#Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Holler...เรียกฉันสิที่รัก#...ตอนที่ 71 (17/11/19) P.37 -END-  (อ่าน 224295 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พาไปเปิดตัวเลยเนอะ :katai2-1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ลุ้นๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะ มาอัพตอนที่ 53 แล้วนะคะ มาช้าไปหนึ่งวัน ขออภัยค่ะ  :call: ไปอ่านกันเลยค่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก...หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ มีอะไรก็บอกได้ ติชมได้ รับฟังค่ะ เช่นเคยกับคำพูดเดิมๆซ้ำๆ ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันเสมอมานะคะ รักและอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพนะคะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ  :mew1: :bye2:
+++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 53 Bloom.


Oh, now I’m floating so high.
ขณะนี้ ฉันกำลังล่องลอยจนสูงสุด
I blossom and die.
ฉันสุขจนเบ่งบานและเหี่ยวเฉาตายได้
Send your storm and your lightning to strike
มอบพายุและฟ้าแลบลั่นของเธอฟาดลงมา
Me between the eyes (eyes)
กับตัวฉัน ระหว่างดวงตาคู่นั้น


        พิธานและพระพายลงจากรถเดินเข้าไปโนโรงแรม นี่เป็นครั้งแรกที่พระพายมาที่นี่ ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมาที่นี่ นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นโรงแรมของบ้านพิธานที่ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพิธานเช่นกัน


             ห้องจัดงานเลี้ยงอยู่ชั้นห้า เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ก็เห็นผู้คนเดินไปมากันมากมายมาย งานโรงแรมของพิธานนั้นจัดว่าเป็นงานเลี้ยงทั่วไป พระพายไม่ได้รู้เลยสักนิดว่างานเลี้ยงในวันนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร ลืมถามพิธานเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ได้แต่เห็นผู้คนมากมายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามดูหรูหรา อีกทั้งมีอาหารเป็นประเภทบุฟเฟ่ห์จัดวางโดยมีพนักงานยืนประจำทุกจุดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่แขกในงาน


             พระพายรู้สึกแปลกใหม่กับที่นี่เนื่องด้วยงานเลี้ยงแตกต่างจากที่คิดเอาไว้มากอีกทั้งตั้งแต่เดินเข้ามาก็มีคนมาทักทายพิธานหลายคน ครั้งแรกที่เห็นพิธานทักทายคนอื่นกลับ แม้จะมีสีหน้านิ่งๆอย่างเช่นเคยแต่ก็ยังมีการตอบโต้พูดคุยกับคนอื่นๆที่เข้ามาทักทาย ดูเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าสังคมได้อย่างไม่มีที่ติซึ่งไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพเหล่านี้จากพิธาน

“มากันแล้วเหรอ?” เสียงพัชชาเอ่ยทักขึ้นซึ่งมาพร้อมกับธนิตที่ยืนอยู่ข้างๆ พิธานยกมือไหว้ทั้งสอง พระพายก็ทำเช่นเดียวกัน

“มาช้าจัง มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?” พัชชาถามขึ้น

“นิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรมากครับ” พิธานบอก

             ด้านธนิตนั้นยังคงรักษาฟอร์มได้ดีไม่มีตก ใบหน้าเบือนมองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะมองมาทางพิธานและพระพายมากนัก ท่าทีเช่นนั้นทำพระพายหัวเราะในใจเพราะนึกไปถึงบทสนทนาล่าสุดที่ได้ยินในห้องน้ำ

“พระพาย...พระพาย...” พัชชาเอ่ยเรียกพระพายถึงสองครั้งเพราะเอาแต่คิดอะไรไปไกลจึงเหม่อไปชั่วขณะ

“คะ..ครับ” พระพายรีบหันไปมองพัชชาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก

“เหม่อไปถึงไหน?” พิธานหันมาถามบ้าง

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” พระพายตอบเบาๆ

“ไปหาอะไรกินเถอะแล้วไปนั่งโต๊ะนั้นนะ” พัชชาว่าพลางชี้ไปยังโต๊ะด้านหน้าสุดติดกับเวทีซึ่งน่าจะเป็นโต๊ะที่จัดเตรียมไว้สำหรับแขกพิเศษ

“หิวไหม ให้ตักอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?” พระพายถามพิธาน

“ตักมาเลย อะไรก็ได้” พิธานบอกเท่านั้น ก่อนที่จะหันไปพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาทักทาย


        พระพายเดินไปด้อมๆมองๆแถวมุมอาหาร ละลานตาจนไม่รู้ว่าจะหยิบตักอะไรให้พิธานดี สุดท้ายก็เลือกคานาเป้มาสองสามชิ้นและสลัดผักกุ้งในแก้วค็อกเทลมา เดินไปยังโต๊ะที่พัชชาบอกเอาไว้ มีพิธาน พัชชา ธนิตและเพิ่งเห็นว่าเพลงขวัญก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย คงจะเพิ่งมาถึง

“อ้าวพระพาย ของกินเยอะแยะเลย” เพลงขวัญว่า

“สวัสดีครับ...สักหน่อยไหมพี่เพลง” พระพายว่า

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง” เพลงขวัญบอกก่อนที่จะหันไปคุยกับพัชชา


        พระพายวางจานตรงหน้าของพิธาน บอกตรงๆว่าอาหารน่าทานมากจริงๆแต่บรรยากาศเช่นนี้พระพายกลับรับประทานไม่ลง ผู้คนเยอะแยะมากมายและความหรูหราที่ทำเอารู้สึกอึดอัด งานแบบนี้ไม่ใช่แนวทางของตนเองเลยสักนิด ได้แต่คิดในใจว่าหลังจากจบงานจะไปหาก๋วยเตี๋ยวหรือไม่ก็ข้าวมันไก่รอบดึกใส่ท้องน่าจะดีกว่า


        ด้านพิธานนั้นมีแต่คนมาทักทายตลอดเสมอ แม้เจ้าตัวจะใบหน้านิ่งๆแต่ก็ต้องพูดคุยด้วย การทำงานของพิธานนั้นดูแล้วก็น่าเหนื่อยหน่ายมากเหมือนกัน การใส่หน้ากากพูดคุยกับผู้คนมันช่างฝืนตัวเองอยู่ไม่น้อย

“ไม่กินเหรอ?” พิธานถาม เมื่อมองอาหารในจานที่น้อยมาก

“ไม่อยากกินเลย อยากไปกินข้างนอก”

“เดี๋ยวจบงานค่อยไปกินด้วยกัน” พระพายพยักหน้าตอบรับ

“อ้าว คุณธนิต วันนี้มาพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว”


            เสียงของใครคนหนึ่งเข้ามาทักทาย โดยมีคนสนิทของธนิตซึ่งเป็นชายวัยกลางคนเป็นผู้พามา พิธานและเพลงขวัญยกมือไหว้ พระพายจึงทำตามด้วยเช่นกัน

“สบายดีไหม?” ธนิตทักทาย

“ผมสบายดี นี่คุณธนิตพาลูกๆมาครบเชียวนะ...ว่าแต่หนุ่มคนนี้เป็นใครกัน หลานชายฝั่งไหนเหรอ?” พระพายที่รู้สึกตาขวากระตุกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น

“ไม่ใช่ เขามากับพิธาน” คุณธนิตพูดเท่านั้น

“เป็นเพื่อนกันเหรอ ลูกหลานใครล่ะเนี่ย?” เป็นผู้ชายที่ช่างจ้อและถามซอกแซกอะไรขนาดนี้ พระพายขยับตัวอย่างรู้สึกอึดอัดใจ

“เป็นแฟน ไม่ใช่เพื่อนครับ”


             พิธานพูดตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ ธนิตปรายตามองพิธานด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก พัชชากับเพลงขวัญยิ้มนิดๆก่อนที่จะยกแก้วไวน์ดื่มอย่างพร้อมเพรียงทั้งสองคนแม่ลูก ผู้ถามถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

“เด็กสมัยนี้เล่นมุกแปลกกันจัง ไปนะครับคุณธนิต พอดีนัดเพื่อนอีกคนไว้” พูดจบก็หายตัวไปด้วยความรวดเร็ว พิธานหัวเราะในลำคอ

“คุณพิธาน ทำไมพูดไปแบบนั้น” พระพายโน้มใบหน้าไปกระซิบถามพิธาน

“ก็ตอบความจริง” พิธานว่า

“พูดจาอะไรให้มันมีขอบเขตบ้าง ฉันมีหน้ามีตาทางสังคม” ธนิตพูดขึ้นทันที

“หน้าตาคุณพ่อ ไม่ใช่หน้าตาผม” พิธานตอบกลับแบบเจ็บแสบ

“แกนี่มัน....” พูดไปขบกรามเขี้ยวฟันไป ธนิตคงจะโมโหพิธานพอสมควร

“อะไรครับ?” พิธานถาม

“ใครใช้ให้พามาถึงนี้ คิดจะเปิดตัวให้คนในงานรู้กันหมดเลยใช่ไหม ว่าแกมีรสนิยมแบบนี้” ธนิตพูดออกมาพลางตวัดสายตามองพิธาน

“แต่คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าพิธานชวนพระพายมาด้วยก็ไม่เป็นไรน่ะ?” พัชชาพูดออกมาเช่นนั้น

“ผมไม่เคยพูด” ธนิตปฏิเสธเสียงแข็งทีเดียวหลังจากพัชชาพูดออกมาเช่นนั้น

“อ้าว แต่คุณพูดจริงๆนะ ฉันเลยชวนพระพายมาด้วยตามที่คุณบอกไง” พัชชาว่าต่อ เพลงขวัญเหล่มองคนเป็นพ่อที่เริ่มอึกอักก่อนจะตีขรึมต่อ

“คุณคงไม่เข้าใจในคำพูดของผมละมั้งคุณพัชชา” ธนิตหันไปโทษพัชชาแทน

“นั่นสิคะ สงสัยฉันจะเข้าใจผิดจริงๆนั่นแหละ” พัชชาว่าก่อนที่จะยกไวน์จิบเล็กน้อย


        ฟังแล้วออกจะสับสน แปลว่าเจ้าตัวคงจะปากแข็งเอามากๆและรักษาฟอร์มจนน่ากลัวเลยทีเดียว แล้วอย่างนี้พระพายจะต้องทำอย่างไร แค่คิดก็รู้สึกว่ามันยากจนไม่อยากคิดจะทำแล้วหรือจะเปลี่ยนใจไม่ทำดีกว่า แต่เมื่อคิดอีกทีแล้วก็อยากจะลองช่วยสักครั้ง พระพายเริ่มสับสนจนเอาแต่นั่งคิดอยู่อย่างนั้นอยู่พักใหญ่


        หลังจากนั้นธนิตก็บอกคนสนิทว่าของดการพบปะทักทายก่อน ซึ่งแน่นอนว่าที่ธนิตทำเช่นนั้นเพราะคงไม่อยากจะให้ใครมาเห็นหรือรับรู้ถึงตัวของพิธานที่พาแฟนหนุ่มมาด้วย


        พัชชากับเพลงขวัญนั่งคุยกันอย่างออกรส ในขณะที่พิธานกับพระพายได้แต่นั่งเงียบๆ เวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพราะมีผู้ใหญ่นั่งอยู่อีกทั้งเป็นงานเลี้ยง คงไม่ดีหากมานั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ จู่ๆคนสนิทของธนิตก็เดินเข้ามาบอกว่าคล้ายจะมีคนขอพบ

 “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่างดก่อน” ธนิตกล่าวขึ้น

“แต่กับคนนี้ท่าจะปฏิเสธยากครับท่าน” ธนิตเริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

“เชิญเขาเข้ามาได้เลย โต๊ะเรายังพอมีที่ว่าง” พิธานว่า


             พิธานหันมองธนิตที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่จะต้องเจอผู้คนตอนนี้ ด้านคนสนิทของธนิตนั้นชักสีหน้าลำบากใจ เพราะคนที่จะมาทักทายนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียด้วย ธนิตจึงได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ครับท่าน”


        เพียงไม่นานนักก็มีชายสองคนเดินเข้ามา เป็นคนหนุ่มหนึ่งคนและอีกคนเป็นชายวัยกลางคนซึ่งน่าจะแก่กว่าธนิตเพราะดูมีริ้วรอยใบบนหน้าเยอะกว่า รอยยิ้มที่ส่งมานั้นดูเป็นมิตรซึ่งเป็นมิตรมากจนรู้สึกว่ามันเจิดจ้าจนเกินไป

“สวัสดีครับคุณธนิต” ธนิตลุกขึ้นพลางแตะไหล่อีกคนด้วยรอยยิ้มนิดๆเป็นการทักทายในแบบของตัวธนิตเอง   
   
“อ้าว อเนก!!”

“ใช่ ฉันเอง” อเนกว่า

“แกบอกว่าไม่ว่างไม่ใช่เหรอ?” ธนิตถาม

“ว่าจะให้แกแปลกไง เลยมาแบบกะทันหันแบบนี้” อเนกยิ้มให้

“นั่งก่อนๆ” ธนิตบอก

“คุณพัชชายังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” อเนกว่าในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้

“ชมกันแบบนี้ก็อายแย่สิคะ” พัชชาพูด

“ว่าแต่ นี่ลูกๆแกใช่ไหม?” อเนกหันไปมองรอบๆโต๊ะ

“นี่คุณลุงอเนก เพื่อนกลุ่มตีกอล์ฟด้วยกันและก็เป็นเจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องหนังด้วย” ธนิตแนะนำให้เด็กๆรู้จักกับเพื่อนคนนี้

“สวัสดีค่ะ” เพลงขวัญยกมือไหว้พลางเอ่ยพูด ในขณะที่พิธานและพระพายยกมือไหว้แต่ไม่พูดอะไรออกมา

“ลุงได้ยินแค่ชื่อเวลาไอ้ธนิตเล่าให้ฟัง ไม่เคยเจอตัวจริงเลย”

“คนนี้เพลงขวัญ พี่คนโตสินะ แล้วนี่คงเป็นพิธานคนเล็ก” อเนกพูดเองและหันไปมองพิธานที่นั่งเงียบๆ

“หน้าตีดีถอดพ่อมาเลยนะเรา” อเนกว่าพลางหัวเราะเบาๆ ธนิตกระตุกรอยยิ้มนิดๆก่อนที่จะทำหน้านิ่งๆตามปกติ

“ลืมแนะนำไป นี่ลูกชายลุงเอง” อเนกตบไหล่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ

“สวัสดีครับ ผมอัทธ์ครับ” แนะนำตัวพลางยกมือไหว้ทุกคนรอบโต๊ะ


        อัทธ์เป็นผู้ชายใบหน้ายิ้มแย้มซึ่งเหมือนอเนกคนเป็นพ่อ ดูสุภาพหน้าตาคมเข้มฉบับชายไทย หุ่นสูงชะลูดไล่เลี่ยกับพิธานหากใช้สายตามองแบบผ่านๆ อัทธ์ยิ้มให้ทุกคนและมาหยุดมองที่พระพาย

“แล้วคนนี้ใครเหรอครับ?” เพราะสายตาของอัทธ์หยุดมองที่พระพาย ทำให้อเนกเองก็สังเกตถึงพระพายที่นั่งอยู่เงียบๆเช่นกัน

“นี่ พระพายครับ...เป็นแฟนผมเอง”


             พิธานบอกชัดถ่อยชัดคำ ธนิตที่เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจจะห้ามพิธานที่พร้อมจะบอกแก่คนทั้งโลกว่าพระพายคือคนรักของตน จึงได้แต่นิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรออกมา สีหน้าเข้มๆเท่านั้นที่บ่งบอกว่าธนิตรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำนี้

“อย่างนั้นเหรอ...ดูเป็นเด็กน่ารักดี ว่าไหมอัทธ์” อเนกว่าพลางหันไปถามลูกชาย

“ครับ น่ารักดี” อัทธ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“คบกันนานแล้วเหรอ?” อเนกถามพิธาน

“พักใหญ่แล้วครับ” พิธานตอบ สายตานั้นเหลือบมองอัทธ์ที่ยังคงมองพระพายอยู่

“พิธานลูกแกนี่เป็นคนขึงขังจริงจังดีนะ อย่างที่แกบอกไว้เลย” อเนกชื่นชมในท่าทีของพิธาน

“จริงจังในเรื่องไม่สมควรน่ะสิ” ธนิตพูดขึ้นมาพลางตวัดสายตามอง

“เรื่องรักๆของลูกถือว่าเป็นเรื่องจริงจังนะ” อเนกว่า

“แล้วถ้าอัทธ์มีแฟนเป็นผู้ชายแกจะรับได้เหรอ?” ธนิตถามกลับ

“แน่นอนสิ รายนี้เขาอิสระในทางเลือก ชอบหมดไม่ว่าหญิงหรือชาย” อเนกว่าพลางหัวเราะร่วน ธนิตอึ้งไปพอสมควรเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“แกไม่เคยบอกฉันเลย ว่าอัทธ์ชอบอะไรแบบนั้น?”

“ก็แกไม่ได้ถาม ฉันก็ไม่เห็นว่าเรื่องมันจะสำคัญตรงไหน” อเนกว่า

“สำคัญสิ นี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบสกุลเลยนะ” ธนิตแย้งทันทีที่แสนสบายราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง

“เรื่องนั้นต้องให้พวกเขาตัดสินสิ เรื่องความสุขพวกเขาต้องเลือกเอง ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่อย่างเราเลือกให้” อเนกพูดพลางตบไหล่ธนิตเบาๆ ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่ออกจะหัวสมัยใหม่มากเมื่อเทียบกับธนิต

“พูดเรื่องอื่นเถอะ” ธนิตชวนเปลี่ยนเรื่องทันที พระพายได้แต่หันมองพิธานที่ไม่พูดอะไรแต่มือนั้นกลับบีบมือของพระพายไว้ราวกับจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“พระพาย..ตอนนี้ทำอะไร?” อัทธ์ถามขึ้น เมื่อผู้ใหญ่เริ่มหันไปคุยกันเองแล้ว

“อ๋อ ทำงานครับ” พระพายตอบ

“ทำงานแล้วเหรอ คิดว่าเป็นนักศึกษาซะอีก หน้าเด็กขนาดนี้”


             อัทธ์ชวนคุยอย่างเป็นกันเอง เรื่องงานยันเรื่องทั่วไป บทสนทนาพูดคุยดูสนิทสนมและกันเองมากจนพิธานเริ่มขมวดคิ้วมากขึ้นทุกทีที่อัทธ์เริ่มชวนคุยไม่หยุดไม่หย่อน

“เอ่อ...คุณอัทธ์ ผมขอตัวสักครู่นะครับ”


             พระพายเอ่ยขึ้นมาเพราะการชวนพูดคุยที่ไม่มีทีท่าจะหยุดนี้จึงทำให้พระพายกำลังหาทางเลี่ยง อีกทั้งพิธานเหมือนจะปล่อยรังสีดำทะมึนออกมาจนรู้สึกได้ คงกำลังไม่พอใจที่อัทธ์เอาแต่ชวนพูดคุยอีกทั้งทำตัวสนิทสนมจนเกินไปทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก

“จะไปไหนเหรอ?” อัทธ์ถามขึ้น

“เอ่อ...” พระพายที่ไม่ได้เตรียมคำตอบไว้แต่โชคดีที่มีเสียงสวรรค์เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“พระพาย ไปช่วยแม่หยิบขนมให้คุณพ่อหน่อย” พัชชาเอ่ยขึ้นมา โดยที่ธนิตเองไม่ทันได้ยินว่าพัชชาใช้คำพูดแทนตัวเองอย่างไรกับพระพาย

“ครับคุณแม่” พระพายใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นทันที พิธานที่ได้ยินพระพายเรียกพัชชาว่าคุณแม่ถึงกับนิ่งชะงักและรังสีที่ไม่พอใจเริ่มหายลงไปอย่างทันตา

“เดี๋ยวผมมานะ” พระพายบอกพิธานและบีบไหล่นั้นเบาๆ พิธานพยักหน้ารับทันที

“พระพายนี่น่ารักนะ” อัทธ์หันไปพูดกับพิธานทันทีที่พระพายหันหลังหายไป

“ครับ” พิธานตอบรับสั้นๆ

“ไม่ต้องหึงหรอก ถึงจะน่ารักแค่ไหน...แต่ผมก็มีคนของผมแล้วนะ” อัทธ์ว่าพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“เหรอครับ”

“ใช่..อ่า..พูดถึงทีไรก็คิดถึงทุกที” ถอนหายใจออกมาประหนึ่งว่ากำลังทุกข์ใจ แต่พิธานที่ไม่ชอบพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักจึงได้แต่เงียบ

“เขางานยุ่ง ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังไม่ค่อยพักผ่อน” พูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจท่าทีที่ไม่อยากรับฟังของพิธานเลย

“ครับ” พิธานตอบรับสั้นๆเช่นเคย จังหวะนั้นก็มีโทรศัพท์มือถือสั่นครืดบ่งบอกว่ามีสายเข้า ซึ่งเป็นของอัทธ์นั่นเอง

“ขอตัวก่อนนะ” อัทธ์ว่าพร้อมลุกออกไปรับสาย พิธานรู้สึกโล่งขึ้นทันควันที่ไม่ต้องมานั่งรับฟังเรื่องราวที่ตัวเองรู้สึกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด


        พระพายกับพัชชาเดินเลี่ยงออกมายังโต๊ะที่จัดวางอาหาร เป็นโต๊ะที่ไกลที่สุดและมีคนมาตักอาหารน้อยมาก จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่จะคุยถึงเรื่องที่เคยพูดกันเอาไว้

“เป็นไงบ้างพระพาย กลับไปคิดบ้างหรือยังที่แม่ขอไว้” พัชชารีบเอ่ยถามขึ้นมาทันที

“ผม..กลับไปคิดแล้วครับ...ผมจะช่วยครับ” พระพายตอบ พัชชาถึงกับยิ้มกว้างออกมา

“แต่....ผมจะทำเท่าที่ผมทำได้นะครับและคงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น”

“แค่นั้นก็มากพอแล้วพระพาย ขอบใจมากๆที่ยอมฟังที่แม่ขอ”

“ครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณแม่คาดหวังมากเช่นกัน ถ้าผมทำไมสำเร็จขึ้นมา” พระพายออกตัวก่อนที่จะทำตามที่พัชชาขอ

“ได้ แม่เข้าใจ ถึงจะไม่สำเร็จแต่ถ้าหากทำให้พิธานเข้าใจพ่อเขามากขึ้นเท่านั้นแม่ก็ดีใจแล้ว”

“คุณแม่...ต้องพูดกับคุณธนิตนะครับ ว่าต้องให้ความร่วมมือด้วย ถ้าท่านยังบึ้งตึงหรือฟอร์มจัดมันยิ่งยากเข้าไปใหญ่”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแม่จัดการเอง” พัชชาว่าก่อนที่จะกอดพระพาย

“ขอบใจจริงๆ” พัชชาพูดเพียงเท่านั้น พระพายกอดตอบเบาๆพลางยิ้ม รู้สึกดีใจไม่น้อยที่พัชชาไว้ใจตัวเขามากขนาดนี้

“เอาล่ะหาขนมกันดีกว่า พิธานยิ่งขี้หวงอยู่ด้วย เดี๋ยวหาว่าแม่กักตัวพระพายไว้คนเดียว” พัชชาว่า พระพายได้แต่ยิ้มและตักขนมไปอย่างละนิดอย่างละหน่อยไปให้พิธาน


        งานดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ที่ดูสนุกสนานเนื่องด้วยได้พบเจอและพูดคุยกัน ด้านพวกหนุ่มๆได้แต่นั่งเงียบๆแต่ที่เห็นจะไม่เงียบก็มีแต่อัทธ์ที่คุยเป็นคุ้งเป็นแควจนพระพายถึงกับเพลียหูเลยทีเดียว


        เมื่อถึงเวลาอันสมควร ธนิตและพิธานได้ขึ้นไปบนเวทีตามที่พิธีกรเรียนเชิญเพื่อพูดคุยและกล่าวถึงจุดประสงค์ของงาน พระพายจึงได้รู้สักทีว่างานเลี้ยงนี้คือการขอบคุณพันธมิตรและผู้เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนโรงแรม พิธานพูดกล่าวคำขอบคุณและเกี่ยวกับโครงการในอนาคตอีกนิดหน่อย จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น


        ธนิตและพิธานลงมายังด้านล่างใกล้ๆกับโต๊ะที่นั่งอยู่ตอนนี้ มีคนเข้ามาพูดคุยต่ออีกมากมาย พระพายได้แต่นั่งมองและรู้สึกว่าสองคนพ่อลูกถือว่าเป็นคนเก่งทีเดียวเมื่อฟังจากคำพูดบนเวที พิธานตอนนี้ดูแปลกตามากจนลืมภาพตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนไปเลย


             เพียงไม่นานนัก คนสนิทของธนิตเดินมาที่โต๊ะเพื่อมาเชิญพัชชาและเพลงขวัญไปถ่ายรูป เป็นรูปร่วมครอบครัวนั่นเอง เพลงขวัญลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าพร้อมๆกับพัชชาที่สำรวจลูกสาวว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ พระพายยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นจนพิธานเดินมาเอ่ยเรียก

“มาถ่ายรูป” พิธานบอกเท่านั้น

“ผมเหรอ?” พระพายชี้ตัวเองอย่างงุนงง

“ใช่ เร็วสิพระพาย” เพลงขวัญเร่งเร้าด้านพัชชาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเพลงขวัญ

“แต่ว่าผม...” พระพายอึกอัก จะให้ไปร่วมเฟรมครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อเป็นคนนอกอย่างนี้

“เร็วๆ อย่าช้า”


             เสียงธนิตเอ่ยเรียกขึ้นมาบ้าง พระพายที่เห็นธนิตมองมาพร้อมคำพูดที่เร่งให้ลุกขึ้น พิธานหันมองธนิตที่ตอนนี้เบือนหน้ากลับและไม่พูดอะไรต่ออีก พระพายจึงรีบลุกขึ้นและเข้าไปในเฟรมถ่ายรูปครอบครัวไปด้วย


             ธนิตกับพัชชายืนอยู่ตรงกลางโดยมีเพลงขวัญยืนข้างพัชชา พิธานยืนข้างธนิตและถัดไปเป็นพระพายที่ไม่รู้จะยิ้มหรือจะแสดงสีหน้าอย่างไรดี แค่รู้สึกว่าตัวเองฉีกยิ้มออกไปกว้างมากจนเพลงขวัญที่เหล่มองยังต้องหัวเราะออกมากับท่าทางตลกๆของพระพาย พิธานสบสายตาพระพายพร้อมรอยยิ้มมุมปากตามแบบฉบับของเจ้าตัว สายตาที่มองมานั้นรู้สึกดีไม่ต่างกัน


             การที่ยิ้มกว้างออกไปเช่นนั้นเพียงเพราะรู้สึกดีใจมาก มากเสียจนราวกับตัวเองเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานขั้นสุด แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆแต่สำหรับพระพายมันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่คิดไว้ว่าตัวเองจะมายืนอยู่ตรงนี้


             ต่อจากนี้สิ่งที่ต้องทำคือจะต้องทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อลูกดีขึ้นให้ได้ อีกทั้งรู้สึกถึงแรงฮึดขึ้นมาว่าอยากจะให้ธนิตรับตัวเองให้ได้อย่างเต็มใจ รับในฐานะแฟนของลูกชายและรับถึงความจริงจังของพิธานที่มีให้ตัวพระพายเช่นกัน พระพายจะลองสักตั้งอย่างที่ตั้งใจไว้...

Lyrics: Miracle by Coldplay.



ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ดูๆแล้ว คุณพ่อคงไม่ได้อะไรแล้วล่ะ แค่วางฟอร์มเท่านั้นเอง สู้ๆนะพระพาย :katai2-1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เอาใจช่วยพระพาย ลองมาดูกันสักตั้งกับความสัมพันธ์พ่อลูกคู่นี้ ดื้อ หัวแข็งทั้งสองคนสมเป็นพ่อลูกกันจริงๆ 55555 เจองานหินแล้ว แต่ก็ทนหน่อยนะ เพื่อคนที่เรารัก //ตามอ่านตลอดนะ แต่ไม่ค่อยได้เม้นท์เลย แต่อ่านทุกครั้งที่อัพ แล้วก็ยังรอเสมอ ชอบนิยายเรื่องนี้พระนายไม่งี่เง่า อยู่เคียงข้างกัน เป็นคู่ที่เคมีกันมากๆ เป็นคู่ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเออดีแหละที่จะอยู่ไปกันจนแก่เฒ่า ความรักของสองคนนี้เขามาไกลจริง แล้วเป็นเรื่องที่อยากอ่านไปเรื่อยๆด้วย ชอบอ่ะ ชอบมาก ขอบคุณที่แต่งและมาอัพ รอตอนต่อไปเลยนะคะ ดูสิว่าพระพายจะใช้วิธีไหน สู้นะพระพาย ต้องทำได้! ฮึบ!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวังว่าจะสำเร็จ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
คนแก่นี้ฟอร์มเยอะจริงๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พระพายทำได้อยู่แล้ว  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
พ่อต้องใจกว้างแบบเพื่อนพ่ออ่ะ :hao4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พ่อฟอร์มเยอะกว่าลูกเพียบ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ฟอร์มจัดจริง ๆ นะคุณธนิต  o18 o18 o18

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พระพายหายไปใหนน้า  :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
หายไปสองทิดแล้วนะ กลับมา กลับมา

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เหมือนกันอย่างกับถ่ายสำเนา
สู้ๆ นะพระพายศึกหนักเลย

ออฟไลน์ kimjuy_o

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-2
สวัสดีค่ะทุกคน  :man1: ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยคนอ่านทุกคนนะคะ  :mew2: ที่หายไปแบบไม่บอกกล่าว งานยุ่งมากจริงๆค่ะ เหนื่อยมากและเพลียมากจึงหายไปแบบไม่ได้บอกอะไรเลย ขอโทษอีกครั้งนะคะ ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะและอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้มาเป็นครั้งคราวนะคะ เนื่องจากงานของเราเป็นงานเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวค่ะ เลยงานยุ่งเป็นพิเศษ แต่สัญญาว่าจะลงจนจบแน่นอน จะพยายามรักษาความสม่ำเสมอและตรงเวลาให้มากกว่านี้นะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามและเป็นกำลังใจให้ ตอนนี้ถ้าหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดใดๆก็ขออภัยด้วยนะคะ รัก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

+++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 54 Trouble.


Trouble is a friend
ปัญหาก็คือเพื่อนคนหนึ่ง
But trouble is a foe
แต่ปัญหาก็เป็นศัตรู
And no matter
และไม่ว่า
What I feed him
ฉันจะป้อนสิ่งไหนให้เขา
He always seems to grow
เขาก็จะเติบโตขึ้นไปอีก
He sees what I see
เขาเห็นในสิ่งที่ฉันเห็น
And he knows
และเขาก็รู้
What I know
ว่าฉันรู้อะไร
So don’t forget
อย่าลืมนะ
As you ease
ในช่วงที่ปัญหาค่อยๆหายไป
On down my road
บนเส้นทางของฉัน



        หลังจากที่พระพายกลับมาจากงานเลี้ยงก็ผ่านมาแล้วสองวัน จนมาถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ทำงานสุดท้ายของสัปดาห์และแน่นอนว่าพรุ่งนี้คือวันหยุดที่รอคอย วันหยุดที่พระพายตั้งใจจะเริ่มแผนที่ตัวเองเอาแต่นั่งคิดมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้


        ตั้งแต่กลับมาจากงานเลี้ยง พระพายก็เอาแต่ขบคิดว่าจะต้องทำอย่างไรและวิธีไหนที่จะทำให้พิธานกับธนิตมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เพิ่งจะมาคิดออกเอาตอนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วระหว่างที่พิธานกำลังขับรถมาส่งยังที่ทำงาน ว่าคงต้องหาเรื่องพาพิธานไปกินข้าวที่บ้านหรือทำอะไรสักอย่างที่นั่น ถ้าจะให้ดีก็คงต้องค้างคืนด้วย จากนั้นคงต้องดูกันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไปแต่ศึกใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่ใครอื่นแต่เป็นพิธานที่คงจะไม่ยอมไปค้างที่บ้านแน่นอน เรื่องนี้ทำให้พระพายนั่งคิดต่อไปอีกว่าจะต้องทำอย่างไรให้พิธานตกลงยอมไปค้างที่นั่น


        นั่งคิดมาจนถึงเวลาเที่ยงแต่พระพายไม่ได้รู้สึกหิวเลยสักนิดเพราะยังคงคิดไม่ตกว่าจะหาวิธีไหนดีที่จะให้พิธานไปค้างที่บ้านได้ นั่งหมุนเก้าอี้ทำงานไปอย่างคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีจนพี่ปีและพี่กล้วยที่กลับมาจากกินมื้อเที่ยงก็เอ่ยทักขึ้น

“อะไรของมึงน้องพาย ข้าวปลาไม่กิน มานั่งหมุนเก้าอี้เล่นน้ำลายอยู่ได้” พี่กล้วยว่า

“ไม่ได้เล่นน้ำลายสักหน่อย เล่นอย่างอื่นอยู่ต่างหาก” พระพายย้อนทันที

“แล้วเล่นอะไรล่ะ กระจู๋น้อยๆเหรอจ๊ะ?” พี่กล้วยไม่มียอม

“ผิดครับ” พระพายส่ายหน้า

“ผิดตรงไหน?” พี่กล้วยถามกลับ

“ผิดที่กระจู๋ของผมไม่น้อย” พระพายหัวเราะร่วน พี่ปีที่ได้ยินถึงกับหัวเราะตาม

“พอทั้งสองคนเลย...ว่าแต่พายไม่หิวเหรอ?” พี่ปีถาม

“ไม่ครับ เดี๋ยวค่อยไปกินหลังเลิกงานดีกว่า” พระพายตอบอย่างนั้นไป

“มีเรื่องเครียดเหรอ?” พี่ปีถามในขณะที่พี่กล้วยเดินไปนั่งที่โต๊ะ

“ไม่หรอกครับ แค่กำลังคิดหาวิธีทำอะไรสักอย่างอยู่”

“อ๋อ เรื่องนั้นรึเปล่า?” พระพายพยักหน้า

“ค่อยๆคิด มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ” พี่ปีว่า

“สองคนนั่นอะไร แอบคุยอะไรกัน?” พี่กล้วยที่กลัวจะไม่มีส่วนร่วมรีบแทรกขึ้นมาทันที

“คุยว่าเบื่อหน้าพี่กล้วยจัง ทำไงดี?” พระพายว่าพลางเหล่มอง

“เบื่อกูเหรอน้องพาย เดี๋ยวกูจะไปฟ้องแฟนมึงว่ามึงคบชู้กับไอ้ปี” พี่กล้วยว่า

“เชิญเลย...ว่าแต่นี่ห่วงใยแฟนผมหรือหวงพี่ปีล่ะครับพี่กล้วย?” พระพายถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“หึงอะไร เดี๋ยวโดนโบก” พี่กล้วยว่าพร้อมจะเอาปากกาขว้างมาทางพระพาย

“ใจเย็นๆ อย่าร้อนตัวสิพี่กล้วยใหญ่ของผม” พระพายหัวเราะถูกอกถูกใจ

“เงียบไปเลยไอ้พายจู๋เล็ก” พี่กล้วยว่าก่อนที่จะหันไปมองพี่ปีที่ยืนยิ้มอยู่

“ยิ้มอะไรของมึงไอ้ปี ไปทำงาน” พี่กล้วยหันไปลงกับพี่ปีแทน พระพายได้แต่หัวเราะแล้วหันไปทำงานที่นั่งทำค้าง หวังว่าระหว่างนี้จะคิดอะไรที่จะช่วยให้พิธานไปค้างที่บ้านได้


        ในที่สุดเวลาเลิกงานก็มาถึง พิธานส่งข้อความมาว่าจะมารับที่ทำงานเพราะวันนี้เสร็จงานเร็ว พระพายจึงยืนรอหน้าออฟฟิศและขบคิดหาวิธีต่อไป

“โทรหาคุณแม่ดีกว่า” พระพายนึกได้และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพัชชาทันที

“ว่ายังไงพระพาย” เสียงพัชชาทักทายเมื่อรับสาย

“คุณแม่...ผมว่าผมจะพาคุณพิธานไปนอนค้างที่บ้าน” พระพายรีบพูดทันทีอย่างไม่รอช้า

“เป็นความคิดที่ดีนะ แต่จะบอกยังไงให้เจ้าตัวยอมมาค้างที่นี่ได้ล่ะ ตั้งแต่ออกจากบ้านไปไม่เคยกลับมาบ้านเลยนะ” พัชชาว่า ครั้งที่แล้วที่มากับพระพายนั่นถือว่าครั้งแรกเสียด้วยซ้ำไป

“นั่นแหละครับ ผมเลยว่าจะถามคุณแม่ ให้ช่วยผมคิดหน่อยว่าจะพูดยังไงดี”

“บอกว่าแม่ป่วยเป็นไง?” พัชชาเอ่ยขึ้นมา

“ได้เหรอครับ จะไม่เป็นการแช่งใช่ไหมครับ?”

“ไม่เลย ลองบอกแบบนั้นไป เพราะทุกครั้งที่แม่ป่วยพิธานจะเป็นห่วงกว่าปกติ แต่ไม่เคยมาที่บ้านเพราะไม่อยากเจอพ่อเขานั่นแหละ”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกแบบนั้นนะครับ”

“จะมากันเมื่อไหร่?”

“น่าจะค่ำครับ ถ้าเป็นไปตามแผน บอกคุณธนิตด้วยครับ เป็นไปได้ผมว่าอย่าให้ท่านเจอกับพวกเราค่อย ค่อยเจอตอนที่พวกเราอยู่ในบ้านได้สักพักแล้วน่าจะดีกว่าครับ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ขอให้ทำสำเร็จนะ” พัชชาอวยพรให้พระพายก่อนวางสาย


        พระพายยืนร่างคำพูดอยู่ในหัวระหว่างที่รอพิธานมารับ จะสรรหาคำพูดอะไรดีที่พิธานจะไม่สงสัย จะทำอย่างไรให้พิธานไม่รู้ตัวว่านี่เป็นถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้น รู้สึกกดดันพอสมควรเพราะยากที่จะพูดออกไปโดยไม่ให้พิธานรู้ทัน กับพิธานที่พระพายอ้าปากพูดหรือแค่แสดงสีหน้าผิดปกติก็จะรับรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องอะไรในใจแน่ๆ นี่คือปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ของพระพาย คือจะทำอย่างไรให้พิธานจับไม่ได้


        ในที่สุดพิธานก็มาถึง พระพายรีบวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่ทำคือการหันไปยิ้มกว้างๆให้พิธานที่นั่งประจำที่นั่งของคนขับ พิธานไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆนอกจากสายตาที่มองมา

“วันนี้กินกาแฟไปเยอะเหรอ?” พิธานถาม พระพายถึงกับงุนงงที่ได้ยินเช่นนั้น

“เปล่า..ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”

“ดูดีดเกินไป” พิธานว่า พระพายได้แต่คิดในใจว่าการสังเกตของพิธานนั้นดูจะเก่งเกินไปแล้ว

“ดีดเพราะดีใจที่พรุ่งนี้จะได้หยุดซะที” พระพายว่า


        พิธานไม่พูดอะไรต่อและขับรถออกไปทันที ระหว่างที่รถติดอยู่นั้นกลับมีเสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของพิธานที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างเบาะ สายเรียกเข้าขึ้นชื่อว่าคุณแม่ พิธานสวมหูฟังบลูทูธก่อนจะกดรับสาย

“ครับคุณแม่”

“เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?” พระพายเดาได้ทันทีว่าพัชชาคงโทรมาบอกว่าไม่สบายอย่างแน่นอน

“อยากให้ไปตอนนี้เหรอครับ?” พิธานถามขึ้นพลางเหล่มองพระพายที่กะพริบตาครั้งสองครั้งอย่างจะบ่งบอกว่าไม่เข้าใจว่าพูดเรื่องอะไรกัน

“เดี๋ยวผมจะโทรกลับอีกทีครับ” พิธานว่าแล้วกดยุติการโทร

“มีอะไรเหรอ?” พระพายถาม

“คุณแม่ไม่สบาย..อยากให้ไปหา” พิธานบอก

“คุณแม่ป่วยเหรอ เป็นอะไรมากรึเปล่า?” พระถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงแต่ไม่ได้เล่นใหญ่เกินเบอร์เท่าที่ควรเพราะกลัวจะโดนจับได้

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เสียงดูเพลีย”

“ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมท่านหน่อยดีไหม?” พระพายว่า

“ถ้าไปตอนนี้อาจจะกลับห้องดึกหน่อย นายไหวไหม?” พิธานถาม พระพายนิ่งไปนิดหน่อยก่อนพูด

“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ค้างที่นั่นเลยล่ะ?” พระพายเสนอความเห็นขึ้นมา พิธานเงียบไป เหมือนจะกำลังคิดอะไรอยู่ก่อนจะเอ่ยออกมา

“นายก็รู้ว่าฉันไม่อยากไปเจอคุณพ่อ” พิธานว่า

“อืม...เอาจริงๆพวกเราไปเยี่ยมคุณแม่นะ ส่วนคุณพ่อของคุณเราก็ห่างๆท่านก็ได้” พระพายว่า

“นายอยากให้ฉันค้างเหรอ?” มาแล้วกับคำถามเจาะใจของพิธาน

“แล้วแต่คุณนะ ยังไงผมก็ตัดสินใจไม่ได้แต่แค่เป็นห่วงคุณแม่หน่อยๆ ถ้าเราค้างท่านคงจะดีใจน่าดู” พิธานที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปอีกครั้งและไม่พูดอะไรออกมาจนกระทั่งขับรถมาถึงคอนโด


        พิธานยังคงเงียบอยู่อย่างนั้นจนถึงห้อง พระพายเองก็ไม่ได้เซ้าซี้หรือถามอะไรอีกเพราะรู้ดีว่าพิธานเองก็หนักใจและลังเลว่าจะไปค้างหรือไม่ค้างดี พระพายจึงให้โอกาสนี้กับพิธานได้ใช้เวลาในการคิดว่าจะทำอย่างไรดี


        พระพายเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองธรรมดาและนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีพลางกดรีโมทเลื่อนหาช่องหนัง พิธานเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วและนั่งลงข้างๆพระพายเช่นกัน

“คุณหิวรึยัง?” พระพายถาม

“นายหิวเหรอ?”

“เอาจริงๆวันนี้ผมได้กินแค่มื้อเช้าเอง”

“ทำอะไรถึงไม่ยอมกินข้าวตอนเที่ยง งานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” พูดไม่พอพลางทำสีหน้าไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่พระพายไม่ยอมกินข้าว

“ก็ทำงานเพลิน” พระพายยิ้มเผล้ก่อนที่จะซบไหล่พิธานเป็นการอ้อนนิดๆที่ไม่ดูแลตัวเองเท่าที่ควร

“ดูแลตัวเองด้วยสิ” พิธานพูดเท่านั้น

“อืม...ออกไปหาอะไรกินกันไหม?” พระพายเอ่ยชวน

“ปกติชอบกินที่ห้องไม่ใช่เหรอ?” พิธานหันมองพลางถาม

“วันเสาร์ เปลี่ยนบรรยากาศหน่อย” รีบตอบด้วยความไวแสง

“อยากกินอะไร?”

“แต่เดี๋ยวสิ...จะไปเยี่ยมคุณแม่ไม่ใช่เหรอ?” พระพายผละออกจากไหล่ของพิธาน

“อย่าบอกนะว่าจะไปกินข้าวที่บ้าน?” พิธานรู้ทันอีกแล้ว

“ก็น่าสนนะ ประหยัดแถมได้ไปเยี่ยมคุณแม่ด้วย”

“เป็นคนขี้งกตั้งแต่เมื่อไหร่?” พิธานถามพลางจิ้มหน้าผากพระพาย

“ก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไง” พระพายยิ้มแฉ่ง

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมคุณแม่กัน”

“ถามหน่อย...อยากจะลองค้างสักคืนไหม?” จู่ๆพระพายก็ถามขึ้นมา

“ทำไมถึงถามแบบนั้น?”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเองก็อยากลองนอนห้องนั้นของคุณสักคืนนะ” พระพายว่า

“ห้องนอนที่บ้านเหรอ มันน่าสนใจตรงไหน?”

“ก็...อยากอยู่ในที่ๆคุณเคยอยู่เมื่อตอนเด็กไง” พระพายว่า พูดไปก็รู้สึกแปลกๆ พิธานมองหน้าของพระพาย จ้องมองอย่างกับใช้ความคิดอะไรสักอย่างอยู่

“เหตุผลมีแค่นั้นใช่ไหม?”

“แค่นั้นแหละ ฟังแล้วดูตลกใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่ตลกหรอก แค่คิดว่ามีอะไรนอกเหนือจากนี้เสียอีก”

“จะไปมีได้ยังไง” พระพายส่ายหน้า แม้ในใจนั้นก็หวั่นไม่น้อยว่าพิธานจะจับพิรุธอะไรได้บ้าง

“เหตุผลฟังแล้วก็พอมีน้ำหนัก แต่ไม่รับปาก ค่อยว่ากัน” พิธานพูดเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมแม่คุณเลยดีกว่า” พระพายว่า


        ทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกชุด เมื่อเดินลงมาข้างล่างพระพายก็แวะเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้ๆคอนโดเพื่อซื้อรังนกขวดกับซุปไก่สกัดแบบขวดเช่นกัน เพื่อนำไปเยี่ยมไข้พัชชา แม้รู้ว่าไม่ใช่ความจริงแต่การซื้อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไปฝากก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร


        พิธานขับรถไปยังบ้านที่ห่างจากคอนโดมาก อีกทั้งวันเสาร์เช่นนี้รถราติดแน่นขนัดจนขยับรถได้ไม่มากนัก ระหว่างนั้นพระพายจึงเปิดเพลงฟังและเล่นโทรศัพท์มือถือฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ


        ใช้เวลานานกว่าที่คาดคิดไว้มาก ในที่สุดพิธานก็ขับรถมาถึงบ้านเสียที ท้องฟ้าโดยรอบมืดสนิทเพราะเข้าสู่ช่วงเวลาตอนค่ำแล้ว พระพายหิ้วถุงพลาสติกที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อพลางก้าวขาออกมาจากรถ ตามมาด้วยพิธานที่ตอนนี้ยืนนิ่งๆอยู่หลังจากที่ลงจากรถแล้ว

“เป็นอะไร?” พระพายถาม

“เปล่า แค่คิดว่าน่าจะบอกพี่เพลงให้มาด้วย”

“นั่นสิ ลืมบอกพี่เพลงไปเลยแต่คุณแม่น่าจะโทรบอกแล้วละนะ”

“ไปกันเถอะ” พิธานพูดและเดินนำเข้าไปในบ้าน


        บ้านหลังนี้เงียบสงัดเหมือนครั้งที่แล้วที่มา เวลาค่ำแบบนี้นอกจากป้าแม่บ้านที่เดินมารับก็ไม่เห็นใครอีกเลย คงจะถึงเวลาพักผ่อนกันแล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณพิธานคุณพระพาย”

“คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”

“ท่านนอนอยู่ในห้องค่ะ” ป้าแม่บ้านบอกเช่นนั้น

“แล้ว...” พิธานละไว้ รู้ได้ทันทีว่าจะถามถึงใคร

“คุณท่านธนิตยังไม่กลับมาเลยค่ะ ท่านออกไปตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะ” ได้ยินเช่นนั้นพิธานจึงรู้สึกผ่อนคลายลงนิดหน่อย คงเตรียมตัวตั้งท่าจะปะทะกับธนิตมาตลอดทางอย่างแน่นอน

“ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปดูแลคุณแม่เอง” พิธานบอก ป้าแม่บ้านพยักหน้ารับ


        พิธานและพระพายเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เมื่อรู้ว่าธนิตไม่อยู่จึงหายใจหายคอโล่งขึ้นมาสักหน่อย พิธานเคาะห้องนอนที่อยู่อีกด้านซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับห้องของพิธาน เสียงตอบกลับของพัชชาดังขึ้นว่าให้เปิดเข้าไปได้ พิธานจึงเปิดเข้าไป


        พบพัชชานอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางอิดโรย หน้าตาออกจะซีดเซียวไปพอสมควร พระพายตกใจไม่น้อยที่พัชชาป่วยสมจริงเกินกว่าแสดงไปหลายเบอร์ พิธานนั่งลงบนเตียงข้างๆพัชชา พระพายนั้นยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะอยู่ตรงไหนดี

“พิธาน พระพาย ไม่คิดว่าจะมา” พัชชาว่า

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ?” พิธานเอ่ยถามพลางใช้สายตามองใบหน้าของพัชชา

“ท้องเสีย หมดแรงเลย” พัชชาว่า

“คุณแม่ทานอะไรได้บ้างครับ?” พระพายเอ่ยถาม

“แม่ทานซุปหมูน้ำใสเมื่อตอนเย็นแล้ว” พัชชาตอบ

“ผมซื้อซุปไก่สกัดกับรังนกมาให้ครับ ถ้าคุณแม่อยากกินบอกนะครับ ผมจะไปเตรียมให้”

“ขอบใจนะพระพาย เดี๋ยวแม่หิวแล้วจะบอก”

“คุณแม่เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณพ่อไม่รู้เหรอครับว่าคุณแม่ท้องเสีย?” พิธานถามด้วยความไม่ชอบใจที่ธนิตละเลยไม่สนใจแม่ของตน

“คุณพ่อออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว แม่เพิ่งเป็นเมื่อตอนบ่ายและไม่ได้บอกคุณพ่อด้วย” พัชชารีบแก้ความเข้าใจผิดเพราะกลัวพิธานจะเพิ่มความโกรธในตัวธนิตเข้าไปอีก

“ครับ” พิธานไม่พูดอะไรต่ออีก พัชชานอนนิ่งๆได้แค่ครู่เดียวจู่ๆก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณแม่ จะไปไหนครับ?” พระพายถามขึ้นพลางวางถุงหิ้วบนโต๊ะ เพื่อจะเข้าไปช่วยแต่พิธานไวกว่า รีบประคองพัชชาที่จะลุกขึ้น

“ปวดท้องอีกแล้ว แม่ขอเข้าห้องน้ำหน่อย” พัชชาว่าและรีบลุกขึ้น พิธานช่วยประคองไปถึงหน้าห้องน้ำก่อนที่จะปล่อยให้พัชชาเข้าไปด้วยตัวเอง


        พระพายหันไปมองแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆถุงหิ้วที่เพิ่งวางไว้ครู่นี้ เป็นแก้วเปล่าที่มีร่องรอยของน้ำสีส้มติดอยู่ก้นแก้ว ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับอาการท้องเสีย

“คุณพิธาน เกลือแร่ของคุณแม่หมดแล้ว”


              พระพายเอ่ยบอกพิธาน เมื่อได้ยินดังนั้นพิธานก็เริ่มค้นหาแถวโต๊ะข้างเตียงว่ามีเกลือแร่ซองเหลืออยู่บ้างหรือไม่ เพียงไม่นานนักพัชชาก็ออกมา พระพายรีบเข้าไปประคองพัชชาให้มานั่งที่เตียงทันที พัชชาเอนตัวลงอย่างหมดแรง

“คุณแม่ ไปหาหมอดีกว่าไหมครับ?” พิธานถามขึ้น

“ไม่ต้องหรอก แค่ท้องเสียเอง เดี๋ยวแม่รอกินยาอีกรอบ น่าจะดีขึ้น”

“แล้วเกลือแร่ล่ะครับ พอมีเหลืออีกไหมครับ?” พระพายถามบ้าง

“อ๋อ ชั้นล่างจ๊ะ ในครัวมีตู้เก็บพวกยาอยู่”

“เดี๋ยวฉันไปหยิบเอง นายอยู่กับคุณแม่ดีกว่า” พิธานบอก ก่อนที่จะออกจากห้องแล้วลงไปชั้นล่างเพื่อไปหยิบเกลือแร่มา ตอนนี้จึงมีแค่พระพายกับพัชชาเท่านั้น

“คุณแม่ครับ..นี่คุณแม่ป่วยจริงๆใช่ไหม?” พระพายถามทันที่พิธานออกไป

“ตอนโทรหาเรามันไม่หนักขนาดนี้ แม่เลยคิดว่าป่วยนิดหน่อยก็ไม่ได้ถือว่าโกหกแต่ที่ไหนได้...หนักเลยล่ะ” พัชชาพลางหัวเราะนิดๆ

“คุณแม่...ผมขอโทษครับ เพราะแผนพวกนี้แท้ๆกลายเป็นแช่งคุณแม่ไปเลย” พระพายรู้สึกผิดไม่น้อย จากการปั้นเรื่องโกหกจนกลายเป็นเรื่องจริงไปเสียได้

“ไม่เป็นไร นี่เพราะจะเป็นผลพวงจากที่แม่คิดจะโกหกลูกชายละมั้ง” พัชชาพูดให้เป็นเรื่องขำขันแทน

“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ” พระพายพูดก่อนที่จะยิ้มให้พัชชา


        ไม่ถึงห้านาทีพิธานก็กลับมาพร้อมเกลือแร่ชนิดซองสำหรับแก้ท้องเสียมาในมือหลายซอง พระพายจึงรีบชงให้พัชชาตามอัตราส่วนที่ระบุข้างซอง จากนั้นก็ให้พัชชาจิบไปเรื่อยๆ

“นี่กินอะไรกันมารึยัง?” เมื่อพัชชาจิบเกลือแร่ไปนิดหน่อยก็เอ่ยถามทั้งสองคน

“ยังเลยครับ” พิธานบอก

“หิวกันรึเปล่า ไปหาอะไรกินก่อนก็ได้ เดี๋ยวแม่ของีบหน่อย” พัชชาว่า

“ครับ เดี๋ยวพวกผมจะรีบมาขึ้นมา” พิธานบอก ทั้งสองจึงจำต้องลงไปข้างล่างเพื่อรีบหาอะไรกินแล้วกลับมาดูแลพัชชาต่อ


        เมื่อลงมาในครัวก็พบว่าในตู้เย็นมีกับข้าวอยู่สองสามอย่างใส่กล่องถนอมอาหารไว้ ซึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นกับข้าวเมื่อไหร่อย่างไร ในเมื่อถามใครไม่ได้พระพายจึงตกลงกับพิธานว่านำมันมาอุ่นแล้วกินกันเพราะตอนนี้พระพายหิวไม่น้อยเลยทีเดียว

“อ่า..ข้าวหมด” พระพายหันไปบอกพิธานที่ยืนค้นหาอะไรสักอย่างในตู้เย็น

“ถ้าจะหุงรอไหวรึเปล่า?” พิธานรู้ดีว่าตอนนี้พระพายหิวจนไส้กิ่วแล้ว

“ยังไงก็ต้องหุง ไหวนั่นแหละ” พระพายว่าและรีบหุงข้าวทันที ไม่ทันที่พระพายจะหุงข้าว ป้าแม่บ้านดันเดินเข้ามาเสียก่อน

“คุณทั้งสอง ทำอะไรกันคะ?” ป้าแม่บ้านตกใจที่เห็นพิธานและพระพายป้วนเปี้ยนอยู่ในครัว

“อ่า ขอโทษครับป้า พวกผมหิวข้าวเลยมาหาอะไรกิน” พระพายรีบบอกทันที

“มาค่ะ เดี๋ยวป้าทำเอง”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง” พระพายว่า พิธานไม่พูดอะไรแต่ยังคงรื้อค้นตู้เย็นต่อไป

“เดี๋ยวป้าตั้งโต๊ะให้ค่ะ ป้าจะหุงข้าวให้ด้วย คุณๆรอกันไหวไหมคะ?” ป้าแม่บ้านถาม

“ไหวครับ” พระพายตอบ

“ไปนั่งรอค่ะ ป้าจัดการให้” พระพายจึงวางมือและเดินไปหาพิธาน

“คุณหาอะไรอยู่?” พระพายถามอย่างสงสัยเพราะเห็นพิธานค้นตู้เย็นอยู่นานแล้ว

“หาผลไม้” พิธานว่า

“อ๋อ หลังขวดน้ำมีถุงขนมวางทับอยู่ค่ะคุณพิธาน” ป้าแม่บ้านบอก เมื่อนั้นพิธานก็หาเจอ

“เอาไปกินรองท้องก่อน” พิธานว่าพลางยื่นให้พระพายที่รีบรับมาอย่างไม่ลังแล้วเดินออกไปจากห้องครัวเพื่อรอป้าแม่บ้านตั้งโต๊ะให้


        พระพายนั่งกินผลไม้ในกล่องไปและนั่งดูทีวีไปพลาง พิธานที่กำลังเช็คอะไรสักอย่างในโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า...

“คืนนี้ว่าจะค้างที่นี่” พิธานพูดขึ้นมา พระพายถึงกับชะงักและหันมองพิธานที่พูดคำนั้นออกมา

“เดี๋ยวนะ ค้างเหรอ?” พระพายทวนคำพูดนั้นอีกครั้ง

“อืม จะอยู่ดูอาการคุณแม่หน่อยเพราะพี่เพลงบอกว่าพวกเพื่อนๆเห็นคุณพ่อในงานเลี้ยง น่าจะกลับดึก”

“อย่างนั้นเหรอ?” พระพายพูดพลางคิด...การค้างของพิธานจะสูญเปล่าแน่นอนถ้าธนิตกลับดึกจริงๆ

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” พิธานถามพระพายที่นิ่งไป

“ดะ..ได้สิ” พระพายว่า

“ตามนั้น ตกลงจะค้างที่นี่ เดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านเตรียมของใช้ให้” พิธานว่าแล้วลุกขึ้นเดินไปยังครัวเพื่อไปบอกป้าแม่บ้าน


        เมื่อพิธานหันหลัง พระพายรีบวางกล้องผลไม้ทันที เพื่อคิดแผนที่ไม่ทันตังตัวว่าจะต้องคิด คิดไปนั่งเขย่าขาไปพลางขบคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพราะไม่ได้คิดอะไรเผื่อไว้เลยว่าจะทำอย่างไรหากพิธานนอนค้าง

“ค่อยๆคิดพาย ค่อยๆคิด”


             พระพายพูดกับตัวเองเบาๆและยังคงคิดต่อไปแต่ตอนนี้หิวข้าวจนตาลายแล้ว คงต้องเติมอาหารเข้าท้องเสียก่อนแล้วอาจจะคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้ เมื่อตกลงกับตัวเองอย่างนั้นพระพายจึงรีบกินผลไม้ที่เหลือต่อและรอการตั้งโต๊ะของแม่บ้าน เพื่อเติมพลังก่อนใช้ความคิดถึงแผนที่ไม่รู้ว่าจะเป็นแผนอะไรดี...


Lyrics: Trouble is a friend by Lenka


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะเจอคุณพ่อไหมนะ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
คิดว่าพิธานน่าจะรู้...มั้ง แค่ไม่พูด
แต่หนูพาย ถ้าคิดไม่ออกก็ปล่อยมันไหลไปเองเถอะ

รอตอนหน้า

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ไม่ต้องคิดอะไรแล้วล่ะมั้งหนูพาย

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
55555 กลุ้มใจแทนพระพายจริงๆ จะใช้แผนไรดีสู้กับพ่อลูกสองคนนี้ แต่ก็ดีนะมีคุณแม่ร่วมหัวจมท้ายด้วย 2หัวกว่าดีกว่า1ละวะ 5555 ค่อยๆตะล่อมเนียนๆไปนะ อีกคนก็โกหกไม่เก่ง อีกคนก็จับผิดเก่งเกินขำตรง "ดูดีดเกินไป" พระพายนี่แถจนสีข้างถลอกแล้วอ่ะ 555555555 จะรอดไหมเนี้ยภาระกิจให้พ่อลูกคืนดีกัน ความยากระดับ10เลย ยังไงก็เอาใจช่วยนะ แผนแรกจะสำเร็จไหมเนี้ยฮึ?? ลุ้นเลย 5555 สู้เว้ยพระพาย สนุกกกกกกค่ะ ชอบเรื่องนี้ อยากอ่านไปเรื่อยๆ ^^ รอตอนต่อไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พายให้คุณแม่โทีหาคุณพ่อสิ..อิอิ..ช่วยวางแผน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
พระพายน่ารัก

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ยังไม่มาหรอ :mew6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด