Act 12: เรา...กับขนมปังสังขยา(เเละชาเขียวนม)
เอ่อ...เดี๋ยวนะ
นี่มันอะไรกัน ถ้าใครอยู่ด้วยตรงนี้คงจะเห็นหน้าตาตกใจแบบเว่อร์วังของเราแน่ๆ
ชา? ชานนท์อะนะ ทำไมกลายเป็นชานนท์ไปได้ เราส่งให้นายนี่นา...
...ทึ่มเอ๊ย...
เรารีบกดเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวเพราะความอาย เราส่งไปหานายจริงๆ นั่นแหละ และเขาก็ไม่ตอบเราด้วย แต่ชานนท์ที่เอาไอดีเรามาจากไหนไม่รู้ทักไลน์เรามาพอดี และเราก็คิดว่าคนๆ นั้นคือนาย! เพราะเเบบนั้นเลยส่งข้อความต่อว่าไปทันที
และหลังจากนั้น...ก็นั่นแหละ ความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวก็เปิดเผย
…ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนนะปั้นนน แชทก็โล่งขนาดนั้น...
เราเขกหัวตัวเองสองสามที แล้วก็มานั่งจ้องหน้าจอต่อ ...เอาไงดี...
NchaN หาย?
วันนั้นเราต้องรีบไป ไม่ได้ทักทาย โทษทีนะ
พึ่งรู้จากไอ้เอ็มเจว่าปั้นรู้จักกับไอ้นายด้วย
โลกโคตรกลมเลยอะ
เราเผลอกัดเล็บ พิมพ์ๆ ลบๆ อยู่แบบนั้น ไม่ชอบสถานการณ์ลำบากใจแบบนี้เลย เราไม่รู้จะเริ่มต้นกับเพื่อนที่ไม่ได้คุยกันเกือบหกปียังไง
NchaN ถ้าวันนี้ไม่ลากมันออกมาด้วยคงไม่ได้ไอดีปั้นนะเนี่ย
เชี่ยนายกว่าจะลุกไปห้องน้ำนานชิบหาย
มันงกไม่ยอมให้ไอดีปั้น เราต้องล่อมันหน่อย
...นาย? หมายความว่าไง... ไวเท่าความคิด สิ่งที่อยู่ในหัวก็ปรากฏบนหน้าจอซะอย่างนั้น
read Khaopun
ชาอยู่กับนายหรอ
NchaN ในที่สุดก็ตอบเราซักที
ต้องคุยเรื่องไอ้นายสินะ ปั้นถึงจะยอมพูดด้วย
เราขอคอลหาได้ไหม
อยากคุยด้วย
read Khaopun
คุยเรื่องอะไร
NchaN รับคอลเราสิเราถึงจะบอก
read Khaopun
เรายังไม่สะดวก ขอโทษนะ
NchaN งั้น
ถ้าสะดวกแล้วบอกเราหน่อยได้ไหม
นะ ถือว่าขอร้อง เรามีเรื่องจะคุยด้วยจริงๆ
นะปั้น
read Khaopun
อืม
ก็ได้
NchaN ใจดีเหมือนเดิม
ปั้น?
นอนแล้วหรอ
ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ
เราถอนหายใจ พับโน้ตบุ๊กแล้วยกไปไว้ข้างๆ ก่อนจะไถลตัวเข้าไปในผ้าห่ม มีเรื่องอึดอัดใจขึ้นมาอีกเรื่องนึง อันที่จริงก็คือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราไม่ชอบการที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เลย
เราหลับตาลง คิดถึงช่วงเวลาที่รู้จักกับชาจนหลับไป
(พี่ปั้น กินข้าวรึยังครับ)
เราเลิกคิ้วสงสัย ก็ที่นายไม่ตอบไลน์แต่กลับโทรมาหาด้วยคำถามนี้
“ข้าวกลางวันหรือข้าวเช้าล่ะ”
(พูดแบบนี้ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันแหง พี่ปั้นอยู่ไหนครับ)
“อยู่ข้างนอก”
(ข้างนอกน่ะตรงไหน)
“เซ็นปิ่นฯ แล้วทำไมนายต้องทำเสียงดุใส่เรา”
(พี่ปั้น...ไม่สบายหายแล้วหรอครับ ทำไมออกมาข้างนอก ใส่เสื้อคลุมมาด้วยรึเปล่า)
“เรามาซื้อของ มาแป๊บเดียว หายเเล้ว”
(งั้นผมไปหา)
“มาหาทำไมไม่ต้องหรอก”
(ผมอยากไป ไปกินข้าวกันนะครับ พี่ปั้นรอผมแป๊บนึง ขออาบน้ำแต่งตัวห้านาที)
“นาย...”
(ครับ)
“เมื่อคืนนายไปไหน...”
(เมื่อคืน? อ๋อรุ่นพี่ลากไปดื่มน่ะครับพี่ปั้น ผมไม่ได้ดื่มเยอะเลยนะ แต่เหนื่อยเลยหลับยาว พึ่งตื่นเอาตอนนี้)
“หรอ”
(พี่ปั้น? เป็นอะไรรึเปล่าครับ)
“ไม่มีอะไร ถึงแล้วก็โทรบอกแล้วกัน”
นั่นสิ เราเป็นอะไรไปนะ ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย เราสูดลมหายใจ ตั้งใจจะมาซื้อของนิดหน่อย แล้วก็หนังสือซักเล่มนี่นา ไปร้านหนังสืออาจจะทำให้เราดีขึ้นก็ได้
เราเดินดูของอยู่คนเดียวตั้งนาน นายก็ยังไม่โทรมา รถติดแหงๆ วันนี้วันเสาร์คนน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ฮื่อ แต่เราเริ่มหิวแล้วนะ เที่ยงกว่าแล้วด้วย
...ขอกินก่อนคงไม่เป็นไรนะนาย...
เรากลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นของขนมปัง นี่ถ้าสั่งชาเขียวนมที่เรารักล่ะก็ เพอร์เฟ็ค! เราหิ้วของเดินตรงเข้าไปในร้านที่ชอบมานั่งประจำ คนไม่เยอะเท่าไหร่ สบายใจดี เรามองเมนูแล้วก็ชั่งใจ ระหว่างขนมปังนึ่งที่เราชอบปานกลางกับชาเขียวที่เราชอบที่สุด สุดท้ายเราก็สั่งแค่ชาเขียวนม คงเพราะมันเป็นสิ่งที่ชอบที่สุดนั่นเเหละมั้ง พอสั่งแล้วมองหาโต๊ะที่เรานั่งประจำ เห็นโต๊ะตัวนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ก็เจ้าของถุงส้มบนรถเมล์ที่มาปล้นชื่อเล่นเราตรงนี้นี่นา
กึก! ครืด
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
...มาเร็วแฮะ...
เรายิ้มแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พอเห็นคนที่ยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า เราตกใจจนเกือบสำลักชาเขียว
เชี่... เฮ้ย...เราไม่พูดคำหยาบ...
“อะ...เอ่อ...” ทำไม...
“ฮ่าๆ ตกใจหรอที่เป็นเรา”
“มา...ได้ไง”
“เราก็มาเดินเล่นอะ ไม่คิดว่าจะได้เจอปั้นด้วย พึ่งจะคุยเมื่อคืน ดีเลยเราอยากจะคุยด้วยพอดีเลย เออ เราสั่งขนมปังกับสังขยามาด้วย เดี๋ยวกินด้วยกันสิ เราจำได้ว่าปั้นชอบ”
“อ่า...”
“ปั้นก็ยังชอบกินชาเขียวเหมือนเดิมเลยนะ”
เรามองคนตรงหน้า พลางลอบสำรวจอย่างช้าๆ ชาในตอนนั้นกับชาในตอนนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ยิ้มแย้มและทำให้ทุกคนชอบอยู่เสมอ สาวๆ ที่นั่งโต๊ะด้านหลังเขามองมาไม่หยุด
“เป็นไงบ้าง เฮ้ย คิ้วไปโดนอะไรมา”
“อุบัติเหตุนิดหน่อย แต่ก็สบายดี”
“ส่วนเราโคตรเหนื่อยเลย อยากจบแล้วเนี่ย เออ แล้วชารู้จักกับพวกไอ้นายได้ไง เชื่อป้ะเรารู้จักพวกไอ้นายมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นพวกมันพูดถึงใครเลย เมื่อวานมีแต่คนถามหาปั้น นายมันมองตาขวางเลย” ชาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเราสองคนพึ่งเจอกันเมื่อวาน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่
“เคยเจอกันตอนที่เราไปช่วยสตาฟทีมบาสฯ...”
“ทีมบาสมหาลัยอะนะ อ๋อออ ถึงว่า...แต่ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย ปั้นจะไปช่วยทำอะไรแบบนี้ด้วย ปกติเห็นชอบอยู่คนเดียว” ชาพูดยิ้มๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเลย
“เหตุสุดวิสัยน่ะ วันนั้นบังเอิญไปช่วยวันแข่งกับมธ.พอดี”
“อ๋อ..เออ ปั้นไม่เจอไอ้ถั่วบ้างหรอ มันก็เรียนศิลปากรนะ”
“ไม่หรอก...เราไม่เคยเจอใคร”
เราหลบตาชา ภาวนาให้นายโทรมาเร็วๆ จะได้หาทางลุกออกไปซะที ชาหัวเราะเล็กน้อยและเป็นเวลาเดียวกับที่ขนมปังที่ชาสั่งพึ่งจะมาเสิร์ฟ
“เออ ปั้นจำได้ป้ะ โตเกียวใส่ทะลักที่โรงอาหารอะ ป้าเขาไม่ได้ทำต่อแล้วนะ ที่ปั้นชอบไปซื้อตลอดอะ พอปั้นซื้อเราก็ชอบแย่งไส้กรอกปั้นมา ร้านนี้ไส้กรอกโคตรเด็ด จำได้ไหม"
“จำได้”
...ถึงจะไม่อยากจำ แต่เราก็ไม่เคยลืมเหมือนกัน...
“นึกถึงตอนนั้นแล้วก็ขำ ตอนที่เราไปเตะบอลน่ะ ไอ้เจฟวิ่งถือบอลหนีตีนเพื่อนเฉยเลย ฮ่าๆๆ ปั้นกับเราวิ่งตามมันรอบโรงเรียน แล้วแบบโดนอาจารย์ด่า...”
“ชา...”
“หื้ม”
“ชามีอะไรจะคุยกับเราหรอ”
พอเราพูดแบบนั้น ชาก็ค่อยๆ หุบยิ้ม เเววตามีความแปลกใจเล็กน้อย เราก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าพูดออกไป แต่เราไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆ ที่...ทั้งๆ ที่ชาเองไม่ใช่หรอ ที่พอเห็นเราแล้วก็ขอตัวกลับ แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากคุยกับเรา
“ปั้น” ชาหลุบตาต่ำ เม้มปากแน่น ก่อนจะเงยหน้ามาสบตาเรา “เราอยากขอโทษปั้น เรารู้ตัวว่าโคตรเหี้ยเลย ตั้งแต่ตอนนั้นเราไม่ได้ขอโทษปั้นจริงจัง จนเราสองคนต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ปั้นจะเย็นชาใส่เราก็ไม่ผิดหรอก แต่เราอยากขอโทษปั้น อยากขอโทษจริงๆ นะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราคงไม่ทำ...”
“...”
“เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม”
...มันสายเกินไปแล้วชา ทำไมถึงมาพูดเอาตอนนี้... เรากัดริมฝีปากล่างกลั้นความรู้สึกทุกอย่างที่ล้นทะลักออกมา ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ ชาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเรา ชามีแต่รัก มีแต่คนชอบ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนที่ชาเดินมาบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเรา วันนั้นเราดีใจจนตัวแทบลอย คนโดดเด่นแบบชามาขอเป็นเพื่อนกับคนจืดชืดอย่างเรา แต่แล้วทั้งหมดก็เป็นเรื่องโกหก สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นเรื่องของตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ชา..." เราตัดสินใจเเล้วในวินาทีนั้น "เราไม่ได้โกรธชามานานมากแล้ว”
“...จริงๆ นะปั้น” ชายื่นมือมากุมมือเราไว้ เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองมาคล้ายมีความหวัง
“แต่ว่าเราคงกลับไปเป็นเพื่อนกับชาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”
เรามองหน้าชาอย่างมั่นคง ให้ชาเห็นถึงความแน่วแน่ของเรา ชาที่กุมมือเราไว้คลายออกช้าๆ ใบหน้าที่ดูดีนั้นเศร้าหมองลงเล็กน้อย
“เราเข้าใจแล้วล่ะ” ชาสูดลมหายใจก่อนจะคลี่ยิ้ม “แต่เราดีใจนะที่ปั้นไม่โกรธเราแล้ว”
ระหว่างเราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น เราเลื่อนสายตามองจานที่อยู่บนโต๊ะ ขนมปังสังขยาที่เราชอบไม่พร่องไปแม้แต่ชิ้นเดียว บางทีสิ่งที่เราชอบมันก็ไม่ได้หอมหวานไปซะหมด เมื่อเวลาผ่านไปมันก็คงจะเย็นชืดจนไม่มีใครแตะมัน สุดท้ายก็คงได้แต่คิดว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คงจะกินตอนที่มันยังร้อน
…ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...
“ไม่กินหรอ เย็นหมดแล้ว” ชาถามขึ้นพลางชี้มาที่จานขนมปัง ชาเองก็คงอยากเลี่ยงความอึดอัดนี้
“ไม่ล่ะ ชากินเถอะ”
…เราคงไม่กินอีกแล้วล่ะ…
“แล้วนี่...ปั้นจะกลับบ้านเลยรึเปล่า ให้เราไปส่งได้นะ เราเอารถมา”
“ไม่เป็นไร เรายังไม่กลับน่ะ แต่ว่าเราต้องไปแล้วล่ะ” เราว่าแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวก่อนปั้น..ถ้าเราจะขอ...” ชาคว้าข้อมือเราไว้ ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่แล้วเสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้น
“พี่ปั้น! อยู่นี่จริงด้วย แฮ่กๆ ขอโทษที่มาช้าครับ”
“ไอ้นาย/นาย...”
“พี่ชา”
“มาทำไรที่นี่วะพี่” นายมองหน้าชาพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาเดินมาข้างๆ ทันทีก่อนจะดึงมึงเราที่ชาจับไว้ไปจับซะเอง ชาชะงัก เขามองมือที่นายจับเราไว้แวบนึงก่อนจะหันไปคุยกับนายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“กูก็มาเดินเล่นดิ แล้วมึงมีแรงตื่นหรอวะ”
“ผมนัดกับพี่ปั้นไว้”
“ปั้นนัดกับไอ้นายนี่เอง ปั้นอย่าชวนมันเถลไถลล่ะเดี๋ยวมันไปสอนพิเศษไม่ทัน” ชาพูดยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่นายสองสามที
...สอนพิเศษหรอ... พอเราทำหน้างงๆ ชาก็พูดขึ้นอีก
“ปั้นไม่รู้หรอ นายมันเป็นติวเตอร์ด้วยนะ”
เรามองเสี้ยวหน้านายที่ไม่รู้คิดอะไรอยู่แล้วตอบออกไป “เราไม่รู้หรอก”
“ผมขอตัวก่อนนะพี่”
นายพูดเสียงเเข็งเเละไม่รอให้ชาพูดอะไร นายก็ลากเราออกมาทันที ได้ยินเสียงชาตะโกนตามหลัง
“ปั้น ดีใจที่ได้คุยกันอีกนะ!”
เราไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับเป็นฝ่ายบีบมือนายแน่นขึ้นอีก
“นาย...”
“...”
“นาย...ไปไหน” เราขืนตัวเมื่อเขาลากเราเข้าไปทางระหว่างบล็อคของร้านหนึ่งที่กำลังปิดปรับปรุง
“พี่ปั้น” เขาเรียกแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของเราไว้ “พี่ชาทำอะไรรึเปล่า”
“ไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วพี่ปั้นโอเคไหม” เขาถามอย่างกังวล
“โอเค เราโคตรโล่งเลยนายรู้ป้ะ”
“โล่งอะไรถึงทำหน้าจะร้องไห้แบบนี้กัน”
“ไม่ได้ร้อง จริงๆ นะ”
“งั้นจมูกแดงคงเพราะเป็นหวัดสินะครับ ใส่เสื้อก็บางอีก เอาเสื้อผมไหม”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่นายเถอะทำไมลากเราออกมาแบบนั้น” ถึงจะไม่อยากอยู่ตรงนั้นแต่ว่ามันคงไม่ดี ถ้านายรู้สึกไม่ดีกับชาเพราะเรื่องของเรา
“พี่ปั้นไม่รู้หรอกว่าสีหน้าพี่ปั้นแย่ขนาดไหน ผมไม่อยากให้พี่ปั้นต้องอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว” เขาเลื่อนมือมาลูบท้ายทอยเราเบาๆ แต่สายตาแข็งกร้าวขึ้นตอนที่เอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
“นาย เราไม่ได้เข้าข้างชานะ แต่เราอยากบอกนายว่า นายไม่จำเป็นต้องโกรธชาหรือเกลียดชา ชากับนายไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันอย่าทำให้เราเป็นคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกนั้นเลยนะ”
“...” นายชะงักไป ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า เรามองไปด้านหน้า สายตาไม่ได้มีจุดโฟกัสใด
“เรื่องของเรากับชาจบกันแล้วล่ะ”
“พูดแบบนี้ผมชักหึงแฮะ”
คำพูดจาของคำเรียกเราให้หลุดจากภวังค์ “อะ...อะไรของนาย”
“อ้าวก็พี่ปั้นบอกจบกันแล้วอะ แถมยังยืนจับมือกันอีก...” นายยื่นหน้ามาใกล้จนเราก้มหน้าจนคางจะชิดอก
“เราหิวแล้วไปกินข้าวกันเถอะ” เราดันตัวเขาออกก่อนจะรีบเดิน
“พี่ปั้น”
“อะไรเล่า”
“ทางนี้ต่างหากครับ”
“แล้วก็ไม่บอกเร็วๆ ล่ะ”
...โคตรน่าอายเลยปั้น... เรารีบหันหลังเดินกลับไปชั้นฟู้ดคอร์ท ขนาดรีบเดินแล้วนายยังตามมาทัน เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“หึหึ เวลาเขินเนี่ย โก๊ะเลยนะเรา”
...เราไม่ได้โก๊ะเว้ย!...
[ต่อด้านล่างอีกนิดด]