงที่มั่นคงทำให้ใจเราสงบลงอย่างน่าประหลาด  ฝนเริ่มซาลงแล้ว น้ำที่ขังกระเซ็นโดนรองเท้าเต็มไปหมด แต่เขากลับไม่ใส่ใจ



                เขาสบตาเรานิ่งงัน ร่มสีน้ำเงินค่อยๆ โน้มไปด้านหน้าของเราสองคน บังเราจากทัศนียภาพด้านหน้าจนหมด เหลือเพียงใบหน้าของเขาที่ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้



                “...”



                “ผมชอบพี่ปั้นครับ”             



                ในตอนหกโมงกว่าของเย็นวันศุกร์  เรารู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากของตนเองเป็นครั้งแรก







-------
-เจอเพื่อนเคยเก่าเเล้วพี่ปั้นซึมเลย-
ขอโทษที่มาช้าค่ะ ช่วงนี้ยังไม่ค่อยว่างไปถึงต้นเดือนหน้า มันก็จะช้าเเบบนี้
ร้องห้าย ขอบคุณทุกคนที่รอ เข้ามาอ่าน เข้ามาคอมเม้นต์กัน
รู้สึกขอบคุณมากๆ ค่ะ
เรายังรักพี่ปั้นเหมือนเดิม ไม่เพิ่มเติมอะไรเลย
มันตลกดีที่ทุกคนเเบนคนๆ นึงนะ
มันยังคงมีอยู่ทุกวันนี้เเหละ
เเล้วคนที่โดนจะเกิดคำถามกับตัวเองว่าเราผิดอะไร
พี่ปั้นได้รับมาเต็มๆ เเต่พี่ปั้นโทษตัวเองมากกว่า
ติดเเท็กได้นะคะที่ #เรากับเขา เลิฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2017 12:30:45 โดย jaevin »

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารพี่ปั้นนนน น้องนายช่วยดูแลพี่ปั้นหน่อยน้า

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนนี้สงสารพี่ปั้นน พี่ปั้นของน้องง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชานนท์ คนนี้เหรอที่เคยทำไม่ดีกับปั้น
มาขอเป็นเพื่อนปั้น แล้วว่าปั้นน่าเบื่อ
แกล้งปั้น หัวเราะเยาะปั้น ขังปั้นในห้องดนตรี  เลวมากกกกกกกกกกกกก  :fire: :fire: :fire:
เหอะ......อย่ามาตอแยปั้นอีกล่ะ  ชังน้ำหน้า :m16: :m16: :m16:

นาย ดูแลปั้น รักปั้นดีๆล่ะ
นาย ปั้น   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ฮือ อ่านเรื่องเพื่อนตอนมัธยมที่พี่ปั้นเล่าแล้วจะร้องไห้

เรารักพี่ปั้นนะ แล้วเราก็เชื่อว่านายจะไม่ทำให้พี่ปั้นร้องไห้ด้วย

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
กอดน้องปั้น  :กอด1: และกระโดดถีบหน้าชานนท์  :z6:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :sad4: :o12:

รอฟ้าหลังฝนที่สดใส

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด