6
กลับสู่บางกอกเมืองกรุงสุดอัดของเราเหมือนเดิม ณ หอพักใจกลางกรุงที่อยู่ตรงข้ามมหาลัยใจกลางกรุงเหมือนเดิม ผมได้นอนตีพุงแปะๆอยู่บนเตียงใหญ่
เบื่อ
เบื๊อเบื่อหน่ะ
“คุณ กูไปแล้วนะ” งึ ผมหันหน้าไปหามิตรที่เสื้อผ้าเตรียมตัวออกไปติ่งไอดอลหญิงอะไรของมัน มิตรเป็นอะไรซักอย่างที่เขาเรียกกันว่าโอตาคุครับ เรื่องการ์ตูนอนิเมะไว้ใจเพื่อนมิตรได้เสมอ จริงจังยิ่งกว่าการไปนั่งเรียนคือการไปยืนถือแท่งไฟยิงมิกซ์อะไรของมัน เคยฟังมันเล่าครับ ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่แค่ฟังผ่านๆแต่ทำหน้าทำตาว่าตั้งใจ
“รีบกลับนะมึง”
“อ่อ อาจจะไม่กลับว่ะ”
“เอ้า ไมวะ”
“คุณอะไรติดหน้าอ่ะ”
“ความเสือก”
“ใช่ ไอ้ขี้เสือก กูต้องกลับบ้านวันนี้วันเกิดป๊า” โห่ โคตรเหงาเลย วันนี้ไอ้แทนก็กลับไปโรงเรียนเก่ามันครับ น่าจะอยู่ยาวยันดึกเพราะไปดื่มกันต่อด้วย ยิ่งถ้าไอ้มิตรกลับบ้านแบบนี้นี่แสดงว่าผมต้องอยู่ห้องคนเดียวยาวๆเลย ส่วนไอ้มิกติดต่อไม่ได้เช่นเคย ติดเมียไปยาวๆเช่นกัน
...ว่าแต่เรียกป๊า ไหนบอกว่าชื่อสมิธ เรียกพ่อเสียจีนเชียว ฝรั่งจีเอ็มโอป่ะเนี่ย
“กูอยู่หอคนเดียวอ่ะ”
“อาจจะไม่คนเดียวก็ได้นะ”
“ไอ้เหี้ยมิตร!!”
“คิ ไปแล้วอีหนู เฝ้าห้องดีๆนะ” จากไปพร้อมกับความหัวร้อน รู้ว่าก็รู้ว่ากลัวผียังจะเสือกทิ้งบอมบ์ไว้แบบนี้อีก ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองสภาพตัวเองผ่านกระตกตู้เสื้อผ้าแล้วรับไม่ได้ หัวงี้ฟูฟ่องเสื้อบอลก็ยับยู่ยี่พอๆกับหน้า คราบน้ำลายเลยไปยันคิ้ว เอาวะ อย่างน้อยในมุมของคนสายตาสั้นเราอาจจะยังดูดีอยู่ก็ได้แหล่ะ ใช้เวลาอยู่ซักพักกว่าที่ผมจะลากร่างตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยก็บ่ายกว่าๆแล้วก็มานั่งแปะอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
แม่ง
โคตรไม่มีอะไรทำเลย
กูจะต้องเฉาตายแน่ๆชีวิตแบบนี้
“เบื่อจัง” บ่นงุบงิบแล้วก็ลุกเปิดประตูห้องเตรียมไปหาอะไรกิน พอมผมเปิดประตูห้องมาก็พบกับประตูห้องตรงข้ามที่ปิดสนิท ป่านนี้ไอ้พี่ปลัดมันจะตื่นหรือยังน้า ลองเคาะดูดีกว่า
ก่อกๆๆๆๆแก่กๆๆๆก่อกๆๆๆๆๆ
ความคลีเอทในความคิดผมเลยเคาะประตูห้องเป็นจังหวะเพลงชายกลางของพี่แสตมป์มันเสียเลย คอนเสิร์ตจบอารมณ์ไม่จบ
แอ๊ด!
“เคาะแบบนี้มึงเตรียมตัวโดนตีนกูไว้แล้วใช่ไหมไอ้คุณ!” มาแล้วครับเจ้าของห้อง สภาพเพิ่งตื่นที่แท้จริง พี่ปลัดอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงนอนขายาว ชุดเบสิคอยู่ด้านแต่พอเป็นพี่มันใส่แล้วโคตรเดะเฟสเมน
“พี่รู้ได้ไงว่าเป็นผมอ่ะ”
“คนปกติเขาไม่เคาะประตูห้องคนอื่นเป็นจังหวะสามช่าแบบนี้หรอก”
“ผมเคาะเป็นจังหวะเพลงชายกลางต่างหาก”
“มึงอยากเป็นแบบชายน้อยไหมหล่ะ” หมายถึงเป็นเด็กน่าเอ็นดู ดูเป็นน้องคนเล็กของครอบครัวหรอวะ งงไปหมด
“พี่นอนอยู่หรอ”
“สี่นาทีที่แล้วก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ว่ากูต้องตื่นมาเพราะหมาเคาะประตู” อู่ย สายตาพี่มันน่ากลัวมากครับ
“หมาพันธุ์อะไรทำไมมันฉลาดแล้วก็น่ารักจัง ผมเบื่อว่ะพี่ โดนเมททิ้ง ขออยู่ด้วยดิ” ผมสาระแนแทรกร่างผ่านแขนพี่ปลัดที่เท้าวงกบประตูไว้เข้ามาในห้องพี่มันแบบไม่ต้องรอคำตอบ ทั้งๆที่ความกว้างห้องก็เท่ากันแท้ๆ ไหงพี่มันจัดห้องเสียน่าอยู่เลยวะ เข้าชุดกันทั้งโต๊ะทั้งโซฟา แล้วทีวีใหญ่อลังการแถมมีโค้งตรงกลางอีกต่างหาก ได้กลิ่นความรวยเลยอ่ะบอกตรงๆ
“เห้อ ไอ้คุณ” พี่ปลัดเดินมาเอามือผลักหัวผม
“เมทพี่นอนอยู่ป่ะเนี่ย”
“กูไม่มีเมท” โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห อยากจะโหหหหหหหหหหหห คือหอผมมันแพงจริงนะครับ เพราะมันเล่นตั้งอยู่หน้ามอแบบสิบเก้าถึงหน้าประตู ขนาดหารสี่ยังว่าแพงอยู่เลยแล้วนี่พี่แกเล่นอยู่คนเดียว เอาแล้วๆๆๆ โทรฟ้องตำรวจดีไหม ได้กลิ่นค้ายาแล้วโว้ย
“รวยขนาดนี้... ผมรู้แล้วๆ จริงๆพ่อแม่พี่โดนปลัดจับข้อหาค้ายาเลยแค้นเอามาตั้งชื่อลูกแน่ๆ!!”
“ถ้ายาบ้าอ่ะกูว่าตำรวจควรสงสัยมึงมากกว่ากูอีก เพ้อเจ้อ” ก็ว่างั้น... มโนเล่นเผื่อถูก ผมหันหลังเดินไปเข้าครัว ขนาดชุดครัวยังครบเซท ไม่มีจานมาม่าที่ปล่อยเป็นคราบอยู่ในซิ้งค์แบบห้องผมด้วยซ้ำ คือว่าห้องผมใช้ระบบจิตสำนึกล้างครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่จานเริ่มสูงแล้วไม่มีจานใช้ต้มต่อถึงจะยอมล้างกันได้
“ไอ้คุณ” พี่ปลัดยืนพิงตู้เย็นมองผมด้วยสายตาเซ็งๆ
“กระทะโคเรียควีนป่ะเนี่ย”
“เห้อ เชื่อมึงเลย สำรวจไปแล้วกัน กูเพิ่งเคลียร์งานเสร็จตอนเจ็ดโมง ดมนู่นนี่พอใจจะกลับห้องก็ล็อคห้องให้กูด้วย” พอพี่มันพูดแบบนี้ถึงได้เพิ่งสังเกตว่าหน้าพี่ปลัดมันอิดโรยมาก เกือบรู้สึกผิดเลยครับถ้าไม่ติดว่าต่อมขี้เสือกมันใหญ่กว่า พี่ปลัดยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป พี่มันก็ไว้ใจคนง่ายจังวะ เดี๋ยวตื่นมาทีวีหายนี่จะรู้สึก ผมเดินสำรวจนู่นนี่อยู่พักใหญ่ๆก็ขอแอบบุกเข้าห้องนอนมันเสียหน่อย ผมค่อยๆหมุนลูกบิดช้าๆไม่ให้เกิดเสียงกลัวพี่มันตื่น บนเตียงสีขาวมีก้อนพี่ปลัดนอนซุกผ้าห่มกรนอยู่ก้อนใหญ่ๆบนเตียง กรนจริงครับไม่ได้ดังมากแต่ก็ได้ยินว่ากรน กัดฟันแถมเตะผ้าห่มอีกต่างหาก โถ้ะ ลุคพระเอกที่เคยพบเจอ นอนดิ้นเป็นเด็กเลย
ผมมองเด็กชายปลัดนอนแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ ดูท่าทางจะเหนื่อยจริง ปล่อยหมาจรจัดอย่างผมมาวิ่งเล่นในห้องยังสามารถหลับเป็นตายอย่างสบายใจลงไปได้อีก เห็นพี่มันหลับก็ไม่อยากกวนรีบออกจากห้องนอนพี่มันมานั่งเล่นอยู่บนโซฟา
อืม...
ไหนๆก็เนียนปล่อยให้พี่มันเลี้ยงเคเอฟซีมาแล้วมื้อหนึ่ง มาทำอาหารตอบแทนให้ดีกว่า อย่าให้เสียชื่อเสียงเด็กมนุษย์ ผมวิ่งไปเปิดตู้เย็นอย่างชำนาญ กระชับกระทะโคเรียควีนในมือซ้ายให้มั่น ส่วนมือขวาเปิดพันทิปกระทู้สอนทำไข่เจียว ผมชายตามองที่เตาไฟฟ้าสีดำนั่นด้วยสายมุ่งมั่น
ว่าแต่
เปิดยังไงวะเนี่ย...
สเตปแรกก็ฉิบหายเลยเปิดเตาไม่เป็น เอาเป็นว่าผมก็ใช้บุญนำทาง ตอกไข่ใส่น้ำปลาใส่น้ำเล็กน้อยตามในกระทู้บอก อยากโชว์สเตปเทพควงกระทะแต่แค่พลิกไข่ให้มันไม่ฉีกออกจากกันก็แย่แล้ว จบท้ายที่การงัดก้อนไข้เจียวออกมาวางใส่จาน เห้ย ก็ไม่แย่นะครับ ดูก็ยังพอรู้ว่าเป็นไข่เจียว
“เผาห้องกูหรอ”
“อ้าว ตื่นแล้วหรอพี่” นายปลัดยืนหน้าง่วงเกาพุงแกรกๆอยู่ตรงประตูห้องนอนจ้องมาที่ผม
“ได้ยินเสียงฉี่ก็เลยตื่น”
“เห้ย นั่นฉี่หรือท่อปะปาแตก ใครมันฉี่ดังขนาดนั้นวะพี่”
“กูหมายถึงฉี่กระทะ”
“อ๋อ ตกใจหมดเลย มาๆพี่ผมทำไข่เจียวไว้ให้ ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ผมเต็มใจ” ผมชูจานไข่เจียวให้พี่ปลัดดู พี่มันยกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
“มึงทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ”
“เห้ยพี่ ผมเนี่ยบอกเลยว่าครัวคุณต๋อยที่ว่ายังแพ้ครัวคุณคุณ ตอกไข่ไก่เบอร์สามหยอดน้ำเปล่าหนึ่งช้อนกับใส่น้ำปลาตราขงจื๊อ”
“เป่าฮื้อคุณ น้ำปลาตราหอยเป่าฮื้อ”
“เออนั่นแหล่ะๆอะไรฮื้อๆจื๊อๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆรับรองอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ” ชูนิ้วโป้งแบบว่ากดไลค์เลยให้ตัวเองเป้นการคอนเฟิร์มว่ากู๊ดจริงๆ
“แล้วไหนข้าวสวย”
“อ่า...”
“...”
“...คือแบบ”
“แบบ?”
“แบบที่เมกาเขาไม่นิยมกินไข่กับข้าวอ่ะพี่ เราต้องเปิดกว้างรับวัฒนธรรมอื่นบ้างดิ ป่ะๆกินเถอะๆ” แถมันหน้าด้านๆ จู่ๆก็เป็นอเมริกันซิติเซ่นขึ้นมาเฉยๆ ผมรีบเบี่ยงประเด็นเอาไข่กับช้อนส้อมไปวางบนโต๊ะ นั่งยิ้มปริ่มรอพี่ปลัดมานั่งกินแต่โดยดี พี่ปลัดมันหัวเราะออกมาเบาๆแต่ก็ยอมลงนั่งตักไข่เข้าปาก
บอกตรงๆว่าใจคนทำนี่มันเล่นลุ้นทุกการบดเคี้ยวไข่ในปากของพี่มันเลยครับ บดเคี้ยวไข่ในปากฟังดูทารุณไปหน่อย ขอเปลี่ยนเป็นทุกการขยี้ไข่ในปาก อือก็ยังไม่เวิร์ค เอาเป็นทุกการเคี้ยวนั่นแหล่ะครับ เหมือนพี่มันก็รู้แหล่ะครับเลยเล่นลีลากินไข่ด้วยสปีดติดลบยั่วผมไปด้วย
“อือ”
“อืออะไรอ่ะ”
“อือ ก็อร่อย”
“ไม่ได้ดิ ถ้าอร่อยพี่ต้องพูดว่าอูมามิ เพราะอูมามิแปลว่าอร่อย” ห้ามถามกลับนะครับว่าภาษาอะไร ฟังมาจากโฆษณาอีกที
“แล้วถ้าไม่อร่อยต้องพูดว่าอะไร”
“มิมาอู”
“มั่ว” เอ้า ดันรู้อีก
“น๊อทอูมามิ”
“นี่ก็มั่ว”
“โห่พี่ ผมเอกอิ้งไม่ใช่เอกญี่ปุ่น” ถึงหน้าตาจะดูญี่ปุ่นก็ตามแต่บอกตรงๆว่ารู้แค่ศัพท์พื้นฐาน ไอ้มิตรสอนไว้ว่าถ้าพูดไม่ได้ให้ทำเป็นลงท้ายเดสๆไว้ก่อนเดี๋ยวทุกอย่างก็ดูซอฟต์เป็นญี่ปุ่นเอง เช่น ไอ้บ้าเดส เนี่ยครับ ฟังดูนุ่มนิ่ม ไม่รู้เลยว่าด่า
“หึ”
“แต่อร่อยใช่ป่ะ เนี่ยเป็นการขอบคุณที่พี่เลี้ยงเคเอฟซีผมเลยนะรู้เปล่า”
“ใจดีจังนะ”
“แน่น๊อนนนนน”
“หึ เอาเป็นว่าขอบคุณแล้วกัน” เนี่ย ขนาดขอบคุณยังมีสไตล์ มีความยกยิ้มอ่อนๆก่อนก้มลงไปกินไข่ต่อ แค่กินไข่เจียวก็ยังดูเหมือนเล่นโฆษณาได้ คนอะไร๊!
“ว่าแต่พี่อยู่ห้องคนเดียวโคตรรวยเลยอ่ะ ห้องก็สะอ๊าดสะอาด” ผมเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วมองออกไปรอบๆห้อง ห้องพี่ปลัดมีความกว้างและจำนวนห้องเท่าห้องของผมแหล่ะครับ แต่ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์เยอะกว่ารวมไปถึงมีการตกแต่งให้ไปในโทนเดียวกัน
“มีเมทแล้ววุ่นวาย” เห็นด้วยล้านเปอร์เซ็น ถ้าตัดภาพไปที่ห้องผม เราก็จะมีความเป็นศูนย์วัฒนธรรมหน่อยๆครับ ฟิกเกอร์กันดั้มดูแข็งแกร่งของไอ้แทนตั้งติดกับฟิกเกอร์ลายผู้หญิงยิงหัวใจของไอ้มิตรตบท้ายด้วยของแถมแฮปปี้มีลของผมที่ได้มาไม่รู้จะเอาไปไว้ไหนเลยเนียนๆตั้งไว้ข้างหุ่นในตู้ของพวกมัน ยิ่งเวลาฟังเพลงนี่สุดยอดแห่งความวุ่นวายของห้องเลยครับฟังไทยต่อสากลจบที่ญี่ปุ่น แต่ก็สีสันดีนะครับ เวลาท้องเสียยกห้องนี่โคตรสนุกเลย มิตรภาพไม่มีผลต่อการปวดขี้ครับ
“จริงว่ะพี่ เห็นด้วยโคตรๆ”
“ห้องมึงมีแค่มึงก็วุ่นวายแล้ว มึงมันซนเหมือนหมา”
“เห้ย บ้านผมเลี้ยงหมานะพี่ เลี้ยงไว้สามตัว สองตัวแรกได้มาพร้อมกันชื่อบ๊อกกับโฮ่ง แต่ถ้าพี่เรียกบ๊อกๆมันจะมาทั้งสองตัว แต่ถ้าเรียกโฮ่งๆมาทั้งสามตัว” พูดแล้วก็คิดถึงครับ ใครเลี้ยงหมาจะเข้าใจดี หมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชีวิตประจุบวกมากครับ อารมณ์ดีง่าย แค่เรียกชื่อก็ดีใจกระดิกหางตีป้าปๆวิ่งมาหาแล้ว
“บ๊อก โฮ่ง แล้วอีกตัวหล่ะชื่ออะไร”
“อีกตัวพันธุ์บีเกิ้ล ชื่อย่อว่าปีโป้”
“...แล้วชื่อเต็ม?”
“ชื่อเต็มว่าปีปีปีโป้ ปะปะปีปีโป้” ชื่อนี้คุณชัยยุทธิแต่งให้ครับหลังจากที่พี่แกอยากกินปีโป้แล้วที่เซเว่นหมดเลยมาลงกับชื่อหมา โคตรเท่เลย หมาอะไรชื่อยาวกว่าลูกแท้ๆอย่างกูไปอี๊ก!!
“ถ้าเป็นหมาคนอื่นก็คงแปลกใจไปแล้ว แต่พอเป็นหมามึงก็เลยไม่น่าตกใจเท่าไหร่” ตรรกะอะไรของพี่มันวะ? พี่ปลัดยกน้ำขึ้นดื่มอั้กๆหลังจากที่เพิ่งฟาดไข่เขียวผมหมดจาน คนทำนี่ใจฟูยิ่งกว่าไข่เจียวตอนลงกระทะอีกครับ
“แล้วพี่อ่ะเลี้ยงหมาไหม”
“ชีวิตตัวเองยังดูไม่ค่อยจะรอด ไม่อยากหาภาระเพิ่มหรอก” นี่ขนาดไม่รอดจริงๆหรอ เล่นเสียกูอายชีวิตตัวเองเลย
“เออ พี่ขาวแบบนี้ตั้งแต่เกิดป่ะ ผมโคตรอยากขาวเลยอ่ะ เคยซื้อกลูต้าอะไรสักอย่างมาโบกผิว แม่งเป็นคราบติดรถโดนมันด่าอยู่เกือบอาทิตย์” คิดแล้วเซ็งครับ ไหนว่าวอเตอร์พรูฟ แค่เหงื่อออกก็ละลายหายไปหมดแล้ว ขาวยันขน
“อยากรู้จริงหรอ”
“จริงดิ!!”
“แต่มันเป็นความลับมากเลยนะ”
“เห้ย ใช่หรอพี่”
“สูตรนี้ได้มาจากพ่อเพื่อนของพ่อของเพื่อนพ่อที่เป็นเพื่อนกับทวดของทวดของทวดของคุณพ่อแต่ก็สนิทกับคุณทุณทวดแล้วก็ยายของฝั่งแม่” เชี่ยพี่ปลัดแม่งโคตรคูล ขนาดสูตรดูแลตัวเองยังสืบทอดมาอย่างกับเมนูอาหารแดจังกึม อะไรทวดๆพ่อๆนะฟังไม่ทัน
“สุดยอดเลยพี่!!”
“สูตรอ่ะก็คือ...”
พี่ปลัดเดินมากระซิบข้างหูผมแผ่วเบาแต่ผมกลับได้ยินมันชัดเจนและจดจำได้เป็นอย่างดี
เห้ย.. ง่ายนิดเดียวเองนี่!!!
หล่อได้ในสามนาทีไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วโว้ย!!
.
.
.
วันนี้มีเรียนบ่ายแต่ผมตื่นมาตั้งแต่เช้า เพื่ออะไรหน่ะหรอครับ!! หึ!! ก็เพื่อตื่นมาสปาตัวไปพร้อมๆกับฮัมเพลงสาวน้อยบ้านนาสปาบ้านทุ่งตามสูตรที่พี่ปลัดให้มา เมื่อวานผมนี่ไปตามซื้อวัสดุแทบไม่ทัน วันนี้ต้องหล่อผิดหูผิดตาจนเพื่อนทักแน่ๆ ว่าแล้วก็ลงมือพอกผิวตามสูตรที่ไอ้พีปลัดให้มาทันทีใด ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเกือบสี่ชั่วโมง จากนั้นก็แต่งตัวพร้อมเฉิดฉายในรั้วมหาลัยในฐานะคิ้วท์บอลคนใหม่แล้ว!!
ผมเดินอย่างมั่นใจเข้าไปในม. บอกเลยแต่เริ่มต้นก็สัมผัสได้ถึงความฮอตแล้วครับ
สาวมองหรอ?
แดดเผาหน้า!!!
เหมือนมหาลัยวิทยาเขตนรก มันจะร้อนอะไรขนาดนี้ ขึ้นห้องไปรักแร้แทบเปียกแต่ก็ยังหล่ออยู่ ผมรู้ตัวเลยครับว่าตัวเองต้องดูดีมากๆเพราะไอ้มิตรกับไอ้แทนนี่ถึงกับอึ้งไปเลย
“อะ ไอ้คุณ มึงไปทำอะไรมาวะ”
“หึ แปลกใจหล่ะซี้!!” เห้ยแบบนี้ผมเริ่มกลัวหน่อยๆแล้ว นี่ถ้าผมหล่อเกินไป ไอ้แทนไอ้มิตรจะกล้าเดินข้างๆผมไหมวะเนี่ย โอ๊ย หนักใจว่ะ ทำไงดี
“มะ มะ ไม่ให้แปลกใจได้ไงอ่ะ”
“กูหล่อผิดหูผิดตาใช่ไหม!!!”
“มึงตัวเหลือง!! ไปทำเหี้ยอะไรมาเนี่ย ตอนแรกกูจะเดินมาจุดไฟ คิดว่าเทียนพรรษา!!”
“สัดเอ๊ยยยย ไอ้คุณ นี่กูคิดว่ามึงเป็นมาสคอตหมีพูห์มาทำแคมเปญในมหาลัย”
“ดีซ่านแน่ๆไอ้คุณเป็นดีซ่าน”
ผมได้แต่ยืนงงในดงเหลือง เดี๋ยว อะไรคือเหลือง ทำไมกูต้องเป็นเทียนพรรษา แล้วมึงจะมาจุดไฟบนหัวกูทำไม เดี๋ยว คนหล่องง
“ก็พี่ปลัดให้สูตรพอกผิวกูมา”
“ไหนมึงบอกมาสิว่าทำอะไรบ้าง”
‘ก่อนอื่นเลยนะมึงก็อาบน้ำให้สะอาดผสมขมิ้นกับโลชั่นแล้วก็พอกผิวตัวเองทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง รับรองว่าสาวเหลียวหลังแน่ๆ’
ผมพูดตามคำพูดไอ้พี่ปลัดเป๊ะๆ ไม่ลืมดัดเสียงให้เหมือนด้วยอีกต่างหาก ไอ้มิตรไอ้แทนตบหน้าผากตัวเองอย่างปลงๆก่อนจะลากผมไปเข้าห้องน้ำ ภาพที่สะท้อนตัวผมเองในกระจกทำให้ผมตกใจจนตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า เปล่าครับ ไม่ใช่ว่าหล่อขาวใสแต่เพราะไม่มั่นใจว่านั่นคนหรือเทียนหรือจริงๆกูเป็นหมีพูห์
ที่รู้ๆ...
“ไอ้พี่ปลัด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”---
ไข่น้องคุณที่ทำมาจากไข่พี่ปลัด 5555555555555555555555