END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]  (อ่าน 68067 ครั้ง)

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ทักผิดซะงั้นอะปั้น //โอ๋
แล้วนายหายไปไหนทั้งวันน

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ค้างงงงงเด้อออออ ชานนท์มาทำไมมมมมม อย่ามายุ่งกับพี่ปั้นนะ..

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ค่อยๆเรียนรู้กันไปเนอะ :o8:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
บางครั้งก็ไม่เข้าใจปั้นนะเอาจริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ปั้นนนน ฮือออออ ทำไมน่ารักแบบนี้คะ อยากจะอุทานว่าตุ๊ดตู่แทน ชานนท์ นายกลับมาทำไมมม

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
นายหายไปไหนอ่า???

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ชานนท์ :m16:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชานนท์ เข้าไปยุ่งกับชมพู่เพราะข้าวปั้นสินะ

แล้วช้าวปั้นส่งข้อความหานาย
ทำไม ชานนท์ตอบมา  แปลกๆนะ  :serius2: :serius2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Act 12: เรา...กับขนมปังสังขยา(เเละชาเขียวนม)


 
                เอ่อ...เดี๋ยวนะ



                นี่มันอะไรกัน ถ้าใครอยู่ด้วยตรงนี้คงจะเห็นหน้าตาตกใจแบบเว่อร์วังของเราแน่ๆ



                ชา? ชานนท์อะนะ ทำไมกลายเป็นชานนท์ไปได้ เราส่งให้นายนี่นา...



                ...ทึ่มเอ๊ย...



                เรารีบกดเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวเพราะความอาย เราส่งไปหานายจริงๆ นั่นแหละ และเขาก็ไม่ตอบเราด้วย แต่ชานนท์ที่เอาไอดีเรามาจากไหนไม่รู้ทักไลน์เรามาพอดี และเราก็คิดว่าคนๆ นั้นคือนาย! เพราะเเบบนั้นเลยส่งข้อความต่อว่าไปทันที



                  และหลังจากนั้น...ก็นั่นแหละ ความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียวก็เปิดเผย



                …ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนนะปั้นนน แชทก็โล่งขนาดนั้น...



                เราเขกหัวตัวเองสองสามที แล้วก็มานั่งจ้องหน้าจอต่อ ...เอาไงดี...



                NchaN
                หาย?
                วันนั้นเราต้องรีบไป ไม่ได้ทักทาย โทษทีนะ
                พึ่งรู้จากไอ้เอ็มเจว่าปั้นรู้จักกับไอ้นายด้วย
                โลกโคตรกลมเลยอะ



                เราเผลอกัดเล็บ พิมพ์ๆ ลบๆ อยู่แบบนั้น ไม่ชอบสถานการณ์ลำบากใจแบบนี้เลย เราไม่รู้จะเริ่มต้นกับเพื่อนที่ไม่ได้คุยกันเกือบหกปียังไง



                NchaN
                ถ้าวันนี้ไม่ลากมันออกมาด้วยคงไม่ได้ไอดีปั้นนะเนี่ย
                เชี่ยนายกว่าจะลุกไปห้องน้ำนานชิบหาย
                มันงกไม่ยอมให้ไอดีปั้น เราต้องล่อมันหน่อย



                ...นาย? หมายความว่าไง...  ไวเท่าความคิด สิ่งที่อยู่ในหัวก็ปรากฏบนหน้าจอซะอย่างนั้น



                read Khaopun
                ชาอยู่กับนายหรอ

                NchaN
                ในที่สุดก็ตอบเราซักที
                ต้องคุยเรื่องไอ้นายสินะ ปั้นถึงจะยอมพูดด้วย
                เราขอคอลหาได้ไหม
                อยากคุยด้วย

                read Khaopun
                คุยเรื่องอะไร

                NchaN
                รับคอลเราสิเราถึงจะบอก

               
read Khaopun
               เรายังไม่สะดวก ขอโทษนะ

                NchaN
                งั้น
                ถ้าสะดวกแล้วบอกเราหน่อยได้ไหม
                นะ ถือว่าขอร้อง เรามีเรื่องจะคุยด้วยจริงๆ
                นะปั้น

read Khaopun
                อืม
                ก็ได้

                NchaN
                ใจดีเหมือนเดิม
                ปั้น?
                นอนแล้วหรอ
                ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ



                เราถอนหายใจ พับโน้ตบุ๊กแล้วยกไปไว้ข้างๆ  ก่อนจะไถลตัวเข้าไปในผ้าห่ม มีเรื่องอึดอัดใจขึ้นมาอีกเรื่องนึง อันที่จริงก็คือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราไม่ชอบการที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เลย



                เราหลับตาลง คิดถึงช่วงเวลาที่รู้จักกับชาจนหลับไป

               







                (พี่ปั้น กินข้าวรึยังครับ)



                เราเลิกคิ้วสงสัย ก็ที่นายไม่ตอบไลน์แต่กลับโทรมาหาด้วยคำถามนี้



                “ข้าวกลางวันหรือข้าวเช้าล่ะ”



                (พูดแบบนี้ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันแหง พี่ปั้นอยู่ไหนครับ)



                “อยู่ข้างนอก”



                (ข้างนอกน่ะตรงไหน)



                “เซ็นปิ่นฯ แล้วทำไมนายต้องทำเสียงดุใส่เรา”



                (พี่ปั้น...ไม่สบายหายแล้วหรอครับ ทำไมออกมาข้างนอก ใส่เสื้อคลุมมาด้วยรึเปล่า)



                “เรามาซื้อของ มาแป๊บเดียว หายเเล้ว”



                (งั้นผมไปหา)



                “มาหาทำไมไม่ต้องหรอก”



                (ผมอยากไป ไปกินข้าวกันนะครับ พี่ปั้นรอผมแป๊บนึง ขออาบน้ำแต่งตัวห้านาที)



                “นาย...”



                (ครับ)



                “เมื่อคืนนายไปไหน...”



                (เมื่อคืน? อ๋อรุ่นพี่ลากไปดื่มน่ะครับพี่ปั้น ผมไม่ได้ดื่มเยอะเลยนะ แต่เหนื่อยเลยหลับยาว พึ่งตื่นเอาตอนนี้)



                “หรอ”



                (พี่ปั้น? เป็นอะไรรึเปล่าครับ)



                “ไม่มีอะไร ถึงแล้วก็โทรบอกแล้วกัน”



                นั่นสิ เราเป็นอะไรไปนะ ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย เราสูดลมหายใจ ตั้งใจจะมาซื้อของนิดหน่อย แล้วก็หนังสือซักเล่มนี่นา ไปร้านหนังสืออาจจะทำให้เราดีขึ้นก็ได้





                เราเดินดูของอยู่คนเดียวตั้งนาน นายก็ยังไม่โทรมา รถติดแหงๆ วันนี้วันเสาร์คนน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ฮื่อ แต่เราเริ่มหิวแล้วนะ เที่ยงกว่าแล้วด้วย



                ...ขอกินก่อนคงไม่เป็นไรนะนาย...



                เรากลืนน้ำลายเมื่อได้กลิ่นของขนมปัง นี่ถ้าสั่งชาเขียวนมที่เรารักล่ะก็ เพอร์เฟ็ค! เราหิ้วของเดินตรงเข้าไปในร้านที่ชอบมานั่งประจำ คนไม่เยอะเท่าไหร่ สบายใจดี เรามองเมนูแล้วก็ชั่งใจ ระหว่างขนมปังนึ่งที่เราชอบปานกลางกับชาเขียวที่เราชอบที่สุด สุดท้ายเราก็สั่งแค่ชาเขียวนม คงเพราะมันเป็นสิ่งที่ชอบที่สุดนั่นเเหละมั้ง พอสั่งแล้วมองหาโต๊ะที่เรานั่งประจำ เห็นโต๊ะตัวนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ก็เจ้าของถุงส้มบนรถเมล์ที่มาปล้นชื่อเล่นเราตรงนี้นี่นา



                กึก! ครืด



                “ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”



                ...มาเร็วแฮะ...



                เรายิ้มแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พอเห็นคนที่ยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า เราตกใจจนเกือบสำลักชาเขียว



                เชี่... เฮ้ย...เราไม่พูดคำหยาบ...



                “อะ...เอ่อ...” ทำไม...



                “ฮ่าๆ ตกใจหรอที่เป็นเรา”



                “มา...ได้ไง”



                “เราก็มาเดินเล่นอะ ไม่คิดว่าจะได้เจอปั้นด้วย พึ่งจะคุยเมื่อคืน ดีเลยเราอยากจะคุยด้วยพอดีเลย เออ เราสั่งขนมปังกับสังขยามาด้วย เดี๋ยวกินด้วยกันสิ เราจำได้ว่าปั้นชอบ”



                “อ่า...”



                “ปั้นก็ยังชอบกินชาเขียวเหมือนเดิมเลยนะ”



                เรามองคนตรงหน้า พลางลอบสำรวจอย่างช้าๆ ชาในตอนนั้นกับชาในตอนนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ยิ้มแย้มและทำให้ทุกคนชอบอยู่เสมอ สาวๆ ที่นั่งโต๊ะด้านหลังเขามองมาไม่หยุด



                “เป็นไงบ้าง เฮ้ย คิ้วไปโดนอะไรมา”



                “อุบัติเหตุนิดหน่อย แต่ก็สบายดี”



                “ส่วนเราโคตรเหนื่อยเลย อยากจบแล้วเนี่ย เออ แล้วชารู้จักกับพวกไอ้นายได้ไง เชื่อป้ะเรารู้จักพวกไอ้นายมาตั้งนาน ไม่เคยเห็นพวกมันพูดถึงใครเลย เมื่อวานมีแต่คนถามหาปั้น นายมันมองตาขวางเลย” ชาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเราสองคนพึ่งเจอกันเมื่อวาน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่



                “เคยเจอกันตอนที่เราไปช่วยสตาฟทีมบาสฯ...”



                “ทีมบาสมหาลัยอะนะ อ๋อออ ถึงว่า...แต่ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย ปั้นจะไปช่วยทำอะไรแบบนี้ด้วย ปกติเห็นชอบอยู่คนเดียว” ชาพูดยิ้มๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเลย



                “เหตุสุดวิสัยน่ะ วันนั้นบังเอิญไปช่วยวันแข่งกับมธ.พอดี”



                “อ๋อ..เออ ปั้นไม่เจอไอ้ถั่วบ้างหรอ มันก็เรียนศิลปากรนะ”



                “ไม่หรอก...เราไม่เคยเจอใคร”



                เราหลบตาชา ภาวนาให้นายโทรมาเร็วๆ จะได้หาทางลุกออกไปซะที ชาหัวเราะเล็กน้อยและเป็นเวลาเดียวกับที่ขนมปังที่ชาสั่งพึ่งจะมาเสิร์ฟ



                “เออ ปั้นจำได้ป้ะ โตเกียวใส่ทะลักที่โรงอาหารอะ ป้าเขาไม่ได้ทำต่อแล้วนะ ที่ปั้นชอบไปซื้อตลอดอะ พอปั้นซื้อเราก็ชอบแย่งไส้กรอกปั้นมา ร้านนี้ไส้กรอกโคตรเด็ด จำได้ไหม"



                “จำได้”



                ...ถึงจะไม่อยากจำ แต่เราก็ไม่เคยลืมเหมือนกัน...



                “นึกถึงตอนนั้นแล้วก็ขำ ตอนที่เราไปเตะบอลน่ะ ไอ้เจฟวิ่งถือบอลหนีตีนเพื่อนเฉยเลย ฮ่าๆๆ ปั้นกับเราวิ่งตามมันรอบโรงเรียน แล้วแบบโดนอาจารย์ด่า...”



                “ชา...”



                “หื้ม”



                “ชามีอะไรจะคุยกับเราหรอ”



                พอเราพูดแบบนั้น ชาก็ค่อยๆ หุบยิ้ม เเววตามีความแปลกใจเล็กน้อย เราก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าพูดออกไป แต่เราไม่เข้าใจจริงๆ  ทั้งๆ ที่...ทั้งๆ ที่ชาเองไม่ใช่หรอ ที่พอเห็นเราแล้วก็ขอตัวกลับ แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากคุยกับเรา



                “ปั้น” ชาหลุบตาต่ำ เม้มปากแน่น ก่อนจะเงยหน้ามาสบตาเรา “เราอยากขอโทษปั้น เรารู้ตัวว่าโคตรเหี้ยเลย ตั้งแต่ตอนนั้นเราไม่ได้ขอโทษปั้นจริงจัง จนเราสองคนต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ปั้นจะเย็นชาใส่เราก็ไม่ผิดหรอก แต่เราอยากขอโทษปั้น อยากขอโทษจริงๆ นะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราคงไม่ทำ...”



                “...”



                “เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม”



                ...มันสายเกินไปแล้วชา ทำไมถึงมาพูดเอาตอนนี้... เรากัดริมฝีปากล่างกลั้นความรู้สึกทุกอย่างที่ล้นทะลักออกมา ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ ชาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเรา ชามีแต่รัก มีแต่คนชอบ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนที่ชาเดินมาบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเรา วันนั้นเราดีใจจนตัวแทบลอย คนโดดเด่นแบบชามาขอเป็นเพื่อนกับคนจืดชืดอย่างเรา แต่แล้วทั้งหมดก็เป็นเรื่องโกหก สุดท้ายทั้งหมดก็เป็นเรื่องของตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง



                “ชา..." เราตัดสินใจเเล้วในวินาทีนั้น "เราไม่ได้โกรธชามานานมากแล้ว”



                “...จริงๆ นะปั้น” ชายื่นมือมากุมมือเราไว้ เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองมาคล้ายมีความหวัง



                “แต่ว่าเราคงกลับไปเป็นเพื่อนกับชาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว”



                เรามองหน้าชาอย่างมั่นคง ให้ชาเห็นถึงความแน่วแน่ของเรา ชาที่กุมมือเราไว้คลายออกช้าๆ ใบหน้าที่ดูดีนั้นเศร้าหมองลงเล็กน้อย



                “เราเข้าใจแล้วล่ะ” ชาสูดลมหายใจก่อนจะคลี่ยิ้ม “แต่เราดีใจนะที่ปั้นไม่โกรธเราแล้ว”



                ระหว่างเราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น เราเลื่อนสายตามองจานที่อยู่บนโต๊ะ ขนมปังสังขยาที่เราชอบไม่พร่องไปแม้แต่ชิ้นเดียว บางทีสิ่งที่เราชอบมันก็ไม่ได้หอมหวานไปซะหมด เมื่อเวลาผ่านไปมันก็คงจะเย็นชืดจนไม่มีใครแตะมัน สุดท้ายก็คงได้แต่คิดว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คงจะกินตอนที่มันยังร้อน



                …ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...



                “ไม่กินหรอ เย็นหมดแล้ว” ชาถามขึ้นพลางชี้มาที่จานขนมปัง ชาเองก็คงอยากเลี่ยงความอึดอัดนี้



                “ไม่ล่ะ ชากินเถอะ”



                …เราคงไม่กินอีกแล้วล่ะ…



                “แล้วนี่...ปั้นจะกลับบ้านเลยรึเปล่า ให้เราไปส่งได้นะ เราเอารถมา”



                “ไม่เป็นไร เรายังไม่กลับน่ะ แต่ว่าเราต้องไปแล้วล่ะ” เราว่าแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืน



                “เดี๋ยวก่อนปั้น..ถ้าเราจะขอ...” ชาคว้าข้อมือเราไว้ ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่แล้วเสียงจากด้านหลังก็ดังขึ้น



                “พี่ปั้น! อยู่นี่จริงด้วย แฮ่กๆ ขอโทษที่มาช้าครับ”



                “ไอ้นาย/นาย...”



                “พี่ชา”



                “มาทำไรที่นี่วะพี่” นายมองหน้าชาพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาเดินมาข้างๆ ทันทีก่อนจะดึงมึงเราที่ชาจับไว้ไปจับซะเอง ชาชะงัก เขามองมือที่นายจับเราไว้แวบนึงก่อนจะหันไปคุยกับนายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



                “กูก็มาเดินเล่นดิ แล้วมึงมีแรงตื่นหรอวะ”



                “ผมนัดกับพี่ปั้นไว้”



                “ปั้นนัดกับไอ้นายนี่เอง ปั้นอย่าชวนมันเถลไถลล่ะเดี๋ยวมันไปสอนพิเศษไม่ทัน” ชาพูดยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่นายสองสามที



                ...สอนพิเศษหรอ... พอเราทำหน้างงๆ ชาก็พูดขึ้นอีก



                “ปั้นไม่รู้หรอ นายมันเป็นติวเตอร์ด้วยนะ”



                เรามองเสี้ยวหน้านายที่ไม่รู้คิดอะไรอยู่แล้วตอบออกไป “เราไม่รู้หรอก”



                “ผมขอตัวก่อนนะพี่”



                นายพูดเสียงเเข็งเเละไม่รอให้ชาพูดอะไร นายก็ลากเราออกมาทันที ได้ยินเสียงชาตะโกนตามหลัง



                “ปั้น ดีใจที่ได้คุยกันอีกนะ!”



                เราไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับเป็นฝ่ายบีบมือนายแน่นขึ้นอีก

 





                “นาย...”



                “...”



                “นาย...ไปไหน” เราขืนตัวเมื่อเขาลากเราเข้าไปทางระหว่างบล็อคของร้านหนึ่งที่กำลังปิดปรับปรุง



                “พี่ปั้น” เขาเรียกแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของเราไว้ “พี่ชาทำอะไรรึเปล่า”



                “ไม่ได้ทำอะไร”



                “แล้วพี่ปั้นโอเคไหม” เขาถามอย่างกังวล



                “โอเค เราโคตรโล่งเลยนายรู้ป้ะ”



                “โล่งอะไรถึงทำหน้าจะร้องไห้แบบนี้กัน”



                “ไม่ได้ร้อง จริงๆ นะ”



                “งั้นจมูกแดงคงเพราะเป็นหวัดสินะครับ ใส่เสื้อก็บางอีก เอาเสื้อผมไหม”



                “ไม่เป็นไร ว่าแต่นายเถอะทำไมลากเราออกมาแบบนั้น” ถึงจะไม่อยากอยู่ตรงนั้นแต่ว่ามันคงไม่ดี ถ้านายรู้สึกไม่ดีกับชาเพราะเรื่องของเรา



                “พี่ปั้นไม่รู้หรอกว่าสีหน้าพี่ปั้นแย่ขนาดไหน ผมไม่อยากให้พี่ปั้นต้องอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว” เขาเลื่อนมือมาลูบท้ายทอยเราเบาๆ แต่สายตาแข็งกร้าวขึ้นตอนที่เอ่ยถึงเหตุการณ์เมื่อครู่



                “นาย เราไม่ได้เข้าข้างชานะ แต่เราอยากบอกนายว่า นายไม่จำเป็นต้องโกรธชาหรือเกลียดชา ชากับนายไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันอย่าทำให้เราเป็นคนที่ทำให้เกิดความรู้สึกนั้นเลยนะ”



                “...” นายชะงักไป ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า เรามองไปด้านหน้า สายตาไม่ได้มีจุดโฟกัสใด



                “เรื่องของเรากับชาจบกันแล้วล่ะ”



                “พูดแบบนี้ผมชักหึงแฮะ”



                คำพูดจาของคำเรียกเราให้หลุดจากภวังค์ “อะ...อะไรของนาย”



                “อ้าวก็พี่ปั้นบอกจบกันแล้วอะ แถมยังยืนจับมือกันอีก...” นายยื่นหน้ามาใกล้จนเราก้มหน้าจนคางจะชิดอก



                “เราหิวแล้วไปกินข้าวกันเถอะ” เราดันตัวเขาออกก่อนจะรีบเดิน



                “พี่ปั้น”



                “อะไรเล่า”



                “ทางนี้ต่างหากครับ”



                “แล้วก็ไม่บอกเร็วๆ ล่ะ”



                ...โคตรน่าอายเลยปั้น... เรารีบหันหลังเดินกลับไปชั้นฟู้ดคอร์ท ขนาดรีบเดินแล้วนายยังตามมาทัน เขาส่งเสียงหัวเราะในลำคอ



                “หึหึ เวลาเขินเนี่ย โก๊ะเลยนะเรา”



                ...เราไม่ได้โก๊ะเว้ย!...

               

[ต่อด้านล่างอีกนิดด]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
[ต่อเลยย]


                “เมื่อคืนนายไปดื่มกับชาหรอ”



                “หือ อ๋อเปล่าครับ ไปกันหลายคน พวกไอ้แดม ไอ้เอ็มเจก็ไป ว่าจะถามพี่ปั้นรู้ได้ไงตั้งแต่ที่คุยโทรศัพท์แล้ว”



                “ชาบอกเราเมื่อคืน”



                “เมื่อคืน? ได้ไงอะ”



                “อย่ามาทำงง แล้วเมื่อคืนนะ เราส่งข้อความไปตั้งเยอะนายก็ไม่ตอบเลย”



                “ไม่มีนะพี่ปั้น” เขาหยิบมือถือขึ้นมาเช็ค ตอนนี้เราสองคนอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิม อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญเพราะเราได้นั่งโต๊ะเดิมด้วย



                “พี่ปั้นไม่ได้ส่งอะไรมาให้ผมเลยนะครับ เมื่อคืนผมไปเข้าห้องน้ำแล้วพี่ชาก็...” ขณะที่เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี



                “ข้าวหน้าเนื้อไข่ออนเซ็นกับข้าวหมูย่างฮอกไกโดได้แล้วค่ะ ชาเขียวเย็นได้แล้วนะคะ”



                “ได้แล้วครับ”



                พออาหารมาทุกอย่างก็กลายเป็นแสงสีขาวพร่าตาไปหมด



                “หื้อ อร่อย นาย...เราไม่เห็นรู้เลยว่านายไปสอนพิเศษ” เราถามขึ้นหลังจากที่ได้กินข้าวซักที เขาซดซุปมิโสะก่อนจะตอบเรา



                “พี่ปั้นจะรู้ได้ไง ผมไม่เคยบอก”



                “แสดงว่านายบอกชา เพราะชารู้แต่เราไม่รู้”



                “อีกนิดจะคิดแล้วนะครับ”



                “คิดอะไร”



                “คิดว่าพี่ปั้นหึงผม”



                “เราแค่ถามเอง” เราเถียง ...เราไม่ได้หึงเลยเหอะ... แค่ไม่อยากรู้ทีหลังไง ใช่ๆ เราไม่อยากรู้ทีหลัง



                “ทำหน้าบึ้งยังไม่น่ากลัวเลยคนอะไร” เขาส่ายหน้าพร้อมกับตักข้าว เราเหลือบมองเล็กน้อย



                “อร่อยไหม”



                “ก็โอเคครับ พี่ปั้นอยากชิมหรอ”



                “นี่นายเห็นเราเป็นหมูจริงๆ งั้นสิ”



                “ก็เห็นมอง” เขายิ้มล้อ เราเบะปากพร้อมกับเข้าเรื่อง ...เมื่อกี้แค่เกริ่น ไม่ได้มองแล้วอยากกินด้วย!...



                “ปกติ...นายชอบกินอะไร”



                “หือ ทำไมถึงถามล่ะครับ”



                “ก็เราเหมือนเอาเปรียบนาย เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายเลย”



                “อึก...อะเเฮ่ม ให้ตายเถอะพี่ปั้น ทำให้ผมหวั่นไหวอยู่เรื่อย” เขาเกาเเก้มตัวเอง เเล้วมองนู่นนี่



                “พึมพำอะไรของนาย”



                “เปล่าคร้าบ ผมกินได้ทุกอย่างแหละ แต่ปกติก็ตามสั่งธรรมดา เพราะไม่รู้จะกินอะไรก็สั่งแต่ข้าวห่อไข่ เพื่อนมันเลยล้อๆ ว่าผมชอบกินข้าวห่อไข่”



                “อืมม...” เราพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้สังเกตว่าคนตรงหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เมื่อไหร่



                “พี่ปั้น”



                “หือ”



                “แต่ไม่นานมานี้ผมชอบข้าวปั้น ว่าจะเปลี่ยนใจมารักอาหารญี่ปุ่นแล้วล่ะครับ”



                “อะ...”



                “เป็นอะไรครับ ไข้ขึ้นหรอหน้าแดงจัง หึหึ”



                ...เราร้อนต่างหาก เจ้าเด็กคนนี้นี่...

               





                “ดูหนังกันไหมพี่ปั้น”



                “นายต้องไปสอนพิเศษไม่ใช่หรอ ชาบอกว่าอย่าให้นายเถลไถล” สาบานว่าเราแค่หมั่นไส้ ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้ประชดด้วย



                “นี่ไม่หึงจริงๆ ใช่ไหมเนี่ยพี่ปั้นนน” เขาลากเสียงยาว จับคางเราบิดไปมา เรารีบปัดมือออกแล้วมองซ้ายขวา



                “นายทำอะไรเนี่ย กลางห้าง”



                “ไม่เห็นมีใครมองเลยพี่ปั้น ไปครับ ไว้ค่อยมาดูหนังกัน เสียดายจัง วันนี้ได้มาเดตทั้งที”



                “ไม่ได้เดต! มากินข้าว”



                “อ้าวหรอครับ โธ่คิดไปเองได้ไงเนี่ยผม” เขาทำหน้าตกใจแบบโอเว่อร์



                “ใช่ นายนั่นแหละคิดไปเอง สอนเลิกกี่โมงเนี่ย”



                “สอนสี่โมงถึงหกโมงครับ จริงๆ ผมเลิกสอนมาพักนึงพอดีช่วงนี้ต้องใช้เงิน” เขาพูดเหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปก่อนจะเดินนำเรามาที่ทางออกชั้นที่เชื่อมกับสะพานลอย เรามองแผ่นหลังเขาก่อนจะหลุบตามองถุงกระดาษในมือ



                “นาย...มีปัญหาอะไรไหม”



                “ทำไมพี่ปั้นทำหน้าอย่างงั้น” นายเอื้อมมือมากอดไหล่เรา แล้วโยกตัวไปมา ปากก็พูดว่าโอ๋ๆ



                “บอกเราได้นะ เราช่วยแก้ปัญหาไม่เก่งแต่เราฟังเก่ง เล่าได้” เราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเลยสบตาเรานิ่ง



                “ไม่มีอะไรครับพี่ปั้น จริงๆ นะ ผมไม่ได้โกหก” 



                “จริงนะ”



                “จริงครับ ไปครับ ผมไปส่ง” นายดันตัวเรามาข้างหน้าแทนเพราะคนขึ้นลงสะพานลอยค่อนข้างเยอะ “เออ แล้วพี่ปั้นซื้อของอะไรมา” เขาชะโงกหน้ามาดูของที่เราถือไว้



                “ครบแล้ว”



                “ซื้ออะไรน่ะครับ กอดไว้หวงเชียว”



                “ไม่บอกหรอก”



                “ก็ด้ายยย เดี๋ยวนี้งกนะพี่ปั้น”



                “ไปๆ กลับได้แล้ว เรานั่งรถเมล์กลับแป๊บเดียว” เขาเหลือบมองนาฬิกา หลังจากมายืนที่ป้ายรถเมล์เราก็เอ่ยปากทันที



                “ส่งพี่ปั้นขึ้นรถก่อนผมถึงจะกลับ”



                เราพยักหน้า ไม่ขัดใจเขาล่ะ เพราะยังไงก็ไม่เคยชนะ เรายืดตัวมองรถเมล์ก็เห็นว่าสายที่เราจะขึ้นกำลังตรงมาทางนี้ พอรถใกล้จะถึง เราก็เรียกคนข้างๆ ที่กำลังชะเง้อคอมองรถเหมือนกัน



                “นาย”



                “ครับ”



                “คราวหน้า...เราเปลี่ยนไปกินข้าวห่อไข่กันไหม”



                เขาค่อยๆ หันมาก่อนจะยิ้ม ยิ้มแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก



                ...อะไรเล่า...



                “แต่ร้านประจำผมอยู่ไกลนะครับ” นายพูดด้วยสีหน้ากังวลแต่แววตาพราวระยับ รวมถึงมุมปากที่ยังยกยิ้มอยู่ด้วย



                “งั้น..."



                "...ครับ?"



                "...ถ้าไกลมาก เดี๋ยวเราทำให้กิน” เขายิ้มค้าง ทำหน้าเหวอ



                “พี่ปั้นนนน ดีใจอะ” เขาลากเสียงยาวก่อนจะก้มมองเราอย่างเอ็นดู “พี่ปั้น ได้ยินเสียงไหม” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องจนเราตามไม่ทัน



                 ...มีแต่เสียงรถ... เราขมวดคิ้วถามเขากลับ “เสียงอะไร”



                “เสียงหัวใจผมไง เต้นแรงเพราะพี่ปั้นเลยนะเนี่ย”



                ...เจ้าเด็กเพี้ยนเอ๊ย...

 





                เรามาเรียนวันจันทร์ด้วยสภาพสะโหลสะเหล จากนั้นเราโดนชมพู่บ่นเรื่องแผลแล้วก็เรื่องขึ้นรถตู้ สุดท้ายก็มีคนเห็นดีเห็นงามที่นายจะมารับทุกวันศุกร์



                แต่ต้องบอกว่าอาทิตย์นี้ เราไม่ได้กลับบ้านแล้วล่ะ



                “ปั้น แกไปด้วยกันสิ น้องๆ ให้มาชวนแก มันบอกว่าแกมีส่วนร่วมในด้านกำลังใจให้พวกมันได้เหรียญทองแดง”



                “เราไปเป็นสตาฟแค่ครั้งเดียวเองนะ” เราชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ



                “เอาน่า...แกไปกับฉัน ตัวติดกันเลย ไม่มีใครมาทำอะไรได้แน่นอน”



                “แต่ว่า...”



                “ได้บุญด้วยนะปั้น ไปทำกิจกรรมให้น้องๆ ที่ด้อยโอกาส ไป-กลับเอง”



                “แต่เราก็ไม่ได้กลับบ้านน่ะสิ”



                “น่า อาทิตย์เดียวเอง หรือแกมีนัด?”



                “เปล่าหรอก”



                “ตกลงไปนะ ไอ้พวกนั้นมันคงดีใจแย่ ครั้งก่อนพอไอ้เจ็มรู้เรื่องไอ้กี้ มันสั่งซ่อมเพื่อนมันใหญ่เลย มันอยากจะหาโอกาสขอโทษแกอยู่เนี่ย อีกอย่างฉันเหงาอะ แกกลับบ้านทุกอาทิตย์เลย ฉันคิดถึงแกกกกกกก แกสนใจแต่ไอ้นาย ฉันงอนถ้าแกไม่ไปด้วย”



                “เอ่อ...ชมพู่ก็ได้ๆ โอเค อย่าเขย่าตัวเรา เดี๋ยวเจ้าหน้าที่มาเตือนหรอก แค่วันเดียวไปกลับใช่ไหม”



                “ใช่ๆ ที่ราชบุรีนี่เอง”



                และเพราะเหตุนี้ นายข้าวปั้นก็ถูกเพื่อนรักพ่วงด้วยตำแหน่งคุณแม่ล่อลวงเข้าจนได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน วันอาทิตย์เราจะได้ทำงานที่ห้องสมุดด้วยเลย ไม่ต้องแบกหนังสือกลับไปมา แต่ที่ไม่ดีเนี่ยคือเราจะบอกนายยังไงดี นายที่มักจะส่งข้อความมาแล้วบอกว่า



            “พี่ปั้น เราไปลองกินอันนี้กัน”



            “พี่ปั้นหนังสือที่พี่ปั้นอยากได้วางแผนที่สาขาสยาม”




                หรือไม่ก็



                “หนังเรื่องนี้น่าดูมากกกก ไว้พี่ปั้นกลับมาเราไปดูกันเถอะ”



                เขาดูมีความสุขพอพูดถึงแพลนวันเสาร์อาทิตย์ จนเราต้องปรามๆ ว่าให้ไปอ่านหนังสือบ้างใกล้สอบแล้ว ผลก็คือเขาหัวเราะร่วนเลยล่ะ



                “บอกพ่อแกยัง” ชมพู่เดินมาทักจากด้านหลัง ตอนนี้เราอยู่ห้องสมุด นั่งทำเปเปอร์วิชาโทมาสองชั่วโมงแล้ว



                “บอกแม่ไปแล้ว”



                “ไม่ใช่ ฉันหมายถึงไอ้นายน่ะ”



                “อ๋อ ยังเลย ชมพู่! นายไม่ใช่พ่อเรานะ!”  ...เรามีพ่อคนเดียว...



                “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ป้ะ ไปไหนต้องรายงานเนี่ย เอ...อย่างนี้เด็กทีมบาสฉันก็ต้องอกหักกันน่ะสิ”



                “อกหักอะไรล่ะ”



                “แหน่ะ มีเขิน รีบบอกนายซะล่ะ เดี๋ยวก็มารอเก้อ”



                เราพยักหน้า มองโทรศัพท์แล้วตัดสินใจใช้บริการของไลน์แทนการโทรแล้วกัน ช่วงนี้เขาตอบไลน์เราอีกทีก็ดึกๆ นู่น



                ...แหะ...จริงๆ ไม่อยากโทรหา เดี๋ยวเราเถียงไม่ทัน...



                read Khaopun
                นาย สอนพิเศษอยู่ไหม
เอ่อ...ไม่ต้องตอบหรอก
                เราจะบอกว่าอาทิตย์นี้ไม่ต้องมารับนะ
                เราต้องไปกิจกรรมที่ราชบุรีกับชมพู่วันเสาร์
                วันอาทิตย์ก็อยู่ทำงานเลย
                โอเคนะ
                ไว้เจอกันอาทิตย์หน้า
บาย



                ...โคตรเจ๋งเลยปั้น พิมพ์ไปรวดเดียว ไม่ต้องรอให้ตอบกลับ...



                แต่เหมือนวันนี้โชคไม่เข้าข้าง เพราะอีกสามนาทีต่อมาหน้าจอก็ขึ้นรีดทีละอัน



                Naay Nine
                เฮ้ยพี่ปั้น
                ได้ไงอะ
                อาทิตย์นี้ผมเคลียร์ทุกอย่างไว้แล้วนะ
                ทำไมเป็นงั้น
                รับคอลผมเดี๋ยวนี้

read Khaopun
                เรายังไม่สะดวกคุย ทำงานอยู่ที่ห้องสมุด

                Naay Nine
                กิจกรรมอะไรครับ
                เลิกกี่โมง
                ไปกับใคร
                ช่วยรายงานมาให้ละเอียดด้วย
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์

read Khaopun
นาย เดี๋ยวเราบอกนะ
ตอนนี้ยังไม่สะดวก
แล้วก็ช่วยหยุดส่งสติ๊กเกอร์มาที
มือถือเรามันเก่าแล้วนะ!

                Naay Nine
                เหอะ
                ให้มันค้างไปเลย
                ไหนใครบอกจะไปกินข้าวห่อไข่
                ไหนใครบอก
                คนผิดสัญญา
                ถ้าบอกรายละเอียดช้าเกินสองทุ่มก็ไม่ต้องไปนะพี่ปั้น
                ไอ้กิจกรรมไรเนี่ย
                อ่านแล้วรับทราบด้วย
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์
                ส่งสติ๊กเกอร์


 

                read Khaopun
เข้าใจแล้ว
เลิกส่งมาได้แล้วววววววว

 

               เเละในตอนนั้นเองก็มีความคิดนึงวิ่งผ่านเข้ามาในสมอง



                ...หรือว่าเขาจะเป็นพ่อของเราจริงๆ กันเเน่นะ...



_________
-ค่อยๆ อยู่ในวงกลมของกันเเละกันนะ-
เขียนไปด้วยก็หิวไปด้วย แงล (ม้วนลิ้น)
คิดถึงพี่ปั้นกันมั้ยยย เเหะๆ เรานั้นคิดถึงค่ะ 555
น้องนายก็ยังเป็นเด็กที่เอาใจใส่พี่เหมือนเดิม
ขอบคุณทุกเม้น ทุกวิว ทุกกำลังใจจจ  :L2: :กอด1:
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ
ขอให้ปี2018 เป็นอีกปีที่มีค่าของทุกคนนะคะ
รักทุกคนนนน

 :L1: :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารนาย อดเจอพี่ปั้นอีกแล้วว รอดูพี่ปั้นทำข้าวหอไข่ให้กิน

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
พี่ปั้นน่ารักน่าเอ็นดูตลอดเลยยยยย //กออ
มีต้องรายงงรายงาน อยากจะแหมมมม 5555
จริงๆนายก็เป็นพ่อปั้นนะ พ่อทูนหั--- แค่ก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชานนท์ เล่นมือถือของนายสินะ   :hao3:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ชามาร้ายหรือมาดี ชาลบแชทของพี่ปั้นในมือถือใช่ไม่ใช่!

พี่ปั้นก็ยังน่าเอ็นดูเสมอต้นเสมอปลาย ฮือ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
นายอยากเป็นพ่อทูนหัวค่ะพี่ปั้นนน  :hao7:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ปั้นนนนนน น่ารักตลอดเลย
นายอยากเจอก็ตามไปด้วยเลยสิ แค่นี้เอ๊ง55555

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พ่ออออออออ พ่อทูนหัววววววว

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
โหหหห คุณพ่อนี่ขี้หวงจังเลยนะ หวงงี้ก็ไปคุมพี่ปั้นเลยสิ :hao3:

ออฟไลน์ Rungsai

  • ใครบอกว่ารุ้งมีเจ็ดสี :D
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องละมุนมากอะ งื้อ
เพิ่งได้อ่าน ติดตามค่ะ ^^

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นายเป็นพ่อของลูกน่าสงสารอดกินข้าวห่อไข่

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
คำเตือน ตอนนี้มีมือที่สาม ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์ ปั้นเเชมป์


Act 13: เรา...คือพี่ปั้ง



              “เชิญทางนี้เลยครับพี่ปั้น”



              “พวกมึงพี่ปั้นมาแล้ว”



              “เฮ้ๆๆๆ”



              ...เอ่อ...



              พอทุกคนโผล่หน้าออกมาจากเบาะแล้วส่งเสียงลั่นแบบนั้น ไอ้คนที่พึ่งเดินขึ้นรถแบบเราก็...



              “เรากลับนะชมพู่”



              “เฮ้ย เดี๋ยวปั้นเดี๋ยว  นี่! พวกแกอย่าทำให้ปั้นกลัวสิ”



              “พวกเราไม่ได้ทำอะไรนะครับผู้จัดการรร เราทักทายพี่ปั้นสไตล์ทีมบาส แบบนี้ไง เฮ้ๆๆๆ”



              “เออใช่ๆ” พวกเขาพยักหน้ากันสุดฤทธิ์



              “แกขึ้นไปนั่งหน้าสุดไป เดี๋ยวฉันจัดการของบริจาคก่อน ห้ามพวกแกทำอะไรปั้นนะ ให้ปั้นเดินผ่านไปเฉยๆ ทราบ!”



              “ทราบครับผู้จัดการ!” พลังเสียงน้องๆ นี่มันอะไรกัน



              เราเดินกอดกระเป๋าเป้ใบเล็กไปนั่งตรงที่ชมพู่บอก ตลอดทางน้องๆ ก็ทักทายปกติ เราจำชื่อได้ไม่กี่คน การไปจัดกิจกรรมคราวนี้รวมสตาฟเก่าใหม่ด้วย และทั้งรถมีผู้หญิงอยู่ห้าคนถ้วน



              “พวกเราดีใจนะครับที่พี่ปั้นมา ผมขอถ่ายรูปได้ไหมครับพี่ปั้น” คนที่นั่งเบาะหลังชะโงกหน้ามาพร้อมกับมือถือในมือซ้าย เราตกใจแทบสะดุ้งแต่ว่าก็เก็บอาการได้ทัน



              “อ่า...เราว่า...”



              ผลัวะ!
             


              “ใครวะ!”



              “กูเอง” น้องเจ็มที่เดินมากับกี้ ยื่นมือมาตบหัวเพื่อนทันทีที่เดินผ่าน “ไอ้เชี่ยแฟมึงนั่งดีๆ ไป รถจะออกแล้ว”



              “ว่าแต่กู มึงเดินมาทำเชี่ยไร ไอ้เจ็ม ไอ้กี้”



              “กูนั่งแถวเดียวกับพี่ปั้นไง นั่งฝั่งนี้ เดี๋ยวปั๊ดดด” น้องเจ็มว่าก่อนจะเดินไปนั่งหน้าสุดติดกับหน้าต่างฝั่งซ้าย ถัดมาก็เป็นน้องกี้ที่ทิ้งตัวลงนั่งกับเบาะ กี้ดูอึกอักแปลกๆ ส่วนเราก็มองเขาเงียบๆ



              “เออๆๆ อย่าให้เห็นมึงขอถ่ายรูปก่อนพวกกูนะ” น้องแฟบ่นก่อนจะกลับไปนั่งตามเดิม เราเลยหันไปทักทายน้องเจ็มกับกี้เล็กน้อย



              “หวัดดีน้องเจ็ม เอ่อ...กี้ด้วย”



              “สวัสดีครับพี่ปั้น นึกว่าพี่ปั้นจะไม่มาซะแล้ว” น้องเจ็มว่า



              “ทำไมล่ะ”



              “ก็เรื่องไอ้กี้...” พูดถึงตรงนั้นแล้วเจ็มก็ใช้ศอกกระทุ้งเพื่อนตัวเอง กี้เลยหันมาหาเราทั้งตัวพร้อมกับเริ่มพูด



              “พี่ปั้น...”



              “...”



              “เรื่อง...เรื่องเมื่อคราวก่อน ผมยังไม่ได้ขอโทษพี่ปั้นเลย ผมแกล้งแรงไป ผมขอโทษจริงๆ นะครับพี่ พี่ปั้นอย่าโกรธผมเลยนะ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ตอนนั้นผมคิดว่าพี่ปั้นไม่ว่าอะไร ก็เลย...ทำแบบนั้นไป ยกโทษให้ผมด้วยครับ” เขาพูดจบรอบข้างก็เงียบไปทันที



              “อ่า ไม่เป็นไร" อาจจะเป็นเพราะเสียงเราฟังดูแข็ง สีหน้ากี้เลยแย่ลงมากกว่าเดิม "แต่ว่านะ กี้...”



              “ครับ”



              “ถึงไม่ใช่เรา กี้ก็อย่าไปทำแบบนั้นกับใครอีกนะ บางทีสิ่งที่เราสนุก เขาอาจจะไม่สนุกกับเราก็ได้” กี้สบตาเราด้วยแววตาที่อธิบายไม่ถูก



              “ที่เราพูดแบบนี้เพราะเห็นว่ากี้เป็นน้องเรา ถ้าอะไรที่ไม่ดี คนเป็นพี่ก็ต้องเตือนน้องถูกไหม”



              “...” เราเอียงหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากี้เงียบ



              ...นี่เราพูดแรงไปไหมเนี่ย...แถมยังพูดยาวที่สุดในรอบปีด้วย...



              ไม่ทันได้หาคำตอบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง 



              “ไอ้เชี่ยกี้จะร้องแล้วเว้ยยยยยยยยยยย”



              เราหันไปมอง พึ่งรู้สึกตัวว่าทั้งรถยืดตัวกับเบาะรถมองมาทางนี้กันหมด รวมถึงชมพู่ที่ยืนอมยิ้มอยู่ตรงนั้นด้วย



              ...อ่า คือ...
             


              “พี่ปั้นครับบบบ พี่ปั้นน่ารักจังเลยยย”



              “ไม่เสียแรงที่เป็นขวัญใ...เอ๊ย เป็นรุ่นพี่พวกเรา”



              “ฮืออออออ ซึ้งแทนไอ้กี้ครับ”



              “พี่ปั้น! พี่ปั้น! พี่ปั้น!”



              เราลูบท้ายทอยแก้เก้อ หันไปมองน้องกี้ที่ปลายจมูกแดงแล้วก็ยิ้ม เรายื่นมือไปตบบ่ากี้เบาๆ



              “ขอบคุณนะครับพี่ปั้น”

 



              เดินทางไม่นานก็ถึงราชบุรี แต่ทางไปโรงเรียนไกลจากตัวเมืองอยู่ซักหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ลำบากอะไรนัก พอมาถึงโรงเรียนน้องๆ ก็ช่วยกันขนกล่องนม ขนม อุปกรณ์กีฬา สมุด หนังสือลงมาจากรถบัสของมหาลัย



              ตึง ตึง ตึง



              อ้อ รวมถึงกลองด้วย ขาดไม่ได้เลย

           

              “ข้าวกับก้อย แสตนบายด์อยู่ตรงหน้าห้องประชุมนะ เดี๋ยวจะมีถังไอติมมาส่ง พี่สั่งเขาไว้แล้ว”



               “ได้ค่ะพี่”





               “ส่วนเจ็ม ฟุน เหน็ง ซอ กี้ แกไปอยู่หน้าเวทีหน่วยสันทนาการ ปั้นส่วนแกอยู่ด้านหลังกับบี หน่านะ”



                ชมพู่บอกเราว่างานนี้ไม่มีได้มีแผนอะไรมากมาย เดิมทีจะมาแจกของให้เด็กๆ อย่างเดียว แต่เนื่องจากเด็กๆ ยินดีมารอพวกพี่ๆ เลยต้องมีการคิดกิจกรรมให้น้องๆ ได้สนุกสนานเป็นการด่วน โชคดีที่กลองยืมของมหาลัยได้แถมยังมีเเฟลชไดร์ฟใส่เพลงเเดนซ์ไว้เพียบอีกต่างหาก งานนี้คงจะสนุกน่าดู



                อย่างตอนนี้คนที่ทำหน้าที่นำความเฮฮาได้ดีสุดเห็นจะเป็นเจ็มและเดอะแกงค์ของเขา



                “พี่ชื่อพี่เจ็มนะครับน้องๆ ไหนใครเป็นเด็กดียกมือขึ้น”



                “หนูๆๆๆๆๆ”



                ทั้งๆ ที่เราคิดว่าเด็กๆ คงจะเขินอาย แต่พอเริ่มทำกิจกรรมทุกคนกลับตื่นเต้น กระโดดเหยงๆ หัวเราะเสียงดัง ซนจนพวกทีมบาสวิ่งตามจับกันแทบไม่อยู่ คุณครูสองสามคนก็ส่ายหน้ากับความซนที่ฉุดไม่อยู่ของเด็กๆ  โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมหกประมาณเกือบห้าสิบคน ไม่มากไม่มาย แต่ก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก



                “เดี๋ยวพี่ๆ ตัวใหญ่ยักษ์จะล้อมน้องๆ ไว้เป็นกำแพง เราจะมาเล่นเกมกันนะ เอาล่ะ ใครไม่อยู่นิ่งจะไม่ได้ไอติม เอ้า ปรบมือสามครั้ง”



                แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ



                “ไม่พร้อมเลย เอาใหม่ปรบมือสามครั้ง”



                แปะ แปะ แปะ แปะ



                “เอ้า ทำไมเกิน”



                “ฮ่าๆ”



                ชมพู่กับโค้ชทีมบาสก็ยุ่งอยู่ข้างๆ เวที คอยแจกขนมให้เด็กๆ ที่ชนะเกมหรือเฮฮาได้ใจ เกมที่สนุกที่สุดเห็นจะเป็นการจับคู่เป่ายิ้งฉุบ ถ้าใครแพ้ก็ต้องไปต่อแถวคนชนะไปเรื่อยๆ เกมนี้ไม่ได้มีแค่เด็กๆ เท่านั้น เพราะน้องๆ ทีมบาสหลายคนก็เข้ามาเล่นด้วย ขนาดตัวที่โตกว่าดูยังไงก็เหมือนเด็กโข่ง



                “ผู้ชนะในเกมนี้จะได้ดินสอสีสี่สิบแปดสีจากโค้ชของเรานะคร้าบบบ ปรบมือให้กับโค้ชหน่อยยย”



                เย้ เย้



                “เล่นเกมอย่างรู้แพ้ รู้ชนะนะเด็กๆ เอ้า โค้ชจะเป่าแล้วนะ หนึ่ง สอง ปรี๊ดดดดดด!”



                เสียงโหวกเหวก เสียงหัวเราะอบอวลไปทั่วห้องประชุมเล็กๆ ทุกคนดูมีความสุขทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ส่วนหน้าที่ของเรากับน้องผู้หญิงอีกสองคนก็คือคอยกระตุ้นน้องๆ เข้าไปเฮฮาด้วย หรือคอยดูถ้ามีใครล้มหรือไม่สบาย แม้ว่าจะไม่ได้คุยกับน้องสตาฟคนอื่นเป็นพิเศษแต่แอบมองอยู่มุมนี้ก็ชื่นใจดีเหมือนกัน



                “พี่ปั้นคร้าบบบ มาเล่นด้วยกันไหมครับ” น้องซอตะโกนมาจากกลางวง ที่เอวของซอมีมือน้อยๆ เกาะอยู่ เด็กๆ ที่เกาะไหล่กันหันมามอง บางคนก็กวักมือเรียกเราด้วย



                “ตามสบายเลย”



                เรายิ้มแล้วส่ายหน้าก่อนจะถอยมาอยู่ชิดประตูทางออกด้านหลัง น้องผู้หญิงสองคนที่ยืนข้างๆ เราก็หัวเราะกับท่าทางเด็กๆ ที่ตื่นเต้นจนบางคนเต้นตามเพลงที่เปิดไว้ ไม่ยอมเป่ายิ้งฉุบซักที



                “พี่คับ พี่คับ”



                หือ? เราก้มมองตามแรงดึง เด็กน้อยคนหนึ่งดึงชายเสื้อเราไว้ ตาโตๆ มองเราปริบๆ เกือบจะหลุดยิ้มเอ็นดูเพราะว่าแก้มสองข้างเต็มไปด้วยแป้ง ดูตัวเล็กๆ แบบนี้คงจะอยู่อนุบาลแน่เลย



                “ครับ”



                “แชมป์ปวดฉี่”



                เราหันไปมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก ไม่มีใครรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ออกมาจากวงเล่นเกม “แชมป์ปวดฉี่แต่แชมป์อยากเล่งเป่ายิ้งฉุบ”



                “ปวดหรอ ถ้าน้องแชมป์ปวด แชมป์ต้องไปเข้าห้องน้ำเลย อั้นไว้ไม่ดีนะครับ”



                เด็กน้อยคนนี้จับชายเสื้อนักเรียนตัวเองไว้ ขาเล็กๆ บิดซ้ายบิดขวาคงเพราะปวดมาก ส่วนมือขวาก็กำเสื้อเราไม่ปล่อย



                “งือ” น้องส่งเสียงร้องมาคำเดียว แต่แบบว่า...



                “ไปครับ เดี๋ยวพี่ปั้นพาไปเข้าห้องน้ำ”



                “คับพี่ปั้ง”



                ...โคตรน่ารักเลย...



                “วันนี้สนุกไหม”



                “สนุกคับ”



                เราถามระหว่างจูงมือน้องเดินมาเข้าห้องน้ำหลังตึก ตอนที่เราเดินมาที่น้องข้าวที่รอตักไอศกรีมเข้ามาถามไถ่เล็กน้อย นอกนั้นคนอื่นๆ ก็เอาแต่เต้นกันอยู่ข้างใน เพราะสมัยนิยมดังแว่วออกมา



                “แชมป์เข้าคนเดียวได้ไหม”



                “ได้คับ แต่แชมป์กลัวผี” น้องยิ้มเขินๆ แต่เราเขินกว่า เหมือนโดนดาเมจรุนแรง



                ...ทำไมน่ารักขนาดนี้...



                “ไม่มีหรอก กลางวันอยู่”



                “แต่แชมป์กลัว พี่ปั้งอยู่หน้าประตูร้องเพลงให้แชมป์ฟังหน่อย เหมือนแม่กับครูปังไงคับ”



                “อ่า...”



                ...น้องแชมป์ พี่ปั้นร้องเพลงไม่ได้นะ...



                “พี่ แชมป์ปวดดด”



                “อะๆ แชมป์เข้าเลยๆๆ เดี๋ยวพี่ปั้นร้องเพลงให้ฟัง”



                เงียบสนิท



                “แชมป์ไม่ฉี่ ไม่มีเพลง แชมป์ไม่ฉี่”



                …ฮือ พี่ร้องก็ได้ครับ...



                “ชะ...ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า”



                …รู้ไปถึงไหนอายถึงนั่นเลยปั้นเอ๊ย...



                เราหลับหูหลับตาร้อง ซึ่งความเพี้ยนนั้นมาเต็มทุกลมหายใจเข้าออก แต่เราไม่ได้เขินอายนานเพราะน้องบูมร้องเพลงประสานกับเราอย่างสนุกสนาน



                “ชั้งมันเติบโตไม่เบา จมูกยาวๆ เรียกว่างา มีหูตาหังยาวววววววววววว เสร็จแล้วคับบบบพี่ปั้ง”



                “หึหึ”



                หือ? ใครหัวเราะ



                เดี๋ยวนะ...ทำไม...เราได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงมาจากที่ไหน หรือว่า...ที่นี่จะมีผีจริงๆ น่ะ ไม่ก็เราหูฝาดไป



                “ครับ เสร็จแล้วออกมาล้างมือเลยครับ” เรารีบพูด คิดว่าประโยคนี้คงจบลงเพียงหนึ่งวิเท่านั้น



                “พี่ปั้งร้องเพลงหนู๊กหนุก”



                “หึหึ”



                ...เฮ้ย...นั่นไง มีเสียงหัวเราะจริงๆ ด้วย... เราขนลุก รีบปรี่เข้าไปอุ้มน้องแชมป์ขึ้นทันที



                “พี่ปั้นว่าเราไปกันดีกว่าครับ”



                น้องแชมป์กอดคอเราแน่น พร้อมกับยิ้มแป้นแล้น ก็ตอนที่เราอุ้มขึ้นคงจะสนุกเขาล่ะมั้ง เรารีบเดินมาที่ประตูห้องน้ำ และเสียงหัวเราะประหลาดนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ! ยิ่งจะเดินผ่านประตูมันยิ่งชัดเจน  ...ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่... เราหลับตาก้าวขาผ่านประตูนั้นทันที เหมือนกับประตูนั้นจะพาเราผ่านไปสู่ความสว่างได้ เราก้าวเท้าซ้าย ตามด้วยเท้าขวา...



                พลั่ก!



                หน้าผากชนกับอะไรบางอย่างจนต้องร้องลั่นพร้อมกับถอยเข้ามาให้ห้องน้ำอีกรอบ



                “เฮ้ย!” เราร้องกอดน้องแชมป์ไว้แน่น กดหัวน้องให้แนบกับบ่า ส่วนใจนั้น....เต้นรัวพอๆ กับเสียงกลองในห้องประชุม



                …เราชนกับอะไร ไม่กล้าลืมตาเลย...



                “พี่ปั้น!”



                สัมผัสเย็นเฉียบจับต้นแขนเราไว้  …เสียงนี้...



                “ผมเอง”



                “นาย!?”

 [ต่ออีกนิด]

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
 [มา มาเลย]


               “หยุดขำได้ไหม จะขำอะไรนักหนา”



                “หึหึ ก็พี่ปั้นน่ารัก ร้องเพลงช้างด้วย”



                “มันไม่ได้น่ารัก มันเพี้ยน!” เราหน้าบูดที่ต้องย้ำความจริงอะไรแบบนี้



                “ฮ่าๆๆ ไม่ไหวแล้ว น้องแชมป์พี่ปั้นร้องเพลงเพราะไหม”



                “เพราะคับ”



                ...หึหึ ดีมากคนน่ารักของพี่ปั้น...



                ที่นายก้มลงถามน้องแชมป์ คงคิดว่าน้องจะตอบว่าไม่เพราะล่ะสิ



                “น้องแชมป์ดีกับพี่ปั้นจังเลยครับ” เราอุ้มน้องแชม์ปอีกครั้งหลังจากปล่อยให้เดินเองเมื่อกี้ น้องแชมป์ยิ้มหวานก่อนจะแนบแก้มที่เต็มไปด้วยแป้งกับไหล่ของเรา น่าเอ็นดูจัง เราหัวเราะเบาๆ



                “แชมป์รักพี่ปั้ง”



                …พี่ปั้นก็รั...



                “เฮ้ยๆ น้องครับ เป็นเด็กเป็นเล็ก ท่อง ก ไก่ถึง ฮ นกฮูกให้ได้ก่อน รักอย่าพึ่งยุ่ง” นายหุบยิ้มฉับก่อนจะปรี่เข้ามาแย่งน้องแชมป์ไปอุ้มเอง การกระทำของเขาหยุดความคิดของเราลง เกือบจะเคลิ้มเพราะคำบอกรักของน้องแชมป์แล้ว



                “ก็แชมป์รักพี่ปั้ง ปล่อย!” น้องแชมป์ดิ้นๆ จนเท้าไปโดนเสื้อยืดสีดำของนายเข้า



                “นาย น้องไม่ชอบ” เราบอกนายเพราะกลัวว่าน้องจะงอแง แต่คนตรงข้ามกลับมองเราตาโต เขามองเราที่เป็นฝ่ายอุ้มน้องลงมายืนบนพื้นอีกครั้ง น้องแชมป์กอดขาเราทันทีแล้วยิ้มแป้น ต่างกับเด็กอีกคนที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้า



                “อะ..อะไร”



                “พี่ปั้น เจอเด็กนี่ไม่กี่ชั่วโมง พี่ปั้นดุผมต่อหน้าน้องเขาหรอครับ ผมมาก่อนตั้งนานนะครับพี่ปั้น”



                เราขมวดคิ้วบ้าง ส่ายหน้ากับความคิดของเขาก่อนจะเดินนำไปหอประชุม ป่านนี้ตามหาน้องแชมป์กันหมดแล้วมั้ง



                “ปั้น!”



                เดินมาถึงห้องประชุม ชมพู่ก็เท้าเอวยืนรออยู่ตรงนั้นกับน้องฟุนที่รอรับน้องแชมป์อยู่ ส่วนชมพู่พอเห็นหน้านายที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็นึกว่าชมพู่จะมีท่าทีประหลาดใจกับเด็กมธ.คนนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เลย...



                “พวกแกมาช้านะนาย งานจะเลิกแล้วเนี่ย”



                “ผมมาจากกรุงเทพฯ นะพี่พู่”



                “เออๆ ไปแกไปรอแจกไอติมข้างนอกแล้วกันอย่าพึ่งเข้าไปกวนข้างใน” ชมพู่ว่าพลางเรียกน้องฟุนพาน้องแชมป์เข้าไปข้า

งใน แล้วดันหลังเราให้เดินไปทางประตูหลัง



                “อ้าวแล้วพี่ปั้นล่ะ”



                “ปั้นก็อยู่ข้างในดิ”



                “ทำไมผมถึงเข้าไปไม่ได้ ไอ้เอ็มเจกับไอ้แดมยังเข้าไปได้เลย”



                ...นี่เพื่อนเขาก็มาด้วยหรอเนี่ย...



                “ฉันไม่ให้แกเข้า เพราะฉันหมั่นไส้แก จบไหม ปะ ปั้นไปกันเถอะ”



                เรามองเขานิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมด้วยพลังแขนของชมพู่ และตอนนี้กิจกรรมเต้นแรงแจกรางวัลกำลังจะเริ่ม

 





                “วันนี้สนุกไหมครับน้องๆ”



                “สนุกกกกก!!!”



                “อยากให้มาอีกไหมมมม”



                “อยากครับ/อยากค่า”



                “เอาล่ะเด็กๆ นั่งเรียบร้อยก่อนนะ ก็...ในฐานะตัวแทนโรงเรียน ดิฉันต้องขอบคุณโค้ช และน้องๆ ทุกคนที่อยากแบ่งปันความสุขให้กับน้อง ทางโรงเรียนก็จะนำอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” คุณครูรับไมค์จากน้องเหน็งก่อนจะเดินมาพูดขอบคุณพวกเราตรงกลางเวที จากนั้นก็ส่งไม้ต่อให้โค้ช



                “ครับ...ทางเราก็ต้องขอบคุณเช่นกัน ขอบคุณทางโรงเรียนและเด็กๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเยี่ยม กิจกรรมวันนี้จึงผ่านไปด้วยดี พี่เด็กโข่งหลายคนสนุกกว่าน้องอีกก็มี”



                “โค้ชชชช!”



                “ฮ่าๆ แต่ว่าวันนี้เวลาหมดซะแล้ว โค้ชถามเด็กๆ ก่อนมีใครหิวอีกไหมครับ”



                “หิววววว”



                “ไอศกรีมยังมีเหลือ เด็กๆ ออกไปทีละแถวไปให้พี่ๆ ตักให้นะครับ ขอบคุณมากครับ ตั้งใจเรียนนะเด็กๆ”



                เย้ เย้



                “พี่ปั้งงงงงง” ระหว่างที่เด็กๆ ต่อแถวรอกันอยู่นั้นก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้น และนายที่ตักไอศกรีมอยู่เยื้องๆ ประตูทางออกก็ชะโงกหน้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง



                “เฮ้ยๆ เอ็มเจ แดมกันเด็กนั่นออกจากพี่ปั้นดิวะ ตักไอติมแป๊บนึง” นายตะโกนมาด้วยเสียงไม่ดังนักแต่ก็พอทำให้เรา แดม เอ็มเจ และน้องแชมป์หันไปมอง นายกำลังโดนเด็กๆ รุมอยู่ด้านนอก



                “หนูขอเยลลี่เอาไว้บนไอติมเยอะๆ”



                “พี่หล่อจังค่ะ หนูขอช็อกเลตเย้อๆ”     



                “หนูด้วยๆๆๆ”



                “รอก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ตักให้ อย่าดึงผมพี่ครับน้องๆ เอ็มเจโว้ย!”



                “ฮ่าๆๆๆ ไอ้เชี่ยนายกับเด็กก็ไม่เว้น”



                “พี่ปั้งงงงง” สุดท้ายน้องแชมป์ก็วิ่งมาหาเราพร้อมกับของในมือ ปากเล็กๆ เลอะไอศกรีมเล็กน้อย คิดว่าน้องคงเป็นคนแรกๆ ที่ได้กินไอศกรีม หวังว่านายคงไม่แกล้งน้องนะ เอ็มเจกับแดมก็หัวเราะท่าทางเกรี้ยวกราดของนายอยู่ข้างๆ เรานี่เอง



                “ว่าไงครับ”



                “แชมป์เอาดินสอมาให้พี่ปั้งคับ” น้องแชมป์แกะแฟ้มที่พวกเราจัดอุปกรณ์การเรียนมาให้น้องๆ แต่ละคน ก่อนจะยื่นดินสอมาให้



                “ให้ทำไมครับ”



                “คุณครูบอกว่าเราต้องแบ่งปัง”



                “เชี่...เอ็มเจ! จับดิ น้องจะปีนตัวพี่ปั้นอยู่แล้ว มึงจะยืนหัวเราะอีกนานไหม”



                “ไอ้แดม เอาไอติมอุดปากมันทีดิ๊ รำคาญ” เอ็มเจผลักแดมที่กลั้นหัวเราะจนหน้าแดงให้เดินไปหานาย ซึ่งเขากำลังง่วนอยู่กับการร้องหาไอศกรีมของเด็กๆ



                “พี่ปั้ง แชมป์ให้”



                “ไม่เป็นไรครับ พี่ปั้นไม่เอา เพราะมีเยอะแล้ว นี่ให้น้องแชมป์เอาไปเขียนหนังสือนะครับ”



                “งืมม...ก็ได้คับ แต่ว่าพี่ปั้งมาอีกนะคับ” น้องแชมป์กอดเราไว้ได้กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆ เรายิ้มให้กับความไร้เดียงสาของน้อง



                “ได้ครับ ถ้าน้องแชมป์เป็นเด็กดีพี่ปั้นจะมาใหม่ โอเคไหม”



                “โอเค!”



                “แชมป์มาเอาไอติมอีกเร็วลูก!”



                “ไปเร็วคุณครูเรียกแล้ว”



                “ติมติมมม” คุณครูส่งเสียงเรียก น้องแชมป์จึงรีบวิ่งไปทันที เราส่ายหน้าก่อนจะเดินไปเอาไม้กวาดที่มุมห้องประชุม



                “พี่ปั้นเนี่ยอยู่กับเด็กแล้วละมุนขึ้นสิบเท่าเลยนะ” เอ็มเจพูดขึ้นระหว่างที่ก้มเก็บแก้วน้ำ ตอนนี้กิจกรรมเสร็จสิ้นหมดแล้ว พวกน้องๆ ทีมบาสเลยอาสาทำความสะอาดสถานที่ เพราะเลอะเทอะเหลือเกิน ทั้งคราบแป้ง เศษขนม ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่ทำความดีให้อิ่มอกอิ่มใจเลยดีกว่า



                “เอ็มเจว่าอะไรนะ”



                “โหยยย ไม่ฟังผมเลยย”



                “ขอโทษ ว่าแต่เราเหอะ มาได้ไง ถามนายก็เฉไฉ”



                “เซอร์ไพร์สไหมพี่ปั้นนน โค้ชผมพอรู้ว่าศิลปากรมาที่นี่ ก็เลยฝากของมาให้ด้วย ไอ้นายมันอาสาเอามาให้ แต่จริงๆ แล้วมันนั่นแหละไปกรอกหูโค้ช” เอ็มเจกระซิบ ทั้งๆ ที่ตรงนี้มีเรากับเอ็มเจแค่สองคน  “พวกผมโดนลากมาแหละขอบอก ไอ้นายกลัวพี่ปั้นว่า มันเลยลากพวกผมมาด้วย”



                “เราจะว่าอะไรได้ล่ะ” เรานึกแล้วใช้ไม้กวาดกวาดเศษขยะ ก่อนจะมาที่นี่เราบอกรายละเอียดนายไปแล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะหงุดหงิดเพราะมากับทีมบาส เขาให้เหตุผลว่าเพราะกี้เคยมีคดีกับเรา เขาเลยไม่อยากให้มา อา ก็...จะทะเลาะกันก็ไม่เชิง แล้วเขาหายเงียบไปแล้วก็มาโผล่แกล้งผีหลอกเราที่นี่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะคุยกับชมพู่แล้วตามมาสมทบ ไม่มามือเปล่าด้วยนะ เขาเอาของที่โค้ชกับเพื่อนทีมบาสมธ.ฝากมามอบให้เด็กๆ ด้วย แถมยังอยู่ช่วยไม่อิดออด



                “แต่พี่ปั้นอย่าไปว่าอะไรเลยนะครับ คนมันเห่อก็งี้แหละ” เอ็มเจบ่นเบาๆ แล้วขอตัวเดินไปช่วยน้องผู้หญิงยกโต๊ะตรงมุมนู้นต่อ ...เห่ออะไรของเขา...



                “พี่ปั้นคร้าบบบบบบบ”



                “หือ?” เราเงยหน้าขึ้นก็พบว่าน้องโม กับน้องบอมวิ่งเข้ามา “มีอะไรหรอ”



                “พี่ปั้นครับ พวกเราเหนื่อยมากเลย”



                “อ่าแล้ว...อยากได้น้ำหรอ” ผู้ชายตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบทั้งสองส่ายหน้า พวกเขาเหลือบมองไปทางเพื่อนที่นั่งยืดขากับพื้นเป็นกลุ่มๆ ตรงนั้นมีเจ็ม กี้ ฟุน เหน็ง และอีกหลายคนอยู่ตรงนั้น



                “ไม่อยากได้น้ำแล้วอยากได้อะไร”



                “พวกเราอยากได้กำลังใจครับ”



                ...อะไรนะ...



                “พวกผมขออะไรอย่างนึงได้ไหมครับ”



                “เอ่อ...”



                “ไม่มีอะไรน่ากลัวครับ พี่ปั้นทำได้แน่นอน สัญญาก่อนสิครับ”



                “ถ้าไม่มีอะไร...แล้วจะให้เราทำอะไรล่ะ”



                “พี่ปั้นทำท่ายิงธนูนะครับ ยิงไปฝั่งนู้น แบบนี้ครับ ปิ้วววว ไหนทำซิพี่ปั้น”



                โมทำท่าให้เราดูแล้วพยักพเยิดให้เราทำตาม ส่วนบอมก็ยกมือถือขึ้นมาถ่าย



                “อย่างงี้หรอ”



                “ครับ ทำท่าดึงคันธนูแล้วปล่อย”



                เราทำท่าดึงอย่างงงๆ และขณะที่เรากำลังปล่อยลูกธนูในจินตนาการนั้น จู่ๆ โมกับบอมก็ประสานเสียงดังลั่น



                “พวกมึงอย่าพึ่งนอน พี่ปั้นยิงกำลังใจมาให้!!!! ฟิ้ววว”



                “อ๊ากกกกกกกกกก”



                นักกีฬาบาสสิบกว่าคนดิ้นกับพื้น บางคนกุมหัวใจแล้วดิ้นๆ ส่วนเรานั้นต้องบอกว่า ...อึ้ง...



                ผลัวะ!



                “โอ๊ยยย ตบกูไมวะไอ้กี้”



                “เชี่ยนี่เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา ไม่ดูตาม้าตาเรือ”



                “อะไรของมึงวะไอ้นี่”



                “พ่อพี่ปั้นมาคุมด้วย ไม่เห็นไง๊”



                “ไหนวะ” โมขมวดคิ้วหันไปตามนิ้วชี้ของกี้ เหมือนมุกของหนังตลก คนที่ดิ้นๆ กับพื้นก็หันไปมองด้วยท่าทีหวาดๆ มนุษย์นายกำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองมาทางนี้ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ด้านหลังของเขาเหมือนฉากหนังต่อสู้ท่ามกลางหิมะฤดูหนาว



                “ชิบ...หาย...”



                และเหล่าทีมบาสมธ.ก็เหมือนลูกสมุนรอรับมีดที่เย็นยะเยือก

 







                “เสน่ห์แรงเกินไปแล้วนะพี่ปั้น”           



                ...อะไรของนาย…



                “ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ นี่ถ้าผมไม่ตามมาด้วยจะมีคนแก่อีกไหมครับ”



                ...จะรู้ไหมล่ะ...



                “มาหาแล้วไม่เห็นทำหน้าดีใจเลย”



                ...เมื่อกี้อะนะ ก็เรากลัวผีไง...



                “โอ๊ยยยยยยย อีกคนก็น้อยใจ อีกคนก็พูดในใจ ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องไหม” ชมพู่ส่งเสียงร้องออกมา ขณะที่เดินตาเรากับนายมาที่ทิ้งขยะของโรงเรียน



                “ไม่ต้องเลย ชมพู่ไม่เห็นบอกเราซักคำว่านายจะมา”



                เมื่อเช้าเราบ่นให้ชมพู่ฟังว่านายงอนเราไร้เหตุผล พอเรายืนยันว่าคุยกับชมพู่แล้ว เขาก็หายเงียบไปเลย มาโผล่อีกทีก็อย่างที่เห็น



                “เออขอโทษษษษ เด็กมันคิดถึง ไม่อยากขัดใจ”



                “พี่พู่ ผมไม่ใช่เด็ก”



                “เอ้า แกนั่นแหละ จะมีใครล่ะ”



                “ก็เป็นห่วง เดี๋ยวไอ้กี้นั่นทำอะไรอีกล่ะ อีกอย่างผู้ชายเกือบทั้งคันขนาดนี้ ไม่มาเองไม่ไว้ใจ” นายหันมาสบตาเรา และเราก็ไม่เข้าใจนาย ชมพู่มองหน้าเราสองคนเลิ่กลั่กก่อนจะหาทางเลี่ยงสถานการณ์อึกอักแบบนี้



                “อะแฮ่ม ฉันไปดีกว่า รอที่รถนะ”



                “นาย...”



                เขาขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้าถุงขยะในมือเราไปทิ้งที่ลานขยะ เรามองตามไปแล้วก็พบว่ารอบตัวเรามีความเงียบกำลังก่อตัวเป็นกำแพงเตี้ยๆ



                ถึงแบบนั้นและเราก็ยังเป็นข้าวปั้นคนเดิมที่ถอยกลับมาเป็นคนเดิมซ้ำๆ คนที่ชอบพูดแค่ในใจ คนที่กำลังพยายามกล้าหาญ เราสองคนเดินไปล้างมือแล้วเขาก็เดินนำเราไปที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่จอดรถ  เราเดินตามไปเงียบๆ แต่แล้วเขาก็หยุดเดิน ทำลายความเงียบนั่นเสียเอง



                “ขอโทษครับ ผมงี่เง่าเนอะ” เขายิ้มบางก่อนจะส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ “ไม่อยากเป็นเด็กในสายตาพี่ปั้น แต่ก็ทำตัวเหมือนเด็กขี้อิจฉาจนได้”



                เราเงยหน้ามองแผ่นหลังของเขา น้ำเสียงที่เหมือนตัดพ้อกับตัวเองพาลให้ใจเรารู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้



                “นาย คือว่าเรา...”



                “เฮฮฮฮ้ มาเร็วว จะกลับกันแล้ว” เอ็มเจวิ่งทักๆ ตรงมาที่เรากับนาย ก่อนที่จะชะงักกึก



                “เอ่อ...กูกับไอ้แดมนั่งรถไปกับศิลปากรนะ เจอกันในมอ” เอ็มเจพูดเร็วจี๋แล้ววิ่งกลับไปขึ้นรถทันที น้องๆ ในทีมบาสที่นั่งอยู่บนรถต่างมองมาที่เรากับนาย สายตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยความสงสัย และบางคนก็ดูเสียใจพิกล ก็ทำท่ากุมใจ เบะปากกันขนาดนั้น



                ...พวกเขาปกติใช่ไหม... ส่วนชมพู่ที่นั่งด้านหน้าก็โบกมือมาให้พลางพูดประมาณว่าเจอกันที่มอ เราพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะไปถามคนที่ยืนข้างๆ



                “นายจะไปส่งเราหรอ”



                “ครับ”



                เขาตอบกลับมาคำเดียว นั่นทำให้เรามองเขาอย่างเป็นห่วง

 







                รถมอเราออกไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว เรามองหารถของเอ็มเจที่ปกติเขาจะขับมา แต่ก็ไม่เห็นมี



                “คันนี้ครับ”



                ...คันนี้?...



                “อ้าวไม่ใช่ของเอ็มเจหรอ” เราพึมพำ แต่ก็สอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับ รถคันนี้เป็นรถฮอนด้าคันสีดำ รุ่นอะไรเราก็ไม่รู้เท่าไหร่นัก



                “พี่ปั้น” นายเรียก ตอนนี้ยังไม่ออกรถ นายหันตัวมาทางเรา ศอกข้างขวาของเขาท้าวกับพวงมาลัยรถ “ผมขอโทษ”



                “ขอโทษเราทำไม”



                “ผมหงุดหงิดตัวเอง ทั้งๆ ที่บอกว่าจะรอพี่ปั้นแท้ๆ พอมาวันนี้แค่เห็นคนอื่นมาอยู่ใกล้ๆ พี่ปั้น ผมรู้สึกอิจฉาซะอย่างนั้น หวงพี่ปั้นชะมัด” ท้ายประโยคเขาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่เราก็ได้ยินอยู่ดี 



                “...”



                “ผมรู้ ผมไม่มีสิทธิ์ ที่ตามมาถึงที่นี่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไรกับพี่ปั้น” ทำไมตอนเขาพูดถึงต้องยกมือมาลูบหัวเราแล้วยิ้มบางๆ แบบนั้น แล้วทำไม...เราต้องเจ็บหัวใจขนาดนี้ด้วย



                “...”



                “ผมชอบพี่ปั้นนะครับ ชอบมากๆ อยากให้พี่ปั้นรู้ไว้”



                …เรารู้...



                “นาย...” เราจับมือที่ลูบหัวเรามาวางไว้บนตัก คนพูดไม่เก่ง คนแสดงออกไม่เก่งอย่างเรากำลังพยายามนะ และคราวนี้เขาเป็นฝ่ายเงียบบ้าง



                “...”



                “ความชอบของเราอาจจะตามนายไม่ทัน”



                “...”



                “แต่จนกว่าถึงวันนั้นช่วยรอหน่อยนะ”



                …ได้ไหม...



                แล้วเราได้แรงกระชับที่มือเป็นคำตอบ

 







                “พี่ปั้นน เป็นไงครับ รถไอ้นาย ฟินป้ะ” เอ็มเจกับแดมเดินกอดคอเข้ามาหา ทันทีที่เราลงจากรถ เราหันไปมองนายที่ชี้นิ้วใส่เพื่อนของตัวเองเป็นเชิงปราม



                “รถนาย?”



                “เอ้า ไอ้เชี่ยนายมึงไม่บอกพี่ปั้นล่ะวะ”



                “บอกเราว่าอะไรหรอ” เราถามนายที่เดินมาข้างๆ ตอนนี้น้องๆ ทีมบาสคงเอาของเข้าไปเก็บที่ห้องชมรมบนโรงยิมเรียบร้อยแล้ว เอ็มเจกับแดมเลยมายืนรออยู่ที่ลานจอดรถด้านล่าง



                “พี่ปั้นอย่าไปฟังพวกมันมาก” นายพูด แต่เพื่อนเขากลับส่งเสียงล้อ



                “ทำเขินๆๆ เนอะไอ้แดม ตอนที่ได้รถ มันว่าไงนะ”



                “วันศุกร์นี้กูจะเอารถกูไปรับพี่ปั้น กูไม่อยากให้พี่ปั้นนั่งรถมึงอีกแล้ว” แดมทำเสียงเข้มกลั้วเสียงหัวเราะ



                “นายซื้อรถหรอ” เราตาโต เขาทำงานพิเศษเพื่อซื้อรถหรอ



                “ไม่ใช่ครับพี่ปั้น” เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเรากำลังดุเขาว่าทำอะไรเกินตัว



                “แล้วรถคันนี้มายังไง”



                “โดนดุว่ะ”



                “หุบปากไอ้เพื่อนเวร” นายพูดลอดไรฟันก่อนจะหันมาเรา “เอ็มเจมันเอารถผมไปใช้เมื่อสองเดือนก่อนแล้วเมา แต่มันยืนยันว่าจะขับเอง ผมก็นั่งมาด้วยแต่ง่วง สุดท้าย...เสยฟุตปาธแถมยังชนเสาไฟฟ้าอีก”



                “พี่ปั้นตาโตสุด ฮ่าๆๆ น่ารัก โอ๊ย เตะขากูทำไมไอ้นาย” แดมกุมหน้าแข้งตัวเองก่อนจะส่งสายคาดโทษให้เพื่อน



                “นี่เราสองคนทำตัวไม่ดีเลยนะ” ทำไมถึงขับรถทั้งๆ ที่ไม่ไหว นายก็ไม่ห้ามกันเลย ดีนะที่ไม่เป็นไร



                “ไอ้เอ็มเจเลยครับพี่ปั้น” เหมือนจะรู้ตัว นายรีบบอกทันที ได้ยินเสียงเอ็มเจสบถมาแว่วๆ



                “นายก็ผิด แล้วยังไงล่ะ” เราถามต่อ



                “รถเข้าอู่ ค่าซ่อมหารสอง แต่ร้านไม่ยอมเอาออกให้เพราะค่าซ่อมอีกครึ่งนึงผมยังไม่มี รถเลยโดนดอง”



                “เชี่ยนายมันไม่ยอมใช้ตังค์ผมก่อนครับพี่ปั้น หยิ่งๆ” เอ็มเจใช้ปลายนิ้วสะกิดคางนาย เขาปัดออก



                “มันบอกว่าอยากหาเงินเอง อยากเอามารับพี่ปั้น ลงทุนด้วยบวกกับหวงพี่ปั้นด้วย เพราะมีคนเห็นพี่ปั้นลงจากรถเอ็มเจ ไอ้เอ็มเจเลยโดนแซ็วว่าไปเดตกับใครไม่รู้กันแถวปิ่น...”



                “ไอ้แดม วันนี้พูดมากจังวะ”



                “คู่นี้ยังไงน้า เย็นขนาดนี้ไม่เห็นมีแดดเลย ทำไมหน้าแดงทั้งคู่”



                ...เอ็มเจก็พูดมากด้วยเหมือนกัน...



                เราเม้มปาก หลบสายตาล้อๆ จากเพื่อนนาย เราจับชายเสื้อตัวเองก่อนจะทำท่ามองนาฬิกา



                “ปั้น! มานี่เร็ว” ชมพู่ตะโกนพร้อมกับโบกมือไปด้วย เรารีบหันหลังไปทันที



                ...แม่พระของเรา...



                “นายเราต้องไปแล้วนะ เอ่อ...” พอหันกลับมา เอ็มเจกับแดมก็เข้าไปนั่งในรถกันแล้ว “ขอบคุณมากนะที่มาช่วยวันนี้ ทั้งสามคนเลย”



                “ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมทำตัวไม่ดีเลย” เขาพึมพำ



                ...นายไม่ได้ทำไรผิดซะหน่อย...เราเองแหละ...



                “อาทิตย์หน้าพี่ปั้น..” เขาลังเลที่จะพูด จากนี้...เราจะไม่ลังเลแล้วล่ะ...



                “นาย..”



                “ครับ?”



                “อาทิตย์หน้าเจอกันนะ”



                เรายิ้ม



                “ครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน”



                แล้วเขาก็ยิ้ม



_________
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกวิวเลยนะคะ
กดบวกเป็ดให้ด้วยความรักสีจมปู
คิดถึงทุกคนเหมือนเดิม
ปล.น้องเเชมป์น่าลักกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด