KISS AND FLY ตอนที่ 38 ตอนจบ P.6 ( 20-11-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KISS AND FLY ตอนที่ 38 ตอนจบ P.6 ( 20-11-2017)  (อ่าน 27113 ครั้ง)

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 27 แบบทดสอบ P.3 ( 4-11-2017)
«ตอบ #90 เมื่อ05-11-2017 10:00:57 »

ขอบคุณมาก ๆ นะครับสำหรับการติดตาม....คิดถึงมาก ๆ ผู้อ่านทุกคน และขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปครับ

วันนี้จะมาต่อให้ตอนดึกหน่อยนะครับ

ป.ล. คิดถึงคอมเม้นของทุกคนเลยครับ ขอบคุณจริง ๆ kokoro, insomniac, Mild-dy, Billie, warin, zetnezz, Fahsaizzz and love:seungri

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 27 แบบทดสอบ P.3 ( 4-11-2017)
«ตอบ #91 เมื่อ05-11-2017 13:41:17 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตอนที่ 28 หมอคิตทำคะแนน

ผมอ่านข้อความไปน้ำตาผมมันก็ไหลไปครับ...ข้อความทั้งหมดนี้มันไม่ได้บอกหรอกครับว่าพี่เขมยังคงรักกับน้องเจอยู่รึป่าว...แต่มันบอกผมว่า เค้ายังคงติดต่อกันอยู่และข้อความล่าสุดก็คือ น้องเจ เลิกกับแฟนครับแล้วขอให้พี่เขมไปกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อย ซึ่งน่าจะเป็นเวลาหลังจากที่ผมคุยกับพี่เขมเสร็จแล้วผมก็หลับไป...ผมไม่รู้จะทำยังดีครับ...เพราะตอนนี้ พี่เขมก็น่าจะรู้แล้วครับว่าผมเข้าไปอ่านไลน์ของพี่เขมดู เพราะการ ล็อคอินทุกครั้งโดยใช้คอม ในตัว ไลน์ จะขึ้นว่ามีอีกเครื่องกำลังล็อคอินเข้าไป...แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใด ๆ จากพี่เขมครับ ทั้ง ๆ ที่ผมโทรไปหาพี่เขมแล้ว และพี่เขมก็ไม่รับสาย

ผมขับรถไป...นับ 1 - 10,000 นับไปเรื่อย​ ๆ เพราะในใจผมก็ยังคิดเสมอว่า พี่เขมคงจะมีเหตุผลที่อธิบายผมได้ดีกว่านี้ พอผมขับรถไปถึงที่ร้าน ผมก็ไม่กล้าลงจากรถครับ...ผมไม่อยากเห็นเลยว่า ภาพมันจะเป็นยังไง ผมจึงโทรไปหาไอ้ปืนอีกครับ

บี : เมิงยังอยู่ร้านอยู่ป่าว

ปืน : ยังอยู่เมิงอยู่ไหนแล้วเนี่ย...มาเร็ว ๆ ดิฟระ เด๋วเค้าก็กลับก่อนพอดี

บี : กรูถึงละแต่กรูไม่อยากลงไปดูเลยหวะ...กรูกลัวกรูคุมตัวเองไม่ได้

ปืน : เฮ้ยมึง..ใจเย็น ๆ เมื่อกี้กรูเห็นพี่เขมมีเพื่อนมาด้วยเว้ย...แต่ตอนนี้กรูไม่เห็นเพื่อนเค้าแล้วนะ....ไม่รู้ไปไหน

บี : ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ

ปืน : ผู้ชายหวะ...ตัวสูง ๆ ขาว ๆ ล่ำ ๆหน่อย

บี : หล่อ ๆ หน่อยมะ มีเครา ๆ นิด ๆ ใช่ป่ะ

ปืน : เอาใช่ ถ้าจะถามเรื่องความแซ่บกรูให้ 10-10-10 ไปเลยข่าาาา

บี : เออเพื่อนพี่เขมเองแหละ เมิงเค้าอยู่บนเวทีป่าว พี่เก่งมันเล่นคียร์บอดนะ

ปืน : สัส อยู่บนเวทีจริง ๆ ด้วย...แม่งยิ่งโคตรหล่ออ่ะ...กรูจีบได้มะ

บี : เค้าชอบผู้หญิงจ๊ะ...

ปืน : แสส เสียของหมด

บี : ให้เค้าผลิตประชากรโลกบ้างไม๊มึง...ให้เค้าปกติกันบ้างเหอะ

ปืน : แล้วมึงให้กรูไปรับที่รถมะ?

บี : ไม่เป็นไร กรูของทำใจแป๊ปนึง...เด๋วกรูลงไปหา

ปืน : เฮ้ยมึง....พี่เค้าพาน้องออกไปแล้วหวะ...ยังไงดี

บี : สัส เด๋วกรูตามเอง...ขอบใจมากนะมึง

ปืน : อย่าคิดมากนะมึง..ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกัน




ผมขับรถตามรถพี่เขมไปจนถึง...คอนโดพี่เขมครับ...ผมจอดรออยู่หน้าทางเข้าของคอนโดเพราะเป็นที่จอดสำหรับคนที่ไม่มีบัตรครับ...ผมเดินออกไปนั่งแอบรอพี่เขม แล้วซักพัก พี่เขมก็เดินประครองน้องเจมาครับ...ผมเดินออกไปขวางทางหน้าประตูทางเข้าคอนโดครับ...ผมมองพี่เขมด้วยสายตาที่เย็นชาและผมก็ไม่พูดอะไร รอให้พี่เขมอธิบายทุกสิ่งที่ผมกำลังเห็น พี่เขมเริ่มต้นด้วยคำว่า

พี่เขม : บี มันไม่ใช่อย่างที่บีเข้าใจนะ

ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับแล้วก็ยังคงไม่พูดอะไรออกไป

พี่เขม : น้องมันเมามากพี่เลยต้องพากลับมาคอนโด

บี : แล้วพี่คิดจะบอกผมบ้างไม๊

พี่เขมเงียบ...ไม่ตอบ

บี : พี่เคยคิดถึงใจผมบ้างไม๊

พี่เขม : ก็เพราะพี่คิดหนะสิ พี่ถึงยังไม่อยากบอก

บี : ผมรู้แล้วครับ...ว่าผมมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาเอง

พี่เขม : มันไม่ใช่นะบี...ฟังพี่ก่อนนะ

บี : พี่กลับไปดูแลคนของพี่เถอะครับ...

ผมเดินจากมาพร้อมกับน้ำตา...ผมไม่ฟังอะไรต่อไปทั้งนั้น...ในเมื่อเค้าอยากจะดูแลกัน ผมก็คงเป็นแค่ส่วนเกิน...หรือผมอาจจะเป็นแค่คนแก้เหงาก็ได้...ทุกสิ่งทุกอย่างมันอาจจะไม่จริงก็ได้...ผมอาจจะคิดเข้าข้างไปเองว่าเค้ารักผมก็เป็นไปได้...ถ้าน้องเจเลิกกับแฟนแล้วจริง...แล้วพี่เขมจะไปคบกับน้องเค้า...ผมก็คงต้องปล่อยไป...ความรักสำหรับผม ขอแค่คนที่เรารักมีความสุขกับสิ่งที่ทำ...ผมเองก็ดีใจมากแล้วครับ มันอาจจะเป็นสิ่งที่สวรรค์บอกมาตั้งแต่แรก ๆ แล้วก็ได้ว่า...ตัวผมเองมันไม่มีอะไรคู่ควรกับพี่เขมเลย ไม่ว่าจะฐานะ การศึกษา หน้าตา ผมว่าพี่เค้าคงหาคนที่ดีกว่าผมได้แน่ ๆ

ผมขับรถออกจากคอนโดพี่เขมพร้อมน้ำตา...มันไหลไม่หยุด..มันเป็นน้ำตาที่ผมไม่ทันตั้งตัวหรือพร้อมที่จะรับมือเลยครับ...ในใจอีกด้านหนึ่งลึก ๆ ผมก็คิดว่าพี่เขมน่าจะตามมาอธิบายทุกอย่างให้ผมฟัง...อย่างน้อย ๆ เราก็เคยสัญญากันว่า เราจะไม่ทะเลาะกันข้ามคืน...มีอะไรเราต้องเคลียกันเสมอ...แต่จิตใจผมตอนนี้มันอ่อนแอและย่ำแย่มาก แล้วไอ้ปืนก็โทรมา

ปืน : เมิงไอ้บี เป็นไงบ้าง...ได้เรื่องไม๊

บี : มึงมันจบแล้วหว่ะ...พี่เค้าเลือกน้องเจ...(ผมตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้น)

ปืน : เฮ้ย...มึงคุยกันแล้วเหรอ...มึงอย่ายอมนะเว้ย

บี : ถ้าเค้าเลือกแล้ว...กรูก็เป็นคนที่ต้องไปหวะ

ปืน : มึง...ไม่โอเคอ่ะ...อย่างงี้ไม่ใช่ดิฟระ

บี : ……..

ปืน : มึงอยู่ไหน ให้กรูไปอยู่เป็นเพื่อนไม๊

บี : ไม่เป็นไรเมิง...กรูกะลังขับรถกลับคอนโดกรูแล้ว...กรูดูแลตัวเองได้

ปืน : ไม่ไหวรีบโทรหากรูเลยนะ...เด๋วกรูไปอยู่เป็นเพื่อน

บี : ขอบคุณมากนะเมิง

ผมพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่ ที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ...ผมหวังว่าอย่างน้อย ๆ พี่เขมก็คงจะโทรมา แต่มันก็ไม่มีครับ...ผมจึงค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า...ผมหมดหวังแล้ว

คืนนั้น...ผมนอนจมอยู่กับกองน้ำตา...ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นผมในตอนนี้เลย..และผมก็เลือกอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด เพราะอีกไม่ถึง 1 อาทิตย์ผมก็ต้องสอบเพอร์แล้ว
ผมหลับไปพร้อมกับทิชชู่กองใหญ่ที่อยู่รอบตัว...ผมตื่นมาอีกทีเพราะว่าฝันครับ ผมฝันว่าพี่เขมมาหาผม ผมจึงรีบลุกขึ้น ตอนนี้...หัวผมมันหนักไปหมด...ตาผมก็บวมมากแล้ววันนี้ผมก็มีบินครับ ผมมองดูนาฬิกา มันเพิ่งจะ ตี 5 กว่า ๆ เองครับ...ผมรีบทำการโทรลาป่วยเพื่อจะต้องการจัดการกับความรู้สึกตัวเองให้ได้เร็วที่สุดแล้วทำการเตรียมตัวเพื่อไปสอบ...ผมจับโทรศัพท์ของผมขึ้นมาดู...ในใจลึก ๆผมหวังว่าอย่างน้อย ๆ พี่เขมก็น่าจะโทร หรือ ส่งไลน์มา...แต่ก็ไม่มีวี่แววของการตอบกลับจากพี่เขมแม้แต่น้อยครับ...มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวผมนั้น “โง่มาก” ที่ไปรักคนอย่างนั้น เพียงข้ามคืน ทำไมทุกสิ่งถึงได้หายไปในพริบตา...ความรักของเรามันฉาบฉวยขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่เค้าไม่แม้แต่จะมาอธิบาย หรือพี่เค้าคิดว่า อย่างนี้ก็ดีแล้ว...ให้มันเห็นไปเลย...จะได้ตัดใจได้เร็ว ๆ แต่จริง ๆ มันก็ดีเหมือนกันนะครับ...ถ้ามันชัดเจนขนาดนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ผมต้องทำก็คือต้อง.... “หยุด”



เวลาคนเราอกหัก...ทำไมต้องเปิดเพลงเศร้าแล้วก็นั่งร้องไห้อยู่ท่ามกลางฝนคนเดียวด้วยครับ....แล้วสิ่งที่ฮิตไปไม่แพ้การตากฝนตอนอกหักแล้วก็คือ การเอาตัวเองที่ใส่เสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำใต้ฝักบัว...ในเมื่อตอนนี้ฝนไม่ตก แล้วไม่มีเมฆแม้แต่น้อย ผมจึงทำอย่างที่สอง...คุณเชื่อไหมครับ แค่ก้าวเท้าตัวเองเอามือไปเปิดฝักบัว แล้วเปิดเพลงเท่านั้นแหละ...พังพินาศครับ...ผมเล่าอาจจะดูตลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว...มันเศร้าจนกว่าจะทนไหว...ผมว่าตัวผมเป็นคนที่เข้มแข็งมากนะครับ ในทุก ๆ เรื่อง ผมสามารถดูแลจัดการ ทุกสิ่งรอบตัวได้อย่างดีเลยทีเดียวและยังลามไปถึงเพื่อนพ้อง แฟน เพื่อนแฟน พ่อแม่เพื่อน พ่อแม่แฟน ผมสามารถดูแลได้หมด แต่ตอนนี้ ผมอ่อนแอเหลือเกิน เกินกว่าจะลุกขึ้นยืนซะด้วยซำ้ ผมปล่อยให้เพลงจากมือถือเล่นวนไปเรื่อย ๆ แล้วร้องไห้ออกมาจนกว่าจะไม่มีน้ำตา

‘Cause there’ll be no sunlight
If i lose you, baby
There’ll be no clear skies
If i lose you, baby
Just like the clouds
my eyes will do the same, if you walk away
Everyday it’ll rain, rain, ra-a-a-ain

It will rain, Bruno mars..


ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น....อย่างที่บอกแหละครับ...ผมก็ยังหวังลึก ๆว่าจะเป็นพี่เขม แต่กลับเป็นพี่เก่ง ผมก็เลยกดโทรศัพท์รับ



พี่เก่ง : เฮ้ยมึง...เป็นไงบ้าง

บี : ก็พังคับพี่...

พี่เก่ง : พังยังไงฟระ...

บี : พี่เขมเค้าไม่รักผมแล้วครับพี่....ฮืออออออ.....(ผมร้องไห้ฟูมฟายออกมา)

พี่เก่ง : ไอ้หนูน้อย...มึงใจเย็น ๆ ก่อนนะ มึงฟังกรูพูดดี ๆ นะ

บี : (ฮืออออออ.....ไม่มีทางจะหยุดง่าย ๆ )

พี่เก่ง : เหี้ย....เอาแต่ร้องไห้แล้วจะรู้เรื่องไม๊วันนี้

บี : คับพี่...ผมไม่ไหวจริง ๆ คับ...ตอนแรกรับโทรศัพท์พี่ก็นึกว่าจะคุมตัวเองได้

พี่เก่ง : ดูเอ็งจะรักมันมากสินะ

บี : ครับ...แต่ผมก็ต้องตัดใจ

พี่เก่ง : มึงลงมาข้างล่างก่อนได้ไม๊

บี : ไม่ได้ครับพี่...ผมไม่อยากออกไปไหนเลย

พี่เก่ง : แล้ววันนี้กรูจะคุยกับมึงรู้เรื่องไม๊เนี่ย

บี : ไว้วันหลังละกันนะคับพี่...ผมขอวางก่อนนะครับ

พี่เก่ง : เฮ้ย...เด๋วดิ ๆ

ผมกดวางสายแล้วออกจากห้องน้ำไปเช็ดตัวครับ...ตอนนี้ผมแค่อยากกินยาแก้ปวดหัวแล้วนอนเผื่อตื่นมา อะไร อะไรมันจะดีขึ้นบ้าง...ตอนนี้มันเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าผม...ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว คงมีแต่ปาฏิหาร์เท่านั้นแหละครับที่จะทำให้พี่เขมยอมกลับมาหาผม...

ผมนอนหลับไปเพราะความปวดหัว...ตื่นมาผมก็เหมือนจะมีไข้ เนื่องจากเสือกไปโทรมตัวเองทำมิวสิกเปิดฝักบัว...ตอนนี้หิวมากครับแต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกเดินไปไหน ผมดูนาฬิกา นี่ก็ 7 โมงเช้าครับ...แล้วแม่ของผมก็โทรมาครับ แม่เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในโลก ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนหรือเวลาไหน แม่ของผมก็สามารถหยั่งรู้ได้หมดครับว่าผมต้องการกำลังใจตอนไหน เหมือนแม่จะมีเครื่องมืออะไรซักอย่างที่ทำให้รู้ว่าลูกตัวเองกำลังต้องการกำลังใจ

แม่ : ว่าจะใดลูกชาย...หายหน้าหายตาไปเลยเนอะ

บี : แม่...ลูกเหนื่อย

แม่ : เป็นอะหยังหละลูก...ไผ๋ยะอะหยังฮื้อลูก(เป็นอะไรลูก ใครทำอะไรให้ไม่สบายใจ)

บี : บะหมีคับแม่(ไม่มีครับแม่)...(ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้น เพื่อไม่ให้แม่รู้ว่าแค่ได้ยินเสียงแม่ ผมก็คิดถึงบ้านขึ้นมาทันที)

แม่ : แล้ววันนี้บะยะก๋านก๋าลูก(แล้ววันนี้ไม่ทำงานเหรอลูก)

บี : วันนี้ลูกเป๋นไข้

แม่ : แล้วมีไผอยู่ต๋ามหมูฮั้นก่อลูก...อ้ายเขมอยู่ก่อ ฮ้องมาดูแลกำลอ(มีใครอยู่แถว ๆ นั้นไม๊ พี่เขมอยู่รึป่าว เรียกมาดูแลได้ไม๊)

บี : อ้ายเขมบะอยู่คับ...เปิ้นยะก๋าน(พี่เขมไม่อยู่ครับ เค้าไปทำงาน)...(ผมโกหก แค่ผมต้องพูดหรือได้ยินชื่อพี่เขม หัวใจของผมมันก็แทบจะแตกสลายอีกครั้ง)

แม่ : ปิ๊กบ้านบ๋อลูก...ถ้าอิดขนาดนั้น...แม่เป๋นห่วงนาาา(กลับบ้านไม๊ลูก ถ้าเหนื่อยขนาดนั้น แม่เป็นห่วงน้าา)

บี : รอสอบเสร็จก่อนเน้อแม่ ลูกจะปิ๊กบ้านละ ลูกบะไหวละคับ(รอสอบเสร็จก่อนนะแม่ลูกจะกลับบ้าน ลูกไม่ไหวแล้ว)

แม่ : บีลูก...บีต้องเข้มแข็งนาลูก..แม่บ่อฮู้ว่าบีเป๋นอะหยัง แต่จะยะอะหยัง กึ๊ดถึงแม่ไว้นัก ๆ เน้อลูก แม่รักลูกที่สุด แม่กึ๊ดเติงหาลูกตลอดเน้อ ลูกรัก (บีลูกต้องเข้มแข็งนะลูก แม่ไม่รู้ว่าบีเป็นอะไร แต่จะทำอะไรให้คิดถึงแม่ไว้เยอะ ๆ แม่รักลูกที่สุด แม่คิดถึงลูกตลอดนะลูกรัก)

ถึงตอนนี้ผมก็หยุดไม่ได้แล้วครับ...ผมเอามือมาปิดปากไว้เพื่อให้..เสียงร้องไห้ของผมที่ปล่อยโฮออกมาไม่ให้แม่ได้ยิน...ถ้าแม่รู้ว่าผมพังขนาดนี้...แม่คงต้องตีตั๋วขึ้นมาหาผมในทันทีแน่นอน...(ผมพยายามสูดหายใจเพื่อจะให้เสียงเป็นปกติที่สุดแล้วตอบแม่ไป

บี : ลูกจะพยายามครับคุณแม่...ตะอี้ก่อนเน้อครับแม่

ผมกดวางสายในทันที...ผมว่าแม่คงรู้แหละครับว่าผมพังแค่ไหน...แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงอีกแล้ว...ร่างกายตอนนี้มันแทบจะขยับไม่ได้...ต่อมน้ำตาคงเป็นสิ่งเดียวยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง แล้วความพีคยิ่งไปกว่าแม่ตัวเองโทรมาก็เป็นแม่พี่เขมเนี่ยแหละครับที่โทรหาผม หลังจากผมวางโทรศัพท์ของแม่ได้ไม่นาน...ความสะอื้นเพิ่งจะจางหายไป ผมก็ต้องรับโทรศัพท์จากแม่พี่เขมอีก...มันจะมีอะไรยากไปกว่านี้อีกไม๊ครับชีวิตนี้

มีต่อครับ

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 27 แบบทดสอบ P.3 ( 4-11-2017)
«ตอบ #93 เมื่อ05-11-2017 20:33:55 »

แม่พี่เขม : บีลูก...เขมอยู่กะบีก่อลูก....แม่โทรหาเขมบ่อติดเลยลูก(บีลูก เขมอยู่กับบีไม๊ลูก แม่โทรหาไม่ติดเลย)

บี : ไม่อยู่ครับคุณแม่...(ผมทำเสียงให้ปกติที่สุด)

แม่พี่เขม : แล้วบีโทรหาพี่เข้มได้ก่อลูก

บี : บะได้เหมือนกั๋นครับคุณแม่ (ไม่ได้เหมือนกันครับคุณแม่)...(ผมโกหก)

แม่พี่เขม : แล้วมันไปตางใดหนิ...ตะวามันก่อบอกว่าจะออกไปตางนอกกำเดียว(แล้วมันไปที่ไหนเนี่ย เมื่อวานมันบอกว่าจะออกไปข้าวนอกแป๊ปเดียว)

บี : อยู่คอนโดก่อคับคุณแม่

แม่พี่เขม : ถ้าจะแม่นละลูกเด่วแม่ฮื้อแม่บ้านไปผ่อก่อนเนอะ(น่าจะใช่แล้วลูกเด๋วแม่ให้แม่บ้านแวะเข้าไปดูก่อน)

บี : ครับคุณแม่...

ในใจผมก็คิดว่าคุณแม่จะวางแล้ว....แต่เสียงอีกคนก็ดังขึ้นมา

ป๊าพี่เขม : บีเป็นไงบ้างลูกเสียงดูไม่ค่อยดีเลย

บี : ไม่สบายนิดหน่อยครับ...

ป๊าพี่เขม : อ่าวแล้วไอ้เขมอยู่ไหนหละเนี่ยไม่ไปดูแลเลย กินข้าวกินปลารึยังลูก เด๋วพ่อรีบไปหาไอ้เขมบอกให้ไอ้เขมไปดูแลนะ

แม่พี่เขม : ลูกบี...บะสบายก๋าลูก...เป็นอะหยัง..ไปหาหมอรึยังลูก(ลูกบีไม่สบายเหรอลูกเป็นอะไรมากไม๊ ไปหาหมอรึยังลูก)

ผมพลาดละครับที่บอกป๊ากับแม่พี่เขมว่าไม่สบาย...เพราะคราวที่แล้วกว่าผมจะอธิบายทุกอย่างได้เนี่ย....ยาวนานมากเลยนะครับกว่าป๊ากับแม่จะตัดสินในไม่ไปหาพี่เขมที่โรงพยาบาลที่หลังโดนกระแทกคราวก่อน

แม่พี่เขม : ป๊าจำทางไปคอนโดลูกบีได้รึป่าว...พาแม่ไปหน่อยเร็ว พาลูกไปหาหมอเถอะนะ...คุณ    ไอ้เขมหนะช่างมันก่อนเถอะ

ป๊าพี่เขม : เออ...จำพอได้อยู่...ลูกบี...เด๋วป๊ากับแม่ไปหานะ พาไปหาหมอหน่อย

บี : ไม่เป็นไรครับ ป๊า ผมกินยาแล้วเด๋วคงหาย

แม่พี่เขม : ไม่ได้ลูก...แม่เป็นห่วง...แล้วลูกเขมก็ไม่อยู่ดูแล เด๋วแม่พาไปหาหมอนะอย่าดื้อ เด๋วหมอจับฉีดยาเลย

บี : ครับแม่ ครับป๊า

ผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วล้างหน้า...ตอนนี้ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนละครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับป๊าและแม่ของพี่เขมดี...ผมจะบอกดีไม๊ว่า พี่เขมเค้าเลือกคนอื่นไปแล้ว ผมคิดไม่ออกได้แต่นั่งรอชะตาชีวิตของตัวเองให้ผ่านไป ตอนนี้แค่คิดก็ไม่มีปัญญาแล้วครับ...ผ่านไปไม่นานแม่พี่เขมก็โทรมาครับ

แม่พี่เขม : แม่มาถึงละนะลูก อยู่ห้องอะไรตึกอะไรนะ...ยามเค้าถามอ่ะ

บี : ตึก D ครับ ห้อง xx/xx เด๋วผมลงมารอข้างล่างครับ

แม่พี่เขม : ลงมาไหวไม๊ลูก

บี : ไหวครับแม่

ผมไหว้แม่กับป๊า แล้วแม่ก็ตรงเข้ามากอดเช็คดูว่าตัวอุ่นหรือไม่...ผมกลั้นน้ำตาสุดชีวิตครับ เพราะตัวผมเอง นอกจากพ่อแม่ตัวเองแล้ว...ก็มีพ่อแม่พี่เขมนี่แหละครับ คอยดูแลผมตั้งแต่ผมเริ่มคบกับพี่เขม ผมรู้สึกผูกพันธ์เหมือนท่านเป็นญาติผู้ให้ของผมจริง ๆ ป๊าลงมาจากรถมาเดินประกบผมอีกข้าง เพื่อพาขึ้นรถไปโรงพยาบาล ก็เป็นโรงพยาบาลที่ผมไปประจำครับ..ไม่ได้ใกล้มากแต่เพราะเดินทางสะดวกและบริการดีครับ....แม่พาไปที่แผนกตรวจทั่วไป...แล้วก็แจ๊คพอตครับ...ไม่ใช่ว่าผมไม่คิดนะครับ...ว่าแม่งอาจจะต้องเจอหมอคิต แต่ในใจผมก็แอบคิดอีกอย่างว่า หมอคิตอยู่แผนกฉุกเฉินไม่น่าจะเจอง่าย ๆ แต่ ความซวยก็คือ ผมไม่ได้ตรวจกับหมอคิตครับแต่หมอคิตเดินผ่านตอนผมกำลังชั่งน้ำหนักวัดความดันพอดี ผมนี่รีบหลบหน้าเลยครับ...มันไม่พร้อมในทุก ๆ ด้าน...ที่ผมจะเจอหมอคิต

หมอคิต : อ้าวคุณบี...เป็นอะไรมาครับนี่ ไม่สบายเหรอ

บี :  (ผมยกมือไหว้หมอคิต).....นิดหน่อยครับ

หมอคิตยื่นมือมาแตะหน้าผากผม...แล้วถามพยาบาลว่ามีไข้รึเปล่า

พยาบาล : มีไข้ค่ะ..คุณหมอ แต่เด๋ว คุณคนไข้ จะตรวจกับหมอวิโรจน์ นะคะ

หมอคิต : อ่าโอเค...เด๋วหมอไปคุยเอง

บี : ผมไม่เป็นไรมากครับคุณหมอคิต ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก

หมอคิต : เด๋วผมจะไปตรวจให้นะ ผมขอไปคุยกับเพื่อนผมก่อน

บี : หมออยู่แผนก ฉุกเฉินไม่ใช่เหรอ

หมอคิต : วันนี้ผมรับเวรที่นี่อ่ะ...ไม่ต้องกังวัลนะ...ผมอยู่นี่แล้ว

พยาบาลมองหน้าหมอคิตแบบเหวอ ๆ แล้วผมก็มองหน้าหมอคิตแบบงง ๆ

หมอคิต : อ่าวนี่คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอนี่ สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่ ผมหมอคิต นะครับ เด๋วผมดูแลคุณบีให้เองนะครับ ไม่ต้องห่วงครับ

บี : นี่พ่อแม่พี่เขมครับผม

หมอคิตก้มตัวมากระซิบข้างผม... “หน้าแตกเลย” ...

หมอคิต : คุณพ่อคุณแม่ของ คุณเขมเหรอครับ

แม่พี่เขม : อ่าวรู้จักเขมด้วยเหรอคุณหมอ

หมอคิต : ก็คราวก่อนที่เจ็บหลังผมเป็นคนตรวจอาการเบื้องต้นให้ครับผม

ป๊าพี่เขม : งั้นก็ดีเลย ฝากลูกผมด้วยนะคุณหมอ

หมอคิต : ได้ครับผม

แล้วหมอคิตก็หายไปในห้องตรวจและซักพักคุณพยาบาลก็ออกมาเชิญผมเข้าไปตรวจที่ห้องตรวจ ผมบอกให้ป๊ากับแม่พี่เขม ไม่ต้องตามเข้ามาครับ เพราะกลัวว่าจะเป็นห่วงกันใหญ่ แล้วผมก็เข้าไปในห้องตรวจ

บี : หมอคิต ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะครับ ผมไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอกครับ

หมอคิต : อ่าวทำไมหละครับ...คนรู้จักกันก็ต้องดูแลกันไม่เห็นแปลกเลย

บี : ขอบคุณครับหมอ

หมอคิต : แล้ววันนี้คุณเขมไม่มาด้วยเหรอครับ

แค่ผมได้ยินชื่อพี่เขมตอนนี้ผมก็จะตายอยู่ละครับ...ทำให้อาการที่ผมกลั้นไว้ทั้งหมด มันเกือบจะถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง...ผมได้แต่ส่ายหน้าไม่ตอบคำถามของหมอคิต

หมอคิต : ไหนผมขอดูตาก่อนเลยนะครับ...มันบวมและแดงมากเลย ใส่คอนแท็กรึป่าวครับ...หรือแพ้อะไรมารึป่าวครับ

บี : เปล่าครับ

หมอคิต : นี่มันบวมแดงเหมือนคนร้องไห้เยอะ ๆ เลยนะครับ

ผมก้มหน้าไม่ตอบอะไรกับหมอคิต

หมอคิต : ไหนอ้าปากหน่อยครับ ผมดูคอหน่อย...คอก็แดงหน่อย ๆ นะครับ...มีน้ำมูกไม๊ครับ สีอะไรครับ

บี : มีครับ สีใส ๆ ครับ แต่ตอนเช้า ๆ ตื่นมามีข้น  ๆ สีเหลือง ๆ ครับ

หมอคิต : เป็นมานานกี่วันแล้วครับเนี่ย

บี : เพิ่งเป็นเมื่อคืนเลยครับ

หมอคิต : แล้วร้องไห้มาตั้งแต่เมื่อคืนเลยเหรอครับ

ผมตกใจเงยหน้าขึ้นมองหน้าหมอคิต

หมอคิต : ผมเดาเอาหนะครับ

ผมได้แต่พยักหน้า...เพราะผมไม่รู้จะโกหกหมอคิตไปทำไม...ในเมื่อเค้าเป็นหมอ ก็น่าจะรู้ครับว่า ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่โทรมร่างกายตัวเองไปหน่อยเฉย ๆ

หมอคิต : อยากเล่าอะไรให้คิตฟังไม๊...ผมไม่อยากให้คุณบีรู้สึกว่าคุณบีไม่มีใครนะ อย่างน้อย ๆ ผมบอกแล้วไงครับว่า ให้ผมเป็นเพื่อนคุณบีได้ไม๊

บี : ขอบคุณครับหมอ...แต่ผมไม่พร้อมจะเล่าจริง ๆ ...(ตอนนี้น้ำตามาก็เริ่มจะเออล้นอยู่ที่ขอบตาแล้วครับ)

หมอคิต : ทะเลาะกันก็ต้องปรับความเข้าใจกันนะครับ...มาหาหมอมันไม่หายหรอก

บี : ครับหมอ...ผมคงไม่ต้องปรับความเข้าใจอะไรมากแล้วครับ เพราะเค้าไม่ได้รักผมแล้ว

ผมเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ...แล้วน้ำตาของผมมันก็ตกลงมาที่ตัก...ผมรีบปาดน้ำตาแล้วหันหน้าออกไปอีกทีเพื่อไม่ให้หมอคิตเห็น

หมอคิต : คุณบีครับ...คุณอาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่นะครับ เด๋ววันนี้ผมขอดูอาการของคุณก่อนอีก 1 วัน แล้วถ้าพรุ่งนี้ดีขึ้นก็กลับบ้านได้ครับ

ผมทำหน้างงทันที...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย...อยู่ดี ๆ คุณหมอก็รวบรัดตัดตอน ให้ผมนอนโรงพยาบาลเลยซะอย่างนั้น แล้วก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไปได้คุณหมอก็ลุกขึ้นแล้วหยิบหน้ากาก มาใส่ให้กับผมแล้วก็กระซิบข้างหูผมว่า “ใส่หน้ากากปิดไว้พ่อกับแม่พี่เขมจะได้ไม่รู้”...ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับ

แล้วผมก็เดินออกจากห้องมาครับ...หมอคิตเดินออกมาพร้อม ๆ กับผม แล้วไปบอกป๊ากับแม่พี่เขม ผมถูเข็นไปอีกทางนึง...เพื่อจะรอขึ้นห้องครับ...พอป๊ากับแม่พี่เขมคุยกับหมอเสร็จ...ก็ใส่หน้ากากที่หมอเอามาให้แล้วคุยกับผม

ป๊าพี่เขม : ไหนว่าไม่เป็นอะไรมาก...เนี่ย หมอบอกอาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่เลยนะ

แม่พี่เขม : ดีนะเจอหมอคิตพอดี...หมอคิตใจดีมากเลยบอกว่าเด๋วช่วยดูแลให้เอง ให้ป๊ากับแม่กลับบ้านไปก่อนได้เลย

บี : ครับผม...ขอบคุณป๊ากับแม่มากเลยนะครับที่มาส่ง

ป๊าพี่เขม : ไว้พรุ่งนี้เช้า ๆ ป๊ามาเยี่ยมใหม่นะลูก

แม่พี่เขม : อยากกินอะไรไม๊ลูกเด๋วแม่ซื้อมาฝาก

บี : ไม่เป็นไรครับแม่...ผมทานอาหารโรงพยาบาลได้ครับ

ป๊าพี่เขม : ไปเถอะคุณ ลูกจะได้พักผ่อน

ผมก็ลาป๊ากับแม่พี่เขมแล้วคุณพยาบาลก็พาผมขึ้นไปที่ห้องคนไข้พิเศษครับ...ในห้องอย่างกับโรงแรมเลยครับ...มีเตียง คนป่วย ที่ดูดีมากกกก แล้วก็ทีวีจอแบนเครื่องใหญ่ ที่เอาไว้ดูแก้เซ็งได้เลยทีเดียว ตู้เย็นห้องน้ำก็ดูดีไปหมด...ผมไม่รู้สึกเหมือนอยู่โรงพยาบาลเลยครับ...ไม่นานพยาบาลก็มาหาผมพร้อมกับสายน้ำเกลือครับ...ผมเห็นแล้วผมก็ตกใจรีบขยับหนี...

บี : คุณพยาบาลครับ...ผมไม่เอาไอ้น้ำเกลือนี่ไม่ได้เหรอครับ

คุณพยาบาล : ไม่ได้หรอกค่ะ...คุณหมอสั่งไว้ว่าต้องให้ค่ะ

บี : คือผมไม่ได้เจ็บป่วยขนาดนั้นอ่ะครับ

คุณพยาบาล : ไม่เจ็บนะคะ...นิดเดียวเอง

ผมก็ยัง ง้องอนกับคุณพยาบาลไม่ยอมให้แขนผมเจาะให้ถุงน้ำเกลือ แล้วหมอคิตก็เข้ามาครับ...

หมอคิต : เจาะเถอะนะ...ดูยังไม่ได้กินอะไรมาเลยทั้งวันแล้วก็เสียน้ำน่าจะเยอะไปแล้ว ถ้าเยอะกว่านี้อาจจะช็อคได้นะ

บี : กินน้ำเอาได้ไม๊อ่ะคุณหมอ

หมอคิต : อย่าดื้อสิ...ถ้าดื้อผมจะเจาะใส่ให้เองเลยนะ..มือผมหนักกว่าพยาบาลอีกนะ

บี : ไม่เอาอ่ะ...ผมกลัวเข็มอ่ะหมอคิต

คุณพยาบาล : คุณคนไข้คะ...หนูจะเบามือให้สุด ๆ ไปเลยค่ะ

ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ...ไอ้หมอคิต..ทำท่ายิ้มกรุ่มกริ่ม ผมนี่อยากจะด่ามันซะเหลือเกิน เพราะไอ้หมอคิตเนี่ยแหละครับที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้...จริง ๆมันก็รู้ว่าผมเนี่ยไม่ได้เป็นอะไรมากแค่เป็นคนอกหักคนหนึ่งเฉย ๆ แล้วมาบอกว่าผมอาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยต้องนอนที่นี่เลย...แต่ก็ดีเหมือนกันนะครับ...ผมหนะกลัวเหลือเกินเวลาอกหักตัวเองจะใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบตัดสินชีวิตตัวเอง ตอนนี้มีคุณพยาบาล ผมน่าจะไม่เป็นไรแล้วหละครับ...พรุ่งนี้ก็ผมจะดีขึ้นอีกหน่อย..แล้วถ้าผมป่วยหลาย ๆ วัน แล้วมีใบรับรองแพทย์ บริษัทก็ไม่น่าจะว่าอะไรอีกด้วย...แล้วหมอคิตก็ให้พยาบาลออกไปข้างนอกครับ แล้วหมอก็ถอดหน้ากากออก

หมอคิต : รู้ใช่ไม๊ว่าไม่ได้เป็นหรอกไอ้ไข้หวัดใหญ่อ่ะ

บี : ครับ ขอบคุณหมอคิตมากนะครับ

หมอคิต : เรียกผมว่าคิตเฉย ๆ ก็ได้นะครับ...

บี : อ่าวไม่เป็นหมอแล้วเหรอ...(ผมกวนตีน คืนบ้าง)

หมอคิต : ไม่เป็นละครับ...ตอนนี้ออกเวรแล้ว

บี : อ่าวออกแล้วไม่กลับบ้านหละครับหมอ

หมอคิต : ก็บอกแล้วไงว่าให้เรียกว่าคิตเฉย ๆ

บี : ก็มันไม่ชินอ่ะ

หมอคิต : ไหนลองเรียกดิ๊

บี : คิต

หมอคิต : ครับบี

บี : กลับบ้านไปได้แล้วไป...จะอยู่ทำไมเนี่ย...ไม่เบื่อเหรอโรงพยาบาลอ่ะ

หมอคิต : ปกติก็เบื่อนะ...แต่วันนี้ไม่เบื่ออ่ะ

บี : หมอคิต....(ผมทำเสียงดุ)

หมอคิต : แหนะ ไม่เรียกอีกละ

บี : คิต...ครับ... (ผมยิ่งรู้สึกแปลก ๆ ไปอีก)...กลับบ้านไป

หมอคิต : อย่าเรียก..... คิตครับ ..... (หมอคิตทำหน้าเครียดทันที)

ผมหน้าซีดไปเลยทันที...ไม่เคยเห็นหมอคิตเป็นแบบนี้เลย

บี : อ่าๆ ๆ ๆเรียกอะไรก็ไม่ดี...เด่วเรียกไอ้คิตแม่งเลยหนิ

หมอคิต : อย่าเรียกว่าคิตครับอีก....เข้าใจไม๊

บี : ทำไมอ่ะหมอ...

หมอคิตสูดหายใจลึก ๆ แล้วบอก

หมอคิต : เพราะ ยะฮื้อผมใจ๋บะดี(เพราะทำให้ผมใจไม่ดี)

ผมปล่อยก๊ากออกมาทันทีเลยครับ...ปกติไอ้หมอคิตเนี่ย..มันเป็นคนหน้านิ่ง ๆ นะครับตามสไตล์หมอ ดุ ๆ หน่อย ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นก็คือหมอจะยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่แล้ว แต่พอไม่ได้คุยกับผมเนี่ย..หมอคิตเหมือนกับเป็นคนละคนเลยครับ...เหมือนพวกไบโพล่า คือ หน้าตาย ๆ เลยครับ และยิ่งหมอมาปล่อยมุขภาษาเหนืออีกผมนี่หยุดขำไม่ได้เลยทีเดียวครับ...

บี : หมอพูดเหนือเป็นด้วยเหรอ

หมอคิต : ก่อบอกว่าฮื้อฮ้องว่า คิต บะดาย ๆ เป๋นก่อ(ก็บอกว่าให้เรียกคิตเฉย ๆ เป็นไม๊)

บี : ขอโทษครับ (พร้อมยกมือไหว้อย่างจริงจัง)

หมอคิต : เฮ้ยไม่ต้องไหว้ดิ...เด๋วผมอายุสั้นพอดี

บี : คิตเป็นคนเหนือเหรอครับ

หมอคิต : แม่นแล้ว...

บี : แล้วรู้ได้ไงว่าผมเป็นคนเหนือ

หมอคิต : แหม่ ๆ ก็ดั้งหักซะขนาดนี้

บี : เด๋วนะดั้งหัก...นี่ยังไง

หมอคิต : ล้อเล่น ๆ .... ผมเคยแอบยืนฟังบีคุยโทรศัพท์ไง ตอนที่คุณเขมมาโรงพยาบาลอ่ะ บีจำไม่ได้หรอก

บี : อ๋อ...(ผมจำไม่ได้จริง ๆ ด้วย)

หมอคิต : ได้เห็นบียิ้มได้ มิชชั่นผมก็คอมพลีต ระ

บี : ขอบคุณมากครับ (ผมยกมือไหว้อีกครั้ง)

หมอคิตรีบรับไหว้ทันที....แล้วก็บ่นออกมา “นี่ไม่ต้องไหว้ผมอีกต่อไปแล้วนะ เด๋วผมอายุสั้น”

บี : อ่าว คนไทยทำไมไม่ไหว้หละ

หมอคิต : ก็ไหว้ได้...แต่ผมอายุน้อยกว่าคุณบีนะ...อย่าไหว้บ่อยไม่ดี

บี : อ่าว แล้วหมอคิตอายุเท่าไหรอ่ะ

หมอคิต : จ้างให้ก็ไม่บอก...เรียกคิตเฉย ๆ ได้เมื่อไหร เด๋วบอกให้ ตกลงมะ?

บี : ได้.....คิตตี้ จะเล่นกับใครไม่เล่นนะ

หมอคิต : เฮ้ย...คิตเฉย ๆ ดิ ไม่ใช่คิตตี้

บี : ถ้าไม่บอกก็จะเรียกคิตตี้เนี่ยแหละ...มีปัญหาป่ะ

หมอคิต : เด๋วจับฉีดยา...รัว ๆ เลย

บี : ไม่กลัวแล้วเว้ย....

หมอคิต : เข็มหมอใหญ่นะ....บอกก่อน

บี : เห่ย...คิดอะไรเนี่ย

หมอคิต : ป๊าววววว...บีคิดไปเองรึป่าว

เรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันจนมืดค่ำครับ...การคุยกับหมอคิตเป็นการคลายเครียดชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้...มันทำให้ผมคิดถึงความเจ็บปวดต่าง ๆ น้อยลงไป ได้ชั่วขณะหนึ่ง ผ่านไปจนค่ำ หมอคิตแม่งก็ยังไม่ยอมกลับบ้านครับ มันบอกว่าเด๋วกลับมาประมาณ 5  รอบแล้วครับ...ก็ยังไม่เห็นไปซักที...แล้วผมก็ไล่ต่อไปเรื่อย ๆ จนผมหมดความอดทน

บี : คิตตี้...กลับบ้านได้แล้วไป...ค่ำแล้วเนี่ย...ลูกเมียคิดถึงหมดละ

หมอคิต : ทำไมต้องไล่คิตกลับบ้านตลอดด้วย...ก็เห็น ๆอยู่ว่าไม่สำเร็จ

บี : คิตครับ...ผมขออยู่คนเดียวนะ ช่วงนี้ชีวิตมันแย่

หมอคิต : อ่า ๆ ถ้าเล่าให้คิตฟังเสร็จแล้วคิตกลับเลย

ผมจึงยอมเล่าทุกอย่างให้หมอคิตฟัง...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วพี่เขมไม่ได้ติดต่อมาเลย...ผมก็เลยคิดว่า พี่เขมคงจะทิ้งผมไปจริง ๆแล้วหละครับ

บี : คิตครับ...ผมรู้นะว่าคิต คิดยังไงกับผม แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะมีใครจริง ๆ แล้วคิตก็เป็นคนดี...หน้าตาก็ดี...อีกทั้งยังเป็นหมอ บีเชื่อว่า คิตต้องได้เจอกันคนดี ๆแน่นอนครับ... ผมดีใจนะที่มีเพื่อนที่ดีอย่างคิต

หมอคิต : โห...ไปต่อไม่ถูกเลยอ่ะบี...ผมแค่ไม่อยากให้บีอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแบบนี้ครับ...อยากให้รู้ว่า ถ้าบีคิดว่าบีไม่มีใครแล้ว บียังมีคิตเป็นเพื่อนบีนะครับ...งั้นผมกลับก่อนหละ

ผมดีใจมากที่ไล่ไอ้หมอคิตกลับไปได้ครับ...ผมจะได้มีเวลาจัดการกับความรู้สึกตัวเองออกไปบ้าง...เพราะการที่มีคนอื่นอยู่ด้วยเนี่ยมันแค่ปิดบังความรู้สึกจริง ๆ ที่ผมรู้สึกไว้เท่านั้น...ผมไม่ได้นั่งคิดวิเคราะห์แยกแยะเลยแม้แต่น้อย หลังจากหมอคิตออกจากห้องไป ผมก็หยิบเอามือถือของผมขึ้นมาครับ...ในใจก็ยังคงหวังอยู่ว่าพี่เขมจะติดต่อมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...แต่ก็ไม่มีเลยครับ...มันยิ่งเจ็บเมื่อได้รู้ว่าไม่มีการติดต่อจากพี่เขม...อย่างน้อย ๆ พี่เขมก็ควรมาบอกเลิกผมตรง ๆ ซักหน่อยก็ยังดี ถ้ามันจะไม่มากไป ข้อความซักข้อความนึง มันก็ยังดีกว่าการหายไปเฉย  ๆ จากชีวิตของผม มันเลวร้ายมากครับ...จากคนที่ผมรักหมดหัวใจ...กลับกลายเป็นคนที่หายไปจากชีวิต ภายในชั่วข้ามคืน....แต่ผมก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า...มันไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้อีกแล้ว...

   ผมทำการโพสเพลง 1 เพลง เพื่อระบาย ความในใจและความรู้สึกเหล่านี้ออกไป ไม่ได้หวังว่าพี่เขมจะเห็นหรอกนะครับ...แต่เพื่อเตือนสติตัวเองว่าตอนนี้ เราก้าวผ่านอะไรมาบ้างต่างหาก

หลับตาลืมเหตุผล...ให้โลกมีเราแค่สองคน
ถ้าเค้าไม่มีตัวตน...เราสองคนจะเป็นอย่างไร
ความสุขในวันนั้น...ยังหลงเหลืออยู่บ้างไหม
ความรู้สึกดี ๆ ...กับคน คนนี้ยังมีบ้างไหม

ถ้าเธอไม่รู้สึก ฉันพร้อมจะเดินจากไป
เธอไม่มีความสุขกับฉันก็คงไม่ใช่
ฉันเชื่อความรู้สึกนั้นสำคัญกว่าสิ่งใด
ไม่เป็นไรเลยฉันเข้าใจ...เข้าใจเทอทั้งนั้น

แต่ถ้าเธอยังรู้สึก...มาเริ่มกันใหม่อีกสักครั้ง
เพราะฉันมีความสุขเสมอแค่เธอยืนข้าง ๆ
ฉันจะให้ทุกสิ่ง เพื่อรักเราเป็นอย่างวันนั้น
แม้ซักเล็กน้อยโปรดบอกฉัน....ว่าเธอยังรู้สึก

ถ้าเธอไม่รู้สึก ; Stamp

มันเป็นเพลงที่ตรงกับความรู้สึกที่สุดของผมในตอนนี้แล้วครับ...ขอแค่พี่เขมเดินเข้ามาบอกผมว่า...กลับบ้านกันนะ...แค่นี้ผมก็จะยอมทำทุกอย่างแล้วครับ...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป...เพราะตอนนี้แค่เค้าจะติดต่อผมมา มันยังไม่เกิดขึ้นเลยครับ...ไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้วเค้าจะคิดถึงผมบ้างไม๊ แล้วเค้าจะรู้ไม๊ว่ามีคน คนนึงกำลังทุรนทุราย...เหมือนกับคนใกล้จะหมดลมหายใจเพราะรักเค้า...

ผมนั่งหลับตาลงนิ่ง ๆ ข้างเตียงของโรงพยาบาล....ในห้องที่มืดสนิท...มันไม่มีแม้แต่น้ำตาที่จะไหลออกมาได้แล้วครับ...ผมคิดว่า มันคงจะหมดแล้ว...และ ผมควรตัดใจจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้แล้ว...เพราะชีวิตเราไม่ได้มีแค่เค้า...เรายังมีพ่อแม่ที่เราต้องดูแล มีอนาคตที่เราต้องสอบเพอร์...มีเพื่อน ๆ อีกมากมายที่เค้ารักเรา...และที่สำคัญ...มันเพิ่งจะผ่านมาได้ไม่กี่เดือนเองครับ....ถึงแม้ว่ามันจะเป็น ไม่กี่เดือน ท่ีผมมีความสุขทุกวันที่ผมอยู่กับเค้า...และก็ไม่มีวันไหนเลย ที่ผมจะรักเค้าน้อยลง แต่ตอนนี้ผมทำได้แค่เพียง...ปล่อย...ให้เค้าไปตามทางท่ีเค้าต้องการ ไม่ว่าผมจะอยู่หรือไม่อยู่ข้างเค้าก็ตาม...ถ้าเค้ามีความสุข...ผมก็ควรยินดีด้วยกับเค้าถึงจะถูก เมื่อผมคิดได้อย่างนี้แล้ว มันก็มีกำลังใจทำให้ผมลุกขึ้นมาได้...จากที่ไม่ได้อาบน้ำมาร่วมจะสองวัน ผมก็รู้สึกเหนียวตัวขึ้นมาทันที...ผมเดินไปหน้าห้องน้ำ เพื่อจะดูว่า ผมจะสามารถอาบน้ำได้รึเปล่า....ทันใดนั้น..ประตูห้องผมก็เปิดออก...

To be continued…



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:
เสียใจมากกว่าเมื่อวานอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2017 21:27:00 โดย Billie »

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เหลือเก่งอะ จะพูดอะไรหนอออ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เหอๆ  ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น  มันคือการเข้าใจผิดนะ
งือ  อย่าเพิ่งเลิกกันก่อนนะ  ปรับความเข้าใจกันก่อน

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
คงไม่ได้เป็นอย่างที่บีคิดหรอก แต่พี่เขมหายหัวไปไหนตั้วหลายวันทำไมไม่รีบมาเคลียร์
แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าตัดจบตรงนี้ค้างเกิน 55

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 9 นับ 1-3 P.4 ( 6-11-2017)
«ตอบ #99 เมื่อ06-11-2017 17:17:00 »

ตอนที่ 29 นับ 1-3

แสงสว่างจากด้านนอกทำให้ตาผมพล่ามัวไปหมดครับ...ผมหยีตาแล้วพยายามมองว่าเป็นใคร สิ่งที่ผมเห็นคือ เป็นผู้ชายตัวไม่สูงมากเดินเข้ามาครับ...ผมตกใจมา เพราะเวลานี้น่าจะเป็นเวลางดเยี่ยมแล้ว แล้วผมก็ปิดไฟในห้องสนิท ในใจผมก็ยังคิดถึงผู้ชายคนเดียวในตอนนี้ที่ทำให้ผมเศร้าถึงขนาดนี้ หรือเค้าได้รับฟังเพลงที่ผมโพสแล้ว...เค้าถึงรีบตรงมาหาผม...แล้วผมก็ได้รับสัมผัสจากแขนของเค้าที่เข้ามาอยู่รอบตัวผม...เค้ากอดผมครับ...แล้วด้วยความเคยชินและความคิดของผม ผมจึงกอดเค้าตอบแล้วเอาหน้าซุกไปที่คอของเค้า แต่...มันไม่ใช่กลิ่นของพี่เขมครับ...แล้วเอาหน้าซุกไปก็รู้สึกไม่พอดีอีกด้วย...ผมจึงรีบถอยออก...เพื่อมองให้ชัดว่าเป็นใคร...

บี : เหี้ย...(ผมตะโกนออกมาดังมาก)...หมอคิต

หมอคิต : ทำไมครับ...นึกว่าเป็นใครเหรอ

บี : ป่าวครับ....

หมอคิต : กอดอีกหน่อยดิครับ...ผมกำลังเคล้มเลย

บี : แล้วกลับมาทำไมเนี่ย

หมอคิต : ก็ผมกลับบ้านไปแล้วไง แล้วเด๋วพรุ่งนี้ก็ทำงาน ก็เลยมานอนที่นี่ซะเลย จะได้ดูแลบีด้วย

บี : เฮ้ย....ไม่ได้ดิ...ผมอยากอยู่คนเดียว

หมอคิต : เอาหน่า เด๋วก็เช้าแล้วครับ...ผมได้ทำอะไรบีหรอก  ถ้าบีไม่เต็มใจ

บี : เคยกินตีนคนไข้ไม๊หมอคิต...

หมอคิต : ดุจังวุ้ย

บี : เออ...ดุยิ่งกว่าหมาบ้าอีกนะ

หมอคิต : ถึงดุผมก็ไม่กลัว

บี : แล้วจะนอนให้ได้ว่างั้น

หมอคิต : นี่ไง ซื้อโจ๊กมาฝากด้วยนะ เห็นว่ากินข้าวโรงพยาบาล...คงจะไม่ถูกปาก

บี : ไม่หิวอ่ะ

หมอคิต : ไม่หิวก็กินซะหน่อยเถอะบี...

หมอคิตแกะโจ๊กใส่ถ้วยมาให้แล้วก็มานั่งจ้องให้ผมกิน...ผมก็จำใจกินครับ กินหมดแล้วหมอคิตก็ยกไปล้างให้แล้วหมอคิตก็ถามว่าทำไมไปยืนอยู่หน้าห้องแล้วไม่เปิดไป ทำอะไรเงียบ ๆ เนี่ย เห็นแล้วตกใจ...แต่เราไม่ได้พูดถึงการกอดกันเมื่อกี้อีกเลย...เหมือนปล่อยเลยตามเลยอ่ะครับ แล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง...ผมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่มีหมอคิตมาเฝ้าผมตอนนี้ ผมจึงชวนหมอคิตคุย

บี : นี่คิตตี้...ทำไมกลับมาหละ

หมอคิต : จะเรียกอย่างนี้จริง ๆใช่ป่ะ

บี : ก็ยังไม่บอกอายุไง

หมอคิต : ผมเห็นบีโพสเพลงเศร้าอ่ะ...ก็เลยกลัวว่าจะคิดมาก

บี : ผมไม่สิ้นคิดหรอกหน่า

หมอคิต : รู้หมือไร่....ว่าคนคิดฆ่าตัวตายช่วงอกหักมากที่สุด

บี : จริงดิ....แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้นเลยนะ มันคงบาปมากอ่ะ

หมอคิต : ก็ดีแล้ว...ผมก็จะได้สบายใจ...ผมถามอะไรอย่างได้มะ

บี : อะไรหละ...ยืมเงินเหรอ

หมอคิต : จริง ๆนะ ตอบจริง ๆ

บี : ว่าไป...ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ปล่อยเบลอ....

หมอคิต : ถ้าคุณเขมมาง้อ...บีจะกลับไปหาเค้าไม๊

ผมอึ้งไปเลยครับ...มันเป็นคำถามที่ผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะถามตัวเองเลยครับ...ว่าถ้าทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือทั้งหมดมีคำอธิบายแล้ว...ผมจะยังกลับไปหาพี่เขมไม๊ เพราะตอนนี้ในหัวของผมนั้น...มันเหมือนถูกสะกดว่าตัวเอง อกหักไปแล้ว บอกว่าพี่เขมไม่ได้รักผมไปแล้ว และบอกว่า พี่เขมเค้าเลือกน้องเจไปแล้ว

บี : เอาจริง ๆนะ ที่เมื่อกี้ คิตกอดผม...ผมก็ยังนึกว่าพี่เขมกลับมาหาผมแล้วซะอีก

หมอคิต : ตอบตรงดีเนอะ...เจ็บดีอ่ะ

บี : เฮ้ย...อย่างอนดิ...ผมตอบตามที่ผมคิดนะ

หมอคิต : ดีแล้วหละ...อย่างงี้ไงผมถึงได้ชอบบี

บี : หมอคิต...เด๋วจะโดน

หมอคิต : แล้วถ้าเค้ามาขอคืนดีหละ...บีจะว่าไง

บี : ผมก็ไม่รู้เหมือนกันหวะ...ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องคิดมากกว่าเรื่องนี้แล้วอ่ะ

หมอคิต : เรื่องอะไรอ่ะ...เรื่องผมป่ะ

บี : ยัง...ยังไม่จบอีก... เรื่องหมอเนี่ย...ไม่เคยคิดเลย ตอนนี้คิดเรื่องที่จะต้องสอบในอีกไม่กี่วันนี้มากกว่า

หมอคิต : สอบอะไรอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อยดิ

บี : สอบเพอร์เซอร์หนะ...รู้จักป่าว

หมอคิต : หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน...ใช่ป่ะ

บี : มีความรู้นะเรา

หมอคิต : แน่นอนอยู่แล้ว

บี : ก็คิดแต่เรื่องนี้แหละว่าจะทำยังไงดี...เพราะตอนนี้ มาเสียสมาธิเรื่องพี่เขมอีก (ผมสะอึกนิดหน่อยที่เรียกชื่อพี่เขมออกมา)..

หมอคิต : บีก็ต้องตั้งใจ มองไปข้างหน้านะ อย่าหันหลังกลับ แม้จะยังรักเค้าอยู่ก็ตาม แต่อนาคตของตัวเองก็สำคัญกว่านะบี

บี : อืมก็จริง...แต่เค้าก็มีสอบเหมือนกันแหละ สอบกัปตันหนะ

หมอคิต : อย่างงี้ก็พังทั้งคู่อ่ะดิ

บี : เค้าคงไม่พังหรอก...เพราะเค้าคงมีคนดูแลอยู่ข้าง ๆ คนที่เค้าเลือกแล้ว

หมอคิต : แหม่...บีก็มีคิตดูแลนี่ไง

บี : ขอบคุณนะหมอคิต...ผมคงเป็นได้แค่เพื่อนจริง ๆ

หมอคิต : ก็ถ้าวันไหนมีโอกาส...ก็ลอง ๆ มองผมดูบ้างก็ได้นะ

บี : ไม่อ่ะ...ผอมไปหน่อย

หมอคิตทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู... “ผอมตรงไหน...เค้าเรียกว่าลีนเว้ย” ...แล้วเราก็หัวเราะกันครับ....

หมอคิต : นี่บี...ไม่ง่วงเลยเหรอ จะเที่ยงคืนละนะ

บี : เออนั่นดิเนอะ...จะว่าไป ก็นอนน้อยมากเลยนะแต่ไม่ค่อยง่วงเลยอ่ะ

หมอคิต : เอายานอนหลับมะ...เด๋วผมจ่ายให้

บี : เหย...จะดีเหรอ

หมอคิต : งั้นเอาเมลาโทนินไม๊...มันช่วยให้หลับสบายนะ ไม่ใช่ยานอนหลับ

บี : แล้วจะหลับไม๊

หมอคิต : ผมกินตอนเครียด ๆ อ่ะ แบบเข้าเวรติดกันแล้วเคสมันเยอะ ผมก็กินตอนเวลาจะนอน มันทำให้หลับไปสนิทดีนะ...ไม่มีอันตรายด้วยลองหน่อยมะ

บี : แล้วต้องไปจ่ายยาไกลไม๊หมอ ผมเกรงใจ

หมอคิต : ถ้าเมนาโทนินผมมีติดอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้ว ลองไม๊

บี : อืม ก็ดีนะ...เผื่อจะได้ลืม ๆ อะไรไปบ้าง

หมอคิต : ดีแล้ว...นอนพักซะบ้างนะ ผมนอนข้าง ๆ นี้แหละ เด๋วผมเข้างานเช้า ถ้าผมตื่นก่อนเด๋วหาข้าวมาให้กิน อาหารโรงพยาบาล แม่งไม่ไหว

บี : ไม่ต้องหรอก บีกินได้คับ

หมอคิต : อืม ๆ อ่ากินซะ... (หมอคิตเดินไปเอายาออกจากกระเป๋าแล้วหยิบน้ำมาให้กิน) ...จะว่าไป น้ำเกลือนี่ก็ใกล้หมดแล้วนะ...เด๋วเอาอีกขวดดีไม๊

บี : พอเหอะหมอ...ตัวบวมพอดี

หมอคิต : ก็ดีสิ...วันนี้กินน้ำนี่แก้วที่เท่าไหร

ผมยกนิ้ว 2 นิ้วเป็นการตอบ พร้อมกันพยายามกลืนยาลงไปด้วย

หมอคิต : งั้นเอาอีกขวดละกันเด๋วผมไปบอกพยาบาลให้ แล้วก็เด๋วพรุ่งน้ีหลังเที่ยงก็กลับบ้านได้แล้วแหละ...ผลแล็ปก็น่าจะออกหมดละ และก็ไม่น่าจะมีเชื้ออะไร

บี : ก็แน่หละ...หมอคิตไม่ได้เรื่องเลย วินิฉัยผิด ๆ ถูก ๆ

หมอคิต : ก็จะได้มีคนดูแลไง...ไม่ดีเหรอ

บี : ผมดูแลตัวเองได้หน่า...เรื่องแค่นี้สบาย

หมอคิต : ตอนนี้หนะใช่...ดูดีขึ้นเยอะ แต่ตอนที่มาดิ...อย่างกะ walking dead

บี : เออ ๆ ๆ ๆ จะนอนละ ขอไปแปรงฟันก่อน

หมอคิต : ให้คิตช่วยนะ

บี : ไม่ต้องหรอก...ไม่ได้พิการ...อย่าเวอร์ ๆ

หมอคิต : ทำไมคนไข้มันดื้อจังฟระ

ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่หมอแล้วก็เดินเข้าให้น้ำไปแปรงฟัน ไม่นานพยาบาลก็มาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้แล้วผมก็นอนหลับปุ๋ยไปในทันที

เช้าแล้ว...ผมตื่นจากความฝัน...ความฝันนั้นมันช่างดีเหลือเกินครับ...ผมฝันว่าพี่เขมมาคอยดูแลผมอยู่ข้างกาย เหมือนหนังเกาหลีไม่มีผิด...นั่งหลับข้างเตียงผมแล้วก็นอนฟุบแล้วจับมือผมไว้ตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงนั้น...ช่างว่างเปล่าและเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ผมมองไปที่คนที่นอนอยู่ที่เตียงข้าง ๆ หมอคิตนอนหลับน้ำลายยืดอยู่ ผมเห็นก็อดขำไม่ได้แล้วผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ตอนนี้แปดโมงแล้วครับ
 
แปดโมงเช้าวันอังคาร...ถึงจะนานที่ผ่านมา
ตอนนั้นที่เธอร่ำลา... พูดว่าเธอจะไป
จ้องมองเข็มนาฬิกา...ช่วงเวลาครั้งสุดท้าย
วันนั้นเสียใจเท่าไหร่...ก็ยังคงไม่ลืม

ไม่อยากรู้วันเวลา.. เช้าขึ้นมาไม่อยากเจอ
เพิ่งรู้ว่าไม่มีเธอ.. รู้ว่าเธอจากไป
แปดโมงเช้าวันอังคาร ...ฉันไม่เคยจะเปลี่ยนไป
เจ็บช้ำในใจอย่างไร ก็ยังคงไม่ลืม

ผมเปิดเพลงนี้จากยูทูปเพิ่งเป็นเพลงปลุกระดมในตอนเช้า...ซึ่งตอนนี้คนที่นอนเตียงข้าง ๆ ผมเริ่มขยับตัวแล้วครับ...ผมอยากจะทำให้มันรำคาญแล้วรีบออกไปทำงานซะ แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้น...คือมันลืมตาขึ้นมามองผมแล้วก็บอกว่า..

หมอคิต : ไม่เห็นร้องไห้เลยหนิ...งั้นเอาไปอีกเพลง...ความเจ็บปวด ปาล์มี่

ผมเลื่อนดูเพลงใกล้เคียงก็เจอแล้วผมก็กดเปิดทันที...ทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองครับ...ตอนนี้พลังงานความแข็งแกร่งของผมเริ่มจะกลับมาแล้วครับ...ผมเชื่อว่า ผมจะต้องผ่านไปให้ได้...จะต้องเตรียมตัวสอบให้ได้

“ใคร คนที่เคยรู้ใจ
รอยยิ้มที่เคยรู้จัก
กำลังจะหายลับไปทุกที

คำพูดที่ซึ้งใจ
ที่เคยว่ารักมากมาย
ไม่มีอีกแล้วนับจากนี้

แต่คนจะไปก็ต้องไป
รักเท่าไหร่แต่ฉันคงทำได้เท่านี้”

แล้วประตูห้องก็เปิดออก...ผมรีบกดมือถือให้หยุดเล่นเพลงแต่มือถือดันลื่นครับตกจากมือผมไปอยู่ตรงซอกเตียงแล้วก็ยังเล่นเพลงนั้นอยู่ หมอคิตเด้งตัวขึ้นจากเตียงข้าง ๆ ทันที แล้วก็มองดูนาฬิกา...

ป๊ากับแม่พี่เขมมาหาครับ...หมอคิตทำท่าตกใจมากแล้วก็ยืนตัวตรงทันที

ป๊าพี่เขม : อ่าวคุณหมอมานอนอะไรที่นี่หละ...เฝ้าคนไข้เหรอ

หมอคิต : อะไรทำนองนั้นแหละครับ

แม่พี่เขม : หมอต้องมาเฝ้าเลยเหรอคะ?

หมอคิต : พอดีผมมีเวรเช้าอะครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ...(แล้วหมอคิตก็คว้ากระเป๋าวิ่งออกไปจากห้องผมทันที)

ผมลุกขึ้นจากเตียงยกมือไหว้ป๊ากับแม่ แล้วก็พยายามควานหามือถือที่ยังเล่นเพลงนี้อยู่ เพื่อจะกดปิดมันให้ได้

แม่พี่เขม : แหม่ฟังเพลงอย่างกับคนอกหักเลยนะลูก

ผมรวบรวมความกล้าแล้วบอกแม่ไปตามตรงทำเอาแม่กับป๊าอึ้งไปเลยทีเดียว...ผมควานหามือถือเจอแล้วก็ปิดเพลง...แล้วแม่พี่เขมก็มานั่งข้าง ๆ ผมแล้วก็กอดผมไว้แน่น

ผมบอกกับแม่และป๊าไปว่า ผมไม่ได้เจอพี่เขมมา 3 วันแล้ว แล้วก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเค้าอีกด้วย...ผมขอแม่กับป๊าว่าอย่างตำหนิพี่เขมเพราะ พี่เขมได้เลือกแล้วว่าคนที่พี่เขมรักจริง ๆ คือใคร และก็ขอให้ป๊ากับแม่ ยกโทษให้ผมด้วยเพราะผมไม่อยากจะบอกเรื่องราวทั้งหมดกับท่านในตอนแรก

แม่พี่เขม : บีลูก...ยะหยังบ่อบอกแม่ก่อนหละลูก...แม่จะได้จัดการไอ้เขมมัน(บีลูกทำไมไม่บอกให้แม่ก่อนหละลูก แม่จะได้จัดการไอ้เขมมัน)

ป๊าพี่เขม : บี...แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างลูก...ป๊าเป็นห่วงนะ

บี : ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้วครับแม่...ป๊า...น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้บ่าย ๆ นี้แหละครับ

ป๊าพี่เขม : ไอ้เขมมันชักจะเหลวไหลใหญ่ละนะ เด๋วป๊าคงต้องเคลียให้แล้วหละเรื่องนี้

บี : อย่าเลยครับป๊า...ผมรักพี่เขมครับ ถ้าพี่เขมไม่มีความสุข ที่จะอยู่กับผม ผมก็ต้องปล่อยพี่เขมไปครับ...(ตอนนี้น้ำตาผมมันเอ่อล้นมาอีกครั้งหลังจากที่แน่ใจกับตัวเองตั้งแต่แรกว่าจะโอเคแล้ว)

แม่พี่เขม : โอ๋ ๆ ๆลูกไม่ร้องนะ...แม่ก็นึกว่าไม่สบายจริง ๆ ที่ไหนได้ เป็นเรื่องนี้

บี : ผมดีขึ้นแล้วครับ...ยังไงก็ ผมขอขอบคุณป๊า กับ แม่มากนะครับ ที่ รักและเอ็นดูผมตลอดที่ผ่านมา...ผมคงอาจจะไม่ได้เจอป๊ากับแม่อีก ผมรักและเคารพป๊า กับแม่ เหมือนเป็นพ่อแม่ของผมจริง ๆ ที่อยู่ที่กรุงเทพนี้เลยนะครับ...(แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมาไม่หยุดครับ)

แม่พี่เขม : ไม่เอาสิลูกไม่ร้องนะ...แม่ก็ยังเป็นแม่ของลูกอยู่เสมอนะ ถึงลูกจะไม่ได้คบกับเขมแล้ว แม่ก็ยังอยากจะเจอลูกอยู่นะลูกบี

ป๊าเดินเข้ามากอดผมกับแม่ไว้ด้วยกัน... “ป๊าไม่เคยคิดเลยนะว่าบีเป็นคนอื่น ป๊าคิดมาตลอดว่าบีเป็นลูกของป๊าคนหนึ่งนะลูก”

มีต่อครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KISS AND FLY ตอนที่ 9 นับ 1-3 P.4 ( 6-11-2017)
« ตอบ #99 เมื่อ: 06-11-2017 17:17:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
คำพูดของป๊ายิ่งทำให้ผม หยุดร้องไห้ออกมาไม่ได้ มันยิ่งทำให้ผมสะอื้นหนักไปอีก ป๊าถอดแว่นออกมาแล้วเช็ดน้ำตาของป๊าเอง...มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ผมทำให้แม่กับป๊า ของพี่เขมเสียน้ำตา...ผมช่างเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลยจริง ๆ  ผมพยายามหยุดร้องไห้...หายใจลึก ๆ แล้วก็เช็ดน้ำตาให้กับแม่ของพี่เขม

บี : แม่ครับ...ต่อจากนี้ไป...รักษาตัวเองดี ๆ นะครับแม่...ป๊าครับ...ผมรักป๊ากับแม่มากนะครับ...

ผมหยุดเพื่อที่จะสูดลมหายใจอีกครั้งเพื่อจะได้บอกในสิ่งที่ผมต้องการให้จบ

บี : จากนี้ไปผมคงไม่สามารถไปที่บ้านป๊าได้อีก มันคงจะทำให้พี่เขมอึดอัดใจ ป๊ากับแม่.....

พยาบาลเคาะห้องแล้วเข้ามาตรวจอาการผมครับ....พยาบาลทำหน้าตาตกใจมากที่เห็นพวกเรา 3 คนนั่งกอดกันร้องไห้อยู่...แล้วพยาบาลก็หยิบแฟ้มดูแล้วดูอีก...คงจะตกใจกับการที่คนไข้เป็นหวัด แต่ 3 คน นั่งร้องไห้เหมือนผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
พอพยาบาลตรวจเสร็จ...ป๊ากับแม่ก็เข้ามาถามถึงอาการ

พยาบาล : คนไข้ ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่นะคะ เด๋วก่อนเที่ยงหรือหลังบ่ายก็คงจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ...คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจนะคะ คุณคนไข้เป็นปกติดีค่ะ

ป๊ากับแม่พยักหน้าเป็นการตอบรับ...แล้วคุณพยาบาลก็เดินออกจากห้องไป ผมกับป๊าและแม่พากันหัวเราะขำพยาบาลที่เข้ามาขัดจังหวะ...แต่มันก็ดีครับ มันทำให้บรรยากาศต่าง ๆ เปลี่ยนไปหมด ป๊าเปลี่ยนเรื่องในการคุยทันที

ป๊าพี่เขม : เช้านี้อยากกินอะไร เด๋วป๊าสั่งมาให้กินเลย

แม่พี่เขม : หูฉลามน้ำแดง พระกระโดดกำแพง หรือว่าปลาเต๋าเต้ยราดพริกว่ามาเลย

บี : ผมอยากกิน...ก๋วยเตี๋ยวครับ

ป๊าพี่เขม : ขออะไรให้มันแพง ๆ หน่อยไม่ได้เหรอลูกเอ้ย

บี : ก็ผมชอบกินอ่ะป๊า...

แม่พี่เขม : ป๊าก็ไปซื้อมาให้ลูกหน่อยละกัน เด๋วแม่ดูแลบีอยู่ที่นี่ละกัน

ป๊าพี่เขม : แล้วให้ป๊าไปซื้อแถวไหนหละ

แม่พี่เขม : ก็เอาที่ไหนก็ได้ที่อร่อย ๆ อ่ะ

ป๊าพี่เขม : อ่าก็ได้ ๆ แต่ไม่อร่อยห้ามว่านะ

บี : แม่ครับป๊าครับ...ไม่ต้องก็ได้ครับ...บีกินอาหารโรงพยาบาลได้

แล้วห้องผมก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง...ครั้งนี้คนที่มาเนี่ย...เป็นคนที่ไม่คาดคิดสุด ๆ เลยครับ....หมอพร...มาจากไหน แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่...ต้องเป็นหมอคิตแน่  ๆ

หมอพร : อ่าวคุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ คุณบีหายดีแล้วนะคะ เด๋วก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ

บี : หมอพรสวัสดีครับ...นี่หมอพรครับ ป๊า แม่ หมอพร คือคนที่รักษากายภาพให้พี่เขมครับ...หมอพรครับ...นี่ป๊ากับแม่พี่เขมครับผม

หมอพร : อ่อ ๆ คุณพ่อคุณแม่แฟนน้องบีเหรอคะ

แหม่ หมอพร หมอคิต อัพเดทข้อมูลกันยังไงเนี่ย...บอกก็บอกไม่หมด พาเอาบรรยากาศในห้องเสียลงไปในพริบตา

หมอพร : เออ....หมอซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าที่เราเคยไปกินด้วยกันมาฝาก

บี : โหย...รักเลยครับเจ๊...ผมกำลังอยากกินพอดีเลยครับ

ป๊ากับแม่พี่เขมก็ทำท่ายิ้มเจื่อน ๆ

บี : ป๊าคับแม่ครับ กลับก่อนก็ได้นะครับเด๋วบ่าย ๆผมก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ เด๋วหมอคิตจะไปส่งที่คอนโดผมให้ครับไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ

ป๊าพี่เขม : ให้ป๊าไปส่งได้ไม๊ลูก

แม่พี่เขม : นะ ๆ แม่ก็อยากไปส่งลูก

หมอพร : ไม่เป็นไรค่ะ เด๋วคิตไปส่งเอง จะได้ไม่รบกวนคุณพ่อคุณแม่ด้วย

ป๊ากับแม่ทำหน้าตาเสียใจมากครับที่ผมปฏิเสธ...แต่ป๊ากับแม่ก็เดินมากอดผม แล้วก็พูดว่า... “ยังไงก็มากินข้าวกับแม่บ้างนะลูก...ถ้าแม่โทรหาก็ต้องรับนะรู้ไม๊ ถ้าไม่รับ แม่จะตามไปที่คอนโดเลยนะ”

ป๊า : บี...ป๊าก็ยังเป็นป๊าของลูกเสมอนะ แม่ก็ด้วย มีอะไรโทรหาได้ตลอดเลยนะลูก

แล้วป๊ากับแม่พี่เขมก็ออกจากห้องไปครับ ปล่อยให้ผมกับหมอพรอยู่ด้วยกัน หมอพรบอกว่าได้ข่าวจากหมอคิตตอนเช้า เพราะหมอคิตจะของให้ช่วยอยู่เวรให้หน่อยเพราะจะไปส่งผมที่คอนโด ผมก็เลยบอกหมอพรไปครับว่าไม่ต้องหรอก เด๋วผมกลับแท็กซี่ก็ได้ แต่หมอพรก็ไม่ยอมครับ...เพราะหมอคิตกำชับแล้วว่าจะต้องไปส่งผมที่คอนโดให้ได้ พอบ่ายโมง ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลครับ...แล้วก็เป็นไปตามคาด หมอคิตขับรถไปส่งผมที่คอนโดครับ....
หมอคิต : นั่งสบายไม๊คับ...

บี : นั่งสบายดี คิตอย่ามาเวอร์...บีก็คนทั่วไปเนี่ยแหละ รถเครื่องก็เคยแว้นสมัยอยู่มหาลัย

หมอคิต : เรียนมช.ด้วยใช่ป่ะ

บี : ใช่...แล้วคิตอ่ะ

หมอคิต : คิตก็เรียนมช.แหละ

บี : อ่าวงี้ก็ต้องรู้จัก...ผมไล่ชื่อเพื่อนผมที่เป็นแพทย์ มช.ให้คิตฟัง แล้วคิตก็รู้จักทุกคนเลยครับ

บี : งี้เด๋วไปถามเพื่อนดีกว่าว่ารู้จักหมอคิตไม๊ จะได้รู้ว่ารุ่นอะไร

หมอคิต : เฮ้ย ขี้โกงหวะ

บี : อ่าวก็ไม่บอกก็ต้องหาวิธีเองมะ

หมอคิต : อ่าๆ ๆ บอกก็เดะ ผมเด็กกว่าบี 2 ปี

บี : เฮ้ย จิงดิ...ก็อาจจะเคยเจอหน้ากันมาก่อนอะดิ

หมอคิต : เคยดิทำไมจะไม่เคยหละ...แต่บีคงจำไม่ได้หรอก

บี : ทำไม...ไปทำหน้ามาเหรอ...คนเลยจำไม่ได้เนี่ย...มาไกลนะเรา

หมอคิต : เด๋วจะโดน...นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย...หมอทำทั้งนั้น

บี : จ๊ะ...นี่เป็นหมอตลกคาเฟ่เหรอ

หมอคิต : ก็ประมาณนั้น

แล้วก็มาถึงคอนโดผมครับ...ผมเดินขึ้นห้องไปแล้วผมก็ปิดประตูล็อคห้องแล้วก็ทำการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบอย่างจริงจัง...สิ่งที่ผมกลัวที่สุดตอนนี้คือการที่พี่เขมจะเปิดประตูเข้ามาในห้องผม...ผมไม่รู้จริง ๆครับว่าตอนนี้ตัวเองพร้อมไม๊ ที่จะเคลียปัญหาทั้งหมด ถ้าพี่เขมจะมาจริง แต่อีกใจหนึ่งผมก็รู้แน่นอนว่าเค้าคงไม่มาหรอก เพราะถ้าเค้ามา คนของเค้าก็ต้องไม่โอเคแน่นอน...ผมเปิดเพลง ของ ปาล์มี่ไปด้วยตลอดการอ่านหนังสือ ผมไม่เคยคิดเลยนะครับว่าเพลงของเค้าเนี่ยจะมีเพลงอกหักเยอะขนาดนี้...แล้วผมก็คิดว่าตัวเองเนี่ย สตรองขึ้นมากกกกก น่าจะสามารถต่อสู้กับอะไรก็ได้แล้วตอนนี้ ยกเว้น....พี่เขม

หัวใจผมตอนนี้ มันก็คงจะเริ่มชินชาแล้วครับ...นี่ถ้านับจริง ๆ ก็จะ 3  วันเต็ม ๆ แล้วครับ ที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากพี่เขมเลย ผมนึกในใจว่า คนเรามันจะเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ อย่างน้อย ๆ ถ้าจะเลิกกันมันก็ควรมี ปฏิกิริยาอะไรให้ผมรับรู้ก่อน บ้างไม๊ หรือช่วงนี้เป็นช่วงที่เราทั้ง 2 คนใส่ใจกันและกันน้อยลง มันเลยทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเรา และพอเค้าพบว่าคนที่เค้ารอคอย เป็นโสด เค้าจึงรีบฉวยโอกาสทันที มันอาจจะเป็นกรรมในชาติที่แล้วก็ได้ หรืออาจจะเพราะเราไม่ได้เกิดมาคู่กันจริง ๆ ก็เป็นได้ครับ ผมได้แต่คิดแบบนี้ปลอบใจตัวเอง...ถ้าไม่ติดว่าจะต้องสอบนะ...จะไปนั่งสมาธิที่วัดป่าซักแห่งแล้วหละ...ว่าแล้วผมก็ต้องอัพเดตเรื่องราวต่าง ๆ ให้เพื่อนสุดที่รักของผมฟังก่อนครับ...ผมกดโทรศัพท์หาเพื่อนเปรี้ยวทันที เปรี้ยวยังไม่รับครับ...สงสัยจะยุ่งอยู่หรือไปบิน แล้วผมก็เข้าไปเช็ค เฟสบุ๊ก แล้วก็ไลน์ของผมครับ ตอนนี้ เฟสของผมแทบแตกครับ...เพลงที่ผมโพสไปล่าสุด มีคนมาคอมเม้นมากมาย ทั้งให้กำลังใจ ทั้งแสดงความเสียใจ ทั้งถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีคอมเม้นป่วน ๆ จากพี่ ๆ แอร์กี่สมัยที่ผมจีบกันแรก ๆ กับพี่เขม คอมเม้นฮา ๆ จากเพื่อน ๆ พวกไอ้ปืนและเพื่อนในรุ่น และที่สำคัญที่สุดคือ แก้งของพี่เขมครับ...ทุกคนดูโวยวาย มากมาย เหมือนจะฉีกเนื้อกินเลือดพี่เขมเลยทีเดียว คอมเม้นที่ผมสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นคอมเม้นจากพี่ต้าครับ... จากที่พี่ต้าไม่เคยคุยกับผม ตอนนี้ดูเป็นห่วงผมซะแล้ว ผมทำการบล๊อคช่องทางการติดต่อทุกอย่างของพี่เขมไว้ ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ๊ค ไอจี ไลน์ แล้วก็ลบเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไปครับ

แล้วเปรี้ยวก็โทรกลับมาครับ...

เปรี้ยว : เมิงกรูเพิ่งแลน

บี : เมิง กรูมีเรื่องจะอัพเดตมากมาย

เปรี้ยว : โอย...เรื่องพี่เขมกรูเบื่อจะฟัง...ทำไม มึงท้องกับเค้าแล้วเหรอ

บี : กรูเลิกกับเค้า

เปรี้ยว : เหี้ยยยยย....มึงอยู่ไหน เด๋วกรูไปหา

บี : แต่กรูโอเคแล้วเมิง

เปรี้ยว : มึงจะโอเคได้ไงฟระ....

บี : มันผ่านมา 3 วันแล้วมึง

เปรี้ยว : สัสกรูไปค้างจีนมา มันเล่นเฟสไม่ได้ กรูก็ไม่ได้ติดต่อเมิงเลย

บี : อ่า ๆ รีบกลับมา พาเพื่อนไปกินข้าวหน่อย...เพื่อนเหนื่อย

เปรี้ยว : ได้ ๆ เด๋วกรูรีบกลับไป

   หลังจากนั้นผมก็ไปกินข้าวกับเปรี้ยวครับ...อัพเดตสาระทุขสุกดิบกันต่าง ๆ นา ๆ อีเปรี้ยวบอกว่าแทบจะไม่เชื่อเลยว่าคน คนนึงมันจะเปลี่ยนอะไรไปได้เร็วขนาดนี้...แต่ความรักทุกครั้งมันเกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอเว้ย...อย่างน้อย ๆ เมิงก็ได้รักพี่เค้าแล้วจริงไม๊...เราควรจะยินดีมากกว่าเสียใจที่ ในที่สุดแล้วเราทำทุกอย่างแล้ว เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่แค่ความรักมันเข้ากับเราไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง... อีเปรี้ยวบอกอีกว่า ความรักที่ผมมีให้พี่เขม มันดีมาก มันจะไม่กลับมาทำร้ายตัวผมเอง เพราะเราหวังแค่ให้คนที่เรารักมีความสุข เราไม่ได้หวังที่จะครอบครองในตัวเค้า มันดีมากแล้วจริง ๆ

   มันเป็นความจริงครับ..ฟังดูมันอาจจะน้ำเน่ามาก แต่ถ้าให้ผมรั้งพี่เค้าไว้ ว่าให้อยู่กับผม ผมก็คงจะได้แต่ตัวพี่เค้าครับ...ถ้าใจพี่เค้าไม่อยู่แล้วเราทั้งคู่จะมีความสุขได้อย่างไร คิดได้อย่างนี้แล้ว....อีเปรี้ยวแทรกขึ้นมาทันที... “ถ้ามึงคิดได้อย่างนี้แล้วก็...ไปบวชชี ซะนะเมิง” ....55555555

   พอกลับมาจากกินข้าวผมก็เห็นรถที่คุ้นตาจอดอยู่ที่คอนโดผมครับ...ผมตกใจมากรีบหลบตัวลงทันที...อีเปรี้ยวหันมาถาม... “เมิงเห็นอะไรที่กรูไม่เห็นเหรอ”

บี : กรูเห็นรถพี่เขม

เปรี้ยว : ไหนฟระ รถอะไร รถเหมือนรึป่าว

บี : X6 จะมีใครเหมือนไม๊หละ

เปรี้ยว : เออหวะ...แล้วมึงจะทำไง

บี : กรูไม่รู้หวะ...เอาไงดีเมิง

เปรี้ยว : ถ้าพี่เค้ามาขอคืนดีมึงจะทำไง

บี : กรูไม่พร้อมกรูบอกเลย

เปรี้ยว : งั้นมึงก็บอกเค้าไปว่าห่างกันก่อน ขอสอบให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน

บี : หรือพี่เค้าจะมาเอากุญแจคอนโดเค้าฟระ เด๋วกรูขึ้นไปเอามาคืนเลยดีกว่า

เปรี้ยว : เออ...แม่ง! คนแบบนี้ก็มีเหรอฟระ

บี : อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อหมดรัก

เปรี้ยว : ก็จริง!

   ผมเดินลงจากรถเปรี้ยวตรงไปที่รถที่ผมคุ้นตา พอผมเดินใกล้เข้าไปผมก็เห็นพี่เขมครับ...มันบีบหัวใจผมมากกเลยทีเดียว...มันทำให้ผมแทบจะวูบไปเลย แล้วพี่เขมก็ลงจากรถวิ่งตรงมาที่ผม พี่เขมวิ่งเข้ามาทำท่าจะโอบกอดผม ผมใช้มือขวา ยกห้ามเอาไว้ แล้วมองหน้าพี่เขมด้วยความเย็นชา...พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบที่สุด

บี : เด๋วผมไปเอากุญแจคอนโดมาให้ รอตรงนี้นะ

พี่เขม : บี มันไม่ใช่อย่างที่บีคิดนะ

บี : รอตรงนี้นะ!

พี่เขม : ให้พี่ได้อธิบายก่อนได้ไม๊

บี : รอตรงนี้!

   พี่เขมทำท่าหงุดหงิดมากแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น...ผมเดินถอยออกห่างจากพี่เขมตามลำดับ มือก็ยังคงยกห้ามไม่ให้พี่เขมเข้ามาใกล้ เพราะกำแพงที่ผมเริ่มก่อใหม่มันยังไม่แข็งแรงดีพอ...ผมไม่รู้ว่ามันจะทน ได้อีกนานแค่ไหน กับคำพูดต่าง ๆ กับพี่เขม...ใจผมนั้นก็อยากจะฟังเรื่องทุกอย่างให้มันจบ ๆ ไป แต่อีกใจก็บอกตัวเองว่า รอให้ผ่านการสอบไปก่อนได้ไม๊ เพราะตอนนี้ สิ่งที่เราควรจะโฟกัสที่สุดก็คือ อนาคตของตัวเอง ไม่ใช่ความรักที่ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อได้อีกหรือไม่

พอพี่เขมหยุด ผมรีบเดินจากพี่เขมออกมาแล้วขึ้นลิฟท์ไปกับเปรี้ยว

เปรี้ยว : มึงเอาไง ให้กรูอยู่เป็นเพื่อนไม๊

บี : ไม่เป็นไรมึง กรูจะเอากุญแจไปคืนแล้วก็บอกให้กลับไปเลย ยังไม่ต้องคุยกัน

เปรี้ยว : พี่เค้าจะยอมเหรอฟระ

บี : ไม่ยอมก็ต้องยอมละ...เพราะตอนนี้กรูไม่ยอมใครแล้วทั้งนั้น

เปรี้ยว : มึงเด็ด...กรูนับถึงจริง ๆ ...ถ้าไม่ไหวบอกกรู...กรูอยู่ห้องรอ โอเคนะ

บี : ได้...เด๋วกรูบอก

   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง หากุญแจคอนโดของพี่เขม หาเท่าไหรก็หาไม่เจอ ผมจำไม่ได้ว่าผมเอาไปไว้ตรงไหน ผมค้นทั้งกระเป๋าบิน ลิ้นชักทุกอัน ที่เก็บกุญแจ ก็ไม่เจอ ผ่านไปซักพัก มีเสียงเคาะห้องแล้วก็ไขกุญแจเข้ามา ผมตกใจมาก...ผมรีบวิ่งเอาตัวไปยันประตูเอาไว้....พี่เขมไขประตูห้องผมเข้ามา...ผมพยายามดันประตูแล้วบอกให้พี่เขมออกไป

พี่เขม : พี่ขอคุยกับบีหน่อยได้ไม๊...เรามาคุยกันดี ๆ นะบี

บี : มันไม่สายไปหน่อยเหรอพี่เขม...ผมรอพี่ 3 วัน 3 คืน แล้วตอนนี้พี่ยังต้องการอะไรจากผมอีก...

พี่เขม : พี่พยายามติดต่อบีแล้วแต่พี่โทรหาบีไม่ได้เลย

บี : แต่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากพี่เลยนะ....จนผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็รอพี่ทั้งวัน ผมก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

พี่เขมไม่ตอบอะไร...

พี่เขม : เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไม๊คับ..บี

บี : พี่เขม...ผมเคยขอพี่ว่ายังไงจำได้ไม๊

พี่เขม : เราจะไม่ทะเลาะกันข้ามคืน

บี : แล้วนี่ผ่านไปกี่วัน

พี่เขม : พี่ไม่รู้ต้องทำยังไง...พี่กลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้

บี : งั้นอนาคต...มันก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นกัน

พี่เขม : บีจะเลิกกับพี่เพราะเรื่องแค่นี้เหรอ

บี : อย่าให้ผมต้องเป็นคนพูดเลยพี่เขม การกระทำของพี่ มันบอกชัดเจนอยู่แล้ว

พี่เขม : บีกำลังเข้าใจพี่ผิดนะ

บี : พี่เขม...ผมจะไม่เถียงกับพี่แล้วนะ...หยุด แล้วปล่อยผมไปเถอะ

   พี่เขม หยุดการดันประตู ประตูถูกปิดดังปัง....เสียงเงียบกริบไป ไม่มีการตอบจากพี่เขม ผมนั่งลงเอาหลังพิงประตูไว้ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาครับ....กำแพงที่เพิ่งจะก่อเสร็จ ที่จะทำเป็นปราการเพิ่งป้องกันพี่เขม มันได้ถูกพังทลายลงหมดแล้วครับ ผมทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ ผมแพ้ แพ้หมดทุกสิ่ง...ถึงผมจะรักพี่เขมมากเท่าไหร...แต่การที่เราเห็นคนรักของเรา ไปดูแลคนอื่น แล้วตัวเราเองก็เหมือนคนอกหัก แต่คนที่ควรจะดูแลเรา กลับไม่อยู่...มันเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ แล้วผมก็ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่า คืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...พี่เขมอาจจะนอกกายและนอกใจผมไปแล้วก็ได้

พี่เขมเคาะประตูเบา ๆอีกคร้ัง

พี่เขม : บีครับ...พี่จะเล่าให้ฟังนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

บี : ผมไม่อยากฟัง...ฮือ ๆ ๆ ๆ...(ผมไม่สามารถควบคุมเสียงตัวเองได้อีก)

พี่เขม : คืนนั้น.... ไอ้เหี้ย...มึงกล้ามาที่นี่เลยเหรอ

   ผมตกใจรีบเปิดประตูออกไปดู...แล้วคนที่ออกมาจากลิฟท์ก็คือ หมอคิต พร้อมกับถุงข้าว....ผมรีบออกไปห้ามทัพไว้ ไม่ให้ 2  คนมีเรื่องกัน

พี่เขม : เพราะมันใช่ไม๊....บีถึงได้ ไม่ยอมฟังอะไรจากพี่

ผมไม่ตอบ...ก้มหน้าแล้วเอามือยันทั้งสองให้ห่างออกจากกันไว้

บี : กลับไปให้หมดทั้งคู่...ไม่งั้นอย่าห่าวว่ากรูไม่เตือนมึงทั้งสองคนนะ...!!!

ผมตะโกนด้วยเสียงที่โกรธและอาฆาตมาก...ทั้งพี่เขมและหมอคิต หน้าเปลี่ยนสีเลยทันที แล้วหันมาจ้องหน้าผมทั้งคู่

บี : ถ้ามึงสองคนยังไม่ไป...ชีวิตนี้ มึงสองคนอย่าหวังว่าจะได้เจอกรูอีก

หมอคิต : บี...ผมแค่..

พี่เขม : บี...ให้พี่อธิ...

บี : กูจะนับ 1 ถึง 3

บี : 1

บี : 2


หมอคิต : โอเคผมยอม...ผมไปเด๋วนี้แหละ

พี่เขม : บีแต่ว่า...

ผมจ้องหน้าพี่เขมแบบเอาเป็นเอาตาย...หมอคิตทำท่ากวักมือเรียกพี่เขมให้ลงลิฟท์

พี่เขม : แล้วพี่จะกลับมา

ผมเดินไปที่พี่เขม แล้วกระชากเอากุญแจห้องผมมาจากมือพี่เขม....

บี : มึงไม่มีสิทธิ์ใช้มันอีกแล้ว!

   แล้วผมก็เดินเข้าห้องไป...ปิดประตูดังปัง!....เสียงเงียบไปหมดทั้งชั้นเลยครับ...ผมนั่งนิ่ง ๆ แล้วค่อย ๆ คิดว่าจะทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี แล้วประตูห้องผมก็ถูกเคาะอีกครั้ง...ผมสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินไปเปิดประตูพร้อมจะหาเรื่องทุกคนที่มาอยู่หน้าประตูผม...แต่คน คน นั้นคือ อีเปรี้ยว ผมสวมกอดอีเปรี้ยวอย่างจัง ร้องไห้ อย่างกับคนเสียของรักไป

เปรี้ยว : อีสัส...ทำไมมึงโหดจังฟระ...กรูอยู่ด้านบน กรูยังได้ยินหมดเลย

บี : อีเหี้ย...ก็แม่งเสือกมาทำไมทั้ง 2  ตัวพร้อมกันหละ แค่คนเดียวกรูก็ปวดหัวจะระเบิดอยู่ละ...แล้วยังจะมาตีกันให้กรูเห็น...กรูเลยต้องเปิดโหมด โหดสัสรัสเซีย

เปรี้ยว : กรูไม่เคยเห็นโหมดนี้มึงเลย...ไม่ดิ กรูเคยเห็นตอนมึงมีเรื่องในผับ แต่ก็ไม่น่ากลัวขนาดนี้

บี : เออ...นานมากละที่ด้านมืดกรูไม่ออกมาชมโลกอ่ะ

เปรี้ยว : มึงเสียงดังไปทั้งคอนโด..เมิงโดนเม้าไม่หยุดปากแน่

บี : กรูจะยังอยู่ที่นี่ได้ป่าวฟระ

เปรี้ยว : มึงยังมีกรูไง...

บี : รักมึงนะเปรี้ยว



To be continued…

ป.ล. เรื่องนี้เกินครึ่งทางแล้วนะครับ ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะครับ

ป.ล.2 บีร่างโหดน่ากลัวกว่าสิ่งไหน 55555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

55 ตกใจความโหด
ชอบที่บีรักตัวเองเป็นมุมมองที่ควรเรียนรู้จริงๆ รักคนอื่นมากๆได้ แต่ก็ต้องรักตัวเองด้วย

ปล หัวเรื่องมันยังไม่เปลี่ยนเลยนะ ยังเป็นตอนที่28อยู่เลย เดี๋ยวเพื่อนๆนักอ่านคนอื่นไม่รู้ว่าอัปเดทแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2017 15:06:13 โดย Billie »

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ตอนที่ 29 นับ 1-3

แสงสว่างจากด้านนอกทำให้ตาผมพล่ามัวไปหมดครับ...ผมหยีตาแล้วพยายามมองว่าเป็นใคร สิ่งที่ผมเห็นคือ เป็นผู้ชายตัวไม่สูงมากเดินเข้ามาครับ...ผมตกใจมา เพราะเวลานี้น่าจะเป็นเวลางดเยี่ยมแล้ว แล้วผมก็ปิดไฟในห้องสนิท ในใจผมก็ยังคิดถึงผู้ชายคนเดียวในตอนนี้ที่ทำให้ผมเศร้าถึงขนาดนี้ หรือเค้าได้รับฟังเพลงที่ผมโพสแล้ว...เค้าถึงรีบตรงมาหาผม...แล้วผมก็ได้รับสัมผัสจากแขนของเค้าที่เข้ามาอยู่รอบตัวผม...เค้ากอดผมครับ...แล้วด้วยความเคยชินและความคิดของผม ผมจึงกอดเค้าตอบแล้วเอาหน้าซุกไปที่คอของเค้า แต่...มันไม่ใช่กลิ่นของพี่เขมครับ...แล้วเอาหน้าซุกไปก็รู้สึกไม่พอดีอีกด้วย...ผมจึงรีบถอยออก...เพื่อมองให้ชัดว่าเป็นใคร...

บี : เหี้ย...(ผมตะโกนออกมาดังมาก)...หมอคิต

หมอคิต : ทำไมครับ...นึกว่าเป็นใครเหรอ

บี : ป่าวครับ....

หมอคิต : กอดอีกหน่อยดิครับ...ผมกำลังเคล้มเลย

บี : แล้วกลับมาทำไมเนี่ย

หมอคิต : ก็ผมกลับบ้านไปแล้วไง แล้วเด๋วพรุ่งนี้ก็ทำงาน ก็เลยมานอนที่นี่ซะเลย จะได้ดูแลบีด้วย

บี : เฮ้ย....ไม่ได้ดิ...ผมอยากอยู่คนเดียว

หมอคิต : เอาหน่า เด๋วก็เช้าแล้วครับ...ผมได้ทำอะไรบีหรอก  ถ้าบีไม่เต็มใจ

บี : เคยกินตีนคนไข้ไม๊หมอคิต...

หมอคิต : ดุจังวุ้ย

บี : เออ...ดุยิ่งกว่าหมาบ้าอีกนะ

หมอคิต : ถึงดุผมก็ไม่กลัว

บี : แล้วจะนอนให้ได้ว่างั้น

หมอคิต : นี่ไง ซื้อโจ๊กมาฝากด้วยนะ เห็นว่ากินข้าวโรงพยาบาล...คงจะไม่ถูกปาก

บี : ไม่หิวอ่ะ

หมอคิต : ไม่หิวก็กินซะหน่อยเถอะบี...

หมอคิตแกะโจ๊กใส่ถ้วยมาให้แล้วก็มานั่งจ้องให้ผมกิน...ผมก็จำใจกินครับ กินหมดแล้วหมอคิตก็ยกไปล้างให้แล้วหมอคิตก็ถามว่าทำไมไปยืนอยู่หน้าห้องแล้วไม่เปิดไป ทำอะไรเงียบ ๆ เนี่ย เห็นแล้วตกใจ...แต่เราไม่ได้พูดถึงการกอดกันเมื่อกี้อีกเลย...เหมือนปล่อยเลยตามเลยอ่ะครับ แล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง...ผมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่มีหมอคิตมาเฝ้าผมตอนนี้ ผมจึงชวนหมอคิตคุย

บี : นี่คิตตี้...ทำไมกลับมาหละ

หมอคิต : จะเรียกอย่างนี้จริง ๆใช่ป่ะ

บี : ก็ยังไม่บอกอายุไง

หมอคิต : ผมเห็นบีโพสเพลงเศร้าอ่ะ...ก็เลยกลัวว่าจะคิดมาก

บี : ผมไม่สิ้นคิดหรอกหน่า

หมอคิต : รู้หมือไร่....ว่าคนคิดฆ่าตัวตายช่วงอกหักมากที่สุด

บี : จริงดิ....แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้นเลยนะ มันคงบาปมากอ่ะ

หมอคิต : ก็ดีแล้ว...ผมก็จะได้สบายใจ...ผมถามอะไรอย่างได้มะ

บี : อะไรหละ...ยืมเงินเหรอ

หมอคิต : จริง ๆนะ ตอบจริง ๆ

บี : ว่าไป...ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ปล่อยเบลอ....

หมอคิต : ถ้าคุณเขมมาง้อ...บีจะกลับไปหาเค้าไม๊

ผมอึ้งไปเลยครับ...มันเป็นคำถามที่ผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะถามตัวเองเลยครับ...ว่าถ้าทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือทั้งหมดมีคำอธิบายแล้ว...ผมจะยังกลับไปหาพี่เขมไม๊ เพราะตอนนี้ในหัวของผมนั้น...มันเหมือนถูกสะกดว่าตัวเอง อกหักไปแล้ว บอกว่าพี่เขมไม่ได้รักผมไปแล้ว และบอกว่า พี่เขมเค้าเลือกน้องเจไปแล้ว

บี : เอาจริง ๆนะ ที่เมื่อกี้ คิตกอดผม...ผมก็ยังนึกว่าพี่เขมกลับมาหาผมแล้วซะอีก

หมอคิต : ตอบตรงดีเนอะ...เจ็บดีอ่ะ

บี : เฮ้ย...อย่างอนดิ...ผมตอบตามที่ผมคิดนะ

หมอคิต : ดีแล้วหละ...อย่างงี้ไงผมถึงได้ชอบบี

บี : หมอคิต...เด๋วจะโดน

หมอคิต : แล้วถ้าเค้ามาขอคืนดีหละ...บีจะว่าไง

บี : ผมก็ไม่รู้เหมือนกันหวะ...ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องคิดมากกว่าเรื่องนี้แล้วอ่ะ

หมอคิต : เรื่องอะไรอ่ะ...เรื่องผมป่ะ

บี : ยัง...ยังไม่จบอีก... เรื่องหมอเนี่ย...ไม่เคยคิดเลย ตอนนี้คิดเรื่องที่จะต้องสอบในอีกไม่กี่วันนี้มากกว่า

หมอคิต : สอบอะไรอ่ะ เล่าให้ฟังหน่อยดิ

บี : สอบเพอร์เซอร์หนะ...รู้จักป่าว

หมอคิต : หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน...ใช่ป่ะ

บี : มีความรู้นะเรา

หมอคิต : แน่นอนอยู่แล้ว

บี : ก็คิดแต่เรื่องนี้แหละว่าจะทำยังไงดี...เพราะตอนนี้ มาเสียสมาธิเรื่องพี่เขมอีก (ผมสะอึกนิดหน่อยที่เรียกชื่อพี่เขมออกมา)..

หมอคิต : บีก็ต้องตั้งใจ มองไปข้างหน้านะ อย่าหันหลังกลับ แม้จะยังรักเค้าอยู่ก็ตาม แต่อนาคตของตัวเองก็สำคัญกว่านะบี

บี : อืมก็จริง...แต่เค้าก็มีสอบเหมือนกันแหละ สอบกัปตันหนะ

หมอคิต : อย่างงี้ก็พังทั้งคู่อ่ะดิ

บี : เค้าคงไม่พังหรอก...เพราะเค้าคงมีคนดูแลอยู่ข้าง ๆ คนที่เค้าเลือกแล้ว

หมอคิต : แหม่...บีก็มีคิตดูแลนี่ไง

บี : ขอบคุณนะหมอคิต...ผมคงเป็นได้แค่เพื่อนจริง ๆ

หมอคิต : ก็ถ้าวันไหนมีโอกาส...ก็ลอง ๆ มองผมดูบ้างก็ได้นะ

บี : ไม่อ่ะ...ผอมไปหน่อย

หมอคิตทำท่าเบ่งกล้ามให้ดู... “ผอมตรงไหน...เค้าเรียกว่าลีนเว้ย” ...แล้วเราก็หัวเราะกันครับ....

หมอคิต : นี่บี...ไม่ง่วงเลยเหรอ จะเที่ยงคืนละนะ

บี : เออนั่นดิเนอะ...จะว่าไป ก็นอนน้อยมากเลยนะแต่ไม่ค่อยง่วงเลยอ่ะ

หมอคิต : เอายานอนหลับมะ...เด๋วผมจ่ายให้

บี : เหย...จะดีเหรอ

หมอคิต : งั้นเอาเมลาโทนินไม๊...มันช่วยให้หลับสบายนะ ไม่ใช่ยานอนหลับ

บี : แล้วจะหลับไม๊

หมอคิต : ผมกินตอนเครียด ๆ อ่ะ แบบเข้าเวรติดกันแล้วเคสมันเยอะ ผมก็กินตอนเวลาจะนอน มันทำให้หลับไปสนิทดีนะ...ไม่มีอันตรายด้วยลองหน่อยมะ

บี : แล้วต้องไปจ่ายยาไกลไม๊หมอ ผมเกรงใจ

หมอคิต : ถ้าเมนาโทนินผมมีติดอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้ว ลองไม๊

บี : อืม ก็ดีนะ...เผื่อจะได้ลืม ๆ อะไรไปบ้าง

หมอคิต : ดีแล้ว...นอนพักซะบ้างนะ ผมนอนข้าง ๆ นี้แหละ เด๋วผมเข้างานเช้า ถ้าผมตื่นก่อนเด๋วหาข้าวมาให้กิน อาหารโรงพยาบาล แม่งไม่ไหว

บี : ไม่ต้องหรอก บีกินได้คับ

หมอคิต : อืม ๆ อ่ากินซะ... (หมอคิตเดินไปเอายาออกจากกระเป๋าแล้วหยิบน้ำมาให้กิน) ...จะว่าไป น้ำเกลือนี่ก็ใกล้หมดแล้วนะ...เด๋วเอาอีกขวดดีไม๊

บี : พอเหอะหมอ...ตัวบวมพอดี

หมอคิต : ก็ดีสิ...วันนี้กินน้ำนี่แก้วที่เท่าไหร

ผมยกนิ้ว 2 นิ้วเป็นการตอบ พร้อมกันพยายามกลืนยาลงไปด้วย

หมอคิต : งั้นเอาอีกขวดละกันเด๋วผมไปบอกพยาบาลให้ แล้วก็เด๋วพรุ่งน้ีหลังเที่ยงก็กลับบ้านได้แล้วแหละ...ผลแล็ปก็น่าจะออกหมดละ และก็ไม่น่าจะมีเชื้ออะไร

บี : ก็แน่หละ...หมอคิตไม่ได้เรื่องเลย วินิฉัยผิด ๆ ถูก ๆ

หมอคิต : ก็จะได้มีคนดูแลไง...ไม่ดีเหรอ

บี : ผมดูแลตัวเองได้หน่า...เรื่องแค่นี้สบาย

หมอคิต : ตอนนี้หนะใช่...ดูดีขึ้นเยอะ แต่ตอนที่มาดิ...อย่างกะ walking dead

บี : เออ ๆ ๆ ๆ จะนอนละ ขอไปแปรงฟันก่อน

หมอคิต : ให้คิตช่วยนะ

บี : ไม่ต้องหรอก...ไม่ได้พิการ...อย่าเวอร์ ๆ

หมอคิต : ทำไมคนไข้มันดื้อจังฟระ

ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่หมอแล้วก็เดินเข้าให้น้ำไปแปรงฟัน ไม่นานพยาบาลก็มาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้แล้วผมก็นอนหลับปุ๋ยไปในทันที

เช้าแล้ว...ผมตื่นจากความฝัน...ความฝันนั้นมันช่างดีเหลือเกินครับ...ผมฝันว่าพี่เขมมาคอยดูแลผมอยู่ข้างกาย เหมือนหนังเกาหลีไม่มีผิด...นั่งหลับข้างเตียงผมแล้วก็นอนฟุบแล้วจับมือผมไว้ตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงนั้น...ช่างว่างเปล่าและเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ผมมองไปที่คนที่นอนอยู่ที่เตียงข้าง ๆ หมอคิตนอนหลับน้ำลายยืดอยู่ ผมเห็นก็อดขำไม่ได้แล้วผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ตอนนี้แปดโมงแล้วครับ
 
แปดโมงเช้าวันอังคาร...ถึงจะนานที่ผ่านมา
ตอนนั้นที่เธอร่ำลา... พูดว่าเธอจะไป
จ้องมองเข็มนาฬิกา...ช่วงเวลาครั้งสุดท้าย
วันนั้นเสียใจเท่าไหร่...ก็ยังคงไม่ลืม

ไม่อยากรู้วันเวลา.. เช้าขึ้นมาไม่อยากเจอ
เพิ่งรู้ว่าไม่มีเธอ.. รู้ว่าเธอจากไป
แปดโมงเช้าวันอังคาร ...ฉันไม่เคยจะเปลี่ยนไป
เจ็บช้ำในใจอย่างไร ก็ยังคงไม่ลืม

ผมเปิดเพลงนี้จากยูทูปเพิ่งเป็นเพลงปลุกระดมในตอนเช้า...ซึ่งตอนนี้คนที่นอนเตียงข้าง ๆ ผมเริ่มขยับตัวแล้วครับ...ผมอยากจะทำให้มันรำคาญแล้วรีบออกไปทำงานซะ แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้น...คือมันลืมตาขึ้นมามองผมแล้วก็บอกว่า..

หมอคิต : ไม่เห็นร้องไห้เลยหนิ...งั้นเอาไปอีกเพลง...ความเจ็บปวด ปาล์มี่

ผมเลื่อนดูเพลงใกล้เคียงก็เจอแล้วผมก็กดเปิดทันที...ทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองครับ...ตอนนี้พลังงานความแข็งแกร่งของผมเริ่มจะกลับมาแล้วครับ...ผมเชื่อว่า ผมจะต้องผ่านไปให้ได้...จะต้องเตรียมตัวสอบให้ได้

“ใคร คนที่เคยรู้ใจ
รอยยิ้มที่เคยรู้จัก
กำลังจะหายลับไปทุกที

คำพูดที่ซึ้งใจ
ที่เคยว่ารักมากมาย
ไม่มีอีกแล้วนับจากนี้

แต่คนจะไปก็ต้องไป
รักเท่าไหร่แต่ฉันคงทำได้เท่านี้”

แล้วประตูห้องก็เปิดออก...ผมรีบกดมือถือให้หยุดเล่นเพลงแต่มือถือดันลื่นครับตกจากมือผมไปอยู่ตรงซอกเตียงแล้วก็ยังเล่นเพลงนั้นอยู่ หมอคิตเด้งตัวขึ้นจากเตียงข้าง ๆ ทันที แล้วก็มองดูนาฬิกา...

ป๊ากับแม่พี่เขมมาหาครับ...หมอคิตทำท่าตกใจมากแล้วก็ยืนตัวตรงทันที

ป๊าพี่เขม : อ่าวคุณหมอมานอนอะไรที่นี่หละ...เฝ้าคนไข้เหรอ

หมอคิต : อะไรทำนองนั้นแหละครับ

แม่พี่เขม : หมอต้องมาเฝ้าเลยเหรอคะ?

หมอคิต : พอดีผมมีเวรเช้าอะครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ...(แล้วหมอคิตก็คว้ากระเป๋าวิ่งออกไปจากห้องผมทันที)

ผมลุกขึ้นจากเตียงยกมือไหว้ป๊ากับแม่ แล้วก็พยายามควานหามือถือที่ยังเล่นเพลงนี้อยู่ เพื่อจะกดปิดมันให้ได้

แม่พี่เขม : แหม่ฟังเพลงอย่างกับคนอกหักเลยนะลูก

ผมรวบรวมความกล้าแล้วบอกแม่ไปตามตรงทำเอาแม่กับป๊าอึ้งไปเลยทีเดียว...ผมควานหามือถือเจอแล้วก็ปิดเพลง...แล้วแม่พี่เขมก็มานั่งข้าง ๆ ผมแล้วก็กอดผมไว้แน่น

ผมบอกกับแม่และป๊าไปว่า ผมไม่ได้เจอพี่เขมมา 3 วันแล้ว แล้วก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเค้าอีกด้วย...ผมขอแม่กับป๊าว่าอย่างตำหนิพี่เขมเพราะ พี่เขมได้เลือกแล้วว่าคนที่พี่เขมรักจริง ๆ คือใคร และก็ขอให้ป๊ากับแม่ ยกโทษให้ผมด้วยเพราะผมไม่อยากจะบอกเรื่องราวทั้งหมดกับท่านในตอนแรก

แม่พี่เขม : บีลูก...ยะหยังบ่อบอกแม่ก่อนหละลูก...แม่จะได้จัดการไอ้เขมมัน(บีลูกทำไมไม่บอกให้แม่ก่อนหละลูก แม่จะได้จัดการไอ้เขมมัน)

ป๊าพี่เขม : บี...แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างลูก...ป๊าเป็นห่วงนะ

บี : ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้วครับแม่...ป๊า...น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้บ่าย ๆ นี้แหละครับ

ป๊าพี่เขม : ไอ้เขมมันชักจะเหลวไหลใหญ่ละนะ เด๋วป๊าคงต้องเคลียให้แล้วหละเรื่องนี้

บี : อย่าเลยครับป๊า...ผมรักพี่เขมครับ ถ้าพี่เขมไม่มีความสุข ที่จะอยู่กับผม ผมก็ต้องปล่อยพี่เขมไปครับ...(ตอนนี้น้ำตาผมมันเอ่อล้นมาอีกครั้งหลังจากที่แน่ใจกับตัวเองตั้งแต่แรกว่าจะโอเคแล้ว)

แม่พี่เขม : โอ๋ ๆ ๆลูกไม่ร้องนะ...แม่ก็นึกว่าไม่สบายจริง ๆ ที่ไหนได้ เป็นเรื่องนี้

บี : ผมดีขึ้นแล้วครับ...ยังไงก็ ผมขอขอบคุณป๊า กับ แม่มากนะครับ ที่ รักและเอ็นดูผมตลอดที่ผ่านมา...ผมคงอาจจะไม่ได้เจอป๊ากับแม่อีก ผมรักและเคารพป๊า กับแม่ เหมือนเป็นพ่อแม่ของผมจริง ๆ ที่อยู่ที่กรุงเทพนี้เลยนะครับ...(แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมาไม่หยุดครับ)

แม่พี่เขม : ไม่เอาสิลูกไม่ร้องนะ...แม่ก็ยังเป็นแม่ของลูกอยู่เสมอนะ ถึงลูกจะไม่ได้คบกับเขมแล้ว แม่ก็ยังอยากจะเจอลูกอยู่นะลูกบี

ป๊าเดินเข้ามากอดผมกับแม่ไว้ด้วยกัน... “ป๊าไม่เคยคิดเลยนะว่าบีเป็นคนอื่น ป๊าคิดมาตลอดว่าบีเป็นลูกของป๊าคนหนึ่งนะลูก”

คำพูดของป๊ายิ่งทำให้ผม หยุดร้องไห้ออกมาไม่ได้ มันยิ่งทำให้ผมสะอื้นหนักไปอีก ป๊าถอดแว่นออกมาแล้วเช็ดน้ำตาของป๊าเอง...มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ผมทำให้แม่กับป๊า ของพี่เขมเสียน้ำตา...ผมช่างเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลยจริง ๆ  ผมพยายามหยุดร้องไห้...หายใจลึก ๆ แล้วก็เช็ดน้ำตาให้กับแม่ของพี่เขม

มีต่อครับ

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
บี : แม่ครับ...ต่อจากนี้ไป...รักษาตัวเองดี ๆ นะครับแม่...ป๊าครับ...ผมรักป๊ากับแม่มากนะครับ...

ผมหยุดเพื่อที่จะสูดลมหายใจอีกครั้งเพื่อจะได้บอกในสิ่งที่ผมต้องการให้จบ

บี : จากนี้ไปผมคงไม่สามารถไปที่บ้านป๊าได้อีก มันคงจะทำให้พี่เขมอึดอัดใจ ป๊ากับแม่.....

พยาบาลเคาะห้องแล้วเข้ามาตรวจอาการผมครับ....พยาบาลทำหน้าตาตกใจมากที่เห็นพวกเรา 3 คนนั่งกอดกันร้องไห้อยู่...แล้วพยาบาลก็หยิบแฟ้มดูแล้วดูอีก...คงจะตกใจกับการที่คนไข้เป็นหวัด แต่ 3 คน นั่งร้องไห้เหมือนผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
พอพยาบาลตรวจเสร็จ...ป๊ากับแม่ก็เข้ามาถามถึงอาการ

พยาบาล : คนไข้ ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่นะคะ เด๋วก่อนเที่ยงหรือหลังบ่ายก็คงจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ...คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจนะคะ คุณคนไข้เป็นปกติดีค่ะ

ป๊ากับแม่พยักหน้าเป็นการตอบรับ...แล้วคุณพยาบาลก็เดินออกจากห้องไป ผมกับป๊าและแม่พากันหัวเราะขำพยาบาลที่เข้ามาขัดจังหวะ...แต่มันก็ดีครับ มันทำให้บรรยากาศต่าง ๆ เปลี่ยนไปหมด ป๊าเปลี่ยนเรื่องในการคุยทันที

ป๊าพี่เขม : เช้านี้อยากกินอะไร เด๋วป๊าสั่งมาให้กินเลย

แม่พี่เขม : หูฉลามน้ำแดง พระกระโดดกำแพง หรือว่าปลาเต๋าเต้ยราดพริกว่ามาเลย

บี : ผมอยากกิน...ก๋วยเตี๋ยวครับ

ป๊าพี่เขม : ขออะไรให้มันแพง ๆ หน่อยไม่ได้เหรอลูกเอ้ย

บี : ก็ผมชอบกินอ่ะป๊า...

แม่พี่เขม : ป๊าก็ไปซื้อมาให้ลูกหน่อยละกัน เด๋วแม่ดูแลบีอยู่ที่นี่ละกัน

ป๊าพี่เขม : แล้วให้ป๊าไปซื้อแถวไหนหละ

แม่พี่เขม : ก็เอาที่ไหนก็ได้ที่อร่อย ๆ อ่ะ

ป๊าพี่เขม : อ่าก็ได้ ๆ แต่ไม่อร่อยห้ามว่านะ

บี : แม่ครับป๊าครับ...ไม่ต้องก็ได้ครับ...บีกินอาหารโรงพยาบาลได้

แล้วห้องผมก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง...ครั้งนี้คนที่มาเนี่ย...เป็นคนที่ไม่คาดคิดสุด ๆ เลยครับ....หมอพร...มาจากไหน แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่...ต้องเป็นหมอคิตแน่  ๆ

หมอพร : อ่าวคุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ คุณบีหายดีแล้วนะคะ เด๋วก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ

บี : หมอพรสวัสดีครับ...นี่หมอพรครับ ป๊า แม่ หมอพร คือคนที่รักษากายภาพให้พี่เขมครับ...หมอพรครับ...นี่ป๊ากับแม่พี่เขมครับผม

หมอพร : อ่อ ๆ คุณพ่อคุณแม่แฟนน้องบีเหรอคะ

แหม่ หมอพร หมอคิต อัพเดทข้อมูลกันยังไงเนี่ย...บอกก็บอกไม่หมด พาเอาบรรยากาศในห้องเสียลงไปในพริบตา

หมอพร : เออ....หมอซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าที่เราเคยไปกินด้วยกันมาฝาก

บี : โหย...รักเลยครับเจ๊...ผมกำลังอยากกินพอดีเลยครับ

ป๊ากับแม่พี่เขมก็ทำท่ายิ้มเจื่อน ๆ

บี : ป๊าคับแม่ครับ กลับก่อนก็ได้นะครับเด๋วบ่าย ๆผมก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ เด๋วหมอคิตจะไปส่งที่คอนโดผมให้ครับไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ

ป๊าพี่เขม : ให้ป๊าไปส่งได้ไม๊ลูก

แม่พี่เขม : นะ ๆ แม่ก็อยากไปส่งลูก

หมอพร : ไม่เป็นไรค่ะ เด๋วคิตไปส่งเอง จะได้ไม่รบกวนคุณพ่อคุณแม่ด้วย

ป๊ากับแม่ทำหน้าตาเสียใจมากครับที่ผมปฏิเสธ...แต่ป๊ากับแม่ก็เดินมากอดผม แล้วก็พูดว่า... “ยังไงก็มากินข้าวกับแม่บ้างนะลูก...ถ้าแม่โทรหาก็ต้องรับนะรู้ไม๊ ถ้าไม่รับ แม่จะตามไปที่คอนโดเลยนะ”

ป๊า : บี...ป๊าก็ยังเป็นป๊าของลูกเสมอนะ แม่ก็ด้วย มีอะไรโทรหาได้ตลอดเลยนะลูก

แล้วป๊ากับแม่พี่เขมก็ออกจากห้องไปครับ ปล่อยให้ผมกับหมอพรอยู่ด้วยกัน หมอพรบอกว่าได้ข่าวจากหมอคิตตอนเช้า เพราะหมอคิตจะของให้ช่วยอยู่เวรให้หน่อยเพราะจะไปส่งผมที่คอนโด ผมก็เลยบอกหมอพรไปครับว่าไม่ต้องหรอก เด๋วผมกลับแท็กซี่ก็ได้ แต่หมอพรก็ไม่ยอมครับ...เพราะหมอคิตกำชับแล้วว่าจะต้องไปส่งผมที่คอนโดให้ได้ พอบ่ายโมง ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลครับ...แล้วก็เป็นไปตามคาด หมอคิตขับรถไปส่งผมที่คอนโดครับ....
หมอคิต : นั่งสบายไม๊คับ...

บี : นั่งสบายดี คิตอย่ามาเวอร์...บีก็คนทั่วไปเนี่ยแหละ รถเครื่องก็เคยแว้นสมัยอยู่มหาลัย

หมอคิต : เรียนมช.ด้วยใช่ป่ะ

บี : ใช่...แล้วคิตอ่ะ

หมอคิต : คิตก็เรียนมช.แหละ

บี : อ่าวงี้ก็ต้องรู้จัก...ผมไล่ชื่อเพื่อนผมที่เป็นแพทย์ มช.ให้คิตฟัง แล้วคิตก็รู้จักทุกคนเลยครับ

บี : งี้เด๋วไปถามเพื่อนดีกว่าว่ารู้จักหมอคิตไม๊ จะได้รู้ว่ารุ่นอะไร

หมอคิต : เฮ้ย ขี้โกงหวะ

บี : อ่าวก็ไม่บอกก็ต้องหาวิธีเองมะ

หมอคิต : อ่าๆ ๆ บอกก็เดะ ผมเด็กกว่าบี 2 ปี

บี : เฮ้ย จิงดิ...ก็อาจจะเคยเจอหน้ากันมาก่อนอะดิ

หมอคิต : เคยดิทำไมจะไม่เคยหละ...แต่บีคงจำไม่ได้หรอก

บี : ทำไม...ไปทำหน้ามาเหรอ...คนเลยจำไม่ได้เนี่ย...มาไกลนะเรา

หมอคิต : เด๋วจะโดน...นี่ไม่ได้ทำอะไรเลย...หมอทำทั้งนั้น

บี : จ๊ะ...นี่เป็นหมอตลกคาเฟ่เหรอ

หมอคิต : ก็ประมาณนั้น

แล้วก็มาถึงคอนโดผมครับ...ผมเดินขึ้นห้องไปแล้วผมก็ปิดประตูล็อคห้องแล้วก็ทำการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบอย่างจริงจัง...สิ่งที่ผมกลัวที่สุดตอนนี้คือการที่พี่เขมจะเปิดประตูเข้ามาในห้องผม...ผมไม่รู้จริง ๆครับว่าตอนนี้ตัวเองพร้อมไม๊ ที่จะเคลียปัญหาทั้งหมด ถ้าพี่เขมจะมาจริง แต่อีกใจหนึ่งผมก็รู้แน่นอนว่าเค้าคงไม่มาหรอก เพราะถ้าเค้ามา คนของเค้าก็ต้องไม่โอเคแน่นอน...ผมเปิดเพลง ของ ปาล์มี่ไปด้วยตลอดการอ่านหนังสือ ผมไม่เคยคิดเลยนะครับว่าเพลงของเค้าเนี่ยจะมีเพลงอกหักเยอะขนาดนี้...แล้วผมก็คิดว่าตัวเองเนี่ย สตรองขึ้นมากกกกก น่าจะสามารถต่อสู้กับอะไรก็ได้แล้วตอนนี้ ยกเว้น....พี่เขม

หัวใจผมตอนนี้ มันก็คงจะเริ่มชินชาแล้วครับ...นี่ถ้านับจริง ๆ ก็จะ 3  วันเต็ม ๆ แล้วครับ ที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากพี่เขมเลย ผมนึกในใจว่า คนเรามันจะเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ อย่างน้อย ๆ ถ้าจะเลิกกันมันก็ควรมี ปฏิกิริยาอะไรให้ผมรับรู้ก่อน บ้างไม๊ หรือช่วงนี้เป็นช่วงที่เราทั้ง 2 คนใส่ใจกันและกันน้อยลง มันเลยทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเรา และพอเค้าพบว่าคนที่เค้ารอคอย เป็นโสด เค้าจึงรีบฉวยโอกาสทันที มันอาจจะเป็นกรรมในชาติที่แล้วก็ได้ หรืออาจจะเพราะเราไม่ได้เกิดมาคู่กันจริง ๆ ก็เป็นได้ครับ ผมได้แต่คิดแบบนี้ปลอบใจตัวเอง...ถ้าไม่ติดว่าจะต้องสอบนะ...จะไปนั่งสมาธิที่วัดป่าซักแห่งแล้วหละ...ว่าแล้วผมก็ต้องอัพเดตเรื่องราวต่าง ๆ ให้เพื่อนสุดที่รักของผมฟังก่อนครับ...ผมกดโทรศัพท์หาเพื่อนเปรี้ยวทันที เปรี้ยวยังไม่รับครับ...สงสัยจะยุ่งอยู่หรือไปบิน แล้วผมก็เข้าไปเช็ค เฟสบุ๊ก แล้วก็ไลน์ของผมครับ ตอนนี้ เฟสของผมแทบแตกครับ...เพลงที่ผมโพสไปล่าสุด มีคนมาคอมเม้นมากมาย ทั้งให้กำลังใจ ทั้งแสดงความเสียใจ ทั้งถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีคอมเม้นป่วน ๆ จากพี่ ๆ แอร์กี่สมัยที่ผมจีบกันแรก ๆ กับพี่เขม คอมเม้นฮา ๆ จากเพื่อน ๆ พวกไอ้ปืนและเพื่อนในรุ่น และที่สำคัญที่สุดคือ แก้งของพี่เขมครับ...ทุกคนดูโวยวาย มากมาย เหมือนจะฉีกเนื้อกินเลือดพี่เขมเลยทีเดียว คอมเม้นที่ผมสะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นคอมเม้นจากพี่ต้าครับ... จากที่พี่ต้าไม่เคยคุยกับผม ตอนนี้ดูเป็นห่วงผมซะแล้ว ผมทำการบล๊อคช่องทางการติดต่อทุกอย่างของพี่เขมไว้ ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ๊ค ไอจี ไลน์ แล้วก็ลบเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไปครับ

แล้วเปรี้ยวก็โทรกลับมาครับ...

เปรี้ยว : เมิงกรูเพิ่งแลน

บี : เมิง กรูมีเรื่องจะอัพเดตมากมาย

เปรี้ยว : โอย...เรื่องพี่เขมกรูเบื่อจะฟัง...ทำไม มึงท้องกับเค้าแล้วเหรอ

บี : กรูเลิกกับเค้า

เปรี้ยว : เหี้ยยยยย....มึงอยู่ไหน เด๋วกรูไปหา

บี : แต่กรูโอเคแล้วเมิง

เปรี้ยว : มึงจะโอเคได้ไงฟระ....

บี : มันผ่านมา 3 วันแล้วมึง

เปรี้ยว : สัสกรูไปค้างจีนมา มันเล่นเฟสไม่ได้ กรูก็ไม่ได้ติดต่อเมิงเลย

บี : อ่า ๆ รีบกลับมา พาเพื่อนไปกินข้าวหน่อย...เพื่อนเหนื่อย

เปรี้ยว : ได้ ๆ เด๋วกรูรีบกลับไป

   หลังจากนั้นผมก็ไปกินข้าวกับเปรี้ยวครับ...อัพเดตสาระทุขสุกดิบกันต่าง ๆ นา ๆ อีเปรี้ยวบอกว่าแทบจะไม่เชื่อเลยว่าคน คนนึงมันจะเปลี่ยนอะไรไปได้เร็วขนาดนี้...แต่ความรักทุกครั้งมันเกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอเว้ย...อย่างน้อย ๆ เมิงก็ได้รักพี่เค้าแล้วจริงไม๊...เราควรจะยินดีมากกว่าเสียใจที่ ในที่สุดแล้วเราทำทุกอย่างแล้ว เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่แค่ความรักมันเข้ากับเราไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง... อีเปรี้ยวบอกอีกว่า ความรักที่ผมมีให้พี่เขม มันดีมาก มันจะไม่กลับมาทำร้ายตัวผมเอง เพราะเราหวังแค่ให้คนที่เรารักมีความสุข เราไม่ได้หวังที่จะครอบครองในตัวเค้า มันดีมากแล้วจริง ๆ

   มันเป็นความจริงครับ..ฟังดูมันอาจจะน้ำเน่ามาก แต่ถ้าให้ผมรั้งพี่เค้าไว้ ว่าให้อยู่กับผม ผมก็คงจะได้แต่ตัวพี่เค้าครับ...ถ้าใจพี่เค้าไม่อยู่แล้วเราทั้งคู่จะมีความสุขได้อย่างไร คิดได้อย่างนี้แล้ว....อีเปรี้ยวแทรกขึ้นมาทันที... “ถ้ามึงคิดได้อย่างนี้แล้วก็...ไปบวชชี ซะนะเมิง” ....55555555

   พอกลับมาจากกินข้าวผมก็เห็นรถที่คุ้นตาจอดอยู่ที่คอนโดผมครับ...ผมตกใจมากรีบหลบตัวลงทันที...อีเปรี้ยวหันมาถาม... “เมิงเห็นอะไรที่กรูไม่เห็นเหรอ”

บี : กรูเห็นรถพี่เขม

เปรี้ยว : ไหนฟระ รถอะไร รถเหมือนรึป่าว

บี : X6 จะมีใครเหมือนไม๊หละ

เปรี้ยว : เออหวะ...แล้วมึงจะทำไง

บี : กรูไม่รู้หวะ...เอาไงดีเมิง

เปรี้ยว : ถ้าพี่เค้ามาขอคืนดีมึงจะทำไง

บี : กรูไม่พร้อมกรูบอกเลย

เปรี้ยว : งั้นมึงก็บอกเค้าไปว่าห่างกันก่อน ขอสอบให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน

บี : หรือพี่เค้าจะมาเอากุญแจคอนโดเค้าฟระ เด๋วกรูขึ้นไปเอามาคืนเลยดีกว่า

เปรี้ยว : เออ...แม่ง! คนแบบนี้ก็มีเหรอฟระ

บี : อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อหมดรัก

เปรี้ยว : ก็จริง!

   ผมเดินลงจากรถเปรี้ยวตรงไปที่รถที่ผมคุ้นตา พอผมเดินใกล้เข้าไปผมก็เห็นพี่เขมครับ...มันบีบหัวใจผมมากกเลยทีเดียว...มันทำให้ผมแทบจะวูบไปเลย แล้วพี่เขมก็ลงจากรถวิ่งตรงมาที่ผม พี่เขมวิ่งเข้ามาทำท่าจะโอบกอดผม ผมใช้มือขวา ยกห้ามเอาไว้ แล้วมองหน้าพี่เขมด้วยความเย็นชา...พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบที่สุด

บี : เด๋วผมไปเอากุญแจคอนโดมาให้ รอตรงนี้นะ

พี่เขม : บี มันไม่ใช่อย่างที่บีคิดนะ

บี : รอตรงนี้นะ!

พี่เขม : ให้พี่ได้อธิบายก่อนได้ไม๊

บี : รอตรงนี้!

   พี่เขมทำท่าหงุดหงิดมากแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น...ผมเดินถอยออกห่างจากพี่เขมตามลำดับ มือก็ยังคงยกห้ามไม่ให้พี่เขมเข้ามาใกล้ เพราะกำแพงที่ผมเริ่มก่อใหม่มันยังไม่แข็งแรงดีพอ...ผมไม่รู้ว่ามันจะทน ได้อีกนานแค่ไหน กับคำพูดต่าง ๆ กับพี่เขม...ใจผมนั้นก็อยากจะฟังเรื่องทุกอย่างให้มันจบ ๆ ไป แต่อีกใจก็บอกตัวเองว่า รอให้ผ่านการสอบไปก่อนได้ไม๊ เพราะตอนนี้ สิ่งที่เราควรจะโฟกัสที่สุดก็คือ อนาคตของตัวเอง ไม่ใช่ความรักที่ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อได้อีกหรือไม่

พอพี่เขมหยุด ผมรีบเดินจากพี่เขมออกมาแล้วขึ้นลิฟท์ไปกับเปรี้ยว

เปรี้ยว : มึงเอาไง ให้กรูอยู่เป็นเพื่อนไม๊

บี : ไม่เป็นไรมึง กรูจะเอากุญแจไปคืนแล้วก็บอกให้กลับไปเลย ยังไม่ต้องคุยกัน

เปรี้ยว : พี่เค้าจะยอมเหรอฟระ

บี : ไม่ยอมก็ต้องยอมละ...เพราะตอนนี้กรูไม่ยอมใครแล้วทั้งนั้น

เปรี้ยว : มึงเด็ด...กรูนับถึงจริง ๆ ...ถ้าไม่ไหวบอกกรู...กรูอยู่ห้องรอ โอเคนะ

บี : ได้...เด๋วกรูบอก

   ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง หากุญแจคอนโดของพี่เขม หาเท่าไหรก็หาไม่เจอ ผมจำไม่ได้ว่าผมเอาไปไว้ตรงไหน ผมค้นทั้งกระเป๋าบิน ลิ้นชักทุกอัน ที่เก็บกุญแจ ก็ไม่เจอ ผ่านไปซักพัก มีเสียงเคาะห้องแล้วก็ไขกุญแจเข้ามา ผมตกใจมาก...ผมรีบวิ่งเอาตัวไปยันประตูเอาไว้....พี่เขมไขประตูห้องผมเข้ามา...ผมพยายามดันประตูแล้วบอกให้พี่เขมออกไป

พี่เขม : พี่ขอคุยกับบีหน่อยได้ไม๊...เรามาคุยกันดี ๆ นะบี

บี : มันไม่สายไปหน่อยเหรอพี่เขม...ผมรอพี่ 3 วัน 3 คืน แล้วตอนนี้พี่ยังต้องการอะไรจากผมอีก...

พี่เขม : พี่พยายามติดต่อบีแล้วแต่พี่โทรหาบีไม่ได้เลย

บี : แต่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากพี่เลยนะ....จนผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็รอพี่ทั้งวัน ผมก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

พี่เขมไม่ตอบอะไร...

พี่เขม : เรามาคุยกันดี ๆ ได้ไม๊คับ..บี

บี : พี่เขม...ผมเคยขอพี่ว่ายังไงจำได้ไม๊

พี่เขม : เราจะไม่ทะเลาะกันข้ามคืน

บี : แล้วนี่ผ่านไปกี่วัน

พี่เขม : พี่ไม่รู้ต้องทำยังไง...พี่กลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้

บี : งั้นอนาคต...มันก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นกัน

พี่เขม : บีจะเลิกกับพี่เพราะเรื่องแค่นี้เหรอ

บี : อย่าให้ผมต้องเป็นคนพูดเลยพี่เขม การกระทำของพี่ มันบอกชัดเจนอยู่แล้ว

พี่เขม : บีกำลังเข้าใจพี่ผิดนะ

บี : พี่เขม...ผมจะไม่เถียงกับพี่แล้วนะ...หยุด แล้วปล่อยผมไปเถอะ

   พี่เขม หยุดการดันประตู ประตูถูกปิดดังปัง....เสียงเงียบกริบไป ไม่มีการตอบจากพี่เขม ผมนั่งลงเอาหลังพิงประตูไว้ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาครับ....กำแพงที่เพิ่งจะก่อเสร็จ ที่จะทำเป็นปราการเพิ่งป้องกันพี่เขม มันได้ถูกพังทลายลงหมดแล้วครับ ผมทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ ผมแพ้ แพ้หมดทุกสิ่ง...ถึงผมจะรักพี่เขมมากเท่าไหร...แต่การที่เราเห็นคนรักของเรา ไปดูแลคนอื่น แล้วตัวเราเองก็เหมือนคนอกหัก แต่คนที่ควรจะดูแลเรา กลับไม่อยู่...มันเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ แล้วผมก็ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่า คืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...พี่เขมอาจจะนอกกายและนอกใจผมไปแล้วก็ได้

พี่เขมเคาะประตูเบา ๆอีกคร้ัง

พี่เขม : บีครับ...พี่จะเล่าให้ฟังนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

บี : ผมไม่อยากฟัง...ฮือ ๆ ๆ ๆ...(ผมไม่สามารถควบคุมเสียงตัวเองได้อีก)

พี่เขม : คืนนั้น.... ไอ้เหี้ย...มึงกล้ามาที่นี่เลยเหรอ

   ผมตกใจรีบเปิดประตูออกไปดู...แล้วคนที่ออกมาจากลิฟท์ก็คือ หมอคิต พร้อมกับถุงข้าว....ผมรีบออกไปห้ามทัพไว้ ไม่ให้ 2  คนมีเรื่องกัน

พี่เขม : เพราะมันใช่ไม๊....บีถึงได้ ไม่ยอมฟังอะไรจากพี่

ผมไม่ตอบ...ก้มหน้าแล้วเอามือยันทั้งสองให้ห่างออกจากกันไว้

บี : กลับไปให้หมดทั้งคู่...ไม่งั้นอย่าห่าวว่ากรูไม่เตือนมึงทั้งสองคนนะ...!!!

ผมตะโกนด้วยเสียงที่โกรธและอาฆาตมาก...ทั้งพี่เขมและหมอคิต หน้าเปลี่ยนสีเลยทันที แล้วหันมาจ้องหน้าผมทั้งคู่

บี : ถ้ามึงสองคนยังไม่ไป...ชีวิตนี้ มึงสองคนอย่าหวังว่าจะได้เจอกรูอีก

หมอคิต : บี...ผมแค่..

พี่เขม : บี...ให้พี่อธิ...

บี : กูจะนับ 1 ถึง 3

บี : 1

บี : 2


หมอคิต : โอเคผมยอม...ผมไปเด๋วนี้แหละ

พี่เขม : บีแต่ว่า...

ผมจ้องหน้าพี่เขมแบบเอาเป็นเอาตาย...หมอคิตทำท่ากวักมือเรียกพี่เขมให้ลงลิฟท์

พี่เขม : แล้วพี่จะกลับมา

ผมเดินไปที่พี่เขม แล้วกระชากเอากุญแจห้องผมมาจากมือพี่เขม....

บี : มึงไม่มีสิทธิ์ใช้มันอีกแล้ว!

   แล้วผมก็เดินเข้าห้องไป...ปิดประตูดังปัง!....เสียงเงียบไปหมดทั้งชั้นเลยครับ...ผมนั่งนิ่ง ๆ แล้วค่อย ๆ คิดว่าจะทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี แล้วประตูห้องผมก็ถูกเคาะอีกครั้ง...ผมสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินไปเปิดประตูพร้อมจะหาเรื่องทุกคนที่มาอยู่หน้าประตูผม...แต่คน คน นั้นคือ อีเปรี้ยว ผมสวมกอดอีเปรี้ยวอย่างจัง ร้องไห้ อย่างกับคนเสียของรักไป

เปรี้ยว : อีสัส...ทำไมมึงโหดจังฟระ...กรูอยู่ด้านบน กรูยังได้ยินหมดเลย

บี : อีเหี้ย...ก็แม่งเสือกมาทำไมทั้ง 2  ตัวพร้อมกันหละ แค่คนเดียวกรูก็ปวดหัวจะระเบิดอยู่ละ...แล้วยังจะมาตีกันให้กรูเห็น...กรูเลยต้องเปิดโหมด โหดสัสรัสเซีย

เปรี้ยว : กรูไม่เคยเห็นโหมดนี้มึงเลย...ไม่ดิ กรูเคยเห็นตอนมึงมีเรื่องในผับ แต่ก็ไม่น่ากลัวขนาดนี้

บี : เออ...นานมากละที่ด้านมืดกรูไม่ออกมาชมโลกอ่ะ

เปรี้ยว : มึงเสียงดังไปทั้งคอนโด..เมิงโดนเม้าไม่หยุดปากแน่

บี : กรูจะยังอยู่ที่นี่ได้ป่าวฟระ

เปรี้ยว : มึงยังมีกรูไง...

บี : รักมึงนะเปรี้ยว



To be continued…

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #104 เมื่อ07-11-2017 19:10:37 »

อิพี่เขมหายไปไหนมาาาาาาาา หลุดไปนอกโลกมาหรอ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #105 เมื่อ07-11-2017 20:17:30 »

 :pig4: :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #106 เมื่อ07-11-2017 21:10:32 »

โหดสัสรัสเซียจริงๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #107 เมื่อ07-11-2017 22:40:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #108 เมื่อ07-11-2017 22:58:14 »

บีสายโหด 5555
ไงล่ะพี่เขม สมน้ำหน้า ต้องเจอแบบนี้

 รักมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ถนอมรักที่ให้ ก็หมดโควต้าได้เหมือนกันนะ

ปล. โพสตอน29 ซ้ำกัน2รอบรึเปล่าคะ

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #109 เมื่อ08-11-2017 07:21:42 »

บีโหดจริง555 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
« ตอบ #109 เมื่อ: 08-11-2017 07:21:42 »





ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #110 เมื่อ08-11-2017 07:23:14 »

ตอนที่ 30 เรื่องที่เคยขอ

วันสอบต้นเดือนธันวาคม...ลมหนาวที่กรุงเทพไม่ค่อยจะได้สัมผัส ปีนี้มีลมหนาวจนทำให้คนหลาย ๆ คนต้องเอาเสื้อกันหนาวออกมาใส่...

หลังจากการสอบเสร็จ....ผมเดินออกจากห้องสอบด้วยหัวอันหนักตื้อ..วันนี้ผมเจอเพื่อนในรุ่นมากมาย เดอะแก้งค์จะพากันไปฉลอง ที่ร้านคาราโอเกะชื่อดังย่านสนามบิน พวกเราทุกคนปลดปล่อยออกมาเต็มที่ ทุกคนมุ่งตรงคำถามมาที่ผมว่า เกิดอะไรขึ้นกับ ความสัมพันธ์ ระหว่างผมกับพี่เขม... เรื่องน้ีกลายเป็นท๊อปปิกหลักในการสนทนา หลังจากทุกคนเลิกอ่านหนังสือ ทุกคนก็เริ่มกิจกรรมการเผือกเรื่องชาวบ้านที่ไม่ได้อัพเดตมาแรมเดือน

ผมบอกทุกคนไปว่าเราเลิกกันแล้ว...แล้วเพื่อน ๆ ก็ถามต่อว่าแล้วน้องเจ นี่ยังไง ผมก็ตอบกลับไปว่าไม่รู้ว่ายังไงกันแน่ แต่ดีที่ไม่มีใครรู้เรื่องความโหดบ้าคลั่งของผม จะมีก็แต่ คนในคอนโดของผมเท่านั้น

ปืน : เฮ้ย...ไอ้บี...พี่เขมโทรมาหวะ...ให้กรูทำไงดี

บี : มึงใครลงรูปไปยังว่าอยู่ที่ไหน

แก้งนางฟ้าของผมต่างตอบกันว่าลงกันไปตั้งแต่มาถึงแล้ว...งั้นผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอะไรใคร

บี : ปืน มึงก็รับเหอะ...เค้าอาจจะอยากคุยกับมึงก็ได้...โทรศัพท์กรูก็มี เค้ายังไม่เคยโทรหากรูเลย

ปืน : จริงเหรอฟระ...หรือมึงบล๊อคเบอร์พี่เค้า

บี : กรูยังทำไม่เป็นเลยค๊าบบบ......พี่น้อง

ปืน : เอองั้นกรูรับนะ

ปืนบอกให้ทุกคนเงียบแล้วฟัง...เพราะไอ้ปืนเปิดลำโพง...ทุกคนต่างเป็นใจ

ปืน : สวัสดีครับพี่เขม

พี่เขม : ปืนเหรอ...อยู่ที่ไหนกันอ่ะ บีอยู่ด้วยไม๊ พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับบีอ่ะ

ปืน : พี่เขมจะคุยอะไรกับเพื่อนผมอีกครับ...

พี่เขม : พี่ต้องเคลียกับบีอ่ะ ปืนช่วยพี่หน่อยได้ไม๊

ปืน : พี่เขมครับ...ผมเป็นเพื่อนบีนะพี่...ผมต้องรักเพื่อนดิ

พี่เขม : พี่ก็ยังรักบีอยู่นะ...พี่ขอไปหาได้ไม๊

ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับไอ้ปืน

ปืน : ผมอยู่ร้านคาราโอเกะแถวสนามบินครับพี่

พี่เขม : เด๋วพี่ไป

——————————————-


 ปืน : ไอ้บี...มึงจะเอาไง

บี : เด๋วกรูไปคุยกับพี่เค้าเอง...ตอนนี้กรูสตรองมาแล้ว

แก้งนางฟ้า....#ทีมพี่บีข่าาาาาาาา

บี : ไอ้พวกบ้า....ไปร้องเพลงรอกรูได้เลย...เด๋วกรูมาแด๊นด้วย

ปืน : มึงแม่ง โคตรสตรองเลยอ่ะ

ผมยักคิ้วให้กับปืน....แล้วผมก็ยกแก้วเบียร์ดื่มอย่างไม่ยั้งคิด...ความเมาจะทำให้ผมกล้าทำทุกอย่างที่ผมอยากทำครับ... ผมจะได้บอกพี่เขมให้เต็มปากซะทีว่าเรา

“เลิกกันเถอะ”

ผมอยากจะบอกคำนี้ใส่หน้าพี่เขมแรง ๆ แล้วก็เดินสะบัดตูดออกมาเลย ให้มันรู้ซะบ้างว่าไอ้ที่มันหายไปไม่มาแยแสผมเลยเนี่ย...ผมทุรนทุรายขนาดไหน...ผมเหมือนคนตายทั้งเป็น...เหมือนซอมบี้เดินได้...แล้วทุกอย่างผมก็ผ่านมันมาได้ด้วยตัวผมเองทั้งหมด ผมอยากให้เค้ารู้ว่า ต่อไปนี้ เค้าไม่ได้มีความหมายกับผมอีกแล้ว

ผมเดินออกมาจากร้านมานั่งรอพี่เขมอยู่ในรถผม...ผมหยิบเอากุญแจคอนโดของพี่เขมออกมาแล้วเตรียมเอาไปคืนเค้า...ผมนั่งรอในรถเปิดเพลง ที่ผมเพิ่งใส่เข้าไปใหม่เป็นเพลงอกหักทั้งหมด...ผมฟังทุกวันจนชาชิน ผมอยากจะกราบและเรียกปาล์มี่ว่า “คุณแม่แห่งเพลงอกหัก” ผมไม่นึกมาก่อนเลยครับว่าเพลงของเค้าจะมีเพลงอกหักแล้วทำให้ผมร้องไห้ได้มากมายเพียงนี้ แต่เพลงเหล่านั้น ตอนนี้ทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้วครับ...ผมนั่งร้องคลอไปเรื่อย ๆ แล้วผมก็เห็น รถที่ผมเคยคุ้นตาดี เลี้ยวผ่านผมเข้าไปครับ ผมสูดหายใจลึกแล้วเดินลงจากรถ...เมื่อรถถูกจอดเสร็จ ผมเห็นคนรูปร่างสันทัด เดินลงมาจากรถครับ...แต่นั่นดูไม่เหมือนพี่เขมเลย...ทำไมคน คนนี้สูบผอมไปขนาดนี้...หน้าตาดูซีดเซียวไร้กำลัง...ผมเผ้าดูรุงรังไม่ได้ทรง มันดูไม่เหมือนพี่เขมเลยแม้แต่น้อย...หรือว่าพี่เขมแม่ง...โดนเล่นของฟระ ผมคิดในใจ...แต่จะยังไงก็ตาม ผมต้องเคลียกับเค้าให้รู้เรื่องในวันที่และที่นี้ให้จบ เพราะผมไม่อยากมีความจำกับการเลิกกัน ในสถานที่ ที่ผมต้องไปทุกวัน...มันจะกลายเป็นความทรงจำไม่ดีให้แก่ทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าเลิกกันที่คอนโดผม หรือ คอนโดพี่เขม...ภาพเหล่านั้นคงจะติดตาเราทั้งสองคน...ทุกครั้งที่เราหรือเค้ากลับมาคอนโดตัวเอง...ผมไม่อยากได้ภาพนั้นฝั่งอยู่ในหัวผมครับ...ผมจึงคิดว่า ที่นี่น่าจะเป็นที่ ที่ดีที่สุด

ผมเดินเข้าไปหาพี่เขมที่รถ...ผมยกมือไหว้ทำความเคารพพี่เขมตามที่ลูกเรือควรทำ

บี : สวัสดีครับ พี่เขม

พี่เขม : บีคับ...บี....(นัยตาของพี่เขมเปี่ยมไปด้วยความเศร้า...น้ำตาของพี่เขมเหมือนกำลังจะไหลออกมา)

บี : พี่เขมครับ...นี่กุญแจคอนโดพี่ครับ...ผมขอคืนมันให้กับคนที่ควรจะได้ใช้ดีกว่า

พี่เขม : เด๋วสิบี...ฟังพี่ก่อนได้ไม๊

บี : ได้ครับ...วันนี้ผมจะฟังพี่...แต่พี่ต้องเอากุญแจของพี่กลับไปก่อน

พี่เขม : ถ้าฟังพี่จบแล้ว...พี่จะให้คืนกับเจ้าของ ของมันนะ

บี : เจ้าของ ของมันคงไม่ใช่ผมแล้วหละครับ

พี่เขม : บีครับ...เราไปหาที่นั่งคุยกันดี ๆ ได้ไม๊

บี : ตรงโน้นมีมุมเงียบ ๆ อยู่ครับ...(แล้วผมก็ออกเดินมาโดยไม่รอพี่เขม)

พี่เขมเดินตามมาอย่างช้า ๆ แล้วเราก็มาหยุดอยู่ตรงอีกมุมหนึ่งของร้าน...ผมถามพี่เขมว่าอยากกินอะไรไม๊...

บี : พี่เขม..ทานอะไรหน่อยไม๊ครับ

พี่เขม : บีสั่งเลยครับ...พี่ทานได้หมด

ผมจงใจสั่งแต่อาหารที่พี่เขมชอบ...แล้วก็สั่งเบียร์มาให้พี่เขมอีกด้วย

พี่เขม : พี่จะขอเริ่มเลยละกันนะ

บี : ก่อนจะเริ่มครับพี่...รออาหารมาก่อนเถอะ...เด๋วจะกินกันไม่ลง

พี่เขม : ก็จริงของบี...

บี : พี่เขมเป็นไงบ้าง...สอบเป็นไงบ้างครับ

พี่เขม : ก็ดีนะ...พี่ไม่ค่อยมีกระจิตกระใจอ่านหนังสือเลย

บี : แล้วสอบทำได้ไม๊พี่

พี่เขม : อืมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแหละ

บี : แล้วผลออกเมื่อไหรหละ

พี่เขม : คงจะหลังปีใหม่แหละ

บี : นานเหมือนกันเนอะ

พี่เขม : ก็เค้าคงรอหลังจากเที่ยวปีใหม่เสร็จแหละ เผื่อใครไม่ได้จะได้ ไปเที่ยวปีใหม่ได้สนุกอยู่ ถ้ารู้ว่าไม่ได้ก่อนปีใหม่นี้ พังไปเลยนะ

บี : ก็จริงเนอะ....

พี่เขม : แล้วบีหละ...สอบเป็นไง...ทำได้ไม๊

บี : ก็ได้ทำครับ...ผมก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ตามประสาแหละครับ

พี่เขม : ยังไงก็สู้ ๆ ละกัน....แล้วประกาศผมเมื่อไหรหละ

บี : ก็น่าจะเดือนหน้าเหมือนพี่เขมแหละครับ...

แล้วอาหารก็ถูกนำมาวางไว้หน้าเราครบทุกอย่าง...ผมตักอาหารให้พี่เขมกินก่อน เพราะผมเห็นพี่เขมสูบผอมขนาดนี้ ผมรู้สึกเลยว่า มันอาจจะเพราะส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องของผมก็เป็นได้

บี : อ่าพี่เขม...กินเยอะ ๆ ตอนนี้ผอมไปละนะ

พี่เขม : พี่ขาดคนดูแลอ่ะ...แฟนพี่ลาพักร้อน

บี : น้องเจอ่ะเหรอ...แล้วน้องเค้าไปไหนหละวันนี้ปล่อยให้มาเที่ยวได้

พี่เขม : แฟนพี่ก็ลาพักร้อนไปอ่านหนังสือสอบเพอร์หนะ

บี : น้องเจสอบได้แล้วเหรอ วันนี้ไม่เห็นนะ

พี่เขม : แฟนพี่กำลังตักกับข้าวให้พี่กินอยู่นี่ไง

บี : กินเข้าไปเยอะ ๆ ทำไมปล่อยให้ตัวเองผอมอย่างนี้เนี่ย...

พี่เขมยื่นมือมาจับมือผม....แล้วนัยตาของพี่เขมก็มีน้ำตาไหลท่วมออกมา...พี่คิดถึงบีมาก...กลับมาหาพี่ได้ไม๊...พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีบี

บี : กินก่อนแล้วค่อยพูด...ผมสั่งแต่ของที่พี่ชอบมาให้กินทั้งนั้นเลยนะ

พี่เขมพยักหน้าแล้วก็ปาดน้ำตา...ยิ้มตาหยีเห็นฟันครบทุก 32 ซี่ที่มี ผมก็นำ้ตาซึม ๆ ครับ...แต่ถ้าเทียบกับเวลาที่ผมเป็นบ้าไปนั้น...ตอนนั้นผมแย่กว่านี้มากครับ

ผมพูดคุยกันเรื่องอื่นเพื่อปรับบรรยากาศให้เป็นกันเองมากที่สุดก่อน เพราะผมไม่ได้คุยกับพี่เขมร่วม 2 อาทิตย์ได้แล้วครับ...ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าผม นิ่งมาก สตรองมาก ผมแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว ที่มีพี่เขมอยู่ตรงหน้า...ผมมองพี่เขมเป็นเพียงคนที่เราเคยรู้จักกัน...คนที่ผมเคยรักหมดใจ แต่ตอนนี้ พี่เขมก็เป็นแค่คน คนนึงในชีวิตผมก็เท่านั้นเองครับ...ถามว่ายากไม๊....มันยากมากครับ...การที่จะหยุดรัก จากคนที่เคยรักหมดใจภายในระยะเวลาอันสั้นมาก...มันเป็นทั้งความรักและความหลงไหล อยู่ในเวลาเดียวกัน เป็นช่วงนี้หวานฉ่ำที่สุดในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้

พี่เขม : ให้พี่เล่าได้รึยัง

บี : พี่เขมครับ...ผมสาระภาพเลยนะตอนนี้ ...

พี่เขมเอามือมาปิดปากผม...แล้วพูดว่า

พี่เขม : พี่ขอเล่าก่อน...ก่อนที่บีจะบอกอะไรกับพี่...นะ

ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ

พี่เขมเล่าว่า...




วันที่ผมไปเจอพี่เขมที่คอนโดหนะ...น้องเจกำลังอกหักแล้วชวนให้พี่เขมออกไปกินเหล้าด้วย...พี่เขมก็จำใจไปแต่พี่เขมเลือกจะไปในร้านที่มีพี่เก่งและเพื่อน ๆ ในวงเล่นดนตรีอยู่ด้วยเพื่อจะได้อยู่ในสายตาของเพื่อนเผื่อมีอะไรที่ต้องช่วยกัน...แล้วน้องเจก็เมามากจนไม่ได้สติ...พี่เขมก็เลยต้องพากลับไปที่คอนโด แล้วพี่เขมก็ตามพี่เก่งมาด้วยแต่พี่เก่งติดเล่นดนตรียังออกมาไม่ได้ พี่เขมจึงพาน้องเจกลับคอนโดพี่เขมก่อน แล้วบีก็มาเจอพี่พอดี...หลังจากท่ีบีออกไป...พี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับน้องเจ...จึงเอาน้องเจไปไว้ที่ห้องก่อน...แล้วรอให้ไอ้เก่งกลับมาเพื่อที่พี่จะไปหาบีได้...พี่ลงไปรับเก่งให้ข้ึนมาดูน้องเจแทนพี่แล้วพอพี่กลับมาน้องเจก็หายตัวไปแล้ว...พี่กับไอ้เก่งพากันตามหาตัวน้องเจเพราะกลัวว่าน้องเจจะคิดสั้น...แต่ก็หาไม่เจอจนยามบอกว่าเห็นคนเดินออกไปขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว...พี่ก็เดาเอาว่าเป็นน้องเจ พี่พยายามติดต่อน้องเจแต่น้องเจก็รับโทรศัพท์แล้วก็พูดไม่เป็นภาษา แล้วก้ได้ยินแท็กซี่บอกว่าจะไปที่คอนโดน้องเจ พี่กับไอ้เก่งก็เลยไปรอที่คอนโด แล้วก็พาน้องเจขึ้นห้องไป

หลังจากนั้นพี่ก็ตรงมาหาบีเลย...แล้วพี่ก็โทหาบีไม่ติดตั้งแต่วันนั้นมา ไลน์ก็ไม่ได้ เฟสบุ๊กก็ไม่ได้ อินสตรแกรมก็ไม่ได้...พี่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง...พี่กับไอ้เก่งก็ได้แต่นั่งรอบีอยู่ที่ใต้คอนโด จนเช้า แบตพี่ก็หมด ไอ้เก่งก็เลยโทรหาบี แต่บีก็ไม่ลงมา ไม่นานพี่ก็เห็นป๊ากับแม่มาหาบี ตอนนั้นพี่สาระภาพเลยว่า พี่โกรธมาก...พี่คิดว่าบีเอาเรื่องนี้ไปฟ้องป๊ากับแม่ พี่จึงบอกให้ไอ้เก่งกลับ พี่สิงอยู่คอนโดไม่กล้ากลับบ้าน จนพี่กลับบ้านอีกทีจึงรู้ว่าบีนอนอยู่โรงพยาบาล...พี่ไปหาที่โรงพยาบาลเห็นหมอคิตมาเฝ้าไข้พี่ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ทำให้พี่ไม่กล้าเข้าไปหาบี...จนมาถึงวันที่พี่ไปหาบีที่คอนโด...วันนั้นเป็นวันที่พี่กลัวมากจริง ๆ พี่กำลังคิดว่าพี่ต้องเสียบีไปจริงๆ  แล้วไอ้หมอคิตก็จะมาแย่งบีจากพี่ไป

พี่เขมนำ้ตาไหลไม่หยุดตลอดเวลาที่พี่เขมเล่าเรื่องราวทั้งหมดครับ...เสียงพี่เขมสั่นเพราะอาการร้องไห้แล้วก็พูดไปด้วย...หลังจากพี่เขมเล่าคร่าว ๆ จบ พี่เขมก็มองหน้าผมด้วยสายตาอ้อนวอน

บี : พี่เขมครับ...พี่เขมรู้ไม๊ว่าสิ่งที่ผมโกรธพี่มากที่สุดคืออะไร

พี่เขม : พี่ไม่ได้ไปอยู่กับบี....พี่ไม่ได้แสดงความกล้า...พี่ไม่ได้ทำในสิ่งที่พี่ควรทำ พี่.... พี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่ต้องทำยังไง

บี : สิ่งที่ผมเคยขอให้พี่สัญญา...ว่าเราจะไม่ทะเลาะกันข้ามคืน พี่จำได้ไม๊

พี่เขมมองหน้าผมแล้วก็น้ำตาไหลอออกมาไม่หยุด.... “พี่ขอโทษ” พี่ผิดไปแล้ว

พี่เขม : พี่กลับไปแก้ไขอะไรในอดีตไม่ได้แล้ว...

บี : งั้นอนาคต มันก็ต้องเป็นไปตามเหตุและผลของมันจริงไม๊ครับ

พี่เขม : พี่ขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง...พี่จะปรับปรุงตัว...พี่จะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกครับ

บี : ที่มันเจ็บที่สุด...คือพี่...(ผมสูดหายใจลึก เพื่อจะไม่ให้น้ำตาของผมมันไหลออกมา) ...ไม่ได้อยู่กับผม ในตอนที่ผมต้องการพี่ที่สุด....(แล้วน้ำตาผมมันก็ไหลออกมาทันทีที่สิ้นเสียง)

พี่เขมเข้ามากอดผมแต่ผมกันพี่เขมออก แล้วถอยตัวออกห่าง

บี : พี่ปล่อยผมให้ผมเหมือนตายทั้งเป็นอยู่ 3 วัน...ผมเหมือนคนที่ถูกทิ้งไม่มีใครต้องการอยู่ 3 วัน ผมนอนอยู่โรงพยาบาลทั้งวัน นอนรอพี่ทั้งวัน แต่ผมก็ไม่เห็นพี่เลย

พี่เขม : พี่ขอโทษ...พี่แค่ไม่อยากเข้าไปตอนที่หมอคิตอยู่

บี : พี่ก็รู้ว่า...ผมเคยบอกกับหมอคิตไปว่ายังไง...ผมชัดเจนกับความรักของผมมาก แต่พี่หละ...ชัดเจนกับผมรึป่าว

พี่เขม : พี่รักบี...รักบีคนเดียวจริง ๆ นะ

บี : คำว่ารักบางทีมันก็ไม่พอแล้วพี่เขม...ความซื่อสัตย์หละ...ผมอ่านไลน์ที่พี่คุยกับน้องเจแล้ว

พี่เขมเงียบ...ไม่ตอบผม

บี : ผม เคารพ ในความรักของผมที่มีให้กับพี่...ผมรักพี่แล้วผมก็ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกเลย...แล้วพี่ได้ทำอย่างนั้นไม๊

พี่เขมเอาแต่นั่งก้มหน้า...ไม่พูดอะไรออกมา

บี : พี่เขมครับ...เราห่างหันซักพักเถอะนะพี่...ถึงทุกอย่างพี่จะสามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...แต่ผลของมันก็ยังเป็นเหมือนเดิมครับ...เพราะทั้งผมเองก็ไม่ได้ทำตามสัญญาที่เราเคยให้กันไว้

พี่เขม : พี่ห่างกันบีมานานแล้วนะบี...บีให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวได้ไม๊ครับ

บี : พี่เขม...ผมพูดตรงๆ เลยนะพี่...ตลอดเวลาที่ผมเสียใจ ผมตัดใจจากพี่ไปแล้วครับ เพราะตัวผมคิดว่า...พี่เลือกน้องเจไปแล้ว

พี่เขม : แต่มันไม่ใช่หนิ...พี่ก็อธิบายไปแล้วไง

บี : แต่ความรู้สึกที่เสียไป...มันเรียกคืนมาไม่ได้ไงครับพี่ ผมว่านะ...พี่อาจจะไม่ได้รักผมเท่ากับที่รักน้องเจก็ได้

พี่เขม : พี่กลัวว่าน้องเจจะสิ้นคิด...ทำร้ายตัวเอง

บี : แล้วพี่เคยคิดถึงผมบ้างไม๊!....ว่าผมจะคิดสั้น...บ้าง! พี่เคยคิดถึงผมบ้างไม๊ว่า ผมต้องรอพี่อยู่คนเดียว โดยที่รู้สึกว่าโดนทิ้งไปแล้วมันเป็นยังไง...ผมต้องจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์กี่ที กี่ที ก็ไม่เห็นว่าพี่จะติดต่อมา

พี่เขม : ก็บีเองเป็นคนบล็อคเบอร์พี่ บล๊อคการติดต่อจากพี่ทุกทาง

บี : ผมบล๊อคเบอร์มือถือไม่เป็นครับ...และใช่ผมบล๊อคช่องทาง ต่าง ๆ เมื่อผ่านไปแล้ว 3 วัน

พี่เขม : ไม่อ่า...ตอนนี้พี่ยังโทรหาบีไม่ได้เลย ดูมือถือพี่สิ...พี่โทรหาบีทุกวัน จะเป็น พันสายอยู่แล้ว


มีต่อครับ

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 29 นับ 1-3 P.4 ( 7-11-2017)
«ตอบ #111 เมื่อ08-11-2017 07:25:03 »

พี่เขมยกมือถือแล้วกดหน้าที่ใช้สำหรับโทรให้ผมดู...ผมเห็นในมือถือมีแต่ ชื่อผมแล้วก็โทรออก...วันละเกือบร้อยรอบ...แล้วพี่เขมก็กดโทรออกอีกครั้ง...แล้วก็เปิดลำโพง

“ขอโทษค่ะ ไม่มีเลขหมายที่คุณเรียก...กรุณาตรวจสอบเลขหมายอีกครั้ง”

โทรศัพท์ของพี่เขมมันพูดอย่างนั้นออกมาจริง ๆ ผมจึงวางโทรศัพท์ผมให้พี่เขมดูว่ามันไม่มีการตอบสนองใด ๆ แล้วผมก็กดเบอร์โทรหาพี่เขม แต่กลับกัน มันเกิดโทรติดขึ้นมาแล้วเป็นเลขเบอร์โทรศัพท์ของผมที่ขึ้นโชว์อยู่แต่ไม่ได้ขึ้นชื่อหรือรูปภาพใด ๆ

พี่เขม : อ่าวทำไมอย่างงี้หละ

ผมให้พี่เขมวางโทรศัพท์ลงแล้วกดดูหมายเลขโทรศัพท์ของผมในหน้าที่พี่เขมใช้โทรออกตลอด...หมายเลขโทรศัพท์มันหายไป 1 ตัวครับ...

บี : นี่ไงพี่เขม...เลขมันหายไป 1 ตัว

พี่เขม : แล้วมันหายไปได้ยังไงอ่ะ...พี่ไม่เคยแก้ไขอะไรเลยนะ...

บี : ผมก็ไม่รู้แล้วหละครับ...

พี่เขม : แล้วไลน์หละ...

บี : ใช่ครับ ผมบล๊อค ทุกอย่างแต่หลังจาก 3 วันที่ผมแน่ใจแล้วว่าพี่ไม่ติดต่อมา

พี่เขม : ไม่นะ พี่พยายามติดต่อไปทุกทาง...แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ

บี : พี่เขม บล๊อคไลน์เป็นป่าวครับ

พี่เขม : ไม่เป็นนะ...

บี : งั้นลองกดดูว่าพี่บล๊อคใครไว้บ้าง

พี่เขม : กดตรงไหนหละ

ผมกดหน้าไลน์ขึ้นมาแล้วมือถือมันก็เด้งข้อความที่เข้ามา....

น้องเจ : พี่เขมอยู่ไหน...เจไปหาได้ป่าว

ผมเลื่อนมือถือมาให้พี่เขมอ่านข้อความที่ถูกส่งมา...แล้วผมก็มองหน้าพี่เขมด้วยสายตาที่เย็นชาเหมือนเดิน

พี่เขม : น้องเค้าไลน์หาพี่ทุกวัน...พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง...

บี : นั่นมันเรื่องของพี่ครับ...ผมไม่เกี่ยว

พี่เขม : บีครับ...จะต้องให้พี่ทำยังไง...บีถึงจะหายโกรธ

บี : ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะนะพี่...ผมได้เห็นอะไรที่ผมอยากเห็นแล้ว

พี่เขม : บี...พี่ขอโอกาสได้ไม๊

บี : ผมเป็นพวกใจแข็งสุด ๆ ซะด้วยสิพี่...ไม่ครับ...

แล้วผมก็เดินออกมาจากพี่เขม...ผมเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ผมแล้วบอกเพื่อน ๆ ว่าผมขอตัวกลับก่อน สีหน้าผมเป็นสีหน้าที่นิ่งที่สุด....ไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ทุกคนปล่อยผมกลับบ้านแต่โดยดี...มีแต่คน คนนึงที่ยังไม่ลดละความพยายาม พี่เขมเดินมาขวางหน้าผมแล้วไม่ปล่อยให้ผมไป

พี่เขม : บีไม่รักพี่แล้วเหรอ?

บี : จากที่เห็น พี่น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะครับ...

พี่เขม : มันผิดมากเลยเหรอบี...บีถึงให้อภัยพี่ไม่ได้เลย ความรักที่เรามีให้กันมันไม่มีค่าแม้แต่น้อยเลยเหรอ...ไหนจะป๊ากับแม่พี่อีกหละ...เค้าก็คิดถึงบีนะ

บี : อย่าเอาป๊ากับแม่พี่มาอ้าง....(ผมกระซิบข้างหูพี่เขมด้วยเสียงแบบโมโนโทน)

พี่เขม : พี่ผิดไปแล้ว...พี่

ผมกอดพี่เขม....แล้วก็เอาหน้าซุกเข้าที่คอเหมือนที่ผมเคยทำในทุกครั้ง...แต่ครั้งนี้ตัวของพี่เขมเล็กลงมาก จนผมสัมผัสได้ถึงกระดูกพี่เขม...แล้วผมก็กระซิบข้างหู

บี : เพราะผมรักพี่มาก...ผมถึงปล่อยพี่ไป

พี่เขมยืนอึ้งอยู่ในอ้อมกอดของผม...

ผมเดินขึ้นรถแล้วยิ้มให้พี่เขมหนึ่งทีก่อนจะขับรถออกไป...ผมยังรักพี่เขมอยู่ครับ...ยังรักอยู่มาก...และยังรักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน...ถึงแม้ผมจะตัดใจจากพี่เค้าเท่าไหร ในฝัน พี่เขมก็ยังคงอยู่ในนั้นเสมอและทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ผมได้ฝันถึงพี่เค้า แต่ผมก็ไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดในแบบเดิมได้อีก...ถ้าเค้ายังไม่คิดจะเปลี่ยน ผมก็ไม่คิดจะสานต่อครับ...เพราะถ้าเค้ายังไม่มีความซื่อตรงและซื่อสัตย์กับผม...ต่อให้ผมโอกาสเค้าอีกกี่รอบ...มันก็จะทำให้ผมเจ็บเหมือนเดิม

.
.
.
.
.
หลังจากที่พี่เขมกับผมได้คุยปรับความเข้าใจกันมากขึ้น ไม่รู้จักกี่ครั้ง...ความสัมพันธ์ของเราก็เหมือนกับจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ...ตั้งแต่ร้านคาราโอเกะครั้งนั้น...พี่เขมทำให้ผมเห็นหลายอย่างว่า...พี่เขมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะรักษาผมเอาไว้ แล้วผมก็ยอมที่จะกลับมาคบกับพี่เขมอีกรอบครับ...ป๊ากับแม่ดีใจมากที่ผมได้ผมกลับมาคบกับพี่เขมอีกครั้งแต่เรื่องดี ๆ มักจะอยู่กับเราไม่นานครับ
.
.
.
.
.

.



ในเดือนมกราคม ผลประกาศของการสอบเพอร์เซอร์ออก

ผลออกมาว่าผมไม่ผ่านการสอบคัดเลือกครับ....หัวใจของผมมันแตกสลายทันที ทุกอย่างเหมือนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...ผมเฝ้าถามตัวเองว่า ที่ผมอยากจะเป็นเพอร์เซอร์เนี่ย...ทั้งหมดเพราะว่าใคร...คำตอบลึก ๆ ในใจและผมก็ยังจำได้ไม่เคยลืมคือ ผมอยากจะเป็นเพื่อพี่เขมครับ...เพราะพี่เขมเค้ามีทั้งตำแหน่ง เงินทอง ฐานะทางสังคม คนนับหน้าถือตา แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่คู่ควรกับพี่เขมเลย...ผมจึงพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เป็น...แต่ตอนนี้ ผมทำไม่ได้...สวรรค์คงจะบอกอะไรบางอย่างกับผมครับ...ว่าผมนั้นไม่คู่ควรกับพี่เขม แล้วผลของการสอบกัปตันก็ออกมาในวันเดียวกัน...

ผมตรงไปที่เค้าเตอร์ซื้อตั๋วแล้วผมก็ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้านในทันที...ผมบินไฟล์ที่เร็วที่สุดเพื่อจะได้กลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด ในตอนนี้ ที่ ๆ คิดถึงมากที่สุดก็คือ บ้านครับ...ความเศร้าโศก ความอ่อนแอ ความผิดหวัง ทุกอย่างมันรุมเร้าตัวผมไปหมด ผมไม่สามารถยืนอยู่ได้อีกด้วยตัวเอง...ไม่ว่าผมจะสตรองแค่ไหน...แต่วันนี้ผมหมดกำลังที่จะสู้ต่อไปแล้วครับ...ทางเดียวที่ผมจะทำได้คือ กลับบ้านไปนอนกอดแม่ร้องไห้

เมื่อผมเจอหน้าแม่...ผมร้องไห้ออกมาทันที...แม่รู้ทันทีว่าลูกชายของแม่นั้น...อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติอีกแล้ว...พอกลับถึงบ้านแม่ถึงได้ถามเรื่องทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมบอกไปว่าผมสอบไม่ได้เพอร์เซอร์....แม่หัวเราะออกมาแล้วบอกว่าจะเครียดไปทำไมหละลูก...ไม่ได้ครั้งนี้ครั้งหน้าก็สอบใหม่เท่านั้นเอง...ผมไม่สามารถบอกแม่ได้ว่า สิ่งที่ผมทำทั้งหมดเนี่ย...ผมทำเพื่อใคร...และตอนนี้ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่คู่ควรกับเค้าอีกแล้ว...ไม่นานพี่เขมโทรหาผม...ผมรับโทรศัพท์แล้วเดินออกไปคุยกับพี่เขมนอกบ้านครับ

พี่เขม : บีคับ...อยู่ไหน...ไม่เป็นไรนะ...เอาใหม่ สอบใหม่นะไม่ต้องท้อ

บี : พี่เขมครับ...ผมสอบไม่ได้...ผมอยู่บ้านครับ...

พี่เขม : บ้านไหนอ่ะ...

บี : บ้านที่เชียงใหม่ครับ

พี่เขม : อ่าวกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร...ไม่บอกพี่เลย

บี : กลับทันทีที่รู้ครับ...ผมอยากอยู่กับแม่

พี่เขม : อืมก็ดีแล้วกลับบ้านไปหาแม่บ้างนะ

บี : แล้วผลของพี่เขมเป็นไงบ้างครับ...

พี่เขม : พี่ก็.....ไม่ผ่านเหมือนกันหวะ....

บี : พี่เขม...(ผมร้องไห้ออกมาทันที....ผมรู้ทันทีว่าพี่เขมต้องการผมมากในตอนนี้แน่นอน)...

พี่เขม : เฮ้ย ไม่เป็นไร ไอ้ตัวแสบ...พี่โอเคมากเลย...แค่อยากกอดบีเฉย ๆ ขอพลังหน่อยดิ

บี : พี่เขม...มาหาบีที่เชียงใหม่ไม๊

พี่เขม : อืม...เด๋วดูก่อนนะ...พี่ขอกลับบ้านไปหาแม่ก่อนเหมือนกัน

บี : ได้ครับ...ขับรถดี ๆ ครับ..

ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านร้องไห้หนักกว่าเดิม...คนที่ผมรักตอนนี้ต้องการกำลังใจอย่างมากจากผม...แล้วผมเองก็เช่นกัน...ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี....แล้วพ่อก็กลับมาจากที่ทำงาน เห็นผมนั่งร้องไห้อยู่ในบ้าน

พ่อ : ว่าไงไอ้ลูก...ชาย...(สิ้นเสียงพ่อ...ผมเงยหน้าขึ้นแล้วพ่อก็เห็นผมนั่งร้องไห้อยู่ สีหน้าพ่อตกใจรีบเข้ามากอดผมทันที)

พ่อ : เป็นอะไรลูก...เกิดอะไรขึ้น

บี : บีสอบเพอร์ไม่ได้อ่ะพ่อ

พ่อ : โหย...ก็นึกว่าอะไร...สอบไม่ได้ก็สอบใหม่ดิ..จะไปยากอะไร นึกว่าใครตาย ตกอกตกใจหมดเลย

บี : พ่อ....บีไม่อยากบินละอ่ะ....

พ่อ : อยากทำอะไรหละลูก....(แล้วแม่ก็เดินเข้ามาปลอบ)

แม่ : อยากทำอะไรหละลูก...กลับมาอยู่ใกล้ ๆ บ้านไม๊...แม่คิดถึงนะ

มันยิ่งทำให้ผมคิดถึงแม่กับพ่อมากขึ้นทวีคูณ...ผมเป็นสจ๊วตแท้ ๆ แต่ผมกลับบ้านปีละ 2 ครั้งเองครับ...ทั้งที่ตั๋วผมนั้นถูกมากกกก แต่ผมก็อ้างเสมอว่า ผมยุ่ง...ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่า...ที่ ๆ ผมอยากอยู่ อยู่ที่ไหน...แต่มันก็จะขัดกับคนรักของผมที่อยู่ กทม.
ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี...

พ่อ : อยากเรียนต่อไม๊ลูก....พ่ออยากให้เรียนต่อโทนะ...เรียนตอนที่พ่อยังส่งไหวเนี่ยแหละ....

แม่ : เออดีเหมือนกัน...เรียนแล้วก็จะได้หางานดี ๆ กว่าเดิมทำอีกเนอะ

บี : อยากเรียนครับ...แต่ไม่มีตังง่ะ

พ่อ : ก็พ่อบอกนี่ไงว่าพ่อจะส่งเอง

แม่ : อยากเรียนอะไรหละลูกเคยคิดไว้บ้างไม๊

บี : อยากเรียน ทางด้านการบินเนี่ยแหละครับ...ทำงานสายนี้มาแล้ว

พ่อ : แล้วในไทยมีที่ไหนดีๆ  บ้างหละลูก

บี : บีอยากเรียนออสเตเรียครับ...เค้าดังด้านนี้

แม่ : เออดีนะป้า ก็อยู่โน่น...จะได้มีคนดูแล

พ่อ : เออดีเลย...เด๋วพ่อลองโทรหาป้าดูก่อน

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากครับ...พ่อแม่ผมทำการประสานงานทุกอย่างเกี่ยวกับการเรียนของผมให้อย่างรวดเร็ว..เหมือนกับว่าได้วางแผนไว้นานแล้ว เพราะโทรไปคุยกับป้าแค่ 5 นาที ป้าก็ตอบตกลงทันที...ผมนั่งฟังอยู่แล้วยัง งง เลยครับ ไม่นานป้าก็ส่งอีเมลล์เรื่องของครอสเรียนกับที่เรียนมาให้ผมเลือกดู

บี : นี่วางแผนกันมาก่อนแล้วใช่ป่ะเนี่ย แม่ พ่อ

แม่ : ป๊าวววววว...แค่คิดไว้ก่อนแล้วเฉย ๆ

พ่อ : เออ...บอกๆลูกไปเหอะ

แม่ : ก็เดะ...แม่กับพ่อตั้งใจจะให้ลูกเป็นของขวัญวันเกิดปีหน้าหนะ...

พ่อ : แต่ตอนนี้มันเอามาให้ได้ก่อนก็ดีนะ...จะได้เตรียมตัวแต่เนิ่น  ๆ

บี : แล้วถามรึยังว่าอยากไปเรียนไม๊?

แม่ : อ่าวก็บอกอยู่มะกี้ไง...ไม่ใช่เหรอ

บี : มัดมือชกหวะ

ผมเอาข้อมูลทุกอย่างมานอนดูจนลืมเรื่องราวที่ผมสอบไม่ผ่านไปเลยครับ...โชคดีครับ...ในระหว่างที่ผมทำงานเป็นสจ๊วตอยู่นั้น ผมมีโอกาสได้ช่วยงานบริษัทบ่อย จนได้ไปสนิทกับฝ่าย HR ของบริษัท ผมจึงไลน์ไปถามพี่เค้าเรื่องเกี่ยวกับเรียนต่อว่าจะสามารถทำได้ไม๊...พี่HR ก็ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับตำแหน่งที่จะรับงานในอนาคตและเทรนของการรับคน...และก็ถ้ายังไม่อยากลาออกเลยก็ให้ทำเรื่องเป็น ลาแบบไม่จ่ายเงิน...แต่พี่HR ไม่สามารถการันตรีได้ว่าจะได้นานเท่าไหร...ผมคุยเรื่องนี้กับทั้งเพื่อนและป้าที่อยู่ออสเตเรีย...จนลืมเวลา แล้วพี่เขมก็โทรหาผมอีกครั้ง

พี่เขม : ไอ้ตัวแสบ...หายไปเลยนะ...ทำไมไม่ห่วงแฟนตัวเองบ้างเลย

บี : ผมนอนร้องไห้จนหลับไปเพิ่งตื่นมะกี้เองครับ(ผมโกหก)

พี่เขม : โอ๋ ๆ อย่าร้องน้าาาาา...เด๋วพี่ไปหาวันพรุ่งนี้

บี : จิงง่ะ...เย้ ๆ ๆพี่เขมมาให้กอดหน่อย

พี่เขม : อย่ามาอ่อย...ไอ้ตัวแสบหนีกลับบ้านยังไม่ได้จัดการเลยนะ

บี : อ่าว...ก็ผมนึกว่าพี่เขมได้อยู่แล้วหนิ...ผมเลยไม่อยากอยู่ให้พี่เป็นห่วง พี่จะได้ฉลองได้โดยไม่ต้องห่วงผมไง

พี่เขม : เอาอีกแล้วนะเรา...คิดถึงแต่คนอื่นตลอด...แล้วตัวเองหละ...เป็นไง

บี : ก็ดีขึ้นแล้วครับ...พ่อกลับมามะกี้...กอดกันกลมเลย พ่อแม่ลูก

พี่เขม : ดีแล้วหละ...พี่ขอโทษนะ...ที่พี่สอบไม่ได้..พี่จำได้ว่าพี่เคยสัญญาอะไรไว้ มันอาจจะช้าลงไปหน่อยนะ...บีรอพี่ได้ไม๊

บี : ผมก็อยู่ที่เดิมไม่ไปไหนซักหน่อยพี่เขม...พี่แหละตัวดี...จะปันใจไปให้ใครบ้างรึป่าวก็ไม่รู้

พี่เขม : เคยครับ..แต่ตอนนี้เลิกแล้ว...พี่จะรักและซื่อสัตย์กับบีคนเดียว

บี : ดีมาก...ถ้าไม่นะ...จะกัดให้หูขาดเลย

พี่เขม : มีแฟนหูขาดไม่อายคนอื่นเหรอ

บี : ไม่อายจะบอกว่ากัดเองด้วย....5555

พี่เขม : ไอ้โหดดดดดด

บี : แล้วพี่จะมากี่โมงอ่ะ

พี่เขม : ไปคำ่ ๆ แหละ เด๋วไอ้พวกไอ้เก่งมาด้วย...ถือโอกาสพักร้อนกันหมดเลย

บี : มาครบแก้งเลยป่าวพี่

พี่เขม : ก็ลาก ๆ กันมาอยู่ บอกมันว่าเพื่อนเศร้ามาก แฟนเพื่อนก็เช่นกัน ไอ้เก่งรู้ว่าบีไม่ได้นะ โวยวายใหญ่เลย...

บี : พี่เก่งนี่ก็ชอบโวยวายไม่หยุด...

พี่เขม : มันบอกว่าเด๋วมันจะดูแลเอง...พี่ไม่ต้องไป...ดูมันดิ

บี : เออ...ก็ดีนะ...ผมขอกัดแขนพี่เก่งทีนึง

พี่เขม : นี่ๆ  ๆให้มันน้อย ๆ หน่อย...คุยกับแฟนนะ

บี : ก็แฟนแขนเหี่ยวแล้วอ่ะ...บอกให้ไปเล่นก็ไม่ยอมไป

พี่เขม : ก็ติดแฟนอ่ะ...กลัวแฟนหนีไปอีก

ผมตกใจในคำพูดของพี่เขมมากครับ....ผมลืมไปเลยว่าผมกำลังจะไปเรียนต่อโดยที่ยังไม่ได้ปรึกษาอะไรกับพี่เขมเลย...ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่ถึง 3 ชม. แล้วมันก็เป็นรูปเป็นร่างเหมือนกับเนรมิตเอาไว้โดยพ่อกับแม่ของผม...แถมยังมีป้าช่วยอีกแรง...ผมรีบตัดบทพี่เขมทันทีครับ...ผมไม่รู้ว่าควรจะบอกพี่เขมยังไงดี

บี : พี่เขม...แค่นี้ก่อนนะครับ...พ่อแม่เรียกละ

พี่เขม : อ่า ๆ โอเค...พี่รักบีนะ

บี : ผมก็รักพี่เขมครับ...มาหาไว ๆ นะ คิดถึงแล่ว

จากที่ผมกำลังหายเครียดเรื่องสอบแล้วเปลี่ยนมาสนใจในการไปเรียนต่อโท แล้วผมก็เปลี่ยนมาเครียดทันทีเรื่องของพี่เขมครับ...จากที่ผ่านมาผมกับพี่เขมตัวไม่เคยห่างกันเลยตั้งแต่ครั้งนั้นที่เลิกกันไป แล้วมาตอนนี้ผมจะต้องไปเรียนต่อ...ผมจะต้องห่างกับพี่เขม...แล้วผมต้องทำยังไง...มันมีไม่กี่ทางเลือกที่ผมคิดออก

เลือกที่จะเลิก...แล้วมันมีทางไหนไม๊ที่จะเจ็บน้อยที่สุด?

2. เลือกที่จะคบต่อไป...ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของเรา ว่าระยะห่างกับเวลาทำอะไรไม่ได้....แต่นั้นก็มีเพียงแต่ละครน้ำเน่าเท่านั้นที่พระเอกจะตั้งมั่นในความรักของเขา...แล้วรอให้นางเอกกลับมา....แต่กรูเป็นนางเอก? เหรอ...ไม่ดิ ต้องเป็นนายเอก เหรอ? เค้าเรียกกันว่าอะไรฟระ....


ผมนั่งคิดเรื่องนี้อยู่นาน ในมือก็ถือครอสเรียนที่ปริ้นออกมามากมาย ที่ป้าส่งมาให้ แล้วพ่อกับแม่ก็เข้ามา....

พ่อ : เลือกได้รึยังไอ้ลูกชาย

แม่ : พ่อก็...ปล่อยให้ลูกตัดสินใจซักพักสิ

พ่อ : แหม่ ๆ อันแรกที่เราหยิบขึ้นมานั่นแหละ...อันนั้นมักจะเป็นอันที่ใช่ที่สุด

แม่ : เออ...ก็จริงนะ อย่างแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว...ส่วนใหญ่มักจะเป็นคำตอบที่จิตใต้สำนึกเราคิดไว้เสมอ

บี : ข้อหนึ่งเหรอครับพ่อแม่...

แม่ : ใช่...อย่างแรกเลยลูก...เลือกอันไหนหละ

บี : เลือกเลิกครับ

พ่อ : เลิกอะไรลูก

แม่ : เลิกอะไรลูก

บี : อ่อ...ไม่ใช่ ๆ ครับ...เลือกครอสแรกครับ ที่ swinebrune

พ่อ : ราคาประมาณเท่าไหรลูก

บี : ล้านนิด ๆ ครับพ่อ

แม่ : โห ๆ ๆเป็นล้านเลยเหรอเนี่ย...เรียนที่ไทยไม๊

พ่อ : แหม่...แม่ พ่อเรียนโทเมื่อเกือบ 10 ปีก่อนก็ประมาณนี้แหละ ไม่ได้หนีห่างกันมากหรอก

แม่ : เออ...ก็จริงเนอะ...

บี : พ่อจะไหวเหรอ ตั้งล้านนึงเลยนะ

พ่อ : ไม่ไหวก็ขายที่ไป...ก็น่าจะไหวแหละ....

บี : โหย...ขายที่เลยเหรอ...ไม่เรียนแล้วก็ได้นะพ่อ

แม่ : นี่อยากเรียนหรืออยากได้ที่ดินมากกว่าหละลูก

บี : อยากได้ทั้งสองอย่างง่ะ

พ่อ : ที่ดินอ่ะจะเอาไปทำไม...เก็บไว้ราคามันขึ้นก็จริง...แต่ถ้าแลกกับไปเรียน มันเป็นของติดตัวนะลูก...ใครก็เอาไปไม่ได้

แม่ : พ่อกับแม่...มีสมบัติไม่มากไม่มายนะลูก...พ่อแม่อยากจะให้ลูกได้ มากกว่านี้ และนี่ก็เป็นความฝันสูงสุดของพ่อเค้า...ว่าจะส่งลูกเรียนโท

บี : จริงง่ะ...

พ่อ : ก็จริงดิ....พ่ออยากให้ลูกมากกว่าทรัพย์สมบัติที่มี...อยากให้ลูกได้เรียนและมีประสบการณ์ เพื่อจะได้หางานดีๆ  ทำ

บี : งานตอนนี้ก็ดีนะพ่อ...ได้เงินก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ เผลอ ๆ ได้เยอะกว่าพ่อซะด้วย(ผมแซวพ่อ)

พ่อ : งานนี้หนะมันก็ดีลูก...แต่มันไม่ได้ดีในระยะยาว...ลองคิดดูนะ...ถ้าลูก 40 ลูกจะยังไปบินแบบเดิมได้ไหม? ร่างกายจะไหวรึเปล่า

แม่ : แม่ไม่เถียงนะว่าตอนนี้ลูกได้เงินเยอะ...แต่ถ้ามันแลกกับความเสี่ยง แม่อยากให้ลูกอยู่บนพื้นมากกว่านะลูก ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับเครื่องบิน...แม่บอกเลยแม่ใจไม่ดีตลอดเลยนะ...แต่แม่ไม่กล้าโทรหาลูก กลัวลูกจะกังวล

บี : ครับพ่อ แม่...ลูกเลือกแล้ว...ว่าลูกจะไป แล้วจะกลับมาทำงานที่อยู่บนดินบ้างเนอะ

พ่อ : ดีแล้วหละ...มามีชีวิตแบบคนธรรมดาบ้าง...ติดปีกบิน พ่อกับแม่เมื่อยคอ

บี : ครับ...แล้วมันเริ่มเรียนเมื่อไหนนะเนี่ย

แม่ : นี่ไง ๆ ในเว็ปเขียนไว้ ว่า in-take เดือนหน้าแล้วเนี่ย

พ่อ : เออ..จริงด้วย...เดือนหน้าเร็วไปไม๊ลูก

บี : เร็วไปป่าวพ่อ..แม่

แม่ : ก็ไม่อยากบินแล้วไม่ใช่เหรอ...ก็ไปเลย...รีบ ๆ ทำเรื่อง

บี : แม่ว่า...ระหว่าง ลาออกเลย กับ ลาพักแบบไม่ได้เงิน อันไหนดีกว่า

แม่ : อืมมันก็คนละแบบอ่ะเนอะ...แต่แม่ว่า ออกเลยดีสุด

พ่อ : พ่อก็ว่าตามแม่อ่ะ

บี : ทำไมอ่ะพ่อแม่?...บีนึกว่ายังอยู่กับบริษัทก็น่าจะดีกว่าไม๊

พ่อ : แต่ลูกกลับมาในอีกสายงานนึงนะลูก...ยังไงก็ต้องสมัครใหม่อยู่ดี แล้วอีกอย่างอำนาจการต่อรองเราอาจจะสูงมากกว่าเดิมก็ได้ เพราะถ้าย้ายสายงาน มันจะค่อนข้างยุ่งยาก แล้วเงินมันจะคิดจากฐานเงินเดือนเก่าเรารึป่าว

แม่ : ออกเลย...เพราะกลับมาใหม่ต้องไฉไลกว่าเดิม

พ่อ : แค่นี้เองเหรอแม่....

บี : เออ...แค่นี้เองเหรอแม่...

แม่ : โอ้ย...อยากไปคิดมากดิ...กลับมาก็หางานใหม่ ไม่เห็จะยาก เก่งซะอย่าง

พ่อ : อ่าๆ ๆ ว่าไงว่าตามกัน

บี : ครับ ๆ เด๋วผมปรึกษา HR ก่อนนะ

ในใจผมตอนนี้มีคำตอบให้กับเกือบทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในอีก 1 เดือนที่กำลังจะถึงนี้แล้วครับ...พ่อกับแม่ก็ออกจากห้องผมไป...พ่อกับแม่คงจะคิดว่าไอ้ลูกชายนี้คงกำลังตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนต่ออย่างเป็นแน่....แต่ในใจของผมนั้นกลับเต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึกเสียเหลือเกินครับ...ไม่ว่าจะเป็นดีใจที่จะได้เรียนต่อแล้วพ่อแม่ส่งให้เรียน 55555 ไม่ต้องออกตังเอง...ตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนเมืองนอกซะที...ฝันไว้นานแล้ว ....คิดหนัก กับเรื่องที่จะต้องลาออกกระทันหัน คิดเรื่องของพี่เขม...ว่าจะทำยังไงกับเขาดี

และไอ้เรื่องที่คิดมากที่สุดนี่ก็คงจะไม่พ้น...เรื่องของพี่เขมเนี่ยแหละครับ....อย่างที่แม่บอกว่าไอ้คำตอบที่ผุดขึ้นมาในใจมักจะเป็นคำตอบที่จิตใต้สำนึกเราคิดไว้อยู่แล้ว....ผมก็มานั่งทบทวนทุกอย่างว่า...ถ้าผมจะหาอะไรมาหักล้าง...ว่าไม่เลิกกับพี่เขมก่อนไปได้ไหม?....คำตอบก็มีแต่เสีย กับเสีย ครับ...จิตใจผมคงจะว้าวุ่นมาก...ถ้าพี่เขมเกิดนอกใจผมขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ผมเรียนอยู่เมืองนอก...หรือถ้ากลับมาแล้วเค้าไม่เหมือนเดิมหละจะทำยังไง...หรือถ้าพี่เค้าไม่ให้ไปหละ...จะทำยังไง หรือถ้า...อีกมากมายในหัวผม....แต่ผมก็ขอตัวเองไว้อีก 1  อย่างคือ...ถ้าจะต้องเลิกกันจริง ๆขอให้เลิกกันด้วยดีเถอะ...ผมจึงพยายามหาวิธี ที่จะบอกสิ่งนี้กับพี่เขม ให้พี่เขมเข้าใจได้มากที่สุด...แล้วถ้าวันนึงผมกลับมาแล้วพี่เขมยังคงเป็นเหมือนเดิม...มันก็คงจะไม่ยากที่เราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม...นั่นคือสิ่งที่ผมคิดครับ...



To be continued…


ป.ล. ขออภัยจริง ๆ ครับ ที่ลงตอนซ้ำ ไม่ได้ตรวจดูให้ดี พอดีมะวานป่วย เบลอ ๆ หน่อย ๆ ลงแล้วรีบนอน ขอบคุณมากนะครับที่บอก ขออภัยจริง ๆ ครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

หนักใจ แล้วอีพี่ก็เจ้าชู้

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 31 ความลับ P.4 ( 8-11-2017)
«ตอบ #113 เมื่อ08-11-2017 18:00:24 »

ตอนที่ 31 ความลับ

ผมเปิดเพลงฟังแล้วก็นอนครุ่นคิด....ไป ปากก็ร้องเพลงนี้ไปด้วยเรื่อย ๆ

“อยู่อย่างคนเหงา ๆ อยู่กับความเดียวดาย
แม้ใครจะมองว่าทุกข์ แต่ฉันกับสุขใจ
อยู่เพื่อคิดถึงเธอ ได้คิดถึงเพียงแต่เธอ
แค่เพียงเท่านี้ก็สุขใจ ต่อให้เหงาตาย ก็ยอม”

แม่ : บี...ลงมากินข้าวได้แล้วลูก...แม่ทำแต่ของที่บีชอบไว้ทั้งนั้นเลยนะ

บี : ค๊าบแม่....

ผมลงไปเจอกับอาหารเหนือชุดอลังการงานสร้าง....ผมสวาปามไม่หยุดเลยครับ...พอกินเสร็จ...พ่อก็พาออกมาเดิน ๆ รอบ ๆ หมู่บ้านครับ...เป็นกิจกรรมที่ผมกับพ่อชอบทำหลังจากกินข้าวเสร็จ...เรื่องของเรื่องคือ...หนีแม่ เด๋วแม่ใช้ล้างจานครับ 55555

พ่อ : เป็นไงบ้างหละ...หายเครียดเรื่องเพอร์เซอร์รึยังลูก

บี : ไม่มีเรื่องนั้นเหลือในหัวเลยพ่อ....เรื่องเรียน...มาแทนที่หมดเลย

พ่อ : แต่ดูลูกกังวลอะไรบางอย่างนะ

บี : ก็นิดหน่อยอ่ะ...มันกระทันหัน

พ่อ : เรื่องแฟนเหรอ...

ผมตกใจมาก...พ่อแม่ผมไม่เคยรู้เรื่องพี่เขมมากก่อนครับ...นี่อาจจะเป็นการเดาสุ่มที่แม่งตรงจุดที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

บี : ป๊าววววววว....(เสียงสูงไปไหน...คุมหน่อย ๆ ไอ้บี) ไม่มี๊...แฟนเฟินอะไร

พ่อ : อย่ามาปิดซะให้ยากเลย...ไอ้ลูกหมา

บี : ก็อืมครับ...(ผมยอมรับ อย่างไร้ทางสู้)

พ่อ : ไม่เคยเอามาให้พ่อแม่รู้จักเลยนะ

บี : โหย...ยังไม่จริงจังอะไรขนาดนั้นเลยพ่อ

พ่อ : แล้วจะทำยังไงหละ...

บี : ก็คงจะเลิกก่อนไปอ่ะ...

พ่อ : เห้ย...เอางั้นเลยเหรอ

บี : บีอยากรีบเรียนรีบจบ...ไม่อยากให้มีหวงอ่ะ

พ่อ : มันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอลูก...คนเรารักกันมันไม่ได้ง่าย ๆ นะ

บี : แต่ไอ้ที่ยากกว่ารักกันนี่สิพ่อ...คือจะทำยังไงให้มันรักกันได้นาน ๆ ต่างหาก

พ่อ : ก็จริงเนอะ....

บี : ตอนพ่อไปเรียนต่ออะ...แม่งอแงไม๊

พ่อ : จะว่าไป...แม่ก็คือแม่อะนะ...แม่เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร บีก็รู้ แม่ไม่ใช่คนอ่อนแอเลย...พ่อไปตั้ง 2 ปี แม่เลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด ช่วงที่พ่อไปเลยนะ ไม่มีบ่นซักคำ...บ่นคำเดียวคือ....ขอตังหน่อยเท่านั้นแหละ

บี : เออ...บีก็จำได้นะว่า ตอนนั้น ตอนพ่อไปอ่ะ...บีแอบไปร้องไห้ทุกวันเลย

พ่อ : ไอ้ลูกหมา...ไอ้ขี้แย...คิดถึงพ่อก็เป็นเหรอ

บี : พ่อถึงบีจะไม่ค่อยได้พูด...แต่บีก็รักพ่อนะ...พ่อก็คือพ่อ

พ่อ : มันเป็นเอามากเว้ยวันนี้...ทำไมดราม่าจัง

บี : ไม่รู้ดิ...คิดถึงบ้านมั้ง

พ่อ : เหนื่อยก็กลับมาพัก...ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่ากับบ้านเราอีกแล้วแหละ

บี : ก็จริง... เด๋วถามหน่อย...ตอนนั้นไปแค่สิงคโปร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ยอมกลับบ้านบ้างเลย

พ่อ : เฮ้ย...เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว จำอะไรไม่ได้หรอก

บี : แหนะ...ทำตัวมีพิรุธนะเนี่ย...

พ่อเขกกะบาลผม 1 ที.... “อย่าพูดมากไอ้ลูกหมา...ไปเดินกลับบ้านได้แล้ว”

บี : ถ้าเป็นลูกหมา พ่อก็เป็นพ่อหมาแหละ...จริงมะ

พ่อ : ยอกย้อนนะ...เด๋วเขกอีกที

บี : แน่จริง...วิ่งให้ทันดิ...

ผมวิ่งหนีพ่อกลับบ้านไปก่อนเลยครับ...ไปอ้อนแม่ต่อ...แม่หลังจากทำกับข้าวให้กินแล้วก็ทำการจัดแจงปลอกผลไม้ไว้ให้ผมกับพ่อกิน หลังจากไปเดินเล่นรอบหมู่บ้านมา แม่ก็คือแม่ครับ...งานบ้านงานเรือนแม่เนี่ย...ไม่เคยจะขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย...แต่สมัยก่อนตอนที่แม่ยังทำงานประจำอยู่ มันก็มีบ้างครับ...ไม่สิ มีเยอะครับ...ที่แม่ให้ผมทำ...อย่างเช่น...ถูบ้าน...เป็นหน้าที่หลักของผมเลยครับ...เพราะผมแพ้ฝุ่น...และทุกครั้งที่แม่กวาดเสร็จ ผมก็จะต้องเป็นคนถูกต่อโดยทันที เรื่องล้างจานนี่ ผมก็เป็นคนล้างตลอดครับ...ไอ้ที่หนักสุดและโดนด่าบ่อยสุดคือ เรื่องขัดร้องเท้าครับ...ผมมีหน้าที่หลักอีกอย่างนึงเลยคือการขัดรองเท้าให้ทุกคน ทั้งพ่อแม่และตัวผมเอง ถ้าวันไหนไม่เงานะ...จะเจอพ่อด่าแต่เช้าเลยครับ...มันเลยเป็นเรื่องที่ผมต้องศึกษาเอามาก ๆ ว่าจะขัดรองเท้ายังไงให้เงางาม สมัยยังเป็นเด็กประถม ส่วนพ่อดูเหมือนจะไม่ได้ทำงานบ้านใช่ไม๊ครับ....ผิดครับ พ่อมีหน้าที่หลักคือการ รีดผ้า และล้างรถครับ...อะไรที่ร้อน ๆ พ่อทำหมดครับ...แม่บอกว่า...จะได้ผอม ๆ อ้วนเป็นตือโป้ยก่าย ไปรีดผ้าจะได้เผาผลาญ เยอะ ๆ

พอกลับมานอนตักแม่ให้แม่ป้อนผลไม้ให้กิน....ไม่นานพี่เขมก็โทรมาหาครับ...ตอนนี้ก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ แล้วครับ...กลับมาบ้านเนี่ยผมไม่ได้จับมือถือเลยครับ...ไม่ได้อ่านไลน์ ไม่เล่นเฟส...เลย...ก็มีแต่พี่เขมเนี่ยแหละครับที่โทรหาผม...ผมเดินออกไปนอกบ้านเพื่อคุยกับพี่เขม

บี : คับพี่เขม...(ผมกดรับสายเมื่อเดินออกมาพ้นตาจากพ่อแม่)

พี่เขม : หายไปไหนอ่ะ...ไม่อ่านไลน์เลย...พี่ขอกำลังใจหน่อย

บี : ก็อยู่บ้านอ่ะ...คุยกับพ่อกับแม่

พี่เขม : ไม่อยากคุยกับแฟนบ้างเลยเหรอ

บี : ก็พรุ่งนี้แฟนก็มาแล้วหนิ...

พี่เขม : ก็ใช่...แต่ก็ไม่คิดถึงกันหน่อยเลยเหรอ

บี : ให้บินไปหาคืนนี้เลยไม๊หละ...แล้วพรุ่งนี้มาด้วยกัน

พี่เขม : ได้จิงง่ะ...

บี : จะบ้าเหรอพี่...นี่มันก็ 2 ทุ่มกว่า ๆ แล้วนะ...

พี่เขม : ก็มีไฟล์ 3 ทุ่มนี่นา

บี : แหม่ๆ  บ้านผมไม่ได้อยู่ข้างรันเวย์นะพี่เขม

พี่เขม : อ่าๆ ๆ ก็เดะ...ก็คนมันต้องการกำลังใจอ่ะ

บี : แล้วพี่อยู่ไหนเนี่ย...

พี่เขม : เพิ่งกินข้าวกับป๊ากับแม่เสร็จ...กำลังขับรถกลับบ้าน

บี : ขับรถแล้วคุยได้ไงเนี่ย...

พี่เขม : ป๊าไม่ยอมให้ขับ...บอกว่าอารมณ์ไม่คงที่

บี : 555555 ช่วงนี้เป็นง่อยว่างั้น....

พี่เขม : ใช่...แฟนก็ไม่อยู่ดูแลเลย

บี : เด๋วพรุ่งน้ีจะปรนิบัติเป็นอย่างดีเลยจ๊ะ....ทูลหัวของบ่าว

พี่เขม : ไม่ต้องนอนเลยนะ...ยันเช้า

บี : นี่นั่งอยู่ในรถกับป๊ากับแม่ไม่ใช่เหรอ...พูดเรื่องนี้ได้ไง...ตบปาก ปฏิบัติ!

พี่เขม : ไปเที่ยวยันเช้าไง...คิดอะไรเนี่ย ทะลึ่งนะเรา

บี : หราาาาา....งั้นไม่ต้องเอา

พี่เขม : เฮ้ยไม่ได้ดิ...

บี : 555555 เห็นมะ....พี่ก็คิดไม่ใช่ผมคิดคนเดียว

พี่เขม : ถึงบ้านแล่ว ๆ ๆ ไม่คุยด้วยละ แฟนไม่น่ารัก...

บี : จ๊ะ....เข้าบ้านดีๆ  ฝากสวัสดีป๊ากับแม่ด้วยนะพี่

พี่เขม : ป๊า แม่...บีบอกหวัดดี

บี : เฮ้ย...พูดดีๆ  ดิ

พี่เขม : แค่นี้นะ...เบื่อจะฟัง....ลำไย


ผมกำลังจะหันหลังเดินกลับบ้านแล้วสิ่งที่ผมเจอนั้นก็คือ พ่อกับแม่ครับ...ผมหัวใจตกไปถึงตาตุ่ม...นี่พ่อกับแม่แอบมาฟังเราตั้งแต่เมื่อไหรแล้วได้ยินอะไรบ้าง...ตายห่าละ...กรูจะโดนเชือดไม๊เนี่ย

แม่ : คุยกับใครอ่ะลูก

พ่อ : แฟนมันแน่เลยแม่

บี : คุยกับพี่เขมครับ

แม่ : พี่เขมนักบินเหรอลูก...โอ้ย แม่คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว

พ่อ : อ่อ...พี่นักบิน...แล้วคุยกันเรื่องอะไร พ่อได้ยินอะไรแปลก ๆ

บี : ได้ยินอะไรพ่อ...นี่มาแอบฟังลูกคุยโทรศัพท์เหรอ

พ่อ : ป๊าววววววววววววววววว

บี : พี่เขมจะมาพรุ่งนี้ครับ...นอนโรงแรมลูกเรือครับ อาจจะขอให้แม่ทำกับข้าวให้กินหน่อยได้ไม๊แม่

แม่ : ได้สิลูกรัก...มากันกี่คนหละลูก

บี : เออ...ลืมถามไปเลย...เด๋วไลน์ถามให้นะแม่

แม่ : ก็โทรหาพี่เค้าไปเลยสิ...จะได้รู้เรื่องเลย

บี : อ่า ๆ ก็ได้ ๆ

ผมต่อสายถึงพี่เขมทันที...ตามคำบัญชาของท่านแม่...

พี่เขม : ว่าไงแฟนนนนนนนนนนน...(เสียงดังรอดออกมาจากโทรศัพท์ผม)
(พ่อกับแม่หันมามองหน้ากันแล้วก็ทำหน้าตางง ๆ )

บี : พี่เขมนี่บีเองครับ....แม่ถามว่าพรุ่งนี้พี่กับเพื่อน ๆ จะมากี่คนครับ

พี่เขม : เปลี่ยนเสียงทันที...น่าจะ 4 คนก่อน มี พริ้ง ตาล เก่ง แล้วก็พี่

บี : โอเคครับ...พี่โด่ง กับ พี่มิ่งไม่มาเหรอครับ

พี่เขม : มันบอกไม่ว่างอ่ะ ถ้าว่างอีกวันอาจจะตามมา

บี : แล้วพี่เขมมากี่โมงครับ...

พี่เขม : พี่น่าจะไปได้น่าจะ 5 โมง แต่พริ้งกับตาล แล้วก็เก่งน่าจะไปได้ตั้งแต่เช้าเลยอ่ะ

บี : งั้นเด๋วผมบอกแม่ให้ครับ แล้วเจอกันครับพี่

พี่เขม : คิดถึงนะ...(ด้วยเสียงกระซิบ)

พ่อ : “เป็นแฟนกับพี่เขมเหรอ”...พ่อถามด้วยสีหน้าตายมากครับ...ผมไม่รู้ว่าพ่อถามเพราะเอาตลกหรือว่าถามเพราะรู้สึกสงสัย

บี : ยังไงนะพ่อ...

พ่อ : อ่าวก็ได้ยิน “แฟนนนนนน” รอดออกมาจากโทรศัพท์

แม่ : แหม่พ่อ...พี่เขมเค้าล้อเล่นกับลูกรึป่าว

บี : พ่อคิดอะไรอ่ะ...แปลก ๆ

พ่อ : เออ...พรุ่งนี้พ่อไม่อยู่นะ...

แม่ : อ่าวไปไหนหละพ่อ...ลูกกลับบ้านมาทั้งทีอยู่แป๊ปเดียว

พ่อ : มีประชุมอ่ะ...แล้วคงจะต้องไปกินเลี้ยงต่อ

แม่ : อ่า ๆ ๆตามนั้น

บี : นึกว่าจะอยู่ด้วย...

พ่อ : แหม่ ๆๆ  ไอ้ลูกหมา บีก็ไม่อยู่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ...ไปกินข้าวกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ

บี : เออลืมไป...555555


ีต่อครับ

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ต่อครับ

ตอนเดินกลับบ้าน...ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วครับว่าพ่อแม่รู้เรื่องพี่เขมรึเปล่า​​...แต่จากที่อ่าน ๆ พวกหนังสือมา...เค้าบอกว่า พ่อแม่มักจะรู้...แต่อยู่ที่ยอมรับได้รึเปล่าเท่านั้นแหละ... แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่กังวลเรื่องผมเลยครับ...ถ้าเกิดแม่งรู้ขึ้นมา ผมอาจจะโดนล่ามโซ่ไม่ให้ออกไปไหน...อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปเรียนต่อ...น่าจะได้ขัดรองเท้า ถูบ้านไปตลอดชีวิต
ผมกลับมาบ้าน...เปิดโทรศัพท์เช็คไลน์...ข้อความประมาณ 15xx กว่าข้อความถูกส่งมา แต่ที่น่าตกใจคือไม่ได้เป็นกรุ๊ปที่ข้อความส่งมาเยอะ แต่เป็นคนที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจผมกันครับ....ผมแทบจะลืมไปแล้วว่า...ผมสอบเพอร์ไม่ได้...5555

สิ่งแรกที่ผมจะทำคือ...โทรหาอีเปรี้ยวครับ...ผมต้องเล่าเรื่องที่ผมจะไปเรียนต่อให้มันฟังก่อน...เด๋วมันจะแดกหัวผมเอา

เปรี้ยว : เมิง....ไม่เป็นไรนะ...กรูไม่กล้าโทรหาเมิงเลย...กลัวเมิงเฮริต

บี : เปรี้ยว...กรูกำลังจะไปเรียนต่อ

เปรี้ยว : เหี้ยยยยยยยยย....เมิงพูดจริง....อย่ามาหลอกกรู

บี : จริง...พ่อแม่ให้ไปเรียนต่อหวะ

เปรี้ยว : อีสัส...เมิงจะทำไง...มึงจะทิ้งกรูไปเหรอ

บี : เอาจริง ๆ กรูก็อยากไปนะ...

เปรี้ยว : แล้วเมิงไปเรียนต่อไหน...เรียนในไทยไม๊

บี : ออสหวะ

เปรี้ยว : เออดี...กรูมีบินไป...ไม่แคร์ละ...แต่เมิงต้องมาหากรูทุกครั้งที่กรูบินไป

บี : ได้ดิไม่ซี...

เปรี้ยว : ก็ดีกับมึงแล้ว...ว่าแต่ ทำไมอยากเรียนต่อฟระ

บี : กรูก็เริ่มเบื่อบินละนะ

เปรี้ยว : แล้วเรื่องพี่เขมหละ...เมิงจะทำไง

บี : เนี่ยแหละ...กรูจะมาปรึกษาเมิงเรื่องนี้แหละ เอาไงดีฟระมึงว่า

เปรี้ยว : มึงว่า...พี่เขมมั่นคงกับมึงไง

บี : กรูไม่แน่ใจ

เปรี้ยว : งั้นคำตอบก็

บี : ใช่...กรูว่ากรูจะเลิกกับพี่เค้าก่อนไป...แต่กรูจะเลิกยังไงให้มัน เจ็บน้อยที่สุดดีฟระ

เปรี้ยว : หาโจทย์ยากมาให้กรูเสมอเลยนะชีวิตมึงเนี่ย

บี : ก็เออดิ...เป็นเพื่อนกรูใครว่าง่าย

เปรี้ยว : ก็จริง...ปลาตะเพียนชิบหายเลย

ผมคุยกับเปรี้ยวอยู่นานครับ...คิดเรื่องการบอกเลิกกับพี่เขมให้มันเจ็บน้อยที่สุด แล้วผลสรุปก็คือ....ไม่ได้ห่าอะไรเลยจากอีเปรี้ยวครับ....มันเป็นคนดราม่า ที่ดูหนังเกาหลีและหนังฝรั่งเยอะเกินไป...แผนแต่ละอย่างที่คิดออกมานั้น ล้วนแล้วแต่ เล่นใหญ่มากกกก ไม่ว่าจะเป็น บอกว่าป่วยต้องไปรักษาตัวเมืองนอก แสร้งว่า...มีแฟนใหม่เป็นฝรั่งล่ำ...ไปจ้างนายแบบมาแล้วจะไปอยู่ออสตาม ผ. ใหม่ไป (แผนนี้กระหรี่มากกก) ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่จับได้ว่าคบกับพี่เขม เลยส่งไปอยู่นอก หรือจะเป็น เพราะพี่เขมดีเกินไป...เราจึงรักกันไม่ได้

.
.
.

วันรุ่งขึ้น...ผมตื่นแต่เช้าไปรับพี่พริ้ง พี่ตาลแล้วก็พี่เก่งครับ...พี่ตาลเดินเข้ามากอดผมเป็นคนแรกเลยครับ...แล้วก็ตามด้วยพี่พริ้ง...แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือพี่เก่งเนี่ยแหละครับ...ผมไม่ได้เจอพี่เก่งนานมากครับ...น่าจะตั้งแต่มีเรื่องกับพี่เขมคราวก่อน แล้วผมก็ไม่ได้คุยกับพี่เก่งเลยอีกด้วย พี่เก่งเข้ามาสวมกอดผมแล้วก็ยกตัวผมขึ้นไป

พี่เก่ง : ไอ้หนูน้อย...พี่ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้ดูแลไอ้เขมมัน เรื่องนั้นพี่ก็อยู่ด้วยพี่เป็นพยานให้ไอ้เขมมันได้นะ...

บี : เหยพี่เก่ง....มันตั้งนานแล้วไม๊...

พี่เก่ง : ก็กรูรู้สึกผิดอ่า...แม่ไอ้เขมเล่าว่า มึงตัวผอมลง หน้าตาซีดเซียวเลยตอนนั้น

บี : มันก็อาการคนอกหักป่าวฟระพี่...ผมไม่ได้เป็นมะเร็งซะหน่อย

พี่ตาล : แล้วหายเครียดรึยังเรื่องเพอร์อะ

บี : หายแล้วครับพี่...สบายมาก...

พี่พริ้ง : บีนี่....สตรองกว่าที่พี่คิดไว้เยอะมากเลยนะ

พี่ตาล : เออจริง...พี่คิดว่าจะต้องทำหน้าเปื้อนน้ำตามารับพวกพี่ซะแล้ว

พี่เก่ง : มึงจำได้มะ...ที่ไอ้เขมเล่าตอนมันโดนบีไล่กลับบ้านพร้อมไอ้หมออ่ะ แม่งโคตรน่ากัวเลย....นี่มันจะไม่สตรองก็ให้มันรู้ไป

บี : นี่พี่นินทาเรื่องผมกันต่อหน้าผมเลยเหรอพี่ๆ คับ

พี่เก่ง : นั่นไง...มันแดกพวกเราให้ละ

บี : แหม่ ๆ ๆอรรถรสไม๊หละพี่

พี่ตาล : ไหนว่ามา...วันนี้พาเจ๊ไปกินอะไรบ้าง

พี่พริ้ง : พี่อยากกินอาหารเหนือสุด ๆ ไปเลย

พี่เก่ง : ขอกาแฟก่อนได้ไม๊...บนเครื่องแม่งกาแฟเปรี้ยวสัส...

บี : อยากไปร้านไหนหละพี่เก่ง ตอนนี้มัน 9 โมงอยู่อ่ะ...ก็คงมีร้านแบบว่า ที่ไม่ใช่ร้านสวย ๆ อ่ะ ร้านสวย ๆ คงยังไม่เปิดมั้ง

พี่เก่ง : ริด รด โต้...อะไรซักอย่างอ่ะ... ขอร้านนั้นเลย...พี่จำได้มันเปิดตั้งแต่เช้า

บี : เออ...กาแฟเค้าดีจริง....พ่อค้าไม่ค่อยแซ่บเท่าไหร

พี่เก่ง : พี่แซ่บคนเดียวก็พอน้อง วันนี้อ่ะ

บี : แหวะ....

พี่ตาล : เมิงเนี่ยนะแซ่บ

พี่พริ้ง : ว๊ายยยย...ร้านโปรดฉัน...ใครว่าไม่แซ่บ ฉันขอ

พี่ตาล : พูดไม่เกรงใจผัวเมิงเลยนะ...

พี่พริ้ง : ใคร..ผัว อะไร ไม่มี อยู่ประเทศเชียงใหม่ ฉันเป็นโสดจ๊ะ วีซ่ากรูผ่านแล้ว 3 วัน เพราะผัว ไปต่างประเทศ...คริ ๆ

พี่ตาล : ถึงว่า...ไอ้อ้วนชวนแป๊ปเดียวตอบรับแบบไม่คิดเลย

พี่เก่ง : มา ๆ งั้นก่อนที่ไอ้เขมจะมา....พี่จะเป็นแฟนให้ก่อนละกัน

บี : ถามไม๊ว่าอยากได้รึป่าว

พี่เก่ง : เฮ้ยไอ้หนูน้อย...ให้มันน้อย ๆ หน่อย...

พี่ตาลเดินมากระซิบข้างหูผม... “เล่นกับมันหน่อยนะ...มันเหมือนจะเลิกกับไอ้ต้า”

ผมทำหน้าตาตกใจ....แล้วก็พยักหน้ารับคำของพี่ตาล

บี : อ่า ๆ ๆ แค่ถึงพี่เขมมาแค่นั้นนะ...ถ้าพี่เขมมา...แฟนผม ผมก็อยากดูแล

พี่เก่ง : นี่พี่เป็นเพื่อนแฟนนะ...ก็ต้องดูแลไม่ต่างกัน

บี : เอาใหญ่  นะพี่...

พี่เก่ง : นะ ๆ ข้อร้องหละ...ยอมๆ  พี่ซักวันเหอะ

บี : อ่าๆ  ๆก็ได้  ๆ นี่ทริปนี้ต้องตามใจใครกันแน่เนี่ย...ผมไม่ใช่เหรอที่ต้องเศร้าอ่ะ

พี่เก่ง : แต่ละคนก็มีเรื่องเศร้าของตัวเองป่าวว้าาาา....

ผมมองหน้าพี่เก่ง...แล้วผมก็สังเกตเห็นว่า...ขอบตาพี่เก่งนั้นคล้ำมาก...คงจะนอนไม่หลับมาหลายคืน...แล้วสีหน้าก็ดูเศร้าลงไปถนัดตาเมื่อพี่เก่งพูดถึงคำว่าเศร้า ผมเปลี่ยนบรรยากาศทั้งหมดด้วยการ จับหัวพี่เก่งลงมาแล้วจุ๊บลงที่หน้าผาก

บี : ไม่เป็นไรนะพี่...ผมเติมพลังให้

พี่ตาล : ไม่ต้องไปตามใจมันมากก็ได้นะบี...ไอ้นี่มันขี้สำออย...เห็นตัวมันใหญ่ ๆ นะ ใจปลาซิวมากกกก

พี่พริ้ง : นี่ถ้าไอ้เขมมาเห็นนะ...ไอ้เก่ง...เลือดหัวมึงออกแน่

พี่เก่ง : กรูไม่สนใจละ...ไอ้หนูน้อยต้องเป็นของกรู จนถึงไอ้เขมมาเด๋วกรูคืนให้มัน...(ว่าแล้วพี่เก่งก็ รวบตัวผมไปกอดอีกที)

ผมเหมือนตุ๊กตาและที่วางแขนของไอ้พี่เก่งมันไปโดยปริยายครับ...ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร ไอ้พี่เก่งจะมาอยู่ข้างตัวผมตลอด แล้วเวลาเดินก็จะเอาแขนอันล่ำและหนักอึ้งมาพาดไว้ที่ไหล่ผมตลอดเวลา...ผมก็ปล่อยให้พี่เก่งพาดไปครับ...มันไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนกับ แฟน แต่ผมมีความรู้สึกเหมือนกับพี่ชายซะมากกว่า...แต่เป็นพี่ที่ปัญญาอ่อนมากเลยนะครับ

พอมาถึงร้านกาแฟ...ผมบอกทุกคนว่าตอนเย็นแม่จะทำกับข้าวมาให้กิน พี่ ๆ ได้จองห้องแบบไหนไว้...ถ้าเป็นห้องใหญ่ก็ดีเลยจะได้มีพื้นที่กินข้าว...พี่ตาลรีบโทรหาโรงแรมในการอัพเกรดห้องให้เป็นห้องใหญ่ ที่มีสองห้องนอนแล้วมี 1 ห้องนั่งเล่น...คือโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ลูกเรือพักเป็นประจำอยู่แล้วครับเมื่อมาค้างเชียงใหม่ แล้วโดยปกติเลย...นักบินจะได้ห้องใหญ่กว่าลูกเรือครับ...โดยถ้าผิดปกติก็จะได้ห้องนี้ ซึ่งใหญ่มาก...และมีควาหลอนมากเหมือนกันครับ...ผมเคยได้นอนห้องนี้คนเดียวอยู่ 2 ครั้ง....คือบอกได้เลยว่า...จะใหญ่ไปไหน...มีความวังเวง เพราะมี 2 ห้องนอน แล้วห้องนอนก็อยู่กันคนละฟากอีกด้วย...ทำให้เมื่อเข้าห้องไปปุ๊ป ผมต้องรีบเดินไปปิดประตูห้องอีกห้องนึงทันทีเพราะว่า....กลัวจะเห็นอะไรในห้องนั้น...55555 ถ้าจะคุยกับลูกเรือและนักบินเรื่องโรงแรมผีสิงนะครับ....ผมบอกได้คำเดียวเลยว่า.....น่ากลัวยิ่งกว่า ชมรมขนหัวลุก เลยทีเดียว...(ชื่อรายการบอกอายุมากเลยครับ)

พี่เก่งยังไม่เคยมาเชียงใหม่แล้วได้กินข้าวฝีมือแม่ผมครับ...พี่เก่งเลยดูเฉย ๆ แต่พี่ตาลกับพี่พริ้งนี่สิครับ...ตาเป็นประกรายขึ้นมาทันทีเลยครับ...ตอนเที่ยงผมก็พาพี่ๆ  ไปกินข้าวซอย แล้วก็มาต่อกันที่ร้านขนมในนิมมานครับ...วันนี้เราไม่ได้ไปไหนไกลเพราะต้องรอรับพี่เขมที่จะมาถึงตอนประมาณ 5 โมงเย็นครับ...พอช่วงบ่าย ๆ อากาศก็เริ่มร้อนหน่อย ๆ แล้ว พี่สาวทั้งหลายเลยขอตัวไปนอนงีบหน่อย เพราะน่าจะตื่นกันตั้งแต่เช้าครับ แต่ไอ้พี่เก่งนี่สิ...ตาสว่างโล่เลยครับ...เพราะมันเล่นกินกาแฟไป 5 แก้ว มันบอกว่าอยากลองให้หมดเพราะนาน ๆ ทีมาเชียงใหม่ ผมก็ไม่รู้จะพามันไปไหนดี

พี่เก่ง : ไอ้หนูน้อย...พี่อยากไปดอยสุเทพอ่ะ...ไกลมะ พาไปหน่อยดิ พี่ไม่เคยไปเลย

บี : พี่พูดจริง...พี่ไม่เคยไปดอยสุเทพ...ได้ไงอ่ะ...มาเชียงใหม่ก็ต้องได้ไปดิ

พี่เก่ง : กรูไม่ได้เป็นนักบินเหมือนพวกเพื่อนกรูนะโว้ย นี่มาครั้งที่ 2 เองมั้ง

บี : เฮ้ยพี่พูดจริง...ไม่เป็นไรเด๋วผมทำหน้าที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเอง

พี่เก่ง : ดีมากไอ้หนู....มาให้พี่หอมที

ว่าแล้วไอ้พี่เก่งก็ดึงตัวผมไปหอมแก้มทั้ง 2 ข้างทำอย่างกะผมเป็นตุ๊กตา ผมทำหน้าเหยเกแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

พี่เก่ง : ให้มันเต็มใจหน่อยดิ...เด๋วก็คืนให้ไอ้อ้วนมันแล่ว

บี : นี่พี่เห็นผมเป็นตุ๊กตาเหรอ...ผมเป็นคนนะเว้ย

พี่เก่ง : ก็เอ็งมันน่ารัก น่าแกล้งอ่ะ...ยิ่งแก้มมึงเนี่ยนะ...น่ากัดมาก

บี : มันเป็นแก้มเสน่ห์รู้จักไม๊....ใครได้ลองแล้วติดใจทุกคน

พี่เก่ง : เอออ...จริงด้วย...พี่ชักจะติดใจแล้วดิ

บี : เห้ยพอ...แก้มช้ำหมด...แก้มผมนะ

พี่เก่ง : ตัดแบ่งขายมะ...ขอคนละข้างกับไอ้เขมได้ไม๊

บี : เอาตีนไปก่อนไม๊พี่....ออกไปจากห้องได้แล้ว.... ไปดอยสุเทพเร็ว

พี่เก่ง : ให้ตีนกรูก็เอา...ตอนนี้อะไรที่เป็นชิ้นส่วนมึงกรูเอาหมดแหละ

บี : อย่ามาโยเย...เรื่องมาก ไป...ออกจากห้องได้แล้ว...(ผมทำหน้าดุออกคำสั่งทันที)

ผมพาพี่เก่งไปดอยสุเทพแล้วก็แวะดูจุดชมวิวของเมืองแล้วก็พาไปนั่งที่น้ำตกแป๊ปนึง ตลอดทาง...พี่เก่งดูตื่นเต้นไปหมด...น่าจะไม่เคยขึ้นดอยครับ...คนเมืองกรุงก็อย่างนี้แหละ เห็นต้นไม้เยอะ ๆ หน่อย อากาศเย็น ๆ ซักนิดก็ติดใจเชียงใหม่กันหมดแหละครับ แต่พอดูลึก ๆ เข้าไป ผมก็ยังรู้สึกได้นะครับว่าพี่เก่งเนี่ย....มันกำลังเจ็บอยู่ข้างใน ผมไม่รู้หรอกนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น...แต่ความรู้สึกแบบนี้...ผมเพิ่งจะผ่านมันมาไม่นาน ผมก็เลยอยากจะให้พี่เก่งรู้สึกดีขึ้น....ผมขับรถมาจอด แล้วซื้ออะไรนิดหน่อยไปกินที่น้ำตกครับ

พี่เก่ง : เฮ้ยมีเบียร์ด้วย...พี่ขอกระป๋องนึงได้ป่ะ

บี : ผมไม่กินนะพี่...ขับรถ...เด๋วตกดอย

พี่เก่ง : กรูก็ไม่ให้มึงกิน...

บี : แหม่ๆ  ๆงั้นกินเผื่อผมหน่อย เอาไปสองกระป๋องเลย

พี่เก่งยิ้มแป้นเป็นการตอบรับ...เราเดินขึ้นไปซักเล็กน้อยก็มีที่ร่ม ๆ ให้นั่งกินดูวิวน้ำตกครับ...

พี่เก่ง : เฮ้ย...อยากเล่นน้ำเลยหวะ...น้ำแม่งเย็นสัส ๆ

บี : เอาลงไปแค่เท้าก็พอไม๊พี่ เด๋วรถแม่ผมเปื้อน

พี่เก่ง : เออ.. ๆ ก้ได้ แต่น้ำแม่งเย็นจริง ๆ หน้าหนาวเชียงใหม่นี่มันเย็นอย่างนี้ตลอดเลยเหรอฟระ

บี : อ่าว..ก็เย็นดิพี่ แล้วนี่อยู่บนดอยด้วยนะ...ยิ่งเย็นเข้าไปอีก

พี่เก่ง : พี่ไม่เคยมาตอนหน้าหนาวเลยอ่ะ...ชอบเลยอ่ะ...

บี : ชอบก็มาอีกดิพี่...ผมพาเที่ยวได้นะ...ครั้งหน้าเด๋วพาเที่ยวให้ทั่วเลย

พี่เก่ง : จริงนะ สัญญา...พร้อมกับยื่นนิ้วก้อยออกมา

ผมอึ้งไปซักแป๊ป...ผมลืมตัวไปเลยครับว่าผมกำลังจะไปเรียนต่อ แล้วการสัญญาของผมกับพี่เก่งเนี่ย...ผมอาจจะรักษามันไว้ไม่ได้...ผมเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง

บี : เฮ้ย...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ไม๊พี่...ขอแค่พี่มาแล้วผมอยู่เชียงใหม่นะ...ยังไงผมก็พาพี่เที่ยว...จะต้องสัญญาเป็นเด็กไปได้

พี่เก่ง : มึงจะไปไหน

บี : ไม่ได้ไปไหนพี่...ก็อยู่นี่ไง

พี่เก่ง : แล้วแค่สัญญาแค่นี้ ทำไมไม่รับวะ

บี : พี่เก่ง...อนาคตมันไม่แน่นอน...วันนึงผมอาจจะเลิกกับพี่เขมอีกก็ได้นะ

พี่เก่ง : ไอ้หนูน้อย...มึงรู้ไม๊ว่า ไอ้เขมมันรักมึงมากแค่ไหน

บี : ก็รู้นะพี่...แต่หลังจากตอนนั้นมา...ผมก็...

พี่เก่ง : กรูเข้าใจ...แต่มึงเคยรู้ไม๊ว่า ตอนนั้นไอ้เขมมันเป็นบ้าไปเลยนะ

บี : แล้วพี่รู้ไม๊ครับ...ว่าผมก็เป็นบ้าไม่แพ้กัน...พี่พูดเหมือนกับผมไม่มีหัวใจอย่างนั้นหนะ...(ผมทำหน้าบูดใส่พี่เก่ง...แอบน้อยใจเล็ก ๆ)

พี่เก่ง : ก็ไอ้เขมมันก็เพื่อนพี่ไง...แล้วพี่ก็อยู่กับมันตลอด

บี : ก็แน่สิ...ผมมันไม่ใช่เพื่อนพี่หนิ

พี่เก่ง : ไม่งอนนะ ๆ

ผมนั่งก้มหน้ากอดเข่าแล้วมุดหน้าลงไปไม่ให้พี่เก่งเห็น... พี่เก่งพยายามง้อเอานิ้วมาแหย่ จักจี้ผม แล้วไม่นานพี่เก่งก็ลุกขึ้นอุ้มผมเหมือนลูกบอล

พี่เก่ง : ถ้ามึงยังงอนกรู กรูจะจับมึงทุ่มลงไปในน้ำ

บี : เฮ้ยพี่เก่ง...ปล่อย  ๆ ๆยอมแล้ว ๆ ๆๆ

พี่เก่ง : แน่นะ.....

บี : ยอมครับ ยอม...

พี่เก่ง : ให้กรูกัดแก้มด้วย 1 ที

บี : ครับ ๆ ยอมๆ ๆ

พี่เก่ง : 2 ที

บี : ไอ้ห่า...ได้คืบจะเอาศอก

พีเก่งรีบปล่อยผมลง...แล้วคนแถวนั้นก็หันมามองเต็มไปหมด เพราะเสียงโวยวายผมดังขึ้นเรื่อย ๆ จนตะโกนว่าไอ้ห่ามะกี้สุดเสียง....พี่เก่งนั่งขำไม่หยุด ผมนี่หน้าแดงเลยครับ...อายก็อาย...ผมเลยเปิดเบียร์กินแก้เขิน...55555 ไอ้พี่เก่งรีบมาแย่งจากมือหลังจากที่ผมจิบไปได้นิดเดียว...ซักพักผมก็ถามพี่เก่งเรื่องของพี่ต้า...พี่เก่งดูหน้าเครียดขึ้นมาทันที...เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย...ผมบอกไปว่าถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ ผมแค่อยากให้พี่ระบายมันออกมาบ้างเท่าน้ัน...เพราะตอนผมเป็น...ก็มีความรู้สึกที่ไม่ได้ต่างกัน

พี่เก่งหันหน้ามาแล้วกอดผมเข้าอย่างจัง....ผมได้ยินเสียงสะอื้นของพี่เก่งเบา ๆ แล้วก็มีนำ้ตาไหลลงมาที่ไหลผม ผมได้แต่กอดพี่เค้าแล้วก็ลูบหลับเบา ๆ

พี่เก่ง : มึงไอ้หนูน้อย รู้ไม๊...ไม่มีใครถามอะไรกรูเลย...กรูไม่รู้ว่าทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย...กรูก็เพื่อนพวกมันนะเว้ย...ทำไมทุกคนไม่ถามกรูเลยซักคำ

บี : ทุกคนก็อยากถามแหละพี่...แต่แค่...เอาเป็นว่าผมถามแทนทุกคนแล้วละกันนะ

พี่เก่งเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าคนอย่างผมจะไปแก้ไขหรือให้คำปรึกษาอะไรได้ เพราะมันเป็นเรื่องระหว่างครอบครัวของทั้งสองฝ่ายซึ่ง มันทำให้คนที่รักกันสองคน ไปต่อไม่ได้ครับ...เค้าจึงต้องจำใจเลิกกัน...ผมก็เห็นใจทั้งสองฝ่ายนะครับ แต่ตอนนี้ที่ผมเห็นใจสุดก็คงเป็นพี่เก่งเนี่ยแหละครับ...ผมไม่เคยเห็นพี่เก่งในมาดที่กวน ๆ ชอบแกล้งชาวบ้าน แล้วก็ดูชิวกับทุกเรื่อง เครียดจนร้องไห้ออกมาเลยครับ ผมปลอบประโลมพี่เก่งอยู่นาน

พี่เก่ง : ขอโทษนะไอ้หนูน้อย...กรูไม่เคยไปช่วยอะไรมึงเลย...แต่มึงกลับกลายเป็นคนที่มาช่วยฟังกรูระบาย

บี : ก็ผมเป็นไอ้หนูน้อยของพี่ไง...

พี่เก่ง : กรูรู้แล้วหละว่าทำไม ไอ้เขมมันถึงรักมึงมากขนาดยอมไม่อ่านหนังสือเพื่อไปง้อมึงทุกวัน

บี : พี่ว่าไงนะ....

พี่เก่ง : ห่านจิก...กรูไม่ได้พูดอะไรออกไปนะ...อากาศวันนี้มันร้อนจัง

บี : พี่เก่ง...เล่ามา

พี่เก่ง : อ่าๆ ๆ เอาเป็นว่ากรูเล่าก็ได้...มันมีแต่จะทำให้มึงสองคนรักกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น...แต่ตอนแรกไอ้เขมห้ามให้กรูไปเล่าให้ใครฟังเลยนะ ตอนนี้มันคงไม่ว่าแล้วมั้ง

“ก็คือว่า...จำได้ไม๊ว่าช่วงหลังที่บีสอบเสร็จอ่ะ...ไอ้เขมมันยังสอบไม่เสร็จเลย...แต่มันก็ไปง้อทุกวัน...จำได้ใช่ป่ะ....ช่วงนั้นมันเลย...พลาด ๆ อะไรไปหลายอย่างแหละมั้ง มันเลยทำให้มันไม่ได้กัปตันในรอบนี้อ่ะ”

บี : เชี่ยละไง...

พี่เก่ง : พี่ถามมันว่า...ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ มันก็ตอบพี่ว่า ถ้ามันได้เป็นกัปตันแต่มันไม่มีมึงอยู่ข้าง ๆ มันก็ไม่มีความหมาย...มันสัญญากับมึงไว้ว่าหลังจากที่เป็นกัปตันแล้วจะขอให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามันได้เป็นแล้ว มันไม่มีมึง....กัปตันก็ไม่มีความหมายสำหรับมัน

ผมนั่งอึ้งไปเลยครับ...ผมลืมไปเลยว่าช่วงนั้น พี่เขมมาง้องอนผมตลอด...แล้วไอ้ผมเนี่ย ก็ใจแข็งมากกกก...ไม่สนใจพี่เขมเลยซักนิดเดียว...ผมจำได้ดีว่าทุกครั้งที่ผมกลับคอนโด...ผมจะต้องเจอหน้าพี่เขม ก่อนผมขึ้นไปทุกครั้ง แรก ๆ ผมก็ไม่สน...แต่ซักพักผมก็ยอมคุยกับพี่เขม...แล้วพี่เขมก็ทำทุกอย่างเหมือนมาจีบผมใหม่อีกรอบเลยครับ...เพียงแต่คราวนี้ผมเล่นตัวเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง...จริง ๆ แล้วเห็นหน้าตั้งแต่วันแรกๆ ผมก็ยอมพี่เค้าแล้วหละ...แต่ร้องไห้ไปตั้ง 3 วัน ก็ต้องมีฟอร์มหน่อยว่ามะ? แต่ผมก็ไม่คิดว่าพี่เขมจะเอาอนาคตของพี่เค้ามาแลกกับผมเลย...ซึ่งยิ่งทำให้ผมรู้เลยครับว่าตัวผมเนี่ย...ไม่คู่ควรกับพี่เขมเลยแม้แต่น้อย...แล้วตอนนี้ยิ่งผมกำลังจะไปเรียนต่ออีก...ผมยิ่งเหมือนทรยศพี่เขมหนักเข้าไปอีก....ยังไม่รวมที่ผมจะบอกเลิกกับพี่เขมอีกนะครับ...ทำไมผมมันชั่วไร้ที่ติอย่างน้ีเนี่ย








To be continued…


ป.ล. ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ป่วยหน่อย ๆ เลยครับเจ็บคอ ถ้าอะไรผิดพลาดไปขออภัยด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 31 ความลับ P.4 ( 8-11-2017)
«ตอบ #115 เมื่อ08-11-2017 18:46:05 »

ดูแลตัวเอง ขอให้หายไวไว :L2:

มาม่าชามนู้น ชามนี้ อืดไปยาวๆ


 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 31 ความลับ P.4 ( 8-11-2017)
«ตอบ #116 เมื่อ08-11-2017 20:49:23 »

มาม่าอร่อยเชียว
มารอดูว่าตอนหน้าน้องบีจะออกสเต็บแบบไหนเพื่อขอไปเรียนต่อ

ออฟไลน์ cybershot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 31 ความลับ P.4 ( 8-11-2017)
«ตอบ #117 เมื่อ08-11-2017 21:00:08 »

ดูแลตัวเอง ขอให้หายไวไว :L2:

มาม่าชามนู้น ชามนี้ อืดไปยาวๆ


 :L1: :pig4:

อะไรคือมาม่าอ่ะครับ...ผมไม่เข้าใจเลย

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 31 ความลับ P.4 ( 8-11-2017)
«ตอบ #118 เมื่อ08-11-2017 21:09:30 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: KISS AND FLY ตอนที่ 31 ความลับ P.4 ( 8-11-2017)
«ตอบ #119 เมื่อ08-11-2017 21:13:37 »

รักษาสุขภาพด้วยจ้า  หายไวๆนะ
พี่เขม  อะไรเนี่ย  เหอๆๆ  จะตัดสินใจยังไงเนี่ยบี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด