❣ เจ้าพระยาที่รัก ❣ ท่าเรือที่ 20 : ปลาทองน้อยกลางฝูงฉลาม (17/12/2018) p.09
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❣ เจ้าพระยาที่รัก ❣ ท่าเรือที่ 20 : ปลาทองน้อยกลางฝูงฉลาม (17/12/2018) p.09  (อ่าน 79310 ครั้ง)

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
ท่าเรือที่ 9

หลีดพร้อม เจ้าไม่พร้อม


   


   SMO – Phama

      ความสดใสในเช้าวันนี้ ยังสู้ความสดใสของรอยยิ้มน้องเจ้าไม่ได้เลย >///< #แอดมินยานอนหลับ

      **แนบภาพน้องเจ้าพระยาตอนเผลอยิ้มกว้าง ตาหยี แก้มสีชมพูจางๆ


   กล่องความคิดเห็นใต้ภาพ

      Namo puttaya : โอ้ยยยยยย ใจบางเลยกู ยิ้มห้าพันของพี่

      Candy สีชมพู : นั่งมองรูปน้องละเขินไปหม๊ดดดด

      มีเกียร์แต่เมียไม่มี : เห็นรอยยิ้มน้องเจ้าพระยาละใจพี่ละลายเป็นแม่น้ำปิงเลย

      NiceToMeetYou : น้องเขามีแฟนหรือยังครับ ^^

      Arunwitch Gear : ไอ้ปลาทองเอ้ย

 

   “เชี่ย!”
 
   “อะไรวะเจ้า”
 
   เสียงอุทานที่ดังขึ้นมานั่นก็ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน เสียงผมเองครับ เจ้าพระยาคนเดิม ดังพอที่จะให้เพื่อนสนิทข้างกายเอ่ยถามขึ้นมาถึงสาเหตุการตกใจ ก็จะไม่ให้ตกใจจนตาโตได้ยังไง เพราะในขณะที่ผมกำลังเลื่อนอ่านความคิดเห็นมากมายใต้รูปภาพของผมที่เพจสโมฯคณะได้โพสต์ไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หนึ่งในความคิดเห็นที่ผ่านเข้ามาในสายตากับประโยคที่เป็นสรรพนามที่ใช้เรียกผมเป็นประจำของใครคนหนึ่ง ‘ไอ้ปลาทอง’ แทบไม่ต้องสืบหาตัวต้นเหตุของความคิดเห็นนั้น

   เหอะ!

   ไอ้พี่บ้าเอ้ย กล้ามาพิมพ์แบบนี้เลยหรอ หึ่ยยยยย

   “ก็มึงดูนี่ดิ”

   “ไหน อะไร” อินที่นั่งข้างๆผมก็ชะโงกหน้าเข้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ที่ผมยื่นให้

   “มึงดูคอมเม้นท์นี้ ให้ทายว่าใคร”
 
   “หึหึ พี่เกียร์?” อินส่งเสียงในลำคอก่อนจะเปล่งเสียงเอ่ยชื่อบุคคลที่มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ แต่ชอบแกล้งรุ่นน้องอย่างผมเหมือนเด็กๆ

   “ก็ใช่ไง พี่เกียร์แม่ง มาคอมเม้นท์เรียกกูว่าปลาทอง” น้ำเสียงกระแทกกระทั้นของผมแสดงถึงอารมณ์หงุดหงิดได้ชัดเจน

   “ฮ่าๆ ไม่เห็นจะมีอะไร พี่เขาก็เรียกมึงอย่างงี้ไม่ใช่หรอ โวยวายทำไมวะ” ไอ้เพื่อนนี่ก็ยังไปเข้าข้างพี่มันอีกนะ

   “มึงไม่โดนแบบกู มึงไม่เข้าใจหรอก ชิ”

   “เลิกดูแล้วตั้งใจจดได้ละ เหลวไหลนะเจ้าพระยา”

   “เออ! จดแล้ว บ่นเป็นพ่อเลย”

   “พี่เกียร์นู่นพ่อมึง ฮ่าๆ”

   “ไอ้อินนนนน”
 
   “ฮ่าๆ”

   เสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากเพื่อนสนิทผู้เป็นที่รักของผม ทำให้รู้ว่าเพื่อนผมโดนไอ้พี่เกียร์ซื้อไปแล้วแน่ๆ ถึงได้หันมาแกล้ง แล้วก็ไม่เข้าข้างกันอีก เฮ้อ ผมน่าสงสารนะ ว่าไหมครับ




   วันนี้ก็เป็นวันที่ผมมีเรียนตอนเช้าเป็นปกติ เดินทางมามอด้วยความสดใสทางใจ แม้ทางร่างกายจะปวดเมื่อยแขนขาอยู่หน่อยๆ แต่ด้วยความไฮเปอร์ของผมอาการเหล่านั้นมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผิดปกติก็เกิดขึ้นหลังจากผมเดินเข้าเขตมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ผมศึกษาเล่าเรียนอยู่ เพราะมีใครหลายคนเดินผ่านมาแล้วไม่ผ่านไป แต่หยุดหันมามอง รวมถึงส่งยิ้มมาให้ผมบ้าง ด้วยนิสัยยิ้มง่ายของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะส่งยิ้มตอบกลับไปให้ แต่แล้วยิ่งพอเดินมาถึงตัวคณะเภสัชศาสตร์ของผมเอง รุ่นพี่หลายคนที่ผมไม่ค่อยจะเห็นหน้าค่าตาก็กลับกลายเป็นว่าเข้ามาอยู่ในสายตาพร้อมทั้งส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเองให้กับเจ้าพระยาคนนี้

   อืมมมมมม ก็อยากจะสงสัยว่าเพราะอะไร

   แต่...จากความทรงจำเมื่อคืนก็ไม่ใช่เรื่องยากในการคาดเดา
   ถามคำถามแบบไม่เข้าข้างตัวเองเลยนะ ‘ผมกลายเป็นที่สนใจขนาดนั้นเลยหรอ?’
   ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมขอแค่ความสงบในชีวิตยังอยู่กับผมก็พอ

   



   หลังจากหมดเวลาเรียนในช่วงเช้า โรงอาหารของคณะคงเป็นที่ที่ใครหลายๆคนเลือกที่จะฝากท้องไว้สำหรับมื้อกลางวัน ด้วยระยะทางที่ไม่ต้องเดินไปไกลมากเมื่อเทียบกับเวลาพักอันน้อยนิดก่อนจะขึ้นเรียนสำหรับคนที่มีเรียนช่วงบ่าย แถมอาหารก็มีความหลากหลายมากพอที่จะกินโดยไม่ซ้ำเมนูภายในหนึ่งสัปดาห์ ผมกับอินก็เป็นสองคนในกลุ่มคนเหล่านี้

   “เจ้า กินไรวะ” เพื่อนตัวขาวหันมาถามผม

   “อืมมมมมมมมมมมมม”

   “มึงจะอืมยาวถึงเชียงใหม่เลยมั้ยเจ้า พรุ่งนี้ค่อยมาบอกกูนะ” ไอ้เพื่อนสุดที่รักมันเหล่มองผมด้วยหางตา อิอิ แกล้งนิดเดียวเองนะอิน

   “แหม หยอกนิดหยอกหน่อยเอง อืม กูเอาสปาเก็ตตี้ซอสไก่”

   “โอเค เอานมเย็นใช่ปะ”

   “ใช่เลย รู้ใจเจ้าจังเลยยยย” เอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างตาหยีตามแบบฉบับของดีเจ้าพระยาเอง

   อินมองบนใส่ผมก่อนจะยิ้มมุมปาก “หึหึ กูไม่ใช่พี่เกียร์ ไม่ต้องมายิ้มหวานใส่” แล้วมันก็หันหลังเดินไปยังร้านอาหารที่เรียงรายแบ่งล็อคอย่างเป็นระเบียบ

   “เอ่อ หึ่ยยยย ไอ้เชี่ยอินนนน” ตะโกนด่าตามหลังเพื่อนตัวแสบแบบที่เสียงไม่ดังมาก ผมยังไม่อยากเป็นจุดสนใจไปมากกว่านี้


   ระหว่างที่นั่งเฝ้าโต๊ะรออินไปซื้อข้าวกลางวันให้ สายตาผมก็ไปสบเข้ากับรุ่นพี่เชียร์ปี 2 ที่ผมเพิ่งเจอไปเมื่อวาน และดูเหมือนพี่เขากำลังเดินมาทางนี้

   “ว่าไงน้องเจ้า” พี่คนสวยอดีตหลีดคณะฯเมื่อปีที่แล้ว ที่ผมเพิ่งรู้จักเมื่อวานว่าชื่อ พี่ดรีม เอ่ยทักผม

   “ดีครับ พี่ดรีม มาทานข้าวหรอครับ”

   “จ้า ละเป็นไง ดังใหญ่แล้วนะ รูปเจ้านี่ขายดีมาก คิคิ” พี่ดรีมเอ่ยแซ็วด้วยรอยยิ้ม

   “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ก็เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเขินนิดหน่อย แหะๆ”

   “ก็เจ้าน่ารักจริงๆนี่ มีแต่คนชอบ”

   “ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ยินดีคร้าบบบบ” ตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวานเช่นเคย

   “เอ้อ ที่พี่มาทักเนี่ย คือจะบอกว่า เย็นที่เจอกันที่ใต้ตึกคณะนะ เดี๋ยวจะเริ่มซ้อมหลีดเลย เพราะอีก 3 อาทิตย์ก็สอบมิดเทอมแล้ว จะได้ต่อท่าได้บ้าง” รุ่นพี่หน้าหวานอธิบายสาเหตุของการทักทายครั้งนี้

   “อ้อ...ครับ”

   “ติดธุระที่ไหนหรือเปล่า บอกได้นะ แต่พี่อยากให้มาซ้อมทุกวัน ก่อนสอบจะได้หยุดอ่านหนังสือ”

   “ไม่ติดอะไรพี่ เจอกันเย็นนี่นะครับ”

   “จ้า แล้วเจอกันนะ”

   แล้วพี่ดรีมก็เดินจากไป ทิ้งไว้แค่เพียงภารกิจซ้อมหลีดที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตประจำวันของผมจนกว่าจะจบการแข่งขันและหมดหน้าที่ตัวแทนไป

   “พี่เขามาไมวะ” คนที่เพิ่งกลับมาจากการเลือกซื้ออาหารกลางวันเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัย

   “อ๋อ เขามานัดให้กูไปซ้อมหลีดเย็นนี้”

   “อ่อ อาฮะ แล้วนี่กูต้องอยู่เป็นเพื่อนมั้ย?” อินเลิกคิ้วประกอบคำถามที่เอ่ยออกมา

   “จริงๆก็อยากให้อยู่ว่ะ แต่กูก็เกรงใจ ไม่อยากให้มึงมีปัญหา” อันนี้พูดจากใจจริงเลยอ่ะ เพราะผมก็รู้เรื่องที่บ้านมันไม่น้อย สงสารอินมันนะครับ แต่ผมก็อยู่ในจุดที่ช่วยอะไรมากไม่ได้ นอกจากเป็นกำลังใจให้

   “อืม ก็อยู่ได้บ้างแหละ แต่คงไม่ทุกวัน แล้วก็ไม่ค่ำอ่ะ กูก็ไม่อยากทำตัวมีปัญหากับเขา” เพื่อนสนิทเอ่ยเสียงเรียบสายตาไร้ความรู้สึกกับสถานการณ์ในครอบครัวของตัวเอง

   “ไม่เป็นไรมึง กูอยู่ได้ สบายมาก” ยกมือขึ้นตบบ่าคนข้างตัว พร้อมกับรอยยิ้มเพื่อไม่ให้อินเป็นห่วง

   “อืม งั้นมึงก็หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนดิ กูว่ากูคิดออกคนนึงว่ะ” เอาละ อินเปลี่ยนจากสายตาไร้ความรู้สึกมาเป็นสายตาเจ้าเล่ห์ทันทีที่มันเอ่ยประโยคนั้น

   “ใครวะ?” ผมหันไปหาอินพร้อมกับกระตุกหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย

   “ก็...พี่เกียร์ของมึงไง ฮ่าๆ”

   “ไอ้เชี่ยอิน!!!” ตะโกนด่าคนข้างตัวแล้วก็ยกมือที่กำหมัดต่อยไปที่ต้นแขนของเพื่อนตัวแสบ ใครเอ็นดูว่ามันขี้อาย ผมขอเถียงครับ หึ่ย!

   “โอ้ย ต่อยไมเนี่ย ฮ่าๆ”

   “ยังจะหัวเราะอีก จะกินมั้ยข้าวเนี่ย”

   “ฮ่าๆ”

   “เมื่อกี้ได้ยินใครเรียกชื่อกูนะ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น

   เห้ย! มาไงวะ

   “พี่เกียร์” ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามกับผม

   “หวัดดีครับพี่” อินยกมือไหว้รุ่นพี่ต่างคณะ

   “อืม หวัดดี” พี่เกียร์เอ่ยรับไหว้อิน แล้วถึงหันมามองหน้าผม “ละไง ไม่คิดจะทักทายกูหน่อยหรอเอ๋อ” รอยยิ้มมุมปากนั่นปรากฏขึ้นหลังประโยคนั่น คิดว่าหล่อนักรึไง ชิ!

   “หวะ..หวัดดีครับ” เอ่ยทักทายเจ้าของตาคมดุตามมารยาท

   “แล้วเมื่อกี้นินทากูหรอ กูได้ยินนะเตี้ย” พี่มึงครับ ผมชื่อเจ้าโว้ย ก็ได้แค่โวยวายประท้วงในใจนี่แหละ

   “ใคร ใครนินทา ไม่มีเหอะ สำคัญตัวเองว่ะ...โอ้ย!!” เสียงร้องลั่นของผมเอง เพราะโดนพี่มันยกมือมาดีดหน้าผาก “เจ็บนะพี่”

   “พูดดีๆ กูรุ่นพี่มึงนะเตี้ย” เสียงดุจากคนตรงหน้าแต่สายตาพี่มันไม่ดุตามเท่าไหร่

   “แล้วสรุปจะบอกไหม ว่านินทาไรกู”

   “ฮ่าๆ คืองี้พี่ ผมแค่พูดถึงคนที่จะอยู่เป็นเพื่อนมันตอนซ้อมหลีดเฉยๆอ่ะ” ไอ้คุณเพื่อนตัวดีแสดงความหวังดีด้วยการอธิบายเพื่อคลายความสงสัยของพี่เกียร์

   “แล้วกูเกี่ยวไร”

   “ไม่เกี่ยวหรอกพี่ ผมแค่คิดว่าพี่น่าจะมาเฝ้ามัน”

   “โว๊ะ พูดมากว่ะไอ้อิน แดกข้าวไปเลย...ละนี่พี่ก็ไม่ต้องไปสนใจคำพูดมัน ไม่มีไรหรอก ไปกินข้าวไป ผมจะรีบกินข้าว มีเรียนบ่าย” เอ่ยตัดบทสนทนาของคนทั้งคู่ก่อนที่มันจะเข้าตัว
 
   ละทำไมพี่มันยังไม่ไปอีกวะ จะนั่งมองหาอะไรเนี่ย คนจะกินข้าวว้อยยยยยย

   “หึหึ กินเลอะเป็นเด็ก” ยังไม่ทันที่ผมจะจับใจความประโยคก่อนหน้าได้ เจ้าของเสียงทุ้มก็ยกมือขึ้นมาเช็ดซอสไก่สีแดงสำหรับบนราดสปาเก็ตตี้ที่เปื้อนมุมปากผม


   ตึกตัก ตึกตัก


   อาฮะ..รู้แล้วว่าเต้นได้ ไอ้หัวใจบ้าเอ้ยยยยย

   “อะ..เอ่อ ขอบคุณ” ก้มหน้าเอ่ยเสียงตะกุกตะกักแบบที่บังคับตัวเองไม่ได้ เฮ้อ โรงอาหารคณะนี่มันร้อนเนอะ

   “เจ้า ร้อนหรอวะ หน้าแดงเชียว หึหึ” มึงไม่ต้องมาส่งสายตากรุ้มกริ่มให้กูเลยนะไอ้เพื่อนบ้า

   “เออ ร้อน! รีบๆกินเลยมึง เดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทัน” โวยวายไว้ก่อนละงานนี้ ผมไม่มีพวกนี่ครับ โดนเพื่อนทรยศ

   “ขี้โวยวายนะเอ๋อ”

   “เรื่องของผม” ถ้าพูดว่าเสือกก็จะดูหยาบคายไป เจ้าเป็นคนดี หึหึ

   “แล้วเย็นนี้ซ้อมที่ไหน? กี่โมง?”

   “ทำไมอ่ะ?” เงยหน้ามองคนตรงข้ามพร้อมคำถาม

   “อย่าตอบคำถามด้วยคำถาม กูถามอะไรก็ตอบ”

   “แล้วทำไมผมต้องบอกพี่อ่ะ” อย่ามาบังคับเจ้านะ เดี๋ยวรู้เลย หึ

   “อยากรู้ใช่ไหม?” คนตัวสูงทำหน้ายียวนพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่เจ้าตัวชอบทำ

   “...”
 
   “ก็กูจะไปเฝ้ามึงไง ไอ้ปลาทองเอ๋อ”

   “ละ..แล้ว จะไปเฝ้าผมทำไม ไม่มีอะไรทำรึไง โว๊ะ”

   “ต้องเฝ้าดิ”

   “เพื่อ?”

   “เทคแคร์ว่าที่แฟนกูไง”

   “...”

   เอ่อ เอาอีกแล้ว ฮืออออออออ เกลียดรอยยิ้มมุมปากพี่แม่งจังโว้ย

   “แฟนบ้านพี่น่ะสิ ไม่ต้องมาเฝ้า ละนี่พี่ไม่มีเรียนรึไง ไปเลยไป” เอ่ยปากไล่คนตรงหน้าทั้งๆที่ใช้ช้อนส้อมเขี่ยสปาเก็ตตี้ในจานแก้เขิน ใช่ไง เขินโว้ย

   “หึหึ เอ๋อ”

   “อะไรอีก”

   “หน้าแดงแล้วน่ารักว่ะ” พี่มันยกมือมาดึงแก้มผม

   “...”

   ไอ้เชี่ยยยยย พอก๊อนนนนน

   ไม่ไหวจะเขินแล้วนะ งื้ออออ

   “ฮ่าๆ” พี่เกียร์หัวเราะพร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน

   “...”

   “ไว้เย็นนี้เจอกันนะเตี้ย” เอ่ยเสียงทุ้มฟังดูอบอุ่น พร้อมกับยกมือขึ้นวางบนศีรษะของผม

   “อื้อ” แล้วทำไมผมไปตอบรับพี่มันวะเนี่ย
   
   สัมผัสอุ่นบนศีรษะเมื่อครู่หายไป เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้แค่เพียงความรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจกับการกระทำของเขาเมื่อไม่กี่นาทีมานี้

   ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวมาวนเวียนอยู่รอบๆ สิ่งที่ผมแสดงออกไปก็คงมีเพียงแค่การโวยวายด้วยใบหน้าหงุดหงิดใส่เขา แต่ใครเล่าจะรู้ว่าลึกๆแล้ว ผมกลับรู้สึกดีที่มีเขามาวนเวียน


   ใจเย็นไว้นะหัวใจ รู้แล้วว่ารู้สึก แต่อย่าแสดงออกไปมากกว่านี้เลยนะ เจ้ายังไม่พร้อม




   แสงอาทิตย์ช่วงบ่ายแก่ๆที่สาดส่องเข้ามาในตัวอาคารของคณะได้ไม่มาก แต่กลับแผ่รังสีความร้อนจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ บริเวณใต้อาคารก็มีชาวคณะเภสัชศาสตร์นั่งประจำโต๊ะไม้กันอยู่ประปราย หลายคนที่เลิกเรียนแล้วก็เลือกที่จะกลับบ้านและออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง มีเพียงเด็กปี 1 ตัวแทนหลีดคณะอย่างพวกผมที่ยังคงนั่งอยู่ตามที่พี่เชียร์ปี 2 นัดไว้

   “เมื่อไหร่พี่เขาจะมาวะ” ไอ้ซันเพื่อนผู้มีใบหน้าหล่อแต่ปากไม่หล่อเท่าหน้าเอ่ยขึ้น

   “ก็มันยังไม่ถึงเวลานัดนี่หว่า วันนี้คลาสเราเลิกเร็วเอง” เป็นเสียงของว่านดีกรีเดือนคณะผมเอง หล่อ รวย แต่กวนตีน
   
   ทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งรอรุ่นพี่ แต่ก็คงไม่นานหรอกครับ นี่ก็ใกล้เวลาเลิกเรียนปกติของพี่เขาแล้ว

   “เชี่ย!! พวกมึง” ไอ้นายที่นั่งไถโทรศัพท์ฆ่าเวลา อยู่ๆก็อุทานขึ้นเสียงดัง

   “มีไรวะนาย แหกปากเสียงดังเลยมึง” ไอ้ซันหันไปถาม

   “มึงดูนี่ เพจ U cute boy ลงรูป”

   “รูปไรวะ” เป็นผมบ้างที่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

   “ก็รูปมึงไงเจ้า”

   “ห๊ะ! รูปกู?”

   “เออ เนี่ย” ว่าเสร็จไอ้นายก็ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าผม จอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนปรากฎรูปที่โพสต์โดยเพจ U cute boy ที่เขาว่ากันว่าเป็นเพจรวมภาพเหล่าคนหน้าตาดีที่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย U

   แต่รูปที่ผมเห็น กลับไม่ใช่รูปเดี่ยวของผมแบบที่คิดไว้ แต่มันเป็น...รูปคู่ ระหว่างผมกับพี่เกียร์ ที่ดูบรรยากาศรอบๆแล้ว จำไม่ผิดแน่ๆว่าสถานที่ที่ภาพถูกถ่ายได้คือโรงอาหารของคณะ และก็เป็นเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อกลางวันนี้นี่เอง ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าในรูปนั้น ไม่ใช่รูปตอนที่พี่เกียร์วางมือบนหัวผม สายตาที่ตอนนั้นผมไม่มีโอกาสได้เห็น กลับปรากฏเด่นชัดในรูป

   ผมไม่รู้ว่าเจ้าของดวงตาคมดุนั้นรู้สึกอะไรตอนที่มองผมแบบนั้น แต่หัวใจของผมในขณะที่กำลังจ้องมองรูปนี้อยู่

   มันเต้นแรงมาก

   ฮือออออออ


   U cute boy

      ความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ยังแพ้ความอบอุ่นของสายตาพี่ที่มองน้องนะคะ อร้ายยยย แอดมินเขินสายตามากๆค่ะ มีใครจะลงเรือกับเรามั้ย อิอิ #Ucuteboy #แอดมินยาสลบ

      ***แนบรูปคู่พี่เกียร์ลูบหัวน้องเจ้า


   กล่องความคิดเห็นใต้ภาพ

      สาววายวอด : โอ้โห เชี่ย บอกทีว่านั่นสายตาพี่มองน้อง ละมุนมากเหอะ

      น้องหวายมอยู : เห้ยมึง @milkymilky นั่นพี่เกียร์นี่หว่า สนิทกับน้องเจ้าหรอวะ

      Milkymilky : @น้องหวายมอยู ที่รู้ๆมาเพื่อนสนิทน้องเจ้าเป็นเดือนวิศวะฯปี1 อ่ะมึง ถ้ารู้จักคงไม่แปลกปะวะ แต่จากสายตากูชิปคู่นี้ วี๊ดดดดดด

      Dararai :  โอ้ย ต๊ายยย ยังไงคะเนี่ย วิศวะฯบุกโรงอาหารเภสัชฯเลยหรอเนี่ย

      Eveandeve : เอาล่ะ อย่าห้ามกู กูจะชิปคู่นี้

      Shiptour : สายตาแบบนี้ คิดดีกับน้องมั้ยพี่เกียร์ แท็ก #เกียร์เจ้า ต้องมาแล้วแหละ


      และอีกมากมาย...


   ไม่รู้ว่าผมจ้องรูปและอ่านข้อความพวกนั้นนานเท่าไหร่ จนกระทั่งอินเป็นคนสะกิดแขนผมจนหลุดออกจากภวังค์

   “โดนแอบถ่ายเฉยเลยมึง” เสียงเอ่ยเบาๆจากอิน

   “เออว่ะ เหอๆ ใครถ่ายวะ”

   “ใครถ่ายไม่รู้ แต่ที่รู้...ทำไมกูเขินสายตาพี่คนนี้วะ ฮ่าๆ เขินไปหม๊ดดดด” ไอ้นายเอ่ยติดตลก

   “ใครวะเจ้า ใส่ช็อปวิศวะฯด้วย” ซันหันมาถามผมด้วยรอยยิ้ม

   “เอ่อ รุ่นพี่ของเพื่อนกูที่เรียนอยู่วิศวะฯอ่ะ”

   “อ่ออออออ” ซันมันลากเสียงยาวพร้อมพยักหน้ากับคำตอบผม

   “เห้ย กูจำได้ พี่คนนี้เป็นเดือนคณะวิศวะฯปี 3 รองเดือนมหา’ลัยด้วยนะมึง กูเคยเห็นตอนอยู่กองประกวดดาวเดือน” ไอ้ว่านชี้แจงแถลงไขจากข้อมูลที่มันมี ว่าแต่ พี่เกียร์นี่รองเดือนมหา’ลัยเลยหรอวะ

   “แล้วยังไงวะ ทำไมรูปออกมางี้ ฮั่นแน่....” เสียงล้องี้ก็ไอ้ซันเจ้าเดิมแหละครับ

   “แน่พ่อง..ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” ตอบสวนเสียงล้อเลียนของเพื่อนขี้เล่นทันที

   “ฮ่าๆ ไม่มีละทำไมต้องหน้าแดง”

   “ห๊ะ! แดงหรอวะ?” ผมรีบยกมือขึ้นลูบหน้าพร้อมกับมองเงาตัวเองบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับสนิท

   “ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังลั่นของเพื่อนรอบๆตัว ทำให้รู้ตัวว่า แม่งเอ้ย มันเล่นผมแล้ว

   “พวกมึงแม่ง หึ่ยๆ”

   “หน้าตาอย่างมึง ถ้าพี่เขาจะมาจีบ กูก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่”

   “นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อน กูจีบละ” ไอ้ว่านเอ่ยสมทบไอ้นาย

   “อย่ามาพูดชวนขนลุกนะสัด!”

   “หึหึ” นี่ก็ไม่ช่วยผมเลย ไอ้เพื่อนตัวดี อยู่ในเหตุการณ์แท้ๆ




(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2017 11:09:44 โดย chomistry »

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2





     โดนแซ็วอยู่พักใหญ่จนผมขี้เกียจโวยวายพวกมันถึงได้เงียบไปเอง ประจวบเหมาะกับพวกพี่ๆเชียร์ปี 2 เดินเข้ามาเรียกรวมพอดี ทำการชี้แจง แนะนำตัวรุ่นพี่ที่มาช่วยซ้อมจนครบ จึงได้เริ่มการซ้อมหลีดอย่างจริงจัง ในวันนี้พี่เขาก็ยังไม่ได้สอนท่าอะไรให้ มีเพียงการฝึกยืนการ์ดให้เข้าที่ ถูกต้อง สง่างามตามแบบฉบับที่พี่ๆสืบทอดกันมา อยากบอกเลยครับว่า แต่ละท่วงท่าที่กว่าจะออกมาสง่างามถูกใจพี่เขา ก็เล่นระบมไปทั้งต้นแขน เหล่าสมาชิกผู้ชายบ่นโอดโอยกันไม่หยุด แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครจะหยุดซ้อม ตอนพวกมันจริงจังก็ดูเข้าท่าดีนะครับ ไม่ต้องเอ่ยถึงเหล่าพวกสาวๆ แต่ละคนนี่ดูตื่นเต้น กระฉับกระเฉงกันทั้งนั้น เอาเป็นว่า ผมนับกิจกรรมนี้อยู่ในประสบการณ์ที่ดีของผมข้อหนึ่งเลยล่ะ

   สักพักพี่ดรีมก็ปรบมือเรียกความสนใจจากทุกคน “เอาล่ะน้องๆ เดี๋ยวพัก 15 นาทีเนาะ แล้วมาหัดฟันการ์ดกัน”

   “คร้าบ/ค่า” หลีดฝึกหัดอย่างพวกผมก็ตอบรับโดยพร้อมเพรียง แล้วพากันทรุดตัวลงนั่งกันแทบจะทันที


   แต่ผมเลือกที่จะพาสารร่างตัวเองมานั่งข้างเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยังนั่งดูผมซ้อมไม่ไปไหน เอาจริงๆก็เกรงใจ แต่ถึงบอกให้มันกลับมันก็ไม่ไปอยู่ดี เรื่องดื้อเงียบต้องยกให้อินมันเลยล่ะ

   “ไงมึง ไหวปะวะ หน้าดูเหนื่อยนะมึง ฮ่าๆ”

   “เหนื่อยโคตรๆอ่ะ แต่ยังไหว นี่ใคร กูเจ้าพระยานะเว้ย” หันไปตบอกแสดงความมั่นใจต่อหน้าเพื่อนทั้งๆที่แขนแทบจะยกไม่ขึ้น อนาถตัวเองเหลือเกินเจ้าเอ้ย

   “อ๊ะ!” สัมผัสเย็นวาบที่ผิวแก้มข้างขวา ทำให้ปฏิกิริยาร่างกายตอบกลับอัตโนมัติด้วยการหันไปมองหาสาเหตุของสัมผัสเย็นนั่น

   “พี่เกียร์!” คนเดิมนั่นแหละ เอาขวดน้ำที่ยังมีไอเย็นรอบๆขวดมาทาบที่แก้มผม “เล่นไรเนี่ย” แกล้งกันแล้วยังมายิ้มอีกนะ สนุกตายล่ะ

   “ทำหน้าตลกอีกละ”

   “ทำไมชอบแกล้งจังวะ”

   “หึหึ ก็มึงน่าแกล้ง”

   “ไอ้...หึ่ย” เหนื่อยที่จะเถียงแล้ว ได้แต่ยกนิ้วชี้หน้าแล้วก็หันมาทุบต้นแขนตัวเองเหมือนเดิม

   คราวนี้พี่เกียร์มันไม่ได้มาคนเดียว บุคคลที่ยืนอยู่ข้างพี่มันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่พีคนที่ไม่ค่อยพูดนั่นแหละ แล้วมากันทำไมเนี่ย เรียนตั้งปี 3 ว่างกันนักหรือไง ไอ้ภาคเพื่อนผมมันเรียนปี 1 มันยังบ่นจะเป็นจะตาย

   “ไง สภาพแย่มากอ่ะมึง ไหวมั้ยเนี่ย”

   “ทำไมจะไม่ไหว นี่ใคร นี่เจ้าพระยานะเว้ย”

   “บอกไม่จำ กูรุ่นพี่มึงนะ มาวงมาเว้ย”

   “ทีพี่ยังพูดกับผมไม่เพราะเลย ว่าแต่คนอื่น...อื้อออออ ปล่อยยยย นี่มันจมูกคนนะเว้ย บิดมาได้”

   “ก็เลิกเถียงสิ”

   “เออ ... อื้อออ ไม่เถียงแล้ว ปล่อยๆๆ พี่เกียร์ ผมเจ็บ” สิ้นเสียงผมคนตัวสูงก็ยอมปล่อยมือออกจากจมูกผม บีบมาได้ เจ็บนะเว้ย

   “หึหึ”

   “ละพี่มาทำไมเนี่ย ว่างหรอ? ไปหาอะไรทำให้มันมีประโยชน์บ้างนะ”

   “ไอ้เตี้ย เดี๋ยวจะโดน”

   “แหะๆ อย่าๆ” ยกมือกุมจมูกตัวเองป้องกันการโดนทำร้ายร่างกายจากคนตรงหน้าที่ถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามโดยไม่ได้รับเชิญ

   “ก็มาดูมึงซ้อมไง”

   “มาดูทำไม ไม่มีอะไรต้องดู นี่อินก็อยู่ ไปทำไรก็ไปเห๊อะ”

   “ไม่”

   “พี่นี่ดื้อจัง”

   “เรื่องของกู”

   “โว๊ะ ตามใจละกัน จะอยู่ก็อยู่ ละน้ำกับขนมนี่ซื้อมาให้ใช่มั้ย งั้นเอามาเลย” เออ ตามใจแล้วครับ เหนื่อยจะเถียง วันนี้มีเรื่องให้เถียงเยอะเหลือเกิน ถ้ามาแล้วซื้อขนมมาให้แบบนี้ทุกวันก็ดี เพลินเจ้าล่ะ

   “หึหึ”

   



   พอหมดเวลาพักผมก็เข้าสู่ระบบการซ้อมเหมือนเดิม ตอนเดินกลับเข้าซ้อมก็ได้รับสายตากรุ้มกริ่มจากไอ้พวกเพื่อนจอมจุ้นทั้งหลาย ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าพวกมันกำลังคิดอะไรอยู่ ก็คงไม่พ้นเรื่องที่เป็นข่าวในหน้าเพจคิ้วท์บอยของมอนั่นแหละ จะอธิบายก็คงจะเหนื่อยเปล่า เพราะไอ้ตัวการที่เป็นข่าวร่วมกับผมก็มานั่งหัวโด่ ใส่ช็อปสีโดดเด่นแสดงเอกลักษณ์ของคณะวิศวะฯ ดูการซ้อมหลีดของคณะเภสัชฯแบบไม่สนใจสายตาจากคนรอบข้างเท่าไหร่

   จะพูดตรงๆคือพี่เกียร์มันหล่อ แบบที่หล่อมากจนผมอิจฉา จะเดินไปทางไหนก็สามารถเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก แล้วพอมีข่าวแบบนี้ยิ่งทำให้หลายสายตาบริเวณนั้นจับจ้องมาที่พี่มัน และแต่ละคนก็คงจะมีคำถามในหัวมากมายกับความอยากรู้ที่มาที่ไปของรูปนั้น และที่สำคัญ ความสนิทของผมกับพี่มัน

   ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนพรากความสงบออกไปจากชีวิตเลยครับ เฮ้อ




   ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงในการซ้อมท่าเบื้องต้นทั้งหมด ตอนนี้ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน หลังจากพวกพี่ๆชี้แจง นัดแนะเวลาซ้อมเช่นเคย การซ้อมหลีดคงกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้วล่ะมั้ง อย่างน้อยๆก็ถึงช่วงก่อนสอบมิดเทอม ช่วงนั้นพี่เขาจะหยุดให้อ่านหนังสือสอบ

   “กลับกันดีๆนะคะน้อง” เสียงพี่ปี 2 เอ่ยพร้อมโบกมือลาก่อนที่พี่ๆบางคนจะแยกตัวออกไป

   “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”

   “มีใครกลับรถไฟฟ้าบ้าง ไปด้วยกันไหม” เสียงใสของเพื่อนผู้หญิงเอ่ยถาม

   “เราๆ อินด้วย” ผมเอ่ยตอบรับคำชวนของเพื่อนไป

   “อ้าวเจ้า ไม่ได้กลับกับพี่เขาหรอ คิคิ” เจ้าของเสียงใสเอ่ยแซ็ว

   “เอ่อ..มะ..ไม่”

   “เอ๋อ! จะกลับยัง เร็วๆเลย มืดแล้ว” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคว่า ไม่ได้กลับด้วยกัน ไอ้พี่เกียร์ก็โพล่งเสียงดังออกมา คนบ้าอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด

   “พี่ครับๆ พี่ใช่คนในรูปกับไอ้เจ้าที่เพจคิ้วท์บอยลงใช่ป่าวครับ” ไอ้เชี่ยซันนนนนน มึงรู้แล้วมึงจะถามทำไมเนี่ย

   “อืม” นี่ก็ไปตอบเขา เห็นรูปแล้วหรอพี่มึ้ง

   “พี่ๆ พี่จีบเพื่อนผมหรอ” เอาล่ะครับ คู่ขาไอ้ซันอย่างไอ้นาย เปิดคำถามได้เหี้ยมาก

   “โอ้ย พวกมึง ถามเหี้ยไรเนี่ย จีบเจิบอะไร ไปๆกลับบ้าน” ใครจะบ้าให้พี่มันตอบล่ะครับ ผมไม่ไว้ใจคนอย่างพี่เกียร์แน่ๆ

   “แหนะๆ ทำเปลี่ยนเรื่อง ให้พี่เขาตอบดิวะ”

   “เอ้า ก็พาดพิงกู กูก็มีสิทธิ์ตอบดิ”

   “อ่ะ งั้นมึงตอบมา พี่เขาจีบมึงหรอ” เจ้าของคำถามอย่างไอ้ว่าน ดีกรีเดือนคณะสุดหล่อ แต่สำหรับกูวันนี้มึงไม่หล่อสักนิดเลยว่าน โอ้ยยย ถามไรเนี่ย

   “มะ...ไม่ได้”

   “จีบ!!!”

   “...”

   เอ้ออออ แล้วแต่เลยว้อย ฮือออออ

   “ฮิ้ววววววว”

   “เหยดดดดดด”

   “พี่นี่คนจริงว่ะ ฮ่าๆ”

   “หึหึ” แล้วทีนี้เสือกมาแค่หัวเราะหึหึนะไอ้พี่เกียร์

   เลิกครับ เลิกเถียง วันนี้มันวันอะไรของผมว่ะเนี่ย

   พอผมหยุดเถียงก็เป็นไปตามคาด พวกเพื่อนจอมเสือกก็พากันยกกระเป๋าขึ้นสะพาย แล้วถึงได้โบกมืออำลาคนที่เหลืออยู่อย่างพวกผม เออ จะไปไหนก็ไปเลยโว้ย

   “แล้วนี่จะกลับได้ยังเตี้ย มายืนหน้าแดงทำไม”

   “หน้าแดงอะไรเล่า โว๊ะ แล้วนี่ใครบอกจะกลับด้วย ผมจะกลับกับอิน” พูดพลางเดินไปยืนข้างๆเพื่อนสนิทพร้อมกับยกมือพาดไหล่มัน

   “เอ่อ เจ้า มึงกลับกับพี่เกียร์เหอะ”

   “อ่าว แล้วมึงล่ะอิน” งงเลยผม อยู่ดีๆทิ้งกันซะงั้น

   “เดี๋ยวกูไปส่งเพื่อนมึงเอง” เสียงเรียบทุ้มของคนตัวสูงอีกคนที่ผุดลุกขึ้นยืนจากโต๊ะไม้

   “เอ่อ...”

   “เดี๋ยวกูกลับกับพี่พีก็ได้ พอดีบ้านอยู่ทางเดียวกันอ่ะ” อินอธิบายเพิ่มเติม เพราะมันคงเห็นหัวคิ้วของมที่กระตุกเข้าหากัน

   “เอางั้นหรอ แล้วกลับไงอ่ะ”

   “เดี๋ยวกูขับรถไปส่ง ไม่ต้องห่วง” คนเสียงดุตอบคำถามแทนเพื่อนสนิทของผม

   “ครับๆ งั้นผมฝากส่งอินด้วยนะ รีบกลับไปมึง ค่ำแล้ว” เอ่ยฝากรุ่นพี่แล้วถึงหันมาพูดกับคนข้างตัว

   “อืม ไว้เจอกัน เอ่อ แต่พรุ่งนี้กูคงอยู่เย็นแบบนี้ไม่ได้ละนะ” อินบอกผมเสียงเบา โอเค ผมเข้าใจครับ

   “ไม่เป็นไร กูอยู่ได้เว้ย แค่นี้เอง อยู่กับพวกไอ้ซันไง สบายๆ ไม่ต้องคิดมากนะมึง” ตอบเพื่อนตัวขาวด้วยรอยยิ้มเพื่อคลายความรู้สึกไม่ดีในใจของอิน เพราะมันก็คงกลัวผมคิดว่ามันทิ้งผม สนิทกันมากไปก็แบบนี้แหละ ห่วงกันเกิ้นนนน

   “อือ งั้นกูกลับละนะ เจอกัน”

   “เออๆ เจอกัน ถึงละไลน์บอกด้วย”

   “อืม”


   โบกมือลาเพื่อนสนิทที่หันหลังเดินออกไปยังลานจอดรถของมหาวิทยาลัย โดยมีรุ่นพี่ปี 3 คณะวิศวะฯเดินตามหลังไปไม่ห่าง มองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ไป ในหัวก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า ไปสนิทกันตอนไหนวะ แล้วทำไมสายตาที่พี่พีมองไอ้อินมันถึงดูเหมือนกับ..


   เหมือนกับสายตาพี่เกียร์ที่มองผมในรูปภาพนั้น


   หรือว่า...



   “เจ้า!!”

   “ห๊ะ! อะไรพี่ ยืนอยู่แค่นี้ จะตะโกนใส่หูกันทำไมเนี่ย” ยกมือขึ้นลูบหูตัวเอง เล่นมาตะโกนใส่ วิ้งเลยผม

   “ก็เรียกตั้งนานไม่ตอบ ยืนเหม่อมองอะไร เขากลับกันหมดละเนี่ย”

   “อ่าว เออว่ะ” มองไปรอบบริเวณก็เหลือแค่ผมกับพี่เกียร์ที่ยังอยู่ตรงนี้

   “ไปกลับ รถกูจอดอยู่นู่น” คนตัวสูงชี้มือไปทางที่จอดรถของคณะผม

   “เห้ย อย่าบอกนะว่า ผมจะต้องนั่งรถมอไซค์ของพี่คันนั้นอ่ะ ไม่เอานะเว้ย พอแล้ว” ผมนี่รีบปฏิเสธเลยเมื่อพี่เกียร์พูดถึงรถของตัวเอง ในภาพความทรงจำผมก็นึกออกแค่คันนั้นคันเดียวที่มันพาผมแทบเหาะไปร้านหมูกระทะ แค่คิดก็เสียวสันหลังวาบ

   “หึหึ จะตกใจอะไรขนาดนั้น”

   “เออน่ะ เดี๋ยวผมกลับเอง จ้างให้ก็ไม่ซ้อนแล้ว” ยกกระเป๋าขึ้นสะพายเตรียมลาและปฏิเสธความหวังดีของพี่เกียร์

   “จะไปไหน กลับด้วยกัน วันนี้เอารถยนต์มา” คนตัวสูงคว้าข้อมือผมไว้ก่อนที่จะได้ถอยหลังออกห่าง

   “อ่าว แล้วก็ไม่บอก”

   “ก็ใครมันมัวแต่โวยวาย”

   “ก็...เออ รีบกลับเถอะ ไหนรถจอดอยู่ไหน”

   “หึหึ เตี้ยเอ้ย มาทางนี้” ว่าเสร็จพี่มันก็ออกเดินนำผมไปทั้งๆที่มือข้างขวายังจับข้อมือซ้ายผมอยู่

   “เดี๋ยวๆ อย่ามาเนียน ปล่อยเลยพี่”

   “หึหึ” ครับ พี่มันตอบผมมาแค่นี้แหละ แล้วก็ไม่ยอมปล่อยมือผมอีก มาเดินลากกันทำไมเนี่ย

   เมื่อเหนื่อยที่จะยื้อยุดฉุดกระชากแขนคืน ผมก็ปล่อยพี่มันจับตามที่สบายใจ เพราะแค่วันนี้ฟันการ์ด 500 ครั้ง ผมก็ไม่มีแรงแล้ว เก็บแรงไปยกช้อนกินข้าวที่บ้านดีกว่า





   เมื่อถึงลานจอด คนตัวสูงก็กดรีโมทปลดล็อคระบบรักษาความปลอดภัยของรถยนต์ทรงสปอร์ตสัญชาติยุโรปสีขาวที่ตราสัญลักษณ์ได้การันตีราคาไว้เรียบร้อยแล้วว่าคงมากกว่าเจ็ดหลัก เจ้าของรถพาตัวเองไปยืนข้างประตูฝั่งคนขับก่อนจะพยักเพยิดให้ผมเปิดประตูข้างคนขับเข้ามานั่งในรถ เอ่อ วันนี้ผมจะกลับบ้านด้วยรถคันนี้หรอครับ

   ด้วยความไม่เคยชินและกลัวว่านิสัยซุ่มซ่ามของตัวเองจะไปทำชิ้นส่วนในรถหลุดออกมาคามือ ผมก็เลยนั่งนิ่งไม่ขยับตัว จนคนข้างๆส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมา

   “นั่งดีๆ”

   “เอ่อ..ครับ” เฮ้อออออ ผ่อนคลายตัวเองลงมานิดนึง


   ในระหว่างที่ผมไม่ได้ตั้งตัว อยู่ๆพี่เกียร์ก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าเรียบเนียนอยู่ห่างจากผมเพียงแค่ฝ่ามือเดียว ใกล้พอที่จะรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดข้างแก้ม ตาคมดุดูน่าค้นหาจ้องประสานกลับมาทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา แววตาดำสนิทที่มีประกายวูบไหวตามแสงไฟที่ตกกระทบดึงดูดผมให้ต้องจ้องเข้าไปที่ดวงตาคมคู่นั้น และเสี้ยววินาทีที่เกือบทำให้ผมลืมหายใจ เพราะใบหน้าคมได้รูปขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้จนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเสียงก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่มันสูบฉีดเร็วจนเกิดเสียงดังแทบทะลุออกจากอก


   ใกล้ไปแล้ว...


   ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆปฏิกิริยาที่ตอบรับโดยส่วนใดก็ไม่อาจรู้แต่คงอยู่เหนือการควบคุมของสมอง ก็ทำให้ผมเลือกที่จะหลับตาลง มือสองข้างกำชายเสื้อของตัวเองแน่นจนชื้นเหงื่อ แล้วในตอนนั้นเองผมก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่แนบลงมาบนผิวบริเวณหน้าผากของผม ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปจนทั่วร่างกายหลอมละลายการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อหัวใจที่มันกำลังบีบรัดเพราะความตื่นเต้น สัมผัสอุ่นที่เกิดขึ้นเพียงไม่นาน แต่มันกลับทำให้รู้สึกว่า ผมจะไม่มีวันลืม

   
   เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เจ้าของความอบอุ่นที่มอบให้ผมเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมานี้ ก็เอื้อมมือไปจับสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ผม โดยที่ตัวผมเองไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมคู่นั้น รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หน้าต้องแดงมากแน่ๆ ฮือ รถก็แพง ทำไมเครื่องปรับอากาศในรถไม่เย็นเลยล่ะ หน้าร้อนไปหมดแล้ว

   “เอ่อ..ขอบคุณครับ”

   “อืม”

   “...”

   “เจ้า”

   “หื้อ” เอ่ยตอบรับทั้งๆที่ยังก้มหน้า ใครมันจะไปกล้าสบตาเล่า ยอมรับเลยว่า เขินมาก

   “คือ เมื่อกี้ พี่...”

   “ออกรถเถอะ ผมหิวแล้ว ที่บ้านรอกินข้าว” ชิงตัดบทก่อนที่พี่เกียร์จะพูดถึงเรื่องที่ชวนให้หน้าร้อน

   “ครับๆ ฮ่าๆ”

   “หัวเราะอะไรเนี่ย”

   “เปล๊า มีความสุข” คนตอบว่าด้วยน้ำเสียงสดใส แถมยังส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้อีก อย่ามามองแบบนี้นะ เขินเป็นนะว้อย

   “เลิกพูดละขับไปเลย เดี๋ยวบอกทาง”

   “คร้าบ คุณปลาทอง”

   “หึ่ยยยย”
   




   ระหว่างทางกลับบ้านในรถยนต์คันหรูก็ไม่ได้เงียบสนิทจนน่าอึดอัด แต่มีเสียงเพลงเบาๆจากเครื่องเล่นที่พี่เกียร์กดเปิดให้มันบรรเลงไปตามลิสต์เพลงที่ระบบบันทึกไว้ ผมก็คอบบอกเส้นทางกลับบ้านเป็นระยะ บางครั้งก็ได้ยินเสียงฮัมเพลงเบาๆจากร่างสูงที่ทำหน้าที่พลขับในครั้งนี้

   หันมองหน้าคนขับ อยู่ๆในหัวผมก็มีคำถามที่คาใจตั้งแต่เมื่อตอนเย็น ถ้าถามออกไปจะได้คำตอบแบบไหนกลับมานะ

   “นี่ พี่เกียร์”

   “หื้ม”

   “พี่เห็นรูปในเพจ U cute boy แล้วหรอ?”

   “อื้อ ไอ้โซ่เอาให้ดู”

   “อ่อ” หยักหน้าหงึกๆกับคำตอบที่ได้รับ

   “ถามทำไม”

   “ก็...อยากรู้เฉยๆ”

   “เอ๋อ คิดมากอะไรหรือเปล่า หรือเพื่อนแซ็ว?”

   “อือ ก็แซ็วนะ แต่ก็ไม่ได้อะไร”

   “รู้สึกไม่ดีหรอเตี้ย?” อยู่ๆคนตัวสูงก็ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนจนฟังดูเศร้าแปลกๆ

   “เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างงั้น ก็แค่..”

   “...”

   “กลัวพี่นั่นแหละไม่โอเค พี่มีแต่คนรู้จักเยอะจะตาย เป็นถึงรองเดือนมหา’ลัย ข่าวออกไปแบบนี้ เดี๋ยวเรทติ้งก็ตกพอดี ฮ่าๆ” อธิบายให้ดูเป็นเรื่องตลกเพื่อคลายบรรยากาศแปลกๆออกไป

   “หึ เป็นข่าวก็ดี”

   “หื้อ ทำไมอ่ะ?”

   “นี่ต้องให้บอกอีกกี่รอบเนี่ย ว่ากูจีบมึงอยู่ ขี้ลืมเป็นปลาทองจริงๆเลยมึง”

   “อะไรเล่า วู้! ไม่ได้ขี้ลืม แล้วทำไมถึงว่าดีล่ะ”

   “ก็เพราะว่า..” จะเว้นช่วงละทำหน้ากรุ้มกริ่มหาพระแสงอะไรว้อย

   “ว่า?”

   “จะได้ไม่มีใครมาแย่งจีบมึงไง”

   “...”

   “กูชอบมึง จีบมึงได้คนเดียว

   “...”

   “เตรียมหัวใจไว้ตกหลุมรักกูได้เลยน้องเจ้า

   
   เวรแล้วไง ใจเต้นแรง เรียกรถพยาบาลให้เจ้าด้วย

   ใจเย็นสิว้อยพี่แม่ง รู้แล้วว่าจีบ แต่ก็ไม่ต้องรุกหนักขนาดนี้ไหม สงสารหัวใจผมบ้าง!!

   นี่ก็เต้นแรงไม่ไว้หน้าเจ้าของมึงเลยนะไอ้หัวใจบ้า


   จะจีบใช่ไหม ได้!!!

   คิดว่าไม่พร้อมตั้งรับหรอ?

   เออ! ไม่พร้อมโว้ย หัวใจเนี่ย








*TBC
03/10/2017

****************************************************************
เรากลับมาแล้วค่าาา แหะๆ หายไปนานเลย วันนี้เลยพาพี่เกียร์กับน้องเจ้ามาฝาก
ในส่วนของพี่เกียร์ก็ยังคงเดินหน้ารุกจีบอย่างต่อเนื่อง เพราะพี่มันคงไม่อยากนกแล้วแหละ 5555 ขืนลีลาจีบอ้อมโลก คนฮอตอย่างน้อยเจ้าโดนหมาคาบไปกินแน่ๆ

ส่วนพาร์ทพี่พีน้องอินตอนที่แล้ว เราตั้งใจให้เนื้อเรื่องมันคนละโทนกับคู่หลัก อยากให้รู้จักความรักในอีกรูปแบบ ขอบคุณทุกคนที่ชอบพี่พีน้องอินนะคะ จะพามาหาบ่อยๆ

สำหรับผู้อ่านทุกคน เรามีกำลังใจมากที่ได้อ่านคอมเม้นท์ของทุกคน เมื่อวานเราอ่านแล้วน้ำตาคลอเลย มันคือนิยายเรื่องแรกของเรา ความไม่มั่นใจที่จะบรรยายออกมามันมีมากในทุกตอนจนกลัวจะสื่อไม่ถึงคนอ่าน แต่พอได้เห็นทุกคนเม้นแบบนี้ เราโคตรดีใจเลย ขอบคุณมากๆนะคะที่ชอบเรื่องนี้ ตกหลุมรักน้องเจ้าพระยาไปเรื่อยๆนะคะ

แนะนำ ติชม เม้าท์มอยได้ในแท็ก #เจ้าพระยาที่รัก นะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะค้าาาา

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ขอให้จีบติดไว้ๆนะ พี่เกียร์

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ลืมเรื่องไปละว่าเป็นยังงัย แต่อ่านตอนนี้ก็จะอมยิ้มนิดๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 ดีต่อใจ พี่เกียร์รุกเจ้าเยอะๆ   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Apinnoolek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
โหยยย พี่เกียร์แอบจ่ายใต้โต๊ะแอดมินเพจให้ลงรูปหรือเปล่าคะนั่น ตั้งใจปล่อยข่าวใช่ไหม 555
ประกาศโจ้ง ๆ เลย ว่าตามจีบน้อง สุดยอดคนจริง รุกหนักจนน้องเจ้าไปไม่เป็นเลย
ก็น้องเจ้าเล่นฮอทฮิตขนาดนี้ นี้ขนาดแค่ช่วงซ้อมนะเนี่ย พี่เกียร์ทำถูกแล้ว
แต่คิดว่าแค่นี้ยังไม่พอค่ะ น้องเจ้ายังฮอทได้อีก คู่แข่งมาอีกเพียบแน่พี่เกียร์
แต่คู่แข่งจะมากแค่ไหน ก็ไม่ครนามือหรอกเนอะ ก็ดูน้องเจ้าสิ หวั่นไหวไปขนาดไหนแล้ว
ยอมให้พี่เกียร์จูจุ๊บหน้าผากด้วยอ่ะ ฮืออ ละมุนละไม  :-[  โดนจู่โจมซะตั้งรับไม่ทันแล้วเจ้าเอ้ย ฮาาา
พี่พีน้องอิน นิด ๆ หน่อย ๆ เราก็เขินได้นะจ้ะ ไปส่งน้องอีกแล้ว น่ารักมากเลย  >////<
เป็นนิยายเรื่องแรก แต่เขียนดีมากเลยค่ะ ภาษาดีมากเลย คำผิดก็ไม่มีเลยด้วย ชื่นชมเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณมากค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ทั้งคำพูดทั้งการกระทำพี่เกียร์เอาใจไปเลย เขินแทนน้องเจ้า  :m3: :m3: :m3: :m3:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เอ็นดูววววววววววว
น้องเจ้าคือแพ้ทางพี่เกียร์สุดๆ หยอดปุ๊ป เขินปั๊ป 5555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
พี่เกียร์น้องเจ้าน่ารักมากกกกก
พี่เกียร์รุกหนักมากกก
เจ้าก้เขินนจนแบบ ขนาดนี้ก้ยอมพี่มันไปเลยเถอะลูกก
รอค่าาาา

ออฟไลน์ wwll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยใจบางเป็นกระดาษA4แบบ 80 แกรม

คือคนพี่รุกหนัก รถอ้อยคว่ำมาก !!!
คือแบบหรือน้องเจ้าจะเป็นแฟนกับพี่เค้าไปจะได้จบๆมั้ยยังไง ถ้าจะจีบขนาดนี้  :hao7:

ชอบที่ทั้งคู่เป็นคนตรงๆ
น้องอยากรู้น้องก็ถามเลย ไม่มีมามโน คิดเองเออเอง
ส่วนคนพี่ก็ชัดเจน พอตัดสินใจได้ว่าจะจริงจัง นางก็รุกทันที  :katai2-1:

ว่าแต่ภาคยังว่างใช่มั้ย  :impress2:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
โอ๊ยย ดีต่อใจค่ะเรื่องนี้

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สนุกค่ะ ติดตามน้าาา เขินมากเลยอะ ฮือออ อยากบีบแจ้มน้องเจ้า :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มารอเชียร์ #พี่เกียร์คนจริง จีบทุกช็อตที่โอกาสอำนวย  :hao3:

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
อุ๊ย  น้องเจ้าน่ารักอ่ะ :-[
พี่เกียร์นี่ยังไง สนใจน้องล่ะสิหรือว่าเคยเจอน้องที่ไหนมาก่อน

พี่มันเคยเจอ แต่พี่มันกาก 5555555


:o8:  :-[  :impress2: อ่านแล้วเขินมากกก....แต่งได้น่ารักมากกก  o13 ไม่เชื่อเลยว่าเรื่องแรก...  o13 ชอบมากจริงๆค่ะ... จะมารออ่านทุกวันเลย...มา ลงบ่อยๆยาวๆน้าาาาา  :mew1:

อร้ายยยย ขอบคุณเด้อค่า โอ้ย เขินตัวบิดเป็นเกลียวโปเต้ จะพยายามอู้งานมานะค้า


ชอบบ แต่งดีมากค่ะ :L2: :L2: :L2:

ขอบคุณเจ้าาาา


สงัยเจ้าจะโดน...เรียบ 5555 โดนพี่เกียร์.....เรียบนะ

กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว ว๊ายยย


มาต่อเร็วว
เจ้าเนื้อหอม
หิวหมูทะเลย

สาบานว่าตอนเขียนมีท้องร้อง //กัดฟันดูน้องเจ้ากิน TT


รอตอนต่อไปครับ :3123: :pig4:

ขอบคุณที่ติดตามเน้อ


น่ารักมากกกกกก.  o13
ติดตามจ้า  :pig4:

ขอบคุณค่าาาา อย่าเพิ่งหนีเราน้าาา


o13 เปิดมาเจอน้องเจ้าก่อนนอน.... อิ่มใจ  :heaven จะรอทุกวันค่ะถึงจะบอกว่า twice a week. ... (แอบกดดัน...ว่ายังไงก็ต้องมา..... ล้อเล่นค่ะ  :hao3: )

กดดันมาค่ะ เพราะเป็นนักหัดเขียนที่ต้องใช้ความกดดัน 55555 คือติสมากจริงๆ อันนี้ยอมรับ ขอบคุณที่ติดตามนะค้า


สนุกดี

ขอบคุณเด้อ


อูยยยยย น่ารักจังเลยยย ทำไใน้องเจ้า จำพี่เกียร์ไม่ได้ ไปรู้จักกันตอนไหนน้าา

สภาพพี่มันเมื่อก่อนไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ไง 5555555


รอตอนต่อไป
พี่เกียร์กับน้องเจ้าไปเจอกันตอนไหนเนี่ย
พี่พีนี่อะไรกับน้องอินรึเปล่าน้า   :impress2:

อุ้ย พีอิน ทำไมรู้ 5555


รออ่านพาสพี่เกียร์
ไปรู้จักกับน้องเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่

 :mew3: :mew3:

อยากทราบความในใจเมื่ออ่านพาสอิพี่มันจบ //ยื่นไมค์ 555555 คนคลั่งน้องดีๆนี่เอง


พี่เกียร์นี่เป็นเอาหนัก  :-[ หลงน้องเจ้ามากอะ

พี่มันกลัวนก 5555


:hao3: :hao3: น่ารัก....คนพี่ดูท่าจะเจองานกระด้าง....รีบสะสมแต้บุญด่วน...เดี๋ยวคนน้องโดนงาบแล้วคนพี่จะงืบไม่ออก  :ling1:

ได้ข่าวว่าพี่มันใช้แต้มบุญไปเยอะละนะ แกล้งน้องเบอร์นี้จะเอาแต้มบุญที่ไหนมาเยอะ 5555


น่ารักมากกกก

อย่าชมเราสิ เราเขิน .///.   /โดนคนอ่านตบ 5555555


:katai2-1:


ชอบๆ

ชอบเรามาขอได้นะ สินสอดไม่แพง อิอิ 55555


พี่เกียร์เดินหน้าเต็มที่แล้วน้องเจ้า  :-[

ถ้าพี่มันเดินถอยหลัง มันนกแน่ บอกไว้ก่อน 55555


เป็นคนตรงๆทั้งคู่เลยใช่ไหมเนี่ยย ถามตรงๆกับตอบตรงๆ 5555

ตัวละครเรื่องนี้อิมเมจคือไม้เมตรกับไม้บรรทัดค่ะ 55555 ตรงเกิ้นนนนน


ตรงๆไปเลย

ตรงกว่าปลายผม 15 เซนก็เกียร์เจ้านี่แหละจ้า


โอย.............ชอบบบบบบ ดีต่อใจ น่ารักมากกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่เกียร์ เจ้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พี่เกียร์ เก็บงำเรื่องเจ้ามานานมากเลย
เจ้าซุ่มซ่ามตอนที่ไปช่วยพี่เกียร์ตอนโน้น ยังไงๆ อยากรู้
พี่เฟือง แนะนำดีมากเรื่องเจ้า

พี่พี บอกรักแรกพบ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก
แอ่ะ.........พี่พี เจออิน รักแรกพบของตัวเองแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เดี๋ยวววว มาแอบดูตอนเราเขียนหรอ ทำไมรู้ 555555 (ชมมิส:พล็อตเรื่องแกกากเองมั้ยชม -.-")


เกียร์เจ้า พีอิน ใช่ไหม  :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าคิดว่าใช่ ก็......ใช่แหละ 55555


อือหือออ เขิลลลล  :o8: :-[

ยิ้มแก้มแตกกกกก


คำว่า "พี่ชอบเจ้า" ของพี่เกียร์น้านนนนนนนนนนนน มันช่างละมุนละไม ฟังแล้วคล้ายเป็นคำพูดของคนสมัยก่อน
โอ้ยยยย ชอบประโยคนี้ พี่ชอบเจ้า

ตัดภาพไปที่คนฟัง น้องมันตัวระเบิดไปแล้ว 55555


พี่เกียร์คนจริง ตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมให้เสียเวลา
นึกว่าอินจะได้โชว์ความน่ารักเป็นหลีดคู่เพื่อนรักซะอีก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

บ้านพี่เกียร์เลี้ยงด้วยไม้บรรทัด 55555


อะโหห น้องเจ้าน่ารักขนาดนี้ พี่เกียร์ต้องสู้นะ คู่แข่งเยอะมาก  :katai2-1:

แค่พี่มันสู้กับความกากของตัวเองก็เหนื่อยละ 55555


ชอบบบบ  ตามค่ะตาม เรื่องน่ารักมากเลย ฮือออ  :m3:
ชอบการตั้งชื่อตอนแต่ละตอนด้วย นี่ก็ปลาทองน้อยปล่อยแสง  น่าเอ็นดู
น้องเจ้าเริ่มฮอทแล้ว พี่เกียร์ก็เลยหัวร้อนซะ น่าสงสารจริง 555
น้องเจ้าน่ารักมาก ๆ ส่วนพี่เกียร์ ก็พระเอกแบบที่ชอบเลย
คนจริงทั้งการกระทำและคำพูดอ่ะ ชอบก็บอกชอบ จีบก็ขอจีบ
แค่เริ่มจีบ น้องเจ้าก็ยิ้มแก้มปริแล้วเนี่ย อยากให้พี่เกียร์ได้เห็นจริง ๆ
รอติดตามตอนต่อไปน้า ชอบมากเลย ภาษาก็ดีด้วยค่ะ อ่านแล้วสบาย ๆ ดี
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:

เอาจริงๆพี่มันไม่ได้เป็นคนจริงอะไรหรอก คือมันกลัวนกกกกก 555555555 นกไป 2 รอบ มันคงเข็ดอ่ะ


เราชอบ เขียนสนุก
อย่าหายไปนานนะคะ

ไม่นานค่า แต่งเก็บไว้อยู่ เจอกันหลังงานพิธีนะคะ


น่ารักตั้งแต่ชื่อยันเนื้อเรื่อง  :impress2:

ชื่อคนแต่งก็น่ารัก เขินไปหม๊ดดดดดด //มุดโต๊ะอาย 55555


รู้ว่าคุณแม่รู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องพ่ออิน เลยยอมมาอยู่กับพี่สาวเพื่อชดเชยเรื่องในอดีต
แต่บางทีคุณแม่ก็น่าจะสงสารลูกของตัวเองบ้างนะ ที่ต้องโดนพูดจาถากถางทำร้ายจิตใจแบบนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

อยากไปกอดน้องงงงง ไปด้วยกันนะ


เอาใจช่วยอิน

มาค่ะ ไปปกป้องน้องกัน ฮื่อออออ


ทำไมแม่ถึงปล่อยให้เขาทำร้ายจิตใจลูกอยู่ทุกวัน

แม่อาจจะมีเหตุผลมั้งคะ งื้อออ


ไม่เข้าใจยัยป้า ดูไม่ได้รัก ดูเกลียด  แล้วเรียกน้องกับหลานกลับมาอยู่ด้วยทำไม เพื่อ :katai1:

เราต้องรวมพลังปกป้องน้องค่ะ ฮึ่บ!!


ฮืออออ น้องอินนน :mew6:

//กอดปลอบบบบบ


พี่พี ชอบอินแล้ว

ป้านิล ไม่มีเหตุผล ไม่ชอบพ่อแล้วมาลงกับลูก
ทั้งที่เป็นหลานตัวเอง

แม่อิน จำต้องอยู่ เพราะรู้สึกผิดเหรอ
แต่แม่อิน มีฝีมือทางทำอาหาร
น่าจะออกมาอยู่กับลูกข้างนอก
อิน ต้องทนทุกข์กับความปากร้ายใจร้ายของป้าไแถึงเมื่อไร
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เราต้องรีบยุให้พี่พีไปปกป้องน้อง ถ้าพี่พีช้า นี่จะเก็บน้องอินไว้เองละ


น้องอินน่าสงสาร

เนาะๆ กอดน้องกัน


สนุกมากค่ะ อ่าน8ตอนรวดเลย ตลกเจ้า สงสารอิน
มาต่ออีกนะคะ รอเธอเสมอ :L2:

เจ้าพระยามันเอ๋อ 55555


สงสารน้องอิน ฮือออ  :monkeysad: อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยอ่ะ จะร้องไห้ตาม ฮือออ
เข้าใจความอึดอัดของน้องอิน การที่ต้องไปอาศัยเขาอยู่ อยู่ในที่ ๆ ไม่ใช่ของเรา มันไม่มีความสุขหรอก
ยังดี ที่น้องยังมีคุณแม่ มีมอคค่ากับลาเต้ ยังมีคนที่เรารักอยู่เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะ
ป้านิลนี่ก็ประสาท เอาความเกลียดมาลงที่เด็กที่เกิดมาโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่มันบ้าชัด ๆ โมโห  :m16:
เกลียดอิน แล้วไปพาน้องกับแม่มาอยู่ด้วยทำไม แล้วก็มาคอยด่า คอยตอกย้ำฐานะคนอาศัยใส่อยู่นั่น
อยากให้ครอบครัวน้องย้ายออกมาจัง ไม่อยากให้น้องต้องอยู่ด้วยความกดดันโดนดูถูกตลอดเลยอ่ะ T^T
พี่พีอบอุ่น อ่อนโยนมากเลย   :-[  ช่างเหมาะที่จะมาดูแลน้องกับครอบครัว  มอคค่าลาเต้ น่ารักที่สุด > <
พาร์ทพี่พีน้องอิน นี่คนละอารมณ์กับพี่เกียร์น้องเจ้าเลยอ่ะ 555  แต่ก็ชอบทั้งสองคู่เลย
จริง ๆ แอบเชียร์ภาคกับพี่มายด์ด้วยแหละ ชอบพี่มายด์ พูดมาก ทะเล้นน่ารักดี
แต่ตอนนี้แอบติดใจคู่พี่พีน้องอินเป็นพิเศษ จนโลภมาก อยากให้คู่นี้แยกเป็นเรื่องยาวด้วยซ้ำ แหะ ๆ
รอตอนต่อไปนะคะ หวังว่าจะพาพี่พีน้องอินมาบ่อย ๆ น้า
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:

ขอบคุณที่ชื่นชอบนะคะ สารภาพเลยว่าตอนอ่านเม้นนี้ น้ำตาคลอ ชมดีใจมากกกกก ยังไงมาช่วยกันปกป้องน้องอินไปด้วยกันนะ ส่วนน้องเจ้า ยกให้พี่มันไปเถอะ 5555555


ขอให้จีบติดไว้ๆนะ พี่เกียร์

สาธุ //ยกมือพนมเอาใจช่วยพี่มัน


ลืมเรื่องไปละว่าเป็นยังงัย แต่อ่านตอนนี้ก็จะอมยิ้มนิดๆ

ขอบคุณที่ให้เรื่องนี้ได้สร้างรอยยิ้มนะคะ


ดีต่อใจ พี่เกียร์รุกเจ้าเยอะๆ   :mew1: :mew1: :mew1:

นี่ยังไม่เยอะอีกเร้อออออ 555555 น้องเจ้าจะตัวระเบิดละนะ


น่ารักมากเลย อิอิ :o8:

น้องเจ้าหรือไรท์ ว๊ายยยย เผ่น 5555


โหยยย พี่เกียร์แอบจ่ายใต้โต๊ะแอดมินเพจให้ลงรูปหรือเปล่าคะนั่น ตั้งใจปล่อยข่าวใช่ไหม 555
ประกาศโจ้ง ๆ เลย ว่าตามจีบน้อง สุดยอดคนจริง รุกหนักจนน้องเจ้าไปไม่เป็นเลย
ก็น้องเจ้าเล่นฮอทฮิตขนาดนี้ นี้ขนาดแค่ช่วงซ้อมนะเนี่ย พี่เกียร์ทำถูกแล้ว
แต่คิดว่าแค่นี้ยังไม่พอค่ะ น้องเจ้ายังฮอทได้อีก คู่แข่งมาอีกเพียบแน่พี่เกียร์
แต่คู่แข่งจะมากแค่ไหน ก็ไม่ครนามือหรอกเนอะ ก็ดูน้องเจ้าสิ หวั่นไหวไปขนาดไหนแล้ว
ยอมให้พี่เกียร์จูจุ๊บหน้าผากด้วยอ่ะ ฮืออ ละมุนละไม  :-[  โดนจู่โจมซะตั้งรับไม่ทันแล้วเจ้าเอ้ย ฮาาา
พี่พีน้องอิน นิด ๆ หน่อย ๆ เราก็เขินได้นะจ้ะ ไปส่งน้องอีกแล้ว น่ารักมากเลย  >////<
เป็นนิยายเรื่องแรก แต่เขียนดีมากเลยค่ะ ภาษาดีมากเลย คำผิดก็ไม่มีเลยด้วย ชื่นชมเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณมากค่า  :กอด1:

อยากให้ได้รู้ความรู้สึกพี่มันตอนจุ๊บจริงๆ 555555555555 พอจะนึกสภาพคนคลั่งน้องออกใช่มั้ย พี่มันมีสติพาน้องกลับถึงบ้านถูกก็เก่งละ


ทั้งคำพูดทั้งการกระทำพี่เกียร์เอาใจไปเลย เขินแทนน้องเจ้า  :m3: :m3: :m3: :m3:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

น้องเจ้านี่แก้มร้อน หน้าร้อนไปหมดแล้วววว


อ่านแล้วทำไมเขิน555

โอ้โห ตอบไม่ถูกเลย 555555 เพราะชมก็เขิน


เอ็นดูววววววววววว
น้องเจ้าคือแพ้ทางพี่เกียร์สุดๆ หยอดปุ๊ป เขินปั๊ป 5555555555

น้องมันเคยโดนหยอด แต่ไม่เว่อร์วังทุก 3 วิแบบอิพี่ไง 555555


พี่เกียร์น้องเจ้าน่ารักมากกกกก
พี่เกียร์รุกหนักมากกก
เจ้าก้เขินนจนแบบ ขนาดนี้ก้ยอมพี่มันไปเลยเถอะลูกก
รอค่าาาา

เจ้า : เจ้าไม่ง่ายนะพี่ 5555555


โอ๊ยใจบางเป็นกระดาษA4แบบ 80 แกรม

คือคนพี่รุกหนัก รถอ้อยคว่ำมาก !!!
คือแบบหรือน้องเจ้าจะเป็นแฟนกับพี่เค้าไปจะได้จบๆมั้ยยังไง ถ้าจะจีบขนาดนี้  :hao7:

ชอบที่ทั้งคู่เป็นคนตรงๆ
น้องอยากรู้น้องก็ถามเลย ไม่มีมามโน คิดเองเออเอง
ส่วนคนพี่ก็ชัดเจน พอตัดสินใจได้ว่าจะจริงจัง นางก็รุกทันที  :katai2-1:

ว่าแต่ภาคยังว่างใช่มั้ย  :impress2:

พี่มันกลัวนกกกกก ถ้ามันลีลาหมาคาบไปแหล่กแน่นอน ส่วนเจ้า นี่แหละถึงให้เรียนรู้นิสัยว่าแท้จริงแล้วน้องมันเป็นคนแบบนี้ 55555


โอ๊ยย ดีต่อใจค่ะเรื่องนี้

ขอบคุณค่าาา /เขินเลยเด้อ


สนุกค่ะ ติดตามน้าาา เขินมากเลยอะ ฮือออ อยากบีบแจ้มน้องเจ้า :ling1: :ling1: :ling1:

เกียร์ : อย่าแม้แต่จะคิดครับ  //ตัวใครตัวมันนะคะ พี่มันหวง 55555


มารอเชียร์ #พี่เกียร์คนจริง จีบทุกช็อตที่โอกาสอำนวย  :hao3:

พี่มันคงถือคติหยอดไว้ก่อน ได้ไม่ได้ไม่รู้ 55555






ขอบคุณทุกการติดตามเด้อค่าาา อ่านเม้นแล้วชมโคตรมีกำลังใจ ไว้มาพบกันใหม่ต้นเดือนนะคะ แอบกระซิบว่าชมมีในสต๊อกเพียบเลย ฮ่าๆๆ เม้ามอยหอยสังข์กันได้ที่ #เจ้าพระยาที่รัก นะคะ ในอนาคตอาจมี #ทีมเมียพี่เกียร์ ก็เป็นได้ 555555555

see you on 1 / 11 / 2017

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
ท่าเรือที่ 10

อาการเหมือนคนเมาเรือ





   ม.ยูน่ารัก พร้อม!

   พร้อม!

   3….4..!

ม.ยูน่ารัก น่ารักเวลาลงเล่น ม.ยูใจเย็นๆ เวลาลงเล่น น่ารัก น่ารัก


   “น้องซัน การ์ดตกค่ะ”

   “น้องว่าน ดูโซนด้วย”

   “งั้นเดี๋ยวพี่ขอ ม.ยูน่ารักอีกรอบนะ มาค่ะ เต็มที่นะทุกคน”

   “คร้าบบบบบ/ค่าาาาาา”

   
   เสียงตอบรับประสานกันอย่างพร้อมเพรียง แต่คนขานแต่ละคนนี่อยู่ในสภาพที่ อืม แย่มาก ก็จะไม่ให้มีสภาพนี้กันได้ยังไงล่ะครับ   เพราะเราซ้อมลีดกันมา 3 ชั่วโมงแล้ว เต้นเพลงเดิมมานับรอบไม่ถ้วน ผมนี่การ์ดตกแล้วตกอีก ฮืออออ ก็มันเมื่อยอ่ะ ผมก็เข้าใจพี่เขานะว่าอยากได้ความพร้อมเพรียง ความเป๊ะ แต่ด้วยความอ่อนล้าจากการซ้อมที่สะสมมาเป็นเวลาหลายวัน ก็พลอยทำให้แต่ละคนไม่สามารถตั้งการ์ดไปได้ดีกว่านี้แล้ว มันเป็นธรรมดาของมนุษย์จริงๆ ที่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ถูกระบุไว้ว่า ‘สุดท้าย’ ใจมันก็จะจดจ่ออยู่ที่สิ่งนั้น อย่างเช่นวันนี้ ที่เป็นการซ้อมลีดวันสุดท้ายก่อนที่พี่ๆจะหยุดพักให้พวกเราไปอ่านหนังสือ ใจแต่ละคนก็คงจดจ่อที่เวลาเลิกซ้อมแล้วแหละ


   “รอบเมื่อกี้ดีแล้วนะคะ แต่พี่ขออีกรอบนะ” พี่ดรีมเอ่ยปากชม แต่ก็เหมือนลูบหัวแล้วตบตามดังแป๊ะ

   “โหยยยยย พี่ดรีมครับ เหนื่อยแล้วอ่ะ” สิ้นฤทธิ์เลยสิมึงไอ้ซัน คือหน้ามันไม่ไหวแล้วจริงๆ ฮ่าๆ

   “งั้น รอบนี้รอบสุดท้าย นะๆ ทำให้เต็มที่ ถ้าดีพี่ปล่อยเลย โอเคมั้ย”

   “เย้! โอเคค่ะ เห้ย พวกเรา มาตั้งใจกันนะ รอบเดียวเอง” เพื่อนผู้หญิงเอ่ยปลุกพลังที่เหลือค่อนขีด

   “โอเคๆ”


   แล้วก็จัดเต็มกันในรอบสุดท้าย แรงมีเท่าไหร่ก็ดึงมาเหวี่ยงการ์ดให้หมด หมุนกันจนไหล่ร้าว ผมว่าผมสมใจหมายกับการอยากมีกล้ามแล้วแหละครับ มาเป็นก้อนเชียวที่แขนเนี่ย

   ขณะที่เต้นอยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนผู้มาใหม่ มันยกมือขึ้นมาทักทายตามประสาความสนิทสนมกัน ไอ้ภาคเองครับ วันนี้ซ้อมวันสุดท้ายมันก็คงมารอผมซ้อมเหมือนกับหลายๆวันที่ผ่านมาตลอด 3 สัปดาห์ของการซ้อม แต่ก็แปลกทำไมวันนี้มันมาคนเดียว ปกติจะต้องมีมนุษย์หน้านิ่งอย่างพี่เกียร์ตามติดมาด้วยตลอด วันไหนไอ้ภาคมันติดทำงานกลุ่ม พี่มันก็ยังมา บางทีผมก็ถามนะว่าปี 3 มันว่างขนาดนั้นเลยหรอ ถึงได้มาเฝ้าผมอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน ส่วนคำตอบที่ได้รับเหรอครับ ‘ยุ่ง’ แค่นั้นแหละ ผมเลิกถามเลย

   การมาวนเวียนตรงบริเวณที่ผมซ้อมในทุกๆเย็นของพี่เกียร์ กลายเป็นเรื่องชินตาไปแล้ว ข่าวหน้าแฟนเพจก็มีบ่อยจนบรรดาเพื่อนผมมันเหนื่อยที่จะแซว ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องที่ดูคลุมเครือก็ไม่มีใครได้คำตอบว่าแท้จริงแล้วคือความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ให้ผมตอบก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะ แต่รู้แค่ว่าการมีพี่เกียร์มาอยู่ข้างๆมันดีต่อใจผมเหมือนกัน พี่เกียร์มันทำตามที่มันพูดจริงๆ จีบจริงเลยแหละ ตอนแรกๆก็เขินมากจนทำอะไรไม่ถูก แต่พอถึงตอนนี้ หึหึ หยอดมาเถอะ เดี๋ยวเจ้าเอาคืน ฮ่าๆ รู้สึกเหมือนได้อัพเลเวลยังไงก็ไม่รู้ งั้นเรื่องความสัมพันธ์ก็ไม่ต้องนิยามก็ได้เนอะ ส่วนเพื่อนขี้อาย(?)อย่างอินก็มาบ้างตามความสะดวกของมัน แต่ขากลับที่ผมจะเห็นบ่อยจนไม่คิดจะถามแล้วก็คงเป็นการที่พี่พีเดินกลับบ้านไปพร้อมกันนั่นแหละ เดาจากสายตาท่าทางพี่พี ก็คงไม่ต่างกับที่พี่เกียร์มองผมเท่าไหร่ ออกจะอบอุ่นกว่าด้วยซ้ำ



   หลุดเข้าไปในภวังค์ได้ไม่นาน รู้ตัวอีกทีรุ่นพี่ก็เรียกรวมให้ไปฟังคำนัดแนะการซ้อมหลังจากผ่านพ้นการสอบไป หลังจากนี้ผมคงต้องได้จมอยู่กับการอ่านหนังสือจนหัวระเบิดแน่ๆ เพราะช่วงซ้อมผมได้ทบทวนเนื้อหาน้อยมาก กลับถึงบ้านในแต่ละวันก็แทบหมดแรง ไหนจะขุดตัวเองออกจากเตียงในเช้าวันต่อมาเพื่อมาเรียนอีก บอกเลยงานนี้ถ้าไม่ได้อินช่วยสะกิดในห้องเรียน ผมมีหลับน้ำลายไหลเปื้อนชีทแน่นอน


   “งั้นวันนี้เลิกซ้อมได้ค่ะ เจอกันนะน้องๆ ขอให้สอบผ่านทุกคนเลย”

   “สาธุ เพี้ยงงงงงง” แต่ละคนนี่ไม่ค่อยเลยนะ ยกมือรับพรกันอย่างไว


   ผมเลยโบกมือลาบรรดาสมาชิกผู้ร่วมชะตากรรมกันนิดหน่อยแล้วถึงเดินไปหาไอ้ภาคที่นั่งส่องสาวรออยู่

   “ไงมึง ไม่ต้องชะเง้อคอมองหาหรอก พี่เกียร์ฝากมาบอกว่าติดธุระ เลยให้กูไปส่งมึงที่บ้านแทน” ทำหน้าทะเล้นอธิบายกูอีกนะ

   “ใครชะเง้อ ไม่มีเหอะ แล้วพี่มันมีธุระอะไร ไม่เห็นบอก” ปกติพี่เกียร์จะโทรมาบอกนะว่าวันไหนไม่มา

   “หึหึ เป็นเมียเขาหรอ เขาถึงต้องบอกมึงอ่ะ”

   “ไอ้เชี่ยภาค!” ปากมึงนะ

   “ฮ่าๆๆๆ”

   “ไม่ใช่เมียโว้ย กูอาจจะเป็นผัวก็ได้นะ” ผมตอบมันแล้วยักคิ้วใส่แถมให้ด้วย
   “เจ้า เอากระจกมั้ย ไม่ก็ฝันอยู่หรอ มึงเอาอะไรคิดเนี่ยยยยยย สภาพอย่างมึง ถ้าเป็นผัวพี่เกียร์ได้ กูคงมีเมียเป็นแพนด้าได้อ่ะ ฮ่าๆๆ” โอ้โห ดูถูกกูเกินไปแล้วไอ้ภาค

   “โอ้ย มึงแม่ง นี่กูเพื่อนมึงนะ” งอนแม่งซะเลย

   “ฮ่าๆ โอ๋ๆ ไม่งอนนะน้องเจ้า วันนี้พี่ภาคจะพาไปกินบิงซูก่อนกลับบ้านเอามั้ย เลี้ยงเลยอ่ะ” แหม เอาบิงซูมาล่อ คิดว่าจะใจอ่อนง่ายๆหรือไง

   “เออ! ไม่งอน เลี้ยงกูด้วย” แหะๆ เจ้าอยากกินง่ะ

   “กูเลี้ยงแน่นอน เพราะไม่ใช่ตังค์กู ฮ่าๆ”

   “อ่าว ตังค์ใครวะ” มันเลี้ยง แต่ไม่ใช่ตังค์มัน นี่ผมงงหรือผมโง่

   “ตังค์พี่เกียร์ พี่มันฝากมาให้พามึงไปเลี้ยงก่อนกลับบ้าน ฮ่าๆ”

   “โหย ไอ้ขี้เนียน!!” ผมแหวใส่มันเสียงดัง เนียนเชียวนะมึง

   “ฮ่าๆๆ...ละนี่ไอ้อินไปไหน ไม่เห็นมาเฝ้ามึง” เพื่อนตัวสูงเอ่ยถามคำถามที่ผมก็ไม่อยากตอบ เห้อ สงสารเพื่อน

   “กลับบ้านไปแล้วว่ะ ปัญหาเดิมแหละ”

   “เห้อ สงสารไอ้อินว่ะ กูนี่แทบอยากให้มันย้ายมาอยู่บ้านกู ป้ามันก็นะ ด่าซะกูนึกว่าเพื่อนกูไปฆ่าใครตาย” ไอ้ภาคบ่นยาวให้กับปัญหาของเพื่อนที่ไม่สามารถจะยื่นมือไปช่วยอะไรได้มากกว่านี้จริงๆ

   “เราก็คงทำได้แค่ให้กำลังใจแหละว่ะ” แค่นี้จริงๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่มันขอความช่วยเหลือที่มากกว่านี้ ผมจะไม่ลังเลสักนิดเลยที่จะยื่นมือไปช่วยมัน

   “งั้นปะ กินที่สยามเนาะ” ไอ้ภาคถามพร้อมลุกขึ้นยืนเตรียมตัวไปที่รถ

   “อือ ไงก็ได้”



   ยังไม่ทันที่ผมกับไอ้ภาคจะพาตัวเองออกจากสถานที่ตรงนี้ ก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทางเรา คนที่ผมรู้สึกคุ้น และพอเขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมก็รู้ว่า ผมรู้จักเขา

   “ไงน้องเจ้า เพิ่งเลิกซ้อมหรอครับ” คนมาใหม่เอ่ยทักทาย

   “ครับพี่ไนซ์” รุ่นพี่ปี 2 คณะสถาปัตย์ที่เราเคยเจอกันถึงสองครั้งแบบที่มีบทสนทนา และครั้งต่อๆมาที่พบเจอกันบ้างตอนเดินในมอ แล้วพี่เขามาทำอะไรที่นี่วะ

   “แล้วนี่จะกลับเลยปะ ให้พี่ไปส่งป่าว” พี่ไนซ์อาสาด้วยรอยยิ้ม
   “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พอดีผมกลับกับเพื่อนอ่ะ นี่ ไอ้ภาค เพื่อนผม” ไอ้ภาคนี่ยืนนิ่งตาขวางเลยแหละ เอ่อ คือมึงอย่าเพิ่งทำหน้าเหมือนจะต่อยพี่เขาแบบนั้นสิ “ไอ้ภาค นี่พี่ไนซ์ เรียนอยู่สถาปัตย์อ่ะ” ผมก็เลยแนะนำพี่เขาให้เพื่อนสุดหล่อรู้จัก

   “อือ หวัดดีครับ” เอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้ด้วยใบหน้าที่โคตรนิ่ง

   “อ่อ งั้นไว้คราวหน้าแล้วกันเนาะเจ้า วันนี้พี่ว่าจะไปกินข้าวที่สยาม ไปด้วยกันมั้ย ชวนเพื่อนด้วยก็ได้” เอ่อ พี่ครับ ยังไม่ท้ออีกหรอ ดูหน้าเพื่อนผมก่อน ฮือออ

   “เอ่อ…”

   “ไอ้เจ้า มึงโทรบอกพี่เกียร์ยังว่าเลิกแล้ว ถึงเวลาแล้วไม่โทรบอกเดี๋ยวพี่มันก็เกรี้ยวกราดหรอก ยิ่งหวงๆมึงอยู่ เร็ว รีบโทร จะได้รีบไป จะกินมั้ยบิงซูมึงเนี่ย” โอ้โห ยาวเลย นี่มึงจะโหดไปไหนไอ้ภาคคคค

   “เอ่อ เออๆ แปบดิ หยิบโทรศัพท์ก่อน” ผมใช้มือล้วงไปในกระเป๋าสะพายคู่ใจเพื่อหาโทรศัพท์สำหรับโทรบอกคนตัวสูงที่ปกติเขาจะให้ผมโทรบอกทุกครั้งเวลาที่เขาไม่ได้มารับเอง “เอ่อ พี่ไนซ์ครับ วันนี้คงไม่สะดวกอ่ะครับ พอดีผมนัดกับเพื่อนไว้แล้ว” การปฏิเสธคงเป็นทางที่ดีที่สุด

   “หรอครับ งั้นไว้คราวหน้าพี่จะมาชวนใหม่นะ งั้นพี่ไปก่อนนะ” พี่ไนซ์ยกมือขึ้นมาโบกลาผมด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปทางหน้าอาคาร

   “หึ เนื้อหอมนักนะมึง”

   “อะไรของมึงเล่า”

   “แล้วนี่โทรยัง ถ้าไม่โทร เดี๋ยวกูรายงานเอง” มึงไม่ต้องมาทำหน้าเจ้าเล่ห์เลยนะไอ้ภาค

   “เออ โทรแล้วๆ” พูดจบก็กดปุ่มโทรหาคนตัวสูงทันที

   “ฮัลโหล..เลิกซ้อมแล้วนะ..อือ..ก็อยู่นี่แหละ..มันบอกแล้ว..ก็เดี๋ยวไปกินที่สยาม..คร้าบ..แล้วนี่ทำอะไรอยู่อ่ะ..อ่อ..อือฮึ..”

   “พี่เกียร์ เมื่อกี้มีคนมาจีบไอ้เจ้า!!” ไอ้เชี่ยภาค มึงจะพูดทำไมเนี่ย โอ้ยยย

   “ไม่มีอะไร..มันพูดมั่ว..ก็..โอ้ยอย่าเพิ่งหัวร้อนสิ..ไม่มีอะไร..พี่เขามาทักเฉยๆ..ชื่อไนซ์อยู่ถาปัตฯ..อือ..รู้แล้วววว..โหย..ใครมันจะกล้ามาจีบผมอีกเล่า ก็เล่นเป็นข่าวกับพี่อยู่เต็มหน้าเฟซไม่เลิกแบบนี้..ฮื่ออออออ..รู้แล้วๆ..ไปทำงานได้แล้ว เอาเปรียบเพื่อนหรอ...หึหึ..ครับ...ไม่...ไม่บอก...โอ้ยยย เออ! คิดถึง! พอใจยัง! ชิ” กดวางแม่ง ก็ใครใช้ให้มาสั่งผมพูดอะไรที่มันน่าอายเล่า ไอ้ภาคก็อีกคน มายืนทำหน้ากรุ้มกริ่มเตรียมล้อผมเต็มที่

   “แหม มีบอกคิดทงคิดถึง แหนะๆ หวั่นไหวล่ะสิ”

   “เออ! หวั่นไหวสิ นี่กูคนนะ ไม่ใช่หิน ไม่ใช่ต้นไม้ จีบขนาดนี้จะได้ไม่รู้สึก” ยอมรับมันโต้งๆนี่แหละ

   “หวาย ยอมรับเฉย ฮ่าๆ” ยัง ยังไม่เลิกแซ็วอีก

   “ยอมรับสิ เถียงมึงกูก็เหนื่อยเปล่า แล้วนี่จะไปได้ยัง หิวแล้วนะ” ชาวบ้านเขากลับหมดแล้ว มีแต่ผมกับมันเนี่ยที่มัวแต่ยืนเถียงกัน
   “ครับๆ ไปครับคุณหนูเจ้า อย่าเพิ่งหงุดหงิดไปสิ ฮ่าๆ”

   “กวนตีน” ขอสักทีเถอะ ให้ผมได้ด่าสักทีเถอะ หมั่นไส้มัน





   เย็นวันนี้ผมก็เลยได้ฝากท้องกันที่สยาม ไอ้ภาคมันเลี้ยงทั้งข้าว ทั้งบิงซูตามที่มันบอกนั่นแหละ มาดเสี่ยมากพูดเลย แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสรุปแล้วเงินใครที่ใช้จ่ายค่าอาหารมื้อนี้ทั้งหมด พี่เกียร์ก็นะตัวไม่มาก็ฝากไอ้ภาคมาเปย์ ตั้งแต่พี่มันออกตัวจีบผมโดยไม่สนสิ่งใดๆบนโลก พี่เกียร์ก็ดูแลเอาใจใส่ ตามรับ ตามส่ง แบบที่คนตามจีบเขาทำกัน จนมีครั้งหนึ่งที่ผมต้องโวยวายกลับไปว่าผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องมาเอาอกเอาใจขนาดนั้น อย่ามาทำเหมือนเป็นช่วงโปรโมชั่น เพราะมันจะรู้สึกแย่มากถ้าวันนึงไอ้การดูแลเอาใจใส่มันลดลงตามระยะเวลา เถียงเรื่องนี้กันอยู่เป็นวันจนผมงอนพี่มันถึงยอม หลังจากนั้นก็กลับสู่พี่เกียร์สายเถื่อนคนเดิม ทั้งด่า ทั้งแกล้ง ทั้งดุ สารพัดจะทำ เหอะ พอไม่ให้เอาใจ พี่มันก็มาแนวนี้เลยครับ แต่เอาจริงๆผมกลับชอบแบบนี้มากกว่า ผมไม่ได้ต้องการคนมาดูแลในทุกเรื่องขนาดนั้น ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตแบบเดิม แต่ก็ได้เรียนรู้ตัวตนแท้ๆของกันและกันด้วย เพื่อที่เราจะได้ยอมรับและเข้าใจในความเป็นตัวตนนั้น แล้วผมก็ได้รู้จริงๆว่าพี่เกียร์อ่ะ ชอบผมมาก ฮ่าๆ




   










   และแล้วสัปดาห์การเริ่มต้นอ่านหนังสือสอบก็เริ่มขึ้น เพราะสัปดาห์ถัดไปนั้นพวกเราชาวมอยูก็ต้องรวบรวมความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดเพื่อลงสู่สนามสอบกลางภาคกันแล้วครับ


เขาว่ากันว่า
การสอบ เป็นเหมือนการประลองวิทยายุทธเพื่อหาเจ้าแห่งยุทธจักร
ใครที่มีพลังกล้าแกร่งก็จะสามารถสยบได้ทุกหลักวิทยายุทธ
ซึ่งพลังที่มีก็ต้องเกิดจากการฝึกฝนและบำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลานาน




   ตัวผมเองที่พยายามทบทวนตำราอย่างสม่ำเสมอ ใช้หลักการเรียนเหมือนสมัย ม.ปลาย ทำความเข้าใจในห้องเรียนให้ได้มากที่สุด การอ่านหนังสือก่อนสอบก็เลยไม่ค่อยหนักหนาสักเท่าไหร่ แต่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาผลจากการตั้งใจซ้อมลีด ทำให้ผมไม่ได้ทบทวนเนื้อหาเท่าที่ตั้งใจไว้และนี่มันก็คือการสอบครั้งแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของผม เหมือนทหารฝึกหัดกำลังจะไปออกรบสู้กับหน่วยซีลอ่ะ ความกลัวข้อสอบก็ถาโถมมาให้ได้เครียดจนหัวยุ่งเหยิงอยู่ไม่น้อย ตั้งใจจะคว้ามดคว้านกมาเป็นความภาคภูมิใจต่อวงตระกูล ตอนนี้ขอแค่ไปผจญภัยเหนือมีนให้ได้ก็พอครับ











   วันนี้เราชาวแก๊งคนหล่อ 2017 ตามชื่อกลุ่มไลน์ก็ได้นัดกันมาอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งแถวมอ แต่ร้านนี้มันพิเศษตรงที่เขาเปิดให้อ่านหนังสือตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่เราต้องสั่งเครื่องดื่มจากทางร้าน สั่งแก้วเดียวก็สามารถนั่งยิงยาวข้ามวันได้ ภายในร้านก็จัดแบ่งโซนไว้หลากหลายมีทั้งโต๊ะ เก้าอี้ รวมไปถึงเบาะนุ่มๆไว้อำนวยความสะดวก บางมุมมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไว้ให้ล้มทับชวนหลับใหลมากกว่าอ่านหนังสือ และยิ่งไปกว่านั้นเรื่องความเย็นของเครื่องปรับอากาศเป็นที่เลื่องลือมากๆครับ ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านเขาได้แรงบันดาลใจมาจากไหน กำไรเขาก็คงไม่หวังมากมาย แต่ร้านนี้กลับเป็นสถานที่ยอดฮิตให้นักศึกษาจากสถาบันต่างๆมาสุมหัวแลกเปลี่ยนความคิดทั้งการทำรายงาน อ่านหนังสือ ไม่ก็นั่งคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย แต่ในช่วงสอบกลางภาคเช่นนี้ จำนวนผู้ใช้บริการหนาตาขึ้นเป็นเท่าตัวจากช่วงเวลาปกติ ต้องอาศัยความรวดเร็วในการจับจองที่นั่ง ตัวแทนของกลุ่มผมซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้อิน ผู้ที่สามารถฝากความหวังในการจองที่ครั้งนี้ได้


                                       -คนหล่อ2017-

   Inn-Touch
        ถึงไหนกันแล้ววะ
        รีบมานะเว้ย คนโคตรเยอะ

                                                                              JAO-YA
                                                                     เออๆใกล้ถึงละ
   
   Inn-Touch
        ไอ้ภาค มึงถึงไหนละเนี่ย

                                                                             JAO-YA
                                                                      มันจะตื่นยังวะ

   GU PHAK
        ตื่นแล้วสิมึง อยู่บนรถ รถติดชิบหาย

   Inn-Touch
        เออ ให้ไว กูจองโต๊ะใหญ่ แต่นั่งคนเดียว
        เกรงใจเขาจะตายละเนี่ย

                                                                            JAO-YA
                                                  จะถึงแล้ว อีก 5 นาที เจอกัน




   ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีจริงๆครับ ผมก็ถึงร้านกาแฟตามที่นัดกันไว้ เดินเข้าไปก็พบว่าคนเยอะจริงๆสมกับเป็นช่วงสอบมาก สอดส่ายสายตามองหาเพื่อนตัวเล็ก ซึ่งก็ไม่ยากที่จะเจอ นู่น อินมันเลือกทำเลดีมาก โต๊ะญี่ปุ่นใหญ่สำหรับ 4-5 คน แต่ชิดมุมในสุด มีเบาะรองนั่ง แอร์ก็ไม่ตกใส่ สบายละงานนี้

   “อิน!”

   “เห้ย จะเรียกเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวโต๊ะข้างๆเขาก็ด่าหรอก”

   “ฮ่าๆ ไง เริ่มอ่านแล้วหรอ”

   “เพิ่งอ่านไปได้สองหน้า” มันตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าขีดๆเขียนๆบนเอกสารการเรียนมันอยู่

   “มึงต้องช่วยติวให้กูด้วย กูนี่ซ้อมลีดจนไม่ค่อยได้อ่าน อ๊ากกกก ตายแน่ๆมิดเทอมนี้” ตัดพ้อชีวิตพร้อมทั้งเอาหัวไถไปบนโต๊ะญี่ปุ่น เห้อ เจ้าจะรอดมั้ย

   “หึหึ อย่างเจ้าพระยาไม่ต้องติวก็ได้มั้ง”

   “ถ้าเป็นเมื่อก่อนอ่ะไม่ แต่คราวนี้ต้องแล้วว่ะมึง นะๆ ติวเคมีพาร์ทหลังๆให้กูที” อ้อนวอนมันจนแทบจะกราบกราน ช่วยกูเถ้อะะะะ

   “เออ งั้นมึงติวอิ้งให้กูด้วย”

   “โหย ได้เสมอ ภาษาบ้านเกิดกูเอง ฮ่าๆ” ขอคุยโวหน่อยเถอะ ผมที่ท็อปอิ้งเสมอต้นเสมอปลายมาก

   “เก่งเหลือเกินนนนน..ว่าแต่เมื่อไหรไอ้ภาคมันจะมาวะ วิชาแคลฯนี่เราคงต้องพึ่งมันละวะ กูไม่ถนัดเท่าไหร่”

   “ฮ่าๆ มึงถามมันก่อนว่ามันถนัดมั้ย แม่งเรียนวิศวะ แต่กูก็เห็นมันบ่นแต่แคลฯ แต่ฟิฯ ฮ่าๆ” จริงนะครับ มันโอดโอยตลอดเวลามีสอบย่อย แถมมีบางทีเอาแคลฯมาถามผมอีก

   “นินทาอะไรกูฮะ” ตายยากไปอีกกกก เสียงนี่มาก่อนตัวเลย

   “เปล๊า ไม่มี๊”

   “เสียงสูงกว่าตัวมึงอีกนะเจ้า ฮ่าๆ”

   “สัดภาค” โดนย้อนเฉยเลย เป็นอะไรกับความสูงกูนักเนี่ย

   “ฮ่าๆ เออ มึงมีสอบกันกี่ตัววะ” มันเอ่ยถามพลางหยิบเอกสารการเรียนมันออกมาจากกระเป๋า

   “6 ละมึงอ่ะ” อินเงยหน้ามาตอบ

   “โหย กูนี่ 8 ตัว! สอบโคตรเยอะ นี่ขนาดไม่นับแลป ไอ้เชี่ยยย กูมาเรียนอะไรวะเนี่ย” มันบ่นสีหน้าจริงจังมากครับ ฮ่าๆ

   “ก็ไหนว่าชอบ มึงเลือกเองนะ พ่อมึงให้ไปเรียนบริหารก็ไม่เรียน สมหน้า!” จำได้ว่ามันต่อรองกับพ่อมันนานมาก พ่อมันยอมเพราะมันโม้ไว้ว่าจะเอาเกรดไม่ต่ำกว่า 3.5 ไปให้ดูทุกเทอม คือมึงฝันเอาหรอภาค ฮ่าๆ

   “ก็ไม่รู้ว่ามันจะยากขนาดนี้นี่หว่า ไอ้ชอบมันก็ชอบแหละ แต่กูคงยังปรับตัวไม่ได้ ห่า ก็คิดว่าเรียนวิศวะฯจะได้เจอแค่ฟิ แคล จ่ะ กูต้องเรียนสังคมกับภาษาไทยอีก เพื่อออออ”

   “ฮ่าๆ ก็เพื่อให้มึงพูดภาษาคนรู้เรื่องตอนไปทำงานไง ไอ้ง่าว”

   “เก่งเหลือเกินนะคุณเจ้าพระยา เดี๋ยวกูก็ไม่ติวแคลฯให้หรอก” มันยักคิ้วทำหน้าเป็นต่อใส่ผม

   “แล้วใครง้อมึงมิทราบฮะคุณภาคภูมิ” มึงเอาตัวเองให้รอดจากวิชาฟิสิกส์สำหรับวิศวกรมึงก่อนเถอะ

   “หึหึ ไอ้เจ้ามันไม่ง้อมึงหรอกภาค มันมีคนติวให้มันอยู่แล้ว” แหนะ เอาอีกละไอ้นี่

   “เออว่ะ กูก็ลืมว่ามันมีคนเทพอย่างพี่เกียร์มาจีบ ไงล่ะ ไปอ้อนให้เขามาติวยังล่ะ หื้มมมมม” กูเกลียดหน้าเจ้าเล่ห์ของมึงจังภาค

   “พอ อ่านไปเลย เดี๋ยวตกกูจะขำให้ หยุด ไม่ต้องมาแซว” ผมแหวใส่เพื่อนตัวแสบทั้งสอง ก็เล่นมาแซวทำไมเล่า คนยิ่งต้องการสมาธิ คนตัวสูงที่ถูกกล่าวถึงมันยิ่งจิกจะตามมาอยู่






   พอเถียงกันจนได้ที่ก็สำนึกกันได้ว่าควรก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเอาความรู้เข้าสมองตัวเองได้แล้ว พวกผมเลือกที่จะอ่านแคลคูลัส1ก่อนเพราะเป็นวิชาที่ทั้งสามคนมีเรียนเหมือนกัน เนื้อหาความเข้มข้นของคณะเภสัชฯก็อาจจะไม่เท่ากับพวกวิศวะฯเท่าไหร่ แต่ก็คงต่างกันแบบน้อยนิดมากอ่ะ เผื่อมีอะไรไม่เข้าใจจะได้ช่วยอธิบายกันได้ ผมที่พอไหวกับวิชานี้ก็ยังคงต้องฝึกทำโจทย์ให้หลากหลาย เวลาเจอในข้อสอบจะได้ไม่นั่งเอ๋อ ส่วนความสามารถด้านการคำนวณของไอ้ภาคก็คงจะช่วยอธิบายให้ผมกับอินเข้าใจได้มากขึ้น

   “ภาคๆ ลิมิตข้อนี้หายังไงวะ” ผมเจอข้อที่เป็นปัญหาเข้าแล้วจริงๆ

   “อ่อ มึงจำนิยามลิมิตได้หมดมั้ย”

   “อือ พอได้นะ” พอได้ในที่นี้คือต้องแอบดูนิดหน่อย แหะๆ

   “โอเค งั้นมึงดูฟังก์ชัน แล้วก็ดูตรงนี้ แล้วก็เอามันมาแทน คราวนี้มันต้องจัดรูปใช่มั้ย มึงก็ใช้นิยามมาช่วยจัดรูป มันก็จะได้แบบนี้ คราวนี้ก็คิดเลขปกติ นี่ตัดนี่ อ่ะ ได้ละ เข้าใจปะ” โอ้โห มึงพร่ำอะไรของมึงเนี่ย

   “เข้าใจก็บ้าละ สมองกูยังอยู่บรรทัดแรกอยู่เลย มึงอธิบายช้าๆดิ๊ ฮื่อออ ทำไมยากจังวะ”

   “ฮ่าๆ ยากตรงไหน มึงอ่ะไม่เข้าใจเอง” อ่าว สรุปผมโง่หรอ

   “มึงก็อธิบายให้กูเข้าใจสิ อินมึงเข้าใจที่มันพูดมั้ย มันอธิบายโคตรเร็วเลยเนาะ”

   “หึ คือหาพวก? แต่มึงอธิบายเร็วจริงแหละ กูขอตรงนี้ใหม่”

   “โอ้ยยยย พวกมึงนี่ กูไม่ถนัดสอน ทำไงดีวะเนี่ยยยย” ไอ้ภาคมันเริ่มโอดครวญ เรื่องความเก่งมันเอาไป 9 เลย แต่คะแนนการอธิบายมึงติดลบนะภาค

   “เดี๋ยวกูสอนเอง”

   “เห้ย/เห้ยพี่/พี่” สามเสียงจากพวกผมอุทานพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงเรียบนิ่งที่คุ้นเคย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับมนุษย์ตัวสูง 3 คนยืนค้ำหัวพวกผมอยู่

   “มาได้ไงอ่ะ” เป็นผมที่เอ่ยออกไป

   “ขับรถมาสิเอ๋อ กูคงไม่เดินมาหรอก” มาถึงก็กวนตีน นี่สิพี่เกียร์ตัวจริงเสียงจริง

   “เออ มันก็ต้องขับรถมามั้ย แต่ที่ถาม หมายความว่าตามมาได้ไง”

   “ใครบอกว่าตาม กูมาอ่านหนังสือกับเพื่อน” ไม่พูดเปล่า พี่มันถือวิสาสะมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้ภาค พลอยให้ไอ้ภาคต้องขยับไปนั่งฝั่งตรงข้าม โดยพี่มายด์ก็ทรุดนั่งลงข้างๆมัน

“แหมมมม ตอแหลนะไอ้เกียร์ ใครมันโทรตามกูยิกๆบอกว่าให้มาเป็นเพื่อน จะมาหาน้องเจ้า หึหึ” เมื่อเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด แฉความจริงให้ผมได้ฟัง ฮ่าๆ

“สัด! เงียบไปเลยมึง”

“ว๊ายๆ เขินเลยสิ ฮ่าๆๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ภาคก็ร่วมหัวเราะไปกับพี่มายด์ด้วย

“หึหึ อยากมาหาก็บอกตรงๆก็ได้นะพี่เกียร์ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ไม่ต้องเขิน อิอิ” จะล้อให้อายไปเลยยยย

“กล้าแซ็วกูหรอเตี้ย อย่าให้ถึงทีกูนะ” ร่างสูงข้างตัวหันมายกนิ้วชี้หน้าผม แต่สีหน้าไม่ได้จริงจังอะไร “แล้วไหน ไม่เข้าใจตรงไหน”

“เห้ย พี่จะติวให้ผมใช่ปะ” ผมถามเสียงใสแสดงความดีใจที่คนตัวสูงจะสอนทำโจทย์

   “อืม จะติวให้”

   “เย้!”

   “แต่…” เดี๋ยว ทำไมต้องมีแต่ แล้วหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นคืออะไร

   “แต่อะไร”

   “ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

   “หือ? ต้องมีด้วยหรอ พี่ไม่ใจบุญติวให้ผมฟรีๆหรอ ไหนว่าจีบไง ก็ต้องเอาใจใส่ผมสิ” อย่ามาหัวหมอกับเจ้านะ จะเอาคืนซะให้เข็ด

   “ไม่” อ้าว..

   “งั้นไม่ต้องติว เดี๋ยวผมให้ไอ้ภาคติวให้ก็ได้...ไอ้ภาคมึง-…”

   “กูไม่ว่าง ให้พี่มายด์สอนอยู่” ไอ้เพื่อนเลว ทิ้งกูได้ไงเนี่ย

   “หึหึ จะให้ใครสอนอีกล่ะครับ ชักช้ากูอ่านหนังสือของกูละน้าา” เกลียดหน้าพี่มันตอนนี้มาก โอ้ยยยย

   “น้องเจ้า พี่ว่ายอมๆมันไปเถอะ มัวแต่เถียงกัน นู่น ดูคู่นู้น เขาติวกันไป 3 ข้อละ อิอิ” พี่มายด์เปลี่ยนเป้าหมายไปแซวเพื่อนหน้านิ่งอีกคนที่กำลังสอนแคลฯไอ้อิน

   “เสือก!” นั่นแหละครับ สั้นๆสไตล์พี่พี แต่เจ็บไปหลายนาทีเลยแหละ ฮ่าๆ

   “เลิกสนใจคนอื่นได้ละ ตกลงจะให้ติวมั้ย”

   “แล้วผมต้องเอาอะไรแลกล่ะ แต่..พี่อย่ามาขออะไรแผลงๆนะ ผมด่าจริงๆด้วย” ผมไว้ใจความคิดประหลาดพี่เกียร์ไม่ได้แน่ๆ

   “ก็แลกกับการที่…”

   “...??.”

   “หลังสอบเสร็จ มึงต้องไปเดทกับกูนะไอ้น้องเจ้า” พูดด้วยรอยยิ้มหน้าระรื่นเชียวนะ

   “ห๊ะ! เดท!”

   “ตกใจอะไรเอ๋อ ก็เดทไง” เออเดทไง คือต้องเดทหรอวะ

   “เอ่อ..”

   “ยังไง ตกลงมั้ย?” นี่ก็เร่งจัง คิดก่อนสิว้อย คือมันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรมั้ง ก็พี่มันจีบผม แล้วมาชวนไปเดท ปกติ๊ ปกติ แหะๆ

   “เออ! เดทก็เดท” ไม่มีอะไรจะเสียแล้วมั้ง เหอะๆ “แต่..พี่ต้องติวให้ผมผ่านครึ่งนะ”

   “ได้ แต่คะแนนสอบมันออกช้า แต่กูจะไปเดทหลังสอบเสร็จเลย งั้นคะแนนออก ถ้าผ่านครึ่งก็ไปอีกรอบเนาะ” หือ แปลกๆนะ รอยยิ้มนั่นก็น่าดีดปากมาก

   “เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละๆ”

   “ใช่สิ พอเลิกเถียง ตกลงตามนี้ มาติว ไหนข้อไหน อืม ข้อนี้ใช่มั้ย” แล้วพี่มันก็ตัดบท ตัดทุกอย่าง ตัดแม้กระทั่งสติผม เห้ย ยังคุยกันไม่จบเลย แต่ผมจะทำอะไรได้นอกจาก

   ตามนั้น…










   เรา 6 คนอ่านหนังสือกันไป อธิบายกันไป ช่วงที่ผมทำโจทย์พี่เกียร์ก็จะหันไปอ่านชีทตัวเอง เห็นแว้บๆว่าวิชาวิเคราะห์โครงสร้างอะไรสักอย่าง เห็นแค่ผ่านๆผมยังยอม พี่มันอ่านไปได้ยังไงนานขนาดนั้น เหมือนสมาชิกกลุ่มพี่เกียร์จะหายไปคนนึงใช่มั้ยครับ พี่โซ่คนสวย หญิงเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มไง จำได้กันหรือเปล่า ผมแอบถามพี่เกียร์มาแล้วว่า พี่โซ่ติดธุระจะตามมาตอนบ่ายๆ ต่างคนก็เลยต่างจมเข้าสู่ห้วงสมาธิตัวเอง เพ่งทุกอย่างไปที่เนื้อหาตรงหน้า ทั้งตัวเลข สมการ นิยาม อะไรต่างๆมากมายก็ทำให้สมองเบลอได้เหมือนกันครับ

   “เอาอะไรกันมั้ย กูกับไอ้ภาคจะออกไปยืดเส้นแล้วก็หาอะไรกินว่ะ” พี่มายด์ปิดหน้าเอกสารแล้วถึงเงยหน้ามาถามพวกผม

   “เจ้า หิวมั้ย” เสียงทุ่มนุ่มของคนตัวสูงเอ่ยถามผม

   “หื่อออ ยังไม่หิว แต่ง่วงง่ะ”ผมที่พกเสื้อไหมพรมแขนยาวมาด้วยเพราะรู้ว่าที่นี่แอร์เย็น ก็เอามันมาวางรองศีรษะเพื่อพักสายตา

   “หึหึ แน่ใจนะ” พี่เกียร์ยังคงถามซ้ำ

   “อื้อ เดี๋ยวค่อยออกไป เจ้าอยากนอน ขอพักแปบนึงนะ” เสียงอู้อี้หลุดออกจากปากผม เพราะแก้มแนบจมไปกับกองเสื้อไหมพรมที่วางต่างหมอน

   “น้องเจ้านี่เวลาง่วงนี่ขี้อ้อนจังวะ” เสียงเบาๆลอยเข้ามาในโสตประสาท ซึ่งผมเดาก็คงจะเป็นพี่มายด์ ตอนนี้ผมขอพักสายตาก่อนละกัน ใครจะไปไหนยังไงก็แล้วแต่ล่ะครับ

   “หึหึ ปลาทองเอ้ย”





(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ chomistry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-2
   


   “ฮื่อออออ”

   “หึหึ”

   “ฮื่ออออออ อย่ากวนเจ้า เจ้าจะนอน”

   ในระหว่างที่ผมกำลังหลับตาเพื่อพักสายตา(?) มาสักพักใหญ่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีแมลงมาตอมแก้ม ปัดก็ไม่ออกอีกนะ คนจะนอนโว้ย ไปตอมที่อื่น

    “งื้ออออออ จะนอน”

   ผมงัวเงียจากการพักสายตานานเกินไปจนน่าจะเผลอหลับบนเสื้อไหมพรมแขนยาวของตัวเอง จากตอนแรกที่หนาวๆก็กลายเป็นรู้สึกอุ่นจนหลับเพลินเพราะมีเสื้อยีนส์ตัวใหญ่ของใครบางคนคลุมตัวผมไว้ บดบังไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ กลิ่นที่คุ้นเคยบนเสื้อยีนส์ ทำให้ผมไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นของใคร พอเริ่มสร่างจากอาการง่วงงุนก็กวาดตามองรอบๆ ไม่เหลือใครที่นั่งรอบโต๊ะนอกจาก


   ไอ้คนที่แกล้งเอากระดาษทิชชู่มาเขี่ยแก้มผมเนี่ย


   “งื้ออออ พี่เกียร์ แกล้งทำไมเนี่ย”

   “ฮ่าๆ ตื่นมาก็โวยวาย เช็ดน้ำลายก่อนมั้ย”

   “ห๊ะ! ไหน” ตกใจรีบยกมือขึ้นเช็ดรอบปากตามคำบอกเล่าของคนตรงหน้า เหอะ โดนแกล้งอีกตามเคย น้ำลายใครมันจะไหลเล่า เจ้านอนหุบปากเหอะ

   “ฮ่าๆ หน้ายับหมดแล้วเอ๋อ”

   “โว๊ะ แกล้งอยู่ได้ ไม่เบื่อรึไง” บึนปากใส่พี่แม่งเลย

   “ไม่ อยู่กับมึงกูไม่เคยเบื่อ”

   “...”

   “อยากอยู่แกล้งตลอดไปเลยได้ปะ” ยังจะมีหน้ามาส่งตาหวานอีกนะ คิดว่าจะเขินรึไง ไม่มีทาง เจ้าอัพเวลแล้ววววว

   “อยากอยู่จริงอ่ะ งั้น...”

   “...?” พี่เกียร์กระตุกหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยรอประโยคถัดไปจากผม

   “พี่มาเป็นเมียผมสิ”

   “ห๊ะ..!!”

   “ฮ่าๆๆๆ โอ้ยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆ อึ้งเลยหรอ หวายๆ” ผมแลบลิ้นปริ้นตาล้อเลียนพี่เกียร์เต็มที่ ขอหน่อยเถอะ หมั่นไส้มานานละ

   “หึหึ เดี๋ยวนี้ร้ายนะ”

   “ร้ายมานานแล้วเถอะ หึหึ”

   “หรอ..ถึงร้ายก็รักนะ”

   ฟอดดดดดดด

   “...!!”

   “จะเอาคืนกู ช้าไปสิบปีนะไอ้ปลาทอง หึ”

   “ไอ้...พี่...พี่มึงว้อยยยยย นี่มันร้านกาแฟนะ ทำงี้ได้ไงเนี่ย” ผมแหวเสียงดังใส่คนตัวสูงพร้อมกับเอามือลูบแก้มขวาที่เพิ่งโดนจมูกโด่งของคนตรงหน้าฉวยโอกาสหอมเสียงดัง

   “ชู่ววววว อย่างเสียงดังสิ ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้หรอก มึงนั่นแหละจะทำให้เขารู้นะเอ๋อ”

   “พี่แม่ง หึ่ยยยยยย” พอๆ พี่มันเกินคนมากครับพี่เกียร์เนี่ย คิดจะเอาคืนทีไร โดนหมัดน๊อคสวนทุกที เดี๋ยวนี้ไม่ใจเต้นแรงเท่าเมื่อก่อน แต่ไม่ใช่ว่าไม่เขินนะว้อยยยยยย

    “ฮ่าๆ แล้วนี่หิวยัง”

    “ชิ ไม่!” รำคาญ นอนแม่ง

    “ลุกมาตอบดีๆ หิวมั้ย?”

    “เออ หิวก็ได้” ศักดิ์ศรีก็มีนะครับ แต่หิวมากกว่า ฮือออออ

    “หึหึ งั้นก็ลุก จะพาไปกินข้าว” พี่เกียร์ลุกขึ้นยืนแล้วก็ยื่นมาเพื่อให้ผมจับพยุงต้วเองขึ้น

    “ฮึ่บ! ปะ เอ่อพี่ แล้วของอ่ะ?”

    “เอาไว้นี่แหละ ไม่หายหรอก เดี๋ยวพวกมันก็กลับมา”

    “อ่อ เคๆ ปะๆ หิวจังเลยยยย” เดินนำหน้าแล้วเอ่ยด้วยความอารมณ์ดี เพราะแค่นึกถึงของกินเจ้าก็ฟินแล้วคร้าบบบบบ

   










    เราทั้งคู่ออกมากินข้าวที่ฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟ เป็นโซนอาหารที่อยู่ในตัวอาคารที่เป็นเขตของมหาวิทยาลัยผม เลือกเมนูตามใจตัวเอง มีแย่งกันบ้างตามประสาคนขี้แกล้ง พี่เกียร์ก็ยังดูแลผมในแบบฉบับของพี่เกียร์นั่นแหละ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเลยนะครับที่เราได้เป็นตัวเองต่อหน้าคนๆนึง ไม่ต้องมาคอยเก๊ก คอยวางมาดอะไรมาก  ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนบนโลกนอกจากครอบครัวที่จะยอมรับและเข้าใจในความเป็นเรา แต่ตอนนี้ผมว่าผมได้เจอแล้ว เขายังคงชัดเจนในคำพูดที่ให้ไว้ แม้ตอนนี้มันจะยังไม่มีสถานะอะไรมากำหนด แต่…

    แบบนี้ก็มีความสุขแล้วนะ








    เมื่อหาอะไรเข้าไปให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานเรียบร้อยแล้ว ก็พากันเดินกลับฝั่งมาที่ร้านกาแฟเหมือนเดิม ตอนมาถึงก็พบว่าสมาชิกร่วมโต๊ะได้กลับมาแล้ว แถมยังมีพี่โซ่คนสวยเข้ามาแจมอีกด้วย เราทักทาย พูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การอ่านหนังสืออย่างจริงจังอีกครั้ง เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรขนาดนั้น มีคนอย่างพี่มายด์แล้วก็ไอ้ภาคอยู่ จะไปเครียดอะไร จริงมั้ย? สองคนนั้นก็คอยหามุกมาให้ได้ผ่อนคลายสมอง บางทีก็มีเสียงพี่โซ่เถียงกับพี่มายด์ ไหนจะเสียงผมที่คอยด่าพี่เกียร์ที่ชอบมาแกล้งอีก แต่อีกคู่นี่แทบจะไม่ส่งเสียงออกมา มีเพียงแค่เงยหน้ามาหัวเราะร่วมไปกับบทสนทนาหรือมุกตลก จากที่สังเกตดู ไอ้อินมันเกรงใจพี่พีมากกกกกกก ไม่เถียง ไม่ดื้อเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผิดจากนิสัยดื้อเงียบมันสุดๆ ผมว่า ผมต้องหาเวลาคุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพี่พีละ ถ้าเป็นแบบที่คิดจริงๆ ก็ขอให้มันมีความสุขก็พอ ผมเชื่อนะ เชื่อว่าพี่พีจะดูแลเพื่อนผมคนนี้ได้



    การอ่านยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้เข็มที่ชี้อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือก็แสดงเวลาที่บอกได้ว่า ฟ้ามืดไปเรียบร้อยแล้ว คงต้องพอแค่นี้ก่อนแหละ ถ้าสมองมันพูดได้ มันคงประท้วงเรียกร้องสิทธิ์ว่าถูกใช้งานหนักเกินไปแล้ว เงยหน้าเช็คสภาพทุกคนก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ คงต้องพักไว้แต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้ค่อยสู้ใหม่ ฮึ่บๆ


    “ไอ้ภาค ไอ้อิน มืดแล้วอ่ะ กูว่ากลับเหอะ” เอ่ยถามความคิดเห็นกับเพื่อนสนิททั้งคู่

    “ก็ดีเหมือนกัน กูก็ไม่ไหวละ จะอ้วกเป็นลิมิตซ้ายขวาละเนี่ย” ตายไปหนึ่ง หัวทิ่มชีทเรียนไปแล้วครับ

    “กูก็จะกลับเหมือนกัน เดี๋ยวมีปัญหาอีก” ไอ้อินพูดพร้อมกับเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วย

    “โอเค งั้นกลับกัน พวกมึงจะกลับพร้อมกันเลยมั้ย เดี๋ยวกูไปส่งไอ้เจ้า”

    “เห้ย ไม่เป็นไรพี่เกียร์ พี่อ่านต่อเถอะ เดี๋ยวผมกลับกับไอ้ภาคก็ได้” รีบปฏิเสธความหวังดีของร่างสูง เพราะไม่อยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือของเขา

    “เดี๋ยวกูไปส่ง จะให้ไอ้ภาคมันขับวนทำไม”

    “เอ่อ...ก็…”

    “น้องเจ้าอย่าไปเถียงมันเลย เหนื่อยเปล่า ให้มันไปส่งเถอะ หมามันห่วง หึ” พี่โซ่เอ่ยแซะเพื่อนร่วมรุ่น

    “งั้น ก็ได้ครับ”

    “ทีกูพูดล่ะเถียงจังนะ” ยัง ยังจะมาแซะกันอีก พี่มึงเนี่ยยยย “งั้นปะเอ๋อ กลับได้ละ ไงพวกมึงรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อ”

    “เออๆ กลับมากูฝากซื้อเอ็มร้อย2 ไม่ไหวละ” พี่มายด์พูดทั้งๆที่ยังไม่โงหัวขึ้นมาจากชีท สภาพเหมือนจะตายให้ได้ ฮ่าๆ

    “โอเค แล้วไอ้พี มึง…”

    “เดี๋ยวกูไปส่งอิน” คนหน้าดุตอบเสียงนิ่ง ก่อนจะหันไปทางเพื่อนผม “เก็บของเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นลุก”

    “ครับ… เอ่อ งั้นกูกลับแล้วนะเจ้า ไอ้ภาค  ไอ้ภาค!”

    “ห๊ะ! อะไรอิน” เหมือนระบบสมองมันเออเร่อเลยอ่ะ ฮ่าๆ ไหวมั้ยเนี่ยเพื่อนผม

    “ไหวมั้ยมึง ขับรถกลับดีๆนะเว้ย” ไอ้อินย้ำเสียงเข้มกับเพื่อนตัวสูง

    “โอเค ไว้เจอกัน เดี๋ยวนัดอีกที”

    “อืม บาย”

    “บาย” ผมยกมือโบกลาเพื่อนบ้าง

    “ไปเอ๋อ”
   
    “คร้าบๆ คำก็เอ๋อ สองคำก็เอ๋อ ก็มาหลงชอบคนเอ๋อล่ะว้า ชิ”

    “ฮ่าๆๆๆ โดนน้องเอาคืนละมึง” พี่โซ่หัวเราะเสียงดังซะหมดมาดเลย

    “เออ สงสัยกูชอบของแปลก คนปกติไม่ชอบ มาชอบคนเอ๋ออย่างมึงเนี่ย ไอ้ปลาทองเอ๋อ” พูดไม่พอ ยีหัวผมอีก

    “โอ้ยยยย หัวยุ่งแล้ว ไป กลับซะที ง่วง หิวด้วย”

    “หึหึ เลือกสักอย่างมั้ย จะง่วงหรือจะหิว”

    “หึ่ยยยย...พี่มายด์ พี่โซ่ หวัดดีครับ” ไหว้ร่ำลารุ่นพี่ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ก่อนจะไปร่ำลาเพื่อนตัวเอง “ไอ้ภาคเจอกันเว้ย”

   “อือ เจอกัน”






 

   



   บนรถระหว่างทางกลับบ้าน โดยมีคุณชายอรุณวิชญ์เป็นพลขับเหมือนเดิม ก็เปิดเพลงคลอเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบเกินไป เสียงเจื้อยแจ้วที่ปกติมักจะออกจากปากผมเวลาพี่เกียร์ขับมาส่ง วันนี้แทบจะไม่เปล่งออกมา เพราะตอนนี้ผมโคตรง่วงเลยครับ สมองมันอึนๆเบลอๆ สงสัยจะอ่านหนังสือเยอะไปจริงๆ


   “เตี้ย เป็นไร ทำไมเงียบๆ” ถามทั้งๆที่ตายังมองถนนข้างหน้าอยู่ ดีแล้วแหละ ไม่งั้นมันจะไม่ดีต่อชีวิต

   “ฮื่ออออ ปวดหัวอ่ะ” เอ๊ะ ทำไมเสียงผมมันอ้อนแปลกๆ เจ้าเอ้ย นี่ไม่ใช่แม่เรานะ

   “หือ ปวดแบบไหน?”

   “มันปวดๆมึนๆอ่ะ”

   “หึหึ ใช้สมองเยอะเกินไปแหละมั้ง ปกติไม่ค่อยได้ใช้หรอเราอ่ะ ฮ่าๆ”

   “ฮื่ออออ อย่าเพิ่งกวนดิ คนยิ่งปวดๆหัวอยู่” แหย่ไม่รู้เวล่ำเวลาเลยพี่แม่ง

   “อ่าๆ ไม่แกล้งแล้วๆ ละนี่ไหวมั้ย”

   “ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่าไหว แต่อยากนอนง่ะ ฮ้าวววววว”

   “อ้อนอีกละนะ หึหึ”

   “อ้อนหน่อยไม่ได้หรอ” แกล้งยกนิ้วไปจิ้มที่ต้นแขนพี่เกียร์

   “หึ อ้อนได้สิ แต่อ้อนกูได้คนเดียวนะ”

   “ขี้หวงอ่ะ” เหมือนตอนนี้ผมเริ่มไม่ใช้สมองในการประมวลผลคำพูดละ ปล่อยแม่ง

   “เพิ่งรู้หรอ ไม่ได้ขี้หวงธรรมดานะ หวงมากกกกก”

   “ให้มันได้ตลอดเถ้อออออ”

   “หึหึ”



RrrrrrrrrRrrrrrrrrr

   หือ เบอร์แปลก

   “ใครโทรมาทำไมไม่รับ” พลขับผมถามเสียงเรียบ เพราะผมมัวแต่จ้องโทรศัพท์เพื่อนึกทวนเบอร์แปลกนี้ในใจ ไม่คุ้นแฮะ

   “ไม่รู้อ่ะ เบอร์แปลก”

   “งั้นก็ไม่ต้องรับ”

   “ได้ไงเล่า เผื่อเขามีธุระ”

   “ตามใจ”


   ติ๊ด


   “สวัสดีครับ เจ้าพระยาพูดสายครับ”

   (สวัสดีครับน้องเจ้า)

“หือ? นี่ใครครับ”
   
(พี่ไนซ์เองครับ จำได้ป่าว)

“พี่ไนซ์ เอ่อ แล้วพี่เอาเบอร์ผมมาจากไหนครับ” ปากถามคนปลายสายตาผมนี่เบนไปทางคนร่างสูงหน้าหล่อข้างๆเรียบร้อยแล้ว อื้อหือ อย่าจ้องกันแบบนั้นเส้ ขับรถไปเลย

(ขอโทษนะเจ้า ที่พี่เอาเบอร์มาแบบไม่ขออ่ะ พี่ไม่บอกที่มาได้มั้ยครับ ไหนๆก็ได้มาแล้ว แหะๆ)

“เอ่อ...แล้ว พี่ไนซ์มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

(ต้องมีธุระหรอ ถึงจะโทรหาได้เนี่ย ฮ่าๆ)

“แหะๆ” ไอ้ได้มันก็ได้ แต่พี่โทรมาผิดเวลานิดนึงนะ ตอนนี้รังสีอำมหิตแผ่ท่วมหัวผมไปหมดแล้ว พี่เกียร์เงียบจนผมระแวงอ่ะ

(ไม่สะดวกคุยหรอครับ) อยากบอกเหลือเกินว่าโคตรไม่สะดวกเลยครับ หมายถึงลมหายใจผมเนี่ย หายใจไม่สะดวกเลย ฮืออออ

“ก็นิดหน่อยครับ”

“เอ๋อ!!! จะเลิกคุยได้ยัง!”

ไอ้เชี่ยยยย องค์พี่เกียร์ลงแล้วมั้ยล่ะ

“พี่ไนซ์ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ พอดีผมเดินทางอยู่ แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ”

(เอ้า เจ้า เดี๋ย-..)

ติ๊ด!

“แหะๆ วางแล้ว”

“ใครโทรมา” เย็นกว่าตู้ไอติมก็เสียงพี่เกียร์ตอนนี้เนี่ยแหละ

“พี่ไนซ์อ่ะ”

“แล้วมันมีเบอร์มึงได้ไง ให้มันหรอ” เดี๋ยว ใจเย็นนนนนน อย่าเพิ่งหัวร้อนสิ

“เห้ย ไม่ได้ให้ เขาเอามาจากไหนไม่รู้ ถามก็ไม่บอก” คือแล้วทำไมผมต้องมาอธิบายพี่มันด้วยความเกรงใจอะไรขนาดนี้วะ

“เบอร์มึงหาง่ายจังนะ พรุ่งนี้ไปเปลี่ยนเบอร์เลย”

“หาาาาา เดี๋ยวสิพี่ เปลี่ยนทำไม เบอร์นี้ใช้มานานนะ ไม่เอาไม่เปลี่ยน”

“ดื้อ! ถ้าไม่เปลี่ยนก็บล็อกเบอร์มันเลย”

“เดี๋ยวพี่เกียร์ ใจเย็นๆดิ มีเหตุผลหน่อย พี่เขาไม่ได้โทรมาก่อกวนนี่”

“แค่โทรมาหามึงก็ถือว่ากวนแล้ว”

“...!!”

“กวนใจกูเนี่ย!”

จ่ะ..


“โอ้ย พี่นี่ จะคิดมากทำไม โอ๋ๆไม่ใจร้อนนะ”

“เตี้ย จะบล็อกไม่บล็อก”

“พี่เกียร์ พี่มีเหตุผลหน่อยดิ เขายังไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจะเอาเหตุผลอะไรไปบล็อกเขา”

“ก็มันจะจีบมึง กูรู้”

“มั่วละ พี่คิดไปเองปะ”

“ไม่รู้แหละ กูดูออก”

“จีบแล้วไงอ่ะ”

“เอ้า ก็กูจีบมึงอยู่นะเตี้ย จะให้คนอื่นมาแย่งจีบทำไมล่ะ”

“ก็ใช่ไง ก็ผมยอมให้พี่จีบอยู่ แล้วคิดว่าผมจะยอมให้คนอื่นมาจีบอีกรึไง ผมไม่ว่างมาสับรางหรอกนะ”

“..??”

“ไม่ต้องมาทำหน้างง เขาจะจีบก็เรื่องของเขาสิ ผมไม่สนใจซะอย่าง พี่จะกลัวอะไร” พี่มันร้อนมา ผมก็ต้องใจเย็นเอาเหตุผลเข้าสู้แทน ไม่งั้นตีกันตายก่อนถึงบ้านแน่ๆ

“ก็กลัวมึงไม่สนกูเหมือนไม่สนมันนั่นแหละ”

“แล้วใครบอกว่าผมไม่สนใจพี่ ที่เป็นอยู่นี่เรียกว่าไม่สนรึไงเล่า โว๊ะ” พี่เกียร์มันบ้า บ้าจริงๆ

“...”

“ยิ้มอะไร ขับรถไปเลย”

“สนใจจริงดิ”

“เออ ถามมากอีกละ” จะมาอยากรู้อะไรนักหนา

“สนใจกูแล้ว เมื่อไหร่จะยอมใจอ่อนล่ะ”

“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ พอ! เลิกพูด ปวดหัวหนักเลยเนี่ย หึ่ยยย”

“หึหึ อีกไม่นานหรอก”

“ไม่รู้ นอนแล้ว ถึงแล้วปลุกผมด้วย”

“ฮ่าๆ ครับๆ”




ผมรีบชิงปรับเบาะให้เอนลงแล้วหันหน้าออกฝั่งกระจกรถ หันหลังให้คนขับร่างสูง ในหัวที่ว่าเบลอๆเพราะเนื้อหาการเรียน ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่เราเพิ่งเถียงกันไปเมื่อไม่ถึงนาทีที่ผ่านมานี้


ไม่รู้จริงๆหรอว่าใจอ่อนนานแล้ว…


ไม่รู้ก็ไม่บอกหรอก ไอ้พี่บ้า




แต่… นิดนึงก็ได้



“พี่เกียร์”

“หื้อ?”

“พยายามอีกนิดนะ...ผมรอใจอ่อนอยู่”

“...”

“หึหึ ละเมอรึไง”


เวร จบกัน พี่แม่ง!!



“เออ ละเมอ!” ไม่ต้องมาโรแมนติกอะไรมันละ คนอย่างพี่เกียร์ไม่น่าเหมาะกับโหมดนี้

“..”




ต่างคนต่างเงียบกันอยู่พักใหญ่ ผมก็เริ่มเคลิ้มจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แอร์รถก็เป่าลมเย็นสบาย ถึงบ้านค่อยตื่นละกัน แต่ยังไม่ทันจะหลับดี




“ขอบคุณนะเจ้าที่รอ พี่กำลังพยายามอยู่ครับ”



เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยประโยคกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ไหนจะสรรพนามแทนตัวเองที่นานๆจะได้ยินออกมาจากปากของร่างสูงด้านข้าง แต่มันชวนให้คนฟังอย่างผมรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ แล้วยังมาพร้อมกับสัมผัสหนักบนศีรษะที่เกิดจากการลูบแผ่วเบาของมือหนา

พี่เกียร์จะทำหน้าแบบไหน กำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า ผมไม่อาจมองเห็นได้ แต่ที่รู้ๆตอนนี้ ผมกำลังยิ้ม..






ยิ้มกว้างมากด้วย >///<







TBC
30/10/2017
**********************************************
มาแล้วเด้ออออออ คิดถึงน้องเจ้ากันมั้ย มาเร็วกว่าที่บอกไว้ เพราะวันที่ 1 ชมบ่ว่างแล้ว

ยังไงก็เม้ามอยคุยกันได้ที่ #เจ้าพระยาที่รัก ได้เด้อออ คิดถึงทุกคน ม้วฟๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่ไนซ์ถอยทัพเถอะ เจ้าของน้องเจ้าหวงแรงมากกกกก
อยากให้อินออกจากบ้านคุณป้าปากปลาร้าจัง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ถ้านี่เป็นพี่ไนซ์ไม่กล้ารุกต่อตั้งนานละนะ
นี่ยังจะกล้าารุกต่ออีกกก
พี่เกียร์คือแพ้ทางน้องเจ้าของจริงอะ
น้องอ้อนนิดหน่อยนี่ก้ยอมทุกอย่างแล้ว
หัวร้อนอยู่น้องพูดอ้อนปุ้บยิ้มกว้างปั๊บบเลย
รอค่าา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวๆ.........มีคนมาหลงเสน่ห์เจ้าอีกคนแล้ว
ภาค หวงเจ้า แทนพี่เกียร์ด้วย

พี่ไนซ์นี่ยังไง เขารู้กันว่าพี่เกียร์จีบเจ้าอยู่
พี่ไนซ์ยังกล้ามาแข่งจีบอีก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ยาวจุใจมากค่ะ
รอน้องเจ้าใจอ่อนนี่คือ หลังสอบเสร็จใช่ป่าวน้องเจ้า

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
น่ารักจังเลย พี่เกียร์กับน้องเจ้านี่ช่างเหมาะกันจริง ๆ  :m1:
คนจีบ ก็จีบตรง ๆ เปิดเผย ประกาศไปทั่ว ส่วนคนโดนจีบ พอหวั่นไหว ใจอ่อน ก็ยอมรับง่าย ๆ เลยอ่ะ น่ารัก
ส่วนคู่พี่พีน้องอิน ก็เหมือนจีบกันแบบเงียบ ๆ อ่ะ ไม่พูดอะไรกัน แต่เหมือนความสัมพันธ์คืบหน้าไปเรื่อย ๆ
นี่ก็ยังไม่เลิกลุ้นคู่พี่มายด์น้องภาคน้า จับคู่กันได้เป็นคู่รักคู่ฮาบันเทิงแน่ ๆ
พี่ไนซ์ ให้ความรู้สึกน่ากลัวยังไงไม่รู้อ่ะ เอาเบอร์น้องมาได้ยังไง ไปไหนก็เจออยู่เรื่อย สตอล์กเกอร์หรือเปล่า
พี่เกียร์ต้องคอยดูน้องให้ดี ๆ เลยนะ เสียวพี่ไนซ์จะทำอะไรน้องเจ้ามากเลยเนี่ย
รอตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณคนเขียนจ้า  :กอด1:
 

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ใจอ่อนนี่ต้องพยายามด้วย

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด