11
อือ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หมอนที่ห้องมันมีกลิ่นน้ำหอมผู้ชายแบบนี้นะ
เอ๊ะ หมอนห้องเรามันนุ่มขนาดนี้เลยหรอวะ
โอ๊ะ ผ้าห่มลองเตะก็ดูหนาเหมือนสอดใส้ด้วยขนเป็ดขนไก่
ผมลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่ห้องตัวเองหมอนมีแต่กลิ่นน้ำลายบูดเท่านั้น แถมผ้าห่มยังบางยิ่งกว่าเอสี่ ถ้าไม่ทำเป็นแกล้งละเมอมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มไอ้มิตรก็ไม่มีทางได้รับความอบอุ่นได้อย่างแน่นอน แสดงว่าที่นี่ ไม่ใช่เตียงของห้องผมอย่างแน่นอนอีกนั่นแหล่ะ!! แต่ก็นึกขึ้นมาได้ เออว่ะ เมื่อวานมานอนห้องพี่ปลัดนี่หว่า
“อื้อ ผ้าห่ม”
เห้ย...
ผมได้แต่กอดผ้าห่มแน่นเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหลัง เสียงมีความทุ้มต่ำแบบเดาเพศได้ง่ายๆ นึกอยากเปลี่ยนสภาพรังแคให้เป็นตาหลังทันทีทันใด ผมค่อยๆหันตัวไปข้างหลังทีละสองมิล เมื่อเห็นภาพคนที่นอนข้างๆตาก็แทบถลนออกมา
ไอ้แทน!!!นี่มึงมาสาระแนหน้าอยู่บนเตียงห้องพี่ปลัดได้ยังไงเนี่ย!!!!
“ตื่นแล้วหรอ” ผมลุกขึ้นนั่งมองไปทางต้นเสียง ไอ้พี่ปลัดยืนพิงกรอบประตูเกาพุงแกรกๆมองผม โอ้โห เอาอีกแล้ว มีความปกไอไลค์ธีมพาจามา น้ำลายบูดก็ยังหล่อ วุ้ย มันน่าอิจฉาจริงๆ
“พี่ปลัด”
“หือ”
“พี่เห็นใครนอนอยู่ข้างผมไหมอ่ะ”
“...”
“เชี่ย หรือว่า ผมเห็นวิญญาณหรอวะ!!!” เชี่ยยยยยยยยยยยยยย จริงจังป่ะเนี่ย หรือแทนตอนนี้นอนอยู่ห้องไอซียูแล้วถอดร่างมาขอความช่วยเหลือจากผม ไม่นะไอ้แทนเพื่อนรัก เกิดอะไรขึ้นกับมึงเนี่ย
“ใจเย็นคุณ นั่นเพื่อนมึง มันยังไม่ตาย มึงคิดไปถึงจุดนั้นได้ยังไงวะ” เอ้า ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ตกใจหมด เออ ว่าแต่มันมาโผล่อยู่นี่ได้ไงวะ ไหนว่ากลับบ้าน แอบเอื้อมมือไปอังลมหายใจมันดูก็ค้นพบว่ายังหายใจอยู่
“แล้วมันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงอ่ะ”
“ตอนตีสามเพื่อนมึงเมาแอ๋มาเคาะประตูห้อง กูเลยลากเข้ามานอน”
“อ๋อ”
“พร้อมกับอ้วกไปหนึ่งกองตรงห้องนั่งเล่น”
อูย...
ผมมองไอ้เจ้าของอ้วกที่นอนแบะขาไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงแล้วก็ได้แต่อนาถใจ ผมตบหัวไอ้แทนไปหนึ่งปั้ก ข้อหามาอ้วกใส่ห้องพี่ปลัด ไม่กล้าตบแรงครับ เพราะมีคดีมาบูมส้วมของพี่มันไว้เหมือนกัน เอาหน่ะ คนไทยด้วยกัน เรื่องแค่นี้ย่อมให้อภัยให้กันได้ เนาะๆ
“แหะๆ เดี๋ยวผมช่วยเช็ด”
“อื้อ ไอ้คุณ มึงเสียงดังสัด” ไอ้แทนม้วนตัวในผ้าห่มแล้วเอื้อมมือมาดึงผมลงไปนอนกอดแน่นทำให้ผมต้องหุบปากโดยฉับพลัน หน้าผมตอนครูดกับหัวนมมันนี่สยองเลย เป็นการบอกให้หุบปากได้แขยงมากเพื่อน เหม็นเหล้าโคตรๆ แต่ก่อนจะได้ยกเท้าถีบมันออก ร่างผมก็โดนกระชากออกมาเสียก่อน
“เหวอๆ” ให้เหวอเถอะ ผมโดนไอ้พี่ปลัดหิ้วคอเสื้อเป็นลูกหมาเลย แถมไอ้หน้าหล่อนั่นยังขมวดคิ้วแน่นเป็นโบว์กระเช้าวันครูอีกต่างหาก อิหยังวะ ความดันต่ำตอนเช้าเรอะ
“ไปอาบน้ำไป” พี่ปลัดดันหลังผมให้ออกไปเข้าห้องน้ำ บ๊ะ แค่อยากให้ไปเข้าห้องน้ำไม่เห็นต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้นเลย หรือพี่มันเหม็นปากเราวะ แย่แล้ว เกิดพี่มันไปเอาไปแฉว่าผมกลิ่นปากตอนตื่นนอนเหมือนถุงเท้าที่กลับด้านใช้แบบนี้ต้องเสียชื่อแน่ๆ!!!
คิดได้แบบนั้นผมก็รีบปิดปากตัวเองให้แน่นแบบที่กลิ่นไหนก็ริดรอดออกไปไม่ได้พร้อมกับรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน แปรงได้ไม่ถึงครึ่งปากสักพักประตูก็เปิดพร้อมกับร่างของไอ้พี่ปลัดที่เดินมาหยิบแปรงฟันขึ้นแปรงอยู่ข้างๆ จริงๆแล้วเหมือนพี่มันงับคาปากเล่นไปงั้นมากกว่า ไม่เห็นจะขยับแปรงสักเท่าไหร่
มองผ่านกระจกห้องน้ำแล้วก็ได้แต่เวทนา คือชุดนอนพี่ปลัดมันใส่เป็นเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเหี่ยวๆสีเทา ดูเป็นชุดนอนที่โคตรเบสิคแต่ไหงมันออกมาเยี่ยงนายแบบ งงในความหล่องงๆของพี่มัน แล้วบอกเลยครับว่ากล้ามพี่ปลัดแม่งแน่นแบบอีกนิดไปเป็นสตั๊นท์แมนธอร์ได้แล้วอ่ะ เทียบกับแขนผมนี่เหมือนต้นซุงปะทะตะเกียบข้างเดียว โคตรเศร้าโคตรอาทิ้ตย์
“มองไร”
“อ้าม” หมายถึงกล้ามแต่กลัวฟองไหลลงคอ แม่เคยบอกไว้ว่าถ้ากินฟองจะปวดท้อง พี่ปลัดกระดกคิ้วงงนิดหน่อยก่อนจะส่งเสียงอ๋อในลำคอ
“อยากมีกล้ามรึไง” พี่ปลัดก้มลงบ้วนน้ำสองสามทีก็เงยหน้าขึ้นสบตาผม
“อื้อ!”
“ไม่เวิร์คหรอก แบบนี้ดีแล้ว” พี่มันเอื้อมมือมาขยี้หัวผม
“โอ่วว อ๋มอากอีอ้ามไออวดอ๊องอาย”
“มึงมีซับไทยให้กูหน่อย”
“ไอ้อี้โอ้”
“ด่ากูโง่เดี๋ยวก็ตบปากให้”
...ทีงี้มาทำแปลออก
ว่าแต่ไอ้ที่พี่มึงตบมันเรียกตูดกูโว้ยไม่ใช่ปาก !!
ผมก้มลงบ้วนน้ำ ไม่ลืมกุ๊กปากด้วยน้ำยาอะไรสักอย่างของพี่ปลัด บ้วนทีปากชาเลย กัดขนาดนี้ ชักไม่แน่ใจว่าน้ำยาบ้วนปากหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ
“ฮ่า ปากหอมแล้ว” ผมหันไปฉีกยิ้มเยี่ยงพรีเซนเตอร์ยาสีฟันใส่ไอ้พี่ปลัด
“ไม่เชื่อ มึงมันปากเหม็น”
“เห้ย!! ได้ที่ไหน ผมแปรงฟันนานกว่าพี่อีก”
“ไอ้คุณปากเหม็น”
“พี่ปลัด!!”
“กูจะแฉว่ามึงปากเหม็น”
“ไม่เชื่อก็ดมเลยดีกว่า !!” ผมอ้าปากกว้างโชว์เตรียมพ่นลมหายใจกลิ่นมิ้นต์จากลำคอให้ไอ้พี่ปลัดได้ดม แต่พี่มันก็หยุดนิ่งไปเสียอย่างงั้น แทนที่คิดว่าพี่มันจะดมแล้วล้อว่าเหม็นแต่กลับกลายเป็นยืนนิ่งแถมเริ่มหน้าแดงหูแดงอีกต่างหาก ไหงพี่มันเริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆวะ เหม็นจริงเรอะ
“คุณ...”
ก๊อกๆ
“อะแฮ่ม ขอขัดจังหวะความคิดอกุศลพี่นิดนึงนะครับพี่ปลัด พอดีปวดขี้ไม่ไหวแล้ว” ความคิดอกุศลอะไรวะ ผมมองไอ้แทนที่ยืนบิดตัวอยู่หน้าห้องน้ำแบบงงๆ แต่พอมันทำท่าจะตดออกมาก็ยินยอมหายงงเพื่อสละห้องน้ำให้มันใช้ ส่วนพี่ปลัดก็เดินลูบหน้าลูบตาไปยืนตากลมที่ระเบียง อารมณ์ติสท์เข้าสิงหรืออะไรไม่อาจหยั่งรู้
ผมยืนเด๋ออยู่สักพักก็เดินไปดูที่โต๊ะกินข้าว เหมือนพี่ปลัดมันจะเตรียมอาหารเช้าโง่ๆไว้ให้เป็นขนมปัง แยมแล้วก็น้ำส้ม เซอร์วิสดีเยี่ยงอาหารเช้าในโรงแรม มันน่ามาค้างบ่อยๆจริงๆ
“โหแม่ง เตรียมให้ยันอาหารเช้า กูหล่ะเชื่อเลย”
“เห้ยๆ ขนมปังกู” ตลกแดกก็มึงเนี่ย!! ยืนปาดแยมอยู่ตั้งนาน จู่ๆขี้เสร็จมาดึงออกไปแดกหน้าด้านๆ
“มึงอย่าเสียงดังสิวะไอ้คุณ กูทอมอยู่”
“อะไรวะทอม”
“แฮ้งค์”
“...”
“...”
“เออ กูก็ทอมเหมือนกันว่ะ”
“หมายถึงทอมฮิดเดิลสตัน โลกิของพี่ธอร์แน่ๆ!!”
“ทอม แอนด์ เจอรี่!! หยุดนะไอ้หน้าหนู!!”
“เกือบฮาแล้วมึง” จริงว่ะ จังหวะกูนรกไปหน่อย ว่าแล้วก็ทำเนียนมากินขนมปังต่อ
“ว่าแต่มึงมาเมาแอ๋อยู่หน้าห้องไอ้พี่ปลัดมันได้ยังไงวะ พี่มันบอกว่ามึงอ้วกด้วยนะ” ผมกับไอ้แทนมองออกไปตรงระเบียงที่เจ้าของห้องมัวแต่กำลังยืนลูบหน้าลูบตาไม่หยุด
“อย่าถามคนเมาสิวะ แล้วกูอ้วกตรงไหนเนี่ย”
“พี่มันบอกว่าเช็ดไปแล้ว”
“แสนดีเหี้ยๆ”
“ซานต้าผู้หญิงหรอ”
“นั่นแซนตี้”
“อันนี้ได้หนึ่งฮาป่ะ”
“ไม่ได้”
โด่ เซ็งเลย
จังหวะเดียวกันนั้นไอ้พี่ปลัดก็หายเป็นบ้ายอมเปิดประตูกระจกระเบียงกลับเข้ามาแล้ว พี่มันสบตากับไอ้แทนเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเกาคอตัวเองเก้อๆ
“ดี’พี่ มารบกวนหน่อยไม่ว่ากันนะ”
“เออ กินเสร็จก็ฝากเก็บด้วย กูไปแต่งตัวก่อน” แล้วร่างหมีๆก็ผลุบเข้าห้องนอนไป
“พี่ปลัดล่กอะไรของพี่เขาวะ” ผมงับขนมปังกินแบบงงๆ หันไปถามขอความคิดเห็นจากเพื่อนข้างๆก็ได้คำตอบมาเป็นแค่เสียงหัวเราะในลำคอแล้วหันมาตบหัวผมดังปั้ก
“ไม่รู้ว่าที่มึงเป็นแบบนี้นี่นับเป็นข้อดีหรือข้อเสีย”
“ความหล่อกูเป็นข้อเสียได้ด้วยหรอวะ”
“เอาตาขาวมองหรอถึงบอกว่าตัวเองหล่อ”
“งั้นยิ่งชัดเลยดิ เพราะตาขาวพื้นที่ใหญ่กว่าตาดำ”
“เสริ์ชกูเกิ้ลคำว่าโง่นี่จะเจอหน้ามึงเป็นลิ้งค์แรกรึเปล่าวะคุณ”
“อ่ะ กูหาให้เลย” แล้วค้นพบว่าไม่ใช่ มันขึ้นเป็นเพลงของซิลลี่ฟูล ไอ้โง่ ผมกับไอ้แทนนั่งคุยกันสักพักที่ปลัดก็แต่งตัวออกมายืนทำตัวงงๆเกาหลังคอเกาหลังหูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ผมก็เดินเข้าไปหาพี่มันพร้อมกับถือขนมปังที่ทาแยมสตอเบอร์รี่ไปด้วย
“อ่ะ ผมทาไว้ให้”
“ขอบคุณ” ไม่เป็นไรคนไทยด้วยกัน ผมตีกล้ามพี่มันป้าปๆ
“เออจริงสิ ไอ้คุณ มึงจัดกระเป๋าไปค่ายรึยังวะ”
“ค่าย?” พี่ปลัดส่งเสียงถามผมพร้อมกระดกคิ้ว
“ค่ายรับน้องทะเลอ่ะหรอ ยังอ่ะ” อีกตั้งเกือบอาทิตย์ ใครที่ไหนเขาจัดเสื้อผ้าล่วงหน้ากันขนาดนั้นวะ มึงงอะไรเรอะไอ้ประธานค่าย
“งั้นมึงกลับไปจัดไป”
“ห๊ะ”
“กลับห้องไปจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไป”
“อีกตั้งห้าวันอ่ะนะ”
“ใช่!! เรากลับห้องกัน ขอบคุณอีกรอบนะครับพี่ปลัด” ไอ้แทนหันไปผงกหัวให้พี่ปลัดก่อนจะลากผมกลับห้องเราที่ตอนนี้มืดตื๋อเพราะยังไม่ได้จ่ายค่าไฟ ไอ้แทนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับผมแต่สุดท้ายมันก็ถอนหายใจแล้วก็บอกว่าช่างมันเถอะก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างนอน อะไรวะ ทำไมวันนี้เจอแต่คนทำตัวแปลกๆ คนหล่องง!!
.
.
.
ในที่สุดวันเข้าค่ายก็มาถึง ผมต้องตื่นแต่ตีหนึ่งเพื่อแบกกายหยาบมาขึ้นรถบัสกับพรรคพวกปีสองด้วยกัน ถึงส่วนใหญ่จะเป็นปล่อยให้เพื่อนขนแล้วผมขึ้นไปนอนก็ตาม เขาว่ากันว่าถ้าจิตใจเราช่วยเพื่อนขนก็แสดงว่าเราก็ได้ช่วยเพื่อนขนครับ
ทริปรับน้องนี่ก็เป็นหนึ่งใจกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของรุ่นพี่รุ่นน้องให้แน่นขึ้น ซึ่งมันก็ดีแหล่ะครับ แต่ผมเนี่ยดันเป็นพวกไม่ค่อยอินใดๆทั้งสิ้น นอกจากไปเพราะไอ้แทนเป็นประธานค่าย ได้โอกาสจิบเบียร์เย็นๆริมทะเลแล้วก็มีน้องอายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมจำต้องบังคับร่างตัวเองไป พูดถึงน้องเทคจริงๆนี่ลืมหน้ามันไปแล้ว
ตอนนี้รถก็มาจอดรอรับปีหนึ่งขึ้นรถ อาจจะเพราะเวลาตีสามกว่าเลยส่งผลให้น้องๆตาปรือตาปริบกันเป็นแถว แต่ถึงอย่างนั้นน้องอายของผมก็ยังดูประกายวิบแวบน่ารักอยู่ดี แหม่ๆๆ คนน่ารักตาแพนด้ายังไงก็น่ารัก
“เฮียคุณ” ร่างของผมถูกกระชากเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง กล้ามแขนและแรงแบบนี้ ตายยากฉิบหาย
“ไอ้ประเวศ ปล่อยนะโว้ย”
“เดี๋ยวตบให้สมองกระเด็นเลยไอ้เฮียคุณ ชื่อเล่นริกกี้มีไม่เรียก” โว้ยยยย ผมดิ้นๆหนีจากแขนที่กอดอยู่รอบคอ มันคือน้องเทคหรือน้องรหัสผมเองครับ ชื่อเล่นว่าเอริคแต่บังคับให้คนอื่นเรียกริกกี้ ดูอินเตอร์ประหนึ่งพ่ออาศัยอยู่แถวนิวยอร์คแต่ตัดมาชื่อจริงว่าประเวศ โคตรไทย มีความผสมผสานกันอย่างไม่ค่อยลงตัว
“สัดดดด แรงมึงเยอะขึ้น”
“ก็มีออกกำลังกายกันบ้างป่ะ ใครจะแห้งเป็นปลาตากแห้งแบบเฮีย” ชื่อเล่นเอริค ชื่อจริงประเวศ แต่เรียกรุ่นพี่ว่าเฮีย ลูกครึ่งกี่ชาติวะเนี่ย ย้อนแย้งในตัวเองพอๆกับไอ้สมิธ บอกแล้วครับ คนในเอกที่ปกติเนี่ยมีแต่ผมเท่านั้นแหล่ะ อ๊ะ น้องอาย!!
“พี่คุณเซย์ชีสสส”
“ชีสสส~”
“แป๊ปซี่”
“แป๊ปซี่ย์~”
“เจนนี่”
“บูมบาย้า~”
แชะ!!
“พี่น้องรักกัน น่าร้ากกกกกกกกกกก” โง้ยยยย น้องอายก็น่าร้ากกกกกก แทบจะละลายกับรอยยิ้มของน้อง งุ้ยๆๆๆ
“แต่ไอ้เฮีย สาวมาหน่อยหางกระดิกดิ๊กๆเลยนะพี่มึง”
“สัด หลอกด่ากูเป็นชูการ์ไรเดอร์หรอวะ”
“เอาซะน่ารักเชียะ” แหง ก็กูมันคนคิ้วท์ๆ ใครจะไปยอมให้มึงด่ากูเป็นงูหางกระดิ่ง รู้ทันหรอกไอ้น้องเวร
“เดี๋ยวอายส่งรูปให้นะพี่คุณ”
“ได้คร้าบบบบบ”
“ถ่ายคู่กันสักรูปดิ เดี๋ยวถ่ายให้” บ๊ะ ไอ้ประเวศ นานๆทีมึงจะทำตัวฉลาด น้องอายส่งกล้องให้ไอ้ริก ส่วนผมก็ยืนยิ้มกว้างในแบบที่ระบบจับรอยยิ้มสร้างมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่ให้ยิ้มได้ไงครับ ได้ถ่ายรูปคู่กับน้องอาย โอ๊ย ใจเต้นดังตุ๊บๆ เซย์ฮัลโหลเลยตุ๊บๆ
“เดี๋ยวอายส่งรูปให้น้า” น้องอายยิ้มให้ผมแล้วก็เดินกลับที่นั่งตัวเอง ทิ้งให้ผมยืนยิ้มแหะๆอยู่กับไอ้น้องเทคร่างยักษ์ ไอ้ริกเป็นผู้ชายหน้าตาดียังระบุเพศไม่ได้ ไม่รู้จะเรียกว่าแบบมันคือเพศอะไร คือมันหล่อครับ หล่อแบบสูงขาวดูดีแต่ก็มีจริตแต่ก็ไม่สาวแต่ก็ดันเสือกสถาปนาชื่อจากเอริคเป็นริกกี้ เนี่ย ชีวิตยาก นอกจากจะหลายสัญชาติในชีวิตมึงยังจะหลายเพศอีก เข้าใจยากฉิบหาย
“เฮีย รับน้องจะโหดป่ะเนี่ย”
“โหดมาก พวกกูจะสั่งให้มึงดำน้ำทะเลสองชั่วโมง”
“โถเหี้ยพี่ คณะมนุษย์หรือคณะเงือก”
“ยังไม่หมด กูจะสั่งให้พวกมึงวิ่งรอบหาดแล้วตะโกนว่าข้าคือธอร์ บุตรของโอวัลตินนนนน”
“โอดินเฮียโอดิน เดี๋ยวก็โดนสาปหรอก”
“นั่นแหล่ะ!!”
“มีพี่อย่างเฮียผมนี่ท้อแท้เลย”
“แต่โล้กิ้จริง?”
“พ่ามพ้าม! พอใจยัง พอใจแล้วก็นอนเนาะ”
ดีๆๆ แบบนี้สิมันคือพี่น้องที่แท้จริง ไอ้ริกส่ายหัวระอาแล้วผลักให้ผมลงไปนั่งริมหน้าต่าง ตามด้วยร่างของมันนั่งตามลงมาเบาะข้างๆแล้วเอนหัวซบไหล่ผม ทำเหมือนตัวเล็กจิ๊ดริดน่ารัก หนักไหล่โว้ย
“หัวมึงหนักอ่ะประเวศ”
“อย่าบ่นได้ป่ะเฮีย”
“ก็กูหนักอ่ะ”
“โวะ งั้นสลับกัน” ไอ้ริกเด้งตัวขึ้นนั่งตรงแล้วกดหัวผมลงให้ซบไหล่มัน แหม่ ความสูงต่างกันนี่มันช่างทำให้ผมซบได้เหมาะเสียเหลือเกิน พอเข้าที่ผมก็หลับลงอย่างรวดเร็ว ผมหลับๆตื่นๆเป็นบางช่วงที่รถสะเทือน มารู้สึกตื่นเต็มที่ก็ตอนเช้าที่รถจอดถึงที่พัก พวกพี่กิจกรรมก็ตะโกนลั่นรถให้พวกปีหนึ่งวิ่งไปที่ชายหาด จำได้รางๆว่ามีกิจกรรมอะไรสักอย่าง บังเอิญว่าผมรู้สึกเหมือนจะท้องเสียเลยขอตัวเข้าไปนอนในห้องก่อน ตื่นอีกทีก็พักเที่ยงพอดี
“มาเพื่อนอนเลยนะมึง” ไอ้มิตรผลักหัวผมจนเซ
“กูปวดท้องหรอก”
“ไปกินข้าวกัน” ผมเดินเกาพุงตามไอ้มิตรไปที่โต๊ะที่รุ่นผมนั่งกินกันอยู่ มาถึงทะเลทั้งทีก็แน่นอนครับว่าต้องกิน
...อาหารอีสาน
แม้แต่เศษซากกุ้งยังไม่มี มาถึงทะเลเพื่อกินปูนา โคตรเวร แต่ถามว่ากินไหม ก็บอกเลยว่าจัดปูปลาร้ามาเต็ม แทบลืมไปเลยว่าเคยท้องเสีย กิจกรรมช่วงบ่ายก็จะเป็นกิจกรรมเล่นฐานกับชิงติ้งครับ วิธีก็คือแบ่งเป็นชายหญิง โดยจะให้ปีหนึ่งผู้ชายผูกขาติดกันไปขุดทรายหาตัวอักษรคำว่า English ให้ครบ ฟังดูเหมือนง่าย แต่ไม่ครับ ระหว่างนั้นผู้หญิงก็จะต้องนั่งเก้าอี้อากาศรอ โดยพวกผมจะให้น้องผู้หญิงพักได้สามครั้งแต่ระหว่างนั้นพวกผู้ชายก็จะต้องเลิกหาด้วยเหมือนกัน
ฟังแบบนี้อาจจะดูเป็นอะไรที่เบสิค แต่เชื่อเถอะครับ สมัยผมอยู่ปีหนึ่ง สถานการณ์มันจะบีบบังคับให้พวกเรารีบหาเพราะรุ่นพี่คอยกดดันอยู่ข้างๆแต่ขณะหนึ่งก็ต้องคอยดูพวกผู้หญิงด้วยว่าไหวไหม เก้าอี้ลมไม่ใช่ง่ายๆเลย การที่ต้องกอดคอกันงอขานั่งขนาดผู้ชายทำก็ยอมรับเลยครับว่าโคตรเมื่อย เลยต้องหาให้เร็วที่สุดเพื่อที่เพื่อนจะได้ไม่ทรมาณแต่ไอ้ขาที่ผูกกันไว้ก็ทำให้เคลื่อนไหวได้ยากเสียเหลือเกิน
จังหวะที่หาป้ายได้พบเท่านั้นแหล่ะครับ ทั้งแผงปีหนึ่งก็แทบจะล้มนอนบนทรายกันหมดก่อนจะลุกมากอดกันทั้งน้ำตา ผมก็ขอน้ำตาคลอไปด้วย
เพราะอินหรอ?
ทรายเข้าตา!!
พ่ามพ้าม!!
แหะๆ ล้อเล่นครับ อินจริงๆ แบบว่าภาพตอนตัวเองล้มหน้าทิ่มทรายเพราะขาไอ้มิตรดึงตอนปีหนึ่งนี่แว่บมาเลย ทรายเข้าจมูกเกือบตาย วันนั้นกินข้าวดังกรุบไปตลอดคืน แค้นมันมากจนต้องแอบตักทรายไปใส่ผ้าเช็ดตัวมัน สุดท้ายมันฝากผมหยิบผ้าเช็ดตัว ไอ้ผมก็ลืม สรุปทรายกระจายเต็มตัวผมไปแทน เรียกได้ว่าทำบาปใส่คนอื่นไม่ขึ้นจริงๆ
หลังจากการชิงติ้งก็เป็นการบูมเอกครับ ซีนนี้ผมซึ้งจริง ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงบูมที่เราเคยกอดคอเพื่อนบูมเนี่ยมันก็อดซึ้งไม่ได้ เอ้า! อีเอ็นจี แอลไอ เอชชวูเมน เอชชวูเมน อิงลิช ลา!
“เฮียยย โคตรรักเลยว่ะ” ไอ้ริกวิ่งเข้ามากอดผม ไม่ลืมขอให้ไอ้มิตรที่ถือกล้องถ่ายให้ถ่ายรูปมันที่เกี่ยวคอผมแน่นด้วย อ่ะอินก็อิน ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวมันด้วยความเอ็นดู ตอนไอ้มิตรส่งรูปมาให้ผมนี่ถึงกับอี๋เลย ไหงรูปออกมาดูผมลูบหัวเอ็นดูขนาดนั้นวะ จริงๆคือผลักหัวแม่ง เพราะมันเปื้อนทราย
ตบท้ายด้วยการแสดงของทุกปีสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ ใครจะมึนใครจะเมา บอกเลยครับว่าปกตินี่ผมไม่เคยพลาด มันต้องมีอ้วกมีเต้นให้ได้เข่าช้ำกันบ้าง แต่เพราะว่าคราวนี้ไม่ปกติ
...ผมปวดท้อง
ปวดมาก ปวดบิด ปวดจนต้องหลบมานอนในห้อง ปลาร้าเล่นงานแล้วแน่ๆ ทำไงดี
ครืด ครืด..
หือ?
ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ปรากฏเป็นเบอร์ไอ้พี่ปลัดโทรเข้ามา ว่าแต่กูไปแลกเบอร์กับพี่มันตอนไหนวะเนี่ย เมมชื่อไว้ด้วยไปอีก แต่ยังไงก็รับครับ
“ฮัลโหล”
[ไง]
“พี่ปลัด”
[ค่ายเป็นไงบ้าง]
“นอน ปวดท้อง ปวดท้องมากเลยเนี่ยพี่ ปวดเหมือนโดนธอร์ทุบด้วยค้อนโยดา”
[โยเนียร์...]
“นั่นแหล่ะ โยๆเหมือนกัน” คนไทยด้วยกัน ทำเนียนให้หน่อยก็ไม่ได้ โถ่
[เออ คุณ น้องที่แทครูปมึงนั่นใครวะ]
“รูป? อ๋อ น้องอาย”
[ไม่ใช่ เป็นผู้ชาย ที่เอ่อ... ที่มึงลูบหัว] ลูบหัว? ผมกุมท้องคิดครู่หนึ่งก็ถึงค่อยอ๋อ
“อ๋ออ ประเวศๆ ไอ้ริกกี้ น้องเทคผม อื้อ” ผมกุมท้องเมื่อรู้สึกปวดบิดอีกรอบ
[แล้วนี่ทำอะไรอยู่]
“นอนปวดท้องงงง”
[เป็นไรวะปวดท้อง]
“ก็กินส้มตำมา พอดีหวงปูเลยเหมาหมดคนเดียว ท้องบิดเลยอ่ะพี่ นี่อ้วกแตกไปสองรอบ แถมขี้-” เสียงพี่ปลัดขำมาเบาๆ
[พอๆ ก็สมควร นอนไป ไม่กวนแล้ว]
“อืออ เคพี่”
วางสายไปแล้ว ผมก็ได้หลับตานอนถึงจะปวดท้องบิดมากก็ตาม ก็คงท้องเสียธรรมดา เดี๋ยวก็คงหายแหล่ะ สติผมดับลงไปหลังวางสายจากพี่ปลัดไปครู่เดียว ก่อนที่สักพักผมสะดุ้งตื่นมาเหงื่อท่วมตัว ท้องบิดจนหายใจไม่ออก ลุกแทบไม่ไหว ตะโกนเรียกก็คงไม่ได้ผลเพราะเสียงดนตรีดังกระหึ่มนั่นบอกได้ดีว่าเพื่อนๆคงกำลังเอ็นจอยการแสดงกันอยู่ มือผมตะปปมั่วๆคว้าได้แต่มือถือที่วางแปะอยู่ไม่ไกลมือ แรงบิดหนักขึ้นทำให้ปวดท้องจนคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่ามือกดโทรหาเบอร์ล่าสุด
“พี่ปลัด ช่วยผมด้วย” ---
เรียนหนักมากจริงๆค่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ TTTTT