END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END『 #เรากับเขา 』Act 26: เป็นเรากับเขา...ทุกช่วงเวลา P.11 [12/8/62]  (อ่าน 68169 ครั้ง)

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
โถ่ น้องนายนี้เด็กน้อยจริงๆ หึงพี่ปั้นกับเด็ก
พี่ปั้นน่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือดริ่มแสดงออกเก่งแล้ว สู้ๆน้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ดาเมจรุนแรง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้องแชมป์ น่ารักจริงๆ แบบน่าลักกลับบ้านด้วย  :mew1:
พี่ปั้น ก็น่ารักมากๆ พาน้องแชมป์ไปเข้าห้องน้ำ
ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ แถมร้องเพลงให้น้องฟังซะด้วย

พี่ปั้นก็เป็นขวัญใจกลุ่มนักบาสซะจริงๆ

นาย กับเพื่อนๆก็ตามมาร่วมกิจกรรมทำดีกับน้อง ยอดเยี่ยมมาก  :katai2-1:
แม้ทำเพื่อใกล้ชิดข้าวปั้น แต่ก็เป็นผลดีกับน้องๆ ยังไงก็ดีละนะ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
อยากจะจับพี่ปั้นเคี้ยวๆแล้วกลืน น่ารักเกินไปปป
ทีมบาสโคตรหลงพี่ปั้นอะ โอเวอร์มากๆ 55555
นายสู้ๆน้าาา รอพี่เขาหน่อย น่ารักทั้งคู่!
 :L1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ปั้นเริ่มกล้าพูดแล้ววววว
 :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เชื่อว่าน้องนายรอพี่ปั้นได้เสมอ :o8:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พาน้องแชมป์มาเรียนแถวศิลปากรทีค่ะ ติดใจน้องงง  :hao5:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พี่ปั้นชอบเด็ก ดาเมจน้องแชมป์ทำพี่ปั้นเกือบบอกรักเลยอะ สงสารนายจังค่ะ55555 พี่ปั้นนี่ใครให้ทำอะไรก็ทำ ใจดีจังเลยน้าาา :mew3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ขี้หวงมาเลยนาย,,,

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แปะ​ไว้​ก่อน​

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
Act 14 : เรา...กับการตามหาอะไรบางอย่าง

 

                แม่เราเคยบอกว่า การที่จะมุ่งไปสู่จุดหมายนั้นเราจะต้องเดินทางไกล เพราะไม่รู้ว่าข้างทางจะเจออะไรบ้าง เมื่อถึงปลายทางเราก็ไม่รู้อีกว่าที่นั่นจะมีทางแยกให้เราเลือกอีกรึเปล่า ถ้ามีมันก็อาจจะแยกเป็นสองทาง ทางที่หนึ่งคือสมหวัง กับทางที่สอง...ผิดหวัง

 

               “ปิด”



                กรณีนี้เราเลยเหมารวมกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่



                ...ร้านข้าวปิด...



                “พี่ปั้น อย่ามองผมแบบนั้น ผมไม่รู้นี่ครับว่าร้านจะปิด”



                นี่แหละปลายทางที่เราว่า...เราเงยหน้ามองกระดาษเอสี่ที่มีคำสั้นๆ (แต่สะเทือนใจมาก) แปะอยู่ตรงหน้าร้าน ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้ยืนนิ่งไปแล้ว



                “เรามองนายแบบไหน”



                นาย...ผู้ที่เขาให้คำนิยามเราไม่กี่ชั่วโมงก่อนว่า...พี่ปั้นเป็นมนุษย์ที่เขาอยากเจอในวันสุดสัปดาห์มากที่สุด... ค่อยๆ หันหน้ามามองเรา ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษ



                “ผมขอโทษครับ”



                “ขอโทษทำไม”



                “ขอโทษที่ทำให้พี่ปั้นหน้าเศร้า”



                “เราเศร้า” แน่นอนว่าเรายอมรับ มันเป็นความผิดหวังที่แทรกซึมมากับกลิ่นของอาหาร



                เขาตาโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหางตาของเรานั้นตกลง ถ้าเรามีหูป่านนี้คงลู่ลงไปเหมือนกัน



                “นั่นไง ผมขอโทษ” เขาร้อง



                “เราเสียดาย ก็เราอยากมาชิมเมนูโปรดนายนี่”



                เราตอบตามความจริง ...ข้าวห่อไข่ที่เรารอ... เอ่อ เราไม่ได้เห็นแก่กินนะ เราบอกแล้วว่าอยากรู้จักนายให้มากขึ้น เท่านั้นเองจริงๆ



                “พี่ปั้นน ผมโคตรรู้สึกผิดเลย” เขาโอดครวญ แววตามีความรู้สึกผิดอยู่เต็มเปี่ยม เมื่อตอนสาย นายมาหาเราที่บ้านพร้อมกับเอ่ยปากชวนเราให้มากินข้าวเที่ยงที่จตุจักร ต้องบอกว่าเขาหลอกล่อเราเพราะอาหารถึงจะถูก



                “คราวหลังนายต้องโทรถามก่อน จะได้ไม่เสียเที่ยว”



                “ไม่ดีกว่าครับ”



                “นี่เราสอนนายอยู่นะ”



                เรามองหน้าเขาอย่างขัดใจ เจ้าเด็กคนนี้ไม่ฟังผู้ใหญ่แบบเราเลย ดูเหมือนเขาจะรู้ตัว เลยเลื่อนมือมาโอบไหล่เราพลางลูบเบาๆ คล้ายจะขอโทษที่ไม่เชื่อฟัง



                “รู้ครับพี่ปั้น แต่ผมเลือกที่จะไม่โทรดีกว่า” คำตอบของเขาทำให้เราไม่เข้าใจ สุดท้ายเขาก็เฉลยต่อมา “ถ้าโทรแล้วร้านปิด พี่ปั้นก็ไม่ออกมากับผมน่ะสิครับ”



                “ร้ายนักนะ” เราบิดเนื้อตรงเอวเขาหนึ่งทีแบบมันเขี้ยว ส่วนเขาก็แกล้งร้องโอดโอยแบบโอเว่อร์ และในขณะนั้นเองก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง



                “อ้าว นาย”



                “เฮ้ย...พี่เมียว ทำไมร้านปิดครับ ผมตั้งใจมาหาเลยนะ”



                นายหันหลังไปตามเสียงเรียกก่อนจะรีบเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที เธอมีผิวสีเข้ม อายุประมาณสามสิบกว่าๆ เราเดาว่าเธอคงเป็นเจ้าของร้านที่เรายืนอยู่ นั่นเป็นเพราะว่าพี่เมียวคนนี้ใส่เสื้อยืดที่มีชื่อร้านสกรีนอยู่ตรงกลางอก



                “โอ๊ย ก็พ่อไอ้ออยน่ะสิ เมื่อวานไปกินเหล้าอีท่าไหนไม่รู้ กลับบ้านมาตีสอง ทั้งอ้วก ทั้งท้องเสีย พี่เลยต้องปิดร้านกะทันหัน”



                “หนักเลยหรอครับพี่ แล้วพี่อ่ำเป็นยังไงบ้างครับ”



                “นอนให้น้ำเกลือแล้ว ดีขึ้นแหละ นี่พี่กลับมาเอาของที่ร้าน ว่าแต่แกหายไปไหนตั้งนาน...แล้วนี่...” พี่ผู้หญิงคงจะเห็นเรายืนมองตาปริบๆ นายที่มองตามสายตาพี่เมียว พอเห็นว่าหมายถึงเรา เขาเลยก้าวเท้ามาคว้าข้อมือเราให้มายืนอยู่ข้างๆ



                ...เฮ้ๆๆ ไม่ต้องจับก็ได้มั้งครับคุณ...



                “พี่เมียว นี่ พี่ปั้นครับ คนนี้เขาอยากมาลองข้าวห่อไข่ฝีมือพี่เมียว”



                “เอ่อ สวัสดีครับพี่เมียว”



                “หวัดดีลูก”



                พี่เมียวยิ้มแล้วก็รับไหว้ แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นพี่เมียวก็เลิกคิ้ว “ข้าวห่อไข่? เดี๋ยวนะ แกบอกเมนูนี้แกจะกินคนเดียวในโลก ไม่ยอมแบ่งใครไม่ใช่หรอ”



                เขาชี้มาทางเรายังไม่พอ ยังทิ้งฝ่ามือหนักมาทับหัวเราอีก “โหพี่เมียว ก็นี่ไงครับ มีคนที่อยากแบ่งข้าวห่อไข่ให้กินแล้ว คนนี้อะ...คนเดียวในโลกนะ”



                “แหม...อุ๊ยน้องปั้นเขินหรอลูกหน้าแดงเชียว”



                แม้ว่าในใจจะรู้สึกสงสัยว่าทำไมเราถึงกลายเป็นน้องปั้นได้ แต่เพราะคำพูดบ้าบอของนาย เราจึงพยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้กลับมาเต้นเป็นปกติ



                “ถึงจะชอบข้าวห่อไข่ แต่นายมันมีใจเดียวนะ” จู่ๆ พี่เมียวหันมากระซิบพร้อมกับยิ้มขำๆ จากนั้นก็ทำท่าทางเหมือนนึกอะไรได้



                “เออ ไว้ค่อยมาหาพี่ใหม่ คราวหน้าพี่จะโชว์มือให้น้องปั้นกินแน่นอน แต่ตอนนี้พี่ต้องรีบไปก่อน ลืมไปหมอจะเข้ามาตรวจตอนเที่ยง เดี๋ยวไม่มีใครดูพ่อไอ้ออยมัน” พี่เมียวพูดยาวเหยียดก่อนจะย่นจมูกประกอบคำพูด



                “โอเคครับพี่ ฝากบอกพี่อ่ำว่าหายเร็วๆ นะครับ”



                “สวัสดีครับพี่เมียว”



                “จ้ะๆ ไว้เจอกันๆ”



                จบบทสนทนาลงตรงนั้น เรากับนายเลยมายืนเคว้งอยู่หน้าสวนจตุจักร



                “เอายังไงล่ะ”



                “เอ่อ...พี่ปั้นสนใจเดินเที่ยวสวนกับผมไหมครับ”





               

                “แต่ก่อนผมเคยทำพาร์ทไทม์ที่ร้านเสื้อผ้าในจตุจักร มาเป็นพ่อค้าขายเสื้อแบบนี้ก็สนุกดีครับ”



                ตอนนี้เราสองคนอยู่ในร้านข้าวหมกไก่ชื่อดังในสวนจตุจักร แม้ว่าคนก็เยอะเบียดเสียด แต่ก็ยังดีที่มีที่ว่างพอให้เรากับนายมานั่งเบียดกันอยู่ตรงนี้



                “นายเคยทำงานอะไรบ้างเนี่ย” เราถามขึ้น ขณะที่รออาหารมื้อเที่ยง



                “ผมทำหลายอย่างเลย รับแปลเอกสารบ้าง เสิร์ฟที่โรงแรมก็เคยนะครับ แต่ที่ทำนานสุดเห็นจะเป็นที่จตุจักรนี้แหละ ผมเลยค้นพบร้านพี่เมียวไง แต่ก่อนเดินเข้าออกจนรู้จักแม่ค้าแทบทุกคน ร้านนี้ก็อร่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ปั้นลองชิมดู”



                ไม่บ่อยนักที่เขาจะเปิดปากเล่าเรื่องของตัวเองให้เราฟัง เราเลยเงียบฟังพร้อมกับจุดยิ้มที่มุมปาก



                “พี่ปั้นยิ้มอะไร”



                “นายนี่เก่งจังเลยเนอะ พ่อแม่นายต้องภูมิใจมากแน่ๆ” เราส่งยิ้มให้เขา แต่ว่าคนที่นั่งข้างๆ กลับนิ่งไป



                “ผมก็หวังว่าเขาจะภูมิใจนะครับ” นายว่าพลางมองขึ้นบนฟ้า เท่านั้น...คนมึนๆ อย่างเราก็เข้าใจในทันที แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปเลยได้แต่ยกมือลูบหลังเขาเบาๆ นายส่งยิ้มบางกลับมา



                ...ขอโทษนะ...



                “นี่ครับ ข้าวหมกไก่สองที่”



                “อะ...ขอบคุณครับ โห น่ากินมากเลยนาย” ข้าวหมกไก่ช่วยชีวิต เราพยายามเบี่ยงเบนนาย โดยการเลื่อนจานข้าวไปให้เขา “นายรู้ป้ะ เราไม่เคยกินข้าวหมกไก่”



                ได้ผล...นายหันมามองเราทันที



                “ทำไมพี่ปั้นไม่บอก ไปร้านอื่นกันไหมครับ” เขาขมวดคิ้วเหมือนกับว่าเรื่องที่เราพึ่งบอกเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แถมยังทำท่าจะลุกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะข้าวเลย  เราเลยรีบจับมือเขาไว้แล้วยื้อให้นั่งลง



                “นาย เราไม่เคยกิน ไม่ได้หมายความว่าเรากินไม่ได้นี่นา นั่งเถอะ เรากินได้”



                “เอางั้นหรอครับ ถ้ากินไม่ได้ไม่ต้องฝืนนะครับ” เขาเสริมว่าอาหารใต้มีเครื่องเทศเยอะ ถ้าหากว่าไม่ถูกปากให้รีบบอกเขา เราน่ะ...ก็อย่างที่รู้ เป็นคนชอบกินอะไรซ้ำซากจำเจ อีกอย่างก็กลัวด้วย เรากลัวว่าถ้าเราไม่โอเคกับมัน ก็จะพาลให้เรารู้สึกไม่ดีกับเมนูอื่นๆ ด้วย



                แต่วันนี้กลับไม่รู้สึกกลัวอย่างที่คิด ไม่สิ เราไม่มีความรู้สึกนั้นเลย ตั้งแต่ที่ค้นพบในใจเงียบๆ ว่าเราอยากจะกินแบบที่เขากิน หรือไปที่ที่เขาเคยไป เราไม่รู้สึกกังวล เพราะยังไงเขาก็ไปกับเรา และนั่งข้างๆ เราตรงนี้



                ...เราต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...



                “ลองชิมครับพี่ปั้น”



                “อืม...” เราหลบสายตาเขา พร้อมกับกดความรู้สึกลอยฟุ้งอยู่ในใจ ...หืม...ข้าวนี่...



                “นายยยย”



                “ฮะๆๆ พี่ปั้น ผมเข้าใจที่เอ็มเจบอกแล้วล่ะครับ”



                ...อร่อยจัง...



                “มันบอกว่าพี่ปั้นชอบทำตาว้าวตอนเจอของอร่อย” เขาหันมายิ้ม พร้อมกับตักน้ำจิ้มราดบนเนื้อไก่ให้เรา “ลองกินกับน้ำจิ้มดูครับ”



                “ฮือ” เราร้อง จนนายขำในลำคอ 



                “ติดใจอะดิ๊”



                หงึกหงัก



                “ค่อยๆ กินนะครับ”



                “นายกินบ้างสิ” ...หยุดมองได้แล้ว...



                “ครับๆ”

 





                อันที่จริงเราไม่ค่อยชอบที่ที่มีคนเยอะๆ ซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตรอกแคบๆ ที่ต้องดึงแขนเสื้อคลุมของคนข้างหน้าไว้แบบนี้



                “วันนี้คนเยอะใช้ได้เลย”



                “เจเจนี่มีคนน้อยด้วยหรอ”



                สาเหตุที่เราต้องเข้ามาเบียดเสียดกับคนในนี้เพราะหลังจากกินข้าวเสร็จ น้องแดมก็โทรหานาย บอกว่าต้องการความช่วยเหลือด่วนๆ เราพึ่งรู้ว่าแดมกับเอ็มเจมีร้านขายเสื้อที่เปิดด้วยกันอยู่ข้างในนี้



                “พี่ปั้นไหวไหม”



                “โอเคอยู่” เสียงที่เราตอบอาจจะฟังดูอู้อี้เพราะกลิ่นบุหรี่มันอบอวลเหลือเกิน แถมยังร้อนอบอ้าวอีกต่างหาก



                เราเดินมาไม่นานก็ถึงร้านดิ เอ็มเจ ...โอ้โห เท่ชะมัด...



                “พี่ปั้นนนนนนนนน” พอเราเงยหน้ามองบรรยากาศของร้านได้ไม่นาน เสียงทุ้มก็แหวกอากาศมาพร้อมกับแขนล่ำๆ ที่รัดคอเราไว้อย่างรวดเร็ว แบบที่เราไม่ทันตั้งตัว



                ...แค่กๆ...



                “พี่ปั้นก็มาช่วยด้วยหรอครับ”



                “เชี่ยเอ็มเจ มากไปๆ” นายยื่นมือไปตบหัวเพื่อนตัวเองก่อนจะดึงแขนเอ็มเจออกจากคอเรา “พี่ปั้น นับเลขครับ นี่เลขอะไร” นายชูนิ้วตรงหน้าเรา พลางโบกไปมา



                “ไอ้เชี่ยนี่ก็เว่อร์ ผมรัดคอพี่แน่นไปหรอ” เอ็มเจก้มตัวลงถามเราด้วยใบหน้าเหรอหรา ไม่ต้องรอให้เราตอบนายก็ตอบแทนว่า เออ!



                “เอ็มเจ” เราเรียก



                “ครับพี่”



                “ไม่ได้แน่นอย่างเดียวนะ เพราะถ้ารออีกสองนาทีเราคงจะตายแล้วล่ะ”



                พรืด! นายหลุดหัวเราะผสานเสียงกับคนมาใหม่



                “ฮ่าๆๆๆๆ พี่ปั้นตลกหน้าตายอะ” พวกเราหันไปมองก็พบว่าคนๆ นั้นเป็นน้องแดมนั่นเอง เขาถือแก้วน้ำอัดลมมาสี่แก้วก่อนจะส่งให้นายและเราด้วย



                “พี่ปั้นเว่อร์ตามไอ้นายมันละ อยู่ด้วยกันชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่” เอ็มเจบ่นก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น ดูเหมือนว่าเขากำลังมีปัญหากับผ้ากองโตนี่



                “ตกลงให้กูช่วยอะไรวะ” นายที่ยืนอยู่ข้างๆ เราว่า ก่อนจะหมุนตัวหาเก้าอี้ให้เรานั่ง ที่ร้านยังไม่มีลูกค้า เลยยังพอมีที่ว่างให้ผู้ชายสี่คนนั่งๆ ยืนๆ อยู่ในนี้ได้



                “เออก็ป้าตรีอะดิ เมื่อเช้าเอาเสื้อมาส่งผิดถุง กูเลยจะต้องกลับเอาไปเปลี่ยนใหม่ เดี๋ยวลูกค้ามาตอนสามโมงเนี่ย พวกกูจะฝากร้านให้มึงดูก่อน เดี๋ยวมาแป๊บเดียว” น้องแดมพูด คิ้วขมวดกันยุ่ง เรามองพวกเขาคุยกันพร้อมกับดูดน้ำอัดลมไปด้วย



                “มองตาแป๋วเลย ฝากด้วยนะครับพี่ปั้น” แดมหันมาพูดกับเรา แต่เอ็มเจกลับพูดเสียงดังกว่า



                “ไม่ใช่โว้ย วันนี้ต้องขออนุญาตยืมตัวไอ้นายให้มาเป็นพ่อค้าแซ่บให้กับร้านเรานะพี่”



                ...เอ่อ...



                “แล้วจะมา...ขอเราทำไม”



                “เอ้า ไม่ได้ดิครับ ต้องขออนุญาตก่อน เพราะลูกค้าร้านเราน่ะมีแต่สาวๆ สวยๆ ยิ่งเจอไอ้นายแบบเนี้ยอาจจะเข้ามาจิ๊จ๊ะให้พี่ปั้นหึงเล่นๆ ก็ได้ ผมเลยขอไว้ก่อนไง พี่ปั้นจะได้สบายใจ”



                ...ใครบอกว่าเราจะหึงจะบ้าหรือไง...



                เรามองเอ็มเจตาขวาง คิดว่าเขาจะกลัวรุ่นพี่แบบเราบ้าง แต่ไม่เลย...เอ็มเจกับแดมหัวเราะลั่น แถมยังมีเสียงหัวเราะแผ่วๆ มาจากนายด้วย! ขนาดทั้งคู่รีบเดินออกจากร้านไปนายยังไม่หยุดหัวเราะ



                “นาย!” เราเอ็ด คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เม้มปากทันที เขาก้มหน้ามองเราก่อนจะพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ



                “พี่ปั้นขู่ไอ้เอ็มเจด้วยหน้าแบบนั้นหรอ ไม่เห็นน่ากลัวเลยซักนิด"




                “ทำไม หน้าเรามันเป็นยังไง” เราตอบไปทันควัน



                “ที่ไม่น่ากลัวก็เพราะว่า...น่ารักมากกว่าครับ”



[มีต่อด้านล่างค่ะ]               

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
.
.


                “นาย”



                “ครับ”



                “เมื่อยไหม”



                “ไม่เมื่อยครับพี่ปั้นนั่งเลย”



                “พี่ปั้น ถามผมหน่อยก็ได้ ผมก็เมื่อยยยย” เราเหลือบมองคนพูดด้วยหางตาก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ



                “เราไม่อยากคุยกับเอ็มเจ”



                “ฮ่าๆๆ ไอ้เอ็มเจ มึงถึงจุดที่ปั้นไม่อยากคุยด้วยได้ไงวะ”



                “ไอ้เหี้ยแดม โธ่ แซวนิดเดียวเอง ตกลงตอนที่พวกผมไปเอาเสื้อเนี่ย...” เอ็มเจเขยิบตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างแตะกันไปมา



                “...พี่ปั้นหึงไอ้นายมั่งไหมครับ”



                “...ลูกค้ามาแล้ว” เราชี้ไปที่หน้าร้านตัดบท



                “เดี๋ยวมาดูว่าหึงหรือไม่หึง” เอ็มเจจอมชงยังไม่วายแซวเราอีก แล้วทำไมเจ้าของร้านตัวจริงทั้งสองคนถึงปล่อยให้นายมาขายเสื้อคนเดียวอยู่ได้ เรากอดอกมองไปด้านหน้าอย่าง เอ่อ...ไม่สบอารมณ์...



                “อ้าว พ่อค้าแซ่บกลับมาแล้วหรอจ๊ะ”



                “พี่ปั้นดูๆ มีสาวมาหาไอ้นาย” เอ็มเจเดินมาใกล้พร้อมกับสะกิดไหล่ ...ไม่เห็นรึไง ว่าเรามองอยู่...



                ลูกค้าที่เข้ามาเป็นผู้หญิงสาวสวย เธอใส่เสื้อกล้ามรัดรูปกับกางเกงขาสั้นที่เราไม่กล้ามองเพราะจะเสียมารยาทกับผู้หญิง แต่ที่บอกว่ามองอยู่คือเรากำลังมองนาย เจ้าเด็กคนนี้ทำไมถึงยิ้มปากจะฉีกซะขนาดนั้นกันนะ ลูกค้าผู้ชายเข้ายังไม่ยิ้มขนาดนี้เลย



                “มันมาช่วยแป๊บนึงอะพี่แก้ว” แดมตอบแทน



                “อุ๊ย น้องแดม น้องเอ็มเจ หายไปตั้งนาน นึกว่าจะขายร้านให้จีมันเฝ้าซะแล้ว”



                “หวัดดีครับพี่แก้ว พอดีติดเรียนด้วยอะพี่ วันนี้ว่างเลยไล่ไอ้จีออกหนึ่งวัน”



                “จ้ะ อะพี่ขอเลือกเสื้อก่อน น้องนายว่างไหม หยิบตัวนั้นให้พี่หน่อย”



                “เอ่อได้ครับพี่” เมื่อโดนเจาะจงมา นายเหลือบมองเราเล็กน้อยก่อนจะหันไปพยักหน้าให้พี่แก้ว เขาเดินผ่านเราไปด้านในสุดของร้าน



                “ตัวนั้นจ้ะ” พี่แก้วชี้ไปที่เสื้อยืดตัวหนึ่งด้านบนสุด นายเอื้อมมือไปหยิบให้แต่พี่คนนั้นกลับเบียดตัวเข้าไปอีก



                “โทษทีนาย อีกตัวนึง ตัวนั้นๆ”



                “เอ่อ...” นายดูกระอักกระอ่วน เขาถอยมาข้างหลังก้าวนึง สีหน้าลำบากใจ ส่วนเอ็มเจก็ใส่ไฟอยู่ข้างๆ หูเรา อี๋...ปากนายจะโดนหูเราแล้วนะเอ็มเจ...



                เราละสายตาจากนาย เพราะมองไปก็รู้สึกหงุดหงิด เราเลยเบี่ยงความรู้สึกตัวเองโดยการหันไปหาเอ็มเจ ว่าจะบอกให้เขาหยุดพูดจาบ้าบอใส่เราซักที ...เราไม่หึงนายหรอก ไม่เลย... จะเลือกเสื้อกันถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้สึกอะไรเลย!



                ขณะที่เรากำลังจะหันไปด้านข้าง เอ็มเจที่เอาแต่แซะนายก็ยื่นหน้ามาใกล้เรื่อยๆ จนริมฝีปากของเรากับเอ็มเจเกือบจะแตะกันอยู่รอมร่อ! เราตกใจสุดขีด มือไม้แข็งไปหมด ต้องบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ในตอนนั้นก็มีคนที่มือไวเท่าความคิด นายโผล่พรวดเข้ามากระชากตัวเราออกห่างจากเอ็มเจได้ทันพอดี ปากของเอ็มเจเลยเฉียดคางเราไปนิดเดียว



                “ชิบหาย” เอ็มเจหน้าซีดเผือก กับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เราตาโต ตกใจอยู่ในอ้อมแขนของนาย พอได้สติเลยเงยหน้าขึ้นมอง นายทำหน้ายุ่ง ดูหงุดหงิดเหมือนที่เราหงุดหงิดเขา



                “พี่แก้วนี่ครับเงินทอน”



                “เอ่อ จ้ะ...”



                “มาอุดหนุนอีกนะพี่” เสียงแดมเอ่ยขัดบรรยากาศ เราเลยขยับตัวมายืนตรงๆ รู้สึกไม่กล้าจะสบตานายตรงๆ เลย นายขยี้ผมตัวเองแรงๆ ก่อนจะเท้าเอวแล้วชี้นิ้วไปที่เอ็มเจที่กำลังยกมือไหว้ขอโทษเราอยู่ตรงนั้น



                ผลัวะ!



                “ตบกูทำไมวะไอ้แดม”



                “กูตบแทนไอ้นาย”



                “นี่พวกมึงรุมกูหรอ”



                “ไม่ต้องพูด มึงเอาแต่ยุให้พี่ปั้นหึงไอ้นายแล้วเป็นไง” แดมตบท้ายทอยเอ็มเจอีกที ก่อนจะพูดประโยคที่เราต้องหันหน้าหนีแทบไม่ทัน



                “...”



                “เพื่อนมึงหึงพี่ปั้นแทนแล้วเนี่ย ไอ้เหี้ย”

               





                (ปั้นเย็นนี้กลับมากินข้าวที่บ้านไหมลูก)



                “เย็นนี้ปั้นว่าจะกินข้าวกับนายครับ พอดีเจอน้องๆ เพื่อนนายด้วย เขาเลยชวนปั้นอยู่ต่อ”



                (ไปเที่ยวทั้งวันเลยน้า)



                “ให้ปั้นกลับก็ได้นะแม่”



                (แม่ไม่ได้ว่าอะไร...ดีใจซะอีก ไปสนุกบ้าง ขลุกอยู่แต่ในบ้านจนแม่คิดว่าปั้นเป็นมนุษย์ถ้ำแล้ว)



                “แม่อะ”



                (โอเคๆ ฮ่าๆ ไปกับน้องเถอะลูกไป เออแล้วก็ระวังเป็นหวัดนะลูก ฝนเริ่มจะลงเม็ดแล้ว)



                “ครับแม่”



                เชื่อว่าวันนี้ต้องเป็นประวัติศาสตร์ของนายข้าวปั้นแน่ๆ ก็แหงล่ะ เราอยู่ข้างนอกมากกว่า 8 ชั่วโมงแล้ว หลงมาอยู่กับแก๊งเด็กมธ. ที่มีดีกรีเป็นนักบาส แถมยังมีร้านเป็นของตัวเอง แต่เรา...มองตัวเองแล้ว ไม่รู้จะให้คำนิยามกับตัวเองว่าอะไรดี แต่ก็...เอาเถอะ...



                “ดีใจสัดๆ ที่เพื่อนนายมากินข้าวเย็นวันเสาร์แบบนี้ได้”



                “แถมยังพาคนน่ารักมาอยู่ด้วยทั้งวัน ชนครับเพื่อน”



                “นี่เพื่อนนายยังไม่เข็ดในการแซวเราอีกหรอ” เรากระซิบกับนายเมื่อแดมและเอ็มเจยกแก้วเบียร์มาชนกัน ร้านดิ เอ็มเจในจตุจักรปิดก่อนกำหนดหลายชั่วโมง เจ้าของร้านเลยชวนเรากับนายมานั่งกินข้าวในเวลาทุ่มกว่าๆ ได้



                “พี่ปั้นก็อย่าทำตัวน่ารักสิครับ”



                “เอ้า นายจะโมโหใส่เราทำไม”



                “ไม่รู้แหละ พี่ไม่รู้ตัวรึไง พี่ปั้นเป็นคนที่ใช้คำว่าน่ารักเปลืองนะ”



                “เราไม่เคยใช้เรียกตัวเอง”



                “อ่า...นั่นสิ ผมใช้เองแหละ” เราขมวดคิ้ว มองคนพูดไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ นายหลบสายตาก่อนจะคว้าแก้วเบียร์มาถือไว้ แต่เราจับมือเขาไว้ซะก่อน



                “อย่าดื่มนะ นายขับรถ”



                “ลืมเลย”



                “ลืมหรือตั้งใจ”



                “ลืมตัวครับบบ”



                “สองคนนี้จะงุ้งงิ้งดุ๊งดิ๊งอีกนานไหมครับ ข้าวมาแล้ว” เอ็มเจเลื่อนจานกับข้าวมาทางเรา เขาบอกว่าข้าวเย็นไม่กินเยอะ แดมที่จิบเบียร์เลยพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาจะให้เรากินคนเดียว แล้วเราก็คงกลายเป็นหมูปั้นที่กลิ้งแทนการเดิน แน่นอนว่าเราไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแน่ เราลากนายเข้าร่วมวงอาหารเย็นกันสองคน ปล่อยเอ็มเจกับแดมไปเถอะ



                ...ว่าแต่ผัดเต้าหู้หมูสับก็อร่อยดีนะ...



                “ไอ้นายมึงไปซื้อลูกชิ้นปิ้งมาหน่อยดิ๊ อยากกินแกล้มเบียร์ว่ะ” จู่ๆ เอ็มเจก็เอ่ยขึ้น นายเลยมองตาขวางๆ เพราะเขากำลังตักยำสามกรอบเข้าปาก เห็นแบบนั้นเราเลยยกมืออาสาซื้อลูกชิ้นซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารนี้



                “เราไปซื้อให้ไหม” พอพูดไปแบบนั้น นายก็แทบจะวางช้อนลงในทันที



                “ไม่ต้องครับ เอาเท่าไหร่” ประโยคแรกพูดกับเราแต่ประโยคต่อมาเขาตวัดสายตาไปมองเอ็มเจที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร



                “เอาหกสิบบาท”



                “เชี่ยนายนี่ชอบสปอยด์พี่ปั้นแหงๆ” แดมมองตามหลังนายก่อนจะพูดเปิดประเด็นการสนทนา



                “ไอ้นี่แม่งเทคแคร์เก่งนะพี่ปั้น” เอ็มเจเสริมกับเรา ส่วนเราก็ได้แต่เลิกคิ้ว เพราะบทสนทนาหัวข้อนี้เกี่ยวกับนายเต็มๆ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ เราก็อยากรู้เรื่องนายมากขึ้นล่ะ ติดแต่ว่าเขาเงียบยิ่งกว่าเราซะอีก



                “พี่ปั้นก็ยอมๆ มันหน่อยนะ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็เห็นเทคแคร์แต่พี่ปั้น”



                คำพูดของเอ็มเจทำให้เราสงสัย เลยเอ่ยปากถามไป “...นายไม่เคย...มีแฟนหรอ”       



                “เอาจริงป้ะพี่ปั้น มันไม่เคยมีแฟนหรอก” แดมว่าก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ “มีคนเข้ามาคุยกับมันเยอะนะ แต่ไอ้นายมันติสท์ปฏิเสธเขาหมด ดูดิ ตั้งแต่รู้จักกันมา นอกจากพวกผมแล้ว ผมไม่เห็นมันคุยกับใครจริงจังเลย ยกเว้นพี่ปั้นน่ะนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ...แค่เอาเวลาไปหาเงินก็หมดแล้ว”



           ...อย่างเขาเนี่ยนะไม่เคยมีแฟน จืดชืดเป็นแกงจืดอย่างเราก็ว่าไปอย่าง…



                “ไอ้นายมันน่าสงสารนะพี่ปั้น อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด เงินก็ต้องหาใช้เอง  ดีหน่อยช่วงหลังๆ มีลุงกับป้าเข้ามาช่วยมันเยอะกว่าเเต่ก่อน ไม่งั้นป่านนี้ ได้นอนวัดแหงๆ เอ...จะว่าไปพรุ่งนี้ก็...” เรื่องที่เขาทำงานหนักเราพอจะเดาได้ เเต่ว่า...



                “พรุ่งนี้มีอะไรหรอเอ็มเจ”



                “ก็มันเป็นวัน...”


                “เชี่ยเอ็มเจ!” แดมเอ็ดเพื่อนตัวเองก่อนจะเพยิดหน้าไปด้านหลัง เมื่อเห็นว่านายเดินกลับมาพร้อมกับถุงลูกชิ้นปิ้ง



                “เออกูไม่ควรพูดสินะ” เอ็มเจปิดปากตัวเอง เรามองพวกเขาอย่างสงสัย



                ...หมายความว่าไง...



                ไม่ทันได้หาคำตอบให้ตัวเอง เวลาก็ล่วงเลยมาซักพักใหญ่ๆ เหมือนเขาจะสังเกตว่าเราง่วง คือเราไม่ใช่เด็กอนามัยหรอกนะ แต่เพราะเมื่อคืนวันศุกร์หลังจากที่นายมาส่ง เราก็ปิดโหมดขี้เกียจของตัวเองทำงานซะจนเกือบเช้า แถมวันนี้ยังมาตะลอนทั้งวันอีก จะสามทุ่มแล้วเราไม่ไหวก็ไม่แปลก



                “อยากกลับรึยังครับ” นายหันมาถาม เรามองไปรอบๆ เลยตอบกลับ



                “นิดหน่อย เออ...นายจะอยู่ต่อก็ได้นะ เดี๋ยวเรานั่งแท็กซี่กลับได้”



                “พี่ปั้นก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะยอมให้พี่ปั้นกลับเอง พวกมึง กูกลับก่อนนะ” นายสรุปให้พร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที



                “เฮ้ยกลับแล้วหรอ พี่ชาจะออกมาสมทบพอดี กูบอกว่ามึงอยู่ด้วยพี่ชาเลยจะรีบออกมาเนี่ย” เอ็มเจชูโทรศัพท์ที่หน้าจอโชว์ไลน์ของคนที่กำลังเอ่ยถึง



                “ถ้าอย่างงั้นกูยิ่งต้องรีบไป” นายพูดเสียงเรียบ จนเอ็มเจโอดครวญ แต่เราเข้าใจความหมายนั้นดี นายเป็นคนที่คิดถึงความรู้สึกเราก่อนตลอด



                “อะไรวะ กลับไปมึงต้องไปอยู่คนเดียวอีก มึงไม่ควรอยู่คนเดียวนะไอ้นา..  อะ...เออๆ ไว้เจอกัน” แดมร่วมวงบ่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองนาย ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แดมก็เปลี่ยนเรื่องทันที



                “มึงไปเลยแล้วทิ้งพี่ปั้นอยู่นี่”



                “ไอ้สัด” นายสบถเบาๆ “ไปครับพี่ปั้น” เราบอกลาน้องๆ แล้วลุกขึ้นยืน หวังว่าจะกลับกันได้โดยไม่โดนตำรวจจับนะ



                เราเดินตามนายไปยังบริเวณที่จอดรถซึ่งตอนขามารถเยอะมากจนนายต้องจอดไกลจากร้านอาหารไปถึงสองซอย เราเหลือบมองเขาเล็กน้อย ในหัวก็มีแต่ความสงสัย ...พรุ่งนี้มีอะไร แล้วทำไมนายถึงไม่ควรอยู่คนเดียว...



                “พี่ปั้น!”



                ตึก ตึก ตึก



                “เหม่ออะไรครับ ฝนตกแล้ว มาครับ” นายที่เดินนำไปแล้วรีบวิ่งกลับมาคว้าข้อมือเราไว้ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ยว่าหยดน้ำกระทบข้างแก้มตั้งแต่เมื่อไหร่



                พรึ่บ!



                ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย ทันทีที่นายวิ่งมาถึงตัวเรา เขาก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกเหลือแต่เสื้อยืดสีขาวบางๆ ก่อนจะคลุมมันไว้บนหัวเรา



                “ไปครับ เดี๋ยวไม่สบาย” นายเอื้อมมือมาโอบไหล่เราแล้วพาเราออกวิ่งไปพร้อมๆ กัน



                เสียงฝีเท้าสองคู่กระทบแอ่งน้ำดังเป็นจังหวะ เราเหลือบมองเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำของเขา แล้วก็มองไปยังไหล่ที่สั่นเล็กน้อยของเขา ลมพัดมาระลอกหนึ่ง เพราะแบบนั้นความเย็นของอากาศจึงทำให้เขาหนาวสั่น เราเอื้อมมือไปกอดเอวนายไว้ทันที ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายเหมือนที่นายทำให้เราเสมอมา



                ในตอนนั้นได้แต่คิดว่า



                ...ไม่อยากให้หนาวไปกว่านี้แค่นั้นเอง...



___________
-ชื่อตอนน่ะหมายถึงอะไรคุณข้าวปั้น-
เอางี้ดีกว่า พี่ปั้นกินอะไรบ้างในตอนนี้ 5555
หมูปั้น หมูปั้น หมูปั้น
เอ็นดูพี่ปั้นตอนคิดคำว่า อี๋ ใส่เอ็มเจจังเลยค่ะคุณณณ
ติดเเท็ก #เรากับเขา กันได้เด้อออ
เอ้อ มีรูปพี่ปั้นกันนาย ในเเท็กด้วย น่ารักมากๆ
ขอบคุณรูปสวยๆ จากคุณ @alice_no_tabi มากๆ นะคะ
ขอบคุณทุกคนค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใช้คำว่าน่ารักเปลืองพอๆกับพี่ปั้นก็น้องนายนี่แหละ เทคแคร์ดีมากกกก อิจพี่ปั้นเว่อร์ อยากได้ๆๆ :-[

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ตกลงพรุ่งนี้วันอะไร? วันเกิด วันครบรอบ หรือวันอะไรรร
พี่ปั้นน่ารักตลอดเลยยยย น่ารักๆๆๆ ใช้เปลืองจริงๆ 55555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
น้องนายเทคแคร์พี่ปั้นดีเว่อร์ :o8:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สปอยพี่ปั้นขนาดนั้นเลยนะน้องนาย,,,

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พี่ปั้นใช้คำว่าน่ารักเปลืองจริงๆแหละ อยากบีบ

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงพี่ปั้น :ling1:

ออฟไลน์ dino94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ครบรอบวันตายพ่อกับแม่แน่เลยอะใ่ช่ไม่ใ่ช่

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
https://www.youtube.com/embed/H8xVLf2O4rw

Act 15: เรา...กับคำอธิษฐาน



                10 โมงเช้าของวันอาทิตย์



                เราเอง...ข้าวปั้น  เราเป็นนักศึกษาปีสี่ที่คร่ำเคร่งกับการเรียน ก็อย่างที่รู้...เราเป็นคนที่ไม่ค่อยเพื่อนมากเลยเอาแต่จดจ่อกับการเรียนไปซะส่วนใหญ่ เพราะแบบนั้นเราจึงตั้งใจเรียนและทำงานอย่างเต็มที่ ปกติแล้วถ้าไม่ใช่วรรณกรรมซักเล่มหรืออาหารซักจานมายั่วยวนอยู่ตรงหน้า เราจะไม่วอกแวกไปไหน เราสามารถตั้งใจกับการทำงานของตัวเองได้มากกว่าสี่ชั่วโมง มีน้อยครั้งที่เราจะไม่มีสมาธิ



                และน้อยครั้งนั้นก็รวมถึงครั้งนี้ด้วย



                เราอ่านเปเปอร์งานวิจัยได้สิบนาทีแล้วก็หันไปมองหน้าจอมือถือใหม่อีกหน เป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว อันที่จริงอาจจะเป็นมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็ได้



                “นาย ถึงแล้วบอกเราด้วยนะ”



                เมื่อฝ่าฝนมาได้ เขาก็ถอดเสื้อที่เปียกชุ่มออกแล้วสวมเสื้อฮู้ดตัวหนาที่มีอยู่ในรถแทน นายมาส่งเราถึงหน้าบ้านในเวลาสี่ทุ่มกว่า น่าแปลกที่มาถึงบ้านปุ๊บ ฝนก็หยุดตกซะอย่างนั้น นายจอดรถเยื้องๆ จากบ้านเราไม่ไกลมากนัก เพราะหน้าบ้านเรามีรถมาขวางไว้ซะนี่ เขาจึงเดินมาส่งเราที่บ้านแทน



                “ไม่ต้องห่วงครับพี่ปั้น ปลอดภัยแน่นอน” เขาส่งยิ้มมาให้ เราได้แต่มองแล้วคิด ภายใต้รอยยิ้มนั้นนายเก็บซ่อนอะไรไว้บ้างนะ



                “แล้วพรุ่งนี้นายจะทำอะไรไหม” เขาเอียงหน้า ทำท่าคิดไม่นานก็ตอบ



                “พรุ่งนี้หรอครับ ผมว่าจะทำงานที่ค้างไว้”



                “งั้นหรอ” เราไม่ซักไซ้อะไรมาก แต่ก็หลุบสายตามองมือที่จับสายกระเป๋าไว้



                “พี่ปั้นมีอะไรรึเปล่าครับ”



                “ไม่มีอะไร ดีแล้วล่ะ ทำงานบ้าง อย่ามัวแต่ออกไปเที่ยวเล่นนะ” เราว่า แต่ในใจก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เกเร นายพยักหน้ารับ พร้อมกับหันไปมองในตัวบ้าน



                “พี่ปั้นเข้าบ้านเถอะดึกแล้วครับ”



                “โอเค”



                เราหมุนตัวเข้าบ้าน พลางคิดว่าวันนี้อยู่กับนายสนุกกว่าที่คิด ได้เห็นเขาในมุมมองใหม่ๆ อย่างตอนขายของ เขาดูจะเป็นพ่อค้าที่เชี่ยวชาญมากเลยล่ะ เพื่อนๆ ของนายก็เผานายให้เราฟังเยอะแยะ ตอนที่เรามองแผ่นหลังเขาวันนี้ เรารู้สึกว่า...



                “นาย...เรา....”



                “ครับ?”



                “...ระ...เราช...”



                Rrrrrr Rrrrrr



                “แป๊บนะครับพี่ปั้น”



                เราที่หมุนตัวกลับมามองเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ด นายขมวดคิ้วตอนมองจอก่อนจะกดรับ “แป๊บนะครับพี่ปั้น” เขาพูดซ้ำเราเลยยืนอยู่ตรงกระถางกล้วยไม้ไม่ไปไหน



                “ว่าไงวะ เอ้า พวกมึงนี่ กูไปไม่ถึงชั่วโมง แป๊บนึงๆ...”



                เขาเดินห่างออกไปสองสามก้าว เสียงเขาแว่วเข้ามา ไม่นานก็เงียบลง นายเดินกลับมาพร้อมกับชูโทรศัพท์ประกอบการพูด



                “พี่ปั้นผมต้องไปก่อนนะครับ พี่ปั้นรีบไปอาบน้ำได้แล้ว ถ้าเป็นหวัดจะแย่เอา เออแล้วเมื่อกี้พี่ปั้นจะพูดว่าอะไรนะครับ”



                “อ๋อ เออ ไม่มีอะไร นายไปเถอะ นายก็เหมือนกันอย่าให้ไม่สบายล่ะ ส่งข้อความมาบอกเราด้วยนะ”



                “ครับผม ผมไปก่อนนะครับพี่ปั้น”



                นั่นเป็นบทสนทนาสุดท้ายก่อนที่นายจะขาดการติดต่อ





 

               Rrrrr Rrrrr Rrrrr



                ปึก!



                “เฮ้ย”



                เราสะดุ้งเพราะเสียงโทรเข้าจนปากกาที่ถืออยู่ลอยไปตกบนพื้นก่อนจะเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ …เบอร์แปลก...



                Rrrrr Rrrrr Rr…



                “สวัสดีครับ”



                (ฮัลโหล ครับ...นี่เบอร์พี่ปั้นรึเปล่าครับ)



                “เอ่อ...ใช่ครับ ไม่ทราบว่าจากไหนครับ” เราขมวดคิ้ว เสียงปลายสายฟังดูคุ้นๆ



                (พี่ปั้นผมแดมเอง เพื่อนไอ้นาย)



                “อ้าวแดมหรอ มีอะไรรึเปล่า”



                “คืองี้ครับพี่ปั้น ผมรบกวนพี่ปั้นช่วยไปดูไอ้นายให้หน่...”



                “นายเป็นอะไร” เรารีบถาม หรือว่าที่เขาไม่ส่งข้อความมาจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เราเผลอกำโทรศัพท์แน่น และลุกขึ้นมองหากระเป๋าสะพายของตัวเอง



                (มันไม่สบายครับพี่ปั้น อันที่จริงผมจะเข้าไปดูมันเนี่ยแหละ แต่เสื้อที่ผมไปดีลไว้กับโรงงานมีปัญหากะทันหัน ผมกับไอ้เอ็มเจเลยจะเข้าไปคุย)



                “เมื่อคืนนายไม่ได้กลับหรอ”



                (เมื่อคืนพวกผมคะยั้นคะยอให้มันกลับมากินต่อเองแหละครับ จริงๆ ไอ้นายมันไม่ได้อยากไปหรอกครับ เอ่อแล้วตอนขากลับมันขับรถไม่ไหว ผมเลยอาสาขับรถ ขากลับมันบ่นว่าหนาวๆ)



                “นายตากฝนนะทำไมน้องแดมไม่รู้”



                (พี่ปั้นผมผิดไปแล้วว อย่าทำเสียงดุสิครับ เนี่ย...เดิมทีผมจะแวะไปหามัน แต่มันด่วนมาก แล้วเมื่อคืนไอ้นายมันบอกให้ผมส่งข้อความหาพี่ปั้นให้มันที ผมก็มึนๆ จนลืมไป เช้านี้นึกขึ้นได้เลยรีบหาเบอร์พี่ปั้นเลยครับ โชคดีที่ไอ้นายมันให้พวกผมเมมเบอร์พี่ปั้นไว้นะเนี่ย มันบอกว่าถ้าพี่ปั้นมีปัญหาอะไรแล้วติดต่อมันไม่ได้ ให้โทรหาพวกผมได้เลย)



                “คราวหลังเราไม่ให้นายไปไหนกับแดมแล้วนะ ไม่ช่วยกันดูแลเลย”



                (โธ่ ไอ้เอ็มเจก็ผิด มันเมาไม่ช่วยกันดู ผมมีสติสุดนะครับ)



                “...”



                (พี่ปั้น?)



                “...”



                (ยังไงพี่ปั้นช่วยแวะไปดูมันหน่อยนะครับ…)



                “...”



                (วันนี้มันคงต้องการพี่ปั้น)

 





                มืด

                มองไม่เห็นอะไรเลย

                เช้าหรือค่ำกันล่ะ?

                อืม...ไม่ต่างกันหรอก

                ก็แค่อีกวันที่ต้องผ่านไปให้ได้

 

               มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร นายเคยคิดกับตัวเองเมื่อวันหนึ่ง...วันที่เขาเห็นตัวเองนั่งเหม่อมองออกไปไกล สายตาไม่ได้โฟกัสที่จุดใด



                “นาย ลุงโอนเงินเข้าบัญชีเดือนนี้ได้แค่สองพันนะ”



                “ครับ?”



                เขาเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น อันที่จริงแล้วนายพยายามหาทางหลีกเลี่ยงการรับเงินจากลุงกับป้าอยู่เหมือนกัน เขาก็โตจนป่านนี้แล้ว ควรจะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง นายจ้องลึกเข้าไปที่ดวงตาของชายวัยหกสิบ เขาเห็นความเครียดในแววตาคู่นั้นจึงเอ่ยถามออกไป



                “ลุง...เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ”



                ลุงของเขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ เริ่มต้นเล่าสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ “ก็ไอ้ทูน่ะสิ มันขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปเฉี่ยวตาปีขี้เมาเข้า ไอ้ที่ตรงหน้าหมู่บ้านน่ะทางมันมืด พอเฉี่ยวไปแล้วตาปีตายขึ้นมา ทางนั้นเขาจะขอค่าเสียหาย ลุงเลยต้องจ้างทนายเลยมีให้นายแค่ไม่กี่พันเอง”



                “แล้วทูเป็นอะไรไหมครับลุง”               



                “ไม่เป็นไรหรอก เเต่มันเครียดน่ะสิ เกิดมาไม่เลยขึ้นศาลมาก่อน ทางนู้นเขาเรียกเยอะ ทั้งๆ ที่เราก็พยายามช่วยค่างานศพ ค่าทุกอย่างแล้วก็ยังไม่พอ”



                “แย่เลยนะครับ แต่ว่าลุงจัดการที่ลุงเห็นสมควรเถอะครับ เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ผมรับงานพิเศษไว้หลายที่ สบายมากครับ”



                “ขอโทษนะนายเอ๊ย ไอ้ทูก็ดันมีเรื่องซวยอีก”



                “อย่าขอโทษเลยครับลุง แค่มีลุงกับป้าดูแลผมมาตลอด ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว”



                “ลุงกลับก่อนนะ หลังจากนี้คงไม่ได้มาหาบ่อยๆ แล้ว มีเรื่องด่วนก็โทรหาลุงกับป้าได้เลย”



                ลุงกลับไปแล้ว...



                นายมองบ้านที่เงียบสนิท นายพบว่าเขากลับมาอยู่คนเดียวโดยสมบูรณ์ เขาเบนสายตามองรอบตัวอย่างเชื่องช้า ทั้งเก้าอี้ แก้วน้ำ จานชามเหล่านั้นตั้งอยู่ในที่ของมันเป็นปกติ แต่กลับให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างอย่างที่เขาก็บรรยายไม่ถูกอยู่เหมือนกัน



                เหตุผลที่ลุงกับป้ามาดูแลเขา ก็เพราะเห็นว่าเขาเป็นลูกของน้องชายเท่านั้น เราไม่ได้มีความสนิทสนมกันไปมากกว่าการถามไถ่สุขภาพแต่ละเดือน เท่าที่เขารู้ ชีวิตเขาก็อยู่คนเดียวมันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่พ่อแม่จากไปในคืนวันนั้น  บางครั้งเขาก็ยอมรับเรื่องที่มันเป็นอยู่แบบนี้ได้ แต่บางครั้งเขาก็รับมันไม่ไหว...



                ...รับไม่ไหวกับความทรงจำที่มักจะหวนกลับมาเสมอในตอนที่อยู่คนเดียว เหมือนเขาอยู่ในห้องกระจกรอบด้านซึ่งสะท้อนแต่เงาของเขาคนเดียวเท่านั้น แม้ว่าจะน่าอัศจรรย์ เขาอาจมีตัวตนในเงาสะท้อนเป็นพันๆ คน แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็คือคนที่นั่งอยู่ในห้องกระจกนี้คนเดียว นายพร่ำคิดในห้วงของความฝัน เขามาทำอะไรที่นี่บนโลกใบนี้ที่ไม่มีใครเลย



                โชคดีที่มนุษย์ที่น่าสงสารคนนั้นเป็นนาย เขาไม่เคยทำให้ใครกังวลกับตัวเขาเลย เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย นายย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักที่ใกล้กับมหาลัยซึ่งมีราคาถูกเหมาะสำหรับเขา เขาพาตัวเองเข้าไปอยู่กับเพื่อน อยู่กับการทำงาน อยู่กับการทำกิจกรรมที่ทำให้เขาลืมเรื่องราวในใจไปได้บ้าง นายทิ้งบ้านที่เอาแต่มอบภาพฉายซ้ำในวันเก่าๆ ไว้เบื้องหลัง ก่อนจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ



                เขาคิดว่าการออกไปทำอะไรใหม่ๆ จะช่วยเขาได้ แต่แน่นอนเขาคิดผิด นายมักจะจมอยู่กับความรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อนอนนิ่งๆ อยู่กลางห้องที่มืดสนิท ความรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตกระแทกกระทั้นของมาในอก



                เขาอยากเจอแสงสว่างให้กับความมืดในใจเขาเสียเหลือเกิน

 





               เวลาที่จากกันสั้นเพียงเสี้ยววิ

                ตอนเด็กๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจที่ใครต่อใครมักจะบอกว่าเวลามันสั้นนัก



                “ไอ้นาย เป็นไรวะยิ้มหน้าบานเลย”



                “วันนี้พ่อกับแม่มารับ”         



                “เออถึงว่า พวกกูกลับก่อนนะ”



                “เออเจอกันวันจันทร์เว้ย”



                “เจอกันๆ”



                เขาโบกมือลาเพื่อนที่พากันเดินไปที่ป้ายรถเมล์ จากนั้นเขาชะเง้อดูรถของที่บ้าน วันนี้เป็นวันศุกร์ พ่อกับแม่รับปากว่าจะมารับเขา เราจะทานอาหารนอกบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน นายนั่งรอ ยืนรอ เล่นรอจนพระอาทิตย์ตกดินพ่อกับแม่ก็ยังไม่มาซักที



                ในตอนนั้นหน้าโรงเรียนมีเด็กอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น เขากำสายกระเป๋าแน่นก่อนจะเดินเตะฝุ่นไปมา ครูเวรที่เฝ้าอยู่ก็เริ่มเตรียมเก็บของกลับบ้าน



                “ใช้โทรศัพท์ครูโทรหาพ่อไหมลูก”



                “ไม่เป็นไรครับครู พ่อบอกว่าจะมารับ”  เขายืนยัน พ่อไม่เคยผิดสัญญากับเขาแม้แต่ครั้งเดียว เขาหันกลับไปมองที่สนามฟุตบอล แสงสีส้มแผ่กระจายทั่วท้องฟ้า แสงสุดท้ายของวันกระทบลูกบอลที่ตั้งอยู่แน่นิ่งบนสนาม มันสวยก็จริงแต่เขาไม่ชอบเลย มันดูเหงา ไม่มีชีวิตชีวา ไม่มีสีสัน เขาจึงหันกลับมาจ้องไปที่ด้านซ้ายสุดของถนน



                บรืน!



                นั่นไงคันที่เลี้ยวมาเป็นรถของพ่อไม่ผิดแน่ เขาเบิกตากว้าง เหมือนเท้าจะลอยสูงขึ้นฟ้า ...ดีใจสุดๆ ไปเลย... พ่อเปิดกระจกมาแต่ไกลทำให้เขาเห็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชีวิตของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ



                เขายิ้มกว้าง และรีบยกมือโบกไปมา



               ตู้มมมมมมมมมม!



                “กรี๊ดดดดดด”



                เพียงเสี้ยววินาที เขาค่อยๆ หุบยิ้ม มือขวาตกลงข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง



                “ตายแล้ว รถสีดำคันนั้นแซงได้ยังไงไม่เห็นว่ามีรถสวนมาหรอ?!!”



                “ฟอร์จูนเนอร์เลนส์ขวาเจ็บหนักแน่อัดกำแพงด้วยใช่ไหมน่ะ”



                “ทำยังไงดี โทรแจ้งตำรวจ...พี่! พี่! ช่วยกันหน่อย”



                “หาคนเจ็บก่อนครับ!”



                “ถอยห่างครับ รถอาจจะมีแก็ส!”



                “หนูหลบไปก่อน ระวังค่ะ! ระวัง!”



                ปริ้นนนนนนนนนนน



                ไม่มีคำบอกลาใดๆ...ในความเงียบงัน เมื่อตะวันลับฟ้า เมื่อความมืดโรยตัวลงมา ความหนาวเหน็บก็เข้ากัดกินหัวใจเขาจนเป็นแผลเหวอะหวะ



                “พ่อ!!!!! แม่!!!!!”



                เขาเกลียดความมืด

                เสียงเรียกของเขาดังสะท้อนในห้องกว้าง

                ไม่มีใครได้ยิน

                ไม่มีเสียงตอบรับ

                ไม่มีใครเลย

                ทุกภาพยังคงชัดเจนเหมือนทุกครั้งที่นึกถึง



                ...วันนี้ของทุกปีช่างทรมานเหลือเกิน...

               



[ต่อด้านล่างค่ะ]

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
[ต่อจากด้านบนค่ะ]





                “นาย?”


                ในความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ เขาได้ยินเสียงของใครซักคน คนที่มาพร้อมกับน้ำเสียงอันอบอุ่น เหมือนแดดยามเช้า นายปรือตามองเมื่อมีแสงเล็ดลอดเข้ามาในบ้านมืดๆ นี่ แต่เพราะสายตาเขายังพร่ามัว เขาจึงได้แต่ยกมือบังแสงนั้นเอาไว้



                “นาย...”



                ฝ่ามือข้างหนึ่งของคนๆ นั้นแตะข้างแก้มเขาแผ่วเบา สัมผัสคุ้นชินจนเขาค่อยๆ ลดมือลง เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเองจนไม่รู้ว่านี่คือความฝันหรือความจริง



                ...พี่ปั้นหรอ?...



                อา...แค่นึกถึงเขาก็อดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้



                มนุษย์ที่น่าสงสารอย่างเขายังโชคดีที่เจอพี่ปั้น คนที่เขาอยากยิ้มให้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนต่อมาพี่ปั้นคือคนที่เขาอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา คนที่ทำอะไรก็น่าเอ็นดูไปหมดทุกอย่าง คนที่ทำให้เขารอคอยทุกวันศุกร์เสมอๆ คนๆ นั้นเป็นแสงสว่างของเขา



                 ใช่ เขาเจอแล้วแสงสว่างที่เขาตามหา



                “นาย?” แรงเขย่าที่ไหล่ขวาทำให้คนที่กึ่งตื่นกึ่งฝันขมวดคิ้ว  “ตื่นแล้วลืมตามองเราหน่อยได้ไหม” เขาลดมือขวาลง แล้วทำตามเสียงนั้นอย่างว่าง่าย เผื่อว่าเมื่อลืมตาขึ้นเขาจะเห็นพี่ปั้นในความฝัน



                “พี่ปั้น” ทันทีที่ลืมตา เขาเรียกคนตรงหน้าแผ่วเบา แม้จะดีใจที่เห็นหน้าพี่ปั้นเป็นคนแรกแต่เพราะใบหน้าของพี่ปั้นดูเศร้าสร้อยนั่นจึงทำให้เขาเศร้าตามไปด้วย



                “เราเอง”



                ...ใครทำพี่ปั้นร้องไห้... เขาถามกับตัวเองเงียบๆ แต่ก็ยกมือไปปาดคราบน้ำตาที่หางตาให้อย่างเบามือ



                “พี่ปั้นเป็นอะไร”



                “ฮึก”



                ไม่บ่อยนักที่คนๆ นี้จะร้องไห้ และเขาก็ไม่ยินดีที่จะเห็นเท่าไหร่นัก



                “นายตื่นหรือยัง”



                “ตื่นแล้วครับ”



                เขาขมวดคิ้ว ตื่นหรอ? นายเบิกตาขึ้นนิดๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เขาหันไปมองรอบๆ ตัว ที่ๆ เขานั่งอยู่ตอนนี้คือห้องนั่งเล่นมืดซึ่ง มีแสงจากหน้าต่างสาดเข้ามา



                “พี่ปั้น...มาได้ยังไงครับ”



                เขาพูดออกไปอย่างนึกแปลกใจ และนายพึ่งจะค้นพบ เขาไม่ได้ฝัน คนตรงหน้าคือพี่ปั้นของเขาจริงๆ



                “เราไปหานายที่หอ แต่นายไม่อยู่ แดมบอกว่านายอาจจะมาที่นี่” พี่ปั้นสูดจมูก ส่วนเขาก็พยายามประมวลผล



                “นายไม่สบายทำไมถึงมาที่นี่คนเดียว ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” พี่ปั้นนั่งลงข้างๆ เขาบนโซฟา เพราะสีหน้าเป็นกังวลบวกกับจมูกแดงๆ นั้นทำให้เขาเผลอจ้องมอง ไม่ได้สนใจเรื่องที่ตัวเองหนาวๆ ร้อนๆ ซักเท่าไหร่ แค่เป็นไข้น่ะเรื่องเล็ก คนตรงหน้าเขาสำคัญกว่ามาก



                “พี่ปั้นร้องไห้ทำไมครับ”



                เขาอยากรู้เรื่องเดียว ใครทำให้พี่ปั้นของเขามีน้ำตา “ก็นาย...”



                “ครับ?” เขาก้มหน้าถาม เมื่อเห็นพี่ปั้นเม้มปากเหมือนกลั้นความรู้สึกบางอย่าง “พี่ปั้น?”



                “เพราะนายนั่นแหละ! เราเรียกนายแล้วนายไม่ตอบเราเลย เหมือนนายไม่ได้อยู่ที่นี่ เราถึงกลัว...” เขาจับมือพี่ปั้นไว้



                “เรากลัว...นายไม่กลับมา” แรงกระชับที่มือเขาแน่นขึ้น พี่ปั้นเป็นฝ่ายกอบกุมมือของเขา ตาโตแดงช้ำมองเขาอย่างวอนขอ และเป็นเขาเองที่ชะงักงัน ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาซะอย่างนั้น...



                “ผมจะไม่กลับมาได้ยังไง...ก็พี่ปั้นอยู่ตรงนี้ทั้งคน”



                ...เขาอาจจะยังไม่เคยบอกพี่ปั้น

                เพราะมีพี่ปั้น

                เพราะตั้งแต่ที่เจอพี่ปั้น

                เขาถึงเข้าใจความหมายของการมีชีวิตอยู่...

               





                “นาย”



                “ครับ”



                นายกลั้นยิ้มที่เราเอาแต่เรียกชื่อนายทุกๆ สิบนาที ...ก็กลัวนี่... ตัวเองไม่รู้ตัวรึไงว่าไม่มีสติขนาดไหน นายเหมือนหลุดลอยไปโลกอีกใบหนึ่งที่เราเข้าไปหาไม่ได้ เราพยายามยกตัวนายขึ้นแต่ก็ไม่ไหว กลัวจนเผลอร้องไห้ออกมา พอเล่าให้เขาฟังนายกลับล้อเราว่าที่เราร้องไห้เพราะยกตัวเขาไม่ขึ้นซักทีต่างหาก



                “นาย”



                “ครับ”



                “กินยารึยัง”



                “ยา? ยังครับ”



                “ข้าวล่ะ”



                “ยังครับ”



                “งั้นเราทำอะไรให้กินรองท้อง” เขาชะงัก มองเราด้วยสายตาสั่นไหว เรายิ้มไม่อยากให้บรรยากาศแย่ลงไป “ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่ต้องกลัวเราทำไม่อร่อยหรอกน่า”



                “เปล่านะครับ”



                “งั้นนายนั่งรอก่อน เราทำแป๊บเดียว เอ...เมื่อกี้เหมือนจะเห็นข้าวนะ” เราเดินเข้าครัว เราตัดสินใจซื้อไข่ไก่กับข้าวสวยในเซเว่นตอนที่รอแท็กซี่ หลังจากรู้ว่านายไม่อยู่ที่หอพัก แดมบอกว่าบ้านหลังนี้นายจะเข้ามาอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีของสดแน่นอน



                เราทำอาหารไม่เก่งหรอก แต่ข้าวไข่เจียวก็ทำได้ไม่ยากอะไร เราหากระทะ จานชามแล้วก็เริ่มต้นทำอาหารเที่ยงให้คนป่วย



                “ข้าวไข่เจียวได้ใช่ไหม”



                เราถามเมื่อเห็นนายเดินตามเข้ามาในครัว “อะไรก็ได้ครับ” เขาตอบเสียงเบาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหาร เราสังเกตว่าเขามองเราไม่วางตา



                “หิวใช่ไหมล่ะ” เราเอ่ยถามไป ไม่อยากให้เขาคิดอะไรเงียบๆ แม้แต่วินาทีเดียว



                “...”



                แต่นายไม่ตอบอะไรกลับมา เราใช้เวลาทำไม่นาน และรู้สึกว่าสายตาเขามองตามเราตลอดเวลา จากนั้นเราก็ตักข้าวไข่เจียวใส่จานที่มีข้าวสวยที่อุ่นร้อนๆ อยู่ตรงนั้น



                “เสร็จแล้ว ไม่ใช่ข้าวห่อไข่ แต่ก็คล้ายๆ กันนะ” เรายิ้มให้ก่อนจะเลื่อนจานไปตรงหน้านาย



                นายเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก้มหน้า เรามองเขาตักไข่เจียวเข้าไปคำแรก  คำที่สอง คำที่สาม คำที่สี่ เราพึ่งสังเกตว่ามือที่จับช้อนสั่นแปลกๆ กำลังจะเอ่ยถามแต่ก็เห็นอะไรบางอย่างข้างแก้มคนที่ตักกินข้าวอยู่ตรงหน้า ใจเราวูบโหวงไปชั่วขณะ



                ...นายร้องไห้?...



                “เป็นอะไร” เรารีบถาม ย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆ เขา ไม่มีเสียงสะอึกสะอื้นใดๆ เขาน้ำตาไหลเงียบๆ เพราะแบบนั้นทำให้ขอบตาเราเริ่มร้อนตามทันที เขามองเราด้วยสายตาที่พาลให้ใจกระตุก...พาลให้รู้สึกเศร้า



                ร้องไห้ทำไม



                “ขอบคุณครับพี่ปั้น” ภายนอกเขาอาจจะเป็นคนขี้เล่น แกล้งแหย่เราได้ตลอดเวลา แต่แท้จริงแล้วนายกลับอ่อนแอมากกว่าที่เราคิด



                “ขอบคุณเราทำไม” เราถามออกไปเสียงเบา



                “พี่ปั้นรู้ไหม ตั้งแต่ที่...ที่พ่อแม่ผมเสียก็ไม่เคยมีใครทำอาหารให้ผมกินเลย...” เขายิ้มบางๆ ให้กับความคุ้นชินที่เขาไม่อยากจะได้รับ เราไม่รู้จะพูดอะไรเลย ไม่สิ มันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เขา



                “เวลา...ไม่สบายก็นอนพัก เดี๋ยวตื่นมาก็หาย หิวก็หาอะไรกินเอง”



                เราคิดตามจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้...เวลานี้อยากเป็นคนที่เข้มแข็งให้เขาพักพิงได้ เราเลื่อนมือไปกุมมือเขาไว้ นายซบหน้าผากกับลาดไหล่ของเราเหมือนคนหมดแรง ประโยคสุดท้ายที่เบาจนเป็นเสียงกระซิบดังแว่วมา



                “ไม่มีใครเลยเนี่ย มันเศร้าจังนะครับ”



                …ใครบอกกันล่ะนาย...



                เราปลอบใครไม่เป็น ทั้งๆ ที่รู้สึกสงสารเขาจับใจ เข้าใจเหตุผลที่เขาไม่เคยอยู่ทานข้าวที่บ้านเราขึ้นมาทันที เพราะนายไม่เคยเผยความทุกข์ใจของตัวเองออกมาเลย และนั่นยิ่งทำให้เราเศร้าใจ มนุษย์อย่างเราจะเเบกรับความโดดเดี่ยวได้มากเเค่ไหนกัน



                เราทั้งคู่เงียบไปช่วงเวลาหนึ่ง ปล่อยให้เขาได้ปล่อยความเศร้าออกมาผ่านน้ำตา จากนั้นก็เป็นเราที่ทำลายความเงียบนั้นลง



                “อยากกินข้าวเค็มๆ ก็ไม่บอก” เราก้มหน้าลง ก่อนยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง นายเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาไหลกว่าเดิม



                “ไม่ต้องร้องนะ เราอยู่ทั้งคน ต่อจากนี้ถ้านายอยากกินอะไร เราทำให้หมดเลย” เราพูดพร้อมกับยิ้ม ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ นายผละจากไหล่เราก่อนจะใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาตัวเองสองสามที



                “ขอบคุณนะครับพี่ปั้น”



                “ไม่ต้องขอบคุณหรอก แต่อย่าขอเมนูยากล่ะ เราน่ะมือใหม่”



                เขาส่ายหน้า ดูเหมือนว่านายคนเดิมจะกลับมาแล้ว แต่อย่างน้อยเราก็ดีใจที่อ่อนแอให้เราเห็นบ้าง



                “อะไรอย่าบอกนะว่านายคิดเมนูยากๆ ไว้แล้วน่ะ” เราแกล้งทำตาโตตกใจจนเขาหลุดหัวเราะ นายไล้นิ้วโป้งที่ข้างแก้มเราเบาๆ



                “ขอบคุณ...ที่พี่ปั้นอยู่กับผมตรงนี้ต่างหากครับ”



                เรามองรอยยิ้มเขานิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มตาม



                “อื้ม”



                ...ขอบคุณที่นายอยู่ตรงนี้เหมือนกัน...

 





                “ร่ม”



                “ไม่เป็นไรครับ”



                “เสื้อแขนยาว”



                “ใส่แล้วครับ”



                “งั้นใส่หมวกแทนร่มแล้วกัน”



                “พี่ปั้น”



                “หือ”



                “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ผมน่ะแข็งแรงจะตาย”



                “ไม่ได้! นายเป็นไข้นะ” เราส่งเสียงดุเขา นายจะออกไปสุสานคริสตจักรแต่ว่าเขายืนกรานที่จะเดินไป เพราะสุสานอยู่ในบริเวณของคริสตจักรซึ่งไม่ไกลจากบ้านเขานัก ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แดดกรุงเทพฯ ขนาดนี้ เป็นไข้หนักขึ้นมาจะทำยังไง



                “คิ้วยุ่งหมดแล้ว” นายจับต้นคอเราก่อนจะนวดเบาๆ



                “นายไม่ฟังเราเลย” เราถอนหายใจ หยีตามองท้องฟ้า ...เกือบจะห้าโมงแล้วก็ยังมีแดดอยู่เลย...



                “พี่ปั้นน่ารัก”



                “อะไรนะ”



                “ผมจะบอกว่าผมใส่หมวกแล้วครับ เสื้อคลุมก็ใส่แล้ว ทีนี้ก็ตาพี่ปั้นบ้าง...ใส่ด้วย” เขาสวมหมวกแก๊ปของเขาให้เรา มันหลวมโพรกจนปีกหมวกปิดตาเราหมด



                “ไม่เอาหรอก เราสบายดี” เราจะถอดออกแต่ฝ่ามือหนักๆ ของนายก็ทับไว้ซะก่อน



                “พี่ปั้นไม่ดื้อกับผมสิครับ”



                “เราไม่ได้ดื้อ เราไม่ได้ป่วยแบบนาย”



                “อย่างน้อยก็ใส่หมวกเถอะครับ” เรามองเขาอย่างชั่งใจแต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาไม่มากกว่านี้เราเลยยอมใส่ต่อไป



               ...เห็นไหมเราไม่ดื้อ...

               

                “จับมือด้วยครับ” นายยื่นมือมาตรงหน้า



                “จับทำไม”



                “ก็ถ้าผมหน้ามืดหรือเป็นลม พี่ปั้นจะได้รู้ทันทีไงครับ” เรารีบยื่นมือไปจับทันที กลัวเขาหน้ามืดอย่างที่ว่า นายกระชับมือเราแน่นก่อนจะอมยิ้ม



                ...เอ๊ะ เมื่อกี้นายบอกว่าแข็งแรงไม่ใช่หรือไง...



                เรามองแผ่นหลังของนายก่อนจะเลื่อนสายตามองมือที่จับกันไว้



                ...เอาเถอะ ก็เรา...กลัวเขาล้มจริงๆ นี่นา...







                เรามาถึงสุสานในสิบห้านาทีให้หลัง นอกรั้วมีแต่ความวุ่นวาย แต่เมื่อเข้ามาด้านในที่นี่กลับดูร่มรื่น และมีสีเขียวเต็มไปหมดซึ่งตัดกับสีขาวนวลของหินอ่อนที่เรียงรายทอดยาวไปไกล เราเดินตามนายเงียบๆ เขาไม่ได้มีดอกไม้หรืออะไรมาด้วย มีแต่ผ้าขนหนูผืนเล็กที่เขาตั้งใจจะทำความสะอาดที่พักพิงของพ่อและแม่ของเขา



                เราเดินเข้ามาบล็อกที่สี่จากซ้ายสุด นายหยุดอยู่ตรงกลางของแถวนั้น เขามองนิ่งไปที่ป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อของพ่อแม่เขาไว้ข้างๆ กัน เห็นแบบนั้นเราเลยจะถอยหลังมาเพื่อให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อและแม่ ขณะที่ก้าวถอยหลังนายก็หันมาทันที



                “พี่ปั้นไม่ต้องไปไหนหรอกครับ” เขาว่าก่อนนั่งคุกเข่าที่ผืนหญ้า ลงมือปัดฝุ่นเป็นอย่างแรก เราเดินกลับไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาแล้วใช้มือเปล่าปัดฝุ่น



                “เปื้อนหมดแล้วพี่ปั้น”



                “ไม่เป็นไร”



                “...”



                นายจมอยู่กับความคิดตัวเองอีกแล้ว เรามองเขาอย่างเป็นกังวล ผ้าขนหนูผืนสะอาดเริ่มมีคราบฝุ่นประปราย เราหยิบมาเช็ดแทน และเหลือบมองเขาเป็นระยะๆ นานทีเดียวที่นายนั่งนิ่งๆ จ้องไปที่ชื่อของพ่อแม่บนแผ่นหินอ่อนสีขาวเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดใดๆ



                “พี่ปั้น”



                “หือ” เรารีบหันไป นึกว่าเขาเรียกแต่ดูเหมือนว่าเขาจะพูดอะไรบางอย่าง เขาพึมพำกับตัวเองแต่เพราะทั่วบริเวณนั้นไม่มีใคร เราจึงได้ยินอย่างชัดเจน เราเม้มปากไล่ความร้อนที่ตาตั้งแต่ที่เขาเริ่มพูด



                “วันนี้ผมพาพี่ปั้นมาด้วยครับ”



                “...”



                “ไม่ได้มาคนเดียวเหมือนปีก่อนๆ”



                “...”



                “พี่ปั้นทำอาหารให้ผมด้วยล่ะ”



                “...”



                “บังคับผมกินยาเหมือนเด็กๆ”



                “...”



                “ไม่ต้องเป็นห่วงผมแล้วนะครับ”



                “...”



                ”...คิดถึงเสมอนะครับ”



                 ลมพัดมาสัมผัสผิวแผ่วเบาราวกับพวกเขารับรู้ มองแสงสีส้มกระทบเสี้ยวหน้าของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้ายามเย็น



                  ...ขอให้ความเศร้าไม่พานายไปไหน...



                 เราอธิษฐาน เเล้วค่อยๆ หลับตาลง ไม่ทันเห็นว่าคนข้างๆ หันมายิ้มบางๆ แล้วมองเราด้วยสายตาแบบไหน


______________________
เพลงนี้...จากนายถึงพี่ปั้น
You’re the right time at the right moment
You’re the sunlight keeps my heart going
Know when I’m with you Can’t keep myself from falling
Right time at the right moment
It’s you


-คิดถึงทุกคนมากมาย-
ตอนนี้ใส่พลังไปกับนายมากทีเดียว
นายเป็นคนที่เข้มเเข็งนะสำหรับเราเเต่อ่อนเเอกับคนๆ เดียว
ฮืออ น้องงง
ขอบคุณทุกคนเหมือนเดิมมม
ช่วงนี้อย่างที่บอกไว้ในทอล์คเรื่องคุณชายคือเราเปลี่ยนงานใหม่
หลายอย่างไม่เข้าที่มากๆ  หายไปนานเลยต้องขอโทษทุกคนจากใจจริงด้วยนะคะ
อัพเรื่องคุณชายไปวันก่อนใครยังไม่ได้อ่านไปอ่านคลายเครียดกันนะคะ
เเล้วเจอกันใหม่
#เรากับเขา

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮืออออสงสารนายที่สุดมาให้แม่กอดแน่นๆทีนึงนะลูกพี่ปั้นอย่าทิ้งน้องไปไหนนะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สงสารนายยยย ไม่ร้องนะ ; __ ;
มีพี่ปั้นอยู่ด้วย ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันนะ มีกันและกันน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด